Chapter 9: [Then] ไปเดทกันนะ
หลังจากนั้น ความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของพวกเขาก็เริ่มขึ้น
ถึงจะบอกว่าจะยอมให้เมฆอยู่ในสถานะที่มากกว่าเพื่อน แต่มธุวันก็รู้ดีว่าในใจตัวเองตอบตกลงคำขอที่เมฆไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"หมอกเรียนญี่ปุ่นด้วยเหรอ?"
เมฆาถามขึ้น ตาไล่มองตารางวิชาเรียนของร่างโปร่งในโทรศัพท์มือถือของตน ร่างสูงนอนเล่นอยู่บนตักของเขาในศูนย์อ่านหนังสือที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้เป็นพื้นที่ติวสอบของนักศึกษา แต่ช่วงที่เพิ่งเปิดเทอมแบบนี้ทำให้คนบางตาพอสมควร โดยเฉพาะซอกหลืบที่มีเพียงโต๊ะญี่ปุ่นกับเบาะรองนั่งที่พวกเขาจับจองซึ่งไม่มีคนเดินผ่าน
"อือ วิชาเลือกน่ะ เราชอบเรียนภาษา"
มธุวันตอบ ก้มหน้าก้มตาจดสรุปวิชาเรียนของตัวเอง ถึงแม้จะรู้สึกขัดเขินที่เมฆาใช้ตักของเขาแทนหมอน แต่ร่างสูงเล่นทิ้งตัวลงมาทันทีที่ที่นั่งลงทำให้เขาขัดอะไรไม่ทัน จึงได้แต่เลยตามเลย
ไม่บอกหรอกว่าเขาก็ชอบให้เมฆนอนเหมือนกัน
"ชอบกินอาหารญี่ปุ่นด้วยนี่" ร่างสูงพึมพำ "แล้วนี่เคยไปญี่ปุ่นมั้ย?"
"ไม่อ่ะ จริงๆเราไม่เคยไปเที่ยวในประเทศด้วยซ้ำ" ร่างโปร่งตอบ "ถ้าโตขึ้นทำงานเก็บเงินได้ก็อยากจะลองไปอยู่นะ"
"ไปด้วย"
ร่างสูงพลิกตัวกอดเอวเขาไว้ แต่กลับถูกมธุวันดันให้พลิกตัวกลับไป
"ไม่ต้องเนียนเลย พอไม่ว่าแล้วเอาใหญ่เลยนะ"ร่างโปร่งดุเสียงไม่จริงจังนัก
"แต่เมฆพูดจริงนะ ไว้หมอกเก็บเงินได้เมื่อไหร่เราไปญี่ปุ่นกัน" เมฆายืนยันเสียงหนักแน่น คนฟังได้แต่ยิ้ม เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะมีเงินมากพอ และไม่รู้ว่าถ้าวันนั้นมาถึง พวกเขาจะยังคบกันอยู่อยู่หรือไม่
แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต มธุวันเลือกที่จะมีความสุขอยู่กับสิ่งที่เขามีอยู่ในตอนนี้ดีกว่า
"ถ้าเมฆสัญญาว่าจะไม่จ่ายค่านู่นค่านี่ให้หมอก..เอ่อ...ให้เรา เราให้ไปด้วยก็ได้"
เพราะเมฆาแทนตัวเองด้วยชื่อบ่อยเกินไป มธุวันรู้สึกว่าตัวเองก็เริ่มจะทำตามบ้างแล้ว ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาสีควันบุหรี่วาววับราวกับเด็กได้ขนม
"แก้ทำไม น่ารักดีออก"
มธุวันบีบจมูกโด่งเป็นสันบิดไปมาแก้เขิน ได้รับเสียงโอดโอยของคนโดนแกล้งพอเป็นพิธี
"เสาร์นี้ว่างมั้ย?"จู่ๆเมฆาก็ถามขึ้น มธุวันนิ่งคิด ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีอะไรนะ
"ว่างนะ มีอะไรรึเปล่า?"
"ไปเดทกัน"
บางทีมธุวันก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรใจเต้นไปกับความทื่อของอีกฝ่าย ร่างสูงเงยหน้าจ้องเขาอย่างต้องการคำตอบ มธุวันถอนหายใจ เขารู้ตัวตั้งแต่พบกันใหม่ๆแล้วว่าไม่สามารถปฎิเสธอะไรร่างสูงได้จริงๆจังๆเสียที
"เอาสิ"
และคำตอบนั้นกำลังทำให้เขารู้สึกเสียใจทีหลัง
มธุวันคิดเสมอว่ามีแค่ผู้หญิงที่ลองชุดแทบทุกชุดในตู้เสื้อผ้า และไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะใส่อะไรทั้งที่ปกติไม่เคยมีปัญหา แต่มาวันนี้เขาตระหนักแล้วว่าความไม่มั่นใจนั้นไม่สามารถแบ่งแยกได้ด้วยเพศ
“โห อะไรวะเนี่ยหมอก”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงรูมเมท เขามัวแต่สนใจลองชุดจนไม่ได้ยินเสียงเพื่อนที่เดินเข้ามาในห้อง ณัฐภาสก้มมอเสื้อผ้าที่กองระเกะระกะผิดวิสัยคนเรียบร้อยอย่างมธุวัน สงสัยว่าอีกฝ่ายถูกผีเข้าหรืออย่างไรถึงได้ลุกขึ้นมารื้อตู้แบบนี้
“เอ่อ...คือช่วงนี้อ้วนขึ้นน่ะ เลยเอามาลองว่าตัวไหนใส่ไม่ได้ จะได้ไม่รกตู้”
ร่างโปร่งแถ แต่ด้วยความที่ณัฐภาสไม่ใช่คนคิดมากจึงเชื่อเหตุผลประหลาดของรูมเทอย่างง่ายดาย เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเตียงฝั่งตัวเอง ก่อนจะถามคนที่ก้มลงหอบเสื้อผ้าขึ้นมาพับเก็บเข้าที่
“วันเสาร์มึงว่างมั้ย?”
“เอ๊ะ?” มธุวันชะงัก พยายามทำสีหน้าให้ไม่มีพิรุธตอนที่ตอบอีกฝ่าย “อ๋อ พอดีเรามีธุระน่ะ มีอะไรรึเปล่า?”
“ที่คณะให้เข้าอบรมสอนทำอาหาร แล้วเขาให้ชวนเพื่อนไปได้คนนึง เพื่อนที่คณะมันโดนบังคับไปอยู่แล้วไงเลยนึกถึงมึง”
“ขอโทษนะ”มธุวันยิ้มแห้งๆ “ลองชวนยาหยีมั้ย?”
“ยัยนั่นน่ะนะ? เคยเข้าครัวกับเขาด้วยรึไง?”ณัฐภาสมีสีหน้ากังขา
“ลองถามดูก่อนสิ เขาอาจจะชอบก็ได้นะ”เด็กหนุ่มให้เหตุผล คนฟังไหวไหล่ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดโทรหาเพื่อนอีกคนแล้วเดินออกไปคุยที่ระเบียงซึ่งมีสัญญาณดีกว่า
มธุวันถอนหายใจเมื่อรอดพ้นจากการสงสัย ถึงแม้เขาคิดว่าณัฐภาสน่าจะไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แต่เขาเสี่ยงให้เรื่องหลุดไปถึงหูญาวิกาไม่ได้ เรารักเพื่อนของเขา แต่มธุวันต้องยอมรับว่าญาวิกาชอบเม้าท์มากแค่ไหน แถมเด็กสาวยังเคยบอกว่าคนที่บ้านรู้จักกับคนบ้านเมฆาด้วย
กันไว้ดีกว่าแก้ล่ะนะ
“อ้าว เมฆมาเร็วจัง”
มธุวันที่นั่งซ้อนท้ายวินมอเตอร์ไซค์มาถึงจุดนัดพบพึมพำเมื่อเห็นรถสปอร์ตคันหรูคุ้นตาจอดรออยู่ กระจกที่ดำมืดทำให้เขามองไม่เห็นข้างใน แต่ร่างโปร่งคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะนั่งรออยู่ในนั้น มธุวันจ่ายเงินให้กับวินมอเตอร์ไซค์แล้วจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ วันนี้เขาไม่รู้ว่าเมฆาจะพาเขาไปที่ไหน แถมยังไม่รู้ว่าคำว่า ‘เดท’ที่ร่างสูงว่าหมายความว่าอย่างไร เขาไม่อยากแต่งตัวให้ดูกระตือรือร้นเกินไป แต่ก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาไม่อยากมา สุดท้ายมธุวันจึงมาจบลงที่เสื้อคอวีเนื้อนิ่มสบายตัวและกางเกงยีนส์ขายาว เด็กหนุ่มเดินตรงไปยังรถคันนั้นแล้วเคาะกระจกฝั่งคนขับเบาๆ เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้น ก่อนที่คนที่นั่งอยู่ภายในจะเปิดประตูก้าวออกมา
มธุวันอ้าปากค้าง ตะลึงมองร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มที่พับแขนมาถึงข้อศอกกับกางเกงขายาว กระดุมของเสื้อเม็ดบนถูกปลดออกเผยให้เห็นแผงอกแกร่ง แว่นตากันแดดที่อีกฝ่ายใส่ไว้ยิ่งช่วยให้เมฆาดูราวกับหลุดออกมาจากปกนิตยาสาร
“หมอก เป็นอะไรรึเปล่า?”คนถูกจ้องถาม ยกมือขึ้นเสยผมที่จัดทรงไว้เสียดิบดีอย่างเป็นกังวล เขาตื่นขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ถึงขั้นปลุกน้องชายคนรองขึ้นมาดูว่าเขาแต่งตัวโอเคมั้ยจนเกือบโดนคนง่วงฟ้อนเล็บใส่ หรือว่าเขาจะแต่งตัวประหลาดเกินไป?
“น่ากิ...เอ๊ย! หิวน่ะ หิวข้าวมากเลย” ร่างโปร่งรีบหุบปากฉับก่อนที่จะน้ำลายหกให้อีกฝ่ายเห็น “แวะหาอะไรกินก่อนได้มั้ย?”
“ได้สิ” คนฟังยิ้มอย่างโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ไม่ชอบการแต่งกายของเขา เมฆาเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้กับคู่เดทของเขา มธุวันพึมพำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มก่อนจะผลุบเข้าไปนั่ง ใช้ช่วงเวลลาที่เจ้าของรถเดินอ้อมกลับมาประจำที่คนขับตั้งสติให้มั่น
เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงอาการอะไรออกไป
หล่อ...หล่อมาก หล่อมากเกินไปแล้ว!
อย่ามองนะหมอก อย่ามอง...
“หิวขนาดนั้นเลยเหรอ”
มือใหญ่เอื้อมมาแตะที่ต้นแขนเขาเบาๆ มธุวันไม่มีทางเลือกนอกจากหันไปยิ้มแห้งๆให้ร่างสูง ภาวนาให้เมฆาดูไม่ออกว่าในหัวของเขากำลังจินตนาการภาพของร่างสูงในบริบถที่คนที่มาเดทกันครั้งแรกไม่ควรคิด
เขากลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
มธุวันเริ่มรู้สึกผิดกับคำโกหกของตัวเอง เมฆาดูเป็นกังวลมากที่เห็นเขารู้สึกหิว แต่ร่างโปร่งคิดว่านั่นน่าจะดีกว่าให้ร่างสูงรู้ความคิดที่แท้จริงของเขาในขณะนี้
ในที่สุดมธุวันก็เห็นว่าจุดหมายของพวกเขาคืออะไร รถของเมฆาเลี้ยวเข้าจอดที่ลานจอดรถของตลาดน้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย แต่เขาไม่เคยมา มธุวันมีสีหน้าประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าคนอย่างเมฆาจะชอบมาที่แบบนี้
“ป่ะ ไปหาอะไรกินดีกว่า”
ร่างสูงดับเครื่องยนต์แล้ววิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้เขา ทั้งสองเดินเข้ามาในตลาดน้ำที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ แต่ก็ไม่ได้มากจนน่าอึดอัด มธุวันเดินดูร่านตามสองข้างทาง อมยิ้มเมื่อนึกถึงตลาดแถวบ้านที่เขามักจะไปช่วยป้าขายข้าวแกงเป็นประจำ
“กินมั้ย?”
แค่ละสายตาไปไม่นาน เมฆาก็กลับมาพร้อมของกินเต็มมือ ทั้งของคาวและของหวาน มธุวันกำลังจะปฎิเสธว่าตนไม่หิว แต่นึกขึ้นได้ถึงคำโกหกของตัวเองจึงได้แต่พยักหน้า เมฆาจิ้มทอดมันหน้าตาน่าทานจิ้มน้ำจิ้ม แล้วนำมาจ่อที่ริมฝีปากของร่างโปร่ง มธุวันเอื้อมมือไปหยิบไม้จิ้มจากมือร่างสูงแล้วเอาเข้าปาก ก่อนจะส่งไม้คืนให้เมฆาแล้วเดินต่อไป
“หมอก หันมาหน่อย”
เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียก เมฆายกโทรศัพท์ขึ้นกดถ่ายรูปของพวกเขาทั้งคู่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เมฆากดดูรูปนั้น หัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าเหลอหลาของคนในรูป
“เมฆอ่ะ เอามาดูเลย”
มธุวันพยายามชะเง้อมองรูปที่ตัวเองถูกถ่ายอย่างไม่สมัครใจ แต่ร่างสูงยกโทรศัพท์ของตนขึ้นเหนือศีรษะ ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคนตัวเล็กกว่าพยายามจะแย่งมันมา
“หอมก่อน”
“เมฆ!”มธุวันหน้าแดงกับคำขอ ร่างโปร่งหันซ้ายแลขวามองผู้คนรอบกายที่ยังคงเดินขวักไขว่เต็มไปหมด ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ในการขอ ดวงตาสีแปลกช้อนขึ้นมองร่างสูงอย่างออดอ้อน ริมฝีปากเรียวสวยเอ่ยขอคนแกล้งเสียงอ่อนเสียงหวาน “ติดไว้ก่อนได้มั้ย หมอกขอดูก่อนน้า...”
เมฆาที่โดนดาเมจรุนแรงอย่างไม่ทันตั้งตัวยื่นโทรศัพท์ให้กับคนขอราวกับถูกมนต์สะกด มธุวันรับมาดูรูปในมือถือ ขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าเอ๋อๆของตัวเอง
“โห ลบได้มั้ยอ่ะ”
“ไม่เอา ไม่ให้ลบ” เมฆารีบส่ายหน้า ดึงโทรศัพท์คืนมาทันที “น่ารักออก”
“งั้นถ่ายใหม่ได้มั้ย”ร่างโปร่งต่อรอง “ให้มีรูปดีๆไว้ดูบ้าง”
เมฆารีบเปิดกล้องทันทีที่ได้ยินคำขอ มีโอกาสที่จะได้ถ่ายรูปกับหมอกอีกรูปทำไมเขาจะไม่เอา ร่างโปร่งมองกล้องแล้วยิ้ม เช่นเดียวกับคนถ่ายที่ยิ้มอย่างมีความสุขไม่ต่างกัน
เมื่อกลับมานั่งในรถ มธุวันดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาด ร่างโปร่งผงะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนขับที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“อะ…อะไรเหรอเมฆ?”
มธุวันถาม ถึงแม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังขออะไร เขาอุตส่าห์ทำเนียนไม่พูดถึง หวังว่าอีกฝ่ายจะลืมมันไปเอง แต่เขาน่าจะรู้จักเมฆาดีพอที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางลืมโอกาสที่จะได้แต๊ะอั๋งเขา
ก็นะ...ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบซักหน่อย
เดี๋ยวๆๆๆ เมื่อกี้คิดอะไรของเราเนี่ย!
“เร็วๆสิ สัญญาแล้วก็ต้องรักษาสัญญานะ”
ร่างสูงยิ้มอย่างเหนือกว่า เคาะแก้มที่พองลมของตัวเองรอ มธุวันถอนหายใจ ก่อนจะหลับตาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
จุ๊บ...
ความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ไม่คุ้นเคยทำให้ร่างโปร่งลืมตาขึ้น มธุวันเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ริมฝีปากเขาทาบทับอยู่นั้นคือริมฝีปากได้รูปของร่างสูง คนโดนแกล้งผละออกมาทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก้อนเนื้อที่อยู่ในอกเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
“ทะ…ทำอะไรน่ะเมฆ?!”
“คิดดอกเบี้ย” คนถูกถามตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วพาคนที่ยังคงช็อคหน้าแดงก่ำไปยังจุดหมายถัดไป
--------
ค่อยๆคัมแบคมาทีละเรื่อง5555
ขอบคุณี่รอนะคะ