เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องจากผู้ชมจำนวนหลายร้อยคน แสงแฟลชจากกล้องนับสิบนับร้อยฉายวาบไปยังเหล่านางแบบนายแบบและดีไซเนอร์ชื่อดังบนเวทีที่ถือดอกไม้ช่อใหญ่โค้งรับคำชม
คนที่โดดเด่นที่สุดในงานคงไม่พ้นวรินทร์ที่เดินชุดฟินาเล่ปิดการแสดงทั้งสองชุด ซึ่งแม้จะไม่ค่อยรู้เรื่องแฟชั่น แต่มธุวันก็ยังพอจะเดาออกว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก โดยชายหนุ่มในตอนนี้อยู่ในชุดเจ้าสาวแบบตะวันตกทรงนางเงือกสีขาวบริสุทธิ์ ผ้าลูกไม้แทรกเส้นด้ายทองช่วยขับความเรียบง่ายให้ดูหรูหรา ปักคริลตัลเม็ดเล็กวาวระยับเล็กลวดลายสวยงามยามกระทบแสงไฟ ลิปสติกสีม่วงเข้มถูกแทนที่ด้วยลิปกลอสอมชมพูฉ่ำวาว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาและลำคอระหงส์ถูกขับให้โดดเด่นขึ้นจากเส้นผมยาวที่ถูกเกล้าขึ้นเป็นมวย ประดับประดาด้วยดอกไม้เล็กๆสีขาว ทำให้ร่างสูงโปร่งดูราวกับนางฟ้าที่เพิ่งบินลงมาจากสรวงสวรรค์ แต่สิ่งที่ทำให้คนดูต้องรีบเช็ดน้ำลายคือแผ่นหลังขาวเนียนเกลี้ยงเกลาที่ไร้อาภรณ์ใดปกคลุม และคว้านลึกลงมาจนเห็นแนวกระดูกสันหลังที่เรียงตัวสวยของนายแบบหนุ่มลงมาเป็นแนวยาว...
ตู้ม!!
ท่ามกลางคงตกใจและความมึนงง เขาถูกแรงกระแทกบางอย่างทำให้ถูกผลักลงไปกองกับพื้น มธุวันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงระเบิดดังลั่นทำให้แก้วหูของชายหนุ่มส่งเสียงหวีดร้องออกมา เศษฝุ่นสีขาวจากตัวอาคารที่ถูกแรงระเบิดปริศนาทำให้ตาของเขามองไม่เห็นทัศนียภาพรอบกายไปชั่วขณะ
“เมฆ…”
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตะโกน หรือกำลังกระซิบเรียกหาอดีตคนรัก แต่วินาทีนั้น เขาเพียงแค่ต้องการรู้ว่าเมฆาอยู่ที่ไหน
ความมึนเบลอจากแรงระเบิดค่อยๆจางหายไป มธุวันตระหนักว่าที่ตนไม่สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบข้างได้ เป็นเพราะร่างของคนที่เขาร้องเรียกหาซึ่งคร่อมทับร่างของเขาอยู่
“อึ่ก...”
เมฆากัดฟันกรอด ยันตัวลุกขึ้น ฉุดมธุวันให้ลุกขึ้นมาท่ามกลางความโกลาหลของผู้คนที่วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น พวกเขาถูกกระแสฝูงชนผลักให้เคลื่อนตัวหนีตามกันออกมา ไม่อย่างนั้นคงได้แบนเป็นกล้วยปิ้งอยู่บนพื้นเป็นแน่
ตู้ม!!!
แรงระเบิดอีกครั้งจากฝั่งห้องครัวที่อยู่ห่างออกไปสร้างความแตกตื่นให้กับฝูงชนอีกระลอก ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครบาดเจ็บจากแรงระเบิดตรงๆก็ตาม
มธุวันเกาะร่างสูงใหญ่กว่าไว้แน่นด้วยกลัวกระแสฝูงชนจะแยกพวกเขาออกจากกัน ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงทางออกโรงแรม มธุวันได้ยินเสียงระเบิดอีกระลอกดังขึ้นจากภายในตัวอาคาร แต่ทันทีที่หลุดพ้นออกมาข้างนอก ร่างทั้งร่างของเลขาหนุ่มก็แทบจะปิดเครื่องเตรียมรีบูทใหม่ด้วยตัวของมันเอง เขาเห็นหลายคนทรุดตัวลงนั่งหายใจบนพื้นหญ้า แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่เมฆาที่มองไปรอบๆด้วยสีหน้าแตกตื่นเหมือนเด็กหลงทาง
“เมฆ?”
“พ่อ…”
แววตาหวาดกลัวที่เขาไม่คิดว่าตัวเองเคยเห็นฉายชัดบนใบหน้าของเมฆาเมื่อชายหนุ่มตระหนักว่าบิดาของตนไม่ได้อยู่ในกลุ่มของผู้คนที่สามารถหนีออกมาได้ก่อนพวกเขา มธุวันรีบคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้เมื่อเมฆาหมุนตัวกลับไปในทางที่ผู้คนกำลังวิ่งหนีออกมา
“หมอกไปด้วย...”
“หมอกอยู่ที่นี่นะ อย่างน้อยเมฆก็รู้ว่าหมอกปลอดภัยอยู่ตรงนี้...” มือใหญ่แกะมือที่เกาะแขนของตัวเองไว้ออก แววตาของเมฆาดูหวาดผวากับความคิดที่ว่ามธุวันจะกลับเข้าไปในนั้นอีกครั้ง “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหมอก...เมฆต้องเป็นบ้าแน่ๆ...”
มธุวันรู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ที่จะห้ามอดีตคนรักไม่ให้กลับเข้าไปช่วยบิดา เมฆาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองหากเกิดอะไรขึ้นกับธีรเชษฐ์ ไม่สำคัญว่านั่นไม่ใช่ความผิดของเมฆา เขารู้ว่าถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็จะไม่มีวันเลิกโทษตัวเอง และการที่เขาเข้าไปด้วยคงมีแต่จะทำให้เมฆาต้องพะวะพะวงกับความปลอดภัยของเขาเพิ่มอีกคน
ถึงจะรู้แบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้การปล่อยเมฆากลับเข้าไปในโรงแรมที่ยังคงมีควันพวยพุ่งออกมาง่ายขึ้น
มธุวันดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายเข้ามาประกบริมฝีปาก จุมพิตดูดดื่มหวานล้ำไร้ซึ่งความขุ่นเคืองใจจากสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา จุมพิตที่เมฆาจูบตอบอย่างโหยหาราวกับโอเอซิสในทะเลทราย
“ถ้าเมฆไม่กลับมา หมอกจะโกรธเมฆไปตลอดชีวิต...”
ลูกแก้วสีเทาอมฟ้าวาวฉ่ำไปด้วยของเหลวที่เอ่อล้นขอบตา เมฆายิ้ม ประทับริมฝีปากได้รูปลงบนหน้าผากของคนที่ตนยังคงรักด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี
“ครับ รอเมฆนะครับคนดี...”
มธุวันยกมือปิดปากกลั้นก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ มองร่างของคนรักที่วิ่งหายเข้าไปในฝูงชนด้วยดวงหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา
“คุณหมอกครับ!!” เสียงร้องอย่างแตกตื่นพร้อมกับแรงดึงที่แขนทำให้มธุวันหันกลับไป โรเบิร์ตจับแขนของเขาไว้ด้วยใบหน้าซีดเผือด “ยาหยีแย่แล้วครับ!ทางนี้ครับ!”
ชื่อของเพื่อนรักทำให้มธุวันสาวเท้าตามคู่หมั้นของหญิงสาวไปยังด้านข้างของโรงแรมที่เป็นมุมลับตาคนโดยไม่ต้องคิด ร่างโปร่งไม่ได้เอะใจเลยว่าทำไมญาวิกาที่กลับไปที่โรงแรมของตัวเองตั้งแต่จบการแสดงชุดแรกถึงได้ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ก่อนที่มธุวันจะทันได้นึกอะไร มือใหญ่ที่ถือผ้าชุบของเหลวบางอย่างก็โปะเข้าที่จมูกและปากของเขา อารามตกใจ มธุวันเผลอสูดหายใจเอาสารในผ้าเข้าไป และถึงแม้จะดิ้นรนเพียงไร ยาสลบที่เริ่มออกฤทธิ์ก็ทำให้ดวงตาสีเทาอมฟ้าปรือปรอยลงพร้อมกับสติสัมปชัญญะของมธุวันเลือนหายไปอย่างง่ายดาย
เมฆายกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกเพื่อป้องกันฝุ่นควันที่ลอยคลุ้งไปทั่วตัวอาคาร ดวงตาสีควันบุหรี่สอดส่ายหาบิดาของตนอย่างเร่งรีบ ในตัวโรงแรมแทบจะไม่มีคนหลงเหลืออยู่แล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นการตามหาธีรเชษฐ์ยังคงเป็นเรื่องยากจากฝุ่นควันที่บดบังทุกสิ่ง และทำให้ดวงตาของเขาแสบร้อนจนแทบลืมไม่ขึ้น
แต่ไม่ว่าสิ่งที่เมฆาคิดว่าตัวเองจะได้เห็นจะเป็นอะไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าภาพของบิดาถือปืนยิงสวนกลุ่มชายปริศนาเคียงข้างมาเฟียหนุ่มชาวอิตาลีจะเป็นหนึ่งในนั้น
“พ่อ….”
“ระวัง!”
แรงฉุดกระชากดึงให้เมฆาที่เรียกได้ว่าแทบจะยืนเอ๋ออยู่กลางดงกระสุนเซลงไปหมอบอยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เมฆาหันไปมองผู้ช่วยเหลืออย่างงุนงง ชายชาวต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ที่หมอบอยู่ข้างเขามีเส้นผมสีเงินแซมจนแทบไม่เห็นเค้าลางของเส้นผมสีรัตติกาลและริ้วรอยรอบดวงตาสีควันบุหรี่คมเข้มที่ผ่านโลกมาหลายสิบฝนซึ่งเป็นเพียงสองสิ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์์ภายนอกของชายวัยหกสิบกว่าปีที่ดูใกล้เคียงกับอายุจริง แต่รูปร่างที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามนั้นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ยังต้องยอมแพ้
“คุณ…ปู่?”
คาซีเมียร์กลอกตา ตบซองกระสุนเข้ารังเพลิงของปืนพกกระบอกหนึ่งแล้วส่งให้หลานชายคนโต
“เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปเดี๋ยวก็กลายเป็นผีเฝ้าโรงแรมหรอก” ปู่ของเขาเอ่ยเสียงแกมตะคอก เมฆาเคยพบกับปู่ของตัวเองเพียงไม่กี่ครั้งในวัยเด็ก แต่ท่าทีเข้มงวดและแววตาดุๆนั้นมักจะทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำอะไรผิดเสมอ “คุ้มกันหลังให้ด้วย”
“ฮะ? อะไร...เฮ้ย! ปู่ครับ!”
เมฆาพุ่งตัวตามปู่ของตนไปตามสัญชาตญาณเมื่อจู่ๆชายชราก้มตัววิ่งออกไปจากที่กำบัง ชายหนุ่มไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าตนรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำอะไร ราวกับมือทั้งสองข้างมีความคิดเป็นของตัวเองเมื่อเมฆายกปืนขึ้นยิงสวนใครก็ตามที่พยายามจะหยุดการเคลื่อนไหวของพวกเขา
คาซีเมียร์ไถลตัวเข้าไปหลบที่ด้านหลังส่วนหนึ่งของเวทีที่ธีรเชษฐ์และนิโคไลกำลังใช้เป็นที่กำบังอยู่ก่อนแล้ว โดยมีเมฆาวิ่งตามไปติดๆ ชายหนุ่มทำได้เพียงขอบคุณปาฏิหาริย์กระสุนของกลุ่มชายปริศนายังไม่ฝังลงบนร่างของเขาสักนัด
“ช้านะตาแก่...” ธีรเชษฐ์หันมาบ่นบิดาของตัวเอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีใครติดสอยห้อยตามมาด้วย “เมฆ?”
“พ่อครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เมฆาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไว้ค่อยปรึกษาปัญหาครอบครัวกันทีหลังดีมั้ยครับทุกคน” นิโคไลหันมาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ คาซีเมียร์ขมวดคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคุณปู่ที่พาหลานตัวน้อยออกไปซื้อขนมโดยที่พ่อแม่เด็กไม่ได้ยินยอม แต่ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรผิด
“ถ้าจะแก้แค้นตระกูลที่สั่งฆ่าเมียแก ทำไมลูกแกจะตามมาแก้แค้นให้แม่มันไม่ได้?”
“อะ…” คำถามของเมฆาถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั่วศีรษะอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ภาพของมารดาที่นอนหายใจรวยรินจมกองเลือดอยู่ในอ้อมกอดของตนที่วาบขึ้นมาในสมองยิ่งทำให้ร่างสูงสับสน
แม่...แม่ของเขาเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว...
เขาไม่ได้อยู่กับแม่ในวาระสุดท้าย...
แล้วทำไม...
คำอธิบายอะไรก็ตามที่ธีรเชษฐ์มีให้กับเมฆาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงระเบิดอีกลูก แต่จากที่เมฆาสังเกต คนของฝั่งนิโคไลที่กำลังยิงสวนกลับกลุ่มชายปริศนานั้นมีจำนวนเยอะกว่ามาก ทำให้เขารู้สึกใจชื้นพอสมควร เมฆาไม่รู้ว่าตัวเองยิงใครไปบ้าง สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเขาบอกให้เขากำจัดศัตรูของตัวเองให้หมด แม้ว่าส่วนลึกในจิตใจของร่างสูงจะภาวนาให้คนที่ล้มลงไปจากกระสุนของเขายังมีลมหายใจอยู่ก็ตาม
“Left wing’s cleared! (ปีกซ้ายปลอดภัยแล้วครับ)” เสียงตะโกนของใครบางคนทำให้นิโคไลยิ้มออก แม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ในระหว่างการดวลปืน แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นเหลือจำนวนน้อยเสียจนแทบไม่น่าจะเป็นปัญหา
“Right wing’s cleared! (ปีกขวาปลอดภัยแล้วครับ)”
นิโคไลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กระสุนนัดสุดท้ายทะลุเข้ากลางหน้าผากของชายคนเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ ก่อนที่ชายในชุดสูทสีดำซึ่งเมฆาจำได้ว่าเป็นลูกน้องคนหนึ่งของนิโคไลจะประกาศ
“All clear! (ปลอดภัยหมดครับ!)”
อะดรินาลีนที่พลุ่งพล่านค่อยๆลดหายไปทำให้ร่างสูงรู้สึกเหมือนถูกสูบพลังออกไปจนหมด เมฆมองไปรอบกาย เห็นเพียงซากปรักหักพังและร่างหลายร่างนอนอยู่บนพื้น เขาเพิ่งสังเกตว่าคนทั้งหมดที่ช่วยยิงคุ้มกันให้พวกเขาไม่ได้มีเพียงลูกน้องของนิโคไล นอกจากชายชาวเอเชียหลายคนแล้ว ยังมีชายอีกหลายคนที่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าทำงานให้กับปู่ของเขา ที่หางตา ชายหนุ่มเห็นบิดาของเขากำลังเปลี่ยนกระสุนให้กับปืนของบิดาของตน
เขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาประหลาดใจได้อีกแล้วตลอดชีวิต
“Boss! Look out!!(บอสครับ ระวัง!)”
ปัง!
ร่างของมือปืนที่ยังมีสติอยู่ซึ่งหวังจะลอบยิงนิโคไลทีเผลอทรุดลงไปบนพื้น เผยให้เห็นนายแบบหนุ่มในชุดเจ้าสาว ที่ถือปืนพกกระบอกเล็กซึ่งมีควันกรุ่นจากปากกระบอกปืนอยู่ด้านหลัง
ปัง!ปัง!ปัง!
วรินทร์ฝังกระสุนลงในร่างของมือปืนที่นอนเรียงรายอยู่บนพื้นอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ดวงตาสีม่วงสดเย็นเยียบและว่างเปล่า ราวกับว่ามันเป็นเพียงกิจวัตรประจำวันหนึ่งในชีวิตของตน
โอเค...เขาขอถอนคำพูด เมฆาคิดว่าหลังจากนี้น่าจะมีเรื่องให้เขาประหลาดใจเพิ่มอีกมาก
นิโคไลขยับยิ้มมุมปากแล้วกางแขนออกกว้าง วรินทร์โผเข้าไปในอ้อมกอดของร่างสูงอย่างรู้งาน ที่ด้านหลังของนายแบบหนุ่ม เฟิ่งหยางหมิง นักธุรกิจชาวฮ่องกงที่เมฆาเพิ่งสังเกตว่ายังอยู่ในตัวโรงแรมกัดฟันกรอดมองดูคนทั้งคู่ด้วยแววตาที่สามารถปลิดชีพคนที่ถูกมองได้ในพริบตาเดียว
ว่าแต่ ทำไมนิโคไลถึงได้รู้จักกิ๊กเก่าของพ่อเขาด้วยล่ะเนี่ย?
จากสีหน้าสับสนของธีรเชษฐ์ ดูเหมือนบิดาของเขาก็ดูสับสนกับภาพตรงหน้าไม่แพ้กัน
ฉับ!
ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างอย่างตกใจ ในมือของนิโคไลมีมีดพกขนาดเล็กซึ่งเป็นสาเหตุให้เส้นผมเนียนละเอียดสีดำสนิทที่เคยยาวระสะโพกถูกตัดลงไปกระจายกับพื้น มาเฟียหนุ่มชาวอิตาลียิ้มอย่างอ่อนโยน นิ้วยาวเชยคางมนให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเงยขึ้นมองเขา
“ไปเถอะริน...”
“นิค…” ดวงตาสีม่วงสดไหวระริก ไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าหมายความว่าอย่างไร
“เงาน่ะ..ต้องเป็นของอัลฟอนโซ่ทั้งตัวและหัวใจ” นิโคไลเลิกคิ้วมองเลยไปยังชายหนุ่มชาวเอเชียที่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ด้านหลังของวรินทร์ “เงาที่เลี้ยงไม่เชื่องอย่างรินน่ะ ฉันไม่ต้องการหรอกนะ”
แม้คำพูดของชายหนุ่มจะดูไร้เยื่อใย แต่แววตาของนิโคไลนั้นฉายแววอ่อนโยนอย่างที่วรินทร์แทบไม่เคยเห็นมันมองมาที่เขามาก่อน นิโคไลดึงให้เงาของตัวเองที่ยังคงนิ่งอึ้งจากความตกใจให้เริ่มเดินไปหาเฟิ่งหยางหมิงที่ยืนกอดอยู่ ดูคล้ายพ่อเจ้าสาวที่กำลังจะส่งตัวลูกให้เจ้าบ่าวในพิธีแต่งงานแบบข้างพิลึกพิลั่นในความเห็นของเมฆา
“ของตอบแทนเล็กน้อยจากผม หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะครับ คุณเฟิ่ง”
“อย่าเจอกันอีกจะดีกว่าครับ” เจ้าของชื่อดึงร่างของวรินทร์ที่แม้จะเป็นคนตัวสูงแต่ก็ยังเซเข้าไปซบกับอกกว้างของชายหนุ่มราวกับเด็กสาวตัวน้อยมากอดไว้แนบออก ท่าทีแสดงความเป็นเจ้าของแทบจะในวินาทีแรกที่ได้สัมผัสร่างของวรินทร์ทำให้นิโคไลยิ้มขำ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“回去! (กลับ!)”
เพียงแค่นั้นชายเกือบครึ่งหนึ่งในห้องก็เดินตามชายหนุ่มชาวฮ่องกงไปอย่างว่าง่าย ส่วนนิโคไลก็หันไปหากลุ่มคนที่...หากเมฆาเข้าใจไม่ผิด น่าจะกำลัง ‘เก็บกวาด’ หลักฐานของการต่อสู้เมื่อครู่ ชี้ไปที่ศพของชายคนหนึ่งบนพื้นแล้วพูดอะไรสักอย่างเป็นภาษาอิตาลี ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกลับเปลวเพลิงที่อยู่รอบกายพวกเขา
“ผมว่าเราออกไปจากที่นี่กันเถอะครับ” เมฆาหันไปบอกบิดาและปู่ของตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ความร้อนใจที่อยากจะกลับไปหามธุวันมีมากกว่า และที่สำคัญ อาการปวดหัวที่ค่อยๆกลับเข้ามาทำให้เขาเริ่มรู้สึกยืนไม่อยู่
“Team A down. Cannot locate Star at the moment. (ทีมAถูกโจมตี ตอนนี้ไม่สามารถระบุตำแหน่งของดวงดาวได้ครับ)”
เมฆาไม่มั่นใจว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่จากสีหน้าซีดเผือดของนิโคไลหลังจากได้ยินรายงานของลูกน้อง เขาคิดว่านั่นไม่น่าใช่ข่าวดีเท่าไหร่นัก
แต่ตอนนี้ศีรษะของเขาหนักอึ้งเกินกว่าจะสามารถคิดอะไร เมฆารู้สึกว่าร่างของตนเริ่มส่ายไปมาอย่างควบคุมไม่อยู่ สิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ได้คือเสียงร้องเรียกชื่อเขาและแรงกระแทกจากธีรเชษฐ์ที่ผลักเขาให้พ้นจากปูนชิ้นใหญ่ที่ตกลงมาจากเพดาน
ภาพอันแสนเลือนรางของบิดาที่ถูกทับด้วยเศษปูนชิ้นใหญ่ทำให้เมฆาพยายามฝืนเปลือกตาขึ้น แต่ชายหนุ่มไม่สามารถต่อสู้กับความมืดที่เข้าครอบงำตนทีละนิดได้ และจมดิ่งลงสู่ความว่างเปล่าในที่สุด
-----------
เอาความยาวมาชดเชยที่วาร์ปหายไปนาน55555
เปิดเทอมแล้วความยุ่งเพิ่มระดับสิบ แต่จะวาร์ปมาหาทุกคนให้จงได้5555