“ไม่คิดเลยนะว่าเมฆจะเป็นคนแบบนี้”
มธุวันกระซิบบอกร่างสูงที่นั่งพับเพียบอย่างเก้ๆกังๆอยู่ข้างเขา ก้มลงกราบพระพุทธรูปตรงหน้าพร้อมกับอีกฝ่ายแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พระคุ้มครองทุกคนที่เขารัก และขอให้พระคุ้มครองมารดาของเมฆาให้แข็งแรงขึ้นในเร็ววัน
“แม่เคยพามาตอนเด็กๆ”เมฆากระซิบตอบ “แค่คิดว่าหมอกน่าจะชอบ”
มธุวันยิ้มตอบ การได้นั่งอยู่ในวัดทำให้เขารู้สึกสงบจิตสงบใจได้เสมอ มีแค่น้องชายตัวป่วนที่มักจะนั่งยุกยิกอยู่ไม่สุขจนโดนคุณป้าเอ็ดบ่อยๆ
ทั้งสองเดินเลียบไปตามคลองที่เลี้ยงปลาสวายตัวอวบอ้วนหลายร้อยชีวิตไว้ ตอนเด็กๆมธุวันมักจะกลัวที่จะเข้าไปใกล้ริมตลิ่งเพราะเกรงว่าจะพลัดตกลงไปในน้ำแล้วโดนปลากิน แต่ทั้งป้าและแดนดินมักจะจับมือเขาไว้แน่นเสมอ การได้มาเที่ยวในสถานที่ที่ทำให้เขานึกถึงเวลาที่ใช้กับครอบครัวยิ่งทำให้เขาอยากกลับบ้าน แต่มธุวันรู้ดีว่าหน้าที่ของเขาคือเรียนหนังสือ ตั้งใจเรียนแล้วหางานดีๆ เพื่อที่จะได้ตอบแทนบุญคุณที่ป้าเลี้ยงเขามา
“อยากกินไอศกรีมมั้ย?”
เมฆาชี้ไปที่รถขายไอศกรีมกะทิที่จอดอยู่ใต้ร่มไม้ มธุวันพยักหน้า ร่างสูงจึงเดินนำเขาไปยังรถขายที่มีคุณลุงท่าทางใจดีนั่งรอลูกค้าอยู่ ร่างสูงสั่งไอกศรีมของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ไอศกรีมกะทิใส่ขนมปังและใส่ท้อปปิ้งทุกอย่างที่มี ก่อนจะหันมาหามธุวันที่ยังคงยืนลังเลอยู่ข้างๆ
“หมอกอยากกินแบบไหน?”
“จริงๆหมอกก็ชอบกินแบบเมฆนั่นแหละ แต่หมอกยังอิ่มจากตลาดน้ำเมื่อเช้าอยู่เลย กลัวจะกินไม่หมด”
ร่างโปร่งให้เหตุผลพร้อมรอยยิ้มเกรงใจ เมฆาหันไปรับไอศกรีมที่ตัวเองสั่งจากคนขาย ก่อยจะยื่นให้กับมธุวัน
“ถ้างั้นกัดไปเท่าที่หมอกอยากกินนั่นแหละ เดี๋ยวที่เหลือเมฆกินต่อ”
“จะดีเหรอเมฆ หมอกว่าเมฆกินก่อนเถอะ”
แต่เด็กหนุ่มร่างสูงยังคงดึงดัน มธุวันที่ไม่อยากขัดใจจึงรับขนมปังที่มีไอศกรีมอัดแน่นอยู่เต็มมากัดคำเล็กๆอย่างระมัดระวัด แต่ไอศกรีมที่พูนออกมานอกขนมปังยังคงเลอะปลายจมูกของเขาจนได้ เมฆายกมือขึ้นเพื่อจะเช็กเอาคราบสีขาวออกจากจมูกของร่างโปร่ง แต่หยุดอากัปกิริยาไม่สำรวมในวัดได้ทัน เด็กหนุ่มล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้มธุวันที่รับมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเบาๆแทน
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลงับไอศกรีมหอมหวานอีกคำ ก่อนจะส่งคืนให้คนซื้อ รู้สึกมีความสุขที่ได้แบ่งไอศกรีมราคาไม่กี่บาทกับคนที่เขารู้สึกดีด้วยมากกว่าที่อีกฝ่ายพาเขาไปเลี้ยงอาหารเสียที
“ต่อจากนี้อยากไปไหนอีกรึเปล่า?”
เมฆาถามขึ้นเมื่อพวกเขาเดินกลับมาถึงรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถภายนอกตัววัด มธุวันนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงลังเล
“จริงๆก็มีอยู่ที่นึง แต่หมอกไม่รู้ว่าเมฆจะอยากไปรึเปล่า”
“ถ้าหมอกอยากพาเมฆไป เมฆไปหมดนั่นแหละ”
คนตัวโตเอ่ยอย่างจริงใจ ความกังวลที่ก่อตัวอยู่ในใจของมธุวันหาายไปทันทีที่ได้ยิน ร่างโปร่งยิ้ม ก่อนจะเริ่มบอกทางสู่จุดหมายสุดท้ายของวัน
“สวัสดีครับแม่”
มธุวันวางพวงมาลัยลงบนพื้นใต้แผ่นกระเบื้องเล็กๆที่แปะเรียงรายรอบกำแพงวัด สลักชื่อของผู้ที่ลาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ เหลือไว้เพียงตราประทับเล็กๆนี้ให้คนรู้จักได้คะนึงหา แผ่นกระเบื้องที่เก่าซีดจากลมฝนและกาลเวลายังคงมองเห็นชื่อของมารดาของเขา แต่มีเพียงคำว่า ‘ณิ’ สลักไว้เพียงแค่คำเดียว ไม่มีรูป ไม่มีชื่อจริง ไม่มีนามสกุลหรืออะไรที่จะช่วยให้มธุวันสามารถรับรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาก่อนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
หากเทียบกับวัดเมื่อครู่ที่กว้างขวางและมีผู้คนเข้ามาสักการะอยู่เรื่อยๆ เมฆารู้สึกว่าวัดแห่งนี้มีขนาดเล็กและขาดการบูรณะมาหลายปี บรรยากาศวังเวงด้วยมีพระภิกษุและสามเณรเพียงแค่ห้ารูป ทีแรกที่ขับรถมาถึงเขาคิดว่ามธุวันจำเส้นทางผิด แต่เมื่อเห็นจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของอีกฝ่าย เมฆาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้เข้าให้คนตรงหน้าเข้าไปอีกนิด
ข้างๆกับวัดนี้เป็นอาคารเล็กๆเก่าทรุดโทรมที่เคยเป็นบ้านหลังแรกที่มธุวันเคยรู้จัก ป้าของเขาที่เคยทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์แห่งนี้เล่าให้ฟังว่า ในคืนที่ฝนตกลมกรรโชกแรง พายุโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง มารดาของเขาใช้ร่างกายเป็นโล่กำบังเด็กน้อยวัยสองปีที่ร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมกอดของเธอฝ่าพายุมาเคาะประตูขอความช่วยเหลือ เมื่อป้ามาเปิดประตู ร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝนและเลือดจากบาดแผลขนาดใหญ่ที่ไหลทะลักออกมาจากช่องท้องและต้นขาทรุดตัวลงบนพื้นของสถานสงเคราะห์ ด้วยลมหายใจที่แผ่วเบา หญิงสาวบอกว่าตัวเองชื่อณิ ก่อนจะบอกชื่อของเขา ทั้งชื่อเล่นชื่อจริง วันเกิด อายุ รวมถึงกรุ๊ปเลือด ให้กับป้าที่เฝ้าอยู่ข้างกายด้วยกลัวว่่าคนบาดเจ็บจะหมดสติ ทุกคนในสถานสงเคราะห์โทรเรียกรถพยาบาลและพยายามปฐมพยาบาล แต่บาดแผลสาหัสเกินกว่าจะยื้อชีวิตไว้ได้ ด้วยลมหายใจสุดท้าย หญิงสาวกอดลูกน้อยแนบอก ป้าของเขาบอกว่าแม่ของเขาร้องเพลงขับกล่อมเขา จนเสียงที่แผ่วเบาเงียบหายไป
มธุวันเล่าเรื่องทั้งหมดให้เมฆฟัง ทีแรก เขาไม่มั่นใจว่าการพาร่างสูงมาที่นี่ในวันแรกของการเดทจะมากเกินไปสำหรับเมฆาไหม แต่เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้จักเขาและเข้าใจภูมิหลังของเขามากพอก่อนจะตัดสินใจอะไรต่อจากนี้
“ทางตำรวจพยายามติดต่อหาญาติ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครมาระบุตัว สุดท้ายแม่เลยถูกเพราะพร้อมกับศพไร้ญาติร่างอื่น ป้ายนี้ป้าเป็นคนทำออกเงินให้มีติดไว้ เพื่อว่าหมอกจะได้มีอะไรไว้ดูต่างหน้า ตอนเด็กๆป้าพาหมอกมาหาแม่บ่อยมาก บ่อยจนเด็กๆในสถานสงเคราะห์อิจฉา พวกเขาชอบพูดว่ามันไม่ยุติธรรมที่หมอกได้มีแม่อยู่ใกล้ๆทั้งที่พวกเขาไม่มีใครให้คิดถึง” เสียงหัวเราะในลำคอของร่างโปร่งช่างฟังดูขมขื่นในความคิดของเมฆา “แต่หลังจากที่สถานะสงเคราะห์ปิด ป้าก็พาหมอกกลับไปอยู่กับยายแล้วก็ดิน หลังจากนั้นหมอกก็ได้มาที่นี่แค่ครั้งสองครั้ง”
มธุวันใช้ทิชชู่ชุบน้ำสะอาดเช็ดคราบหมองจากการเวลาออกจากป้ายชื่อของมารดาอย่างทะนุถนอม ดวงตาสีเทาเหลือบฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยความรักให้กับผู้หญิงที่ให้กำเนิดตนถึงแม้จะไม่สามารถจำอะไรเกี่ยวกับคนคนนั้นได้ยิ่งทำให้เมฆารู้สึกว่าตัวเองหลงร่างโปร่งจนโงหัวไม่ขึ้น
“ถ้าหมอกอยากมาเมฆจะพามาทุกวัน”
ร่างสูงสัญญาเสียงหนักแน่น เรียกรอยยิ้มจางๆจากคนฟังได้เป็นอย่างดี
“หมอกไม่จำเป็นต้องมาทุกวันหรอก เพราะไม่ว่าหมอกจะอยู่ที่ไหน แม่ก็อยู่ในใจหมอกอยู่แล้ว”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากพื้น ปัดฝุ่นออกจากกางเกงยีนส์บริเวณหัวเข่าเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นเมฆก็ลำบากแล้วสิ...”
“หืม?ทำไมเหรอ?”
ร่างโปร่งหันกลับไปหาคนพูดอย่างสงสัย เมฆาจึงอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง
“เมฆไม่อยากเบียดที่คุณแม่ของหมอกนี่”
“เมฆ!”
คนเจ้าคารมผิดเวลาโดนฟาดเพี้ยะไปหนึ่งรอบ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร หนำซ้ำยังยิ้มอย่างมีความสุขอีกต่างหาก
“ขอบคุณนะหมอก ที่ยอมให้เมฆได้รู้จักหมอกมากขึ้น”
ร่างสูงว่า มธุวันพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเอียงอาย
“หมอกก็ต้องขอบคุณเมฆมมากนะ ที่พาหมอกมาหาแม่”
“ถ้าอยากมาอีกบอกเมฆได้นะ เมฆอยากมาด้วย”
ร่างสูงไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องนั่งมองป้ายชื่อเก่าๆนั้นด้วยแววตาเหงาหงอยราวกับว่าตัวเองไม่มีใครอยู่เคียงข้าง เขาไม่อยากให้มธุวันรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
และดูเหมือนความตั้งใจนั้นจะส่งไปถึงมธุวันที่มองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ร่างโปร่งเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะพนมมือ
ไหว้ป้ายชื่อของมารดาเป็นครั้งสุดท้าย
“หมอกว่าเรากลับกันเถอะ”
“ได้”
เมฆาทำความเคารพป้ายชื่อแล้วเดินตามอีกฝ่ายออกไป ไม่มั่นใจว่าท่าทีที่แปลกไปอย่างกระทันหันนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่
ร่างสูงหารู้ไม่ว่า สาเหตุที่มธุวันรีบเดินออกมาให้พ้นจากเขตวัด เพียงเพราะไม่อยากมีความคิดไม่เหมาะสมในเขตที่ควรจะทำจิตใจให้พ้นจากกิเลสก็เท่านั้น
------
ฮืออออ สั้นอ่าาาา ซอรี่ครับ
แต่ไม่กล้ารอจนมันยาวกกว่านี้เพราะจะสอบ ไม่งั้นเดี๋ยวมันหายยาวเกินไป ขอโทษด้วยนะคะ
เรื่องนี้อาจจะอัพช้าเนื่องจากตอนนี้น้องแว่นจบแล้ว เลยอยากลงเรื่องของคู่แฝดให้ถี่ขึ้น แต่ไม่หายไปไหนแน่นอนค่ะ อัพเรื่อยๆพร้อมกับคุ่แฝดและหนุขวัญข้าวนี่แหละ
