สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ  (อ่าน 96424 ครั้ง)

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.36 P.12 (08/12/2560)
«ตอบ #360 เมื่อ07-12-2017 20:38:03 »



สาปรัก ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung 0209

File : 36













นานโขแล้วที่สภาเทวาไร้ซึ่งเสียงดนตรีจากวงมโหรีที่มีเหล่าคนธรรพ์คอยขับกล่อมบทเพลง เสียงกระจับปี่แสนไพเราะเคล้าเสียงซอ และเครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆ แต่เทพทวยเทพกำลังให้ความสนใจสิ่งที่อยู่กลางโถงสภาเทวาเสียมากกว่า ด้วยอัปสรยอดเยาวมาลย์ร่ายรำระบำตามจังหวะคีตะบรรเลงให้สวรรค์ได้ครื้นเครงไม่เงียบเหงา ทว่าบัดนี้งานฉลองครั้งยิ่งใหญ่ได้จัดขึ้น เทวาชั้นสูงจนถึงชั้นรองลงมาต่างมาร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขพยานในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้

กลีบผกาหลากสีนานาพันธุ์โปรยปรายคล้ายพรมทอดทางยาว ถูกเหยียบย่ำด้วยเบื้องบาทของเทวารูปงาม เทพผู้มีพักตราหวานแสนหล่อเหล่า ฉวีงามขาวผ่องดั่งไข่มุกอาบแสงโสม อาภรณ์สีฟ้าอ่อนซ่อนไว้ในผ้าคลุมสีฝานคราม ตรงชายผ้าปักดิ้นเงินเป็นแถบยาว จากที่ทั้งสภาทั้งสองฝั่งข้างทางเทวาเคยให้ความสนใจเหล่านางอัปสรผู้ร่ายระบำนั้น มิอาจละสายตาจากเทวารูปงามที่กำลังเดินตรงเข้าหาผู้ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ทองได้

“ชลันธร” เจ้าของนามสาวเท้าก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวแล้วย่อกายลงนั่งคุกเข่ารอฟังเทวาราชโองการ

“ข้าพระผู้สร้าง… ขอประกาศเทวาราชโองการให้เทพชลันธรหวนคืนสู่ตำแหน่งพระสมุทร เป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือใครในห้วงมหานทีอีกครั้ง จากนี้สืบไปเบื้องหน้าจนกว่าจะครบวาระ...” พระพริษฐ์ประกาศเทวราชโองการดังกึกก้องไปทั่วทั้งสภาเทพ พระหัตถ์นั้นหยิบฉวยมงกุฎพลอยไพลินล้อมไข่มุกสวมลงบนศีรษะของชลันธร จากนั้นจึงมอบตรีศูลอาวุธคู่กาย คู่บัลลังก์แห่งสมุทรเทวา

“ข้าชลันธรขอให้คำสัตย์ปฏิญาณ ให้เหล่าเทวาในที่นี้เป็นสักขีพยาน ข้าจักปกครองอาณาจักรมหาสมุทรด้วยความเป็นธรรมให้เกิดความสงบสุขแก่ทุกสรรพสิ่ง” สิ้นคำสาบานตน คลื่นทะเลบิดเกลียวสูงราวกับรับรู้สิ่งที่ชลันธรได้เอื้อนเอ่ย หากไม่ใช่เพียงแค่นั้นเกิดเหตุอัศจรรย์วารีที่เคยสีเข้มแปรเปลี่ยนน้ำใสเสียจนเห็นเหล่ามัจฉาตลอดจนพื้นทรายใต้ท้องสมุทร เหล่าเงือกงามในมหานทีสีทันดรต่างว่ายขึ้นพ้นเหนือน้ำแล้วส่งเสียงขับขานเพลงไพเราะขับกล่อมฝูงปลา นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นภาพเหล่านี้

…ท่านพี่...แม้วันนี้จะเป็นวันที่ข้าอยากให้ท่านพี่อยู่ด้วยมากที่สุดแต่ก็มิเป็นเช่นที่ข้าหวัง...ทำไมกันโชคชะตาจึงเล่นตลกให้สองเราต้องพลัดพรากกันตลอด...แต่ข้ามิกลัวโชคชะตาอะไรที่จะผ่านเข้ามาอีกแล้ว...ข้าเข้มแข็งและอยู่คนเดียวได้ขอท่านพี่จะอย่าได้เป็นห่วง เพราะข้ามีท่านพี่อยู่ด้วยในใจเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจงโปรดรู้ว่าตัวข้าหัวใจของข้า ยังคงเป็นของท่านพี่และรอคอยเสมอมิมีเปลี่ยนผัน...

ชลันธรหลังจากกล่าวสัตย์ปฏิญาณก็นึกถึงแต่นภนต์ เทพรูปงามพยายามเข้มแข็งไม่ให้ใครต่อว่าได้ หากนภนต์รับรู้ได้คงภูมิใจมิใช่น้อย ...แต่การทำใจในเร็ววันนี้เป็นเรื่องที่หนักหนาของชลันธรเช่นกัน

พิธีการดำเนินจนเสร็จสิ้น เหล่าเทวาตลอดจนเทพีทั้งหลายต่างเข้ามาร่วมยินดีกับผู้หวนคืนตำแหน่งพระสมุทร แม้จะมีเทพนพเคราะห์หลายองค์ที่ไม่มาปรากฏกายร่วมเทวราชพิธีนี้ ได้แก่ พระอังคาร และ พระศุกร์ ผู้ยังถูกจองจำ ส่วนพระเสาร์นั้นสำหรับชลันธรแล้วมิได้แปลกใจเท่าใดนัก ด้วยอุปนิสัยของเทพผู้นี้ที่ไม่ชอบพบปะสังสรรค์หรือเข้าร่วมเทวราชพิธีแม้จะเป็นงานสำคัญ รวมถึงพระเสาร์อาจจะยังโกรธเคืองเรื่องที่นาคินทร์ต้องมาตายจาก ด้วยเพราะเดินทางช่วยเหลือตน ชลันธรจึงคิดหาโอกาสสักคราเข้าขอขมาเหตุนี้กับพระเสาร์  น่าแปลกพระพุธ พระราหู ก็ไม่ปรากฏกายด้วยเช่นกัน มีเพียงพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระพฤหัสบดีและพระเกตุที่เข้าร่วม แต่สิ่งที่ชลันธรแปลกใจที่สุดที่ไร้เงาของรพีพงศ์ อันที่จริงใครต่างก็ทราบดีว่ารพีพงศ์คือรัชทายาทบัลลังก์พระอาทิตย์ หากวันนี้ผู้ที่นั่งด้านหลังเทพพระอาทิตย์กลับเป็นอรุณเทพผู้เป็นน้องชายฝาแฝดแทน ถึงจักมีข้อสงสัยแต่ชลันธรไม่คิดจะถามถึงเรื่องภายในวงศาทินกร สิ่งตนอยากรู้นั้นกลับเป็นเพียง…

“พระอรุณเทพ” ชลันธรเรียกขานบุรุษเทพตรงหน้า

“เจริญสุขเถิดพระสมุทรชลันธร” พระอรุณขานรับ

“เจริญสุขเช่นกันเถิด พระอรุณเทพ” ชลันธรตอบกลับ

“…จริงสิข้ายังไม่ได้อวยพรท่านเลย ข้าขอถือโอกาสนี้ขอให้ท่านนั้นพบพานแต่ความสุขความเจริญตลอดไป” พระอรุณเทพกล่าวอย่างเป็นมิตร

“เราเองก็ขอให้ท่านนั้นมีความสุขตลอดไปเช่นกัน”

“ขอบน้ำใจท่านมาก”

“พระอรุณเทพ…เรามีเรื่องอยากจักถามท่านถึงพระรพีพงศ์เทพสหายเราสักหน่อย มิทราบว่าเพลานี้เป็นเช่นไรบ้าง” ชลันธรพูดเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อม

“ท่านพี่รพีพงศ์เอาแต่ขังกายตนอยู่ในวิมานมิยอมออกมาเลย ทั้งยังดื่มเครื่องดองของเมาเสียจนเมามายร่างกายทรุดโทรม…ตัวข้าเองนั้นจนอับจนปัญญายิ่งนัก พระบิดาก็หาได้สนใจไม่ ด้วยมองว่าเรื่องที่ท่านพี่โศกเศร้านั้นเป็นเรื่องไร้สาระ ด้วยเสียใจเพราะนาคาเกล็ดนิลตนหนึ่งเท่านั้น” อรุณเทพเล่าเรื่องราวของรพีพงศ์ด้วยความเป็นห่วง ด้วยรพีพงศ์แฝดผู้พี่มิเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เมื่อก่อนนั้นเข้มแข็งไม่ว่าจะเผชิญเรื่องร้ายแรงขนาดไหน หรือจะเศร้าโศกาเพียงใด รพีพงศ์ก็ไม่เคยทำตัวเหลวแหลกเสียผู้เสียคนขนาดนี้ เพราะเหตุนี้พระอาทิตย์ผู้เป็นพระบิดาจึงไม่พอใจที่รพีพงศ์ไม่ทำตัวสมกับเป็นรัชทายาทผู้สืบทอดครองบัลลังก์พระอาทิตย์

จากที่ชลันธรได้รับฟังความนี้หากรพีพงศ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไปคงมิพ้นถูกปลดจากการเป็นรัชทายาทแน่แท้ ความโศกเศร้าของรพีพงศ์ที่ได้รับฟังนั้น ชลันธรมิได้แปลกใจเลยเพราะตนเองตกในสถานะเดียวกันคือการที่ต้องจากลาคนรักหากแต่ตนเลือกที่จะเข้มแข็งมากกว่า

“พระอรุณอย่าได้ร้อนใจ เรื่องนี้เราเองก็มิได้นิ่งนอนใจไว้เรานั้นจักช่วยเหลือท่าน ในมิช้าที เราจักเข้าไปพูดคุยกับรพีพงศ์เอง” ชลันธรเอ่ยด้วยนึกเป็นห่วงรพีพงศ์ คราแรกคิดว่านภนต์จักสามารถขอร้องพระผู้สร้างได้สำเร็จแต่ดูจากรูปการแล้วคงจะมิเป็นผล

“ข้าขอบน้ำใจพระสมุทรเหลือเกิน...” พระอรุณเทพซาบซึ้งในตัวพระสมุทรผู้เมตตา จากนั้นทั้งสองต่างพูดคุยกันเล็กน้อยแล้วจึงแยกย้ายออกไป

บางครั้งความรู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนมากมายเกิดขึ้นกลางดวงใจของชลันธร แม้จะสามารถล้างมลทินให้กับตนเองได้แต่การที่ไร้คนเคียงข้าง ชลันธรหาได้ดีใจเลยสักนิด…‘ท่านพี่นภนต์ ท่านพี่ไปอยู่แห่งหนใดกัน’... ชลันธรตั้งคำถาม ตั้งแต่วันตัดสินโทษชลันธรก็มิได้พบหน้านภนต์อีกเลย พอทูลถามพระผู้สร้าง พระผู้เป็นใหญ่นั้นกลับไม่ตอบสิ่งใดออกมาเลยแม้แต่น้อย

“ชลันธร…” เสียงหนึ่งเรียกขานนามชลันธรอย่างสนิทสนม เจ้าของเสียงหวานวิ่งตรงเข้าหาจนเกินงามไม่สำรวมกิริยาแม้แต่น้อย

“บุษยะเจ้าวิ่งหาข้าเช่นนี้ ประเดี๋ยวจักถูกพระผู้สร้างเอ็ดเอาได้” ชลันธรตักเตือนพลางระบายยิ้ม ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ขวบรอบบุษยะยังคงทำตัวราวกับเด็กน้อยมิเคยเปลี่ยน

“พี่พริษฐ์ อ๊ะ!...พระผู้สร้างมิเอ็ดข้าดอก เพลานี้พระองค์กำลังถูกเหล่านางระบำอัปสรรายล้อมอยู่เช่นนั้น” บุษยะเอ่ย ดวงตาเหลือบมองไปยังผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่มีทั้งมหาเทวีทั้งสาม เทพีชั้นสูงตลอดนางอัปสรรับใช้ที่คอยเอาอกเอาใจ…‘เห็นแล้วมันช่างน่าหงุดหงิดยิ่งนัก’...

“อย่าเพิ่งโมโหไปเลยบุษยะ…ถือว่าเป็นโชคของเราก็แล้วกันที่เจ้าปลีกตัวออกมา”

“โชคดีหรือโชคร้ายกันเล่า และข้านั้นเป็นโชคของท่านเสียแล้วหรือ” บุษยะเกิดความสงสัยในคำพูดของพระสมุทรรูปงาม

“โชคดีเพราะว่าเรานั้นอยากจะถามเจ้าว่าพอจะรู้เรื่องราวของท่านพี่นภนต์หรือไม่ว่ารับโทษเช่นไร ตลอดจนเรื่องราวของรพีพงศ์…พระผู้สร้างจักช่วยเหลือหรือไม่” ชลันธรซักถาม คิดว่าบุษยะนั้นเป็นคนสนิทของพระผู้สร้างอาจจะรู้เรื่องในสิ่งที่อยากรู้ก็เป็นไปได้

“ข้าซักถามแล้วแต่พระผู้สร้างมิยอมตอบข้า ตรัสเพียงว่า…”

…‘พี่พริษฐ์ พระองค์ทรงพอที่จะบอกน้องได้หรือไม่ว่าท่านนภนต์นั้นถูกกักขังอยู่ที่ไหนหรือรับโทษทัณฑ์สถานใด รวมถึงพระองค์จะช่วยชุบชีวิตให้กับคนรักของท่านรพีพงศ์หรือไม่’… บุษยะซักถามทั้งเรื่องคนรักของสหาย ทั้งเรื่องโอกาสที่สหายอีกคนของชลันธรจักคืนชีพเพราะจากที่ชลันธรได้ระบายทุกข์ในก่อนหน้านี้ บุษยะรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย

…‘ความรักจะเป็นลูกกุญแจนำไขสิ่งที่อยากรู้ให้พานพบสิ่งที่อยากได้’…

“พระผู้สร้างตรัสกับข้าเพียงเท่านี้ ข้าขอโทษท่านด้วยที่ไม่สามารถช่วยอะไรเหลือท่านได้เลย..ข้านั้นไร้ซึ่งสามารถจริงๆ” บุษยะเอ่ยเสียงเรียบด้วยรู้สึกผิด และเสียดายที่ไม่อาจจะช่วยเหลือการของชลันธรได้

“เจ้าทำดีที่สุดแล้วบุษยะ อย่านึกโกรธโทษตัวเองเลย”

“ข้า…ข้าช่วยอันใดท่านมิได้เลย ข้ามันเป็นสหายที่แย่”

“ใครว่า…บุษยะเป็นสหายที่ดีต่างหากเล่า จะมีผู้ใดที่ไหนอีกที่จะสามารถทำให้พระผู้สร้างนั้นตรัสตอบกลับได้” รอยยิ้มหวานฉาบบนใบหน้างาม ชลันธรรู้แล้วว่าต่อจากนี้ตนนั้นจักทำเช่นไร

“ชลันธร...เจ้ารู้แล้วหรือ บอกข้าได้หรือว่าไม่ว่าพระผู้สร้างหมายความเช่นไร” บุษยะอดตื่นเต้นกับคำพูดของชลันธรมิได้

“เรายังไม่แน่ใจนักดอก ไว้เสร็จสิ้นจากงานสถาปนานี้ข้าจะไปตามหาท่านพี่นภนต์ด้วยตัวเราเอง” ชลันธรไม่ตอบคำถาม ทำให้บุษยะหน้าเง้าหน้างอเล็กน้อย จึงสวมกอดเชิงหยอกล้อให้หายงอน

“ทำการอันใดกันอยู่เล่าชลันธร...บุษยะ” พระพริษฐ์ที่เพิ่งจะปลีกตนจากวงล้อมของอิสตรีได้เพื่อมาตามบุษยะคนสนิท 

“กระหม่อมเพียงกอดบุษยะให้หายคิดถึงเพียงในฐานะสหายเท่านั้น มิได้ทำการอื่น ว่าแต่พระองค์ทรงมีอันใดหรือไม่” ชลันธรตอบน้ำเสียงเย้าแหย่ผู้ที่มีศักดิ์เป็นพระเชษฐา ใครก็ดูออกว่าพระผู้สร้างนั้นถูกลมพัดหึงหอบมา

“พระจันทร์เทพกำลังจะพาดวงจันทราขึ้นสู้ฟากฟ้าแล้วบ่งบอกว่างานมงคลนี้กำลังเลิกรา ข้าจึงมาตามบุษยะกลับวิมาน”

“ข้ามิอยากกลับวิมานดอก พระองค์ทรงพาเหล่าเทพี เหล่านางอัปสรไปเถอะ ข้าจะอยู่กับชลันธร” คำกล่าวบุษยะเชิงประชดน้อยใจ คงมิใช่เพียงพระผู้สร้างบุษยะเองก็หึงหวงพระผู้สร้างไม่แพ้กัน

“ไยเจ้าถึงดื้อรั้นกับข้า…บุษยะ กลับวิมานกับข้าเถิด...พระสมุทรเองก็ต้องกลับแล้วเช่นกัน...” ในเมื่อพูดดีๆแล้วอีกฝ่ายไม่ยอมฟัง พระผู้สร้างจึงต้องแกมบังคับให้บุษยะนั้นยอม

“ข้าคงต้องขอตัวก่อนนะชลันธร…ขอให้ท่านตามหาเทพนภนต์ให้เจอและจากนี้ขอให้ชีวิตท่านมีแต่ความสุขตลอดไป” บุษยะอวยพรให้สหายรักเพียงผู้เดียว ก่อนจะตามพระผู้สร้างกลับวิมานแก้ว

. . .

ดวงจันทร์ส่องสว่างเป็นสัญญาณให้เหล่าเทวาทั้งหลายกลับไปยังวิมานของตน ทว่าระหว่างทางที่ชลันธรนั้นนั่งราชรถเทียมกุญชรมัจฉาโดยมีเหล่าข้าราชบริวารรายล้อมอย่างสมเกียรติ พระสมุทรเทวากลับให้ราชรถลงไปยังผืนป่าหิมพานต์

“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด…เรานั้นมีสิ่งต้องทำ ณ ผืนพนาหิมพานต์นี้” ชลันธรบอกกับเหล่าผู้ติดตาม

“หามิได้พระสมุทร พวกข้าน้อยทั้งหมดจะปักหลักอยู่ที่นี่ก่อนจนกว่าธุระของพระสมุทรจะแล้วเสร็จ แล้วข้าน้อยกับองครักษ์อีกสามนายจะติดตามพระสมุทรเพื่ออารักขามิให้เกิดภยันตรายใดๆ” หัวหน้าองครักษ์นายหนึ่งเอ่ย

“มิต้อง…เราอยากอยู่ตามลำพังได้ พวกเจ้าอย่าได้ห่วงเราเลย ณ ตอนนี้คงไม่มีใครสามารถทำอันตรายใดๆ เราได้อย่างเช่นตอนเป็นมนุษย์อีกแล้ว...พวกเจ้าคงเหนื่อยมากแล้วรีบกลับไปพักผ่อนเสียเถิดอย่ากังวล...” ชลันธรยืนยันที่จะเดินทางเพียงผู้เดียวไร้คนติดตาม

“แต่…ข้าน้อย...”

“ไม่มีแต่…พวกเจ้ากลับไปเถิดมิเช่นนั้นข้าจักลงโทษพวกเจ้า โทษฐานขัดคำสั่งพระสมุทร พวกเจ้ากล้าหรือ” ชลันธรขู่ ใครก็รู้ว่าขัดขืน ฝ่าฝืนคำสั่งพระสมุทรนั้นมีโทษสถานหนัก

“พวกเรามิกล้าขัดคำสั่ง” หัวหน้าองครักกล่าว

“ดี เช่นนั้นพวกเจ้ากลับไปได้แล้ว” ชลันธรไม่อยากจะใช้อำนาจในเรื่องส่วนตัวเสียเท่าใดนัก แต่การครั้งนี้มันจำเป็น…‘เราต้องตามหาท่านพี่นภนต์ พวกเจ้าอย่าได้ไม่พอใจเราเลย’... ชลันธรคิดในใจ ขณะที่ขบวนราชรถเหาะกลับไป

ร่างบางเดินทางลัดเลาะในป่าหิมพานต์ ยามรัติกาลทำให้บรรยากาศน่ากลัว ชวนให้คิดว่าอาจจะมีนักล่าฟ้ามืดที่ออกหาอาหาร โผล่พรวดพราดเข้ามาหมายจะทำร้ายได้ แต่ชลันธรมิได้นึกกลัวเพราะตนนั้นกลับคืนเป็นเทวาที่พร้อมด้วยพลังอำนาจ

ขาเรียวก้าวย่างไปไม่นาน กิ่งไม้บริเวณนั้นกระทบกันจนเกิดเสียง ทำให้ชลันธรชะงักและแหงนมองดูหาต้นกำเนิดเสียง…‘ประเดี๋ยวต้องมีตัวอะไรโผล่มาเป็นแน่’... ชลันธรไม่เพียงแค่คิด มือที่ว่างเปล่ายกขึ้นมาและได้มีลูกไฟสีฟ้าปรากฏในมือพร้อมที่จะจู่โจมสิ่งที่พุ่งตรงเข้ามา

“พึ่บ..พั่บ”  เสียงปีกที่กระพือออกทำให้ขนสีทองร่วงหล่นมาประจักษ์ต่อสายตาของชลันธร คนงามลดมือลงลูกไฟสีฟ้าหายวับดับไปแล้วจับขนสีทองนั้นแทน

“ท่านพี่นภนต์!!! ท่านพี่นภนต์ใช่หรือไม่!!!” ชลันธรเรียกหาแต่แล้วเจ้าของขนนกสีทองกลับเป็น ‘ทิชากร’ สัตว์พาหนะของนภนต์ กระนั้นไฟแห่งความหวังของชลันธรมิได้มอดดับไป

“ทิชากร...เจ้ารู้ไหมว่านายของเจ้าอยู่แห่งหนใด” ชลันธรไม่รีรอถามวิหกสีทองทันที ทว่าทิชากรกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“เราคิดว่าเจ้าจะรู้เสียอีกแต่ช่างเถิด เจ้าช่วยพาเราไปยังถ้ำแก้วจะได้หรือไม่” ทิชากรกระพือปีกเป็นตำตอบ ชลันธรจึงขึ้นไปนั่งบนหลังของทิชากรแล้วปล่อยให้วิหกพาหนะประจำกายของเทพแห่งท้องนภาโบยบินไปยังจุดหมาย

เรื่องราวเก่าๆค่อยๆ ไหลย้อนออกมาจากขวดแห่งความทรงจำของชลันธร นึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับนภนต์ ตนนั้นก็แยกตัวจากเหล่าข้าราชบริวารและมาพบกับทิชากรที่อุ้มสมพาไปยังถ้ำแก้วเช่นกัน บางทีนี่อาจจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่ตนจักได้เจอกับคนรักก็เป็นได้

ไม่นานทิชากรนั้นก็พาเทวาแห่งมหาสมุทรมาถึงถ้ำรัตนาที่แสงจันทราสาดส่องจนเกิดแสงเป็นประกาย สว่างโดดเด่นท่ามกลางความมืดมิด ชลันธรได้ลงจากกายของทิชากร พลันนกยักษ์ก็ย่อกายให้กลายเป็นนกน้อยตัวเล็กๆ แล้วโบยบินหนีหายไป

“ทิชากร!!! ทิชากร!!!” ชลันธรร้องเรียกแต่ทิชากรก็ไม่ยอมบินย้อนกลับมา…เมื่อรู้ว่าตนนั้นถูกทิ้งชลันธรจึงเดินหน้าเข้าไปในถ้ำแต่เพียงผู้เดียว…‘เห็นทีเราต้องเข้าไปในถ้ำเพียงผู้เดียวเสียแล้ว  มาถึงที่นี่แล้ว...ด้วยความรักที่มีต่อท่านพี่นำพาข้ามา...บางทีเราสองอาจจะได้กลับมาพบกันในที่แห่งนี้ก็เป็นได้...’

ขาเรียวก้าวเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย ภายในถ้ำช่างเงียบสงบชวนวังเวงยิ่งนัก เมื่อเบือนใบหน้าสบมองคบเพลิงที่ไร้ผู้จุด บ่งบอกได้ดีว่าเวลานี้ไม่มีผู้ใดอยู่ในถ้ำ ชลันธรผิดหวังที่ข้อสันนิษฐานของตนผิดพลาด ทั้งที่คิดว่าตนตีความหมายของพระผู้สร้างถูกแต่ไหนเลยสิ่งที่ตนหวังไว้กลับพังทลาย

...‘อาจเป็นเพราะความรักของเรามันไม่มากพอที่จะสร้างเป็นกุญแจไขประตูที่ขวางกั้นสองหัวใจให้พานพบกันอีกครั้ง...เวรกรรมอันใดกันเราถึงได้พลัดพรากจากคนรักเช่นนี้’…

































..........................................

อ้าวเฮ้ย!!! ไหนบอกว่าจบ แต่ดันไม่จบ สัญญาตอนหน้าจะจบแล้วจบจริงๆแล้ว 555555

ขอโทษที่หายไปนานขอโทษจริงๆค่ะ น้ำท่วมซ้ำซาก งานประจำก็ทำจนไม่ค่อยมีเวลา ท่านยุ่งเลยยุ่งสมชื่อค่ะ ฮือออออ

ตอนนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ชิชิ ใส อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ตอนหน้าตอนจบจะจัดเต็มรูปแบบ (จัดอะไร) ให้กับผู้อ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ 555 ม๊วก

ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาเมนท์ มาเป็นกำลังใจให้กัน อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะคะ กลัวไม่มีคนอ่านเพราะหายไปนานแสนนาน

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.36 P.12 (08/12/2560)
«ตอบ #361 เมื่อ07-12-2017 21:14:48 »

 :mew5: รู้สึกยังไม่เต็มอิ่มเลย

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.36 P.12 (08/12/2560)
«ตอบ #362 เมื่อ08-12-2017 00:28:28 »

รออย่างมีความหวัง


ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.36 P.12 (08/12/2560)
«ตอบ #363 เมื่อ08-12-2017 10:57:10 »

งื้ออ เมื่อไรจะเจอกันต้องตอนจบชิมิ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.36 P.12 (08/12/2560)
«ตอบ #364 เมื่อ09-12-2017 00:12:01 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.37 50% P.13 (20/12/2560)
«ตอบ #365 เมื่อ20-12-2017 10:53:24 »



สาปรัก…ทัณฑ์เทวา Writer : Tan-Yung 0209 File : 37

สายลมเย็นพัดผ่านบาดผิวกายให้หนาวเหน็บ ซ้ำยังพัดกำลังใจให้ปลิวหาย แรกเริ่มกายบางละล้าละลังที่ก้าวเข้าไป แต่กระนั้นชลันธรก็ยังเข้าไปภายในถ้ำแก้วที่เคยเป็นรังรักอยู่ดี แม้แสงแห่งความหวังจะริบหรี่กว่าแสงหิ้งห้อยที่บินเอื่อยอยู่ริมธาร หรือจะสว่างน้อยกว่าคบเพลิงที่เคยให้แสงสว่างอยู่ภายในถ้ำ เทวาพระสมุทรก็คงหวังตามผู้เป็นดวงใจของตนให้หวนคืน ทว่า...ภายในถ้ำแก้วแสนวิจิตรกลับไร้ร่องรอยใดๆ ของคนที่ตนนั้นอยากจะพบเจอ ไม่มีแม้ร่องรอยของผู้พักพิง

สองเท้าก้าวสืบเข้าหมายใจอยากแอนกายบนบรรจถรณ์ในคูหาห้องบรรทมให้หวนคะนึงความทรงจำแสนสุขเมื่อครั้งที่นภนพ์อยู่ใกล้...แม้จะมีแสงสว่างไม่มากนัก แต่ชลันธรก็จดจำได้ดีว่าต้องเดินไปทางไหน...

“ถ้าไม่ใช่ที่นี่แล้วจะเป็นที่ใดอีกเล่า…อื้อ!!!” พระสมุทรเปรยกับตนเอง แต่...ยังมิทันจะขาดคำ เสียงพูดกลับถูกดูดกลืนหายเงียบไป กายบางถูกสวมกอดด้วยอ้อมแขนแกร่งจากกายหนาที่สูงใหญ่...ริมฝีปากของผู้ที่ล่วงเกินจรดลงริมฝีปากบาง ชลันธรเม้มริมฝีปากปิดแน่นขัดขืนตามประสาที่หวงกาย ใบหน้างามหันหลบไปอีกทาง เมื่อหัตถาข้างหนึ่งที่หลุดพ้นพันธนาการ ปรากฏแสงสว่างของดวงแก้วสีฟ้าบนฝ่ามือของพระสมุทร

“บังอาจแท้...เจ้ากล้ามากที่กล้าบุกรุกวิมานแก้วสถาน ทั้งยังกล้ามาล่วงเกินเรา จงลิ้มรสนี่เสีย...” ชลันธรยกมือขึ้นพร้อมจะซัดพลังดวงแก้วสีฟ้านั่นใส่อีกฝ่าย ทว่ามือหนาของผู้บุกรุกนิรนามกลับคว้าข้อมือที่เล็กกว่าตรึงไว้แล้วดันกายพระสมุทรให้ร่นถอยจนติดผนังถ้ำ แสงจากสีฟ้าวูบวาบในมืองามส่องใบหน้าของอีกคนให้ชลันธรเห็น

“เจ้าเป็นใครกัน...” ดวงตาเรียวไล่มองใบหน้าผู้บุกรุกนิรนามตรงหน้า กลับเป็นรูปร่างเงาดำไม่มีแม้แต่ใบหน้า...พระสมุทรเริ่มตั้งสติ...หากนี่คือมารหรือปีศาจก็คงยากที่จะรับมือเป็นแน่...ด้วยสามารถต้านทานกายของตนได้

แต่เงาดำนิรนามนั้นค่อยๆ ปรากฏใบหน้าที่แท้จริงให้ชลันธรได้ยล กายบางหยุดหายใจไว้เพียงเท่านี้ หากยามนี้กำลังนิทราในความฝัน ชลันธรก็มิหมายที่จะตื่นฟื้นไปตลอดกาล

“ชลันธรคนดี…นี่พี่เอง เจ้าจะใจร้ายกล้าลงไม้ลงมือทำร้ายพี่เชียวหรือ” เทพหนุ่มรูปงามยิ้มกว้าง ให้กายบางที่คล้ายว่ากำลังจักร้องไห้

“นี่ขะ…ข้า ข้ามิได้ฝันใช่หรือไม่ นี่ท่านพี่นภนต์ตัวจริงใช่หรือไม่” ชลันธรถามเสียงสั่นเครือ น้ำตาแห่งความสุขเอ่อล้นออกมา

‘จุ๊บ’ นภนต์จุมพิศลงที่หน้าผากเนียนแทนคำตอบ มือที่ตรึงข้อมือเล็กเปลี่ยนดึงให้กายพระสมุทรนี้แนบชิดใกล้ ก่อนจะกอดกายขาวนี้แน่นราวกับได้สมบัติล้ำค่าที่สุดกลับคืนมา

“ท่านพี่ ข้าดีใจเหลือเกิน ดีใจเหลือเกินที่ท่านพี่นั้นปลอดภัย” ตลอดหลายวันที่ผ่านมาชลันธรแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับนึกเป็นห่วงว่านภนต์ถูกลงโทษเช่นไร จะทุกข์ทรมานแสนสาหัสแค่ไหน จะได้กลับมาพบกันอีกหรือไม่...เมื่อได้พบหน้าจึงไม่วายที่เข้ากอดแน่น หยาดน้ำตาหลั่งรินด้วยความดีใจ

“พี่เองก็ดีใจที่มีชีวิตรอดกลับมาหาเจ้าอีก…ชลันธร พี่ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะรอดจากสายฟ้าของพระผู้สร้าง” นภนต์เอ่ยพลางลูบหลังคนรักอย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ความคิดนึกถึงเหตุการณ์บนวชิรภูผา

วชิรภูผาหรือแปลตรงตัวว่าภูผาแห่งสายฟ้า แต่ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคือลานตัดสินโทษหรือประหารเทพเสียมากกว่า เพราะผู้ที่ถูกลงโทษให้มาที่แห่งนี้จะถูกลงโทษด้วยสายฟ้า หรือไม่ก็ให้กระโดดลงไปเกิดใหม่ยังโลกมนุษย์ ปรกติที่แห่งนี้พระอัสนีจะเป็นผู้ใช้สายฟ้าลงทัณฑ์ผู้กระทำผิด แต่หากบางคราพระผู้สร้างก็จะเป็นผู้ลงทัณฑ์เอง สถานโทษใส่ร้ายป้ายสีนั้นคือการถูกโจมตีด้วยสายฟ้าเข้าที่ตัวถึงสามครั้งสามครา หากรอดปลอดภัยก็จะถูกปล่อยตัวไป แต่ส่วนใหญ่มักจะโดนไม่ครบตามจำนวนก็ต้องถึงจุดม้วยมรนาแตกดับ ผู้รอดชีวิตนั้นน้อยนักที่รอดมาได้และหสากรอดก็ใช่ว่าร่างกายนั้นจะปกติดั่งเก่า

ท้องนภามืดมนด้วยกลุ่มเมฆสีทมิฬแสนน่ากลัว ดั่งท้องฟ้าสีหม่นนั้นมีดวงตาซ่อนอยู่ และมันจับจ้องไปยังนักโทษเทวา ซึ่งบัดนี้กำลังถูกทหารคุมกายให้นอนราบกับพื้น แขนขาทั้งสองข้างถูกกางออก ข้อมือข้อเท้าถูกล่ามโซ่ตรวนเอาไว้ เสียงฟ้าร้องครืนๆ ราวจะบอกว่าฝนกำลังจะตกหรือมีพายุใหญ่ในอีกไม่ช้า แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะที่แห่งนี้ไม่มีฝนจะมีก็มีเพียงแต่สายฟ้าผ่าลงมาก็เท่านั้น…และอีกไม่นานจะมีเทวาสิ้นชาติภพเป็นแน่

“เทพนภนต์…ท่านพร้อมที่จะรับการลงทัณฑ์จากเราแล้วหรือไม่” พระพริษฐ์เอ่ยถามหลังจากที่นภนต์ทูลขอเรื่องให้ชุบชีวิตแก่นาคินทร์

“กระหม่อมพร้อมแล้ว พระองค์โปรดลงทัณฑ์กระหม่อมด้วยเถิด” ทันทีที่พูดจบเปลือกตาทั้งสองข้างก็ปิดแน่น แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเข้ามารับโทษแล้ว แต่ดวงใจนี่สิกลับเต้นระรัว ไหนจะเหงื่อกาฬที่ไหลอาบหน้าอาบกายอีก…อดไม่ได้…นภนต์อดที่จะใจสั่นมิได้

…‘ไม่ว่าสายฟ้าจะฟาดให้ข้าทรมานจนร่างกายแทบดับสูญ ข้าจะอดทนเพื่อกลับไปหาเจ้าให้ได้…ชลันธร’…

“เทพแห่งเวหานภนต์...ผู้ครองฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งสรวงสวรรค์ ท่านกลับบกพร่องต่อหน้าที่ มิยอมใช้สติปัญญาไตร่ตรองหาความจริง จนเป็นเหตุให้พระสมุทรต้องทนทุกข์ทรมานและยังเป็นเหตุทำให้ถูกปลดจากการเป็นแม่ทัพแห่งสรวงสวรรค์ ” สุรเสียงดังกังวานประกาศแจ้งความผิดที่นภนต์ได้ก่อและบ่งบอกอีกครั้งว่าตำแหน่งแม่ทัพหลวงนั้นไร้ผู้ครอบครอง

“กระหม่อมขอน้อมรับ” นภนต์ก้มหน้าลงน้อมรับโทษทัณฑ์ของตน

กรแกร่งยกขึ้นให้หัตถาสูงเหนือเศียรเกล้า พลันกลุ่มเมฆาบนท้องฟ้าสีควันเลื่อนลอยหมุนวน เสียงโครมครามดังสนั่นดั่งรามสูรเทพขว้างขวานก่อนแสงสีขาวสว่างจนมิอาจลืมตามองพุ่งลงมาในพระหัตถ์ขององค์มหาเทพ

‘เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ..’ อัสนีได้อยู่ในกำมือของพระผู้สร้างเป็นที่เรียบร้อยและพระองค์ไม่ทรงรีรอที่จะลงโทษ

‘เปรี้ยง!!’

“อ๊าก!!!...แค่ก..แค่ก”สายฟ้าฟาดลงบนกลางแผ่นหลังกายใหญ่ นภนต์กระอักโลหิตสีทองออกมา ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวตามกระดูกก่อนจะรู้สึกชาไปตามกล้ามเนื้อ แขนและขาหนักอึ้งเสียแทบจะขยับไม่ได้ นี่เพียงแค่หนแรกเท่านั้นยังทำให้รู้สึกทรมานเช่นนี้... นภนต์จึงไม่แปลกใจ ไม่ว่าเทวาองค์ไหนที่กระทำผิดร้ายแรงนั้นต้องสิ้นชีพ ณ วชิรภูผาแห่งนี้

‘เปรี้ยง!!!’

ครั้งที่สองฟาดลงยังจุดเดิมภูษาที่สวมใส่นั้นไหม้เกรียมขาดวิ่น เกิดรอยแผลเป็นรูปอัสนี ก่อนจะตามด้วยรอยแดงพุพองเป็นอักขระทั่วกลางแผ่นหลัง ส่งผลให้เกิดความร้อนดั่งเพลิงเผาผลาญภายในกายให้ไหม้เกรียม หากนภนต์นั้นกัดฟันแน่นอดทนให้การลงโทษนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี เทวดาผู้ที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ต่างชื่นชมที่นภนต์อดทนมาถึงเพลานี้ ทว่าต่างก็คิดว่าครั้งที่สามเทพนภนต์คงจะไม่รอด

‘เปรี้ยง!!!...ปัง!!!’

พระหัตถ์จับสายฟ้าไว้มั่น เหวี่ยงอัสนีครั้งสุดท้ายฟาดฟันเทพแห่งเวหา ทว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น กลับมีรัศมีสีครามออกมาจากกายของนภนต์ ยามสายฟ้าตกลงมาก็ปกป้องกายของนภนต์ไว้ดั่งเกราะเหล็กที่สะท้อนพลังสายฟ้าจนเกิดเสียงดังสนั่นก้องทั่วทั้งลานวชิรภูผา จากนั้นรัศมีนี้ก็แทรกซึมตามรอยอักขระที่ฟุพองน่ากลัวให้บรรเทาจาง จนเหล่ารอยอักขระนี้จางหายไปในที่สุด ทั้งกายนถนต์ยังทุเลาอาการแสบร้อนภายในกายได้เป็นอย่างดี สร้างความอัศจรรย์ให้กับเทพาทั้งหลายรวมทั้งตัวของนภนต์เอง

“พระสมุทรชลันธร...คงรักและคงเป็นห่วงท่านมาก ถึงได้มอบสิ่งล้ำค่าชิ้นนี้ให้ท่าน...เมื่อกลับไปแล้วจงดีกับชลันธรให้มากสมกับที่ชลันธรดีกับท่าน ...เอาล่ะในเมื่อทัณฑ์จากข้าเสร็จสิ้นแล้ว...พวกเราก็หมดหน้าที่เพียงเท่านี้ กลับไปยังวิมานของพวกท่านกันเถิด...ทหารปลดพันธนาการออกจากเทพนภนต์ให้เป็นอิสระบัดเดี๋ยวนี้...” พระผู้สร้างกล่าวราวรู้ว่าชลันธรมอบสิ่งใดให้ติดกายนภนต์มา...แต่ก็มิได้บอกอะไรต่อ...ได้แต่กล่าวเชิญให้เหล่าเทพที่มาร่วมการครั้งนี้แยกย้ายกลับวิมาน และให้ทหารสวรรค์ปลดเครื่องจองจำนภนต์

“มิแปลกดอกที่ท่านพี่นั้นรอดมาจากสายฟ้าของพระผู้สร้าง” ชลันธรที่ได้ฟังเอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้ม

“เจ้าหมายความว่าเช่นไรหรือ…ชลันธร” นภนต์สงสัยยิ่งเห็นรอยยิ้มของคนในอ้อมแขนก็พอจะเดาออกว่าชลันธรคงมีส่วนเกี่ยวข้อง

“ข้านั้นนำดวงใจพระสมุทรผนึกเข้าไปในกายของท่านพี่ เพียงหวังพลังและอำนาจจากสิ่งวิเศษนี้คอยปกป้องท่านพี่จากอันตรายทั้งปวง แต่ข้าก็มิรู้หรอกว่ามันจะได้ผลหรือไม่...แต่อย่างน้อยมันก็เหมือนกับว่าเราสองได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา...ได้ร่วมฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกัน” ชลันธรเอ่ยก่อนจะใช้มือสัมผัสที่แผ่นหลังกว้าง ทันทีที่มือเรียวแตะผิวกายแสงสีครามน้ำทะเลก็วูบวาบออกมาบ่งบอกว่าดวงใจพระสมุทรนั้นอยู่ในกายของนภนต์

“พี่ขอบน้ำใจเจ้ามากชลันธร…แต่การนำสมบัติล้ำค่าแห่งมหาสมุทรมอบให้พี่เช่นนี้ มันมิเป็นเรื่องที่ควรหรือ...”

“มิเป็นไรดอก…ในฐานะคนรักแม้หากสิ่งใดที่ข้าสามารถจะทำได้...ข้าก็จะทำ...แต่สิ่งที่ข้าอยากได้ยินมากกว่าคำขอบน้ำใจ...คือท่านพี่หายไปไหนตลอดหลายวันนี้และนอกจากโทษที่ต้องสายฟ้า ณ วชิรภูผา ท่านพี่ยังถูกรับโทษอื่นอีกหรือไม่”

“เจ้าถามพี่มากมายเพียงนี้เห็นทีให้เจ้าฟังเสียแล้ว แต่ว่ายืนคุยกันเช่นนี้คงไม่ดีกระมัง พี่ว่าเราไปคุยกันที่คูหาห้องบรรทมมิดีกว่าหรือ...นอนคุยกันให้สบายใจ”

ย้อนกลับไปในวันที่เทพนภนต์ผู้ที่คอยจับกบฏหรือผู้กระทำผิดมายังสภาเทวาเพื่อรับการลงทัณฑ์ บัดนี้กลับกลายเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง หากผู้ที่เคยถูกตนจับกุมได้ล่วงรู้ว่าเทพท้องนภาและมีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพเอกแห่งสรวงสวรรค์เป็นผู้ที่คุกเข่าตรงหน้าพระผู้สร้างเสียเอง คงจะนึกหัวเราะเยาะสะใจอยู่มิใช่น้อย หากนภนต์ไม่คิดจะกลัวเสียหน้าที่ถูกศัตรูเก่าเยาะเย้ยถากถาง สิ่งที่นภนต์กลัวคือการที่ไม่ได้รับโทษที่ตนได้ก่อไว้ แม้จะไม่ใช่เป็นผู้ที่ใส่ร้ายชลันธรแต่เทพหนุ่มกลับปล่อยอคติบังตาจนทำให้เทวาแห่งมหาสมุทรนี้ต้องถูกสาปให้ทุกข์ทรมานบนโลกมนุษย์ บทลงโทษของนภนต์ก็ได้เริ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านทัณฑ์ต้องสายฟ้าไปได้ ก่อนที่นภนต์จะเป็นอิสระ พระผู้สร้างได้ตรัสก่อนที่จะเสด็จกลับ

“นอกจากนี้…นับแต่บัดนี้ไปจนครบ ๓ วัน เจ้าจงเดินทางไปยังขอบมหาสมุทร เพื่อไปเรียนรู้และฝึกซ้อมการเป็นองครักษ์ประจำกายพระสมุทรในทุกคืนวันเพ็ญเป็นเวลา ๑๐๐ ปีมนุษย์ การถูกลดตนเป็นผู้รับใช้อาจจะทำให้ท่านนั้นใจเย็นลงบ้าง” การลงโทษที่ไม่เหมือนการลงโทษของพระผู้สร้างทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลา

“อย่าเพิ่งดีใจไป…โทษทัณฑ์สุดท้ายที่ท่านจักได้รับนั้น คือเจ้าจะต้องคำสาป...” สุรเสียงเรียบนิ่งค่อยๆแปรเปลี่ยนในประโยคสุดท้าย นั่นสินะ มันสมควรแล้วด้วยตนทำให้ชลันธรถูกสาปเป็นมนุษย์ การถูกสาปคงจะเป็นโทษทัณฑ์อันร้ายแรงที่สุด

“ข้าขอสาปให้เจ้า….!!!”

นภนต์ที่เล่าให้ชลันธรฟังนั้นเว้นวรรคช่วงประโยคก่อนจะโน้มใบหน้าให้ริมฝีปากแนบชิดติดใบหูแล้วบอกคำสาป ชลันธรที่ลุ้นว่าภัสดาตนจะต้องคำสาปเช่นไรจนหัวใจนั้นแทบจะทะลุจากอกแต่ใบหน้าขาวซีดที่มีเม็ดเหงื่อประดับตามหน้าผากกลับมีสีหน้าที่สดใสยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่านภนต์อันเป็นที่รักนั้นถูกสาปว่ากระไร...

“นอกจากพี่จะรับโทษแล้ว…พี่นั้นยังขอให้พระผู้สร้างนั้นช่วยชุบชีวิตของนาคินทร์ด้วย เจ้าสบายใจได้ชลันธร เพราะทรงรับปากแล้ว ในเร็ววันนี้คงเรียกรพีพงศ์เข้าเฝ้าเป็นแน่...”

“ท่านพี่พูดจริงหรือ…ท่านพี่มิได้โกหกข้าใช่หรือไม่” ชลันธรถามย้ำกลัวว่าตนนั้นจะฝันไป หากพระผู้สร้างรับคำจะช่วยแล้ว ตนจะได้พบเจอสหาย รพีพงศ์จะได้เจอยอดดวงใจอีกครั้ง

“พี่ไม่โกหกเจ้าดอก เจ้าเชื่อน้ำคำพี่ได้” นภนต์ยืนยัน ยิ่งตอกย้ำให้ชลันธรโล่งใจในเรื่องนี้ ความรู้สึกผิดได้รับการบรรเทา

“อารมณ์ดีขึ้นมาเชียว ราตรีนี้เจ้าอยากจะไปเที่ยวไหนบ้าง พี่จักพาเจ้าไป”

“ท่านพี่ไม่เหนื่อยหรือ เพิ่งจะกลับมาจากขอบมหาสมุทร ข้าว่าท่านพี่น่าจะพักผ่อนเสียก่อนจักดีกว่า”

“ตอนแรกพี่ก็เหนื่อยอยู่ดอก หากพบหน้าเจ้าพี่นั้นก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง พอได้กอดได้จูบเจ้า ดั่งได้โอสถแสนวิเศษเรี่ยวแรงก็กลับมาทันทีทันใด” นภนต์หยอดคำหวานจนชลันธรนั้นแทบอายม้วน

“ถ้าเช่นนั้นท่านพี่นภนต์…ข้าอยากจะไปเล่นน้ำกับเหล่ามัจฉา ณ สระอโนดาต ท่านพี่จะว่าเช่นไร” ชลันธรเอื้อนเอ่ยอย่างอารมณ์ดีทั้งยังขยับกายเข้ากอดแขนนภนต์ไว้

“ยามค่ำคืนเช่นนี้ พี่กลัวเจ้านั้นได้รับอันตราย พี่ว่าเราไปที่อื่นจักดีกว่าไหม” นภนต์ยังคงเป็นนภนต์ที่เป็นห่วงเทพเจ้าของบัลลังก์มุกผู้แสนซุกซน กลางดึกในละแวกสระอโนดาตจะมีพวกสรรพสัตว์รวมตัวกัน

“แต่ข้าอยากไป…ท่านพี่ลืมไปแล้วหรือว่าข้าหวนคืนพลังอำนาจดั่งเก่าก่อน...ซ้ำท่านพี่ก็อยู่ด้วยเห็นทีศัตรูคงต้องม้วยมรนาเสียมากกว่า” ชลันธรยังคงยืนยันคำตอบพร้อมเหตุผล ริมฝีปากเม้มเหยียดบ่งบอกว่าไม่พอใจหากอีกฝ่ายขัดใจตน

“ดูทำหน้าเข้าสิ…เช่นนี้พี่คงขัดเจ้ามิได้ อย่างนั้นเราไปสระอโนดาตกันเถิด” นภนต์เอ่ยแล้วเดินนำชลันธรไปหน้าถ้ำ ปีกสีทองสยายออกจากแผ่นหลัง เจ้าของปีกหันมองคนรักที่เดินตามมาตามด้วยช้อนอุ้มร่างบางขึ้นมา

“เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง”

“ข้าพร้อมแล้ว” ชลันธรตอบด้วยน้ำเสียงสดใส สิ้นประโยค์นภนต์ก็โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรีที่สกาวด้วยแสงจันทร์นวลส่องสว่าง ชลันธรแนบศีรษะพิงอกแกร่งพร้อมคลี่ยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข พระสมุทรนึกถึงเมื่อครั้งที่ตนนั้นได้เริ่มคบหาและสนิทสนมกับนภนต์ในช่วงแรกๆ ตนมักจะถูกเทพเวหาอุ้มพาเที่ยวชมป่าหิมพานต์ ทั้งที่ตนนั้นมีฤทธาที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้แต่ชลันธรกลับเลือกที่จะให้นภนต์อุ้มแนบกายเพียงเพราะอยากชิดใกล้เทพหนุ่มผู้นี้







............ ......... 50% .................

ท่านยุ่งมาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่ลงนิยายครึ่งนึง ฮืออออออ อย่าเพิ่งหาย ตอนสุดท้ายแล้วขอเสียงจากมิตรรักเยอะๆนะคะ จุ๊บ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.37 50% P.13 (20/12/2560)
«ตอบ #366 เมื่อ20-12-2017 23:50:21 »

รอๆขอให้แฮปปี้เอนดิ้ง~

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.37 50% P.13 (20/12/2560)
«ตอบ #367 เมื่อ21-12-2017 02:51:33 »

รออีกครึ่งที่เหลือ .

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.37 50% P.13 (20/12/2560)
«ตอบ #368 เมื่อ21-12-2017 15:54:50 »



เหลืออีกครึ่งหนึ่ง

รอต่อขอรับ


ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
ไม่นานเทพเวหาก็พาชลันธรมาถึงสระอโนดาต ที่เพลานี้กลับมีเหล่ากินรีงามออกมาเล่นน้ำ ยามเดือนหงายเช่นนี้อยู่ถนัดไปอีกไม่ไกลนัก นภนต์วางกายชลันธรลงนั่งบนโขดหินโดยที่ตนเองก็นั่งชิดใกล้กันมิยอมห่าง

เทวารูปงามทั้งสององค์ได้ประทับเคียงคู่กัน รัศมีเรืองรองขับให้น่าดูชม จนนางกินรีที่เริงเล่นน้ำอยู่ใกล้ๆ กันนั้น อดมิได้ที่จะคอยเล่นหูเล่นตาส่งยิ้มส่งสายตาหวานให้นภนต์และชลันธรอยู่ไม่ขาด นภนต์นั้นทำเพียงยิ้มรับตามารยาทผิดกับชลันธรที่สีหน้าเรียบนิ่งแทนที่จะเริงใจเมื่อใกล้น้ำ กลับมองใบหน้านภนต์เป็นระยะ เดาไม่ยากหรอกว่าชลันธรนั้นกำลังไม่พอใจ ดั่งมีไฟหึงมันคุกรุ่นอยู่ในใจ

“ชลันธร…เจ้าไม่ลงเล่นน้ำหรือ” นภนต์ถามด้วยแปลกใจ เพราะทุกครั้งชลันธรพอเห็นสระน้ำหรือทะเล พระสมุทรคนงามจะอารมณ์ดีและลงเล่นน้ำสำราญใจเสียทุกครั้ง

“วันนี้ข้าไม่อยากเล่นน้ำแล้ว…ตอนนี้ข้าอยากกลับวิมาน” ชลันธรบอกกับนภนต์เสียงเรียบ เบือนหน้าหนีไปอีกทาง จนนภนต์อดสงสัยไม่ได้ว่าตนนั้นทำสิ่งใดไม่ถูกใจชลันธร

“ในเมื่อเจ้าอยากกลับวิมาน พี่นั้นจะกลับไปกับเจ้าด้วย ถือเสียว่าทำหน้าที่องครักษ์ให้เจ้า เจ้าว่าดีหรือไม่” นภนต์ถามพร้อมกุมมือนิ่มเอาไว้แน่น

“ตามใจท่านพี่ อยากตามข้าก็ตามมา” ชลันธรดึงมือกลับแล้วลุกขึ้นยืนเดินออกไป ทำให้นภนต์แน่ใจว่าชลันธรไม่พอใจตนเสียแล้ว ถึงกระนั้นนภนต์จะง้องอนอีกฝ่ายให้สำเร็จ

.
.
.

ยิ่งดำดึ่งลึกลงไปก็ยิ่งมืดมิด เนื่องด้วยแสงจันทรามิอาจจะส่องถึงท้องมหาสมุทรแสนกว้างใหญ่ได้ หากมันไม่ได้เป็นอุปสรรคให้กับพระสมุทรและเทพนภนต์ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้ติดตามของชลันธร ทั้งสองอยู่ในฟองอากาศมนตราขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวฝ่าชลธีใต้มหาสินธุ ตลอดเส้นทางนั้นสองเทพาแทบจะไม่ได้สนทนากัน ชลันธรนั้นจะเอื้อนเอ่ยเมื่อนภนต์ถามเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วชลันธรจะพูดเจื้อยแจ้วยามอยู่กับนภนต์ จนนภนต์ลอบถอนหายใจคิดในใจว่าเมื่อถึงวิมานจะซักถามเอาคำตอบให้จงได้

วิมานสีครามตั้งตระหง่านลานแก้วไพฑูรย์ด้านหน้างามระยับสีนั้นตัดกับดอกไม้ทะเลสีเพลิงที่มีอยู่รายล้อม เมื่อฝ่าเท้าทั้งคู่สัมผัสที่พื้นฟองอากาศที่ห่อหุ้มนั้นก็มลายหายไป ชลันธรเดินนำหน้าไม่คิดจะรีรอนภนต์แต่อย่างใด

“พระสมุทรชลันธร อ่ะ!!...ไยกลับมาถึงมืดค่ำเช่นนี้...หากอีกช่วงยามยังมิกลับราชองครักษ์คงเกณฑ์ไพร่พลออกตามหาท่านแล้ว...” นางปลาผู้รับใช้ชลันธรปรี่เข้าหาเพราะด้วยร้อนใจเนื่องจากชลันธรไม่ยอมกลับมายังวิมานสีครามสักที

“เราก็กลับมาแล้วนี่...เราก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วงเรา...” ชลันธรตอบกลับนางปลา

“แล้วนี่ท่านเทพนภนต์หรือไม่...รูปงามสมคำร่ำลือยิ่งนัก  ข้าไม่นึกว่าท่านจะตามมาด้วย…”

“เจ้าก็ไปจัดที่หลับที่นอนให้ท่านเทพนภนต์ด้วยแล้วกัน...ใช้ห้องรับรองทางปีกซ้าย...เมื่อ เจ้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับไปพักผ่อนเถิด...”ชลันธรรับสั่งให้นางปลาผู้รับใช้จัดห้องให้นภนต์แล้วรีบเดินตรงไปที่ห้องบรรทมของตนเองทันที ทำเอานภนต์ตกใจมิน้อยที่ชลันธรกล่าวเช่นนั้นทำไมเล่าไม่พอใจอะไรหนักหนาถึงกับต้องให้นอนแยกห้องกันเลยหรือ...เห็นทีต้องรีบเจรจาให้รู้เรื่องเสียแล้ว

“ท่านเทพเวหา ข้าใคร่รู้นักเหตุใดท่านสามารถอยู่ใต้น้ำนี้ได้นานนัก...” นางปลาผู้รับใช้อดสงสัยมิได้ว่าทำไมเทพนภนต์ผู้ที่ไม่ได้มีชาติกำเนิดในมหาสมุทร แต่สามารถทนอยู่ใต้น้ำได้นานนักซ้ำยังมีทีท่าที่ปกติดีแต่กับเทพผู้อื่นที่ลงยังมหาสมุทรจะต้องใช้มนตราสร้างฟองอากาศคลุมกายเมื่ออยู่ใต้น้ำ

“พอดีว่าก่อนที่ข้าจะลงมาข้ากินหญ้าเหงือกปลามาด้วยก็เลยอยู่ใต้น้ำได้ดีปกติเหมือนชาวเมืองบาดาลทั่วไป...เอาล่ะตอนนี้ข้ารีบต้องไปรับใช้พระสมุทรเจ้าไปจัดห้องหับรับรองก่อนเถิด...ประเดี๋ยวข้าจะเข้าไปพักเอง...” นภนต์ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องดวงใจพระสมุทร เพราะเกรงว่าชลันธรอาจต้องถูกติฉินนินทา และอาจได้รับอันตรายด้วยไม่มีดวงใจพระสมุทรสมบัติสำคัญแห่งเมืองสมุทรอยู่ที่ตนเอง  จึงตอบเลี่ยงว่าใช้หญ้าเหงือกปลาซึ่งนภนต์เองก็จำมาจากภาพยนต์ตะวันตกเรื่องหนึ่งที่เคยชมเมื่อครั้งอยู่โลกมนุษย์กับชลันธร

“เอ่อเป็นเช่นนั้นเอง...” เมื่อได้คำตอบแล้วนางปลาก็ไม่สนใจและซักถามนภนต์ต่อ

นภนต์ไม่ได้สนใจนางปลาผู้รับใช้ขี้สงสัยอีก รีบเดินตรงไปยังห้องบรรทมของชลันธร โดยตามประกบติดอยู่ห่าง

“ชลันธร…เจ้าบอกพี่ได้หรือไม่ ว่าเจ้าเคืองโกรธอันใดพี่”  ทันทีที่ประตูบานปิดลง นภนต์ที่แทรกกายเข้ามาในห้องบรรทมด้วยก็ซักถามชลันธรที่นั่งลงยังแท่นประทับทันที หากสิ่งได้รับคือความเงียบไม่มีคำพูดคำจาใดใด

“ชลันธร…” นภนต์พูดเสียงแผ่วเบาให้อีกฝ่ายเห็นใจยินยอมตอบตนมา  แต่ชลันธรก็มิได้ตอบสิ่งใดแต่กลับหันหน้าหนีไปทางอื่นแทน

“ในเมื่อเจ้ามิยอมพูด...พี่จะทำให้เจ้ายอมพูดกับพี่เอง” นภนต์รวบกายของชลันธรแล้วอุ้มไปยังเตียงใหญ่

“ปล่อยข้า!!!...ท่านพี่บังอาจเกินไปแล้ว...วางข้าลง...แล้วออกไปจากห้องข้าบัดเดี๋ยวนี้ ปล่อยข้า..อุ๊บ!!” ชลันธรร้องโวยวายให้ปล่อยกายก็ไร้ผล บัดนี้ริมฝีปากถูกครอบครองจนมิอาจเปล่งเสียงอันใดได้ นภนต์วางกายชลันธรลงแท่นบรรทมให้นอนราบ แล้วขึ้นคร่อมกายไว้โดยที่ริมฝีปากนั้นมิออกห่าง ชลันธรนั้นถูกกักขังเสียแล้วในเวลานี้

“บอกพี่ได้หรือยังว่าโกรธเคืองอันใด ถึงได้ทำหน้าทำตาบึ้งตึง ไม่พูดไม่จากับพี่เช่นนี้” นภนต์หยุดประโคมระดมจูบ ซักถามอีกครั้งและคำตอบที่ได้กลับมาคือความเงียบเช่นเดิม

“ถ้าเจ้าไม่ตอบพี่อีก…พี่จะทำเจ้ายิ่งกว่าจูบ” นภนต์ไม่ได้ขู่เทพหนุ่มนั้นพูดจริงทำจริง

“บอกแล้ว!!...ข้าบอกแล้ว!!!” ก่อนที่ริมฝีปากจะประกบปากตนอีกครา ชลันธรรีบส่งเสียงร้องตอบยินยอม พร้อมฝ่ามือเล็กที่ดันอกของนภนต์ให้ออกห่าง

“ไหนรีบบอกพี่มาเสียสิว่าเจ้าโกรธพี่เรื่องใด” นภนต์ยิ้มมุมปากมองใบหน้างามตรงหน้าที่สีหน้าคล้ายคนร้องไห้อยู่ทุกขณะ

“ข้าหาได้โกรธท่านพี่ไม่…ข้าโกรธตัวข้า โกรธที่ตัวข้าหึงหวงท่านพี่กับเหล่ากินรีพวกนั้น…ข้ามัน..ข้ามันไม่ดีหึงหวงไม่เข้าเรื่อง” ชลันธรระบายความอัดอั้นตันใจออกมา ชลันธรนั้นเชื่อใจนภนต์ว่าไม่นอกใจตนแน่นอนแต่ยามที่กินรีเยาวมาลย์ทั้งหลายเล่นหูเล่นตาส่งยิ้มหวานมาให้ ชลันธรมิสามารถควบคุมอารมณ์หึงหวงไม่ให้มันเกิดขึ้นมาได้ ครั้นจะให้โวยวายก็ดูว่าจะไม่สมควรจึงทำได้เพียงเก็บมันไว้เป็นไฟสุมอกให้ร้อนรนเอง

“พี่ก็นึกว่าเรื่องอันใด ที่แท้เจ้าหึงพี่นี่เอง” พอรู้สาเหตุที่ชลันธรนั้นขุ่นเคืองใจนภนต์กลับยิ้มแย้ม แววตาบ่งบอกว่าอารมณ์ดีมากมายเพียงใด

“ข้าบอกท่านพี่แล้ว ท่านพี่ก็ปล่อยข้าเสียสิ จักกักขังข้าด้วยร่างกายของท่านพี่ไว้ทำไมกันเล่า”

“พี่จักไม่ยอมปล่อยเจ้าดอก…ชลันธร อันตัวพี่ปล่อยเจ้าให้ห่างกายนับร้อยปี พี่นี้ไม่อยากจักปล่อยเจ้าให้ห่างกายอีก หากหลอมรวมกายกลายเป็นหนึ่งพี่ยินดีที่จะทำมิให้เจ้านั้นห่างกาย” นภนต์กระซิบสวาทคำหวานใกล้ใบหูก่อนจะซุกไซ้ซอกคอขาวสูดดมความหอมละมุน

“ท่านพี่…ท่านช่างหื่นกระหายยิ่งนัก พูดไปพูดมาท่านั้นก็หาเรื่องจะรังแกข้า เดินทางลงมาเมืองสมุทรมิเหน็ดเหนื่อยบ้างหรอกหรือ...” ชลันธรโวยวาย ถ้าฟังในน้ำเสียงจะรู้ว่าชลันธรมิได้ใส่ความจริงจังลงไปเลย คำโวยวายเมื่อครู่มีแต่ความเขินอายผสมลงไปด้วยเท่านั้น

“พี่มิได้รังแกเจ้าสักหน่อย…แต่พี่รักเจ้าต่างหาก...แล้วพี่ก็มิเหน็ดเหนื่อยด้วย...สงสัยจะเป็นเพราะพลังของดวงใจพระสมุทรกระมังที่ทำให้พี่มิรู้เหน็ดเหนื่อยเช่นนี้...”

“ถ้าเช่นนั้นข้าเอาดวงใจพระสมุทรคืนดีหรือไม่ ท่านพี่จะได้หยุดยังแกข้าสักที...”

“ชลันธรคนดีมิห่วงพี่หรอกหรือ...พี่ก็เหมือนเป็นพ่อนกนางแอ่นน้อยไร้รังนอน แต่นางแอ่นนี้มันคิดถึงถ้ำคิดถึงที่เคยอยู่อาศัยหลับนอน ขอให้นกน้อยตัวนี้ได้โบยบินตามใจด้วยเถิด…ชลันธร” ปากนั้นขยับพูดเกลี้ยกล่อม มือนั้นคอยนวดเค้น ลูบไล้ตามผิวเนียนให้ทั้งสองเกิดอารมณ์คล้อยตาม

“หากข้าให้ถ้ำเป็นรังพักพิง แล้วพ่อนกจะไม่หนีข้าเที่ยวบินเร่รอนชายตามองผู้อื่นอีกหรือ...”

“ไม่…มันจะอยู่ที่นี่ตราบช่วงชีวิตของมัน” นิ้วเรียวลากขึ้นมาที่แผ่นอกข้างซ้ายของชลันธรที่ปิดทับก้อนเนื้อที่เต้นระรัว…ใช่ ความรักของนภนต์อยู่ในใจของชลันธร

“ค่ำคืนนี้ขอให้พ่อนกตัวนี้บินสำรวจมหาสมุทรแสนกว้างใหญ่นี้จักได้หรือไม่เล่า” นภนต์หยอดคำหวานถามต่อ ดวงตาจ้องมองอ้อนวอนให้ชลันธรนั้นใจอ่อนยอมยินดี

“พ่อนกตัวนี้ไม่กลัวจมน้ำตายหรอกหรือ” ชลันธรแสร้งถามอยากรู้ว่าภัสดาจะตอบกลับมาเช่นไร หากตอบมาถูกใจชลันธรยินดีที่จะให้นภนต์นั้นทำตามใจตนเอง

“ต่อให้จมน้ำ…สำลักน้ำตาย หากมันได้ตายอยู่ที่นี่...มันก็ยินดีที่จะพลีชีพ” คำตอบแสนหวานปานน้ำผึ้งนั้นถูกใจชลันธรยิ่งนัก พระสมุทรจึงยินดีให้เทพแห่งท้องนภานี้ได้ทำในสิ่งที่ด้วยเป็นฝ่ายจุมพิตที่แก้มกร้านเป็นการอนุญาต

พ่อนกนางแอ่นเอย…ยามโผผินบินเหนือเวหายามนี้กลับดิ่งลงสู่มหาชลธาร แม้ลึกล้ำแต่กลับช่างน่าค้นหา พาลให้รู้สึกอยากสำรวจให้ทั่วแดนนี้ ไหนจะซอกหินขาวที่จะงอยปากกระทบเข้าจนเกิดเสียง ทั้งยังมีร่องรอยให้คนเห็นได้รู้ว่าใครทำ

เมื่อจับจองที่ทำรังจนพอใจ พ่อนกนางแอ่นก็บินลัดเลาะลงมายังเนินทรายขาว อันมียอดมุกดาสีแดงล้ำค่า เจ้าวิหกจึงมิอาจมองข้ามใช้เท้าเล็กนวดเค้นสลับไปมา ทั้งปากขบเม้มราวเจอลูกไม้แสนโอชะ

“อื้อ…”

มหาสมุทรกว้างต้องลมกระพืดพัดแม้จะแค่เพียงนกตีปีก แต่เกิดเกลียวคลื่นซัดฝั่งจนเกิดเสียง พ่อนกนางแอ่นได้ยินเช่นนั้น ดั่งใจหฤหรรษ์ที่ตนนั้นตัวเท่านี้สามารถทำให้มหาสมุทรปั่นป่วนได้

ยอดมุกดาสีแดงนั้นยังไม่สามารถทำให้พ่อนกนางแอ่นพอใจได้ จึงได้ท่องสายนทีลอยตามวารีแห่งห้วงอารมณ์ไล่ลงมายังปลาน้อยที่นอนสงบ แทนที่จะยินหนีไปให้ไกลแต่พ่อนกหาได้กลัวไม่ กลับเข้าหาปลุกเร้าให้ปลาน้อยนั้นตื่นตัว

“อื้อ..อ่า…”

ปลาน้อยนั้นตื่นตัวจนบวมพอง ส่งเสียงครางเร้าชวนวาบหวามคล้ายใกล้จะหมดแรง ยิ่งทำให้พ่อนกนางแอ่นสนุกกับการแกล้งเจ้าปลาน้อยตัวนี้

“อ่า…”

สุดท้ายเจ้าปลาน้อยมิอาจต่อกรแรงยั่วเย้าได้จึงได้ขับคาวเมือกออกมารอบกาย แต่พ่อนกนางแอ่นกลับอยากริลองชิมเมือกคาวนี้…สมแล้วกับที่ลองชิม ด้วยเมือกปลานั้นหวานล้ำ รสสัมผัสที่แตะลิ้นช่างหอมหวานและทำให้ลุ่มหลง

เมือกคาวที่ยังหลงเหลือไหลลงมาผ่านปากถ้ำที่ปิดอยู่ ถ้ำสีสวยที่พ่อนกนางแอ่นนี้อยากจะบินเข้าไปอาศัย ครั้นจะบินเข้าไปก็มิอาจจะเข้าได้จึงทำการเปิดทางด้วยปลายปากรอบถ้ำด้วยลิ้นเล็กพอให้ถ้ำนั้นขยาย…

“อ๊า….พี่นภนต์”

พระสมุทรเรียกขานนาม…บัดนี้พ่อนกนางแอ่นได้บินเข้าไปสำรวจถ้ำและบินวนเข้าออกอย่างช้าๆ มันสนุกสนานกับการได้บินเข้า บินออกเช่นนี้ ยิ่งได้บินเข้าไปลึกๆและบินกลับออกมาจนสุดตัว เสียงสัปดนแห่งความหฤหรรษ์นั้นก็ตามมายิ่งทำให้ฮึกเหิมจนกระพือปีกบินไม่หยุดและเพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้น

“อ่า…อ่ะ…อือ…พี่นภนต์”

“อ่า..ชลันธร”

ท้ายที่สุดพ่อนกนางแอ่นก็คายน้ำลายเพื่อสร้างเป็นรังเอาไว้ในตัวถ้ำ ซึ่งมันมากเสียจนล้นทะลักออกมาเลอเปรอะเปื้อนบริเวณปากถ้ำยามที่บินออกมา

นภนต์ขยับตัวนอนลงข้างชลันธรและจับคนรักนอนหนุนแขนส่วนตนนั้นก็กอดเอวคอดไว้แน่น เทพแห่งท้องนภารู้สึกมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่กับคนที่ตนรัก มีความสุขเสียไม่สามารถปิดบังรอยยิ้มของตนออกมาได้

“เจ้ามีความสุขมากใช่หรือไม่...ชลันธร” นภนต์เอ่ย เมื่อก้มหน้าลงพบว่าคนในอ้อมแขนเองก็สีหน้าเป็นสุขระคนอมยิ้มไม่ยอมหุบเช่นเดียวกับตน

“จะมิสุขได้อย่างไรเล่า...การที่ได้อยู่กับคนที่รักย่อมทำให้ข้ามีความสุขหรือว่าท่านพี่ไม่ได้คิดเช่นข้า” ชลันธรพลิกตัวเข้าซุกหาไออุ่นจากแผ่นอกกว้าง

“ใครว่าพี่มิสุขกันเล่า การได้อยู่กับเจ้าผู้เป็นที่รักของพี่ ได้นอนกอดก่ายกันเหนือเขนยเยี่ยงนี้ย่อมทำให้พี่มีความสุขเหนือสิ่งอื่นใด” นภนต์ตอบ ชลันธรใบหน้าร้อนผ่าวทันทีที่ได้ฟัง

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอสาปให้ท่านพี่เป็นความสุขของข้าและข้าคือความสุขของท่านพี่ เราสองคนจะอยู่ด้วยกันจะรักกันตลอดไป”

“ถึงเจ้าจะไม่เอื้อนเอ่ยขอพี่ พี่เองก็ตั้งใจจะอยู่กับเจ้า ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ตลอดไปอยู่แล้วแม้มิต้องสาปทัณฑ์พี่นั้นก็จักเป็นความสุขของเจ้าตราบนิรันดร์”

.
.
.

“เทพนภนต์…ข้าขอสาปให้เจ้า…ไม่สิข้าจะให้เจ้านั้นกลับไปหาพระสมุทร และให้พระสมุทรเป็นผู้ลงทัณฑ์ในคำสาปแก่เจ้าด้วยตนเอง” สุรเสียงกร้าวของพระผู้สร้างประกาศแจ้งว่านี่คือบทลงโทษสุดท้ายของนภนต์

“กระหม่อมขอน้อมรับ”

ยินยอมพร้อมรับมาด้วยใจรักผูกพันแม้จะจากลากันนานแสนนาน มีม่านอคติบังใจ หรือบ่วงแค้นคอยขวางกั้น ทว่ามือเทพทั้งสองร่วมกุมมือฝ่าฟัน เมื่อก้าวผ่านมาได้จึงได้พบกับความรักที่สวยงามเฉกเช่นฟ้าหลังฝนที่วาดภาพเติมเต็มด้วยรุ้งกินน้ำ และนี่เป็นเพียงบททดสอบความรักของใจสองดวง จากอีกร้อยอีกพันที่ยังมีอยู่ในอนาคต โดยมีคำสาปเป็นบททดสอบ…‘สาปรัก ทัณฑ์เทวา’… จะยังเป็นทัณฑ์ที่ทำให้นภนต์ รักชลันธรเพียงผู้เดียว...

.
.
.

ณ ห้องรับรองทางปีกซ้ายแห่งวิมานมุกคราม นางปลาที่ได้จัดแจงห้องรับรองให้กับเทพเวหาก็ได้นั่งรอให้นภนต์นั้นกลับมายังห้องจนเผลอหลับไปที่หน้าประตูโดยมิรู้ตัว จนกระทั่งตื่นขึ้นมาในยามดึก นางปลาเปิดประตูห้องรับรองก็มิเห็นนภนต์กลับมา

“แย่แล้ว ท่านนภนต์ต้องรอข้าให้ไปตามเป็นแน่” นางปลาตกใจคิดว่านภนต์คงรอให้ตนไปตามเมื่อห้องนั้นได้จัดแจงเสร็จสิ้น คิดเช่นนั้นแล้วนางปลาจึงรีบลุกพรวดพราดไปยังห้องบรรทมของพระสมุทร

เพียงถึงหน้าห้องบรรทม กลับไร้นางเฝ้าประตูและทหารเวรองครักษ์ยาม  "เจ้าพวกนี้หายไปไหนกันหมด...เดี๋ยวข้าจะเรียนพระสมุทรให้ลงโทษสถานหนักทีเดียวเชียว....มือเรียวแตะสัมผัสที่บานประตูทำท่าออกแรงผลักออกไป หากประตูนั้นแง้มเพียงเล็กน้อย นางมัจฉากลับต้องหน้าขึ้นสี

“อ๊า...อ่ะ... ท่านพี่นภนต์”

“ฮืม…ชลันธร”

เสียงสัปดล แห่งความสุขสมดังระงมเข้าโสตประสาท นางปลาจึงรู้แจ้งว่าเหตุใดพวกหน้าห้องที่คอยรับใช้ถึงหายไปกันหมด.... เท้าเรียวเพียงถอยหลังกายกลับและรีบปิดบานประตูก่อนจะรีบเดินออกไปหาที่มิดชิดและพอจะเก็บเสียงได้เพื่อจะกรีดร้องด้วยความเขินอายรวมถึงความรู้สึกดีจนหัวใจเต้นระรัวให้กับความรักของบุรุษเทพทั้งสอง

"...ว๊าย!!!..พวกท่านทั้งสองทำไมทำกับข้าเช่นนี้..ข้าเขินไปหมดแล้ว.....!!"







สวัสดีค่ะผู้อ่านที่รักทุกคน  ท่านยุ่ง เองค่ะ คิดถึงไหมคะ ท่านยุ่งคิดถึงทุกคนมากๆ
จะกล่าวบทไปถึงการเขียนนิยายเรื่องนี้ ท่านยุ่งอยากลองเขียนนิยายแฟนตาซีดูเพราะไม่เคยเขียน ตอนแรกไม่ตั้งใจให้เขียนภาษาสวยด้วยซ้ำแต่พอมาเจอพี่พราวนักเขียนร่วมที่ปรึกษาที่คอยชี้แนะเลยกลายเป็นว่าต้องเขียนให้ภาษาสวย ต้องทำให้ดีและสมบูรณ์ที่สุด ต้องคิดหลายชั้นค่ะกว่าจะเขียนออกมาได้
ท่านยุ่งเริ่มวางพล็อตนิยายและเขียนมาเรื่อย ได้รับคำชี้แนะและตรวจมาเป็นระยะจนสุดท้ายก็เขียนเสร็จ ส่งคุณพราวตรวจอีกรอบเขียนดีหน่อยก็รอดพี่พราวขะเกลาจะดูให้ เขียนไม่ดีโดนตีกลับท่านยุ่งต้องแก้ใหม่แล้วส่งให้พี่พราวแก้อีกที 555 แทบจะกินหัวกันค่ะในบางครั้งแต่เราสองคนรักกันดี(เหรอ) อีกอย่างคุณพราวจะบอกว่าตัวเองเป็นนาคินทร์ ส่วนท่านยุ่งจะบอกว่าตนนั้นเป็นพระพุธ แน่นอนค่ะเราพยายามทำร้ายตัวละครตัวที่เราเป็นกัน(เอาฮา) **แต่ไม่เกี่ยวกับที่นาคินทร์ตายนะคะ ท่านยุ่งวางไว้ตั้งแต่เขียนได้สองตอนว่านาคินทร์ต้องตาย
ขอบคุณทุกคนที่ให้ความรักกับนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณที่รักตัวละครของท่านยุ่งโดยเฉพาะกนธี 5555 อย่าลืมพี่นภนต์ หนูลัน พี่พริษฐ์ หนูบุษนะคะ อ่อ…ส่วนรพีพงศ์ นาคินทร์นั้น อิอิ…
ไม่เอาแล้ว ไม่พูดมากแล้ว สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะที่ติดตาม มาอ่าน มาเม้น เป็นกำลังใจตลอด คอยโดนท่านยุ่งเม้นกวนๆหยอกๆเล่นๆ ถึงหลังๆจะไม่ว่างตอบแต่สัญญานะว่าจะตอบให้มากที่สุด รักทุกคน ติดตามกันไปเรื่อยๆกับนิยายทุกเรื่องนะคะ

ท่านยุ่ง




………………………………………………………………
สวัสดีค่ะ  ผู้อ่านที่รักทุกท่าน ดิฉัน  พราว พิชญาดา  ผู้เขียนร่วมอีกคนของนิยายเรื่องนี้  อากาศหนาวเหลือเกินค่ะตอนที่กำลังพิมพ์อยู่นี้ แรกเริ่มเดิมทีนั้นก็มีงานเขียนของตัวเองอยู่เหมือนกัน .... จริงๆ ดิฉันไม่อยากเปิดเผยตัวเองเท่าไหร่ แต่งานนี้คุณยุ่งขอให้เขียนอะไรสักหน่อยกับนักอ่านในตอนจบสุดท้ายนี้ ....
   ได้พบกับคุณยุ่งจากการที่เป็นติ่งนักแสดงในภาพอิมเมจเดียวกันค่ะ และได้ร่วมงานกับคุณยุ่งตั้งแต่ตอนที่ 3 หรือ 4 ก็ไม่แน่ใจ...เพราะนานเหลือเกิน  ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายด้วยกัน .... ดิฉันมีหน้าที่ดูแลพล๊อตเรื่องให้อยู่ในทำนองคลองธรรมและขัดเกลาภาษาที่ใช้ในการเขียน  จากแรกๆ ดูแล ให้คำปรึกษานิดหน่อย สุดท้ายถลำลึกเป็นนักเขียนร่วมไปเสียได้ ก็ต้องขอบคุณคุณยุ่งเป็นอย่างมากที่ไว้ใจให้ดูแลเรื่องภาษา....  งานเขียนอาจจะล่าช้าไปบ้าง เป็นเพราะดิฉันเองค่ะ  .... คุณยุ่งเธอเป็นคนคิดเร็วทำเร็ว เขียนเสร็จส่งต้นฉบับให้ดิฉันเร็วมาก  ด้วยที่ว่าดิฉันรับตรวจนิยายและให้คำปรึกษาหลายเรื่องเลยทำให้ลงแต่ละตอนนั้นช้าไปหน่อย แต่ก็อยากให้งานออกมาดีและสมบูรณ์ที่สุด....  หากผู้อ่านที่รักทุกท่านต้องการต่อว่า ว่าทำไมลงให้อ่านช้านัก...ก็ขอให้ต่อว่าดิฉันเพียงผู้เดียวนะคะ... คุณยุ่งเธอส่งมาให้นานแล้วคะ ... สุดท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านที่รักทุกท่านมีความสุขกับความรักของนภนต์กับชลันธรนะค่ะ ....  ส่วน รพีพงศ์กับนาคินทร์ อดใจรอสักหน่อย ดิฉันและคุณยุ่งไม่ได้ทิ้งคว้างอย่างแน่นอน...เพราะหลายท่านให้ความสนใจตัวละครสองตัวนี้มาก....และดิฉันก็มโนตัวเองเสมอว่าตัวเองเป็น ..นาคินทร์...5555  ไว้พบกันในเรื่องแยกใหม่ต่อจากนี้ ....

สวัสดีค่ะ 
พราว พิชญาดา  2017





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
การทำรูปเล่ม ท่านยุ่งจัดทำแน่นอนค่ะเพราะส่วนตัวอยากเก็บไว้ ถ้าใครสนใจติดตามรายละเอียดในช่วงสิ้นปีนี้นะคะ หรือจะเข้าไปที่เพจ Ginger Ale 's fiction ได้ค่ะ อ่อ เดี๋ยวจะเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่ ชื่อเรื่อง ลิขิตรัก เพลิงเทวา ภาคต่อจากอีกคู่ของเรื่องนี้ค่ะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  เป็นเรื่องที่อ่านเพลินดี  :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แอบมาจิ้มเป็ดเหลืองไว้ก่อนค่ะ ช่วงนี้ยุ่งมาก ไว้จะมาตามอ่านนะคะ

ออฟไลน์ pacharapetch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คูเอกแฮปปี้แล้ว อยากอ่านตอนพเศษหวานๆของบุษยะกับพระผู้สร้างบ้างจัง please :mew6: :mew6: :katai2-1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว รอเรื่องของนาคินทร์น้าๆ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
งื้ออ จบแล้วววว
รอตอนพิเศษนะคะ
ขอบคุณนิยายดีๆแบบนี้นะคะ

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ชอบบบบบ เสียน้ำตาไปเป็นตอนๆ  :ruready แต่สนุกมากก

ออฟไลน์ 14th-friedegg

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
พึ่งเข้ามาอ่านสนุกมากเลยคะ
ภาษาสวยมากเลย
บทอัศจรรย์ เยอะมาก 55 แต่กลิ่นความรักฟุ้งกระจายจนหในไส้เลยคะ
รอติดตามเรื่องแยกต่อๆไปนะคะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

กว่าจะได้รักกัน ฝ่าฟันกันมามากมายนัก


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :hao5: สนุกและแปลกดี ไม่เคยอ่านแบบนี้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อ่านรวดเดียวจบเลยจ้า
คู่เอกเราโดนคู่รองแย่งซีนไปหมดเลย
อยากอ่านคู่รพีพงศ์-นาคินทร์แล้ว
แล้วพระเสาร์จะคู่กับใครนี่ก็น่าสน
จะพระพุธหรือมุตตากันแน่นะ
อยากอ่านมากๆๆเลย
รออ่านอยู่นะคะ มาเร็วๆน้า

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
คู่รพีกับคินอ่ะ คู่พระผู้สร้างกับบุษยะอีก

แล้วพระเสาร์นี่จะคู่เมียเก่าหรือน้องกันนะ

รอตอนแยกของทุกคู่เลย เพราะตอนนี้ค้างมาก  5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2018 23:15:37 โดย Sohso »

ออฟไลน์ Aoo_ooF

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่คับแล่วนาคินทร์จะฟื้นชีพมั๊ยคับ

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คู่นี้ก็ไปทัวร์ถ้ำอย่างมีความสุขกันแล้ว แต่อีกคู่นี่ติดอยู่ในใจมากเพราะกายหยาบก็เผาไปแล้วหรือจะใช้ที่ฝังไว้ในร่างรพีพงษ์ ขอบคุณนะ นิยายสนุกมาก

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากรู้คู่นาคินท์กับรพีพงษ์

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
เรื่องของนาคินทร์ ท่านยุ่งจะมาเปิดตอนเย็นและทิ้งลิงค์ไว้ให้นะคะ

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
มาแปะลิ้งค์นาคินทร์จ้า...

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65427.0

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
หมั่นไส้ความรักของคู่นี้จังงง 555555 สมดั่งใจหวัง สนุกมากเลยค่ะ รออ่านของพีรพงษ์กะนาคินทร์ ขอคู่พระผู้สร้างกับบุษยะด้วยก็จักดีแท้ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด