หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]  (อ่าน 220010 ครั้ง)

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
«ตอบ #240 เมื่อ30-05-2017 22:38:31 »

 :pig4: :3123:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
«ตอบ #241 เมื่อ30-05-2017 22:50:38 »

เฮียหลง แกเก็บครบทุกเม็ด

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
«ตอบ #242 เมื่อ31-05-2017 00:11:56 »

น้องหงส์ถ้ากลับบ้านไปหลังจบทริปไม่ต้องให้มันรู้ไปสิ เฮียหลงจัดทุกเวลายามว่างเลยทีเดียว5555

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
«ตอบ #243 เมื่อ31-05-2017 15:47:05 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
«ตอบ #244 เมื่อ31-05-2017 19:52:31 »

เฮียหื่นดีแรงไม่ตกมากค่ะ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย


ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายผมมันเคยชิน หรือว่ามันไม่ได้ตะบี้ตะบันโหมทำผมแรงแบบอยู่บ้าน พอได้ยินเสียงเคาะปลุกจากซันไรส์ผมถึงได้สะดุ้งลืมตาตื่นพอๆ กับไอ้บ๊วย มันมาปลุกให้อาบน้ำเตรียมตัวนั่งเรือไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ บ๊วยให้ผมไปอาบก่อน ผมรีบลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำไป พอออกมามันก็เข้าต่อ
 
“เจ็บไหม”
มันถามก่อนเดินออกจากห้อง กระดากที่จะบอก แต่ผมส่ายหัว มันยิ้ม พาผมเดินออกจากห้องไป ที่ท่าเรือ มีเรือวิ่งเข้ามาจอดรอแล้ว ไม่รู้ว่ามายังไง ถึงได้เงียบขนาดนี้ เห็นแพอื่นเตรียมตัวลงเรือเหมือนกัน สงสัยจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกัน พี่หมอยืนเท้าสะเอวสูดลมหายใจเข้าปอดอยู่
 
ไอ้บ๊วยก้าวลงเรือนำไปก่อน ยื่นมือมารับผมเป็นคนที่สอง การถูกมันประคบประหงมนี่ทำให้รู้สึกเสียศักดิ์ศรีแต่มันปะปนมากับความรู้สึกดีๆ ยังไงบอกไม่ถูก พี่หมอก้าวตามลงมาติดๆ ตามด้วยซันไรส์และวิกเซอร์
 
ผมกับไอ้บ๊วยนั่งอยู่หัวเรือ ถัดไปเป็นพี่หมอที่บอกให้ซันไรส์มานั่งข้างตัวเอง คงไม่อยากนั่งคนเดียวล่ะมั้ง วิกเซอร์นั่งอยู่หลังสุด เขาใช้วิธีพายเรือครับ ออกไประยะหนึ่งค่อยติดเครื่อง เรือแล่นผ่านผิวน้ำที่ยังมืดอยู่ตรงไปเรื่อยๆ แม้จะมืดก็ยังเห็นวิวรอบด้านได้ มันสวยจริงๆ ผมยกมือถือขึ้นมากดถ่าย
 
สักพักเรือก็พาวิ่งมาถึงกลางน้ำ ตรงหน้าคือช่องว่างระหว่างภูเขา เขาบอกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นตรงกลางนี้ มีเรือคนอื่นมาจอดคอยเหมือนกัน ผมมองอย่างลุ้นระทึก กระทั่งแสงแรกค่อยๆ โผล่นำขึ้นมาก่อน ตามด้วยดวงตะวันลูกกลมๆ มันโผล่สูงขึ้นมาเรื่อยๆ ผมทั้งมองทั้งถ่ายรูป มันสวยมากจริงๆ
 
“ไป่หลง น้องหงส์หันมานี่”
 
ผมกับไอ้บ๊วยหันไปตาม พี่หมอถือกล้องไว้ ผมฉีกยิ้มทันที ไอ้บ๊วยกอดไหล่ผมไว้ ผมรีบดันตัวหนี
 
“อย่าเพิ่งเล่นตัวครับน้องหงส์ เดี๋ยวพระอาทิตย์จะหนีไปไกล มุมนี้สวยสุด”
 
ผมอยากถ่ายกับพระอาทิตย์สวยๆ เหมือนกัน แต่อยากถ่ายคนเดียวมากกว่า
 
พี่หมอถ่ายไปหลายแชะ ก่อนสลับคู่กัน พี่หมอกับเพื่อน พี่หมอกับผม แม้กระทั่งซันไรส์ก็ได้ถ่ายด้วย แต่ต้องสั่งสอนวิธีเข้ากล้องของซันไรส์ใหม่นะ เพราะหน้านิ่งได้ใจในขณะที่พี่หมอฉีกยิ้มกว้าง มันดูสว่างไสวจนพระอาทิตย์ยังอาย
 
กระทั่งดวงตะวันสูงลิ่วขึ้นไป เรือก็พาเรากลับ
 
มื้อเช้า เรากินกันที่แพ เป็นข้าวต้มปลาง่าย ๆ บ๊วยมันทำงานเสร็จแล้วละครับ วันนี้มันจะอยู่เที่ยวกับผมทั้งวัน
 
ซึ่งผมไม่ได้ต้องการเลย
จริงๆ นะ (แต่เอ๊ะ ทำไมเสียงผมมันดูแผ่วๆ ลง)
 
หลังจากเติมพลังให้ท้องกันคนละชามสองชาม พี่หมอก็ชวนพายเรือคายัคเล่น ต่อให้ว่ายน้ำเก่งขนาดไหน เขาก็บังคับให้ใส่ชูชีพไว้ ผมจำต้องหยิบเสื้อชูชีพสีส้มแปร๋นมาสวม ก้าวลงเรือนำไปก่อน กำลังจะจ้วงพายก็ต้องชะงักเพราะมีใครอีกคนก้าวตามลงมานั่งด้านหลัง
 
“ขึ้นมาทำไม จะพายคนเดียว”
 
มันไม่ฟังเสียงฟ้าเสียงฝนอะไรทั้งนั้น นั่งได้ก็รับไม้พายมาถือ พี่หมอหัวเราะ ก้าวขึ้นเรือตัวเอง โดยมีซันไรส์กับวิกเซอร์อยู่บนฝั่ง ต่อให้เคืองขนาดไหน ผมก็ออกแรงพาย
 
หนัก ผมหันไปมองคนด้านหลัง
 
“ช่วยกันพายสิ นั่งอยู่เฉยๆ ทำไม”
 
มันยิ้ม ยกไม้พายมาช่วยกันพาย ฟรีสไตล์ครับ เราพาเรือล่องห่างจากฝั่งไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงไม้พายจ้วงน้ำดังมาเป็นระยะ ก่อนได้ยินเสียงแชะเบาๆ ผมหันไปมอง เห็นบ๊วยมันกำลังกดถ่ายหน้าผมตอนเหลียวไปมองพอดี
 
“ถ่ายไร”
ผมถามฉุนๆ
 
“ถ่ายลิงกลางน้ำ”
 
ผมจิ๊ปาก ยกมือถือผ่านหน้ามันบ้าง แต่ไม่ว่ามุมไหนมันก็ดูดีไปหมด
 
“จะถ่ายไปทำไมวะ เปลืองเมม”
ผมจะลบ แต่มันดึงข้อมือไว้ แย่งมือถือผมไป กดทำอะไรยิกๆ แล้วส่งคืน ผมรับมาดู อ้าปากค้าง เพราะมันเล่นถือวิสาสะเปลี่ยนหน้าจอรูปปลาคาร์ปผมเป็นหน้ามันซะเอง
 
“ถ้าหงส์เปลี่ยนคืนหรือลบภาพออกจากเครื่อง เฮียจะปล้ำแปดยกรวดไม่ให้ลุกได้เลย”
 
ผมถลึงตามอง แค่สี่รอบนี่ก็สามวันแล้วกว่าจะลุกได้ โดนไปแปดยกไม่นอนเป็นผักไปเป็นอาทิตย์เลยเหรอ

พระอาทิตย์สาดแสงแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนเราต้องยอมแพ้ พากันพายกลับ ผมแกล้งพายเรือไปชนเรือพี่หมอเบาๆ ได้ยินเสียงวิกเซอร์ตะโกนเชิญไอ้บ๊วยมาจากฝั่ง บ๊วยพาเรือเข้าชิดแพแล้วก้าวขึ้นไป วิกเซอร์ยื่นมือถือให้ สงสัยจะคุยกันเรื่องงาน ผมเลิกสนใจมันหันมาพายเรือเล่นต่อ

“แข่งกันไหม” พี่หมอชวน ผมตาวาว
 
“แข่งกันไหม”
พี่หมอชวน ผมตาวาว
 
“เอาสิ”
 
กำลังจะเริ่มไอ้บ๊วยมันก็เบรกไว้ พอรู้ว่าเรากำลังจะแข่งกันก็ยกยิ้ม
 
“ฉันแข่งด้วยสิ สามคนนี่แหละ ใครชนะสามารถสั่งคนแพ้ให้ทำอะไรก็ได้”
มันยืนกอดอกพูด
 
ผมตาวาวยิ่งกว่าเดิม
 
“อะไรก็ได้เหรอ”
ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง มันเหลือบตามามองผม
 
“ใช่”
 
“รวมถึงเรื่องหย่าด้วย”
 
มันเลิกคิ้วมอง นิ่งคิดไปนิด จุดรอยยิ้มข้างมุมปาก
 
“ได้สิ ถ้าคิดว่าหงส์ทำได้”
 
ผมตาวาว
 
“ได้”
 
“เตือนไว้ก่อนนะหงส์ แพ้ขึ้นมา ต้องทำตามห้ามปฏิเสธ ห้ามเถียง ห้ามร้องขอด้วย”
 
“ได้ เฮียเองก็เหมือนกัน ถ้าอั๊วชนะขึ้นมา เซ็นใบหย่าทันที”
 
มันกระตุกยิ้ม
 
“ได้สิ”
 
“น่าสนุก”
พี่หมอพูดยิ้มๆ
 
ซันไรส์ไปเอาเรือมาเพิ่มอีกลำ เป้าหมายคือทุ่นที่อยู่ห่างออกไปลิบๆ นู่น
 
ผมตั้งท่า งานนี้ตายเป็นตาย ยังไงผมก็ต้องทำให้มันหย่ากับผมให้ได้
 
“เตรียมตัว”
ซันไรส์เป็นกรรมการ
 
“เริ่ม!!”
พอสัญญาณมา ผมก็จ้วงเรือแบบไม่คิดชีวิต เป้าหมายคือชีวิตที่เป็นอิสระ แรกๆ เรือของเราเคียงไปด้วยกันครับ สักพักผมก็จ้วงพายหนีนำ หัวใจผมเต้นแรง
 
อิสระอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น!!
 
แต่ก่อนที่เรือผมจะพุ่งพรวดเข้าเส้นชัย อยู่ๆ ก็มีเรือปริศนาพุ่งเป็นจรวดเข้าเส้นชัยนำผมไปก่อน
 
ผมอ้าปากค้าง มองเรือที่เลยเขตแดนไปไกล ก่อนเจ้าตัวจะเบรก พาเรือตีโค้งพายกลับมาจอดเทียบข้างๆ ช้าๆ สีหน้ายังคงราบเรียบ
 
ผมจ้องหน้าผู้ชนะอึ้งๆ ปากได้รูประบายยิ้มกว้าง
 
“เฮียชนะ”
 
เถียงอะไรไม่ออก ผมได้แต่กัดฟัน ฮึดฮัด

ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น!!
 
ผมสะบัดหน้า พาเรือจ้วงกลับ เจอพี่หมอพายมาสมทบ
 
“น้องหงส์พายเร็วจัง พี่หมอสู้ไม่ได้เลย”
 
ผมหน้าบึ้ง เร็วขนาดไหนก็แพ้อยู่ดี ไอ้บ๊วยพายเรือผ่านเราสองคนไปบนฝั่ง ส่งเสียงหัวเราะหึๆ มาหลอกหลอน ผมอยากบินไปบีบคอมันจริงๆ
 
“น้องหงส์คงไม่รู้ว่าสมัยเรียน ไป่หลงเป็นแชมป์กีฬาทางน้ำเกือบทุกชนิดนะ”
 
ผมอ้าปากค้าง
 
กูงูดินไปแข่งกับมังกรชัดๆ
ผมหน้าบึ้งอย่างเสียรู้ พี่หมอหัวเราะ ชวนผมพายเรือเล่นปลอบใจ
 
พอแดดเปรี้ยงพวกเราก็ต้องยอมแพ้เพราะร้อนเกิน เลือกไปนั่งเล่นกระทั่งมื้อเที่ยง เรากินดื่ม นั่งเล่นนอนเล่นกันแบบสบายๆ
 
แน่นอนว่าต่อให้เพื่อนมันอยู่ บ๊วยมันก็ยังไม่ลืมว่าเรามาฮันนีมูนกัน กอดได้กอด หอมได้หอม จูบได้จูบ บังคับป้อนบ้างละ ที่นั่งมีผมแทบไม่ได้สัมผัส ตักมันคือพื้นที่อิสระของผมยามนี้ เถียงได้เหรอครับ เมื่อคำสั่งของมันคือทำตามที่มันสั่งทุกอย่างห้ามเถียง
 
อ๊ากกกกกก
 
กูจะฆ่าเมิงงงงงงง
 
ก่อนอื่น ผมขอฆ่าตัวตายก่อน ข้อหาไม่รอบคอบ
 
ไก่ย่างมื้อกลางวันอร่อยสุดๆ ผมนั่งแทะปีกไก่จนปากมันเลื่อม ไอ้บ๊วยหยิบทิชชู่มาเช็ดให้เบามือ ผมหน้าร้อนผ่าว ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หลังมื้อเที่ยง เราจะไปถ้ำเขาทะลุกัน
 
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ไกด์ประจำกรุ๊ปเราก็มารับ เราต้องไปเริ่มต้นกันที่อุทยาน นั่งเรือจากนั่นสองชั่วโมง ต่อด้วยเดินเท้ากันอีกสองชั่วโมง จึงจะถึงที่หมาย
 
วิวข้างทางเวลาที่เรือเคลื่อนผ่านมันสวยจริงๆ ครับ สวยจนผมแทบหลงลืมทุกอย่าง พอถึงที่หมายก็ลงจากเรือเพื่อเดินเท้าผ่านเส้นทางที่เป็นป่า มีคนเดินสวนเรากลับบางส่วน สีหน้าแต่ละคนดูมีความสุข ยิ้มให้ด้วย แต่ยิ้มให้ไอ้บ๊วยข้างหลังผมเยอะกว่า
 
เหอะ อย่าไปหลงเสน่ห์มันพี่สาว เห็นหล่อๆ แบบนี้ มันเป็นโรคจิต ชอบกินเด็ก หื่นสุดๆ กินตัวผู้ได้ด้วย
 
สองกิโล จะว่าไกลก็ไกล ใกล้ก็ใกล้ ไกด์เดินนำ ตามด้วยวิกเซอร์ ผม ไอ้บ๊วย พี่หมอ ตบท้ายด้วยซันไรส์ ผมใส่รองเท้าแบบรัดข้อมา(มันเป็นรองเท้ากึ่งผ้าใบ ลุยน้ำได้ เดินป่าได้) พอๆ กับทุกคนที่มา เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เดินเซๆ ก้าวตามวิกเซอร์ไปติดๆ มีเซหัวจะทิ่มก็หลายรอบ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ดีแต่ว่าบ๊วยมันช่วยประคองผมไว้ ผมดึงแขนออก พยายามพยุงตัวดีๆ ก้าวเดินอย่างมั่นคงด้วยตัวเอง
 
เป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องให้ใครมาประคับประคองหรอก
 
“เหวอ!!”
ผมไถลอีกรอบตอนก้าวผ่านรากไม้แล้วมันลื่น ไอ้คนด้านหลังก็มือไว้ คว้าเอวผมไว้ได้ทัน จับผมพยุงดีๆ
 
“เดินช้าๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบ”
 
ผมดันตัวออกอีกที สงสัยว่าผมจะเหนื่อยจากการเดิน หัวใจถึงได้ไหวแรงขนาดนี้ ผมเดินหน้าร้อนตัวร้อนเช็ดเหงื่อที่ไหลพลั่กๆ ออกจากหน้า
 
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ไอ้บ๊วยที่มัวแต่ห่วงว่าผมจะล้มเสียหลักเซไปชนกับต้นไม้ข้างทาง
 
คิดว่าผมจะช่วยไหมล่ะ?

ผมหันไปมองแล้วยืนหัวเราะเยาะมันตรงนั้นแหละ มันมองมาตาขวาง พยุงตัวยืนดีๆ ผมรีบหันหลัง ก้าวเดินต่อ
 
จริงๆ เคยมีคนสอนผมไว้นะว่าอย่าหัวเราะคนล้ม เพราะพอผมเดินต่อไปได้อีกแค่สี่ห้าก้าว ก็เสียหลักไถลลื่นกลิ้งหลุนๆ ลงไปนั่งแหมะที่พื้น คราวนี้ไม่มีใครพุ่งมารองรับอย่างทุกครั้ง ผมเงยหน้ามอง

พ่อสุภาพบุรุษที่เคยช่วยเหลือผมมาตลอด ตอนนี้มันยืนนิ่งครับ หนำซ้ำยังกอดอก มองมาด้วยสายตาเยาะเย้ย ไม่ได้หัวเราะ แต่สายตามันกำลังขบขันและเย้ยหยันผมอย่างเห็นได้ชัด
 
ผมรีบดีดตัวลุก ก้าวฉับๆ นำไปอีกรอบ
 
อายดิ เล่นล้มกลิ้งต่อหน้ามันขนาดนั้น



40%

เหงื่อไหลไคลย้อยกันพอประมาณ ได้ยินเสียงบ่นว่าเหนื่อยจากพี่หมอ แต่ก็สนุก ไม่ต้องพูดถึงสองพี่น้องนั้นนะครับ เหมือนพากันมาเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยกันเลยสักนิด
 
กำลังขาถดถอยลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึง ผมฉีกยิ้มดีใจ เราถ่ายรูปกับป้ายถ้ำพอเป็นพิธี แล้วเตรียมตัว เราต้องใส่ชูชีพอีกรอบตามคำแนะนำของไกด์ ใส่ไฟฉายไว้ที่หัว รูปขบวนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ไกด์นำหน้าตามเดิมต่อด้วยวิกเซอร์ ไอ้บ๊วย ผม พี่หมอปิดท้ายด้วยซันไรส์
 
พอก้าวเข้าไปในถ้ำ ผมก็ต้องตาโตเพราะความสวยงามของมัน
 
มันสวยเอาจริงๆ เย็นด้วย
 
บรึ๋ย!
 
ยิ่งเดิน ยิ่งเย็นและยิ่งมืด เส้นทางไม่ได้สบายเลย เราต้องลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ น้ำสูงตั้งแต่ข้อเท้ายันหน้าอก ต้องค่อยๆ ไต่เลาะไปตามร่องหิน น้ำเชี่ยวบ้าง เบาบ้าง และตลอดระยะเวลา บ๊วยมันก็คอยประคองช่วยเหลือผมตลอด บางจุดมีอุ้มเลย
 
อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน ผมกำลังจะไถลผ่านร่องหินที่มีหินก้อนใหญ่เบียดบีบเข้าหากัน น้ำไหลหลากเสียงดังจนน่ากลัว บ๊วยมันยื่นสองแขนมาทางผมเหมือนพ่อยื่นแขนหวังอุ้มลูก คืออยากทำดื้อกับมันเหมือนกัน แต่คำสั่งยังค้ำคอ อีกอย่างกลัวลื่นหัวแตกด้วย ผมจึงยื่นมือเข้าหามัน แทนที่มันจะปล่อยเลย กลับกอดผมแน่น จับสองขาผมรัดรอบเอวตัวเอง
 
“ปล่อยได้แล้ว ทำอะไรทุเรศ อายคนอื่นบ้าง”
 
“อายทำไม มีแต่ค้างคาว”
 
ผมกรอกตาขึ้นฟ้า ลืมไปว่ามันหน้าด้านขนาดไหน วิกเซอร์ก้าวห่างออกไปอีก มันจึงยอมปล่อยผมลง ก้าวนำไปเดี๋ยวเดียวก็หันมามอง พอผมเดินตามมันก็หันกลับไปเดินต่อ
 
มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ กับความห่วงใยที่มันมีต่อผม
 
ยิ่งมันห่วงใยผมมากเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งอ่อนแอลงมากเท่านั้น
 
ผมกำลังจะก้าวผ่านก้อนหิน มันยื่นมือมาให้อีกรอบ ผมมอง อยากทำเก่งปัดมือมันออกเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนใจเป็นวางมือลงบนมือนั้น มันกำมือผมแน่น ยึดไว้ด้วยกล้ามแขนอันแข็งแรง ผมออกแรงดีดตัวข้ามก้อนหินไปอยู่ในน้ำผืนเดียวกับมัน มันยิ้ม ปล่อยมือผมลง ก้าวตามวิกเซอร์ไปติดๆ
 
ผมกัดปากแน่น
ไม่อยากจะยอมรับเลย แต่รอยยิ้มมันเมื่อกี้ ดูดีสุดๆ
 
“เฮ้ย!”
ได้ยินเสียงพี่หมอร้องดังอยู่ด้านหลัง ผมรีบหันไปมองทันที เพราะคิดว่าพี่หมอคงเดินพลาดล้มหัวฟาดพื้น ไฟทุกดวงส่องจ้าไปยังจุดเดียวกัน

พี่หมอล้มจริงๆ ครับ ลงไปนั่งหงายท้องอยู่ในน้ำที่สูงประมาณเอว รองรับร่างไว้ด้วยซันไรส์ที่นั่งอยู่ในท่าเดียวกัน บนหน้าอกเปียกๆ มีกบตัวเบ้อเร่อเกาะอยู่
 
ผมหัวเราะออกมาทันทีกับภาพที่เห็น คนปัดออกให้คือซันไรส์ มันขยับลุกยืน พยุงพี่หมอให้ลุกตาม
 
“ตกใจหมด คิดว่าโดนค้างคาวบินมากัดคอซะอีก”
 
ผมยังหัวเราะไม่หยุด กระทั่งรู้สึกถึงบางสิ่งหยุ่นๆ กระโดดมาเกาะแหมะกลางหน้าพอดี ผมนิ่งค้างไปชั่วครู่ก่อนร้องโหยหวนออกมาเป็นผีป่าช้าแตก จะปัดมันออก มันก็กระโดดดึ๋งจากหน้าผมขึ้นไปนั่งบนหัว ผมร้องว้ากออกมาอีกรอบ มันกระโดดจากหัวลงไปเกาะที่หลัง
 
มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกูรึงายยยยย
 
เสียงร้องโหยหวนของผมดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ กระทั่งไอ้บ๊วยมันโดดเข้ามาช่วยจับกบตัวนั้นโยนทิ้งไปไกลนั่นแหละ ผมตัวสั่นสยิว ไม่ได้กลัวกบ แต่แบบ….
 
พี่หมอยืนหัวเราะร่วน ผู้คนที่เดินตามมาโผล่หน้าเข้ามาดู โคตรอาย ผมรีบหนีความจริงด้วยการก้าวนำไอ้บ๊วยไปก่อน
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากคนด้านหลัง ผมเบรกกึกหันไปมอง พี่หมอกับซันไรส์ยังอยู่ที่เดิม
 
“หยุดหัวเราะไปเลย”
 
มันเลิกคิ้วสูง พยุงหน้าหล่อๆ ของมันให้ดูดีขึ้นไปอีก
 
“สงสัยมันจะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายมากระโดดเกาะเจ้าหญิงหวังจุมพิต”
 
“คิดได้ปัญญาอ่อนมาก ปีศาจเสียมากกว่า โดดเกาะมาได้เต็มหน้าเลย”
ผมลูบหน้าลูบปากตัวเอง

“ถูกปากด้วยเหรอเมื่อกี้” มันถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส
 
“เต็มๆ เลย ขยะแขยง”
ถ้าเห็นยังพอทน แต่นี่โดดโป๊ะเข้าเต็มหน้าเลย บ๊วยมันขยับเข้ามาชิด จับท้ายทอยผม ตรึงให้หน้าแหงน ใช้มือดันคางผมให้เงยขึ้น แล้วทาบปากลงมา ผมตาโต
 
ทำบ้าอะไรของมันเนี่ย!!!
 
มันบดเบียดริมฝีปาก แทรกลิ้นเข้ามาด้วย ทำอยู่พักใหญ่ก็ปล่อยปากออก
 
“หงส์จะมีเจ้าชายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คือเฮีย”
 
ผมอ้าปากพะงาบๆ
 
“ประสาท”
ผมรีบหันหลัง เดินรุดๆ นำไปก่อน ใช้หลังมือปาดปากตัวเองไปเบาๆ
 
ผมระมัดระวังการเดินให้มากขึ้น ดีไม่มีกบเจ้าชู้ตัวไหนมากระโดดใส่หน้าหรือปากผมอีก (โดยเฉพาะมนุษย์กบ น่ากลัวมาก โดนแล้วมีผลทำให้หน้าร้อนครับ) ระยะถ้ำทำเอาเดินกันเป็นชั่วโมง สนุกปนเหนื่อยดี
 
สวยงามขนาดไหน การได้ออกมาจากถ้ำก็ทำให้รู้สึกดี ผมรีบสูดเอาอากาศภายนอกเข้าปอด ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีพอควร
 
เราเดินกลับออกมา กว่าจะกลับถึงที่พักก็ค่ำมากแล้ว เราจัดการสั่งอาหารเพื่อกินกันริมน้ำก่อนอาบน้ำ พออาบเสร็จกันครบหมดทุกคนอาหารก็มาพอดี
 
ท้องฟ้ายามค่ำคืนสวยงามเสมอ พอกินข้าวอิ่มพี่หมอก็ขอตัวเข้าไปพักผ่อนต่อ ผมจะเข้าไปนอนบ้าง แต่บ๊วยมันดึงข้อมือผมไว้ แม้แต่ซันไรส์กับวิกเซอร์ก็หายไป
 
“เฮียยังไม่ง่วง”
 
“ไม่ง่วงก็นั่งดูดาวไป จะนอน”
 
“ดูเป็นเพื่อนเฮียหน่อย”
 
“ไม่”
 
“หงส์”
 
ลืมไปว่ากูต้องทำตามคำสั่งมึง ผมจิ๊ปาก แต่ลูกผู้ชายสัญญาต้องเป็นสัญญา ถ้ายังไม่สัญญาปฏิเสธหน้าด้านได้
 
ผมเดินหน้ามุ่ยไปยังเก้าอี้ชายหาด
 
แต่คิดเหรอครับว่าผมจะได้นั่งเก้าอี้ตัวเอง
 
หวังไปเถอะ มันดึงผมลงไปนั่งบนตักมัน
 
“มันนั่งสบายไหม”
ผมบ่นหงุมหงิม มันหัวเราะหึๆ โอบกอดผมไว้
 
“หงส์ร้องเพลงเป็นไหม”
 
“ถ้าจะให้ร้องให้ฟัง แนะนำว่าอย่า ไม่งั้นขี้ไม่ออกแน่ๆ”
 
มันหัวเราะหึๆ
 
“ทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอ”
 
“ควายออกลูกยังไง ก็อย่างนั้น ไล่ตามคีย์ไม่เคยทัน”
 
มันหัวเราะเสียงดัง
 
“เห็นครางออกเพราะ คิดว่าจะร้องเพลงเพราะด้วย”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว
 
“ครางมันไม่ต้องอาศัยจังหวะนี่หว่า”
ผมพูดเบาๆ ไม่หวังให้มันได้ยิน
 
“อะไรนะ”
 
“เปล๊า ไม่มีอะไร”
 
“อยากฟังหงส์ร้องเพลง”
 
“ร้องได้แต่เพลงชาติ จะฟังไหมล่ะ”
 
“งั้นเฮียร้องให้ฟัง”
 
“ไม่อยากฟัง”
 
“ฟังหน่อยละกัน เฮียเพิ่งหัดร้องมาเมื่อคืน”
 
ผมมองหน้างงๆ
 
“เอาเวลาไหนไปหัดก็ในเมื่อ…”
ผมหยุดคำไว้ เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ค่อนคืนไปแล้ว
 
พอรู้ว่าโดนหลอกผมก็เมินหลบเสีย
 
“ตามใจ ถ้าร้องไม่ได้เรื่องจะผลักตกน้ำ”
 
มันหัวเราะหึๆ

(อ่านต่อ >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3646453#msg3646453
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2017 20:07:35 โดย memew »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ tamaya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :fire: ขออ่านอีกค่ะ ขอยาวๆให้หายคิดถึง :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :o8: ใจละลาย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวาน~~~

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
หวานนนน

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
(ต่อค่ะ)

‘อยากรู้จัก อยากให้เธอรู้จัก อยากเป็นคนรักเธอ อยากให้เธอได้หันมอง แบบว่าฉันคนธรรมดา ไม่ใจร้าย ถ้าลองได้คบจะดูแลเธออย่างดี’
 
อื้อหือ หน้าตาอย่างมัน ผมคิดว่าจะร้องเพลงแนวเก่าๆ โบราณๆ ซะอีก เอาซะคึกคักเชียว มันเล่นร้องเพลงของพี่เอก สุรเชษฐ์ซะด้วย (ชื่อเพลง 'ที่รัก(เธอ)' ครับ ไปหาเปิดฟังกันได้ เพราะมาก)
 
มันยิ้มนิดๆ
 
‘ความรู้สึก เธอคือคนพิเศษ อยากให้ลองรักดู อยากให้รู้ว่ารักเป็น ก็เลยร้องมาเป็นทำนอง ชา ดี ดา
ถ้าได้เป็นแฟนจะดูแลเธออย่างดี
เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง’
 
‘ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ’

มันไม่ร้องเปล่า กระชับกอดผมแน่นขึ้น ท่อนล่างผมแนบติดกับมันไปเรียบร้อย แต่ผมพยายามเอนท่อนบนหนี
 
‘ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ’
มันเขย่าขาตามเนื้อเพลงจนตัวผมเด้งดึ๋งๆ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ หน้าร้อนผ่าว อยากต่อยมันสักหมัด แต่เกรงใจ กลัวมันร้องไม่จบเพลง ผมจะยอมเป็นผู้ฟังที่ดี จะจำใจฟังมันร้องจนจบเพลงละกัน

‘ลองคิดดู หากเธอยังว่างอยู่ เชิญเธอลองพิสูจน์ เธอจะรักฉันรับรอง ก็ตัวฉันเป็นคนตรงๆ ไม่รวนเร ก็จะไม่เขวไม่มองใครนอกจากเธอ
 
เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง
 
ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ’


รู้สึกว่าทั้งหน้าทั้งตัวผมมันร้อนไปหมดจนอยากโดดน้ำสักตูมสองตูมให้คลายร้อน มันเล่นร้องไปยิ้มไป มึงจะยิ้มบ่อยไปไหม ทำหน้านิ่งๆ ขรึมๆ แบบที่กูเห็นแรกๆ ดีกว่านะ กูรวนได้ง่ายดี ทำหน้าแบบนี้รวนลำบาก
 
มันขยับริมฝีปากเข้ามาใกล้
 
“ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจเต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉันที่รักเธอ”
ประโยคท้ายมันพูดชิดติดริมหูผมเลย
 
มึงกำลังจะขอกูคบเหรอ กูว่ามึงข้ามขั้นไปไกลมาก เล่นแต่งงานกับกูก่อน ซั่มกูจนเยิน แล้วถึงมาขอคบเนี่ยนะ
 
แล้วคำว่ารักนั้นล่ะ มันร้องตามเนื้อเพลง หรือมีความหมายตามคำพูด
 
“เพราะไหม”
 
“งั้นๆ พี่เอก สุรเชษฐ์ร้องเพราะกว่า”
 
มันหัวเราะหึๆ
 
“เฮียไม่เคยร้องเพลงให้ใครฟังเลยนะ หงส์เป็นคนแรกที่เฮียร้องให้ฟัง”
 
ภูมิใจดีไหม
ผมทำเมินมองไปที่อื่น หูเหมือนมีควันพุ่งออกมาเป็นทาง มันกระชับกอดผมแน่นขึ้น
 
มีแสงจากฟากฟ้าพุ่งลงมาเป็นทางอย่างเห็นได้ชัดตรงหน้า ผมตาโต
 
“ดาวตก!”
ผมรีบหลับตาอธิษฐานทันที

สาธุขอให้ผมมีอิสระ มีความสุข หลุดพ้นจากบ่วงทุกข์นี้เร็วๆ เถอะ
 
“ไม่ขอรึไง”
ผมถาม เพราะเห็นมันยังนั่งนิ่ง
 
“ขอทำไม เฮียได้ในสิ่งที่เฮียต้องการอยู่แล้ว”
 
“อะไร”
 
“หงส์ไง”
 
ผมนิ่งไป เลือกเสหลบ ความสับสนวิ่งชนหัวใจ ดวงตาที่มองมาดูจริงจังจนน่าตกใจ ผมไม่ถามต่อ ไม่อะไรทั้งนั้น
 
คงเพราะผมกลัว กลัวจะต้องก้าวต่อ ผมขอหลบๆ หลีกๆ แบบนี้ไปก่อนละกัน
 
“เคยเล่นน้ำตอนกลางคืนไหม”
 
“บ้า ใครจะไปกล้าเล่น น่ากลัวจะตาย”
 
“วันนี้เรายังไม่ได้เล่นน้ำด้วยกันเลย เฮียอยากเล่นกับหงส์ เราเล่นน้ำกัน”
 
“นี่มันดึกแล้ว หนาว”
 
“ไม่หนาวหรอก มาเถอะ”
มันดันผมลุก ลากพาไปริมแพ
 
“ไม่เอาเฮีย มันมืด น่ากลัวออก เดี๋ยวพวกผีใต้น้ำมาลากลงไปหรอก”
 
มันหัวเราะร่วน
 
“เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”
จริงๆ ไฟตรงแพมี แต่มันก็น่ากลัวอยู่ดี มันหย่อนตัวนำร่องลงน้ำไปก่อน
 
มันเอาจริงแฮะ ลอยคอ พยักหน้าเรียก
 
“เร็วหงส์”
 
ผมเม้มปากแน่น กลัวก็กลัว อีกใจก็อยากลองเล่นดู อีกใจ(นิดเดียวจริงๆ ครับ แค่ 0.0001% อยากลงไปเล่นกับมัน)
 
ผมตัดสินใจหย่อนขาลงน้ำ มันเย็นกว่าตอนกลางวันก็จริง แต่ก็ไม่ได้เย็นมาก ผมทิ้งตัวลงน้ำเบาๆ ลอยคออยู่ไม่ห่างแพนั่นแหละ มันจับผมให้เกาะหลังมันไว้
 
“อยู่กับเฮียไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
 
“เพราะเฮียน่ากลัวที่สุด เป็นตัวกินตับที่น่ากลัวยิ่งกว่าผี”
ผมต่อให้ มันหัวเราะร่วน พาผมลอยคอไปเรื่อยๆ มันยึดจับแขนผมไว้เป็นตัวประกัน ผมเลยโอบสองขารอบเอวมันซะเลย
 
ดีแฮะ ไม่ต้องว่ายเอง มันว่ายน้ำลงไปในส่วนที่ลึกขึ้น
 
“แน่ใจนะว่าไม่มีผี”
 
“ถ้ามีเดี๋ยวเฮียจะจับมันยิงเป้า”
 
ผมศอกใส่หน้าอกกว้างไปที
 
“ยิงไปก็ไม่เข้า มันตายแล้ว”
 
รายนั้นหัวเราะร่วน

วิวกลางคืนท่ามกลางสายน้ำกว้างใหญ่สวยงามมากจริงๆ เห็นภูเขาหินเป็นทิวกั้น ต้นไม้ตะคุ่มๆ แสงสว่างจากเรือนแพ ดาวเต็มฟ้า ผืนน้ำที่สะท้อนทั้งดวงดาวและแสงไฟจนดูสว่างไสวไปหมด
 
“หงส์”
มันเรียกเสียงนุ่ม
 
“ครับ”
โอ้โห ผมก็ตอบรับมันซะเพราะเลย
 
“ไว้ใจเฮียนะ”

ผมมองมันงงๆ มันปลดแขนผมที่เกาะคอมันออก ผมจำต้องปล่อยขาด้วย มันลากผมไปด้านหน้า ช้อนตัวผมนอนหงายในท่าอุ้มเจ้าหญิง
 
“ดาวทั้งหมดบนท้องฟ้าน่ะ เฮียยกให้หงส์คนเดียวเลย”
โอ้โห โคตรใจดีเลย แต่ได้ข่าวว่าดาวเป็นของธรรมชาติไม่มีใครเป็นเจ้าของได้หรอก

เพราะนอนหงายอยู่กลางน้ำที่ไม่มีหลังคาแพหรือสิ่งใดมากั้น วิชั่นขวางอย่างเดียวคือตัวมันนี่แหละ มันทำให้ผมเห็นดาวได้ชัดยิ่งกว่าเดิม
 
“สวย”
ผมพูดตามจริง มันขยับพาผมหมุนเป็นวงกลม น้ำท่วมตัวผมอยู่ครึ่งหนึ่ง เวลาถูกวาดเป็นวงกลมแบบนี้มันทำให้รู้สึกดีพิลึก ผมกางแขนออกอย่างรู้สึกสบาย
 
“หงส์”
มันเรียกผมเสียงเบา ผมลดสายตาจากดวงดาวสบตามัน มันไม่พูดอะไร ก้มลงมาแนบจูบแผ่วเบา ผมขยับเปลี่ยนจากนอนหงายมาเป็นทิ้งตัวลงประคองร่างกลางน้ำด้วยตัวเอง
 
เพราะเราว่ายออกมาอยู่ในจุดที่มืดมาก ผมจึงไม่กลัวว่าคนจะเห็น และบรรยากาศมันก็เป็นใจเหลือเกินให้ผมต้องยอมโอนอ่อน
 
รสจูบของมันนุ่มนวลสุดๆ ผมขยับปากตอบรับด้วยจังหวะผะแผ่วไม่แพ้กัน โอบสองแขนรอบลำคอแกร่ง
 
"I love you"
ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วข้างใบหู ยังไม่ทันที่ผมจะได้ประมวลผลอะไรมันก็ย้ายปากจากหูมาจูบใหม่

เมื่อกี้ผมได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า

มันรักผมเนี่ยนะ

รักตั้งแต่เมื่อไหร่

ตอนไหน

แล้วรักได้ยังไง

มันไม่เปิดโอกาสให้ผมได้สัมภาษณ์อะไร บดเบียดปากผมมากขึ้น

ผมไม่รู้ว่าเราจูบกันนานแค่ไหน หากถามดวงดาว ดวงดาวอาจตอบได้
 
แต่ดาวดวงไหนล่ะ เพราะมันหลายล้านดวงเหลือเกิน

มันจูบจนปากผมชาช้ำถึงได้ค่อยๆ คลายปล่อย ยกมือเกลี่ยแก้ม สัมผัสนั้นนุ่มนวลสุดๆ มันฝังปากลงบนหน้าผากผมอีกรอบเบาๆ   
 
“เรากลับกันเถอะ”
 
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ผมไม่ได้ว่ายกลับเอง แต่เกาะหลังมันเหมือนเดิม (อันนี้ไม่ใช่ผมเกาะเองนะครับ มันจับผมไปเกาะเองต่างหาก)

หวังว่าคืนนี้ ผมจะได้นอนเร็วเหมือนเดิมนะครับ
 
“หงส์”
 
เหอะ ฝันไปเถอะ





 
เพราะวันนี้ไม่ต้องแหกขี้ตาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหน เราจึงไม่ต้องตื่นเช้ากันมาก ผมลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ โดยมีตัวกินตับโอบกอดอยู่ข้างๆ ท้องพากันร้องจนน่าเกลียด มันสะลึมสะลือมอง
 
“หิวแล้วเหรอ”
 
“เสียงก็อดซิลล่าจากญี่ปุ่นบุกไทยมั้ง”
ผมตอบกวนๆ มันหัวเราะหึๆ จุ๊บขมับผมเบาๆ ตบหน้าขาจนผมสะดุ้ง
 
“ไปอาบน้ำได้แล้วป่ะ”
 
ผมรีบลุกจากที่นอน วิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที ออกไปก็เห็นมันนั่งเปลือยอยู่ข้างเตียงโดยมีแมคบุ๊กอยู่บนตักแล้ว
 
“หน้าด้าน”
ผมว่าไปตรงๆ มันเงยหน้ามอง ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาโยนให้มันกันอุจาด มันยกยิ้มมุมปาก กดปิดโน๊ตบุ๊กวางไว้บนเตียง
 
“ของหงส์ทั้งนั้น”
 
กูไม่อยากรับเว้ย!!
 
มันหัวเราะ เดินเข้าห้องน้ำไป ผมออกไปข้างนอกก่อน เห็นพี่หมอนั่งเล่นรอเหมือนเคย แต่ไม่ได้อ่านการ์ตูน มองวิวเฉยๆ หันมามองเมื่อผมออกไป
 
“อรุณสวัสดิ์ครับน้องหงส์ นอนหลับฝันดีไหม”
 
“ไม่ได้ฝันเลย”
ผมตอบตามตรง นั่งบนเก้าอี้ตัวเอง ซันไรส์เดินเข้ามาพร้อมข้าวต้มอย่างรู้หน้าที่ ผมซัดแหลกทันที กินไปได้แค่ครึ่งชามไอ้บ๊วยก็เดินออกมา ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเอง ไม่ได้เรียกให้ผมไปนั่งด้วย ช่วงเช้าของวันนี้ไอ้บ๊วยมันติดงานครับ ปล่อยให้ผมฟรีสไตล์ จะกลับมาพาเที่ยวอีกทีตอนบ่าย พอกินข้าวต้มหมดมันก็ไป

ส่วนผมหลังกินอิ่มก็มานอนตีพุงเล่นหน้าแพ เราเล่นน้ำกันจนชุ่มฉ่ำพอใจแล้ว วันนี้จึงไม่ได้ตื่นเต้นที่จะลงน้ำมาก นอนเล่นพักผ่อนไปละกัน แดดร่มลมตกสักหน่อยค่อยไปเล่นน้ำก็ได้

ผมหลับไปง่ายๆ ทั้งอย่างนั้น

To be Con...

ตอนนี้ทำเอาจิกหมอนขาดไปสองใบครึ่ง เหลือไว้อีกครึ่งเอาไว้หนุนนอนคืนนี้ >////<  ตอนหน้าซันไรส์เล่านะคะ
กับตอนที่ชื่อว่า : คุณหมอจอมป่วน 

ตัวอย่างตอนต่อไปค่ะ (น้ำจิ้มแซ่บ ๆ)

ผมปิดสวิตซ์ตัวเองลง ก่อนลืมตาพรึบเพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งเคลื่อนที่มาคร่อมร่างผมไว้
 
แม้จะมืด แต่สายตาผมก็มองเห็นได้ถนัดชัดเจน
 
“จะทำอะไรของคุณ วิกเซอร์เขาหูตาไว”
ผมพูดเสียงเบาหวังให้เขาได้ยิน แต่ไม่ให้น้องชายที่นอนอยู่ได้ยิน
 
“ไวขนาดไหนก็คงเอาชนะยานอนหลับที่ฉันให้ดื่มไปก่อนนอนไม่ได้หรอก”

หึ ๆ เอ๊ะ หรือว่าซันไรส์จะเสร็จหมอแน่ ๆ คืนนี้ >////< (เม้นท์ให้เค้าด้วยยยยยยย)

.
.
.
.
.
ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ ในเล้า : >> https://goo.gl/WbWxt8 (หรือตามเพจเอา)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อื้อหืออออ คุณหลง โรแมน นะค่ะ

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รักกันดีๆเร็วๆนะคะคู่หลัก
ตอนนี้กำลังแบ่งใจไปเชียร์หมออยู่
หมอสู้ๆ หมอสู้ตายยยย เผื่อน้ำยาล้างจานอินเลิฟปากจะได้หายจัดไปได้บ้าง :hao3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
พยศนิดๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เฮียก็โรแมนติกนะ

ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :กอด1: เรือขนน้ำตาลล่มค่ะ  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เฮียคงไม่ได้รักแรกพบหรอกนะ

ตอนแรกก็หมั่นไส้น้ำยาล้างจานหรอกนะ  หลังจากเจอหมอชักเริ่มสงสารแทนล่ะ  คุณหมอน่ากลัว  :hao7:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
หงส์ซาน
ตอนที่ 13 คุณหมอจอมป่วน
 
#ซันไรส์
ท้องฟ้ากำลังโปร่งสบาย ผมนอนอยู่บนผ้าใบ มือหนุนรองหัวไว้ มองผ่านทุกวิวทิวทัศน์ไม่ต่างกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบด้านหน้า วันนี้ลมโกรกสบาย คนด้านหน้าผมหลับ หลับพอๆ กับหงส์ซานที่นอนอยู่ระเบียงแพตัวเอง แสงยามสายสะท้อนอาบไล้ผิวเนื้อขาวผ่องดูเป็นประกายสวยงาม
 
ถ้าตัดหัวออก ตัดนิสัยลิงๆ นั้นออก ผมว่าหงส์ซานมีผิวที่สวยและละเอียดดี คงเป็นผิวปกติของคนที่มีเชื้อสายจีนแบบนั้น หันกลับมามองคนที่นอนอยู่บนแพเดียวกับผม ผิวของหมอขาวก็จริง แต่ไม่ขาวละเอียดแบบหงส์ซาน ไม่ขาวกร้านแบบผิวของผมด้วย
 
ใช่ ผมรู้ว่ามันละเอียดหรือไม่ละเอียด เพราะผมเคยสัมผัสมาแล้ว
 
ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจระบายความรู้สึกอึดอัดภายในลง เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างพร้อมจะระเบิดอยู่ภายในตลอดเวลา
 
และผมรู้ว่าทำไม 
 
…….
 
…..
 

 
..
 
พอรู้ว่าโดนหลอกให้ลงไปในน้ำ ผมก็เดินหงุดหงิดขึ้นมาอาบน้ำล้างตัวในห้อง พออาบเสร็จ ออกไปก็เห็นหมอยืนมองวิวอยู่ริมหน้าต่าง
 
“เดี๋ยวรอฉันอาบน้ำแป๊บ จะได้ออกไปกินข้าวกัน”
เขาบอกด้วยท่าทีปกติ ผมก็ตีเนียนเช่นกัน ผมออกไปด้านนอก เห็นหงส์ซานนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้ในสภาพตาปรือจะหลับมิหลับแหล่ ผมไม่ได้สนใจ ยืนคอยหมอนิ่งๆ กระทั่งหมออาบน้ำเสร็จ เดินไปสะกิดปลุกคนที่ตาปิดลงไปแล้ว
 
หมอยื่นเมนูให้ หงส์ซานตาโตทันที ท่าทางจะตื่นแล้วเรียบร้อย เปิดเมนู รัวปากสั่ง ถ้าไม่กะฟันหมอหัวเละก็คงจะสั่งเผื่อผมกับหมอด้วย
 
และก็เป็นไปตามคาด หงส์ซานสั่งมาเผื่อผมกับหมอจริงๆ
 
เนื่องจากจำนวนแขกที่นี่ค่อนข้างเยอะ มากันเป็นกลุ่มหรือครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ทำให้กว่าจะได้อาหารใช้เวลาเป็นชั่วโมง หงส์ซานบ่นแล้วบ่นอีกจนน่ารำคาญ ผมกะว่าถ้าทางที่พักไม่เอาอาหารมาเสิร์ฟอีกภายใน 10 นาทีนี้ ผมจะดำลงไปในน้ำแล้วจับปลามาย่างยัดปากหงส์ซานเสีย
 
พอมาถึงสองคนนั้นก็ลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่ผมกินด้วยความเร็วปกติ ผมถูกฝึกให้อดอาหารมาก่อน ต่อให้หิวขนาดไหน เวลากินก็ต้องมีระเบียบแบบเดิม พออิ่มหงส์ซานก็หลับไปง่ายๆ ผมไม่ได้สนใจ เอนตัวพักผ่อนเช่นกัน
 
สายลมยังคงพัดไหว ผมปิดเปลือกตาลง ไม่ต้องห่วงว่าจะมีภยันตรายที่จะมาถึงหงส์ซาน ไม่มีหรอกสำหรับที่นี่ ถึงจะมีจริง ผมก็ช่วยเหลือเขาไว้ได้อยู่แล้ว
 
ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งทาบลงมาบนริมฝีปาก ผมตะปบสิ่งนั้นอัตโนมัติจนเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน แต่เป็นความชัดในระยะประชิดมากเกินไป
 
ทั้งที่ผมผ่านการฝึกมาแล้วอย่างหนัก แต่ก็ยังพลาดพลั้งให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
 
หมอกำลังจูบผมอยู่ ก้มลงมาจูบทางหัว ปากเราประสานกันในลักษณะเขากลับหัว ผมรีบผลักคนด้านบนออก เขายิ้ม ยืดตัวบิดขี้เกียจ
 
“น่านอนเนอะ”
แล้วก็เดินกลับไปหย่อนตัวลงนอนอีกครั้ง
 
เขาป่วนจนผมหลับไม่ลง แต่ตัวคนป่วนเองนอนกรนฟี้ๆ ไปแล้ว ผมนั่งหงุดหงิด กระทั่งเจ้านายผมกลับมา พอเห็นสภาพทั้งเพื่อนทั้งคนรักก็ส่ายหัว หมอรู้สึกตัวตื่นก่อน แต่หงส์ซานยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ขนาดโดนเจ้านายอุ้มเข้าห้องยังไม่รู้สึกตัว
 
ผมเลิกสนใจหันไปพูดคุยกับวิกเซอร์เพื่ออัพเดทงานของเจ้านาย
 
เอาตามจริงแล้วหมอถือว่าเป็นคนที่รู้ใจเจ้านายผมมากที่สุด เขาสั่งอาหารเตรียมไว้ให้เจ้านายผมเรียบร้อย ผมยืนอยู่ห่างๆ เพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งเคียงคู่กับวิกเซอร์ ปกติเจ้านายไม่เคยมีความลับอะไรกับผมและวิกเซอร์ซึ่งถือว่าเป็นคนสนิท ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
 
เจ้านายท่านเตรียมไวน์ไว้ เมื่อสัญญาณมาผมก็เดินไปหยิบมารินให้อย่างรู้หน้าที่ ผมรินเครื่องดื่มใส่แก้วแรก ยื่นให้เจ้านายก่อน แต่เจ้านายนำมันไปยื่นให้หงส์ซานแทน แก้วถัดไปเป็นของท่านเอง ผมรินอีกแก้วยื่นให้หมอ เขามองตาผม เอื้อมมารับแก้วไวน์ช้าๆ ไม่ได้รับเปล่า แต่กุมมือผมไว้ เรียวปากได้รูปเผยรอยยิ้มยั่ว ผมไม่สนใจท่าทีแบบนั้น ดึงมือออกง่ายๆ
 
ยั่วขนาดไหนผมก็ไม่หลงเสน่ห์หรอก เป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง
 
ท่ามกลางดวงดาวที่กำลังทอแสง เสียงผู้คนจากแพข้างๆ พากันส่งเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน ผสานเสียงดนตรีจากกีตาร์จากแพใดแพหนึ่ง แต่คนในแพเราเงียบสนิท วิกเซอร์เงียบเพราะกำลังทำหน้าที่บอดี้การ์ดไม่ต่างกับผม ถึงงั้นวิกเซอร์ก็ยังเพลิดเพลินกับดวงดาวด้านบนและผิวน้ำด้านล่างได้ เจ้านายนอนบนผ้าใบ ทำตัวเป็นเบาะรองกิตติมศักดิ์ให้หงส์ซานอิงแอบแนบแผ่นอก หงส์ซานตัวเล็ก นั่งบนตักเจ้านายผมได้สบายๆ หัวเล็กพิงซบอกกว้าง สายตาทอดมองท้องฟ้า สองวงแขนใหญ่โอบกอดร่างน้อยแน่น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข
 
ผมยิ้มออกมานิดๆ ที่เห็นเจ้านายของผมมีความสุขแบบนี้  ต่อให้คนรักของเจ้านายจะมีเผ่าพันธุ์เป็นลิงก็เถอะ = =
 
หมอนอนบนผ้าใบตัวเอง สองแขนหนุนรองหัว ตามองท้องฟ้า รสจูบนุ่มๆ ของเขายังคงฝังอยู่กับปากผม ผมละสายตาจากเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าตาม
 
สองทุ่มกว่าๆ ทุกคนก็พากันเข้านอน นำไปก่อนคือหมอ ผมกับวิกเซอร์ต้องเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อยก่อนตามหน้าที่ พอเรียบร้อยก็พากันเข้านอนด้วยเช่นกัน คนที่เข้าไปก่อนหลับแล้ว วิกเซอร์เป็นคนปิดไฟ ผมทิ้งตัวลงนอน ผสานมือไว้บนอก ปิดเปลือกตาลง
 
เราถูกฝึกมาให้ปิดสวิตทันทีเมื่อไม่มีเหตุเภทภัยภยันตรายใดๆ แต่ก็จะว่องไวเสมอเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หรือได้ยินเสียงเรียกของเจ้านาย

ผมปิดสวิตซ์ตัวเองลง ก่อนลืมตาพรึบเพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งเคลื่อนที่มาคร่อมร่างผมไว้
 
แม้จะมืด แต่สายตาผมก็มองเห็นได้ถนัดชัดเจน
 
“จะทำอะไรของคุณ วิกเซอร์เขาหูตาไว”
ผมพูดเสียงเบาหวังให้เขาได้ยิน แต่ไม่ให้น้องชายที่นอนอยู่ได้ยิน
 
“ไวขนาดไหนก็คงเอาชนะยานอนหลับที่ฉันให้ดื่มไปก่อนนอนไม่ได้หรอก”
 
ผมเบิกตาโพลง ขยับลุกนั่งโดยที่อีกคนก็ยังไม่ได้หลีกหนีไปไหน หันไปมองน้องชาย หยิบไฟฉายบนหัวเตียงที่เตรียมพร้อมไว้เสมอมาเปิดส่องดู
 
“วิกเซอร์”
ผมเรียกเสียงหนักๆ น้องผมนอนกรนฟี้ๆ เป็นสัญญาณว่าเขาได้หลับลึกไปแล้วจริงๆ
 
ไปทำอีท่าไหนพลาดท่าให้หมอได้เนี่ย
 
“ทำอะไรของคุณ”
ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ยังคร่อมตักผมไว้อยู่ ผมยังไม่ได้ปิดไฟฉายจึงมองเห็นใบหน้าคนด้านบนได้ชัดขึ้น
 
“เสียงครางของหงส์ซานเร้าใจเกินไป นอนไม่หลับ”
 
“มันเรื่องของคุณ ถ้าทนไม่ไหว ห้องน้ำยังมี จะนอนมาสเตอร์เบทคนเดียวบนที่นอนผมก็ไม่ว่า”
ผมพูดตรงๆ คนตรงหน้ายกยิ้ม ลดมือลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็วกระชากดึงกางเกงผมออก งัดน้องผม(ที่ไม่ใช่วิกเซอร์)ออกมาโชว์หราด้านนอก ผมรีบจับมือนั้นไว้ทันที หมอใช้มืออีกข้างจับ ตัวผมร้อนวาบ น้องผมกระตุกตื่นวูบ
 
สองมือหมออยู่ในมือผมเรียบร้อย หมอเหลือบตามองผมนิดหนึ่ง
 
“รู้สึกเหมือนมันกำลังคิดถึงฉันนะ”
 
ผมกัดกราม บังคับไม่ให้ด้านล่างรู้สึกอะไร หมอยกยิ้ม ขยับตัวก้มหน้าทั้งที่สองข้อมือยังไม่เป็นอิสระ แตะปลายลิ้นลงบนปลายยอดน้องผมที่ตื่นขึ้นมาแล้วนิดหนึ่ง เพียงชั่วสัมผัสแผ่วเบา มันก็ดีดเด้งขึ้นมาตั้งตรง เขาตวัดปลายลิ้นมากขึ้น ใช้ลิ้นยกมันขึ้นมา แล้วครอบครองไว้ในปาก
 
น้องผมแข็งทื่อ เขม็งเกลียวจนเส้นเอ็นปูด หมอใช้ปลายลิ้นแตะลากเป็นทาง วกจนรอบ แล้วกลับมาแหย่รูรูปปากปลาวาฬของผม หยาดน้ำใสๆ ไหลล้นออกมา มันสั่นริก หมอตวัดกินเหมือนแมว ผมซี้ดปาก จ้องมองทุกการกระทำนั้น
 
ใจอยากผลักเขาออก แต่สิ่งที่เขาทำมันทำให้ผมหยุดเขาไว้ไม่ได้
 
หมอลดหน้าต่ำลงไปอีก กลืนน้องผมไว้ทั้งอันลึกเข้าไปในลำคอ ผมแทบบ้า ผู้หญิงยังทำไม่เก่งเท่าหมอเลย ผมครางอย่างพอใจ พอเขาชักมือกลับ ผมจึงยอมปล่อยไปง่ายๆ
 
วิกเซอร์ยังนอนอยู่ ได้ยินเสียงกรนดังประกอบ
 
หมอเลื่อนมือที่เป็นอิสระมาจับน้องผมบีบขยำ ปรนเปรอผสานกันกับลิ้นและริมฝีปาก ผมจับหัวหมอไว้ คลึงเบาๆ กัดกราม คำรามในลำคอ พลังดูดของหมอเหลือร้าย เพียงชั่วอึดใจผมก็พุ่ง ผมหอบแฮก มองคนที่หน้าและมือบางส่วนเลอะสิ่งที่ผมพ่นออกมาเมื่อกี้ หมอตวัดทำความสะอาด ยกหน้าขึ้นมาเลียหลังมือ เช็ดที่เลอะตรงแก้มด้วยปลายนิ้ว ตวัดเลียเข้าปาก
 
ผมกัดกรามกับภาพยั่วตรงหน้า
 
ผมจะไม่หลงเสน่ห์คนตรงหน้าเด็ดขาด
 
เขามองตาผม ขยับเข้ามาชิด โอบรอบลำคอ แนบริมฝีปากเข้ามา
 
ผมอยากผลักเขาออก แต่ลิ้นร้อนๆ กระตุ้นเร้าให้ผมต้องเคลื่อนไหวตาม เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปด้านล่าง พักหนึ่งก็รู้สึกถึงแรงขยับ ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของตัวเขาเอง หมอครางในลำคอ ถอนปากต่ำลงไปซุกซอกคอผม ขบเม้ม มันสยิวดีอยู่หรอก คนตรงหน้าผมขยับมือเร็วขึ้น เขาเลื่อนปากขึ้นมาจูบอีก ครั้งนี้ผมถึงได้เห็นสายตาเขาชัดๆ มันเป็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
 
ผมควรทำยังไงดี
 
ยุติเรื่องบ้าๆ นี้ด้วยการผลักเขาออก
 
อยู่นิ่งๆ เพื่อให้หมอหยุดเอง
 
หรือโดดลงไปในหลุมพรางที่หมอขุดไว้

 
หมอถอนปากออก ไม่ได้ซุกซอกคอผมอีก เพียงแต่กอดผมไว้นิ่งๆ ขยับท่อนล่างเร็วขึ้น กระทั่งทุกอย่างจบลง
 
ผมยิ้มดีใจที่ไม่ได้โดดลงไปในหลุมที่หมอดักวางไว้ หมอหอบแฮกกับอกผม กลิ่นหัวหอมๆ ลอยกรุ่น
 
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาพูดแค่นั้น ยกหน้าขึ้นมาจูบผมแผ่วเบา เก็บน้องตัวเองเข้ากางเกง คลานกลับไปยังฟูก
 
ผมยังนั่งนิ่งอยู่กับที่ มองร่างที่กำลังทิ้งตัวลงนอน หมอขยับตะแคงข้าง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมที่เอว
 
ใช่ ผมคือผู้ชนะในเกมนี้ ชนะที่ไม่ตกหลุมพรางของคนข้างๆ
 
ผมบดกราม ก้มมองบางสิ่งที่กำลังผงาดตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกระเส่าข้างหู ไม่รู้หมอตั้งใจ หรือว่าไม่รู้ตัวกันแน่
 
ผมขยับลุกพรวดจากฟูกตัวเองไปคร่อมร่างของหมอไว้ เขาหันมามอง สีหน้าดูตื่น ผมจับสองข้อมือหมอตรึงเหนือหัว ก้มหน้าฉกปากของคนด้านล่างทันที
 
“คุณหาเรื่องเองก่อนนะหมอ”
ผมถอนปากออกมาขู่เสียงต่ำ เลื่อนปากลงไปที่ลำคอ
 
ผมรวบจับสองมือหมอด้วยมือเดียว มืออีกข้างล้วงผ่านชายเสื้อเข้าไปลูบไล้ผิวเนื้อเนียนๆ ผมคำรามเสียงต่ำ งับซอกคอ ลากปากต่ำลงไปยังร่องอก สาบานได้ว่าผมไม่มีทางพิศวาสร่างกายผู้ชายด้วยกันเองแน่ๆ
 
“คุณเอายาพิเรนทร์อะไรให้ผมกินใช่ไหม”
เอาตามจริงแล้วผมยังไม่ได้ดื่มหรือกินอะไรนอกเหนือจากมื้อเย็นเลย
 
“เปล่า อึก เจ็บซันไรส์ เบา”
 
ผมไม่ฟัง ปล่อยมือด้านบนออกมาจับสองเอว ซุกหน้าไล่งับไปทั่วทั้งแผงอก เขาจับหัวไหล่ผมแน่น บีบแรง
 
“หยุด ซันไรส์!!”
หมอห้ามปรามมาเสียงดังขึ้น แต่คิดว่าจะหยุดผมได้รึ ผมจับสองมือหมอกางขึงเมื่ออีกคนพยายามหยุดผมไว้
 
“ใจเย็น ซันไรส์ ที่นี่ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้เตรียมพร้อม”
 
ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น จับหมอพลิกคว่ำ ยกสะโพกขึ้น ทาบแผงอกกับแผ่นหลังหมอ ปากยังไม่หยุดงับคอ ผมจับน้องตัวเองตรงเข้าหาเป้าหมายทันที
 
“อึก”
ผมสะอึกไปเพราะความคับแน่นของคนด้านล่าง
 
“เข้าไม่ได้หรอก ยังไม่ได้เตรียมความพร้อมเลย”
หมอบอกด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น พยุงตัวอย่างทุลักทุเลพลิกหงาย ใช้มือคว้าจับน้องผมไว้
 
“ขืนทำตอนนี้ มีหวังฉันลุกไม่ขึ้นสำหรับพรุ่งนี้แน่ ใจเย็นก่อนสิ”
เขาพูดไปลูบไล้ด้านล่างของผมไป ขยับลุกขึ้นมานั่งดีๆ แล้วก้มปรนเปรอผมด้วยปากและมืออีกรอบ ผมครางอย่างพอใจ จับหัวหมอไว้ รอรับการดูแลอย่างถึงอกถึงใจนั้น

กระทั่งผมไปอีกรอบ หมอยังใจดีไม่หยุด เขากระตุ้นเร้าผมให้ตื่นใหม่ปรนเปรอผมอีกที จนผมเสร็จไปรวมสามรอบเน้นๆ เพียงแค่จากปากและมืออันเรียวได้รูปนั้น
 
“นอนได้แล้ว ฤทธิ์ยานอนหลับที่ให้วิกเซอร์ไปอยู่ได้แค่ 2 ชั่วโมง”
 
ผมมองตาหมอ แต่ก็ยอมล่าถอย กลับไปนอนที่ของตัวเอง
 
เพราะโดนสูบพลังไปเยอะ เพียงแค่หัวแตะหมอผมก็หลับเป็นตายไปทันที
 
ผมตื่นเพราะเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกไว้ข้างตัว ขยับลุกนั่ง วิกเซอร์ลุกตาม ผมให้น้องไปอาบน้ำก่อน เพราะผมจะไปปลุกเจ้านายและหงส์ซาน วิกเซอร์ลุกอย่างว่าง่าย หันไปมองคนด้านข้าง หมอยังคงนอนนิ่ง ผมขยับลุกยืน แต่อยู่ๆ ก็ต้องล้มโครมลงไปคร่อมร่างของคนที่นอนอยู่เพราะแรงฉุดที่ชายเสื้อ มือของคนที่ผมคิดว่าหลับอยู่ตะปบมาที่ท้ายทอย เขากดหัวผมลงต่ำ ปากผมสัมผัสเข้ากับปากอุ่นๆ ของคนด้านล่าง หมอบดขยี้เบาๆ แต่เพียงภายนอกเท่านั้น แล้วค่อยๆ ถอนปากออก
 
“อรุณสวัสดิ์”

ผมจ้องตาคนด้านล่าง วิกเซอร์เปิดไฟแล้ว ผมจึงเห็นเขาได้ชัดเจน ผมไม่ได้พูดตอบอะไร ขยับลุกขึ้นยืนอีกรอบ
 
“ถ้าตื่นแล้วก็เตรียมตัวอาบน้ำไปดูพระอาทิตย์ขึ้นละกัน ผมจะไปปลุกเจ้านาย” ผมบอกแค่นั้น เดินออกจากห้องไป
 
เพียงแค่จูบเท่านั้น
 
ผมออกจากห้อง ไม่ได้ตรงไปยังแพเจ้านาย แต่ยืนสงบอารมณ์อยู่ในมุมมืดแถวๆ หน้าห้องนั่นแหละ บังคับให้บางสิ่งที่ตื่นขึ้นมาหลับใหลลงไปดังเดิม ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก กระทั่งร่างกายสงบถึงได้เดินไปเคาะปลุกเจ้านาย
 
 
ผมกลับเข้าห้องไปอาบน้ำอีกครั้งต่อจากหมอ ไม่มีคำพูดใดๆ จากปากเราอีก เรือมารอรับอยู่แล้ว พอถึงเวลาทุกคนก็ก้าวขึ้นเรือ เจ้านายรับหน้าที่ดูแลหงส์ซานประหนึ่งเจ้าชายน้อย พากันก้าวนำขึ้นไปก่อน หมอเป็นคนถัดไป ผมก้าวตาม ตอนแรกจะนั่งหลังสุดคู่กับวิกเซอร์ แต่หมอหันมามอง
 
“ซันไรส์มานั่งนี่”
เขาพูดพร้อมมองตา
 
ผมไม่ได้ปฏิเสธอะไรให้เป็นเรื่อง ก้าวตามไปนั่งเคียงข้าง ปล่อยให้วิกเซอร์นั่งหลังไป รอบด้านยังคงมืดแต่ไม่สนิท แค่สลัวราง เวลาตอนนี้คือตีห้าหน่อยๆ เขาพาเราวิ่งแทรกผืนน้ำไปหยุดอยู่กลางแม่น้ำ ด้านหน้าคือร่องเขาที่คาดเดาเอาว่าพระอาทิตย์น่าจะขึ้นตรงจุดนี้พอดี
 
ผมจ้องมองสิ่งนั้นไม่วางตา แสงแรกค่อยๆ แทรกผ่านขุนเขาขึ้นมา แสงนั้นสว่างขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งส่วนหัวของลูกสีส้มกลมๆ โผล่ขึ้นมาด้วย
 
ผมนั่งมองมันนิ่งๆ แต่คนที่ไม่นิ่งคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม เขาหยิบกล้องมือถือมากดถ่าย ทั้งถ่ายตัวเอง ถ่ายคนรอบข้าง แม้แต่ผมก็พลอยถูกดึงให้ไปร่วมวงด้วย การเคลื่อนไหวใดๆ บนเรือทำให้เรือโคลงเคลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้ถึงกับจม (ต่อให้จมก็ไม่ตาย)
 
หมอได้ภาพหน้ามุ่ยๆ ของผมไปสามภาพ กระทั่งพระอาทิตย์โผล่เหนือทิวเขาขึ้นไปผงาดอยู่บนท้องฟ้า พวกเราถึงพากันบ่ายหัวกลับ
 
หมอนั่งดูรูปอยู่ข้างๆ ระยะห่างระหว่างเราหายไปนานแล้วด้วยความเนียนของอีกคน เนียนจนเป็นเรื่องปกติ ไหล่เราชิดไหล่ ผมจะไม่คิดอะไรเลยถ้าภาพเรือนร่างของหมอที่ผมสัมผัสเมื่อคืนจะไม่ฉายแวบเข้ามาในหัว
 
“ยิ้มให้กล้องหน่อยก็ได้นะ ดูสิกล้องแทบจะบูดตามหน้าไปแล้ว”
หมอยกภาพให้ดู ผมไม่ได้สนใจ มองตรงไปด้านหน้านิ่งๆ
 
ผมเห็นเขากดเปลี่ยนวอลเปเปอร์จากภาพตัวเองและเจ้าหมาสี่ตัวที่บ้านมาเป็นรูปของตัวหมอเองกับผม หมอฉีกยิ้มกว้างในขณะที่ผมนั่งหน้าบูด ด้านหลังเยื้องไปทางขวาคือพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังฉายแสงแรกอรุณ
 
เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนเจ้าตัวจะกดล็อกหน้าจอ ถือมือถือไว้ในมือเฉยๆ เหมือนเดิม
 
วันนี้เจ้านายผมหยุดเพื่อทำกิจกรรมกับหงส์ซานทั้งวัน หลังมื้อเช้าที่เป็นข้าวต้มง่ายๆ พวกเขาก็ไปพายเรือคายัคกัน เจ้านายผมพายไปกับหงส์ซานสองคน อีกลำเป็นของหมอที่นั่งพายไปคนเดียว
 
ผมกับวิกเซอร์ยืนอยู่บนฝั่งเพื่อสังเกตการณ์ไปนิ่งๆ
 
“ดูท่าเจ้าลิงนั่นจะหลงเสน่ห์เจ้านายเราแล้ว”
วิกเซอร์พูดขึ้นมาเรียบๆ ผมมองตาม รู้อยู่แล้วเลยไม่ตอบว่าอะไร เหลือบสายตามองไปยังเรืออีกลำที่หมอกำลังพายเล่นเอื่อยๆ อยู่
 
ผมรีบหลบสายตาหนีเสียเพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดในกางเกงขึ้นมา
 
ไม่รู้ว่าลิงกังนั่นคิดไงถึงได้มาท้าหมอแข่งพายเรือ หมอรับคำโดยมีเจ้านายผมขอร่วมลงแข่งด้วย โดยมีกติกาที่มองยังไงก็เหมือนเจ้านายผมขุดเอาไว้ล่อให้ลิงวิ่งไปตก
 
ก่อนตอบตกลงแข่ง หงส์ซานน่าจะศึกษาคู่แข่งสักหน่อยว่าเขาเหนือหรือด้อยกว่าเพียงไร เพราะบื้อและไร้สติแบบนี้นี่เอง พ่อแม่ถึงได้เป็นห่วงจนต้องจ้างครูมาสอนที่บ้าน และถูกดูแลอย่างกับไข่ในหินขนาดนั้น (แลดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยรู้เรื่อง)
 
สุดท้ายหงส์ซานก็แพ้อย่างราบคาบ
 
คิดจะแข่งกับคุณไป่หลง เกิดช้าไปสิบปี
 
ทริปถัดไปคือไปเดินถ้ำเขาทะลุ ผมถูกกำหนดให้เดินรั้งท้ายโดยมีวิกเซอร์เดินอยู่หน้าสุดของกลุ่มเราตามติดไกด์คนเก่งไป
 
เป็นไปได้ ผมอยากเป็นคนไปเดินด้านหน้าแทนดีกว่า ผมกับวิกเซอร์ถนัดเรื่องการเดินป่าดี เพราะผ่านการฝึกฝนเรื่องนี้มาพอสมควร จึงเดินกันได้ค่อนข้างสบาย คนที่ทุลักทุเลหน่อยก็หงส์ซาน แต่ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ เพราะมีเจ้านายผมคอยดูแล รองลงมาก็คนที่เดินอยู่หน้าผมนี่แหละ
 
แต่เขาก็พยายามทรงตัวดีพอประมาณ จับทั้งเถาวัลย์ทั้งกิ่งไม้เพื่อพยุงตัวให้ผ่านไปได้ จะล้มก็หลายรอบ แต่ผมไม่ได้เข้าไปช่วยเขาเหมือนเจ้านายทำกับหงส์ซานหรอกนะ
 
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาไถลลื่นลงมา แต่ผมใช้ร่างผมรับเอาไว้
 
“ขอบใจ”
เขาพูดแค่นั้น ฮึดสู้ก้าวเดินต่อ เหงื่อกาฬไหลย้อยย้อมเสื้อด้านหลังให้เปียกชุ่มจนเห็นผิวเนื้อ
 
ผมกลืนน้ำลาย จ้องมองแผ่นหลังนั้นต่ำลงไปที่บั้นเอว และต่ำลงไปกว่านั้น
 
รู้สึกอึดอัดในกางเกงอีกรอบ
 
หมอไถลลื่นอีกเพราะกิ่งไม้ที่จับไว้หัก และก่อนที่ร่างนั้นจะถึงพื้น วงแขนผมก็โอบรั้งเอวเขาไว้ทันที กลิ่นเหงื่อเขาเคล้าไปกับกลิ่นน้ำหอมลอยมาแตะจมูกจางๆ หมอพ่นลมหายใจแรง ดีดตัวลุก
 
“ขอบใจอีกครั้ง”
เขาพูดแค่นั้น ยิ้มหวานให้แล้วก้าวเดินต่อ ผมก้าวตามไปติดๆ กระทั่งมาถึงถ้ำ รูปขบวนเปลี่ยนเล็กน้อย จากเจ้านายเดินตามหงส์ซานมาเป็นเดินนำ โดยมีผมตบท้ายเหมือนเดิม

(80%)


เส้นทางในถ้ำนั้นเดินลำบากกว่าข้างนอก ถ้าไม่ระวังมีสิทธิ์หัวกระแทกหินได้ง่ายๆ หมอที่ไถลลื่นจากดินข้างนอก แต่กลับทรงตัวได้ดีในน้ำหรือหินแบบนี้
 
หลายจังหวะที่เราต้องใกล้ชิดกันเพราะระยะบังคับของพื้นที่ ผมเดินตามคนตรงหน้าไปติดๆ ทิ้งระยะห่างกันแค่ไม่เกินเอื้อม
 
ได้ยินเสียงร้องของหมอ รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกดันจนล้มลงไปนั่งที่พื้นในน้ำ ด้านหน้าคือเจ้าของเสียงร้องนั้น ผมมองงงๆ เพราะยังประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูก มองหาที่มา
 
นี่หมอลื่นล้มหรือว่าอะไร
 
เพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นอะไรในตอนแรก หลังสิ้นเสียงร้องและการล้มระเนระนาดของเราสองคน ทุกคนหันมามอง แสงไฟบนหัวแต่ละคนพุ่งปราดมาบนตัวหมอ ผมถึงได้เห็นสาเหตุชัดๆ
 
เจ้าตัวปากกว้างสี่ขาสีเขียวผสมเทา สีแทบกลืนไปกับเสื้อของหมอ พอรู้ว่าเป็นอะไร ผมรีบปัดออกให้ทันที มีเสียงหัวเราะของหงส์ซานประกอบอย่างขบขัน ผมรีบพยุงตัวลุก ฉุดหมอให้ลุกยืนด้วย
 
“ตกใจหมด คิดว่าโดนค้างคาวบินมากัดคอซะอีก”
คนตรงหน้าผมพูดกับคนที่ยังไม่หยุดหัวเราะ
 
กระทั่งเสียงหัวเราะนั้นเงียบลง เจ้าตัวเขียวๆ ที่ผมปัดทิ้งเมื่อกี้ตอนนี้มันกระโดดไปแปะอยู่กลางหน้าหงส์ซานพอดิบพอดี เจ้าตัวนิ่งค้างไปชั่วครู่ราวกับกำลังประมวลผลอยู่ แรมต่ำแบบลิงไทยเชื้อสายจีนใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หงส์ซานแหกปากร้องโหยหวนจนก้องถ้ำ กบกระโดดจากหน้าไปเกาะหัว จากหัวลงไปที่หลัง หงส์ซานดิ้นเป็นลิงทรงเจ้าปัดป่ายเจ้าสิ่งนั้นออก แต่กบตัวนั้นมันไม่ไปไหน กระทั่งเจ้านายผมกระโดดเข้ามาช่วยนั่นแหละ

หงส์ซานรีบเดินลิ่วๆ ตัวปลิวออกไปจากจุดนั้นทันที คงกลัวกบตัวเดิมจะกระโดดใส่อีก 
 
หมอยืนหัวเราะอย่างขบขันอยู่กับที่ กระทั่งคนทั้งคู่ก้าวห่างออกไป พอๆ กับผู้คนที่เดินตามหลังเรามาก็ก้าวล้ำนำไปก่อน
 
“เดินได้แล้ว”
ผมเตือนเสียงนิ่ง หมอหันมามอง ยิ้มพราย
 
“ขอบใจที่ช่วย อะ รางวัล”
พูดจบ เขาก็รั้งหัวผมต่ำ แนบปากเราเข้าหากัน บดขยี้เบาๆ แทรกลิ้นเข้ามาทักทายนิดๆ แล้วปล่อยออก

“รีบตามไปกันเถอะ”
เขาพูดแค่นั้น ก้าวนำไป ผมกัดกราม กำมือที่เกือบจะแตะตัวหมออยู่ร่อมร่อกลับมาที่เดิม ก้าวตามไปติดๆ
 
จบจากถ้ำเราก็ย้อนกลับมาที่พักเหมือนเดิมเพื่อทานมื้อค่ำ หมอบอกขอตัวเพื่อให้คู่รักมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง วิกเซอร์กับผมก็ทำแบบเดียวกัน
 
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เจ้านายผมจะได้เก็บเกี่ยวความสุขกับคนที่เขารักได้เต็มที่ หมอเข้านอนไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่ข้ออ้าง เหลือไว้แค่ผมกับวิกเซอร์ที่หลบมายืนอยู่ในมุมมืดให้เหมือนว่าไม่ได้อยู่ด้วย แต่ก็เฝ้าสังเกตการณ์ตลอด ในฐานะบอดี้การ์ดที่ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ของตัวเองได้แม้เมื่อยามหลับใหลก็ตาม
 
เราสองคนเพ่งสายตาไปยังคนสองคนที่นั่งสวีทกันอยู่ริมแพ
 
“นายไม่คิดจะมีแฟนมั้งเหรอ”
อยู่ๆ น้องผมก็ถามขึ้น
 
“นายมีก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะมีตาม”
ผมตอบรับนิ่งๆ
 
“รอนายมีก่อน”
 
ผมหัวเราะ ยกมือกอดอกฟังเสียงเพราะๆ ของเจ้านายที่กำลังขับขานเสียงเพลงให้ลิงกังฟัง
 
“งั้นคงอีกนาน ดีไม่ดีอาจไม่มี เพราะฉันไม่นิยมคนเอเชีย”
 
วิกเซอร์ยักไหล่
 
“คนเอเชียก็น่ารักออก แต่บางคนนะ”

ผมหัวเราะหึๆ ทอดดวงตามองตามเจ้านายที่กำลังพาหงส์ซานก้าวลงน้ำไปด้วยกัน ไร้เสียงจากเราสองคน เจ้านายพาคนรักแหวกว่ายสายน้ำห่างออกไปเรื่อยๆ

สายตาคนทั่วไปอาจมองไม่เห็นว่าสองคนนั้นทำอะไรกันอยู่ แต่สำหรับผมกับวิกเซอร์ที่ถูกฝึกมาอย่างดีแล้ว เราเห็นภาพพวกนั้นได้อย่างชัดเจน 
 
ท่ามกลางดวงดาวสะท้อนน้ำ สองชีวิตแหวกว่ายดั่งปลาในมหาสมุทร
 
“การนอนกับผู้ชาย มันทำให้รู้สึกดีจริงๆ หรือเปล่า”
วิกเซอร์ถามมานิ่งๆ ผมชะงักไปกับคำถามนั้น นึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
 
“ไม่รู้ ไม่เคยลอง”
และไม่คิดอยากจะลองด้วย
 
ภาพดวงตาปรอยระยับของหมอแวบเข้ามาในความคิด ผมหลับตาเพื่อสลัดภาพนั้นทิ้งไป
 
“เมื่อวานก่อนเข้านอน หมอเอาอะไรให้กิน”
ผมแถถามไปเรื่องอื่นต่อ
 
“น้ำผลไม้กระป๋อง”
 
ผมพ่นลมหายใจแรง ปกติวิกเซอร์จะระมัดระวังและหัวไวกว่านี้มาก ไม่รู้ว่ายาที่หมอใส่ให้จะเนียนจัด หรือว่าเพราะความไว้วางใจกันแน่
 
“ทำไม”
 
“ไม่มีอะไร”
ผมเงียบเสียงลงเพียงเท่านั้นเพื่อไม่ให้วิกเซอร์ถามอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้
 
พอเจ้านายพาหงส์ซานกลับเข้าห้อง ก็ถึงเวลาที่ผมกับวิกเซอร์จะต้องเข้านอนบ้างเหมือนกัน
 
ผมนึกได้ หันไปหาวิกเซอร์หวังเตือน
 
“นี่วิกเซอร์ ถ้าหมอ…”
ผมชะงักไปเมื่อเห็นวิกเซอร์กำลังกระดกน้ำผลไม้กระป๋องเข้าปากอยู่ ดูเหมือนใกล้หมดแล้วด้วย วิกเซอร์ลดมือลงต่ำโยนกระป๋องเปล่าลงถังขยะ
 
“ทำไม อยากกินด้วยเหรอ อะนี่ ของนาย คุณหมอซื้อมาเผื่อ”
วิกเซอร์หยิบน้ำผลไม้อีกกระป๋องมายื่นให้
 
“วิกเซอร์ นาย…”
 
“ถ้าไม่เอา ฉันกินนะ”
วิกเซอร์ทำท่าจะเปิดอีกกระป๋อง ผมรีบคว้ามาถือทันที 
 
“พอแล้ว ไปนอนเถอะ”
 
วิกเซอร์พยักหน้า ก้าวเดินเข้าห้องไป ผมกำกระป๋องน้ำผลไม้ในมือแน่น กำลังจะหย่อนลงถังขยะ
 
บางทีกินให้หลับเป็นตายไป โดนกวนจะได้ไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรก็ดีเหมือนกัน
 
ผมงัดฝากระป๋องน้ำผลไม้ขึ้น ดื่มจนหมด ทิ้งกระป๋องเปล่าลงถัง ก้าวเดินขึ้นฟูกไปเตรียมนอน
 
ใช่ น้ำผลไม้อันนั้นน่าจะทำให้ผมหลับสนิท
 
แต่ทำไม…
 
ร่างกายถึงได้ตื่นไปหมดทั้งตัวแบบนี้
 
“ทำไม อยากกินด้วยเหรอ อะนี่ ของนาย คุณหมอซื้อมาเผื่อ”
 
ของผม
 
‘คุณหมอซื้อมาเผื่อ’
 
ทำไมผมไม่พิจารณาให้ดีกว่านี้
 
กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดท่าเสียที ก็มีสิ่งมีชีวิตจากฟูกข้างๆ เคลื่อนมาคร่อมร่างผมไว้ซะแล้ว
 
ใช่ ผมพลาดอีกแล้ว พลาดให้กับคุณหมอจอมป่วนแถมปัญญาอ่อนอีกต่างหาก
 


To be Con..

โธ่ ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือจะขำซันไรส์ดี คิดเหรอว่าจะรอด ฮ่า ๆ
ปุจฉารอบ 2 คิดว่ารอบนี้ซันไรส์จะเขมือบคุณหมอได้หรือไม่ (หมายถึงถึงขั้นสุดท้ายนะ)
ก. ไม่หรอก เพราะหมอยังไม่ได้เตรียมพร้อม
ข. เนื่องจากยาอะไรสักอย่างที่ทำให้ร้อนราวลาวา แน่นอนว่าพี่หมอต้องชดใช้ชัวร์ ๆ โดน!!!
.
.
.
ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆในเล้า : >> https://goo.gl/WbWxt8
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2017 19:35:57 โดย memew »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะสู้หมอได้เหรอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
หมั่นไส้ เล่นตัวเหลือเกิน :katai1: หมอเราออกจะเด็ด หล่อน่ารัก ลีลาดี  :hao7:

ออฟไลน์ tamaya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดนาน ขอให้หมอยั่วต่อไป :katai5:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เชียร์คุณหมอค่ะ   :katai2-1:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
โดนมอมชัวร์!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด