☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]  (อ่าน 95624 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หวังว่าพ่อจะเปิดใจได้เร็วๆ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ยังไงพ่อลูกก็ตัดกันไม่ขาดหรอก รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Prattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
แน่ะๆ น้องเริ่มมีใจให้พี่บ้างแล้ว
เรื่องพ่อขอให้เข้าใจกันไวๆนะ

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 22
เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (1)



เชี่ย!  7 โมงครึ่ง


ผมรีบวิ่งผ่านน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายไหล่ก่อนจะกระโดดข้ามขั้นบันไดอย่างรวดเร็วไปจนถึงชั้นล่าง


พ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์หันมองผมด้วยรอยยิ้มขบขัน ขณะที่มารดาบังเกิดเกล้าคว้าแขนผมไว้ได้ทันก่อนจะก้าวผ่านประตูบ้านไป


“แม่! ผมสายแล้วอะ” ผมจับมือแม่ออกเบาๆ ไม่กล้าสะบัดครับ กลัวโดนสวนด้วยสันมือ


“สายไม่สายก็เรื่องของแก แต่ต้องกินข้าวก่อน” แม่ยัดขนมปังทาแยมให้ผม พร้อมกับนมอีกแก้วใหญ่


“ก็ได้ครับ” ผมจำใจยัดขนมปังเข้าปาก เคี้ยวๆ กลืนๆ ไม่ละเอียดนักแล้วกรอกนมตามไปทันที เหลือบมองนาฬิกาบนผนังก็เห็นว่าเข็มยาวเคลื่อนเข้าใกล้เลขสิบมากขึ้นทุกที


กูสายแล้ววววววววววววววววว


“ไปแล้วนะแม่”


ผมรีบขับมอเตอร์ไซค์ของแม่ออกไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใดๆ ทั้งนั้น แต่เอาเถอะ ยอมโดนบ่นหูชาก็ยังดีกว่าอดไปเที่ยว เสียงโทรศัพท์ดังไม่ขาดสายเดาได้ไม่ยากว่าใครโทรจิกผมอยู่


“เออๆ กูเพิ่งถึงเนี่ย” ทันทีที่จอดรถเสร็จผมก็กดรับสายน่ารำคาญของไอ้เผือก แม่งไม่รู้จะโทรจิกอะไรนักหนา


(สาด รีบมาด่วนเลยมึง เดี๋ยวได้ไปนั่งข้างอาจารย์แล้วมึงจะหนาว)


“หนาวเชี่ยอะไร แดดประเทศไทยร้อนชิบหายวายวอดขนาดนี้” ผมปาดเหงื่อ ฝากกุญแจรถไว้กับลุงยามเพราะเดี๋ยวแม่มาเอากลับไปเอง โดนบ่นไปตามระเบียบครับ โชคดีที่ไอ้เผือกโทรมาก็เลยมีข้ออ้างวางสายแม่


(กวนนะไอ้พู เฮ้ยมึงมานั่งนี่ได้ไงวะ กูจองให้เพื่อน...) ยังไม่ทันถามไอ้เผือกว่ารถจอดอยู่ที่ไหนสายก็ตัดไป ผมกวาดตาหารถก็เห็นอยู่ไกลๆ ดูเหมือนล้อจะหมุนแล้วด้วย


เดี๋ยวก่อนลุงงงงงงงงงงงงงง ผมยังไม่ได้ขึ้นนนนนนนนนนน


ผมวิ่งสี่คูณร้อยตามหลังรถบัสไปจนแทบหมดแรง ทันใดนั้นเสียงเบรกก็ช่วยผมไว้


เอี๊ยด


“แฮ่ก”


พูดไม่ออกเลยครับ เหนื่อยมาก ได้แต่มองร่างสูงที่วิ่งลงมาจากรถแล้วช่วยหิ้วปีกผมพาขึ้นรถไป เห็นไอ้เผือกเถียงกับเพื่อนห้องคิง ดีกรีนักบาสของโรงเรียนก็ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ คู่นี้พูดกันดีๆ ไม่ได้เลยรึไงวะ


“สัด มึงอย่ามา เมื่อวานกูเห็นนะว่ามึงไปอี๋อ๋อกับสาว”


“แล้วไง มึงยังไปกับไอ้แบงค์ไอ้เจมได้เลย ทำไมกูจะไปกับสาวๆ บ้างไม่ได้”


“นั่นเพื่อนไหมไอ้ควาย แล้วอย่างมึงเรียกอะไร นอกใจ”


“นอกใจมันใช้กับแฟนโว้ย แต่มึงกับกูไม่ใช่แฟนกัน”


“แล้วทำไมไม่เป็นแม่งเลยจะได้จบๆ”


ผมไม่สนแล้วว่าคู่นั้นมันจะเถียงอะไรกันอีก หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบหูแล้วดื่มด่ำไปกับเพลงดีกว่า


“ฟังด้วยดิ” ไม่ขอเปล่า หูฟังข้างหนึ่งของผมถูกดึงออกไปแล้วเสียบเข้าหูของอีกฝ่าย พี่เจตหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี ทั้งๆ ที่ไม่เห็นมีอะไรน่าตลก เพลงก็เก่ามากแล้ว ทำนองคุ้นหูที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักกันดี


พี่บ้าเปล่าวะ


“พี่เคยฝัน” จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น “ว่าเราจะได้ฟังเพลงด้วยกัน นั่งข้างกันแบบนี้” พี่เจตยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนหน้าจนต้องเสสายตาไปทางอื่น ก้มลงเล่นเกมมือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย


ผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าที่หัวใจเต้นแรงมันเป็นเพราะอะไร มันรวดเร็วเกินไปจนตั้งตัวไม่ทัน อาการดูหนักกว่าตอนที่แอลส่งยิ้มให้ผมเสียอีก


หรือว่าผมจะเป็นโรคหัวใจ...


ไม่ใช่ล่ะไอ้พู มึงจะหลอกตัวเองไปทำไมวะ


ก็ไม่อยากเชื่อนี่หว่าว่าจะเป็นไปถึงขั้นนั้นได้


ยอมรับมาเถอะว่ามึงน่ะ...







“พู...”


“เชี่ย!” ผมอุทานลั่นเมื่อเห็นหน้าพี่เจตโน้มลงมาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ


ทำอะไรของพี่วะ


“เป็นอะไรหรือเปล่า อาจารย์เขาเรียกเช็คชื่อนายน่ะ”


ผมรีบหันไปหาอาจารย์ที่ยืนหน้าดุอยู่ไม่ไกล แล้วยกมือขึ้นเมื่ออาจารย์ถามชื่อซ้ำอีกครั้ง มองจนอาจารย์ติ๊กชื่อเรียบร้อยแล้ว ผมก็เอนตัวพิงเบาะแล้วถอนหายใจยาว


เป็นเอามากแล้วกู แล้วทำไมต้องมาอยู่ใกล้ตัวต้นเหตุด้วยวะ


เหลือบมองคนข้างตัวที่ก้มหน้าตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบ อ่านไม่ผิดหรอกครับ หนังสือเตรียมสอบ มาพักผ่อนยังจะเอาของเครียดๆ มาอีก ไม่ไหวๆ ต้องรีบหาคนสร้างความบันเทิงก่อนที่ผมจะเป็นบ้า


แม้อีกสองอาทิตย์เราจะสอบ ผมก็จะขอทิ้งมันไว้ที่บ้านแล้วมาสนุกกับสองวันหนึ่งคืนนี้ให้มากที่สุด


เพื่อนร่วมชมรมคนอื่นเริ่มสลบสไลตามๆ กันไป เพราะอีกนานกว่าเราจะถึงที่หมาย อ้อ ผมคงลืมบอกไป วันนี้ชมรมของผมมาค่ายศิลปะครับ กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมากนอกจากวาดรูปธรรมชาติในที่ๆ เราจะไปกัน เพราะต้องนำผลงานชิ้นนั้นส่งเข้าประกวดก่อนสอบปลายภาค ใครได้รางวัล ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ อาจารย์บอกเอาเกรดสี่ไปเลย พวกเราก็เลยค่อนข้างจริงจังกับการประกวดครั้งนี้มาก ต่างก็ลงสมัครไปตามประเภทที่ตัวเองถนัด ผมชอบวาดภาพก็ลงวาดภาพไป ส่วนไอ้เผือกมันเก่งสีน้ำก็ลงสีน้ำ


อาจารย์ชมรมผมเขาเห็นว่าจะให้พวกผมวาดภาพจากรูปในอินเตอร์เน็ตคงไม่ได้ฟีลที่ดีพอก็เลยหางบจัดทริปชมรมขึ้นมาแทน งบที่ได้ก็มาจากการขายภาพของพวกเรานี่แหละครับ ชาวต่างชาติชอบซื้อแถมให้ราคาดีด้วย


“เห้ยพู กูไปนั่งกับมึงได้ไหม” มาแล้วครับเผือก สีหน้ามันดูหน่ายๆ คนข้างตัว ขณะที่นักบาสของโรงเรียนไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจการกระทำของตัวเองเลย ยังคงกอดคอไอ้เผือกไว้แน่น


แล้วดูสิ รัดขนาดนั้นมึงยังคิดว่าจะลุกมาหากูได้เหรอวะเผือก


“นั่งอยู่นั่นไปเถอะ จะมาเบียดกูเพื่อ แค่นี้ก็ไม่มีที่นั่งล่ะ” ผมพูดไปอย่างนั้น แต่คนข้างตัวก็ช่างแสนดี


“นั่งไม่ถนัดเหรอพู มานั่งตักพี่ไหม” นี่ก็หยอดจังวะ ผมกลอกตาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมต่อ แต่มือเรียวดึงมือถือผมออกไป


“อะไร” ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


“พอแล้ว เล่นทั้งวันทั้งคืน เสียสายตา”


ผมมุ่ยหน้าเมื่อถูกขัดใจ เอื้อมมือไปปิดหนังสือของเขาเช่นกัน


“พี่ก็ต้องเลิกอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนเหมือนกัน หยุดอ่านเลย ไม่อ่านสักวันไม่ทำให้เกรดพี่ตกหรอกน่า” ล่อเกรดสี่มาตั้งแต่ม.ต้น จนจะจบอยู่แล้วยังไม่พอใจอีกเรอะ


“อันนี้มันสอบนอกโรงเรียนต่างหาก”


“สอบนอกสอบในก็ห้ามอ่านทั้งนั้นแหละ” ผมยึดหนังสือของพี่เจตไว้กับตัว ขณะที่เขาก็ยึดมือถือของผมไว้ เออดี ถือว่าแลกกัน


“โอเคๆ พี่ไม่อ่านแล้วก็ได้ แล้วจะให้พี่ทำอะไรล่ะ” เอาล่ะสิ ผมก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกันถึงได้เล่นเกมไง หรือว่าคืนหนังสือพี่เจตไปแล้วแลกโทรศัพท์คืนมาดี


“อะ” ผมยื่นหนังสือคืนพี่เจตที่รับไปอย่างงงๆ แล้วหนังสือเก็บเข้ากระเป๋า มองผมอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นผมกระดิกมือเพื่อขอโทรศัพท์คืน


“ห้ามเล่นเกม”


“อะไรวะพี่ ไม่เล่นเกมแล้วจะทำอะไรอะ” ผมกอดอก มุ่ยหน้าไปอีกทางก่อนเสียงชัตเตอร์จะเรียกความสนใจของผม ในมือพี่เจตมีกล่องโปร เขายกกล้องลงเพื่อดูภาพที่น่าจะแอบถ่ายผมเมื่อกี้


“มาถ่ายรูปกันดีกว่า นายยังใช้กล้องไม่คล่องสินะ เดี๋ยวพี่สอน” จากที่จะหงุดหงิดเพราะถูกแอบถ่าย ผมก็รีบกระดิกหางเข้าใกล้พี่เจตเพื่อดูเขาสอนการใช้กล้องอย่างตั้งใจ


ตอนนี้ผมต้องรีบใช้กล้องให้เป็นครับ จะได้อ้อนถั่วพี่ซื้อให้สักตัว พี่ลันสอนผมว่าอยากได้อะไรต้องใช้มันให้เป็นก่อน อย่างล่าสุดเมื่อปีก่อนผมอยากได้นาฬิกา พี่ลันบอกให้ผมท่องสูตรคูณตรีโกณให้ได้ เขาถึงจะยอมซื้อนาฬิกาให้ แม้จะไม่เกี่ยวเชี่ยอะไรกับนาฬิกาก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าให้ไปศึกษาประวัตินาฬิกาล่ะนะ

ถ้าถามว่าทำไมไม่ให้พ่อหรือแม่ซื้อให้ ก็คงต้องบอกว่าผมมีนาฬิกาอยู่แล้ว แต่ที่อยากได้มันเป็นลายการ์ตูน เกิดขอพ่อหรือแม่ โดยเฉพาะแม่ ผมคงต้องนั่งฟังเสียงบ่นเรื่องฟุ่มเฟือยพร้อมกับของที่ไม่มีวันได้มา


ดังนั้นลงทุนกับพี่ชายจึงคุ้มกว่า การศึกษาวิธีใช้จะได้รู้ว่าของที่เราอยากได้มันเข้ากับเราหรือเปล่า อย่างกีตาร์คลาสสิก ผมอยากได้มากจึงไปขอให้เพื่อนสอนเล่นจนคล่อง แต่พอพี่ลันเตาถามว่าจะซื้อไหม ผมก็ทำเพียงส่ายหน้า ไม่ได้คิดจริงจังหรืออยากได้อะไรขนาดนั้น ก็แค่ชอบ ไม่ได้อยากได้หรือจำเป็นต้องซ้อมอย่างหนักหน่วงไปประกวดหรืออะไร


แนวคิดของพี่ทำให้ผมเลือกที่จะศึกษาก่อนจะซื้อของอะไรก็ตาม ก็คงเหมือนสถานะของผมกับพี่เจตตอนนี้...


“อะไร มองหน้าพี่อีกล่ะ ช่วงนี้มองบ่อยนะ เริ่มชอบพี่เข้าแล้วล่ะสิ ฮ่าๆ” มองพี่เจตชงเองหัวเราะเอง ในใจก็ตอบอีกฝ่ายไป


ก็คงเริ่มๆ แล้วล่ะมั้ง


ผมยังไม่อยากคบกับพี่เจต หรือศึกษาดูใจอะไรทำนองนั้นกับเขา ผมยังไม่พร้อมที่จะคบหรือเปลี่ยนสถานะของเราที่เป็นอยู่ ผมอยากจะศึกษาเขาในมุมของผม มุมที่ไม่มีคำนิยามความสัมพันธ์ของเรา ผมเชื่อว่าพี่เจตเองก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไง และผมก็ขอบคุณที่เขาไม่เร่งรัดหรือเซ้าซี้อะไรมากนัก


มีแต่คำหยอด คำหวานที่คอยมอบให้ตลอด บางทีก็เล่น แต่บางทีก็จริงจังจนผมหวั่นใจ ผมยังไม่พร้อมที่จะรู้สึกกับใครมากเกินไปกว่านี้


ไม่ใช่ว่าผมยังเจ็บเพราะแอล ความรู้สึกนั้นเจือจางลงไปมากแล้ว ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมไม่ได้เข้าใกล้สิ่งที่พี่เจตรู้สึกต่อผมเลยสักนิด ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อได้เผชิญด้วยตัวเอง ความรู้สึกนั้นค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาทีละนิด ผ่านความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของเขาที่มอบให้แก่กัน


“จะเอาแตงกวาผมไปไหน” ผมถามเมื่อทันทีที่ข้าวหมูแดงสองจานวางลงบนโต๊ะ พี่เจตก็รีบตักแตงกวาในจานผมออกไปทันที


เพียงเพราะผมไม่ชอบแตงกวา


“ก็นายไม่ชอบจะเก็บไว้ทำไม เอาออกมานายจะได้กินสบายๆ ไง” พูดจบอีกฝ่ายก็ตักข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย แอบเห็นเข้าเบ้หน้านิด แต่ก็ฝืนเคี้ยวอาหารจนหมดคำ


ทั้งๆ ที่ไม่ชอบแตงกวาเหมือนกัน ทำไมต้องฝืน ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก


“เห้ย ทำอะไรวะพู” เผือกร้องลั่นเมื่อผมตักแตงกวาในจานพี่เจตใส่จานของมัน


“มึงชอบแตงกวานี่ แดกๆ เข้าไป” ไอ้เผือกหน้าเหวอไปนิดก่อนจะโวยลั่น


“มีใครที่ไหนเขากินผัดไทยกับแตงกวาบ้าง!”


เออ กูรู้ว่ามึงแดกได้






Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
เอาพาร์ทแรกมาเสิร์ฟก่อน เกรงว่าทุกคนจะรอนาน เพราะเรางานยุ่งมากค่า TT เจียดเวลาเล็กน้อยมาแต่งเพราะอยากเขียนมาก 55555 ขอคอมเมนต์จากคนอ่านหน่อยน้า และขอบคุณสำหรับทุกเมนต์เลยค่ะ มีกำลังใจเขียนเพราะทุกคนเลย เราจะฮึดสู้กับงานแล้วกลับมาเขียนพาร์ทหลังต่อนะ  :mew6:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 อารมณ์คนจีบกันดีๆมาหัวเราะฉากกินแตงกวากับผัดไทนี่ล่ะ 555
 รออ่านตอนต่อไป 555

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เผือกต้องคิดในแง่ดีว้าเพื่อนเป็นห่วง
อยากให้กินอาหารครบถ้วน
และผักสดๆก้ดีกว่าผักสุกแล้วในผัดไท
555555555555555

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น่ารัก...น้องพูใจอ่อนละจิ คนเขียนสู้ๆนะคะ รออ่านอยู่ตรงนี้เสมอ :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เผือกเอ๋ยยย กินไปเถอะ เค้าจีบกันอยู่ 55555

ออฟไลน์ yewlyz

  • MindSet The Others
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao5: อ่านทีเดียวมาถึงตอนปัจจุบันเลยยย ชอบบบบบ มาต่อไวๆนะค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
มาใหม่ค่ะ เราอ่านรวดเดียวจนตามทันล่ะ รออ่านต่อน้าา

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 22
เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (2)



เต้นท์คู่...เหรอวะ


หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จพวกเราก็เดินทางมาจนถึงอุทยานแห่งชาติในส่วนของที่พักค้างแรม ยืนฟังอาจารย์อธิบายกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงพาไปยังบริเวณลานกว้าง สถานที่ที่เราจะพักกันคืนนี้ อาจารย์ให้พวกเราจับคู่กันแล้วไปรับเต้นท์จากเจ้าหน้าที่


จากที่ตั้งใจจะนอนกับไอ้เผือก กลับต้องมองตามเพื่อนสนิทที่เพิ่งถูกลากคอไปอีกทางโดยแฟนหนุ่ม(?)ของมัน ดูท่าแล้วคืนนี้ผมคงต้องนอนกับคนอื่น


กวาดตามองไปรอบๆ เพื่อนร่วมชมรมก็ทยอยจับคู่กันจนเกือบครบ ผมเลยขอเต้นท์จากเจ้าหน้าที่มาไว้ก่อน ถ้าเหลือเศษใครผมค่อยพักกับคนนั้น


“กางยังไงวะเนี่ย” งมอยู่กับการตั้งเต้นท์สักพักก็มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาช่วยจัดการให้จนเสร็จสรรพ แต่พอจะหันไปต้อนรับเพื่อนใหม่กลับกลายเป็นชะงักแทน


“อะไร เจอพี่ทำไมต้องตกใจตลอด” พูดจบร่างสูงก็สอดกระเป๋าเข้าไปวางในเต้นท์ รวมถึงกระเป๋าของผมด้วย


“ทำไมพี่ไม่ไปนอนกับเพื่อนพี่ล่ะ” ผมเพยิดหน้าไปทางเพื่อนของพี่เจตที่ยืนชะเง้อคอมองหาเพื่อนร่วมเต้นท์ ดูเหมือนจะเหลือเขาเป็นเศษอยู่คนเดียว


แล้วทำไมเศษนั้นไม่เป็นกู


พี่เจตยิ้มนิดๆ ชูกล้องในมือ แค่นั้นผมก็ตาวาวเดินตามร่างสูงไปติดๆ ไม่สนใจแล้วว่าคืนนี้เราจะต้องนอนด้วยกัน


พี่เจตสอนวิธีถ่ายภาพเบื้องต้นให้ผม อย่างการปรับแสงและปรับโฟกัส ผมก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างตามประสาคนเล่นกล้องไม่เป็น


“มา พี่ช่วย รอเราเป็นงาน วันนี้คงไม่ได้ถ่ายภาพอะไรแน่” เขาเดินมายืนซ้อนหลังผมมืออุ่นวางทับมือผม ทำเอาหน้าร้อนวูบไปนิด แต่ผมก็เรียกสติกลับมาแล้วพยายามจดจ่อกับสิ่งที่เขาสอน


แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน


“แค่นี้เอง ง่ายใช่ไหมล่ะ” ร่างสูงผละออกจากผม ส่งรอยยิ้มประจำตัวมาให้อย่างเคย มือข้างหนึ่งยีหัวของผมจนยุ่งไปหมด


ผมมองเขานิ่งๆ ไม่โวยวายเหมือนแต่ก่อนจนเขาเองก็คงแปลกใจ พี่เจตละมือออก เปลี่ยนมาแตะหน้าผากผมแทน


“เราไม่สบายหรือเปล่า ดูเหม่อๆ นะวันนี้”


ผมส่ายหน้า เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร


ความรู้สึกมันอยู่ระหว่างกลัวกับรู้สึกดีเพียงเพราะมือนั้นลูบหัวผม คนเราจะรู้สึกสองอย่างได้พร้อมกันเหรอ ผมไม่เคยเจอแบบนี้เลย


“พักหน่อยไหม เดี๋ยวค่อยไปวาดรูปก็ได้ เรามีเวลาทั้งวัน อ้อ พรุ่งนี้อีกวัน”


“ผมสบายดี” ผมเดินไปรับกระดานและดาษจากอาจารย์แล้วเดินไปตามทิศทางเดียวกับที่เพื่อนๆ ผมไป พี่เจตเดินตามมาอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าใกล้ให้ผมอึดอัดจนเกินไป ระหว่างนั้นเพื่อนร่วมชมรมผมก็เข้ามาคุยกับพี่เจตไม่ขาดสาย ก็สาวๆ นั่นแหละครับ ส่วนใหญ่พวกเธอก็เข้ามาพูดคุยเรื่องเรียน เพราะอย่างที่บอก พี่เจตได้เกรดสี่ทุกวิชามาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว


นอกจากหน้าตาดีแล้วยังหัวดีอีก ไม่รู้เขาจะเครียดทำไมเรื่องสอบเข้าคณะแพทย์ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผ่านฉลุย


พี่เจตก็ตอบบ้างเงียบบ้างด้วยท่าทีที่ผมเคยคิดว่าหยิ่ง แต่พอได้รู้จักกันจริงๆ ได้มองเขาอยู่ในมุมของผม ผมก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพี่เจตไม่ใช่คนชอบพูด ผมยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมตัวตนในจดหมายกับตอนที่เราคุยกันถึงเหมือนเป็นคนละคนได้ขนาดนั้น


แบงค์เคยบอกผมว่าเวลาที่คนเรามีความรัก เราจะพูดมากขึ้นเพราะอยากให้เขาสนใจเรา แต่ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไรเพราะตอนที่ชอบแอลผมแทบไม่กล้าพูด คืออยากพูดนะ แต่ไม่รู้จะพูดอะไร กลัวพูดไปแล้วอีกฝ่ายไม่ชอบก็เลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า


แต่กับพี่เจต เราพูดกันตลอดเวลา ทุกคืนก่อนนอนเขาจะโทรหาผมเพื่อบอกให้หยุดเล่นเกม ถ้าไม่หยุดเขาจะโพสเตือนในเฟซผม ซึ่งช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร มีแต่คนเข้ามากดไลค์มาขอเป็นเพื่อนผมมากมาย อย่างล่าสุดพี่เจตแต่โพสแท็กผมว่าฝันดี ไม่รู้ยอดไลค์ยอดแชร์มาจากไหนเกือบพัน


หรืออย่างตอนเช้า เขาจะโทรมาปลุกผม แต่ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์จะโทรมาสายหน่อยเพื่อถามว่าผมกินข้าวกับอะไร แล้วบอกว่าจะไปซื้อมากินตาม ช่วงนั้นผมขนลุกไปพักหนึ่งเลยครับ  เขาเหมือนสตอกเกอร์ และไม่มีใครชอบให้คนตามติดชีวิตตัวเองขนาดนั้นหรอก ผมจึงต้องพูดกับเขาไปตามตรงว่าผมไม่โอเคกับเรื่องแบบนี้ พี่เจตก็ตกลงและพยายามละไปทีละอย่าง


ผมอยากให้เขาตามใจตัวเองมากกว่าจะมายึดติดอยู่กับผม ผมเพิ่งรู้ว่าเขากินข้าวแกงแบบเดียวกันเพียงเพราะคิดว่าถ้าเรากินเหมือนกันเปรียบเหมือนว่าเราได้อยู่ใกล้กัน นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมช็อคและตีตัวออกห่างจากเขา ซึ่งท่าทางที่ผมแสดงออกคงมากพอที่จะทำให้เขาหยุดการกระทำนั้นลง พี่เจตจึงเปลี่ยนเมนูอาหารเป็นอย่างอื่นบ้าง แต่เขาก็พบว่าตัวเองชอบพะแนงหมูกับผัดฟักทองเข้าจริงๆ


เอาเถอะกินเพราะชอบก็ไม่อยากว่าอะไรหรอก ผมแค่ไม่อยากให้เขาต้องฝืนกินเพราะผมชอบ


“เจต ฟางเห็นติดหนังสือเตรียมสอบมา ขอฟางยืมอ่านหน่อยสิ”


สาวแว่นหน้าใสคนหนึ่งเดินแหวกทางสาวๆ เข้ามาเพื่อขอหนังสือสอบ ยอมใจเธอจริงๆ ครับ วัตถุประสงค์ในการเข้าหาต่างจากคนอื่นมากจริงๆ


“เอาสิ ว่าแต่น้องเธอน่ะ จะเอายังไงต่อ จะไปวิทย์กีฬาหรือจะเข้าแพทย์เหมือนกัน”


“ช่างหัวมันเถอะ ตามก้นผู้ชายต้อยๆ น่าจะเข้าเพศศึกษามากกว่า” เอ่อ สาบานได้ว่าผมได้ยินเธอพูดประโยคนั้น และน้องชายของเธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน


“เจ้ เดี๋ยวผมพาไอ้เผือกไปเล่นน้ำตกก่อนนะ เจ้จะวาดรูปก็ไปกับพี่เจตละกัน” พอเห็นพี่สาวพยักหน้า พ่อนักบาสของโรงเรียนก็วิ่งเริงร่าตามเพื่อนเผือกของผมไป


“เฮ้อ ถ้าไม่ติดว่าลงประกวด ได้รางวัล แล้วยังได้เกรดสี่ด้วยนะ ฉันจะอยู่บ้านอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนไปเลย”


“แล้วทำไมไม่เลือกชมรมวิทย์ล่ะ ระดับเธอเกรดสี่ไม่น่ายากนะ”


“ชีวิตเครียดมาเยอะแล้ว ขอสักอย่างละกันที่ไม่เครียด” เธอยิ้มนิดๆ


พี่ฟางจัดว่าเป็นหนึ่งในสิบของเด็กหัวกระทิที่กวาดรางวัลทั้งด้านวิทย์และศิลป์นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว ไม่รู้พี่เขาเอาเวลาที่ไหนไปล่ารางวัล เห็นขึ้นรับรางวัลหน้าเสาธงแทบทุกอาทิตย์ น้องชายเธอก็เหมือนกัน เรียนเก่งไม่พอยังเอาดีด้านกีฬาอีกต่างหาก


ดูๆ ไป ก็เหมาะสมกับพี่เจตดีนะ...


ผมควรหายไปจากตรงนี้ไหม ดูท่าพวกเขาน่าจะคุยกันถูกคอทีเดียว มีแต่คำศัพท์ยากๆ ที่ผมไม่เข้าใจ


รู้สึก...เป็นส่วนเกินอย่างไรบอกไม่ถูก
.
.
.
.
.
เราเดินมาจนถึงน้ำตก หลายคนหามุมวาดภาพลงสีตามที่ชอบ ส่วนบางคนก็เล่นสนุกอยู่ริมน้ำตก อย่างเช่นไอ้เผือกเพื่อนผมเอง


“สัดพู ลงมาเล่นน้ำกับกูเลย” ผมส่ายหน้าพลางชูกระดาษที่เตรียมมาวาด บ่งบอกชัดเจนว่ากูไม่เล่น อย่าสะเออะมาทำกระดาษกูเปียกเด็ดขาด เผือกทำหน้าบึ้งใส่ผม แต่ไม่นานมันก็ไปทำหน้าบึ้งใส่อีกคนเพราะโดนวักน้ำใส่


“ไอ้เชี่ยนี่ แค่ก มึงไม่หยุดใช่ไหม ได้ อย่าอยู่เลย” แล้วไอ้เผือกก็พุ่งตัวเข้าใส่หนุ่มห้องคิงอย่างแรงจนทั้งคู่จมลงไปในน้ำ แต่ไม่นานก็ผุดขึ้นมาวักน้ำใส่กันดูน่าสนุกดี


“ไปเล่นกับเพื่อนไหม เดี๋ยวพี่เฝ้าของให้ ยังไงฟางก็คงวาดรูปอีกนาน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างใจดี แต่ผมกลับรู้สึกไม่ดีแปลกๆ กับประโยคนั้นของพี่เจต


พี่ฟางพยักหน้าให้ผมตามสบายได้เลย เดี๋ยวเธอจะเฝ้าของให้ ส่วนพี่เจตก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นแต่อย่างใด ผมจึงลุกออกมาจากตรงนั้น ถอดเสื้อกันหนาวและเสื้อยืดคอกลมของตัวเองก่อนจะกระโจนลงน้ำทันที


อยากทำหัวให้เย็นลง เผื่อใจจะได้เย็นลงตามบ้าง


..............................................


[เจต]


ผมไม่รู้ว่าทำอะไรให้พูไม่พอใจหรือเปล่า สีหน้าของเขาถึงดูไม่ดี แต่นั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกนั่งไม่ติดที่เท่าพูถอดเสื้อแล้วกระโจนลงน้ำ หลายคนมองมาที่พูอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เล่นน้ำอยู่ก่อน ผมเห็นเขามองพูเหมือนจะกลืนกิน และท่าทางที่ว่ายเข้าไปหาพูตอนนี้ก็ทำผมหงุดหงิด แต่จะเข้าไปห้ามก็ไม่ได้เพราะสถานะของเรายังไม่ชัดเจน


และพูเองก็คงไม่อยากให้มันมากไปกว่านี้


ได้เท่านี้ก็ดีมากแล้วนะเจต...


“ดูท่าแฟนนายจะไม่ชอบนะที่นายมาอยู่ใกล้ฉัน” ฟางพูดเสียงเรียบ มือเล็กตวัดพู่กันลงบนผืนผ้าใบด้วยลวดลายเฉพาะตัว


“แฟน?”


“ก็น้องพูไง เห็นมองมาหลายครั้งทั้งๆ ที่บอกตรงๆ ก็ได้ว่าไม่โอเค ฉันพร้อมจะลุกไปหาทำเลใหม่ เห็นนายไม่พูอะไร ฉันก็คิดว่าอยากยั่วให้หึง”


“ยั่วให้หึง?” ผมงงหนักกว่าเก่า “ฉันจะทำไปทำไม แค่หน้าฉันเขาคงไม่อยากจะมองด้วยซ้ำมั้ง”


“นี่นายโง่หรือโง่มาก... เหอะ เสียแรงที่อุตส่าห์เรียนเก่ง แค่นี้ก็คิดไม่ได้” เธอพึมพำเสียงเบา วางพู่กันก่อนจะหันหน้ามาหาผม


“ฟังนะ ไม่มีใครชอบที่คนของตัวเองไปอยู่ใกล้คนอื่นหรอก” เธอสบตาผมก่อนจะเหล่ไปทางน้ำตก ซึ่งผมก็มองตามไปและเห็นว่าพูขมวดคิ้วจ้องเราทั้งคู่ตาไม่กระพริบ ก่อนที่เขาจะละสายตากลับไปพูดคุยกับชาวต่างชาติคนนั้นอย่างออกรส ชวนให้ผมหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม


ทำไมต้องไปใกล้ไอ้ฝรั่งตาฟ้านั่นด้วย


“เหอะ ไม่ได้ต่างกันเลย” ฟางไม่ได้ไขความกระจ่างให้กับผม เธอหันกลับไปวาดรูปเหมือนเดิม แต่ประโยคท้ายก็บอกใบ้ให้ผมได้รู้ตัวแล้วรีบถอดเสื้อตามพูลงไป


“ถ้าชอบขนาดนั้นก็ไม่ควรเสียเวลานะ”
.
.
.
ซ่า


น้ำเย็นเปียกชุ่มไปทั้งตัวแต่ไม่อาจดับความร้อนในใจผมได้ พูยังคงพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยภาษาอังกฤษคล่องอย่างกับเป็นเจ้าของภาษา อีกฝ่ายก็เอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่ม ไม่รู้ในใจมันคิดอกุศลอะไรกับพูบ้าง


“ไอพักที่เดียวกับยู ไว้เรามาจอยอาหารค่ำกันนะ”


“ได้สิ ผมอยากรู้เรื่องต่อจากที่คุณพูดเมื่อกี้มากเลย น่าเสียดายที่คุณต้องไปที่อื่นต่อ”


“ไม่ต้องห่วง เรามีเวลาคุยกันทั้งคืน หลังจากวันนี้ไปเจอกันที่อื่นก็ได้นะ” เขาเหล่มองผมแล้วยิ้มกว้าง เหอะ พูไม่ไปกับแกหรอก


“เอาสิ” ผมหันควับไปมองร่างโปร่งที่เอ่ยตอบรับด้วยท่าทีดีใจ เพียงเพราะจะได้สานต่อเรื่องที่คุยค้างไว้ ทำไมพูไปกับเขาง่ายๆ อย่างนั้นล่ะ


“โอเค งั้นไอไปก่อน เจอกันตอนค่ำ” ไอ้ฝรั่งหัวทองส่งรอยยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะขึ้นจากน้ำแล้วเดินตามครอบครัวไป ผมหันกลับมาหาพู รายนั้นก็ว่ายน้ำไปหาเพื่อนเสียแล้ว ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่ในน้ำด้วยความหนาวสั่น จากทั้งน้ำเย็นเฉียบและหัวใจที่เย็นชืด เขาไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวที่จะแคร์ผมบ้างเลยเหรอ


“เห้ยพี่เจต!” ไม่รู้ว่าผมยืนแช่น้ำอยู่ท่านั้นนานเท่าไร รู้ตัวอีกทีแขนผมก็ถูกฉุดโดยคนที่ผมคิดว่าเขาไม่เหลียวแลกันแล้ว สีหน้าพูตื่นตระหนก เขาพยายามลูบเนื้อตัวผมเพื่อคลายหนาวให้


“พี่หน้าซีดมากเลยอะ ผมพาขึ้นดีกว่า” พูประคองผมขึ้นจากน้ำ เมื่ออากาศปะทะผิวผมก็ยืนตัวสั่น ฟันก็กระทบกันกึกๆ พูรีบคว้าเสื้อของผมที่ถอดไว้ยื่นส่งให้ รวมถึงเสื้อกันหนาวตัวหลวมโพลกของเขาที่สวมทับให้โดยไม่ยอมให้ผมปฏิเสธ


“จะป่วยอยู่แล้วยังมาทำเก่งอีก!” พูดุ น่าแปลกที่ผมรู้สึกดีมากจนหุบยิ้มไม่ลง ปล่อยให้พูบ่นเรื่องที่ผมไม่ดูแลตัวเอง


อย่างน้อยแค่เขาห่วงผมบ้างก็ดีมากแล้ว


“อะ นี่ยา ผมไปขอจากสตีฟมา” ทันทีที่ได้ยินชื่อสัญชาติอื่นผมก็ปฏิเสธที่จะรับความหวังดีจากเขา ยอมป่วยให้พูดูแลดีกว่ารับยาจากไอ้ฝรั่งนั่น


“อย่าดื้อนะพี่เจต กินๆ เข้าไปจะได้หายไวๆ” พูเร่ง


“ไม่อยากหาย... อยากให้นายดูแล” พูชะงักไปนิด ก่อนจะหาข้อต่อรองที่ทำเอาผมหมดทางเลือก


“ถ้าไม่กิน คืนนี้ผมจะไปนอนกับสตีฟ...” ผมตบยาเข้าปากตามด้วยน้ำที่พูยื่นให้ทันทีไม่มีอิดออดอีกต่อไป เรื่องอะไรจะยอมให้พูไปนอนกับคนแปลกหน้า


“ดีมาก ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน เสร็จแล้วจะได้ไปหาทำเลวาดรูป” พูดจบพูก็หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ในกระเป๋า ผมเองก็หยิบบ้างแล้วเดินตามพูไปอย่างง่ายดาย เขาอยากให้ผมทำอะไรผมก็จะทำ


อาจดูเหมือนคนโง่ที่ทำตามคนอื่น งมงายในรักที่ไม่มีท่าทีจะสมหวัง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมเลือกและพอใจที่จะทำ พูคือความสุขของผม ถ้าเขามีความสุข ผมเองก็สุขด้วย


“ผมจะวาดรูปตรงนี้ ตอนเสร็จน่าจะทันพระอาทิตย์ตกพอดี” พูเลือกมุมริมหน้าผาเพื่อถ่ายทอดภาพแม่น้ำสายหลักด้านล่าง ส่วนผมนั่งอยู่ด้านหลังเขา มองหามุมสวยๆ แล้วลงมือวาดทันที เราต่างคนต่างเงียบ จดจ่อกับการลากเส้นบนกระดาษ


นานเข้าแสงตะวันก็เริ่มหม่นลง ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ มองร่างโปร่งที่ยังคงจดจ่อกับการวาดภาพจนถึงวินาทีสุดท้าย


“กลับกันเลยไหม” ผมเดินเข้าไปใกล้พู ซึ่งเจ้าตัวก็รีบซ่อนภาพของตัวเองทันที แต่ปิดไปก็เท่านั้นเพราะผมนั่งมองภาพที่เขาวาดได้สักพักแล้ว เห็นรายละเอียดและเทคนิคที่เขาใช้ทุกอย่าง เป็นภาพที่สวยมากทีเดียว


“กลับสิ อ้ะ เดี๋ยวนะ” พูปิดกระเป๋าใบเล็กที่เขาพกติดตัวมา “ไหนๆ ก็ซื้อกล้องมาแล้ว เอามาใช้ก็เป็นเรื่องสมควรใช่ไหมล่ะ”


พูหยิบกล้องพารารอยด์ที่ผมซื้อให้เขาออกมาถือไว้ แต่กลับไม่ยอมถ่ายสักที


“พี่ถ่ายให้ก็ได้” ผมยื่นมืออกไปขอกล้องเพื่อจะได้รีบถ่ายและรีบกลับที่พักเพราะเย็นมากแล้ว แต่พูไม่ยอมยื่นให้ เขาจับกล้องแน่นและกัดปากด้วยท่าทีลังเล เหลือบมองผมนิดๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นๆ


“ในเมื่อพี่ซื้อมา ก็น่าจะมีรูปถ่ายกับที่นี่สักภาพนะ” ห้ะ ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขานัก


แชะ


ไม่ทันให้สมองผมประมวลผม พูก็ยกกล้องถ่ายรูปผมเสียอย่างนั้น


“ภาพห่วยมากเลยพี่ ทิ้งๆ ไปโน๊ะ ปะๆ กลับกันๆ แสงเริ่มน้อยแล้ว” พอได้ภาพจากกล้องพูก็ดันหลังผมให้เริ่มออกเดิน ทั้งๆ ที่ภาพไม่น่าจะปรากฏเร็วขนาดนั้น


ผมแอบยิ้มน้อยๆ เมื่อเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาทำ ถึงไม่รู้ว่าทำไปทำไมก็ตาม


“ทีหลังขอกันดีๆ ก็ได้ พี่ยอมให้นายถ่ายได้ทั้งวันเลย”


พูเงียบไปนิด ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา


“พูดมากน่า...”



[จบพาร์เจต]






Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
มาต่อแล้ววววววววววว มาเร็วเพราะวันหยุดนี้เราไม่ว่างอัพค่า เคลียร์งานยาวและต้องเดินทางอีก เลื่อนมาอัพเร็วขึ้นแทน ดีหรือไม่ดีหว่า 5555

ตอนนี้ยังไม่จบพาร์ทนะคะ เหลืออีกนิด ขอยกยอดไปต่อตอนหน้าค่ะ พาร์ทนี้ยาวจริงๆ เพราะหลังจากนี้... ไม่เอาไม่บอก ไม่อยากสปอย 5555555

เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ดีใจที่ยังมีคนอ่านกัน และยินดีต้อนรับคนอ่านหน้าใหม่นะคะ  :L2: :กอด1:

เราเปิดเรื่องสั้นเรื่องใหม่ ลองเข้าไปอ่านกันนะคะ ║.♪.เสียงของคุณ.♪.║

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ทำเป็นขู่จะไปนอนกับสตีฟ พูกล้าไปนอนกับสตีฟจริงป่าวเหอะ 555
 ชอบพาร์ท2 พูเริ่มรู้สึกดีแล้วสิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มีความน่ารักๆ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พูน่ารัก พี่เจตก็อย่าบื้อนักซิความรักน่ะมันต้องฉลาดหน่อยต้องรู้ทันคนที่ชอบบ้างแต่ก็ต้องทำเป็นโง่บ้างเข้าใจน่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
พู แกเทใจให้พี่เค้าไปแล้ววววว

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
วุ่นนิดๆ น่ารัก ใสๆ 5555

ถั่วพูน่ารักเนาะ มีความสับสนในตัวเองนะ อยากจะรักก็ไม่ต้องรีบ ค่อยๆคิด
เจตถือว่าพยายามดี ตอนเปิดตัวนี่รุกหนักมาก เอาใจช่วย อย่านอยด์บ่อย คนทำบางทีไม่รู้ตัว คนบื้อแบบเจตก็คิดมากไป

แอลน่ารัก น้องคงฝังใจมาก แต่มีพี่ลันเตามาช่วยไว้แล้ว อย่าห่วงไป
ลันเตาสอนน้องดีนะ ไม่พอเป็นหัวโจกไปอี้กก ที่โทรหาเพราะรู้เรื่องใช่ไหม แล้วทิ้งน้องไปซะไกลนะ อาร์ตเวอร์

แต่ของแต่ ลันเตาเฮ้วขนาดนี้ ที่บ้านไม่รู้เลยหรอ เปรี้ยวใจไปอีก

สงสารเปรม เป็นได้แค่พี่ข้างบ้าน

ทุกคนเชื่อมโยงกันไปหมด อยากให้มาเจอหน้าพร้อมกันจริงเลย


ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ชื่อเรื่องกับเนื้อหานิยายอืม นึกว่าจะเป็นความรักเบาๆ ก็เบาๆ นะ แต่อะไรที่แทรกเข้ามามี บู๊ ดราม่า แต่ก็เขียนได้แบบเบาๆ ช้อบชอบไม่เครียด

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
ชอบชื่อถั่วพี่กับถั่วน้อง

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 22
เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (3)



“เฮ้ยไอ้พู มึงจะไม่แนะนำคู่ขาใหม่มึงให้พวกกูรู้จักหน่อยเหรอ” มาแล้วครับเผือก ชีวิตนี้ไม่เผือกสักเรื่องมึงจะตายรึไง คู่ขาเชี่ยอะไร แค่สตีฟฝ่าวงล้อมเพื่อนร่วมชมรมเข้ามาทักทายผม มันก็รีบถลาเข้ามาหาแทบทันที


ทำอะไรเกรงใจไอ้หนุ่มข้างหลังมึงบ้าง


“ทำไมมึงเสือกจังวะ อยากได้มันเป็นผัวอีกคนรึไง” เอ๊ะ มึงสองคนได้เสียเป็นเมียผัวกันตอนไหน ทำไมกูไม่รู้


“ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลยไอ้พู พวกกูสองคนเพื่อนกันโว้ย ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้น”


เหอะ เชื่อมึงก็ควายล่ะ ตัวติดกันขนาดนี้ยังจะมาปฏิเสธอีกนะ และเหมือนอีกคนก็พยายามจะช่วยยืนยันสิ่งที่ไอ้เผือกพูด แต่ดูเหมือนผลลัพธ์จะตรงกันข้าม


“ใช่ พวกเราไม่มีอะไรกันในกอไผ่อย่างแน่นอน...เพราะพวกเราได้กันบนสนามหญ้าน่ะพู ฮ่าๆ” เชด พีคไปอีก


“พูดเชี่ยอะไรของมึง กูยังไม่ตกลงคบกับมึงเลยนะ พูดแบบนี้กูเสียหายนะโว้ย!”


“ก็รีบๆ ตกลงสิวะ แค่นี้มึงก็ไม่เสียหายล่ะ มันจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็รับได้”


“จริงเหรอวะ” เดี๋ยวๆ ไอ้เผือก มึงช่วยคิดให้รอบคอบก่อนไหม มันกำลังหลอกล่อให้มึงตอบตกลงอยู่นะโว้ย


“งั้นตกลงคบนะ” ยัง ยังมีหน้ามาหลอกถามเพื่อนกูอีกนะ


ผมกะจะตอบแทนไอ้เผือกแล้ว แต่กลับถูกลากออกไปโดยสตีฟที่ยกนิ้วชี้ขึ้นจรดปากเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งส่งเสียง ชั่ววินาทีหนึ่งผมเกือบจะสะบัดมืออีกฝ่ายออกแล้ว แต่เพราะมีเรื่องอยากถามเขาเหมือนกันจึงยอมตามไปเงียบๆ สายตาก็สอดส่ายหาพี่เจต เผื่อว่าเขาจะมาเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วจะเข้าใจผิด


แล้วทำไมกูต้องกลัวเขาเข้าใจผิดวะ


ผมส่ายหัวแล้วเดินไปตามแรงลากของอีกฝ่าย พออยู่ไกลจากเต้นท์แล้วอีกฝ่ายก็เริ่มต้นพูดขึ้น


“อย่างที่ไอพูดกับยูไปก่อนหน้านี้ พี่ยูฝากมาเตือนว่าช่วงนี้อย่าอยู่คนเดียว มันอันตราย”


“ผมต้องถามว่าคุณรู้จักพี่ชายผมได้ยังไง ไหนจะเรื่องที่เล่าๆ มาอีก หมายความว่ายังไงที่ว่าพี่ผมเป็นท่านชูการ์บ้าบออะไรนั่น” ผมคิดว่าทั้งหมดที่เขาเล่าน่าเหลือเชื่อเกินไป คนอย่างพี่ชายผมน่ะเหรอจะเป็นหัวโจกอะไรอย่างนั้นได้ ทุกวันนี้ผมอุตส่าห์เฝ้าภาวนาอย่าให้ถั่วพี่ไปโดนตีนใครเขาอยู่เลย ติสท์จัดแบบนั้นกลัวจะไม่รอดจนจบป.ตรี ไหงรู้ข่าวอีกทีเป็นบิ๊กบอสไปแล้วล่ะ


“เรื่องของบีนยูจะไม่เชื่อก็ได้นะ แต่ที่ไอเตือนไปยูควรจะเชื่อ” บีนที่ว่าก็พี่ชายผมนั่นแหละครับ สตีฟสะกดชื่อพี่ลันเตาไม่ถูกก็เลยใช้ชื่อนี้แทน


ผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตกว่าควรจะทำยังไงกับข้อมูลที่ได้รับดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมก็ควรจะระวังตัวตามที่อีกฝ่ายว่าไว้


“ใครเล็งผมอยู่” นี่แหละสิ่งที่ผมอยากจะถามเขาตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายแต่เพราะพี่เจตเข้ามาก่อนผมจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง ทำทีว่าสตีฟจะต้องไปต่อ ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ไปไหนผมถึงได้ไปขอยาจากเขามาให้พี่เจตได้ทัน ก็อยากขอจากอาจารย์นะครับ แต่อาจารย์ไม่อยู่สักคนนี่สิ


“ไอก็ไม่รู้ บีนไม่ได้บอก เขาแค่ได้ข่าวว่าไอจะมาเที่ยวที่นี่ก็เลยฝากข้อความให้ไอมาบอกยู ไอเคยเห็นภาพถ่ายบีนกับยูก็เลยจำได้” แล้วทำไมพี่ชายผมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยวะ โทรบอกผมก็สิ้นเรื่องไหม


“อย่าหงุดหงิดเขาเลย เขาแค่กลัวว่าถ้าได้คุยกับยูแล้วจะทนคิดถึงไม่ไหวน่ะ” สตีฟบอกเมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของผม


“ถ้าพี่ลันคิดถึงผมขนาดนั้นก็ไม่น่าไปเรียนไกลไหมล่ะครับ” พูดจบผมก็รู้สึกแสบร้อนดวงตา ผมเองก็คิดถึงพี่ชายไม่ต่างกันหรอก อยากได้ยินเสียงบ้าง อยากเจอหน้าบ้าง แค่กลับมาเยี่ยมบ้าน กลับมาเจอผมสักนิดมันยากนักหรือไงก็ไม่รู้


สตีฟเขยิบเขยิบเข้ามาใกล้ผม วางมือบนไหล่ทั้งสองข้างแล้วส่งยิ้มให้


“บีนจำเป็นต้องไปน่ะ จบเรื่องทั้งหมดเขาจะกลับมาหายูเอง เชื่อสิ ยูก็น่าจะรู้จักนิสัยพี่ชายตัวเองนะว่าเขาไม่ชอบรอ”


“ผมก็ไม่ชอบรอ” ผมเงยหน้ามองสตีฟ “แต่ผมก็ต้องรอใช่ไหม”


“อีกไม่นานหรอก”


“ทำอะไรกันน่ะ!” เสียงทุ้มมาพร้อมกับร่างสูงของพี่เจตที่แทรกกลางระหว่างผมและสตีฟ


“เปล่านี่ครับ” สตีฟกลับไปตีสีหน้าขี้เล่นอย่างทันท่วงที ตอนแรกผมก็ตกใจนะที่เขาเปลี่ยนได้เร็วขนาดนั้น แต่พอนึกถึงเรื่องที่เขาบอกว่าพี่ลันเตาเป็นหัวโจกแล้ว เพื่อนเขาจะอันตรายเหมือนกันก็คงไม่แปลกเท่าไรนัก


“พู เขาหาตัวนายกันทั่วไปหมด ได้เวลาอาหารเย็นแล้วไปเถอะ” พี่เจตเขม่นตาใส่สตีฟก่อนจะยกแขนคล้องคอผมแล้วพาออกมาทันที สตีฟส่งยิ้มให้แล้วพูดไม่มีเสียงว่า ‘be careful’


ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเองว่าควรทำยังไงต่อไป ยิ่งไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใครผมจึงไม่รู้ว่าควรไว้ใจใครบ้าง


อย่างพี่เจต...ผมไว้ใจเขาได้หรือเปล่า


“เลิกมองหน้าพี่ได้แล้ว เผือกแย่งหมูไปหมดพี่ไม่รู้ด้วยนะ” ผมสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้น เผลอมองหน้าพี่เจตที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่พูดไม่จานานไปหน่อย ถึงเขาไม่มองมาก็คงรู้สินะว่าผมมองเขาอยู่


“ใครมอง” ผมรีบจกเนื้อหมูในจานไอ้เผือกเข้าปากทันที ไม่รู้ว่าโดนแย่งไปกี่ชิ้นแล้ว มันโวยวายที่ผมคีบหมูของมันไปแต่ไม่นานก็สงบลงเพราะคนข้างตัวเสียสละหมูให้


“สรุปว่าพวกมึงคบกันยัง กูขี้เกียจลุ้นล่ะ”


“คบ/ไม่คบ” ยังไงวะ ตอบไม่เหมือนกันอีก


“เอ้าไอ้สัด ขอกูคบแล้วบอกไม่คบนี่ยังไง” เผือกเริ่มโวยวายแล้วครับ ไอ้เฟรมรีบจับข้อมือไอ้เผือก ฉุดมันให้นั่งลงเพราะเกรงใจเพื่อนคนอื่นๆ ที่กินข้าวกันอยู่


“ชู่ กูจะไม่คบเพราะมึงโวยวายนี่ล่ะ” เฟรมพูดเสียงเบา หยิบกีตาร์ข้างตัวขึ้นมาดีดเป็นท่วงทำนองเพลง


ผมปล่อยให้พวกมันร้องเพลงจีบกันไปแล้วหันมาสนใจคนข้างตัวที่นั่งเงียบแต่ก็ไม่ลุกหายไปไหน


พี่เจตไม่สบตาผม เขามองคู่รักคู่ใหม่ตรงหน้าหยอกล้อกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ผมที่สังเกตเขาอยู่ตลอดย่อมรู้ดีว่าเขาแค่พยายามร่าเริงเพราะถ้าเขาเป็นตัวของตัวเองตอนนี้คงหาเรื่องหยอดผมอย่างที่เคย


“ไอนั่งด้วยนะ” สตีฟทิ้งตัวนั่งข้างผมแล้วยื่นจานเบค่อนมาให้ ถ้าเป็นปกติผมคงรีบสวาปามทันที แต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากอาหารเลย กังวลว่าคนข้างตัวจะรู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าไล่เพื่อนพี่ชายที่อุตส่าห์หวังดีมาเตือน


พรึบ


ก่อนที่ผมจะทันคิดอะไรพี่เจตก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้ผมมองตามร่างสูงที่ผลุบหายเข้าเต้นท์ไป สีหน้าของพี่เจตที่ผมเห็นเหมือนกำลังข่มอารมณ์อยู่


“เขาคงไม่พอใจที่เห็นหน้าไอ” สตีฟพูดขึ้นเบาๆ ด้วยใบหน้าหงอยเหงา “ทั้งที่ไออยากสานสัมพันธ์กับเขา”


ห้ะ!


ผมหันควับไปจ้องหน้าเพื่อนพี่ชายทันที ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนสตีฟถึงรีบยกมือสองข้าง


“เฮ้ ไอไม่ได้จะแย่งคนรักของยู ไอแค่...ชอบผู้ชายแบบเขา”


“เขาไม่ใช่คนรักของผม” ผมตอบ แต่แววตาเป็นประกายของสตีฟกลับทำให้หงุดหงิดแปลกๆ จนเผลอพลั้งปากพูดความรู้สึกตัวเองออกไป


“คุณเลิกหวังเถอะ พี่เจตไม่ได้ชอบผู้ชายกล้ามปูแบบคุณหรอก” ถึงจะสงสารอีกฝ่ายที่หูตกหางลู่ แต่ผมคิดว่าพี่เจตคงไม่ชอบแบบนี้หรอก ทะเล่อทะล่าเข้าไปจีบดีไม่ดีสตีฟอาจจะโดนตีนกลับมา


“ไอรู้ ส่วนใหญ่พวกเขาชอบแบบยูทั้งนั้นล่ะ ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายยูหรอก” ห้ะ วันนี้เขาจะทำให้ผมอึ้งอีกกี่เรื่องกัน


“พี่ลันชอบผู้ชายเหรอ!” นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรกัน เท่าที่รู้ เรื่องความรักของพี่ลันแทบเป็นศูนย์ เห็นเดินอยู่กับผู้หญิงแต่งตัวแรงๆ บ้าง แต่เจ้าตัวก็บอกแค่ว่าเป็นคนรู้จักเท่านั้น ทำไมจู่ๆ ถึงมาชอบผู้ชายซะล่ะ


“เอ่อ...ไอไม่ควรพูดเรื่องนี้แฮะ มันค่อนข้างเกี่ยวโยงกันไปหมด”


“เกี่ยวโยง?”


“เอาเป็นว่าสักวันยูจะรู้เอง ส่วนเรื่องยูกับผู้ชายคนนั้น” สตีฟเพยิดหน้าไปทางเต้นท์ของผม “ทางที่ดียูควรถามใจตัวเองว่าต้องการอะไรกันแน่ ความรักมันไม่อยู่รอยูได้ตลอดหรอกนะ อีกอย่าง ไอคิดว่าอุปสรรคใหญ่ของยูมันยังมาไม่ถึงหรอก บีนไม่ใช่คนใจดีนักกับคนที่เขาไม่ชอบ”


“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”


“เดี๋ยวยูก็จะเข้าใจ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือใจยู ลองคิดดูว่าถ้าไม่มีเขายูจะอยู่ได้ไหม”


ถ้าไม่มีพี่เจตเหรอ แค่คิดก็รู้สึกหน่วงแปลกๆ แล้ว


“ตอบใจตัวเองให้ได้ ถ้ายูสู้เพื่อความรักของตัวเอง ไอคิดว่าบีนคงต้องยอมถอย”


ผมไม่ได้ตอบอะไรสตีฟ แค่ยืนคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ จนอีกฝ่ายเดินกลับไปหาครอบครัวของเขา


ผมจะปล่อยเวลาให้นานกว่านี้ไปเพื่ออะไรในเมื่อรู้ใจตัวเองดี ผมแค่คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะเร็วแบบนี้ เหมือนกับไม่ใช่เรื่องจริงที่ผมรู้สึกดีกับใครบางคนเพียงไม่กี่สัปดาห์ รู้สึกดี...ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววว่าเราทั้งคู่จะมาชอบกันได้ ถึงเขาจะชอบผมก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องชอบเขาตอบ


ผมคิดแบบนั้นมาตลอด ไม่อยากคบกับเขาเพียงเพราะอกหัก ไม่มีใคร หรือคบเพราะเขาชอบผมมานานแล้ว ถ้าผมจะคบก็ต้องคบกันที่ใจผมเอง


แล้วมันถึงเวลาหรือยัง... ผมได้แค่คิดทบทวน


ใครกำหนดว่าต้องเป็นวัน เดือน ปี ถึงจะคบกันได้ แล้วทำไมผมต้องปล่อยให้เขารอต่อไป


“พี่เจต” ผมแตะแขนอีกฝ่ายที่นอนหลับอยู่ ตัวเขาร้อนเหมือนเป็นไข้ผมจึงรีบแตะหน้าผากวัดไว้อีกฝ่าย


“พี่ตัวร้อน ผมจะไปตามอาจารย์!”


“อย่า...” เสียงแหบแห้งเอ่ยรั้ง ฝ่ามือร้อนผ่าวจับข้อมือผมไว้แน่น “อย่ารบกวนคนอื่นเลย พี่กินยาไปแล้ว เดี๋ยวก็หาย”


“พี่นี่มัน...” ผมแตะหน้าผากเขาอีกรอบ ตัวร้อนขนาดนี้ยังมาเกรงใจคนอื่นอีก ผมเปิดเป้ หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาแล้วเทน้ำจากขวดลงบนผ้าจนชุ่มก่อนจะเช็ดไปตามใบหน้าของอีกฝ่ายเพื่อคลายความร้อน


“ถ้าพี่รู้สึกไม่ดีรีบบอกผมเลยนะ”


พี่เจตลืมตามองผมเช่นเคย แววตาคู่เดิมที่บอกทุกความรู้สึกที่มีต่อผมจนอดเขินไม่ได้ ได้แต่หลบตาแล้วพูดเรื่องอื่นที่น่าจะดึงความสนใจของเขาได้พอควร


“ไม่ต้องกังวลเรื่องสตีฟหรอกนะ” แค่พูดชื่อพี่เจตก็ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ เตรียมหันหลังไปหนีอีกทางแต่ผมจับหน้าเข้าไว้ไม่ยอมให้หันหนี


“สตีฟเป็นเพื่อนพี่ชายผม เขาแค่เล่าเรื่องของพี่ให้ผมฟัง ไม่มีอะไรนอกจากนั้น ผมไม่ชอบฝรั่ง” เขานิ่งไปนิด ก่อนรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากจะผุดขึ้น


“เลิกคิดมากได้แล้ว ตอนนี้สถานะของเราอาจจะยังไม่มีชื่อเรียก แต่ผมก็สนใจแค่พี่นะโว้ย” ผมยกผ้าเช็ดหน้าปิดตาอีกฝ่ายที่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข เห็นแล้วก็รู้สึกหมันไส้ แต่สุขใจจนต้องยิ้มตาม


ทุกครั้งที่ผมยิ้ม พี่คงรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม


“น่ารัก...” เขาพูดเสียงเบาจนผมต้องก้มหน้าลงไปถาม


“ว่าไงนะ...เหวอ” ผมถูกรอบไปกอดไว้ในอ้อมแขนแกร่งและล้มตัวลงไปนอนข้างกัน


“พี่บอกว่านายน่ะ...น่ารัก จุ๊บ” พี่เจตกระซิบชิดริมฝีปากก่อนจะจูบผมเบาๆ


“ผมแมนโว้ย น่ารักมันใช้กับแอลโน่น” ผมหลบสายตาหวานเชื่อมที่อีกฝ่ายส่งมา ก่อนจะรีบหันควับเมื่อโดนจู่โจมที่ต้นคอ


เห้ยๆ มันเยอะไปเปล่าพี่


“พี่ทำอะไรเนี่ย!” ผมยกมือจับต้นคอที่เพิ่งโดนดูดดึงจนแสบไปหมด พี่เป็นซาดิสม์เหรอวะ


“ลงโทษที่พูดชื่อคนอื่นตอนที่อยู่กับพี่”


แอลก็ชื่อน้องชายพี่ไม่ใช่เหรอวะ หวงแม้กระทั่งชื่อน้องยังไม่เว้นอีก


พี่เจตซุกหน้าเข้าที่ไหล่อีกข้างของผมก่อนสัมผัสนุ่มหยุ่นจะแตะที่ลำคอเบาๆ “พูเป็นของพี่แล้วนะ ตีตราจองแล้ว ห้ามปันใจไปให้คนอื่นด้วย”


“นี่ขนาดยังไม่ใช่แฟนนะเนี่ย...” ผมบ่นนิดๆ รู้สึกจั๊กจี้จนต้องหดคอเบี่ยงหนีจากริมฝีปากร้อนที่ตามประกบไม่ห่าง


“ถ้าได้เป็น...” เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากจนผมอดจะขนลุกซู่ไม่ได้ “เราอาจจะไม่ได้ลุกออกจากเตียง”


เชี่ย กูคิดถูกหรือผิดที่ตัดสินใจบอกไปวะเนี่ย


“นอนเลยพี่นอนๆ ไม่สบายไม่ใช่เหรอรีบๆ นอนเลย” ผมกดไหล่เขานอนลง ไม่ให้ยุ่มย่ามกับตัวผมอีก แค่นี้ก็ไม่รู้จะหลบรอยคิสมาร์กจากสายตาไอ้เผือกได้หรือเปล่า แม่ง  โดนมันแซวแน่เลย และถ้าไอ้เผือกรู้ไอ้แบงค์ก็ต้องรู้ กูจะสู้หน้ามันวันจันทร์ยังไงวะเนี่ย บอกเพื่อนว่าจะจีบคนน้องแต่กลับได้คนพี่มาซะอย่างนั้น


ผมคงคิดไปไกลเกินไป เอาแค่ปัจจุบันนี่ก่อนว่าจะรอดพ้นมือปลาหมึกไปได้ไหม กอดแน่นไปแล้วววววว


ตั้งใจจะหันไปต่อว่าอีกฝ่าย แต่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอและรอบยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายก็ทำเอาผมไม่กล้าปลุกเขา ได้แต่นอนเป็นหมอนข้างให้เขากอด ตัวของพี่เจตยังคงร้อนอยู่ ผมจึงเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋า พยายามขยับตัวเบาๆ เพราะกลัวเขาตื่น หยิบผ้าห่มผืนเล็กออกมาห่มทั้งตัวเขาและตัวผมเอง


ยอมให้แค่วันนี้นะ



TBC.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ยอมแค่วันนี้เปล่าเราก็ไม่รู้นะพู 55555 มาต่อแล้วค่ะ จบพาร์ทสามอย่างสวยงาม(?) เรื่องอื่นๆ มันจะเริ่มหลังจากนี้นี่ล่ะ เป็นกำลังใจให้คู่นี้ด้วยนะ เรื่องใจมันเป็นแค่ด่านแรกที่ต้องเผชิญ ยังมีด่านอื่นๆ ตามมาอีกเป็นพรวน 5555 โดยเฉพาะถั่วพี่ที่สายของเราเขาบอกมาแล้วว่าไม่ชอบว่าที่น้องเขยอย่างแรง รอวันที่พวกเขาจะได้พบกันทั้งสี่คนโน๊ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ มีคนใหม่ๆ มาตามอ่านด้วย เย่! +1 ให้ทุกคนเลย คนเก่าๆ ยังอยู่ไหมเอ่ย ขอเสียงหน่อย ฮิ้วววววว

เจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บ นักอ่านทุกคน  :mew1:


ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใครจะทำอะไรน้องถั่ววว

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
มีความมึนเล็กน้อยว่าสตีฟเป็นใคร 55555 อ่านๆ ถึงเข้าใจ
โอ๊ยยยย จะไรจะพอดีขนาดนี้ มาเจอกันได้
แล้วพี่ถั่วเป็นสายสืบหรอ รู้ดีเหลือเกิน น้องไปไหน ทำอะไรอยู่ ทิ้งไปทำไมไม่กลับมาบ้านบ้าง ซับซ้อนนะนั่นถั่วพี่

เจตตตต ไวมาก ไวไปอีก ทำไมไว แค่ตอบแค่นี้คือ รุกเนียนไปอีก
ถั่วพูเอ้ยยย เป็นแฟนแล้ว คงเหลือแต่ชื่อ

แล้วใครจะมาทำร้ายถั่วพูอีก คู่แฝดนั่นหรอ แล้วถั่วพี่ไปไกลทำไม
แล้วที่ว่าโรงเรียนคู่อริหรอ เลยไม่ชอบเจต หรือไม่ส้มตากันตอนไหน มีความมึนค่ะ

รอๆๆๆๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ฟิน สนุกมากๆ ชอบที่พี่เจตงอน 555

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
พี่เจต น่ารัก (?)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด