หงส์ซาน
ตอนที่ 13 คุณหมอจอมป่วน
#ซันไรส์
ท้องฟ้ากำลังโปร่งสบาย ผมนอนอยู่บนผ้าใบ มือหนุนรองหัวไว้ มองผ่านทุกวิวทิวทัศน์ไม่ต่างกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบด้านหน้า วันนี้ลมโกรกสบาย คนด้านหน้าผมหลับ หลับพอๆ กับหงส์ซานที่นอนอยู่ระเบียงแพตัวเอง แสงยามสายสะท้อนอาบไล้ผิวเนื้อขาวผ่องดูเป็นประกายสวยงาม
ถ้าตัดหัวออก ตัดนิสัยลิงๆ นั้นออก ผมว่าหงส์ซานมีผิวที่สวยและละเอียดดี คงเป็นผิวปกติของคนที่มีเชื้อสายจีนแบบนั้น หันกลับมามองคนที่นอนอยู่บนแพเดียวกับผม ผิวของหมอขาวก็จริง แต่ไม่ขาวละเอียดแบบหงส์ซาน ไม่ขาวกร้านแบบผิวของผมด้วย
ใช่ ผมรู้ว่ามันละเอียดหรือไม่ละเอียด เพราะผมเคยสัมผัสมาแล้ว
ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจระบายความรู้สึกอึดอัดภายในลง เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างพร้อมจะระเบิดอยู่ภายในตลอดเวลา
และผมรู้ว่าทำไม
…….
…..
…
..
พอรู้ว่าโดนหลอกให้ลงไปในน้ำ ผมก็เดินหงุดหงิดขึ้นมาอาบน้ำล้างตัวในห้อง พออาบเสร็จ ออกไปก็เห็นหมอยืนมองวิวอยู่ริมหน้าต่าง
“เดี๋ยวรอฉันอาบน้ำแป๊บ จะได้ออกไปกินข้าวกัน”
เขาบอกด้วยท่าทีปกติ ผมก็ตีเนียนเช่นกัน ผมออกไปด้านนอก เห็นหงส์ซานนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้ในสภาพตาปรือจะหลับมิหลับแหล่ ผมไม่ได้สนใจ ยืนคอยหมอนิ่งๆ กระทั่งหมออาบน้ำเสร็จ เดินไปสะกิดปลุกคนที่ตาปิดลงไปแล้ว
หมอยื่นเมนูให้ หงส์ซานตาโตทันที ท่าทางจะตื่นแล้วเรียบร้อย เปิดเมนู รัวปากสั่ง ถ้าไม่กะฟันหมอหัวเละก็คงจะสั่งเผื่อผมกับหมอด้วย
และก็เป็นไปตามคาด หงส์ซานสั่งมาเผื่อผมกับหมอจริงๆ
เนื่องจากจำนวนแขกที่นี่ค่อนข้างเยอะ มากันเป็นกลุ่มหรือครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ทำให้กว่าจะได้อาหารใช้เวลาเป็นชั่วโมง หงส์ซานบ่นแล้วบ่นอีกจนน่ารำคาญ ผมกะว่าถ้าทางที่พักไม่เอาอาหารมาเสิร์ฟอีกภายใน 10 นาทีนี้ ผมจะดำลงไปในน้ำแล้วจับปลามาย่างยัดปากหงส์ซานเสีย
พอมาถึงสองคนนั้นก็ลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่ผมกินด้วยความเร็วปกติ ผมถูกฝึกให้อดอาหารมาก่อน ต่อให้หิวขนาดไหน เวลากินก็ต้องมีระเบียบแบบเดิม พออิ่มหงส์ซานก็หลับไปง่ายๆ ผมไม่ได้สนใจ เอนตัวพักผ่อนเช่นกัน
สายลมยังคงพัดไหว ผมปิดเปลือกตาลง ไม่ต้องห่วงว่าจะมีภยันตรายที่จะมาถึงหงส์ซาน ไม่มีหรอกสำหรับที่นี่ ถึงจะมีจริง ผมก็ช่วยเหลือเขาไว้ได้อยู่แล้ว
ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งทาบลงมาบนริมฝีปาก ผมตะปบสิ่งนั้นอัตโนมัติจนเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน แต่เป็นความชัดในระยะประชิดมากเกินไป
ทั้งที่ผมผ่านการฝึกมาแล้วอย่างหนัก แต่ก็ยังพลาดพลั้งให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
หมอกำลังจูบผมอยู่ ก้มลงมาจูบทางหัว ปากเราประสานกันในลักษณะเขากลับหัว ผมรีบผลักคนด้านบนออก เขายิ้ม ยืดตัวบิดขี้เกียจ
“น่านอนเนอะ”
แล้วก็เดินกลับไปหย่อนตัวลงนอนอีกครั้ง
เขาป่วนจนผมหลับไม่ลง แต่ตัวคนป่วนเองนอนกรนฟี้ๆ ไปแล้ว ผมนั่งหงุดหงิด กระทั่งเจ้านายผมกลับมา พอเห็นสภาพทั้งเพื่อนทั้งคนรักก็ส่ายหัว หมอรู้สึกตัวตื่นก่อน แต่หงส์ซานยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ขนาดโดนเจ้านายอุ้มเข้าห้องยังไม่รู้สึกตัว
ผมเลิกสนใจหันไปพูดคุยกับวิกเซอร์เพื่ออัพเดทงานของเจ้านาย
เอาตามจริงแล้วหมอถือว่าเป็นคนที่รู้ใจเจ้านายผมมากที่สุด เขาสั่งอาหารเตรียมไว้ให้เจ้านายผมเรียบร้อย ผมยืนอยู่ห่างๆ เพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งเคียงคู่กับวิกเซอร์ ปกติเจ้านายไม่เคยมีความลับอะไรกับผมและวิกเซอร์ซึ่งถือว่าเป็นคนสนิท ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
เจ้านายท่านเตรียมไวน์ไว้ เมื่อสัญญาณมาผมก็เดินไปหยิบมารินให้อย่างรู้หน้าที่ ผมรินเครื่องดื่มใส่แก้วแรก ยื่นให้เจ้านายก่อน แต่เจ้านายนำมันไปยื่นให้หงส์ซานแทน แก้วถัดไปเป็นของท่านเอง ผมรินอีกแก้วยื่นให้หมอ เขามองตาผม เอื้อมมารับแก้วไวน์ช้าๆ ไม่ได้รับเปล่า แต่กุมมือผมไว้ เรียวปากได้รูปเผยรอยยิ้มยั่ว ผมไม่สนใจท่าทีแบบนั้น ดึงมือออกง่ายๆ
ยั่วขนาดไหนผมก็ไม่หลงเสน่ห์หรอก เป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง
ท่ามกลางดวงดาวที่กำลังทอแสง เสียงผู้คนจากแพข้างๆ พากันส่งเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน ผสานเสียงดนตรีจากกีตาร์จากแพใดแพหนึ่ง แต่คนในแพเราเงียบสนิท วิกเซอร์เงียบเพราะกำลังทำหน้าที่บอดี้การ์ดไม่ต่างกับผม ถึงงั้นวิกเซอร์ก็ยังเพลิดเพลินกับดวงดาวด้านบนและผิวน้ำด้านล่างได้ เจ้านายนอนบนผ้าใบ ทำตัวเป็นเบาะรองกิตติมศักดิ์ให้หงส์ซานอิงแอบแนบแผ่นอก หงส์ซานตัวเล็ก นั่งบนตักเจ้านายผมได้สบายๆ หัวเล็กพิงซบอกกว้าง สายตาทอดมองท้องฟ้า สองวงแขนใหญ่โอบกอดร่างน้อยแน่น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข
ผมยิ้มออกมานิดๆ ที่เห็นเจ้านายของผมมีความสุขแบบนี้ ต่อให้คนรักของเจ้านายจะมีเผ่าพันธุ์เป็นลิงก็เถอะ = =
หมอนอนบนผ้าใบตัวเอง สองแขนหนุนรองหัว ตามองท้องฟ้า รสจูบนุ่มๆ ของเขายังคงฝังอยู่กับปากผม ผมละสายตาจากเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าตาม
สองทุ่มกว่าๆ ทุกคนก็พากันเข้านอน นำไปก่อนคือหมอ ผมกับวิกเซอร์ต้องเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อยก่อนตามหน้าที่ พอเรียบร้อยก็พากันเข้านอนด้วยเช่นกัน คนที่เข้าไปก่อนหลับแล้ว วิกเซอร์เป็นคนปิดไฟ ผมทิ้งตัวลงนอน ผสานมือไว้บนอก ปิดเปลือกตาลง
เราถูกฝึกมาให้ปิดสวิตทันทีเมื่อไม่มีเหตุเภทภัยภยันตรายใดๆ แต่ก็จะว่องไวเสมอเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หรือได้ยินเสียงเรียกของเจ้านาย
ผมปิดสวิตซ์ตัวเองลง ก่อนลืมตาพรึบเพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งเคลื่อนที่มาคร่อมร่างผมไว้
แม้จะมืด แต่สายตาผมก็มองเห็นได้ถนัดชัดเจน
“จะทำอะไรของคุณ วิกเซอร์เขาหูตาไว”
ผมพูดเสียงเบาหวังให้เขาได้ยิน แต่ไม่ให้น้องชายที่นอนอยู่ได้ยิน
“ไวขนาดไหนก็คงเอาชนะยานอนหลับที่ฉันให้ดื่มไปก่อนนอนไม่ได้หรอก”
ผมเบิกตาโพลง ขยับลุกนั่งโดยที่อีกคนก็ยังไม่ได้หลีกหนีไปไหน หันไปมองน้องชาย หยิบไฟฉายบนหัวเตียงที่เตรียมพร้อมไว้เสมอมาเปิดส่องดู
“วิกเซอร์”
ผมเรียกเสียงหนักๆ น้องผมนอนกรนฟี้ๆ เป็นสัญญาณว่าเขาได้หลับลึกไปแล้วจริงๆ
ไปทำอีท่าไหนพลาดท่าให้หมอได้เนี่ย
“ทำอะไรของคุณ”
ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ยังคร่อมตักผมไว้อยู่ ผมยังไม่ได้ปิดไฟฉายจึงมองเห็นใบหน้าคนด้านบนได้ชัดขึ้น
“เสียงครางของหงส์ซานเร้าใจเกินไป นอนไม่หลับ”
“มันเรื่องของคุณ ถ้าทนไม่ไหว ห้องน้ำยังมี จะนอนมาสเตอร์เบทคนเดียวบนที่นอนผมก็ไม่ว่า”
ผมพูดตรงๆ คนตรงหน้ายกยิ้ม ลดมือลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็วกระชากดึงกางเกงผมออก งัดน้องผม(ที่ไม่ใช่วิกเซอร์)ออกมาโชว์หราด้านนอก ผมรีบจับมือนั้นไว้ทันที หมอใช้มืออีกข้างจับ ตัวผมร้อนวาบ น้องผมกระตุกตื่นวูบ
สองมือหมออยู่ในมือผมเรียบร้อย หมอเหลือบตามองผมนิดหนึ่ง
“รู้สึกเหมือนมันกำลังคิดถึงฉันนะ”
ผมกัดกราม บังคับไม่ให้ด้านล่างรู้สึกอะไร หมอยกยิ้ม ขยับตัวก้มหน้าทั้งที่สองข้อมือยังไม่เป็นอิสระ แตะปลายลิ้นลงบนปลายยอดน้องผมที่ตื่นขึ้นมาแล้วนิดหนึ่ง เพียงชั่วสัมผัสแผ่วเบา มันก็ดีดเด้งขึ้นมาตั้งตรง เขาตวัดปลายลิ้นมากขึ้น ใช้ลิ้นยกมันขึ้นมา แล้วครอบครองไว้ในปาก
น้องผมแข็งทื่อ เขม็งเกลียวจนเส้นเอ็นปูด หมอใช้ปลายลิ้นแตะลากเป็นทาง วกจนรอบ แล้วกลับมาแหย่รูรูปปากปลาวาฬของผม หยาดน้ำใสๆ ไหลล้นออกมา มันสั่นริก หมอตวัดกินเหมือนแมว ผมซี้ดปาก จ้องมองทุกการกระทำนั้น
ใจอยากผลักเขาออก แต่สิ่งที่เขาทำมันทำให้ผมหยุดเขาไว้ไม่ได้
หมอลดหน้าต่ำลงไปอีก กลืนน้องผมไว้ทั้งอันลึกเข้าไปในลำคอ ผมแทบบ้า ผู้หญิงยังทำไม่เก่งเท่าหมอเลย ผมครางอย่างพอใจ พอเขาชักมือกลับ ผมจึงยอมปล่อยไปง่ายๆ
วิกเซอร์ยังนอนอยู่ ได้ยินเสียงกรนดังประกอบ
หมอเลื่อนมือที่เป็นอิสระมาจับน้องผมบีบขยำ ปรนเปรอผสานกันกับลิ้นและริมฝีปาก ผมจับหัวหมอไว้ คลึงเบาๆ กัดกราม คำรามในลำคอ พลังดูดของหมอเหลือร้าย เพียงชั่วอึดใจผมก็พุ่ง ผมหอบแฮก มองคนที่หน้าและมือบางส่วนเลอะสิ่งที่ผมพ่นออกมาเมื่อกี้ หมอตวัดทำความสะอาด ยกหน้าขึ้นมาเลียหลังมือ เช็ดที่เลอะตรงแก้มด้วยปลายนิ้ว ตวัดเลียเข้าปาก
ผมกัดกรามกับภาพยั่วตรงหน้า
ผมจะไม่หลงเสน่ห์คนตรงหน้าเด็ดขาด
เขามองตาผม ขยับเข้ามาชิด โอบรอบลำคอ แนบริมฝีปากเข้ามา
ผมอยากผลักเขาออก แต่ลิ้นร้อนๆ กระตุ้นเร้าให้ผมต้องเคลื่อนไหวตาม เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปด้านล่าง พักหนึ่งก็รู้สึกถึงแรงขยับ ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของตัวเขาเอง หมอครางในลำคอ ถอนปากต่ำลงไปซุกซอกคอผม ขบเม้ม มันสยิวดีอยู่หรอก คนตรงหน้าผมขยับมือเร็วขึ้น เขาเลื่อนปากขึ้นมาจูบอีก ครั้งนี้ผมถึงได้เห็นสายตาเขาชัดๆ มันเป็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
ผมควรทำยังไงดี
ยุติเรื่องบ้าๆ นี้ด้วยการผลักเขาออก
อยู่นิ่งๆ เพื่อให้หมอหยุดเอง
หรือโดดลงไปในหลุมพรางที่หมอขุดไว้ หมอถอนปากออก ไม่ได้ซุกซอกคอผมอีก เพียงแต่กอดผมไว้นิ่งๆ ขยับท่อนล่างเร็วขึ้น กระทั่งทุกอย่างจบลง
ผมยิ้มดีใจที่ไม่ได้โดดลงไปในหลุมที่หมอดักวางไว้ หมอหอบแฮกกับอกผม กลิ่นหัวหอมๆ ลอยกรุ่น
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาพูดแค่นั้น ยกหน้าขึ้นมาจูบผมแผ่วเบา เก็บน้องตัวเองเข้ากางเกง คลานกลับไปยังฟูก
ผมยังนั่งนิ่งอยู่กับที่ มองร่างที่กำลังทิ้งตัวลงนอน หมอขยับตะแคงข้าง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมที่เอว
ใช่ ผมคือผู้ชนะในเกมนี้ ชนะที่ไม่ตกหลุมพรางของคนข้างๆ
ผมบดกราม ก้มมองบางสิ่งที่กำลังผงาดตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกระเส่าข้างหู ไม่รู้หมอตั้งใจ หรือว่าไม่รู้ตัวกันแน่
ผมขยับลุกพรวดจากฟูกตัวเองไปคร่อมร่างของหมอไว้ เขาหันมามอง สีหน้าดูตื่น ผมจับสองข้อมือหมอตรึงเหนือหัว ก้มหน้าฉกปากของคนด้านล่างทันที
“คุณหาเรื่องเองก่อนนะหมอ”
ผมถอนปากออกมาขู่เสียงต่ำ เลื่อนปากลงไปที่ลำคอ
ผมรวบจับสองมือหมอด้วยมือเดียว มืออีกข้างล้วงผ่านชายเสื้อเข้าไปลูบไล้ผิวเนื้อเนียนๆ ผมคำรามเสียงต่ำ งับซอกคอ ลากปากต่ำลงไปยังร่องอก สาบานได้ว่าผมไม่มีทางพิศวาสร่างกายผู้ชายด้วยกันเองแน่ๆ
“คุณเอายาพิเรนทร์อะไรให้ผมกินใช่ไหม”
เอาตามจริงแล้วผมยังไม่ได้ดื่มหรือกินอะไรนอกเหนือจากมื้อเย็นเลย
“เปล่า อึก เจ็บซันไรส์ เบา”
ผมไม่ฟัง ปล่อยมือด้านบนออกมาจับสองเอว ซุกหน้าไล่งับไปทั่วทั้งแผงอก เขาจับหัวไหล่ผมแน่น บีบแรง
“หยุด ซันไรส์!!”
หมอห้ามปรามมาเสียงดังขึ้น แต่คิดว่าจะหยุดผมได้รึ ผมจับสองมือหมอกางขึงเมื่ออีกคนพยายามหยุดผมไว้
“ใจเย็น ซันไรส์ ที่นี่ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้เตรียมพร้อม”
ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น จับหมอพลิกคว่ำ ยกสะโพกขึ้น ทาบแผงอกกับแผ่นหลังหมอ ปากยังไม่หยุดงับคอ ผมจับน้องตัวเองตรงเข้าหาเป้าหมายทันที
“อึก”
ผมสะอึกไปเพราะความคับแน่นของคนด้านล่าง
“เข้าไม่ได้หรอก ยังไม่ได้เตรียมความพร้อมเลย”
หมอบอกด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น พยุงตัวอย่างทุลักทุเลพลิกหงาย ใช้มือคว้าจับน้องผมไว้
“ขืนทำตอนนี้ มีหวังฉันลุกไม่ขึ้นสำหรับพรุ่งนี้แน่ ใจเย็นก่อนสิ”
เขาพูดไปลูบไล้ด้านล่างของผมไป ขยับลุกขึ้นมานั่งดีๆ แล้วก้มปรนเปรอผมด้วยปากและมืออีกรอบ ผมครางอย่างพอใจ จับหัวหมอไว้ รอรับการดูแลอย่างถึงอกถึงใจนั้น
กระทั่งผมไปอีกรอบ หมอยังใจดีไม่หยุด เขากระตุ้นเร้าผมให้ตื่นใหม่ปรนเปรอผมอีกที จนผมเสร็จไปรวมสามรอบเน้นๆ เพียงแค่จากปากและมืออันเรียวได้รูปนั้น
“นอนได้แล้ว ฤทธิ์ยานอนหลับที่ให้วิกเซอร์ไปอยู่ได้แค่ 2 ชั่วโมง”
ผมมองตาหมอ แต่ก็ยอมล่าถอย กลับไปนอนที่ของตัวเอง
เพราะโดนสูบพลังไปเยอะ เพียงแค่หัวแตะหมอผมก็หลับเป็นตายไปทันที
ผมตื่นเพราะเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกไว้ข้างตัว ขยับลุกนั่ง วิกเซอร์ลุกตาม ผมให้น้องไปอาบน้ำก่อน เพราะผมจะไปปลุกเจ้านายและหงส์ซาน วิกเซอร์ลุกอย่างว่าง่าย หันไปมองคนด้านข้าง หมอยังคงนอนนิ่ง ผมขยับลุกยืน แต่อยู่ๆ ก็ต้องล้มโครมลงไปคร่อมร่างของคนที่นอนอยู่เพราะแรงฉุดที่ชายเสื้อ มือของคนที่ผมคิดว่าหลับอยู่ตะปบมาที่ท้ายทอย เขากดหัวผมลงต่ำ ปากผมสัมผัสเข้ากับปากอุ่นๆ ของคนด้านล่าง หมอบดขยี้เบาๆ แต่เพียงภายนอกเท่านั้น แล้วค่อยๆ ถอนปากออก
“อรุณสวัสดิ์”
ผมจ้องตาคนด้านล่าง วิกเซอร์เปิดไฟแล้ว ผมจึงเห็นเขาได้ชัดเจน ผมไม่ได้พูดตอบอะไร ขยับลุกขึ้นยืนอีกรอบ
“ถ้าตื่นแล้วก็เตรียมตัวอาบน้ำไปดูพระอาทิตย์ขึ้นละกัน ผมจะไปปลุกเจ้านาย” ผมบอกแค่นั้น เดินออกจากห้องไป
เพียงแค่จูบเท่านั้น
ผมออกจากห้อง ไม่ได้ตรงไปยังแพเจ้านาย แต่ยืนสงบอารมณ์อยู่ในมุมมืดแถวๆ หน้าห้องนั่นแหละ บังคับให้บางสิ่งที่ตื่นขึ้นมาหลับใหลลงไปดังเดิม ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก กระทั่งร่างกายสงบถึงได้เดินไปเคาะปลุกเจ้านาย
ผมกลับเข้าห้องไปอาบน้ำอีกครั้งต่อจากหมอ ไม่มีคำพูดใดๆ จากปากเราอีก เรือมารอรับอยู่แล้ว พอถึงเวลาทุกคนก็ก้าวขึ้นเรือ เจ้านายรับหน้าที่ดูแลหงส์ซานประหนึ่งเจ้าชายน้อย พากันก้าวนำขึ้นไปก่อน หมอเป็นคนถัดไป ผมก้าวตาม ตอนแรกจะนั่งหลังสุดคู่กับวิกเซอร์ แต่หมอหันมามอง
“ซันไรส์มานั่งนี่”
เขาพูดพร้อมมองตา
ผมไม่ได้ปฏิเสธอะไรให้เป็นเรื่อง ก้าวตามไปนั่งเคียงข้าง ปล่อยให้วิกเซอร์นั่งหลังไป รอบด้านยังคงมืดแต่ไม่สนิท แค่สลัวราง เวลาตอนนี้คือตีห้าหน่อยๆ เขาพาเราวิ่งแทรกผืนน้ำไปหยุดอยู่กลางแม่น้ำ ด้านหน้าคือร่องเขาที่คาดเดาเอาว่าพระอาทิตย์น่าจะขึ้นตรงจุดนี้พอดี
ผมจ้องมองสิ่งนั้นไม่วางตา แสงแรกค่อยๆ แทรกผ่านขุนเขาขึ้นมา แสงนั้นสว่างขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งส่วนหัวของลูกสีส้มกลมๆ โผล่ขึ้นมาด้วย
ผมนั่งมองมันนิ่งๆ แต่คนที่ไม่นิ่งคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม เขาหยิบกล้องมือถือมากดถ่าย ทั้งถ่ายตัวเอง ถ่ายคนรอบข้าง แม้แต่ผมก็พลอยถูกดึงให้ไปร่วมวงด้วย การเคลื่อนไหวใดๆ บนเรือทำให้เรือโคลงเคลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้ถึงกับจม (ต่อให้จมก็ไม่ตาย)
หมอได้ภาพหน้ามุ่ยๆ ของผมไปสามภาพ กระทั่งพระอาทิตย์โผล่เหนือทิวเขาขึ้นไปผงาดอยู่บนท้องฟ้า พวกเราถึงพากันบ่ายหัวกลับ
หมอนั่งดูรูปอยู่ข้างๆ ระยะห่างระหว่างเราหายไปนานแล้วด้วยความเนียนของอีกคน เนียนจนเป็นเรื่องปกติ ไหล่เราชิดไหล่ ผมจะไม่คิดอะไรเลยถ้าภาพเรือนร่างของหมอที่ผมสัมผัสเมื่อคืนจะไม่ฉายแวบเข้ามาในหัว
“ยิ้มให้กล้องหน่อยก็ได้นะ ดูสิกล้องแทบจะบูดตามหน้าไปแล้ว”
หมอยกภาพให้ดู ผมไม่ได้สนใจ มองตรงไปด้านหน้านิ่งๆ
ผมเห็นเขากดเปลี่ยนวอลเปเปอร์จากภาพตัวเองและเจ้าหมาสี่ตัวที่บ้านมาเป็นรูปของตัวหมอเองกับผม หมอฉีกยิ้มกว้างในขณะที่ผมนั่งหน้าบูด ด้านหลังเยื้องไปทางขวาคือพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังฉายแสงแรกอรุณ
เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนเจ้าตัวจะกดล็อกหน้าจอ ถือมือถือไว้ในมือเฉยๆ เหมือนเดิม
วันนี้เจ้านายผมหยุดเพื่อทำกิจกรรมกับหงส์ซานทั้งวัน หลังมื้อเช้าที่เป็นข้าวต้มง่ายๆ พวกเขาก็ไปพายเรือคายัคกัน เจ้านายผมพายไปกับหงส์ซานสองคน อีกลำเป็นของหมอที่นั่งพายไปคนเดียว
ผมกับวิกเซอร์ยืนอยู่บนฝั่งเพื่อสังเกตการณ์ไปนิ่งๆ
“ดูท่าเจ้าลิงนั่นจะหลงเสน่ห์เจ้านายเราแล้ว”
วิกเซอร์พูดขึ้นมาเรียบๆ ผมมองตาม รู้อยู่แล้วเลยไม่ตอบว่าอะไร เหลือบสายตามองไปยังเรืออีกลำที่หมอกำลังพายเล่นเอื่อยๆ อยู่
ผมรีบหลบสายตาหนีเสียเพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดในกางเกงขึ้นมา
ไม่รู้ว่าลิงกังนั่นคิดไงถึงได้มาท้าหมอแข่งพายเรือ หมอรับคำโดยมีเจ้านายผมขอร่วมลงแข่งด้วย โดยมีกติกาที่มองยังไงก็เหมือนเจ้านายผมขุดเอาไว้ล่อให้ลิงวิ่งไปตก
ก่อนตอบตกลงแข่ง หงส์ซานน่าจะศึกษาคู่แข่งสักหน่อยว่าเขาเหนือหรือด้อยกว่าเพียงไร เพราะบื้อและไร้สติแบบนี้นี่เอง พ่อแม่ถึงได้เป็นห่วงจนต้องจ้างครูมาสอนที่บ้าน และถูกดูแลอย่างกับไข่ในหินขนาดนั้น (แลดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยรู้เรื่อง)
สุดท้ายหงส์ซานก็แพ้อย่างราบคาบ
คิดจะแข่งกับคุณไป่หลง เกิดช้าไปสิบปี
ทริปถัดไปคือไปเดินถ้ำเขาทะลุ ผมถูกกำหนดให้เดินรั้งท้ายโดยมีวิกเซอร์เดินอยู่หน้าสุดของกลุ่มเราตามติดไกด์คนเก่งไป
เป็นไปได้ ผมอยากเป็นคนไปเดินด้านหน้าแทนดีกว่า ผมกับวิกเซอร์ถนัดเรื่องการเดินป่าดี เพราะผ่านการฝึกฝนเรื่องนี้มาพอสมควร จึงเดินกันได้ค่อนข้างสบาย คนที่ทุลักทุเลหน่อยก็หงส์ซาน แต่ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ เพราะมีเจ้านายผมคอยดูแล รองลงมาก็คนที่เดินอยู่หน้าผมนี่แหละ
แต่เขาก็พยายามทรงตัวดีพอประมาณ จับทั้งเถาวัลย์ทั้งกิ่งไม้เพื่อพยุงตัวให้ผ่านไปได้ จะล้มก็หลายรอบ แต่ผมไม่ได้เข้าไปช่วยเขาเหมือนเจ้านายทำกับหงส์ซานหรอกนะ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาไถลลื่นลงมา แต่ผมใช้ร่างผมรับเอาไว้
“ขอบใจ”
เขาพูดแค่นั้น ฮึดสู้ก้าวเดินต่อ เหงื่อกาฬไหลย้อยย้อมเสื้อด้านหลังให้เปียกชุ่มจนเห็นผิวเนื้อ
ผมกลืนน้ำลาย จ้องมองแผ่นหลังนั้นต่ำลงไปที่บั้นเอว และต่ำลงไปกว่านั้น
รู้สึกอึดอัดในกางเกงอีกรอบ
หมอไถลลื่นอีกเพราะกิ่งไม้ที่จับไว้หัก และก่อนที่ร่างนั้นจะถึงพื้น วงแขนผมก็โอบรั้งเอวเขาไว้ทันที กลิ่นเหงื่อเขาเคล้าไปกับกลิ่นน้ำหอมลอยมาแตะจมูกจางๆ หมอพ่นลมหายใจแรง ดีดตัวลุก
“ขอบใจอีกครั้ง”
เขาพูดแค่นั้น ยิ้มหวานให้แล้วก้าวเดินต่อ ผมก้าวตามไปติดๆ กระทั่งมาถึงถ้ำ รูปขบวนเปลี่ยนเล็กน้อย จากเจ้านายเดินตามหงส์ซานมาเป็นเดินนำ โดยมีผมตบท้ายเหมือนเดิม
(80%)
เส้นทางในถ้ำนั้นเดินลำบากกว่าข้างนอก ถ้าไม่ระวังมีสิทธิ์หัวกระแทกหินได้ง่ายๆ หมอที่ไถลลื่นจากดินข้างนอก แต่กลับทรงตัวได้ดีในน้ำหรือหินแบบนี้
หลายจังหวะที่เราต้องใกล้ชิดกันเพราะระยะบังคับของพื้นที่ ผมเดินตามคนตรงหน้าไปติดๆ ทิ้งระยะห่างกันแค่ไม่เกินเอื้อม
ได้ยินเสียงร้องของหมอ รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกดันจนล้มลงไปนั่งที่พื้นในน้ำ ด้านหน้าคือเจ้าของเสียงร้องนั้น ผมมองงงๆ เพราะยังประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูก มองหาที่มา
นี่หมอลื่นล้มหรือว่าอะไร
เพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นอะไรในตอนแรก หลังสิ้นเสียงร้องและการล้มระเนระนาดของเราสองคน ทุกคนหันมามอง แสงไฟบนหัวแต่ละคนพุ่งปราดมาบนตัวหมอ ผมถึงได้เห็นสาเหตุชัดๆ
เจ้าตัวปากกว้างสี่ขาสีเขียวผสมเทา สีแทบกลืนไปกับเสื้อของหมอ พอรู้ว่าเป็นอะไร ผมรีบปัดออกให้ทันที มีเสียงหัวเราะของหงส์ซานประกอบอย่างขบขัน ผมรีบพยุงตัวลุก ฉุดหมอให้ลุกยืนด้วย
“ตกใจหมด คิดว่าโดนค้างคาวบินมากัดคอซะอีก”
คนตรงหน้าผมพูดกับคนที่ยังไม่หยุดหัวเราะ
กระทั่งเสียงหัวเราะนั้นเงียบลง เจ้าตัวเขียวๆ ที่ผมปัดทิ้งเมื่อกี้ตอนนี้มันกระโดดไปแปะอยู่กลางหน้าหงส์ซานพอดิบพอดี เจ้าตัวนิ่งค้างไปชั่วครู่ราวกับกำลังประมวลผลอยู่ แรมต่ำแบบลิงไทยเชื้อสายจีนใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หงส์ซานแหกปากร้องโหยหวนจนก้องถ้ำ กบกระโดดจากหน้าไปเกาะหัว จากหัวลงไปที่หลัง หงส์ซานดิ้นเป็นลิงทรงเจ้าปัดป่ายเจ้าสิ่งนั้นออก แต่กบตัวนั้นมันไม่ไปไหน กระทั่งเจ้านายผมกระโดดเข้ามาช่วยนั่นแหละ
หงส์ซานรีบเดินลิ่วๆ ตัวปลิวออกไปจากจุดนั้นทันที คงกลัวกบตัวเดิมจะกระโดดใส่อีก
หมอยืนหัวเราะอย่างขบขันอยู่กับที่ กระทั่งคนทั้งคู่ก้าวห่างออกไป พอๆ กับผู้คนที่เดินตามหลังเรามาก็ก้าวล้ำนำไปก่อน
“เดินได้แล้ว”
ผมเตือนเสียงนิ่ง หมอหันมามอง ยิ้มพราย
“ขอบใจที่ช่วย อะ รางวัล”
พูดจบ เขาก็รั้งหัวผมต่ำ แนบปากเราเข้าหากัน บดขยี้เบาๆ แทรกลิ้นเข้ามาทักทายนิดๆ แล้วปล่อยออก
“รีบตามไปกันเถอะ”
เขาพูดแค่นั้น ก้าวนำไป ผมกัดกราม กำมือที่เกือบจะแตะตัวหมออยู่ร่อมร่อกลับมาที่เดิม ก้าวตามไปติดๆ
จบจากถ้ำเราก็ย้อนกลับมาที่พักเหมือนเดิมเพื่อทานมื้อค่ำ หมอบอกขอตัวเพื่อให้คู่รักมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง วิกเซอร์กับผมก็ทำแบบเดียวกัน
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เจ้านายผมจะได้เก็บเกี่ยวความสุขกับคนที่เขารักได้เต็มที่ หมอเข้านอนไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่ข้ออ้าง เหลือไว้แค่ผมกับวิกเซอร์ที่หลบมายืนอยู่ในมุมมืดให้เหมือนว่าไม่ได้อยู่ด้วย แต่ก็เฝ้าสังเกตการณ์ตลอด ในฐานะบอดี้การ์ดที่ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ของตัวเองได้แม้เมื่อยามหลับใหลก็ตาม
เราสองคนเพ่งสายตาไปยังคนสองคนที่นั่งสวีทกันอยู่ริมแพ
“นายไม่คิดจะมีแฟนมั้งเหรอ”
อยู่ๆ น้องผมก็ถามขึ้น
“นายมีก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะมีตาม”
ผมตอบรับนิ่งๆ
“รอนายมีก่อน”
ผมหัวเราะ ยกมือกอดอกฟังเสียงเพราะๆ ของเจ้านายที่กำลังขับขานเสียงเพลงให้ลิงกังฟัง
“งั้นคงอีกนาน ดีไม่ดีอาจไม่มี เพราะฉันไม่นิยมคนเอเชีย”
วิกเซอร์ยักไหล่
“คนเอเชียก็น่ารักออก แต่บางคนนะ”
ผมหัวเราะหึๆ ทอดดวงตามองตามเจ้านายที่กำลังพาหงส์ซานก้าวลงน้ำไปด้วยกัน ไร้เสียงจากเราสองคน เจ้านายพาคนรักแหวกว่ายสายน้ำห่างออกไปเรื่อยๆ
สายตาคนทั่วไปอาจมองไม่เห็นว่าสองคนนั้นทำอะไรกันอยู่ แต่สำหรับผมกับวิกเซอร์ที่ถูกฝึกมาอย่างดีแล้ว เราเห็นภาพพวกนั้นได้อย่างชัดเจน
ท่ามกลางดวงดาวสะท้อนน้ำ สองชีวิตแหวกว่ายดั่งปลาในมหาสมุทร
“การนอนกับผู้ชาย มันทำให้รู้สึกดีจริงๆ หรือเปล่า”
วิกเซอร์ถามมานิ่งๆ ผมชะงักไปกับคำถามนั้น นึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“ไม่รู้ ไม่เคยลอง”
และไม่คิดอยากจะลองด้วย
ภาพดวงตาปรอยระยับของหมอแวบเข้ามาในความคิด ผมหลับตาเพื่อสลัดภาพนั้นทิ้งไป
“เมื่อวานก่อนเข้านอน หมอเอาอะไรให้กิน”
ผมแถถามไปเรื่องอื่นต่อ
“น้ำผลไม้กระป๋อง”
ผมพ่นลมหายใจแรง ปกติวิกเซอร์จะระมัดระวังและหัวไวกว่านี้มาก ไม่รู้ว่ายาที่หมอใส่ให้จะเนียนจัด หรือว่าเพราะความไว้วางใจกันแน่
“ทำไม”
“ไม่มีอะไร”
ผมเงียบเสียงลงเพียงเท่านั้นเพื่อไม่ให้วิกเซอร์ถามอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้
พอเจ้านายพาหงส์ซานกลับเข้าห้อง ก็ถึงเวลาที่ผมกับวิกเซอร์จะต้องเข้านอนบ้างเหมือนกัน
ผมนึกได้ หันไปหาวิกเซอร์หวังเตือน
“นี่วิกเซอร์ ถ้าหมอ…”
ผมชะงักไปเมื่อเห็นวิกเซอร์กำลังกระดกน้ำผลไม้กระป๋องเข้าปากอยู่ ดูเหมือนใกล้หมดแล้วด้วย วิกเซอร์ลดมือลงต่ำโยนกระป๋องเปล่าลงถังขยะ
“ทำไม อยากกินด้วยเหรอ อะนี่ ของนาย คุณหมอซื้อมาเผื่อ”
วิกเซอร์หยิบน้ำผลไม้อีกกระป๋องมายื่นให้
“วิกเซอร์ นาย…”
“ถ้าไม่เอา ฉันกินนะ”
วิกเซอร์ทำท่าจะเปิดอีกกระป๋อง ผมรีบคว้ามาถือทันที
“พอแล้ว ไปนอนเถอะ”
วิกเซอร์พยักหน้า ก้าวเดินเข้าห้องไป ผมกำกระป๋องน้ำผลไม้ในมือแน่น กำลังจะหย่อนลงถังขยะ
บางทีกินให้หลับเป็นตายไป โดนกวนจะได้ไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรก็ดีเหมือนกัน
ผมงัดฝากระป๋องน้ำผลไม้ขึ้น ดื่มจนหมด ทิ้งกระป๋องเปล่าลงถัง ก้าวเดินขึ้นฟูกไปเตรียมนอน
ใช่ น้ำผลไม้อันนั้นน่าจะทำให้ผมหลับสนิท
แต่ทำไม…
ร่างกายถึงได้ตื่นไปหมดทั้งตัวแบบนี้
“ทำไม อยากกินด้วยเหรอ อะนี่ ของนาย คุณหมอซื้อมาเผื่อ”
ของผม
‘คุณหมอซื้อมาเผื่อ’
ทำไมผมไม่พิจารณาให้ดีกว่านี้
กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดท่าเสียที ก็มีสิ่งมีชีวิตจากฟูกข้างๆ เคลื่อนมาคร่อมร่างผมไว้ซะแล้ว
ใช่ ผมพลาดอีกแล้ว พลาดให้กับคุณหมอจอมป่วนแถมปัญญาอ่อนอีกต่างหาก
To be Con..
โธ่ ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือจะขำซันไรส์ดี คิดเหรอว่าจะรอด ฮ่า ๆ
ปุจฉารอบ 2 คิดว่ารอบนี้ซันไรส์จะเขมือบคุณหมอได้หรือไม่ (หมายถึงถึงขั้นสุดท้ายนะ)
ก. ไม่หรอก เพราะหมอยังไม่ได้เตรียมพร้อม
ข. เนื่องจากยาอะไรสักอย่างที่ทำให้ร้อนราวลาวา แน่นอนว่าพี่หมอต้องชดใช้ชัวร์ ๆ โดน!!!
.
.
.
ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆในเล้า : >>
https://goo.gl/WbWxt8