ถึงเขาจะตกลงค้างที่โรงแรมหรูแห่งนี้คืนนี้ก็เถอะ...
“นี่คุณไม่คิดจะกลับไปที่ชอบที่ชอบซะทีรึไง?” คเชนทร์ถามคนที่ลากเก้าอี้มานั่งทำงานในคอมพิวเตอร์แลปทอปของตัวเองข้างเตียงของเขาอย่างหงุดหงิด นี่กะจะโต้รุ่งทำงานยันสว่างเลยรึไง?
“คุณหมอจะนอนแล้วเหรอครับ? เดี๋ยวผมปิดไฟให้”
นิโคไลปิดพับฝาคอมพิวเตอร์ของตัวเองลงแล้วลุกขึ้นเตรียมจะไปปิดไฟให้แขก(?)ของตน
“ผมปิดไฟเองได้ แต่ทำไมคุณถึงไม่กลับห้องคุณไปซะที” คุณหมอมาดนิ่งที่อารมณ์ร้อนง่ายเสมอเมื่ออยู่ใกล้มาเฟียหนุ่มกอดอกถามอย่างเหลืออด นิโคไลมีสีหน้าสำนึกผิด ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อย
“คืนนี้ผมจะนอนที่นี่ครับ”
“อะไรนะ?” คเชนทร์มองไปรอบตัว นอกจากเตียงขนาดใหญ่ของเขาแล้ว มีเพียงโซฟาที่อยู่ในโซนห้องนั่งเล่นเท่านั้นที่พอจะเป็นที่หลับนอนได้ “จะนอนโซฟา?”
“เปล่าครับ ผมจะนอนที่เก้าอี้” ชายหนุ่มผมบลอนด์ชี้ไปที่เก้าอี้ที่ไม้ธรรมดาๆที่ตนนั่งทำงานอยู่นานสองนาน คเชนทร์ส่ายหัวเบาๆอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วทำไมไม่นอนโซฟา? มันสบายกว่าไม่ใช่รึไง?”
“ไม่ครับ มันห่างคุณเกินไป” นิโคไลขมวดคิ้ว “ถ้านอนโซฟาผมคงกังวลจนนอนไม่หลับแน่”
แม้จะเอือมระอากับมุกหยอดห้าบาทสิบบาทที่เหมือนชายหนุ่มไปลอกมาจากนิยายรักน้ำเน่าซักเรื่อง แต่เมื่อนิโคไลพูดอะไรน่าอายแบบนั้นออกมาด้วยแววตาจริงจัง คเชนทร์กลับรู้สึกว่าตัวเองตอบโต้ไม่ถูกเสียอย่างนั้น
“แล้วนอนแบบนี้ไม่ปวดหลังรึไง?” ถึงคเชนทร์จะเคยนั่งหลับคาโต๊ะทำงานอยู่บ่อยครั้ง แต่หากเลือกได้ชายหนุ่มย่อมอยากจะเอนหลังให้หายเมื่อยเสียมากกว่าอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้” นิโคไลไหวไหล่ คนบนเตียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหมดทางเลือก แล้วขยับตัวไปทางฟากหนึ่งของเตียงคิงไซส์ขนาดยักษ์เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่าง
“ขึ้นมา”
“จะดีเหรอครับคุณหมอ?”
แม้อีกฝ่ายจะถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ แต่ดวงตาสีมรกตวาวระยับนั้นบ่งบอกว่าไม่คิดจะปฏิเสธ บางครั้งคเชนทร์ก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงทนทำดีกับคนกวนบาทาแบบนี้อยู่ได้
“ผมนอนกับคนอื่นบ่อย ชินแล้ว...”
คเชนทร์หุบปากฉับทันทีที่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการจะสื่อฟังดูผิดความหมายไปมาก แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว
แววตาของนิโคไลดูอันตรายขึ้นมาทันทีที่ประโยคนั้นหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่มอายุมากกว่า คเชนทร์ไม่เคยนึกจริงจังกับมุกจีบมุกหยอดของอีกฝ่ายในอดีต แต่แววตาที่สามารถฆ่าคนได้นั้นทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า ‘คนที่ให้ความสำคัญ’ที่นิโคไลพูดถึง อาจจะไม่ได้หมายความถึงนายแพทย์ฝีมือดีที่นิโคไลต้องการไว้ข้างกายอย่างที่เขาเข้าใจ
“ผมหมายถึงว่า ผมนอนเตียงเดียวกับเพื่อนบ่อย” คนบนเตียงรีบแก้ไขความเข้าใจผิด “ไม่ใช่นอนแบบที่คุณคิด”
“อย่ารีบแก้ตัวแบบนี้สิครับ...” นิโคไลกดเข่าลงบนเตียงที่ยวบลงตามน้ำหนักตัวของร่างสูง แขนทั้งสองข้างคร่อมร่างของคเชนทร์ที่สมองไม่ทำงานไปชั่วขณะเพื่อกักขังอีกฝ่ายไว้ข้างใต้ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นของคุณหมอไล่ตามลิ้นสีแดงสดที่เลียริมฝีปากของตัวเองอย่างเชื่องช้า “เดี๋ยวผมก็เข้าใจผิดกันพอดีว่าคุณหมอเป็นห่วงความรู้สึกผม...”
“ผมเป็นห่วงคนที่คุณจะไปตามเก็บเพราะเข้าใจผิดมากกว่า” คเชนทร์ดันแผงอกแกร่งออกไปจากตัวเอง สังเกตว่าคนถูกผลักนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความเจ็บแต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เจ็บแผลเหรอ?”
“เปล่าครับ...คุณหมอ?”
แน่นอนว่าประสบการณ์ในการดูแลคนไข้หัวรั้นคนนี้ทำให้คเชนทร์เรียนรู้ที่จะไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย มือที่ผ่านการทำหัตถการมาครั้งไม่ถ้วนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของชายชาวต่างชาติออกอย่างคล่องแคล่ว แม้นิโคไลจะมีท่าทีประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรการกระทำของนายแพทย์หนุ่ม
ทันทีที่เสื้อของชายหนุ่มเลื่อนหลุดลงมากองบนเตียง เผยให้เห็นร่างเปลือยท่อนบนที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเรียงเป็นลอนชวนน้ำลายหก แต่สิ่งที่คเชนทร์สนใจมีเพียงรอยเย็บจากการผ่าตัดหลายแห่งและรอยแผลที่ยังไม่สมานตัวดีที่กระจายตัวตามผิวขาวของมาเฟียหนุ่ม บางแผลดูเหมือนจะกำลังเยียวยาตัวเองได้ดี แต่ก็มีบางรอยแผลที่บวมแดงคล้ายจะอักเสบ ซึ่งท่าทีนิ่งเฉยของเจ้าของร่างทำให้คเชนทร์นึกทึ่งในความอดทนของอีกฝ่าย
“นี่คุณทำความสะอาดแผลยังไง ทำไมถึงได้ปล่อยให้อักเสบแบบนี้” อาจารย์แพทย์ดุ ขมวดคิ้วก้มลงพิจารณารอยแผลที่ดูจะเป็นปัญหาที่สุดซึ่งอยู่บริเวณหน้าท้องของร่างสูง
“ก็ทำอย่างที่คุณหมอบอกแหละครับ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาผมยุ่งๆ...เลยทำบ้างไม่ทำบ้าง”
ปกติแล้วนิโคไลจะปล่อยการทำความสะอาดแผลของตนให้เป็นหน้าที่ของเงาคนสวย แต่หลังจากส่งวรินทร์ไปทำงานที่ฮ่องกงเพื่อลงโทษน้องชายที่เผลอเรอออกนอกลู่นอกทางไปของนายแบบหนุ่ม นิโคไลก็เรียกลูกน้องมาทำแผลให้แค่ตอนที่นึกออก ซึ่งส่วนใหญ่ร่างสูงมักมีเรื่องมากมายให้คิดจนไม่ได้ใส่ใจบาดแผลทางร่างกายของตัวเองนัก
“บอกลูกน้องคุณให้เอาอุปกรณ์ทำแผลมา ไปซื้อยาพวกนี้มาด้วย”
คเชนทร์หยิบสมุดฉีกของโรงแรมมาจดสิ่งของที่ตนต้องการลงไปแล้วยื่นให้อีกฝ่าย นิโคไลพยักหน้าอย่างเชื่อฟังแล้วถ่ายรูปรายการที่ว่าส่งไปให้ลูกน้องของตน
ไม่นานนัก ของทั้งหมดที่คเชนทร์ต้องการก็ถูกนำมาส่งถึงห้องโดยนิกิต้า บอดี้การ์ดหนุ่มเจ้าของแผลเป็นอันเป็นเอกลักษณ์บนใบหน้า
“จริงสิ พรุ่งนี้ผมต้องไปทำธุระ คงอยู่กับคุณหมอไม่ได้ ผมจะให้คุณหมออยู่กับนิกิต้านะครับ” ชนิโคไลเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้
“ผมมีทางเลือกด้วยเหรอ?” คนที่โดนลักพาตัวมาเหน็บ นิโคไลเพียงแค่ยิ้มเจื่อนอย่างสำนึกผิด
“ผมขอครั้งสุดท้าย แล้วผมจะไม่โผล่มาให้คุณหมอเห็นหน้าอีก”
ชายหนุ่มเอ่ยย้ำคำสัญญา คเชนทร์แสร้งหันไปสนใจข้าวของในถุงพลาสติกด้วยไม่อยากต่อหัวข้อสนทนาที่ตนไม่อยากคิดถึงให้ยาวไปกว่านี้
หลังจากทำความสะอาดแผลเสร็จ คเชนทร์ยื่นซองขนมปังสอดไส้ครีมที่เขาฝากนิกิต้าซื้อให้คนเจ็บกินก่อนยา ไม่คิดเลยว่า ‘อะไรง่ายๆที่เจ้านายคุณชอบกิน’จะกลายเป็นของแบบนี้ไปได้
ชอบอะไรเป็นเด็กๆ
พูดถึงเด็ก...
“...แล้วลูกชายคุณจะปลอดภัยจากคนพวกนี้รึเปล่า?”
คเชนทร์อดเป็นห่วงเด็กชายผมสีบลอนด์แพลตตินัมเจ้าของรอยยิ้มสดใสอวดฟันขาวที่เขาเคยเห็นผ่านทางจอภาพเพียงแค่ครั้งเดียวไม่ได้
“แม่ของเอเดรียนเป็นลูกสาวตำรวจใหญ่น่ะครับ บ้านของตายายเอเดรียนมีคนคุ้มกันแน่นหนากว่าตระกูลของผมอีก สบายใจได้” นิโคไลตอบพร้อมรอยยิ้มที่แม้จะไม่ได้สว่างไสวเท่าลูกชาย แต่ก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูสดใสขึ้นมามาก “ผมดีใจนะครับที่คุณหมออุตส่าห์เป็นห่วงลูกผมด้วย”
“…ก็แค่กลัวเด็กโดนลูกหลงไปด้วย” คเชนทร์พึมพำแก้ตัว นึกสงสัยว่าทำไมมาเฟียหนุ่มถึงได้มีภรรยาเก่าเป็นถึงลูกสาวของ
นายตำรวจใหญ่ คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์...
“ผมรักแม่ของเอเดรียนจริงๆ...แค่ไม่ใช่แบบที่ผมคิดไว้”
คเชนทร์หันขวับไปหาคนที่ตอบคำถามในใจของเขาออกมา
นี่เขาเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปงั้นเหรอ?
“แค่มองหน้าคุณหมอผมก็รู้แล้วครับว่าคิดอะไรอยู่” นิโคไลตอบยิ้มๆ “ผมเคยคิดว่าผมรักเธอมากพอที่จะอยู่เคียงข้างเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่พอศัตรูของผมเริ่มปองร้ายผู้หญิงคนนั้นมากขึ้น ผมก็เริ่มรู้ใจตัวเองว่าผมไม่ได้รักเธอมากพอที่จะเอาชีวิตของเธอมาเสี่ยงอันตรายกับคนอย่างผม”
คเชนทร์กระพริบตาปริบๆกับคำอธิบายที่ฟังดูไม่สมเหตุสมผลนั้น
“แปลว่าถ้าคุณรักใครซักคนมากๆ คุณจะยอมให้เขาอยู่ข้างๆคุณ?”
นิโคไลส่ายหน้า
“ถ้าผมรักใครซักคนมาก ผมจะเอาตัวเองออกมาจากอันตรายเพื่อคนคนนั้น”
ดวงตาสีมรกตเหลือบมองคนข้างกาย คเชนทร์แร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาของมาเฟียหนุ่มแล้วเอนตัวลงบนหมอนใบโต
“ผมจะนอนแล้ว”
นิโคไลลุกไปปิดไฟเมื่อได้ยินดังนั้น ซึ่งสำหรับคเชนทร์เป็นโอกาสดีที่จะหลับตาลง ปล่อยให้เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้จบไปอีกวัน ชายหนุ่มรู้สึกถึงเตียงที่ยวบลงข้างกาย พร้อมกับร่างอุ่นที่สอดตัวเข้ามาใต้ผ่านห่มผืนเดียวกับตัวเอง
“ฝันดีนะครับคุณหมอ”
คเชนทร์ไม่ได้ตอบกลับเสียงกระซิบของคนข้างกาย ชายหนุ่มเพียงแต่นอนหลับตานิ่ง ไม่แสดงท่าทีใดๆแม้ว่าแขนแข็งแรงจะพาดลงมาบนเอวของตน ลมหายใจอุ่นรินรดหลังคอ และความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน แต่สิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้คือขาเรียวยาวของนิโคไลพาดเกี่ยวขาของเขาไว้จนแทบจะกลายเป็นเถาวัลย์พันกัน และมือใหญ่ที่กอบกุมมือของเขาไว้ด้วยความอ่อนโยนที่คนในโลกมืดอย่างผู้ชายคนนี้ไม่ควรมี
ในตอนที่คเชนทร์ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างของนิโคไลหายไปจากข้างกาย พาความอบอุ่นที่ทำให้ชายหนุ่มนอนหลับสนิทหายไปด้วย ภายในห้องมีเพียงนิกิต้าที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาวเท่านั้น
“ไปแล้ว...งั้นเหรอ?” คเชนทร์พึมพำกับตัวเอง
“ครับ” เสียงทุ้มของนิกิต้าทำให้คนฟังแอบรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“คุณพูดไทยได้?”
“ทุกคนในทีมพูดได้ครับ” นิติก้าตอบเสียงเรียบ แต่ไม่ได้ขยายความอะไรต่อจากนั้น“อาหารเช้าจะรับอะไรครับ?”
“….อะไรก็ได้”
คเชนทร์ไม่มั่นใจว่าควรจะพูดอะไรกับคนตรงหน้า ซึ่งนิกิต้าก็ไม่ได้ถือสาความเงียบในห้อง ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ของห้องขึ้นเพื่อสั่งรูมเซอร์วิสให้กับคนบนเตียง นายแพทย์หนุ่มตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกอึดอัดที่ไม่ค่อยเกิดกับตนบ่อยนัก
เมื่อกลับออกมา อาหารเช้าแบบอเมรกันชุดใหญ่ก็วางเรียงรายรอเขาอยู่บนโต๊ะอาหารแล้ว
“คุณไม่ทานเหรอ?” คเชนทร์ถามเมื่อเห็นว่านิกิต้าไม่มีท่าทีจะขยับจากโซฟา
“ทานแล้วครับ” ร่างสูงตอบ คเชนทร์ทานอาหารของตัวเองเงียบๆ เหลือบมองคนที่นั่งอ่านหนังสือเล่มหนาในมือด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกว่าหนังสือในมือคืออะไรเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
“ทำไมนิโคไลถึงเลือกคุณมาเฝ้าผม”
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของนิกิต้า ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหนังสือด้วยแววตาที่เขาอ่านไม่ออก ก่อนจะตอบออกมาสั้นๆ
“เพราะผมไม่มีประโยชน์”
คเชนทร์รู้สึกว่ามันเป็นการยากที่จะทำใจเชื่อว่าคนอย่างนิโคไลจะเก็บลูกน้องที่ไม่มีประโยชน์ไว้ข้างกาย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมลูกน้องคนสนิทที่ไปไหนมาไหนกับตัวเองแบบนี้ด้วย
นายแพทย์หนุ่มนึกย้อนไปถึงวันที่นิโคไลกำลังคุยวีดีโอกับลูกชายตัวน้อยที่อยู่อีกฟากของโลก เด็กชายร้องหาชายหนุ่มเจ้าของรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้าไม่หยุดปากจนคนเป็นพ่อยังต้องแซวว่าตกลงคิดถึงใคร รวมทั้งเรื่องที่อีกฝ่ายเคยถูกเพื่อนร่วมงานแซวว่าเป็นคนโปรดของเด็กชายอีกด้วย
“คุณ…สนิทกับลูกชายของนิโคไลเหรอ?”
นั่นเป็นครั้งแรกที่นิกิต้าแสดงสีหน้าไม่อยากตอบคำถามออกมาเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มหลบสายตาเขาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจ
“ผมเป็นแค่ลูกน้อง”
แต่ท่าทีของอีกฝ่ายทำให้คเชนทร์ได้คำตอบที่ต้องการ ดูท่าว่าคนคนนี้จะสำคัญกับลูกชายของหัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่พอสมควร นิโคไลถึงได้จงใจเลือกให้อีกฝ่ายรับผิดชอบงานไม่อันตรายอย่างการดูแลเขา
ก็คิดถึงคนอื่นเป็นเหมือนกันนี่
รอยยิ้มจางฝุดขึ้นที่มุมปากของคเชนทร์โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว
เขาไม่รู้ว่าวันนี้ธุระที่อีกฝ่ายต้องไปทำคืออะไร แต่คเชนทร์ได้แต่หวังว่านิโคไลจะคิดถึงลูกชายของตัวเองมากพอที่จะไม่เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงอันตรายอย่างที่ทำก่อนหน้านี้
------------------
กระดื้บบบบบบบบบบบ