พิมพ์หน้านี้ - ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: janeta ที่ 01-03-2017 23:34:53

หัวข้อ: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 01-03-2017 23:34:53
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องนี้เกิดจากความมโนของผู้เขียนล้วนๆ
ตัวละครและสถานที่ในเรื่องไม่มีอยู่จริง
โปรดใช้จินตนาการในการอ่า


#เหตุเกิดเพราะชอบคุณ

ฝากแฮชแท็กด้วยนะคะ

ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ

เพราะชอบเขามาก ผมจึงต้องสร้าง 'เหตุการณ์' เพื่อให้ 'ใกล้' กว่าที่เคย

ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ❤ⓎⓄⓊ
สารบัญ
บทที่ 1 ก่อนชอบเขา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3591933#msg3591933)
บทที่ 2 เหตุเกิดเพราะ...เฟซบุ๊ก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3593365#msg3593365)
บทที่ 3 เหตุเกิดเพราะ...หนาว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3595880#msg3595880)
บทที่ 4 เหตุเกิดเพราะ...หิว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3596941#msg3596941)
บทที่ 5 เหตุเกิดเพราะ...หนังสือชีวะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3599089#msg3599089)
บทที่ 6 เหตุเกิดเพราะ...ที่นั่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3601024#msg3601024)
บทที่ 7 เหตุเกิดเพราะ...อดีต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3602562#msg3602562)
บทที่ 8 เหตุเกิดเพราะ...ข่าวลือ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3603561#msg3603561)
บทที่ 9 เหตุเกิดเพราะ...เพื่อนเก่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3605183#msg3605183)
บทที่ 10 เหตุเกิดเพราะ...ไม่มา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3606215#msg3606215)
บทที่ 11 เหตุเกิดเพราะ...รอยแผล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3608180#msg3608180)
บทที่ 12 เหตุเกิดเพราะ...ฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3609234#msg3609234)
บทที่ 13 เหตุเกิดเพราะ...ไม่สบาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3609974#msg3609974)
บทที่ 14 เหตุเกิดเพราะ...ข้อความ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3612310#msg3612310)
บทที่ 15 เหตุเกิดเพราะ...คุณพ่อ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3613842#msg3613842)
บทที่ 16 เหตุเกิดเพราะ...พี่ข้างบ้าน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3615550#msg3615550)
บทที่ 17 เหตุเกิดเพราะ...จีบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3617174#msg3617174)
บทที่ 18 เหตุเกิดเพราะ...สารภาพ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3621575#msg3621575)
บทที่ 19 เหตุเกิดเพราะ...พี่รหัส (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3625817#msg3625817)
บทที่ 20 เหตุเกิดเพราะ...ของต่างหน้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3631599#msg3631599)
บทที่ 21 เหตุเกิดเพราะ...หมวก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3635273#msg3635273)
บทที่ 22 เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3639879#msg3639879)
บทที่ 22 เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3641678#msg3641678)
บทที่ 22 เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (3) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3646598#msg3646598)
บทที่ 23 เหตุเกิดเพราะ...พี่หิว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3649845#msg3649845)
บทที่ 24 เหตุเกิดเพราะ...คำขอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3655046#msg3655046)
บทที่ 25 เหตุเกิดเพราะ...หายไป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3659821#msg3659821)
บทที่ 26.1 เหตุเกิดเพราะ...ความลับ 1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3664120#msg3664120)
บทที่ 26.2 เหตุเกิดเพราะ...ความลับ 2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3671267#msg3671267)
บทที่ 27 เหตุเกิดเพราะ...พบกัน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3675856#msg3675856)
บทที่ 28 เหตุเกิดเพราะ...ความทรงจำ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3680108#msg3680108)
บทที่ 29 เหตุเกิดเพราะ...ลักพาตัว  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3684625#msg3684625)
บทที่ 30 เหตุเกิดเพราะ...ชิงตัว  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3690581#msg3690581)
บทที่ 31 เหตุเกิดเพราะ...แผนลับ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3694947#msg3694947)
บทที่ 32 เหตุเกิดเพราะ...จดหมาย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3698576#msg3698576)
บทที่ 33 เหตุเกิดเพราะ...ชอบคุณ END  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3702022#msg3702022)
.................................
Special 1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3705640#msg3705640)
Special 2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3719581#msg3719581)
Special 3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58552.msg3728571#msg3728571)



ติดตามการอัพนิยายได้ที่     Janeta  (https://www.facebook.com/janeta0214)
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
 :mc4: เปิดเรื่องใหม่จ้า


ผลงานที่จบแล้ว
❤Inside love: เปลี่ยนยังไงสุดท้ายก็มึง❤ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58249.msg3578571#msg3578571)
◮เซ็ตผิดแผน◮  (เรื่องสั้น) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58591.msg3590882#msg3590882)
║.♪.เสียงของคุณ.♪.║ (เรื่องสั้น) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60062.msg3641672#msg3641672)
 At Night in the Rain (เรื่องสั้นตอนเดียวจบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62384.msg3711756#msg3711756)

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ [เปิดเรื่อง 01-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 02-03-2017 08:48:48
เข้ามาเพราะชื่อเรื่อง แต่พอเห็นว่าเป็นคนแต่งเรื่อง "เปลี่ยนยังไงสุดท้ายก็มึง" โอ๊ย ดีใจค่ะ ชอบตั้งแต่เรื่องที่แล้ว แต่เราขอย้ำอีกรอบนะ ขอตอนพิเศษเรื่อง "เปลี่ยนยังไงสุดท้ายก็มึง"  สักหลายตอนนะ คือพระเอก นายเอกเค้ายังไม่ได้กันเลยอ่ะ ยังไม่หวาน ไม่หึง ไม่ไรเลย เรื่องนั้นมันสั้นปายยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: (≧▽≦)เหตุเกิดเพราะชอบคุณ Intro [02-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 02-03-2017 21:42:17
บทนำ



“มึงแน่ใจนะว่าเขาจะผ่านมาทางนี้”


“สายกูบอกว่ามาแน่ มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์” ผมตบไหล่มันปุๆ ต้องขอบใจเพื่อนรักอย่างแบงค์ที่หาข้อมูลมาให้


ผมแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งครับ เมื่อก่อนผมก็เหล่หญิงกับแบงค์มาตลอดไม่เคยคิดเลยว่าจะชอบไม้ป่าเดียวกัน เพิ่งมาเริ่มสนใจผู้ชายตัวเล็กตะมุตะมิที่ชอบนั่งกินอมยิ้มอยู่ใต้ต้นไม้ ใบหน้าขาวใส จมูกโด่งเชิดรั้นและริมฝีปากสีแดงสดดึงดูดให้ผมอยากเข้าไปทำความรู้จัก แต่จะเดินดุ่มๆเข้าไปหาก็คงถูกมองเมินเหมือนที่ใครหลายคนโดน


ผมจึงต้องหาวิธีใหม่เพื่อเข้าใกล้เขา


“มาซ้อมกับกูอีกรอบ” ผมนัดแนะจังหวะกับไอ้แบงค์เพื่อเข้าไปเป็นฮีโร่ของคนตัวเล็ก


“มากับกู!” เสียงแบงค์เข้มมากจนผมต้องปรมมือให้ แสดงสมบทบาทมากเพื่อน เดี๋ยวกูจะพาไปเลี้ยงบิงซูของโปรดมึง


“ดีๆ พอมึงจับแขนเขาปุ๊บก็เป็นสัญญาณให้กูออกไปบู้กับมึง กูจะถีบมึงเบาๆ แบบนี้” ผมยกเท้าขึ้นแตะเสื้อแบงค์แล้วให้มันเล่นใหญ่ล้มลงไปเอง


“เสื้อกูห้าร้อย” ถึงจะเป็นเพื่อนที่ดีแค่ไหนแต่กับเรื่องเสื้อนี่เรื่องใหญ่ของแบงค์เลยครับ มันหวงเสื้อตัวเองยิ่งกว่าอะไร เรียกง่ายๆว่ายอมถอดเสื้อดีกว่าให้เสื้อเปื้อน สาวๆก็ชอบครับ ซิกแพ็คหกลูกเน้นๆ


“เออ เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่” เมื่อตกลงเรียบร้อยเราก็หลบเข้าซอยกันครับ


นั่งซุ่มอยู่ไม่นานคนตัวเล็กน่ารักก็เดินอมลูกอมจนแก้มป่องเข้ามา เห็นแล้วอยากจับมาฟัดสักฟอดสองฟอดแต่แบงค์เบรกไว้ มันบอกให้ผมทำตัวนิ่งๆ คูลๆ ถ้าอยากพิชิตใจหนุ่มน้อยหน้าใสคนนั้น


ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกกำลังใจแล้วไล่ไอ้แบงค์ให้ออกไปแสดงละครสักที


“ฮะฮ้า ว่าไงจ้ะหนุ่มน้อย มาเป็นเมียพี่ไหมเดี๋ยวพี่เลี้ยงอมยิ้มเต็มที่เลย” ผมตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่ให้มันแสร้งเป็นโจร คำพูดคำจาหลอกเด็กมาก เขาคงจะเชื่อมึงหรอกนะ


“จริงเหรอ” เสียงใสถามอย่างใสซื่อ เอียงคอเล็กน้อยดูน่ารัก


อย่าไปเชื่อมันครับตัวเล็ก มันเป็นคนเลวววววววววว


ผมอยากวิ่งออกไปพาเขาออกมาเดี๋ยวนี้ แต่ต้องรอให้แบงค์ทำตัวโฉดก่อน


“จะ...จริงสิ” แบงค์พูดเสียงสั่น โดนแอทแทคความน่ารักโจมตีแล้วสิมึง โจรโฉดที่ซ้อมกับกูเมื่อกี้มันหายไปไหน


“งั้นไป” คนตัวเล็กจับแขนแบงค์ให้พาเดินไป แบงค์พยักหน้ารับอย่างเพ้อๆ ก่อนจะหันมาสบตาผม


‘ไอ้สัด’ ผมด่ามันอย่างไม่มีเสียง มันก็เลยได้สติแล้วสะบัดแขนออกอย่างแรง


“กูใช่เพื่อนเล่นมึงไหม!” ดีมากเพื่อนแบงค์ กลับมาสวมบทโหดสักที


“...” คนตัวเล็กนิ่งไปแล้วครับ ผมจึงต้องรีบวิ่งออกไปเพื่อแสดงบทฮีโร่


ผลัวะ


เสียงหมัดกระทบเนื้ออย่างแรงทำให้แบงค์เซไปหลายก้าว มันคงเจ็บน่าดูถึงได้กุมหน้าวิ่งหนีไป


“เป็นอะไรไหมแอล” เสียงทุ้มถามคนตัวเล็ก แอลส่ายหน้าก่อนทั้งคู่จะพากันเดินจากไป


ทิ้งผมไว้อยู่คนเดียว


ครับ คนที่ต่อยแบงค์ไม่ใช่ผม คนที่กอดแอลอยู่ก็ไม่ใช่ผม แต่เป็นผู้ชายอีกคนที่เข้ามาผิดจังหวะมาก


“ฮึ่ย ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่เจต” ผมกัดเล็บตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง


(เชี่ยเอ้ย! หน้ากูหมดหล่อแล้วเนี่ย มึงชดใช้เลยไอ้ถั่ว!) เสียงโวยวายจากปลายสายทำให้ผมต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างหู


“กูชื่อพูไม่ใช่ถั่ว เดี๊ยๆ”


(ถั่วพูมันก็คือถั่ว อย่าเรื่องมาก หาน้ำแข็งมาประคบให้กูด่วนเลยอยู่หน้าซอยเนี่ย) พูดจบแบงค์ก็กดตัดสายผมไปเลย ปล่อยผมยืนเคว้งอยู่ในซอยที่ไม่คุ้นเคย


ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่ทางออกมันอยู่ไหนวะเนี่ย








 :bye2:
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
บทนำมาแล้วอิอิ น้องถั่วเอ้ยน้องพูจะพิชิตใจหนุ่มน้อยได้ไหมต้องติดตามค่ะ รับรองว่างัดสารพัดวิธีมาใช้อย่างแน่นอนจ้า
ติดแท็ก #เหตุเกิดเพราะชอบคุณ ด้วยนะ ^^


หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Intro [02-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-03-2017 21:58:22
ใครจะเป็นคู่ของถั่วพูกันแน่นะ
น้องแอลใสมาก หลอกล่อด้วยอมยิ้มแล้วไปด้วยง่ายขนาดนี้ ถั่วพูหันมาใช้อมยิ้มเป็นพร็อบหลักเถอะ อย่าไปคิดแผนให้ซับซ้อนนักเลย ฮา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 1 [05-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 05-03-2017 21:41:28
บทที่ 1
ก่อนชอบเขา



       “เฮ้ย! ไอ้พู กูได้ข่าวว่าสมรโดนรถชนว่ะ” ผมใจหายวาบ หันขวับไปหาคนพูดที่วิ่งเหงื่อแตกพลั่กเข้ามาในห้อง แล้วรีบเขียนคำตอบข้อสุดท้ายลงในกระดาษ


       “แบงค์ กูฝากส่งงานด้วยนะ จะรีบไปหาสมร” ผมวางใบงานที่อาจารย์ให้ทำส่งท้ายคาบบนโต๊ะแบงค์แล้วรีบวิ่งไปหลังโรงเรียนทันที


       สมรเป็นหมาที่อยู่คู่โรงเรียนผมมานานครับ ทุกพักกลางวันสมรจะเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วส่งสายตาอ้อนเพื่อขอของกินจากนักเรียนที่นั่งกินข้าวกันอยู่ และเมื่อสมรเดินมาถึงโต๊ะผม ผมก็อดไม่ได้ต้องเสียสละลูกชิ้นที่เพิ่งซื้อมาทุกที ไอ้แบงค์ชอบด่าผมครับว่าให้หมาไปทำไม เพราะสุดท้ายผมก็แย่งแบงค์กินตลอด


       ก็ให้หมาไปแล้วแต่คนยังหิวนี่หว่า ทำไมเพื่อนไม่มีน้ำใจเลย


       ปกติก็ไม่มีใครชอบสมรหรอกครับเพราะมันเป็นขี้เรื้อนแถมมีกลิ่นสาบ ขนก็แหว่งเป็นหย่อมๆ ไม่ได้สวยเหมือนหมาทั่วไป ผมเคยเก็บตังพามันไปให้หมอฉีดยาด้วยครับแต่ก็ไม่ดีขึ้น พอแม่รู้ก็ว่าผมว่าใช้เงินสิ้นเปลือง


       ก็ผมรักสมรนี่ครับ เห็นมันมาตั้งแต่เข้าเรียนแล้วก็อยากดูแลมันไปเรื่อยๆ ตอนเช้าก่อนเข้าเรียนก็แอบคลุกข้าวมาใส่ถุงให้มันกิน ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้นั่นแหละครับ


       ผมวิ่งมาจนถึงหลังโรงเรียนก็เห็นลุงภารโรงยืนอยู่ ลุงแกก็เป็นอีกคนที่คอยให้ข้าวให้น้ำสมร แม้ผอ.จะสั่งให้เอามันไปทิ้งไว้ที่อื่นเพราะกลัวภาพลักษณ์โรงเรียนเสีย แต่ลุงภารโรงก็ขอไว้สักตัวเพราะสมรก็อายุมากแล้ว อยู่มาก่อนผอ.คนใหม่จะเข้ามารับตำแหน่งเสียอีก ผอ.ท่านก็เลยให้ลุงจัดการเอาเอง หากมีคณะกรรมการเข้ามาตรวจเมื่อไหร่จะต้องไม่มีหมาขี้เรื้อนเพ่นพ่านเด็ดขาด


       “สมรล่ะลุง” ผมถามพลางกวาดตาไปรอบๆ เผื่อจะเห็นสมรอยู่แถวนี้


       “มันไปแล้ว” ลุงภารโรงตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป


       ปะ..ไปแล้ว


       สมรไปไหน


       อย่าทิ้งพูไป


       ผมร้องไห้อย่างหนัก ร้องอย่างที่ไม่เคยเป็น แม้ไอ้แบงค์จะโทรเข้ามาให้ไปเรียนคาบถัดไปผมก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะขึ้นไปเรียน เพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆเมื่อกลางวันนี้เอง ทำไมมันจากผมไปแล้วล่ะ แล้วต่อไปนี้ผมจะคลุกข้าวให้ใครกิน ผมจะซื้อลูกชิ้นให้ใครกิน ก่อนกลับบ้านผมจะไปบอกลาใครในเมื่อมันไม่อยู่แล้ว


       “ฮือ”





       “มานี่มา” เสียงเล็กๆ เรียกให้ผมหันไปมองทั้งน้ำตา


       เด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งยองๆ กับพื้นแล้ววางถุงพลาสติกที่มีข้าวคลุกเรียบร้อยให้สมรกิน


       สมร!


       ผมรีบวิ่งไปยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่กล้าเข้าไปเพราะเห็นว่าขาหลังของสมรมีผ้าพันอยู่ ระหว่างนั้นก็ลอบสังเกตใบหน้าน่ารักพูดเจื้อยแจ้วกับสมร


       “กินเยอะๆ จะได้หายไวๆ” เขาหยิบอมยิ้มจากกระเป๋ากางเกงแล้วคาบไว้ในปากก่อนลุกขึ้นเดินจากไป ใจหนึ่งก็ห่วงสมรแต่อีกใจก็อยากรู้ว่าร่างเล็กคนนั้นเป็นใคร อยู่โรงเรียนมาตั้งห้าปียังไม่เคยเห็นใครน่ารักแบบนั้นเลย


       สุดท้ายผมตัดสินใจเดินตามเด็กผู้ชายคนนั้นไปเรื่อยๆ เพราะสมรยังอยู่ดีเดี๋ยวค่อยไปเยี่ยมก่อนกลับบ้านก็ได้ เด็กน้อยนั่งลงใต้ต้นไม้ ไม่นานก็มีคนสนใจเขาเหมือนกับผมและเข้าไปทำความรู้จัก แต่เด็กน้อยคนนั้นก็มองเมินไปทางอื่นไม่ได้ต่อบทสนทนาอะไรทั้งสิ้น


       ผมเองก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ถ้าเข้าไปแบบนั้นผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน ก็เลยนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนห่างไกลจากเขา แต่พอสังเกตเห็นทุกอย่างที่เขาแสดงออก


       ชุดไปรเวทที่เขาสวมใส่ทำให้ผมคิดว่าคงไม่ใช่เด็กโรงเรียนนี้แต่เขาเข้ามาได้ยังไง หรือจะเป็นนักเรียนใหม่


       “มาทำอะไรแถวนี้” เสียงเย็นๆดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันกลับไปก็เห็นสารวัตรนักเรียนสุดโหดยืนหน้านิ่งอยู่


       พี่เจต


       เขาสูงกว่าผมสิบกว่าเซ็น เงาของเขาจึงบังแดดให้ผมมิดเลย ก็ขอบคุณนะที่มายืนบังแดดให้ แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องทำหน้านิ่งขนาดนั้นก็ได้พี่ แค่นี้ก็กลัวแล้ว


       “ไม่มีเรียนหรือไง” เมื่อเห็นผมไม่ตอบพี่เจตก็ถามใหม่ ผมยังคงอ้ำอึ้งอยู่เพราะรู้ตัวดีว่าผิดเต็มๆ ที่โดดเรียนในเวลานี้


       “คะ..คือ” ยังไม่ทันพูดจบเสียงฝีเท้าก็เข้ามาใกล้ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นอาจารย์คนใดคนหนึ่งจะเข้ามาตำหนิผม แต่เสียงเล็กๆ ก็ทำให้ผมลืมพี่เจตแล้วหันไปสนใจคนข้างหลังทันที


       “เจต” ดวงตากลมโตจ้องผมอย่างสนใจแล้วหันไปหาพี่เจตที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่


       โอ้ย ตอนมองไกลๆ ก็ว่าน่ารักแล้วนะ เห็นใกล้ๆ นี่น่ารักกว่าอีก ผิวขาวเนียนละเอียด หน้าใสไร้สิว ปากนิดจมูกหน่อย งื้อ


       คาวาอี้เน้!


       “แอล ไปกันได้แล้ว” พี่เจตคว้าแขนแอลแล้วหันมาสบตาผม


       “คนนี้ห้ามยุ่ง” พูดจบพี่เจตก็พาแอลเดินจากไป ผมประมวลผลในหัวก่อนจะแย้มยิ้มร้าย


       ห้ามยุ่งอะไรพี่ นี่เนื้อคู่ชัดๆ ไม่ได้เขาไม่ใช่ไอ้พูครับหึหึ คนดีศีลเสมอกันแถมรักสัตว์โลกสุดๆ ไม่มีใครเหมาะกับแอลนอกจากผมอีกแล้ว


       “ไอ้ถั่ว!” เสียงน่ารำคาญของเพื่อนซี้เรียกให้ผมหันกลับไป แบงค์วิ่งเข้ามาหาผมแล้วถามถึงสมร


       ถึงแบงค์จะไม่ได้รักสมรเท่าผมแต่อย่างน้อยผมก็แย่งลูกชิ้นมันกินเพราะสมร มันเองก็คงรักสมรเหมือนกัน


       “เออดีแล้ว ยังอยู่ให้กูเล่นไข่ได้อีกหลายวัน” สรุปมึงรักหมาไหมไอ้แบงค์ทำไมต้องเล่นไข่มันด้วย ผมมองแบงค์อย่างเคืองๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะขึ้นห้องเพื่อเรียนคาบสุดท้าย


       “สืบให้กูทีว่าคนนี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน ชอบอะไร” ผมส่งรูปเข้าไลน์แบงค์ มันเปิดหน้าจอแล้วดูรูปที่ผมแอบถ่ายแอลมา


       “ไม่เคยเห็นแฮะ แต่เดี๋ยวสืบให้ เลี้ยงบิงซูกูด้วย” มีสักครั้งไหมที่จะช่วยเหลือเพื่อนแบบไม่เรียกค่าตอบแทนน่ะห้ะ


       แต่เอาเถอะครับ สายไอ้แบงค์มีอยู่ทั่วโรงเรียน อยากรู้อะไรไอ้แบงค์จัดให้หมดไม่มีพลาด


       “เออๆ” ผมตอบตัดรำคาญแล้วกลับมาตั้งใจเรียนเมื่ออาจารย์เข้าห้อง แต่ถึงแม้อาจารย์จะสอนดีแค่ไหน สมองและหัวใจผมก็ลอยตามคนตัวเล็กไปแล้ว ผมประทับใจในความมีน้ำใจต่อสัตว์โลกของเขา เขาดูสะอาดจนไม่น่าเข้าใกล้สมร แต่เขาก็ไม่รังเกียจมัน จะมีสักกี่คนในโลกที่เหมือนกับแอล


       “กูว่ากูเจอเนื้อคู่แล้ว” ผมพูดเบาๆ ให้แบงค์ฟัง มันหันมามองผมแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อ


       “คนที่แล้วมึงก็พูดแบบนี้ สุดท้ายเป็นไง ไอ้พี่เจตคาบไปแดก เหอะ” ผมกลอกตาไปมา ลืมไปเลยว่าศัตรูตัวฉกาจคือใคร


       ไอ้พี่เจต


       
       สี่ปีก่อน

       "เราชอบเธออะ”



       ผมในวัยสิบสามปีบอกชอบผู้หญิงคนแรกและหวังว่าเธอจะมีใจให้เหมือนกัน เวลาอาจารย์สั่งให้จับคู่ชายหญิงเราก็คู่กันตลอดยิ่งทำให้เราสนิทกันมากกว่าใครในห้อง ไม่นับไอ้แบงค์นะครับ


       เพื่อนๆ ในห้องก็จิ้นเราคู่กัน เธอก็มักจะเขินอายแต่ไม่เคยปฏิเสธสถานะนั้น ผมก็คิดว่าเราต่างคนต่างชอบกันจึงสารภาพรักเธอในวันวาเลนไทน์ท่ามกลางสักขีพยานอย่างเพื่อนร่วมห้อง วันนั้นตรงกับวันธรรมดาพอดี หวังว่าเธอเองก็คงจะชอบผม


       กุหลาบดอกเล็กที่ผมฟูมฟักดูแลอย่างดีเพื่อรอวันมอบให้เธอกลับถูกปัดทิ้งลงพื้นพร้อมกับคำพูดสั้นๆ


       “เราไม่ได้คิดกับนายแบบนั้น” สิ้นคำนั้นเธอก็วิ่งเริงร่าไปหารุ่นพี่คนหนึ่งที่เดินผ่านมาแล้วมอบช็อกโกแลตกล่องเล็กให้เขา แต่เขาปฏิเสธแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง เธอเดินกลับมาหาผมครับแล้วบอกว่าขอดอกไม้นะ


       เหอะ ผมคงจะให้เธอหรอกนะ


       ผมเก็บดอกกุหลาบขึ้นมาแนบอกแล้วเดินออกไปจากห้อง วันนั้นทั้งวันผมไม่ได้กลับขึ้นห้องเรียน ใครจะกล้าสู้หน้าผู้หญิงที่ปฏิเสธเราได้ล่ะครับ ปฏิเสธอย่างเดียวไม่พอยังกลับมาขอความรักคืนอีก ยังไงผมก็ไม่ให้หรอกแม้ว่าจะชอบเธอมากแค่ไหน


       ผมมองกุหลาบดอกเล็กที่เริ่มช้ำ ซึ่งคงไม่ต่างจากใจผมที่กำลังเจ็บ ผมวางไว้ใต้ต้นไทรปล่อยให้มันสลายเป็นปุ๋ยดินไปก็แล้วกัน ดูมีประโยชน์ขึ้นเยอะเลย


       พอขึ้นม.4 ผมก็แอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งในชมรมวาดภาพ เธออัธยาศัยดีมากเข้ากับทุกคนในชมรมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเพิ่งเข้ามาใหม่จึงมีหลายเรื่องที่เธอไม่รู้ ผมคุยไลน์กับเธอทุกวันจนกระทั่งวันหนึ่งเธอส่งข้อความมาถามว่า


       พูรู้ไหมว่าพี่เจตมีแฟนหรือยัง ถามให้เราหน่อยได้ไหมอะ ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ แล้วพิมพ์ตอบเธอ


       น่าจะยังนะ ลองสารภาพรักดูสิ เท่านั้นผมก็รู้แล้วครับว่าคงไม่ได้ใจเธอ


       พี่เจตอยู่ชมรมปั้นห้องข้างๆ สาวๆ เข้าชมรมวาดภาพก็เพราะอยากเห็นหน้าพี่เจต คนที่ตั้งใจเรียนกับอาจารย์มีไม่กี่คนหรอกครับ


       เหอะ ไอ้หล่อเลือกได้เอ้ย!


       ผมพยายามเลี่ยงเมื่อต้องเจอพี่เจต เพราะทุกครั้งที่เจอเขาชอบเขม่นใส่เหมือนผมไปทำผิดอะไรมา ใบหน้านิ่งๆ แบบนั้นเห็นแล้วอยากเอาดินสอสีวาดให้ดูตลก คนมองจะได้ไม่รู้สึกแย่แบบผม เคยเข้าไปถามเหมือนกันว่าเขามีปัญหาอะไรนักหนา แต่น้ำเสียงเย็นและรอยยิ้มแสยะก็ทำให้ผมตกใจกลัว


       ยิ่งพอพี่เจตขึ้นแท่นสารวัตรนักเรียน กวาดล้างพวกเด็กเกเรและเด็กต่างสถาบันที่มาหาเรื่องนักเรียนโรงเรียนเรา กิติศัพท์ของเขาก็ยิ่งโด่งดังไปทั่ว เรียกง่ายๆ ว่าอย่าทำผิดให้เขาเห็นเพราะคงได้เข้าห้องปกครองไม่เว้นแต่ละวันแน่


       พอเถอะ กลับมาเรื่องความรักครั้งใหม่ของผมดีกว่า


       แอลคร้าบเราชอบนาย
       .
       .
       .
       นั่นคือเหตุการณ์ก่อนที่ผมจะวางแผนโจรขึ้นมา ตอนนี้ได้เดินหลงอยู่ในซอย จะโทรถามแบงค์แบตก็หมดแล้ว ได้แต่เกาหัวแกรกๆ พยายามหาทางออกเพราะไม่เคยมาแถวนี้เลย ตอนเข้ามาก็เดินตามหลังแบงค์ มัวแต่คิดแผนจึงไม่ได้สังเกตที่ทาง


       “เอ๋ นายคนนั้น” เสียงเล็กๆ เรียกให้ผมหันไปมอง แอลยืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกับถุงขยะเต็มสองมือ ผมรีบช่วยถือแล้วเอาไปทิ้งถังขยะฝั่งตรงข้าม


       “มาหาเราเหรอ” แอลกระพริบตาปริบๆ อย่างน่ารัก ผมส่ายหัวไปมาไม่อยากให้เขารู้ว่าผมจงใจมาหา


       “ละ...หลงทางน่ะ จะออกไปหน้าปากซอยยังไงเหรอ” ผมถาม ใจจริงก็อยากอยู่คุยกับเขามากกว่านี้ แต่ใกล้ค่ำแล้วไงเดี๋ยวพ่อกับแม่ด่า


       “เดี๋ยวเราไปส่ง” คนตัวเล็กเดินนำผมไป ผมรีบเดินตามไปอยู่ข้างๆ แอลฮัมเพลงเบาๆ แล้วหันมายิ้มให้ผม


       “ชื่ออะไรเหรอ วันก่อนโน้นไม่ทันได้ถาม”

 
       “อะ...เอ่อ พู ชื่อพูครับ” ทำไมรู้สึกตื่นเต้นอย่างนี้กะอีแค่ชื่อตัวเองทำไมต้องเสียงสั่น


       “เราแอลน้า เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจต”


       ห้ะ


       ทำไมคนที่ผมชอบต้องเกี่ยวข้องกับพี่เจตด้วย!






       Tbc.




       ⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
       น่าจะเดาได้นะว่าใครคู่ใคร 555 เรื่องนี้เบาๆ สไตล์เด็กมัธยมค่ะ ฝากคอมเม้นต์ติชมด้วยนะคะ o18
       ปล.แอลอยู่ม.5อายุเท่าพูจ้า แต่เรียกเจตว่าเจตตั้งแต่เด็กจนชินเลยไม่ได้เรียกพี่เจต ไม่ได้พิมพ์ตกน้า
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 1 [05-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-03-2017 22:30:44
ดูท่าถั่วพูจะได้คู่กับพี่เจตนะนี่
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 1 [05-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 06-03-2017 00:21:31
แอลเขามีบอดี้การ์ดคุม 555
 รออ่านตอนต่อไปคับ สนุกดี
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 1 [05-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 06-03-2017 00:54:11
ดูๆแล้วแอลน่าจะเป็นกามเทพแบบลับๆ
ให้พี่เจตกับพูได้รักกัน(มั้ยวะ)
 :katai5: :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 1 [05-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 07-03-2017 18:42:03
มารอค่า
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 07-03-2017 21:22:59
บทที่ 2
เหตุเกิดเพราะ...เฟซบุ๊ก




ผมจะลบความกากเมื่อวานทิ้งไปซะแล้วเริ่มใหม่ในวันนี้


“กูสืบมาแล้วมึง แอลชอบอ่านการ์ตูนเรื่องนี้เลย” แบงค์เอาโทรศัพท์ผมไปเปิดรูปถ่ายที่แอลถือการ์ตูนเรื่องหนึ่งขึ้นอ่านแล้วหัวเราะคิดคักอยู่ในห้องอย่างน่ารัก สายไอ้แบงค์ในห้องสี่แอบถ่ายมาให้ อันที่จริงต้องบอกว่ามันโพสเฟซให้โลกรู้ถึงความน่ารักของแอลมากกว่า


ผมเห็นยอดไลค์สี่พัน เรียกได้ว่าทั้งเพื่อนในโรงเรียนและเพื่อนต่างโรงเรียนได้เห็นกันหมดแล้ว คอมเมนต์จากทั่วสารทิศเข้ามาถามกันว่าผู้ชายน่ารักในรูปเป็นใคร ซึ่งเจ้าของเฟซก็ไม่ได้ตอบเม้นใดทั้งสิ้น


โอ้ย ทำไมเราต้องอยู่คนละห้องอะ ไม่แฟร์เลย


“แอลไม่มีเฟซว่ะ ขอเบอร์ก็บอกไม่มีโทรศัพท์ กูว่านะ แห้วแดกแล้วล่ะเพื่อน” แบงค์ตบไหล่ผมเบาๆ แล้วหันกลับไปสนใจครูที่เพิ่งเข้ามาพอดี


ผมเลื่อนหาเฟซแอลตลอดคาบแต่ก็ไม่เจอเลยจริงๆ ขณะที่กำลังจะดูเพื่อนที่แนะนำ ก็เจอเฟซพี่เจตที่ใช้รูปโปรเป็นกล่องป็อกกี้ ในหัวก็ปิ๊งขึ้นทันทีว่าในเมื่อเขาเป็นญาติกันก็ต้องมีเฟซของอีกฝ่ายสิ


แต่โชคร้ายที่ผมดูเพื่อนของพี่เจตไม่ได้ เหมือนว่าผมต้องแอดเขาเป็นเพื่อนก่อนถึงจะเห็นเพื่อนของเขาได้


เอาไงดีวะ


ผมไม่อยากเป็นเพื่อนกับพี่เจตอะ ด่ามันในเฟซไว้ตั้งเยอะ ถึงไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ถ้าเจ้าตัวมาอ่านก็รู้อยู่ดี ผมเหลือบไปมองไอ้แบงค์ที่เลิกสนใจเรียนแล้วก้มหน้ากดมือถือยิกๆ (นักเรียนที่ดีไม่ควรทำตามนะครับ)


“แบงค์ ยืมมือถือมึงหน่อยดิ” ไม่จำเป็นต้องแอดเองก็ได้นี่ เฟซแบงค์น่าจะเป็นเพื่อนกับพี่เจตอยู่แล้ว ยืมของมันมาส่องหาก็ได้


“กูเล่นเกมอยู่อย่ากวน ถ้าตานี้กูแพ้กูจะด่ามึงให้ยับ”


“แป๊บเดียวเอง แพ้ก็เล่นใหม่ไง” ผมพยายามหลอกล่อแม้จะรู้ว่าต่อให้ตายแบงค์ก็ไม่ละมือจากเกมแน่ตราบใดที่มันไม่ชนะ


“ไม่” ผมถอนหายใจแล้วหันหน้ากระดานจังหวะเดียวกับที่ครูชิตกำลังมองพวกเราพอดี ผมรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วใช้ศอกกระทุ้งแขนแบงค์


มันยังคงเล่นเกมต่อไปทั้งที่อาจารย์เดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ผมเดาว่าอาจารย์รู้ว่าแบงค์กำลังเล่นมือถืออยู่


“บดินทร!” เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัวเผลอทำมือถือตกพื้นเป็นหลักฐานให้อาจารย์หักคะแนน แบงค์สบตากับครูชิตแล้วรู้ว่าวันนี้คงไม่ได้มือถือคืน


“พรุ่งนี้ค่อยมาเอาที่ห้องพักครู” ครูชิตเก็บมือถือแบงค์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินกลับไปอยู่หน้าห้องเพื่อสอนต่อ


“เพราะมึงเลยไอ้ถั่ว” แบงค์พูดเสียงลอดไรฟันแล้วจ้องผมเขม็ง


“ให้โทรศัพท์กูมาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง แล้วอีกอย่างกูอุตส่าห์ช่วยสะกิดเตือนมึงยังจะมาว่ากูอีก”


“เกือบชนะแล้วเชียว ฮึ่ย” หลังจากนั้นมันก็บ่นกรอกหูผมจนน่ารำคาญ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง


เอาวะ แค่เป็นเพื่อนแป๊บเดียวเอง พอเจอเฟซแอลแล้วค่อยอันเฟรนด์ก็ยังไม่สาย


ผมกดแอดเฟซพี่เจตไป นั่งกัดเล็บรอต่อไปเรื่อยๆ รอจนหมดคาบก็ไม่มีท่าทีว่าพี่เจตจะรับแอด


“ไปแดกข้าวกัน” ผมพยักหน้าแล้วเก็บของแล้วเดินตามแบงค์ไป พอได้ยินเสียงสั่นจากกระเป๋าเสื้อก็รีบหยิบมาดู เป็นแจ้งเตือนทั่วไปว่ามีคนมากดไลค์ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งรออะไรแบบนี้เลย


ผมจับกระเป๋าแบงค์แล้วให้มันเป็นตาพาผมเดินไปโรงอาหารโดยที่สายตาผมยังไม่ละจากมือถือ เลื่อนรีเฟรชรัวๆ จนกว่าจะเห็นข้อความตอบรับเป็นเพื่อน


“ไปไหนครับพี่แจ้”


เสียงทักทายตามประสาคนอัธยาศัยดีของแบงค์ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายผิวแทนส่งรอยยิ้มเจิดจ้ามาให้


 “บะ ไอ้นี่ มาโรงอาหารคงมาฉี่มั้ง” พี่แจ้ตอบกลั้วหัวเราะ เขาเป็นหัวหน้าห้องม.6/3 นิสัยดีตีซี้ไปทั่วพอๆ กับไอ้แบงค์เลย ผมมองถุงผ้าที่บรรจุขนมจนแทบล้นก็รู้ทันทีว่าหนึ่งในนั้นต้องมีของเราทั้งคู่


“ไม่ต้องมาทำตาวาวเลย ช่วยกูถือหน่อยหนักชิบหาย” ผมแย่งถือถุงที่ดูน่าจะเบาแล้วให้แบงค์ถือถุงหนักมาวางไว้ที่โต๊ะว่าง ซึ่งเดี๋ยวผมก็นั่งกินข้าวตรงนี้แหละครับ


“มีของผมใช่ปะ” ผมมองพี่แจ้อย่างคาดหวัง ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวังเมื่อรุ่นพี่พยักหน้า ผมรีบค้นแล้วหยิบซองขนมหลายห่อมัดรวมกันด้วยริบบิ้นที่มีชื่อผมออกมา ดึงจดหมายน้อยๆ ที่สอดไว้ก่อนจะเปิดอ่านข้อความในนั้น


ถึงน้องพู


จะมีสักครั้งไหมที่ตอบจดหมายพี่โดยไม่ทวงขนม อิอิ ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่เคยพลาด อ้อ แล้วที่เราถามพี่เรื่องสอบของอาจารย์สมใจ พี่อยากให้เราเน้นอ่านเพื่อทำความเข้าใจมากกว่าท่องจำนะ ข้อสอบไม่ยากหรอกอยู่ที่ว่าเราตอบตรงประเด็นหรือเปล่า เขียนแต่เนื้อๆ ไม่ต้องใส่น้ำรับรองได้เต็ม การันตีโดยพี่เอง ฮ่าๆ


จากพี่รหัสของน้องเอง



ผมอมยิ้มแก้มปริจนแบงค์หมันไส้


“ให้มันน้อยๆ หน่อย เบื่อพวกที่พี่เขียนจดหมายมาหาจริงๆ มึงดูของกูดิ ลูกอมห่อละห้าบาท เขียนชื่อไว้อย่างเดียวเอง จดเหมิงจดหมายไม่เคยมีอะ”


“ได้ก็ดีแล้วไอ้แบงค์ พี่มึงไม่ได้ร่ำรวยเหมือนพี่ไอ้พูนี่หว่า มึงยังโชคดีกว่าเพื่อนมึงบางคนอีกนะ กูไม่เคยเห็นได้อะไรจากพี่รหัสมันเลย” ผมพยักหน้าตามคำพูดพี่แจ้ ไอ้โอมเพื่อนในห้องผมไม่เคยได้ของจากพี่เลยสักครั้งแม้ว่ามันจะเพียรส่งจดหมายไปบ่อยๆ ก็ตาม เห็นหน้ามันตอนแจกของเพื่อนก็ส่งสาร


อ้อ แบงค์เป็นไปรษณีย์ห้องครับ อยากส่งอะไรถึงรุ่นพี่ให้ฝากที่แบงค์เพราะมันเป็นหัวหน้าห้องแล้วแบงค์ก็จะเอาไปให้พี่แจ้เพื่อแจกจ่ายให้พี่ๆ เช่นเดียวกับที่รุ่นพี่จะฝากของมาให้น้อง แบงค์ก็จะรับไปแจกให้เพื่อนนั่นเอง


ส่วนผมก็แค่ตัวแถมเพราะเป็นเพื่อนสนิทมัน บางครั้งก็ต้องรับของจากพี่แทนแบงค์ที่ไม่ค่อยอยู่เพราะมีประชุมหัวหน้าห้องบ่อยๆ


“เออๆ ก็ยังดีพี่ แต่ฝากบอกให้เขาเขียนจดหมายมาหน่อยเถอะครับ เดือนหน้าเฉลยสายนี่ผมยังไม่มีเบาะแสอะไรเลยนะ” แบงค์บ่นเป็นหมีกินผึ้งใส่พี่แจ้ ผมก้มมองโทรศัพท์ที่สั่นเพราะมีแจ้งเตือนเข้ามา


Jet Jetrin ตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของคุณ เขียนบนไทม์ไลน์ของ Jet Jetrin


เยส


ผมรีบกดเข้าเฟซพี่เจตแล้วหาเฟซแอลโดยด่วนจะได้รีบอันเฟรนด์ก่อนพี่เจตจะเห็นข้อความเหล่านั้น


อยู่ไหนน้า


เลื่อนดูไม่ทันเปลี่ยนหน้าแชทก็เด้งขึ้นมาพร้อมข้อความจากรุ่นพี่คนดัง


Jet Jetrin แอดมาทำไม


เอาไงดีวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนในเฟซ จะให้หาเหตุผลอะไรมาตอบเล่าพี่


เรียกพูอย่าเรียกถั่ว อ่าว ไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับดิพี่ (ยังไม่กดส่ง)


ไอ้พู มึงจะไปกวนตีนพี่เขาทำไม เดี๋ยวเขาบล็อกเฟซ มึงหนทางการตามหาแอลก็ไม่เหลือพอดี


ผมกดลบแล้วพิมพ์ใหม่


เรียกพูอย่าเรียกถั่ว เอ่อ ผมตามหาเฟซแอลอยู่ (ยังไม่กดส่ง)


เขาประกาศสงครามกับมึงเมื่อวันก่อน คงจะให้มึงหาแอลหรอกนะ


ผมกดลบแล้วปิดหน้าจอ


ไม่ตอบนี่แหละดีแล้ว


“อ่าว พี่แจ้ล่ะมึง” ผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นเพียงเพื่อนแบงค์ที่ยืนมองผมนิ่งๆ


“ไปนานล่ะ กูยืนกดดันมึงอยู่เนี่ย จะแดกไหมข้าวอะ” ผมพยักหน้ารับก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินไปต่อแถวซื้อข้าวแกง


ผมยืนมองถาดกับข้าวนานาชนิด ทั้งต้มจืด คั่วไก่ คะน้ำหมูกรอบ กะเพราหมู ผัดฟักทอง พะแนงหมู ยำสามกรอบ ฯลฯ


เย่ วันนี้มีของโปรด กินผักฟักทองกับพะแนงแล้วกัน น่าจะเหลือพอราดข้าวจานหนึ่งพอดี ผมคิดในใจอย่างหมายมั่นว่าวันนี้จะได้กินของโปรด


“เอาฟักทองกับพะแนงครับ” คนก่อนหน้าผมพูดเสียงเรียบ เสียงคุ้นหูจนหมดต้องชะเง้อมองว่าใครบังอาจมาแย่งเมนูเดียวกับผม


พี่เจต


“เหลือพอดีเลยจ้ะพ่อหนุ่ม เดี๋ยวป้าตักให้หมดเลยนะ” ป้าบอกอย่างใจดี แต่ผมไม่ดีใจเลยโว้ย


ป้าเหลือเศษให้ผมเถอะ น้ำพะแนงก็ยังดี นะป้านะ


แต่ป้าไม่ได้ยินความคิดผม ป้าตักให้พี่เจตเสร็จก็ส่งถาดให้หลานไปเก็บล้าง


ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


“อ้าวน้องพู โถ่ มาช้าไปแป๊บเดียวเอง ผัดฟักทองกับพะแนงหมดแล้วจ้า ให้พ่อหนุ่มคนนี้ไปแล้ว” ป้าที่หันมาเห็นผมพอดีเอ่ยขึ้นอย่างขอโทษ ก็ผมเป็นลูกค้าประจำร้านนี่นามาทีไรก็สั่งเมนูเดิมตลอด


พี่เจตหันมามองผมแล้วยิ้มเยาะเหมือนว่าตัวเองชนะ รับเงินทอนจากป้าแล้วเดินออกไปทันที


นี่มันจงใจชัดๆ


“ใจเย็นๆ มึง กับข้าวมีตั้งหลายอย่าง วันนี้แดกอย่างอื่นไปก่อน” แบงค์ที่ยืนต่อหลังพูดปลอบใจเพราะรู้ว่าผมชอบกับข้าวสองอย่างนั้นมากแค่ไหน แล้วยิ่งศัตรูคนเดิมแย่งของชอบไปใครจะไปทนได้


ฝากไว้ก่อนเถอะพี่เจต ผมจะหาของที่พี่ชอบให้เจอแล้วแย่งมาให้หมด


สรุปว่าสุดท้ายผมก็ไม่ได้สั่งข้าว เดินคอตกกลับมากินขนมของพี่รหัสที่รักพลางมองแบงค์ที่รีบสวาปามข้าวอย่างหิวโหย ระหว่างนั้นก็เจอเพื่อนร่วมห้องเดินผ่านมาผมก็กวักมือเรียกมาหยิบขนมไป


สาวๆ ดีใจกันครับที่ได้ทั้งขนมและจดหมาย พวกผู้ชายที่รู้ว่าได้พี่ผู้หญิงแบบผมก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้ของดีๆ ส่วนผู้ชายที่รู้ว่าได้รุ่นพี่เป็นผู้ชายเลิกหวังไปนานแล้วครับว่าจะได้ของจากพี่รหัส


ตัวผู้เหมือนกันจะมาให้ขนมกันมันก็ไม่ใช่ไง


“เชี่ย กูได้ตัง” เพื่อนคนหนึ่งตะโกนลั่นเมื่อเปิดซองมาได้แบงค์ร้อยหนึ่งใบ ถึงพี่รหัสมันจะไม่เคยให้ขนม แต่เปย์เงินไม่ขาดสายจริงๆ ครับ ผมเองก็ว่าจะบอกพี่ตัวเองเหมือนกันว่าขอเงิน แต่ก็เกรงใจอะ เขาอุตส่าห์ซื้อขนมที่ผมชอบแถมผูกโบว์มาให้ ดูก็รู้ว่าไปเลือกซื้อมาจัด เห็นแล้วก็ไม่กล้าเขียนไปขอเงินเลย


ระหว่างที่แบงค์กับบรรดาเพื่อนร่วมห้องเมาส์มอยกันเรื่องวิชาถัดไปผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหาเฟซแอลต่อ จงใจเมินแชทแจ้งเตือนของคนที่กล้าตัดหน้าสั่งของโปรดผมไป


“อยู่ไหนน้า”


ผมเพ่งหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเปิดจนครบทุกคนแล้ววนมาดูใหม่ก็ยังไม่เจอ หรือว่าแอลจะไม่มีเฟซจริงๆ


ติ้งๆ


เสียงแจ้งเตือนดังถี่จนผมรำคาญ ผมเปิดแชทพี่เจตดูเพราะอยากรู้ว่าเขาจะส่งอะไรมานักหนา


Jet Jetrin แอดมาทำไม


Jet Jetrin เห็นขึ้นพิมพ์หลายรอบ ทำไมไม่ส่งมาสักที


Jet Jetrin กวนตีนไม่ตอบอีก


Jet Jetrin เออ เรื่องของนาย


Jet Jetrin กับข้าวอร่อยดีจัง


Jet Jetrin หึหึ ไม่ตอบ


Jet Jetrin งั้นเฟซแอลก็คงไม่อยากรู้


ข้อความสุดท้ายทำให้ผมลุกพรวดทันที มองซ้ายมองขวาหาเจ้าของเฟซ


พี่มันรู้ได้ไงวะ


Jet Jetrin ช้าไปละ ไม่บอก :p


ม่ายยยยย พี่จะทำแบบนี้กับผมไม่ได้


เรียกพูอย่าเรียกถั่ว ตอบแล้วพี่ตอบแล้ว


ผมรีบพิมพ์รัวๆ หวังว่าพี่เจตจะอ่านข้อความแล้วบอกผมมาว่าเฟซแอลชื่ออะไร


Jet Jetrin เห็นเมื่อ พ.12:45


ผมรออยู่นานแต่ไม่เห็นข้อความใดๆ ตอบกลับมาเลย กะให้ผมรู้ซึ้งถึงการรอคอยรึไงพี่!





ดิ๊งด่อง


เสียงสัญญาณเข้าเรียนทำให้ผมจำต้องละสายตาจากโทรศัพท์ รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ตอบง่ายๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วเดินตามแบงค์กับเพื่อนอีกกลุ่มไปยังห้องเรียน


“สาด นี่ห้องแอร์หรือขั้วโลกเหนือวะ”


“ห้องคอมฯ มันก็ต้องเย็นๆ สิวะ”ผมถอดรองเท้าแล้วเอากระเป๋าไปวางหน้าคอมพิวเตอร์เครื่องประจำ จริงๆ ต้องบอกว่านั่งตามลำดับชื่อครับ แต่พอกดเปิดเครื่องกลับเปิดไม่ติดเสียอย่างนั้น


“เล่นกูแล้วไง” เมื่อพยายามเปิดทั้งหน้าจอและซีพียูแล้วก็ยังไม่ติดผมจึงย้ายไปนั่งหน้าคอมเครื่องสุดท้ายแล้วกดเปิดรอครูมาสอน ระหว่างนั้นก็เข้าเฟซ เปิดฟังเพลงในยูทูปไปพลางๆ

“ทำไมมานั่งนี่ล่ะ” เสียงใสพูดขึ้น ผมหันไปมองอดีตคนรัก ไม่สิ คนที่เคยชอบ ลืมไปเลยว่าเธออยู่ลำดับสุดท้ายในใบรายชื่อ โอ้ย ขออยู่แบบไม่ต้องหน่วงหัวใจได้ไหม เห็นหน้าทีไรก็นึกถึงวันที่ถูกปฏิเสธรักทุกที


เธอเองก็ไม่ได้คุยกับผมอีกเลยตั้งแต่นั้น เหมือนอยู่กันคนละโลกทั้งที่อยู่ห้องเดียวกัน ทำไมความซวยต้องเหวี่ยงเรามาอยู่ใกล้กันอีกก็ไม่รู้ แม้ผมจะไม่ได้ชอบเธอแล้วแต่ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี


“คอมเสีย” ผมตอบแค่นั้นแล้วเสียบหูฟัง เร่งเพลงให้ดังขึ้นเพื่อตัดบทสนทนา เธอกระชากหูฟังผมออกข้างหนึ่งแล้วพูดเสียงดัง แต่ก็ไม่ดังเท่าเหล่าเพื่อนๆ ที่วิ่งไล่จับกันในห้องหรอกครับ


“แอดเฟซพี่เจตไปทำไม” คำถามเธอทำให้ผมขมวดคิ้ว เธอรู้ได้ยังไงว่าผมแอดพี่เจตไป


“ไม่ต้องมาทำหน้างง นายแอดเขาใครๆ ก็เห็น” ห้ะ เห็นได้ไงอะ ไม่ใช่ว่าแอดและรับแบบทั่วๆไปเหรอ


ผมไม่ได้แอดใครนานแล้วครับเพราะเพื่อนที่มีอยู่ในเฟซก็เยอะแยะมากมาย และคิดว่าคงต้องหาเวลาลบเพื่อนบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ก็เข้ามาขายครีมกับถามว่าคุณมีเวลาว่างสัก 2-3 ชั่วโมงต่อวันไหมเต็มเฟซไปหมด


“แล้วไง แอดรุ่นพี่ในโรงเรียนมันผิดตรงไหน”


“ก็เพราะเป็นรุ่นพี่ที่เราชอบไง!” เสียงไม่เบานักของเธอเรียกให้เพื่อนที่กำลังวิ่งไล่จับกันอยู่หันมามองเราทั้งคู่ บ้างก็หันไปกระซิบกระซาบกัน ไอ้แบงค์ทำหน้าตื่นแล้วเดินเข้ามาถามผม


“มีอะไรกันวะ”


“ไม่รู้เหมือนกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ” ผมตอบแบงค์แล้วหันไปถามเธอ เธอเม้มปากนิดๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมไม่เข้าใจว่าการแอดเฟซคนที่เธอชอบเป็นเรื่องผิดขนาดไหนกัน


ตัวปัญหาจริงๆ นะพี่เจต อันเฟรนด์ไปเลยดีไหม


ไม่ได้สิ


ผมต้องได้เฟซแอลก่อน





Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
เอาน้องพูมาเสิร์ฟค่า ยังคงตามหาเฟซน้องแอลต่อไปโดยไม่รู้ว่าน้องแอลเขายังไม่สมัครเฟซจ้า 555
เจอคำผิดบอกได้นะ พอดีรีบปั่นรีบลง ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์จ้า :hao7:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 08-03-2017 08:58:09
เจตทำไมดูกวนๆน้อง กร๊าวมาก55555555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 08-03-2017 18:32:39
พี่เจตชอบแกล้งน้อง
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-03-2017 22:00:50
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 10-03-2017 01:42:37
ผู้หญิงที่น้องพูเคยชอบนี่เป็นไรอะ หรือรู้มาว่าพี่เจตชอบน้องเลยมาพาลใส่งี้
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-03-2017 09:02:53
ต้องเป็น เจตพู แน่เลย
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 10-03-2017 21:18:29
 ทำไมรู้สึกเหมือนเจตชอบพู
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-03-2017 21:49:10
สนุกดีค่ะ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 2 [07-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 10-03-2017 22:16:55
ชอบอ่าาาาา ติดตามๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 12-03-2017 05:10:16
บทที่ 3
เหตุเกิดเพราะ...หนาว




“สรุปมึงหาได้ยังว่าเฟซแอลชื่ออะไร” ผมเงยหน้าถามแบงค์ เผื่อมันรู้ผมจะได้อันเฟรนด์พี่เจตไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว


“ยังเลยว่ะ” แบงค์ตบไหล่ผมก่อนจะเดินไปวิ่งไล่จับกับเพื่อนต่อ จ้า พ่อคนสนุกสนานตลอดเวลา เล่นกันเป็นเด็กๆ


“นายนี่ไม่รู้อะไรจริงๆ เลยนะ” เพื่อนที่นั่งตรงข้ามผมพูดขึ้น ผมไม่ได้สนิทกับชัยมากนัก แต่ก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น เห็นหน้าค่าตากันมานาน รู้นิสัยกันดีพอว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนคิดร้ายอะไร


“อะไรอีกล่ะ” ผมกลอกตา


“พี่เจตไม่รับแอดใครนอกจากเพื่อนในห้องของตัวเอง จะว่าไปเพื่อนผู้หญิงในห้องก็ใช่ว่าจะเป็นเพื่อนในเฟซพี่เจตทุกคน” ผมคิดตามคำพูดเขา ก็จริงนะ ตอนผมหาเฟซแอลเห็นเพื่อนพี่เจตมีแค่  57 คน น้อยมากจนผมสงสัยว่าเขาเป็นพวกไม่มีเพื่อนคบรึเปล่า


“แล้วนายลองคิดดูนะว่าถ้านายชอบคนคนหนึ่ง นายแอดไปกี่ครั้งเขาก็ไม่รับแต่รับแอดเพื่อนของนาย คิดสิว่านายจะรู้สึกยังไง”



เสียใจ



“นั่นแหละที่เธอกำลังรู้สึก นายช่วยเข้าใจเธอหน่อยนะ” ผมมองหน้าชัยแล้วพยักหน้ารับ ถ้าแอลรับแบงค์เป็นเพื่อนแต่ไม่รับผมเป็นเพื่อนผมก็คงเสียใจเหมือนกัน
.
.
.
“พัก 10 นาทีค่ะ” เมื่อครูพูดจบเหล่านักเรียนหัวเกรียนก็รีบวิ่งออกจากห้องทันที ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะกลั้นปัสสาวะต่อไปไม่ไหวแล้ว แม้อาจารย์จะอนุญาตให้ไปเข้าห้องน้ำขณะเรียนก็เถอะ แต่เพราะต้องเรียนโปรแกรมทีละขั้นตอน หลุดเหม่อไปแป๊บเดียวก็ไปต่อไม่ถูกแล้ว


จะถามเพื่อนที่อยู่ข้างกันเธอก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ส่วนไอ้คนตรงข้ามอย่าหวังเลยครับ มันนั่นแหละที่คอยถามผมตลอดว่าไปยังไงต่อนะ กดคำสั่งอะไรนะ โอย สรุปอั้นต่อไปจนครบชั่วโมงครับ


โชคดีที่ผมมีเสื้อกันหนาวจึงไม่ต้องทนทรมานเหมือนแบงค์ ผมเห็นมันวิ่งพรวดออกไปทันทีที่อาจารย์พูดคำว่าค่ะ


เมื่อสบายตัวผมก็เดินไปซื้อน้ำที่ร้านค้า เห็นแอลเดินมากับเพื่อนตัวเล็กก็เกิดป๊อดรีบหลบหลังเสา แอบฟังแอลพูดกับเพื่อนอย่างน่ารัก


“เนี่ยคาบต่อไปต้องเรียนห้องคอมนะแอล แล้วนายไม่เอาเสื้อกันหนาวมาต้องหนาวตายแน่ๆ”


“จริงเหรอ แล้วเราจะทำยังไงล่ะ”


“ยืมเสื้อพี่เจตก่อนไหม” เพื่อนแอลลอบยิ้มแปลกๆ ผมกลัวว่าถ้าแอลยืมเสื้อพี่เจตมาได้จริงๆ พี่เจตอาจถูกเพื่อนแอลคนนี้ทำคุณไสยใส่


“ไม่เอาหรอก เจตเรียนอยู่ไม่อยากกวน เราทนได้ไม่เป็นไร” แอลบอกเพื่อนแล้วชวนกันขึ้นอาคารไป


ผมเริ่มคิดแผนในหัวอย่างช้าๆ หึหึ แบบนี้หนทางเนียนขอเฟซแอลจะไปยากอะไร


ผมกลับขึ้นห้องไปเรียนอย่างแจ่มใสเพราะไม่ต้องง้อไอ้พี่เจตแล้ว  แต่ก็ยังไม่อยากอันเฟรนด์ตอนนี้เพราะถ้าชวดเฟซแอล ยังไงก็คงต้องอ้อนวอนขอพี่เจต ในเมื่อเขารู้แล้วว่าผมอยากได้อะไร


นอกจากนั้นผมก็เขียนจดหมายหาพี่รหัสตัวเองให้ช่วยเนียนขอเฟซแอลอีกทาง ไม่ได้ขอเฟซพี่แต่ขอเฟซน้องคงไม่ถูกปฏิเสธหรอก พี่ผมเป็นผู้หญิงน่ารักยังไงพี่เจตคงให้แต่โดยดี


พอหมดคาบ ผมรอให้เพื่อนๆ ทยอยออกจากห้องไปก่อนแล้วถอดเสื้อกันหนาวพาดเก้าอี้ไว้


หากถามว่ารู้ได้ไงว่าแอลจะนั่งโต๊ะเดียวกับผม ก็คงเพราะเด็กที่ย้ายมาจะมีรายชื่ออยู่คนสุดท้ายของห้องเพื่อให้ง่ายต่อการเช็คชื่อ ผมสอดบัตรนักเรียนไว้ในกระเป๋าเพื่อให้แอลรู้ว่าเสื้อเป็นของผมพร้อมทั้งแปะเบอร์โทรไว้ด้วย


เรียกแผนนี้ว่าได้ทั้งไลน์ได้ทั้งเบอร์
.
.
.
“เลิกเรียนแล้วมึงจะไปไหนต่อ ดักคุยกับแอลเลยไหมง่ายดี” แบงค์ถามพลางเก็บของใส่กระเป๋า


“ก็กลับบ้าน กูมีแผนแล้วไม่ต้องห่วง”


“เออดีแล้ว อย่าเพิ่งผลีผลามทำอะไรตอนนี้ กูได้ข่าวจากเพื่อนมาว่าเมื่อตอนบ่ายมีคนไปสารภาพรักแอล โคตรไวไฟอะ มึงรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”


“อะไรวะ” ผมถามด้วยความอยากรู้ ใครมันกล้าตัดหน้าผมวะ


“พี่เจตตามไปถึงห้องเลยครับ ถามไอ้หน้าจืดนั่นว่า ‘นายกล้าดียังไงมายุ่งกับน้องฉัน’ คือแบบ ทุกคนตกใจมากเพราะไม่มีใครรู้ว่าแอลเป็นน้องพี่เจต”


“แล้วไงต่อ”


“แหม หวานหมูสิครับมึง สาวๆ เข้าหาแอลอย่างไม่มีปิดบังเลยว่าต้องการอะไร เพื่อนกูไลน์มาโอดครวญกันใหญ่เลยว่าแววอกหักมาแต่ไกล มึงเองก็เหมือนกัน นั่นน้องพี่เจตเลยนะโว้ย เนื้อคู่กลายเป็นเนื้อร้ายแน่ถ้ามึงยังดึงดันจะจีบเขา” แบงค์เตือนผมด้วยความหวังดี


“เออ กูรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาเป็นพี่น้องกันอะ นึกว่าทุกคนรู้กันแล้วซะอีก”


“ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นแหละจนพี่แกมาประกาศศักดา หึ ท่าทางแอลจะรับศึกหนักว่ะ” แบงค์เพยิดหน้าไปทางทางเดินหน้าตึก แอลถูกล้อมรอบไปด้วยสาวๆ คนตัวเล็กมองหน้าคนโน้นคนนี้เลิ่กลั่ก แอลตัวเล็กอย่างกับเด็กม.ต้นจะไปสู้อะไรกับสาวๆ ม.ปลายได้ล่ะครับ เห็นแบบนั้นผมก็สงสารจนอดไม่ได้ต้องเข้าไปช่วยพาคนตัวเล็กออกมา


“ถอยหน่อยครับ” ผมเบียดตัวเข้าไปในวงล้อมแล้วถือวิสาสะโอบแอลเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะฝ่าพวกเธอออกมา


“เดี๋ยวสิ เรายังคุยกับแอลไม่รู้เรื่องเลยนะ นายมายุ่งอะไรด้วย” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นตามด้วยเสียงสนับสนุนของคนที่เหลือ ผมหันกลับไปมองพวกเธอด้วยรอยยิ้มกะล่อน


“เอาไว้คุยวันอื่นนะ วันนี้แอลมีนัดกับพี่เจต ถ้าแอลไปสายเพราะพวกเธอพี่เจตก็คงโกรธน่าดู” ผมด้นสด มองปฏิกิริยาของพวกเธอก็เห็นว่าต่างรีบแยกย้ายกันไปทันที


อะไรจะกลัวพี่เจตไม่ชอบขนาดนั้น แต่ก็อย่างว่า ใครๆ ก็อยากดูดีในสายตาของคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่เว้นแม้แต่ผม ไม่อย่างนั้นผมกราดไปแล้ว นี่คีพลุคแฟนหนุ่มที่ดีอยู่ครับเผื่อแอลจะฝากใจให้ดูแล


ผมก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่ซุกอกผมอย่างตื่นกลัว แอลเงยหน้าขึ้นสบตาผมก่อนจะรีบผละออกด้วยใบหน้าขึ้นสี


“ขอบใจนะ...พู” แอลพูดเสียงเบาจนผมต้องยื่นหน้าเข้าไปฟังใกล้จนได้กลิ่นแป้งเด็กบนผิวกาย


“ไม่เป็นไรครับ แล้ว...แอลกลับยังไงอะ” ผมถาม เผื่อว่าจะได้มีโอกาสไปส่งถึงบ้าน


“กลับรถเมล์กับเจต โอ๊ะ” แอลทำหน้าตกใจแล้วก้มมองนาฬิกา “สายแล้ว! ไปก่อนนะพู” แอลส่งยิ้มน่ารักก่อนจะวิ่งจากไป ทิ้งให้ผมโบกมือบ้ายบายและยิ้มอยู่คนเดียว


“แหม มีความทำคะแนนนะมึง หุบยิ้มได้แล้วก่อนจะโดนรุมสกรัม”


“ทำไมวะ” ผมยังทำท่าเดิมอยู่แม้ว่าแอลจะหายไปจากสายตาแล้วก็ตาม


“สามนาฬิกา” ผมเบนสายตาไปตามทิศทางที่แบงค์พูด เห็นเพื่อนต่างห้องส่งสายตาอาฆาตมาให้อย่างไม่ปิดบัง ไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นสิบเลยครับ


ผมฉีกยิ้มกว้างให้พวกมันอย่างไม่หวั่นใดๆ ผมสุขใจที่ได้โอบกอดแอลด้วยสองแขนของผม ก้มมองแขนตัวเองแล้วคิดในใจ


กูจะไม่อาบน้ำเลย


“ทำหน้าอย่างนี้ซกมกแน่นอน กูบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าพรุ่งนี้มึงไม่อาบน้ำมาโรงเรียนไม่ต้องมานั่งข้างกู” แบงค์ชี้หน้าผมก่อนจะเดินไปอีกทางเพราะมีประชุมหัวหน้าห้องต่อ


ผมเดินยิ้มไปตลอดทาง ขึ้นรถเมล์ก็ยิ้มจนกระเป๋ารถเมล์ถามว่าผมไม่สบายหรือเปล่า ผมสบายดีครับ ดีจนไม่อยากหุบยิ้มเลย มองอะไรก็สวยงามไปหมด หมาตัวโตหน้าซอยที่ปกติผมจะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ แต่วันนี้ผมส่งยิ้มให้มันอย่างเป็นมิตรแม้ว่ามันจะเห่ากรรโชกใส่ก็ตาม


“โฮ่ง!” ยิ้มอ่อน


“เป็นเด็กดีนะไอ้ดำ แล้วพรุ่งนี้กูจะคลุกข้าวมาแบ่งให้มึงกิน” ผมบอกมันแล้วเดินฮัมเพลงไปจนถึงบ้าน


“อารมณ์ดีอะไรมาล่ะตัวแสบ” แม่ผมถามเมื่อเห็นผมเข้ามา กลิ่นเครื่องแกงฉุนจมูกทำให้ผมจามติดกันหลายรอบ


“พ่อ! ผมบอกแล้วไงว่าให้ซื้อเครื่องดูดควันมาติดกลิ่นจะได้ไม่คลุ้งไปทั่วบ้าน” ผมบ่นนิดๆ แล้วหันไปจูงมือแม่ออกมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน


“บอกแม่ได้หรือยังว่าอารมณ์ดีอะไรมา” แม่ซักผมทันทีที่เรานั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อน


“ก็...แม่จำที่พูบอกว่าเจอคนที่ชอบแล้วได้ปะ”


“ก็เห็นโม้ตลอด ไหนล่ะลูกสะใภ้แม่” แม่ทำทีมองซ้ายมองขวาหาคนที่ผมชอบ


“สักวันจะพามาเปิดตัว แต่วันนี้อะได้แตะตัวเขาด้วย” ผมยิ้มกว้างอย่างมีความสุข แม่มองผมแล้วส่ายหน้า


“ไม่ได้เรื่อง อย่าไปบอกใครนะว่าลูกเจ้สมศรี”


“แม่อะ”


“ชักช้าสมเป็นลูกพ่อแกเลย ถ้าเป็นลูกแม่ที่แท้จริงต้องบุกแล้วรู้ไหม นี่อะไร แตะตัว แกอยู่ในยุคไหนแล้วฮะ ลูกชายบ้านโน้นเขามีแฟนไปเป็นร้อยคนแล้วนะ”


“ลูกแม่รักเดียวใจเดียวไง ขืนหลายใจแบบลูกชายบ้านโน้นเกิดทำสาวท้องป่องหรือติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ขึ้นมาแล้วจะยุ่งนะ แม่อยากให้ผมเป็นแบบเขาเหรอ”


“ก็เปรียบเปรยไหมล่ะ แกน่ะมัวชักช้าจนถูกแย่งคนที่ชอบไปตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่เหรอ”


อุปส์ ความจริงหญิงเขาไม่เอาผมครับแม่ แต่ใครจะกล้าบอกความจริงว่าลูกแม่นกตลอดล่ะ


“รีบๆ ทำคะแนนเข้ารู้ไหม ผู้หญิงน่ะชอบผู้ชายเอาใจ เอาใจใส่เขามากๆ ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอย่างพ่อแกก็ก็ดีพิชิตใจสาวได้นักต่อนักล่ะ”


“รวมถึงแม่ด้วยใช่ไหมล่ะ” ผมยิ้มแซว


“แม่หมายถึงบรรดาผู้หญิงที่มาชอบพ่อแก ส่วนแม่น่ะ เป็นผู้พิชิตใจพ่อแกต่างหาก กว่าจะได้มาก็เสียไปหลายอย่างเลย”


“อะไรบ้างอะแม่”


“เพื่อนดีๆ แกรู้ไหมว่าการชอบคนเดียวกับเพื่อนเป็นเรื่องที่ทำให้แม่เสียใจมาก” แววตาแม่เศร้าลง “แต่ถ้าแม่ยอมเสียพ่อแกไปแม่จะเสียใจยิ่งกว่า” แม่ส่งยิ้มให้ผมแล้วลูบหัวผมเบาๆ


“ชิงมาก่อนที่จะถูกแย่งไปนะลูก เพราะรักแท้คือการแย่งชิง รักไม่จริงคือการเสียสละ” ผมรู้สึกคุ้นกับประโยคหลังอย่างบอกไม่ถูก แม่เสริมต่อว่า “แม่จำมาจากละครเมื่อตอนบ่ายนี่เอง โอ้ย นางเอกแซ่บมาก แย่งพระเอกมาจากนางร้ายที่เคยเป็นเพื่อนตัวเอง ต้องปรบมือให้จริงๆ นี่แหละถึงจะเรียกว่าผู้พิชิตรักแท้”


“แม่...” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน


“อะไรยะ”


“ไอ้ที่ดราม่าเรื่องพ่อนี่ก็เอาพล็อตมาจากละครเหรอ”


“ก็เออน่ะสิ อย่ามัวรอช้าเหมือนนางร้ายล่ะ พอโดนแย่งจะมาวีดว้ายไม่ได้นะ” แม่ยื่นหน้าเข้ามาจ้องตาให้ผมรีบๆ ตอบรับ


“ครับ”


“ดี” แม่หันไปหาพ่อที่เดินถือจานกับข้าวเข้ามา พ่อผมเป็นพ่อศรีเรือนครับ กลับจากบริษัทก็รีบมาทำอาหารให้คุณนายสมศรีรับประทานเพราะคุณนายท่านไม่ชอบกินอาหารนอกบ้าน ส่วนแม่ผมเป็นครูพละโรงเรียนอนุบาลครับ เห็นร่างบางๆ แบบนี้เคยเตะก้านคอผู้ชายมาแล้ว เพราะเรียนศิลปะการต่อสู้มาครบทุกแขนง


แต่ไม่รู้ทำไมผมไม่ได้เชื้อความเก่งกาจจากแม่มาเลย มีดีแค่ฝีมือทำอาหารที่ฝึกกับพ่อเป็นประจำ เนื่องจากพ่อต้องเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศบ่อยๆ หน้าที่ทำอาหารจึงตกเป็นของลูกคนเล็กอย่างผม


“แล้วนี่ลันเตาติดต่อมาบ้างหรือเปล่าพู” พ่อถามถึงพี่ชายคนโตที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด นานๆ ทีจะกลับมาบ้าน และชอบมาไม่บอกกล่าวใครเลย


หลายเดือนก่อนพี่ลันเตากลับมาบ้านกลางดึกแล้วไม่ยอมไขกุญแจเข้ามาแบบชาวบ้าน พี่แกเล่นปีนขึ้นชั้นสอง ยามที่เดินตรวจตราก็คิดว่าเป็นโจรจึงเป่านกหวีดลั่น พ่อ แม่ และผมต้องตื่นกลางดึกเพราะเขาคนเดียว


พวกเราสรุปได้ว่าพี่ลันเตาเป็นคนติสท์ขั้นเทพ นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป พ่อกับแม่เป็นห่วงว่าพี่ผมจะโดนทำร้ายเพราะความไม่สนโลกของเขา ผมเองกลัวจริงๆ ว่าเขาจะไปเหยียบหางเสือแล้วจะเอาชีวิตไม่รอด


“ไม่เคยอ่านข้อความที่ผมส่งให้เลยพ่อ” ผมตักข้าวใส่จานให้พ่อกับแม่ก่อนจะตักของตัวเอง


“ยังดีที่เข้าเรียนทุกคาบนะพ่อ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ ถึงพี่ผมจะติสท์ไปนิดแต่ก็ไม่เคยขาดเรียน ผลการเรียนก็อยู่ในอันดับต้นๆ พ่อกับแม่จึงไม่กังวลมากนัก


“เพื่อนพ่อเพิ่งกลับมาต่างจังหวัด มันเห็นพี่ชายเราเดินอยู่กับนักเลงกลุ่มหนึ่งน่ะสิ พ่อก็กลัวว่าจะถูกอุ้มฆ่า” ผมโบกมือปัดๆ


“ไม่มีทาง พ่อก็รู้ว่าพี่ลันเตาศิษย์ใคร” ผมเหล่ไปทางแม่ที่ยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ เพราะพี่ชายผมเจริญรอยตามแม่ได้ดีจริงๆ ฝีมือแทบจะถอดแบบกันมาเลยก็ว่าได้ เผลอๆ เก่งกว่าแม่อีกเพราะเป็นผู้ชาย


“พี่แกไม่ได้เหยาะแหยะเหมือนแก ฝึกนิดฝึกหน่อยก็บ่น” ผมเบะปากก่อนจะตักข้าวเข้าปาก ขณะนั้นเสียงริงโทนโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เบอร์ไม่คุ้นตาปรากฏขึ้นก่อนผมจะกดรับสาย


“สวัสดีครับ พูครับ”


(ฮัลโหล เราแอลน้า) เสียงหวานปลายสายทำให้ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าบ้านทันที ปล่อยให้พ่อกับแม่มองมาอย่างงงๆ


กรี๊ดดดดดดดดด แอลโทรมา ว่าที่แฟนโทรมาหา อร้ายยยยยยยย


ผมเดินพล่านไปทั่วห้องอย่างอยู่ไม่สุข ในใจก็คิดเพียง แอลโทรมา แอลโทรมา ก่อนจะหยุดกึกเมื่อแอลพูดประโยคถัดไป


(คือเราลืมคืนเสื้อกันหนาวให้พูอะ เมื่อเย็นตั้งใจจะเอาไปให้ที่ห้องแต่ว่า...) ผมนึกถึงเสื้อกันหนาวที่แอลใส่เมื่อเย็นก็เข้าใจว่าทำไมแอลถึงอยู่แถวหน้าตึกที่ผมเรียนให้สาวๆ รุมทึ้ง ทั้งที่คาบสุดท้ายแอลเรียนอีกตึกซึ่งอยู่ใกล้ประตูโรงเรียนมากกว่า


“ไม่เป็นไร” ผมตอบเสียงนิ่งทั้งที่ในใจเต้นโครมคราม ผมยกมือแตะหน้าอกตัวเองเพื่อควบคุมจังหวะหัวใจ


ใจเย็นๆ นะหัวใจ


(เราโทรมาบอกพูก่อนว่าเสื้ออยู่ที่เรา เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปให้น้า...เลิกคุยได้แล้ว) เสียงเข้มขัดขึ้นก่อนสายจะถูกตัดไป แม้จำได้ดีว่านั่นเสียงใครแต่ผมไม่สนใจครับ รีบเมมเบอร์แอลแล้วเข้าไปดูเพื่อนใหม่ในไลน์


รูปอมยิ้มบอกได้อย่างดีว่าเป็นไลน์ของใคร ผมรีบพิมพ์ข้อความส่งไปหาแอลและหวังว่าคนตัวเล็กจะตอบกลับมา


Purin : สวัสดีครับ


Omyim: ใครอะ


Purin : พูไง แอลลืมแล้วเหรอ *ส่งรูปหมีบราวนั่งกอดเข่า


Omyim: ไม่ลืมๆ ใครจะลืมพูล่ะ


พอได้อ่านก็ใจชื้น อย่างน้อยแอลก็คงไม่บล็อกไลน์ผม ผมคิดหาเรื่องคุยต่อ กดพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นประโยคเดิมๆ


Purin : เอ่อ แอลทำอะไรอยู่เหรอ


นั่งมองประโยคสิ้นคิดที่เพิ่งพิมพ์ถามแอลไป ขึ้นอ่านไม่นานคนตัวเล็กก็พิมพ์ตอบกลับมา


Omyim: ทำการบ้านเลขของอาจารย์สุพัสศรี


Purin : อ่อ ทำได้ไหม


ถ้าไม่ได้เราจะเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้นะ อร้ายยยยยย


Omyim: ไม่ยากแล้ว เจตช่วยสอนให้น่ะ


เหอะ พี่เจตนี่ตามติดคนของผมจังเลยนะ


Purin : พี่เจตสอนรู้เรื่องเหรอ ให้เราสอนดีกว่าไหมเราเก่งเลขนะ


ผมจินตนาการถึงตอนที่แอลถามผมว่าข้อนี้ทำอย่างไร ผมโน้มตัวเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลังแบบเนียนๆ แนบใบหน้าชิดแก้มนิ่มของแอลแล้วค่อยๆ อธิบายวิธีการทำโจทย์ พอแอลทำได้ก็ยืดตัวขึ้นหอมแก้มผมเป็นรางวัล


อ่า แค่คิดก็ฟินแล้ว


Omyim: เจตสอนเข้าใจน้า ได้ที่หนึ่งของห้องด้วย ให้พี่เจตสอนพูด้วยไหม เราบอกให้ได้นะ


 Purin : ไม่เป็นไรแอล เกรงใจพี่เขา


Omyim: เจตบอกว่าสอนได้นะ


Purin : ไม่ดีกว่า เออ ว่าแต่...แอลมีเฟซปะ


ผมรีบถาม ถ้ามีจะได้เพิ่มเป็นเพื่อนโดยไม่ต้องผ่านนายหน้าอย่างไอ้พี่เจต


Omyim: เคยมีนะแต่ปิดเฟซนั้นไปแล้ว  ยังไม่ได้สมัครเฟซใหม่เลย


Purin : อ่า ถ้าสมัครอย่าลืมบอกเราน้า


Omyim: โอเค! *รูปกระต่ายโคนี่ถือป้ายโอเค


ผมคุยไลน์กับแอลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแม่เรียกให้ผมเก็บจานไปล้าง พอเช็ดจานเสร็จก็รีบขึ้นห้องคุยไลน์กับแอลต่อ ก่อนที่คนตัวเล็กจะขอตัวไปอาบน้ำและเข้านอนตามประสาคนน่ารัก


ฮ้า คืนนี้ผมคงหลับฝันดีกว่าที่เคย


ความรักของผมคืบหน้าไปอีกขั้นแล้วนะ...คุณว่าที่แฟน




Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
น้องพูกำลังทำคะแนนอยู่จ้า แต่จะสมหวังหรือไม่นั้น โปรดติดตามตอนต่อไป 5555

คนเขียนเบลอมาก ขอไปนอนก่อนน้า ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ   :pig4:


หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-03-2017 08:26:20
ที่ผู้หญิงเขาไม่เอาน้องพูนี่เพราะน้องน่ารักกว่าหรือเปล่า ฮา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 12-03-2017 08:51:56
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 12-03-2017 10:11:23
  รีบๆจีบแอลสิ แอลเขาก็ชอบพูด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 12-03-2017 12:51:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 12-03-2017 13:30:51
พูรีบทำคะแนนนะ เดี๋ยวพี่เจตรุกบ้างจะไม่มีโอกาสแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-03-2017 14:52:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 12-03-2017 22:05:52
พี่เจตชอบพูเหรอ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 12-03-2017 22:39:51
เรื่องน่ารักดีค่ะน่าติดตาม :mew2:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 3 [12-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 13-03-2017 22:49:32
เดี๋ยวโดนพี่เจตสกัดดาวรุ่ง :laugh:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 4 [13-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 13-03-2017 23:27:17
บทที่ 4
เหตุเกิดเพราะ...หิว




ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทย...


เสียงเพลงชาติดังขึ้นในจังหวะที่ผมลงจากรถเมล์พอดี ตั้งใจว่าจะนั่งอยู่นอกรั้วจนกว่าจะเลิกแถวแล้วค่อยเข้าโรงเรียนจะได้ไม่ถูกทำโทษ แต่ดันสบตากับครูเวรเช้าพอดีนี่สิ ครั้นจะประจบสอพลอขอแค่หักคะแนนก็คงไม่ได้เพราะเราไม่สนิทกัน


“มานี่เลย ไม่ต้องหลบ ใส่เสื้อเข้ากางเกงด้วย รองเท้าด้วย ใส่ใหม่อย่าเหยียบส้น” ผมทำตามที่ครูบอกแล้วยืนเข้าแถวรวมกับเด็กคนอื่นๆ


เฮ้อ เห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้วรู้เลยว่าวันนี้เดินเก็บขยะแน่นอน หน้าประจำทั้งนั้น


“พี่พู ทำไมวันนี้มาสายวะ” รุ่นน้องม.4ผมคนหนึ่งทักขึ้น จะเรียกว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมก็ได้เพราะนอกจากวันที่มาสายแล้ว เราไม่เคยพบกันเลยสักครั้ง


“ฝันดีไปหน่อย” ผมตอบพลางนึกถึงฝันที่ทำให้ผมตื่นสาย
.
.
.
“แอล” ผมเรียกคนตัวเล็กที่ส่งยิ้มหวานมาให้


“อะไรเหรอพู”


“เราชอบนาย!” ผมตะโกนแล้วหลับตาปี๋ กลัวจะเห็นสายตาและรอยยิ้มของแอลเปลี่ยนไป แต่คำพูดของแอลทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นทันที


“ระ...เราก็ชอบพู” แอลที่ก้มหน้างุดอย่างขวยเขิน ใบหน้าขึ้นสีทำให้ผมหัวเราะนิดๆ ก่อนจะรวบตัวคนตัวเล็กมากอดไว้แน่น


"เป็นแฟนกันนะ” ผมพูดข้างหูแอล แอลซุกอกผมแล้วตอบว่า




“เหม่ออะไรของนาย” เสียงเข้มดับฝันหวานในพริบตา ผมเงยหน้ามองพี่เจตที่ยืนหลังตรงทำหน้านิ่งใส่


“เปล่าครับ” ผมตอบเสียงค่อย


นอบน้อมไว้ก่อน ได้น้องเขาแล้วค่อยว่ากัน


“วันนี้พวกนายมาสาย ต้องจดชื่อไว้หักคะแนนและทำกิจกรรมจิตอาสาเป็นการลงโทษ กิจกรรมที่เราทำนั้น...” ผมและเพื่อนๆ ยืนฟังอาจารย์พูดเรื่องข้อดีของการบำเพ็ญประโยชน์ต่อไปจนครบห้านาทีก็ได้ฤกษ์ทำกิจกรรมรอบโรงเรียน


พี่เจตส่งถุงดำให้แถวละหนึ่งใบแล้วให้เราแยกย้ายกันไปเก็บขยะที่มักจะซุกซ่อนอยู่ตามเก้าอี้ม้าหินอ่อน ใต้ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งข้างถังขยะ


ถังอยู่ข้างๆ ทำไมไม่ทิ้งให้มันลงถังวะ ผมคิดแล้วหยิบเปลือกลูกอมใส่ถุงดำ


เหลือบมองไม้เสียบลูกชิ้นปลายแหลมบนสนามหญ้า นึกถึงเหล่าเพื่อนร่วมห้องที่ชอบมาเตะฟุตบอลก็กลัวว่าพวกมันจะนั่งทับไม้จนเสียบทะลุก้น คือไอ้คนทิ้งไม่ได้ทิ้งแบบวางในแนวนอน แต่เล่นปักบนดิน คนที่นั่งไม่ระวังคงบาดเจ็บได้เลือดแน่


ผมก้มลงจะดึงไม้ขึ้นแต่มีอีกมือคว้าไปได้ก่อน


“เดี๋ยวพี่เก็บเอง นายไปเก็บหลอดพลาสติกกับถุงขนมตรงนั้นไป” พี่เจตดึงไม้ออกแล้วไล่ผมไปอีกทาง


“เก็บด้วยกันก็ได้พี่เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ผมมองไม้ที่ปักอยู่สี่ห้าอันแล้วช่วยพี่เจตดึงออกมาจนหมด ใส่ถุงดำไว้แล้วลุกขึ้นเดินไปเก็บหลอดพลาสติกที่ทิ้งเกลื่อนไปทั่ว


“พู ครูเรียกแล้ว” ผมเหลียวไปมองพี่เจตที่ยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ก่อนจะเดินตามเพื่อนไปหาครู


“ครูครับ ครูฟางฝากเอกสารมาให้ครูเซ็น” เสียงน่ารักพูดขึ้นก่อนที่เหล่าเพื่อนร่วมชะตากรรมจะโห่ร้องอย่างยินดี


“แอลมาหาเราเหรอ คิดอะไรกับเราปะ” เพื่อนคนหนึ่งพูดแซวแอล คนตัวเล็กเอียงคอมองมันอย่างงงๆ ก่อนจะเบนสายตามาหาผมแล้วยิ้มร่า


“พู!” สิ้นเสียงแอล สายตาคมกริบนับสิบก็พุ่งมาทางผม


“หวัดดีแอล” ผมยกมือทักทายแอลอย่างไม่สนเพื่อนคนไหนจะรุมตื๊บหลังจากนี้


ไม่ต้องมาอิจฉากูครับ หน้าตาดีก็อย่างนี้แหละ


แอลจะรับเอกสารคืนจากครูก่อนจะชี้ไปยังต้นไม้ใกล้ๆ เพื่อบอกเป็นนัยว่าจะรอตรงนั้น ผมพยักหน้ารับ มองหลังคนตัวเล็กที่เดินออกไปแล้วอมยิ้มนิดๆ


น่ารักอะ


ยืนรอไม่นานครูก็ปล่อยพวกเราไปเรียน ผมเดินไปหาคนตัวเล็กที่เริ่มมีเหงื่อชื้นบนใบหน้า รีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้แอลเช็ดเหงื่อ


“อะ เราเอาเสื้อมาคืน” แอลเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบเสื้อของผมออกมา “เราซักให้แล้วนะ รับรองหอมฉุย”


ผมรับเสื้อตัวเองมาแล้วสูดดมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม อืม รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโรคจิตอย่างไรไม่รู้


โครกคราก


ผมปิดหน้าหนีอย่างอับอาย แอลหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินเสียงท้องของผมร้อง เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วยื่นนมจืดกล่องหนึ่งให้ผม


“อะ...ถือว่าตอบแทนเรื่องเสื้อนะ คิคิ ลืมกินข้าวเช้าเหรอ”


“ตื่นสายต่างหาก” ผมรับนมกล่องมาถือไว้


“กินสิ” คนตัวเล็กคะยั้นคะยอ ผมเจาะหลอดแล้วดูดเอื้อกๆ จนหมดกล่อง


“อร่อยไหม” แอลถามยิ้มๆ ผมพยักหน้ารับแล้วยิ้มตาม


“ขอบใจนะ เติมพลังให้เราแต่เช้าเลย” แล้วส่ายหน้าบอกไม่เป็นไร ก่อนจะขอตัวไปส่งเอกสารใครครูประจำชั้นของเขา
.
.
.

“ยิ้มหน้าบานเลยนะมึง กูได้ข่าวจากไอ้เอ๊ะห้องห้า มีทักทงทักทายกันด้วยเหรอ” แบงค์ถามผมทันทีที่เดินเข้ามา


“ก็เป็นคนที่อยู่ในสายตาเขาไง” ผมพูดอวดๆ แบงค์ทำหน้าแหวะก่อนจะยื่นกระดาษโพสต์อิทส่งให้ผมอย่างมีลับลมคมใน


“กูเพิ่งได้มาจากเพื่อนห้องสี่ เบอร์แอลๆ” แบงค์มองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง


คือแบงค์...มึงส่งเบอร์หนุ่มให้กูไม่ใช่รหัสโลกาวินาศจะกลัวอะไรขนาดนั้น


“กูได้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ผมพูดพลางส่งไลน์ที่คุยกับแอลเมื่อคืนให้แบงค์ดู มันมองผมอย่างอึ้งๆ แล้วขว้างโพสต์อิททิ้งลงพื้นอย่างแรง


“กูอุตส่าห์หามาอย่างยากลำบาก” แบงค์ตัดพ้ออย่างน้อยใจ ก้มลงฟุบหน้าลงบนโต๊ะหันหัวไปอีกทาง


“เอ้า นี่กูผิด?” ผมยกนิ้วชี้เข้าหาตัว แต่เพื่อนซี้ยังคงนอนนิ่งไม่สนใจ ตอนแรกก็คิดว่ามันงอนครับ ปรากฏหลับเฉยเลย รอจนอาจารย์เข้าห้องนั่นแหละถึงยอมตื่นมาเรียนแต่ก็ยังคงทำหน้าบึ้งใส่ผมอยู่


โครกคราก โครกคราก


อาการบิดมวนท้องเริ่มทำให้ผมอยู่ไม่สุข ผมเลียริมฝีปากแห้งผากรู้ดีเชียวล่ะว่าเกิดจากอะไร


นมจืด


กินนมตอนท้องว่างทีไรไม่พ้นท้องเสียครับ แต่ก็ยอมกินเพื่อคนที่รัก แม้จะต้องปวดท้องเจียนตายผมก็โอเค


โอเคกับผีน่ะสิ


โอย


ผมนั่งกุมท้องจนตัวงอ เพื่อนซี้ของผมจับอาการผิดปกติได้ดีจึงเลิกทำหน้าบึ้งแล้วถามผมทันที


“มึงเป็นอะไร!” ความโอเวอร์แอคติ้งของเพื่อนผมทำให้ทุกคนในห้องหันมามองเราเป็นตาเดียว


“ปวดท้อง” ผมตอบเสียงแผ่ว รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำมากๆ อึก ข้าศึกบุกแล้ว


“ครูครับ ผมขอพาภูรินทร์ไปห้องพยาบาลนะ” ครูพยักหน้ารับแล้วเร่งให้แบงค์พาผมไปเพราะหน้าผมซีดลงเรื่อยๆ


แบงค์ประคองผมเดินมาเรื่อย พอเห็นป้ายห้องน้ำผมก็บอกให้แบงค์หยุดก่อน


“เดี๋ยวมึง”


“ทำไมวะ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วนะ” ใช้ อีกนิดเดียวจะถึงห้องพยาบาล แต่ข้าศึกที่รูทวารไม่อาจรั้งไว้ได้นานกว่านี้อีกแล้ว


“มันจะออกแล้ว!” ผมพุ่งเข้าไปในห้องน้ำห้องหนึ่งแล้วปิดประตูทันที


“นี่มึงปวดขี้เหรอไอ้ถั่ว! สัด กูนึกว่ามึงเป็นโรคร้ายใกล้ตายซะอีก” แบงค์ตะโกนลั่น ผมไม่สนชื่อเสียงใดๆ แล้วครับ ขอระบายความทุกข์ทั้งหมดลงในโถส้วม อึก อัก เอื้อก ฮ้า...
.
.
.
“พาเพื่อนไปนอนที่เตียงแล้วกรอกชื่อให้เพื่อนด้วย” ครูห้องพยาบาลพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาหาผมเพื่อถามอาการ ซึ่งกว่าผมจะออกจากห้องน้ำได้ก็เกือบสิบนาที ถ่ายจนไม่เหลืออะไรอยู่ในท้องเลย


“นอนพักนะ ครูจะไปชงเกลือแร่มาให้ดื่ม” พูดจบครูก็เดินออกไปสวนทางกับแบงค์ที่เดินเข้ามาพอดี


“เป็นไงบ้างมึง กูโทรบอกที่บ้านให้ไหม”


“ไม่เป็นไร รอโรงเรียนเลิกแล้วมาเรียกกูกลับละกัน ไม่อยากให้ที่บ้านห่วง เดี๋ยวเขาลางานมาเฝ้ากันหมดพอดี”


“เออๆ เดี๋ยวเรียนเผื่อ ไปนะ” แบงค์เดินออกจากห้องไป ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด ก็อยากรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แค่ขยับตัวผมยังไม่มีแรงเลย


“ต๊าย ไปโดนอะไรกันมาแผลถึงเต็มตัวแบบนี้” ครูถามเสียงเขียว


“มีเรื่องกับคู่อริต่างโรงเรียนครับ ดีนะครับที่เข้าไปช่วยได้ทันไม่อย่างนั้นคงต้องจองศาลา”


“เฮ้อ มาๆ เดี๋ยวครูทำแผลให้ อ้อ อย่าเพิ่งไปจ้ะ ครูวานเอาเกลือแร่ไปให้นักเรียนหน่อย อยู่เตียงข้างในน่ะ”


“ครับ”


ผมนอนฟังเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ ก่อนผ้าม่านกั้นจะถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่เลิกคิ้วมอง


“นายนี่เอง” พี่เจตวางแก้วไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะเข้ามาประคองผมขึ้นนั่งดีๆ แล้วส่งเกลือแร่ให้ ผมรับมาดื่มอย่างหิวกระหายแต่ถูกเบรกด้วยเสียงทุ้ม


“เขาให้จิบไม่ใช่ดื่มพรวดๆ แบบนั้น” ผมนั่งหน้าหงิก ก็คนมันหิวน้ำนี่หว่า แต่ถึงใจจะต่อต้านผมก็ยอมจิบน้ำตามที่พี่เจตบอก พอเห็นผมเชื่อฟังพี่เจตก็ยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ “ดีมาก”


ผมนิ่งอึ้ง ไม่กล้าขยับตัวทำอะไร


พี่มันมาไม้ไหนวะ หรือสวมบทอ่อนโยนเพื่อตีสนิทให้เราเกรงใจจนไม่กล้าจีบแอล


“พี่ป่วยปะ” ผมวางแก้วแล้วแตะหลับมือบนหน้าผากพี่เจต “ตัวก็ไม่ร้อนนี่หว่า”


“พี่ปกติดี ทำไมถึงคิดว่าพี่ป่วย” ร่างสูงถามยิ้มๆ รอฟังคำตอบจากผม


“ก็มาทำดีด้วยมันแปลกๆ นะพี่” ผมมองพี่เจตอย่างระแวง ยังไงก็ไม่ปกติอะ


“แล้วปกตินายเห็นพี่เป็นคนยังไง”


“กวนตีนหน้านิ่ง” ผมตอบอย่างจริงใจ แม้จะกลัวพี่เจตโกรธแต่นั่นคือตัวตนของเขาที่ผมรู้จัก แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เลยสักอย่าง มาอ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่อย่างแรง


พี่เจตสบตาผมนิ่งๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง กลับมาเป็นพี่เจตคนเดิมที่ผมรู้จัก


“ว้า แผนแตกซะแล้ว ช่างสังเกตดีนี่” พี่เจตยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเบี่ยงหน้าหนี พูดไกลๆ ก็ได้ไหมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำไมก็ไม่รู้


“แหงอยู่แล้ว ร้อยวันพันปีไม่เคยมาทำดีด้วย ใครไม่ระแวงก็แปลกล่ะ” ผมโล่งอกเมื่อพี่เจตกลับไปยืนข้างเตียงดีๆ


“จริงๆ พี่จะเอาเกลือแร่ไปเททิ้งแล้วปล่อยให้ผมทรมานก็ได้นะ เผื่อว่าผมจะเลิกยุ่งกับแอลเพราะกลัวพี่” ผมชี้โพรงให้กระรอก ตอนนี้พี่เจตเป็นต่อ วิธีกำจัดผมน่ะง่ายนิดเดียว แค่ขู่ให้ผมกลัวก็คงเข็ดหลาบไม่กล้ายุ่งกับแอลแล้ว


หลอกๆ ครับ คนนี้รักจริงหวังแต่ง ถูกไอ้พี่เจตทรมานเท่าไรก็ไม่หวั่นไหวครับ


“หึ ไม่ล่ะ แกล้งคนป่วยจะไปสนุกอะไร ไว้รอนายหายดีจะมาเล่นด้วยใหม่นะ” พี่เจตยิ้มร้าย ก่อนจะเดินออกไป


เออ ไว้หายดีผมจะตามจีบแอลให้พี่หัวเสียทั้งวันเลยคอยดู


โครกคราก


อูย ท้องข้า อดทนไว้ก่อนนะ ห้องน้ำ! ห้องน้ำอยู่ไหน




Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
แหน่ะ พี่เจตคิดอะไรกับน้องหรือเปล่า ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ   :pig4:


หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 4 [13-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 13-03-2017 23:57:30
พี่เจตวางยาถ่ายแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 4 [13-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-03-2017 07:49:01
หึหึ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 5 [17-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 17-03-2017 21:57:14
บทที่ 5
เหตุเกิดเพราะ...หนังสือชีวะ


อยากได้หนังสือเล่มนี้จัง แต่หาในห้องสมุดไม่เจอเลย TT


สเตตัสของแอลทำให้ผมลุกพรวดจนแบงค์ตกใจ ผมมีเฟซแอลแล้วครับ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของคนตัวเล็กตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย


“อะไรของมึงวะ”


“ดูที่แอลโพสดิ กูจะได้ใกล้ชิดเขาขึ้นอีกขั้นแล้วนะโว้ย” แบงค์รับโทรศัพท์ไปดูแล้วส่งคืนผม


“แล้วหนังสือเล่มเดียวจะไปช่วยให้หนทางรักมึงราบเรียบขึ้นได้ยังไง ผ่านตัวเบ้งนั่นให้ได้ก่อนไหม” แบงค์เพยิดหน้าไปทางร่างสูงที่กำลังนั่งหน้าเครียดอ่านหนังสืออยู่ บนโต๊ะมีหนังสือกองเป็นตั้ง ไม่รู้ว่าเอามาอ่านจริงหรือตั้งโชว์ว่าตัวเองอ่านไปอย่างนั้น


“ผ่านทำไม เลี่ยงไปทางลัดเลยดีกว่า เดี๋ยวกูมา ไปหาหนังสือให้สุดที่รักก่อน” ผมเดินไปเสิร์ชเลขเรียกหนังสือที่คอมพิวเตอร์แล้วไล่หาหนังสือหมวดชีววิทยาที่คนตัวเล็กอยากได้ แต่หาจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย บนลงล่าง ล่างขึ้นบน ก็ไม่เจอหนังสือเล่มนั้น ได้แต่เดินคอตกไปหาเพื่อนยากที่นอนเล่นเกมอยู่บนพื้น


“ไม่เจอล่ะสิ กูว่าซื้อหนังสือชีวะไปเลยไหม ไหนๆ ก็หาไม่เจอแล้ว” แบงค์บอก ผมครุ่นคิดอย่างหนักเพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ถูกๆ แต่เมื่อนึกถึงประโยชน์ในระยะยาว ทั้งได้เป็นเจ้าของหนังสือให้แอลยืม หรือถ้าแอลไม่ได้ใช้อย่างน้อยผมก็เก็บไว้อ่านสอบ ได้ประโยชน์ทั้งสองอย่าง ยอมงดขนมไปสักอาทิตย์คงไม่เป็นไร แลกกับว่าที่แฟนแล้ว คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม


“ความคิดดี งั้นเลิกเรียนมึงไปเป็นเพื่อนกูนะ” แบงค์พยักหน้ารับแล้วเล่นเกมต่อ


ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่กลับเข้ามาเห็นหนังสือเล่มเดียวกับที่แอลต้องการวางอยู่บนโต๊ะพี่เจต


เหยยยยย แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ไม่ต้องเสียเงินแล้ว หึหึ


แต่ขโมยของพี่เจตเท่ากับฆ่าตัวตายนะโว้ย เกิดพี่มันตามล่าขึ้นมาจะทำยังไง


แหม่ ของสาธารณะไหม ใครดีใครได้สิ ยิ่งพี่เจตไม่อยู่แล้วก็หวานหมูสิครับ



ผมมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นเจ้าของโต๊ะอยู่แถวนั้นก็รีบฉวยมาไว้กับตัวเตรียมย่องออกไป แต่เสียงคุ้นหูขัดขึ้น


“จะเอาหนังสือของพี่ไปไหน” พี่เจตถามเสียงเรียบ


“ของพี่ที่ไหน นี่ของห้องสมุดต่างหาก” ผมแหวแล้วชี้ไปที่เลขเรียกหนังสืออย่างเหนือกว่า แต่แล้วก็ต้องก้มหน้าลงเมื่อสบตาพี่เจตมองผมนิ่งๆ


“พี่หยิบก่อน เพราะฉะนั้นสิทธิ์ในการใช้หนังสือเล่มนั้นเป็นของพี่” เราสบตากันนิ่งๆ สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ ยื่นหนังสือคืนพี่เจตไปอย่างจำยอม


“เออ ของพี่”


แต่พี่เจตดันหนังสือกลับมาให้ผม “ยืมอ่านพี่ไม่ว่า แต่อ่านเสร็จแล้วคืนด้วยเพราะพี่ต้องใช้”


ผมมองพี่เจตอย่างอึ้งๆ คนอย่างพี่เจตน่ะเหรอจะยอมให้ของตัวเองแก่คนอื่น แต่อึ้งอยู่ไม่นานผมก็รีบกอดหนังสือไว้แนบอกป้องกันการขอคืนจากพี่เจต


“นั่งอ่านด้วยกันนี่แหละ” พูดจบพี่เจตก็นั่งลงอ่านหนังสือก่อนจะดุผมเบาๆ “อย่ายืนค้ำหัวผู้ใหญ่” ผมจำต้องนั่งเก้าอี้ข้างพี่เจตแล้วทำทีเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้น


ความจริงแล้วผมเกลียดวิชาชีวะ เพราะไม่ชอบท่องจำเนื้อหาจำนวนมาก แต่หนังสือเล่มนี้ดีครับ ไม่ได้อธิบายละเอียดยิบย่อยเหมือนหนังสือเรียน เขียนเพียงข้อมความสั้นๆ พร้อมภาพประกอบจึงทำให้ผมเข้าใจมากกว่าหนังสือเรียนที่ใช้ศัพท์เทคนิคอธิบายกระบวนการต่างๆ คือแทนที่ผมจะไปต่อได้กลับต้องมานั่งอ่านคำอธิบายว่าศัพท์นั้นหมายถึงอะไร


สุดท้ายผมก็เลยปล่อยวาง ปล่อยวางหนังสือชีวะให้โดนปลวกแทะ ไม่แตะต้องมันอีก


“เข้าใจไหม” พี่เจตถามโดยไม่มองหน้า ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “นายนั่นแหละ”


“ก็ดีพี่ เห็นภาพชัดดี” จริงครับ ผมนั่งอ่านเพลินจนกระทั่งพี่เจตทักนั่นแหละ


“อืม” แล้วพี่เจตก็เข้าโหมดอ่านหนังสืออย่างจริงจังอีกครั้ง ส่วนผมที่กำลังสนุกกับการอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ก้มลงอ่านเงียบๆ เช่นกัน น่าแปลกนะครับที่ผมนั่งอยู่กับศัตรูได้โดยไม่มีปัญหาอะไร


ผ่านไปสักพักพี่เจตก็ลุกขึ้นเดินออกไปเงียบๆ ผมเงยหน้ามองตามร่างสูงไปแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อก่อนฝ่ามือหนักจะฟาดหลังผมอย่างแรง


“มานั่งสวีทอะไรกับพี่เจตวะ เขาไปแล้วเนี่ย รีบฉวยโอกาสนี้เอาหนังสือไปให้แอลสิ” แบงค์มองไปทางห้องน้ำอย่างระแวงแล้วเร่งให้ผมรีบลุกขึ้นเพราะมันถือกระเป๋ามาให้ผมเรียบร้อยแล้ว


“กูไปซื้อเอาก็ได้ เล่มนี้ของพี่เจตมัน” ผมพูดเบาๆ เขาอุตส่าห์มีน้ำใจให้ผมยืมอ่านหนังสือดีๆ เชียวนะ ถือว่ามีบุญคุณเปิดโลกใบใหม่ของชีววิทยาให้ผมเลย


“กูเสิร์ชหาหนังสือเล่มนี้และโทรถามร้านหนังสือแล้ว เขาบอกว่าหมดสต็อกไปเป็นชาติ ถ้ามึงจะเอาใจแอลก็หยิบหนังสือเล่มนั้นไปยืมซะ แต่ถ้าไม่ก็วางคืนพี่เจตไป เลือกเอาสิ” ไม่ต้องคิดเลยว่าผมจะเลือกอะไร คนคุณธรรมสูงส่งแบบผมน่ะ


“ยืมหนังสือครับ” เลือกความรักอย่างแน่นอน


ผมรอบรรณารักษ์ปั๊มวันที่เสร็จแบงค์ก็รีบลากผมหลบมุมทันที ผมชะโชกหน้าไปดูก็เห็นพี่เจตขมวดคิ้วมองซ้ายมองขวาคงกำลังหาตัวผมอยู่


ขอโทษนะพี่ แต่เพื่อแอล ผมยอมทรยศพี่ว่ะ
.
.
.
“เห้ย พูหามาได้ยังไงน่ะ เราหาทั้งวันยังไม่เจอเลย” แอลยิ้มดีใจกอดหนังสือเล่มนั้นแน่น ตอนนี้พักกลางวันครับ ผมโทรถามแอลว่าอยู่ไหนแล้วรีบยื่นหนังสือให้เขา ดีใจที่คนตัวเล็กยิ้มอย่างมีความสุข


“ก็...เราอยู่ห้องสมุดพอดีก็เลยลองหาดู” ผมเกาหัวนิดๆ อย่างเคอะเขิน คือตอนแรกก็ไม่เขินหรอกครับแต่พอเห็นรอยยิ้มน่ารักส่งมาให้หัวใจก็เต้นตึกตักอย่างหยุดไม่อยู่


“ขอบใจน้า ถ้าไม่ได้พูเราต้องแย่แน่ๆ” แอลทำหน้าเศร้า


“ทำไมล่ะ”


“ก็เราได้รับหน้าที่ในกลุ่มให้หาหนังสือมาทำรายงานน่ะ เล่มอื่นเราหาได้แล้ว แต่เล่มนี้ก็หาย้ากยาก เรากลัวว่าเพื่อนๆ จะโกรธน่ะที่หาไม่ได้” แอลกัดริมฝีปากนิดๆ


“อย่ากัดปาก” ผมยกมือขึ้นแตะปากแอล คนตัวเล็กสะดุ้งก่อนแก้มใสจะขึ้นสีอย่างน่ารัก “ข..ขอโทษ เราแค่ไม่อยากให้ปากแอลเป็นแผล”


พูดบ้าอะไรวะไอ้พู ปากเขาเกี่ยวอะไรกับมึง


ก็เดี๋ยวตอนจูบไม่ฟินไงวะ เราต้องดูแลปากว่าทีแฟนให้ดีสิ



ผมไล่ความคิดบ้าบอแล้วบอกลา แต่ก่อนจะไปแอลก็พูดขึ้น


“พู...” ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “เอ่อ ไม่มีอะไร” แอลส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปหาเพื่อนที่โต๊ะ ส่วนผมก็เดินเริงร่ากลับไปหาเพื่อนซี้ที่นั่งหน้าซีดอยู่ที่โต๊ะ เป็นอะไรวะ


ทันทีที่เห็นผม แบงค์ก็ถลาเข้ามากอดแขนผมแน่น “เชี่ยถั่ว มาก็ดีแล้ว มึงไม่อยู่กูเกือบถูกฆ่าแล้วรู้ไหม”


“ทำไมวะ”


“พี่เจตมาตามหามึง บอกว่าต้องการหนังสือคืน มึงรีบไปเอาคืนจากแอลดีกว่า กูกลัวมึงโดนกระทืบไส้ไหล”


“เรื่องอะไรล่ะ กูไม่ขอคืนจากแอลหรอก เสียมารยาท เดี๋ยวกูเคลียร์กับพี่เจตเองไม่ต้องห่วงนะมึง” ผมพูดเหมือนไม่ใส่ใจแต่ข้างในนี่สั่นพับๆ เลยครับ แต่จะให้รักตัวกลัวตายยอมเสียรักไปก็ใช่เรื่อง ผมจะสู้กับพี่เจตเพื่อแอลเอง


กินข้าวเสร็จไม่นานผมก็ได้รับข้อความจากพี่เจต


Jet Jetrin กินข้าวเสร็จมาหาพี่ที่หลังโรงเรียน


ผมอ่านข้อความแล้วถอยหายใจอย่างกังวล


กูจะถูกซ้อมไหมเนี่ย
.
.
.
ผมแยกทางกับแบงค์แล้วเดินไปยังหลังโรงเรียนถิ่นที่อยู่ของสมรเพื่อนรัก ขณะที่เดินเข้าไปก็เห็นไอ้พี่เจตลูบหัวสมรที่หลับตาพริ้มเอนหัวซุกมือพี่เจต


พี่เตาะเพื่อนผมเหรอ!


ผมวิ่งเข้าไปอุ้มสมรที่น้ำหนักไม่น้อยออกมาจากพี่เจต แต่เพราะหนักเกินไปจึงล้มหงายหลังลงพื้น ผมหลับตาปี๋คาดไว้แล้วว่าต้องเจ็บตัวแน่นอน แต่สัมผัสที่ได้รับกลับไม่เจ็บอย่างที่คิด


“หงิงๆ” เสียงร้องครางทำให้ผมรีบกวาดตาไปทั่วตัวสมรเพื่อหาบาดแผล ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่านั่งทับใครอยู่


“อึก” ผมสะดุ้ง หันกลับไปมองพี่เจตที่ทำหน้านิ่งแฝงแววเจ็บปวด เหลือบไปเห็นเลือดสีแดงสดไหลอย่างน่ากลัว ผมรีบลุกจากตัวร่างสูงแล้วปล่อยสมรลงก่อนจะยกแขนพี่เจตขึ้นดูแผล เศษแก้วบาดลึกเข้าไปถึงเนื้อใน ผมแปลกใจที่เขาไม่ร้องสักแอะ


“พี่โอเคไหม” พี่เจตพยักหน้านิ่งๆ ผมจึงค่อยๆ พยุงเขาขึ้นแล้วรีบพาไปยังห้องพยาบาล


ระหว่างทางมีแต่เสียงฮือฮาเมื่อเห็นพี่เจตบาดเจ็บ หลายคนพยายามเข้ามาถามไถ่อาการเขาแต่พี่เจตไม่ตอบอะไร เป็นหน้าที่ผมที่ต้องคอยตอบคำถามและขอทางเพื่อพาพี่เจตไปยังห้องพยาบาล มีรุ่นพี่ผู้ชายหลายคนที่ตัวใหญ่กว่าผมอาสาจะพาพี่เจตไป แต่ผมรู้สึกผิดจึงขอทำหน้าที่นี้เองแม้จะตัวเล็กกว่าพี่เจตมากก็ตาม


“เห้ย ไปคุยกันท่าไหนพี่เจตถึงได้เลือดวะ” เพื่อนซี้ของผมวิ่งเข้ามาทันที มันบอกว่าเพิ่งเห็นภาพจากเฟซเมื่อไม่กี่นาทีก่อนจึงรีบมาหาผม


“ความผิดกูเอง” ผมพูดเสียงอ่อยไม่กล้าสบตาพี่เจต อีกฝ่ายก็นิ่งเงียบไม่หือไม่อือจนผมกลัวว่าจะสลบ แต่จังหวะเท้าที่ก้าวเดินไปด้วยกันก็ทำให้โล่งใจว่าพี่เจตยังมีสติดี


“ทำอะไรของมึง” ผมมองแบงค์ที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออก


“ก็ช่วยมึงพยุงพี่เจตไปไง ชักช้าแบบนี้เสียเลือดตายก่อนพอดี”


“แล้วถอดเสื้อทำไม”


“เดี๋ยวเสื้อเปื้อน” เอิ่ม ผมไม่ควรถามคำถามนั้นสินะ ก็รู้ๆ อยู่ว่าไอ้แบงค์หวงเสื้อยิ่งกว่าอะไร


“มึงรีบบอกไปให้อาจารย์เตรียมอุปกรณ์ทำแผลเถอะ เดี๋ยวพอกูพาพี่เจตไปถึงจะได้เริ่มรักษาเลย”


“เออๆ งั้นก็ได้” พูดจบแบงค์รีบวิ่งไปทันที


“ให้เพื่อนนายช่วยพี่ก็ได้” พี่เจตพูดเสียงแผ่ว


“ไม่ได้หรอกพี่ ผมทำให้พี่เจ็บผมก็ต้องรับผิดชอบ ขอโทษนะพี่ ถ้าไม่ใช่เพราะผมแย่งสมรมาพี่ก็ไม่ต้องเจ็บตัว” ผมก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ความคิดชั่วครู่ของผมทำให้คนอื่นต้องบาดเจ็บ ผมนี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ คราวหลังคงต้องคิดให้มาก ต้องไม่ใช้อารมณ์เหมือนวันนี้


“หึหึ ทำไมกลายเป็นรักสามเศร้าเราคนสองหมาหนึ่งตัวไปได้เนี่ย”


“ฮ่าๆ คิดได้นะพี่” ผมหัวเราะออกมา คลายความเครียดเมื่อครู่ไปสนิท


“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ คิดว่าพี่แส่เข้าไปรับเราก็ได้ อย่างน้อยพี่เจ็บเองก็ยังดีกว่าเห็นนายเจ็บ”


“ห้ะ” ผมฟังประโยคหลังไม่ทันเพราะเสียงรถเครื่องขับผ่านหลังไปพอดี “ประโยคท้ายว่าไงนะ ผมไม่ได้ยิน”


“ช่างมันเถอะ”


เมื่อเรามาถึงห้องพยาบาลผมก็ส่งพี่เจตให้ครูไปทำแผล ส่วนตัวเองก็ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยครูหยิบโน่นนี่จนกระทั่งเสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น ผมบอกให้แบงค์เอากระเป๋าผมขึ้นไปเรียนก่อนส่วนผมก็นั่งรอครูทำแผลให้พี่เจต


“นายไปเรียนเถอะ” พี่เจตพูดขึ้นเมื่อครูเริ่มพันแผล แผลพี่เจตค่อนข้างลึกแต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องไปโรงพยาบาล


“เดี๋ยวผมรอพาพี่ขึ้นห้องก่อน อะ ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย ยังไงผมก็จะพาพี่ไปส่งให้ถึงห้อง” พี่เจตที่อ้าปากจะโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ บทจะว่าง่ายก็ง่ายดีนะ นึกว่าจะต่อต้านเพราะถือว่าตัวเองเป็นพี่ซะอีก


เมื่อพันแผลเรียบร้อยครูบอกข้อควรระวังและสั่งให้พี่เจตไปล้างแผลทุกวันก่อนจะเดินออกไปจัดยาให้ สวนทางกับคนตัวเล็กที่วิ่งพรวดเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก


“เจต! เกิดอะไรขึ้น”


“ล้มนิดหน่อย ไม่เอาอย่าร้องสิแอล” คนตัวเล็กถลาไปกอดพี่เจตแน่น เนื้อตัวสั่นเทาจนน่าสงสาร


ผมทำให้คนตัวเล็กต้องเสียน้ำตา


“นายเองก็เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว มันเป็นอุบัติเหตุเข้าใจไหม” เมื่อพี่เจตพูดจบแอลก็ผละออกแล้วมองผมด้วยสายตาเย็นชา คงตัดสินไปแล้วว่าผมทำให้ญาติผู้พี่ของเขาต้องเจ็บตัว แม้จะแปลกใจกับสายตาที่ได้รับ แต่ผมก็ยอมรับผิด


ขอโทษนะแอล


“แอลมองพี่” พี่เจตยกมือข้างที่ไม่เจ็บจับหน้าแอลให้หันไปมองเขา “พูไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่ผิด นายจะคิดอย่างนี้ไม่ได้”


แอลพยักหน้านิดก่อนที่จะหันกลับมามองผมด้วยแววตาของแอลคนเดิม ไม่รู้ทำไมคำพูดธรรมดาของพี่เจตถึงมีอิทธิพลต่อแอลขนาดนั้นเพราะแอลส่งยิ้มกว้างให้ผม ต่างจากสายตาเย็นชาที่ผมได้รับเมื่อครู่อย่างกับคนละคน


“ไปเรียนได้แล้วตัวเล็ก เจอกันตอนเย็นนะ” พี่เจตลูบหัวแอล คนตัวเล็กพยักหน้า หันมายิ้มให้ผม แล้วเดินออกจากห้องพยาบาลไป


“มาช่วยพยุงสิ” พี่เจตยกแขนข้างหนึ่งขึ้นรอให้ผมเข้าไปช่วยพยุง ผมรีบรับแขนนั้นมาคล้องคอแล้วพาพี่เจตไปยังห้องเรียน


ระหว่างทางพี่เจตก็บ่นนิดหน่อยเรื่องใช้แขนขวาไม่ได้เพราะเขาต้องทำรายงานเดี่ยวส่งอาจารย์


“ให้ผมช่วยไหมพี่ ถึงผมจะไม่เก่งแต่ก็อยากช่วยนะ”


“นายจะช่วยยังไง มีหนังสือเล่มนั้นเหรอ” ผมชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่พี่เจตจะบาดเจ็บเรากำลังจะเคลียร์เรื่องหนังสือกัน


“เอ่อพี่ คือหนังสือน่ะ...” ยังไม่ทันพูดจบพี่เจตก็แย้งขึ้น


“เอาไปให้แอลแล้วสินะ ช่างเถอะ ที่พี่เรียกนายไปก็ใช่ว่าจะขอหนังสือคืน แต่พี่อยากสอนนายว่าอย่าทำลายความเชื่อใจใคร พี่ให้เรายืมก็เพราะไว้ใจว่าเราจะคืนพี่ แต่เรากลับหนีหายไปเสียอย่างนั้น พี่รู้สึกแย่มากเลยนะ” ผมก้มหน้ายอมรับผิดแต่โดยดี “อย่าทำอีกนะ ไม่ว่ากับใครก็ตาม” ผมพยักหน้ารับคำ แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า


“มันสำคัญกับพี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ”


“ก็ต้องใช้ทำรายงาน ส่งวันจันทร์ด้วย”


ผมหน้าเครียดนิดๆ ไอ้พูนะไอ้พู ไม่น่าเห็นแก่ความรักขนาดนั้นเลย


“เดี๋ยวผมไปขอคืนจากแอลก็ได้” ผมพูดเสียงอ่อย


“ไม่ต้องหรอก มันเสียมารยาทนะ”


“แล้วพี่จะทำยังไงล่ะ”


“อืมมมมม นายบอกว่ายังไงนะ จะช่วยพี่ใช่ไหม” ผมพยักหน้าอย่างว่องไว


“พี่จะให้ทำอะไรไอ้พูจะทำให้หมดครับ!” ผมประกาศลั่น


“หึหึ งั้นเสาร์-อาทิตย์มาช่วยพี่ทำรายงานด้วยนะ”


“ได้เลย”


⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀


กูไม่น่ามาเลย


ผมได้แต่คิดอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่มาถึงคาเฟ่ใกล้บ้านพี่เจต


ร้านนี้ตั้งอยู่ระหว่างบ้านผมกับบ้านพี่เจต ตอนแรกผมเข้าใจว่าพี่เจตอยู่ใกล้บ้านแอลเพราะเป็นญาติกัน แต่ความจริงแล้วอยู่คนละที่เลย นั่งรถผ่านทุกวันไม่เคยรู้ว่าไอ้บ้านหลังคาสีแดงโดดเด่นหลังนั้นเป็นบ้านของพี่เจต


แล้วตั้งแต่ที่ผมมาถึงบ้านพี่เจต ร่างสูงก็เอาแต่พูดอยู่นั่นว่าจะต้องกวาดบ้าน จะต้องซักผ้า จะต้องล้างจาน แต่ก็ทำไมได้ เดือดร้อนให้คนดีศรีสยามอย่างผมทำทุกอย่างให้จนเสร็จเรียบร้อย นั่งปาดเหงื่อตากผ้าชิ้นสุดท้ายไม่นานก็ได้กลิ่นไหม้มาจากห้องครัว


สภาพห้องครัวเละไม่มีชิ้นดีเลยครับ ผมมองคนที่สร้างปัญหาตาเขียวแล้วพาเจ้าของบ้านไปนั่งโซฟา เปิดทีวีให้เขานั่งดูไปเงียบๆ


“ขอร้องเถอะพี่ ช่วยอยู่นิ่งๆ สักครึ่งชั่วโมงได้ไหม” ห้านาทีมันน้อยไปครับถ้าต้องจัดการห้องครัวให้กลับมาเหมือนเดิม


“พี่หิวอะ” เสียงท้องร้องประกอบทำให้ผมหัวเราะนิดๆ ต่างจากอีกคนที่ทำหน้าบึ้ง


“เดี๋ยวผมทำให้กินโอเคไหม ช่วยอยู่เฉยๆ สักทีเถอะ” พี่เจตพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับไปดูเบนเท็นที่ฉายอยู่ในทีวี


ผมเลือกทำข้าวผัดให้คนตัวโตเพราะวัตถุดิบอื่นๆ ถูกทำลายล้างไปหมดแล้ว ผมอุตส่าห์มาแต่เช้าหวังว่าจะมาฝากท้องที่นี่แต่กลายเป็นว่าต้องมาทำให้เจ้าของบ้านกินเสียเอง


พอทำเสร็จผมก็ยกจานไปวางไว้หน้าทีวีก่อนจะหันหลังกลับไปจัดการห้องครัวให้กลับมาสะอาดเอี่ยมอ่องอีกครั้ง ตอนที่ผมกลับไปหาพี่เจตก็เห็นว่าข้าวยังไม่พร่องเลยสักจาน


“ทำไมไม่กินล่ะพี่ ไหนบอกหิวไง” ผมนั่งลงข้างพี่เจตแล้ววางแก้วน้ำสองใบไว้ข้างๆ กัน


“รอกินพร้อมนาย” พี่เจตสบตาผมก่อนจะละออกไปมองข้าวผัดเย็นชืดในจาน “พี่กลัวตายคนเดียว”


“กลัวตายก็ไม่ต้องกิน” ผมเอื้อมมือจะหยิบจานพี่เจตออกมาด้วยความโมโห แต่พี่เจตยึดจานไว้กับตัว


“ไม่ได้บอกว่าจะไม่กินสักหน่อย” พูดจบพี่เจตก็พยายามใช้มือซ้ายตักข้าวแต่ดูลำบากเกินไป ผมจึงแย่งช้อนจากมือพี่เจตแล้วตักข้าวจ่อปากเขา


“อะ” พี่เจตอึ้งไปนิดก่อนอ้าปากงับช้อนที่ผมยื่นให้ ผมรู้สึกร้อนหน้านิดๆ เมื่อพี่เจตไม่ละสายตาจากผม ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา เคี้ยวไปซักพักก็ทำตาโตใส่ผม


“นายแอบไปซื้อมาใช่ไหม”


ผมส่ายหัวยิ้มๆ ก้มลงตักข้าวกินเช่นกัน “อร่อยก็บอกมาเถอะพี่” มุกนี้ผมเจอมาตลอด พ่อมักจะชมว่าผมทำกับข้าวอร่อย แต่แม่บอกว่างั้นๆ เสมอ


ครับ ไม่มีใครสู้สามีคุณนายเขาได้หรอก


“อืม อร่อย อยากกินอีกจัง” คำพูดของพี่เจตทำให้ผมเกือบสำลักข้าว ดีนะที่กลืนไปแล้ว


“แม่พี่ไม่ทำให้กินหรือไง” ผมยกน้ำขึ้นดื่ม อันที่จริงตอนเข้ามาในบ้านผมก็สงสัยว่าพ่อกับแม่พี่เจตไปไหน เพราะวันนี้เป็นวันหยุด นึกว่าจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาซะอีก


“แม่เสียไปนานแล้ว ส่วนพ่อก็ทำงานที่ต่างจังหวัดน่ะ นานๆ จะกลับมาที” พี่เจตมองรูปครอบครัวที่ตั้งอยู่ข้างทีวีด้วยสายตาเลื่อนลอย


“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”


พี่เจตส่ายหน้า “ช่างเถอะ แม่พี่ไปสบายแล้ว พ่อพี่เองก็คงมีความสุขจนลืมพี่ไปแล้วล่ะมั้ง ฮะๆ” ไม่รู้ทำไมเสียงหัวเราะของพี่เจตถึงดูเศร้าขนาดนั้น ผมไม่ได้พูดอะไรอีก ตักข้าวป้อนพี่เจตสลับกับกินเอง บางครั้งก็ลืมตัวใช้ช้อนพี่เจตตักกินเองและใช้ช้อนผมตักให้พี่เจตกิน ไปๆมาๆ ผมก็ไม่รู้แล้วว่าช้อนใครเป็นช้อนใคร ก็เลยปล่อยเลยตามเลยจนกระทั่งหมดทั้งสองจาน


“อิ่มแปล้เลย ขอบใจนะ” พี่เจตลูบท้องตัวเอง


“ยินดีให้บริการครับคุณชาย” ผมเก็บจานไปล้างแล้วกลับมานั่งข้างพี่เจต


“แล้วนี่เราจะเริ่มทำงานกันเมื่อไหร่พี่ งานบ้านผมก็จัดการให้หมดแล้ว” ใช่ครับ กางเกงในพี่มันผมก็ซักให้อะคิดดู


“เริ่มเลยก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปเอาโน้ตบุ๊กกับหนังสือก่อน”


“ไปด้วยสิ พี่คงไม่คิดว่าตัวเองจะถือไหวหรอกนะ”


พี่เจตคิดอย่างชั่งใจ “อ่า นั่นสิ ตามมาๆ”


ผมเดินตามพี่เจตไปจนถึงหน้าห้องเล็กข้างห้องนอนพี่เจต ส่วนห้องนอนของเขาผมเข้าไปทำความสะอาดมาแล้ว ไม่คิดว่าคนที่ดูสะอาดอย่างนี้จะโคตรซกมกเลย ส่วนห้องเล็กพี่เจตไม่ยอมให้ผมเข้าไปทำความสะอาด เห็นบอกว่าเป็นห้องทำงานของแม่เขา


“นายรออยู่ตรงนี้ ห้ามเข้าไปเด็ดขาด”


“ทำไมล่ะพี่ หนังสือมันหนักนะ พี่ถือไหวเหรอ” พูดจบผมก็แตะลูกบิดประตูแต่พี่เจตใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บดึงแขนผมออก


“บอกว่าอย่าเข้าไปไง!” ผมสะดุ้งเฮือก พี่เจตเสยผมไปข้างหลังแล้วพูดเสียงอ่อนลง


“อยู่ตรงนี้นี่แหละ” พูดจบพี่เจตก็เดินเข้าห้องแล้วล็อกประตูทันที ทิ้งผมให้ยืนอยู่หน้าห้องด้วยความสงสัยว่าข้างในนั้นมีความลับอะไรซ่อนอยู่


ผมยืนเงี่ยหูฟังเสียงครืดคราดข้างใน ถ้าอยู่ในหนังสยองขวัญผมคาดว่าฆาตกรอย่างพี่เจตกำลังลากศพอยู่ในห้องอย่างแน่นอน แต่เพราะต่อมาประตูแง้มออกนิดๆ และพี่เจตก็ส่งหนังสือให้ผมทีละเล่มผ่านช่องเล็กๆ ก็เข้าใจว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงลากหนังสือ แต่ทำไมต้องพยายามขนาดนั้น


พี่เจตก็พยายามยืนบังแล้วส่งหนังสือโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้สำรวจข้างในเลย พอครบพี่เจตก็ไล่ให้ผมเอาหนังสือไปไว้ที่โต๊ะ เดี๋ยวเขาจะหยิบโน้ตบุ๊กตามออกมา


ประตูปิดลงอีกครั้งยิ่งทวีความอยากรู้มากขึ้น แต่จะให้ล้วงความลับวันนี้คงไม่ได้ ไว้รอมาบ้านพี่เจตอีกครั้งค่อยแอบเข้าไปดีกว่า ยังไงผมก็รู้ว่ากุญแจห้องซ่อนอยู่บนตู้เย็น


เดี๋ยวนะ จะมาบ้านพี่เจตอีกทำไมวะเนี่ย บ้านแอลสิที่ต้องไปบ่อยๆ


⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀


ณ ค่าเฟ่แถวบ้านพี่เจต


ตัดกลับมาปัจจุบันที่ผมคนนี้กำลังนั่งพิมพ์เนื้อหาตามที่พี่เจตพูดและเขียนไว้บนกระดาษอย่างเบื่อหน่าย ผ่านไปประมาณสองชั่วโมงผมก็ขอพักครึ่ง


“โหพี่ ม.6 เขาต้องทำรายงานกันแบบนี้เลยเหรอ” พี่เจตพยักหน้า


“ก็ทำทุกปีไม่ใช่หรือไง จะบ่นอะไรอีก”


“ก็หาจากเว็บไงพี่ ก็อปวางเอา อีกอย่างไม่ได้ทำคนเดียวด้วยทำเป็นกลุ่ม”


“แล้วนายเข้าใจเนื้อหาที่ทำหรือเปล่า หรือแค่ส่งๆ ไปเพื่อให้มีคะแนน” พี่เจตทำหน้าดุ


“ก็เข้าใจนะพี่ เขาสรุปมาให้แล้ว เร็วดีด้วย” ผมตอบยิ้มๆ หยิบแก้วกาแฟมาดูดเพื่อเติมพลัง คาเฟ่นี้ดีครับ เย็นสบายเพราะเปิดแอร์ตลอด ผมมองแดดนอกร้านแล้วส่ายหน้า ไว้ค่ำๆ โน่นแหละผมถึงจะกลับบ้าน


สรุปเสร็จผมก็ตักเค้กมะพร้าวอ่อนกิน พี่เจตออกค่าน้ำค่าขนมทั้งหมดครับ รู้อย่างนี้ทำให้พี่มันเจ็บตัวบ่อยๆ ก็ดีมีคนเลี้ยงด้วย


เดี๋ยวนะ หรือว่าไม่ดีวะ


“มันจะติดเป็นนิสัยนะ นายต้องทำความเข้าใจด้วยตัวเองสิ อย่าไปลอกจากเน็ตมามาก พี่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้ใช้เลย แต่อยากให้นายดูด้วยว่าข้อมูลที่นายก็อปมาน่ะถูกหรือเปล่า อย่าสักแต่ทำงานชุ่ยๆ สิ”


“ครับๆ” ผมตอบรับส่งๆ แล้วตักเค้กกินอีก


ผมไม่ใช่พ่อหนุ่มเลิศเลอแบบพี่นี่หว่า เนื้อหายาวเหยียดขนาดนั้นจะให้มานั่งอ่านเพื่อย่อยทำรายงานแล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ แค่อ่านก็หมดเวลาแล้ว


“นายเนี่ยน้า” พี่เจตส่ายหน้า ทำไมครับ ผมทำไม นั่งทำหน้างงไม่นานพี่เจตก็ใช้ปลายนิ้วปาดคราบครีมออกจากมุมปากของผมอย่างแผ่วเบา “กินเลอะเป็นเด็กๆ”


“บอกก็ได้มั้ง มือเลอะหมด” ผมมองหาทิชชู่โต๊ะอื่นเพราะโต๊ะผมไม่มี สบตาเข้ากับเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ยิ้มให้ บนโต๊ะพวกเธอมีกล่องทิชชู่อยู่ผมจึงเดินเข้าไปขอมาสองสามแผ่น


“ขอบคุณครับ”


“พี่เป็นอะไรกับพี่คนนั้นเหรอคะ” เด็กสาวผมเปียถามผมด้วยดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าใสดูแล้วคงอยู่ม.ต้น


“รุ่นพี่รุ่นน้องครับ” ผมเดินกลับมาที่โต๊ะแต่ไม่วายได้ยินเสียงแว่วมา


“อร้ายยยย รุ่นพี่รุ่นน้องว่ะพวกมึง”


“พล็อตใหม่ๆ รีบแต่งเลยอีแจงกูรออยู่”


“ได้ค่ะเพื่อนๆ”


“มีอะไร” ผมส่ายหน้าแล้วดึงมือพี่เจตมาเช็ดครีม แต่ไม่เหลือคราบอะไรให้ผมเช็ดเลย


“ซกมกก็ควรมีขอบเขตนะพี่ เอามือเปื้อนไปเช็ดเสื้อผ้าได้ยังไง” ดูท่าแล้วคงไม่พ้นเช็ดเสื้อตัวเองอย่างแน่นอน


“เออน่า”


“แล้วนี่แอบกินเค้กผมเหรอ” ผมมองปากพี่เจตที่มีคราบครีมนิดๆ ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็นหรอก แต่น่าสงสัยตรงที่เค้กในจานไม่พร่องนี่สิ หรือแอบกินครีมข้างจานวะ


“เอ่อ...เออ นายอยากกินเพิ่มก็ไปสั่งไป”


“จริงนะพี่” ผมตาวาว พอเห็นพี่เจตพยักหน้าผมก็เดินเริงร่าไปเลือกเค้กชิ้นที่สองทันที ตอนแรกก็เกรงใจครับ แต่ไหนๆ พี่เจตก็แอบกินครีมเค้กผมไปแล้ว สั่งเพิ่มอีกชิ้นก็เป็นเรื่องสมควรใช่ไหมล่ะ อิอิ







Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
น้องพูจ๋า มั่นใจเหรอคะว่าพี่เขากินครีมบนจานหนูน่ะ  :hao3:

ชอบตอนนี้กันไหมอ่า เม้นบอกด้วยน้าาาาาา  
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 5 [17-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 17-03-2017 22:59:41
ชัดเจนว่าพี่เจตกินครีมที่เลอะจากปากพู กรี๊ดดดดด ชอบน้องใช่ไหมคะ ฮันแน่  :hao6: แล้วที่ห้องข้างห้องนอนนี่มีความลับอะไรคะ ไม่ใช่ว่าแปะรูปน้องพูไว้เต็มห้องนะ  :hao7:
มีเรื่องสงสัยอีกเรื่อง เป็นไปได้ไหมว่าแอลชอบเจต แต่เจตชอบพู สังเกตจากเจตบอกให้แอลไม่โกรธพู แอลก็ทำตาม เดี๋ยวนะแล้วที่พูท้องเสียไม่ใช่ว่าแอลจงใจนะ นี่เราคิดมากไปไหม  :serius2:
มาต่อเร็วๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 5 [17-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 17-03-2017 23:16:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 5 [17-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 18-03-2017 09:52:25
พี่เจตเนี่ยคงจะรักและหลงน้องพูแน่ๆ

แต่เผอิญน้องพูซื่อบื้อ  เพราะตอนนี้พูอะไรก็แอล

แต่ดูเหมือนพูจะตามเจตไม่ทันอ่ะน่ะ เพราะเห็นแก่กิน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 5 [17-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 18-03-2017 11:39:05
  ไปๆมาสองคนนี้ได้กันเองคงไม่ใช่แอลล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 5 [17-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 18-03-2017 16:08:38
แอลชอบเจตแน่นอนนนนน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 6 [21-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 21-03-2017 00:17:21
บทที่ 6
เหตุเกิดเพราะ...ที่นั่ง



วันนี้ผมมาเดทครับ


“พูๆ ทางนี้” แอลโบกมือเรียกผมอยู่หน้าโรงหนังด้วยรอยยิ้มเช่นเคย คนตัวเล็กใส่เอี้ยมยีนส์สวมทับเสือยืดสีขาวลายลูกหมูสีชมพูน่ารัก


อยากได้แอลกลับบ้านต้องทำยังไงอะ งื้อ


“ช้า” พี่เจตเดินออกมาจากข้างเสาแล้วมองผมอย่างไม่สบอารมณ์


เออ ผมก็ไม่สบอารมณ์เหมือนกันนั่นแหละ แอลอุตส่าห์ชวนผมมาเที่ยวทั้งทีไม่รู้จะตามมาด้วยทำไม








เมื่อวาน


หลังจากช่วยพี่เจตทำรายงานจนเสร็จเรียบร้อยผมก็พารุ่นพี่สุดหล่อไปล้างแผลที่คลินิกแถวนั้น ระหว่างรออยู่ข้างนอกแอลก็โทรมาหาผมแล้วชวนไปดูหนังพรุ่งนี้ด้วยกัน คุยงุ้งงิ้งกันได้แป๊บเดียวพี่เจตที่เดินออกจากห้องมาก็พูดแทรก พอคนปลายสายรู้ว่าผมอยู่กับญาติผู้พี่ของเขาก็รีบขอสายทันทีเพราะติดต่อพี่เจตไม่ได้ทั้งวัน


“มือถืออยู่บ้าน” ร่างสูงตอบแอล


ใช่ครับ ชาร์จโทรศัพท์ไว้ที่บ้านตั้งแต่เช้า ผมก็อุตส่าห์เตือนให้หยิบตั้งหลายครั้งแต่พี่เจตก็ลืม ไม่รู้ป่านนี้แบตเสื่อมไปหรือยัง


คุยกับแอลสักพักพี่เจตก็รู้นัดหมายของเรา เขาขอไปด้วยหน้าตาเฉยไม่สนใจผมที่ฮึดฮัดฟึดฟัดเลยสักนิด


คนเขาจะไปเดทเข้าใจหรือเปล่าเนี่ย








“ดูเรื่องอะไรดีพู เจต” แอลมองผมสลับกับร่างสูงเพื่อขอความเห็น


“ตามใจแอล/แล้วแต่แอล” เราสองคนพูดพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แอลหัวเราะคิกคักก่อนจะยกมือทำท่าโอเค


“ไว้ใจแอลได้เลย” รอยยิ้มของแอลดูแปลกๆ จนผมอดกังวลไม่ได้ แต่พอจะเดินตามร่างเล็กไปก็ถูกฉุดไปทางเคาน์เตอร์ขายป็อบคอน


“ซื้อเตรียมไว้เลย เดี๋ยวแอลมาจะได้เข้าโรง” พี่เจตสั่งป็อบคอนหนึ่งถังกับน้ำสองแก้ว


“รีบซื้อทำไมล่ะพี่” ผมทำหน้าฉงน ปกติต้องดูตั๋วว่าจะได้รอบกี่โมงก่อนแล้วค่อยซื้อของกินไม่ใช่รึไง


พี่เจตเหลือบมองผมแล้วยิ้มมุมปาก “เชื่อพี่สิ” อะไรทำให้พี่มั่นใจขนาดนั้นครับ


“มาแล้ว” แอลยิ้มร่ามาพร้อมตั๋วหนังสามใบ ผมไม่ได้ดูหรอกว่าเรื่องอะไรเพราะพี่เจตส่งสายตาให้ผมรับน้ำสองแก้วไปถือ ส่วนแอลก็รับป็อบคอนจากพนักงานพอดี


“ไปกันเลยไหม” พี่เจตถามพลางลูบหัวคนตัวเล็ก แอลพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเดินเข้าโรงหนังไป ทิ้งให้เราสองคนมองตามคนตัวเล็กที่ดูร่าเริงกว่าปกติ ผู้ชายหลายคนเหลียวหลังมองแอลแล้วยิ้มเอ็นดู


แต่ชายคนหนึ่งยืนหลบมุมจ้องคนตัวเล็กตาไม่กระพริบดูไม่น่าไว้ใจอย่างไรบอกไม่ถูก ยังไม่ทันได้คิดมากไปกว่านั้นพี่เจตก็ยกแขนขึ้นคล้องคอผม


“ปะ เข้าโรงกัน”


“ทำอะไรของพี่เนี่ย” ผมบ่นอย่างหัวเสีย จะเอาออกก็ไม่ได้เพราะถือแก้วน้ำไว้ทั้งสองมือ ได้แต่เดินไปตามแรงของร่างสูง


แอลเดินนำเข้าไปนั่งด้านในสุดแล้วกวักมือเรียกเราทั้งคู่ ผมรีบสะบัดตัวออกจากพี่เจตแล้วเดินไปนั่งข้างแอลทันที


ไม่นกนะครับหึหึ


แต่พอได้อยู่ใกล้กัน รับรู้ถึงไออุ่นจากคนข้างตัว หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นจนกลัวว่าคนข้างๆ จะได้ยิน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่ผมได้อยู่ใกล้แอลมากขนาดนี้


“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมไอจากคนข้างตัวขัดขึ้นอย่างไร้มารยาท แต่สำหรับคนตัวเล็กคงไม่ใช่


“เจตไม่สบายเหรอ” แอลยืดตัวถามพี่เจต ผมกลั้นหายใจเมื่อแก้มใสเฉียดจมูกผมไปนิดเดียว


“พี่ว่าพูจะตายก่อนนะ กลั้นหายใจอยู่นั่น” แอลเหลือบมองผมก่อนจะเบิกตากว้างรีบกลับไปนั่งนิ่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ


“ขะ...ขอโทษนะ”


“ฮื่อ ไม่เป็นไร” ผมส่ายหัวอย่างไม่คิดอะไรทั้งที่ใจเต้นแรงมาก ยอมรับเลยว่าถ้าพี่เจตไม่ขัดขึ้นผมอาจจะตายจริงๆ ก็ได้


“ดะ...เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เมื่อหน้าจอเริ่มฉายโฆษณาคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นรีบเดินออกไปทันที ทิ้งให้ผมมองตามไปด้วยความเอ็นดู


ไว้เป็นแฟนเมื่อไหร่จะฟัดแก้มให้ช้ำเลย


“ไม่ตามไปเหรอ” เสียงทุ้มถามขึ้นโดยไม่มองหน้าผม “เผื่อมีใครเล็งแอลไว้แล้วใช้จังหวะนี้เข้าหาแอล” ผมคิดตามคำพูดพี่เจต ก่อนภาพชายคนนั้นจะแวบเข้ามาในหัว


“เดี๋ยวมานะพี่” ผมรีบลุกตามคนตัวเล็กไป  บางทีใครคนนั้นอาจใช้จังหวะนี้เข้าหาแอลก็ได้


“อ้าวพู” แอลที่ล้างมืออยู่หันมาหาผมที่กวาดตาไปทั่วห้องน้ำ เมื่อเห็นว่านอกจากแอลแล้วไม่มีใครก็โล่งใจ “มีอะไรหรือเปล่า” ผมส่ายหน้าแล้วชวนคนตัวเล็กกลับเข้าไปข้างใน


“เจต ทำไมมานั่งนี่อะ” ผมมองพี่เจตที่สวมรอยนั่งที่ผมอย่างเนียนๆ


โถ ไอ้เราก็ก็คิดว่าพี่มันเปิดโอกาสให้โชว์แมน ที่แท้จงใจขัดขวางแผนเดทชัดๆ เลย


“พี่อยากนั่งข้างแอลนี่” คนตัวเล็กที่นั่งลงยิ้มๆ ไม่ถามอะไรต่อ เป็นอันเข้าใจว่าที่นั่งที่เหลืออยู่อย่างไรก็ต้องเป็นของผม


ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจแต่ก็ยอมนั่งลงอย่างไม่มีทางเลือก


หนังเริ่มฉายไปได้สักพักผมก็เริ่มอยู่ไม่สุข มือชื้นเหงื่อและหัวใจเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ


คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดใช่ไหม


ผ่าง!


ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อชื่อหนังโผล่ขึ้นบนหน้าจอ


ผี-ตาม-ผัว


ฉิบหายหนังผี


ผมชะโงกหน้าไปมองแอล คิดว่าคนตัวเล็กคงเป็นเหมือนกัน แต่เปล่าเลย ดวงตาแอลเปล่งประกายเหมือนเจอเรื่องสนุกอย่างไรอย่างนั้น


“แอลชอบหนังผี เผื่อนายอยากรู้” คำพูดนิ่งๆ จากคนข้างๆ ยืนยันได้อย่างดีว่าผมคิดผิดที่ให้แอลเลือกหนัง


ฮือ แอลทำร้ายเราทำมายยยยย


“แขนพี่ยังว่าง ถ้ากลัวก็ซุกได้นะ” พี่เจตพูดยิ้มๆ ยิ้มเยาะละสิไม่ว่า เรื่องอะไรจะให้พี่มันรู้ล่ะว่าผมกลัวผี


“เหอะ ไม่ทาง” ผมกอดอกเชิดหน้ามองหน้าจอ


หนังดำเนินไปเรื่อยๆ เรื่องราวของสามีที่รักภรรยามากจนยอมลาออกจากงานมาดูแลเธอที่ป่วยด้วยโรคร้าย ก็ดูเป็นครอบครัวที่รักกันมากจริงๆ ครับ แต่พอเมียตายได้สามวันสามีก็ออกเที่ยวลั้นลาไปกับหญิงสาวคราวลูก ทั้งสองพากันมาที่โรงแรมแห่งหนึ่งนัวเนียกันอยู่บนทางเดิน ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะกรีดร้องแล้วถูกกระชากออกไปพร้อมกับหน้าจอที่ดับวูบ


ผมเผลอจิกเบาะด้วยความกลัว ลางสังหรณ์บอกว่าผีจะโผล่มา


ผ่าง


เฮือก!


ผมไม่สนแล้วครับว่าคนข้างตัวเป็นใคร รีบหลับตาปี๋ซุกแขนเขาทันที ขอไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวก่อนก็แล้วกัน ความบาดหมางใดๆ ไว้ค่อยสะสางหลังออกจากโรง


“หึหึ” พี่เจตหัวเราะในลำคอ แต่ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาต่อล้อต่อเถียง เสียงหวีดร้องและเสียงครืดคราดจากหน้าจอยังคงดังอยู่เป็นระยะ


“กลับไปกับกู!”


เฮือก!


“กลับเชี่ยอะไรล่ะ ฮือ” ผมปล่อยน้ำตาออกมาอย่างสิ้นอาย บีบแขนแกร่งแน่นพลางเบียดหน้าเข้าไปมากกว่าเดิมด้วยความกลัว


“เฮ้ ร้องไห้เลยเหรอ” พี่เจตพยายามจะเอาแขนออกแต่ผมยึดไว้


ไม่เอานะ อย่าเอาแขนออกไป


“ออกจากโรงไหม” เสียงกระซิบข้างหูเหมือนเสียงสวรรค์ ผมรีบพยักหน้ารับ แต่แล้วก็ส่ายหน้าเมื่อฉุกคิดได้ว่าออกไปยังไงก็เห็นจอ สู้อยู่ในนี้จนจบเรื่องแต่ไม่เห็นอะไรยังดีซะกว่า


“เดี๋ยวพี่พาออกไปเอง รับรองนายไม่ทันได้เห็นอะไรหรอก” ผมเผลอเงยหน้ามองรอยยิ้มละไมที่ส่งมาให้ แล้วลุกตามโดยไม่ละสายตาจากพี่เจต ตอนนี้มองหน้าศัตรูยังไงก็ดีกว่าผีในจอ


กรี๊ดดดดดดดดดดดด


ผมซุกอกพี่เจตอย่างลืมตัว แข้งขาอ่อนเปลี้ยไปเสียอย่างนั้น ปล่อยให้ร่างสูงค่อยๆ พาออกมาจนถึงหน้าประตู พอออกมาได้ผมก็ทรุดตัวลงนั่งพื้นอย่างหมดสภาพ




กูรอดแล้ว



“อุ๊บ ฮ่าๆ” ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนหัวเราะจนตัวงอ


“สะใจมากไหมพี่” ผมมองพี่เจตตาขวางแล้วพยุงตัวเองขึ้นยืน ขาผมยังสั่นอยู่เลย


“ไม่คิดว่านายจะกลัวถึงขั้นนี้ เด็กน้อยเอ้ย” พี่เจตโยกหัวผมก่อนจะยกแขนขึ้นคลองคอ “ปะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงขนมปลอบใจ ดีไหม” เหอะ คิดเหรอว่าขนมชิ้นเดี๋ยวจะทำให้ผมหายกลัวได้


“ขอบุฟเฟ่เค้ก” ผมตอบอ้อมแอ้ม


“หึหึ” พี่เจตไม่ตอบอะไรนอกจากพาผมลงลิฟต์มาชั้นล่างที่มีร้านเค้กแสนอร่อย ระหว่างนั้นผมรู้สึกเหมือนลืมบางอย่างที่สำคัญแต่คิดไม่ออกว่าคืออะไร


“พี่เจต เราลืมอะไรหรือเปล่า”


“ไม่มีนี่” คนตัวโตส่ายหัวแล้วเดินเข้าร้านเค้ก


“เหรอ”


ลืมอะไรวะ





Tbc.





⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
สรุปใครมาเดทกับใครคะเนี่ย 555  :o8:
ปล.แอลไม่ใช่ตัวร้ายน้า แต่น้องมีบางอย่างที่ยังไม่ได้เฉลยหุหุ  :hao3:
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ    :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 6 [21-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 21-03-2017 00:52:42
  อ่านตอนดูหนังผีล่ะ พูเป็นเมียพี่เจตอะดีล่ะ อย่าเป็นผัวแอลเลย 555 แอลเขามีคู่ของเขาแล้วแน่ๆ
  รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 6 [21-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 21-03-2017 09:34:32
พูน่าจะชอบมองความน่ารักสดใสแอล คงไม่ได้รักหรอก
ส่วนเจตคิดว่ารักน้องพูอยู่แล้ว  โดยอาศัยเรื่องที่พูชอบแอล
เพื่อเข้ามาใกล้ชิดกับน้องพูอีกทางหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 6 [21-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 21-03-2017 11:10:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 6 [21-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 21-03-2017 15:20:38
ลืมแอลไงล่ะ โถ่ อีกคนก็พี่ อีกคนก็ชอบเค้า แต่หนีไปสวีทกันซะงั้น
ตอนแรกนึกว่าแอลจะมาร้ายซะแล้ว เราคิดมากไปเอง เย้
ยังยืนยันคำเดิมว่าพี่เจตนี่เนียนแน่ๆ แอบชอบน้องแน่ๆ เอาใจช่วยให้น้องรู้ตัวเร็วๆนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 6 [21-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 21-03-2017 19:54:21
เอิ่ม....ลืมแอลไง อนาคตแฟนพูไม่ใช่หรอ
เราว่าตอนนี้ไม่น่าใช่แล้วแหละ 555555
พูน่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 6 [21-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-03-2017 22:29:56
ลืมแอลไง o16
พี่เจตนี่ก็เนียนจังเลยนะ 55555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 7 [23-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 23-03-2017 17:02:18
บทที่ 7
เหตุเกิดเพราะ...อดีต



[แอล]


ทั้งคู่ลืมผม


แต่เอาเถอะ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้วเพราะดูหนังสนุกกว่าดูฉากสวีทของสองคนนั้น และผมคาดว่าพี่ชายตัวดีคงเนียนจีบพูไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าตัวจะรู้นั่นแหละ


ผมเคยถามเจตว่าชอบพูเหรอ เขาก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แค่จะช่วยกันท่าให้ผม แต่ทำไมดูสนิทกันมากขึ้นทุกวันก็ไม่รู้นะครับ


ผมรู้ดีว่าพูชอบผม แต่เพราะไม่อยากทำลายมิตรภาพจึงยังไม่กล้าปฏิเสธไปตรงๆ ปล่อยให้เจตลองใกล้ชิดเพื่อนใหม่ดูเผื่อพูจะเปลี่ยนใจจากผมไปชอบพี่ชายของผมบ้าง


พูก็น่ารักดี แต่ยังไม่ใช่สำหรับผม อีกอย่างไปแย่งของๆ พี่ดีไม่ดีจะถูกฆ่าซะก่อน ดูก็รู้ว่าหวง ตอนผมเจอพูครั้งแรกยังกล้าประกาศใส่ผมเลยว่าคนนี้ห้ามยุ่ง


หวงตั้งแต่ยังไม่เป็นอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำนะพี่ชายของผมเนี่ย


“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูมีความสุขนี่” เสียงคุ้นหูที่ผมไม่อยากได้ยินดังขึ้นก่อนเจ้าของเสียงจะปรากฏตัว “ยังชอบหนังผีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” สายตาคมกริบสบตาผม ผมเบิกตากว้างก่อนจะรีบถอยหลังหนีผู้ชายตัวใหญ่


‘พี่ตั้น’


หัวใจของผมเต้นรัวอย่างตื่นตระหนก เมื่อคนในอดีตกลับมาอีกครั้ง ความทรงจำอันเจ็บปวดก็หวนกลับมาทำร้ายผมทีละน้อย


ผมในวัยสิบห้าเข้ามาเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง ผมต้องจากญาติผู้พี่แสนรักเพราะเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก และการได้มาอยู่ที่นี่คือความยินยอมของทั้งตัวผมและเจต เราจำเป็นต้องห่างกันเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น


ผมได้พบเพื่อนใหม่ ทุกคนเข้ามาทำความรู้จักผมไม่ขาดสาย โลกของผมกว้างขึ้นเมื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของเจต ผมคิดว่านั่นคืออิสระ แต่สุดท้ายผมก็ถูกจับกักขังในกรงแทน


กรงที่ทั้งสกปรกและโสโครก


พี่ต้นคือผู้ชายคนแรกที่ผมแอบชอบ ผมเจอเขาที่สวนหย่อมของโรงเรียน กายสูงโปร่งและใบหน้าแย้มยิ้มอยู่เสมอประทับอยู่ในความทรงจำของผม รอยยิ้มอบอุ่นที่มอบให้กันทุกครั้งทำให้ผมตกหลุมรักเข้าเต็มเปา เขาชวนไปไหนผมก็ไป เขาต้องการอะไรผมก็หามาให้เสมอ บางทีแม้เขาไม่ได้พูดกับผมว่าอยากได้ ผมก็ทำตัวเป็นสตอกเกอร์แอบเอาไปให้ทุกครั้ง


นั่นเป็นความสุขเล็กๆ ของผมที่ได้ทำเพื่อคนที่ชอบ


แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เรียกผมไปยังหลังโรงเรียน ที่ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของเหล่าอันธพาลที่ชอบยกพวกตีกับโรงเรียนอื่น


เมื่อไปถึง ผมไม่เห็นแม้แต่วี่แววของพี่ต้นเลย เหลือเพียงพี่ตั้นฝาแฝดของเขาที่มีใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว พี่ตั้นบอกความจริงให้ผมฟังว่าพี่ต้นขอให้เขาจัดการผม เพราะรำคาญที่ผมคอยตามเป็นลูกหมาโง่ๆ เขาจะจีบผู้หญิงก็ไม่ได้ จะไล่ก็ไม่ได้เพราะเสียภาพลักษณ์ที่สร้างมา


ผมสัญญากับพวกเขาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่ต้นอีกแล้ว ถ้าเขารำคาญ ผมก็จะถอยไปเอง แต่พี่ตั้นไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น เขาไม่เชื่อว่าผมจะยอมถอยไปง่ายๆ และให้บทเรียนที่ผมต้องจำไปจนตาย ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสองแฝดอีกเลย


แต่พี่ตั้นไม่ยอมจบง่ายๆ เขาใช้คลิปที่แอบถ่ายผมไว้เพื่อขู่ให้ผมทำตามคำสั่งเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะส่งคลิปให้พ่อกับแม่ของผม ผมกลัวเรื่องจะรู้ถึงหูพ่อกับแม่ที่ผมรักจึงยอมทำตามทุกอย่าง


ยอมอมไอ้ของน่ารังเกียจนั่นเมื่อเขาอยาก


ยอมเป็นกระสอบทรายโง่ๆ ให้ซ้อมเมื่อเขาหงุดหงิด


ผมใช้ชีวิตอย่างนั้นเป็นปีๆ จนกระทั่งวันที่เจตแอบมาเซอร์ไพร์ซผม อุตส่าห์ซื้อของชอบมาให้ผมกิน แต่วันนั้นผมช้ำในจนไม่อาจบิดบังใครๆ ได้ว่าผมปกติดี รอยยิ้มของผมปิดเจตไม่ได้อีกแล้ว


พอเจตเห็นหน้าท้องบวมช้ำของผมก็ซักถามเรื่องราวทั้งหมดก่อนพุ่งตรงไปหาตัวต้นเหตุทันที ผมกลัวว่าเจตจะถูกทำร้ายจึงฝืนตัวเองตามเจตไป


หลังโรงเรียนยังคงเป็นแหล่งมั่วสุมชั้นดี เจตเข้าไปชกหน้าพี่ตั้นอย่างกับรู้ว่าใครที่ทำร้ายผม พี่ตั้นเองก็ไม่ยอมถูกชกง่ายๆ จึงสวนกลับไปอย่างไม่แพ้กัน


ผมพยายามข่มอารมณ์ แต่เมื่อเจตได้เลือด ผมก็ไม่รู้ตัวแล้วว่าทำอะไรลงไป


รู้ตัวอีกทีท่อนไม้ในมือก็ชุ่มด้วยเลือด เนื้อตัวพี่ตั้นเต็มไปด้วยรอยแผลสลบอยู่ข้างๆ เจต


ผมถลาเข้าไปหาเจตแล้วเขย่าตัวเขาอย่างแรง เจตลืมตามองผมก่อนจะเสมองคนข้างๆ ที่ค่อนข้างอาการสาหัส


“แอล มองพี่” ฝ่ามืออุ่นแตะแก้มผมให้หันไปมองเขา “พี่ไม่เป็นไรแล้ว วางไม้ลงนะ”


ผมทำตามที่เจตบอก ทิ้งไม้ชุ่มเลือดนั้นไปแล้วเดินตามเจตไปนั่งห่างจากพี่ตั้นที่ผมไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า


เจตเดินกลับไปอังจมูกคนที่สลบอยู่ก่อนจะกดโทรศัพท์หาใครบางคน ไม่นานรถโรงพยาบาลก็มา พาทั้งผม เจต และพี่ตั้นไปยังโรงพยาบาลด้วยกัน ตำรวจเข้ามาซักถามแต่ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะจำอะไรไม่ได้ 


“ผมไม่ยอมให้น้องอยู่ที่นั่นแน่ โรงเรียนบ้าอะไร เด็กโดนทำร้ายยังไม่จัดการอีก” เสียงเจตแว่วมาจากหน้าห้อง


“เจต น้าเข้าใจนะว่าหนูห่วงน้อง แต่แอลจะเป็นเหมือนเดิมถ้าไปอยู่กับหนู”


“ผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  ขอร้องเถอะครับน้า อยู่โรงเรียนเดียวกับผม อย่างน้อยผมก็ช่วยน้องได้”


“เราห้ามบาดเจ็บให้น้องเห็นนะ”


“สัญญาครับ”


คำพูดของเจตผมยังจำได้ดี เขาขอร้องแม่ผมให้ย้ายผมมาเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา ผมดีใจที่จะได้กลับไปอยู่กับเจตอีกครั้ง แต่ก็เสียดายที่ต้องจากเพื่อนของผมไป เพื่อนที่ให้กำลังใจผมทุกครั้งที่ถูกทำร้าย และบางครั้งก็ยอมถูกทำร้ายไปด้วยกัน


ผมขอกลับไปลาเพื่อน แต่เมื่อไปถึงโรงเรียน ผมกลับได้รับสายตาหวาดกลัวรอบสารทิศ เพื่อนสนิทของผมตีตัวออกห่าง ซ้ำร้ายยังกล่าวหาว่าผมเป็นฆาตกร ทั้งที่หลักฐานก็ปรากฏว่าผมคือเหยื่อที่ถูกทำร้ายมาตลอดปี พวกเขาเองก็รู้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและใส่ร้ายว่าผมอ่อยฝาแฝดคู่นั้น สมควรแล้วที่ผมจะถูกสั่งสอน


ที่เลวร้ายที่สุดคือพี่ต้นที่ออกมาขอความเห็นใจจากทุกคน หน้ากากเทวดาของเขาทำให้ใครๆ เชื่อโดยง่ายว่าผมตามตื้อเขา น้องชายเขาจึงจัดการผมให้เลิกยุ่ง แต่ผมกลับพาพี่ชายมาทำร้ายน้องชายของเขาจนบาดเจ็บสาหัส


ผมกลายเป็นคนเลวในสายตาของคนทั้งโรงเรียน


เมื่อเรื่องลือไปเช่นนั้น ผมก็จำใจยอมรับคำประณาม เพราะต่อให้แก้ตัวอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ และผมพร้อมแล้วที่จะจากโรงเรียนนี้ไป จากผู้คนที่ไม่คิดจะฟังความจากผมเลย


ผมจดรายชื่อทุกคนในเฟซแล้วปิดเฟซนั้นทิ้งไป  เมื่อเปิดใหม่ก็บล็อกทุกคนไม่ให้หาผมเจอ


ผมอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ต้องพบกับคนใจร้ายพวกนั้นอีกแล้ว


อยากให้ทั้งหมดเป็นเพียงความทรงจำเลวร้ายในวันวาน


“ทำกูแสบมากนะ” เขาบีบกรามผมจนเจ็บไปหมด ดันผมหลบมุมแล้วก้มลงมาในระยะประชิด กลิ่นบุหรี่คละคลุ้งไปทั่วทำให้ผมจามอย่างหนัก แม้เขาจะรู้ว่าผมเกลียดอะไรเขาก็ยังทำอยู่ดี ผมตวัดสายตามองเขาที่ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา


“กูหามึงเจอแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจของมึงไว้ให้ดี” ลิ้นโสโครกแลบเลียแก้มผมก่อนจะส่งยิ้มร้ายให้ “กูไม่ปล่อยมึงไปแน่”


“แอล!” เสียงพูดึงความสนใจของพี่ตั้นไปจากผม เขาหันไปมองพูด้วยสายตาโลมเลีย สายตาที่ทำให้ผมห่วงพูมากกว่าเดิม


“คนรอบตัวมึงเนี่ย ‘น่ากิน’ ทุกคนเลยนะว่าไหม” ร่างหนาฉีกยิ้มก่อนจะผละออกจากผมแล้วเดินไปอีกทาง


พูมองผมด้วยสายตามีคำถาม แต่เมื่อผมฉีกยิ้มสดใสให้อย่างที่เคยพูก็เกาหัวอย่างเขินๆ เดินเข้ามาหาผมยิ้มๆ


“เอ่อ ขอโทษที่เราลืมนายนะ” พูพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ต่างกับใครคนนั้น


‘ก็กูลืม หาทางกลับเองสิ...ตั้นคะ อะๆ เร็วไปแล้ว’


เฮ้อ อย่าไปนึกถึงเขาเลย ก็แค่ความเลวร้ายที่ผ่านเข้ามาครั้งหนึ่งในชีวิต


“ไม่เป็นไรหรอกพู เจตล่ะ”


“รออยู่ร้านเค้ก ปะ ไปกินกัน”


หึ คนเกลียดของหวานแบบเจตน่ะหรือจะเข้าร้านเค้ก ตอนผมชวนก็มีแต่เร่งให้ซื้อกลับไปกินที่บ้าน ไม่เคยมีมานั่งรอกินหรอก คงเพราะคนที่เดินอยู่ข้างๆ มากกว่าที่ทำให้พี่ชายผมเป็นถึงขั้นนี้ได้


“อะ ระวัง” พูดึงผมหลับรถเข็นที่พุ่งเข้ามา “เป็นอะไรไหม” เขาถามผมด้วยความเป็นห่วง สำรวจไปทั่วตัวผมเพื่อหาบาดแผล ผมเห็นแววตาจริงใจที่ไม่เคยได้รับจากใครนอกจากคนในครอบครัว หัวใจก็สั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


ถ้าเจตยังบอกว่าไม่คิดอะไรอีก น้องจะแย่งคนนี้ไปแล้วนะ


[จบพาร์ทแอล]
.
.
.
“อันนี้อร่อยนะแอล” ผมชี้เค้กส้มและเค้กสตอเบอร์รี่ที่กินไปก่อนหน้านี้ให้คนตัวเล็กลองชิม แอลหยิบใส่ถาดแล้วหันมามองผมยิ้มๆ ให้ผมเขินเล่นอยู่เนืองๆ


คือเขาไม่ได้พูดอะไร แต่หยิบเค้กทุกชิ้นที่ผมชี้ หัวใจผมเต้นตามรอยยิ้มของเขาไปแล้ว


น่ารักอะ


ความฝันที่จะมางุ้งงิ้งกินเค้กด้วยกันกับแฟนเป็นจริงแล้วครับ อะ ว่าที่แฟนก่อนก็ได้ แต่ไม่นานเกินรอหรอกครับ ผมตั้งใจจะสารภาพรักกับแอลเร็วๆ นี้นี่แหละ


“กินด้วยกันน้า” แอลตักเค้กแล้วยื่นช้อนมาตรงหน้าผม แต่คนข้างๆ งับช้อนนั้นไปเต็มๆ


“อื้ม อร่อยดี” มารพี่เจตเริ่มแล้วครับ ไม่เคยอยู่นิ่งๆ สักที ตั้งแต่พาแอลเข้าร้านมาก็แย่งเค้กผมตลอด ทีก่อนหน้านี้บอกพี่ไม่กินเค้ก แล้วพี่จะเข้าร้านเค้กมาทำไมวะครับ ฮ่วย!


“เจตอะ” แอลนั่งกอดอกแล้วครับ “ถ้าแย่งพูอีกนะแอลจะโกรธแล้วด้วย” แก้มป่องๆ ชวนยื่นหน้าไปฟัดจริงๆ ครับคุณว่าที่แฟน พี่เจตทำหน้าไม่หยี่ระ แล้วนั่งจิบกาแฟเงียบๆ เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ โต๊ะข้างๆ ได้อย่างดี


เดี๋ยวนะ ทำไมผู้หญิงโต๊ะนั้นหน้าตาคุ้นๆ


“เหยยย คู่เดิมเพิ่มเติมคือน้องชายตัวน้อยหนึ่งคน มีหวงกันด้วยโว้ย”


“โทรตามอีแจงด่วน กูหาทางสานต่อจินตนาการมันได้แล้วจะได้เขียนตอนใหม่ให้กูอ่านสักที”


“โหล อีแจง เจตพูของมึงมาเดทกันโว้ย ตามมาร้านเค้กด่วน!” สาวน้อยผิวแทนกระซิบบอกปลายสาย


เอ่อ ได้ยินทุกคำเลยครับ แล้วเจตพูนั่นอะไร ต้องพูแอลสิคร้าบบบบบบบบบ


“คิกๆ” แอลหัวเราะนิดๆ ก่อนจะกวักมือเรียกผมไปหา คนตัวเล็กนั่งอยู่ตรงข้ามเราครับ พอผมลุกไปแอลก็ฉุดให้ลงมานั่งข้างกัน เสียงห้ามของพี่เจตไร้ความหมายไปเลยเมื่อแอลพูดยิ้มๆ


“ก็เจตชอบแย่งพู ให้พูมานั่งข้างแอลจะได้กินเยอะๆ อ้าม”


ผมงับช้อนเค้กด้วยความสุข โอย อยากได้อีกๆ


“พูชอบรสไหน”


หลังจากแอลป้อนผมครบทุกรส ความเลี่ยนก็เริ่มจุกอยู่ในลำคอเพราะก่อนหน้านี้ผมสวาปามหลายชิ้นแล้ว


“เอ่อ ระ...รสวนิลา”


“งั้นเดี๋ยวเราไปหยิบให้อีก” อย่านะแอล เรายัดต่อไปไม่ได้แล้ว ผมส่งสายตาบอกใบ้ แต่ดูเหมือนแอลจะคิดว่าผมอยากได้เค้กอีกสักชิ้น


“พอได้แล้วแอล เดี๋ยวจะค่ำไปมากกว่านี้” พี่เจตพูดขึ้นพลางลุกไปจ่ายเงิน


“เดี๋ยวสิเจต พูยังไม่ได้กินเค้กวนิลาเพิ่มเลยนะ” แอลร้องแย้งก่อนจะหุบปากฉับเมื่อพี่เจตมองนิ่งๆ “พอก็ได้”


ร่างสูงจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยเราทั้งสามก็พากันออกมาจากร้าน


“พูกลับยังไง” คนตัวเล็กถามเสียงใส


“อ่อ แม่มารับน่ะ”


ครับ อดไปส่งว่าที่แฟนเพราะแม่มารับกลับนี่ล่ะ จะเถียงก็ไม่ได้เพราะคุณนายจะซื้อของใช้เข้าบ้าน ตอนนี้คงกำลังเลือกของอยู่ในซุปเปอร์รอผมไปช่วยถือของแน่นอน


“งั้นกลับดีๆ น้า” แล้วโบกมือบ้ายบายก่อนจะเดินควงแขนพี่เจตไปอีกทาง


เฮ้อ เสียดายจัง





Tbc.






 :hao7:
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
น้องแอลมีปมในอดีตจ้า ใครแตะพี่กูตาย 55555 ตัวละครใหม่มาเพิ่มแล้วหนึ่งคน
ไอ้คนๆ นี้นี่แหละที่จะมากระชับความสัมพันธ์ให้พูกับแอล (เดี๋ยวนะ?)
ยิ่งตอนนี้น้องแอลก็มีเอนใจมาหาน้องพู ถ้าพี่เจตยังช้าคงได้เปลี่ยนคู่แน่นอนหึหึ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ     :mew1: 
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 7 [23-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-03-2017 17:19:53
รีบเลยพี่เจต ตัวกระตุ้นทำงานดีมาก...แอลหวั่นไหวให้พูแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 7 [23-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 23-03-2017 20:11:34
ความจริงแอลก็น่ารักดีนะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 7 [23-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-03-2017 22:16:29
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 7 [23-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-03-2017 23:10:29
  แอลแย้งพูเลย เหมาะสมกับแอลดี
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 7 [23-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 24-03-2017 21:46:46
3p เลยดีมั้ย 5555555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 7 [23-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 24-03-2017 22:41:47
อยากได้โมเม้นเคะxเคะเพิ่มค่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 25-03-2017 01:42:38
บทที่ 8
เหตุเกิดเพราะ...ข่าวลือ



“ไอ้ถั่ว...ไอ้ถั่ว!” แบงค์ตะโกนลั่นห้องก่อนจะพรวดเข้ามาพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูของมันให้ผม


“อะไร” ผมวางปากกาแล้วรับมาเลื่อนอ่านกระทู้บนบอร์ดของโรงเรียน


นักเรียนใหม่ตัวย่อ ‘อ’ ความจริงแล้วเป็นฆาตกร


ข่าวเล่าว่านาย อ. เคยทำร้ายนักเรียนโรงเรียนอีกเขตเกือบตาย และเพิ่งเข้าเรียนโรงเรียนผมภาคเรียนนี้


“ข่าวอะไรวะเนี่ย มั่วแล้วมั้งมึง โรงเรียนเราไม่มีทางปล่อยให้ฆาตกรเข้ามาได้หรอก”


“มั่วเชี่ยอะไรล่ะ อ. ที่ว่าเนี่ยก็แอลสุดที่รักของมึงไง” ผมชะงักมือที่กำลังเขียนการบ้าน


“ห้ะ มึงอย่ามามั่ว แอลของกูน่ารัก อัธยาศัยดีไม่มีทางเป็นฆาตกรอะไรนี่หรอก แค่ตบยุงคงไม่กล้าด้วยซ้ำมั้ง”


“กูก็ว่างั้น แต่ข่าวแพร่ไปทั่วโรงเรียนแล้วนี่สิ...แล้วนั่นมึงจะไปไหน” ผมไม่สนใจตอบแบงค์ รีบวิ่งไปยังห้องเคมีที่อยู่อีกอาคารทันที


ผมรู้ตารางเรียนแอลครับ และกังวลเหลือเกินว่าคนตัวเล็กจะเครียดหากทราบข่าวนี้


“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้นหรอก” เสียงแว่วมาจากในห้องพร้อมกับภาพชายหญิงหลายสิบคนล้อมรอบอะไรบางอย่างอยู่ ผมเห็นแวบๆ ว่าตรงกลางคือแอลที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อนตัวเล็กของเขา


“ใช่ๆ จะลืออะไรก็ช่างเขาเถอะ พวกเรารู้ว่าแอลเป็นคนยังไงก็พอแล้ว”


“อื้อ ขอบคุณทุกคนนะ” หลายคนเข้าไปลูบหัวแอลด้วยความเอ็นดูก่อนจะกลับไปนั่งที่ตัวเองเมื่อครูเข้ามาในห้อง


“อลงกรณ์ ไปพบครูเกรียงไกรที่ห้องปกครองด้วย” คำพูดของครูสาวเรียกเสียงฮือฮาจากทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผมที่ยืนหลบอยู่หน้าห้อง


แอลเก็บของใส่กระเป๋า ยกมือไหว้ครูก่อนจะใส่รองเท้าเดินลงบันไดไป ผมรีบตามคนตัวเล็กไปด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถูกเพื่อนซี้ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนลากเข้าห้องปกครองไปด้วยกัน


แบงค์พาผมไปยืนช่วยรุ่นพี่ประธานนักเรียนเย็บเอกสารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแอลนัก ผมเงี่ยหูฟังอย่างใจจดใจจ่อ กลัวคำพูดของครูเกรียงไกรจะทำร้ายจิตใจของคนตัวเล็ก


“ครูทราบข่าวแล้ว ครูอยากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นยังไง เล่าให้ครูฟังซิ” ครูเกรียงไกรถามเสียงนุ่ม ไม่ได้กระโชกโฮกฮากอย่างที่เคยดุพวกผม อย่างน้อยผมก็เบาใจได้เปราะหนึ่ง


“เป็นเรื่องจริงครับ” แอลตอบนิ่งๆ ไม่มีท่าทีกังวลข่าวลือนั้นเลย


เดี๋ยวนะ


เรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ


ผมหันควับไปหาแอลทันที แอลไม่เห็นหรอกครับเพราะเขาหันข้างให้ผมอยู่ ผมวางเอกสารแล้วตั้งใจฟังคำพูดของแอลทุกประโยค


“ผมเคยทำร้ายนักเรียนคนหนึ่งที่โรงเรียนเก่าครับ แต่นั่นเพราะเขาทำร้ายผมและพี่ชายของผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัวและปกป้องพี่ชาย ไม่ได้มีเจตนาทำร้าย” คำพูดของแอลทำให้เราสามคนหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่ ก่อนที่พี่ประธานนักเรียนจะกระซิบ


“ห้ามพูดเรื่องที่ได้ยินเด็ดขาดเลยนะ”


“แน่นอนครับพี่” แบงค์กระซิบตอบ


“นายล่ะ” เขาหันมาถามผม


“พี่ธงไม่ต้องถามมันหรอก มันไม่มีทางเอาเรื่องของคนที่ชอบไปบอกใครเด็ดขาด” พี่ธงมองหน้าผมอย่างชั่งใจก่อนจะรวบรวมเอกสารที่เย็บเสร็จเรียบร้อยส่งให้พวกเราคนละปึก


“เอาไปแจกให้หัวหน้าห้องทุกชั้นปี เสร็จแล้วกลับไปเรียนได้ ขอบใจที่เสียสละคาบพักมาช่วยงานพี่”


“ขออยู่อีกแป๊บไม่ได้เหรอพี่” ผมขอ แต่รุ่นพี่ประธานนักเรียนหันไปพูดกับเพื่อนของผมแทน


“พาเพื่อนนายไปได้แล้ว” พูดจบพี่ธงก็นั่งลงจัดการเอกสารอื่นๆ ตามหน้าที่ของเขา แบงค์สะกิดไหล่ให้ผมรีบตามมันออกไป


ผมเหลือบมองแอลก่อนจะจำใจเดินออกจากห้องไป รีบเดินไปตามห้องของรุ่นน้องม.1-ม.3 ที่ผมรู้จักดีแล้วยื่นเอกสารให้คนละชุด ส่วนแบงค์เอาไปแจกหัวหน้าห้องม.4-ม.6 ดูๆ ไป อนาคตประธานนักเรียนคนต่อไปคงไม่พ้นเพื่อนของผมนี่แหละ รู้จักคนทั่วทั้งโรงเรียน พานให้ผมสนิทกับพวกรุ่นน้องด้วย


เมื่อแจกห้องสุดท้ายเสร็จผมก็ไลน์ไปหาแบงค์ให้มันขึ้นเรียนก่อนเลยเพราะผมอยากไปหาแอลก่อน


ดักรอหน้าห้องปกครองไม่นานนักแอลก็เดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะยิ้มเจื่อนเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหา


“ไงพู มีอะไรเหรอ” ผมไม่ตอบอะไรนอกจากจูงมือแอลไปยังหลังโรงเรียนท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมา


‘คนนี้ไงที่เพิ่งย้ายมา’


‘เห็นหน้าซื่อๆ ไม่คิดเลยว่าจะโหดเหี้ยมขนาดนั้น’


‘เห้ย ชอบว่ะ น่าสนุกดีนะโว้ย’


‘โรงเรียนกล้าเอาคนแบบนี้มาเรียนได้ยังไง เกิดทำร้ายใครขึ้นมาจะเป็นยังไง’


‘เห้ย พี่พูนี่ จะโดนทำร้ายหรือเปล่าวะไปอยู่ใกล้คนแบบนั้น’


“หุบปากไปเลย!” ผมตวาดลั่น ไม่สนใจแล้วว่าใครเป็นใคร ผมรู้สึกเลือดขึ้นหน้าโมโหแทนคนตัวเล็กที่ก้มหน้าลงต่ำ


“อย่าก้มหน้าแอล” ผมจับคางแอลเชิดขึ้น ดวงตากลมโตมีน้ำใสคลอหน่วงแต่พยายามกลั้นไว้ “นายไม่ได้ทำอะไรผิด นายแค่ป้องกันตัว”


คนตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนจะมองไปที่คนอื่นๆ ที่รีบหลบสายตาแล้วเดินหนีไปทางอื่น


“ปะ” ผมจูงมือแอลเดินต่อไปจนถึงรังรักของผมกับสมร วันนี้สมรยังคงกระดิกหางเดินมาหาผมเช่นเคย มันยื่นจมูกเปียกชื้นมาดมขาแอลก่อนจะกระดิกหางยินดี


“หายแล้วนี่” คนตัวเล็กนั่งยองๆ ยื่นมือลูบหัวสมรด้วยรอยยิ้มกว้าง


รอยยิ้ม...ที่ผมไม่อยากให้หายไป


“พู...ไม่ต้องอยู่ใกล้เราก็ได้ เราทำเรื่องนั้นจริงๆ เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจพูผิดนะ” แอลเอ่ยเสียงสั่นนิดๆ มือยังคงลูบหัวสมร


“แอลไม่ได้ตั้งใจนี่” คนตัวเล็กชะงักมือก่อนจะหันมามองผมอย่างแปลกใจ


“ทำไม...”


“เอ่อ...ตอนนั้นเราอยู่ในห้องปกครองน่ะ ขอโทษนะ” ผมเกาท้ายทอยอย่างรู้สึกผิดที่แอบฟังเรื่องราวทั้งหมด  แอลส่ายหน้านิดๆ แล้วยิ้มให้


“ช่างเถอะ แล้วพูไม่กลัวเราเหรอ ถึงไม่ได้ตั้งใจแต่เขาคนนั้นก็เจ็บหนักนะ”


“เจ็บเพราะแอล เรายอมเจ็บนะ” ผมหยอด


“อย่างพูน่าจะเจ็บเพราะคนอื่นมากกว่าคิคิ”


“หืม” ผมส่งเสียงในลำคอ แอลส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน


“ขอบคุณนะ” แววตาของแอลสื่อตามคำที่เขาพูด “ขอบคุณที่ ฮึก ที่ไม่หนีไปจากเรา” น้ำใสไหลจากดวงตากลมโต


ผมปาดน้ำตาบนแก้มนิ่มก่อนจะรวบคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ ถึงเขาจะยิ้มแย้มแสดงออกว่าเข้มแข็งแค่ไหน แต่ความจริงแล้วแอลกำลังกลัว กลัวที่จะสูญเสียทุกคนไป


“ไม่เป็นไรนะ เราอยู่ข้างแอลเสมอ” ผมลูบหัวคนตัวเล็กที่กำเสื้อของผมแน่นเหมือนเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของเขา


ผมปล่อยให้แอลร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่รู้นานเท่าไร แต่ผมรู้สึกดีที่ได้อยู่ข้างๆ ในวันที่เขาอ่อนแอ


⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀


[แอล]


“เราเคยเกือบถูกข่มขืน” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเรานั่งกันอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ พูไม่ขัดผม เขาตั้งใจฟังทุกประโยคด้วยใบหน้าเครียด ผมสังเกตเห็นมือของเขากำแน่นอย่างโกรธเคือง แต่สำหรับผมทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว


ผู้กระทำเป็นครูประถมของผมเอง วันนั้นเจตมีเรียนพิเศษผมจึงนั่งรออยู่กับเพื่อนที่สนามเด็กเล่นจนกระทั่งแม่ของเพื่อนมารับกลับไป นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ครูของผมเข้ามาหาแล้วชวนผมไปกินขนมที่ร้านใกล้ๆ


เพราะยังเด็กและครูเป็นคนเดียวที่รู้จัก แม้เพื่อนๆ ในห้องหลายคนจะหวาดกลัวเขาและหลีกหนีเป็นประจำ แต่สำหรับผมครูใจดีและชอบมีขนมมาให้เสมอ ผมก็เลยไว้ใจและตามครูไป เขาพาผมไปจนถึงตึกร้างแห่งหนึ่ง ผมกลัวผีจึงไม่ยอมตามเขาไป แต่พอดิ้นหนีเขาตบหน้าผมแล้วกระชากหัวลากเข้าไปข้างใน ผมร้องไห้ลั่นจนกระทั่งถูกขู่ด้วยมีดสั้นผมจึงหยุดร้อง


เด็กที่เคยถูกมีดบาดย่อมรู้ดีว่าคมมีดนั้นน่ากลัวแค่ไหน ผมร้องไห้เงียบๆ มองดูสัตว์นรกในคราบครูถอดกางเกงผมออกแล้วถอดกางเกงตัวเองตามลวกๆ


“แอล!” เสียงของพี่ชายช่วยชีวิตของผมไว้ ผมตะโกนสุดเสียงเพื่อบอกเจตว่าผมอยู่ตรงนี้ แม้ต่อมาจะถูกอุดจมูกด้วยฝ่ามือหยาบ แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อพี่ชายของผมโผล่มาทันที


เจตพุ่งเข้าหาครูด้วยแรงทั้งหมดแล้วบอกให้ผมวิ่งหนีไป ผมสวมกางเกงลวกๆ มองพี่ชายที่พยายามชกครูด้วยแรงเด็กประถม ก่อนเจตจะถูกชกกระเด็นไปไกลและครูตามไปชกซ้ำจนใบหน้าของพี่ชายเต็มไปด้วยเลือด ตอนนั้นผมคิดเพียงแต่จะปกป้องเจตและหยิบมีดสั้นนั้นแทงครูไปหลายแผล พอครูจะหันมาจัดการผมเจตก็ใช้แรงทั้งหมดถีบครูก่อนจะพาผมวิ่งออกมา


สภาพของเราทำให้สองครอบครัวตกใจมาก พ่อเจตรีบติดต่อผอ.เพื่อจัดการครูคนนั้น และเมื่อสืบสาวราวเรื่องปรากฏว่าไม่ใช่ผมรายแรกที่เกือบถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่เด็กอีกเกือบครึ่งห้องเองก็ถูกกระทำเช่นเดียวกับผม ครูคนนั้นจึงถูกดำเนินคดีสูงสุด


ผมและเจตกลับไปใช้ชีวิตปกติอีกครั้งโดยไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องนั้นจะส่งผลต่อผมในภายหลัง


เจตเรียนมัธยมต้นที่อื่น และเริ่มมีกลุ่มเพื่อนใหม่ซึ่งชอบทะเลาะวิวาทกับโรงเรียนอื่นตามประสาวัยรุ่น วันนั้นเจตมารับผมที่โรงเรียนประถม เราไม่รู้ว่าคู่อริของเจตจะตามมา เขาพุ่งเข้ามาจัดการพี่ชายผมต่อหน้าต่อตา และผมที่ยังคงฝังใจที่มีคนทำร้ายพี่จึงหยิบเศษแก้วแถวนั้นจ้วงแทงเขาคนนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายล้มลง


“แอล” เจตปรี่เข้ามาประชิดผม “ปะ..ปล่อยแก้วก่อนครับตัวเล็ก” ผมก้มมองมือมือตัวเองชุ่มเลือด เลือดของผมที่กำแก้วแน่นจนบาดลึกไปถึงเนื้อใน


เจตโทรหารถโรงพยาบาลแล้วพาผมขึ้นไปนั่งบนรถ บุรุษพยาบาลทำแผลให้ผมก่อนที่ผมจะถูกพาลงจากรถ ส่วนคนเจ็บก็ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไป พี่ชายผมเดินไปเดินมาอย่างกังวลก่อนจะต่อสายหาพ่อของผมที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาล


จิตแพทย์บอกว่าทางที่สุดคือให้ผมแยกกับเจต ผมจึงต้องไปอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศทันทีที่จบชั้นประถมและได้รับการรักษาจากแพทย์ชื่อดังของที่นั่น เรียนได้สามปีผมก็กลับมาไทยอีกครั้ง เชื่อสุดใจว่าตัวเองหายแล้วแต่เพื่อความสบายใจของแม่ผมจึงต้องไปเรียนอีกโรงเรียน


ทุกอย่างดูใหม่สำหรับผม แต่ผมก็อยากพิสูจน์ว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว


จนกระทั่งเรื่องวนกลับมาที่เดิมอีกครั้ง


“แล้วเราก็ทำร้ายคนๆ นั้นเพราะเห็นเจตบาดเจ็บ ระ...เรา ไม่ได้อยากทำร้ายเขา” ผมบอกเสียงสั่น


หมับ


ผมถูกรวบตัวไปกอดไว้แน่น พูกระซิบบอกผมว่าไม่เป็นไรซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ผมรู้สึกถึงน้ำใสๆ


เขาร้องไห้เพราะผมอย่างนั้นเหรอ


“ฮึก ทำไมแอลต้องเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ฮือ” กลายเป็นว่าผมต้องปลอบใจร่างโปร่งไปเสียอย่างนั้น ผมยิ้มขำนิดหน่อยก่อนจะลูบหลังปลอบใจพูให้คลายสะอื้น


“เราโอเคแล้ว แค่ต้องพยายามคุมอารมณ์”


“ตอนนั้นที่สายตาแอลแปลกไปเพราะเราทำให้พี่เจตมีแผลสินะ” ผมพยักหน้ารับคำ ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นใส่พูแต่มันเป็นไปโดยไม่รู้ตัว


“เราจะปกป้องพี่เจตเอง แอลไม่ต้องห่วงนะ” ผมหัวเราะคำพูดนั้นนิดหน่อย


ถ้าเจตมาได้ยินคงยิ้มหน้าบานแน่ๆ


ดวงตาของพูแดงก่ำมองตรงมาที่ผมด้วยสายตาซื่อตรงเช่นเคย เขาคงรู้สึกแย่แทนผมมาก


ผมลูบแก้มขาวแผ่วเบา


“ชอบเรามากเหรอ” ผมเอ่ยถามอีกฝ่ายที่เบิกตากว้างเม้มปากแน่น


น่ารักจัง


“อะ...เอ่อ” ท่าทางอ้ำอึ้งทำให้ผมเลิกแกล้งพู ลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือไปให้เขา “ไปเรียนกันเถอะ เดี๋ยวคาบเรียนไม่ครบหมดสิทธิ์สอบนะ” พูเขินหน้าแดงแต่ก็ยอมยื่นมือมาจับผม


กอดไปแล้ว แค่จับมือจะมาเขินอะไรเนี่ย


ผมยิ้มหวานให้พูที่หน้าแดงนำมะเขือเทศไปแล้ว จูงมือเขาเดินกลับไปด้วยกัน ตอนนี้ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกแย่อีกแล้วเมื่อมือเรียวที่จับมือผมอยู่เสริมให้ผมเข้มแข็งมากอย่างนี้


ขอบคุณนะพู
.
.
.
“เป็นยังไงบ้าง” เจตถามผมทันทีที่เลิกเรียน อันที่จริงเขาไลน์มาหาผมก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมาหา แต่ผมบอกเขาว่าอยากเผชิญเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองไว้เจอกันตอนเย็นดีกว่า เจตไม่ว่าอะไร เขาอยากให้ผมเข้มแข็งและไม่ต้องใส่ใจคำพูดของคนอื่นๆ ซึ่งผมก็เลิกใส่ใจไปแล้วหลังจากแยกกับพู


เพื่อนในห้องผมก็น่ารักทุกคนครับ มีมาบอกด้วยถ้าแม้ผมจะทำจริงๆ แต่พวกเขาก็จะยังคบผมต่อเพราะปัจจุบันสำคัญกว่าอดีต ผมขอบคุณคำพูดของพวกเขา รอยยิ้มสดใสของผมกลับมาอีกครั้งและพวกเขาเองก็สังเกตเห็น บรรยากาศในห้องจึงกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง


“อื้ม แอลรู้สึกดีมากๆ เลย”


เพราะพูของเจตเลยน้า


เอ๊ะ หรือยึดมาเป็นของตัวเองดีนะ


“เจต” ผมเอ่ยถามพี่ชายที่ยังคงมีผ้าพันแผลอยู่บนต้นแขน


“ว่าไง”


“แอลขอพูได้ไหม”


“ห้ะ!” เจตทำหน้าเหวอ


“แอลชอบพู”


อยากรู้จริงๆ ว่าพี่ชายของผมจะทำยังไง


จะยกพูให้ผม


หรือแย่งพูไปเป็นของตัวเอง


[จบพาร์ทแอล]






Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
โมเม้นเคะเคะเขาอยู่ด้วยกันจ้า บางทีเราก็คิดอยากเปลี่ยนคู่เหมือนกันนะเนี่ย 5555
น้องแอลขอแล้วนะพี่เจต อย่ามัวชักช้าให้น้องคาบถั่วพูไปกินล่ะ อิอิ   :hao3:
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์จ้า ชอบตอนนี้กันไหมเอ่ย
ตอนนี้เราเบลอมาก อยากนอนแต่ก็อยากเขียนก็เลยลุกมาเขียนก่อน  :hao5:
เดี๋ยวมีธุระต้องนั่งรถตู้ตอนตีห้า ยังไม่ได้นอนเลยจ้า 555 ไปนอนล่ะนะ
ถ้าเจอคำผิด ประโยคแปลกๆ บอกได้น้า ไว้กลับมาจะรีบแก้ค่ะ  :pig4:
   
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 25-03-2017 09:17:16
3p ก็ลงตัว.. :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 25-03-2017 12:30:04
สงสารแอล :hao5:
แต่ตอนนี้เริ่มสงสารพี่เจตล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 25-03-2017 15:08:38
เลือกไม่ได้เลยย รักพี่เสียดายน้อง จับเค้ามัดรวมกัน3คนเลยได้มั้ยคะ ขอเหมา55555555555
แอลเข้มแข็งขึ้นนะ สู้ๆ
พี่เจตจะทำยังไงน้อออออ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-03-2017 15:15:38
 ค้างมากๆอยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-03-2017 15:31:26
เอาแล่ววววศึกสายเลือด
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 26-03-2017 21:39:12
โอ้โห เรื่องของแอลซับซ้อนกว่าที่คิดไว้อีกอะ แอลจะมีคู่ไหมเนี่ย ถ้าเป็นพี่ตั้นอะไรนั่นนี่แย่เลยนะ เคยทำชั่วกับแอลไว้ แต่ก็เป็นปมที่น่าติดตามว่าจะมารักกันได้ยังไง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 26-03-2017 23:10:08
เอ้าๆจะโดนน้องคาบไปกินแล้วนะพี่เจต :hao3:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 26-03-2017 23:23:42
เพิ่งเข้ามาอ่านนนนน สนุกมากค่ะ :katai2-1:

อยากรู้แล้วเจตจะตอบแอลว่าไง

รอตอนต่อไปน้าาาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 8 [25-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-03-2017 01:26:50
แอลสตรองมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 27-03-2017 20:34:42
บทที่ 9
เหตุเกิดเพราะ...เพื่อนเก่า



“แอลชอบพู”


เฮือก!


ผมรีบหลบหลังต้นไม้ทันทีที่คำพูดนั้นออกจากปากแอล จากที่ตั้งใจจะไปหาคนตัวเล็กกลับนิ่งฟังคำสารภาพโดยไม่ตั้งใจ


อะ...แอลชอบผมอย่างนั้นเหรอ


ผม...หวังได้ใช่ไหม


แต่ทำไมบอกพี่เจตล่ะ


ผมโคลงหัวอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็แอบฟังบทสนทนาของสองคนนั้นอย่างใจจดใจจ่อ


“พูดอะไรของนายน่ะแอล” พี่เจตยืนหน้าเครียด เขาคงไม่อยากให้น้องชายสุดที่รักมาชอบผมอย่างแน่นอน


พี่ครับ คนจะชอบกันห้ามไม่ได้หรอกนะ หึหึ


“แอลพูดเรื่องจริงไง ถ้าเจตไม่คิดอะไร คงไม่ผิดใช่ไหมถ้าแอลจะคบกับพู”


อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ผมปิดปากแน่น กลั้นเสียงเล็ดลอดสุดกำลัง ยืนดีดดิ้นอยู่หลังต้นไม้ด้วยหัวใจเต้นรัว


แอลจะคบกับโผ้มมมมมมม


“พี่ไม่อนุญาต!” เสียงแข็งดุน้อง ยืนกอดอกจ้องคนตัวเล็กเขม็ง


พี่จะกีดกันอะไรนักหนาครับ ผมไม่ดีตรงไหน ออกจะชัดเจนชอบน้องชายพี่คนเดียวเนี่ย


“งั้นบอกเหตุผลมาสิครับ” คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ


ใช่ๆ บอกมาเลย ถ้าผมไม่ดีตรงไหนจะได้รีบปรับปรุงตัวให้เหมาะสมกับน้องชายพี่เอง คนนี้ผมจริงจังจริงใจมากนะพี่


“ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละ ไปๆ รีบกลับบ้านเดี๋ยวรถเมล์หมด” พี่เจตบอกปัดก่อนจะโอบไหล่น้องชายตัวเล็กพาเดินออกจากโรงเรียน


ไรว้า ผมอยากรู้มากเลยนะว่าทำไมพี่เจตถึงไม่อยากให้แอลคบกับผม
.
.
.
“สวัสดีครับ” ชายแปลกหน้าโผล่พรวดเข้ามาทันทีที่ผมเดินพ้นจากประตูโรงเรียน


“เอ่อ...ครับ” สัญชาตญาณบอกให้ผมรีบออกไปจากตรงนี้ แต่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มดูไม่มีพิษมีภัยทำให้ผมหยุดฟัง สมองผลักไสสัญชาตญาณนั่นทิ้งไป


คนหล่อลากขนาดนี้จะมาทำร้ายใครได้ล่ะ


“ผมรันครับ นายชื่ออะไร”


“พูครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” ผมยิ้มตามรอยยิ้มเขา คนอะไรแค่ยิ้มโลกก็สว่างสดใสไปหมด เขาหัวเราะนิดๆ พลางมองผมที่ยิ้มเก้ออย่างไม่เข้าใจว่าเขาหัวเราะทำไม


“คือ...ผมตามหาแอลอยู่น่ะครับ ทราบมาว่าเขาอยู่ที่โรงเรียนนี้ นายรู้จักไหม” ทันทีที่ชื่อคนตัวเล็กหลุดจากปาก สัญชาตญาณอันแรงกล้าก็ร้องลั่นเตือน


“ตามหาทำไมเหรอครับ” ผมขมวดคิ้วสงสัย หรือจะเป็นคนที่เคยทำร้ายแอล แต่คนนั้นชื่อต้นกับตั้นนี่นา คงไม่ใช่หรอกมั้ง


“ผมเป็นเพื่อนแอลครับ และอยาก...ขอโทษ” เขาก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษที่ไม่ได้ปกป้องเขาในฐานะเพื่อน” สายตาเว้าวอนส่งมายังผม


“นายพาเขามาพบผมได้ไหม ให้ผมได้ขอโทษในสิ่งที่ทำผิดไป ถึงเขาไม่ให้อภัยผมก็ยังอยากขอโทษ” ไม่มีแววล้อเล่นในสายตาคู่นั้น เขามองผมอย่างขอร้องจนผมเกือบใจอ่อน


ผมชั่งใจ ใจหนึ่งก็อยากให้แอลตัดขาดจากเพื่อนเก่าไปเสียแล้วเริ่มต้นใหม่ แต่อีกใจก็ไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องเสียใจที่บาดหมางกับเพื่อนไปตลอดชีวิต ถ้าปรับความเข้าใจและให้อภัยกันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยแตกร้าวกลับมาสมานอีกครั้งก็ได้


“ผมไม่รับปากว่าจะพาแอลมา แต่จะถามเขาให้ว่าอยากเจอนายหรือเปล่า”


“แค่นั้นก็ดีแล้วครับ เอ่อ ขอเบอร์นายหน่อยสิ ถ้าแอลตกลงเราจะได้นัดเจอกัน” ผมพยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์ส่งให้เขาเมมเบอร์มือถือ “ขอบคุณมากนะครับ” เขาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปอีกทาง


เรื่องนี้คงต้องให้แอลตัดสินใจเอง


คืนนั้นผมคุยไลน์กับแอลทั้งคืนเรื่องเพื่อนของเขา แอลตอบตกลงทันทีที่ผมบอกชื่อเพื่อนคนนั้นไป


‘รันเป็นเพื่อนที่ดี เขาคอยรับผิดพร้อมเราทุกครั้ง บางทีเขาอาจถูกบังคับให้ใส่ร้ายเราก็ได้ เราอยากคุยกับเขาอีกสักครั้งพาเราไปหาเขานะพู’


ผมตกลงกับแอลว่าเราจะไปหาเขาหลังเลิกเรียนด้วยกัน เพราะใจหนึ่งผมไม่ไว้ใจเพื่อนแอลคนนี้เท่าไรนัก รู้สึกกังวลแปลกๆ แต่เพราะใบหน้ารู้สึกผิดประกอบกับความไว้ใจของแอลทำให้ผมตัดความสงสัยทิ้งไปทั้งหมด


“วันนี้เจตไม่อยู่” แอลบอกผมเมื่อหันซ้ายหันขวาไม่เห็นร่างสูงตามประกบคนตัวเล็กเช่นเคย แอลบอกว่าวันนี้พี่เจตต้องช่วยงานห้องสภานักเรียนเลยให้แอลกลับบ้านเอง คนตัวเล็กจึงรีบมานั่งรอผมที่หน้าห้องเรียนทันที นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่หน้าห้องเรียนจนกระทั่งหมดคาบ


พอครูออกจากห้องเสียงโห่แซวเรื่องที่ผมกิ๊กกั๊กกับแอลลามไปทั่วทั้งห้อง ยิ่งพอเห็นแอลมารอผมเลิกเรียนยิ่งทำให้พวกมันพูดมากกว่าปกติ


“คบกันหรือยังเนี่ย” เพื่อนคนหนึ่งในห้องเป็นตัวแทนเอ่ยถามคำถามที่ทุกคนอยากรู้


“วู้ พูดอะไรของมึง” ผมร้องปฏิเสธพลางยัดของใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว


“หน้าอย่างมัน กว่าจะได้คบคงต้องรอชาติหน้านั่นแหละ” ผมตบหัวเพื่อนซี้ที่พูดไม่เข้าหู เหลือบมองแอลที่เบือนหน้าไปทางอื่นด้วยใบหน้าขึ้นสี


วันนี้ผมจะขอคนตัวเล็กเป็นแฟนครับ


ในเมื่อใจตรงกันก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป


“รันนัดพูที่นี่เหรอ” แอลถามเมื่อเราเดินเข้ามาในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ โรงเรียน แต่ไม่ค่อยมีคนผ่านเท่าไรนักเพราะข้างในเป็นซอยตัน น้อยคนนักจะรู้ว่าซอยนี้เชื่อมกับภายในโรงเรียน และผมกับแบงค์ก็เป็นส่วนน้อยที่ใช้ทางนั้นโดดเรียนเป็นประจำ เด็กดีไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ


“อื้ม เห็นบอกว่ากลัวพี่ตั้นรู้ว่ามาหาแอลเลยต้องหาที่ลับๆ นัดเจอน่ะ”


ครืดๆ


ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา มองหน้าจอที่ปรากฏรูปเพื่อนซี้ยืนโชว์ซิกแพ็คที่ไม่รู้มาจากไหนโชว์หรารอให้ผมกดรับสาย


แล้วมันเอาโทรศัพท์ผมไปเปลี่ยนรูปตัวเองตอนไหนวะ


“ว่า” ผมกรอกเสียงอย่างไร้อารมณ์ ไร้อารมณ์เพราะภาพหน้าจอนี่แหละครับ


(อยู่ไหนเนี่ย มึงลืมสมุดเลขไว้ที่ห้อง จะไม่ทำการบ้านรึไงห้ะ แล้วกูจะลอกใคร) โถ ผมก็นึกว่ามันจะเป็นห่วง กลัวผมว่าจะไม่มีงานส่ง แต่ที่แท้กลัวไม่มีคนให้ลอก ผมส่ายหัวนิดๆ แล้วตอบกลับไป


“อยู่ตรอกลับมารอเจอเพื่อนแอล แล้วมึงน่ะหัดทำการบ้านเองบ้าง!”


(เหอะน่า ช่วงนี้กูต้องเก็บไอเท็ม ไม่ว่างทำ แบ่งเพื่อนนิดหน่อยทำเป็นงก งั้นเดี๋ยวกูเอาไปให้ แป๊บเดียว รออยู่ตรงนั้นนะ)


“เออๆ รีบมา” วางสายเสร็จปั๊บเสียงฝีเท้าหลายคู่ก็เข้ามาใกล้ ผมหันกลับไปมองทางออกที่มีชายหลายคนเดินดาหน้าเข้ามา พอวิ่งเข้าไปในซอยก็เห็นรันนั่งอยู่บนลังไม้ใกล้ๆ ผู้ชายคนหนึ่งที่ผมคุ้นหน้าแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน


“พะ...พี่ต้น” รันฉีกยิ้มหวานเดินเข้ามาใกล้เรา ผมดึงแอลไปอยู่ข้างหลังประจันหน้ากับผู้ชายที่หลอกผมว่าเขาชื่อรัน


“หึหึ ขอโทษด้วยนะที่หลอกนาย แต่ฉันจำเป็นต้องทำ ไม่อยากให้น้องชายโกรธนี่นา” สิ้นคำนั้นผู้ชายอีกคนก็ก้าวเข้ามาหาเรา ดวงตาคมกริบของเขาและรอยยิ้มแสยะทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเขาคือคนเดียวกับที่มองแอลที่โรงหนังวันนั้น


“ตั้น” เจ้าของชื่อแย้มยิ้มน่าขนลุกเมื่อผมเอ่ยชื่อของเขา


“คิดไม่ผิดจริงๆ” เขากวาดตาไปทั่วตัวผมด้วยสายตากระหายอยาก ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัวแต่ก็ทำใจกล้าบังแอลที่ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว


“ต้องการอะไร” ผมเอ่ยถามร่างสูงเสียงแข็ง เขาหัวเราะนิดๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้


“ตัวนาย” ผมก้าวถอยหลังหนี ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไป ผมไม่รู้เลยว่าจะหาทางรอดจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี


“ไอ้เด็กเวรนั่นของมึง จะไปจัดการอะไรก็เรื่องของมึง ส่วนคนนี้” ไอ้ตั้นบอกน้องชายที่ยืนยิ้มหวานก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากมองผมตาวาว “ของกู”


“อย่ายุ่งกับแอล!” ผมกอดแอลแน่นเมื่อรันทำท่าจะเข้ามาคว้าคนตัวเล็ก ไม่สิ เขาคือต้น ผู้ชายสารเลวที่เคยหลอกแอล


ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอมให้พวกสวะทำอะไรแอลได้อีก


“จิ๊ พวกมึงน่ะ จัดการแยกมันสองคนดิ๊” ต้นตะโกนบอกพรรคพวกที่ยืนเรียงรายกั้นทางออกอยู่ให้เข้ามาแยกผมออกจากแอล “ช้ำนิดๆ หน่อยๆ ได้ไหมมึง” มันหันไปถามแฝดน้องด้วยใบหน้ายิ้มๆ


“ซาดิสม์ไม่เปลี่ยนนะมึง เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ เหลือให้กูเล่นสนุกกับหนูน้อยน่ารักคนนั้นก็พอ” ตั้นมองผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งสูบบุหรี่


“เต็มที่เลยพวกมึง” สิ้นคำสั่ง ลูกน้องที่ดูคร่ำศึกและมีบาดแผลฉกรรจ์ตามเนื้อตัวก็เริ่มเข้ามาแยกผมออกจากแอล


ผมยังคงกอดแอลไว้ ยกเท้าถีบเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ นึกเสียดายที่ไม่ได้ฝึกซ้อมกับแม่จนเก่งมากกว่านี้


ผมถูกชกสวนกลับมา ตามด้วยฝ่าเท้าไม่เบาแรง แต่แม้จะถูกเตะถูกชกมากแค่ไหน ผมจะไม่ยอมให้แอลต้องเจ็บแม้แต่ปลายเล็บ


“หึหึ อึดดีนี่หวา” หนึ่งในพวกมันยกเท้าถีบผมอย่างแรง


ผลัก


ผมใช้มือบังศีรษะของแอลไว้ไม่ให้กระแทกพื้น แล้วกอดแอลไว้แนบอก กัดฟันรับฝ่าเท้าหลายสิบคู่กระหน่ำแรงลงมาไม่ยั้งผมเริ่มเจ็บหน่วงไปทั่วทั้งตัวแต่ก็อดทนเพื่อความปลอดภัยของคนในอ้อมแขน


“ฮึก พู ฮือ” เสียงสั่นเครือของคนตัวเล็กเรียกให้ผมก้มลงยิ้มปลอบใจ


“ไม่เป็นไรแอล อึก ระ...เราจะต้องปลอดภัย”


เสียงไซเรนของรถตำรวจดังแว่วเข้ามา ฝีเท้าเหล่านั้นหยุดนิ่งค้างไว้ก่อนจะรีบเพ่นหนีกันออกไปทันที


“ไอ้ตั้นไปโว้ย พ่อมึงมากแล้ว” ต้นตะโกนลั่นแล้ววิ่งพรวดไปอีกทาง สายตาคมกริบเหลือบมองผมก่อนจะขยี้บุหรี่อย่างแรง


“คราวหน้ากูจะพามึงขึ้นสวรรค์” มันก้มลงตบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะวิ่งหนีไปพร้อมกับพี่ชาย


“อึก” เมื่อไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นผมก็ปล่อยแอลออก นอนแผ่หลาอย่างหมดสภาพแล้วหายใจสูดกลิ่นชื้นเข้าเต็มปอด


“เชี่ยถั่ว เป็นยังไงบ้างวะ” เพื่อนซี้ของผมพุ่งเข้ามาหาพร้อมโทรศัพท์มือถือของมันที่ยังค้างอยู่ที่โปรแกรมเล่นเสียง เคยถามเหมือนกันว่าจะเก็บเสียงไซเรนไว้ทำไม แบงค์ตอบแค่ว่าเท่ดี


หึ คงต้องขอบคุณความเท่บ้าบอของแบงค์ที่ทำให้ผมกับแอลรอดตาย


“ยิ้มเชี่ยอะไรของมึงห้ะ” แบงค์โวยลั่น น้ำตาซึมเมื่อเห็นสภาพของผม


“คะ...ความผิดเราเอง ฮึก ขอโทษนะพู ฮือ” แอลปาดน้ำตา จับมือผมไว้แน่นด้วยมืออันสั่นเทา ผมค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นแล้วลูบหลังแอลอย่างปลอบประโลม


“ไม่เป็นไรแล้ว เราปลอดภัยแล้วนะ” ผมกอดคนตัวเล็กแน่น รู้สึกกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าวันนี้ผมติดธุระอีกคนหรือปล่อยให้แอลมาคนเดียวจะเกิดอะไรขึ้น ผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต


“ไปหาหมอกันมึง” ผมพยักหน้ารับคำแบงค์ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยพยุงผมพาออกจากตรอกนั้น


“ต๊าย ไปทำอะไรกันมาเนี่ย” แม่ร้องลั่นทันทีที่ผมเดินเข้ามาในบ้านพร้อมแบงค์ ส่วนแอล เราพาเขาไปส่งที่บ้านก่อนหน้านี้แล้วครับ ตอนแรกคนตัวเล็กจะมาส่งผมด้วยกัน แต่ผมปฏิเสธเพราะไม่อยากให้แอลอยู่ข้างนอกนาน กลัวพวกมันจะดักทำร้ายแอลอีก


“แหะๆ” แบงค์ยิ้มแห้งก่อนจะพาผมไปนั่งโซฟาให้แม่ซักฟอก จัดการวางกระเป๋าไว้ข้างโดยไม่ลืมสอดสมุดเลขใส่กระเป๋าให้ก่อนจากไป


“เล่ามาซิ” แม่นั่งกอดอกนั่งอยู่ข้างๆ  ผมเหลือบมองพ่อที่เดินถือจานข้าวเข้ามาหาด้วยสายตาเป็นห่วง


คงปิดบังไม่ได้แล้วสินะ


ผมเล่าเรื่องราวของแอลให้พ่อกับแม่ฟังและย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพราะผม ถ้าผมไม่หลงคิดว่ารันเป็นเพื่อนของแอล ไม่พาคนตัวเล็กไป เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น


“จำไว้เป็นบทเรียนเลยนะพู อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า แล้วเพื่อนเราเขาเป็นอะไรมากไหม” ผมส่ายหน้า


“ปลอดภัยก็ดีแล้วลูก” พ่อลูบหัวผม “แจ้งความไหม เดี๋ยวพ่อให้ลุงโก้จัดการให้”


“แจ้งเรื่องไว้ก็ดีครับพ่อ ผมกลัวว่าพวกเขาจะไม่หยุดแค่นี้” พ่อพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นโทรหาลุงโก้เพื่อนตำรวจที่สนิทกันดีให้ช่วยรับเรื่องไว้เพราะผมมีหลักฐานใบรับรองแพทย์อยู่


“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปโรงเรียน พักรักษาตัวให้หายก่อนเข้าใจไหม” แม่กำชับก่อนจะปล่อยให้ผมกินข้าวกินยาแล้วสั่งให้ขึ้นไปอาบน้ำนอนทันที


พอออกจากห้องน้ำแสงวูบวาบหน้าจอก็แสดงข้อความจากคนตัวเล็ก ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะกดตอบไป


Purin : ไม่เป็นไรแล้วคร้าบบบบบบบบบบ


Omyim: พู...เราขอโทษนะ


Purin : เราจะดีใจมากถ้าแอลเลิกขอโทษเรา


Omyim: ...


Purin : อ้อ แอล เรามีเรื่องจะขอ


ผมนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องตกลงกับแอลก่อน ก่อนจะหัวเราะนิดๆ เมื่ออ่านข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามา


Omyim: ขอเลย แอลให้ได้หมดทุกอย่าง


ขอตัวและหัวใจแอลได้ไหม งื้อ แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ผมก็พิมพ์ตอบไปอีกอย่าง


 Purin : ห้ามบอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้พี่เจตรู้นะ


Omyim: ทำไมล่ะ เรื่องใหญ่มากนะ


Purin : ตอนนี้เขาบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าเกิดเขาไปหาเรื่องพวกนั้นแล้วบาดเจ็บกว่าเดิมล่ะ


ผมไม่กล้าพูดว่าแอลจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก ไม่อยากทำร้ายใจคนตัวเล็กแต่ผมจำเป็นต้องหยุดเหตุการณ์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อคนตัวเล็กให้มากที่สุด


Omyim: อือ ก็ได้ แต่พูจะบอกเจตยังไงล่ะเรื่องแผล


Purin : พรุ่งนี้เราไม่ไปโรงเรียน ก็มั่วเอาว่าไปชกกับคู่อริก็ได้ โดนเรียกเข้าห้องปกครองสักครั้งคงไม่เป็นไรหรอก


Omyim: ขอโทษนะ


Purin : ถ้าพูดอีกเราจะไม่คุยกับแอลแล้วนะ -*-


Omyim: เราไม่พูดแล้ว


Purin : ดีมาก


ผมนอนคุยกับแอลไปเรื่อยจนกระทั่งสายโทรเข้าจากคนที่หายหน้าหายตาไปนานจู่ๆ ก็ติดต่อมา


‘ถั่วพี่’


ผมชอบเมมชื่อพี่ชายแบบนี้แหละครับ ส่วนชื่อแอลน่ะเหรอ ที่รักไงคิคิ


“นึกว่าตายไปแล้วนะเนี่ย” ผมพูดกวนใส่คนปลายสาย อีกฝ่ายพ่นลมหายใจแล้ววางสายทันที


“อ้าว” พอผมโทรกลับพี่ชายบังเกิดเกล้าก็ปิดเครื่องไปแล้ว


อะไรของพี่ลันเตาวะ





Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ช่วงนี้ให้โอกาสน้องพูทำคะแนนก่อนค่ะ พี่เจตยังไม่เผยความลับค่า 555
แต่พาร์ทหน้าให้พี่เจตมาตอบเองดีกว่าว่าเขาคิดอะไรอยู่  :hao3:
ศัตรูเริ่มมาแล้ว และไม่จบแค่ครั้งนี้อย่างแน่นอน
และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นต้องติดตามคิคิ
ปล.พี่ลันเตาคือชายผู้มีบทบาทในอนาคตค่ะ 555
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ค่ะ  :mew1:
   
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 27-03-2017 20:58:13
โอ้ยยย พู เจ็บมากมั้ย ฮือออ แต่นายเท่มาก เอาใจเราไปเลย
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 27-03-2017 21:14:11
คนชั่วๆจะต้องรับกรรมแน่นวลลล น้องแอลน้องพูน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 27-03-2017 21:16:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-03-2017 21:33:10
ถั่วพี่ มาช่วยน้องจัดการตัวร้ายสิ่ๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 27-03-2017 22:02:13
ไปตายซะไอ้แฝดนรกกกกกกก :angry2: เลวทั้งพี่ทั้งน้องเลย :m31:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 27-03-2017 23:03:33
 พี่ลันเตาดูจะปกป้องแอลได้มากกว่าใครเลยนะ พี่ลันเตาจะมาช่วยแอลแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 27-03-2017 23:04:25
น้องพูมาอย่างแมนอ่ะ :m3:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 28-03-2017 00:22:29
น้องพูคนเก่งของพี่ แมนมากเลย กอดๆน้า หายไวๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 28-03-2017 01:34:57
แอบร้ายกาจนะตัวเล็กกกก
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 28-03-2017 01:42:14
พี่ล้นเตาต้องกลับมาจัดการให้น้องถั่วนะคะ!
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 9 [27-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 28-03-2017 15:57:21
ไม่ชอบแฝดเลย โรคจิต :m16:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 29-03-2017 12:28:32
บทที่ 10
เหตุเกิดเพราะ...ไม่มา





สายตาคมกวาดไปทั่วโรงอาหาร แต่คนที่เขามองหากลับไม่อยู่บริเวณนั้นเลย เมื่อเช้าชะเง้อคอมองหาหน้าเสาธงก็ไม่เห็นแม้แต่เงา พอเลิกแถวทำเนียนเดินไปดูกลุ่มคนมาสายก็ไม่พบ


น่าแปลก หายไปไหน


“ยังไม่เลิกมองหาอีกนะมึง” ผมหันกลับมามองเพื่อนซี้ที่ส่งขวดน้ำให้แล้วนั่งลงข้างๆ กัน


“...” ผมทำเป็นไม่ได้มองใคร แต่พอไม่ได้คิดอะไรสายตาก็กวาดหาไปทั่วจนกว่าจะพบว่าเขาอยู่ตรงไหน


“น้องไม่มาหรอกครับ ไอ้แบงค์บอกไม่สบาย ไม่ต้องมองหาแล้วเดี๋ยวสาวๆ เข้าใจผิดคิดว่ามึงสนใจพวกเธอ” ผมหันควับกลับมาหาแจ้ที่เปิดขวดดูดน้ำอย่างสบายใจเฉิบแล้วขมวดคิ้ว


ไม่สบายเหรอ


“ครับคุณสารวัตรนักเรียน น้องไม่สบาย” แจ้ส่ายหน้ายิ้มๆ มันรู้อยู่แล้วว่าผม ไม่ค่อยพูดเท่าไร


แต่ถ้ากับคนที่ชอบ อาจจะพูดมากไปสักนิด


“เจต” เสียงเล็กๆ ของส้ม เพื่อนร่วมห้องเดินเข้ามานั่งข้างๆ โดยไม่เอ่ยขออนุญาต ผมเขยิบถอยออกจากเธอ จงใจเมินสายตาที่คิดกับผมมากกว่าเพื่อน


“ส้มมีธุระอะไรจ้ะ” แมร์หรือกาละแมร์เพื่อนสาวคนสนิทของผมเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพลางวางจานข้าวและแก้วน้ำลงบนโต๊ะ


“เราแค่จะให้เจตช่วยสอนการบ้านน่ะ คือไม่ค่อยเข้าใจข้อนี้เท่าไหร่” เธอยื่นสมุดเล่มบางส่งให้ผมช่วยดู ผมกวาดตาเพียงครู่เดียวก็รู้คำตอบแล้ว อันที่จริงโจทย์ข้อนี้มีตัวอย่างในหนังสือ และวิธีทำก็อย่างที่ครูเพิ่งสอนไปเมื่อคาบที่แล้ว ทำไมเธอแก้ไม่ได้ล่ะ


“เดี๋ยวค่อยให้มันสอนได้ไหม นี่พักกลางวันนะ พวกเราหิวข้าวม้ากมาก” แมร์เน้นเสียงก่อนจะเข้ามาแทรกที่ว่างเพียงน้อยนิดระหว่างผมกับส้ม ฉีกยิ้มร้ายให้อีกฝ่ายที่รีบดึงสมุดกลับไปแล้วขอตัวไปหาเพื่อน


“ขอบใจ” ผมเอ่ยบอกเพื่อนสาวที่เชิดหน้าใส่


“เออ เสน่ห์แรงเข้าไปเถอะย่ะ นี่ฉันต้องเป็นไม้กันหมาให้แกอีกกี่ครั้ง โดนเกลียดทั้งโรงเรียนแล้วมั้งเนี่ย” แมร์ตักไก่ทอดเข้าปากอย่างตะกละตะกลามทำลายภาพพจน์ดาวโรงเรียนไม่มีเหลือ


“กูกราบเถอะแมร์ มึงช่วยกินให้เรียบร้อยหน่อยได้ไหม ให้มันเข้ากับหน้าหวานๆ ของมึงหน่อยเถอะ” แจ้นวดขมับเมื่อเห็นเพื่อนสาวไร้ความเป็นกุลสตรีอย่างมาก ผมหัวเราะนิดๆ


“ไม่ต้องมาหัวเราะฉันเลยเจต แล้วนี่เลิกมองหาน้องน้อยของฉันแล้วเหรอยะ” ผมปั้นหน้านิ่งตักข้าวพะแนงหมูกับผัดฟักทองเข้าปาก


อาหารที่เขาชอบ


“พอรู้ว่าน้องไม่มาก็เลิกหาแล้ว โด่ แทนที่จะไปถามไอ้แบงค์ตั้งแต่เช้า ฟอร์มอยู่ได้ กูเลยไปถามให้จบๆ”


“หึ ป๊อดแบบนี้ฉันว่าชวดแน่ๆ น้องพูยิ่งสนใจน้องแอลอยู่ด้วย ดีไม่ดีคบกันตัดหน้าแกแน่นอน”


“ไม่มีทาง” ผมสวนกลับทันที


ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอมให้สองคนนั้นคบกันเด็ดขาด


“มึงจะไปสู้อะไรน้องแอลได้ คนนั้นเขาน่ารักตัวเล็กบอบบางตะมุตะมิ มึงนี่อะไร ตัวโตอย่างกับควาย ซิกแพ็คอย่างแน่น คนละไซส์กันเลยนะโว้ย”


“...” ตอบโต้อะไรไม่ได้สักอย่างเลยครับ ยิ่งรู้ว่าคนที่พูชอบคือแอล ใจผมยิ่งร้อนรนไปหมด ผมไม่มีอะไรน่ารักสู้แอลได้สักอย่าง และดูเหมือนพูจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมด้วย


แต่นั่นไม่โหดร้ายเท่าน้องชายของผมก็ชอบพูเหมือนกัน


ทำไม่ต้องมาชอบคนเดียวกับพี่ด้วยห้ะแอล!


“ชักช้าไม่ได้แล้วนะเจต แกต้องรีบรวบหัวรวบหางจับน้องทำเมียไปเลย ได้ทั้งแฟนและได้กันผู้หญิงคนอื่นออกไปด้วย!”


“มึงยังเป็นผู้หญิงอยู่ไหมแมร์ ดูความคิดแต่ละอย่าง”  แจ้ส่ายหน้าหน่ายๆ


“เอ้า ฉันหาทางช่วยให้เพื่อนสมหวังอยู่นะ เดี๋ยวน้องโดนแย่งไปแล้วจะรู้สึก”


“ทำยังไง” ผมเกาะแขนแมร์ด้วยแววตาขอร้อง แต่เหมือนผมจะคิดผิดที่ขอความช่วยเหลือจากเธอ


แมร์แย้มยิ้มร้าย “ตามที่ฉันบอกเลย โป๊ะยาสลบ อุ้มขึ้นรถ ยัดเยียดความเป็นผัวแล้วตกลงเป็นแฟนกัน”


“อย่าไปฟัง” แจ้ยกมือปิดหูผม ไม่ยอมให้แมร์สาธยายอะไรให้ผมฟังอีก


“เอ๊ะ แกนี่” แมร์เท้าสะเอวทำตาเขียวปั๊ด


“เอ่อ พี่ๆ ครับ” เสียงทุ้มเรียกพวกผมให้หันไป


“อุ้ย น้องแบงค์คะ ลมอะไรหอบมาหาพี่เอ่ย” แมร์ยิ้มหวานกลับมาเป็นสาวเรียบร้อยทันทีที่เห็นหน้ารุ่นน้อง


“ผมเอาขนมกับจดหมายจากเพื่อนๆ มาให้ครับ” แจ้รับไปถือไว้แล้วถือโอกาสถามถึงเพื่อนสนิทของอีกฝ่าย


“แล้วไอ้พูเป็นอะไร ทำไมไม่มาโรงเรียน” ทำดีมากครับเพื่อน


“เอ่อ” แบงค์ทำตาเลิ่กลั่กเหมือนพยายามหาเรื่องปิดบังพวกเราอยู่ “ไม่สบายครับ”


“คราวที่แล้วก็ท้องเสียนี่ ใช่ไหม” แมร์ถามต่อ


“ครับ” รุ่นน้องพยักหน้าก่อนยกมือปาดเหงื่อดูกังวลแปลกๆ


“แปลกๆ นะไอ้แบงค์” แจ้เองก็คิดเหมือนกันกับผม


“ไม่มีอะไรหรอกพี่ ผมขึ้นห้องก่อนนะ ไปปั่นงานวิชาอาจารย์ศักดาก่อน ไอ้พูไม่อยู่ไม่มีคนให้ลอกเลย” พูดจบแบงค์ก็รีบวิ่งออกไปทันที


“ฉันคิดว่าน้องแบงค์ปิดบังบางอย่าง เซ้นส์ของว่าที่ภรรยาในอนาคตบอกฉัน”


“เหอะ ถามความสมัครใจน้องรึยัง”


“เอ๊ะ แกนี่ หรือจะให้เขาเป็นคู่จิ้นกับน้องพูล่ะ” แมร์เน้นคำว่าพูจนผมต้องตวัดสายตามองเพื่อนสาวอย่างไม่สบอารมณ์


กระแสคู่จิ้นแบงค์พูดังมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วครับ เพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาก เล่นอะไรก็ถึงเนื้อถึงตัวกันตลอดจึงมีหลายคนเก็บภาพไปตั้งเพจกันมากมายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ แต่ผมรู้ดีเพราะแอบส่องกระแสนี้มาตลอด กดเจอเมื่อไรก็กดรีพอร์ตเพจทุกครั้ง เอาให้ไม่มีคู่จิ้นกระแสนี้อยู่อีกเลย จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้เกิดกระแสคู่ใหม่


‘พูแอล’


ผมหงุดหงิดมากเพราะไม่รู้ไอ้คนถ่ายภาพไปเอาภาพคู่ของทั้งสองมาจากไหน และทุกภาพก็สื่อความหมายไปในทางที่มากกว่าเพื่อน ผมจึงกดรีพอร์ตเพจตามเดิม


จะมีก็แค่กระแสคู่เดียวเท่านั้นที่ผมสนับสนุนแถมยังแอบส่งภาพโมเม้นเล็กๆ ให้แอดมินเสมอ นั่นก็คือ ‘เจตพู’


ผมแอบส่งที่อยู่ของเราให้แอดมินตามถ่ายรูปตลอด ใช้เฟซตัวเองนั่นแหละส่งข้อความไป แอดมินก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ


“เออเจต ภาพที่แกไปเดทกับน้องในโรงหนังโคตรเรียลอะ คนไลค์ตั้งสองพันคนแหน่ะ ฉันไม่รู้ว่าน้องพูกลัวผีขนาดนั้นนะเนี่ยฮ่าๆ”


ครับ กาละแมร์เพื่อนผมเองที่เป็นแอดมินเพจ ‘เจตพู’ คอยบังคับให้ผมส่งภาพที่มีทั้งหมดให้มันเอาไปลงเรียกกระแส ตอนนี้มีคนตามอยู่สองหมื่นคนครับ คาดว่าในอนาคตจะมีมากกว่านี้ถ้าผมคบกับน้องแล้ว


อ่า...คบกันสินะ


“แหน่ะ ยิ้มอะไรเจต” ผมปัดนิ้วชี้ของเพื่อนสาวที่ยื่นเข้ามาแล้วหนีไปค้นจดหมายของน้องรหัส


“จะค้นทำไม น้องไม่มาแปลว่าจดหมายไม่มี” แจ้ฮุบถุงขนมทั้งหมดแล้วยื่นเพื่อนร่วมห้องที่นั่งอยู่ใกล้กัน มันจำได้หมดครับว่ารุ่นน้องม.5คนไหนเป็นน้องรหัสใคร


แมร์ดูดน้ำจนหมดแก้วแล้วถามผม “เออ ใช่ แกจะซื้ออะไรให้น้อง อาทิตย์หน้าเฉลยสายแล้วนะ”


“ยังไม่รู้เลย”


นอกจากขนมที่น้องชอบแล้วผมไม่รู้เลยว่าน้องอยากได้อะไร อันที่จริงไม่อยากซื้อขนมเป็นของขวัญเปิดตัว ผมอยากให้ของที่พิเศษแก่น้อง เขาจะได้เก็บไว้ได้นานที่สุด และนึกถึงผมเมื่อเห็นของชิ้นนั้น


รูปตัวเองใส่กรอบดีไหมนะ


“อย่าคิดจะเอารูปตัวเองใส่กรอบให้น้องเชียวนะ” แมร์พูดขึ้นอย่างรู้ทัน สายตาวิบวับนั้นทำให้ผมต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ


“ใครจะทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นล่ะ” แค่คิดเท่านั้นเอง


“แล้วไป ฉันว่าจะซื้อสร้อยคอให้น้องรหัส แกไปช่วยเลือกหน่อยสิ สนองนี้ดนางหน่อย เพ้อหาแกทุกครั้งที่ส่งจดหมายหาฉันเลย ไม่รู้ว่าใครเป็นพี่รหัสหล่อนกันแน่”


“ก็น้องฟ้าชอบเจตนี่หว่า ชอบมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วนี่” สิ้นคำแจ้ ผมก็นึกถึงเด็กผู้หญิงหน้าใสน้องรหัสของแมร์







สี่ปีก่อน


“พี่เจตคะ” เธอยื่นช็อกโกแลตกล่องเล็กให้ผม แต่ผมตีหน้านิ่งปฏิเสธเธอแล้วรีบเดินเลี่ยงไปอีกทางเพราะกำลังตื่นเต้นที่ได้เจอพู


คนที่ผมแอบชอบมานานแสนนาน และเพิ่งรู้ว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน


ผมนั่งลงสงบสติที่ใต้ต้นไทร พลางนึกถึงอดีตที่มีแต่เขา อันที่จริงในกระเป๋าของผมมีช็อกโกแลตกล่องหนึ่ง


เมื่อเช้าเห็นยายคนหนึ่งนั่งขายดอกกุหลาบรวมถึงช็อกโกแลตทำเองกล่องเล็กๆ ผมจึงอุดหนุนซื้อมาเพราะเห็นว่าเป็นกล่องสุดท้ายแล้ว อยากให้แกได้กลับบ้านไปพักผ่อนไวๆ


“กล่องสุดท้ายแฟนรักแฟนหลงจ้า” ผมหัวเราะนิดๆ แล้วจ่ายเงิน คิดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสให้ช็อกโกแลตเขาคนนั้น


“หึ ไอ้พูแกมันน่าสมเพช” ผมนั่งตัวแข็งทื่อ เสียงคุ้นหูอยู่อีกฝั่งของต้นไทร


“ฮือ ทำไมฟ้าไม่ชอบเรา” ผมรู้สึกปวดไปทั้งใจเมื่อได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของน้อง


เขาไม่ชอบพู แต่พี่ชอบพูนะ


“เรามันขี้เหร่สินะ”


ไม่ พูน่ารักจะตาย เชื่อพี่สิ


“ไอ้พี่เจตมันดีตรงไหน”


ห้ะ


ผมชะงักกึก น้องรู้จักผมด้วยเหรอ


“ก็แค่หล่อปะวะ ฮึก พูดีกว่าพี่มันตั้งเยอะ”


จะว่าไปก่อนผมจะเดินเลี่ยงออกมาเหมือนจะเห็นเขาก้มลงเก็บดอกกุหลาบ


หรือว่าน้องผู้หญิงคนนั้นคือคนที่พูชอบ!


ผมได้แต่ทึ้งหัวตัวเอง เพิ่งได้เจอน้องอีกครั้งกลับทำให้น้องเกลียดไปแล้ว จะมีวิธีไหนไหมที่จะทำให้พูกลับมาชอบผมเหมือนเดิมวะเนี่ย


“กุหลาบน้อย นายคือหัวใจของฉัน” ผมเงี่ยหูฟัง ไม่กล้ายื่นหน้าไปดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร กลัวน้องรู้ว่าผมยืนแอบฟังอยู่จะยิ่งเกลียดมากกว่าเดิม


เสียงฝีเท้าเดินจากไป ผมลอบมองแผ่นหลังเล็กของน้องที่เดินคอตกไกลออกไป เหลือบมองใต้ต้นไทรที่มีดอกกุหลาบสีสดบวมช้ำวางอยู่ ผมหยิบกุหลาบดอกนั้นมาถือไว้อย่างทะนุถนอมแล้วสอดไว้ในไดอารี่เล่มเล็กของตัวเอง ซึ่งป่านนี้กลีบกุหลาบคงแห้งกรอบหมดแล้วเพราะผ่านมาตั้งหลายปี


หลังจากคาบพัก ผมก็รีบสืบว่าน้องมีเรียนห้องไหนจากเพื่อนสนิทเพราะอยากให้ช็อกโกแลตกล่องนั้น ทั้งคู่จึงรู้ว่าผมแอบชอบพูและคอยหาช่องทางให้ผมเข้าไปใกล้ชิดน้องอยู่เสมอ แต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะทำความรู้จักเขา ได้แต่ตีหน้านิ่งทำตัวเป็นสารวัตรนักเรียนผู้น่ากลัวจนถึงปัจจุบัน


เพิ่งจะมีโอกาสได้คุยกับพูไม่นานนี้เอง


ผมมองน้องที่กำลังล้วงหยิบสมุดจดการบ้านให้เพื่อน “อ้ะ ช็อกโกแลตมาจากไหนวะ”


ผมรีบหลบเมื่อน้องมองซ้ายมองขวาหาเจ้าของกล่องช็อกโกแลต หัวใจเต้นแรงเพราะกลัวน้องจะรู้ว่าผมเป็นคนให้แล้วเอามาปาใส่หน้า


“ขอบคุณคร้าบบบบบ” พูส่งเสียงลั่นจนเพื่อนในห้องหันไปมองเขาเป็นตาเดียว


“ขอบคุณไรวะถั่ว” เพื่อนซี้ของน้องเดินเข้าไปหาอย่างงงๆ พูชูกล่องช็อกโกแลตให้เพื่อนดู


“อย่างน้อยวาเลนไทน์ปีนี้กูก็มีอะไรแดก...ไอ้แบงค์!” น้องโว้ยลั่นเมื่อเพื่อนสนิทแย่งกล่องช็อกโกแลตไป สองคนนั้นวิ่งไล่กันรอบห้อง ผมยิ้มบางเมื่อเห็นน้องหวงของที่ผมให้ ก่อนจะหงุดหงิดความใกล้ชิดของทั้งคู่ที่ดูจะแนบชิดไปหน่อย


“แหมๆ น้องเขาก็สนิทกันเป็นเรื่องปกติปะวะ” แจ้เอ่ยขึ้นพลางมองภาพเดียวกับผม พูเขย่งคว้ากล่องจากมือเพื่อนจนลำตัวแนบชิดกัน


น่าหงุดหงิดชะมัด


“ไม่อยากให้เขาสนิทกันมากกว่านั้นเจตก็จีบน้องเลยสิจ้ะ” แมร์ที่ตอนนั้นยังสุภาพกว่านี้สนับสนุนผมเต็มที่ และผมก็ดีใจที่เธอไม่เคยคิดกับผมเกินเพื่อนเหมือนคนอื่นๆ


“ไว้เรากล้ากว่านี้ก่อนนะ”


ใช่ กล้ากว่านี้







“เจต” ผมหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงเล็กทักขึ้น แอลเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


น้องแอลเป็นคนยิ้มง่ายตั้งแต่เด็กแล้ว แต่บางครั้งก็ใช้รอยยิ้มกลบเกลื่อนเรื่องบางอย่างเช่นเดียวกับตอนนี้


“เป็นอะไร” แอลหลบตาผมแล้วส่ายหน้า


“แอลจะมาบอกว่าวันนี้ไม่กลับด้วยกันนะ” ผมขมวดคิ้ว นี่แหละที่แปลก ปกติแอลไม่เคยอยู่ห่างจากผมเลยด้วยซ้ำ มีแค่เมื่อวานที่ผมมีธุระด่วนก็เลยให้น้องกลับก่อน


“แล้วทำไมไม่กลับด้วยกัน”


“เอ่อ คือ...” น้องกัดปากนิดๆ อย่างชั่งใจก่อนจะยอมแพ้เมื่อสบตาผมที่คาดคั้นรอคำตอบ  “แอลจะไปเยี่ยมพู”


“โดนน้องแย่งแน่มึง” ผมถองศอกใส่แจ้ที่พูดจาไม่เข้าหู


“เดี๋ยวพี่พาไปเอง” ผมเองก็อยากรู้ที่อยู่พูเหมือนกัน เผื่อโอกาสหน้าจะได้เนียนไปส่งเขาที่บ้านฝากตัวเป็นลูกเขยอะไรแบบนั้น


อะแฮ่ม! กลับมาเถอะสติ


“ไม่ได้นะ! เอ่อ คือ...พูไม่ชอบหน้าเจต ถ้าไปเดี๋ยวอาการพูแย่นะ”


ผมชะงัก ลืมไปเลยว่าตอนนี้สถานะผมไม่ได้เขยิบเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเลยสักนิด


ทั้งที่ใช้เรื่องนั้นเข้าหาพูมาโดยตลอด


แต่สุดท้าย...ก็เป็นได้แค่พี่ชายของคนที่เขาแอบชอบ







“นั่นสินะ งั้นดูแลตัวเองดีๆ ล่ะตัวเล็ก” ผมลูบหัวน้องที่ทำท่าเหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็เงียบไป


“จิ๊ แกน่าจะรุกน้องพูได้แล้วนะ” พอแอลเดินจากไปแมร์ก็รีบพูดกรอกหูผม


“กูเริ่มเห็นด้วยแล้วว่ะเจต ถ้ามึงยังช้าแล้วน้องชายมึงตกลงปลงใจกับพูขึ้นมาจริงๆ มึงเสียใจตลอดชีวิตแน่ ดูท่าแอลก็ห่วงพูไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าความสัมพันธ์ของสองคนนั้นคืบหน้าไปมากกว่านี้มึงไปแทรกไม่ได้แล้วนะ”


“ใช่ แกจะดูเลวมากที่แย่งของๆ น้อง แต่ตอนนี้ยังมีโอกาส ลุยโลด” แมร์ตบไหล่ผมดังพลั่ก เหล่มองเพื่อนสาวรูปร่างบอบบางแต่ฝ่ามือหนักแล้วลูบไหล่ตัวเองเบาๆ


เอาวะ เป็นไงเป็นกัน


“อืม เราจะจีบพู” สิ้นคำพูดผม สองเพื่อนซี้ก็ส่งยิ้มกว้างเป็นกำลังใจให้ 


แจ้น่ะยิ้มจริงใจ แต่แมร์น่ะ


“หึหึ”


รู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างไรไม่รู้








Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
พี่เจตจะจีบน้องแล้ว (ที่ผ่านมายังไม่จีบอีกเรอะ 555)
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ค่ะ เยอะดีจัง ชอบ  :mew1:
   
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: tnkgif ที่ 29-03-2017 15:37:00
พี่เจตมาเเล้ว ตอนนี้ก็ให้พูยังฟินกับแอลไปก่อนละกัน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 29-03-2017 15:47:44
พูน่ารักมากๆเลย จะรักสามเศร้าหรือเปล่า
ไม่เอาดราม่านะขอร้อง แค่เรื่องแฝดบ้านั่นก็น่ากลัวพออยู่แล้ว
รออ่านตอนต่อไปนะฮะ ขอบคุณคร้าบบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 29-03-2017 15:56:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 29-03-2017 17:16:08
พี่เจต แอร้ยยยยยย ทำไมกร๊าววววว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-03-2017 17:40:06
โถพี่เจตผู้น่าสงสาร แอบมองเขามาตั้งนานเขาดันเห็นเป็นศัตรูไปได้
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 29-03-2017 19:54:10
กว่าจะจีบน้องนะพี่เจต 55555555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 29-03-2017 20:51:48
พี่เจตเดินหน้าจีบน้องพูไปเลย เอาให้เต็มที่ เพราะเรื่องนี้จะเล่นเบี้ยนไม่ได้นะ 5555555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 29-03-2017 20:53:12
พี่เจตมีความน่ารักจังเลยย
มีความแอบฟัง น่ารักก
สู้สู้นะพี่เจต :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-03-2017 20:59:01
พูกะแอลก็ตะมุตะมิดีนะ 5555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 30-03-2017 00:07:10
  อยากอ่านต่อ มาเร็วๆนะคับ ค้างอะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 10 [29-03-17]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 31-03-2017 21:15:50
มารอเจต&พู
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 11 [01-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 01-04-2017 19:44:43
บทที่ 11
เหตุเกิดเพราะ...รอยแผล




“หน้าไปโดนอะไรมา”


ผมเหลือบมองพี่เจตที่ไม่รู้โผล่มาอยู่ข้างๆ ผมเมื่อไร จงใจเมินไม่ตอบคำถามเขาแล้วเดินเข้าโรงเรียนไปทั้งใบหน้าเขียวช้ำ แต่ร่างสูงก็ยังคงตามติด ถามคำถามเดิมซ้ำๆ จนผมเริ่มหงุดหงิด


“เรื่องของผม!” พูดจบผมก็รีบวิ่งไปให้พ้นสายตาพี่เจตทันที เพราะกลัวว่าจะเผลอหลุดปากบอกเรื่องเมื่อวันก่อน


 ผมหลบอยู่ในห้องเรียนไม่ไปเข้าแถวให้เพื่อนหรืออาจารย์คนไหนถามไถ่ทั้งนั้น


“เฮ้ย เป็นไรวะไอ้พู” เพื่อนคนแรกที่เข้าห้องมารีบเข้ามาถามอาการจากผมทันที


“โดนไอ้พวกโรงเรียนเขตสามมันรุมน่ะสิ ดีนะที่กูไปช่วยไว้ทัน” แบงค์นั่งลงข้างผมแล้วเป็นฝ่ายเล่าเรื่องราวทั้งหมดแถม เพื่อนร่วมห้องก็พร้อมใจกันรวบตัวผมไว้ไม่ให้แย้งอะไรได้อีก


หลายคนเชื่อคำพูดแบงค์ ประกอบกับข่าวลือของแอลที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาทำให้เพื่อนทั้งห้องเชื่อไปแล้วว่าแอลถูกใส่ร้าย และเพราะว่าเพื่อนในห้องผมอัธยาศัยดีมากจึงช่วยกระจายข่าวไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว รุ่นน้องที่เคยมองแอลไม่ดีก็เข้ามาขอโทษแอลและบอกว่าจะเป็นกำลังใจให้ รวมถึงเผื่อแผ่ความเป็นห่วงมาให้ผมที่รับเคราะห์ไปเต็มๆ


แต่เพราะทุกคนรู้ ผม แอล และแบงค์จึงถูกเรียกเข้าห้องปกครองอีกครั้ง


“ไหนเล่าให้ครูฟังซิ ที่ภูรินทร์ไม่มาโรงเรียนเมื่อวานเพราะถูกรุมทำร้ายอย่างนั้นเหรอ” แอลและแบงค์พยักหน้า ส่วนผมก็ล้วงกระเป๋าเพื่อใบรับรองแพทย์ยื่นให้ครูเกรียงไกรแล้วเล่าเรื่องอย่างละเอียดให้ครูฟัง


ครูรับฟังเงียบๆ แล้วบอกจะรีบจัดการให้เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของพวกเรา เพราะไม่มีใครรู้ว่าคนพวกนั้นจะกลับมาทำร้ายเราอีกหรือเปล่า


แต่ผมมั่นใจว่าตั้นไม่มีวันเลิกรา สายตาเขาบอกผมอย่างนั้น


“เฮ้อ โล่งอก” แบงค์กางแขนออกกว้างก่อนจะกอดคอผมไว้ “อย่างน้อยมึงก็ไม่ต้องเผชิญเรื่องนี้คนเดียวนะ”


“อืม แอลโอเคไหมที่เราเล่าให้ครูฟัง” ผมมัวแต่ห่วงความปลอดภัยจนลืมถามใจแอลว่าต้องการให้ครูรู้เรื่องหรือเปล่า


“ฮื่อ เราดีใจที่ได้บอกครูนะ อย่างน้อยครูก็อาจจะช่วยอะไรเราได้บ้าง” คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ “แต่กลัวเจตโมโหน่ะสิที่เราไม่บอกเขาก่อน”


ผมนิ่งไปนิด นั่นสินะ ป่านนี้พี่เจตคงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ผมหวังว่าเขาจะไม่ผลีผลามทำอะไรไปก่อน เพราะพวกเราเป็นแค่นักเรียนม.ปลาย ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการอาจเป็นวิธีที่ดีกว่า


พ้นห้องปกครองมาไม่เท่าไร ร่างสูงคุ้นตาคนหนึ่งยืนกอดพิงกำแพงนิ่งๆ พี่เจตเหลือบมองพวกเราด้วยสายตาคมกริบ “คิดจะบอกพี่เมื่อไหร่”


“เจต...”


“ความผิดผมเองที่ไม่ให้แอลบอกพี่” ผมรีบออกตัวปกป้องแอล ร่างสูงเบนสายตามามองผมอย่างตัดพ้อ


“ทำไม คนอย่างพี่เชื่อใจไม่ได้เลยเหรอ กลัวว่าพี่จะเอาไปฟ้องครูรึไง”


“เปล่านะเจต เราก็แค่เป็นห่วง และพูก็กลัวว่าเจตจะไปลุยเดี่ยวเหมือนคราวที่แล้ว” แอลละล่ำละลักบอก


พี่เจตมองผมแล้วขมวดคิ้ว “นายรู้”


“ผมรู้เรื่องทุกอย่างของแอลนั่นแหละ”


“ผมไม่รู้นะพี่” เพื่อนซี้ของผมรีบบอกพี่เจตก่อนจะเฟดตัวออกไปเงียบๆ จนเหลือเราแค่สามคน


“แอลเล่าให้ผมฟังแล้ว และที่เราทำก็แค่ไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่าง ‘คราวนั้น’ ขึ้นอีก” ผมเน้นย้ำให้พี่เจตฟัง ดูเหมือนเขาเองก็เข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร


“แต่อย่างน้อยก็ควรบอกพี่ ไม่ใช่ให้พี่รู้เรื่องจากคนอื่น น้องทำเหมือนพี่เป็นไอ้โง่ น้องตัวเองถูกทำร้ายยังไม่รู้”


ผมเข้าใจดีว่าพี่เจตรู้สึกอย่างไร บางทีผมอาจมองในมุมของตัวเองมากเกินไป กลัวเขาจะรู้และบุกไปสู้กับคนพวกนั้น ลืมไปว่าสิ่งสำคัญคือความเชื่อใจ พี่เจตคงเสียใจมากที่เราไม่บอกเขาว่าเรามีปัญหาแล้วยังให้เขาเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องอีก


“ผมขอโทษ” ผมยกมือไหว้พี่เจต ขอโทษที่ปิดบังเขา แอลขอโทษร่างสูงตามผมแล้วเข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่น ถูไถไปหน้าบนอกแกร่งจนผมเริ่มอิจฉานิดๆ


จิ๊ สิทธิพิเศษของพี่น้องรึไงกัน


“ไม่ต้องมาอ้อนเลยตัวเล็ก” พี่เจตบีบจมูกแอลเบาๆ แล้วปล่อยออก “คราวหน้าห้ามทำแบบนี้อีกรู้ไหม”


“คร้าบ” แอลยิ้มแผล่แล้วกอดพี่เจตอีกครั้ง


“นายด้วย มีปัญหาอะไรให้บอกพี่คนแรกเพราะพี่ดูแลเรื่องพวกนายโดยตรง”


“แต่ว่า...” ผมกลัวพี่บุกไปสู้กับพวกมันน่ะสิ


“ไม่ต้องห่วง พี่ไม่วู่วามอีกแล้ว” พี่เจตลูบหัวแอลเบาๆ มองคนตัวเล็กด้วยแววตารักใคร่ “ไม่มีวันให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกแน่” ผมมองตามสายตาของพี่เจต สิ่งที่พวกเราทำก็เพื่อปกป้องแอลเท่านั้น


“ขึ้นเรียนกันดีกว่าโน๊ะ” แอลเงยหน้าขึ้นจังหวะเดียวกับที่พี่เจตกลับมาทำหน้านิ่งดังเดิม “งื้อ ยังไม่หายโกรธแอลอีกเหรอ”


“จะโกรธไปเรื่อยๆ จนกว่าคนแถวนี้จะสัญญาว่ามีปัญหาคราวหน้าจะบอกพี่ทุกอย่าง” พี่เจตยื่นนิ้วก้อยไปหาคนตัวเล็ก แอลรีบเกี่ยวก้อยทันที


“สัญญา”


ผมยิ้มตามรอยยิ้มแอลก่อนจะชะงักเมื่อนิ้วก้อยอีกข้างยื่นมาทางผม


“สัญญาสิ”


“ห้ะ เกี่ยวอะไรกับผม” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ


“เร็วพู รีบสัญญาเร็ว เดี๋ยวเจตงอนนนนนน ง้อยากนะคนนี้อะ” ผมมองทั้งคู่สลับกันไปมาก่อนจะยอมแพ้คนตัวเล็กที่กระพริบตาปริบๆ รออย่างมีความหวัง


ผมยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับร่างสูง


“อือ สัญญา”


“ดีมาก” พี่เจตยิ้มกว้าง


เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรอยยิ้มของพี่เจตดูสดใสแบบนี้ รู้สึกแปลกตาและแปลกใจมากที่จู่ๆ หัวใจก็เต้นผิดจังหวะ


อะไรวะ นอนไม่พอเหรอ


“หายโกรธแล้วงั้นวันนี้พาแอลไปกินขนมด้วย!” ดวงตาของแอลเปล่งประกาย รอคำตอบของที่เจตที่มอบให้เป็นแรงดีดบนหน้าผาก


“ฝันไปเถอะ พี่จะทำโทษเรา ไม่เลี้ยงขนมใดๆ ตลอดหนึ่งอาทิตย์”


“เจตอะ” แอลทำหน้าบึ้ง


“เราเลี้ยงเอง” ผมอาสา แหม่ได้โอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองใครจะไม่อยากล่ะครับ


“ไม่ต้องยุ่งเลยนายน่ะ ขึ้นไปเรียนได้แล้วแอล” พี่เจตดันหลังแอลให้ขึ้นอาคารเรียนไป ส่วนผมก็ก้มลงมือนิ้วก้อยของอีกฝ่ายที่ยังเกี่ยวนิ้วผมไว้ไม่ปล่อยสักที


“ปล่อยได้แล้วมั้งพี่ ผมจะไปเรียนเหมือนกัน” ผมชูนิ้วที่ยังเกี่ยวกันอยู่ ไม่สิพี่เจตคนเดียวต่างหากที่ยังรัดนิ้วผมไว้


พี่เจตมองผมนิ่งๆ ก่อนจะดึงผมเข้ามาใกล้ด้วยนิ้วก้อยของเขา


“อะ...อะไร”


“อยู่นิ่งๆ” พี่เจตปล่อยนิ้วก้อยผม เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบพลาสเตอร์ลายริลัคคุมะแปะบนใบหน้าของผม


“หึ น่ารักดี”


“อะไรของพี่เนี่ย” ผมทำท่าจะแกะพลาสเตอร์ออกแต่ร่างสูงจับแขนผมไว้


“แปะไว้ก่อน กลับไปบ้านค่อยทิ้งก็ได้ พี่อุตส่าห์เสียสละ แพงนะเนี่ย”


“เดี๋ยวผมซื้อคืน” พลาสเตอร์ลายแบบนี้หาซื้อตามร้านขายยาก็ได้ คงไม่แพงเท่าไรหรอก


“พรีออเดอร์จากญี่ปุ่นนะ” ผมเบิกตากว้าง แค่พลาสเตอร์พี่จะพรีออเดอร์เพื่ออะไรครับ


“โห แล้วเอาของแพงอย่างนี้มาให้ผมทำไมเล่า” ผมชี้ไปที่พลาสเตอร์เจ้าปัญหา กลัวว่าพี่เจตจะมาทวงบุญคุณค่าพลาสเตอร์อีก


“ก็แค่...อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่คนสำคัญที่สุดนี่” พี่เจตยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินหันหลังกลับขึ้นอาคารเรียนไป ทิ้งให้ผมยืนนิ่ง ทวนประโยคที่อีกฝ่ายพูดซ้ำไปซ้ำมา


คืออะไรวะ


⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀


ผมยืนอยู่บนอาคาร มองร่างบางที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดเรื่องที่ผมพูด ผมหวังว่าเขาจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร


“เจต กูให้รุ่นน้องสืบมาแล้ว แก๊งค์นั้นรวมกับโรงเรียนคู่อริของเราว่ะ” เสียงแจ้ดึงผมให้กลับมาสนใจเพื่อนทั้งสอง ผมปรายตามองร่างบางที่เดินมึนๆ งงๆ ไปอีกทาง


หรือว่าเขาไม่เข้าใจคำพูดของผม


“เดี๋ยวเราจัดการเอง” ผมเหลือบมองเพื่อนสาวที่ฉีกยิ้มด้วยสายตาระแวง ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนคิดจะทำอะไรอีก


“ขอเถอะนะ อย่ามีเรื่อง อาจารย์เกียงไกรกำลังจัดการให้อยู่ เราไม่อยากให้มีปัญหามากไปกว่าเดิม”


“ไว้ใจหน่อยสิยะ ฉันเป็นแฟนประธานนักเรียนฝั่งนั้นเลยนะ จะทำอะไรก็ควรเกรงใจฉัน แต่นี่กล้ามาทำให้น้องพูของฉันเจ็บ” แมร์กำมือแน่น “มันต้องเจ็บยิ่งกว่า”


อ่า ผมคงลืมบอกไปว่าในอดีตพวกเราเชี่ยวชาญเรื่องใช้กำลังมากแค่ไหน ผมเพิ่งหยุดมีเรื่องหลังจากแอลพลั้งมือทำร้ายคู่อริของผมไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนอีกสองคนของผมจะหยุด


แจ้และแมร์คือตัวพ่อและตัวแม่ที่อยู่เบื้องหลังของโรงเรียน น้อยคนนักจะรู้ว่าสองคนนี้คอยจัดการเด็กเกเรและคู่อริต่างสถาบันที่ลอบทำร้ายเด็กของเรา แต่ไม่รู้ไปจัดการอีกท่าไหนแมร์กลับคว้าใจประธานนักเรียนของโรงเรียนคู่อริมาได้ เราสองฝ่ายจึงช่วยกันดูแลรุ่นพี่รุ่นน้องของพวกเรามาโดยตลอดโดยไม่มีใครรู้


“ขอเราคุยกับเขาก่อน เธออย่าเพิ่งไปยุให้เขาจัดการพวกนั้นก่อนล่ะ เดี๋ยวเรื่องบานปลาย พวกนั้นจะช้ำในตายก่อนสำนึกผิด”


“จ้าๆ” พอแมร์รับคำผมก็หันไปหาแจ้


“นายติดต่อพวกรุ่นน้องไว้เผื่อสถานการณ์หนักกว่าที่คิด”


“พร้อมลุยเสมอครับเพื่อน” แจ้แย้มยิ้มร้าย


“แกน่าจะเป็นประธานนักเรียนแทนธงนะ จัดการแทบจะทุกอย่าง ตำแหน่งประธานกลายเป็นคนจัดการเอกสารไปเสียอย่างนั้น”


“มันไม่ยอมเป็นหรอกเดี๋ยวไม่มีเวลาส่องน้องพู”


“หึหึ นั่นสินะ ร้ายนะเรา”


ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แต่ชะงักเมื่อเห็นแบงค์กอดคอพูเดินผ่านไป สองคนนั้นหัวเราะคิกคักหยอกล้อกันจนผมหงุดหงิด


“ว้าย เห็นเหมือนกันไหมครับบีหนึ่ง ได้แต่มองอยู่ลำพัง มองอยู่อย่างนั้นโดยที่เขาไม่หันมา”


“เห็นเหมือนกันค่ะบีสอง น้องเขาไม่เอาก็อย่างนี้แหละ ดูท่าจะแห้วไปอีกน้านอีกนาน”


“ไม่นานหรอก” ผมสบตาเพื่อนทั้งสองแล้วหันกลับไปมองแผ่นหลังของเขาด้วยรอยยิ้ม


เตรียมใจให้ดีล่ะพู พี่จะคว้าใจเราให้ได้







Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
น้องยังงง ยังไม่เข้าใจที่พี่เจตสื่อความหมาย 555 แต่เรื่องแอลนี่รู้ทันตลอดนะ  :hao3:
พี่เจตเริ่มแล้วนะคะทุกคน เตรียมใจพูไว้ให้ดีลูก นี่เพิ่งเริ่มต้น หลังจากนี้จะค่อยๆ เพิ่มจนตั้งตัวไม่ติดเลยล่ะ 555
ขออภัยที่มาช้านะคะ ติดธุระสำคัญ นี่ถึงบ้านก็เลยรีบเขียนให้ทันทีเลยนะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ  :กอด1:
    
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 11 [01-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 01-04-2017 20:30:40
สู้นะพี่เจตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต :a2:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 11 [01-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 01-04-2017 20:37:35
อยากเห็นตอนรุกดูซักทีช้าอะเจต
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 11 [01-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 01-04-2017 20:49:22
ดีๆ เอาเลย เอาเลย จีบพูเลย ไม่ห้ามและไม่มีใครห้าม 555
   รออ่านตอนต่อไปคับ
 
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 11 [01-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 01-04-2017 20:59:21
เอ้าๆพี่เจตรีบจีบพูเข้าล่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 11 [01-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 02-04-2017 00:03:10
งื้ออ ชอบพี่เจต :hao7: :hao7:
หนูถั่วหันมาสนใจพี่เจตแกบ้างนะลูก :katai1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 11 [01-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-04-2017 00:05:48
กำลังหนุนพร้อมสินะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 11 [01-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 02-04-2017 01:20:12
โอ้ยยย พี่เจตตต รุกแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 12 [03-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 03-04-2017 15:51:10
บทที่ 12
เหตุเกิดเพราะ...ฝน



ครืน


“ฝนตกหนักเลยว่ะมึง” แบงค์กับผมติดแหง็กอยู่ในอาคารเพราะฝนกำลังตกหนัก เพื่อนหลายคนยอมวิ่งฝ่าฝนออกไปเพื่อกลับบ้าน แต่ผมยังกลับไม่ได้เพราะคุณเพื่อนไม่ยอมให้เสื้อเปียก ผมจึงต้องอยู่รอฝนซาเป็นเพื่อนมันหรือจนกว่าพ่อของแบงค์จะมารับ


ชาตินี้จะได้กลับบ้านไหม


“นั่นสิ” ผมเงยหน้ามองสายฝน ดีนะที่ผมเอาร่มมาจะได้ไม่ต้องกลับบ้านแบบเปียกๆ


“แย่จังเราไม่ได้เอาร่มมาด้วยสิ” เสียงเล็กดังขึ้นระหว่างผมกับแบงค์ แอลมองท้องฟ้าแล้วยื่นมือไปรองน้ำฝนอย่างกังวล ผมรีบล้วงกระเป๋าสะพายแล้วหยิบร่มคันเล็กส่งให้แอล


“อะ เอาร่มเราไปใช้ก่อน”


“แต่มึง...” ผมหันไปส่งสายตาให้แบงค์หุบปาก แล้วยิ้มให้คนตัวเล็ก


“เราหยิบเกินมาคันหนึ่งน่ะ แอลเอาไปใช้ได้เลยนะ”


“ขอบคุณนะพู เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเอามาคืน อ่า สายแล้ว เดี๋ยวเจตรอ ไปก่อนน้า” คนตัวเล็กโบกมือให้ผมก่อนจะกางร่มเดินออกไป


“มึงนี่นะ รู้ตัวว่าไม่ถูกกับฝนยังจะหาเรื่องให้ตัวเองอีก”


“เถอะน่า เพื่อความสบายใจของกู กูไม่อยากให้แอลป่วย”


“มึงนั่นแหละที่จะป่วย แล้วนี่จะกลับยังไง ให้ป๊ากูไปส่งไหม”


“อย่าเว่อร์น่า กูกลับเองได้ จะให้พ่อมึงย้อนไปย้อนมาทำไม”


“งั้นเดี๋ยวเอาร่มกูไปใช้”


ผมรับร่มจากแบงค์ทันทีที่ส่งคุณชายขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว แต่ในจังหวะที่กำลังจะออกจากโรงเรียนผมเหลือบไปเห็นฟ้าลังเลที่จะเดินฝ่าฝนออกมาจากอาคาร คิดว่าเธอคงไม่มีร่มผมจึงเดินไปหาเธอแล้วชวนมาเข้าร่มด้วยกัน


“ขอบใจ” เธอเอ่ยเสียงเบาแล้วเดินเข้ามาอยู่ในร่มคันเดียวกับผม


เราทั้งคู่เงียบไปตลอดทางจนกระทั่งใกล้ถึงหน้าประตูโรงเรียนจู่ๆ ฟ้าก็พูดขึ้น


“นายชอบแอลเหรอ” ฟ้าหันไปทางอื่น แต่รอฟังคำตอบจากผม


“อืม” ผมไม่รู้หรอกว่าเธอถามทำไม แต่ผมก็ตอบไปตามความจริง จะว่าไป ตั้งแต่วันที่ผมเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กพี่เจต วันนี้คงเป็นวันแรกที่เราได้คุยกันดีๆ


“ขอโทษนะที่วันนั้นพูดกับนายไม่ดี ฉันแค่...ชอบพี่เจตมากเท่านั้นเอง” เธอสบตาผมด้วยแววตารู้สึกผิด


“ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ไม่พูด ผมจึงเอ่ยถาม


“มีอะไรเหรอ” ฟ้าลังเล แต่สุดท้ายเธอก็ถามผม


“นาย...ไม่ได้คิดอะไรกับพี่เจตแน่นะ” หืม คำถามอะไรล่ะนั่น


“คิดอะไร” หมันไส้อะไรอย่างนั้นน่ะเหรอ


“ชอบพี่เจต หรืออะไรทำนองนั้น” เธอดูไม่แน่ใจ ผมจึงอดแกล้งเธอนิดๆ ไม่ได้


“ฉันคิด” เธอกำมือแน่นแต่พยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้แสดงออกว่ากำลังไม่พอใจ “ฉันคิดว่าไม่ชอบขี้หน้าเขาอย่างแรงเลยล่ะ” ผมเฉลย


เธอเงยหน้ามองผมอย่างไม่เข้าใจ


“ตอนนี้เขากำลังขัดขวางความรักระหว่างฉันกับแอล และในอดีต” ผมสบตาเธอ “ก็แย่งหัวใจเธอไป”


“เอ่อ...พู” เธอกัดปาก เงยหน้าสบตาผมด้วยแววตาเสียใจ


ผมหันกลับมามองทางข้างหน้า “ช่างเถอะ เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ตอนนี้หัวใจของฉันไม่เจ็บปวดอีกแล้วเพราะฉันกำลังมีความรักครั้งใหม่ และไม่ต้องกังวลว่าฉันจะแย่งพี่เจตของเธอ เพราะฉันชอบน้องของเขาไม่ใช่เขา” ผมบอกเธออย่างมั่นใจ


“เราขอโทษนะ เรื่อง...เมื่อหลายปีก่อน”


“มันผ่านไปแล้วฟ้า เราไม่โกรธเธอแล้ว ตอนนี้เราแค่หวังว่าวันวานจะหวนกลับคืนมา” ผมบอกเธอ “กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...ได้ไหม”


ฟ้าก้มหน้าลงแล้วพยักหน้ารับทั้งน้ำตา


“อื้อ”


“ไม่เอาๆ ไม่ร้อง” ผมเช็ดน้ำตาบนแก้มเธอ ดีใจที่เรื่องระหว่างเราจบสิ้นสักที บอกตามตรงผมไม่มีความสุขหรอกที่เราสองคนไม่พูดคุยกันตลอดหลายปี ลึกๆในใจผมยังคงหวังว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง แม้ไม่ใช่ในฐานะคนรัก แต่เป็นเพื่อนสนิทกันอย่างแต่ก่อนก็เพียงพอแล้ว


“พูจะช่วยเราจีบพี่เจตได้ไหมอะ”


“หืม เกี่ยวอะไรกับเราล่ะ” ผมยืนรอรถเมล์เป็นเพื่อนเธอ


“ก็...เห็นนายสนิทกับแอล น่าจะพอถามได้ว่าพี่เจตชอบอะไร ไม่ชอบอะไร สเปคของเขาเป็นแบบไหนเราจะได้ทำตัวถูก”


“อ่า...” เรื่องอะไรผมต้องไปสืบเรื่องของศัตรูด้วยล่ะ


“นะ ช่วยเราหน่อยน้า” ฟ้าเขย่าแขนผมด้วยท่าทางอ้อนๆ เหมือนก่อนทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้


“อะๆ ก็ได้ แต่ฟ้าต้องช่วยกันพี่เจตให้เราด้วยนะ เราจะได้มีเวลาจีบแอล”


“ได้เลย!” ผมหัวเราะนิดๆ เมื่อเห็นดวงตาเปล่งประกายของเธอ


“อะ” ผมส่งร่มให้เธอถือเมื่อเห็นรถเมล์ของใกล้เข้ามา


“ไม่เป็นไรหรอกพู เดี๋ยวขึ้นรถเมล์ก็ไม่เปียกแล้ว”


“บ้านฟ้าอยู่ไกลจากป้ายรถเมล์นะ” ผมบอกเพราะเคยไปทำงานกลุ่มร่วมกันที่บ้านฟ้า จากหน้าปากซอยถึงบ้านฟ้าค่อนข้างไกล จะให้ผู้หญิงเดินตัวเปียกคงไม่ดี


“อืม ขอบใจนะพู” ผมมองส่งฟ้าขึ้นรถเมล์แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์ที่อยู่อีกฝั่งเพื่อกลับบ้าน


“ทำไมเปียกซกอย่างนี้ล่ะพู คุณคะขอผ้าเช็ดตัวหน่อยเร็ว” พ่อรีบหยิบผ้าขนหนูส่งให้แม่เช็ดหัวผมทันที


“ลืมเอาร่มไปล่ะสิ ถ้าเป็นไข้ขึ้นมาจะทำยังไง พรุ่งนี้แม่ก็ไปค่ายกับเด็กๆ พ่อเขาก็ต้องขึ้นเครื่องไปสิงคโปร์คืนนี้ แล้วใครจะดูแลเรา”


“โห่แม่ ผมโตแล้วนะไม่ได้อ่อนแอเหมือนตอนเด็กๆ สักหน่อย ฮัดชิ่ว” ผมจาม เหลือบมองแม่ที่ยืนทำหน้าดุแล้วรีบฮึบไม่ให้จาม แต่อดทนได้ไม่นานก็จามออกมาอีก


“กินยาดักไว้ก่อนลูก” พ่อยื่นยาให้ผมพร้อมแก้วน้ำ ผมรับมากินก่อนจะถูกแม่ไล่ให้ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยลงมาทานข้าวเย็น


⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀


“อื้อ” ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องอยู่ข้างเตียง


“ว่าไง” เสียงผมแหบมากจนแทบไม่มีเสียง


(ไอ้ถั่ว เป็นไงบ้างวะ!)


“ไม่เป็นไรมากหรอก มึงมีอะไร” เมื่อรู้ว่าเป็นใครผมจึงรีบเข้าเรื่องทันที อยากนอนต่อจะแย่แล้ว


(ไอ้เผือกห้องเก้ามันบอกว่าวันนี้ครูชมรมมึงนัดสั่งงานเพราะแกจะบินไปนอกหนึ่งอาทิตย์ ใครไม่มาไม่มีสิทธิ์ส่งงาน มึงมาไหวไหม)


“เชี่ยเอ้ย! เออ เดี๋ยวกูไป” ผมวางสาย ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างมึนๆ ตบหน้าเรียกสติสองสามทีก่อนจะค่อยๆ พยุงร่างเข้าไปอาบน้ำ หวิดจะหัวกระแทกพื้นหลายครั้งแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี


แต่งตัวเสร็จผมก็ลงมาข้างล่าง มองโน้ตของแม่ที่บอกว่าไม่อยู่สามวัน ส่วนพ่อไปต่างประเทศอาทิตย์หนึ่งให้ผมทำอาหารกินเองเพราะมีของสดอยู่ในตู้เย็นแล้ว ผมหยิบขนมปังทาแยมกินเป็นอาหารเช้า อย่างน้อยให้มีอะไรตกถึงท้องสักนิดก็ยังดี


ผมลากสังขารขึ้นรถเมล์ไปจนถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพ เข้าเรียนกับแบงค์สองสามคาบ  ฟ้าคืนร่มให้ผมแล้วถามไถ่อาการเสียงอ่อนจนเพื่อนร่วมห้องแปลกใจไปตามๆ กัน บ้างก็ว่าผมกับฟ้าหายโกรธกันแล้ว บ้างก็ว่าเราคบกัน แต่เราสองคนไม่ได้ใส่ใจ ดีใจมากกว่าที่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว


“สเตตัสพี่เจตแปลกๆ โน๊ะพู” ฟ้ามานั่งกินข้าวกับพวกผมครับ เธอยื่นโทรศัพท์ของผมที่ยืมไปส่องพี่เจตให้ผมดู


‘ชอบ’


“เป็นบ้ามั้ง” ผมพูดอย่างนั้นก่อนจะได้รับค้อนวงใหญ่จากเพื่อนสาว


“อย่าว่าพี่เจตสิ เอ๊ะ หรือว่าพี่เจตแอบชอบผู้หญิงคนไหนเข้าแล้ว ไม่นะ!” ผมมองท่าทางเครียดขึงของฟ้าก็ได้แต่ปลอบใจเธอว่าบางทีเพื่อนพี่เจตอาจจะยืมไปเล่นก็ได้ หรือเขาอาจจะชอบท้องฟ้า ทะเล ภูเขาอะไรทำนองนั้นก็เลยโพส

“ถ้าเป็นอย่างที่พูว่าก็ดีไป อย่าลืมถามแอลให้เรานะว่าพี่เจตชอบอะไร”


“คร้าบๆ”


เมื่อถึงคาบสุดท้ายผมก็พาร่างอ่อนปวกเปียกของตัวเองมาจนถึงห้องชมรมในที่สุด


“ภูรินทร์”


“มาครับ” ผมรีบยกมือทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเอง ครูหันมามองผมที่วิ่งพรวดเข้ามาแล้วเรียกชื่อคนถัดไป


“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” เผือกเพื่อนร่วมชมรมร้องทักเมื่อผมนั่งลง รู้สึกเหมือนมีคนนั่งข้างๆ ทั้งที่ผมนั่งคนเดียวมาตลอดสองปี


ผีเหรอวะ


พอจะเหลือบไปมองเผือกก็เรียกไว้ซะก่อน


“เออ คราวที่แล้วไอ้แบงค์บอกว่ามึงท้องเสียเหรอวะ ฮ่ะๆ” ผมมุ่ยหน้าใส่เผือก อุตส่าห์ลืมๆ ไปแล้วยังจะมารื้อฟื้นอีก


“เผือก”


“ว่าไง” มันนั่งเท้าคางรอคำถามจากผมเพราะคิดว่าผมเรียกชื่อมัน


“ไม่เผือกสิ”


“สัด กูเป็นห่วงโว้ย” เผือกผลักหัวผมเบาๆ แต่ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงก็ทำให้ผมเอนตัวไปชนคนข้างๆ


“อะ โทษครับ” ผมเอ่ยขอโทษเขาก่อนจะเงยหน้ามอง “พี่มาทำอะไรที่นี่เนี่ย”


คนที่นั่งอยู่ข้างผมคือพี่เจต เขาขมวดคิ้วก่อนจะยกหลังมือแตะหน้าผากผม


“ไม่สบายเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน


“ฮื่อ เอามือออกไปเลย” ผมปัดมือพี่เจตออกก่อนจะถามเขาว่ามาอยู่ในชมรมผมได้ยังไง


“ครูชมรมปั้นแกเกษียณน่ะสิ คนชมรมนั้นก็เลยต้องหาชมรมใหม่ พี่เจตก็เลยมาสมัครเข้าชมรมเรา ตอนที่สาวๆ รู้ว่าพี่เจตเข้าร่วมชมรมเราห้องเกือบแตกเลยนะมึง” เผือกตอบ ช่างสมชื่อตัวเองจริงๆ


“เอาล่ะ งานที่ครูจะให้พวกเธอทำเป็นงานสำคัญเพราะจะตัดสินว่าพวกเธอจะได้ไปค่ายศิลปะหรือไม่” ครูกวาดตามองพวกเราทีละคน


“อย่างที่ครูบอกไว้ แค่ 20 คนเท่านั้นที่จะได้ไป เพราะฉะนั้นต้องทำงานชิ้นนี้ให้ดี กำหนดส่งคืออาทิตย์หน้า ใครเสร็จก่อนก็ถ่ายรูปตัวเองพร้อมผลงานส่งให้ครูทางไลน์ แล้วครูจะตัดสินเองว่าใครจะได้ไปบ้าง”


“แล้วหัวข้อคืออะไรครับ” เพื่อนคนหนึ่งยกมือถามครู


“กำหนดแค่ขนาดA3 ไม่มีหัวข้ออะไรทั้งนั้น ตั้งชื่อภาพเอาเอง อยากวาดอะไรก็วาด ใช้เทคนิคสีอะไรก็ได้ตามแต่ที่พวกเธอชอบ แต่จำไว้ให้ดีว่าภาพนั้นจะต้องโชว์ในวันสุดท้ายของการสอบ ทุกคนจะได้เห็นผลงานของเธอฉะนั้นทำให้ดีที่สุดล่ะ” พูดจบครูก็รีบไปประชุมต่อ ทิ้งให้เราจับคู่วาดภาพส่งท้ายคาบ


แล้วทำไมผมต้องคู่กับพี่เจตด้วยวะเนี่ย


“ถ้าไม่ไหวก็ไปห้องพยาบาล” พี่เจตเอ่ยขึ้นโดยไม่มองหน้าผม


“ไหวน่าพี่” ผมจรดดินสอบนกระดาษแต่เส้นบิดเบี้ยวไม่ได้ดั่งใจเลยสักนิด แอบรู้สึกผิดต่อนายแบบตรงหน้า ผมไม่ตั้งใจจะวาดแบบนั้นเลยนะ


ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ส่งภาพให้รุ่นพี่ในชมรมโดยไม่ให้ร่างสูงเห็น พี่เจตเองก็คว่ำภาพส่งเหมือนกัน ไม่ยอมให้ผมเห็นแม้แต่เศษเสี้ยวว่าภาพที่เขาวาดเป็นยังไง เอาเถอะไม่สวยผมก็ไม่โกรธหรอก ภาพเขาผมก็วาดได้ไม่ดีเหมือนกัน


คราวหน้าผมจะวาดให้ใหม่นะพี่


ผมเดินแยกกับเผือกเพราะมันจะแอบไปส่องสาวๆ ซ้อมหลีด ผมเองก็ตั้งใจว่าจะรีบกลับบ้านเพราะปวดหัวจนแทบระเบิดแล้ว ข้างกันคือพี่เจตที่กำลังเดินไปหน้าโรงเรียนเหมือนกัน


“เจต อ้ะ พู!” ผมส่งยิ้มซีดเซียวให้คนตัวเล็กที่วิ่งเข้ามาหาเรา “พูไม่สบายเหรอ” มือเล็กอังหน้าผากผมแล้วเบิกตากว้าง


“ตัวร้อนจี๋เลย ไหวไหม” ผมส่ายหน้ายิ้มๆ อยากรวบตัวแอลเข้ามาฟัดจริงๆ ดูทำหน้าเข้า เป็นห่วงอะไรขนาดนั้น ผมก็แค่ป่วยนิดๆ หน่อยๆ เอง


“กลับบ้านด้วยกันนะ เราไม่ไว้ใจให้พูกลับเองเลย” แววตากังวลของคนตัวเล็กทำให้ผมต้องรีบพยักหน้า


“อื้อ เอาสิ”


อยากกลับพร้อมแอลทุกวันเลยจะได้ไหม


“หืม” ผมเหลือบมองร่างสูงที่เข้ามาประชิดตัวแล้วโอบไหล่ผมไว้


“เดี๋ยวนายเป็นลมล้มพับไปจะแย่”


“โห่พี่ ผมไม่ได้อ่อนขนาดนั้นนะ”


“ดื้อ”


“น่าๆ รีบกลับกันเถอะโน๊ะ” ผมพยักหน้ารับคำแอล แม้จะขัดใจที่ถูกโอบ แต่ก็ต้องขอบคุณที่พี่เจตเข้ามาช่วยไว้ทันพอดี เมื่อกี้เหมือนผมจะวูบนิดๆ เกิดล้มพับไปเสียหน้าแย่


ผมปล่อยให้ร่างสูงพาเดินไปจนถึงรถเมล์แล้วรีบขึ้นไปนั่งข้างๆ แอล ส่วนพี่เจตยืนอยู่ท้ายรถ เรานั่งคุยกันไปเรื่อยจนกระทั่งคุณยายคนหนึ่งขึ้นรถมา ผมรีบลุกให้ยายนั่งแล้วขยับไปยืนข้างๆ ร่างสูงเพื่อคุยกับแอลต่อ ระหว่างนั้นรถเบรกกะทันหัน ผมจับราวไม่แน่นจึงเซไปปะทะอกแกร่ง มือหนึ่งรีบโอบเอวผมไว้ พอเงยหน้าก็เห็นว่าเป็นพี่เจตนั่นเอง


“ขอบคุณ” ผมเอ่ยเบาๆ ร่างสูงไม่ตอบอะไรนอกจากกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเผื่อว่าผมจะเซอีก


ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะหมดแรง แต่ฝืนไว้ไม่ให้ใครรู้ว่าผมกำลังแย่ หัวเราะคิกคักกับเรื่องที่แอลเล่าเหมือนปกติดีแต่สมองไม่รับรู้เลยว่าแอลกำลังพูดอะไรอยู่ มันตื้อๆ มึนๆ ไปหมด


อาการวูบกลับมาอีกครั้ง ผมกำราวจับแน่นภาวนาไม่ให้เป็นลม พยายามส่งยิ้มให้แอลที่เริ่มสังเกตแล้วว่าผมไม่ไหว


คนตัวเล็กร้องเรียกพี่ชายเสียงดังก่อนที่ความมืดจะครอบงำผมจนไม่รับรู้อะไรอีก






Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
น้องพูเป็นลมไปแล้ว แน่นอนว่าคนที่รับไว้คือพี่เจตอย่างแน่นอน 5555
ตอนหน้าจะให้เขาสวีทหวานกันสักนิด ให้โอกาสพี่เจตทำคะแนนจ้า
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์น้า จุ๊บ
   
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 12 [03-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 03-04-2017 18:08:33
ฟ้าเข้าหาพูเพราะอยากให้พูช่วยจีบพี่เจต ส่วนพูก็ใจดีไปทั่วแต่ตัวเองเดือดร้อน -*- จริงๆเล้ยยยยยย :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 12 [03-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 03-04-2017 18:56:20
พู ดูแลตัวเองด้วยสิ!!!!
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 12 [03-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 03-04-2017 19:06:59
  คืนนี้พี่เจตหรือแอลที่จะอยู่เป็นเพื่อนพู
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 12 [03-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-04-2017 20:17:48
ไม่อยากให้น้องพลูไปยุ่งวุ่นวายกับชะนีฟ้าเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 12 [03-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 03-04-2017 22:04:51
เดียวพอพี่เจตกับพูได้กัน ฟ้าก็มาโวยวายอีก
แต่ถ้านางรับได้ก็ดี  :mew5:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 12 [03-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-04-2017 22:47:56
ไหวไหมพู ป่วยซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 12 [03-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-04-2017 23:27:26
พูใจดีเกินไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 05-04-2017 00:15:58
บทที่ 13
เหตุเกิดเพราะ...ไม่สบาย


[เจต]


“เจต!”


เสียงร้องของน้องไม่ทำให้ผมตกใจเท่าคนที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าซีดเซียวของพูบีบรัดหัวใจของผม หากวันนี้น้องกลับเองคนเดียวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีคนรับเขาไว้จะเป็นยังไง


“ลุก”


ผมบอกให้แอลลุกขึ้นเพื่อประคองพูนั่งลง จัดแจงท่าให้น้องเอนหัวมาทางผมแล้วหันไปหาน้องชาย


“ให้พ่อเราไปรับที่บ้านพี่ก็แล้วกัน” แอลพยักหน้ารับแล้วโทรศัพท์หาพ่อของเขา ผมแตะหน้าผากพู ตัวเขาร้อนมากกว่าเดิมจนน่าเป็นห่วง


รอจนถึงที่หมายผมก็อุ้มพูในท่าอุ้มเจ้าสาวลงจากรถ บอกให้แอลไปจ่ายค่ารถแล้วแวะซื้อยาลดไข้ที่ร้านขายยาใกล้ๆ ไม่ได้สนใจเสียงกรี๊ดหรือแสงแฟลชเท่าไรนัก ผมอยากพาพูกลับบ้านให้เร็วที่สุด


“ให้แอลอยู่ช่วยไหม” น้องถามเมื่อผมวางพูลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว


“ไม่เป็นไร พี่ดูแลได้ จะไปหาย่าไม่ใช่เหรอ”


“ผมไม่ไปก็ได้นะ เป็นห่วงพู” แอลนั่งลงบนเตียง เอื้อมมือไปลูบใบหน้าซีดเซียวแผ่วเบา


“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่อยู่ทั้งคนนะ” ย้ำให้น้องมั่นใจ ผมไม่มีวันปล่อยให้พูเป็นอะไรไปหรอก


“ห่วงเพราะเจตนั่นแหละ” น้องพึมพำเสียงเบาก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูพู “ระวังเจตด้วยนะพู”


แอลลงจากเตียงแล้วก้าวเข้ามาหาผม “ห้ามแตะพูนะ” น้องประกาศกร้าว ยกนิ้วชี้หน้าผม


“แตะอะไร” ผมมองไปทางอื่นอย่างไม่รู้ไม่ชี้


ไม่รู้ไม่เข้าใจก็ไม่ผิดใช่ไหมล่ะ


“เจตน่ะเจ้าเล่ห์!”


ปี๊มๆ


“พ่อนายมาแล้ว กลับไปได้ล่ะ” ผมดันหลังน้องชายออกจากห้องนอน พาไปส่งถึงหน้าประตูแล้วยกมือไหว้น้าทั้งสองที่ยิ้มให้ แต่ลูกชายของพวกเขากลับส่งสายตาไม่ไว้ใจผมเต็มที่


“พี่ไม่ทำอะไรพูหรอก” ผมยืนยัน “ถ้าเขาไม่เต็มใจนะ” แอบพูดเสียงเบาในตอนท้าย แต่คนตัวเล็กกลับได้ยินชัดเจน


น้องยื่นหน้าออกจากหน้าต่างรถแล้วตะโกนลั่น “ห้ามแตะพูนะ!”


“บ้ายบาย” ผมโบกมือ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่น้องพูด มองส่งรถเลี้ยวที่ออกจากซอยแล้วเดินออกไปซื้อโจ๊กเจ้าประจำให้พู


“ฮึก ฮือๆ” ผมเร่งฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้แผ่วเบาจากห้องนอน เปิดประตูเข้าไปก็เห็นพูนอนขดตัวกุมหัวอย่างทรมาน ผมรีบวางถุงโจ๊กลงแล้วปรี่เข้าไปจับแขนน้องที่ร้อนมากกว่าเดิม


“พู” เตียงยวบลงเรียกความสนใจของร่างโปร่งให้ลืมตามอง น้องร้องไห้แล้วพุ่งเข้ามาสวมกอดเอวผมแน่น


“ฮือ พูปวดหัว” ผมลูบหลังน้อง คิดหาวิธีลดอุณหภูมิให้น้องโดยเร็วที่สุด


“เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะ ปล่อยพี่ก่อน” ผมจับแขนน้องออก แต่พูกอดผมไว้แล้วส่ายหน้า


“ไม่เอา เดี๋ยวพี่หายไป ไม่เอานะ ฮือ”


“ชู่ว์ ไม่เอาไม่ร้องครับเดี๋ยวปวดหัวหนักกว่าเดิมนะ พี่ไปแป๊บเดียว พูจะได้หลับสบายไงครับ” ผมลูบหัวน้องเบาๆ พูยังคงกอดผมนิ่งๆ คิดว่าคงไม่รั้งไว้แล้ว แต่พอจะลุกน้องก็กอดแน่นกว่าเดิม


“พูครับ ปล่อยก่อนนะ ถ้าพูปล่อยจะขออะไรพี่ก็ได้หนึ่งอย่าง” พูเงยหน้ามองผม ดวงตาบวมช้ำจนอดไม่ได้ต้องยื่นมือไปลูบเบาๆ


“จริงนะ”


“จริงครับ เราอยากได้อะไรล่ะ” พูเอียงคอทำหน้านึกอย่างน่ารัก ใบหน้าขึ้นสีด้วยฤทธิ์ไข้และดวงตาใสแจ๋วเปี่ยมน้ำตาดูน่าแกล้งอย่างไรไม่รู้


ท่าทางผมจะโรคจิตนิดๆ แฮะ


“นึกไม่ออกอะ ติดไว้ก่อนได้ไหม”


“ได้สิ ปล่อยพี่ก่อนนะ” คราวนี้พูยอมปล่อยเอวผม แต่ไม่วายดึงเสื้อผมไว้


“กลับมาจริงๆ นะ” สายตาอะไรล่ะนั่น เดี๋ยวก็จับขย้ำซะหรอก


“ครับ”


ผมรีบเติมน้ำใส่กะละมังใบเล็ก จัดยาและเทโจ๊กใส่ชามวางบนถาด เตรียมทุกอย่างพร้อมเผื่อน้องจะรั้งไว้อีก


พอกลับเข้ามาในห้องน้องก็ยื่นมือมาหาอย่างรอคอย ผมวางถาดโจ๊กลงข้างเตียงแล้วบิดผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามใบหน้า ลำคอ และแขนของพู แต่ลังเลที่จะเช็ดผิวกายใต้ร่มผ้า พูเองก็คงเข้าใจว่าผมคิดอะไรอยู่จึงเอ่ยอนุญาต


“ถอดได้ ไม่ว่าหรอก” น้องกางแขนออก “พูร้อน”


พู...รู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา


ผมลูบหน้าตัวเองนิดๆ ใบหน้าผมร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะทำ อย่ามองผมแบบนั้นครับ ผมยังไม่เคยกับใครทั้งนั้น ยิ่งต้องมาเห็นผิวเนื้อของคนที่ชอบก็ต้องเขินเป็นธรรมดา


ผมลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก มือสองข้างค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของพูจนครบแล้วเลิกสาบเสื้อออก เผยให้เห็นผิวขาวของน้องที่ตอนนี้ขึ้นสีชมพูอ่อนเพราะฤทธิ์ไข้


ผ้าขนหนูลากไปตามเนื้อตัวของพู ดูเหมือนน้องจะรู้สึกดีมากถึงได้ส่งเสียงครางอื้ออึง


“อา เย็นจัง” น้องเขยิบตัวเข้าใกล้ผมด้วยแผ่นอกเปล่าเปลือย ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจแล้วดันพูให้นอนลงตามเดิม


อย่าหาเรื่องเสียตัวก่อนวัยอันควรสิครับน้องพู


“พี่จะรีบเช็ดตัวให้เรานะ หันหลังครับ” พูมุ่ยหน้าแต่ก็หันหลังให้ผมเช็ดตัว ทั้งยังส่งเสียงหวานเพราะความเย็นลากผ่านผิว


หยุดทรมานพี่ได้แล้วครับ


พอเช็ดตัวเรียบร้อยแล้วผมก็ลุกไปหาเสื้อให้น้องใส่ รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งมองผมไม่ละสายตา พอหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นพูที่จ้องผมอยู่ คงกลัวว่าผมจะหายไป


ทำไมน่ารักอย่างนี้นะ


ผมเดินกลับมาแล้วสวมเสื้อตัวใหม่ให้พู ส่วนกางเกงให้เขาใส่ตัวเดิมนั่นแหละดีแล้ว อย่าไปยุ่งเลยเดี๋ยวจะเลยเถิด


“กินโจ๊กหน่อยนะ จะได้กินยา” ผมตักโจ๊กป้อนน้อง กินได้ไม่กี่คำพูก็ส่ายหน้า ยื่นยาส่งให้ยิ่งส่ายหน้าหนักกว่าเดิมอีก


“ไม่เอายา ไม่ชอบ ขมอะ” น้องส่งสายตาขอร้องมาให้ แต่อนาคตนายแพทย์อย่างผมไม่ตามใจเขาเด็ดขาด


“ไม่ได้ครับ ไม่กินแล้วเราจะหายได้ยังไงล่ะ” ผมลูบหัวพู แต่น้องทำหน้าบึ้งแล้วหันหลังหนีผมไปเลย


“พี่เจตใจร้าย” ผมใจแป้วเลยเมื่อน้องพูดอย่างนั้น แต่ถ้าไม่กินยาพูก็ไม่หายน่ะสิ


ระหว่างที่คิดหาวิธีล่อน้องให้กินยา ความคิดชั่วร้ายก็แวบเข้ามาในหัวผม ผมปัดมันทิ้งแล้วพยายามหลอกให้น้องกินยา พูดื้อมากครับ นอนกอดอกเม้มปากแน่นจนผมอ่อนใจ และความคิดนั้นก็กลับมาอีกครั้ง


“พูไม่กินยาก็ได้ เดี๋ยวพี่กินเอง” น้องหันมามองอย่างสนใจว่าผมจะทำอะไร


ผมตบยาเข้าปากตามด้วยน้ำแล้วก็รั้งคอพูให้เข้ามาใกล้ ส่งลิ้นร้อนเต็มไปด้วยยาเข้าปากน้อง พูที่อ้าปากค้างอย่างตกใจจึงเผลอกลืนยาเหล่านั้นจนหมด ผมขบเม้มริมฝีปากของเขาส่งท้ายแล้วผละออกมา


“พะ...พี่เจต อึก” ผมรีบส่งแก้วน้ำให้เขาดื่มแล้วลูบหลังพูเบาๆ


ยาติดคอหรือเปล่าวะ ความคิดผมยิ่งพิเรนทร์อยู่


“พี่...ฮื่อ” พูยกมือปิดหน้าแดงๆ ของเขาแล้วหันหลังหนีผมทันที พอยื่นมือเข้าไปใกล้ก็ถูกตีดังเพี๊ยะ ไม่ยอมให้แตะเลย


เอาเถอะ แค่น้องได้กินยาก็พอแล้ว จะโกรธจะเกลียดผมไม่ว่ากัน


ถือว่าจูบเมื่อกี้เป็นของแลกเปลี่ยนก็แล้วกันนะ



⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀



ผมลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกห้องหนึ่ง กลับเข้ามาก็เห็นร่างโปร่งนอนหลับอยู่บนเตียง ยื่นมือไปแตะหน้าผาก รู้สึกว่าอุณหภูมิลดลงเล็กน้อยจึงหาแผ่นเจลลดไข้ติดหน้าผากให้น้องก่อนจะลุกไปทำการบ้านที่โต๊ะ


ในเฟซบุ๊กมีแจ้งเตือนดังขึ้นรัวจนผมงง ปกติผมไม่รับแอดใครครับ ยิ่งคนไม่รู้จักผมไม่รับเลย แต่เหมือนว่าคนที่แท็กภาพผมจะเป็นแอดมินเพจเจตพูนั่นเอง


‘ดูค่ะทุกคน แล้วบอกไม่ได้เป็นอะไรกันได้ยังไง มีซบอกอิงแอบแนบชิดกันขนาดนี้’


Pompamza
เราอยู่ในเหตุการณ์ค่ะ อยากบอกว่าน้องป่วย ตอนลงจากรถมีอุ้มด้วย โอย มัวแต่ฟินเลยถ่ายไม่ทันอะ เสียดาย


Ouioui
ป่านนี้ดูแลกันบนเตียงกันแล้วมั้งคะ อร้ายยยยยย


ผมเลื่อนอ่านยิ้มๆ หลายคนส่งข้อความเข้ามาขอเป็นเพื่อนแต่ผมไม่ได้กดรับใคร ปิดโทรศัพท์แล้วลงมือทำการบ้านและอ่านหนังสือเพลินจนเกือบถึงเที่ยงคืน


“ฮือ”


ผมหยุดอ่านหนังสือ ลุกไปหาพูที่นอนซบหมอนร้องไห้อยู่บนเตียง ใบหน้าเหยเกด้วยความทรมานจากพิษไข้


“เป็นอะไรครับ หืม” ผมลูบแก้มน้องแผ่วเบา พูรีบยึดมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังแนบแก้มอุ่นซุกมือผมอ้อนๆ แต่ดวงตาปิดสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเร็วๆ นี้


ผมมองหนังสือที่กางอยู่บนโต๊ะอย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายก็สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มเพื่อนอนข้างกัน พูเบียดตัวเข้าหาความเย็นจากผมเพราะอุณหภูมิของน้องสูงกว่าผมมาก


ไม่ได้จงใจยั่วพี่ใช่ไหมเนี่ย


แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ร้อนนักใช่ไหมเรา เดี๋ยวพี่จะเพิ่มความเย็นให้เอง


ผมลุกขึ้นถอดเสื้อโยนทิ้งไว้ข้างเตียงแล้วกอดพูไว้ทั้งตัว อมยิ้มน้อยๆ เมื่อพูกอดผมตอบ แนบแก้มอุ่นซุกอกผมอย่างไร้เดียงสา


ใบหน้าใสอยู่ใกล้เพียงไม่กี่เซน หากเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา นี่คงเป็นครั้งแรกที่เราอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้


อยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน


“พี่ควรสารภาพรักหรือเปล่าพู” ก้มลงจูบกลางกระหม่อมน้อง


“เปลี่ยนใจจากแอลมาเป็นพี่ได้ไหม...”


[จบพาร์ทเจต]






Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
(http://i64.tinypic.com/20s86yf.jpg)
แถมรูปกากๆ จากเราเอง หวังว่าจะไม่เสียอรรถรสน้า คันไม้คันมืออยากวาด 555
ตอนนี้หวานๆ ค่า เห็นพี่เจตนิ่งๆ แต่มือและความคิดไม่นิ่งตามนะเออ
ส่วนพู เวลาน้องป่วยจะเป็นแบบนี้แหละจ้า ตอนเด็กๆ คนปลอบพูคือถั่วพี่ แต่ดูแลน้องไม่เป็น
เห็นน้องงอแงเพราะไม่สบายก็ทิ้งเลยจ้า ออกไปเตะบอลกับเพื่อนข้างบ้านเฉยเลย 555
พอพูป่วยก็เลยกลัวพี่เจตจะทิ้งไปเหมือนพี่ลันเตานั่นเอง
ขอบคุณที่ทุกคนเป็นห่วงพูน้า ยังต้องห่วงเจ้าเด็กนี่ไปอีกนานเลยค่ะ โดยเฉพาะน้องฟ้าที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์จ้า กอดคนอ่านทุกคนเลยยยยย  :กอด1:
    
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-04-2017 08:28:38
ตอนนี้ก็ฟินอยู่หรอก ตอนหน้าพูจะจำได้ไหม
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 05-04-2017 09:38:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 05-04-2017 11:27:46
พูตื่นมามีอาละวาดแน่
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-04-2017 18:32:20
น้องพูไม่สบายแล้วมีความอ้อนแรง ไม่อยากจะคิดถึงตอนน้องตื่นเลย 555  :m29:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-04-2017 18:57:21
 :-[
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-04-2017 19:22:37
ท่องพุทธโธไว้นะพี่เจต 55555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 05-04-2017 19:52:51
พูตื่นมาก็จะรักเจตเอง 555 ชอบตอนนี้อะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2017 19:57:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 06-04-2017 15:13:29
ตายๆๆ ถ้าพี่เจตละมุนขนาดนี้
และน้องถั่วป่วยจะยั่วขนาดนี้ละก็ :hao3:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-04-2017 20:14:12
พูตื่นมาละจะทำหน้ายังไงละเนี่ย
ถ้าเมาก้คงจำไม่ได้ แต่นี่ป่วยไง55555 ยังไงก้จำได้
พี่เจตเถอะรีบๆรุกหนักๆหน่อยยย
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 13 [05-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 06-04-2017 23:46:45
นี่คือคนที่รุกไม่เป็นหรอพี่เจต วี้ดดดดดดดดด
น้องพูลูก กลัวใจหนูจะขอให้พี่เจตอย่าขวางพูกับแอลจริงๆ อย่านะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 08-04-2017 23:09:14
บทที่ 14
เหตุเกิดเพราะ...ข้อความ



[แอล]


ผมเป็นห่วงพู ทั้งอาการป่วยของเขาและความเจ้าเล่ห์ของพี่ชาย ยิ่งเห็นท่าทีแบบนั้นผมยิ่งมั่นใจว่าเจตชอบพูมากจริงๆ


แต่เอาเถอะ ผมไม่คิดสู้รบปรบมือกับพี่ตัวเองหรอก เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแพ้ทางกายภาพ ผมปกป้องพูไม่ได้เหมือนที่เขาปกป้องผม ยังดีที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับพูลึกซึ้ง และดึงตัวเองกลับมาได้ทันเพื่อเปิดทางให้ทั้งคู่


“หลานย่ามาแล้ว” ผมยกมือไหว้คุณย่าแล้วสวมกอดท่าน สูดกลิ่นน้ำอบหอมชื่นใจของคุณย่าด้วยความคิดถึง


“คิดถึงคุณย่าจังเลย”


“ดูสิตาพจน์หนูณี มาถึงก็อ้อนเชียวนะเจ้าหลานคนนี้” ผมกอดคุณย่าแน่นกว่าเดิม ชดเชยหลายปีที่ไม่ได้มาหาเพราะเกิดเรื่องขึ้นมากมาย และพ่อกับแม่ก็ไม่อยากให้คุณย่าไม่สบายใจจึงไม่ได้บอกเรื่องของผม


“ก็ผมคิดถึงอะ ผมอยากกินบุหลันดั้นเมฆฝีมือคุณย่า” ขนมไทยฝีมือคุณหญิงอิศราเป็นที่เลื่องลือไปทั่วตำบลครับ หากใครอยากสั่งขนมไทยต้องจองคิวล่วงหน้าหลายเดือนเพราะขนมของคุณย่าอร่อยมาก ผมเองก็ติดใจจนกินร้านไหนก็รู้สึกว่าสู้ฝีมือคุณย่าไม่ได้เลย


“ดีเลย ย่ามีนักศึกษามาเรียนทำขนมไทย ดูซิว่าจะถูกปากเราไหม”


“ไม่มีใครสู้ฝีมือคุณย่าได้หรอกครับ”


“แหน่ะ ปากหวานจริงเชียว” พ่อกับแม่หัวเราะตามคำพูดคุณย่าก่อนจะขอตัวขึ้นไปเก็บของบนห้อง ปล่อยให้คุณย่าพาผมไปรู้จักกับลูกศิษย์คนใหม่


“อ่าว พ่อหนุ่มคนนั้นไปไหนซะล่ะแม่แช่ม” คุณย่าถามแม่ครัวคนสนิท ผมยกมือไหว้เธอก่อนจะสวมกอดด้วยความคิดถึงเช่นกัน


“เห็นบอกว่ามีนัดค่ะ แต่ขนมที่สั่งให้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนูลองชิมไหมคะ บุหลันดั้นเมฆของโปรดคุณหนูเลยนะคะ” ยายแช่มหมุนตัวกลับไปเปิดซึ้ง หยิบขนมสีฟ้าตรงกลางเป็นสีเหลืองนวลตาน่ารับทานจัดใส่จานแล้วส่งให้ผม


“จะอร่อยรึเปล่าน้า” ผมมองของชอบแล้วลังเลใจ เหลือบมองคุณหญิงอิศราและยายแช่มที่จับมือกันอย่างลุ้นๆ


อะไรจะขนาดนั้นครับคุณย่า ก็แค่ขนมฝีมือลูกศิษย์เอง


ผมกัดชิมคำหนึ่ง รสชาติคุ้นเคยจนผมตาโต มองหญิงชราทั้งสองที่รอคำตอบจากผม


“รสชาติเดียวกับที่คุณย่าทำเลยครับ” ผมบอกอย่างไม่ปิดบัง หยิบเข้าปากกินต่ออย่างเอร็ดอร่อย


“พี่เขาเก่งจัง ขอมาเป็นหลานสะใภ้ดีไหมครับ สืบทอดกิจการต่อจากคุณย่าไปเลย” ผมแอบหยิบขนมในซึ้งเพิ่มแต่ถูกผู้เป็นย่าตีมือแล้วบอกให้พอเพราะอีกไม่นานจะตั้งโต๊ะอาหาร


“ถ้าได้ก็ดี อยู่ที่เรานั่นแหละจะชอบเขาไหม”


“ทำไมครับ เขาไม่สวยเหรอ” ผมยกน้ำเก๊กฮวยขึ้นดื่ม


“เขาเป็นผู้ชายค่ะคุณหนู”


พรวดดดดดด


“แค่กๆ อะไรนะครับ” ยายแช่มรีบถลาเข้ามารับแก้วน้ำจากผมแล้วนั่งลงเช็ดพื้นที่เปียก “ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมทำเอง” ผมนั่งยองๆ ถูพื้น คุณหญิงอิศราพยักหน้ารับยิ้มๆ


“ย่าไม่ว่าอะไรนะถ้าแอลจะหาหลานเขยให้ย่า”


เอ่อ...ไม่เป็นไรครับคุณย่า


 
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀


“เดี๋ยวแม่กับพ่อจะไปหาผู้ใหญ่บ้านนะลูก อยู่บ้านดูแลคุณย่าดีๆ ล่ะ” ผมพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าไปหาคุณย่าในครัว กลิ่นหอมเทียนอบดึงดูดผมให้เข้าไป


คุณย่ากำลังสอนผู้ชายคนหนึ่งทำขนม แผ่นหลังกว้างและส่วนสูงที่มากกว่าเจตหลายขุมทำให้เขาดูแข็งแรง ผมสีน้ำตาลอ่อนของเขาพลิ้วไหวตามลมอ่อนที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก


ผมไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ดูจากท่าทีหยิบจับอุปกรณ์คล่องแคล่วก็คาดว่าคงฝึกกับคุณย่านานพอดู ไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายอย่างเขาถึงสนใจทำอาหารไทยมากอย่างนั้น


“หลานมาพอดีเลยมา เข้ามาสิ ย่าจะแนะนำลูกศิษย์คนโปรดให้เรารู้จัก เห็นเก่งแบบนี้กว่าจะผ่านมาได้ก็ฝึกหนักเหมือนกันนะ” คุณหญิงอิศรากวักมือเรียกผมเข้าไปหา วินาทีเดียวกับที่ผู้ชายคนนั้นหันมาสบตากัน


ดวงตาสีดำคู่นั้นมองผมนิ่งๆ ใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้ผมโล่งใจเปราะหนึ่งว่าเขาคงไม่สนใจผมในแง่ที่คุณย่ายุแยง


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่อีกฝ่ายหันกลับไปตั้งใจตีไข่เหมือนเดิม ไม่สนใจจะทักทายตอบ อย่างกับว่าแค่เห็นหน้ากันก็พอแล้ว


เอ่อ...ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า


“ยังไม่เลิกนิสัยนี้อีกนะเรา” คุณหญิงอิศราตีแขนลูกศิษย์เบาๆ แล้วหันมาถามผมว่าหิวไหมเพราะลูกศิษย์ของเธอทำขนมไว้หลายอย่าง


“กินได้เหรอครับคุณย่า” ผมกระซิบถามเสียงเบา กลัวจะทำให้เขารำคาญ คุณย่าหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะบอกให้ลูกศิษย์ของเธอหยิบขนมให้ผม


สายตาคมเหลือบมองผมนิดๆ ก่อนจะหยิบขนมใส่จานแล้วยื่นให้


พี่มองแบบนั้นผมจะกล้ากินเหรอครับ


“กินสิ” เสียงนุ่มทุ้มไม่เข้ากับใบหน้าทำเอาผมชะงักมือที่จับจานอยู่


เพล้ง!


“ว้าย หลบเร็วลูก” คุณย่าดึงผมให้ห่างจากเศษจานที่กระจายอยู่บนพื้น


ร่างสูงนั่งยองๆ เก็บเศษจานโดยไม่พูดอะไร แต่ผมแอบเห็นว่านิ้วของเขาเลือดออกเล็กน้อย พอจะก้าวเข้าไปหา สายตาคมก็ตวัดขึ้นอย่างหงุดหงิด


ผมชะงักเท้าแล้วถอยกลับมายืนข้างคุณย่าตามเดิม


ไม่เข้าไปก็ได้


เขาเดินออกไปหยิบไม้กวาดมาโกยเศษจานและเศษขนมที่เหลือ


“ไปนั่งรอขนมอร่อยข้างนอกดีกว่านะ” คุณย่าพาผมออกจากครัว ผมมองแผ่นหลังกว้างอย่างกังวล


เขาจะโกรธไหมที่ผมทำขนมของเขาตก


คุณย่าเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกและให้ผมนั่งโซฟารอขนมชุดใหม่ ผมจับมือตัวเองด้วยความกังวล เจอกันวันแรกก็ทำให้เขาเกลียดขี้หน้าแล้ว ถ้าเขาไม่ยอมให้ผมกินขนมของคุณย่าจะทำยังไงล่ะ หรือถ้าเขาเลือกขนมชิ้นเละๆ ไม่น่ากินมาแกล้งผมล่ะ ผมต้องฝืนกินไหม


แกร็ก


เสียงจานกระตบโต๊ะดึงผมออกจากภวังค์ เงยหน้ามองร่างสูงที่วางจานขนมหลากชนิดในระยะใกล้ ผมเพิ่งสังเกตว่าหน้าเขามีเค้าโครงฝรั่งนิดๆ เหมือนจะเป็นลูกครึ่ง สีตาของเขาก็ไม่ใช่ดำขลับ มีสีน้ำตาลแซมอยู่นิดๆ ถ้าไม่สังเกต เขาก็คงเป็นคนไทยคนหนึ่งที่สูงกว่าคนทั่วไป


“มองอะไร” ผมผละออกจากเขาเมื่อรู้ตัวว่ายื่นหน้าเข้าใกล้เขามากเกินไป


“ขะ...ขอโทษครับ” ผมนั่งยืดตัวตรง ขาชิดกัน


“กินสิ” พูดจบเขาก็นั่งโซฟาตัวข้างๆ ยกขาขึ้นไขว่ห้างเสมือนที่นี่เป็นบ้านของเขา เอ่อ นี่บ้านคุณย่าของผมนะ


“ครับ...” ผมรีบตักขนมกิน ตั้งใจว่าจะกินให้หมดแล้วรีบหนีขึ้นห้องเพราะบรรยากาศรอบตัวเขาดูไม่เป็นมิตร ผมรู้สึกว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าผมทั้งที่เราเพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่นาที


แต่ขนมของเขาอร่อยมาก แม้ไม่อยากยอมรับแต่กลมกล่อมกว่าฝีมือคุณย่า รสชาตินุ่มลิ้นของขนมลืมกลืนทำเอาผมเคลิ้ม อดไม่ได้ต้องหยิบชิ้นอื่นกินอีกเพราะอยากรู้ว่าจะอร่อยเหมือนกันไหม


“อื้มมมม” ผมร้องอย่างมีความสุข กระดิกเท้าเหมือนทุกครั้งที่ได้กินของอร่อยจนลืมไปว่าผมไม่ได้อยู่กับพ่อ แม่ หรือคุณย่า


“อร่อยขนาดนั้น”


“อื้อ อร่อยมากเลย ขออีกๆ...อ้ะ” ผมชะงักเมื่อรู้ตัวว่านั่งอยู่กับใคร รีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาลูกศิษย์คุณย่าที่มองนิ่งๆ


ผมคงแสดงกริยาประหลาดให้เขาเห็นไปแล้วสินะ น่าอายจริงๆ เลย


เขายื่นมือมาหยิบจานเปล่าแล้วลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในครัว ระหว่างนั้นเสียงข้อความเข้าก็ดึงความสนใจของผมให้หยุดคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไป ดูเบอร์ที่ส่งเข้ามาก็เห็นว่าไม่ใช่คนรู้จัก แต่ภาพที่ส่งมากลับทำให้ผมชาวาบไปทั้งร่าง


คิดว่าจะหนีพ้นเหรอหนูแอล อย่าลืมสิว่าฉันมีนี่


แนบภาพผมที่กำลังทำเรื่องอุจาดให้แฝดคู่นั้น ซูมให้เห็นใบหน้าผมเพียงคนเดียวแต่ไม่เห็นว่าผมทำให้ใคร


นอกจากนั้นยังมีคลิปวีดีโอแนบมาด้วย ผมไม่กล้ากดเล่น เพราะรู้ดีว่าคือคลิปอะไร


ทำไมต้องทำร้ายกัน ทำไมไม่ปล่อยผมไป


“ร้องไห้ทำไม” ร่างสูงวางจานแล้วมองผมด้วยใบหน้าเรียบเฉยของเขา ผมไม่ตอบอะไร ยกโทรศัพท์แนบอกแล้ววิ่งออกจากบ้าน


จะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้






“ต้องการอะไร”


ผมโทรหาเจ้าของข้อความ หากมีวิธีใดที่ลบภาพและคลิปพวกนั้นได้ผมก็จะทำ ตอนนี้เจตอาจดีขึ้นแต่ผมไม่อยากให้เขามีปัญหาเพราะผม ส่วนพู เขาไม่สบาย แค่เขาเจ็บเพราะช่วยผมครั้งนั้นก็มากเกินไปแล้ว ผมไม่อาจให้ใครเข้ามาแก้ปัญหาให้อีกแล้ว ผมจะเผชิญหน้าด้วยตัวเอง


(ตัวมึงไง ให้กูเอาสักครั้งทุกอย่างก็จบลงด้วยดี) ปลายสายคือพี่ต้น คนที่ทำลายชีวิตของผมมาตลอด


“อยากปล่อยคลิปก็ปล่อยไป ผมไม่สนใจ” แม้จะพูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ในหัวเต็มไปด้วยความกังวล กว่าจะรู้ตัวก็รู้สึกถึงรสเฝื่อนที่ปลายลิ้นเพราะกัดปากตัวเอง แต่ผมตัดสินใจดีแล้ว ผมจะไม่ยอมให้พวกเขาทำอะไรผมได้อีก


(หึ ปีกกล้าขาแข็งเชียวนะหนูแอล แต่ถ้ามึงไม่ทำตาม...กูไม่รับประกันนะว่าน้องชายของกูจะจับเพื่อนมึงไปทำอะไรบ้าง เอ หรือว่าเอาจนไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยดีนะ)


“สารเลว อย่ายุ่งกับพูนะ!” แค่คิดถึงสิ่งที่พูต้องเจอผมก็กลัวไปหมด


(ทุกอย่างอยู่ที่มึงทั้งนั้นแอล ยอมกูแค่ครั้งเดียวแลกกับเพื่อนของมึง) ผมกัดปากแน่นอย่างขมขื่น


ทำไมผมไม่เคยหลุดพ้นจากพวกมัน ทำไมพวกมันต้องกลับมาหลอกหลอนมาทำร้ายผมซ้ำๆ


“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่บ้าน ผมอยู่ต่างจังหวัด” ผมเอ่ยอย่างจำยอม แค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไร ผมเป็นผู้ชายยังไงก็ไม่ท้องหรอก


(วันจันทร์ก็ได้ เลิกเรียนแล้วมาหากูที่ xxx มึงน่าจะรู้จักดีนะ) ใช่ รู้จักดีเลยล่ะ พวกเขาพาผมไปที่นั่นบ่อยๆ ตอนที่ผมยังเป็นทาสให้พวกเขา


“ครับ”


(ดี ให้มันว่าง่ายๆ อย่างนี้จะได้ไม่ต้องตามตัวให้ยุ่งยาก) ปลายสายตัดไปพร้อมกับน้ำตาของผมที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมฟุบหน้ากอดขาตัวเองไว้เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว


ผมทำถูกใช่ไหม


เสียงขยับข้างกายข้างๆ ไม่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง เพราะเดาได้ว่าเป็นใครจากกลิ่นควันเทียน และผมไม่ต้องการให้เขารับรู้เรื่องราวใดๆ


เขาเองก็เงียบ แค่นั่งอยู่ข้างผมเงียบๆ เราต่างคนต่างปล่อยให้เวลาผ่านไปจนกระทั่งแสงตะวันลับขอบฟ้า ผมเงยหน้ามองหนุ่มลูกครึ่งที่มองตรงไปข้างหน้าทอดยาวไปทางทุ่งนาพลางยกมือบีบนวดต้นคอเพราะนั่งก้มหน้านานไปหน่อย


“อยากเล่าไหม” เสียงทุ้มถามโดยไม่มองหน้า ผมส่ายหัว เขาเป็นคนนอก ไม่จำเป็นต้องมารู้เรื่องมืดดำของผม


“แต่ฉันจะเล่า” เขาเอ่ยขึ้น ถามความเห็นผมก่อนไหมว่าอยากฟังหรือเปล่า


“ฉันเกลียดการทำอาหาร และทำได้แย่จนครอบครัวต้องส่ายหน้า มีเพียงพ่อกับน้องที่ทำอาหารเป็น” หืม ผู้ชายบ้านนี้ทำอาหารเก่งเหรอ ผมไม่กล้าถามถึงแม่เขา กลัวว่าคำตอบที่ได้รับจะทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย


“แต่แล้ววันหนึ่ง น้องของฉันไม่สบาย ฉันกับแม่ไม่มีกับข้าวกิน พ่อก็ไปต่างประเทศหลายวัน จำได้ว่าหิวมากจนพาลน้องที่นอนป่วย ออกไปเตะบอลกับเพื่อนคลายหิวแต่ก็ถูกแม่ตีเพราะไม่อยู่ดูแลน้อง” ผมเบิกตากว้าง เป็นพี่ประสาอะไรครับเนี่ย


“ฉันโมโหมากที่ถูกแม่ตี แต่พอน้องชักฉันก็กลัวน้องจะเป็นอะไรไป” เขาเงียบไปนิด “รู้ไหมว่าวินาทีนั้นหัวใจฉันแทบหยุดเต้น กังวลไปหมด ถ้าน้องของฉันตายใครจะทำอาหารให้ฉันกินตอนพ่อไม่อยู่”


มันใช่ไหมครับ ผมสงสารน้องชายของเขาจังเลยที่มีพี่แบบนี้


“พอย้ายออกมาเรียนที่นี่ ฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนทำอาหารที่ชอบกิน ฉันอยากทำอาหารกินเองได้ ไม่ต้องพึ่งน้อง ไม่สิ ฉันจะดูแลแม่กับน้องตอนป่วยด้วยตัวเอง ทำอาหารดีๆ ให้พวกเขากิน”


ผมเช็ดน้ำตา ทำไมเรื่องแย่ๆ เมื่อกี้ถึงกลายเป็นเรื่องซาบซึ้งไปได้ล่ะ


“คุณทำขนมอร่อยมาก ผมเชื่อว่าน้องและแม่ของคุณจะต้องดีใจที่ได้ชิม” ผมรีบเอาใจ เพราะขนมของเขาอร่อยมากจริงๆ


“อืม ถ้าพวกเขายอมให้ฉันแตะครัวนะ” เขายิ้มนิดๆ นิดมากจนถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น “ตานายเล่า”


ห้ะ ทำไมวกมาเรื่องผมได้ล่ะ


“ฉันเล่าแล้ว ทีนี้ตานาย หรือว่าคิดจะเบี้ยว” เขาขมวดคิ้ว


หืม แบบนี้ก็ได้เหรอ


ผมสบตาดุดันของเขา ราวกับว่าถ้าผมไม่ยอมเล่าเขาจะไม่ปล่อยผมไป


เอาเถอะ เขาเป็นคนนอก เป็นแค่ลูกศิษย์คุณย่า ยังไงก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก เรื่องของผมก็คงเหมือนสายลมที่พัดผ่านไป เดี๋ยวเขาก็คงลืมไปเอง


ผมเล่าให้เขาฟังแค่เฉพาะเรื่องพี่ต้นกับพี่ตั้นตามรังควานผมและจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพู ส่วนเรื่องอาการป่วย ผมไม่จำเป็นต้องบอกเขา ไม่อยากให้เขามองผมเป็นคนน่าสงสารเหมือนคนอื่นๆ


เขาขมวดคิ้วและกำมือแน่นตลอดเวลาที่ผมเล่า ก่อนสีหน้าของเขากลับมาเรียบนิ่งเมื่อผมเล่าจบ


“แล้วนายจะทำยังไง ยอมเป็นเมียมันเหรอ ฟังดูก็รู้ว่ามันหลอกนาย ดีไม่ดีจะแอบถ่ายคลิปนี้มาแบล็คเมล์นายอีก” ผมนิ่งฟังคำเขา ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด แต่ผมห่วงพูเกินกว่าตัวของตัวเอง ผมแปดเปื้อนแล้ว แต่พูยังบริสุทธ์ ผมไม่อยากให้รอยยิ้มสดใสของเพื่อนใหม่จางหายไป


“ผมห่วงพู”


“แล้วไม่ห่วงคนที่รักนายบ้างเหรอ ทั้งพ่อ แม่ คุณท่าน หรือแม้แต่เพื่อนนายที่ชื่อพู เขาจะรู้สึกยังไงที่เพื่อนของเขาต้องมาถูกคนเลวๆ พวกนั้นทำร้ายซ้ำซากโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้”


“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมไม่มีอะไรต่อรองพวกเขาได้เลย”


“ขอโทรศัพท์นาย” เขาแบมือ


“เอาไปทำไม”


“เอามาเถอะ ฉันรับรองว่าวันจันทร์นี้นายจะไม่ต้องเสียตัว กลับบ้านอย่างสบายใจหายห่วง” ผมเริ่มหวาดระแวงเขานิดๆ


“ฉันไม่คิดร้ายกับนายหรอก คุณหญิงท่านมีพระคุณต่อฉันมาก ก็แค่อยากช่วย”


“ผมให้โทรศัพท์คุณแล้วผมจะใช้อะไรล่ะ”


“อะ” เขาโยนโทรศัพท์รุ่นปุ่มกดให้ผม เอ่อ เขาใช้รุ่นนี้แล้วจะใช้หน้าจอสไลด์ของผมได้เหรอ


“ไม่ต้องมองอย่างนั้น ใช้ปุ่มกดก็ไม่ได้หมายความว่าใช้ทัชสกรีนไม่เป็น” พยักหน้ารับแล้วก้มลงมองโทรศัพท์ใหม่


ครืดๆ


เสียงโทรศัพท์สั่น หมายเลขโทรศัพท์ของผมโชว์หราอยู่หน้าจอ “ไว้จะโทรไปขอโทรศัพท์คืน”


“เอ่อ แล้วผมต้องใช้เครื่องนี้นานแค่ไหนครับ”


“ยังไม่บอก แต่อย่าแอบเปลี่ยนเครื่องล่ะ ปุ่มกดก็มีความคลาสิคเป็นของตัวเอง” ผมหัวเราะคำพูดของเขา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา


“หัวเราะได้ก็ดีแล้ว เด็กอย่างนายไม่เหมาะกับความเศร้าหรอกนะ ไปเถอะเดี๋ยวคุณท่านเป็นห่วง ตอนออกมาก็อุตส่าห์บอกว่าจะมากระชับความสัมพันธ์ หายไปนานแบบนี้กลัวคุณท่านจะคิดไปไกล” หืม อย่างนั้นเหรอ


หมับ


เขาก้มหน้า มองมือผมที่จับมือของเขาไว้


“งั้นเราต้องทำให้คุณย่าเห็นว่าเราเข้ากันได้ดีสิ” ผมพูดยิ้มๆ


“หึ เด็กน้อยเอ้ย” เขาผลักหัวผมแต่ไม่ยอมปล่อยมือ บีบกระชับแน่นขึ้นเหมือนบอกผมกลายๆ ว่าเรื่องทุกอย่างจะไม่เป็นไร


และไม่รู้ทำไมผมถึงเชื่อใจเขา


ตึกตักตึกตัก


ผมจับหน้าอกตัวเอง


หรือว่า...


[จบพาร์ทแอล]






Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
คั่นด้วยการพบกันครั้งแรกของคู่รองจ้า
เดาได้ไหมว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นครายยยย คิคิ

ตอนหน้าคู่หลักจะกลับมา จะเกิดอะไรขึ้นกับพูนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป  :hao3:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ
มีคนทายถูกด้วยแฮะ  :katai2-1:
    
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-04-2017 23:11:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-04-2017 00:11:18
พี่ถั่วใช่ไหมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 09-04-2017 00:15:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 09-04-2017 01:15:26
พี่ถั่วนี่เองงงงงง
ไม่ปรากฏชื่อนานจนจะลืมชื่อพี่แล้วค่ะ555
ทำไมอบอุ่นอะ งือออ ต้องขนาดนี้เลยหรออ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2017 03:20:57
ถัวพี่หรือเปล่า พ่อกับน้องทำอาหารเป็น พ่อเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ส่วนน้องก็ป่วยบ่อย  :ruready  ต้องใช่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-04-2017 08:22:43
จะช่วยแอลยังไงหนอ... ดีจังในที่สุดก็มีคนที่ดูจะมืออาชีพหน่อยมาช่วยแอลแล้ว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 09-04-2017 19:22:52
พี่ลันเตา 555 รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 14 [08-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 10-04-2017 19:11:47
คนที่คุณก็รู้ว่าใคร พี่ชายของน้องพูแน่นอนนนนนนน :m4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 11-04-2017 02:08:11
บทที่ 15
เหตุเกิดเพราะ...คุณพ่อ



“ถอดได้ ไม่ว่าหรอก พูร้อน”


“ไม่เอายา ไม่ชอบ ขมอะ”


“พี่เจตใจร้าย”




เชี่ย!


เชี่ยมาก!


โอ้ย กูทำอะไรลงปายยยยยยยย



ภาพเมื่อคืนเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ เหมือนวีดีโอเล่นซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าผมจะรู้ตัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน


เพราะความจริงอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก


ผมสัมผัสได้ถึงอ้อมแขนที่กอดรัด และจังหวะหัวใจของคนข้างกายที่ไร้เสื้อ


เดี๋ยวนะ...


เชี่ย!


พี่เจตไม่ใส่เสื้อ


“...” ผมนอนนิ่ง ขยับตัวไม่ได้เพราะลำตัวแนบกับร่างสูงแทบทุกส่วน ก็อยากโวยวายนะครับ


แต่ผมน่ะ


กอดพี่เจตแน่นเลย


ฮือ เขาจะเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย จะคิดว่าผมอ่อยหรือเปล่าวะ คือไม่ได้ตั้งใจไง ไม่ป่วยแบบนี้นานแล้วด้วย ใครจะไปคิดว่านอกจากครอบครัวแล้วผมจะอ้อนคนอื่นได้อีก


เฮ้อ พอๆ คราวหน้าจะไม่ป่วยอีกแล้ว อับอายขายขี้หน้ามาก


ผมค่อยๆ ยกขาขึ้นจากเอวของพี่เจตเพราะไม่อยากรบกวนการนอนของเขา แค่เมื่อวานผมก็พอจะรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง เขาคงเหนื่อยกับความเอาแต่ใจของผม ทั้งเช็ดตัวทั้งป้อนยา...


“พูไม่กินยาก็ได้ เดี๋ยวพี่กินเอง”  หืม ภาพเมื่อกี้คืออะไรวะ


ผมยกมือแตะปาก อย่าบอกนะว่า...


“พี่...ฮื่อ”


โดนจูบไปแล้วแน่ๆ


แต่ว่า...


กูโดนเสียบหรือเปล่า?




หมับ


ผมจับก้นตัวเอง ลองบีบนิดๆ เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประตูหลังของผมหรือไม่ แต่นอกจากอาการคันแล้วอย่างอื่นก็ปกติดี ผมเกาก้นแกรกๆ ลอบมองใบหน้าพี่เจตยามหลับใหล คงฝันดีละมั้งถึงได้ยิ้มละไม


หืม เมื่อกี้ผมชมเขาว่าหล่อเหรอ


อืม...ผมยอมรับก็ได้ว่าเขาดูดีมาก รูปหน้าของเขาเหมือนเจ้าชายในฝันของใครหลายๆ คน สมแล้วที่สาวๆ กว่าครึ่งโรงเรียนกรี๊ดกร๊าด นี่ขนาดหลับอยู่หน้ายังใส เนียนกริ๊บเหมือนทารองพื้นเลย ใช้ครีมอะไรวะ


ผมยื่นหน้าเข้าไปสำรวจ ไล่สายตามายังจมูก จมูกเขาโด่งมากครับ แต่ก็ไม่เท่าพี่ชายของผมหรอก รายนั้นได้เชื้อพ่อไปเต็มๆ  ขนาดพ่อผมเป็นแค่ลูกเสี้ยวอังกฤษ พี่ชายผมยังได้รับสิ่งดีๆ ไปทั้งหมด ไม่เหลือเผื่อแผ่น้องนุ่งตาดำๆ คนนี้บ้างเลย อยากหล่อบ้างอะไรบ้างนะ


แกร็ก


หืม เหมือนได้ยินเสียงคนไขประตูนะ ผมเงี่ยหูฟังเสียงนั้น ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองถูกโอบเข้าไปชิดร่างสูงอีกครั้ง สมองจดจ่ออยู่กับเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่ค่อยๆ ย่องอย่างเป็นจังหวะ


เข้าใกล้ประตูห้องพี่เจตมากขึ้นเรื่อยๆ


แอด


“เซอร์ไพร์ซ!”


ปุ้ง ป้าง!


เสียงพุกระดาษมาพร้อมเศษกระดาษแผ่นเล็กลอยฟุ้งไปทั่วห้อง เมื่อคนจุดไม่ได้มีเพียงคนเดียว


ผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งชะงักค้างอยู่หน้าประตูเมื่อเห็นสภาพเราทั้งคู่ ส่วนหญิงสาววัยกลางคนรีบปิดตาลูกชายกับลูกสาวก่อนจะพาทั้งคู่ออกไปจากห้อง เหลือชายคนนั้น ผม และพี่เจตที่ลูกขึ้นนั่งนิ่งๆ ไม่มีเค้าลางของคนเพิ่งตื่นเลยสักนิด


พี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ อย่าบอกนะว่าที่ผมนอนมองอยู่นี่รู้ตัวตลอดน่ะ


“พ่อมาทำอะไร” น้ำเสียงเย็นชาที่ผมไม่คุ้นเคยออกมาจากปากของเขา


พ่อเหรอ?


ผมรีบยกมือไหว้ชายสูงวัยที่ไม่แม้แต่จะปรายตามองผม เขาจ้องหน้าลูกชายนิ่งๆ ก่อนจะเดินเข้ามาตบหน้าพี่เจตอย่างแรง


เพี๊ยะ!


ผมสะดุ้ง จับแขนพี่เจตไว้เมื่อเห็นแววตาวาวโรจน์ของพ่อพี่เจต


“แกคิดอะไรอยู่ห้ะเจต! แกจะประชดพ่อไปถึงไหน!”


“ผมไม่เคยประชด นี่คือสิ่งที่ผมเป็นแต่พ่อไม่เคยยอมรับ” ผมถูกโอบเข้าไปในอ้อมแขนพี่เจต เงยหน้ามองพี่เจตอย่างไม่เข้าใจ แต่สีหน้าเจ็บปวดของเขาทำให้ผมได้แต่เงียบ ไม่กล้าพูดอะไร


“เจต ยังมีผู้หญิงดีๆ ให้แกเลือก อีกตั้งมากมาย พ่อหาให้แกก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้!” เขาชี้มาทางผม สายตารังเกียจอย่างปิดไม่มิดทำผมกังวล


“ผู้ชายแล้วมันแย่ตรงไหน! ต้องมีหลายเมียแบบพ่อเหรอถึงจะดี ต้องเชิดชูเมียน้อยแล้วปล่อยให้เมียหลวงตายไปเหมือนคนโง่ นั่นน่ะเหรอสิ่งที่พ่อต้องการให้ผมเป็น!”


เพี๊ยะ!


ฝ่ามือหนักตบหน้าพี่เจตอีกครั้ง คราวนี้ร่างสูงคว้าเสื้อยืดข้างเตียงแล้วจับมือผมแล้วพาเดินออกจากห้อง ผ่านโซฟาหน้าทีวีที่หญิงสาวคนเดิมกำลังปลอบลูกน้อยทั้งสอง


“ชู่ว์ เดี๋ยวคุณพ่อก็มานะ ไม่เอาไม่ร้องลูก”


“ฮึก ฮือ อ้ะ ปี้เฉด” เด็กหญิงชูมือสองข้างขึ้น เหมือนรอให้พี่เจตเข้าไปอุ้ม แต่เขาแค่ปรายตามองนิ่งๆ แล้วจูงมือผมออกจากบ้านไป


ตลอดทาง คนข้างกายผมไม่พูดอะไรสักคำ เขานิ่งมาก ผมไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าเราจะเดินต่อไปอีกไกลแค่ไหน


จ้อก


เสียงท้องของผมดึงความสนใจอีกฝ่ายได้ดี พี่เจตหันมายิ้มให้ผมนิดๆ แล้วพาเดินเข้าร้านข้าวข้างทาง เราสั่งเมนูง่ายๆ แล้วนั่งกินกันเงียบๆ โชคดีที่พี่เจตหยิบกระเป๋าของผมติดมือมา อันที่จริงเขาคงตั้งใจหยิบของตัวเองแต่เพราะยี่ห้อเดียวกันสีเดียวกันก็เลยสับสน


อ้อ! ผมรู้ได้ไงน่ะเหรอ ก็ตอนจ่ายค่าป็อบคอนคราวโน้นไง ตอนแรกผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเราชอบอะไรคล้ายกันมากขนาดนั้น ข้าวแกงที่โรงเรียนก็ทีนึงล่ะ กระเป๋าสตางค์ก็ด้วย นี่ยังไม่นับเคสโทรศัพท์ลายเดียวกันอีกนะ ถ้ากางเกงในลายเดียวกันอีกผมคงหลอน


“พี่ไปอยู่บ้านนายสักพักนะ”


“ห้ะ เอ่อ จะดีเหรอพี่ พ่อพี่จะไม่ว่า...เหรอ” ผมพูดเสียงเบาเมื่อแววตาคมกริบของพี่เจตตวัดมอง


“เขาไม่เคยใส่ใจหรอกว่าพี่จะคิดอะไร จะทำอะไร เขาเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ พี่มีหน้าที่เดินไปตามทางที่เขาวางไว้เพื่อสืบทอดกิจการที่พี่ไม่ได้สนใจเลย” เสียงแข็งเอ่ยในทีแรกก่อนจะแผ่วลงในประโยคหลัง


“เขาคงเป็นห่วงตามประสาพ่อๆ...แต่ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกหรอกนะ” ผมสบตาร่างสูง ดวงตาของเขาสั่นไหว ผมรู้ว่าพี่เจตเองก็รู้ว่าพ่อรักเขา


“พ่อเกลียดเกย์” พี่เจตเอ่ย “และพี่ก็เป็นสิ่งที่เขาเกลียด” คำสารภาพของเขาทำผมอึ้ง คนอย่างพี่เจตน่ะเหรอจะชอบผู้ชาย มาดแมนแฮนด์ซั่มอย่างนี้เนี่ยนะ


“หึ รังเกียจเหรอที่พี่เป็นแบบนี้” เขาแค่นยิ้ม ผมส่ายหน้าหวือ ยื่นมือไปตบไหล่เขาเบาๆ ไม่อยากให้พี่เจตคิดว่าผมรังเกียจ


และเอ่ยย้ำให้เขาฟังอย่างชัดเจน


“พี่ลืมไปเหรอว่าผมชอบแอล ผมก็ไม่ต่างจากพี่ไหมล่ะ เกลียดเกย์ก็เท่ากับเกลียดตัวเองน่ะสิ ใครจะบ้าเกลียดตัวเอง หรือพี่บ้า”


พี่เจตยิ้มบาง “นั่นสิ พี่ลืมไป”


ผมจ่ายเงินค่าอาหารแล้วพยายามจะกอดคอพี่เจตปลอบใจ แต่อืม เหมือนเขาจะสูงเกินไปนะ


เขาเองก็คงรู้ว่าผมจะทำอะไร ยกแขนขึ้นคล้องคอผมแล้วรั้งเข้ามาใกล้ เราเดินทอดน่องไปจนถึงร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ปากซอยบ้านผม พาพี่เจตเข้าไปเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวเพราะเจ้าตัวบอกว่ายังไม่พร้อมกลับบ้านวันนี้ เขาอยากขอเวลาสงบใจก่อน


ผมเข้าใจเขานะ โดนพ่อตบหน้าตั้งสองครั้งคงเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งหัวใจ พ่อผมไม่เคยทำแบบนั้นหรอก รายนั้นโอ๋ผมจะตาย แต่กับแม่ไม่ได้เลยครับ เอะอะจับฟาดก้นเพราะตอนเด็กๆ ผมซนมาก เคยปีนต้นไม้ตกลงมาหัวแตก ลืมเรื่องตอนเด็กๆ ไปหลายอย่าง โดยเฉพาะพี่ชายข้างบ้านเพื่อนซี้ของพี่ลันเตา ผมก็ลืมว่าตอนเด็กเคยขอเขาแต่งงาน เจ้าตัวเลยมาง้องแง้งขอผมเป็นเจ้าสาวอีกหลายครั้ง แต่ก็โดนหน้าแข้งอรหันต์ของถั่วพี่ไปเต็มๆ ตอนนี้เลิกยุ่งกับผมไปเลย


“นี่บ้านนายเหรอ” ผมพยักหน้ารับ ก้มลงหยิบกุญแจที่ซ่อนอยู่ใต้กระถางต้นไม้แล้วเปิดประตูเดินนำเข้าไปในบ้าน


“นั่งเล่นโซฟาไปก่อนนะ  ขอขึ้นไปเก็บห้องก่อน” พี่เจตพยักหน้ารับแล้วนั่งลงนิ่งๆ หมายถึงนิ่งจริงๆ ครับ ผมขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อผ้าของพี่ลันเตา ลงมาพี่เจตก็ยังคงนั่งอยู่ท่านั้น ดูเหม่อๆ จนผมต้องสะกิดเรียก


“ไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนพี่ ใช้ห้องน้ำข้างล่างก็ได้ เดี๋ยวผมขึ้นไปอาบข้างบน” เขาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป


เขาจะไม่เป็นไรใช่ไหม


ผมอาบน้ำถูสบู่ได้สักพักก็ได้ยินเสียงโวยลั่นจากข้างล่าง


“มึงเป็นใคร!”


เชี่ย! พี่เปรมมา!


ผมรีบล้างตัวแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัววิ่งลงมาจากชั้นสอง สองสิงห์จ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร  พี่เจตนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเหมือนผม มีน้ำหยดพราวไหลไปตามซิกแพคแน่นปึ้กของเขา ส่วนพี่เปรมยืนกอดอกตีหน้ายักษ์ใส่อีกฝ่าย พอเหลือบมาเห็นผมก็ตาเหลือกพุ่งเข้ามาพลางถอดเสื้อกันหนาวใส่ให้ผมแล้วรูดซิปจนถึงต้นคอ


ความเว่อร์ไม่มีใครเกิน


“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”


“ลงเครื่องเมื่อกี้ก็มาหาเราเลย แล้วไอ้นี่ใคร เป็นหนุ่มเป็นนายให้ผู้ชายเข้าบ้านได้ยังไง อยู่กันสองต่อสองด้วย!” ผมกลอกตา มองเพื่อนซี้ของพี่ชายที่ดูจะคิดไปไกลมากๆ


“นี่รุ่นพี่ผม มันไม่มีอะไรอย่างที่พี่คิดสักหน่อย”


“พี่ไม่ไว้ใจ คืนนี้พี่จะนอนที่นี่”


“เห้ยได้ไง บ้านพี่อยู่แค่นี้ก็ไปนอนบ้านพี่สิ” ผมเบิกตากว้าง ห้องผมมีเตียงเดียว พี่จะไปเข้าไปนอนตรงไหนล่ะครับ ห้องพี่ลันเตาก็ล็อค ดีนะที่ตู้เสื้อผ้าของผมพอมีเสื้อผ้าพี่ชายหลงเหลืออยู่บ้าง


“ไม่สน ถ้ามันอยู่ได้พี่ก็ต้องอยู่ได้”


ผมกุมหัวตัวเอง เหลือบมองพี่เจตที่เดินเข้ามาใกล้


“คืนนี้ให้เขานอนโซฟาก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปนอนกับนายบนเตียงก็แล้วกัน” พี่เจตพูดหน้าตาย ไม่ได้สนใจเลยว่าประโยคเมื่อกี้กระตุ้นต่อมบ้าบอของพี่ข้างบ้านผมมากแค่ไหน


“มึงตายยยยยยยย” พี่เปรมเงื้อหมัดพุ่งเข้าหาพี่เจต แต่ผมจับแขนเขาไว้แน่น ปล่อยให้ยกเท้าเตะอากาศไปเพราะรู้ดีว่าเขาไม่กล้าสะบัดผมออกหรอก ทะนุถนอมผมมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บางทีก็มากกว่าพี่ลันเตาเสียอีก


พี่เจตเองก็แสยะยิ้ม เยาะเย้ยอีกฝ่ายที่ทำร้ายเขาไม่ได้ เอาเข้าไป ท้ากันเข้าไป


เฮ้อ วันนี้จะได้อยู่อย่างสงบบ้างไหมเนี่ย...







Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ตั้งใจว่าจะเขียนดราม่าของพี่เจตนะ แต่เขียนไม่เก่ง ตอนท้ายเลยปล่อยตัวประกอบอย่างพี่ข้างบ้านมาสร้างสีสัน 555 (พี่เปรม: ผมไม่ใช่ตัวประกอบนะ! นี่พระเอก ว่าที่สามีพู) จ้ะ อยากคิดอะไรเต็มที่เลยค่ะพี่เปรม

พี่เปรมเคยชอบพูค่ะ แต่โดนเพื่อนอย่างพี่ลันเตากีดกันตลอด ถั่วพี่รู้ไส้รู้พุงเพื่อนดีก็เลยไม่อยากได้มาเป็นน้องเขย

แล้วพี่เปรมจะป่วนมากแค่ไหน รอตอนหน้าค่า ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ น่ารักมาก  :mew1:

ปล.ตอนที่แล้วทายถูกทุกคนค่ะ 555 พี่ลันเตานั่นเอง
   
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 11-04-2017 02:25:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-04-2017 02:37:00
เสียดายของ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 11-04-2017 10:21:18
 บรรยากาสกำลังซึ้งๆเศร้าๆ พอพี่เปรมมากลายเป็นหัวเราะแทนอะ
  รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 11-04-2017 10:36:39
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-04-2017 13:27:10
กำลังหน่วงๆดับพี่เจตเลย
พอพี่เปรมมาปุ้ปปป
ก้เหมือนภาพขาวดพนี่แตกเป็นเสี่ยง555555
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-04-2017 14:37:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 11-04-2017 16:33:31
ถั่วพี่ 555 :hao7: :ling1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 11-04-2017 18:35:35
พี่เจตคนมีปมสินะ ฮื่อออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้น้องพูช่วยปลอยพี่เจตเอง  :mew6:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 15 [11-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-04-2017 11:28:33
พี่เจต เคยลองคุยดีๆ กับคุณพ่อหรือยังค่ะ ลองดูเผื่อพ่ออาจจะ อาจจะนะ อาจจะเข้าใจพี่มากขึ้นก็ได้
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 16 [14-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 14-04-2017 04:24:31
บทที่ 16
เหตุเกิดเพราะ...พี่ข้างบ้าน



หลังจากพี่เปรมประกาศว่าจะนอนค้างบ้านผม เขาก็รีบดันผมให้ขึ้นห้องไปแต่งตัว ส่วนตัวเองก็ลงมานั่งจ้องพี่เจตเขม็ง ร่างสูงเองก็ไม่ได้มีทีท่าอะไร เดินสำรวจรอบบ้านรอจนผมลงมานั่นแหละถึงได้เดินเข้ามาคุย


“ชอบวาดรูปเหรอ” พี่เจตจ้องภาพทะเลหมอกยามเช้าที่ผมเคยส่งเข้าประกวดเมื่อปีที่แล้ว ภาพนี้ผมได้แรงบันดาลใจจากตอนที่ไปเที่ยวภูทับเบิกกับครอบครัว


บ้านนี้ก็เหมือนพิพิธภัณฑ์รูปวาดของผมขนาดย่อม พ่อชอบภาพของผมมากก็เลยใส่กรอบติดไว้เต็มไปหมด


“ครับ แต่ผมชอบถ่ายภาพมากกว่านะ อยากเก็บความทรงจำไว้ในภาพ เพราะกว่าจะวาดได้หนึ่งภาพใช้เวลาตั้งนาน แต่ถ่ายรูปแป๊บเดียวก็ได้ภาพแล้ว”


“แล้วทำไมไม่เห็นมีภาพถ่ายเลยล่ะ”


“กล้องผมมันกากน่ะพี่” ผมชูโทรศัพท์รุ่นเก่าแต่ใช้ทน รุ่นนี้ผมใช้มาห้าปีแล้วยังดีอยู่เลย “ผมกำลังเก็บเงินซื้อกล้องอยู่ แต่ยังไม่ถึงพันเลย แหะๆ”


ครับ เก็บทีไรไอ้แบงค์หาเรื่องพาผมไปเสียเงินทุกที แอบแงะไปใช้จนไม่รู้ชาตินี้จะเก็บเงินซื้อกล้องได้หรือเปล่า


พี่เจตพยักหน้าเบาๆ แล้วชี้ภาพหนึ่งที่ดูไม่ต่างจากการสะบัดพูกันเล่นใส่กระดาษ ดูเป็นเส้นยุ่งเหยิงซ้อนทับกันเต็มพื้นที่


“จะเกาะน้องกูเป็นปลิงไปถึงไหนห้ะ! หลบเลย” พี่เปรมเดินพรวดเข้ามาขวางขณะที่ผมกำลังอธิบายให้พี่เจตฟังว่ารูปนั้นหมายถึงอะไร


“พี่เปรมครับ เรายืนห่างกันตั้งเยอะ เกาะเกอะอะไรกัน” ผมบอกเพื่อนพี่ชายที่จับแขนผมพาเดินไปทางครัว


“ไม่ต้องไปอยู่ใกล้มันมาก เสือด้วยกันดูออก เห็นนิ่งๆ อย่างนั้น พูไม่รู้หรอกว่ามันคิดอะไร”


“แล้วเขาคิดอะไรล่ะครับ” ผมถามพลางเปิดตู้เย็น ลากผมมาในครัวรู้แล้วว่าพี่เปรมคงหิวและอยากให้ผมทำอะไรสักอย่างให้เขากิน โชคดีที่ในตู้เย็นมีของสดมากมาย


ผมเลือกทำผัดเปรี้ยวหวานของโปรดพี่เปรม นาน   ๆ เจอกันทีต้องเอาใจเขาหน่อย เห็นต๊องๆ แบบนี้เรียนนายร้อยนะครับ ช่วงแรกที่กลับมาผมแทบจำไม่ได้เพราะผิวเขาคล้ำกว่าเดิมแถมตัดผมสั้นมาก เขาหน้าเสียเลยล่ะเพราะวันนั้นผมตกใจแล้ววิ่งหนีเข้าบ้าน


“คิดเรื่องอกุศลกับเราน่ะสิ ระวังตัวไว้บ้างรู้ไหม พี่ไม่ได้กลับมาปกป้องเราได้บ่อยๆ หรอกนะ”


“พี่เปรม ผมก็ผู้ชายปะวะ มือเท้าก็มี ถ้าพี่เจตคิดอะไรอย่างที่พี่บอกผมไม่อยู่เฉยหรอกนะ” ผมหั่นหมูเป็นชิ้นๆ แล้วใส่ถ้วยไว้ แล้วหันไปหยิบแตงกวาและมะเขือเทศมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นใส่ถ้วยไว้


“แล้วอย่างเราน่ะจะไปสู้อะไรมันได้” พี่เปรมจิ้มต้นแขนผมที่นิ่มเหมือนเต้าหู้เพราะไม่ค่อยออกกำลังกาย “เดี๋ยวทำกับข้าวให้พี่เสร็จไปซิทอัพต่อด้วยวิดพื้นอย่างละห้าสิบครั้ง จะได้เพิ่มความแข็งแรงสู้มันได้”


“โหพี่ ทำตามที่พี่บอกแขนขาผมคงไม่มีแรงแม้แต่จะยกขึ้นด้วยซ้ำมั้ง” ผมก็มองหาหอมใหญ่ เพราะผัดเปรี้ยวหวานจะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้


เสียงเรียกเข้าดังลั่นไปทั่วห้อง แต่ดูเหมือนเจ้าของโทรศัพท์ไม่คิดจะรับสาย เดินวนไปรอบๆ ตัวผมเพื่อดูว่าอาหารจะเสร็จเมื่อไร


“พี่ออกไปรับโทรศัพท์ก่อนไหม ผมไม่มีสมาธิทำกับข้าวเลย” ผมเริ่มหงุดหงิดนิดๆ เมื่อหาวัตถุดิบอย่างสุดท้ายไม่เจอ


“เออๆ นี่เห็นแก่ผัดเปรี้ยวหวานนะถึงยอมออกไป เสร็จแล้วเรียกพี่ด้วยล่ะ” พูดจบพี่เปรมก็รับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากครัวไป หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีพี่เจตก็เดินเข้ามา ผมที่กำลังหงุดหงิดจึงหันไปมองเขาตาขวาง พี่เจตยกมือขึ้นสองข้าง


“พี่ไม่ได้ทำอะไรนะ”


ผมพ่นลมหายใจแล้วเดินเข้าไปหาเขา พี่เจตผงะไปนิดเมื่อผมเอื้อมมือผ่านสีข้างเขาเพื่อหยิบหัวหอมที่อยู่ข้างตู้เย็น ลืมไปเลยว่าผมวางทิ้งไว้ตรงนี้ พอผละออกมาก็เห็นหน้าพี่เจตดูแดงๆ


เขาจะติดไข้ผมหรือเปล่านะ


“พี่ไปนั่งรอที่โซฟาก็ได้ หรืออยากกินอะไรเดี๋ยวผมทำให้” ผมปลอกเปลือกหอมใหญ่ เขยิบไปล้างที่ซิงค์แล้วหั่นเป็นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ


“นายดูคล่องดีนะ” พี่เจตวางคางบนไหล่ผม รู้สึกแปลกๆ นิดๆ แต่เพราะพี่ลันเตาก็ชอบทำแบบนี้เหมือนกัน ผมปัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วตั้งใจหั่นหอมใหญ่ต่อไป


ดูๆ ไปพี่เจตก็คล้ายพี่ชายผม มองภายนอกดูเป็นคนเงียบๆ แต่ความจริงแล้วคนละเรื่องเลย ดูตอนนี้สิครับ ทิ้งน้ำหนักจนผมเริ่มทำอาหารไม่ถนัดแล้ว


“ถอยไปหน่อยดิพี่ ผมทำอาหารไม่ได้ โอ๊ะ” ผมยกมือขยี้ตาเมื่อน้ำจากหอมใหญ่กระเด็นเข้าตา


“หันมานี่” พี่เจตถือชามปริ่มน้ำที่ไม่รู้เขาไปหยิบมาจากไหน


ผมก้มลงลืมตาในน้ำเพื่อลดการระคายเคือง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อหายแสบแล้ว


“โอเคขึ้นไหม หรือให้พี่ไปซื้อยาให้ไหม” ร่างสูงถามอย่างร้อนรน ผมสายหน้า กระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตา มองเขาที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ


เอ่อ ใกล้ไปไหมพี่


ผมจะดันพี่เจตออก แต่พี่เปรมดันโผล่พรวดเข้ามาชนหลังพี่เจตอย่างแรง หน้าพี่เจตจึงเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปากเราสัมผัสกัน


จุ๊บ


“เห้ย!”


ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และร่างสูงก็ถูกพี่เปรมกระชากออกไปทันที


เมื่อได้สติผมก็เห็นใบหน้าคมถูกชกเต็มแรงด้วยฝีมือพี่ชายข้างบ้านจึงรีบเข้าไปจับแขนพี่เปรมไว้


เขาหยุดมือแล้วหันมาเชยคางผมขึ้น รู้สึกเจ็บจี๊ดที่มุมปากคิดว่าปากคงแตกนิดหน่อย


“แม่งเอ้ย! ไสหัวไปเลยมึงน่ะ!” พี่เปรมดูหงุดหงิดมาก เขาเตรียมจะเข้าไปซ้ำพี่เจตแต่ผมดึงเขาไว้สุดแรงแล้วอธิบายให้เขาฟัง อันที่จริงความผิดเขานะที่วิ่งเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ


พอพี่เปรมได้ฟังก็หยุดนิ่งทุกการกระทำ หลบตาผม แต่ไม่มีท่าทีจะขอโทษพี่เจตเลยสักนิด ทำเนียนจับแก้มผมไปดูว่ามีแผลตรงอื่นอีกไหมทั้งที่ก็มีแค่ที่เดียวนั่นแหละ


ที่ปากไง


“ขอโทษพี่เจตเลยนะครับ ทำผิดก็ต้องยอมรับสิ” แทนที่ผมจะได้อายเพราะถูกจูบกลับกลายเป็นต้องมานั่งพูดบอกให้คนตัวโตขอโทษร่างสูง


พี่เปรมอิดออดไม่ยอมทำ แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของผมก็ยอมหันไปขอโทษแบบขอไปที


“ขอโทษทั้งทีก็ทำให้ดีๆ หน่อยสิพี่” ผมบ่น


“ช่างเถอะพู พี่ผิดเอง นายทำอาหารไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะกลับแล้ว” พี่เจตพูดเสียงเบาแล้วเดินออกจากห้องครัว ผมมองค้อนพี่เปรมแล้ววิ่งตามร่างสูงไป


พี่เจตบอกว่าจะไปก็ไปจริงๆ ครับ เดินคอตกออกจากบ้านท่ามกลางฟ้าครึ้มที่ดูท่าอีกไม่นานฝนคงตก


“พี่เจต!” ผมวิ่งไปหยุดอยู่ข้างๆ กัน เขาเบนสายตามาหาผมด้วยใบหน้าเศร้าๆ ผมรู้ดีว่าตอนนี้เขาคงไม่อยากกลับบ้าน แต่ที่บอกว่าจะไปคงเพราะไม่อยากให้ผมมีปัญหากับพี่เปรม


“มีอะไรหรือเปล่า” พี่เจตยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนจนผมต้องเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้ กลัวว่าถ้าผมผลักไสเขาไป พี่เจตจะยิ่งเศร้ามากกว่าเดิม


พี่เจตก้มมองมือผมที่จับมือเขาไว้ด้วยแววตาสั่นๆ


“กลับบ้านกันเถอะ ฝนจะตกแล้วนะพี่” ผมฉุดพี่เจตให้กลับเข้าบ้านไปด้วยกันแต่เขาแกะมือผมออก


“อย่าเลย พี่ชายเราคนนั้นก็ดูไม่ปลื้มพี่เท่าไร อย่ามีปัญหากันเพราะพี่เลย” ผมรีบส่ายหน้า


“นี่บ้านผม ผมเต็มใจให้พี่อยู่ อย่าคิดมากสิ” เขาสบตาผมแล้วเบนสายตาไปทางอื่นด้วยใบหน้าขึ้นสี


“จะเป็นไข้หรือเปล่าพี่ ไปๆ เข้าไปพักในบ้านเลย ห้ามดื้อนะ” ไม่สนใจแล้วครับว่าจะฝืนใจอีกฝ่ายหรือไม่ รีบลากพี่เจตเข้ามาในบ้านแล้วจับไหล่เขาให้เอนลงนอนบนโซฟา วิ่งวุ่นไปทั่วบ้านเพื่อหากล่องปฐมพยาบาลที่ไม่ได้ใช้มาหลายปี


“พาราอยู่ไหนวะ” ผมค้นยาในกล่องปฐมพยาบาลแต่ไม่เจอเลยสักเม็ดเลยหยิบกระเป๋าเงินเตรียมออกไปซื้อยา


“จะไปไหน” พี่เปรมเดินเข้ามาหาผม ปรายตามองร่างสูงที่นอนมองมาที่เราทั้งคู่เงียบๆ


“ไปซื้อยา ฝากดูพี่เจตด้วยนะพี่ เขาเฝ้าไข้ผมทั้งคืนไม่รู้ติดหวัดหรือเปล่า”


“เราไม่สบายเหรอ ยังปวดหัวอยู่ไหม เจ็บคอหรือเปล่า พี่ว่าเราขึ้นไปนอนพักบนห้องดีกว่านะ” พี่เปรมอังหน้าผากวัดอุณหภูมิให้ผมเสร็จสรรพแล้วดันหลังผมให้ขึ้นห้องไปนอนพัก ผมรีบปฏิเสธ แล้วชี้ไปที่พี่เจตซึ่งนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาโซฟาไปแล้ว


“ผมหายดีแล้ว คนที่ไม่สบายคือพี่เจตต่างหาก”


“ทำไมเราคิดว่ามันไม่สบายล่ะ” พี่เปรมกอดอก


“ก็หน้าเขาแดงอะ อาจจะเป็นไข้ก็ได้นะพี่”


พี่เปรมพยักหน้ารับและสัญญากับผมว่าจะดูแลพี่เจตอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง แม้น้ำเสียงที่ใช้จะดูไม่น่าไว้ใจเท่าไรนักแต่ผมก็ต้องฝากเขาไว้ก่อน


หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ


⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀


[เจต]


ผมเงี่ยหูฟังจนกระทั่งพูออกไปจากบ้าน อันที่จริงไม่ได้ป่วยอะไรหรอกครับ ผมแค่เขินที่พูบอกว่าเต็มใจให้ผมอยู่


จะมีอะไรดีไปกว่าคนที่เราชอบยินดีจะให้เราอยู่ใกล้เขาล่ะครับ


“เลิกตอแหลได้ล่ะ น้องกูไปแล้ว ลุกขึ้นมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้เลย” มาแล้วครับ เพิ่งชกหน้าผมแต่กลับไม่มีท่าทีสลดเลยสักนิด ทั้งที่ตัวเองผิดแท้ๆ ที่โผล่เข้ามาแบบนั้น


แต่เอาเถอะครับ ผมได้จูบจากน้องเป็นของขวัญปลอบใจแถมด้วยคำหวานซึ้งก็มีความสุขดีแล้ว


“มึงชอบพูเหรอ” ถามตรงประเด็นดีจัง อยากให้น้องรู้ตัวเหมือนที่คนตรงหน้ารู้บ้าง อุตส่าห์เอาคางไปเกยไหล่ แต่น้องกลับไม่มีท่าทีปฏิเสธหรือเขินอาย คล้ายกับว่าสิ่งที่ผมทำเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันเสียอย่างนั้น


“ครับ” ผมสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง เขาก็จ้องกลับมาเช่นกัน คงหวังให้ผมละสายตายอมแพ้ไปก่อน แต่ขอโทษครับ เรื่องพูผมยอมถอยไม่ได้ บอกว่าจะจีบก็หมายความว่าผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้อยู่ใกล้เขา และให้เขารู้ว่าผมชอบเขามากจริงๆ


“มึงชอบพูที่ตรงไหน มันก็ผู้ชายเหมือนกับมึง ถึงจะเตี้ยกว่าแต่น้องกูก็แมนนะ”


“ผมรู้ครับ” รู้ดีว่าเขาไม่มีทางชอบผู้ชายถึกๆ แบบผมหรอก ต้องแบบแอลถึงจะใช่สำหรับพู “แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ”


ใช่ ผมไม่มีวันยอมแพ้ ต่อให้พูจะชอบแอลมากแค่ไหนผมจะเปลี่ยนใจเขาให้เป็นผมให้ได้


“หึ กล้าดีนะ งั้นมึงช่วยกล้าพูดกับน้องกูหน่อยสิว่ามึงคิดยังไง” เขายิ้มร้าย เหมือนรู้คำตอบว่าถ้าผมสารภาพรักพูตอนนี้คงหนีไม่พ้นถูกปฏิเสธไปตามระเบียบ


และคงไม่มีโอกาสใกล้พูเป็นครั้งที่สองแน่


“หึ เงียบแบบนี้แสดงว่านายก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องระหว่างนายกับพูมันเป็นไปไม่ได้” เขาเว้นจังหวะ


“เพราะพูไม่ใช่เกย์เหมือนมึง!”


“ผมเป็นเกย์แล้วผิดมากเหรอ” เสียงแผ่วขัดขึ้น พูเดินเข้ามาใกล้พวกเรา วางถุงยาลงบนโต๊ะก่อนจะมองพี่ของเขาด้วยแววตาไม่มั่นคง ผมเดาว่าเขาคงไม่ได้บอกใครเรื่องที่เขาชอบผู้ชาย


“อะไรนะ! พู...พูดอะไร” เขาทำเสียงตื่นแล้วจับไหล่พูแน่นจนน้องทำหน้าเหยเก ผมลุกขึ้นแล้วดึงมือเขาออก เมินสายตาแค้นอาฆาตที่ส่งมาอย่างปิดไม่มิด แต่ก็ซ่อนความเจ็บปวดไว้อย่างแนบเนียน


คิดว่าผมเดาไม่ออกเหรอว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เขาเองก็ชอบพูเหมือนผม อาจจะนานกว่าผมด้วยซ้ำ เพียงแต่น้องไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบอื่น ผมเห็นแววตาจริงใจ แววตาเป็นห่วงเป็นใยที่พูมีต่อพี่เปรมในฐานะพี่น้องที่สนิทกันดี แต่ไม่มีความรู้สึกอื่นอื่นนอกเหนือจากนั้น


เขาเป็นมากว่าพี่ชายไม่ได้อีกแล้ว


เขาเป็นตัวอย่างให้ผมให้รู้ หากคิดจะเฝ้ามองต่อไปโดยไม่ทำอะไร สุดท้ายก็จะได้เพียงตำแหน่งพี่ชาย


ตำแหน่งที่ผมเองก็ไม่อยากได้ จึงต้องสู้ต่อเพื่อชนะใจพู


เพราะผมอยากอยู่ในใจเขาในฐานะคนรัก ไม่ใช่พี่ชายของแฟน


“ผม...เป็นเกย์ครับพี่เปรม และชอบผู้ชายคนหนึ่งมาได้สักพักแล้ว” พูเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง เขาต้องชอบแอลมากแค่ไหนถึงได้เปลี่ยนใจจากชอบผู้หญิงมาเป็นผู้ชาย


ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้น เพราะตั้งแต่ที่ผมรู้ว่ารักคืออะไร ผมก็ชอบผู้ชายเพียงคนเดียวมาตลอด นอกจากแม่แล้วไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมีโอกาสเข้ามาอยู่ในใจผม


“เรามีความสุขไหมที่ได้อยู่กับเขา”


น่าแปลกที่พี่เปรมไม่ได้แสดงออกว่าเสียใจหรือตัดพ้อใส่พูว่าทำไมไม่เป็นเขา แค่ลูบหัวร่างบางเบาๆ แล้วยิ้มให้อย่างที่เคย พูเองก็ยิ้มตอบแล้วสวมกอดพี่อีกฝ่ายแน่น


“มีความสุขดีครับ กำลังจีบอยู่ เขาน่ารักมากเลย”


“หืม...” เขาเหลือบมามองผมที่ส่งยิ้มเศร้า เพราะรู้ดีว่าคนที่พูหมายถึงคือน้องชายตัวน้อยของผม


เฮ้อ สู้ๆ นะเจต แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนากับน้องแอล ดูเหมือนจะยากกว่าที่คิดแฮะ


ผมปลอบใจตัวเองพลางมองสองคนนั้นเดินหายเข้าไปในครัว พูโผล่หน้ามาบอกให้ผมกินยาแล้วกลับเข้าไปทำอาหารต่อ


พี่เปรมเดินกลับออกมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้ว ดูออกว่าเขาไม่พอใจเท่าไรแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามเหมือนก่อนหน้านี้ คงเพราะเขาเองก็รู้ว่าเราทั้งคู่มีชะตากรรมเดียวกัน


“พูชอบคนอื่นสินะ” ผมพยักหน้ารับ เรานั่งข้างกัน ดูรายการตลกทั้งที่หัวใจเราทั้งคู่ไม่ได้ตลกสักนิด


“มึงยังโชคดี ไม่ได้สนิทกับน้องมากจนเปลี่ยนความสัมพันธ์ไม่ได้แบบกู” พี่เปรมแค่นยิ้ม ผมจึงเสนอความคิดเห็นของตัวเองตามที่รู้สึกออกไปบ้าง


“พี่คิดไปเองว่าเปลี่ยนไม่ได้ หรือเพราะกลัวว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้เขาอย่างที่เป็นอยู่” ผมถามคำถามนี้กับตัวเองทุกวัน ทุกครั้งที่คิดจะหยุด เป็นรุ่นพี่เหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องฝันจะได้มากไปกว่านั้น


“มึงพูดจี้ใจดำชะมัด แต่ก็นะ กูคงกลัวอย่างที่มึงพูดนั่นแหละ คงช้าเกินไปที่จะบอกพูว่ากูชอบเขา” พี่เปรมยิ้มเศร้า


“ไม่มีใครช้าไปสำหรับความรักหรอกพี่ พี่แค่ต้องกล้าเสี่ยงสักครั้งเพื่อให้ได้ความรักมา”


“พูดเหมือนง่ายนะไอ้สัด กูไม่อยากเปลี่ยนความสัมพันธ์แล้วว่ะ กูมีความสุขดีกับสิ่งที่เป็นอยู่ เป็นพี่ชายที่พูรักพูแบบนี้ก็พอแล้ว กูไม่อยากให้เขามองกูเปลี่ยนไป จะว่าขี้ขลาดก็ได้กูยอมรับ เพราะกูไม่พร้อมที่จะเสียพูไป มึงเป็นคนกล้านะเจต อย่ายอมแพ้เหมือนกู” ดวงตาแดงก่ำพยายามอดกลั้นความรู้สึกจนถึงที่สุด เขาต้องกดมันไว้ลึกแค่ไหนผมคงไม่รู้เท่าตัวของเขาเอง


“พี่ยอมรับผมเป็นน้องเขยแล้วสินะ” ผมแหย่คนที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ หวังให้เขาหลุดจากความรู้สึกนั้นชั่วครู่ก็ยังดี


“หึ ไม่มีทาง มึงยังต้องพิสูจน์อะไรอีกมาก เพราะยังมีคนที่หวงพูยิ่งกว่ากูอีก ทุกวันนี้กูยังผ่านด่านมันไม่ได้เลย” พี่เปรมหัวเราะนิดๆ เหมือนเป็นเรื่องขำขัน


“ใครครับ”


พ่อพูเหรอ?


“กูบอกมึงไม่ได้ แต่อยากเตือนไว้ล่วงหน้าจะได้ทำใจแต่เนิ่นๆ เพราะถ้ามึงเอาชนะใจมันไม่ได้ ต่อให้พูกับมึงชอบกันก็ไม่มีวันได้คบกันหรอก”


“ทำไม...”


“หึ มันจะขัดขวางมึงทุกวิถีทาง ยิ่งกว่าที่กูขัดมึงวันนี้ร้อยเท่าพันเท่า เตรียมใจไว้เลย”

 
“แล้ว...” ยังไม่ทันทีผมจะสืบความลับร่างบางก็ถือจานกับข้าวเข้ามา พวกเราจึงยุติบทสนทนาเพียงเท่านั้น


หลังจากกินข้าวเสร็จพี่เปรมก็รับโทรศัพท์แล้วออกจากบ้านไป เราไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาอีกไหมจึงนั่งดูหนังรอไปเรื่อยๆ  ระหว่างนั้นฝนก็ตกหนัก ลมแรงจนกระจกหน้าต่างสั่นกึกๆ ไฟกระพริบถี่เหมือนใกล้จะดับเต็มทน


“เป็นอะไร” ผมเอ่ยถามเมื่อพูต้องขยับเข้ามานั่งชิดผม ทั้งที่ตอนแรกเรานั่งห่างกันหลายช่วงแขน


“ผมว่าไฟมันติดๆ ดับๆ แปลกอะพี่” แขนเรียวยึดแขนผมไว้แน่น


ผมลอบยิ้ม มองท่าทีหวาดกลัวโดนที่เจ้าตัวไม่รู้ พูกวาดตาไปทั่วเหมือนกลัวว่าอะไรจะโผล่มา


พรึ่บ


ไฟทุกดวงพร้อมใจกันดับ ผมเร่งกระพริบตาเพื่อปรับแสง พอจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ภายในบ้านอย่างสลัวๆ ผมรู้สึกเจ็บแขนขวาเพราะถูกรัดแน่นโดยร่างบางที่สั่นเป็นลูกนก พร่ำกระซิบเสียงเบาเคล้าเสียงสะอื้นซ้ำไปซ้ำมา


“ฮือ พี่เจตห้ามทิ้งผมนะ” ผมยิ้มนิดๆ


“พี่ไม่มีวันทิ้งพูหรอกนะ” ผมลูบหัวพู สัญญากับเขาด้วยหัวใจแม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจว่าผมกำลังปลอบขวัญก็ตาม


“ฮือ” ผมฉวยโอกาสนี้กอดพูไว้ ปกป้องเขาจากความมืดด้วยอ้อมแขนของผมเอง


ข้างนอกนั่น ฝนยังคงตกหนักและดูท่าว่าคงจะอีกนานกว่าจะซาและหยุดลง


ค่ำคืนนี้อาจจะหนาวเหน็บสำหรับใครบางคน


แต่สำหรับผม ฝนวันนี้ทำให้อุ่นไปทั้งใจ


“พี่ชอบพูนะ”


จนเผลอตัดสินใจบอกรักไป...







Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ไม่รู้ว่าพี่เปรมเข้ามาป่วนหรือเข้ามาทำให้ทั้งคู่ใกล้กันมากกว่าเดิมนะเนี่ย 555
เอาล่ะเซ่ พี่เจตเผลอบอกน้องไปแล้วว่าชอบ ผลจะเป็นยังไงนะ  :hao3:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์จ้า สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะทุกคน  :L2:
อยากเขียนตอนพิเศษสงกรานต์ของหนุ่มๆ INSIDE LOVE จัง
จะมีคนอ่านไหม 555

พี่เจต เคยลองคุยดีๆ กับคุณพ่อหรือยังค่ะ ลองดูเผื่อพ่ออาจจะ อาจจะนะ อาจจะเข้าใจพี่มากขึ้นก็ได้

พี่เจตจะคุยกับพ่ออย่างแน่นอนค่ะ แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้เน้อ จะมีช่วงให้พ่อลูกคู่นี้เขาคุยกันค่ะ    
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 16 [14-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 14-04-2017 06:34:30
บอกไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 16 [14-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-04-2017 07:13:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 16 [14-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-04-2017 09:37:07
บอกแล้ววววววววว แต่ไม่ใช่พูแกล้งหลับไม่ยอมรับรู้นะว่าพี่เจตสารภาพไปแล้วว่ารู้สึกยังไง
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 16 [14-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 14-04-2017 10:19:45
พูกลัวผีเหรอ 555  เข้าทางเจตสิ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 16 [14-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-04-2017 16:09:04
บอกออกไปแล้ว
เหมือนพี่เปรมมาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชัดๆ 55555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 16 [14-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-04-2017 17:28:42
น้องจะได้ยินไหม
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 16 [14-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 14-04-2017 18:12:19
กรี๊ดดด พี่เจตพูดออกมาแล้ว ประโยคนี้ หวังว่าน้องพูจะไม่ตีมึนนะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 16-04-2017 22:26:11
บทที่ 17
เหตุเกิดเพราะ...จีบ



“พี่ชอบพูนะ”


ผมนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของพี่เจต แม้จะมีเสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะแต่คำนั้นยังคงก้องชัดอยู่ในหัวของผม


รอบตัวที่เคยมืดมิดจนน่ากลัวกลับไม่น่ากลัวเท่าสิ่งที่พี่เจตพูดเลยสักนิด


ผมผละออกจากอ้อมแขนนั้นแล้วเขยิบตัวห่างจากเขา ผมไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของเขาเป็นอย่างไรเมื่อผมแสดงออกอย่างนี้ ผมแค่รู้สึกรับไม่ได้เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็เท่านั้นเอง


“พี่ก็น่าจะรู้ว่าผมชอบแอล” ผมพูดจากใจ เขาเองก็น่าจะรู้ว่าผมคิดอย่างไรกับน้องชายของเขา ทำไมถึงพูดคำนั้นออกมา


เขาต้องการอะไร ให้ผมเลิกยุ่งกับแอลอย่างนั้นเหรอ


“พี่รู้ว่านายชอบแอล” ร่างสูงผ่อนลมหายใจ “และรู้ตัวเองว่าชอบนายเหมือนกัน”


“แต่...แต่ มันเป็นไปได้ยังไง เราไม่ได้สนิทอะไรกัน ไม่ได้รู้จักกันจนถึงขั้นที่พี่จะมาชอบผมได้”


“อันที่จริงเรารู้จักกันมานานกว่านั้น นายแค่จำไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้ากับนาย...พี่เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ” เขาเขยิบเข้ามาใกล้แต่ผมผงะหนี เมื่อพี่เจตเห็นอย่างนั้นเขาจึงยอมถอยกลับไปนั่งริมโซฟาเหมือนเดิม


“แต่ผมไม่ได้ชอบพี่ ไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในหัว ผมว่า...พี่เลิกคิดเรื่องผมเถอะ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้” ผมยืนยัน เพราะในหัวใจของผมตอนนี้มีแค่แอล ส่วนพี่เจต ผมไม่เคยคิดกับเขาในแง่นั้นเลยสักครั้ง ถ้าเขาดันทุรังชอบผมต่อไปก็คงมีแต่เจ็บปวด


“นายรู้ได้ไงว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่ด่วนตัดสินใจไปหน่อยเหรอ ไม่คิด...ที่จะให้โอกาสพี่สักครั้งเลยหรือไง” เสียงพี่เจตฟังดูไม่มั่นคง ผมสบตากับเขาในความมืด เห็นแววตาขอร้องจากเขาเมื่อแสงจากสายฟ้าสว่างวาบเข้ามา


ผมไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร แต่ประโยคถัดไปของเขาก็ทำให้ผมพูดไม่ออก


“ถ้าแอลทำแบบนี้กับนายบ้าง นายจะรู้สึกยังไง ถ้าแอลตัดโอกาสนายตั้งแต่แรกนายจะยอมจบความรู้สึกนั้นง่ายๆ เหมือนที่บอกพี่ไหม”


ไม่


อืม ผมเข้าใจความรู้สึกของเขาแล้ว คงยากจะตัดใจเพียงเพราะผมขอให้เขาหยุด เงยหน้ามองพี่เจต แม้จะพูดอีกกี่สิบครั้งเขาก็คงไม่ยอมตัดใจง่ายๆ


แล้วผมควรทำยังไง


“พี่ขอแค่โอกาส ถ้าสุดท้ายแล้วนายไม่เปลี่ยนใจ พี่จะจบทุกอย่างเอง ได้ไหม” เขาแตะมือผมแผ่วเบา เหมือนกลัวว่าถ้าจับมือ ผมจะสะบัดมือเขาออก


“บอกไว้ก่อนนะพี่ว่าผมไม่ได้มีรสนิยมชอบคนแก่กว่า หรือ...แมนกว่า” ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่ดูทรงแล้ว พี่เจตไม่น่าจะเป็นรับให้ผมหรอก


“อืม พี่รู้ดี” เขายิ้มนิดๆ “งั้น...พี่ขอจีบเรานะ” เขาเม้มปากรอลุ้นคำตอบจากผม


“เออๆ จะทำอะไรก็ทำ แต่ผมเตือนพี่ไว้แล้วนะว่าสเปคผมไม่ใช่แบบพี่ ระวังจะเจ็บไม่รู้ตัว”


พี่เจตหัวเราะในลำคอ “ครับ พี่รู้ว่าพูไม่ทำให้พี่เจ็บหรอก”


ผมหรี่ตามอง “มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอพี่”


“พี่เชื่อว่าถ้าคนเราพยายามมากพอ ผลลัพธ์ย่อมสัมฤทธิ์ผล”


“บางครั้งความพยายามก็ไม่มีความหมายหรอกนะ ผมว่าพี่ควรเผื่อใจไว้” ผมบอกด้วยความหวังดี


“อย่าตัดความหวังกันนักสิ ขอพี่ลองก่อนนะ รับรองพูจะติดใจจนไม่คิดจะจีบแอลอีกเลย” โห อวยตัวเองอะไรขนาดนั้นครับ


“เหอะ หลงตัวเองว่ะพี่”


“พี่ไม่ได้หลงตัวเองอย่างเดียวนะ” เขาเว้นจังหวะ “พี่จะทำให้พูหลงด้วย”


แหวะ มุกนี้คิดนานไหมครับ พอๆ ความน่ากลัวหายไปหมดแล้วเนี่ย ผมลุกขึ้นจากโซฟาเพราะเริ่มเห็นบริเวณบ้านชัดขึ้น เดินไปหยิบไฟฉายหน้าทีวีได้โดยไม่ต้องระแวงว่าหันไปจะเจอวิญญาณตนใด


อืม...มีพี่เจตอยู่ก็ดีเหมือนกันนะ
.
.
.
.
.
.
.
.
เหอะ ความคิดชั่ววูบ


คาดไม่ถึงว่าการตัดสินใจให้โอกาสพี่เจตจะทำให้อาหารกลางวันมื้อนี้จะมีสมาชิกหน้าใหม่เพิ่มมาสี่คน ทั้งพี่แจ้ พี่เจต พี่แมร์


และแอลที่ส่งข้อความมาขอนั่งด้วยเนื่องจากเพื่อนตัวเล็กของเขาไปแข่งขันตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ที่ต่างจังหวัด


พี่แจ้และพี่แมร์นั่งฝั่งตรงข้ามซึ่งมีฟ้านั่งอยู่ ส่วนพี่เจตเลือกนั่งข้างผม ตอนแรกก็โวยวายให้เขาไปนั่งอีกฝั่งเพราะอุตส่าห์เว้นที่ให้แอล แต่พอพี่เจตบอกว่าจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าจีบผมอยู่ผมก็ได้แต่บ่นในใจ กลัวใจแอลจะหลีกทางให้พี่ชายของเขาเดินหน้าจีบผมนี่ล่ะ


อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือฟ้า เธอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและจ้องพี่เจตตาเป็นมัน เหมือนร่างสูงเองก็รู้จึงส่งข้อความมาหาผม ให้ช่วยบอกฟ้าว่าเลิกจ้องเขาสักที


ผมยิ้มขำนิดหน่อยก่อนจะชวนฟ้าคุยเรื่องรายงานวิชาเคมี ฟ้าก็ยอมหันมาคุยกับผมแต่โดยดีครับเพราะเราต้องแบ่งงานกัน มีเหลือบมองพี่เจตบ้างเป็นระยะ หัวข้อที่คุยก็เริ่มลึกขึ้นจนผมฟังไม่ทัน เหมือนเธอต้องการแสดงให้พี่เจตเห็นว่าเธอเก่งและเข้าใจเรื่องยากๆ ได้อย่างง่ายดาย


แต่ผมกับแบงค์ยังมึนๆ งงๆ อยู่เลย


“อ้ะ โทดทีน้า อาจารย์ปล่อยช้าอะ” แอลเดินเข้าด้วยสีหน้ารู้สึกผิดแล้วนั่งลงข้างผม เหงื่อซึมตามไรผมจนผมต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ พวกรุ่นพี่ลุกหายไปนานแล้วครับ คงไม่อยากนั่งรอพวกเราพล่ามเรื่องรายงานหรอก


“แหมๆ หวานกันจังเลยนะจ๊ะ” ฟ้าแซวยิ้มๆ ผมเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ ส่วนแอลนั่งเงียบไม่ตอบอะไร “คบกันยังอะ”


“ฟ้า!” ผมอดดุเพื่อนสาวไม่ได้ จะพูดอะไรก็น่าจะปรึกษาผมก่อน ดูซิแอลหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสภาพอากาศร้อนอบอ้าวหรือเพราะคำพูดของฟ้ากันแน่


“ไปซื้อข้าวกินกันเถอะ กูหิว” คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำแบงค์ วางกระเป๋าสะพายแล้วเดินตามฟ้าไป ไม่รู้สองคนนั้นคุยอะไร แต่ดูเหมือนแอลอึดอัดที่จะคุยกับฟ้า ผมเกรงว่าเธอจะพูดเรื่องเรามากเกินไปจึงรีบเดินไปหาทั้งคู่


เดินได้ไม่กี่ก้าวร่างสูงใหญ่ก็เข้ามาขวางไว้


“จะไปไหน” เสียงทุ้มเอ่ยถามเสียงอ่อน


“ไปซื้อข้าวไงพี่ หิวจะตายแล้วเนี่ย” หิวจนจะกินพี่เจตได้ทั้งตัวแล้วครับ หลีกทางให้ผมไปหาอะไรกินเถอะนะ


“พี่ซื้อมาให้นายแล้ว ผัดฟักทองกับพะแนงหมู” หืม พี่เจตว่าไงนะ


ผมก้มลงมองจานข้าวที่เขายื่นมาให้ บนข้าวสวยร้อนๆ มีเมนูโปรดของผม


กับข้าวทั้งสองจานเหมือนกันแต่พี่เจตให้ผมเป็นฝ่ายเลือกว่าจะกินจานไหน


เหมือนกันแล้วต้องเลือกอะไรอีกครับ


“จานไหนก็ได้ครับ” ผมเลือกหยิบจานขวาที่มีหมูเยอะกว่าจานซ้ายนิดหน่อย


พี่เจตวางจานลงข้างผมแล้วเดินไปร้านน้ำ ส่วนผมก็รีบสวาปามอาหารจนเต็มคราบ หมดจานปั๊บรุ่นพี่ทั้งสองก็นั่งลงพอดี


“หิวอะไรขนาดนั้นคะน้องพู”


“เออ ไปตายอดตายอยากจากไหนมาวะไอ้พู แดกเร็วชิบหาย ดีนะที่ไอ้เจตลงมาสั่งป้าไว้ตั้งแต่คาบที่แล้ว ไม่อย่างนั้นยืนรอเป็นชาติก็คงไม่ได้แดก” หืม มีสั่งล่วงหน้าได้ด้วยเหรอ ผมหันไปมองร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมน้ำสองขวดและชาเขียวปั่นเมนูโปรดของผม


“หิวมากเหรอเรา อะ พี่ซื้อน้ำมาให้แล้วค่อยๆ ดื่มนะ” รุ่นพี่ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหันมามองผมกับพี่เจตด้วยแววตาพราวระยับ


สายตาแบบนั้นคืออะไรครับ


“ขอบคุณครับ” เขาอุตส่าห์มีน้ำใจ รับไว้ก็คงไม่เสียหายใช่ไหมล่ะ


“แอลนั่งกับพี่ๆ ละกัน เดี๋ยวเรานั่งฝั่งนี้เอง” ฟ้าจัดแจงที่นั่งเสร็จสรรพ เธอย้ายมานั่งข้างพี่เจตและพยายามชวนคุยเรื่องต่างๆ


พี่เจตไม่ตอบเธอสักคำ เปิดขวดน้ำใส่หลอดส่งให้แอลที่รับไปดื่มยิ้มๆ และตักพะแนงหมูในจานตัวเองให้ผม


ปล่อยให้ฟ้าหน้าเสียไปนิดเพราะเขาไม่ได้ฟังเลย แต่ฟ้าก็ทำใจสู้ตักพะแนงหมูให้พี่เจต


“ผมไม่รับของของคนอื่นครับ” เขายกมือกั้นไม่ให้ฟ้าวางชิ้นหมูลงในจาน เธอยกช้อนเก้อก่อนจะรีบยัดใส่ปากทำทีเป็นว่าไม่ได้จะให้พี่เจต


มื้อกลางวันผ่านไปด้วยดี ผมชวนแอลคุยเพราะอยากรู้ว่ามือถือยี่ห้อดังของเขาหายไปไหน ทำไมกลายเป็นรุ่นปุ่มกดใช้งานอะไรไม่ค่อยได้


“รุ่นเก่าก็มีความคลาสสิกนะ” คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ ก้มมองมือถือด้วยแววตาหวานซึ้ง


ถ้าไม่ติดว่าเป็นโทรศัพท์ผมคงเข้าใจว่าแอลชอบมือถือตัวเอง


เพี้ยนไปใหญ่แล้วไอ้พูเอ้ย


“เออไอ้ถั่ว กูได้ข่าวมาจากสายต่างโรงเรียน เขาบอกว่าพวกที่รุมมึงวันนั้นถูกพักการเรียนแล้วนะโว้ย แต่สองหัวโจกฝาแฝดยังหาตัวไม่เจอ สายกูบอกว่าพวกนั้นเรียนจบไปแล้วก็เลยตามตัวยาก ดูเหมือนจะเป็นลูกคนมีอิทธิพลด้วยว่ะ ยังไงมึงก็ระวังตัวหน่อยนะโว้ย แอลด้วย อย่ากลับบ้านคนเดียวนะ” ผมพยักหน้ารับคำเพื่อนซี้ ขณะที่คนตัวเล็กยังคงพิมพ์ข้อความบนปุ่มกดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะไม่ถนัดมือ ไม่ได้สนใจฟังที่แบงค์พูดเท่าไรนัก


เห็นแอลนั่งจ้องหน้าจอ รอจนมีข้อความเข้าแล้วเปิดอ่านยิ้มๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับ ผมได้แต่สงสัยว่าใครกันที่ทำให้คนตัวเล็กยิ้มหวานแบบนั้นได้


อยากคว้ามือถือมาดู แต่สถานะของผมตอนนี้ทำได้แค่มองเขาเท่านั้นเอง


“เป็นอะไร” ร่างสูงก้มลงถามผมเสียงเบา ผมส่ายหน้า มองพี่แจ้หยิบถุงขนมส่งมาให้


“แดกขนมพี่รหัสมึงซะจะได้อารมณ์ดี” ผมรับมาอย่างงงๆ ไอ้แบงค์โอดครวญที่ผมได้แต่มันไม่ได้

 
พี่แจ้บอกแค่ว่าพี่ไอ้แบงค์อยู่ในช่วงขาลงไม่มีเงินซื้อให้มันกิน ผมหัวเราะนิดๆ แล้วเปิดจดหมายอ่านยิ้มๆ เอี้ยวตัวหลบร่างสูงที่ชะโงกหน้าแอบอ่านจดหมายน้อยของผม


ถึงน้องพู


เป็นยังไงบ้างน้องพู สบายดีไหม มีอะไรก็เล่าให้พี่ฟังได้นะ ถึงจะช่วยอะไรได้ไม่มากแต่พี่ก็เป็นพี่รหัสของเรา อย่าเกรงใจที่จะขอให้พี่ช่วย อย่าลืมสิว่าพี่อยู่ข้างเราเสมอ


จากพี่รหัสของน้องเอง



อ่านข้อความจากพี่แล้วน้ำตาซึมนิดๆ อยากเขียนไปถามรุ่นพี่ว่าทำยังแอลถึงจะสนใจผมมากกว่ามือถือ แต่คงถูกเตะโด่งแล้วบอกให้รีบจีบสักทีสิโว้ยเหมือนที่ไอ้แบงค์ว่าไว้


เอาวะ วันนี้ผมจะสารภาพรักกับแอลสักที


ไหนๆ พี่เจตก็เดินหน้าจีบผมแล้ว ผมจะเดินหน้าจีบแอลบ้างละกัน



⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀


[เจต]



หลังจากแยกกับรุ่นน้อง ผมก็เดินตามหลังเพื่อน แอบมองสีหน้าหงอยๆ ของพูที่คอยมองแอลอยู่ตลอด ขณะที่เจ้าตัวเล็กของผมพิมพ์ข้อความยิ้มๆ บนโทรศัพท์รุ่นเก่าที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปขุดมาจากไหน


แต่เห็นน้องชายมีสีหน้าดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ผมก็สบายใจ ดูเหมือนแอลปลดล็อคบางอย่างออกไป และสดใสขึ้นอย่างที่เคยเป็น


“เออจริงสิ เควินบอกว่ารุ่นพี่อาวุโสจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกนั้นคงออกมาซ่าไม่ได้อีกนาน แกพอจะรู้จักพวกเขาไหม ช่วงนั้นแกน่าจะมีเรื่องกับโรงเรียนแฟนฉันบ่อยนี่”


“มีเรื่องน่ะบ่อย แต่ฉันไม่เคยดวลกับเขาตรงๆ เคยได้ยินพวกนั้นเรียกเขาว่าท่านชูการ์” ผมนึกถึงเรื่องราวสมัยที่ผมมีเรื่องไปทั่วเพื่อประชดพ่อที่หนีไปมีชู้ ผมจึงทำตัวเกเรหวังให้เขาสนใจ


และใช่ เขาสนใจ สนใจว่าจะลากผมเข้าโรงเรียนดัดสันดานไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยดีไหม


หรือปล่อยผมให้ตายไปตามยถากรรมเพราะเหนื่อยที่จะต้องคอยตามล้างตามเช็ดเรื่องที่ผมสร้างขึ้น


ทุกวันนี้ผมไม่ได้ใช้เงินพ่อเลยสักสตางค์เดียว ผมมีเงินมรดกจากแม่ไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แม้จะไม่มากเท่าทรัพย์สินที่พ่อมี แต่ผมก็อยู่ได้อย่างสุขสบาย


สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นคือแอล ถ้าไม่เกิดเรื่องกับน้อง ผมก็ยังคงเป็นเด็กคงเกเรอยู่อย่างนั้น


รอวันถูกคู่อริฆ่าตายไปสักวันหนึ่ง พ่อจะได้ปลดภาระเลี้ยงลูกเลวๆ อย่างผม และตั้งใจดูแลครอบครัวฝั่งนั้นให้ดีไปเลย





ผมไม่ได้อคติกับเด็กๆ หรอกครับ ยอมรับว่าลับหลังพ่อผมก็แอบไปเล่นกับพวกแกบ่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นเองก็รู้ เธอไม่ได้ว่าอะไร


ไม่กลัวด้วยซ้ำว่าผมจะจงใจทำร้ายลูกเธอเพราะเกลียดเธอ


และใช่ เธอรู้ดีว่าผมไม่มีวันทำร้ายเด็กๆ


ผมจะเอาความบาดหมางระหว่างผู้ใหญ่ไปลงกับเด็กไร้เดียงสาก็คงไม่ได้ ผมไม่ได้เลวขนาดนั้น และผมก็ไม่อยากให้พ่อรู้ด้วยว่าผมญาติดีกับเด็กๆ ได้


หรือแม้กระทั่งผู้หญิงที่เข้ามาหลังจากแม่ตายผมก็เป็นเพื่อนกับเธอได้


ตราบใดที่พ่อยังอคติกับรสนิยมของผม เราก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก ผมรับไม่ได้ที่เขายัดเยียดความถูกต้องทางสังคมให้ผม ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชายเท่านั้นหรือ ความรู้สึกของผมไม่มีความหมายเลยหรือไง


“ฉายาชูการ์ เขาคงหน้าเหมือนชูการ์ไรเดอร์มั้ง ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของเพื่อนดึงสติผมกลับมา ผมหลับตา ละทิ้งเรื่องที่เพิ่งนึกถึงแล้วตั้งใจฟังคำพูดของเพื่อน


ผมไม่รู้ว่าหัวหน้าแก๊งอย่างท่านชูการ์เป็นใคร แต่เท่าที่ฟังมาเขาก็เก่งพอดู เป็นแฮกเกอร์หาตัวจับยากซึ่งเรียนจบไปหลายปีแล้ว น้อยคนนักจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน คงมีแค่มือขวาของเขาที่ได้ข่าวว่ารับราชการเท่านั้นที่หาเขาเจอ


ผมเองก็ไม่รู้ว่าคนระดับนั้นสอดมือเข้ามาทำไม แต่ก็ต้องขอบคุณเขาเพราะอย่างน้อยผมก็เบาใจไปเปลาะหนึ่งว่าคนที่ผมรักจะปลอดภัย


แอลเปรียบเสมือนแก้วตา


พูเปรียบเสมือนดวงใจ


หากใครคิดจะทำอะไรแก้วตาและดวงใจของผม ก็คงต้องสู้กันสักตั้ง


[จบพาร์ทเจต]







Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
พี่เจตบอกน้องแล้วว่าจะจีบ พูก็เตือนหนักมากเลยนะว่าพี่น่ะไม่ใช่สเปคน้องเพราะกลัวทำคนพี่เสียใจ ยังไงก็สู้ๆ น้าพี่เจต

ส่วนแอล คุยกับใครอยู่ก็คงรู้ๆ กันโน๊ะ 555

ตอนนี้เฉลยไปบางส่วนว่าพี่ลันเตาทำอะไรลงไป ถึงจะจับเจ้าสองแฝดไม่ได้แต่หลักฐานชั่วๆ ที่พวกนั้นทำกับแอลก็ไม่มีเหลือแล้ว

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ นึกว่าไม่มีคนอ่านแล้ว 555 มันเรื่อยๆ ไปไหมอะ ตอนแรกอยากให้พูตีมึนไม่รับรู้นะ แต่สงสารพี่เจต ฮา ให้เขารับรู้ใจกันและกันนี่แหละดีแล้ว ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่ แต่อนาคตก็เป็นไปได้อยู่นะ

หลังจากนี้เราจะอัพได้นานๆ ครั้งนะคะ เริ่มทำงานแล้ว หยุดวันเดียวเองค่ะ TT เข้ามาเม้นมาให้กำลังใจเยอะๆ น้า เราจะเร่งเขียนต่อให้เร็วที่สุดเลยค่า รักทุกคน  :mew1:

   
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 17-04-2017 00:16:27
พูเตรียมซบอกพี่เจตเถอะ ตัวจริงของแอลเขามาแล้ว 555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-04-2017 00:47:52
พี่ลันเตาท่าทางแสบไม่เบา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 17-04-2017 00:52:10
OoO ถั่วพี่มีตำแหน่งถึงระดับท่าน โอวววว นี่ถ้ารู้ว่าหนึ่งในแฝดนรกเล็งถั่วน้องล่ะ พี่ท่านจะจัดการยังไงนะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 17-04-2017 09:37:23
กราบในความยิ่งใหญ่ของถั่วพี่
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-04-2017 10:49:34
พี่ลันเตาโผล่มาแปปเดียวก้รุสึกอยากย้ายทีมขึ้นมาเลยค่ะ55555555
รู้สึกถึงเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้อะ
พี่เจตก้สู้ๆนะคะ ตัวจริงของน้องแอลมาแล้ว
น้องพูก้ว่างสุดๆแบบไม่มีโอกาสสละโสด100%เลยละ
เชียร์พี่เจตต แต่บุ้นให้พี่ลันจีบน้องแอบเรวๆมากกว่า555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 17-04-2017 11:13:17
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-04-2017 11:18:24
ท่านชูการ์นี่พี่หรือเพื่อนพี่ลันเตาล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 17-04-2017 18:39:23
แอบสงสารพี่เจต งื้อออ พี่เจตต้องสู้นะ เอาชนะใจน้องพูให้ได้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 17 [16-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-04-2017 19:22:05
คนใกล้ตัวกันทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 23-04-2017 13:40:40
บทที่ 18
เหตุเกิดเพราะ...สารภาพ




หลายวันมานี้ผมรู้สึกว่าแอลดูห่างจากผมไปเรื่อยๆ แม้เขาจะพูดคุยกับผมเหมือนปกติแต่ผมก็ยังรู้สึกว่าคนตัวเล็กเปลี่ยนไป


“กินไหม” ร่างสูงยื่นสาหร่ายทอดกรอบมาให้ ผมส่ายหน้า มองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปเงียบๆ


พี่เจตยังคงเข้าหาผมอยู่ทุกวัน กลางวันก็พากลุ่มเพื่อนมานั่งกินข้าวด้วยกัน ตอนเย็นก็นั่งรถเมล์กลับพร้อมผมเพราะแอลมีเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนและพ่อของแอลก็ไปรับเขาเอง พี่เจตก็เลยว่างมาตามผมต้อยๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน


ผมก็อยากไปเรียนกับแอลนะ แต่วิชาที่เขาเรียนน่ะผมได้ท็อปตลอด ไม่มีข้ออ้างอะไรขอแม่เรียนได้เลย


“วันนี้พี่มีประชุมกับสภานักเรียน นายกลับเองได้ไหม” พี่เจตถามเสียงเบา


“พี่ ผมกลับคนเดียวมาตั้งหลายปีแล้วนะ แค่นี้จิ๊บๆ เถอะ” บางทีก็ตลกพี่เจต ทำอย่างกับเขาไปส่งผมตลอดอย่างนั้นล่ะ


“ไม่ได้กลับคนเดียวสักหน่อย” ร่างสูงพึมพำ ผมไม่ได้สนใจเขา เห็นแอลลุกขึ้นแล้วเดินตามเพื่อนไปเก็บจานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมก็ยิ้มตามเขาทันที


หรือบางที...แค่มองก็พอแล้ว


“ชอบแอลมากเหรอ...”


ผมหันกลับมาสบตาพี่เจต แววตาของเขาหม่นแสงแต่ก็ส่งยิ้มบางให้ผม เมื่อผมไม่ตอบอะไรเขาก็ลุกขึ้นยืน


“ขึ้นห้องกันเถอะ” เขาหันไปชวนเพื่อนอีกสองคนให้ลุกตามไปด้วยกัน รุ่นพี่ทั้งสองยิ้มให้ผมก่อนจะเดินตามร่างสูงออกไป


“กูว่าบรรยากาศแปลกๆ ว่ะ” แบงค์กระเถิบเข้ามานั่งเบียดผม “ไม่สิ กูว่าแปลกตั้งแต่พวกพี่แจ้มานั่งกับพวกเราแล้วนะ”


“เฮ้อ” ผมถอนหายใจใส่หน้าเพื่อนแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ


ทำไมวันนี้รู้สึกแย่จังวะ ทั้งที่ปกติเห็นแอลยิ้มโลกก็สดใสขึ้นมาทันตา





แต่วันนี้...มีแต่ภาพแววตาของพี่เจตติดอยู่ในหัว







ไลน์~


ผมนั่งเช็ดผมเปียกชื้นของตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาดู แอลส่งข้อความมาขอให้ผมไปช่วยเลือกของขวัญตอบแทนผู้มีพระคุณของเขาในวันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียน


ผมตอบตกลง พร้อมกับหัวใจที่เรียกร้องให้บอกความรู้สึกไปสักที


ผมกลัวว่าหลังจากวันพรุ่งนี้ สถานะของเราจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว


“พู!” แอลกวักมือเรียก วันนี้ผมไม่รอพี่เจตเหมือนเช่นเคย แม้เขาจะส่งข้อความมากำชับว่าให้อยู่รอ แต่ผมก็จงใจเมินข้อความนั้นแล้วมาตามนัดหมายกับแอล


“ไปที่ห้างละกัน มีร้านขายของน่ารักเปิดใหม่ให้แอลเลือกเยอะเลย” ผมพูดเอาใจ


แอลบอกข้อมูลคร่าวๆ ว่าผู้มีพระคุณของเขาชอบทำอาหารและทำขนมไทยเก่งมาก เขาชอบของน่ารักๆ และมักจะมีของเหล่านั้นติดตัวเสมอ


จู่ๆ ผมก็นึกถึงพี่ชายสายติสท์ของผม เสียแต่ว่ารายนั้นทำอาหารไม่เป็น เรียกว่าระเบิดครัวยังง่ายกว่า


เขามักจะห้อยตุ๊กตาผ้าเน่าๆ ฝีมือเด็กประถมที่ผมทำให้ติดตัวไว้เสมอ แม้จะบอกว่าให้ทิ้งไปซะเพราะผมอาย เขาก็ไม่ยอมทิ้งจนผมต้องทำให้ใหม่แบบที่สวยกว่าเดิม พี่ลันเตาก็รับตัวใหม่ไปนะ แต่ก็เก็บตุ๊กตาผ้าเน่าของผมไว้อย่างดีจนทุกวันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน


พี่มันคงรู้ว่าถ้าผมเจอแล้วจะเอาไปทิ้งละมั้งถึงได้ล็อกห้องของตัวเองแบบนั้น


“พูว่าตัวไหนน่ารักกว่ากัน” แอลชูตุ๊กตาหมีตัวเท่าฝ่ามือให้ผมเลือก ทั้งสองตัวก็หมีเหมือนกันนั่นแหละครับ ต่างกันที่สีขาวกับสีน้ำตาล


“ตัวสีน้ำตาลไหมเปื้อนยากดี จะได้เก็บไว้นานๆ” ผมคิด “แต่สาวๆ น่าจะชอบสีขาวมากกว่านะ ดูนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอม”


แอลยืนคิ้วขมวดก่อนจะวางตุ๊กตาหมีสีขาวไว้ที่เดิมแล้วยิ้มแป้นให้ผม


“เราเชื่อพูดีกว่า” ผมยิ้มตาม เหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมาแล้วนึกถึงพี่ชายของคนตัวเล็ก


หน้ามึนๆ อึนๆ เหมือนกันเลยแฮะ มีปลอกแขนเหมือนกันด้วย


“แอลว่าเหมือนพี่เจตไหม” ผมถามคนตัวเล็กที่เดินดุ๊กๆ เข้ามาหา แอลเอียงคอมองก่อนจะหัวเราะคิกคัก


“เหมือนมากเลยพู นี่! เสื้อนายออกนอกกางเกงนะ ฮ่าๆ เหมือนมากเลย” ผมยิ้มขำท่าทางเลียนแบบพี่เจตของแอลก่อนจะหยิบตุ๊กตาเจ้าหมาตัวนั้นไปคิดเงินด้วยกัน


ถือว่าเป็นของขวัญขอโทษที่เบี้ยวนัดวันนี้ละกันนะพี่


ผมพาคนตัวเล็กไปกินข้าวเย็นต่อด้วยไอศกรีมร้านดัง แอลก็กินทุกอย่างด้วยสีหน้ามีความสุข


“งื้อ เย็นจัง” ผมอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเห็นแอลงับเนื้อไอศกรีม เราออกมาเดินเล่นย่อยอาหารอยู่ที่สวนสาธารณะ มองเหล่าคนรักสุขภาพออกมาวิ่งออกกำลังกาย บ้างก็ถีบเรือเป็ดอยู่ในน้ำ


ผมรู้สึกดีที่เราได้ใช้เวลาเหล่านี้ร่วมกัน และอยากให้เป็นแบบนี้ไปทุกวัน


“แอล”


“หือ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองผมยิ้มๆ มุมปากของเขาเลอะไอศกรีม ผมจึงเอื้อมมือไปเช็ดออกให้อย่างแผ่วเบาแล้วเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สบตาคนตัวเล็กอย่างมีความหมาย


ดูเหมือนแอลจะรับรู้ได้เขาจึงกระพริบตาปริบๆ เหมือนคนไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้


อ่า มันเป็นสัญญาณเตือนอะไรหรือเปล่านะ


ผมปัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วก้าวเข้าหาแอลด้วยให้ใจเต้นรัว จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ผมจะไม่เสียใจที่ทำมัน


“เราชอบแอลนะ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลย แอลเป็นคนสดใสร่าเริง บางมุมแอลก็ดูอ่อนแอจนเราอยากปกป้องและอยากดูแลแอลไปตลอด” ผมก้มหน้านิดๆ เมื่อรับรู้สายตาที่เขาส่งมา “ปะ...เป็นแฟนกับเราได้ไหม”


ดวงตาของผมร้อนผ่าว ผมข่มความเสียใจทั้งหมดแล้วรอฟังคำตอบจากปากแอลเท่านั้น ผมจะทำเมินสายตานั้นไปเหมือนไม่เคยเห็นก็ได้


แค่พูดมา ผมรับได้ทุกอย่าง ขอแค่แอลพูดมา


“คะ...คือ เอ่อ...พู เรา...” คนตัวเล็กอ้ำอึ้ง


“เรา...ขอโทษ” แอลพูดเสียงเบาจนน่าใจหาย พอผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าลงแล้วปาดน้ำตาเงียบๆ จนถึงตอนนี้แอลก็เสียน้ำตาให้ผมอีกจนได้ คราวนั้นที่ผมเจ็บเขาก็ร้องไห้เหมือนกัน


“ไม่เอาสิ ปฏิเสธเราแล้วมาร้องไห้แบบนี้ได้ไงกัน” ผมรวบตัวแอลเข้ามากอดไว้เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกแล้ว


ผมกอดแอลแน่น พยายามเข้มแข็งและพูดบอกอีกฝ่ายว่าผมไม่เป็นไร


“ดูสิ ร้องไห้จนตาบวมหมดแล้วเนี่ย” ผมลูบดวงตาบวมช้ำของแอลแผ่วเบา “ไม่เอาไม่ร้องแล้วครับ ดูสิ เรายังไม่ร้องเลยเนี่ย”


“ขอโทษนะพู ฮึก เราขอโทษ” พอคนตัวเล็กจะเริ่มก๊อกสองผมก็บีบจมูกเขาไว้ทันที


“พอเลย ไม่งั้นเราไม่พูดกับแอลแล้วนะ” พอผมพูดจบ แอลก็รีบฮึบก้อนสะอื้นทันที ผมจึงยิ้มให้เขาแล้วลูบผมเบาๆ


“ชอบเขาคนนั้นมากเหรอ” ผมไม่รู้หรอกว่าใครอยู่ในใจแอล แต่ก็พอเดาได้จากท่าทีที่เขาเลือกของให้อีกฝ่าย คงจะเป็นผู้หญิงน่ารักๆ ที่มีอายุมากกว่าแน่นอน


เฮ้อ แพ้ผู้หญิงจนได้นะเรา


แม้แอลจะตัวเล็กน่ารัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นเกย์แล้วชอบผู้ชายแบบผม ขอแค่เขามีความสุขกับคนที่เขาเลือกผมก็พอใจแล้ว


“อืม ชอบมากเลย” คนตัวเล็กหยุดร้องไห้แล้ว ใบหน้าขึ้นสีบอกได้อย่างดีว่าแอลชอบเขาคนนั้นมากแค่ไหน


“เขา...ดียังไงเหรอ” ดีกว่าเราตรงไหนเหรอ ถามแบบนี้คงไม่ผิดใช่ไหม ผมแค่อยากรู้ว่าคนแบบไหนที่คว้าใจแอลไปได้


“เขาน่ะทำขนมอร่อยมาก! เหมือนที่คุณย่าทำเลยล่ะ ไม่สิ อร่อยกว่าที่คุณย่าทำอีก” ผมก็ทำอาหารเก่งนะ ถึงจะไม่รู้ว่าอร่อยกว่าคุณย่าของแอลหรือเปล่าแต่ผมก็ทำเป็นนะ


“แล้ว...เขาก็ช่วยเราไว้ เขาให้กำลังใจเรา พาเราผ่านเรื่องยากๆ ไปได้” ผมไม่เคยทำแบบนั้นเหรอ ผมก็ทำนะ


หรือเพราะว่าไม่ใช่คนที่ใช่ ต่อให้ทำเหมือนกันยังไง ก็ไม่ใช่สำหรับเขาอยู่ดี


“พู” แอลมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง หืม เขาห่วงอะไรผมเหรอ ห่วงว่าผมจะเจ็บเพราะเขาไม่ชอบผมตอบรึไง คิดได้ไม่นานนักแอลก็จับมือของผมไว้แน่น


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญากับเรานะว่าพูจะบอกเราทุกอย่าง” แม้จะสงสัยคำพูดของแอลแต่ผมก็พยักหน้ารับ ในใจก็เอ่ยขอโทษแอลไปด้วย


ขอโทษนะ แต่เราไม่สัญญาหรอกนะแอล เพราะเราบอกแอลไม่ได้หรอกว่าตอนนี้เราเจ็บมากแค่ไหน


“ดีมาก” แอลยิ้มให้ผมก่อนมือถือรุ่นเดอะของเขาจะดังขึ้น แอลคุยตกลงเรื่องสถานที่นัดหมายเสร็จก็หันมาบอกผม


“พ่อมารับแล้ว เราไปก่อนนะ” ผมมองแผ่นหลังเล็กที่หมุนตัวกลับไป


ผมโบกมือลาอีกฝ่ายที่วิ่งไกลออกไป


โบกมือลาความรัก...ที่กำลังจากผมไปตลอดกาล


แหมะ


ผมปล่อยให้น้ำตาที่ทนกลั้นไว้ไหลออกมาโดยไม่ปาดออก





ปล่อยให้ไหล ไป

ให้ลอยลงสู่ทะเลให้หาย ไป

ให้มันอย่าคืนย้อนมา

ทิ้ง ไป

เพราะรักนั้นทำกับเรา

ให้เสีย ใจ

ให้ลอยไปไกล ให้ไปไกลๆ

ไม่มีอะไรต้องเหลือ

ทิ้งแล้วทุกอย่าง





แม่ง เปิดเพลงได้ตรงใจกูจริงๆ เลย


ผมนั่ทรุดตัวลงฟังเพลงทิ้งรักลงแม่น้ำ ปล่อยน้ำตาให้ไหลตามเสียงเพลง ทอดมองเรือเป็ดที่มีคู่รักนั่งคุยกันสวีทหวานกันจนอยากแช่งให้เรือล่มๆ ไปซะ


จะว่าผมพาลก็ได้ ก็คนมันเสียใจอะเข้าใจไหม


“ฮึก ฮือ ชีวิตกูแม่งจะไม่สมหวังเลยใช่ไหม รักใครเขาก็นกตลอด แม่งเอ้ย!” ผมทึ้งหัวตัวเอง


“รักคนที่เขารักเราสิ เท่านี้ก็สมหวังแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างผม ยื่นขวดน้ำที่มีไอเย็นมาให้ “ดื่มซะ ร้องไห้จนน้ำหมดตัวแล้วมั้ง” ผมตวัดสายตาไปมองเขาด้วยใบหน้าบึ้งๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร


“พี่มาได้ไง” ผมรับน้ำมาดื่มพรวดจนสำลัก เดือดร้อนให้คนข้างๆ ลูบหลังผมเบาๆ


“ก็คนแถวนี้เบี้ยวนัดนี่นา พี่ก็เลยต้องมาตามดูว่าเบี้ยวนัดกันเพราะอะไร” พี่เจตสบตาผมด้วยสายตาเป็นห่วง


“เจ็บมากไหม”


สิ้นคำนั้น ความเสียใจทุกอย่างที่หยุดไปแล้วกลับมาอีกครั้ง ผมเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วร้องไห้เงียบๆ


“เห็นสภาพผมแล้วนี่ ถ้าไม่อยากเป็นอย่างนี้ผมแนะนำให้พี่หยุดซะ” ผมเตือนเขาด้วยความหวังดี อันที่จริงก็เตือนมาตลอดแต่เขาไม่เคยฟัง ตัวอย่างของผมในวันนี้คงทำให้เขาเห็นชัดแล้วว่าอกหักมันเป็นยังไง


ถ้าเขายังดันทุรังจะชอบผม จีบผมต่อไป ความผิดหวังของเขาก็คงไม่ต่างจากผมมากนักหรอก


“นายกำลังขอให้พี่ไปในวันที่นายอ่อนแอน่ะเหรอ เหอะ พี่ไม่ไปหรอกนะ” ผมหันกลับมามองเขา


“ทำไม” ผมไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ


“นายว่างแล้วนี่ เรื่องอะไรพี่จะถอยไปง่ายๆ” เขาทำหน้ากวนๆ ได้น่าถีบมาก


“พี่นี่มันดื้อจริงๆ เลย!” ผมบ่นอย่างหัวเสีย พอๆ เตือนเท่าไรก็ไม่ฟัง ช่างหัวพี่เจตแล้ว!


“ที่ไล่พี่น่ะ เพราะนายกลัวว่าจะหวั่นไหวกับพี่ละสิ ใช่ไหม” นั่น มีการยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำซากอะไรวะครับ ผมดันหน้าพี่เจตออกไปแล้วโวยวายใส่เลยครับ


“ไม่ใช่โว้ย!” เรื่องอะไรมาคิดเองเออเองด้วยประโยคน่าขนลุกแบบนั้นวะ


คิดไปเองแล้วพี่!







Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
มาแล้วค่ะ สัปดาห์แรกของการทำงานทำเอาทรุดเหมือนกันนะ 5555  ได้หยุดวันเดียวเองงงงงง   :m15:

เอาล่ะค่ะ น้องพูว่างแล้วนะ รอแค่ว่าเมื่อไหร่พูจะหวั่นไหว เพราะพี่เจตเองก็ไม่ถอยนะเออ

ส่วนถั่วพี่ ดูเหมือนจะเป็นที่ฮือฮามากเลย 5555 เขาเป็นบ๊กบอสจ้า คือท่านชูการ์นั่นเอง อดีตท่านพี่ก็ไม่เบาน้า แต่ถึงเฮียจะเป็นคนมีอิทธิพลอย่างไรก็มีมุมมุ้งมิ้งห้อยตุ๊กตาของน้องนะ กร๊ากๆ  :z2:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์จ้า เจอกันตอนหน้าค่ะ  :mew1:
   
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-04-2017 14:00:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-04-2017 14:20:54
พูกับแอลไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ ลุยเลยพี่เจต
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-04-2017 15:10:40
ถ้าพูรู้ว่าเป็นอิพี่ลันเตา พูคงช๊อคหนักกว่าเดิม 555555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 23-04-2017 17:20:10
อยากให้เจตน์ห่างออกไปจริงๆ อย่างน้อยพูจะได้รู้สึกอะไรบ้าง ไม่ใช่ปฏิเสธตลอดว่าไม่ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 23-04-2017 21:28:08
ในเมื่อใจน้องพูว่างแล้ว ก็เปิดใจรับพี่เจตหน่อยสิ :mew2:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-04-2017 22:12:18
อ่านตอนนี้แล้ว สงสารพูนะแต่ก็ขำไปด้วย 555 พี่เจตมาเห็นตอนอกหักพอดี ต่อไปรอพี่เจตด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-04-2017 23:11:28
พี่เจตสู้ๆๆๆๆ
พูว่างแล้ววว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 24-04-2017 15:59:15
เอาใจช่วยเจตฮะ ขอให้พูใจอ่อนเร็วๆ แอลเขามีคนที่จะดูแลแล้ว 555+
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 18 [23-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 26-04-2017 23:14:01
พี่เจตรุกอย่างหนักหน่วง(?)ไปเลยนะ ใจพูว่างแล้ว คอยเชียร์ๆๆ :katai2-1: :katai2-1: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 30-04-2017 02:29:48
บทที่ 19
เหตุเกิดเพราะ...พี่รหัส


และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง


“เชี่ยถั่ว! ทางนี้โว้ย!” ผมหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสนิท เห็นพ่อเทพบุตรขวัญใจชาวประชายืนกวักมือเรียกผมยิกๆ ท่ามกลางเพื่อนกลุ่มใหญ่


“มาช้าฉิบหาย แล้วที่กูฝากซื้ออะ” แบงค์ยื่นมือมาทวงของที่ฝากผมซื้อ แม้จะอยากแกล้งมันมากแค่ไหน แต่ก็ทำไม่ลงเพราะรู้ดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะหาของชิ้นนี้เจอ


“อะ กูห่อของขวัญมาให้เรียบร้อยล่ะ” ผมส่งกล่องของขวัญชิ้นเล็ก ผูกโบสวยงามให้มัน เป็นของที่หาซื้อได้ยากมากจริงๆ โชคดีที่จังหวะนั้นผมเห็นเด็กแถวบ้านถือ’ไอ้นั่น’ผ่านมาผมจึงรีบเข้าชาร์จเพื่อถามว่าจะซื้อของชิ้นนี้ได้จากที่ไหน


“เหอะ ถ้ากูรู้ว่าพี่รหัสเป็นใครนะ กูจะผสมยาถ่ายใส่แก้วให้แม่งแดก เรียกร้องของขวัญได้บัดซบมาก”


“เอาน่าๆ ยังดีที่หาเจอนะมึง ราคาก็ถูก มึงควรจะดีใจนะที่พี่เขาไม่เรียกร้องรถสักคันน่ะ”


“รถยังหาซื้อง่ายกว่าไอ้ของชิ้นนี้อีกนะมึง คนบ้าอะไรเกิดอยากได้ขลุ่ยชัก”ครับ ขลุ่ยชัก หาซื้อยากโคตรจนผมไม่เข้าใจว่าพี่รหัสไอ้แบงค์อยากได้ไปทำไม


“แลกกับเสื้อมาเวลครบทุกลายมันก็คุ้มอยู่นะมึง” ผมปลอบใจเพื่อน อย่างน้อยของแลกเปลี่ยนก็คุ่มค่ากว่าราคาและเวลาที่เสียไปนะครับ


“เออ ถ้าไม่ใช่เพราะเสื้อนอกกูไม่ตามหาให้วุ่นวายหรอก เสียเวลาเล่นเกมชะมัด” ยืนฟังแบงค์บ่นไปได้สักพักพี่ม.6ก็เรียกรวมตัว รุ่นพี่ยืนล้อมพวกผมเป็นวงกลมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พวกผมเองก็ลุ้นว่าใครจะเป็นพี่รหัสของตัวเอง


ยิ่งเห็นรุ่นพี่บางคนหอบของมาเต็มไม้เต็มมือก็อยากจะขอเป็นน้องรหัสเลยครับ น้องพี่ทำบุญด้วยอะไร ทำไมถึงได้ของเยอะปานนั้น


แต่คงไม่ใช่ของผมหรอก เพราะพี่เขาใส่เสื้อสีดำ


ผมสอดสายตาไปทั่วบริเวณว่าจะมีใครใส่เสื้อสีฟ้าเหมือนผมบ้าง เพราะพี่รหัสของผมบอกว่าจะใส่เสื้อสีฟ้ามาเปิดตัว


แต่เท่าที่มองมีแต่ตัวผู้ที่ใส่เสื้อสีฟ้ามา รุ่นพี่คนสวยใส่สีอื่นกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่พี่แมร์ที่ใส่เสื้อแขนกุดสีแดงเผยผิวขาวเนียนให้เพื่อนร่วมห้องผมแซวกันระนาว


เมื่อคืนผมแอบถามพี่เจตเพื่อสืบหาข้อมูลพี่รหัสของผม รายนั้นก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนผมคิดว่าอาจเป็นคนใกล้ตัวอย่างพี่แมร์ก็ได้ เพราะพี่แมร์น่ารักและนิสัยดี เหมาะจะเป็นพี่รหัสของผมสุดๆ


แต่ก็นั่นแหละ พี่แมร์ไม่ได้ใส่เสื้อสีฟ้า


“สวัสดีค่ะน้องๆ วันนี้เราจะได้รู้กันแล้วนะคะว่าใครคือพี่รหัสของน้องๆ อันที่จริงวันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรหรอก ก็แค่มาเฉลยแล้วให้พี่ๆ พาน้องไปเลี้ยงกันเอง เอาล่ะ พี่คิดว่าน่าจะมากันครบแล้วนะ ตามหาพี่รหัสกันได้เลยจ้า” เมื่อพี่ส้มพูดจบ ฝูงเด็กม. 5 กว่าสี่สิบคนก็วิ่งพรวดไปหาเป้าหมายที่หมายตาไว้ทันที


บางคนก็โชคดีได้เจอพี่รหัสของตัวเอง บางคนก็โชคร้ายเพราะคนที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่เสียอย่างนั้น


โดยเฉพาะแถวพี่เจตที่สาวๆ ทำหน้าผิดหวังเดินคอตกกันออกมา เพราะรุ่นพี่สุดหล่อไม่ใช่พี่รหัสของพวกเธอ


“เชี่ย!” เสียงร้องลั่นของเพื่อนซี้เรียกความสนใจของผมให้หันไปมอง แบงค์ยืนอ้าปากพะงาบๆ ชี้หน้ารุ่นพี่ผิวสีแทนที่ยืนถือของขวัญกล่องใหญ่ เขายิ้มขำเมื่อเห็นท่าทีเพื่อนซี้ของผม


“เป็นพี่ได้ไงวะ คือแบบ...เห้ย เป็นพี่จริงดิ” ไอ้แบงค์ดูประสาทเสียไปแล้วครับเมื่อคนที่เห็นหน้าค่าตากันทุกวันกลายเป็นพี่รหัสตัวเองไปเสียอย่างนั้น


“มึงจะตกใจอะไรนักหนา เอ้า เอาของขวัญมึงไปแล้วเอาขลุ่ยชักมาให้กูไวๆ เลย” แบงค์ส่งของขวัญไปให้อย่างมึนๆ งงๆ แต่พอได้ของขวัญกลับมาก็เลิกสนใจพี่รหัสตัวเอง รีบกระชากกระดาษห่อของขวัญที่มันเฝ้ารอโดยไม่สนใจสีหน้าพี่แจ้ที่ยืนอึ้งเลยสักนิด


ครับ พี่แจ้เป็นพี่รหัสไอ้แบงค์


“กูอุตส่าห์ห่อตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะออกมาสวย มึงฉีกออกง่ายๆ งี้เลยเหรอวะ”


“เปลือกนอกไม่สำคัญเท่าของข้างในโว้ยพี่ ห่อสวยไม่สวยผมไม่ถือเพราะสุดท้ายก็ทิ้งอยู่ดี” พอหยิบของในกล่องออกมาเท่านั้นแหละ ไอ้คนชอบโชว์ก็ถอดเสื้อต่อหน้าสาวๆ แล้วสวมเสื้อตัวใหม่ทับทันที ไม่ได้ใส่ใจสายตาวาวๆ ของเหล่าเก้งกวางที่ยืนจ้องตาเป็นมันเลยสักนิด


“เย้ดเข้ เท่ว่ะพี่ ขอบคุณคร้าบบบบบบ” พอได้ของถูกใจ มันก็เข้าไปประจบพี่แจ้ทันที อีกฝ่ายก็หัวเราะแกะของขวัญออกอย่างเบามือ พอเห็นของแลกเปลี่ยนก็ตบบ่าขอบใจแบงค์


“อยากได้ไปทำไมวะพี่ เอาไว้ช่วยตัวเองเหรอ” พูดอย่างเดียวไม่พอยังทำท่าชักเข้าชักออกน่าเกลียดสมเป็นตัวมัน


“เออ ช่วยตัวเอง ช่วยให้ตัวกูสมหวังในรักนี่ล่ะ น้องจอยโรงเรียนหญิงล้วนเขาต้องใช้เรียนดนตรีว่ะ กูก็เลยอยากเอาใจเขา แต่ไอ้ขลุ่ยเชี่ยนี่แม่งหายากฉิบหาย”


“มากอะพี่ นี่ผมแทบจะพลิกแผ่นดินเพื่อตามหามันมาให้พี่เลยนะ” ได้ข่าวว่าคนที่หาเจอคือกูนะไอ้แบงค์


ผมส่ายหัวให้กับคำแอบอ้างของเพื่อนซี้ก่อนจะหันกลับมาอีกทางเพื่อตามหาพี่รหัสตัวเองบ้าง


พลั่ก


“อ้ะ ขอโทษครับ” หัวผมชกกับอกของใครบางคนเข้า พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นพี่เจตนั่นเอง ในมือของเขามีกล้องโพลารอยด์ยี่ห้อดังกันน้ำได้ อยู่ในมือ


โฮ อยากได้อะ แต่ไม่มีปัญญาซื้อ


“อยากได้?” ร่างสูงถามเมื่อเห็นสีหน้าของผมพร้อมกับยื่นกล้องราคาแพงมาให้ ผมส่ายหน้ารัวๆ เคยเปิดราคาในเว็บดูแล้วอยากจะร้องไห้ จะแพงไปไหนวะครับ ยิ่งเห็นของจริงยิ่งไม่กล้าแตะ กลัวทำของเขาพังแล้วไม่มีปัญญาซื้อคืน


“พี่ให้ เอาไปเถอะ ถือว่าเป็นของขวัญการพบกันของสายรหัส”


“ห้ะ” ผมมองกล้องในมือพี่เจตสลับกับใบหน้าของเขา ก่อนจะไล่สายตามายังเสื้อเชิร์ตสีฟ้าพอดีตัวของอีกฝ่ายแล้วเบิกตากว้าง


“พี่เป็นพี่รหัสผมเหรอ!” ผมอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ครับว่าร่างสูงจะเป็นพี่รหัสของผม


เนียนมาก ทำทีมาแอบดูจดหมายของผมทั้งที่ตัวเองเป็นคนเขียน


เขียนจดหมายมาให้คำปรึกษาผม ทั้งที่นั่งอยู่ข้างกันมาตลอด


ชอบบ่นว่าผมไม่ตั้งเรียน


แต่ในจดหมายก็ให้กำลังใจกันเสมอ...



“อื้ม” พี่เจตพยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์ห้อยตุ๊กตาหมาหน้ามึนที่ผมซื้อให้เขาขึ้นมาส่ายไปมาตรงหน้าผม “พี่ได้ของขวัญจากนายแล้วก็ต้องตอบแทนไง”


เขาจับมือผมไปถือกล้องราคาแพงของเขา ด้วยความกลัวว่ามันจะตกผมจึงรีบโอบกล้องไว้ทันที


“พะ...พี่ มันแพงนะโว้ย ผมรับไม่ได้หรอก” ผมรีบประคองกล้องคืนให้เขา ส่งสายตาบอกให้อีกฝ่ายรีบรับไปเร็วๆ แต่พี่เจตก็ทำเมินมองไปทางอื่น


“พี่เจตตตตตตตตตตตต” ผมเห็นนะว่าเขายิ้มที่มุมปาก สนุกมากใช่ไหมที่เห็นผมลำบากใจเนี่ย


ก็อยากได้นะ แต่มันแพงอะ


“พี่ไม่รับคืนของที่ให้ไปแล้ว” เขาหันกลับมาสบตาผม “หัวใจของพี่ก็เหมือนกัน”


ผมได้แต่อ้ำอึ้ง ไปต่อไม่ถูกเลย ได้แต่เกาหัวแก้เก้อแล้วกระชับมือจับกล้องไว้แน่น


“หาเรื่องหยอดตลอดว่ะพี่” ผมบ่นนิดๆ แล้วก้มลงมองลูกรักตัวใหม่


“ผมรับไว้ก็ได้” ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ถ่ายรูปอย่างที่ชอบสักที บอกลากล้องมือถือสองล้านพิกเซลไปเลย ถ่ายภาพอะไรหาความชัดไม่ได้สักอย่าง


“นี่...” ผมเงยหน้ามองพี่เจตที่สะกิดเรียกผมเบาๆ


“หืม”


“พูรับกล้องไปแล้ว...” ร่างสูงที่ค่อยๆ โน้มตัวลงมาพูดใกล้ๆ จนได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม “แล้วเมื่อไหร่พูจะใจอ่อนรับรักพี่สักทีล่ะครับ”


ผมชะงัก เล่นอย่างนี้เลยเหรอพี่


“อีกนานนนนนนนนนนนนนนนน” ผมลากเสียงยาว เพื่อบอกอีกฝ่ายให้เลิกหวังได้แล้ว แต่พี่เจตก็คือพี่เจต


“งั้นพี่จะรอออออออออออออออออ” พี่เจตเองก็ลากเสียงตามผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ แถมยักคิ้วให้ผมด้วย


เออ เอากับเขาสิ


“เห้ย ไอ้พู มึงจะถ่ายรูปคู่กับพี่รหัสมึงไหม” ตากล้องประจำห้องผมเดินถือกล้องโปรเข้ามาหาเรา พี่เจตพยักหน้ารัวๆ โอบไหล่ผมเข้าไปใกล้เพื่อถ่ายรูปร่วมกัน แต่ผมส่ายหน้า


“มึงไปถ่ายคนอื่นเถอะ” ผมบอกเพื่อน ร่างสูงจึงสบตาผมอย่างไม่เข้าใจ


“ไม่อยากถ่ายรูปกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาปล่อยมือจากไหล่ผมแล้วขยับออกห่างไปนิด คงคิดว่าผมรังเกียจที่จะถ่ายรูปคู่กับเขา


“ใครว่าล่ะ” ผมชูกล้องในมือ “มีกล้องของตัวเองแล้วจะไปถ่ายกล้องคนอื่นทำไม กล้องของเราเจ๋งกว่าตั้งเยอะ ถ่ายปุ๊บได้รูปปั๊บ”


สีหน้าของพี่เจตดีขึ้น เขายิ้มกว้างแล้วขยับเข้ามาใกล้ผม


“พี่ชอบคำว่ากล้องของเราจัง” เขาพึมพำเบาๆ แต่เพราะผมมัวแต่สนใจฟังก์ชั่นกล้องโพราลอยด์จึงไม่ได้ฟังคำพูดของเขา


“เปิดตรงไหนวะพี่” ผมถามร่างสูงที่เขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วกดปุ่มถ่ายภาพ


ไม่นานภาพใบเล็กก็ค่อยๆ ออกมา พี่เจตฉวยภาพนั้นไปสะบัดอยู่สักพัก ผมจึงยื่นหน้าไปดูว่าภาพที่ออกมาเป็นยังไงบ้าง ถ้าออกมาดีผมจะได้เก็บไว้ แต่ถ้าแย่มากผมจะรีบเผาทิ้งทันที


ไม่มีใครอยากเก็บภาพแย่ๆ ของตัวเองไว้หรอกครับ


ผมจ้องภาพที่ค่อยๆ ชัดขึ้นก่อนจะสบถในใจ


เชี่ย!


หน้าผมโคตรเอ๋อเลย ต่างจากรุ่นพี่หนุ่มสุดฮอตที่ส่งรอยยิ้มพิฆาตใส่กล้อง องศาที่ถ่ายภาพทำให้หน้าเราชิดกันจนดูเหมือนคู่รักโอบกอดกัน เพียงแต่ผมไม่ได้มองกล้อง


“รูปโอเคมาก พี่ขอนะ” พูดจบร่างสูงก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วสอดภาพไว้ด้านในทันที ไม่เปิดโอกาสให้ผมฉกรูปนั้นไปฉีกทิ้งเลย


เบ้าหน้ากูไม่โอเคครับพี่เจต


“พี่ รูปผมแย่มากอะ ผมขอได้ไหม ผมอยากเผามันทิ้งอะ เรามาถ่ายใหม่กันเถอะนะ นะ” ผมอ้อนวอนอีกฝ่าย “หรือตัดหน้าผมออกเอาแต่หน้าพี่ไว้ก็ได้อะ นะ”


“เอาสิ ถ่ายใหม่เลยไหม พูจะถ่ายกี่ภาพก็ได้นะพี่โอเค” พี่เจตยิ้มขำแล้วถือกล้องไว้เอง “แต่ภาพนี้พี่คงให้พูไม่ได้”


“พี่จะเก็บภาพแย่ๆ ไว้ทำไมวะ เดี๋ยวผมถ่ายหล่อๆ ให้ไม่ดีกว่าเหรอ”


“พี่ชอบความเป็นธรรมชาติของนายมากกว่า นายไม่จำเป็นต้องเก๊กหล่อหรอกนะ เพราะนายน่ะ...” ร่างสูงเว้นจังหวะ “เหมาะกับคำว่าน่ารักมากกว่า”


“ผมหล่อต่างหาก!” ผมเถียงสุดใจ แต่เถียงยังไงก็ไม่ชนะหรอกครับ เพราะคนที่ผมเถียงด้วยน่ะหล่อกว่าผมหลายขุมเลย


“เลิกมโนว่ามึงหล่อได้ล่ะไอ้พู” ไอ้ตัวหวงเสื้อเดินเชิดหน้าโชว์เสื้อลายกัปตันอเมริกาเข้ามาหาพวกเรา ตามมาด้วยพี่แจ้ พี่แมร์ และฟ้าที่เอาแต่จับจี้รูปหัวใจสีเงินยิ้มๆ สายตามองตรงมาที่คนข้างกายผม


“ขอบคุณนะคะพี่เจต” ฟ้าเอ่ยยิ้มๆ


“ไปขอบคุณมันทำไมคะน้องฟ้า คนจ่ายเงินคือพี่นะคะ เจตมันแค่ช่วยเลือกเท่านั้นเอง”


อื้อหือ บอกว่าจีบผมแต่ไปเลือกของให้สาวนี่ยังไงกันครับ


ผมเหลือบตามองคนข้างๆ ที่ส่ายหน้าหวือเป็นเชิงปฏิเสธว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่สองสาวพูดกัน


เอ๊ะ แล้วทำไมผมรู้ว่าพี่มันจะสื่ออะไรวะ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากส่ายหน้า


“ผมหิวแล้วว่ะ พี่เลี้ยงใช่ปะ ไหนๆ ก็ไม่ค่อยให้ขนมน้องแล้ว เลี้ยงเลยๆ” แบงค์เอ่ยขัดขึ้น ผมจึงปัดความคิดนั้นทิ้งไป


ผมจะไปรู้ใจพี่เจตได้ยังไงล่ะจริงไหม


“แหม พอรู้ว่ากูเป็นพี่มึงนี่เอาใหญ่เลยนะ บางทีกูก็ต้องเปย์สาวปะวะ แล้วระหว่างสาวสวยกับน้องรหัสอย่างมึงกูจะเลือกใครล่ะ”


แบงค์ทำหน้าครุ่นคิด “เออ ก็จริงนะ ให้เลือกระหว่างพี่กับเกม ผมก็เลือกเกมว่ะ”


“เอ๊ะไอ้นี่!” พี่แจ้จี๊ปากใส่แบงค์ก่อนจะหันไปถามสองสาวที่ยืนคุยกันอยู่ “เอาไงครับสาวๆ เราจะไปกินอะไรกันดี”


“บิงซูหน้าโรงเรียนละกัน อากาศร้อนๆ  ฉันอยากกินอะไรเย็นๆ” พี่แมร์ตอบ


“มึงละเจต”


“พูอยากกินอะไร” พี่เจตถามผม ซึ่งทุกคนก็มองมาที่ผมเป็นตาเดียว เหมือนให้ผมเป็นคนตัดสินใจ


“บิงซูก็ได้ครับ ง่ายดี” ผมทนสายตากดดันจากพี่แมร์ไม่ไหวครับ ความอยากกินของเธอแซงทะลุความอยากของคาวของผมไปแล้ว แม้จะหิวข้าวเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแต่ได้กินของหวานกับพี่ๆ ก็คงไม่ได้แย่นัก


“พวกนายไปก่อนเลย เดี๋ยวเราพาพูตามไปทีหลัง” พี่เจตเอ่ยขัดเมื่อพวกเราตกลงเดินไปหน้าโรงเรียน


“หืม ทำไมต้องไปทีหลังล่ะพี่ ไปพร้อมกันเลยสิ” ผมหิวจะตายอยู่แล้ว ขอของหวานลงกระเพาะก่อนได้ไหม


“พี่จะพานายไปกินข้าวก่อน คงไม่ได้กินมื้อเช้ามาล่ะสิ พี่อุตส่าห์โทรเตือนให้กินทุกเช้า แต่วันนี้ไม่ได้กินมาใช่ไหม” แหน่ะ รู้ทันผมอีก


“ก็...กินไม่ทัน” ผมตอบอ้อมแอ้ม ตื่นสายนี่หว่าจะเอาเวลาที่ไหนไปกินล่ะ


“มานี่เลย” ร่างสูงโบกมือลาเพื่อนแล้วถือวิสาสะลากผมไปอีกทาง ตรงไปยังมอเตอร์ไซค์สีซีดของเขา


“เก่าหน่อยนะ เพิ่งซื้อมือสองมา” พี่เจตยื่นหมวกกันน็อคของตัวเองให้ผม


“ทำไมพี่ไม่ซื้อมือหนึ่งมาล่ะ บ้านพี่ออกจะรวย” ผมแอบสืบมาแล้ว พ่อพี่เจตเป็นถึงนักธุรกิจคนดัง มีรายได้หลายร้อยล้าน กะอีแค่รถคันเดียวทำไมจะซื้อให้ลูกไม่ได้ล่ะ


“เขารวย แต่พี่ไม่ใช่ หรือนายรังเกียจที่จะซ้อนท้ายคนจนๆ แบบพี่” ร่างสูงพูดเสียงเรียบและดูเย็นชาเมื่อเอ่ยถึงพ่อของเขา


“รังเกียจอะไรเล่า จักรยานบ้านผมขึ้นสนิมทั้งคันผมยังปั่นไปซื้อของให้แม่ได้เลย” ผมยกตัวอย่างให้เขาฟัง พี่เจตก็หัวเราะนิดๆ แล้วขยี้หัวผมจนเสียทรง


“โว้ะ คนอุตส่าห์เซตมา ยุ่งหมดแล้วเนี่ย” ผมบ่น ยืนส่องกระจกรถจัดทรงผมให้เข้าที่ แต่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


“แบบนี้ดูเหมาะกับนายมากกว่าอีก” พูดจบพี่เจตก็สวมหมวกกันน็อคให้ผม พยายามแกะออกเท่าไหร่ก็แกะไม่ได้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย


“ทำไมพี่ไม่ใส่หมวกกันน็อค มันอันตรายนะ คนขับควรจะใส่มากกว่า” พูดให้สวยหรูไปอย่างนั้นแหละครับ ความจริงผมไม่ชอบใส่หมวกกันน็อคหรอกเพราะมันร้อนนนนนนนนน


“เพราะพี่ไม่อยากให้นายเป็นอันตราย” เขาสบตาผมผ่านหมวกกันน็อคก่อนจะหันกลับไปสตาร์ทรถ “จับแน่นๆ นะ” เขาคว้าแขนผมไปจับไว้แล้วค่อยๆ ขับรถไปตามทาง


ผมหมายความตามที่พูดครับ พี่เจตขับรถช้าๆ ช้าแบบที่เรียกว่าผมวิ่งยังเร็วกว่ารถเลย


แถมรถยังส่ายไปส่ายมาเหมือนคนขับรถไม่เป็นเสียอย่างนั้น


เดี๋ยวนะ...


“พี่ได้ใบขับขี่มาเมื่อไหร่” ผมเอ่ยถามคนตัวโตที่ยึดมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย เนียนไปไหมพี่ รถไม่ได้ขับเร็วอะไรเลย ช้ายิ่งกว่าเต่าคลานอีก


“ยังไม่ได้ทำ พี่กำลังหัดขับรถ”


เชี่ย! กูฝากความปลอดภัยไว้กับคนขับรถไม่แข็งเหรอวะเนี่ย!


“จอดเลยพี่จอดเลย!” ผมร้องลั่นพร้อมกับพยายามดึงมือตัวเองออก พี่เจตขับรถส่ายไปส่ายมาเมื่อผมดิ้นสุดแรง สุดท้ายเขาก็ปล่อยมือผมแล้วจอดรถข้างทาง ผมลงจากรถแล้วยกมือทาบอกตัวเอง


ขวัญเอ๊ยขวัญมา ขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่ได้เหยียบตีนผี


“ให้จอดทำไม นายทำของหล่นเหรอ” ยัง...ยังจะมาถามหน้าซื่ออีก


โครกกกกกกกกก


“อ๋อ นายทนหิวไม่ไหวสินะ ไปๆ พี่เลี้ยงข้าวหน้าเนื้อก็ได้ ร้านนี้เขาว่าอร่อยอยู่นะ”


หิวก็หิว แต่ต้องเคลียร์เรื่องนี้ก่อน


“ผมขอนะพี่ อย่าเพิ่งขับออกถนนใหญ่จนกว่าพี่จะขับรถแข็งกว่านี้ หรือถ้าให้ดีสอบใบขับขี่ให้ผ่านไปเลยดีกว่า”


“เป็นห่วงพี่เหรอ” เขาหยอก แต่ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง


“ก็เออน่ะสิ! ชีวิตคนทั้งคนนะพี่ จะมาเสี่ยงชีวิตบนถนนไปเพื่ออะไร ขนาดคนที่ขับรถแข็งมันยังตายเพราะประมาทเลย” ผมกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ หลับตาลงและพยายามลบเรื่องในอดีตออกไป


“นะพี่ ถือว่าผมขอ” ผมลืมตาขึ้น เมื่อร่างสูงพยักหน้าผมก็ยิ้มบางให้เขา อย่างน้อยแค่เขาฟังที่ผมเตือนบ้างก็ยังดี แม้บางเรื่องเตือนเท่าไรก็ยอมไม่ฟังก็เถอะ


“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่” พี่เจตเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ “พี่ดีใจนะ ที่ได้ชอบนาย” เขาสบตาผมยิ้มๆ แล้วจูงมือพาผมที่ยังอึ้งๆ กับคำพูดของเขาไปยังร้านอาหารใกล้ๆ


เราสั่งข้าวคนละอย่าง แรกๆ ผมก็กระอักกระอ่วนกับสายตาที่พี่เจตมองมา ก็ไม่ถึงกับหวานเชื่อมหรอครับ แต่ อืม ไม่รู้สิ มันละมุนละไมเหมือนคนที่มีความสุขมากๆ จนเก็บไว้ไม่อยู่ ซึ่งความรู้สึกของเขาก็เผื่อแผ่มาเต็มที่จนผมทำตัวไม่ถูก


แต่พอเริ่มคุยเรื่องสอบที่ใกล้เข้ามา ความกระอักกระอ่วนทั้งหมดก็สลายไปทันที เหลือแต่ความเครียดว่าจะสอบได้หรือไม่เปล่านี่ล่ะ ซึ่งร่างสูงก็อาสาติวให้ผมในวันหยุดเพราะถือว่ายังไงเราก็เป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน แม้อีกฝ่ายจะคิดไปไกลกว่านั้นก็ตาม


เราคุยลากยาวไปจนกระทั่งพี่แมร์โทรมา พี่เจตถามความเห็นผมว่าอยากไปกินบิงซูต่อหรือเปล่า ผมส่ายหัว ตอนนี้อิ่มมากครับ ไม่อยากกินอะไรต่ออีกแล้ว เราสองคนจึงตกลงกลับบ้านกัน


และแน่นอนว่าคนขับรถคือผม


ถึงจะยังไม่มีใบขับขี่ แต่ผมก็ขับรถเป็นกว่าพี่เจต ผมจึงอาสาไปส่งเขาพร้อมกับรถของเขาแล้วค่อยนั่งรถเมล์กลับบ้าน ตลอดทางก็โดนแต๊ะอั๋งไปตามเรื่องเพราะมือปลาหมึกของพี่เจตอยู่ไม่สุขเลยครับ


ผมต้องตีมือที่จับเอวผมไว้หลายครั้งจนเริ่มหงุดหงิด จับอย่างเดียวไม่พอจะบีบทำไมวะ ถ้าผมบ้าจี้มีแหกโค้งแน่นนอน


“ถึงแล้ว! ปล่อยได้ล่ะ” ผมโวยวายแล้วรีบลงจากรถ พยายามถอดหมวกกันน็อคคืนอีกฝ่าย แต่ก็ทำไม่ได้ พี่เจตจึงขยับเข้ามาถอดออกให้


จังหวะที่หมวกกันน็อคค่อยๆ เลื่อนขึ้นหลุดจากหัว สัมผัสเปียกชื้นก็จู่โจมริมฝีปากผมแผ่วเบาก่อนจะผละออก


ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อย่างคนไม่รู้จะทำยังไง


“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” รุ่นพี่สุดหล่อส่งรอยยิ้มมาให้ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้ผมยืนหน้าร้อนอยู่หลายนาที พอตั้งสติได้ผมก็รีบวิ่งออกจากซอยบ้านพี่เจตทันที ตลอดทางกลับบ้านก็ได้แต่ตบอกข้างซ้ายตัวเองอย่างเครียดๆ


ไอ้หัวใจบ้า มึงจะเต้นแรงทำไมห้ะ!














Tbc.










⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
พูใจเต้นแล้ววววววววววว พี่เจตมีความหวังแล้วนะคะทุกคน 555555

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์จากคนอ่านทั้งเก่าและใหม่เลยนะคะ ดีใจที่เข้ามาอ่านกัน

ตอนนี้สนุกไหม เม้นบอกกันด้วยน้า อยากรู้ว่ายังมีคนอ่านอยู่ไหมมมมมม  :mew2:

ขอตัวไปนอนแล้วค่า ทำงานสัปดาห์ละหกวันเลย เพลียร่างมากๆ ฮือ
   
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-04-2017 07:24:26
ดีใจกับพี่เจตด้วย รีบโกยคะแนนเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 30-04-2017 09:23:21
 :heaven :heaven  :-[
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 30-04-2017 11:20:40
พูใจเต้นแล้ว พี่เจตมีหวังแล้ว หยอดน้องไปเรื่อยๆเลยก่อนที่ถั่วพี่จะมา  :laugh:
คนเขียนสู้ๆค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 30-04-2017 13:21:28
อุย... เขาหวั่นไหวกันละตัวเธอ ใจเต้นผิดจังหวะกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 30-04-2017 18:07:31
เขินอ่ะเด้ ยอมรับเถอะว่าก็ชอบเขาแล้วเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-04-2017 22:12:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-05-2017 00:27:28
พี่เจตรุกแรงมากกกก
มีคนหวั่นไหว1eaแหละ
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 01-05-2017 01:17:38
โดนจุบ1ทีใจเต้นเลยนะ
 รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 02-05-2017 00:39:54
ง่อวว น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 19 [30-04-17]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 02-05-2017 17:40:46
โอ้ยน่ารักกก พี่เจตรีบจีบให้ติดไวๆๆนะ ส่วนคู่ถั่วพี่กับแอลเค้าไปถึงไหนกันแล้ว อยากรู้อะ :-[
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 20 [09-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 09-05-2017 02:08:55
บทที่ 20
เหตุเกิดเพราะ...ของต่างหน้า



“พี่เขาอยู่ที่หอแถวนี้ล่ะ ถ้าหลานอยากเจอก็ไปตามที่อยู่นี้นะ”


คำพูดของคุณย่าที่เอ่ยขึ้นก่อนหน้านี้ยังคงก้องอยู่ในหัวผม


หลังจากสวัสดีคุณย่าแล้ว สายตาผมก็กวาดไปทั่วบ้านหลังใหญ่เพื่อมองหาเขาคนนั้น แต่ไม่เห็นวี่แววของลูกศิษย์คนโปรดของคุณหญิงอิศราเลย ผมจึงเดินคอตกกลับไปนั่งซบตักคุณย่าที่พอจะเดาได้ว่าผมเป็นอะไร


ท่านหยิบกระดาษแผ่นเล็กแล้วเขียนชื่อหอพักใกล้ๆ แล้วยื่นให้ผม ก่อนจะบอกว่านั่นเป็นที่อยู่ของพี่ลัน ผู้ซึ่งหายไปทั้งสัปดาห์แล้ว โทรเข้ามาเพียงแค่ว่าติดธุระแล้วก็หายเงียบไปเลย


และตอนนี้ผมก็ยืนอยู่หน้าหอพักของเขา หอชายล้วนที่เต็มไปด้วยชายหนุ่มนักศึกษาที่ส่งสายตาโลมเลียมาเป็นระยะ นึกอยากทุบหัวตัวเองที่มายืนล่อเป้าอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าออก ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าพี่ลันจะกลับมาเมื่อไหร่


“หลงทางเหรอครับตัวเล็ก หรือว่า...มาหาใครที่นี่ ไปอยู่ห้องพี่ก่อนไหม มีคนขนมอร่อยให้กินเยอะแยะเลย” เสียงชักชวนจากผู้ชายคนหนึ่งไม่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้น กลับกันผมยิ่งก้มหน้าลงต่ำ เหลือบตามองหาทางออกจากสถานการณ์นี้


แต่จะเดินออกไปทางประตูก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งยืนสูบบุหรี่ขวางทางอยู่ พวกเขาสักแขนและมีรอยบากที่ใบหน้า ดูน่ากลัวจนผมไม่กล้าเยียบย่างเข้าไปใกล้ ได้แต่กลืนน้ำลายและกำตุ๊กตาหมีในกระเป๋าเสื้อไว้เป็นที่พึ่ง


“ว่าไงครับ ไปกันเลยไหม อย่างน้อยไปกับพี่ก็ปลอดภัยกว่าไอ้นักเลงสามตัวนั่นแน่ๆ” เขาก้มลงมากระซิบข้างหูผม และยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบชิดแก้ม


ผลัก!


“มึงว่าใครนักเลง! ไอ้จั่น” พี่ผู้ชายคนนั้นถอยหลังไปไกลเมื่อเหล่านักเลงทั้งสามดาหน้าเข้ามา “คิดว่าพวกกูไม่ได้ยินรึไง!”


“เออ เล่นแม่งเลยได้ชัด กวนตีนกูหลายทีล่ะ” นักเลงเบอร์สองสนับสนุนเพื่อนเข้าปะทะคารมกันอย่างดุเดือด ขณะที่คนสุดท้ายกระชากแขนผมให้เดินตามเขาไปอีกทาง


“ทีหลังอย่าไปยืนเซ่อตรงนั้น ถ้ามาหาเพื่อนละก็รีบโทรบอกให้มันลงมารับมึงไวๆ เลย ยืนล่อเสือล่อตะเข้ เดี๋ยวก็โดนของดีเข้าหรอก” เขาเอ่ยอย่างใจดีขัดกับหน้าดุๆ และรอยสักมังกรบนต้นแขนของเขา คิดว่าอีกฝ่ายจะฉุดกระชากผมไปขมขืนซะอีก


สงสัยต้องมองคนใหม่แล้วเรา


“ขอบคุณนะครับ” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพี่ลันทันที แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่หรือเปล่า แต่อย่างน้อยผมก็ควรบอกเขาว่าผมมาหา


แต่โทรกี่ครั้ง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับสาย สุดท้ายก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้พี่หน้าโหดที่ยืนกอดอกอยู่ข้างกัน ผมสังเกตว่าคนอื่นๆ ดูเกรงๆ พี่เขานะ เดินผ่านก็ต้องก้มหัวนิดๆ ให้เสมอ


หรือว่าเขาจะคุมหอพักนี้


“มึงมาหาใคร หอนี้กูรู้จักทุกคน เดี๋ยวพาไปส่งที่ห้องให้” เขาพ่นลมหายใจอย่างรู้สึกหน่ายๆ แล้วรอฟังคำตอบจากผม


“ไม่เป็นไรครับ พี่เขาอาจจะไม่อยู่ห้องก็ได้” ผมหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้เขา แม้อีกฝ่ายจะไม่มีท่าทีคุกคามแต่ผมก็กลัวเกินกว่าจะอยู่ใกล้


ประสบการณ์เลวร้ายครั้งนั้นสอนผมได้ดีว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆ


“แล้วแต่มึง เดี๋ยวกูพาออกไปเอง ทะเล่อทะล่าออกไปคนเดียวถ้าโดนฉุดขึ้นมาเสียชื่อสถาบันท่านชูการ์หมด”


ท่านชูการ์?


ผมเดินมึนๆ งงๆ ตามพี่โหดออกไป เขาพาผมเดินออกจากซอยหอมาไกลมาก เกือบถึงถนนใหญ่เลยล่ะ จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับไปไม่สนใจใยดีผมอีกเลย


“เฮ้อ แล้วผมจะหาพี่เจอไหมเนี่ย”





“ลันคะ!” เสียงหวานใสเรียกความสนใจของผมให้หันไปมองร่างบาง เธอสวมกอดแผ่นหลังแกร่ง ซุกใบหน้าเข้าหาหวังให้อีกฝ่ายหันมา


ผมคงไม่สนใจแล้วเดินกลับบ้านถ้าไม่ใช่เพราะจำได้ดีว่าแผ่นหลังนั้นเป็นของใคร


“เลิกยุ่งกับฉันสักที” เสียงเย็นชาที่ผมไม่เคยได้ยินดังออกมาจากริมฝีปากของเขา พี่ลันดึงมือของเธอออกจากเอวแล้วเดินถอยหลังเว้นระยะห่างออกไป “อย่ามาเข้าใกล้ฉัน”


“ทะ...ทำไมลันทำแบบนี้กับบีคะ เราคบกันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ทำท่ารังเกียจบีแบบนั้น” หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น พยายามยื่นมือมาคว้ามืออีกฝ่ายไว้ แต่พี่ลันก็หลบเก่ง เธอจึงไม่อาจแตะเนื้อต้องตัวเขาได้


“เธอคิดไปเองทั้งนั้น” พี่ลันหมุนตัวกลับไปในจังหวะที่หญิงสาวเอื้อมมือไปกระชากตุ๊กตาผ้าเน่าจนหลุดออกจากโทรศัพท์มือถือของผมที่ฝากอีกฝ่ายไว้


“เธอทำบ้าอะไร!” ร่างสูงขบกรามแน่นผลักหญิงสาวอย่างแรงจนเธอล้มลงไป ในมือของเธอกำตุ๊กตาของพี่ลันไว้แน่นก่อนจะวิ่งไปทางสะพานแล้วขว้างตุ๊กตาตัวนั้นลงไปในแม่น้ำ


“หึ ไม่มีของต่างหน้านังนั่นแล้ว ทีนี้ลันก็กลับมาคบกับบีเถอะ นะคะ” เธอโผเข้ากอดแขนพี่ลันแน่น “ไม่อย่างนั้นบีจะตามล่านังนั่นจนกว่ามันจะตาย”


“ฉันเตือนเธอแล้วนะ” คราวนี้ร่างสูงไม่กระชากแขนเธอออก เพียงแค่พูดนิ่งๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคน


“เอ เรื่องที่มึงเคยขอกูไว้ กูให้ไม่ได้ว่ะ ถ้ามึงไม่มาจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง กูจะจัดการด้วยวิธีของกู” เมื่อพี่ลันพูดจบเขาก็ปรายตามองหญิงสาวนิดๆ ก่อนจะตัดสาย แล้วออกเดินไปยังสะพานไม้ วางโทรศัพท์ของผมไว้บนพื้นแล้วขึ้นไปยืนบนขอบสะพาน


“ละ...ลันจะทำอะไรคะ” เธอพยายามดึงมือออกจากมือพี่ลันที่บีบมือเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


“อยากคบกันก็ไปอยู่ด้วยกันในนรกสิ” พี่ลันฉุดดึงเธอให้ขึ้นมาด้วยกัน แต่เธอดิ้นหนีแล้วผลักพี่ลันออกห่างตัว


“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ปล่อย!” เธอเผยธาตุแท้ออกมาเมื่อรู้ตัวว่าจะถูกลากไปสู่ความตาย จนกระทั่งพี่ลันปล่อยมือเธอ


“หากเธอไม่กล้าที่จะตายพร้อมฉัน ก็อย่ามาพูดว่าเราคบกัน” พูดจบร่างสูงก็กางแขนออกกว้างแล้วทิ้งตัวลงสู่แม่น้ำ


“พี่ลัน!” ผมวิ่งพรวดเข้าไปแล้วกระโดดสะพานตามอีกฝ่ายไป มองคนที่หลับตาพริ้ม ไม่ได้สนใจเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหน


“พี่ลัน!”


เพียงเสี้ยวนาที เขาลืมตาขึ้นมามองผมอย่างแปลกใจ ก่อนสายน้ำเย็นเฉียบจะกลืนกินเขาจนหายไปจากสายตาของผม


พรวด


เมื่อร่างของผมจมดิ่ง น้ำมากมายก็ไหลทะลักเข้าโพรงจมูกจนแสบร้อน ต้องป่ายมือไปมาหวังพยุงตัวเองขึ้นจากน้ำ แต่ความรู้สึกชาที่ปลายเท้ากลับฉุดรั้งให้ร่างผมให้ดิ่งลงพร้อมกับลมหายใจที่ค่อยๆ ถูกพรากไปทีละน้อยจนเกือบจะหมดลง


ในวินาทีนั้นผมเห็นแสงสว่างวาบเข้ามาใกล้ ก่อนทั้งร่างจะถูกกระชากอย่างแรงจนโผล่พ้นน้ำ


“ไอ้เด็กบ้า! อยากตายหรือไงห้ะ!” เสียงตะโกนมาพร้อมกำปั้นที่ทุบอกผมหลายที


“แค่กๆ” ผมพ่นน้ำออกมาจนหมด ตวัดสายตาไปมองคนที่นั่งทำหน้าโหดใส่อย่างเคืองๆ คนอุตส่าห์ช่วยยังจะมาพูดแบบนี้อีกนะ


“ผมดิต้องถามพี่ว่าอยากตายหรือไงถึงได้ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น!” ผมเองก็เถียงเขากลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน


ปกติผมไม่ใช่คนชอบเถียงหรอกครับ แต่เรื่องนี้ยอมไม่ได้ เรื่องอะไรมาว่าผมเป็นบ้า คนบ้ามันพี่ลันต่างหาก คนสติดีที่ไหนจะพาคนรักไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมกันล่ะ


ผมลูบอกตัวเองแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เดาว่าแรงที่ถูกทุบคงจะหนักเอาการผมถึงได้เจ็บอกขนาดนี้


“เจ็บมากไหม” เขาพูดเสียงเบาก่อนจะช่วยพยุงผมขึ้น แม้จะอยากผลักออกแต่เรี่ยวแรงไม่มีเหลือแล้วครับ ได้แต่เดินตามแรงประคองของอีกฝ่ายจนมาถึงม้านั่งในสวนสาธารณะ


พี่ลันวิ่งกลับไปหยิบโทรศัพท์ของผมแล้วเดินกลับมานั่งข้างกัน ทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์พี่ลันอยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเอง


“อ้ะ” เสียงร้องอย่างตกใจของผมดึงความสนใจของร่างสูงให้หันมามองกัน ผมหยิบโทรศัพท์ชุ่มน้ำของเขาออกมาถือไว้อย่างรู้สึกผิดเพราะหน้าจอดับไปแล้ว และไม่มีสัญญาณว่ามันจะฟื้นคืนมาได้อีก


“เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่นะครับ มันคงพังแล้ว”


พี่ลันไม่ตอบอะไร คว้าโทรศัพท์รุ่นเดอะในมือผมไปแกะออกเพื่อแยกชิ้นส่วนแล้วเอาไปวางผึ่งแดดบนหินก้อนใหญ่


“เดี๋ยวก็กลับมาใช้ได้” เขาดูไม่เดือดร้อนอะไร นั่งจิ้มโทรศัพท์ของผมเล่นเกมอย่างไม่ทุกข์ร้อน


เอ่อ พี่ลืมหรือเปล่าว่าตัวเราทั้งคู่เปียกปอน


“ฮัดเช่ย!” ผมจามออกมา เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ตัวสักทีว่าควรพาผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว พี่ลันปรายตามองผมนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำไปยังทิศทางที่ตรงข้ามกับบ้านคุณย่า


“กลับบ้านคุณหญิงต้องใช้เวลา ไปเปลี่ยนที่หอพี่ก็แล้วกัน” พูดจบพี่ลันก็เดินนำไปยังทิศทางเดียวกลับที่ผมเพิ่งจากมา ผมเร่งฝีเท้าเพื่อเดิมตามอีกฝ่ายโดยไม่ลืมหยิบซากโทรศัพท์ของเขามาด้วย


ทันทีที่เราสองคนเดินมาถึงหน้าหอพัก ผมก็รีบเดินเข้าไปชิดหลังพี่ลันทันที กลัวว่าคนพวกนั้นจะคอยมองผมอยู่


แม้ผมจะวางใจว่าพี่ลันเตาปกป้องผมได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่เหนือกว่าเขา


“ท่านชูการ์สวัสดีครับ!” เสียงดังฟังชัดมาพร้อมท่าทางโค้งเก้าสิบองศาพอดีเป๊ะเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น ทุกคนที่เคยใช้สายตาโลมเลียผมโค้งคำนับเหมือนกันหมด ไม่มีแต่จะเหลือบตาขึ้นมอง กลับก้มหน้าลงต่ำเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าของตน


ผมหันไปมองรอบๆ เพราะอยากรู้ว่าท่านชูการ์เป็นใคร เห็นพี่โหดคนนั้นพูดถึงว่าหอนี้เป็นถิ่นของท่านชูการ์ ไม่รู้ว่าจะน่ากลัวขนาดไหน


แต่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมก็ไม่เห็นโค้งตามคนอื่นเลย


หรือว่าจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด


“น่าเบื่อชะมัด ล้มเลิกไปบ้างก็ได้มั้งไอ้พิธีรีตองไรเนี่ย” พี่ลันบ่นแล้วเดินนำผมเข้าไปในตัวอาคาร ซึ่งพอคนในหอพักเห็นพี่ลันเตาก็รีบโค้งคำนับแบบเดียวกับคนข้างนอกทันที


หรือว่าท่านชูการ์คือพี่ลันเตา?


“โว้ ไอ้พวกนี้นี่พูดกันไม่รู้เรื่อง” ร่างสูงไม่ได้ขึ้นเสียงเลยแม้แต่น้อย เหมือนบ่นๆ มากกว่า แต่ก็ทำเอาคนที่ยืนคำนับสั่นเป็นเจ้าเข้า


“ก็ทำตัวแบบนี้ใครจะกล้าแหยมกับมึง” ชายหนุ่มผิวเข้มในชุดนายตำรวจเดินเข้ามาใกล้เรา พี่ลันเหลือบตามองอีกฝ่ายนิดๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นง่ายๆ กวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ตามลงมานั่งข้างกัน


“ช่วยไปนั่งโต๊ะเหมือนคนอื่นเขาได้ไหม นั่งเกะกะขวางทางคนอื่นเขา”


“หึ มารยาทดีจังนะ ไปครับๆ คุณนายร้อยตำรวจ อย่าเพิ่งจับกูข้อหากวนบาทานะ”


“กูจะจับหมาในปากมึงไปขังก่อนนี่ล่ะ อะ สวัสดีครับตัวเล็ก โอ้ ตัวเปียกเชียว ไอ้เวรนี่ไปแกล้งอะไรเรารึเปล่า พี่จัดการให้ได้นะ” คุณนายร้อยตำรวจพูดเสียงนุ่ม ส่งสายตาหวานเชื่อมหวังกระชับมิตรกับผม


แต่ร่างหนาเอนตัวเข้ามาบังผมจากสายตาเพื่อนจนมิด


“สัด มาบังของสวยงามทำเชี่ยอะไร”


“คนนี้ห้ามยุ่ง”


“กับน้องมึงก็ห้าม กับคนนี้ก็ห้าม มีคนไหนที่มึงไม่ห้ามไหม”


“ในนี้มึงก็เลือกเอาไปเลี้ยงสักตัวสิ ซนๆ กันทั้งนั้น แต่น้องกูกับไอ้เด็กนี่” เขาชี้มาที่ผม “ห้ามยุ่ง”


“มีหวงๆ ตกลงคบกันแล้ว?”


ผมลุ้นคำตอบของคำถามนี้ด้วยหัวใจเต้นรัว อันที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าสถานะระหว่างเรานั้นคืออะไร ถึงจะคุยกันแค่อาทิตย์เดียว แต่ความรู้สึกที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นก็เกินกว่าคนรู้จักไปแล้ว มันอาจจะเป็นความรู้สึกของผมฝ่ายเดียว แต่ใจหนึ่งผมก็หวังว่าเขาเองก็อาจจะชอบผมเหมือนกัน


“ไม่ได้เป็นอะไรกัน”


คำตอบของพี่ลันทำผมชะงัก นึกว่าเขาจะตอบอะไรน่ารักอย่างกำลังศึกษาดูใจหรืออะไรที่เป็นไปในทิศทางนั้น


แต่เขากลับตอบว่า ‘ไม่เป็นอะไรกัน’


แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร


หรือว่าเขา...ไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย






“เฮ้อ กว่าจะกลับไปได้”  พี่ลันเอ่ยถึงเพื่อนรักที่เดินทางมาจากเมืองหลวงเพื่อคุยธุระกัน ส่วนธุระที่ว่าคืออะไรนั้นผมเองก็ไม่รู้เพราะถูกทิ้งให้อยู่กับพี่โหดที่บังเอิญเดินเข้ามาพอดี พี่ลันจึงฝากฝังผมไว้กับเขา พี่โหดทำตาโตไปแล้วเมื่อเห็นว่าผมเป็นคนรู้จักของพี่ลัน


“ก็คิดอยู่ว่าหน้าตาแบบนี้คงเป็นเด็กของใครสักคน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงเด็กของท่านชูการ์”


ไม่ทันที่ผมจะได้ถามว่าท่านชูการ์เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ลันผมถูกดึงตามร่างสูงขึ้นมาบนห้องแล้ว


“เอ้านี่ผ้าขนหนู ไม่ต้องห่วง ยังไม่ได้ใช้ แล้วนี่ก็เสื้อผ้า เคยใส่แล้วแต่ซักสะอาด รับรองไม่เป็นเกลื้อน” พี่ลันยัดเสื้อผ้าและผ้าขนหนูใส่มือผมก่อนจะหยิบส่วนของเขาเดินออกจากห้องไป เห็นบอกว่าจะไปอาบน้ำห้องเพื่อน ผมจึงเข้าไปอาบน้ำ


พอชำระร่างกายเสร็จแล้วผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา พี่ลันกำลังเช็ดผมของตัวเองด้วยใบหน้าเคร่งเครียด จ้องโทรศัพท์ของผมที่ตอนนี้ไร้ตุ๊กตาผ้าตัวเดิม พอนึกขึ้นได้ผมก็รีบล้วงกระเป๋าเสื้อตัวเก่าแล้วหยิบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออกมา โชคดีที่มันไม่ได้จมหายไปกับน้ำ ผมหยิบมันมาเป่าไดร์จนแห้ง เหลือบมองร่างสูงที่ยังคงนั่งนิ่งในท่าเดิมด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย


เขาคงเสียใจที่ตุ๊กตาตัวโปรดหายไปสินะ


หรือไม่ ก็คงเสียใจที่สูญเสียของต่างหน้าคนรัก...


ผมรู้สึกหน่วงในหัวใจนิดๆ เมื่อรู้ตัวว่ากำลังแพ้คนในใจของอีกฝ่าย ท่าทางพี่ลันคงจะรักเขามากถึงได้อาลัยอาวรณ์นัก ไม่สิ บางทีเขาอาจจะไม่เคยลืมเธอคนนั้นเลยก็ได้ ถึงได้ห้อยของต่างหน้าติดตัวอยู่ตลอดเวลา


แล้วอย่างนี้...ผมจะมีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในใจของพี่ลันบ้างไหม


“พี่ลัน” ผมเรียกเขาให้หันมามองกันแล้วยื่นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลให้ “ผมให้”


“นายคิดว่าพี่ง๊องแง๊งถึงขึ้นเล่นตุ๊กตารึไง” เขามองผมอย่างขบขันแต่ก็ยอมรับตุ๊กตาตัวนั้นไปถือไว้ ก้มลงมองแล้วบีบแก้มตุ๊กตาหมีจนเสียทรง


“ก็เห็นห้อยติดตัว ก็เลยนึกว่าชอบ” แต่ความจริงพี่คงชอบเจ้าของมากกว่าสินะ ผมได้แต่ถอนหายใจพลางมองอีกฝ่ายเสียบสายห้อยเข้ากับรูโทรศัพท์จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข


ไหนบอกไม่ชอบตุ๊กตา ทำไมดูดี๊ด๊าจังล่ะพี่


“ก็ไม่ได้ชอบหรอก มันพิเศษที่คนให้” เขาสบตาผมนิ่งๆ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหลบตาไป


ก็พี่ลันเป็นแบบนี้ จะไม่ให้ผมเข้าข้างตัวเองได้ยังไง


“แล้วตัวเก่าล่ะ คนให้ก็พิเศษมากเหรอ” ผมถามเสียงตัดพ้อ อีกฝ่ายก็ตอบเสียงดังฟังชัด ไม่ได้รู้เลยว่าประโยคนั้นทำร้ายจิตใจคนฟังอย่างผมเหลือเกิน


“ใช่สิ สำคัญมากเลยล่ะ สำคัญแบบที่ว่าไม่มีอะไรในโลกแทนตุ๊กตาตัวนั้นได้” ร่างสูงมีสีหน้าเศร้าลงเมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้า ผมจึงทำใจกล้าเอ่ยปลอบเขาไป


“งั้นให้ตุ๊กตาหมีตัวนี้อยู่ข้างๆ พี่ได้ไหม ถึงจะแทนตัวเก่าไม่ได้ แต่มันจะไม่มีวันทิ้งพี่ไปไหนแน่นอน”


พี่ลันเงยหน้ามองผมอึ้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะจนตัวโยน


“คิดไปถึงไหนล่ะนั่น”


“คิดอะไร” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่อยากให้เขารู้หรอกว่าคำพูดก่อนหน้านี้แฝงความหมายว่าผมจะอยู่เคียงข้างเขาไปตลอด


“อืม ไม่คิดก็ไม่คิด” พี่ลันพูดเสียงเบา “ปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ”


“หืม” เพราะไม่ได้ยินประโยคท้ายผมจึงส่งเสียงถาม


“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”


ทำไมผมรู้สึกว่าคำว่าไม่มีอะไรของเขากับรอยยิ้มนั่น ‘ดูมีอะไร’ กันนะ






Tbc.










⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ขอโทษที่มาช้าค่ะ เราทำงานทั้งสัปดาห์เลย บางงานก็เครียดจนเขียนไม่ออกเหมือนกัน  :mew6:

ตอนนี้ตัดช่วงมาที่คู่รองก่อน พี่ลันเตาคงไม่มีวันบอกแอลว่าเจ้าของตุ๊กตาผ้าเน่าเป็นใคร 5555 ไม่ได้ผิดคาแร็คเตอร์น้าพี่ลันเป็นคนแบบนี้ล่ะ เพี้ยนๆ ติสท์ๆ ขี้แกล้ง แต่เดี๋ยวตอนหน้าเจตพูก็มา 55555 ให้เวลาน้องพูไปเคลียร์ตัวเองแป๊บนึงน้า

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่า ตามอ่านกันต่อไปนะ เจอคำผิดบอกได้จ้า คนเขียนเองก็มึนๆ เหมือนกัน สนุกกันไหมเม้นบอกกันบ้างน้า  :mew1:
    
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 20 [09-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 09-05-2017 09:34:53
 แอลรุกก่อนได้ไง ลันเตายังไว้ท่าอยู่เลย 555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 20 [09-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 09-05-2017 12:49:54
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 20 [09-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-05-2017 13:51:32
พี่ลันเตาจะอำน้องทำไมเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 20 [09-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-05-2017 15:45:09
ตุ๊กตาอันเดิมนั่นถั่วพูทำให้ ?
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 20 [09-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 09-05-2017 16:40:50
เหมือนแอลจะรุกนะ
แต่ดูดีๆคือน้องเดินตามเกมพี่ลันชัดๆอะ
อิพี่มันร้ายยยยค่ะ
มีการไม่บอก ปล่อยน้องเข้าใจผิด
กลัวน้องได้ใจแล้วเลิกตามตื้อละสิ5555
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 21 [15-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 15-05-2017 00:31:57
บทที่ 21
เหตุเกิดเพราะ...หมวก



[เจต]



คาเฟ่ใกล้บ้านผมเป็นตัวเลือกเดียวที่ผมกับพูเลือกมาติวกัน ตอนแรกเจ้าตัวก็อิดออดไม่ยอมมา คงเพราะยังเขินที่โดนผมฉวยจูบไป ถึงได้พยายามเลี่ยงมาตลอด ผมจึงเสนอแอลเป็นตัวล่อเพื่อให้เขายอมมา


นี่ผมจนมุมถึงขั้นต้องใช้น้องเป็นตัวล่อเลยเหรอเนี่ย แต่แอลก็เป็นคนเดียวที่ทำให้พูตอบตกลงทันที


เฮ้อ แพ้น้องอีกตามเคย


ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายหรือโชคดีเพราะวันนี้แอลก็ไปเยี่ยมคุณย่าที่ต่างจังหวัด ช่วงนี้เห็นไปบ่อยจนน่าแปลกใจ ไม่ค่อยโทรหาผมเหมือนอย่างเคย ยังดีที่น้องดูมีความสุข ถ้าเป็นแบบนั้นน้องจะไม่ติดผมแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะบางทีแอลอาจจะอยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง


เพราะผมเองก็กำลังมีความสุขแม้น้องไม่มา และไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องโทรบอกพูว่าแอลมาไม่ได้ สุดท้ายก็ยอมรับฟังคำโวยวายจากร่างโปร่งที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อคนที่เขาอยากเจอไม่มา


แต่นอกจากนั้นแล้วเราทั้งคู่ก็ไม่มีปัญหาอะไรกันอีก ผมทำหน้าที่ของพี่รหัสที่ดี คอยติวเนื้อหาในส่วนที่พูไม่เข้าใจ เจ้าตัวก็คอยถามโน่นนี่เรื่อยไปจนถึงเรื่องจดหมายที่ผมส่งหาเขาในช่วงที่ยังไม่เปิดสาย


“จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเชื่อว่าพี่เป็นพี่รหัสผมว่ะ ขนมพวกนั้นพี่ห่อให้เองเหรอ” ผมพยักหน้า พอรู้ว่าน้องชอบอะไรผมก็รีบไปซุปเปอร์แล้วเหมามาหมดเลย เรียกได้ว่าช่วงนั้นงดข้าวเย็นไปหลายมื้อเหมือนกัน และแจ้ก็ชอบชวนผมไปทำงานพิเศษยกของบ้างก็เลยทำให้หุ่นผมดีไปโดยปริยาย


ตอนเช้าผมก็ชอบไปวิ่งแถวๆ ซอยบ้านพู แต่ไม่รู้ว่าเป็นหลังไหนก็เลยได้แต่วิ่งฟิตหุ่นต่อไป หวังให้โลกเหวี่ยงเรามาใกล้กัน


เพราะตามนิสัยของผมแล้ว ผมไม่กล้าเข้าหาใครก่อน คนส่วนใหญ่มักจะเข้าหาผมเสมอ มีแต่พูที่พยายามตีตัวออกห่างและทำหน้าเหม็นเบื่อทุกครั้งที่เราเดินสวนทางกัน พอผมจะเข้าใกล้ เขาก็ทำหน้าตกใจกลัวจนผมต้องเป็นฝ่ายเดินหนีไปเอง


แจ้กับแมร์มักจะบอกว่าผมคิดมาก บางทีพูอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมในแง่ร้ายแบบนั้น แต่คนที่แอบมองเขาเป็นประจำย่อมสังเกตได้ดีว่าสีหน้าของเขาหมายถึงอะไร


และใบหน้านั้นก็บอกชัดเจนว่าเขาไม่ชอบผม


ถ้าก่อนหน้านี้พูไม่ได้ชอบแอล ไม่พยายามเข้ามาใกล้ชิดน้องชายผม ผมก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้


เราต่างคนต่างอ่านหนังสือในวิชาที่ตนถนัด จึงไม่มีเสียงร้องถามเพราะไม่เข้าใจอีก


ผมมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสอบเข้าคณะแพทย์ หนังสือที่ผมอ่านตอนนี้จึงไม่ใช่เนื้อหาวิชาเรียนทั่วไป แต่เป็นแนวข้อสอบที่จำเป็นในการสอบครั้งนี้มาก เพราะอีกไม่นานก็จะสอบแล้ว แต่สมาธิของผมกลับถูกทำลายเพราะสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาตั้งแต่เมื่อห้านาทีที่แล้ว


“ทำไมต้องแอบมอง” เอ่ยถามร่างโปร่งที่รีบก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือทันที พอผมกลับมาสนใจหนังสือต่อก็รู้สึกถึงสายตาเรียวคู่นั้นจ้องมองมา เป็นแบบนี้หลายครั้งจนต้องเอ่ยถาม


“ใครมอง” พูหันซ้ายหันขวาทำทีเป็นหาคนที่มองผม ซึ่งก็มีอยู่บ้างประปราย แต่ไม่มีใครจ้องแบบเจ้าเด็กคนนี้หรอก


“ไม่ต้องไปมองหาคนอื่นหรอก พี่หมายถึงเรานั่นแหละ ทำไม หลงรักพี่เข้าแล้วล่ะสิ” หยอกสักนิดเผื่อว่าพูจะตอบรับบ้าง


แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นถูกปฎิเสธอีกตามเคย


“จะบ้าเหรอพี่!” พูร้องลั่น รีบเขยิบเก้าอี้ออกห่างจากผม


เฮ้อ ถูกน้องปฏิเสธกี่ครั้งผมก็ไม่ชินสักที ใจมันเจ็บไปหมด ได้แต่ฝืนยิ้มให้พูเห็นว่าผมไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเขา แต่ความจริงผมแค่พยายามหลอกตัวเองว่าถ้าพยายามต่อไปน้องอาจจะหันมาชอบกันบ้าง


“ก็เห็นอยู่ว่ามอง มองทำไมพี่อยากรู้” ผมนั่งเท้าคางมองอีกฝ่ายที่หลบตาไป


“ก็...เปล่า แค่สงสัยว่าคนหน้าตาดีอย่างพี่มาสนใจอะไรเด็กอย่างผม” พูบุ้ยปากไปยังโต๊ะที่ห่างไปไม่มาก ผมมองตามไป เห็นหญิงสาวสองคนที่นั่งโต๊ะนั้นส่งยิ้มให้เรานิดๆ “พี่ออกจะเป็นที่สนใจขนาดนี้ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” พูพูดเสียงเบาในตอนท้ายแล้วก้มหน้าลงพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ


ผมลอบยิ้ม คิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าน้องเริ่มคิดอะไรกับผมบ้างแล้ว เดาจากน้ำเสียงที่เหมือนจะไล่ผมให้ไปหาคนอื่น แต่ก็ติดอ้อนเหมือนไม่อยากให้ไป


ขอพี่ลองพิสูจน์หน่อยนะ


“อืม...หรือพี่ควรจะเปลี่ยนใจดี สาวๆ โต๊ะนั้นก็สวยใช่ย่อยนะ” 


“ไม่ได้นะ...” พูรีบยกมือปิดปากตัวเองหลังจากหลุดคำนั้นออกมา “เอ่อ...ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พูดจบเจ้าตัวก็ลุกพรวดแล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำทันที


หึ น่าจะพอมีลุ้นบ้างแล้วล่ะมั้งเรา


พูหายไปสักพักก็กลับออกมา ผมทึ่งในท่าทางเปลี่ยนกลับมาเป็นพูคนเดิมได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ราวกับว่าเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อความรู้สึกของเขา


“อ่านหนังสือต่อดิพี่ มองหน้าผมทำไม” น้ำเสียงราบเรียบและสายตาที่จดจ่ออยู่กับหนังสือทำเอาผมไม่กล้าพูดอะไร


ได้แต่นั่งอ่านหนังสือของตัวเองไปเงียบๆ แต่อ่านเท่าไรก็ไม่อาจซึมซับเนื้อหา แอบลอบมองอีกคนก็เห็นพูคิ้วขมวดจ้องเนื้อหาหน้าเดิมที่มีข้อความเพียงไม่กี่บรรทัดนานหลายนาที  พอแตะไหล่เบาๆ พูก็สะดุ้งก่อนจะฟุบหน้าลงบนหนังสือ


“ขอผมอยู่เงียบๆ แป๊บนึงนะ อย่าเพิ่งหยอกอะไรผมล่ะ” ผมไม่ตอบอะไรเขา ทำเพียงลูบหัวพูเบาๆ ก่อนจะผละออกเมื่อเจ้าตัวเอ่ยขึ้น น้ำเสียงฟังดูอู้อี้เพราะเจ้าตัวเอาแต่ซุกหน้าอยู่บนท่อนแขนของตัวเอง แต่ก็พอจับใจความได้


“ตอนนี้ผมยังไม่ได้ชอบพี่หรอกนะ...” พูเงียบไปนิดเหมือนชั่งใจ “ตะ..แต่ว่า...อย่าเพิ่งยอมแพ้ล่ะ”


ผมมองร่างโปร่งด้วยหัวใจลิงโลด อยากจับหน้าพูขึ้นมาจูบให้หนำใจเพราะความน่ารักของเขา ตอนที่ยอมให้จีบผมก็ดีใจมากแล้วนะ แต่พอน้องบอกไม่ให้ยอมแพ้ แรงใจที่หดหายก็มีไฟลุกพรึบพรับจนน่าตกใจ


“หมายความว่า...” ผมลากเสียง หวังให้พูบอกชัดเจนว่าเขาหมายถึงอะไร


“ไม่รู้โว้ย!” เสียงโวยวายกับหูแดงๆ ดูจะไม่เข้ากันสักเท่าไรนัก แต่เท่านี้ก็ทำให้ผมมีความสุขมากแล้ว

.
.
.
.
.
.

“พี่ไม่จำเป็นต้องมาส่งผมหรอก เดินย้อนกลับไปกลับมาทำไม เสียเวลา” คนข้างๆ บ่นแบบนี้เป็นประจำ เรียกว่าทุกครั้งที่ผมมาส่งเขาเลยก็ว่าได้


“ก็ทำจนชินแล้ว อยากมาส่งพูให้ถึงหน้าบ้าน อยากเห็นว่าพูปลอดภัยดี พี่ก็แค่ทำเพื่อความสบายใจของพี่”


“ลำบากล่ะสิไม่ว่า แดดร้อนๆ แบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบาย” พูเหล่มองเข้าไปในบ้าน “รอผมแป๊บนึงนะ” พูดจบเจ้าตัวก็เปิดรั้วบ้านเข้าไป ผมมองแผ่นหลังโปร่งเหมือนเช่นเคย


เมื่อก่อนนี้ทำได้แค่นั่งรถตามมาส่ง ขึ้นรถเมล์ก็พยายามหาที่ยืนเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาจากอีกฝ่าย เพราะถ้าเขาตัวรู้ว่าผมขึ้นรถมาด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติยามคุยหยอกล้อกับเพื่อนก็จะไม่ปรากฏ



เพราะทันทีที่เห็นผม สายตาไม่เป็นมิตรก็ส่งตรงมาให้ผมเสมอ ทั้งที่ผมก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจ จึงพยายามที่จะทำตัวล่องหนไม่ให้เป็นที่สนใจของใคร ลอบมองเขาจนกระทั่งถึงที่หมาย


พอถึงซอยบ้านพูก็มองส่งเขาเดินเข้าซอยไป ส่วนผมก็ลงป้ายหน้าแล้วนั่งรถย้อนกลับมาบ้านตัวเอง


ผมทำแบบนั้นมาห้าปี ก่อนแอลจะย้ายมาเรียนที่นี่ มีเพียงช่วงนั้นที่ผมไม่ได้มาส่งพู


“อะ” ร่างโปร่งยื่นหมวกสีดำใบสวยมาให้ ดูแล้วน่าจะมีราคาอยู่เพราะเป็นแบรนด์ชื่อดัง


ถ้าจำไม่ผิดปีที่แล้วน่าจะเป็นรุ่นเดียวกับที่แจ้ร้องโอดครวญว่าเป็นของลิมิเต็ดและมันสั่งซื้อไม่ทัน ซึ่งผมเองก็รู้จักพูดีพอ เขาไม่ใช่คนแฟชั่นจ๋าหรือร่ำรวยมากพอที่จะฟุ่มเฟือยกับหมวกใบนี้


แสดงว่ามีคนให้มา


“ของนายเหรอ”


พูพยักหน้ารับพร้อมกับอวดว่าเป็นของขวัญจากพี่ชายที่นานๆ จะซื้อของเป็นชิ้นเป็นอันให้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจว่าจะเป็นแบรนด์อะไรหรือมีมูลค่าเท่าไร พูดูสนใจเพียงเพราะพี่ชายซื้อให้เขา

รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ทั้งๆ ที่พูพูดถึงพี่ชายของเขา


“ถ้าพี่ทำหายนายจะโกรธไหม”


“โห พูดแบบนี้ขอคืนครับ” มือเรียวกระดิกนิ้วขอหมวกคืน ผมตีมึนแล้วยื่นมือตัวเองไปจับมือเขาแทน


“มันใช่ไหมพี่เจต” พูปรายตามองมือผมที่จับมือเขาไว้ก่อนจะพยายามดึงมือออก “ปล่อยเลย”


“อ้าว นึกว่าอยากให้พี่จับมือ” ผมพูดยิ้มๆ แต่ก็ยอมปล่อยมือออก


“รักษาหมวกผมดีๆ นะพี่เจต” พูมองหมวกในมือผมตาละห้อย ดูท่าจะสำคัญต่อเขามากจริงๆ


“หวงขนาดนี้จะให้พี่ยืมทำไมล่ะ” ผมยื่นหมวกคืน “เก็บไว้เถอะ พี่ไม่เป็นไร เดินกลับแค่นี้เอง” ถ้าต้องเสียสละของรักของหวงให้ผมดูท่าจะมากเกินไป ผมไม่อยากให้น้องเสียสละอะไรให้ ผมอยากให้น้องมากกว่า


“ไม่เป็นไร ผมเชื่อว่าพี่ดูแลหมวกผมได้” พูดันหมวกคืนผม “หวงแค่ไหนผมก็ห่วงพี่มากกว่า”


ผมชะงักเมื่อได้ยินคำนั้น ร่างโปร่งเองพอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาก็รีบหันหลังเปิดประตูรั้วทันที


หมับ


ผมคว้าแขนพูได้ทันก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าบ้านไป ไม่ได้บังคับให้เขาหันมามองกันเพราะรู้ดีว่าพูคงไม่พร้อมจะมองหน้าผม


“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ” พูพยักหน้ารับรัวๆ ก่อนจะขืนตัวหนีเข้าบ้านไปในที่สุด


มองจนเขาผิดประตูดังปังก็หันหลังยกหมวกขึ้นสวม เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปตลอดทาง


แต่พอถึงหน้าบ้าน ก็มีหญิงสาวร่างบางคนหนึ่งยืนรออยู่ ใบหน้าชุ่มเหงื่อบอกได้ดีว่าเธอมายืนรอผมนานแล้ว


“คุณเจต...” ทันทีที่ผมเดินเข้าไปใกล้เธอก็เดินเข้ามาหาทันที


“คุณพรมีอะไรครับ” ผมทักผู้หญิงของพ่อที่มองผมด้วยใบหน้าซีดเซียว


ใช่ครับ เธอเป็นแม่เลี้ยงของผมเอง


“คุณพิศิษฐ์ไม่สบายค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล คุณเจตไปเยี่ยมเขาหน่อยนะคะ” เธอขอร้อง ผมเองก็ตกใจนิดนึงเมื่อรู้ข่าวว่าพ่อเข้าโรงพยาบาล ผมรีบเบือนหน้าไปทางอื่น


“ไม่จำเป็นหรอกครับ แค่มีคุณพรและเด็กๆ แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว”


“ไม่จริงเลยนะคะ คุณพิศิษฐ์ต้องการคุณ เขาเพ้อเรียกคุณทุกครั้งที่ไข้ขึ้น เขารักคุณมากนะคะคุณเจต” ผมจงใจเมินคำว่ารักนั้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าพ่อรัก แต่เพราะความคิดเรื่องรสนิยมไม่ตรงกันปัญหาถึงบานปลายมาจนถึงวันนี้


มีแค่เรื่องเดียวที่ผมยอมพ่อไม่ได้ กว่าจะรู้ใจตัวเองผมต้องต่อสู้กับความสับสนนั้นมาหลายปี หลายปีที่พ่อโหมงานอย่างหนักและเปิดใจรับคุณพรเข้ามา หลายปีที่พ่อแค่เข้ามาหา ให้เงิน แล้วก็จากไป ไปสร้างครอบครัวใหม่ที่ผมกลายเป็นส่วนเกิน


หลายปีที่ผมต้องอยู่คนเดียวและต้องคอยสำรวจว่าตัวเองรู้สึกกับเพศเดียวกันแบบไหน ทำไมกับบางคนผมถึงขยาด แต่ทำไมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งผมถึงใจเต้นแรง แต่ไม่มีใครให้คำตอบผมได้


ช่วงนั้นผมอยู่กับความไม่เข้าใจ ในโรงเรียนก็เริ่มมีการแบ่งเพศอย่างชัดเจน เพื่อนที่เป็นเพศที่สามถูกแบ่งแยกและถูกมองในแง่ลบ


ส่วนผมอยู่ตรงกลางไม่รู้ว่าควรแต่งหน้าทาปากเหมือนพวกเขา หรือพูดจาหยาบคายเหมือนเพศชายทั่วไป ด้วยวัยของเด็กประถมทำให้ผมตัดสินใจเลือกเองเป็นครั้งแรก


ผมเลือกที่จะเป็นผู้ชาย แต่เป็นผู้ชายที่ไม่ได้ชอบผู้หญิง


ผมไม่รู้หรอกว่าคำจำกัดความนั้นคืออะไร จนกระทั่งโตขึ้นและได้รู้จักคำที่บ่งบอกสถานะของผม และผมไม่เคยเสียใจที่เลือกเป็นในสิ่งนี้


แม้จะต้องถูกพ่อเกลียดก็ตาม...


“คุณพรกลับไปเถอะครับ ผมไปหาเขาไม่ได้ ตราบใดที่ความชอบของผมสวนทางกับเขา เราไม่ควรเจอกันหรอก ดีไม่ดีเขาจะอาการแย่ลงกว่าเดิมอีก” ผมเดินเลี่ยงไปที่ประตู


“แล้วถ้าคุณพิศิษฐ์ยอมรับความรักของคุณได้ล่ะคะ” เธอถามต่อ ผมนิ่งไปนิด แต่ก็คิดคำตอบสำหรับคำถามนี้นานแล้ว


“ถึงตอนนั้นผมจะกลับไปหาเขาเอง” ผมบิดลูกบิดประตู กรอกตาไปมาเพื่อไล่น้ำตาที่ปริ่มอยู่


“แต่ถ้าเรื่องนั้นไม่มีวันเกิดขึ้น” ผมหันกลับไปสบตาเธอ “ผมจะไปตามทางของผมเอง”


คุณพรกลับไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ผมก็ยังข่มตานอนไม่ได้ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครคนหนึ่ง เดาว่าเวลานี้อีกฝ่ายคงจะหลับไปแล้ว


“โหล...” เสียงยานคางของคนยังไม่ตื่นดีเรียกรอยยิ้มจากผม เรื่องหนักๆ ก่อนหน้านี้พลันสลายไปเพียงได้ยินเสียงจากปลายสาย


“โทรผิดเหรอวะ...อ้าว เบอร์พี่เจตนี่หว่า โทรมาทำไมวะพี่ คนจะหลับจะนอน” ผมเดาสีหน้าจากเสียงบ่นของเขาแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “พรุ่งนี้วันจันทร์ ถ้าตื่นสายละก็...คร่อก ฟี้”


“หึๆ หลับซะแล้ว ฝันดีครับพู” ผมกระซิบเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนคนหลับ วางโทรศัพท์ที่ไม่ยอมตัดสายไว้ข้างหมอน นอนฟังเสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะกล่อมนอนจนหลับตามอีกฝ่ายไปในที่สุด


ชีวิตนี้พี่ไม่ต้องการอะไร แค่มีนายก็พอแล้ว


[จบพาร์เจต]




Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
มาเติมน้ำตาลให้คู่นี้ค่า มีดราม่านิดๆ พอกรุบกริบ ไม่ต้องห่วงค่ะไม่หนักแน่นอนเพราะเราเขียนดราม่าไม่เก่ง

สำหรับตอนนี้ พูยังไม่ได้ตกลงอะไรทั้งนั้นนะ เจ้าตัวก็พอจะรู้ตัวแล้วว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนจากศูนย์เป็นหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเปิดใจคบกัน นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ  พี่เจตมีความเนียน 5555

เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ :bye2:
 


ตุ๊กตาอันเดิมนั่นถั่วพูทำให้ ?
ใช่ค่ะ น้องพูทำให้พี่ลันเตา
 
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 21 [15-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-05-2017 01:48:58
สงสารพี่เจตตตตต
มากอดปลอบบมาาา //เนียนนน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 21 [15-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-05-2017 07:16:24
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 21 [15-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-05-2017 11:03:56
หวังว่าพ่อจะเปิดใจได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 21 [15-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 15-05-2017 17:23:17
ยังไงพ่อลูกก็ตัดกันไม่ขาดหรอก รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 21 [15-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-05-2017 20:12:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 21 [15-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Prattana ที่ 21-05-2017 14:12:22
แน่ะๆ น้องเริ่มมีใจให้พี่บ้างแล้ว
เรื่องพ่อขอให้เข้าใจกันไวๆนะ

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 23-05-2017 00:03:48
บทที่ 22
เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (1)



เชี่ย!  7 โมงครึ่ง


ผมรีบวิ่งผ่านน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายไหล่ก่อนจะกระโดดข้ามขั้นบันไดอย่างรวดเร็วไปจนถึงชั้นล่าง


พ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์หันมองผมด้วยรอยยิ้มขบขัน ขณะที่มารดาบังเกิดเกล้าคว้าแขนผมไว้ได้ทันก่อนจะก้าวผ่านประตูบ้านไป


“แม่! ผมสายแล้วอะ” ผมจับมือแม่ออกเบาๆ ไม่กล้าสะบัดครับ กลัวโดนสวนด้วยสันมือ


“สายไม่สายก็เรื่องของแก แต่ต้องกินข้าวก่อน” แม่ยัดขนมปังทาแยมให้ผม พร้อมกับนมอีกแก้วใหญ่


“ก็ได้ครับ” ผมจำใจยัดขนมปังเข้าปาก เคี้ยวๆ กลืนๆ ไม่ละเอียดนักแล้วกรอกนมตามไปทันที เหลือบมองนาฬิกาบนผนังก็เห็นว่าเข็มยาวเคลื่อนเข้าใกล้เลขสิบมากขึ้นทุกที


กูสายแล้ววววววววววววววววว


“ไปแล้วนะแม่”


ผมรีบขับมอเตอร์ไซค์ของแม่ออกไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใดๆ ทั้งนั้น แต่เอาเถอะ ยอมโดนบ่นหูชาก็ยังดีกว่าอดไปเที่ยว เสียงโทรศัพท์ดังไม่ขาดสายเดาได้ไม่ยากว่าใครโทรจิกผมอยู่


“เออๆ กูเพิ่งถึงเนี่ย” ทันทีที่จอดรถเสร็จผมก็กดรับสายน่ารำคาญของไอ้เผือก แม่งไม่รู้จะโทรจิกอะไรนักหนา


(สาด รีบมาด่วนเลยมึง เดี๋ยวได้ไปนั่งข้างอาจารย์แล้วมึงจะหนาว)


“หนาวเชี่ยอะไร แดดประเทศไทยร้อนชิบหายวายวอดขนาดนี้” ผมปาดเหงื่อ ฝากกุญแจรถไว้กับลุงยามเพราะเดี๋ยวแม่มาเอากลับไปเอง โดนบ่นไปตามระเบียบครับ โชคดีที่ไอ้เผือกโทรมาก็เลยมีข้ออ้างวางสายแม่


(กวนนะไอ้พู เฮ้ยมึงมานั่งนี่ได้ไงวะ กูจองให้เพื่อน...) ยังไม่ทันถามไอ้เผือกว่ารถจอดอยู่ที่ไหนสายก็ตัดไป ผมกวาดตาหารถก็เห็นอยู่ไกลๆ ดูเหมือนล้อจะหมุนแล้วด้วย


เดี๋ยวก่อนลุงงงงงงงงงงงงงง ผมยังไม่ได้ขึ้นนนนนนนนนนน


ผมวิ่งสี่คูณร้อยตามหลังรถบัสไปจนแทบหมดแรง ทันใดนั้นเสียงเบรกก็ช่วยผมไว้


เอี๊ยด


“แฮ่ก”


พูดไม่ออกเลยครับ เหนื่อยมาก ได้แต่มองร่างสูงที่วิ่งลงมาจากรถแล้วช่วยหิ้วปีกผมพาขึ้นรถไป เห็นไอ้เผือกเถียงกับเพื่อนห้องคิง ดีกรีนักบาสของโรงเรียนก็ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ คู่นี้พูดกันดีๆ ไม่ได้เลยรึไงวะ


“สัด มึงอย่ามา เมื่อวานกูเห็นนะว่ามึงไปอี๋อ๋อกับสาว”


“แล้วไง มึงยังไปกับไอ้แบงค์ไอ้เจมได้เลย ทำไมกูจะไปกับสาวๆ บ้างไม่ได้”


“นั่นเพื่อนไหมไอ้ควาย แล้วอย่างมึงเรียกอะไร นอกใจ”


“นอกใจมันใช้กับแฟนโว้ย แต่มึงกับกูไม่ใช่แฟนกัน”


“แล้วทำไมไม่เป็นแม่งเลยจะได้จบๆ”


ผมไม่สนแล้วว่าคู่นั้นมันจะเถียงอะไรกันอีก หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบหูแล้วดื่มด่ำไปกับเพลงดีกว่า


“ฟังด้วยดิ” ไม่ขอเปล่า หูฟังข้างหนึ่งของผมถูกดึงออกไปแล้วเสียบเข้าหูของอีกฝ่าย พี่เจตหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี ทั้งๆ ที่ไม่เห็นมีอะไรน่าตลก เพลงก็เก่ามากแล้ว ทำนองคุ้นหูที่คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักกันดี


พี่บ้าเปล่าวะ


“พี่เคยฝัน” จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น “ว่าเราจะได้ฟังเพลงด้วยกัน นั่งข้างกันแบบนี้” พี่เจตยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนหน้าจนต้องเสสายตาไปทางอื่น ก้มลงเล่นเกมมือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย


ผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าที่หัวใจเต้นแรงมันเป็นเพราะอะไร มันรวดเร็วเกินไปจนตั้งตัวไม่ทัน อาการดูหนักกว่าตอนที่แอลส่งยิ้มให้ผมเสียอีก


หรือว่าผมจะเป็นโรคหัวใจ...


ไม่ใช่ล่ะไอ้พู มึงจะหลอกตัวเองไปทำไมวะ


ก็ไม่อยากเชื่อนี่หว่าว่าจะเป็นไปถึงขั้นนั้นได้


ยอมรับมาเถอะว่ามึงน่ะ...







“พู...”


“เชี่ย!” ผมอุทานลั่นเมื่อเห็นหน้าพี่เจตโน้มลงมาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ


ทำอะไรของพี่วะ


“เป็นอะไรหรือเปล่า อาจารย์เขาเรียกเช็คชื่อนายน่ะ”


ผมรีบหันไปหาอาจารย์ที่ยืนหน้าดุอยู่ไม่ไกล แล้วยกมือขึ้นเมื่ออาจารย์ถามชื่อซ้ำอีกครั้ง มองจนอาจารย์ติ๊กชื่อเรียบร้อยแล้ว ผมก็เอนตัวพิงเบาะแล้วถอนหายใจยาว


เป็นเอามากแล้วกู แล้วทำไมต้องมาอยู่ใกล้ตัวต้นเหตุด้วยวะ


เหลือบมองคนข้างตัวที่ก้มหน้าตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบ อ่านไม่ผิดหรอกครับ หนังสือเตรียมสอบ มาพักผ่อนยังจะเอาของเครียดๆ มาอีก ไม่ไหวๆ ต้องรีบหาคนสร้างความบันเทิงก่อนที่ผมจะเป็นบ้า


แม้อีกสองอาทิตย์เราจะสอบ ผมก็จะขอทิ้งมันไว้ที่บ้านแล้วมาสนุกกับสองวันหนึ่งคืนนี้ให้มากที่สุด


เพื่อนร่วมชมรมคนอื่นเริ่มสลบสไลตามๆ กันไป เพราะอีกนานกว่าเราจะถึงที่หมาย อ้อ ผมคงลืมบอกไป วันนี้ชมรมของผมมาค่ายศิลปะครับ กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมากนอกจากวาดรูปธรรมชาติในที่ๆ เราจะไปกัน เพราะต้องนำผลงานชิ้นนั้นส่งเข้าประกวดก่อนสอบปลายภาค ใครได้รางวัล ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ อาจารย์บอกเอาเกรดสี่ไปเลย พวกเราก็เลยค่อนข้างจริงจังกับการประกวดครั้งนี้มาก ต่างก็ลงสมัครไปตามประเภทที่ตัวเองถนัด ผมชอบวาดภาพก็ลงวาดภาพไป ส่วนไอ้เผือกมันเก่งสีน้ำก็ลงสีน้ำ


อาจารย์ชมรมผมเขาเห็นว่าจะให้พวกผมวาดภาพจากรูปในอินเตอร์เน็ตคงไม่ได้ฟีลที่ดีพอก็เลยหางบจัดทริปชมรมขึ้นมาแทน งบที่ได้ก็มาจากการขายภาพของพวกเรานี่แหละครับ ชาวต่างชาติชอบซื้อแถมให้ราคาดีด้วย


“เห้ยพู กูไปนั่งกับมึงได้ไหม” มาแล้วครับเผือก สีหน้ามันดูหน่ายๆ คนข้างตัว ขณะที่นักบาสของโรงเรียนไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจการกระทำของตัวเองเลย ยังคงกอดคอไอ้เผือกไว้แน่น


แล้วดูสิ รัดขนาดนั้นมึงยังคิดว่าจะลุกมาหากูได้เหรอวะเผือก


“นั่งอยู่นั่นไปเถอะ จะมาเบียดกูเพื่อ แค่นี้ก็ไม่มีที่นั่งล่ะ” ผมพูดไปอย่างนั้น แต่คนข้างตัวก็ช่างแสนดี


“นั่งไม่ถนัดเหรอพู มานั่งตักพี่ไหม” นี่ก็หยอดจังวะ ผมกลอกตาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมต่อ แต่มือเรียวดึงมือถือผมออกไป


“อะไร” ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


“พอแล้ว เล่นทั้งวันทั้งคืน เสียสายตา”


ผมมุ่ยหน้าเมื่อถูกขัดใจ เอื้อมมือไปปิดหนังสือของเขาเช่นกัน


“พี่ก็ต้องเลิกอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนเหมือนกัน หยุดอ่านเลย ไม่อ่านสักวันไม่ทำให้เกรดพี่ตกหรอกน่า” ล่อเกรดสี่มาตั้งแต่ม.ต้น จนจะจบอยู่แล้วยังไม่พอใจอีกเรอะ


“อันนี้มันสอบนอกโรงเรียนต่างหาก”


“สอบนอกสอบในก็ห้ามอ่านทั้งนั้นแหละ” ผมยึดหนังสือของพี่เจตไว้กับตัว ขณะที่เขาก็ยึดมือถือของผมไว้ เออดี ถือว่าแลกกัน


“โอเคๆ พี่ไม่อ่านแล้วก็ได้ แล้วจะให้พี่ทำอะไรล่ะ” เอาล่ะสิ ผมก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกันถึงได้เล่นเกมไง หรือว่าคืนหนังสือพี่เจตไปแล้วแลกโทรศัพท์คืนมาดี


“อะ” ผมยื่นหนังสือคืนพี่เจตที่รับไปอย่างงงๆ แล้วหนังสือเก็บเข้ากระเป๋า มองผมอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นผมกระดิกมือเพื่อขอโทรศัพท์คืน


“ห้ามเล่นเกม”


“อะไรวะพี่ ไม่เล่นเกมแล้วจะทำอะไรอะ” ผมกอดอก มุ่ยหน้าไปอีกทางก่อนเสียงชัตเตอร์จะเรียกความสนใจของผม ในมือพี่เจตมีกล่องโปร เขายกกล้องลงเพื่อดูภาพที่น่าจะแอบถ่ายผมเมื่อกี้


“มาถ่ายรูปกันดีกว่า นายยังใช้กล้องไม่คล่องสินะ เดี๋ยวพี่สอน” จากที่จะหงุดหงิดเพราะถูกแอบถ่าย ผมก็รีบกระดิกหางเข้าใกล้พี่เจตเพื่อดูเขาสอนการใช้กล้องอย่างตั้งใจ


ตอนนี้ผมต้องรีบใช้กล้องให้เป็นครับ จะได้อ้อนถั่วพี่ซื้อให้สักตัว พี่ลันสอนผมว่าอยากได้อะไรต้องใช้มันให้เป็นก่อน อย่างล่าสุดเมื่อปีก่อนผมอยากได้นาฬิกา พี่ลันบอกให้ผมท่องสูตรคูณตรีโกณให้ได้ เขาถึงจะยอมซื้อนาฬิกาให้ แม้จะไม่เกี่ยวเชี่ยอะไรกับนาฬิกาก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าให้ไปศึกษาประวัตินาฬิกาล่ะนะ

ถ้าถามว่าทำไมไม่ให้พ่อหรือแม่ซื้อให้ ก็คงต้องบอกว่าผมมีนาฬิกาอยู่แล้ว แต่ที่อยากได้มันเป็นลายการ์ตูน เกิดขอพ่อหรือแม่ โดยเฉพาะแม่ ผมคงต้องนั่งฟังเสียงบ่นเรื่องฟุ่มเฟือยพร้อมกับของที่ไม่มีวันได้มา


ดังนั้นลงทุนกับพี่ชายจึงคุ้มกว่า การศึกษาวิธีใช้จะได้รู้ว่าของที่เราอยากได้มันเข้ากับเราหรือเปล่า อย่างกีตาร์คลาสสิก ผมอยากได้มากจึงไปขอให้เพื่อนสอนเล่นจนคล่อง แต่พอพี่ลันเตาถามว่าจะซื้อไหม ผมก็ทำเพียงส่ายหน้า ไม่ได้คิดจริงจังหรืออยากได้อะไรขนาดนั้น ก็แค่ชอบ ไม่ได้อยากได้หรือจำเป็นต้องซ้อมอย่างหนักหน่วงไปประกวดหรืออะไร


แนวคิดของพี่ทำให้ผมเลือกที่จะศึกษาก่อนจะซื้อของอะไรก็ตาม ก็คงเหมือนสถานะของผมกับพี่เจตตอนนี้...


“อะไร มองหน้าพี่อีกล่ะ ช่วงนี้มองบ่อยนะ เริ่มชอบพี่เข้าแล้วล่ะสิ ฮ่าๆ” มองพี่เจตชงเองหัวเราะเอง ในใจก็ตอบอีกฝ่ายไป


ก็คงเริ่มๆ แล้วล่ะมั้ง


ผมยังไม่อยากคบกับพี่เจต หรือศึกษาดูใจอะไรทำนองนั้นกับเขา ผมยังไม่พร้อมที่จะคบหรือเปลี่ยนสถานะของเราที่เป็นอยู่ ผมอยากจะศึกษาเขาในมุมของผม มุมที่ไม่มีคำนิยามความสัมพันธ์ของเรา ผมเชื่อว่าพี่เจตเองก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไง และผมก็ขอบคุณที่เขาไม่เร่งรัดหรือเซ้าซี้อะไรมากนัก


มีแต่คำหยอด คำหวานที่คอยมอบให้ตลอด บางทีก็เล่น แต่บางทีก็จริงจังจนผมหวั่นใจ ผมยังไม่พร้อมที่จะรู้สึกกับใครมากเกินไปกว่านี้


ไม่ใช่ว่าผมยังเจ็บเพราะแอล ความรู้สึกนั้นเจือจางลงไปมากแล้ว ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมไม่ได้เข้าใกล้สิ่งที่พี่เจตรู้สึกต่อผมเลยสักนิด ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อได้เผชิญด้วยตัวเอง ความรู้สึกนั้นค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาทีละนิด ผ่านความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของเขาที่มอบให้แก่กัน


“จะเอาแตงกวาผมไปไหน” ผมถามเมื่อทันทีที่ข้าวหมูแดงสองจานวางลงบนโต๊ะ พี่เจตก็รีบตักแตงกวาในจานผมออกไปทันที


เพียงเพราะผมไม่ชอบแตงกวา


“ก็นายไม่ชอบจะเก็บไว้ทำไม เอาออกมานายจะได้กินสบายๆ ไง” พูดจบอีกฝ่ายก็ตักข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย แอบเห็นเข้าเบ้หน้านิด แต่ก็ฝืนเคี้ยวอาหารจนหมดคำ


ทั้งๆ ที่ไม่ชอบแตงกวาเหมือนกัน ทำไมต้องฝืน ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก


“เห้ย ทำอะไรวะพู” เผือกร้องลั่นเมื่อผมตักแตงกวาในจานพี่เจตใส่จานของมัน


“มึงชอบแตงกวานี่ แดกๆ เข้าไป” ไอ้เผือกหน้าเหวอไปนิดก่อนจะโวยลั่น


“มีใครที่ไหนเขากินผัดไทยกับแตงกวาบ้าง!”


เออ กูรู้ว่ามึงแดกได้






Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
เอาพาร์ทแรกมาเสิร์ฟก่อน เกรงว่าทุกคนจะรอนาน เพราะเรางานยุ่งมากค่า TT เจียดเวลาเล็กน้อยมาแต่งเพราะอยากเขียนมาก 55555 ขอคอมเมนต์จากคนอ่านหน่อยน้า และขอบคุณสำหรับทุกเมนต์เลยค่ะ มีกำลังใจเขียนเพราะทุกคนเลย เราจะฮึดสู้กับงานแล้วกลับมาเขียนพาร์ทหลังต่อนะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-05-2017 00:37:20
 อารมณ์คนจีบกันดีๆมาหัวเราะฉากกินแตงกวากับผัดไทนี่ล่ะ 555
 รออ่านตอนต่อไป 555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-05-2017 01:58:09
เผือกต้องคิดในแง่ดีว้าเพื่อนเป็นห่วง
อยากให้กินอาหารครบถ้วน
และผักสดๆก้ดีกว่าผักสุกแล้วในผัดไท
555555555555555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 23-05-2017 02:49:36
 :pig4::pig4::pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-05-2017 03:08:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 23-05-2017 06:49:07
น่ารัก...น้องพูใจอ่อนละจิ คนเขียนสู้ๆนะคะ รออ่านอยู่ตรงนี้เสมอ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-05-2017 21:11:41
เผือกเอ๋ยยย กินไปเถอะ เค้าจีบกันอยู่ 55555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: yewlyz ที่ 24-05-2017 11:58:34
 :hao5: อ่านทีเดียวมาถึงตอนปัจจุบันเลยยย ชอบบบบบ มาต่อไวๆนะค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 [23-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-05-2017 12:07:59
มาใหม่ค่ะ เราอ่านรวดเดียวจนตามทันล่ะ รออ่านต่อน้าา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 26-05-2017 02:20:01
บทที่ 22
เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (2)



เต้นท์คู่...เหรอวะ


หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จพวกเราก็เดินทางมาจนถึงอุทยานแห่งชาติในส่วนของที่พักค้างแรม ยืนฟังอาจารย์อธิบายกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงพาไปยังบริเวณลานกว้าง สถานที่ที่เราจะพักกันคืนนี้ อาจารย์ให้พวกเราจับคู่กันแล้วไปรับเต้นท์จากเจ้าหน้าที่


จากที่ตั้งใจจะนอนกับไอ้เผือก กลับต้องมองตามเพื่อนสนิทที่เพิ่งถูกลากคอไปอีกทางโดยแฟนหนุ่ม(?)ของมัน ดูท่าแล้วคืนนี้ผมคงต้องนอนกับคนอื่น


กวาดตามองไปรอบๆ เพื่อนร่วมชมรมก็ทยอยจับคู่กันจนเกือบครบ ผมเลยขอเต้นท์จากเจ้าหน้าที่มาไว้ก่อน ถ้าเหลือเศษใครผมค่อยพักกับคนนั้น


“กางยังไงวะเนี่ย” งมอยู่กับการตั้งเต้นท์สักพักก็มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาช่วยจัดการให้จนเสร็จสรรพ แต่พอจะหันไปต้อนรับเพื่อนใหม่กลับกลายเป็นชะงักแทน


“อะไร เจอพี่ทำไมต้องตกใจตลอด” พูดจบร่างสูงก็สอดกระเป๋าเข้าไปวางในเต้นท์ รวมถึงกระเป๋าของผมด้วย


“ทำไมพี่ไม่ไปนอนกับเพื่อนพี่ล่ะ” ผมเพยิดหน้าไปทางเพื่อนของพี่เจตที่ยืนชะเง้อคอมองหาเพื่อนร่วมเต้นท์ ดูเหมือนจะเหลือเขาเป็นเศษอยู่คนเดียว


แล้วทำไมเศษนั้นไม่เป็นกู


พี่เจตยิ้มนิดๆ ชูกล้องในมือ แค่นั้นผมก็ตาวาวเดินตามร่างสูงไปติดๆ ไม่สนใจแล้วว่าคืนนี้เราจะต้องนอนด้วยกัน


พี่เจตสอนวิธีถ่ายภาพเบื้องต้นให้ผม อย่างการปรับแสงและปรับโฟกัส ผมก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างตามประสาคนเล่นกล้องไม่เป็น


“มา พี่ช่วย รอเราเป็นงาน วันนี้คงไม่ได้ถ่ายภาพอะไรแน่” เขาเดินมายืนซ้อนหลังผมมืออุ่นวางทับมือผม ทำเอาหน้าร้อนวูบไปนิด แต่ผมก็เรียกสติกลับมาแล้วพยายามจดจ่อกับสิ่งที่เขาสอน


แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน


“แค่นี้เอง ง่ายใช่ไหมล่ะ” ร่างสูงผละออกจากผม ส่งรอยยิ้มประจำตัวมาให้อย่างเคย มือข้างหนึ่งยีหัวของผมจนยุ่งไปหมด


ผมมองเขานิ่งๆ ไม่โวยวายเหมือนแต่ก่อนจนเขาเองก็คงแปลกใจ พี่เจตละมือออก เปลี่ยนมาแตะหน้าผากผมแทน


“เราไม่สบายหรือเปล่า ดูเหม่อๆ นะวันนี้”


ผมส่ายหน้า เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร


ความรู้สึกมันอยู่ระหว่างกลัวกับรู้สึกดีเพียงเพราะมือนั้นลูบหัวผม คนเราจะรู้สึกสองอย่างได้พร้อมกันเหรอ ผมไม่เคยเจอแบบนี้เลย


“พักหน่อยไหม เดี๋ยวค่อยไปวาดรูปก็ได้ เรามีเวลาทั้งวัน อ้อ พรุ่งนี้อีกวัน”


“ผมสบายดี” ผมเดินไปรับกระดานและดาษจากอาจารย์แล้วเดินไปตามทิศทางเดียวกับที่เพื่อนๆ ผมไป พี่เจตเดินตามมาอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าใกล้ให้ผมอึดอัดจนเกินไป ระหว่างนั้นเพื่อนร่วมชมรมผมก็เข้ามาคุยกับพี่เจตไม่ขาดสาย ก็สาวๆ นั่นแหละครับ ส่วนใหญ่พวกเธอก็เข้ามาพูดคุยเรื่องเรียน เพราะอย่างที่บอก พี่เจตได้เกรดสี่ทุกวิชามาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว


นอกจากหน้าตาดีแล้วยังหัวดีอีก ไม่รู้เขาจะเครียดทำไมเรื่องสอบเข้าคณะแพทย์ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผ่านฉลุย


พี่เจตก็ตอบบ้างเงียบบ้างด้วยท่าทีที่ผมเคยคิดว่าหยิ่ง แต่พอได้รู้จักกันจริงๆ ได้มองเขาอยู่ในมุมของผม ผมก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพี่เจตไม่ใช่คนชอบพูด ผมยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมตัวตนในจดหมายกับตอนที่เราคุยกันถึงเหมือนเป็นคนละคนได้ขนาดนั้น


แบงค์เคยบอกผมว่าเวลาที่คนเรามีความรัก เราจะพูดมากขึ้นเพราะอยากให้เขาสนใจเรา แต่ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไรเพราะตอนที่ชอบแอลผมแทบไม่กล้าพูด คืออยากพูดนะ แต่ไม่รู้จะพูดอะไร กลัวพูดไปแล้วอีกฝ่ายไม่ชอบก็เลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า


แต่กับพี่เจต เราพูดกันตลอดเวลา ทุกคืนก่อนนอนเขาจะโทรหาผมเพื่อบอกให้หยุดเล่นเกม ถ้าไม่หยุดเขาจะโพสเตือนในเฟซผม ซึ่งช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร มีแต่คนเข้ามากดไลค์มาขอเป็นเพื่อนผมมากมาย อย่างล่าสุดพี่เจตแต่โพสแท็กผมว่าฝันดี ไม่รู้ยอดไลค์ยอดแชร์มาจากไหนเกือบพัน


หรืออย่างตอนเช้า เขาจะโทรมาปลุกผม แต่ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์จะโทรมาสายหน่อยเพื่อถามว่าผมกินข้าวกับอะไร แล้วบอกว่าจะไปซื้อมากินตาม ช่วงนั้นผมขนลุกไปพักหนึ่งเลยครับ  เขาเหมือนสตอกเกอร์ และไม่มีใครชอบให้คนตามติดชีวิตตัวเองขนาดนั้นหรอก ผมจึงต้องพูดกับเขาไปตามตรงว่าผมไม่โอเคกับเรื่องแบบนี้ พี่เจตก็ตกลงและพยายามละไปทีละอย่าง


ผมอยากให้เขาตามใจตัวเองมากกว่าจะมายึดติดอยู่กับผม ผมเพิ่งรู้ว่าเขากินข้าวแกงแบบเดียวกันเพียงเพราะคิดว่าถ้าเรากินเหมือนกันเปรียบเหมือนว่าเราได้อยู่ใกล้กัน นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมช็อคและตีตัวออกห่างจากเขา ซึ่งท่าทางที่ผมแสดงออกคงมากพอที่จะทำให้เขาหยุดการกระทำนั้นลง พี่เจตจึงเปลี่ยนเมนูอาหารเป็นอย่างอื่นบ้าง แต่เขาก็พบว่าตัวเองชอบพะแนงหมูกับผัดฟักทองเข้าจริงๆ


เอาเถอะกินเพราะชอบก็ไม่อยากว่าอะไรหรอก ผมแค่ไม่อยากให้เขาต้องฝืนกินเพราะผมชอบ


“เจต ฟางเห็นติดหนังสือเตรียมสอบมา ขอฟางยืมอ่านหน่อยสิ”


สาวแว่นหน้าใสคนหนึ่งเดินแหวกทางสาวๆ เข้ามาเพื่อขอหนังสือสอบ ยอมใจเธอจริงๆ ครับ วัตถุประสงค์ในการเข้าหาต่างจากคนอื่นมากจริงๆ


“เอาสิ ว่าแต่น้องเธอน่ะ จะเอายังไงต่อ จะไปวิทย์กีฬาหรือจะเข้าแพทย์เหมือนกัน”


“ช่างหัวมันเถอะ ตามก้นผู้ชายต้อยๆ น่าจะเข้าเพศศึกษามากกว่า” เอ่อ สาบานได้ว่าผมได้ยินเธอพูดประโยคนั้น และน้องชายของเธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน


“เจ้ เดี๋ยวผมพาไอ้เผือกไปเล่นน้ำตกก่อนนะ เจ้จะวาดรูปก็ไปกับพี่เจตละกัน” พอเห็นพี่สาวพยักหน้า พ่อนักบาสของโรงเรียนก็วิ่งเริงร่าตามเพื่อนเผือกของผมไป


“เฮ้อ ถ้าไม่ติดว่าลงประกวด ได้รางวัล แล้วยังได้เกรดสี่ด้วยนะ ฉันจะอยู่บ้านอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนไปเลย”


“แล้วทำไมไม่เลือกชมรมวิทย์ล่ะ ระดับเธอเกรดสี่ไม่น่ายากนะ”


“ชีวิตเครียดมาเยอะแล้ว ขอสักอย่างละกันที่ไม่เครียด” เธอยิ้มนิดๆ


พี่ฟางจัดว่าเป็นหนึ่งในสิบของเด็กหัวกระทิที่กวาดรางวัลทั้งด้านวิทย์และศิลป์นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว ไม่รู้พี่เขาเอาเวลาที่ไหนไปล่ารางวัล เห็นขึ้นรับรางวัลหน้าเสาธงแทบทุกอาทิตย์ น้องชายเธอก็เหมือนกัน เรียนเก่งไม่พอยังเอาดีด้านกีฬาอีกต่างหาก


ดูๆ ไป ก็เหมาะสมกับพี่เจตดีนะ...


ผมควรหายไปจากตรงนี้ไหม ดูท่าพวกเขาน่าจะคุยกันถูกคอทีเดียว มีแต่คำศัพท์ยากๆ ที่ผมไม่เข้าใจ


รู้สึก...เป็นส่วนเกินอย่างไรบอกไม่ถูก
.
.
.
.
.
เราเดินมาจนถึงน้ำตก หลายคนหามุมวาดภาพลงสีตามที่ชอบ ส่วนบางคนก็เล่นสนุกอยู่ริมน้ำตก อย่างเช่นไอ้เผือกเพื่อนผมเอง


“สัดพู ลงมาเล่นน้ำกับกูเลย” ผมส่ายหน้าพลางชูกระดาษที่เตรียมมาวาด บ่งบอกชัดเจนว่ากูไม่เล่น อย่าสะเออะมาทำกระดาษกูเปียกเด็ดขาด เผือกทำหน้าบึ้งใส่ผม แต่ไม่นานมันก็ไปทำหน้าบึ้งใส่อีกคนเพราะโดนวักน้ำใส่


“ไอ้เชี่ยนี่ แค่ก มึงไม่หยุดใช่ไหม ได้ อย่าอยู่เลย” แล้วไอ้เผือกก็พุ่งตัวเข้าใส่หนุ่มห้องคิงอย่างแรงจนทั้งคู่จมลงไปในน้ำ แต่ไม่นานก็ผุดขึ้นมาวักน้ำใส่กันดูน่าสนุกดี


“ไปเล่นกับเพื่อนไหม เดี๋ยวพี่เฝ้าของให้ ยังไงฟางก็คงวาดรูปอีกนาน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างใจดี แต่ผมกลับรู้สึกไม่ดีแปลกๆ กับประโยคนั้นของพี่เจต


พี่ฟางพยักหน้าให้ผมตามสบายได้เลย เดี๋ยวเธอจะเฝ้าของให้ ส่วนพี่เจตก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นแต่อย่างใด ผมจึงลุกออกมาจากตรงนั้น ถอดเสื้อกันหนาวและเสื้อยืดคอกลมของตัวเองก่อนจะกระโจนลงน้ำทันที


อยากทำหัวให้เย็นลง เผื่อใจจะได้เย็นลงตามบ้าง


..............................................


[เจต]


ผมไม่รู้ว่าทำอะไรให้พูไม่พอใจหรือเปล่า สีหน้าของเขาถึงดูไม่ดี แต่นั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกนั่งไม่ติดที่เท่าพูถอดเสื้อแล้วกระโจนลงน้ำ หลายคนมองมาที่พูอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เล่นน้ำอยู่ก่อน ผมเห็นเขามองพูเหมือนจะกลืนกิน และท่าทางที่ว่ายเข้าไปหาพูตอนนี้ก็ทำผมหงุดหงิด แต่จะเข้าไปห้ามก็ไม่ได้เพราะสถานะของเรายังไม่ชัดเจน


และพูเองก็คงไม่อยากให้มันมากไปกว่านี้


ได้เท่านี้ก็ดีมากแล้วนะเจต...


“ดูท่าแฟนนายจะไม่ชอบนะที่นายมาอยู่ใกล้ฉัน” ฟางพูดเสียงเรียบ มือเล็กตวัดพู่กันลงบนผืนผ้าใบด้วยลวดลายเฉพาะตัว


“แฟน?”


“ก็น้องพูไง เห็นมองมาหลายครั้งทั้งๆ ที่บอกตรงๆ ก็ได้ว่าไม่โอเค ฉันพร้อมจะลุกไปหาทำเลใหม่ เห็นนายไม่พูอะไร ฉันก็คิดว่าอยากยั่วให้หึง”


“ยั่วให้หึง?” ผมงงหนักกว่าเก่า “ฉันจะทำไปทำไม แค่หน้าฉันเขาคงไม่อยากจะมองด้วยซ้ำมั้ง”


“นี่นายโง่หรือโง่มาก... เหอะ เสียแรงที่อุตส่าห์เรียนเก่ง แค่นี้ก็คิดไม่ได้” เธอพึมพำเสียงเบา วางพู่กันก่อนจะหันหน้ามาหาผม


“ฟังนะ ไม่มีใครชอบที่คนของตัวเองไปอยู่ใกล้คนอื่นหรอก” เธอสบตาผมก่อนจะเหล่ไปทางน้ำตก ซึ่งผมก็มองตามไปและเห็นว่าพูขมวดคิ้วจ้องเราทั้งคู่ตาไม่กระพริบ ก่อนที่เขาจะละสายตากลับไปพูดคุยกับชาวต่างชาติคนนั้นอย่างออกรส ชวนให้ผมหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม


ทำไมต้องไปใกล้ไอ้ฝรั่งตาฟ้านั่นด้วย


“เหอะ ไม่ได้ต่างกันเลย” ฟางไม่ได้ไขความกระจ่างให้กับผม เธอหันกลับไปวาดรูปเหมือนเดิม แต่ประโยคท้ายก็บอกใบ้ให้ผมได้รู้ตัวแล้วรีบถอดเสื้อตามพูลงไป


“ถ้าชอบขนาดนั้นก็ไม่ควรเสียเวลานะ”
.
.
.
ซ่า


น้ำเย็นเปียกชุ่มไปทั้งตัวแต่ไม่อาจดับความร้อนในใจผมได้ พูยังคงพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยภาษาอังกฤษคล่องอย่างกับเป็นเจ้าของภาษา อีกฝ่ายก็เอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่ม ไม่รู้ในใจมันคิดอกุศลอะไรกับพูบ้าง


“ไอพักที่เดียวกับยู ไว้เรามาจอยอาหารค่ำกันนะ”


“ได้สิ ผมอยากรู้เรื่องต่อจากที่คุณพูดเมื่อกี้มากเลย น่าเสียดายที่คุณต้องไปที่อื่นต่อ”


“ไม่ต้องห่วง เรามีเวลาคุยกันทั้งคืน หลังจากวันนี้ไปเจอกันที่อื่นก็ได้นะ” เขาเหล่มองผมแล้วยิ้มกว้าง เหอะ พูไม่ไปกับแกหรอก


“เอาสิ” ผมหันควับไปมองร่างโปร่งที่เอ่ยตอบรับด้วยท่าทีดีใจ เพียงเพราะจะได้สานต่อเรื่องที่คุยค้างไว้ ทำไมพูไปกับเขาง่ายๆ อย่างนั้นล่ะ


“โอเค งั้นไอไปก่อน เจอกันตอนค่ำ” ไอ้ฝรั่งหัวทองส่งรอยยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะขึ้นจากน้ำแล้วเดินตามครอบครัวไป ผมหันกลับมาหาพู รายนั้นก็ว่ายน้ำไปหาเพื่อนเสียแล้ว ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่ในน้ำด้วยความหนาวสั่น จากทั้งน้ำเย็นเฉียบและหัวใจที่เย็นชืด เขาไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวที่จะแคร์ผมบ้างเลยเหรอ


“เห้ยพี่เจต!” ไม่รู้ว่าผมยืนแช่น้ำอยู่ท่านั้นนานเท่าไร รู้ตัวอีกทีแขนผมก็ถูกฉุดโดยคนที่ผมคิดว่าเขาไม่เหลียวแลกันแล้ว สีหน้าพูตื่นตระหนก เขาพยายามลูบเนื้อตัวผมเพื่อคลายหนาวให้


“พี่หน้าซีดมากเลยอะ ผมพาขึ้นดีกว่า” พูประคองผมขึ้นจากน้ำ เมื่ออากาศปะทะผิวผมก็ยืนตัวสั่น ฟันก็กระทบกันกึกๆ พูรีบคว้าเสื้อของผมที่ถอดไว้ยื่นส่งให้ รวมถึงเสื้อกันหนาวตัวหลวมโพลกของเขาที่สวมทับให้โดยไม่ยอมให้ผมปฏิเสธ


“จะป่วยอยู่แล้วยังมาทำเก่งอีก!” พูดุ น่าแปลกที่ผมรู้สึกดีมากจนหุบยิ้มไม่ลง ปล่อยให้พูบ่นเรื่องที่ผมไม่ดูแลตัวเอง


อย่างน้อยแค่เขาห่วงผมบ้างก็ดีมากแล้ว


“อะ นี่ยา ผมไปขอจากสตีฟมา” ทันทีที่ได้ยินชื่อสัญชาติอื่นผมก็ปฏิเสธที่จะรับความหวังดีจากเขา ยอมป่วยให้พูดูแลดีกว่ารับยาจากไอ้ฝรั่งนั่น


“อย่าดื้อนะพี่เจต กินๆ เข้าไปจะได้หายไวๆ” พูเร่ง


“ไม่อยากหาย... อยากให้นายดูแล” พูชะงักไปนิด ก่อนจะหาข้อต่อรองที่ทำเอาผมหมดทางเลือก


“ถ้าไม่กิน คืนนี้ผมจะไปนอนกับสตีฟ...” ผมตบยาเข้าปากตามด้วยน้ำที่พูยื่นให้ทันทีไม่มีอิดออดอีกต่อไป เรื่องอะไรจะยอมให้พูไปนอนกับคนแปลกหน้า


“ดีมาก ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน เสร็จแล้วจะได้ไปหาทำเลวาดรูป” พูดจบพูก็หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ในกระเป๋า ผมเองก็หยิบบ้างแล้วเดินตามพูไปอย่างง่ายดาย เขาอยากให้ผมทำอะไรผมก็จะทำ


อาจดูเหมือนคนโง่ที่ทำตามคนอื่น งมงายในรักที่ไม่มีท่าทีจะสมหวัง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมเลือกและพอใจที่จะทำ พูคือความสุขของผม ถ้าเขามีความสุข ผมเองก็สุขด้วย


“ผมจะวาดรูปตรงนี้ ตอนเสร็จน่าจะทันพระอาทิตย์ตกพอดี” พูเลือกมุมริมหน้าผาเพื่อถ่ายทอดภาพแม่น้ำสายหลักด้านล่าง ส่วนผมนั่งอยู่ด้านหลังเขา มองหามุมสวยๆ แล้วลงมือวาดทันที เราต่างคนต่างเงียบ จดจ่อกับการลากเส้นบนกระดาษ


นานเข้าแสงตะวันก็เริ่มหม่นลง ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ มองร่างโปร่งที่ยังคงจดจ่อกับการวาดภาพจนถึงวินาทีสุดท้าย


“กลับกันเลยไหม” ผมเดินเข้าไปใกล้พู ซึ่งเจ้าตัวก็รีบซ่อนภาพของตัวเองทันที แต่ปิดไปก็เท่านั้นเพราะผมนั่งมองภาพที่เขาวาดได้สักพักแล้ว เห็นรายละเอียดและเทคนิคที่เขาใช้ทุกอย่าง เป็นภาพที่สวยมากทีเดียว


“กลับสิ อ้ะ เดี๋ยวนะ” พูปิดกระเป๋าใบเล็กที่เขาพกติดตัวมา “ไหนๆ ก็ซื้อกล้องมาแล้ว เอามาใช้ก็เป็นเรื่องสมควรใช่ไหมล่ะ”


พูหยิบกล้องพารารอยด์ที่ผมซื้อให้เขาออกมาถือไว้ แต่กลับไม่ยอมถ่ายสักที


“พี่ถ่ายให้ก็ได้” ผมยื่นมืออกไปขอกล้องเพื่อจะได้รีบถ่ายและรีบกลับที่พักเพราะเย็นมากแล้ว แต่พูไม่ยอมยื่นให้ เขาจับกล้องแน่นและกัดปากด้วยท่าทีลังเล เหลือบมองผมนิดๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นๆ


“ในเมื่อพี่ซื้อมา ก็น่าจะมีรูปถ่ายกับที่นี่สักภาพนะ” ห้ะ ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขานัก


แชะ


ไม่ทันให้สมองผมประมวลผม พูก็ยกกล้องถ่ายรูปผมเสียอย่างนั้น


“ภาพห่วยมากเลยพี่ ทิ้งๆ ไปโน๊ะ ปะๆ กลับกันๆ แสงเริ่มน้อยแล้ว” พอได้ภาพจากกล้องพูก็ดันหลังผมให้เริ่มออกเดิน ทั้งๆ ที่ภาพไม่น่าจะปรากฏเร็วขนาดนั้น


ผมแอบยิ้มน้อยๆ เมื่อเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาทำ ถึงไม่รู้ว่าทำไปทำไมก็ตาม


“ทีหลังขอกันดีๆ ก็ได้ พี่ยอมให้นายถ่ายได้ทั้งวันเลย”


พูเงียบไปนิด ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา


“พูดมากน่า...”



[จบพาร์เจต]






Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
มาต่อแล้ววววววววววว มาเร็วเพราะวันหยุดนี้เราไม่ว่างอัพค่า เคลียร์งานยาวและต้องเดินทางอีก เลื่อนมาอัพเร็วขึ้นแทน ดีหรือไม่ดีหว่า 5555

ตอนนี้ยังไม่จบพาร์ทนะคะ เหลืออีกนิด ขอยกยอดไปต่อตอนหน้าค่ะ พาร์ทนี้ยาวจริงๆ เพราะหลังจากนี้... ไม่เอาไม่บอก ไม่อยากสปอย 5555555

เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ดีใจที่ยังมีคนอ่านกัน และยินดีต้อนรับคนอ่านหน้าใหม่นะคะ  :L2: :กอด1:

เราเปิดเรื่องสั้นเรื่องใหม่ ลองเข้าไปอ่านกันนะคะ  ║.♪.เสียงของคุณ.♪.║  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60062.msg3641672#msg3641672)
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 26-05-2017 17:32:21
ทำเป็นขู่จะไปนอนกับสตีฟ พูกล้าไปนอนกับสตีฟจริงป่าวเหอะ 555
 ชอบพาร์ท2 พูเริ่มรู้สึกดีแล้วสิ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-05-2017 18:10:52
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 26-05-2017 18:13:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-05-2017 19:48:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-05-2017 20:32:03
มีความน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-05-2017 00:32:50
พูน่ารัก พี่เจตก็อย่าบื้อนักซิความรักน่ะมันต้องฉลาดหน่อยต้องรู้ทันคนที่ชอบบ้างแต่ก็ต้องทำเป็นโง่บ้างเข้าใจน่ะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-05-2017 07:58:50
พู แกเทใจให้พี่เค้าไปแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-05-2017 16:20:21
วุ่นนิดๆ น่ารัก ใสๆ 5555

ถั่วพูน่ารักเนาะ มีความสับสนในตัวเองนะ อยากจะรักก็ไม่ต้องรีบ ค่อยๆคิด
เจตถือว่าพยายามดี ตอนเปิดตัวนี่รุกหนักมาก เอาใจช่วย อย่านอยด์บ่อย คนทำบางทีไม่รู้ตัว คนบื้อแบบเจตก็คิดมากไป

แอลน่ารัก น้องคงฝังใจมาก แต่มีพี่ลันเตามาช่วยไว้แล้ว อย่าห่วงไป
ลันเตาสอนน้องดีนะ ไม่พอเป็นหัวโจกไปอี้กก ที่โทรหาเพราะรู้เรื่องใช่ไหม แล้วทิ้งน้องไปซะไกลนะ อาร์ตเวอร์

แต่ของแต่ ลันเตาเฮ้วขนาดนี้ ที่บ้านไม่รู้เลยหรอ เปรี้ยวใจไปอีก

สงสารเปรม เป็นได้แค่พี่ข้างบ้าน

ทุกคนเชื่อมโยงกันไปหมด อยากให้มาเจอหน้าพร้อมกันจริงเลย

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-05-2017 17:01:02
ชื่อเรื่องกับเนื้อหานิยายอืม นึกว่าจะเป็นความรักเบาๆ ก็เบาๆ นะ แต่อะไรที่แทรกเข้ามามี บู๊ ดราม่า แต่ก็เขียนได้แบบเบาๆ ช้อบชอบไม่เครียด
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 28-05-2017 19:34:51
ชอบชื่อถั่วพี่กับถั่วน้อง
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 03-06-2017 19:21:52
บทที่ 22
เหตุเกิดเพราะ...ไปค่าย (3)



“เฮ้ยไอ้พู มึงจะไม่แนะนำคู่ขาใหม่มึงให้พวกกูรู้จักหน่อยเหรอ” มาแล้วครับเผือก ชีวิตนี้ไม่เผือกสักเรื่องมึงจะตายรึไง คู่ขาเชี่ยอะไร แค่สตีฟฝ่าวงล้อมเพื่อนร่วมชมรมเข้ามาทักทายผม มันก็รีบถลาเข้ามาหาแทบทันที


ทำอะไรเกรงใจไอ้หนุ่มข้างหลังมึงบ้าง


“ทำไมมึงเสือกจังวะ อยากได้มันเป็นผัวอีกคนรึไง” เอ๊ะ มึงสองคนได้เสียเป็นเมียผัวกันตอนไหน ทำไมกูไม่รู้


“ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลยไอ้พู พวกกูสองคนเพื่อนกันโว้ย ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้น”


เหอะ เชื่อมึงก็ควายล่ะ ตัวติดกันขนาดนี้ยังจะมาปฏิเสธอีกนะ และเหมือนอีกคนก็พยายามจะช่วยยืนยันสิ่งที่ไอ้เผือกพูด แต่ดูเหมือนผลลัพธ์จะตรงกันข้าม


“ใช่ พวกเราไม่มีอะไรกันในกอไผ่อย่างแน่นอน...เพราะพวกเราได้กันบนสนามหญ้าน่ะพู ฮ่าๆ” เชด พีคไปอีก


“พูดเชี่ยอะไรของมึง กูยังไม่ตกลงคบกับมึงเลยนะ พูดแบบนี้กูเสียหายนะโว้ย!”


“ก็รีบๆ ตกลงสิวะ แค่นี้มึงก็ไม่เสียหายล่ะ มันจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็รับได้”


“จริงเหรอวะ” เดี๋ยวๆ ไอ้เผือก มึงช่วยคิดให้รอบคอบก่อนไหม มันกำลังหลอกล่อให้มึงตอบตกลงอยู่นะโว้ย


“งั้นตกลงคบนะ” ยัง ยังมีหน้ามาหลอกถามเพื่อนกูอีกนะ


ผมกะจะตอบแทนไอ้เผือกแล้ว แต่กลับถูกลากออกไปโดยสตีฟที่ยกนิ้วชี้ขึ้นจรดปากเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งส่งเสียง ชั่ววินาทีหนึ่งผมเกือบจะสะบัดมืออีกฝ่ายออกแล้ว แต่เพราะมีเรื่องอยากถามเขาเหมือนกันจึงยอมตามไปเงียบๆ สายตาก็สอดส่ายหาพี่เจต เผื่อว่าเขาจะมาเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วจะเข้าใจผิด


แล้วทำไมกูต้องกลัวเขาเข้าใจผิดวะ


ผมส่ายหัวแล้วเดินไปตามแรงลากของอีกฝ่าย พออยู่ไกลจากเต้นท์แล้วอีกฝ่ายก็เริ่มต้นพูดขึ้น


“อย่างที่ไอพูดกับยูไปก่อนหน้านี้ พี่ยูฝากมาเตือนว่าช่วงนี้อย่าอยู่คนเดียว มันอันตราย”


“ผมต้องถามว่าคุณรู้จักพี่ชายผมได้ยังไง ไหนจะเรื่องที่เล่าๆ มาอีก หมายความว่ายังไงที่ว่าพี่ผมเป็นท่านชูการ์บ้าบออะไรนั่น” ผมคิดว่าทั้งหมดที่เขาเล่าน่าเหลือเชื่อเกินไป คนอย่างพี่ชายผมน่ะเหรอจะเป็นหัวโจกอะไรอย่างนั้นได้ ทุกวันนี้ผมอุตส่าห์เฝ้าภาวนาอย่าให้ถั่วพี่ไปโดนตีนใครเขาอยู่เลย ติสท์จัดแบบนั้นกลัวจะไม่รอดจนจบป.ตรี ไหงรู้ข่าวอีกทีเป็นบิ๊กบอสไปแล้วล่ะ


“เรื่องของบีนยูจะไม่เชื่อก็ได้นะ แต่ที่ไอเตือนไปยูควรจะเชื่อ” บีนที่ว่าก็พี่ชายผมนั่นแหละครับ สตีฟสะกดชื่อพี่ลันเตาไม่ถูกก็เลยใช้ชื่อนี้แทน


ผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตกว่าควรจะทำยังไงกับข้อมูลที่ได้รับดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมก็ควรจะระวังตัวตามที่อีกฝ่ายว่าไว้


“ใครเล็งผมอยู่” นี่แหละสิ่งที่ผมอยากจะถามเขาตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายแต่เพราะพี่เจตเข้ามาก่อนผมจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง ทำทีว่าสตีฟจะต้องไปต่อ ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ไปไหนผมถึงได้ไปขอยาจากเขามาให้พี่เจตได้ทัน ก็อยากขอจากอาจารย์นะครับ แต่อาจารย์ไม่อยู่สักคนนี่สิ


“ไอก็ไม่รู้ บีนไม่ได้บอก เขาแค่ได้ข่าวว่าไอจะมาเที่ยวที่นี่ก็เลยฝากข้อความให้ไอมาบอกยู ไอเคยเห็นภาพถ่ายบีนกับยูก็เลยจำได้” แล้วทำไมพี่ชายผมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยวะ โทรบอกผมก็สิ้นเรื่องไหม


“อย่าหงุดหงิดเขาเลย เขาแค่กลัวว่าถ้าได้คุยกับยูแล้วจะทนคิดถึงไม่ไหวน่ะ” สตีฟบอกเมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของผม


“ถ้าพี่ลันคิดถึงผมขนาดนั้นก็ไม่น่าไปเรียนไกลไหมล่ะครับ” พูดจบผมก็รู้สึกแสบร้อนดวงตา ผมเองก็คิดถึงพี่ชายไม่ต่างกันหรอก อยากได้ยินเสียงบ้าง อยากเจอหน้าบ้าง แค่กลับมาเยี่ยมบ้าน กลับมาเจอผมสักนิดมันยากนักหรือไงก็ไม่รู้


สตีฟเขยิบเขยิบเข้ามาใกล้ผม วางมือบนไหล่ทั้งสองข้างแล้วส่งยิ้มให้


“บีนจำเป็นต้องไปน่ะ จบเรื่องทั้งหมดเขาจะกลับมาหายูเอง เชื่อสิ ยูก็น่าจะรู้จักนิสัยพี่ชายตัวเองนะว่าเขาไม่ชอบรอ”


“ผมก็ไม่ชอบรอ” ผมเงยหน้ามองสตีฟ “แต่ผมก็ต้องรอใช่ไหม”


“อีกไม่นานหรอก”


“ทำอะไรกันน่ะ!” เสียงทุ้มมาพร้อมกับร่างสูงของพี่เจตที่แทรกกลางระหว่างผมและสตีฟ


“เปล่านี่ครับ” สตีฟกลับไปตีสีหน้าขี้เล่นอย่างทันท่วงที ตอนแรกผมก็ตกใจนะที่เขาเปลี่ยนได้เร็วขนาดนั้น แต่พอนึกถึงเรื่องที่เขาบอกว่าพี่ลันเตาเป็นหัวโจกแล้ว เพื่อนเขาจะอันตรายเหมือนกันก็คงไม่แปลกเท่าไรนัก


“พู เขาหาตัวนายกันทั่วไปหมด ได้เวลาอาหารเย็นแล้วไปเถอะ” พี่เจตเขม่นตาใส่สตีฟก่อนจะยกแขนคล้องคอผมแล้วพาออกมาทันที สตีฟส่งยิ้มให้แล้วพูดไม่มีเสียงว่า ‘be careful’


ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเองว่าควรทำยังไงต่อไป ยิ่งไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใครผมจึงไม่รู้ว่าควรไว้ใจใครบ้าง


อย่างพี่เจต...ผมไว้ใจเขาได้หรือเปล่า


“เลิกมองหน้าพี่ได้แล้ว เผือกแย่งหมูไปหมดพี่ไม่รู้ด้วยนะ” ผมสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้น เผลอมองหน้าพี่เจตที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่พูดไม่จานานไปหน่อย ถึงเขาไม่มองมาก็คงรู้สินะว่าผมมองเขาอยู่


“ใครมอง” ผมรีบจกเนื้อหมูในจานไอ้เผือกเข้าปากทันที ไม่รู้ว่าโดนแย่งไปกี่ชิ้นแล้ว มันโวยวายที่ผมคีบหมูของมันไปแต่ไม่นานก็สงบลงเพราะคนข้างตัวเสียสละหมูให้


“สรุปว่าพวกมึงคบกันยัง กูขี้เกียจลุ้นล่ะ”


“คบ/ไม่คบ” ยังไงวะ ตอบไม่เหมือนกันอีก


“เอ้าไอ้สัด ขอกูคบแล้วบอกไม่คบนี่ยังไง” เผือกเริ่มโวยวายแล้วครับ ไอ้เฟรมรีบจับข้อมือไอ้เผือก ฉุดมันให้นั่งลงเพราะเกรงใจเพื่อนคนอื่นๆ ที่กินข้าวกันอยู่


“ชู่ กูจะไม่คบเพราะมึงโวยวายนี่ล่ะ” เฟรมพูดเสียงเบา หยิบกีตาร์ข้างตัวขึ้นมาดีดเป็นท่วงทำนองเพลง


ผมปล่อยให้พวกมันร้องเพลงจีบกันไปแล้วหันมาสนใจคนข้างตัวที่นั่งเงียบแต่ก็ไม่ลุกหายไปไหน


พี่เจตไม่สบตาผม เขามองคู่รักคู่ใหม่ตรงหน้าหยอกล้อกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ผมที่สังเกตเขาอยู่ตลอดย่อมรู้ดีว่าเขาแค่พยายามร่าเริงเพราะถ้าเขาเป็นตัวของตัวเองตอนนี้คงหาเรื่องหยอดผมอย่างที่เคย


“ไอนั่งด้วยนะ” สตีฟทิ้งตัวนั่งข้างผมแล้วยื่นจานเบค่อนมาให้ ถ้าเป็นปกติผมคงรีบสวาปามทันที แต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากอาหารเลย กังวลว่าคนข้างตัวจะรู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าไล่เพื่อนพี่ชายที่อุตส่าห์หวังดีมาเตือน


พรึบ


ก่อนที่ผมจะทันคิดอะไรพี่เจตก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้ผมมองตามร่างสูงที่ผลุบหายเข้าเต้นท์ไป สีหน้าของพี่เจตที่ผมเห็นเหมือนกำลังข่มอารมณ์อยู่


“เขาคงไม่พอใจที่เห็นหน้าไอ” สตีฟพูดขึ้นเบาๆ ด้วยใบหน้าหงอยเหงา “ทั้งที่ไออยากสานสัมพันธ์กับเขา”


ห้ะ!


ผมหันควับไปจ้องหน้าเพื่อนพี่ชายทันที ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนสตีฟถึงรีบยกมือสองข้าง


“เฮ้ ไอไม่ได้จะแย่งคนรักของยู ไอแค่...ชอบผู้ชายแบบเขา”


“เขาไม่ใช่คนรักของผม” ผมตอบ แต่แววตาเป็นประกายของสตีฟกลับทำให้หงุดหงิดแปลกๆ จนเผลอพลั้งปากพูดความรู้สึกตัวเองออกไป


“คุณเลิกหวังเถอะ พี่เจตไม่ได้ชอบผู้ชายกล้ามปูแบบคุณหรอก” ถึงจะสงสารอีกฝ่ายที่หูตกหางลู่ แต่ผมคิดว่าพี่เจตคงไม่ชอบแบบนี้หรอก ทะเล่อทะล่าเข้าไปจีบดีไม่ดีสตีฟอาจจะโดนตีนกลับมา


“ไอรู้ ส่วนใหญ่พวกเขาชอบแบบยูทั้งนั้นล่ะ ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายยูหรอก” ห้ะ วันนี้เขาจะทำให้ผมอึ้งอีกกี่เรื่องกัน


“พี่ลันชอบผู้ชายเหรอ!” นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรกัน เท่าที่รู้ เรื่องความรักของพี่ลันแทบเป็นศูนย์ เห็นเดินอยู่กับผู้หญิงแต่งตัวแรงๆ บ้าง แต่เจ้าตัวก็บอกแค่ว่าเป็นคนรู้จักเท่านั้น ทำไมจู่ๆ ถึงมาชอบผู้ชายซะล่ะ


“เอ่อ...ไอไม่ควรพูดเรื่องนี้แฮะ มันค่อนข้างเกี่ยวโยงกันไปหมด”


“เกี่ยวโยง?”


“เอาเป็นว่าสักวันยูจะรู้เอง ส่วนเรื่องยูกับผู้ชายคนนั้น” สตีฟเพยิดหน้าไปทางเต้นท์ของผม “ทางที่ดียูควรถามใจตัวเองว่าต้องการอะไรกันแน่ ความรักมันไม่อยู่รอยูได้ตลอดหรอกนะ อีกอย่าง ไอคิดว่าอุปสรรคใหญ่ของยูมันยังมาไม่ถึงหรอก บีนไม่ใช่คนใจดีนักกับคนที่เขาไม่ชอบ”


“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”


“เดี๋ยวยูก็จะเข้าใจ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือใจยู ลองคิดดูว่าถ้าไม่มีเขายูจะอยู่ได้ไหม”


ถ้าไม่มีพี่เจตเหรอ แค่คิดก็รู้สึกหน่วงแปลกๆ แล้ว


“ตอบใจตัวเองให้ได้ ถ้ายูสู้เพื่อความรักของตัวเอง ไอคิดว่าบีนคงต้องยอมถอย”


ผมไม่ได้ตอบอะไรสตีฟ แค่ยืนคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ จนอีกฝ่ายเดินกลับไปหาครอบครัวของเขา


ผมจะปล่อยเวลาให้นานกว่านี้ไปเพื่ออะไรในเมื่อรู้ใจตัวเองดี ผมแค่คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะเร็วแบบนี้ เหมือนกับไม่ใช่เรื่องจริงที่ผมรู้สึกดีกับใครบางคนเพียงไม่กี่สัปดาห์ รู้สึกดี...ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววว่าเราทั้งคู่จะมาชอบกันได้ ถึงเขาจะชอบผมก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องชอบเขาตอบ


ผมคิดแบบนั้นมาตลอด ไม่อยากคบกับเขาเพียงเพราะอกหัก ไม่มีใคร หรือคบเพราะเขาชอบผมมานานแล้ว ถ้าผมจะคบก็ต้องคบกันที่ใจผมเอง


แล้วมันถึงเวลาหรือยัง... ผมได้แค่คิดทบทวน


ใครกำหนดว่าต้องเป็นวัน เดือน ปี ถึงจะคบกันได้ แล้วทำไมผมต้องปล่อยให้เขารอต่อไป


“พี่เจต” ผมแตะแขนอีกฝ่ายที่นอนหลับอยู่ ตัวเขาร้อนเหมือนเป็นไข้ผมจึงรีบแตะหน้าผากวัดไว้อีกฝ่าย


“พี่ตัวร้อน ผมจะไปตามอาจารย์!”


“อย่า...” เสียงแหบแห้งเอ่ยรั้ง ฝ่ามือร้อนผ่าวจับข้อมือผมไว้แน่น “อย่ารบกวนคนอื่นเลย พี่กินยาไปแล้ว เดี๋ยวก็หาย”


“พี่นี่มัน...” ผมแตะหน้าผากเขาอีกรอบ ตัวร้อนขนาดนี้ยังมาเกรงใจคนอื่นอีก ผมเปิดเป้ หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาแล้วเทน้ำจากขวดลงบนผ้าจนชุ่มก่อนจะเช็ดไปตามใบหน้าของอีกฝ่ายเพื่อคลายความร้อน


“ถ้าพี่รู้สึกไม่ดีรีบบอกผมเลยนะ”


พี่เจตลืมตามองผมเช่นเคย แววตาคู่เดิมที่บอกทุกความรู้สึกที่มีต่อผมจนอดเขินไม่ได้ ได้แต่หลบตาแล้วพูดเรื่องอื่นที่น่าจะดึงความสนใจของเขาได้พอควร


“ไม่ต้องกังวลเรื่องสตีฟหรอกนะ” แค่พูดชื่อพี่เจตก็ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ เตรียมหันหลังไปหนีอีกทางแต่ผมจับหน้าเข้าไว้ไม่ยอมให้หันหนี


“สตีฟเป็นเพื่อนพี่ชายผม เขาแค่เล่าเรื่องของพี่ให้ผมฟัง ไม่มีอะไรนอกจากนั้น ผมไม่ชอบฝรั่ง” เขานิ่งไปนิด ก่อนรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากจะผุดขึ้น


“เลิกคิดมากได้แล้ว ตอนนี้สถานะของเราอาจจะยังไม่มีชื่อเรียก แต่ผมก็สนใจแค่พี่นะโว้ย” ผมยกผ้าเช็ดหน้าปิดตาอีกฝ่ายที่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข เห็นแล้วก็รู้สึกหมันไส้ แต่สุขใจจนต้องยิ้มตาม


ทุกครั้งที่ผมยิ้ม พี่คงรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม


“น่ารัก...” เขาพูดเสียงเบาจนผมต้องก้มหน้าลงไปถาม


“ว่าไงนะ...เหวอ” ผมถูกรอบไปกอดไว้ในอ้อมแขนแกร่งและล้มตัวลงไปนอนข้างกัน


“พี่บอกว่านายน่ะ...น่ารัก จุ๊บ” พี่เจตกระซิบชิดริมฝีปากก่อนจะจูบผมเบาๆ


“ผมแมนโว้ย น่ารักมันใช้กับแอลโน่น” ผมหลบสายตาหวานเชื่อมที่อีกฝ่ายส่งมา ก่อนจะรีบหันควับเมื่อโดนจู่โจมที่ต้นคอ


เห้ยๆ มันเยอะไปเปล่าพี่


“พี่ทำอะไรเนี่ย!” ผมยกมือจับต้นคอที่เพิ่งโดนดูดดึงจนแสบไปหมด พี่เป็นซาดิสม์เหรอวะ


“ลงโทษที่พูดชื่อคนอื่นตอนที่อยู่กับพี่”


แอลก็ชื่อน้องชายพี่ไม่ใช่เหรอวะ หวงแม้กระทั่งชื่อน้องยังไม่เว้นอีก


พี่เจตซุกหน้าเข้าที่ไหล่อีกข้างของผมก่อนสัมผัสนุ่มหยุ่นจะแตะที่ลำคอเบาๆ “พูเป็นของพี่แล้วนะ ตีตราจองแล้ว ห้ามปันใจไปให้คนอื่นด้วย”


“นี่ขนาดยังไม่ใช่แฟนนะเนี่ย...” ผมบ่นนิดๆ รู้สึกจั๊กจี้จนต้องหดคอเบี่ยงหนีจากริมฝีปากร้อนที่ตามประกบไม่ห่าง


“ถ้าได้เป็น...” เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากจนผมอดจะขนลุกซู่ไม่ได้ “เราอาจจะไม่ได้ลุกออกจากเตียง”


เชี่ย กูคิดถูกหรือผิดที่ตัดสินใจบอกไปวะเนี่ย


“นอนเลยพี่นอนๆ ไม่สบายไม่ใช่เหรอรีบๆ นอนเลย” ผมกดไหล่เขานอนลง ไม่ให้ยุ่มย่ามกับตัวผมอีก แค่นี้ก็ไม่รู้จะหลบรอยคิสมาร์กจากสายตาไอ้เผือกได้หรือเปล่า แม่ง  โดนมันแซวแน่เลย และถ้าไอ้เผือกรู้ไอ้แบงค์ก็ต้องรู้ กูจะสู้หน้ามันวันจันทร์ยังไงวะเนี่ย บอกเพื่อนว่าจะจีบคนน้องแต่กลับได้คนพี่มาซะอย่างนั้น


ผมคงคิดไปไกลเกินไป เอาแค่ปัจจุบันนี่ก่อนว่าจะรอดพ้นมือปลาหมึกไปได้ไหม กอดแน่นไปแล้วววววว


ตั้งใจจะหันไปต่อว่าอีกฝ่าย แต่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอและรอบยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายก็ทำเอาผมไม่กล้าปลุกเขา ได้แต่นอนเป็นหมอนข้างให้เขากอด ตัวของพี่เจตยังคงร้อนอยู่ ผมจึงเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋า พยายามขยับตัวเบาๆ เพราะกลัวเขาตื่น หยิบผ้าห่มผืนเล็กออกมาห่มทั้งตัวเขาและตัวผมเอง


ยอมให้แค่วันนี้นะ



TBC.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ยอมแค่วันนี้เปล่าเราก็ไม่รู้นะพู 55555 มาต่อแล้วค่ะ จบพาร์ทสามอย่างสวยงาม(?) เรื่องอื่นๆ มันจะเริ่มหลังจากนี้นี่ล่ะ เป็นกำลังใจให้คู่นี้ด้วยนะ เรื่องใจมันเป็นแค่ด่านแรกที่ต้องเผชิญ ยังมีด่านอื่นๆ ตามมาอีกเป็นพรวน 5555 โดยเฉพาะถั่วพี่ที่สายของเราเขาบอกมาแล้วว่าไม่ชอบว่าที่น้องเขยอย่างแรง รอวันที่พวกเขาจะได้พบกันทั้งสี่คนโน๊ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ มีคนใหม่ๆ มาตามอ่านด้วย เย่! +1 ให้ทุกคนเลย คนเก่าๆ ยังอยู่ไหมเอ่ย ขอเสียงหน่อย ฮิ้วววววว

เจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บ นักอ่านทุกคน  :mew1:

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 2) [26-05-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-06-2017 19:56:54
ใครจะทำอะไรน้องถั่ววว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-06-2017 20:53:19
มีความมึนเล็กน้อยว่าสตีฟเป็นใคร 55555 อ่านๆ ถึงเข้าใจ
โอ๊ยยยย จะไรจะพอดีขนาดนี้ มาเจอกันได้
แล้วพี่ถั่วเป็นสายสืบหรอ รู้ดีเหลือเกิน น้องไปไหน ทำอะไรอยู่ ทิ้งไปทำไมไม่กลับมาบ้านบ้าง ซับซ้อนนะนั่นถั่วพี่

เจตตตต ไวมาก ไวไปอีก ทำไมไว แค่ตอบแค่นี้คือ รุกเนียนไปอีก
ถั่วพูเอ้ยยย เป็นแฟนแล้ว คงเหลือแต่ชื่อ

แล้วใครจะมาทำร้ายถั่วพูอีก คู่แฝดนั่นหรอ แล้วถั่วพี่ไปไกลทำไม
แล้วที่ว่าโรงเรียนคู่อริหรอ เลยไม่ชอบเจต หรือไม่ส้มตากันตอนไหน มีความมึนค่ะ

รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-06-2017 21:05:57
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 04-06-2017 12:00:10
ฟิน สนุกมากๆ ชอบที่พี่เจตงอน 555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-06-2017 12:41:15
พี่เจต น่ารัก (?)
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 04-06-2017 17:39:07
ชอบเรื่องนี้และตัวละครทุกตัวในเรื่องเลย โดยเฉพาะถั่วพี่กะถั่วน้อง
น่ารัก

เนื้อเรื่องก็มีอะไรให้ชวนติดตามเยอะมาก
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-06-2017 19:23:21
โหถั่วพี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-06-2017 20:37:04
โถ่ทำไมพี่ลันไม่ชอบพี่เจตตตอะ
แลกกันไง แลกน้องกันน
พี่ลันเอาแอลไป แล้วก้ยกพูให้พี่เจต
แฟร์ๆดีออกกกก555555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-06-2017 07:39:25
สงสัย ครั้งที่ 2 นี่เรื่องความรัก หวานๆ ชิมิ กลิ่นบู๊ทะแม่งๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-06-2017 11:32:01
น่ารักๆ หวังว่าน้องพูจะรับรักพี่เจตในเร็ววันนะครับ
ส่วนน้องแอลกับพี่ลันก็ขอให้อย่ามีปัญหา สงสารน้องแอล T^T
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 22 (Part 3) [03-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: peettato ที่ 07-06-2017 00:14:40
มาอ่านรวดเดียวเลย ดีย์งาม เป็นกำลังใจให้คนเขียน สุ้ รอตามเรื่อยๆเลย :call:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 23 [08-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 08-06-2017 20:46:20
บทที่ 23
เหตุเกิดเพราะ...พี่หิว



[แอล]


“เดี๋ยวขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งละกัน ค่ำแล้ว ขี้เกียจเดิน” พี่ลันหยิบกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินนำผมออกมาจากห้องพักของเขา ระหว่างทางรุ่นพี่นักศึกษาหลายคนก็ยังคงเคารพนอบน้อมพี่ลันเช่นเคย


“ทำไมพวกเขาถึงเรียกพี่ว่าท่านชูการ์ล่ะ” ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว ท่านชูการ์ก็คือพี่ลันไม่ผิดตัวแน่


 “เรื่องมันยาว ไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟัง”


“เอ่อ ครับ”


เราเดินมาจนถึงฟีโน่สีครีมที่จอดอยู่ข้างป้อมยาม พี่ลันโบกมือทักทายพี่ยามที่ดูท่าทางวัยรุ่น อายุของเขาคงห่างจากพี่ลันไม่มาก เขาเบือนหน้าไปอีกทางแล้วพ่นควันบุหรี่


“กูจะไปแดกข้าวหมูแดง มึงเอาไหม”


“ไม่อะ เมียกูทำข้าวกล่องมาให้แล้ว ว่าแต่...วันนี้จะไม่ปลุกกูกลางดึกอีกใช่ไหม”


“ก็แล้วแต่ว่ารอบนี้ใครมา มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่า เด็กๆ คุมอยู่ เชิญมึงไปเฝ้าพระอินทร์เถอะ”


“เออๆ ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยโล่งใจหน่อย แต่ถ้ามีอะไรเร่งด่วนก็เรียกได้นะโว้ย กูพร้อมปะทะ”


“คิดถูกจริงๆ ที่เลือกมึงมา แต่ว่า...” พี่ลันเอื้อมมือไปคีบบุหรี่ในมืออีกฝ่ายแล้วดับลงบนที่เขี่ยบุหรี่แถวนั้น “บุหรี่น่ะ เพลาๆ หน่อย ไม่สนใจตัวเองก็ห่วงลูกเมียบ้าง” สีหน้าของพี่ลันดูจริงจัง ขัดกับบุคลิกแบดบอยของเขา ผมคิดว่าพี่ลันเป็นพวกสูบบุหรี่จัดเสียอีก


“ทำอะไรไม่สมเป็นตัวมึงเลยจริงๆ เออๆ กูจะพยายาม แต่ไม่ใช่เพราะมึงเตือนหรอกนะ”


“ทำเพื่อใครไม่สำคัญเท่าทำเพื่อตัวมึงเอง กูไปล่ะ เดี๋ยวเอารถมาฝากใหม่” พูดจบพี่ลันก็ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์พลางหยิบหมวกกันน็อคสีครีมส่งให้ผม


“พี่ลันใส่เถอะครับ พี่เป็นคนขับ”


“นายนั่นแหละใส่ ถ้าพี่จะเป็นอะไรไปพี่ถือว่าประมาทเอง แต่ถ้าต้องมากังวลว่านายจะร่วงลงไปตอนไหน พี่คงไม่มีสมาธิขับรถ”


ผมเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเขาห่วงผมน่ะ

 
ผมรับหมวกกันน็อคมาสวมอย่างว่าง่ายแล้วขึ้นซ้อนท้ายพี่ลัน



“จับแน่นๆ พี่ขับรถเร็ว”


ผมได้แต่แอบจับชายเสื้อของเขาไว้ ไม่กล้าจับตัวเขา เหลือบมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายที่หันมานิดๆ แล้วรวบมือทั้งสองข้างของผมไปจับไว้โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว


“จับแค่เสื้อเดี๋ยวก็หงายหลังลงไปหรอก กอดแน่นๆ แบบนี้สิชัวร์กว่า” พูดไม่พอ ยังทาบมือเขาบนมือของผมอีกด้วย


ผมรู้สึกร้อนหน้าจนแทบระเบิด อ่อยได้ตลอดเวลาเลยนะพี่ลัน ถ้าไม่ชอบกันขึ้นมาผมจะพาหัวใจตัวเองกลับยังไงดี


“หิวมะ พี่หิวว่ะ เดี๋ยวพากินข้าวหมูแดงเจ๊ตอย รับรองเด็ด” พูดเองเออเองเสร็จสรรพ พี่ลันก็เร่งเครื่อง ไม่ได้สนใจเลยว่าที่พี่น่ะขับเป็นฟีโน่ ไม่ใช่ฮาร์ลีย์ มันจะเร่งอะไรได้ขนาดนั้นล่ะครับ แต่ยังไงก็เร็วจนผมต้องกอดเอวเขา เงยหน้าโต้ลมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน


พ่อแม่ผมขับแต่รถยนต์ และผมก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ขับมอเตอร์ไซค์ คงเพราะหลายปีก่อนลูกชายเพื่อนแม่เสียเพราะขับมอเตอร์ไซค์ด้วย ที่บ้านผมจึงห้ามอย่างเด็ดขาด จะไปไหนก็ให้ใช้รถสาธารณะแทน


ส่วนพี่เจต รายนั้นยังหัดขับรถไม่คล่องเลยครับ ผมจึงไม่กล้าฝากชีวิตไว้เท่าไหร่


แต่กับคนที่ผมกอดอยู่ ถึงเขาจะเร่งเครื่องแรงเพียงใด ดูอันตรายแค่ไหน แต่ผมก็รู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้เขา


“พี่ลัน!” ผมตะโกนเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงเริงร่า


“ห้ะ!” ร่างสูงตะโกนโต้ลมกลับมา


“ชอบนะ” ผมกระซิบชิดแผ่นหลังของเขา ไม่กล้าบอกออกไปจริงๆ หรอกครับ ใครจะไปกล้า ก็เข้าเล่นดูดีขนาดนี้ ไหนจะมีคนในใจอีก


เฮ้อ คิดให้เฟลทำไมนะเรา


“ว่าไงนะ! ไม่ได้ยินอะไรเลย!”


“ผมหิวแล้ว! เมื่อไหร่จะถึงอะ!” ผมเปลี่ยนเรื่อง ขืนเงียบพี่ลันคงซักไม่หยุดแน่


“เออๆ จะถึงแล้ว!” สิ้นคำนั้นรถก็เลี้ยวเข้าซอยข้างหน้าทันที


“เจ๊ หมูแดงสอง” สั่งเสร็จพี่ลันก็เดินนำไปที่โต๊ะ ซึ่งกลุ่มคนที่นั่งก่อนหน้าเพิ่งลุกออกไป เขาให้ผมนั่งเฝ้า ส่วนตัวเขาเดินไปกรอกน้ำใส่แก้วจากถังพลาสติกที่อยู่ไม่ไกล


บรรยากาศร้านริมทางไม่เงียบเหงาอย่างที่คิด นักศึกษาหลายคนต่างจับจองที่นั่งจนเต็มทุกเก้าอี้ โชคดีที่ผมกับพี่ลันมาเร็วเราถึงได้นั่งกันพอดี


“เห้ย พี่ลันว่ะ!” เสียงกระซิบกระซาบอยู่ห่างไปไม่มาก ผมเหลือบมองหญิงสาวโต๊ะนั้นที่พากันสะกิดเรียกเพื่อนร่วมโต๊ะให้หันไปยังทิศทางเดียวกัน


ร่างสูงกำลังเดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำสองใบ ยื่นแก้วสีเขียวใบหนึ่งให้ผม


“กินรองท้องไปก่อน ร้านนี้เขาดัง ลูกค้าเยอะ” เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามพลางดูดน้ำอย่างกระหาย


“ข้าวหมูแดงได้แล้วจ้ะ” ข้าวหมูแดงน่าตาน่ารับประทานถูกวางลงบนโต๊ะ ยังไม่ทันที่ผมจะหยิบช้อน ช้อนส้อมคู่หนึ่งก็ตักแตงกวาในจานผมไปใส่จานเขาทันที


“เอ่อ พี่เอาแตงผมไปทำไมครับ”


พี่ลันมองหน้าผมอย่างงงๆ ก่อนจะตักแตงกวาในจานเขาคืนผมแล้วหัวเราะนิดๆ แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี มีอะไรน่าตลกเหรอ


“หัวเราะอะไรครับ”


“เปล่าหรอก แค่เคยชินกับการตักแตงในจานน้องมากินน่ะ”


“หืม”


“น้องชายพี่น่ะเกลียดแตงกวามาก สอนให้กินเท่าไหร่ก็ไม่เอาท่าเดียว จับยัดใส่ปากทีไรบ้วนทิ้งตลอด เวลาไปกินข้าวที่เขาใส่แตงประดับจาน ถ้ามันไม่ตักใส่จานพี่ พี่ก็จะตักจากจานมันมากินเอง”


“เหมือนพี่ชายผมเลย เขาก็ไม่ชอบแตงกวา เห็นบอกว่าเหม็นเขียวครับ แต่ผมชอบ แตงกวาอร่อย”


“มิน่าผิวสวย” พี่ลันพึมพำเสียงเบาจนผมต้องถามเพราะได้ยินไม่ชัด “เปล่าๆ ไม่มีอะไร กินแตงเยอะๆ น่ะดี อะ เอาไปสิ” พี่ลันตักแตงกวาในจานเขาใส่จานผมอย่างใจดี แม้จะมีอยู่ไม่กี่ชิ้นแต่ผมก็มีความสุขที่ได้กิน


“มึง เขามาเดทกันว่ะ ฮือ”


“เรื่องนี้ต้องขยาย สืบด่วน”


ผมเหลือบมองสาวๆ ที่จ้องมาทางเราตาเป็นมัน เหมือนต้องการรู้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ มีบางคนแอบถ่ายภาพเราด้วย จะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม...


“มองอะไร” พี่ลันตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างไม่ห่วงมาด มีเม็ดข้าวติดที่มุมปากเขาด้วยล่ะ


“พี่นี่ก็กินเลอะเหมือนกันนะ” ผมเอื้อมมือไปช่วยหยิบเม็ดข้าวนั้นออก พี่ลันนั่งเท้าคางมองผม ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้ใจผมเต้นรัวจะแทบทะลุออกมาจากอก


“ก็อยากให้คนแถวนี้เช็ดปากให้อะ”


ผมก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างว่องไว ไม่เคี้ยวแล้วครับกลืนเลย ขืนอยู่นานกว่านี้ผมคงระเบิดตุ้มเพราะความเขินแน่ๆ


พี่พูดอะไรรู้ตัวบ้างไหม อย่ามาทำให้ใจสั่นบ่อยๆ สิ เกิดผมถลำลึกลงไปจะทำยังไงล่ะ


“ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้น เดี๋ยวก็สำลักหรอก บ้านคุณหญิงยังอยู่ที่เดิมน่า หรือถ้าเขาไม่เปิดรับนายเข้าบ้าน ไปค้างห้องพี่ก็ได้...”


พรวด!


“พี่ลันผมขอโทษ” ผมรีบขอโพยขอโพยร่างสูงเพราะข้าวที่กินไปเมื่อกี้พุ่งออกมาจากปากทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา


ฮือ หมดกัน พี่เขาจะเกลียดผมไหม


“ช่างมันเถอะ” พี่ลันหยิบทิชชู่เช็ดหน้าตัวเองแล้วเรียกเก็บเงิน ผมเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของเหล่านักศึกษาที่น่าจะรู้จักพี่ลันดี บางคนก็เข้ามาทักทาย พี่ลันก็มองอีกฝ่ายอย่างงงๆ ว่าเคยไปรู้จักกันตอนไหน แต่ก็พยักหน้ารับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท


“ปะ กลับกันเถอะ คุณหญิงคงชะเง้อคอมองหานายแล้ว อยู่นานไปจะเข้าใจผิดอีก”


“เข้าใจผิด?”


“คุณหญิงเข้าใจว่าเราคบกันไง แต่ความจริงเรายังไม่ได้คบกันสักหน่อย” ผมชะงัก


อืม...นั่นสินะ ผมกับพี่ลันเราไม่ได้คบกันนี่นะ


ถึงเรื่องวันนี้จะทำให้อิ่มเอมใจมากแค่ไหน แต่คำตอบของเขาก็ชัดเจนมากพอว่าสถานะของเรา...ไม่ได้เกินกว่าที่เป็นอยู่


บรื้น!


หมับ


ร่างของผมถูกรวบเข้าสู่อ้อมแขนของพี่ลันได้ทันก่อนรถยนต์คนหนึ่งจะพุ่งเข้าชนผม รถคันนั้นแล่นผ่านไปด้วยความเร็วโดยไม่แม้แต่จะหยุดดูว่าเกือบชนใครเข้าแล้ว


พี่ลันมองตามรถคันนั้นด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะหันมาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “เป็นอะไรไหม”


ผมส่ายหน้า ผละออกจากเขา ตอนนี้จิตใจผมไม่ได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ต่อให้รถชนก็คงเจ็บไม่เท่าคำปฏิเสธของพี่ลัน


“ผมกลับเองดีกว่า จำได้ว่าต้องซื้อของกลับไปทำรายงาน” ผมเดินถอยหลัง หันกลับ แล้ววิ่งไปยังห้างเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังไล่หลังมา อันที่จริงเขาจะขับรถตามผมมาก็ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ


วิ่งไปสักพักผมก็หันหลังกลับไปมอง...พี่ลันไม่อยู่แล้ว


นั่นสิ เขาจะมาตามผมทำไม


ในเมื่อเราสองคนน่ะ...ไม่ได้คบกันสักหน่อย


[จบพาร์ทแอล]


…………………………………………………


ผลัก!


“ใครส่งมึงมา”


“ผะ...ผม”


“ใครส่งมึงมา!”


“คะ...คุณต้นครับ”


“มันให้มึงทำอะไร”


“ตะ..ตามสะกดรอย แล้วหะ...หาโอกาสขับรถชนเด็กที่ชื่อแอล” แค่ได้ยินสิ่งที่มันคิดจะทำ ร่างสูงก็ได้แต่กำหมดแน่น เขาจะไม่ต่อยพวกมันหรอก เสียมือเปล่าๆ


“มันสั่งอะไรอีก”


“จะ...จับตัว ดะ...เด็กที่ชื่อพูไปให้คุณตั้น”


ตุบ! ตับ!


“อ้ากกกกกกกกกกกกกกก!”


“ฝากพวกมึงจัดการต่อด้วย แต่อย่าให้หนักไป กูไม่อยากให้พวกมึงเป็นฆาตกร”


“แล้วจะเอายังไงต่อครับท่านชูการ์” ลูกน้องในสังกัดคนหนึ่งเอ่ยถาม


“ชู่ว์” ร่างสูงยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปาก บอกเป็นนัยให้ลูกน้องกลับไปทำหน้าที่ของตน เขาหยิบโทรศัพท์ที่ต่อสายไว้ก่อนหน้านี้เพราะอยากให้ปลายสายได้ยินชัดทุกคำสารภาพ


“คุณคงได้ยินแล้วนะว่าเด็กคุณก่อเรื่องอะไรไว้” เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างหนัก ไม่อยากนึกเลยว่าตอนนี้จะเกิดอะไรกับน้องชายของเขาบ้าง


(ใจเย็นสิลัน เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้ อย่าให้มิตรภาพเกือบสองปีของเราต้องมาพังลงไปเพียงเพราะเด็กกะโปโลคนหนึ่ง)


“เด็กสองคน... คุณคงลืมว่าครั้งแรกมันทำน้องชายผมหน้าช้ำ ผมเคยส่งสารเตือนมันแล้ว และจะไม่มีการเตือนครั้งที่สอง ตอนนี้เด็กคุณกำลังคิดจะทำร้ายน้องผม!”


(เอาอย่างนี้ ฉันจะขังพวกมันไว้ในบ้าน ไม่ให้ไปยุ่งกับคนของนายเลย เพราะงั้นสัญญาระหว่างเรายังคงอยู่ ฉันพูดถูกไหม)


“ถ้าคุณมั่นใจว่าคุมไอ้แฝดนรกสองตัวนั่นอยู่ ผมก็รักษาสัญญาพอ สองปีก็คือสองปี แต่ถ้ามันเข้ามายุ่มย่ามแม้แต่เศษดินใต้เท้าน้องผม...สัญญาระหว่างเราสิ้นสุดทันที และคุณ...เตรียมตัวเข้าคุกได้เลย”


(นายกล้าขู่ฉันเรอะ!)


“หึ ตอนนี้การกำจัดคุณมันง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วย แค่ 5 นาทีเท่านั้นก็จบชีวิตนักธุรกิจไฟแรงอย่างคุณได้แล้ว จะลองดูก็ได้ คุณตามผมไม่ทันหรอก”


(ไอ้...ตุ๊ดๆ ๆ) เขากดตัดสายเพราะไม่อยากจะเสวนากับปลายสาย พูดไปแล้วคิดไม่ได้ ไม่แก้ไข เขาก็ไม่อยากจะพูดซ้ำอีก


“ให้จัดการยังไงต่อครับ” ร่างสูงปรายตามองร่างสะบักสะบอมที่นอนสลบอยู่บนพื้น แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับใจเขาที่แทบร่วงไปถึงตาตุ่ม


หากคว้าคนตัวเล็กไว้ไม่ทัน เขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต


“ขังไว้ก่อน จะให้มันกลับไปส่งข่าวว่ากูอยู่ที่นี่ไม่ได้ อีกสองวันปิดเทอม ระหว่างนั้นใครถามหากูก็ให้บอกว่าเก็บตัวอยู่ในห้อง กำลังทำเรื่องสำคัญอยู่ จัดเวรยามเฝ้าหอให้มากขึ้นจะได้ไม่มีใครสงสัย”


“แล้วท่านชูการ์จะไปไหน” ลูกน้องคนสนิทเดาได้ทันที แม้คนที่เขาเคารพไม่ได้เอ่ยแม้แต่ประโยคเดียวว่าจะไม่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีอีกฝ่ายกำลังจะออกเดินทาง


“ขอโทษที่แม้แต่พวกมึง กูก็บอกไม่ได้”


“ไม่เป็นไรครับ ที่ที่ท่านชูการ์จะไป เก็บเป็นความลับน่าจะดีที่สุด”


“อืม...แล้วน้องกูเป็นยังไงบ้าง”


“สายเรารายงานว่าอาทิตย์หน้าคุณพูจะไปเข้าค่ายศิลปะที่...” ร่างสูงรับฟังเงียบๆ ก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ ถ้าให้เขาลงมือเอง สัญญาที่รักษามาตลอดสองปีคงจบลงเดี๋ยวนี้แน่นอน แค่เดือนก่อนที่รู้ข่าวว่าน้องโดนทำร้าย ก็อดใจไม่ไหวโทรหาไปจนได้ แต่ไม่ทันได้คุยก็ต้องรีบวางเพราะกลัวใจตัวเอง


กลัวว่าจะทิ้งทุกอย่างที่รักษามาแล้วตรงดิ่งกลับบ้านไปหาน้อง...


“กูยืมโทรศัพท์มึงหน่อย”


“คะ...ครับ” ลูกน้องคนหนึ่งรีบยื่นโทรศัพท์ให้อย่างรวดเร็ว


นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอจนพบรายชื่อที่ต้องการ


คุณสตีฟ


“ทีหลังไม่ต้องใช้คุณหรอก มันไม่ถือ” เห็นลูกน้องพยักหน้าก็รู้ดีว่าคงไม่มีทางเปลี่ยนชื่อเจ้าของเบอร์หรอก เขาจึงกดเปลี่ยนให้แล้วพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งไปหาเพื่อนรักที่มีแพลนจะไปเที่ยวกับครอบครัวที่เดียวกับน้องชาย


กูเอง อาทิตย์หน้าพูจะไปที่เดียวกับมึง เตือนมันว่า ‘อย่าอยู่คนเดียว’


พี่จะรีบกลับไปหานะ...พู





TBC.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
มาปล่อยระเบิดแล้วหายตัวเข้ากลีบเมฆ 555

เนื่องจากเสาร์-อาทิตย์เราติดงาน เลยมาอัพให้ก่อนจ้า

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ เจอกันตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 23 [08-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 08-06-2017 21:35:10
หือออ มีควาทห่วงน้องเดี๋ยวแอลก็งอนหรอก 555
  รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 23 [08-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-06-2017 23:34:09
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 23 [08-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 08-06-2017 23:56:49
โอ้ยท่านชูการ์นี่คือใครเนี่ย แล้วหลอกอะไรน้องตัวเองไว้ 2 บ้านนี้ดูมีความลับอะไรกันทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 23 [08-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-06-2017 00:27:31
สงสารน้องแอล T^T
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 23 [08-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: peettato ที่ 09-06-2017 03:40:23
คิดถึงเจตพูจางงงง :hao4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 23 [08-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-06-2017 17:54:15
ระวังแอลงอนนะพี่ลันเตา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 17-06-2017 02:25:07
บทที่ 24
เหตุเกิดเพราะ...คำขอ



“อาทิตย์หน้าสอบแล้ว อย่าลืมอ่านหนังสือกันล่ะ”ครูเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เหล่านักเรียนอย่างผมได้แต่โอดครวญเพราะวิชาที่เรียนนั้นยากเหลือเกิน แค่แบบทดสอบในคาบก็จะตายแล้ว นี่ยังข้อสอบมหาโหดเน้นประยุกต์ใช้อีก


ถ้าสอบผ่านผมจะยอมเป็นแฟนพี่เจตเลย


เอ๊ะ เรื่องของกูไม่ควรเกี่ยวกับเขาปะวะ


“ถ้าอาจารย์เลิกออกข้อสอบนอกตำราเรียน กูว่าหน้าอย่างกูก็ท็อปวะ” แบงค์บ่นพลางเก็บหนังสือใส่กระเป๋า ได้แต่มองมันด้วยความเอือมระอา


เห็นบ่นแบบนี้ทีไร เกรดมึงก็ 4 ทุกที


“ไม่ต้องมองกูแบบนั้นเลยไอ้ถั่ว โน่น พี่แม่งมาดักรอมึงล่ะ”


ผมหันไปตามทิศทางที่แบงค์มอง ร่างสูงยืนรอผมอยู่ที่หน้าห้องเช่นเคย ผมจึงรีบเก็บของที่เหลือยัดใส่กระเป๋าแล้วเดินตัวปลิวไปหาเขาทันที


หมับ


“เดี๋ยวก่อน มาคุยกับกูให้รู้เรื่อง” แบงค์จับแขนผมลากกลับเข้ามาในห้อง ทั้งที่อีกไม่กี่ก้าวจะพ้นประตูออกไปหาใครอีกคนที่นั่งคิดถึงมาตั้งแต่ชั่วโมงก่อน


‘พี่จะรอนะ’


ข้อความสั้นๆ แต่แฝงความหมายบางอย่างมักจะส่งมาหาผมเสมอ และเป็นเช่นนั้นมาตลอดอาทิตย์กว่าๆ ตั้งแต่ที่ผมยอมเผยความในใจส่วนหนึ่งให้เขารู้


“มีอะไร”


แบงค์ปล่อยแขนผม กอดอก แล้วส่งสายตาคาดคั้นมาให้


“กูสังเกตมานานล่ะ มึงกับพี่เจตดูไม่เหมือนเดิม”


ผมชะงักไปนิด ก่อนจะปรับสีหน้าให้ราบเรียบตามเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่หัวใจเต้นกระหน่ำเพราะกลัวความลับจะเปิดเผย


“ก็ไม่มีอะไรนี่ พี่รหัสน้องรหัสก็สนิทกันเป็นธรรมดาปะวะ เหมือนมึงกับพี่แจ้อะแหละ คิดมากว่ะมึง”


“กูไม่ได้คิดมาก แต่บรรยากาศระหว่างมึงกับพี่เจตมันแปลกๆ ทั้งคำพูดและสายตาของมึงกับพี่เขาเหมือนมีอะไรบางอย่าง มึงปิดบังอะไรกูใช่ไหมไอ้ถั่ว”


“ปิดบังอะไร” เสหลบตามันนิดหน่อยครับ


“กูเป็นเพื่อนมึงไหมพู” แบงค์เอ่ยเสียงเข้ม ปกติมันไม่เรียกผมว่าพูหรอกครับ มาชื่อเต็มแบบนี้แสดงว่ามันคงหมดความอดทนแล้ว


“กูไม่ได้ปิดบัง เฮ้อ” เอาวะ บอกก็บอก ผมไม่เคยปิดอะไรเพื่อนอย่างมันได้หรอกครับ อยู่ด้วยกันมาเกือบสิบปี รู้สันดานกันหมดล่ะ


“ไม่ปิดบังก็บอกมาดิ กูรออยู่” มึงก็เลิกทำหน้าเข้มดิวะ กูไม่ชิน


“คือ...กูกับพี่เจต...”


ผมรวบรวมความกล้า แล้วมองเพื่อนซี้ที่เลิกคิ้วรออยู่


“กูก็ไม่รู้ว่าระหว่างกูกับพี่เจตคืออะไรว่ะ”


“อ้าว! ไอ้สัด เกริ่นมาซะกูนึกว่ามึงกับพี่เขาได้กันแล้ว” แบงค์โวยลั่น แต่ดูมันไม่โมโหเท่าไรนะที่ผมตอบไปแบบนั้น


“กูกับพี่เขายังไม่ถึงขั้นนั้นโว้ย!”


“แสดงว่าต้องจูบกันไปแล้ว” มันลูบคางพลางทำท่าคิด ปล่อยให้ผมยืนหน้าร้อนเพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง จะอ้าปากเถียงก็โดนสายตารู้ทันส่งมาให้หุบปากฉับ


เออ ยอมรับก็ได้วะ


เพราะคาบเมื่อชั่วโมงก่อนพี่มันก็เพิ่งจูบผมไปจริงๆ นั่นแหละ จูบไม่พอยังส่งข้อความหวานมาอีก ได้แต่นั่งหน้าร้อนทั้งคาบแถมเรียนไม่รู้เรื่องต่างหาก


“หึ กูก็ว่าหน้าอย่างมึงไปรุกแอลยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ถ้ากับพี่เจต...” มันเหล่มองไปทางประตู พอมองตามก็เห็นพี่เจตยืนกอดอกมองเราทั้งคู่ตาไม่กระพริบ “อย่างพี่เจต...ก็พอมีหวัง”


“พูดงี้หมายความว่าไงวะ”


“กูพูดความจริงไง มึงคิดว่าที่มึงรอดเสือรอดตะเข้มาได้เป็นเพราะตัวมึงรึไง เป็นเพราะข่าวคู่กับกูทั้งนั้นแหละ อุตส่าห์ไม่ปฏิเสธเพื่อกันหมาให้มึงเชียวนะ”


“อ๋อเหรอ ขอบใจนะมึง ไม่ใช่ว่ามึงสนุกที่ได้หักหน้าพวกนั้นรึไง” ผมส่ายหัว นึกถึงวีรกรรมของมันที่เที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่าผมเป็นเมียมัน นึกแล้วก็ปวดหัว ดีนะที่แบงค์ไม่ได้คิดอะไรกับผม ไม่อย่างนั้นคงอึดอัดตาย ส่วนไอ้พวกที่เข้ามาจีบผมตอนนี้ก็ซี้กันหมดแล้วครับ


“ที่ผู้หญิงไม่แลกูส่วนหนึ่งก็เพราะมึงนะ” ผมโทษมัน แบงค์หรี่ตามองผม


“เดี๋ยวๆ เกี่ยวอะไรกับกู อยู่ที่ตัวมึงทั้งนั้นอะ ชอบใครไม่ชอบดันไปชอบสาวที่เขาไม่เอามึง ก็ต้องผิดหวังไหมล่ะ”


เชี่ย ย้ำให้เจ็บทำไมวะ ถึงจะเบนเข็มจากสาวๆ แต่ใช่ว่าจะลืมนะว่าเคยชอบใครบ้าง โดยเฉพาะรักแรกที่ไม่สมหวัง ทุกวันนี้ผมยังจำได้ดีเลย ไม่ได้เจอเธอมากี่ปีแล้วนะ สิบกว่าปีได้มั้ง ป่านนี้คงสวยสะพรั่ง มีแฟนหล่อๆ ไปแล้วล่ะ


“จะคุยกันอีกนานไหม” เสียงทุ้มมาพร้อมเจ้าของเสียง พี่เจตเดินเข้ามาในจังหวะที่เพื่อนร่วมห้องคนสุดท้ายเดินออกไป เขาเดินมาหาผมแล้วดึงกระเป๋าผมไปถือเหมือนอย่างเคย


“บริการดีขนาดนี้ กูไม่แปลกใจล่ะ” แบงค์ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูผม ก่อนจะรีบผละออกเพราะสายตาสารวัตรคนโหดจ้องเขม็ง “เปล่านะพี่ ผมไม่ได้ทำอะไร” แบงค์ยกมือสองข้างขึ้นแล้วเพ่นแน่บออกไปจากห้อง ทิ้งผมไว้กับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อชั่วโมงก่อน


“เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”


พี่เจตยื่นหน้าเข้ามาหา แนบหน้าผากเขากับหน้าผากผมเพื่อวัดไข้


คือพี่ไม่ต้องวัดแบบนี้ก็ได้มั้งครับ หน้าผมเห่อร้อนยิ่งกว่าเดิมอีก


“ป่วยแบบนี้ต้องรักษา...” ริมฝีปากนุ่มแนบลงแผ่วเบา ขบเม้มนิดๆ ก่อนจะผละออก “เอ หรือว่าจะยังไม่หายนะ หน้าแดงก่ำเชียว”


ผลัก


“พอเลย เดี๋ยวครูมาเจอก็เป็นเรื่องหรอก” ผมรีบเดินเร็วออกจากห้องหนีอีกฝ่ายทันที เสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากข้างหลังก่อนฝีเท้านั้นจะเร่งตามมาอยู่ข้างๆ กัน


“พี่ไม่หิวแล้วอะ”


“หืม ไปกินอะไรมา” ผมหันไปถามคนข้างๆ ที่ส่งยิ้มละไมมาให้


“กินพู”


“...” กูไม่น่าถามเลย


“เป็นไร มุกพี่ไม่ผ่านเหรอ”


ไม่ผ่าน


ไม่ผ่านเชี่ยอะไรล่ะ หน้าแดงให้ชาวโลกเขารู้กันขนาดนี้


“มาช้านะมึง” พี่แจ้เอ่ยทักพี่เจตก่อนกดมือถือยิกๆ คงไลน์ตอบสาวตามสไตล์คนโสด ส่วนพี่แมร์ก็นั่งทะเลาะกับคนปลายสายอย่างที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อน


“เออ! มึงจะไปไหนก็ไปเลย เรื่องของกูก็เรื่องแค่นี้ของมึงมาตลอดนั่นแหละ” รุ่นพี่คนสวยตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนจะกดปิดเครื่องหนีแล้วนั่งกอดอกหน้าบึ้ง


“อย่าไปใส่ใจมันเลย เมนมาก็งี้ทะเลาะกับผัวตลอด” พี่แจ้ว่าพลางตักข้าวเข้าปากสลับกับตอบไลน์ไป


“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นนะแจ้!” พี่แมร์ทำเสียงดุ เหลือบมองผมนิดๆ ก่อนจะส่งสายตาให้ร่างสูงข้างกายผมแล้วชวนกันออกไป


“เดี๋ยวพี่ไปสั่งข้าวให้ เรารอนี่นะ” ร่างสูงเดินตามเพื่อนสาวไป คลาดกับแอลที่เดินหงอยๆ เข้ามาหาผม


“พู วันนี้ขอนั่งด้วยนะ”


นี่ก็เป็นอีกอย่างที่น่าแปลกใจ ปกติแอลจะร่าเริงทั้งตอนที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนและตอนที่มานั่งกลุ่มผม แต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเอาแต่จ้องโทรศัพท์ แล้วก็ละสายตาไปทำอย่างอื่น สักพักก็กลับมาจ้องโทรศัพท์เครื่องเดิมอีก


เป็นแบบนี้มาตลอด แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากสีหน้าแอลที่ดูเศร้าลงทุกวัน ผมเองก็ไม่กล้าถาม และคงเพราะผมไม่ถามแอลถึงมาขลุกอยู่กับผมทุกกลางวัน เพราะเพื่อนเขาเป็นห่วงและคอยถามอยู่เสมอ เมื่อวานเพื่อนของแอลก็เข้ามาถามผมว่าแอลเป็นอะไร ผมก็ตอบไม่ได้


“ความรู้สึกของพูเป็นแบบนี้สินะ” แอลพูดเสียงเบา ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม “ขอโทษนะ” แววตาสั่นๆ ของคนตัวเล็กทำผมสงสารจับใจ จึงเผลอจับมือแอลไว้แล้วพาเขาออกมาจากบริเวณนั้นทันที


เดินผ่านพี่เจต...ที่ถือจานข้าวมาให้ สบตาเขาที่มองมาอย่างเข้าใจ ก่อนเราจะเดินสวนทางกันไป


เรื่องของแอล เราคุยกันอยู่ตลอด เพราะแอลไม่แม้แต่จะปริปากบอกพี่ชายของเขาเลยว่าเป็นอะไร พี่เจตเองก็จนปัญญาเพราะแอลที่เขารู้จักจะต้องวิ่งโร่มาหาและเล่าทุกอย่างให้ฟัง ครั้งนี้ยิ่งเหมือนคราวนั้นที่แอลถูกทำร้ายแล้วไม่บอก พี่เจตก็ยิ่งร้อนใจ แต่เพราะร่างกายของแอลปกติดี พี่เจตจึงไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไร


“ไงสมร” ผมนั่งยองๆ ลูบหัวเพื่อนรักที่กระดิกหางเข้ามาหา มันดุนจมูกแตะมือผม ก่อนจะหันไปทำจมูกฟุดฟิดใส่แอลที่นั่งลงข้างกัน คนตัวเล็กส่งยิ้มมัน


รอยยิ้ม...ที่ผมเคยตกหลุมรักเมื่อครั้งแรกเจอ


“บอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แอลขอโทษเรา เพราะอะไร...” ผมเอ่ยถาม


เพราะคนที่เป็นฝ่ายปฏิเสธจะขอโทษคนถูกปฏิเสธก็มีคงแค่สองกรณี หนึ่งคือรู้สึกผิดที่ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย สองคือรู้ซึ้งถึงการถูกปฏิเสธ จึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง


แอลไม่ตอบ เขาหยุดลูบหัวสมรก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งพื้นหญ้าอย่างไม่กลัวสกปรก เงยหน้ามองฟ้าก่อนจะยืดมือออกไปสุดแขน


“พูเคยคว้าอะไรไม่ได้ไหม”


“หมายถึงอะไร ก้อนเมฆเหรอ” ผมเงยหน้ามองฟ้าตามแอล มองเมฆเคลื่อนที่ผ่านไปช้าๆ บางทีก็อยากนั่งโง่ๆ แบบนี้ทั้งวันเลย


ถ้าไม่ติดว่าคาบต่อไปมีติวสอบนะ


“ดวงอาทิตย์” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้น ทำใจกล้าหยีตามองแต่สุดท้ายก็ต้องหลุบตาลงเพราะสู้แสงไม่ไหว


“หืม เล่นของร้อนเลยเหรอแอล แค่นี้ก็เกรียมแล้วมั้ง” ผมพูดไปงั้น แต่คงกระตุ้นต่อมฮาของคนข้างๆ ถึงได้หัวเราะจนน้ำตาเล็ด


“ฮะๆ พูนี่ตลกนะ ทำเอาเรื่องเครียดเราหายหมด” แอลปาดน้ำตาที่ซึมออกมา แล้วส่งยิ้มสดใสให้ผม นี่สิถึงจะเป็นแอลคนเดิม


“แล้วเครียดอะไรล่ะ บอกเราได้ไหม”


“ฮื่อ” แอลส่ายหน้า ก้มมองมือของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง “เราก็แค่...คว้าดวงอาทิตย์ไว้ไม่ได้ก็เท่านั้น”


“ร้อนจะตาย จะไปคว้ามันทำไม นี่ เอานี่ดิ” ผมหยิบก้อนหินส่งให้แอล “เย็นกว่าตั้งเยอะ จับต้องได้ด้วย”


“ฮะๆ แล้วเราจะเอาหินนี่ไปทำอะไรล่ะ ทับกระดาษเหรอ”


“อืม ทับกระดาษก็ไม่เลวนะแอล หรือจะเอาเพนท์ขายก็ไม่เลวนะ เห็นมะ ดีกว่าดวงอาทิตย์ร้อนๆ นั่นซะอีก”


“อืม...ขอบใจนะพู” แอลถือหินก้อนนั้นอย่างทะนุถนอม ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ ใส่ผมแล้วยื่นหินก้อนนั้นให้


“หืม”


“ช่วยเอาไปเพนท์ลายให้เราหน่อยได้ไหม คือเรา...” แอลเม้มปากนิดๆ “วาดรูปไม่เก่ง”


“ได้สิๆ” ผมรับมาใส่กระเป๋าเสื้อแล้วส่งยิ้มให้อย่างยินดี เรื่องวาดนี่งานถนัดผมเลย อาทิตย์หน้าก็ประกาศผลประกวดวาดภาพที่พวกเราอุตส่าดั้งด้นไปวาดกันไกลถึงอุทยานแห่งชาติแล้วล่ะครับ เห็นอาจารย์บอกว่าเปลี่ยนจากจัดแสดงภาพที่โรงเรียนเป็นจัดแสดงที่งานประกวดเลย เพราะวันประกาศผลเลื่อนออกไป พวกเราเลยตั้งใจจะไปลุ้นกันที่นั่นว่าใครจะได้รางวัลอะไรกันบ้าง


“กลับกันเถอะ พูคงหิวแย่แล้ว” แอลลุกขึ้นปัดกางเกงก่อนจะเดินนำไปยังโรงอาหาร ยิ้มแย้มทักทายพี่เจตแล้วนั่งลงข้างๆ กัน พอเห็นผมเขาก็ชะงักแล้วเตรียมลุกเปลี่ยนที่ให้ แต่ผมโบกมือให้เขานั่งที่เดิมไป ส่วนตัวเองก็ย้ายมานั่งข้างเพื่อนซี้ที่ลอกงานวิชาถัดไปอยู่ ชีทที่มันลอกก็ของผมนั่นแหละครับ ไอ้นี่มือไวจริงๆ


“เคยขออนุญาตกูสักคำไหม”


“เพื่อนกัน ของๆ เพื่อนก็เหมือนของๆ กูปะวะ อะ!” มันชะงัก ก่อนจะเงยหน้ามองผมสลับกับพี่เจต “แต่ผัวมึงก็ไม่นับเป็นของๆ กูนะ บรื๋อ แค่คิดก็ขนลุกล่ะ” เชี่ย ความคิดแต่ละอย่าง ผมส่ายหน้านิดๆ มองสองพี่น้องที่ดูจะคุยกันได้คล่องกว่าปกติ


ถึงแอลจะไม่ได้บอกว่าดวงอาทิตย์ของเขาเป็นใคร แต่ผมก็รู้ดีว่าคนคนนั้นได้เข้ามายึดครองพื้นที่ในใจของแอลมากขึ้นแล้ว และคง มากกว่าตอนที่แอลเลือกซื้อตุ๊กตาให้อีก


อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้คนที่แทบไม่ต่างอะไรกับผมมันเป็นใคร


กวาดตามองไปรอบๆ โรงอาหารก็ไม่เห็นใครเข้าตาเลยสักคน จะเห็นก็แต่ร่างสูงฝั่งตรงข้ามที่สบตาเข้ากับผมพอดี


ไม่มีคำใดเอ่ยจากปากเขา


มีเพียงสายตาที่สื่อว่า...ขอบคุณ
.
.
.
.
.
.
.

“โห ยากชิบหายอะ ยากๆ” เสียงบ่นเดิมๆ ที่ผมฟังมาตลอดตั้งแต่หน้าห้องสอบจนเกือบถึงโรงอาหารไม่ได้ลดความถี่ลงเลย วันนี้วันสอบปลายภาคแล้วครับ ติวกันมาตลอดสัปดาห์ ไม่รู้ทำไมออกไม่ตรงสักอย่าง ดีนะที่ผมให้หัวกะทิอันดับหนึ่งของโรงเรียนติวให้ ข้อสอบชุดเก่าๆ ก็ขุดมาสอนเต็มที่ไม่มีหมกเม็ด เลยทำโจทย์ได้มากขึ้นกว่าเดิม


“ถ้ามึงได้ท็อปหรือเต็มนะ เลี้ยงเหล้ากูเลย” ไอ้แบงค์มันเสือซุ่มครับ วันๆ เอาแต่เล่นเกม เตะบอล ลอกการบ้านผม ไม่รู้ไปขุดปัญญามากจากไหน เห็นได้คะแนนดีตลอด


“เออ มึงไม่ได้แตกเหล้าฟรีแน่อะ คราวนี้ยากจริงๆ นะโว้ย บ่ายมีสอบเคมีปิดท้ายอีก โว้ย กูจะบ้าตาย”


“เอาน่ามึง อีกวิชาเดียวก็จบแล้วปะ วันสุดท้ายของม.ห้าแล้วนะ จบนี่กูยอมให้มึงพาไปบิงซูเลยอะ”


“จริงนะมึง ไม่เบี้ยวนะ” ทีอย่างนี้มาทำตาวาว เหอะ ถ้าผมไม่ไปเป็นเพื่อนมันก็ไม่กล้าไปหรอกครับ ในร้านมีแต่สาวๆ น่ารักๆ ตัวควายๆ อย่างมันไปนั่งกินคงดูแปลกพิลึก มันเลยชอบลากผมไปด้วยตลอด


“เออๆ”


“มึงจะไปได้ไงวะพู วันนี้มีประกาศผลประกวดงานศิลปะนะโว้ย” เผือกเดินเลียไอติมแท่งเข้ามาหาผมพร้อมกับเพื่อนห้องเดียวกับมัน พวกที่เหลือทักทายผมตามประสาคนรู้จักก่อนจะเดินไปอีกทาง


“เออว่ะ กูลืมเลย” ผมหันไปหาไอ้แบงค์ที่ยืนกอดอกหน้าบึ้งอย่างไม่ยอม เออๆ กูไม่เบี้ยวนัดมึงก็ได้


“คือกูไปกินกับมึงแน่อะ...แต่ว่ากูขอไปฟังผลก่อนได้ปะวะ นี่เกรดสี่วิชาเลือกของกูเลยนะ”


“มึงก็น่าจะได้สักรางวัลปะวะ ที่ถ่ายรูปส่งมาให้กูดูก็ชนะคนในชมรมมึงไปตั้งเท่าไรล่ะ สวยกว่าของไอ้เผือกอีก”


“อ้าวๆ ถึงของกูจะไม่สวยแต่ก็รางวัลชมเชยนะไอ้แบงค์”


“สู้ไอ้เฟรมผัวมึงไม่ได้หรอกมั้ง รอลุ้นรอบชิงกับไอ้พูอยู่นี่”


“อย่าพูดชื่อมันได้ไหมวะ...”


“ไอ้เผือก! มึงอยู่นี่เอง!” คนที่แบงค์เพิ่งเอ่ยชื่ออยู่หยกๆ วิ่งพรวดมาทางเราทันทีที่เห็นเป้าหมาย


“เชี่ย ปากมึงนี่มัน...” เผือกไม่พูดต่อให้จบแต่วิ่งหนีไปอีกทางทันที


“ทะเลากันเรื่องสาวชัวร์”


“มึงไปเสือกรู้อะไรมา”


“สายกูบอกว่าเมื่อวานไอ้เผือกพาสาวโรงเรียนหญิงล้วนไปแดกไอติมที่ห้าง แล้วดันบอกไอ้เฟรมว่าไปซื้อของกับเพื่อน ไอ้เฟรมกะเซอร์ไพร์ซพาไปแดกข้าวไง ปรากฏเซอร์ไพร์ซจับได้คาหนังคาเขา”


“เฮ้อ มันจะไปกันรอดไหมวะเนี่ย”


“กูสงสารไอ้เฟรมสุดล่ะ หลงมารักไอ้เผือกได้นี่ไม่รู้ว่าโดนของหรือเปล่า ก็น่าจะรู้อยู่ว่าสันดานไอ้เผือกมันไม่เคยหยุดอยู่ที่ใคร ถึงผูกมัดมันด้วยสถานะได้ มันก็ไหลไปได้ตลอดนั่นล่ะ”


“นี่แหละกูถึงไม่อยากมีสถานะ” ผมบ่นพึมพำ แต่ก็ไม่อาจเล็ดรอดหูของเพื่อนสนิท


“ก็ทำให้มันมีดิวะ มึงจะให้พี่เจตอยู่กับมึงแบบนี้ไปตลอดหรือไง เวลาใครถามว่ามึงกับเขาเป็นอะไรมึงก็ตอบไม่ได้ ระวังเถอะพอพี่เจตไปอยู่มหาลัย สาวๆ จะปรี่เข้ายัดสถานะให้แทน”


“มึงจะพูดให้กูเครียดทำไมวะ”


“ก็พูดให้มึงเครียดนี่แหละพู จะทำอะไรก็รีบทำจะได้ไม่มาเสียใจทีหลัง กูไม่ปลอบนะโว้ย”


“เออๆ วันนี้ถ้ากูชนะประกวดวาดภาพกูจะขอเขาคบเลย จบไหม”


“หึ ให้มันได้อย่างที่พูดล่ะมึง”


“พู” ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าโรงอาหาร เสียงหวานใสก็เรียกผมไว้ ฟ้าเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะขอคุยเป็นการส่วนตัว ไอ้แบงค์รับกระเป๋าผมไป บอกจะไปจองที่นั่งให้แล้วเดินเข้าโรงอาหารไปทันที


ฟ้าเดินนำไปยังอาคารหลังหนึ่งที่ไม่มีคนอยู่เพราะตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวัน ส่วนใหญ่ก็นั่งกินข้าวกันอยู่แหละครับ


“ฟ้ามีอะไรเหรอ” ผมเอ่ยถามธุระจากเธอทันทีเพราะตอนนี้หิวข้าวมาก ใช้พลังงานหมดไปกับข้อสอบมหาประลัยเมื่อกี้หมดแล้วครับ


“คือ...”


“พูดมาได้เลย”


“คือเราอยากจะขอรบกวนอะไรพูสักอย่าง” ฟ้าสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยความต้องการออกมาอย่างชัดเจน “ขอให้พูนัดพี่เจตให้เราหน่อยน่ะ”


“ห้ะ เราเหรอ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “เราว่าฟ้าไปหาพี่เจตแล้วคุยกับเขาเลยง่ายกว่านะ”


“คือ...เรา...จะสารภาพรักพี่เจตน่ะ”


“...”


“ถ้าจะนัดเองมันก็แปลกๆ ใช่ไหมล่ะ อีกอย่างตอนนี้เราไม่มีทางเข้าไปอยู่ในใจพี่เจตได้หรอก”


“แล้วทำไมฟ้าถึงอยากสารภาพ...” ผมเอ่ยถามไปอย่างยากลำบาก ลืมไปเลยว่าเคยสัญญาว่าจะช่วยฟ้าเรื่องพี่เจต


สุดท้ายผมก็แย่งเขามาเป็นของตัวเอง


“เราอยากได้คำตอบที่ชัดเจน จะได้ตัดใจ ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกนะว่าพี่เจตชอบใคร” ฟ้ามองผมด้วยแววตาเศร้าๆ


“เอ่อ...”


“ขอให้เราได้ฟังคำปฏิเสธนั้นเถอะนะพู เราไม่คิดจะแย่งหรอก รู้ว่าแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ยัง...ดันทุรัง”


เราสองคนต่างเงียบ ใจหนึ่งผมก็ต่อต้าน ไม่อยากให้พี่เจตรับรู้ว่าใครชอบเขา กลัว...ว่าเขาจะตอบตกลงกับคนที่พร้อมจะมอบสถานะที่ชัดเจนให้


แต่อีกใจผมก็เชื่อใจพี่เจตมากพอ เขาไม่มีวันทรยศผม อีกอย่างหากเขาปฏิเสธฟ้าไปตรงๆ ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ ผมไม่ต้องคิดมากว่าจะทำร้ายจิตใจเพื่อน หรือระแวงว่าเพื่อนจะคว้าพี่เจตไป


“อืม...เราจะช่วย”


“ขอบคุณนะพู ขอบคุณ” ฟ้าจับมือผมแล้วส่งยิ้มให้ แม้สิ่งกำลังจะเกิดขึ้นจะดูโหดร้าย แต่ก็คงดีกว่ายืดเยื้อต่อไปทั้งที่อีกฝ่ายไม่มีใจให้เลย
.
.
.
.
.
“ไปไหนมาพู พี่ถามแบงค์ก็ไม่ยอมบอก” ผมนั่งลงข้างพี่เจตแล้วรับจานข้าวมาตักกินเงียบๆ พี่เจตซื้อเผื่อไว้ให้ผมตลอดอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเบียดกับบรรดานักเรียนหัวเกรียนที่ยืนต่อแถวกันอยู่


“แวะคุยกับเพื่อนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” ผมตักข้าวกินเพียงไม่กี่คำ ข้อความจากฟ้าก็ส่งเข้ามา ผมกดอ่านไลน์เงียบๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋า เอ่ยถามร่างสูงที่หมดวิชาสอบแล้ว


“พี่จะไปไหนต่อ”


“รอเราสอบเสร็จไง แล้วค่อยไปรอลุ้นผลประกวดด้วยกัน พี่ว่านะ ภาพพูต้องได้รางวัลใหญ่แน่เลย” พี่เจตพูดยิ้มๆ


“ไม่หรอก ผมว่าภาพพี่น่าจะได้นะ ปิดเป็นความลับขนาดนั้น”


“ภาพของพี่สู้พูไม่ได้หรอก”


“เหอะ ผมจะรอดู”


“อื้ม รอดูนะ”


เรากินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยก็อพยพกันมานั่งติวกันใต้อาคารเรียน พี่เจตยังคงเป็นคนติวให้ผมเช่นเคย เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ  เลยพลอยได้อานิสงค์ไปด้วย


“โห พี่เจตติวเก่งอะ อะไรที่ผมไม่เข้าใจแม่งกระจ่างหมดเลย” ไอ้แบงค์พูดจาโอเว่อร์มากครับ แต่ก็ยอมรับจริงๆ ว่าการอธิบายของพี่เจตช่วยพวกเราได้มาก


ไม่เสียแรงที่จะขอคบเป็นแฟน หึหึ


ผมคิดแผนเซอร์ไพร์ซต่างๆ นานา ปรึกษาไอ้แบงค์ด้วยว่าจะทำยังไงดี เพื่อนซี้ก็แนะนำให้บอกไปเลยตรงๆ ง่ายดี ผมเลยเลิกปรึกษามันแล้วคิดเอง


“อย่าลืมนะพู” ฟ้าเดินเข้ามาพูดกับผมเสียงเบาก่อนจะเดินขึ้นอาคารไป


อ่า ผมลืมไปเลยว่าต้องทำอะไร


“พี่เจต” ผมเรียกร่างสูงที่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ม้าหินอ่าน ตอนนี้ใกล้เวลาสอบแล้ว ผมมีเวลาไม่มากนัก


“ว่าไงครับ กลัวเหรอ ไม่ต้องกลัวนะ พูของพี่เก่งอยู่แล้ว” พี่เจตลูบหัวผมเบาๆ พลางส่งยิ้มประจำตัวมาให้ ช่วงนี้ขยันยิ้มจนรุ่นน้องหลายคนไม่กลัวแล้วครับ มีแต่เข้าหามากกว่าเดิมอีก พอรู้ว่าสารวัตรนักเรียนคนโหดไม่โหดจริงก็เลิกกลัวกันหมด


“เอ่อ” พูดแบบนี้ฆ่ากันเลยเถอะ ไม่ต้องสงต้องสอบมันแล้ว


“หึๆ พี่ไม่แกล้งแล้ว มีอะไรไหนว่ามาซิ”


“ฟ้าอยากคุยกับพี่หลังสอบวิชานี้ บอกจะรออยู่ที่สวนหย่อมหลังโรงเรียน” ผมเอ่ยเสียงเรียบ ปกปิดความกังวลในน้ำเสียงอย่างแนบเนียน


ไม่เป็นไรพู ก็แค่คำสารภาพที่ยังไงก็ถูกปฏิเสธ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้


พี่เจตนิ่งไปนิดก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับเจ็บปวด


“พู...อยากให้พี่ไปเหรอ”


“ห้ะ เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ เขานัดพี่ ไม่ได้นัดผมสักหน่อย”


“พี่ถามเรา เราอยากให้พี่ไปไหม ถ้าบอกว่าไม่ พี่ก็จะไม่ไป”


“มัน...ไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย แต่พี่ควรไปนะ เผื่อฟ้ามีเรื่องสำคัญจะบอกพี่”


เรื่องสำคัญ...ที่จะช่วยให้เพื่อนผมได้ตัดใจจากพี่สักที


เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง แววตาพี่เจตคล้ายกับค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาของผมก่อนจะละสายตาไปทางอื่น


“อืม...พี่เข้าใจแล้ว”


ร่างสูงเก็บของใส่กระเป๋าเงียบๆ ก่อนจะเดินออกไปจากอาคาร


“ไอ้พูเร็ว! เดี๋ยวไปสอบไม่ทัน” แบงค์รีบคว้าข้อมือผมพาขึ้นอาคาร แต่สายตาผมยังคงจดจ้องอยู่กับแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างไปทีละก้าว...ทีละก้าว


ราวกับว่าวันนี้...จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน



 

TBC.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
จะเกิดอะไรขึ้นน้า จะเกิดอะไรขึ้น โปรดติดตามตอนต่อไป...

ตอนนี้ยาวมาก เขียนตั้งแต่เลิกงานจนถึงตีสอง 555 คิดถึงเจตพูเลยต้องจัดสักหน่อย

ตอนนี้อยู่ทีมไหนกันบ้าง #ทีมพู #ทีมพี่เจต #ทีมแอล # ทีมพี่ลัน (คนหลังน่าจะโดนเคือง 555) ถั่วพี่หายไปทำภารกิจกู้ชาติ เดี๋ยวเฮียก็กลับมานะ // คนเขียนก็สู้รบตบตีกับงานอยู่เหมือนกัน

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า  :mew1:

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 17-06-2017 02:44:15
อะไรอะ...ทำไมพูทำแบบนี้ไม่สงสารพี่เจตเหรอฮือๆๆเสียใจ :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-06-2017 02:57:14
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 17-06-2017 08:16:25
 :sad4:  คือถ้าพูพูดออกไปว่าให้ฟ้าได้ตัดใจจากพี่มันก็โอเคปะ มาอย่างนี้ พี่เจตจะไปคบกับยัยฟ้าเหรอ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-06-2017 08:21:31
ยังไงกันๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 17-06-2017 10:04:26
พูเอ้ย ไม่ชัดเจนเองนะ จะพูดก็ไม่พูดให้ละเอียดที่ถ้วนกับใจตัวเอง รอฟังผลนะ
  รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-06-2017 15:10:00
พูระวังเถอะกับความไม่ชัดเจนของเธอจะทำให้ตัวพูเองเจ็บนะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 17-06-2017 22:55:24
สนุกมาก รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: peettato ที่ 18-06-2017 14:52:35
หุ่ยยยยย ทิ้งปมไว้ให้อีกแล้ว :hao4: มาต่อเร็วๆน๊าาาาา o18
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 24 [17-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-06-2017 18:37:46
ค่ะ จะเร้าหรือกันไปอีกนานไหม
พูไม่กล้าบอกสักที เจตก็มีแอบท้อ แถมยังมาช่วยนัดใครไม่รู้ให้อีก
เจตรุกหนักมาก ถึงเนื้อถึงตัวนะ ฟินล่ะสิ

แอลน่าสงสาร พี่ถั่วเป็นห่วงนะ แต่ไม่รู้พี่ถั่วทำไรอยู่ เป็นความลับเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 25 [25-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 25-06-2017 03:04:50
บทที่ 25
เหตุเกิดเพราะ...หายไป






ผมสงบใจไม่ได้เลย เอาแต่คิดถึงคนที่เดินหันหลังจากไปเมื่อครู่ ผ่านไปเกือบสามสิบนาทีนั่นล่ะถึงจะตั้งสมาธิแล้วเริ่มทำข้อสอบ ปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไร ตอนนี้คงต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน


“ส่งข้อสอบค่ะ”


เสียงเล็กๆ ของฟ้าดึงสติผมออกจากข้อสอบได้ทันที เธอยื่นข้อสอบและกระดาษคำตอบให้ครูที่นั่งอยู่ข้างผมพลางยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำโจทย์ได้หรือเพราะกำลังจะได้สารภาพรักคนที่เธอชอบ


จู่ๆ ผมก็รู้สึกแย่ขึ้นมา มองตามฟ้าที่เดินออกจากห้องไปจนครูดุ จึงต้องหันกลับมาทำข้อสอบอย่างเสียไม่ได้ แต่ในความรู้สึกกังวลก็ทำให้ผมหาคำตอบได้เร็วขึ้น รีบทำ เพื่อจะได้ไปแอบดูว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน แม้จะดูไร้มารยาทแต่ผมก็ไม่อยากต้องเครียดอยู่คนเดียว ผมอยากรู้ว่าพี่เจตจะทำยังไง จะบอกปัดฟ้า หรือตกลงใจเพื่อประชดผม


“เสร็จแล้วครับ” ทันทีที่ตอบข้อสุดท้ายเสร็จผมก็รีบส่งกระดาษคำตอบและข้อสอบให้ครู ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งพรวดไปยังที่หมายทันที ระหว่างทางก็เอาแต่หวังว่าทุกอย่างจะยังไม่สายเกินไป


พอถึงสวนหย่อมหลังโรงเรียน ผมก็หันมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพี่เจตแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสายผม พอโทรย้ำซ้ำๆ สายก็ถูกตัดไปพร้อมกับประโยคที่ว่า ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’


เขาปิดเครื่องหนีผมไปแล้ว


“อ้าวพู”


“ฟ้า” ผมรีบเดินเข้าไปหาเธอพลางมองไปรอบๆ เพื่อหาร่างสูงที่อาจจะอยู่ใกล้ๆ “พี่เจตล่ะ”


“เอ่อ ไม่ได้อยู่กับพูเหรอ” หมายความว่าไง “ก็...พอเราสารภาพให้เขาฟัง พี่เจตก็บอกว่าเขาตอบรับความรู้สึกเราไม่ได้เพราะเขาชอบคนอื่น จากนั้นเขาก็ขอตัวออกไป ไม่ได้ไปหาพูเหรอ”


“เปล่า...” แล้วพี่หายไปไหน


“ไปที่งานประกาศผลหรือเปล่าพู บางทีพี่เจตอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้นะ”


“นั่นสิ ขอบใจนะฟ้า แล้วก็...ขอโทษด้วย” ผมเอ่ยอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องเสียใจ แต่ผมก็ไม่อาจเสียสละเพื่อเธอได้เพราะผมเองก็ชอบพี่เจตเหมือนกัน


“ฮื่อ ไม่เป็นไรหรอก เรื่องความรักน่ะ มันก็ต้องมีสมหวังบ้างผิดหวังบ้างเป็นธรรมดา เราเองก็อยากขอบคุณพี่เจตที่ไม่เคยให้ความหวังเราเลย มีแต่เราที่คิดเองเออเองไปไกล คิดว่าสักวันคงได้อยู่ในใจเขา แต่ก็นะ เขาชัดเจนกับพูขนาดนี้ เราเข้าไปแทรกไม่ไหวหรอก” ฟ้ายิ้มให้ผมนิดๆ “เราน่ะอิจฉาพูมากเลย ใครๆ ก็ชอบพู พูน่ะเป็นที่รักของทุกคน พี่เจตยังพูดติดตลกอยู่เลยนะว่าถ้าเขาไม่ชอบพูเขาก็โง่เต็มทน คนอื่นจ้องจะงาบพูจนเขาจะเป็นบ้าล่ะ ฮะๆ คิดไม่ถึงนะว่าพี่เจตจะมีมุมนี้ ดูท่าจะชอบพูมากเลย”


“เอ่อ พี่เจตพูดแบบนั้นเหรอ” รู้สึกเขินนิดๆ แฮะ ที่ได้ยินพี่เจตพูดถึงกันแบบนั้น คิดไม่ผิดจริงๆ ที่อยากฝากใจให้เขา ได้ยินแบบนี้แล้วสิ่งที่กังวลก็หายไปหมดเลย แล้วทำไมปิดเครื่องใส่กันวะเนี่ย เดี๋ยวต้องมีเคลียร์กันหน่อยล่ะ


“แต่แปลกนะ...” ฟ้าพูดขึ้นพลางทำหน้าครุ่นคิด “ได้ยินพี่เจตพูดว่าพูอาจจะคิดไม่เหมือนกัน แต่เราว่าพูกับพี่เจตก็ดูเข้ากันดีนี่ มีปัญหากันเหรอ”


“เปล่าหรอก แค่...เราคิดน้อยไปหน่อย” ผมลืมคิดถึงความรู้สึกของพี่เจต ลืมคิด...ว่าเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อโดนคนที่ชอบผลักไสให้ไปหาคนอื่น


ผมผิดเอง ผมยอมรับ และอยากขอโทษเขาจากใจจริง


“ฟ้า...เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่...ใช่ไหม” ผมถามอย่างไม่แน่ใจนัก ว่าที่แฟนผมปฏิเสธเพื่อนผม ไม่รู้เธอจะยังอยากคบหากับผมเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า


“เป็นสิ อกหักแค่นี้ไม่ทำให้เราเลิกเป็นเพื่อนกับพูหรอกนะ” ฟ้าส่งยิ้มให้ผมก่อนที่เธอจะขอตัวไปอีกทางเพราะที่บ้านมารับแล้ว ผมยิ้มนิดๆ ที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี


อนาคตคงจะมีคนเข้าหาพี่เจตมากขึ้น ผมคงต้องเตรียมใจรับมือกับคนเหล่านั้น เพราะบางคนอาจไม่ยอมจบกันดีๆ แบบที่ฟ้าทำ และผมไม่อยากตามหึงหวงเรี่ยราดให้พี่เจตต้องลำบากใจ


ว่าแต่...เมื่อไหร่พี่เจตจะเปิดเครื่องวะเนี่ย ไม่ใช่ว่างอนผมไปแล้วนะ
.
.
.
.
.
“ไอ้ถั่ว กูหามึงตั้งนาน รีบไปฟังผลแล้วไปแดกบิงซูกับกูได้ล่ะ ชักช้าอยู่นั่น...” ผมปล่อยให้แบงค์บ่นผมต่อไปเพราะตอนนี้ผมสบายใจเรื่องฟ้าล่ะ


หลังจากมองไปรอบๆ ไม่เห็นร่างสูงอยู่แถวนี้ผมจึงเลือกที่จะไปที่งานแสดงศิลปะพร้อมแบงค์ คิดว่าพี่เจตคงรออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เรานั่งรถของเฟรมไปกัน โดยที่ไอ้เผือกก็เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จากับคนข้างๆ จนผมกับไอ้แบงค์ต้องคอยปล่อยข่าวเด็ดๆ ออกมาเป็นระยะ ดีหน่อยที่ต่อมเผือกของมันยังทำงานเลยหันมาคุยโต้แย้งกับพวกผม พลอยทำให้เฟรมผ่อนคลายและเข้าร่วมวงสนทนากับเรา แม้มันสองคนจะไม่ได้คุยกันเพราะเอาแต่เถียง แต่ทุกคนในรถก็รับรู้ว่าบรรยากาศดีๆ กลับมาแล้ว


“กูจะไปซื้อของเซเว่น พวกมึงจะเอาอะไร” เฟรมหันมาถามผมกับแบงค์หลังจากฟังไอ้เผือกร่ายยาวถึงของที่มันอยากกินแต่ไม่ยอมไปซื้อเอง


“ไม่เอาอะ เดี๋ยวจบงานกูกับไอ้ถั่วจะไปแดกบิงซู”


“กูไปด้วย!” ทันทีเลยนะไอ้เผือก พวกเราส่ายหน้าให้ไอ้คนที่ขอมีส่วนร่วมในทุกงานของเรา


“ถ้าไม่ติดว่ามึงคบกับไอ้เฟรม กูคิดว่ามึงเล็งไอ้ถั่วอยู่นะเนี่ย แหมๆ ตามติดฉิบหาย”


“พูดห่าอะไรน่าขนลุก อย่างไอ้พูไม่ใช่สเปคกูหรอก” มันว่าพลางลูบแขนตัวเองด้วยความรู้สึกจริงๆ ของมัน อย่าว่าแต่มึงเลยเผือก กูก็ไม่เอามึงหรอก


“มึงสองตัวไม่ได้แดกกันแน่นอน เพราะเผือกนี้เป็นของกู” พูดไม่พอเฟรมยังโอบไหล่เผือกเข้ามาใกล้


“แหวะเผือกนี้เป็นของกู พูดได้ไม่อายปาก ไปๆ ไอ้ถั่ว ปล่อยแม่งจีบกันต่อไป” แบงค์ลากคอผมเข้างาน ตามด้วยไอ้เผือกที่ดิ้นหลุดจากแขนเฟรมมาได้รีบเดินเข้ามาขนาบข้างผมทันที


“พวกมึงจะไปกินบิงซูร้านไหนกัน” เผือกถามพลางก้มลงกดมือถือยิกๆ


“ร้านแถวนี้แหละ กูเพิ่งเปิดรีวิวดูว่าแถวนี้ก็มี ไอ้ถั่วจะได้ไม่บ่นว่าไกลแล้วเบี้ยวนัดกูอีก”


“อืม” ตอบรับเสร็จไอ้เผือกก็กดโทรศัพท์หาใครบางคนแล้วเดินแยกออกไปคุย ให้ผมกับแบงค์เดินไปหาที่นั่งกันก่อน


“ไม่เห็นพี่เจตเลยว่ะมึง” ผมพูดขึ้นอย่างใจเสีย หลังจากกวาดตาไปทั่วห้องโถงแต่ไม่พบร่างสูงอย่างที่คิด แบงค์มันก็ช่วยปลอบใจว่าพี่เจตคงอยู่แถวนี้ ผมอาจจะมองหาไม่ดีเอง ผมเลยขอให้แบงค์มันช่วยมองหา แต่เราก็ไม่เห็นพี่เจตแม้แต่เงา


พอเห็นพี่ฟางเดินเข้ามาในห้องโถงผมก็รีบเดินไปหาเธอทันที เผื่อว่าเธอจะรู้ว่าพี่เจตไปไหน


“เจตเหรอ พี่มาตั้งแต่บ่ายแล้วนะ ยังไม่เห็นเลย”


“เหรอครับ...”


“ทะเลาะกันรึไง” พี่ฟางพูดเหมือนรู้ทัน “กับเจตอะพี่รู้ว่ามันคิดอะไรกับน้องนะ แต่น้องอะเคยพูดเคยบอกมันบ้างไหมว่าคิดอะไร”


คำพูดพี่ฟางทำผมจุกไปหมด นั่นสินะ ผมยังไม่เคยบอกว่าชอบพี่เจตจริงจังสักครั้งเลย เอาแต่บอกปัด เปลี่ยนประเด็นไปเรื่อยๆ เพราะไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง


“พี่ว่าเรื่องนี้น้องน่าจะคิดเองได้ อย่าช้าล่ะ ความรักมันไม่เคยรอใครหรอก บทจะมามันก็มา บทจะไปมันก็ไปง่ายๆ เหมือนกัน” พี่ฟางเดินแยกไปหาน้องชายตัวเองที่ถือถุงเซเว่นอยู่ แย่งขนมสองสามห่อแล้วนั่งลงข้างๆ เผือก


ผมก้มมองโทรศัพท์ตัวเองที่ยังคงโทรหาอีกฝ่ายไม่ติดเช่นเคย


“ผมจะบอกพี่หมดทุกอย่างเลย แต่อย่าหายไปแบบนี้ได้ไหม”
.
.
.
.
“ไงมึง โทรไม่ติดเลยเหรอวะ” แบงค์ถามขึ้นหลังจากที่ผมผละออกไปโทรหาพี่เจตครั้งที่ห้า ความจริงผมก็กดโทรออกอยู่ตลอดนั่นแหละครับ แต่เพราะกังวลว่าข้างในสัญญาณจะไม่ดีพอเลยออกไปโทรข้างนอก แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม


“ถ้าเขาเกลียดกูแล้วล่ะวะ...ที่ไปทำแบบนั้นกับเขา” ผมเล่าให้แบงค์ฟังหมดแล้วครับว่าทำอะไรลงไป โดนมันสวดชุดใหญ่ที่คิดไม่รอบคอบ มันบอกว่าที่ผมช่วยฟ้าให้ตัดใจน่ะไม่ผิดหรอก แต่น่าจะบอกพี่เจตไปตรงๆ ไม่ใช่มาทำเป็นผลักเขาไปให้คนอื่นแบบนั้น


“เขาชอบมึงมาตั้งเท่าไหร่แล้ว ทนแบกรับความรู้สึกที่มึงชอบตอบไม่ได้จนกระทั่งมึงมีใจให้เขาเนี่ย มึงคิดว่าเขาจะโง่ปล่อยมึงไปไหม”


“กูไม่รู้ว่ะ”


“มึงก็พูดแต่ว่าไม่รู้ๆ แล้วเมื่อไหร่มึงจะรู้วะ จะให้เป็นแบบไอ้เกลือไหมมึงถึงจะเข้าใจ!” ไอ้แบงค์พูดเสียงดังขึ้นจนรอบข้างหันมามอง มันเลยเงียบลงแล้วหันไปทางอื่น


“แบงค์...”


“พอๆ กูจะไม่พูดถึงเรื่องที่มันผ่านไปแล้ว ก็แค่อยากให้มึงคิดเยอะๆ จะได้ไม่มาเสียใจภายหลังแบบนี้” แบงค์เงียบไปนิด “อย่าต้องให้เป็นแบบกู ที่ไม่มีวันกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก”


“กูขอโทษนะ” ขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา ที่มันต้องมารับรู้ปัญหาของผม คอยให้คำปรึกษา ทั้งที่มันเองก็มีปัญหาไม่ต่างกัน


“พอๆ เลิกดราม่า ยังไงไอ้เกลือก็ไม่กลับมาล่ะ เพลิดเพลินกับเทวดาบนสวรรค์จนลืมกูกับมึงแล้วมั้ง” แบงค์แค่นยิ้ม มึงบอกให้กูเลิกดราม่าแต่มึงกลับไม่เลิกนะ ผมยกแขนขึ้นปลอบใจมัน นาทีนี้ผมไม่ใช่คนที่เศร้าที่สุด แต่กลับเป็นแบงค์ที่กำลังเศร้าอยู่ทุกช่วงขณะของชีวิตตราบใดที่ยังไม่ลืมใครคนนั้น แม้มันจะหล่อเรี่ยราดไปทั่ว พูดจาเล่นหัวกับทุกคนเหมือนปกติ แต่เมื่อไหร่ที่คำว่าเกลือออกจากปากมัน ความเศร้านั้นก็เหมือนจะกลับเข้ามาอยู่เสมอ


ทั้งที่ตอนนี้ก็สามปีแล้ว...สามปีที่เพื่อนสนิทของเราจากไปตลอดกาล


ก่อนนี้เรามีกันอยู่สามคนครับ ผม แบงค์ และเกลือ เกลือเข้ามาอยู่ในกลุ่มผมได้เพียงหนึ่งปีก็เกิดอุบัติเหตุรถชนเสียก่อน ในวันที่รู้ข่าวผมกับแบงค์ทำใจรับไม่ได้ เราเพิ่งจะคุยกันหยกๆ ว่าวันหยุดจะไปดูหนังเข้าใหม่ด้วยกัน ทั้งๆ ที่มันขับรถเก่งกว่าใคร แต่กลับจากไปโดยไม่มีคำบอกลา เราสองคนไม่เชื่อ ถึงกับบุกเข้าในโรงพยาบาล เพียงเพราะอยากเห็นว่ามันนั่งอยู่บนเตียง บ่นเจ็บนิดๆ หน่อยๆ ให้พวกผมด่าเล่นที่มันไม่รู้จักระวัง แต่ป้าของเกลือก็จัดการทุกอย่างรวดเร็วไปหมด เราไม่เห็นแม้กระทั่งร่างของเพื่อน ไม่ได้ไปแม้กระทั่งงานศพ ป้ามันไม่รับความเห็นอกเห็นใจจากใครทั้งนั้น ไม่เรียกร้องให้ใครไปหาหลานชายของเธอ ทำทุกอย่างเงียบกริบเหมือนเกลือไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลก


เกลือเคยบอกพวกเราว่าพ่อกับแม่ของมันเสียตั้งแต่มันยังเด็ก มีเพียงป้าที่รับมันเข้ามาเลี้ยงดู ป้าก็เลี้ยงดูมันตามมีตามเกิด แต่มันก็ไม่เดือดร้อนอะไร แค่มีที่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว มันดีใจมากที่ได้ย้ายเข้ามาเรียนที่นี่เพราะโรงเรียนเก่ามันแย่มาก มีแต่พวกมั่วสุมและหาเรื่องตีกันไปวันๆ มันดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเราทั้งสองคน และดูมีความสุขทุกครั้งที่มาโรงเรียน


“กูไม่อยากกลับบ้านเลยว่ะ ไปเที่ยวกันต่อได้ไหม” นั่นเป็นคำสุดท้ายที่เราได้พูดคุยกัน เพราะผมและแบงค์ต่างก็ต้องกลับบ้าน แบงค์ต้องไปงานเลี้ยงกับพ่อแม่ของมัน ส่วนผมวันนั้นพี่ลันบอกจะเข้าครัวเลยต้องรีบกลับเพราะกลัวพี่ชายทำอะไรพิเรนทร์ บอกเกลือเพียงแค่ว่าพรุ่งนี้เจอกัน


คิดไม่ถึงว่าพรุ่งนี้...จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว


แบงค์ร้องไห้เป็นอาทิตย์ ตามหาบ้านเกลือไปทั่ว ขอที่อยู่จากครูก็ได้เพียงบ้านเช่าที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว ไม่สิ ไม่มีคนอยู่มาสามเดือนแล้วต่างหาก ราวกับว่าเกลือเป็นสายลมที่ผ่านพัดมาแล้วก็ผ่านเราไป ไม่มีอะไรเป็นหลักฐานว่าเคยมีมันอยู่ แม้แต่รูปถ่ายเราก็ไม่มี เพราะเกลือไม่ชอบถ่ายรูป


ผมมองเพื่อนซี้ที่นั่งเงียบ ทอดสายตาเหม่อมองไปไกล แบงค์มันชอบเกลือมาก ชอบแบบที่ผมไม่เคยเห็นมันเป็น แค่เสื้อตราห่านคู่ที่เกลือซื้อให้ มันก็ดีใจพูดไม่หยุดไปสามวันสี่วัน ใครตามเต๊าะเกลือก็ไล่เตะไล่ถีบหมด เผื่อแผ่ลามมาถึงผมจนมีคนตั้งฉายาให้มันว่าไอ้คนสองใจ แต่มันก็ไม่หยี่ระ คอยปกป้องพวกผมอยู่เหมือนเดิม พยายามทำดีกับเกลือมากหน่อยเพราะอยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าชอบ


เพียงแต่เกลือไม่ได้ชอบมัน เกลือชอบผม และผมเพิ่งรู้หลังจากทราบข่าวว่าเกลือจากไปแล้ว แบงค์บอกผมตรงๆ ตามนิสัยของมัน และบอกว่าจะไม่หยุดตามหาเกลือจนกว่าจะเห็นศพหรือเถ้ากระดูก ผมเองก็ไม่กล้าพูดห้ามอะไร เพราะใจหนึ่งก็ยังหวังว่าเพื่อนรักจะยังอยู่ แต่เวลาผ่านไปนานเข้า เราทั้งคู่ก็จำเป็นต้องยอมรับความจริงว่าเกลือจากเราไปแล้วจริงๆ


“ชื่อมึงอะ” แบงค์สะกิดผมให้ขึ้นไปรับรางวัลบนเวที ผมรับรางวัลพลางกวาดตามองไปรอบๆ เผื่อจะเจอร่างสูงหลบอยู่มุมใดมุมหนึ่งจนกระทั่งสตาฟเชิญลงนั่นแหละ ผมถึงต้องลงจากเวที


“ไงมึง ได้เงินเท่าไหร่วะ” แบงค์หยิบซองเงินจากมือผมไปเปิดดูทันที “โห่ ห้าร้อย แดกบิงซูได้ถ้วยเดียวเองมั้งเนี่ย” มันบ่นแล้วส่งซองคืนผม


“เงินกูด้วย” ถ้าตาไม่ไวพอนี่โดนปล้นแล้วครับ ไอ้เพื่อนเวร


“เดี๋ยวกูจ่ายไง มึงไม่ต้องถือเงินหรอก เซ่อๆ อย่างมึงเดี๋ยวโดนปล้นกูก็อดแดกพอดี”


“ใครบอกว่ากูจะเลี้ยงมึง เอามานี่” ผมดึงแบงค์ห้าร้อยกลับมาใส่ซอง “เผลอไม่ได้เลยนะมึง”


“ได้รางวัลทั้งทีก็เลี้ยงเพื่อนหน่อยดิวะ อย่างก”


“เพื่อนรวยๆ อย่างมึงทำไมกูต้องเลี้ยง เอาเสื้อมึงไปขายทอดตลาดส่งกูเรียนได้จบเอกเลยด้วยซ้ำ”


“อย่าคิดจะมาแหยมกับเสื้อกูนะไอ้พู!” แบงค์กอดอกตัวเองแน่น กูคงจะแย่งเสื้อจากตัวมึงหรอกนะ เฮ้อ มีเพื่อนเสียสติบางทีก็เหนื่อยแฮะ


“เอาล่ะครับ มาถึงรางวัลที่ทุกคนรอคอย” ป่านนี้ยังเหลือของใครให้ลุ้นอีกเหรอครับ ผมมองเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มองหน้ากันอย่างงงๆ เพราะพวกเราได้รางวัลกันครบทุกคนแล้ว คนจะเป็นเด็กจากโรงเรียนอื่นล่ะมั้ง


“ขอบอกว่าภาพนี้ที่ชนะเลิศไม่ใช่เพราะเทคนิคการวาดเพียงอย่างเดียว แต่เพราะความละเอียดในการตีความหัวข้อธรรมชาติด้วยครับ”


“เท่าที่ดูก็วาดต้นไม้ใบหญ้ากันหมดนี่ มีอะไรต้องตีความอีกเหรอวะ” แบงค์ถาม


“กูจะไปรู้ไหมล่ะ รอเขาโชว์ภาพก่อนดิเดี๋ยวกูสาธยายให้คนหัวใจไร้ศิลปะอย่างมึงเข้าใจเอง”


“ได้ทีกัดกูตลอด ก็แค่วาดรูปปะวะ”


“มันมีอะไรมากกว่าที่มึงคิดเยอะ”


“เออ...กูก็ว่างั้น” แบงค์จ้องไปทางหน้าเวทีด้วยแววตาอึ้งๆ ก่อนจะเบนสายตามามองผมที่นั่งหันหน้าเข้าหามัน


“มีอะไรวะ”


แบงค์ไม่ตอบแต่กลับชี้ไปทางหน้าเวทีให้ผมมองตาม ภาพที่ปรากฏอยู่ในมือของพิธีกรคือภาพของผมที่กำลังนั่งวาดภาพด้วยรอยยิ้มเล็กๆ อย่างเป็นธรรมชาติและดูมีความสุข


“ภาพเชี่ยอะไรดูดีกว่าตัวจริงอีก” แบงค์พึมพำเบาๆ แต่ผมได้ยินจึงทุบหลังมันไปทีแล้วจ้องภาพนั้นด้วยแววตาสนเท่ห์ ว่าใครกันที่วาดภาพนี้ แต่จากมุมที่ผมเห็น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะเป็นไปได้


“ภาพของพี่สู้พูไม่ได้หรอก”


จู่ๆ คำพูดและรอยยิ้มนั้นก็ผุดขึ้นมาในความคิด


“นายเจตรินทร์...” เสียงปรบมือดังเกรียวกราว หวังให้เจ้าของภาพขึ้นไปรับรางวัลและบอกเล่าเรื่องราวที่เลือกวาดภาพนี้ เพื่อนหลายคนส่งสายตาล้อๆ มาให้ผมเป็นระยะ บางคนก็มองหากันให้ควักว่าคนที่อยู่ในภาพเป็นใคร


ขณะที่ผมมองหาเพียงเจ้าของภาพวาด ที่ยังคงไร้วี่แววเช่นเคย


พี่เจต...พี่หายไปไหนวะ


“พี่เจตแม่งไม่อยู่จริงๆ ว่ะ กูขึ้นไปเอารางวัลแทนได้ไหม เงินรางวัลไม่ใช้น้อยๆ เลยนะ” แบงค์มองรางวัลล่อใจตาวาว


“แบงค์ กูไม่เล่น” ผมจริงจังมาก การหายไปของพี่เจตไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว เขาจงใจหลบหน้าผม หรือตัดใจจากกันไปแล้วกันแน่ ทำไมถึงหายไปโดยไม่บอกอะไรเลย


พรวด


“เดี๋ยวๆ มึงจะไปไหนวะ” แบงค์คว้ามือผมไว้ ก่อนที่ผมจะเดินหนีออกมา


“กูจะไปตามหาพี่เจต”


“มึงจะไปหาเขาที่ไหน”


“ที่บ้านเขาไง” ผมยัดซองเงินรางวัลใส่มือเพื่อนซี้เป็นการไถ่โทษที่ไม่อาจไปกินบิงซูกับมันได้ “กูต้องไปหาเขา ไปหาแดกเองนะ”


“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญแล้วว่ะ เดี๋ยวกูไปตามหาพี่เจตเป็นเพื่อนมึงเอง”


“ไม่ต้อง...”


“เงียบปากไปเลย จบงานนี้ค่อยปิดร้านเลี้ยงกู” ไม่เคยเห็นแก่กินเลยนะมึง ผมพยักหน้ารับก่อนที่เราจะรีบออกจากงาน


“พวกมึงจะไปไหนกันวะ” ไอ้เผือกรีบวิ่งมาขวางพวกเราไว้


“กูมีธุระ มึงไปแดกกับไอ้เฟรมละกัน” ผมบอกเพื่อนแล้วรีบลากไอ้แบงค์ให้รีบขึ้นรถเมล์ที่จอดเทียบพอดี


“เดี๋ยวๆ ไอ้พูเดี๋ยว!” ไอ้เผือกทำท่าจะตามมา แต่รถก็แล่นออกมาก่อน


“ไอ้เผือกมันเป็นอะไรวะ ทำไมดูเครียดๆ ตอนเห็นมึงกับกูขึ้นรถเมล์มา”


“กูจะรู้ไหมล่ะ” ผมตอบพลางควักเงินในกระเป๋าจ่ายค่ารถเมล์ เรายืนกันไปตลอดทาง ใจผมก็หวังเพียงว่าพี่เจตจะอยู่บ้าน นั่งกระดิกเท้าดูทีวีรอผมไปง้อ พอถึงแถวบ้านพี่เจตผมก็รีบกดกริ่งแล้วลงไปทันที รีบตรงดิ่งไปยังบ้านหลังเดิมที่ผมคุ้นเคยดี ประตูบ้านปิดสนิทคล้องแม่กุญแจบ่งบอกว่าเจ้าของบ้านยังไม่กลับมา


“มาหาใครจ๊ะหนู” เสียงแหบๆ ของคุณยายข้างบ้านพี่เจตดึงความสนใจของเราไปหาเธอ


“มาหาพี่เจตครับ คุณยายเห็นเขาไหม” ผมถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ แบงค์บีบไหล่ผมเบาๆ เป็นการปลอบใจ


“เอ เห็นออกไปตั้งแต่เช้าแล้วนะ ยังไม่กลับมาเลย”


“เหรอ..ครับ”


พอคุณยายเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมทรุดนั่งบริเวณหน้าบ้านพี่เจตอย่างหมดแรง ไม่รู้แล้วว่าจะไปตามหาเขาที่ไหน รู้สึกเหมือนจะขาดใจเมื่ออีกฝ่ายหายไปแบบนี้ ผมนี่มันแย่ที่สุด มารู้สึกตัวอะไรตอนนี้ ตอนที่ทุกอย่างสายไปหมดแล้ว


“มึง...กูว่าเรากลับกันก่อนดีไหม พรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้ พี่เจตมันคงไม่ไปไหนไกลหรอกยังไงที่นี่ก็บ้านเขา เดี๋ยวก็คงกลับมา”


“ถ้าอย่างนั้นกูจะรอเขาที่นี่ ตรงนี้” เหมือนที่เขารอผมมาตลอด


“มึงรอมาสามชั่วโมงแล้วนะ แถวนี้ยุงชุมด้วย กลับกันก่อนเถอะว่ะ พ่อกูโทรตามแล้วเนี่ย”


“มึงกลับไปก่อนเลย กูอยู่ได้”


“ไม่ได้ กูไม่ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวแน่ๆ”


“มึงว่าพี่เจตจะอยู่กับแอลไหมวะ” ผมไม่ตอบรับเพื่อนแต่เลือกที่จะค้นหาที่อยู่ของพี่เจตต่อไป


“ก็อาจจะ แล้วทำไมมึงไม่โทรหาแอล”


“กูลืม” ผมลืมนึกถึงแอลไปสนิท รีบต่อสายหาคนตัวเล็กที่น่าจะยังไม่นอน “แอล พี่เจตอยู่กับแอลไหม”


(หืม ไม่นะ ไม่ได้อยู่กับพูเหรอ เห็นบอกว่าจะไปฟังประกาศผลด้วยกันนี่)


“เปล่าน่ะ พี่เจตไม่ได้มา”


(อ้าว งั้นที่บ้านล่ะ)


“ไม่อยู่เหมือนกัน” ผมเม้มปากแน่น ดวงตาร้อนผ่าวจนต้องกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่จวนเจียนจะไหลออกมา


“พู กลับกันเถอะว่ะ” แบงค์เร่งผม พลางฉุดลากผมออกไปหน้าซอยด้วยกัน


“กูไม่ไป มึงจะบังคับกูทำเชี่ยอะไร!” ผมตะโกนลั่น ตอนนี้ความรู้สึกมันตีวนไปหมด ไม่รู้จะทำอะไรยังไงดี เหมือนหมดหนทางทั้งที่ยังไม่ทันเริ่มอะไร


“มานี่!” แบงค์ไม่ละความพยายาม มันลากผมแล้วเร่งฝีเท้าจนเรามาถึงรถของพ่อแบงค์ที่จอดเทียบฟุตบาทพอดี แบงค์ยัดผมเข้าไปในรถแล้วตามขึ้นมานั่งข้างกัน “ออกรถเลยพ่อ” สิ้นคำแบงค์ รถคันหรูก็เร่งความเร็วขึ้นทันที


“นี่มันเรื่องอะไรวะ” ผมพูดเสียงลอดไรฟัน ไม่กล้าเสียงดังใส่แบงค์เพราะพ่อของมันอยู่ด้วย


“กูก็ไม่รู้หรอก กูเห็นคนท่าทางแปลกๆ เดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบ พอสบโอกาสที่มันเดินเข้าไปในซอย กูก็รีบพามึงออกมานี่แหละ”


“คิดมากไปเปล่าวะ”


“ไม่รู้แหละ สัญชาตญาณกูบอก แถมพวกมันยังจ้องมึงด้วย ดูไม่น่าไว้ใจเลย”


“ตกลงเอาไง จะให้พ่อไปส่งพูที่บ้านเลยไหม”


“ไม่เอาอะพ่อ วันนี้ผมจะให้ไอ้ถั่วไปนอนบ้านเรา” เห้ย มึงด่วนตัดสินใจอะไรไม่ปรึกษากูเลยเหรอ


“วันนี้กูจะนอนบ้าน พ่อครับ เลี้ยวซอยหน้าเลยครับ”


“พู นี่กูห่วงมึงนะ” แบงค์พูดเสียงจริงจัง “พ่อกับแม่มึงก็ไม่อยู่ ไม่มีใครปกป้องมึงได้เลย”


“แบงค์ กูโตแล้วนะโว้ย แล้วกูก็เป็นผู้ชายด้วย กูดูแลตัวเองได้” แบงค์มันฮึดฮัดนิดๆ แต่เพราะผมเองก็ไม่ยอมมันก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ผมอยู่บ้านตัวเอง เพราะเดี๋ยวมันต้องเดินทางไปต่างจังหวัดพรุ่งนี้ตอนเช้ามืดกับครอบครัว จะให้พวกเขาถ่อมารับมันที่บ้านผมทั้งที่อยู่คนละฟากก็ดูจะเกินไป ผมเลยไล่ให้มันกลับไปนอนบ้าน


“ผมไม่ไปได้ปะพ่อ นี่ห่วงพูมันจริงๆ นะ”


“แกแค่ไม่อยากเจอญาติฝั่งโน่นเลยหาข้ออ้างมากกว่า ยังไงก็ต้องไป เขาแต่งงานทั้งทีก็ต้องไปช่วยงานเขาสิ” พ่อแบงค์พูดอย่างมีเหตุผล สุดท้ายแบงค์ก็ต้องยอมไปแต่ไม่วายกำชับให้ผมรับโทรศัพท์มัน และถ้ามีปัญหาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ต้องโทรหามันทันที


“นึกว่าได้พ่อคนที่สอง” ผมส่ายหัวนิดๆ แล้วเปิดประตูเข้าบ้านไปด้วยความเหนื่อยล้า พรุ่งนี้ผมจะรีบไปหาพี่เจตแต่เช้า แม้เขาจะไม่อยากเจอหน้า แต่ผมก็จะตื้อจนกว่าเขาจะใจอ่อน ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้อีก หลีกหนีหัวใจตัวเองไม่สนุกเลยสักนิด


ผมเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้แล้วเข้าไปอาบน้ำ เรียบร้อยแล้วก็เข้าเฟซพี่เจต อ่านข้อความที่เราคุยกันบนไทม์ไลน์ รวมถึงในแชท ผมคิดถึงช่วงเวลาที่เราได้อยู่ใกล้ๆ กัน มือก็พยายามกดโทรออกจนกว่าอีกฝ่ายจะเปิดเครื่องและรับรู้ว่าผมอยากคุยกับเขามากแค่ไหน


พรึ่บ


ไฟดับสนิททั้งบ้าน ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่ไม่อยู่ผมคงคิดว่าพวกเขาเซอร์ไพร์ซวันเกิดผมแน่ๆ ตอนนี้เพิ่งเลยเที่ยงคืนมาหนึ่งนาที เข้าสู่วันเกิดของผมแล้ว วันเกิดที่ดูจะเศร้าหมองยังไงไม่รู้แฮะ


พรึ่บ


แสงจากหน้าจอคอมดึงความสนใจจากผมได้ดี


“พู” ภาพเคลื่อนไหวและใบหน้าเปื้อนยิ้มของเพื่อนสนิทที่จากไปฉายอยู่บนหน้าจอ ผมรู้สึกหลอนนิดๆ แต่เพราะเชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องสยองขวัญจึงนั่งฟังคำอวยพรจากเพื่อนประมาณสิบนาทีได้


“วันเกิดมึงปีนี้ ถ้ามึงเห็นคลิปนี้แสดงว่ากูไม่อยู่แล้วนะ” เกลือพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ หมายความว่ายังไง...


หรือว่าเกลือ...รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย


“ที่กูอัดคลิปแล้วส่งให้มึง กูมีเหตุผลนะ คือ...กูจำเป็นต้องฝากอะไรมึงเรื่องหนึ่ง เพราะกูไว้ใจมึงที่สุด และกูเชื่อว่ามึงจะนำสิ่งที่กูพูดไปบอกคนคนหนึ่ง” เกลือเงียบไปนิดแล้วจ้องมาที่ผม “รหัสคือ...” รหัสอะไรวะ ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


“มึงไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใช้ทำอะไร เพราะมันอันตรายเกินไป แต่เมื่อไหร่ที่คนชื่อชูการ์มาหามึง แค่บอกเขาไป ที่เหลือเขาจะจัดการเอง”


ชูการ์ ทำไมชื่อนี้มันคุ้นๆ วะ


“ฟู่ ยากเหมือนกันแฮะ กูหวังแค่ว่าคลิปนี้จะไม่ส่งถึงมึงนะ เพราะกูอยากพูดต่อหน้ามันด้วยตัวเอง” เกลือเม้มปาก


“แต่ถ้ามันไม่มีวันนั้น กูก็ขอพูดเลยละกัน” เกลือส่งยิ้มให้ผม “กูไม่ได้ชอบมึงพู กูชอบไอ้แบงค์ หลอกให้มันเข้าใจไปอย่างนั้นเพราะรู้ว่ามึงไม่เคยคิดกับกูในแง่นั้น และกูก็ไม่อยากให้มันเจ็บถ้ารู้ว่าสักวันกูต้องจากไป...ให้กูเป็นความทรงจำดีๆ เป็นเพื่อนของพวกมึงสองคนก็พอแล้ว...”


คลิปหยุดอยู่แค่นั้นก่อนจะเริ่มต้นลบตัวเองอย่างรวดเร็ว


“เดี๋ยว...อย่าเพิ่ง” ผมกดแป้นคีย์บอร์ดหวังให้ตัวเองสามารถหยุดการลบคลิปนั้น แต่ไม่ทันเพราะมันถูกลบไปแล้วและหน้าจอก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน


อย่างน้อย...ก็น่าจะให้กูได้บันทึกข้อความที่มึงฝากให้แบงค์ไว้ก็ยังดี


ผมเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกตัวเองไร้ประโยชน์ไปหมด จะทำอะไรก็ดูชักช้าไม่ทันการณ์สักอย่าง


“ฮึก” ผมกลั้นสะอื้นได้ไม่นานก็ปล่อยโฮออกมา “ฮือ”


แกรกๆ


ผมชะงักและหยุดร้องเมื่อได้ยินเสียงไขประตูห้อง รีบกวาดตาหาอาวุธพอเหมาะมือ และกดต่อสายหาไอ้แบงค์ทันที


แอด


ร่างทะมึนเดินเข้ามาช้าๆ แต่หนวดเคราหร็อมแหร็มไม่อาจปิดบังใบหน้าคุ้นเคยที่ผมจำได้ดี ดวงตาอ่อนโยนทอดมองมาเช่นเดียวกับรอยยิ้มบางและแขนสองข้างที่อ้ารอการตอบรับ ผมทิ้งทุกอย่าง แม้แต่ปลายสายที่ส่งเสียงโวยวายเพราะโทรไปกวนเวลานอนมัน ผมก็ปล่อยทิ้งไว้แล้วโผเข้าหาคนที่ผมคิดถึงอยู่ตลอด


“พี่ลัน!” ผมกอดพี่ชายแน่นด้วยความคิดถึง ร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ พี่ลันเองก็กอดผมแน่นเหมือนกัน เรากอดกันอยู่อย่างนั้นเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกันนาน






TBC.










⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
บทนี้หลากหลายอารมณ์ 555 ตอนท้ายเลยยกให้พี่น้องคู่นี้เขาซะเลย

ส่วนเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้จะเริ่มเฉลยกันในตอนหน้าจ้า (ไหนเอ็งบอกว่าใสใส 5555 เราไม่อาจอยู่ได้โดยไม่มีเงื่อนงำ ขอนิดๆ หน่อยๆ ละกันโน๊ะ) ส่วนใครที่สงสัยว่าพี่เจตหายไปไหน รอตอนหน้านะคะ เดี๋ยวเขามาเล่าให้ฟัง

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ ดีใจที่ยังมีคนอ่าน  :mew1:


หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 25 [25-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-06-2017 04:04:04
สงสารเกลือ สงสารแบงค์ สงสารพี่เจต ไม่สงสารพูเหรอกก ชิชิชิ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 25 [25-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-06-2017 07:16:57
โอ๊ยยยย ใจไม่ดีเลย ทำไมเจตหายไป ไปเตรียมของเซอร์ไพรส์วันเกิดถั่วน้องหรอ

พูน่ารักอะ งอแงเป็นเด็กน้อยเลย แต่ห่วงชาวบ้านไปเรื่อย แต่ไม่ห่วงคนใกล้ตัว ถ้าเจอเจตแล้วก็รีบบอกเลยนะ
พูโดนแบงค์ด่าแน่

แล้วเกลือเป็นใคร ไปไหน ตายจริงหรอ แล้วรู้จักกับซูการ์ได้ไง

ลันแฮคคอมน้องหรอ แต่ก็ยังดี โผล่มาตอนน้องเศร้าพอดีเลย รุมเร้ามาก
ลันลึกลับไปอีกค่ะ อยากรู้แล้วว่าเป็นใคร ทำอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 25 [25-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-06-2017 12:49:05
สงสารแบงค์กับเกลือ
แต่เกลือตายจริงๆหรอ ไม่มีหลักฐานยืนยันซักอย่าง
พี่เจตหายไปไหน ทำไมพี่ลันโผล่มาจังหวะพอดีขนาดนี้อะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 25 [25-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-06-2017 21:25:47
รออ่านตอนตามหาพี่เจต จะเป็นไงต่อไป
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 25 [25-06-17]
เริ่มหัวข้อโดย: peettato ที่ 27-06-2017 12:23:15
ละคลิปมันเปิดเองได้ไงอะ ไฟดับ ละไฟก้ติด ละคลิปก้เปิด งื้อออ กลัว o22
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.1 [02-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 02-07-2017 01:27:56
บทที่ 26.1
เหตุเกิดเพราะ...ความลับ




[เจต]


ตอนนี้เจ้าเด็กบ้าของผมคงกำลังเคร่งเครียดอยู่ในห้องสอบ วิชานี้เห็นบ่นอยู่ตลอดว่าทำไม่ได้เลย แต่ผมก็หวังว่าที่ติวเข้มไปเมื่อหลายวันก่อนจะช่วยให้เขาทำได้หลายข้อ


“ฟ้าชอบพี่เจตค่ะ!”


ผมหันหน้ากลับมามองเด็กสาวที่ก้มหน้าก้มตาสารภาพรัก


อืม ก็รู้มานานแล้วล่ะว่าน้องฟ้ามีใจให้ แต่ก็ไม่เคยแสดงออกว่าชอบเธอเลยสักครั้ง ผมชัดเจนกับพูเสมอ ใครๆ ก็มองออก มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นแหละที่ซื่อบื้อ ต้องให้บอกตรงๆ ถึงจะรับรู้ความในใจ และแม้ตอนนี้จะรับรู้แล้ว ผมก็ยังไม่มั่นใจว่าพูจะคิดเหมือนกัน ต่างกับใครหลายคนที่พยายามทอดสะพานมาหาผมอยู่ตลอด


อ้อ เธอไม่ใช่คนแรกที่เรียกผมมาสารภาพรักหรอกครับ ก่อนหน้านี้ก็มีมาสองสามคน ผมก็ได้เลี่ยงนัดเวลาที่จะได้อยู่กับพู เสียสละแค่ช่วงเวลาตอนไปเข้าห้องน้ำเพื่อให้พวกเธอได้พูดบอก แล้วก็เอ่ยปฏิเสธเช่นเคย กับน้องฟ้าก็คงไม่ต่างกัน


“แต่พี่ชอบพู” สั้นๆ ง่ายๆ เช่นเคย น้องฟ้าพยักหน้ารับนิดๆ แล้วส่งยิ้มบาง


“ขอบคุณที่บอกกันตรงๆ ค่ะ จะว่าไป...พูก็น่ารักนะคะ”


“มาก” ผมตอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ใครไม่ชอบพูก็โง่เต็มทน ทุกวันนี้พี่ต้องคอยขวางคนที่จ้องจะงาบเขาทุกวัน” คิดแล้วก็เศร้าใจ เจ้าตัวไม่เคยมารับรู้ด้วยเลยว่ามีใครหมายปองเขาอยู่บ้าง ผมต้องคอยกันพวกมันให้ออกห่างจากพู ได้ยินว่าใครคิดจะสารภาพรักทีไรเป็นต้องหาเรื่องไปขวางทุกที


เพราะพูน่ะ มีเสน่ห์ทั้งกับเพศหญิงและเพศชาย พวกผู้หญิงน่ะ แค่เข้าไปใกล้ พูดจาหวานๆ พวกเธอก็เปลี่ยนใจมาชอบผมกันหมดแล้ว แต่พวกผู้ชายนี่สิ บางคนก็เนียนเป็นเพื่อนแล้วคอยเข้าหาพูอยู่ตลอด ยังดีที่แบงค์เพื่อนพูไม่ปล่อยผ่านเลยช่วยกันๆ ไว้ได้ ส่วนบางคนที่จ้องจะจู่โจมตอนเข้าแถวหน้าเสาธง ผมก็ตีเนียนไปทำทีดุเรื่องเสื้อออกนอกกางเกงบ้าง ใส่รองเท้าเหยียบส้นบ้าง แต่เพราะพวกนี้ทำผิดจนเป็นนิสัย ผมก็เลยหาเรื่องให้มันหยุดลวนลามพูด้วยสายตา


แจ้บอกว่าผมเป็นบ้าที่คิดอะไรไร้สาระแบบนั้น ทั้งๆ ที่พวกนั้นอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้ ผมแค่คิดมากไปเอง


ก็นะ...ผมหวงคนของผมนี่


“แล้วนี่...พี่เจตจะอยู่รอพูหรือกลับเลยคะ” น้องฟ้าถามต่อ


“พี่จะไปฟังประกาศผลประกวดน่ะ ก็คงจะไปพร้อมพู” เลิกสอบเมื่อไหร่จะฟัดจูบให้หนำใจเลย กล้าดียังไงมาทำให้ผมเสียใจ


สายตาที่มอบให้พูก่อนจากกันนั้นมาจากใจจริงของผม และตอนนี้พูคงเอาแต่กังวลอยู่แน่ๆ แต่จะห้ามตัวเองก็ไม่ทันแล้ว ผมเสียใจที่เขาเลือกผลักไสผมไปง่ายๆ


“งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ พูคงใกล้สอบเสร็จแล้ว” ผมบอกลาน้องฟ้าแล้วเดินจากมา


เดินออกมาได้ไม่นาน เสียงเรียกเข้าก็ดังอยู่สักพักก่อนสายจะตัดไป ผมควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วกดรับเมื่อเบอร์คุ้นเคยแสดงบนหน้าจอ


(คุณเจต...)


“ครับ คุณพร” ผมเอ่ยทักแม่เลี้ยงพลางมองสีหน้าเพื่อนร่วมห้องของพูที่ทยอยลงมาจากอาคาร เด็กพวกนั้นเอาแต่บ่นว่าทำไม่ได้ คิดว่าพูของผมก็คงบ่นไม่ต่างกัน


อยากเจอหน้าแล้วสิ


(จะไม่มาเยี่ยมคุณพ่อเหรอคะ) วินาทีที่สดใสก่อนหน้ากำลังดิ่งลงอย่างรวดเร็ว


“ว่างๆ จะแวะไปครับ” แม้จะพอมีเวลาว่างอยู่บ้าง แต่กลับไม่คิดจะไปจะไปหาใครคนนั้น


ผมคงเป็นลูกทรพีสินะ


(คุณพิศิษฐ์ไม่เหลือใครแล้วนะคะคุณเจต...) น้ำเสียงแฝงแววกังวลจากปลายสายทำให้ผมเอ่ยถามออกไป


“ก็ยังมีคุณพรกับลูกๆ...”


(พรกำลังจะแต่งงานค่ะ)


“ห้ะ” เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องอะไร ใครแต่งงานกับใคร อะไร? นี่ผมงงไปหมดแล้ว “อะไรนะครับ ผมไม่เข้าใจ”


(มันถึงเวลาที่พรจะต้องบอกความจริงกับคุณเจตแล้วค่ะ ช่วยมาหาพรที่...) เธอนัดผมไปยังร้านกาแฟใกล้โรงพยาบาลที่พ่อรักษาตัว ผมจึงตอบตกลงทันที หันมองเพื่อนพูที่เดินผ่านมาทางนี้แล้วสะกิดเรียก


“นี่ นายน่ะ” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วเดินมาหาผม “ฝากบอกพูว่าพี่มีธุระ เดี๋ยวจะโทรหา” เด็กคนนั้นดูมึนๆ คงยังงงงวยกับข้อสอบไม่เลิก พอเห็นเขาพยักหน้ารับแล้วเดินไปอีกทางผมก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความกังวล


ก็ไม่รู้หรอกครับว่าจะฝากข้อความไปถึงพูไหม แต่ผมต้องรู้เรื่องของพ่อให้เร็วที่สุด
.
.
.
.
.
“นั่งก่อนค่ะ” คุณพรยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์ ซึ่งเธอก็ร่ายยาวเมนูหลายอย่างก่อนจะส่งยิ้มบางมาให้ผม


“คิ้วขมวดไปก็ไม่ช่วยให้รู้เร็วขึ้นหรอกค่ะคุณเจต ทานอาหารกันก่อนดีกว่า ให้พรได้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อก็ยังดี”


ผมถอนหายใจ รู้ดีว่าคาดคั้นไปเธอก็คงไม่ยอมบอก จึงยอมกินอาหารไปตามคำชวน กินเสร็จผมก็นั่งกอดอก รอเธอทานอาหารเรียบร้อยแล้วเข้าประเด็นทันที


“ที่บอกว่าคุณจะแต่งงาน หมายความว่าไง” ถึงจะห่างกับพ่อมานาน แต่ผมยังห่วงพ่ออยู่เสมอ และผมยอมไม่ได้ถ้ามีใครมาทำให้พ่อต้องเสียใจ


แค่เพราะผมก็มากเกินพอแล้ว


“ใจเย็นๆ สิคะ” คุณพรยิ้ม “ที่ปิดไว้นานขนาดนี้ก็เพราะพ่อคุณขอไว้ ใจจริงพรอยากจะบอกคุณเจตตั้งแต่วันที่คุณช่วยลูกสาวของพร เห็นคุณไม่ได้อคติกับเด็กไร้เดียงสา พรก็อยากช่วยปรับความเข้าใจให้คุณทั้งสองเร็วๆ เพียงแต่คุณพิศิษฐ์น่ะทิฐิเยอะเกินไป คุณเจตก็ดื้อ เลยดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก ยิ่งเกิดเหตุการณ์วันนั้นอีก...” วันที่พูป่วยสินะ


“เข้าเรื่องเถอะครับ” ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


“โอเคค่ะๆ” เธอหัวเราะนิดๆ เมื่อเห็นว่าผมเริ่มอารมณ์ไม่ดี “พรกับคุณพิศิษฐ์ เราไม่ได้รักกัน ไม่เคยคบกันในแง่นั้น แต่ที่ต้องอยู่ด้วยกันก็เพราะความจำเป็น...”


“...”


“ช่วงที่เข้ามาทำงานกับคุณพิศิษฐ์แรกๆ พรท้องค่ะ ท้องกับคนที่พรรัก เพียงแต่เขาจากไปกะทันหันก่อนที่ใครจะรู้ว่าเราคบกัน ครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่เชื่อว่าลูกของพรเป็นหลานเขา พ่อแม่พรก็เสียกันไปก่อนหน้านี้แล้ว พรไร้ที่พึ่ง เคยคิดจะฆ่าตัวตายแต่คุณพิศิษฐ์เข้ามาช่วยไว้ มาขอรับเป็นพ่อของลูกในท้องพร ทั้งๆ ที่เขาก็เพิ่งเสียภรรยาไป พรรู้ว่าเห็นแก่ตัวที่ยึดพ่อของคุณไว้เป็นที่พึ่งมาตลอดหลายปี ใช้พ่อของคุณกลบเสียงนินทาว่าร้าย และปล่อยให้เขากลายเป็นคนชั่วที่มีคนใหม่ทันทีที่ภรรยาจากไป พรขอโทษนะคะ...” เธอปาดน้ำตาก่อนจะพูดต่อ “ขอโทษที่ทำให้พ่อของคุณต้องกลายเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น”


“แล้ว...คุณกับพ่อ ไม่ได้รักกันเลยเหรอ...” อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี จะไม่มีแม้แต่เสี้ยวใจมอบให้กันเลยเหรอ


“ไม่เลยค่ะ แม้พรจะคิดว่าเราอยู่ด้วยกันอาจจะชอบกันบ้าง แต่คุณพิศิษฐ์ไม่เคยลืมภรรยาได้เลยสักวัน” เธอมองผมแล้วยิ้มให้ “คุณพิศิษฐ์รักแม่ของคุณมากนะคะ และก็รักคุณมากด้วย เขากลัวว่าคุณจะถูกสังคมรังเกียจถึงได้พยายามเปลี่ยนใจคุณ และเพราะห่วงคุณมากถึงได้แย้งหัวชนฝาแบบนั้น ความจริงแล้วเขาไม่เคยอคติกับรักร่วมเพศหรอกค่ะ”


“พ่อไม่เคยบอก...” ไม่เคยบอกผมเลยสักครั้ง แสดงแต่ท่าทีรังเกียจอย่างนั้นผมก็ตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้


“เจอหน้ากันก็เอาแต่เงียบใส่ทั้งคู่น่ะสิคะ ถึงได้ไม่เคยคุยกันจริงจังสักที” เธอเอื้อมมือมากุมมือผมไว้ “พรขอร้องค่ะคุณเจต ตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่คุณนะคะ พรกับลูกๆ เอง ก็กำลังจะมีครอบครัวใหม่ ที่นี่ ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เคียงข้างคุณพิศิษฐ์เลย จ้างพยาบาลพิเศษให้เขาก็ไม่เอาท่าเดียว มีแต่คำอวยพรที่มอบให้พรกับลูกๆ มีความสุข พ่อของคุณเป็นคนดีเสมอเลยนะคะ” เธอยิ้มให้ก่อนจะขอตัวออกไปเพราะมีนัดกับว่าทีสามีของเธอ


ผมเพิ่งรู้ว่าเธอกำลังจะเดินทางไปจัดงานแต่งที่ต่างจังหวัด และเพราะอย่างนั้นจึงไม่มีใครดูแลพ่อ เธอจึงเลือกที่จะบอกความลับที่พ่อซ่อนไว้ก่อนเธอจะไป



.................................



ประตูห้องพิเศษส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด แต่ไม่รบกวนคนที่หลับใหลอยู่บนเตียง ผมปิดประตูลงเงียบๆ แล้วนั่งลงข้างเตียงพ่อ มองใบหน้าซีดเซียว รวมถึงรอยย่นบนใบหน้าที่มากขึ้นจนผมไม่ทันสังเกต นานเหลือเกินที่พ่อไม่ได้หนุ่มแน่นถึงขนาดโยนผมโบยบินในอากาศได้อีกแล้ว


“ปิดปังกันได้นะพ่อ” ผมเอ่ยเสียงเบา “จะเป็นคนเลวในสายตาผมไปถึงไหน แค่พูดความจริงมันยากนักเหรอ” รู้ว่าพ่อไม่ตอบ แต่ผมก็ยังคงถาม


“ผมไม่ใช่คนในครอบครัวพ่อ ไม่ใช่ลูกของพ่อหรือยังไง เรื่องแบบนี้ทำไมต้องแบกรับอยู่คนเดียว บอกผมสิ อย่างน้อยก็บอกผมบ้าง ทำไมต้องทำให้ผมเป็นคนโง่ที่ก่นด่าพ่อตัวเองมาตั้งหลายปี...” ผมสูดน้ำมูก กระพริบตาถี่ไล่น้ำตาที่เอ่อล้น แล้วมองพ่อที่ยังคงหลับอยู่ “ให้ผมจมอยู่กับความรู้สึกแย่ ที่เป็นอย่างที่พ่อต้องการไม่ได้” ผมเอื้อมไปจับมือของพ่อมาแนบแก้ม


“เราเลิกโกรธกันได้ไหม ผมไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่เคยสนว่าใครจะมองยังไงอยู่แล้ว แค่พ่อไม่ได้รังเกียจที่ผมเป็นแบบนี้...เท่านั้นก็พอแล้ว ผมไม่ได้ต้องการอย่างอื่น ทรัพย์สมบัติของพ่อผมก็ไม่ต้องการ แค่พ่อเข้าใจผม ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ว่าความรักของผมไม่ได้เลวร้าย และมันไม่ได้ต่างจากที่พ่อรักแม่เลย ผมขอแค่นั้น พ่อให้ผมได้ไหม”


ผมหลับตาลง ซึมซับความเจ็บปวดที่อัดอั้นมาหลายปี มืออุ่นของพ่อยังคงเหมือนวันวานที่ลูบหัวลูบหน้าผม ยังคิดถึงช่วงเวลาที่เราได้หัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เป็นครอบครัวที่ใครๆ ก็อิจฉา แต่เพราะความสูญเสียที่เข้ามากะทันหันและความเข้าใจไม่ตรงกันของเรา ทุกอย่างถึงได้แย่ลงแบบนี้


“พ่อต่างหากที่ต้องขอโอกาสจากลูก” เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้น ผมมองผ่านม่านน้ำตาและเห็นว่าพ่อก็ร้องไห้ไม่ต่างกัน “พ่อขอโทษที่หลายปีมานี้เอาแต่ยึดตัวเองเป็นหลัก ไม่เคยถามความเห็นลูกเลย” มือหนายกขึ้นลูบหัวผมแผ่วเบา แต่เท่านั้นก็ทำให้ผมเต็มตื้นในอก น้ำตาไหลรินออกมาจนไม่อาจหยุดได้


“พ่อ...” ผมโผเข้ากอดพ่อแน่น กอดให้สมกับที่อยากกอดแต่ทำไม่ได้ เพราะทิฐิของเราทั้งคู่ หลังจากแม่เสียความใกล้ชิดนี้จึงไม่เคยมีอีกเลย


พ่อลูบหลังผมช้าๆ แล้วหัวเราะออกมา


“ฮะๆ เจ้าเด็กขี้แยเอ้ย” ผมจะยอมให้พ่อล้อวันหนึ่งก็แล้วกัน “เหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิดเพี้ยนเลย เรากอดกันกลมแบบนี้ตอนที่แม่ของลูกจากไป น้ำหูน้ำตาไหลปนกันมั่ว ใครๆ ก็ว่าลูกพ่อน่าเกลียด”


“ถึงจะน่าเกลียดก็มีคนมาบอกชอบละกัน” ผมเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่ยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจ


“บ้ะ หลงตัวเองไม่เปลี่ยนอีกด้วย ฮะๆ” พ่อหัวเราะขณะที่ผมค่อยๆ ผละออกเพราะเกรงว่าพ่อจะหายใจไม่ออก “เชื้อพ่อมันแรงก็อย่างนี้ล่ะ”


“เว่อร์ไปแล้วพ่อ” เราคุยกันเหมือนพ่อลูกที่สนิทกันมาก ทั้งที่เราเพิ่งคุยเล่นกันเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมาหลายปี แต่ทุกอย่างก็ต่อติดราวกับว่า...เราไม่เคยห่างกัน


“ทำไมพ่อถึงไม่บอกเรื่องคุณพร” ผมเอ่ยถามพลางปลอกผลไม้ให้พ่อที่เรียกร้องอยากจะกินทั้งๆ ที่ผมก็ปลอกไม่เป็น นี่ก็คว้านเนื้อทิ้งไปเยอะอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นพูคงปลอกได้ดีกว่า


“พ่อไม่อยากให้ลูกเกลียดพวกเขา”


“แต่ปล่อยให้ผมเกลียดพ่อเนี่ยนะ”


“พ่อรู้ว่าลูกไม่ได้เกลียดพ่อหรอก” พ่อมองผมด้วยสายตารู้ทันจนเริ่มจะร้อนตัวนิดๆ “คุณพรเล่าให้พ่อฟังทุกเรื่อง มีที่พ่อสืบมาอีกถึงได้รู้ว่าลูกไม่ได้อคติกับเธอและเด็กๆ เลย แอบไปเที่ยวเล่นกันไม่ให้พ่อรู้ แล้วก็มาทำตีมึนใส่พ่อเหมือนรังเกียจพวกเขาเสียเต็มประดา” ผมหลับสายตานั้นแล้วอ้อมแอ้มตอบ


“เด็กพวกนั้นบริสุทธิ์ ผมไม่คิดร้ายกับพวกแกหรอก คนเป็นหมอคิดแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด...” ผมชะงักแล้วครุ่นคิดอยู่ในใจก่อนจะเอ่ยปากบอกพ่อไปตามตรง


“ผมอยากเป็นหมอ”


“ก็ไม่มีใครห้ามนี่” พ่อพูดสบายๆ พลางยกตัวขึ้นพิงหัวเตียงโดยมีผมคอยช่วยพยุง “อยากเป็นอะไรก็แล้วแต่ลูกเถอะเจต เรื่องงานพ่อหาคนมาสานต่อได้ แต่สิ่งเดียวที่พ่อหาคนมาแทนไม่ได้ก็คือลูก” พ่อเอื้อมมือมาบีบไหล่ผมเบาๆ


“วินาทีที่พ่อเกือบตายมันทำให้พ่อเข้าใจว่าอะไรสำคัญ แต่พ่อก็รู้สึกผิดต่อลูกเกินกว่าจะขอให้ลูกยกโทษให้”


“ผมให้อภัย” คำที่เคยคิดว่าเอ่ยยาก แต่ตอนนี้กลับพูดได้อย่างง่ายดาย “พ่อเองก็สำคัญสำหรับผม”


“ขอบใจนะ...ที่ยกโทษให้พ่อ”


“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ความชอบของผมทำให้พ่อต้องกังวลมาตลอดหลายปี” ผมสบตาพ่อด้วยความแน่วแน่ “แต่ยังไงเรื่องนี้ผมก็คงเปลี่ยนให้พ่อไม่ได้” ผมรักพูเกินกว่าจะยอมเลิกรักเขา แม้อีกฝ่ายจะไม่รักตอบก็ไม่เป็นไร


“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก เจตพิสูจน์ให้พ่อเห็นแล้วว่าความรักของลูกไม่ได้ทำให้ชีวิตของลูกแย่ลง กลับกัน พ่อรู้สึกว่าลูกดูสดใสขึ้นมากนะ ตั้งแต่มีเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ด้วย ลูกของพ่อก็ดูเหมือนจะอ่อนโยนมากขึ้น”


“พูเป็นทุกอย่างของผม การได้มีเขาอยู่ในชีวิตเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข” ผมยิ้มนิดๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะเปิดรูปคนรักให้พ่อดู แต่หน้าจอกลับดับสนิทเสียอย่างนั้น


“แบตหมดเหรอเจต” พ่อเองก็คงสังเกตเห็นว่าผมกดเปิดเครื่องเท่าไรก็ไม่ยอมติด


“ครับ แต่คงไม่มีเรื่องอะไรหรอก” ผมยัดโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกง พูดคุยกับพ่อต่ออีกไม่นานก็หมดเวลาเยี่ยม


“ไปก่อนนะพ่อ...พรุ่งนี้จะหอบเสื้อผ้ามาเฝ้า” ตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากนี้จะดูแลพ่อให้มากขึ้น


“โอ้ย ไม่ต้องมาเฝ้าพ่อหรอก พ่ออยู่ได้สบายๆ มีพยาบาลสวยๆ แจ่มๆ มาดูแลตลอดอยู่แล้ว แกมาอยู่ด้วยเดี๋ยวก็แย่งคะแนนความนิยมของพ่อไปหมด”


“หึหึ ยังไงผมก็จะมา”


เราส่งยิ้มให้กันก่อนที่ผมจะหันหลังกลับออกไปด้วยความรู้สึกโล่งไปทั้งใจ มีความสุขจนอยากแบ่งปันให้พูรับรู้


อืม แต่กว่าจะถึงบ้านพู พูก็คงนอนแล้ว ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน ไถ่โทษที่วันนี้หายหัวไปทั้งวัน


ผมให้คำตอบตัวเองแล้วโบกรถกลับบ้าน ตั้งหน้าตั้งตาจัดกระเป๋าจนลืมว่าต้องชาร์จแบต แต่เพราะสายตาเหลือบไปเห็นปฏิทินที่มักจะกาวงสีแดงไว้ทุกปีจึงชะงักอยู่กับที่


“ชิบหายวันนี้วันเกิดพู” ผมมองนาฬิกาที่เข็มสั้นเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่เลขหนึ่งแล้วถอนหายใจอย่างปลงๆ ไม่เคยทันเป็นคนแรกที่ได้สุขสันต์วันเกิดพูเลย ปรายตามองกล่องของขวัญที่เตรียมไว้หลายปีแต่ไม่เคยให้ก็ได้แต่ถอนหายใจ


ปีนี้อุตส่าห์ได้ใกล้กันก็ยังทำพลาดอีกนะเจต สมควรแล้วที่เขาจะไม่เอามึง


ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด พรุ่งนี้คงต้องลากน้องชายไปเลือกซื้อของอย่างช่วยไม่ได้


ซื้ออะไรให้พูดีนะ


เอาตัวเองผูกริบบิ้นเลยได้ไหม...








TBC.









⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ครึ่งแรกค่ะ เอาพี่เจตมาเสิร์ฟก่อน ครึ่งหลังเป็นของถั่วพี่ รายนั้นความลับเยอะเกิ้น 55555

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ น่าร้ากกกกกกกทุกคนเลย ขอบคุณที่ติดตามนะคะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.1 [02-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-07-2017 02:40:35
 :hao7: :hao7: :hao7:  อีพูคลั่งตายไปละมั่ง คิดมากไปถึงไหนละ 5555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.1 [02-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-07-2017 08:44:04
ทำไมกลายเป็นนิยายซับซ้อน ซ่อนเงื่อนขนาดนี้
อ๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.1 [02-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-07-2017 09:00:57
เจตคงไม่ทำจริงนะ สงสารพู 55555

ลงเอยด้วยดีแล้วนะ กว่าจะเข้าใจกัน ก็ต้องเสียเวลาไปตั้งนาน

น้ำตาปริ่มมากเลยค่ะ พ่อลูกผูกพัน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.1 [02-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 02-07-2017 22:33:15
เอ้า พูก็หาเจต ติดต่อไม่ได้ทั้งคืนเลย
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.1 [02-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-07-2017 01:24:12
 :call:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.1 [02-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: peettato ที่ 12-07-2017 01:20:30
อยากอ่านจัง มาเมื่อไหร่น้อ :katai5:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.2 [13-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 13-07-2017 01:42:09
บทที่ 26.2
เหตุเกิดเพราะ...ความลับ




[ลันเตา]


จัดการเรียบร้อยแล้วครับท่านชูการ์


ผมก้มมองข้อความจากลูกน้อง พิมพ์ตอบไปสั้นๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจน้องชายที่ไม่ได้เจอกันมานาน พูหลับไปแล้ว เอื้อมมือเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าน้องพลางลูบหัวไปด้วย


ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ หึ ยังขี้แยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน


นั่งมองพูอยู่สักพักก็ลุกไปจัดการเรื่องที่ต้องทำ ผมกลับห้องตัวเอง กดรหัสเซฟแล้วหยิบชิ้นส่วนโน้ตบุ๊กเครื่องเก่าออกมา ซึ่งมีรอยเลือดจากเจ้าของเดิมอยู่ แต่ก็นานเกินกว่าจะเช็ดคราบนั้นออกแล้ว พอประกอบเครื่องเสร็จผมก็ต่อสายชาร์จแล้วเปิดเครื่องพลางนึกถึงวันแรกที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวงจรบ้าบอนี้


4 ปีก่อน

“ไอ้เปรม! ไอ้เชี่ยนี่แม่งแฮกเกมกู!” ผมร้องลั่นแล้ววิ่งแบกคอมไปหาเพื่อนซี้ที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่


โคตรเป็นเพื่อนที่ดีเลยกู


“มึงเป็นคนสร้างไม่ใช่เหรอวะ ใครมันแฮกของมึงได้เนี่ย” เปรมหัวเราะพลางก้มมองหน้าจอโน้ตบุ๊กของผมที่ขึ้นจอแสดงว่าโดนแฮกเต็มๆ ผมก็ใส่โค้ดสู้กับมันครับ ใครจะไปยอมไอ้ชั่วที่ไหนไม่รู้มาแย่งของๆ ตัวเองล่ะ กว่าจะสร้างเกมนี้ได้เสียเงินไปไม่ใช้น้อย มา! มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย


แพ้ราบคาบ แพ้แบบไม่มีอะไรสู้ได้เลย แม้หน้าจอจะกลับมาเป็นแบบเดิมแล้ว แต่ตัวละครที่ผมสร้างโดนมันขโมยไปหมดแล้ว สัด อย่าให้กูรู้นะว่าใคร กูจะเอาเลือดหัวมึงออก!!!


Salt : ดี


จู่ๆ ตัวละครในเกมของผมก็ทักมา ตอนแรกนึกว่าได้คืนมาแล้ว เปล่าเลย ไอ้หัวขโมยชั่วมันส่งข้อความมาเยาะเย้ย


GU : เป็นเชี่ยอะไรของมึงถึงมาแฮกเกมกู แฮกไม่พอยังเอาตัวของกูไปอีก เลว มึงเลวมาก


Salt : โทษทีด้วยว่ะ พอดีเกมของมึงสนุกมาก เสียแต่อัพเลเวลได้ไม่กี่ระดับ มีแค่ตัวละครของมึงที่ไปต่อได้ กูก็เลยอยากขอยืมตัวของมึงมาเล่นก็เท่านั้น พอครบทุกด่านเดี๋ยวก็คืน


ผมไม่สนแล้วว่ามันจะคืนไม่คืน เพราะตอนนี้...


GU: เห้ย สนุกเหรอวะ


ช่างเรื่องบาดหมางก่อนหน้านี้ไปเลย ไอ้แฮกเกอร์ตัวฉกาจมันชอบเกมผม ขอภูมิใจแป๊บนึง แล้วก็ถามความเห็นมันเรื่องเกมที่กำลังพัฒนาอยู่ ตั้งใจไว้ว่ากูไม่เรียนแล้ว เอาเกมไปขายแล้วเที่ยวรอบโลกดีกว่า มันก็ใจดีนะ ช่วยบอกข้อดีข้อเสียของเกมให้ผมได้เอาไปปรับแก้ รวมถึงวิธีป้องกันการแฮกหากเกิดกรณีคนชั่วแบบมันเข้ามาขโมยอีก ผมกับมันเลยคุยกันยาวจนไอ้เปรมคิดว่าผมตกหลุมรักแฮกเกอร์ไปแล้ว เวรเถอะ!


จนวันหนึ่งที่เกมของผมพัฒนาไปไกลมาก ยิ่งได้คนเก่งๆ อย่างไอ้ซอลท์มาช่วยปรับให้ดีขึ้น ยิ่งเจ๋งสุดๆ ไปเลย ผมจึงไม่พลาดที่จะเอาเกมนี้ไปขายให้บริษัทเกม หวังได้เงินเยอะๆ จะได้เอาไปซื้อของขวัญให้น้องชายเพราะใกล้ถึงวันเกิดมันแล้ว


แต่เรื่องเชี่ยๆ ก็เกิดขึ้น


ผมเซ็นสัญญาเพราะคิดว่านั่นคือการซื้อขายเกมระหว่างเรา เพราะจากที่ดูท่าทีและการพูดคุยเรื่องสัญญา พวกเขาเองก็สนใจเกมของผมอยู่พอตัว แต่พอถึงวันเปิดตัวกลับโกงเกมผมไปอย่างหน้าด้านๆ


“เด็กม.ปลายอย่างนายน่ะเหรอจะได้มาทำอะไรซับซ้อนแบบนี้ หึ เป็นไปไม่ได้หรอก” ผมยืนเคว้งคว้างท่ามกลางผู้ใหญ่ที่มองมาอย่างเหยียดหยามและดูถูก ชื่นชมทีมออกแบบเกมของบริษัทที่แค่เพิ่มสัญลักษณ์บริษัทเข้าไปในเกมเท่านั้น ส่วนผมที่สร้างและพัฒนามาตลอดหลายปีกลับไม่มีความหมาย


ไม่มีแม้แต่ชื่อในเกมที่ตัวเองสร้างมากับมือ


ผมเศร้าไปเป็นเดือน เลิกแตะคอม เลิกหมดทุกสิ่งอย่างจนน้องชายแปลกใจ แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรผมหรอก มีแต่มาเมียงมองจนผมทนไม่ไหวจับมันมาฟัดแก้มช้ำเลยโดนแม่ด่าเปิง ไล่ไปซื้อน้ำตาลทรายหน้าปากซอย ซึ่งแม่ไม่ได้รู้เลยว่าลูกชายตัวดีอย่างผมเป็นพวกหน้าบอกบุญไม่รับ


“เห้ย! มองหน้าหาเรื่องกูเหรอ!” มาอีกล่ะพวกนักเลงหัวไม้ ผมโคตรเบื่อพวกมันเลย แดกเหล้าจนเดินเซยังคิดจะมีเรื่องกับคนอื่นอีก นี่ศิษย์คุณสมศรีนะ เตะป๊าบหนึ่งพวกมันคงนอนหยอดข้าวต้มกันหมดนี่ล่ะ


“หลีก” ผมอุตส่าห์เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี แต่พวกมันไม่ถอย ดาหน้าเข้ามารองตีนผมกันหมด ก็เลยแจกน้ำตาลไปคนละป๊าบสองป๊าบจนน่าจะหายสร่างแล้วล่ะ


“ท่านชูการ์!” ไอ้เด็กม.ต้นสามสี่คนที่ยืนแอบมองหลังเสารีบโผล่พรวดเข้ามาพร้อมกับฉายาบ้าๆ บอๆ ของพวกมัน


“อะไรของพวกมึง ดึกแล้วกลับบ้านไปไป๊” ผมไล่พวกมันก่อนจะหันหลังเตรียมตัวกลับ ตอนแรกคิดว่าเป็นเพื่อนพู แต่ชุดนักเรียนที่เด็กพวกนั้นใส่เป็นตราโรงเรียนเดียวกับผม ซึ่งอยู่คนละโรงเรียนกับน้อง ไอ้พูมันติดเพื่อนเลยเลือกที่จะทิ้งพี่ชายผู้แสนดีไปอยู่กับไอ้เด็กบ้าเสื้อ หึ เห็นเพื่อนดีกว่าพี่


“เดี๋ยวครับ พี่เป็นไอดอลของพวกผมเลย” ไอ้สองตัวหลังพยักหน้าหงึกหงักตาม “ขอเรียกท่านชูการ์ได้ไหมครับ”


ส่งสายตาลูกหมามาแล้วกูจะทำอะไรได้วะ


“จะเรียกอะไรก็เรื่องของพวกมึงเถอะ กลับบ้านได้แล้ว พ่อแม่เป็นห่วงตายห่า” บ่นจบผมก็เดินหน้านิ่งออกมาก่อนจะหลุดยิ้ม ท่านชูการ์เหรอวะ ก้มมองถุงน้ำตาลที่แตกแล้วก็ได้แต่หน้าซีด “จะโดนแม่ก้านคอใส่ไหมวะเนี่ย” ล้วงเศษเงินในกระเป๋า นับดูแล้วน่าจะพอซื้อใหม่อีกถุงพอดี เลยเดินกลับไปซื้อน้ำตาลทรายถุงใหม่ให้แม่ กันไว้ดีกว่าแก้ครับ


“ไม่กลับพรุ่งนี้เลยล่ะลัน” แม่ยิ้มเหี้ยม ใบหน้าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคงเริ่มโมโหแล้ว ผมมองหาตัวช่วยอย่างพ่อหรือพู แต่สองคนนั้นไม่อยู่บริเวณนี้เลย ถึงถั่วน้องมันจะโดนแม่บ่นโน่นนี่และชมผมให้มันฟังบ่อยๆ ก็ตาม แต่ลูกรักแม่ก็คนโน้นล่ะ ทำอาหารและงานบ้านเป็นทุกอย่าง ส่วนผมน่ะเหรอ


“วันนี้เรามาซ้อมกันสักหน่อยไหมคะลูกลัน” เสียงกรอบแกรบของนิ้วที่แม่หักเล่นทำผมใจฝ่อ


ทำไมกูต้องเกิดมาหัวไวเรื่องชกต่อยด้วยวะเนี่ย


แม้เข้ามาล็อคคอผมแล้วพาเดินไปอีกทาง เฮ้อเป็นกระสอบทรายอีกแล้วสิเนี่ย
.
.
.

หลายวันผ่านไป ผมกลับมาเล่นเกมแก้เซ็งอีกครั้งเพราะน้องชายไปค่ายลูกเสือ จึงได้รับข้อความจากซอลท์ มันถามว่าทำไมผมไม่ออนเลย ผมจึงเล่าเรื่องให้มันฟัง พอรู้มันก็โวยวายก่อนจะหายตัวไปหลายสัปดาห์ กลับมาอีกครั้งก็ทำผมอึ้งจนพูดไม่ออก


 มันแฮกข้อมูลของทุกคนที่เล่นเกมที่ผมสร้าง แล้วขู่ว่าถ้าไม่ส่งเงินให้มันก็จะเผยแพร่ข้อมูลลับเหล่านั้น บริษัทเกมเดือดร้อนอย่างมากเพราะไม่รู้จะกู้คืนข้อมูลอย่างไร ซอลท์ปิดทุกเส้นทาง จนสุดท้ายมันก็เปลี่ยนคำขู่ให้เลิกซื้อเกมบริษัทนั้นเพื่อคืนข้อมูลแก่ทุกคนทั้งหมด


ทุกอย่างดูเหมือนจะจบสวยงามหากไม่ใช่เพราะมันก็อปปี้ข้อมูลลับของใครบางคนเข้า


ซอลท์แฮกข้อมูลขนส่งอาวุธที่มีไอ้โง่คนหนึ่งใช้คอมฯบริษัทลงเกมพอดี มันเลยได้ข้อมูลนั้นมา แต่ซอลท์ก็ไม่เปิดเผยว่าเป็นของใคร บอกแค่ว่าได้ข้อมูลสำคัญมา ก่อนเจ้าตัวจะหายไปและไม่ตอบผมอีกเลย


แต่วันหนึ่งผมก็ได้รับข้อความจากซอลท์ว่ามันกำลังถูกล่า เลยต้องหนีมาอยู่กับป้า ซึ่งก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก แต่ตอนนี้กำลังเข้ากันได้ดีกับเพื่อนใหม่ พอได้รู้ผมก็ยินดีกับมัน เพราะเท่าที่คุยกันซอลท์ไม่เคยมีเพื่อนคนอื่นนอกจากผม ดีใจที่มันออกไปหาเพื่อนที่เป็นคนจริงๆ มากกว่าเพื่อนในโลกไซเบอร์ แม้จะเหงานิดหน่อย แต่ได้แกล้งน้องชายทุกวันชีวิตผมก็มีความสุขดี พอโทรไปบอกมันว่าจะเข้าครัว พูก็รีบแจ้นกลับมาบ้านทันที สีหน้าตื่นตระหนกของน้องทำผมหัวเราะได้เสมอ


แต่เริ่มจะหัวเราะไม่ออกตอนที่ได้รับข้อความจากเพื่อนแฮกเกอร์


ซอลท์นะ กูมีเวลาไม่มาก มาเจอกันที่...


ผมจับน้องมาฟัดแก้มก่อนจะเดินหน้ามึนหนีออกมาไม่ทันให้มันได้โวยวายอะไร รีบไปตามนัดเพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องสำคัญ


เอี๊ยด...โครม


เสียงรถชนดึงความสนใจของผมไปทันที ร่างเล็กที่ขับมอเตอร์ไซค์นอนนิ่งอยู่บนพื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ บอกไทยมุงให้แหวกทางแล้วโทรเรียกรถพยาบาล ภาวนาให้สิ่งที่คิดไว้ไม่ใช่ความจริง


“ไอ้เกลือ...” ผมเรียกชื่อเพื่อนสนิทน้องชายเสียเบา เด็กชายที่เข้ามาเที่ยวหาที่บ้านบ่อยๆ ตลอดหนึ่งปี เพื่อนพูคนเดียวที่ยกมือไหว้ผมพร้อมส่งลักยิ้มเล็กๆ ข้างแก้มมาให้เสมอ


“พี่..ลัน” เกลือมันคงเจ็บมาก สีหน้ามันบิดเบี้ยวดูไม่ได้เลย “ผะ...ผมฝากพี่เก็บนั่นให้ผมหน่อย” มันชี้ไปยังกระเป๋าเป้ซึ่งอยู่ห่างไปไม่มาก ผมวาดมืดไปหยิบมาอย่างรวดเร็วแล้วตั้งใจจะรูดซิบเปิด


“อย่า...พี่ห้ามเปิดมันเด็ดขาด”


“ทำไมวะ หวงเชี่ยอะไรนักหนา”


“เก็บไว้ให้ชูการ์...เขาจะมารับมันไป” ผมชะงักมือที่จับมือมันไว้


อะไรนะ ชูการ์? ฉายาบ้าๆ นั่นมันกูไม่ใช่เหรอ


“มึง...ซอลท์เหรอวะ”


“มึง...ชูการ์เหรอวะ”


“สัด กูรุ่นพี่มึงไหม จะตายห่าอยู่แล้วใช้คำให้มันดีๆ หน่อย”


“หึๆ ดีใจที่ได้เจอว่ะ ใกล้ตัวชิบหาย ซี๊ด เจ็บว่ะ” เลือดบนหัวมันยังไหลไม่หยุด ผมเร่งกวาดตามองหารถโรงพยาบาลซึ่งยังไม่มีแม้แต่วี่แวว ส่วนไอ้คนที่ขับรถชนไอ้เกลือแม่งยืนพิงรถยนต์กดโทรศัพท์ยิกๆ มึงยังเป็นคนอยู่ไหมวะ


“เห้ย มึงอะ! พาน้องกูไปโรงพยาบาลด่วนเลย! ชนแล้วก็รับผิดชอบสิวะ” มันกลอกตาไปมาแล้วหันหลังเมินพวกผม ชาวบ้านก็ก่นด่ามัน แต่ก็ไม่มีแม้แต่รถสักคันที่จะมีน้ำใจพาไอ้ซอลท์ไปโรงพยาบาล จนกระทั่งรถโรงพยาบาลมาถึง บุรุษพยาบาลช่วยทำแผลให้มันเบื้องต้น แต่ก่อนจะถูกนำตัวขึ้นรถมันก็ดึงผมให้โน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อกระซิบบอก


“สามปีต่อจากนี้ วันเกิดพู พาสเวิร์สกูอยู่ที่มัน” เกลือส่งยิ้มเศร้ามาให้ ปฏิเสธที่จะให้ตามไป ซึ่งผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยรีบกวักเรียกแท็กซี่ตามรถโรงพยาบาลไป สิ่งที่ผมสังเกตเห็นเป็นอย่างแรกคือชื่อโรงพยาบาล ถึงจะเขียนเหมือนกัน แต่สีและฟอนต์ตัวอักษรไม่เหมือนกันเลย รวมถึงไม่มีป้ายทะเบียนรถด้วย


“ไอ้หนุ่ม จะให้ลุงตามไปถึงไหนเนี่ย จะออกนอกเมืองแล้วนะ”


“ตามไปเหอะลุง เงินผมมีจ่าย” สิ้นคำผม ลุงก็ไม่ถามอะไรอีก ขับตามไปเงียบๆ จนกระทั่งรถคันนั้นเริ่มส่ายไปส่ายมาก่อนจะพุ่งชนเสาไฟฟ้า


เอี๊ยด


ผมรีบลงจากรถจังหวะเดียวกับที่เกลือเปิดหลังรถออกมาพอดี ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยบาดแผลแต่ก็ยังยิ้มร่าเข้ามาหาผมช้าๆ ผมวิ่งไปรับร่างมันไว้ก่อนจะล้มลง ประคองมันกลับมาหาลุงคนขับแท็กซี่เร่งให้พาเราไปยังโรงพยาบาล ลุงแกอิดออดนิดหน่อยเพราะร่างกายของเกลือเต็มไปด้วยบาดแผลและคราบเลือด แต่เพราะผมยังไม่จ่ายเงินเลยต่อรองจ่ายเป็นสองเท่าก่อนที่ไอ้เกลือจะซี้แหงแก๋ไปก่อน


ลุงพาเรามายังโรงพยาบาลเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ผมส่งตัวไอ้เกลือให้บุรุษพยาบาลพาไปยังห้องฉุกเฉิน ระหว่างนั้นก็มีรถหรูเข้ามาจอดเทียบ อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายเกลือ ชื่อว่าธร ผมยกแขนกางกั้นไม่ยอมให้เขาผ่านเข้าไป แม้ใบหน้าจะคล้ายคลึงกัน แต่ใครจะไปรู้ คนๆ นี้อาจเป็นเจ้าของความลับที่ไอ้เกลือขโมยมาก็ได้ ยิ่งมีพรรคพวกชุดดำติดสอยห้อยตามมายิ่งไม่น่าไว้ใจ


ไม่นานนักพยาบาลก็วิ่งออกมาขอกรุ๊ปเลือดด่วน เพราะโรงพยาบาลมีไม่พอ ผมซึ่งกรุ๊ปเลือดไม่ตรงเลยช่วยอะไรมันไม่ได้ ขณะที่ร่างสูงใหญ่เข้าไปให้เลือดอย่างง่ายดาย รวมถึงอนุญาตให้ไอ้เกลือผ่าตัดได้ทันทีเพราะสิทธิความเป็นญาติ


คุณธรนั่งข้างผม พลางเล่าถึงไอ้เกลือที่ก่อเรื่องจนพ่อไล่มันออกจากบ้าน ไอ้เด็กโง่นั่นก็ไปหาห้องเช่าอยู่ หาเงินจากการแฮกข้อมูลลับแล้วจ่ายเงินจ้างคนเร่ร่อนมาสวมบทป้าเพื่อให้มันได้เข้าเรียน ส่วนเอกสารทั้งหมดมันก็ปลอมแปลงเองทั้งนั้น ครอบครัวจึงหาตัวมันได้ยากเพราะเล่นเปลี่ยนชื่อแส้ใหม่หมด เพิ่งมาเจอตัวมันเพราะข่มขู่เรียกเงินนั่นล่ะ ซึ่งคนที่มันไปแหยมก็เป็นมาเฟียตัวเอ้เหมือนกัน ฝ่ายนั้นก็เลยไล่ล่ามัน พ่อกับพี่ชายมันก็พยายามขัดขวางให้อยู่


แต่ก็ช้าเกินไป พวกเขาคิดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะเล่นแรงถึงขั้นเอาชีวิตกัน จึงพยายามจะเจรจาต่อรองเพื่อคืนข้อมูลเหล่านั้นจะได้ไม่ต้องไล่ล่ากันอีก


“นายรู้อะไรบ้าง” ผมส่ายหน้า นอกจากเรื่องที่มันบอกไว้ผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลย ถึงสัญชาตญาณจะบอกว่าคุณธรไว้ใจได้ แต่ผมก็ยังไม่บอกเรื่องนั้นอยู่ดี


พอหมอออกมาจากห้องพยาบาล บอกว่าไอ้เกลือพ้นขีดอันตรายแล้วผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก คุณธรเองก็ดูผ่อนคลายลง ต่อสายหาพ่อของเขาแล้วว่าน้องชายปลอดภัยดี ผมจึงขอตัวกลับ แต่คุณธรรั้งตัวผมไว้ ขอให้เก็บเรื่องที่เกลือยังมีชีวิตอยู่ไว้เป็นความลับ ที่เหลือเขาจะจัดการเอง ผมให้สัญญาแล้วแลกเบอร์ติดต่อกับเขาก่อนที่เราจะแยกกัน


ผมกลับมาเจอพูนั่งร้องไห้ก็รีบเข้าไปปลอบ แม้จะทรมานที่เห็นน้องร้องไห้ แต่ก็คงดีกว่าให้เพื่อนของมันตายไปจริงๆ เอาไว้เรื่องเงียบผมค่อยบอกความจริงมัน


แต่ความจริงนั้นไม่เคยได้บอก


ผ่านไป 1 ปี ผมก็ถูกเรียกตัวเพราะเกมที่เคยสร้างขึ้น นักธุรกิจหน้าใหม่คนหนึ่งสนใจผลงานของผมจึงขอเซ็นสัญญาเพื่อพัฒนาเกมใหม่ๆ ผมเข็ดจากครั้งก่อนจึงไม่อยากเซ็นสัญญาบ้าบออะไรพวกนี้อีก แต่เขาก็ยื่นข้อเสนอแสนยั่วใจ ให้อาคารหลังหนึ่งให้ผมพัฒนาเกมได้อย่างไม่จำกัด และยังอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยชื่อดังที่ผมตั้งใจจะเรียนต่อพอดี ไหนๆ ผมก็ใกล้จะเรียนจบแล้วก็เลยตอบตกลงไป


แต่สัญญานั้นก็ทำร้ายผมอีกครั้ง สัญญาทาสรั้งผมไว้กับการสืบหาข้อมูลที่หายไปเพราะเกมที่ผมเคยสร้าง รู้ดีว่าคนที่ขโมยไปคือเกลือ แต่ตอนนี้กลับโทษไอ้เด็กนั่นไม่ได้เพราะมันความจำเสื่อม ไม่ว่าใครก็ไม่อาจล้วงความลับจากเกลือได้ และพี่ชายมันก็ช่างแสนดี จับน้องชายทำศัลยกรรมก่อนที่มันจะฟื้น เป็นอันว่าเกลือคนเก่าได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ เหลือเพียงไอ้เด็กโง่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งผมก็เพิ่งแวะเวียนเข้าไปหาเพื่อถามมันว่ารหัสคืออะไร มันก็ทำหน้าโง่ไม่รู้เรื่องอะไรจนผมหงุดหงิด สุดท้ายก็ระเห็จกลับมาหาคำตอบที่บ้านตัวเอง เดาว่าตอนเช้าเกลือมันอาจจะส่งแฟรชไดร์ใส่กล่องมาให้พู และผมจะได้รู้รหัสผ่านสักที แต่ความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ใกล้ตัวมาตลอด ซึ่งผมไม่เคยเอะใจเลยเพราะพูมันหวงโน้ตบุ๊กมาก การที่เกลือจะฝังบางอย่างไว้จึงไม่อยู่ในความคิดของผม


หน้าจอแสดงผลยังคงเป็นโน้ตบุ๊กทั่วไป แต่ความลับที่ซ่อนไว้ต้องเข้าด้วยรหัสลับ ผมกรอกตัวเลขตามที่เกลือบอกพู ไม่นานหน้าจอแสดงผลก็เปลี่ยนไป ผมนั่งอ่านทุกสิ่งที่เกลือทิ้งไว้ ทบทวนกับตัวเองในใจก่อนจะส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังที่ต่างๆ ตามความต้องการของเกลือ






TBC.









⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
สวัสดีครึ่งหลังจ้า...เกลือยังอยู่อิอิ

ช่วงนี้งานเราค่อนข้างเครียดและหนักพอสมควร หากเขียนไม่สนุกก็ขออภัยด้วยนะคะ เห็นมีคนรอเลยเร่งเคลียร์งานแล้วมาเขียนก่อน นี่ก็จะกลับไปทำงานต่อแล้วค่ะ 5555

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นที่ติดตามกัน เจอกันตอนหน้าค่ะ สนุกไหมเม้นบอกกันบ้างน้า...

ตอนหน้าเจอเจตพูมาแน่ แต่มาแบบไหนนั้นโปรดติดตาม!!!!

ปล. สอบถามว่ามีใครอยากอ่านคู่เกลือไหม ถ้าไม่เราจะเบนเข็มให้จบในเรื่องนี้ แต่ถ้ามีคนอยากอ่านเราจะเปิดอีกเรื่องจ้า

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.2 [13-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-07-2017 09:09:02
Thanks krab!

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.2 [13-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-07-2017 09:50:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.2 [13-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: peettato ที่ 13-07-2017 15:38:04
นี่มันโคนันรึเปล่าเนี่ย  :m20: สู้ๆคุนนักเขียน รออ่านต่อไป
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.2 [13-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 14-07-2017 02:04:37
อดีตของลันเตา แล้วเจตกับพูจะเจอกันมั้ย
รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.2 [13-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-07-2017 12:57:08
เจตพูมาแต่ แต่คนอ่านเนี่ยกว่ามาม่าค่าา
เห็นสภาพพูแล้วพี่เจตที่ไม่รู้อะไรเลยน่าจะโดนนอยู่
เกลือยังไม่ตายจริงๆด้วยย
แต่ศัลยกรรมใหม่แถมปอดบังงี้ก้สงสารแบงค์อยู่ดี
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 26.2 [13-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-07-2017 21:00:49
ลึกลับซับซ้อนไปอีก แล้วเกลือยังอยู่ไหม
สงสารพู น้องเสียใจซ้ำๆ

แล้วพี่ถั่วไปเกี่ยวอะไรอีก ยังทำอะไรอีก แล้วที่มีความลับแบบนี้ พี่ถั่วทำอะไรอยู่

รอความจริงจากพี่ถั่วนะคะ

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 27 [21-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 21-07-2017 01:29:04
บทที่ 27
เหตุเกิดเพราะ...พบกัน




“พี่ลัน ผมไม่ว่าง” ผมโอดครวญทันทีที่พี่ชายรั้งตัวไว้ไม่ให้ก้าวออกจากบ้าน มือแกร่งฉุดผมกลับเข้าไปด้านในแล้วจับไหล่ผมให้นั่งลงบนโซฟา เงยหน้ามองพี่ลันที่หายวับเข้าไปในครัวก็เกิดสังหรณ์ใจไม่ดีเลยรีบตามเข้าไป ก่อนจะได้กลิ่นหอมฉุยของเครื่องเทศส่งกลิ่นมาจากหม้อใบหนึ่ง


“อะไรอะพี่ลัน” ผมชะโงกหน้าเข้าไปดู พี่ลันตักเนื้อแกงใส่ถ้วยแล้วยื่นมาให้ผม มองมันฝรั่งและอกไก่ชิ้นโตก็เข้าใจ “มัสมั่นเหรอ” กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ชวนน้ำลายสอทำเอาผมต้องมองหาข้าวเพื่อกินคู่กัน


“ตักไปให้แล้ว เดินมาไม่เห็นข้าวบนโต๊ะรึไง” พี่ลันบ่นนิดหน่อยก่อนจะหยิบเหยือกน้ำส้มคั้นนำผมออกจากครัว


“พี่ทำเหรอ” ใจหนึ่งก็ไม่อยากเชื่อ แต่เห็นอุปกรณ์และวัตถุดิบในครัวยังไม่ถูกเก็บทิ้ง เลยเดาไว้ก่อนว่ากับข้าวมื้อนี้พี่ชายเป็นคนทำ แม้จะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากก็ตาม


“เออ ทำเอง ทำไม กลัวท้องเสีย?” พี่ลันหรี่ตาเหมือนรู้ทันว่าผมคิดอะไร ก็ไม่แปลกนี่ครับ พี่ลันเคยเข้าครัวที่ไหน จู่ๆ มาทำอาหารให้กินอย่างนี้ก็ต้องระแวงเป็นธรรมดา


ถั่วพี่อาจจะอยากใช้ผมเป็นหนูทดลองก็ได้


“ก็พี่เคยทำอาหารที่ไหนล่ะ” พูดไปผมก็ตักแกงเข้าปาก รสชาติกลมกล่อมเคล้ากลิ่นเครื่องเทศเป็นสิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้ ชวนให้ตักกินอีกเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็กินข้าวหมดจานแล้ว


“หึ” พี่ลันส่งเสียงในลำคอก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม ข้าวในจานพี่ลันเองก็พร่องไปเกือบครึ่ง


“อร่อยว่ะพี่ลัน อร่อยกว่าที่พูกับพ่อทำอีก นี่แอบไปเรียนกับสาวที่ไหนมาคร้าบบบบ” ผมกระแซะพี่ก่อนจะโดนรวบไปฟัดแก้มซ้ายขวาเหมือนที่เคย “โว้ย นี่ก็ชอบจังฟัดแก้มน้องเนี่ย พูโตแล้วนะเฟ้ย!”


“โตยังไงมึงก็เป็นน้องกูอยู่ดี”


ฟอด


กว่าผมจะดิ้นหลุดจากพี่ชายตัวโตก็นานหลายนาที พี่ลันสั่งให้ผมเก็บล้างจานแล้วก็เก็บกวาดครัวให้เรียบร้อยเพราะเขาทำอาหารแล้ว หน้าที่เก็บล้างจึงเป็นของผมแทน ผมเลยต้องก้มหน้าก้มตาจัดการไป ขณะที่พี่ชายขึ้นห้องไปอาบน้ำตัวหอมฉุยกลับลงมาพอดี


“วันนี้ไปห้างด้วยกันนะ”


“เห้ย พูบอกแล้วไงว่าไม่ว่าง มีธุระ” ต้องไปดักพี่เจตก่อนครับ ไม่รู้จะงอนอะไรนักหนา ตอนนี้ยังไม่เปิดเครื่องเลย


“รึมึงไม่อยากได้แผ่นเกมแล้ว” พี่ลันกอดอกเลิกคิ้วถาม ผมส่ายหน้า วินาทีนี้ของ้อว่าที่แฟนก่อนครับ เรื่องเกมไว้อ้อนถั่วพี่ซื้อให้ทีหลัง


“ไว้วันหลังนะพี่ลัน ธุระสำคัญจริงๆ”


“บุฟเฟ่ต์เค้กก็ไม่สน?”


เชี่ย ทำไมถัวพี่ทำกับกูแบบนี้


ผมหายใจเข้าลึกๆ พยายามลบภาพครีมสดบนหน้าเค้กชวนให้ลิ้มลอง ไม่ได้ กูจะมาพ่ายแพ้ตอนนี้ไม่ได้


“ว้า แย่จัง เห็นเป็นร้านเปิดใหม่ชื่อดังจากญี่ปุ่นซะด้วย พรุ่งนี้ก็กลับแล้วคงไม่ได้พาน้องชายไปกินแล้วล่ะ”


ว่าไงนะ!


“ถั่วพี่จะกลับพรุ่งนี้จริงดิ” เรื่องของหลอกล่อช่างมันครับ ประเด็นคือพี่ชายจะกลับแล้วนี่สิ ผมรีบเข้าไปเกาะแขนพี่ไว้ทันที


“เออ กูกลับพรุ่งนี้ครับถั่วน้อง จะแดกไหม กูให้โอกาสวันนี้วันเดียว”


“อยู่อีกสองสามวันไม่ได้เหรอ มหาลัยน่าจะปิดเทอมแล้วนี่” ถูหน้าไปกับไหล่พี่ชาย จำได้ว่าทำแบบนี้แล้วมันจะใจอ่อน แต่พี่ลันกอดอก ปรายตามองผมอย่างคนเหนือกว่า


“กูก็มีธุระไหมล่ะ เลือกเอาระหว่างธุระของมึงกับพี่ชายคนนี้ มึงจะเลือกอะไร” ถั่วพี่ยื่นคำขาดได้ทำร้ายจิตใจผมมากครับ แล้วคิดดูสิว่าผมจะเลือกอะไร


“ไปกับพี่ลันก็ได้” ผมตอบเสียงอ่อย ได้แต่ขอโทษพี่เจตในใจ หวังว่าเขาจะไม่โกรธผมมากนักที่ไปหาเขาช้านิดหน่อย เพราะพี่ลันเองก็ไม่ได้กลับมาบ่อย โอกาสเจอกันน้อยกว่ามากผมถึงต้องไปกับพี่ชาย


แค่แป๊บเดียวนะพี่เจต รอผมอีกแป๊บเดียวเอง


.............................................
.........................................................................


แป๊บเดียวที่ไหนล่ะ พี่ชายผมเล่นพาเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ไหนจะชวนไปดูหนังอินดี้อีก เรียกได้ว่าใช้เวลาคุ้มทุกหยาดหยดจริงๆ ครับ


“มือถือมึงล่ะพู” พี่ลันแบมือของโทรศัพท์จากผมเมื่อเราเดินออกจากโรงหนังแล้ว


“แล้วไอ้เครื่อง2Gของพี่ล่ะ”


“หมดยุคแล้วไหมล่ะ อีกอย่างรุ่นที่กูใช้ก็3Gโว้ย มีกล้องด้วยนะมึงอย่าดูถูก”


“เออ เพื่อนผมก็เพิ่งใช้เหมือนกัน ช่วงนี้เขาฮิตใช้โทรศัพท์รุ่นเก่ากันเหรอ” ผมถามพลางล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แต่ตบเท่าไหร่ก็ไม่พบ “พี่ลัน! โทรศัพท์ผมหายว่ะ”


“หายที่ไหนล่ะ ก็กูเห็นมึงวางไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น” ถั่วพี่พูดหน้าตาย


“อ่าว! แล้วทำไมไม่บอก” ผมขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ถ้าพี่เจตเปิดเครื่องแล้วโทรหาผมล่ะ โอ้ย ไม่อยากจะคิดเลย คงโกรธผมมากว่าเดิมแน่ๆ


“เอาน่า มากับป๋ามือถือไม่สำคัญ” พี่ลันยกแขนพาดไหล่ผมแล้วพาเดินต่อ เข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่เห็นป้ายราคาแล้วอยากถามว่านี่เสื้อฝังเพชรหรือเปล่า พี่ลันก็จับชุดโน้นชุดนี้มาทาบตัวผม สั่งให้เข้าไปลองในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วใส่มาให้เขาดู บางชุดก็ไม่เข้าตาจนต้องสั่งเปลี่ยนอย่างไว บางชุดก็ดูดีเกินหนังหน้าผมไปอีก สุดท้ายก็เลยได้มาแค่สองชุดที่ราคาไม่น่ารักเลย


“พี่ลัน มันแพงอะ พูไม่เอานะ” ผมรีบส่งเสื้อผ้าคืนพนักงานขายแล้วลากพี่ชายออกมา


“กูจะซื้อให้มึง เงินกู กูจะเปย์น้องมีอะไรไหม” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับความป๋าของพี่ลัน คือเป็นอย่างนี้มาตังแต่เริ่มไปมหาวิทยาลัยใหม่ๆ แล้วครับ ไม่รู้ถั่วพี่มันไปลักลอบส่งยาหรือเป็นบอร์ดิการ์ดให้พวกมาเฟียรึไงถึงได้มีเงินส่งกลับมาบ้าทั้งที่ยังเรียนไม่จบ และแม้ตัวไม่อยู่ของขวัญก็ถูกกส่งมาทุกเทศกาลไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่พี่น้องกันผมคงคิดว่าได้เสี่ยเลี้ยงแน่ๆ


“พูรู้ว่าเงินพี่ แต่มันแพงไง ถ้าอยากซื้ออะพูมีร้านประจำ ราคาน่าคบ นะพี่ลันนะ ร้านนี้มันแพงไป”


“เฮ้อ กูไม่น่าสอนให้มึงรู้จักคุณค่าของเงินเลย” ถั่วพี่ยกมือนวดขมับ “เออๆ ไปร้านที่มึงชอบก็ได้ อยากได้ตัวไหนมึงเลือกมาเลยนะ ไม่ต้องมาเกรงใจ”


“คร้าบบบบบบ ถั่วพี่สุดหล่อของน้อง” ผมยิ้มกว้างเมื่อพี่ชายยอมลงให้


“หึๆ มึงนี่มันน่ารักจริงๆ” พูดจบ พี่ลันก็โน้มตัวลงมา ยื่นมือสองข้างจับแก้มผมก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บที่ริมฝีปากผมเหมือนตอนที่เรายังเด็กๆ


“พี่ลัน!” ผมร้องลั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ นี่ถั่วพี่มันจะไม่แคร์เลยหรือไงว่าเราอยู่ในห้างที่มีประชาการอยู่เต็มไปหมด กูก็อายเป็นนะโว้ย


“มึง!” ชั่ววินาทีนั้นหมัดข้างหนึ่งถูกปล่อยมาโดยที่ไม่มีใครทันตั้งตัว แต่ถั่วพี่ของผมกลับหลบได้เพียงแค่เบี่ยงตัวเล็กน้อย แขนข้างหนึ่งคว้าตัวผมให้หลบอยู่ข้างกาย


หมับ


“หึ กระจอก” ถั่วพี่จับแขนของใครคนนั้นไว้ ขณะที่ผมได้แต่ยืนอึ้งเมื่อเห็นว่าคนปล่อยหมัดประทุษร้ายพี่ชายเป็นใคร


“พี่เจต...” ผมมองใบหน้าโกรธจัดของพี่เจตอย่างไม่เข้าใจ สายตาของเขาจ้องมองพี่ลันเหมือนคนที่พร้อมปะทะตลอดเวลา


“พี่ลัน...” น้ำเสียงแผ่วเบาดังมาจากคนตัวเล็กข้างกายพี่เจต แอลมองอ้อมแขนที่โอบกอดผมไว้ด้วยใบหน้าซีดๆ ก่อนจะพยายามดึงพี่เจตออกห่างจากเรา “เจต...ไปเถอะ”


“พู มากับพี่” พี่เจตยื่นมือมาหาผม แววตาของเขาอ่อนลงก่อนจะกลับไปคมกริบอีกครั้งเมื่อพี่ลั้นรั้งผมไว้


“พูมากับกู ก็จะกลับกับกู” พี่ลันแสยะยิ้มร้าย กระชับอ้อมแขนไว้ไม่ให้ผมหลุดไปได้


“พูเป็นของกู มึงไม่มีสิทธิ์” พี่เจตพุ่งเข้ามาจับดึงผมออกจากพี่ลัน แต่ถั่วพี่ก็ไหวตัวทันดันผมไปไว้ข้างหลังไม่ให้พี่เจตแตะตัวได้


“พูไม่ใช่ของๆ มึง มันไม่ใช่สิ่งของ มันมีชีวิตจิตใจของมันเอง”


“งั้นมึงก็ให้พูเลือกสิ”


“หึ ไอ้พู เลือกมาว่ามึงจะไปกับไอ้นี่แล้วไม่เจอกูอีก หรือจะกลับไปกับกูตอนนี้เดี๋ยวนี้” พี่ลันยื่นคำขาดให้ผมเลือก จะมาบ้าอะไรตอนนี้ครับถั่วพี่ ยังไงผมก็ต้องง้อพี่เจตก่อนไหมล่ะ เที่ยวเล่นกับพี่มาทั้งวันแล้วด้วย


“ผม...”


“เลือกให้ดีนะพู กูมีเวลาไม่มาก” พี่ลันจ้องตาให้ผมตอบตกลงกลับไปกับเขาแต่โดยดี ขณะที่พี่เจตไม่พูดอะไรสักคำนอกจากค่อยๆ ชักมือกลับไป วินาทีนั้นทำให้ผมกลับขึ้นมาจับใจ


กลัว...ว่าจะเสียพี่เจตไป


“พี่ลัน ผมขอโทษว่ะ” ผมเลือกที่จะจับมือพี่เจต มองแววตาของเขาที่กลับมามีความหวังอีกครั้ง บีบกระชับมือผมก่อนดึงมาอยู่ข้างตัวเอง


“หึ กูรู้อยู่แล้วล่ะ” พี่ลันแค่นยิ้มก่อนจะหันไปจ้องตาพี่เจตแล้วพูดด้วยเสียงนิ่งๆ “กูยังไม่ยอมรับหรอกนะ ข้างกายพูไม่ใช่ที่สำหรับคนที่มีดีแค่นี้หรอก” พูดจบถั่วพี่ก็เดินหันหลังจากไป โดยที่คนตัวเล็กก็เดินตามไปด้วย หันมาบอกพี่เจตว่าจะกลับเอง ก่อนจะส่งสายตาอ่านยากมาให้ผม ลึกๆ ในแววตานั้นเหมือนจะเศร้าลงอย่างไรบอกไม่ถูก


แอลมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่านะ


“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” พี่เจตพูดเท่านั้นก็จะพาผมเดินออกจากห้าง มายังสวนสาธารณะด้านหน้าที่มีบริเวณกว้างขวางและน้ำพุเย็นชื่นใจ เรานั่งอยู่ในร่มไม้ใหญ่ใต้เงาแดด ลมพัดเย็นสบาย


เอ่อ นี่คงไม่ใช่เวลามาชื่นชมบรรยากาศสินะ


“พู” พี่เจตเอ่ยทำลายความเงียบ “พี่ขอโทษนะ”


“ห้ะ” คนที่ควรขอโทษมันต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ


“ก็...เห็นพูโทรมาตั้งแต่เมื่อวาน พอดีโทรศัพท์พี่แบตเสียน่ะ เลยเพิ่งเอามาเปลี่ยนที่นี่ นี่ตั้งใจว่าจะไปหาพูที่บ้านอีกรอบเลยนะ”


“เดี๋ยวนะ อีกรอบ หมายความว่าไง พี่เจตไปหาผมมาเหรอ”


“อื้อ เพิ่งไปมาเมื่อเช้า แต่เราไม่อยู่ พี่ก็ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน คิดได้แค่ว่าต้องรีบไปซื้อแบตใหม่ก่อนเผื่อพูโทรมา คิดไม่ถึงว่าจะเจอพูที่นี่ แถมอยู่กับ...” ร่างสูงเงียบไปพร้อมกับใบหน้าที่เรียบตึง “มัน”


“’มัน’ พี่ลันน่ะเหรอ นี่พี่สองคนไปมีเรื่องอะไรกันมาวะ ทำไมต้องโกรธขนาดนั้น”


“มันซ้อมเด็กโรงเรียนเรา”


“เห้ย! พี่ลันอะนะ เป็นไปไม่ได้อะ พี่ลันไม่ทำร้ายใครก่อน จะสู้กันก็โน่นแหละ ฝ่ายนั้นมาหาเรื่องก่อน”


“นี่พูเข้าข้างมันเหรอ!” พี่เจตมองผมด้วยแววตาวาวโรจน์


“ผมพูดความจริงต่างหาก เด็กเราไปหาเรื่องพี่มันก่อนหรือเปล่าเลยโดนกลับมา” จะหาว่าผมเข้าข้างพี่ก็เถอะ แต่ผมรู้ดี แม่สอนเสมอว่าไม่ให้พี่ลันใช้กำลังทำร้ายใครก่อน เราจะสู้เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น หรือเพราะฝ่ายนั้นทำเราก่อน และพี่ลันเองก็ไม่เคยทำนอกเหนือจากที่แม่สอนเลยสักครั้ง ผมคิดว่าปัญหาอาจจะอยู่ที่หน้าตาแบดๆ  นั่นมากกว่าที่ดึงพวกนักเลงเข้าหาไม่เว้นแต่ละวัน


“ทำไมพูถึงเชื่อมันมากกว่าพี่” พี่เจตส่งสายตาตัดพ้อเมื่อผมดูเหมือนจะเข้าข้างพี่ชายมากกว่า


“ก็พี่ลันเป็นพี่ผมนี่! เข้าข้างพี่ชายมันผิดตรงไหนวะ!” เรื่องนี้ผมเถียงไม่ยั้งจริงๆ ด้วย


“พี่ชาย...”


“ก็เออน่ะสิ ไม่เชื่อคนในครอบครัวแล้วจะให้เชื่อใคร ยังไงผมก็ยืนยันว่าพี่ลันไม่...”


หมับ


พี่เจตสวมกอดผม ไม่ทันให้เอ่ยคำใดต่อ มีเพียงอ้อมแขนที่โอบกอดแน่นขึ้น ใบหน้าคมซุกอยู่บนไหล่ผมเงียบๆ นานหลายนาที


“พี่คิดว่าเสียเราไปแล้ว...” พี่เจตเอ่ยออกมาในที่สุด ก่อนจะผละออกจากผมแล้วก้มหน้าลงสบตากัน “งี่เง่าโน๊ะว่าไหม”


“ผมต่างหากที่คิดว่าเสียพี่ไปแล้ว” นึกถึงเมื่อวานทีไร ความรู้สึกแย่ๆ ก็ตีตื้นขึ้นมาทันที “ผมแย่นี่แย่โน๊ะ ทั้งที่พี่ออกจะชัดเจน แต่ผมกลับทำทีเหมือนผลักไสพี่ไปให้คนอื่น...ขอโทษนะ” ร่างสูงส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มให้


“ไม่เป็นไร” พี่เจตจับมือผม “แค่ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันมันก็พอแล้ว จริงไหมล่ะ”


“อื้อ” ผมพยักหน้ารับคำเขา ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยคำที่พี่เจตคงรอฟังมานาน


“เป็นแฟนกันนะ”


“หืม” พี่เจตมองผมอย่างอึ้งๆ


“พูดไปแล้ว ไม่พูดซ้ำแล้วด้วย” ผมบอกเขาก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเริ่มทำอะไรไม่ถูก หน้ามันร้อนๆ แปลกๆ


“เดี๋ยวสิพู”


หันหน้าหนีเมื่อเห็นรอยยิ้มของร่างสูงที่วิ่งมาดักหน้า “ยังไม่ได้ฟังคำตอบจากพี่เลยนะ”


“ไม่ต้องฟังผมก็รู้ว่าพี่จะตอบอะไร” ผมบอกอย่างมั่นใจ ซึ่งพี่เจตก็ยืนยันให้อย่างดี


“อื้ม เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”


ผมพยักหน้ารับเงียบๆ ก่อนจะถูกดึงเข้าไปกอดโดยคนที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ซึ่งผมก็ยิ้มตามด้วยความสุขเช่นเดียวกัน


...............................................
...............................................................


[แอล]


“เดี๋ยวครับพี่ลัน” ผมเอ่ยเรียกร่างสูงที่เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดอยู่ที่ใด ทั้งที่นี่ก็ออกจากห้างมาไกลมากแล้ว ผมเองก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเพราะเจตโทรมาชวนไปเลือกของขวัญวันเกิดให้พู ซึ่งผมเองก็ถือโอกาสบอกเรื่องที่พูตามหาตัวเขาให้วุ่น พอเจตรู้ก็รีบเปิดโทรศัพท์เพื่อจะติดต่อหาพูแต่กลับเปิดไม่ได้เสียอย่างนั้น ผมเลยอาสาโทรให้แต่พูก็ไม่รับสายผมเหมือนกัน สุดท้ายเราจึงเลือกไปหาพูที่บ้าน แต่กลับไม่มีใครอยู่เลย


ไม่รู้จะปลอบใจพี่ชายที่ยืนทำหน้าเศร้าอย่างไรนอกจากพาเขาไปซื้อแบตใหม่ เผื่อว่าพูจะโทรกลับมา พี่เจตก็ยอมทำตามคำแนะนำของผม แต่ขณะที่เราเดินออกจากร้านโทรศัพท์พี่เจตกลับหยุดชะงัก ก่อนจะวิ่งไปง้างหมัดใส่ใครบางคนเข้า เร่งให้ผมต้องวิ่งตามไปรั้งพี่ชายไว้


และได้เห็นว่าใครคนนั้น...คือพี่ลัน


ยิ่งเขาแสดงท่าทีให้เจตเห็นว่าหวงพูมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกแย่ลงมากเท่านั้น แต่ก็เลือกที่ยืนฟังเพราะอยากรู้ว่าพูจะเลือกใคร อย่างน้อยถ้าพูไม่เลือกเจต ผมก็จะได้อยู่ปลอบใจพี่ชายของผม


แต่คำตอบของพูก็ทำให้ผมใจชื้น เขาเลือกเจตมากกว่าพี่ลัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเดินจากไปเงียบๆ อย่างที่เคยเป็น เช่นเดียวกับครั้งนั้นที่เขาเลือกจะไปจากผม


ผมเดินตามเขาไปเรื่อยๆ จนเริ่มรู้สึกล้า คงเหมือนกับใจผมที่เริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน แต่เพราะห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายผมจึงฝืนทนเดินต่อไป ก่อนจะตัดสินใจเรียกเขา เพราะขาของผมไม่มีแรงก้าวต่อไปแล้ว


พี่ลันหันมาหาผมแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ “ก็รออยู่ว่าจะเรียกเมื่อไหร่” พูดจบพี่ลันก็ทิ้งตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้ในสวนสาธารณะแล้วดึงแขนผมให้นั่งลงข้างกัน พอได้นั่งก็เหมือนความอ่อนล้าทั้งหมดถาโถมเข้ามาในทีเดียว รู้สึกปวดขาไปหมด ถ้าพี่ลันลุกเดินต่อผมคงตามเขาไปไม่ไหวแล้ว


“หึ ปวดขาล่ะสิ” พี่ลันลุกขึ้นยืน ผมเลยเผลอจับชายเสื้ออีกฝ่ายไว้ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินหนีไป “ไม่ได้จะไปไหนหรอก”


ร่างสูงย่อตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าผม ยื่นมือสองข้างมาบีบนวดขาผมด้วยแรงพอดีไม่หนักจนเกินไป ผมทำตัวไม่ถูกกับสัมผัสที่ได้รับจึงได้แต่นั่งตัวเกร็ง พี่ลันก็บอกให้ผ่อนคลาย ผมจึงต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ ลอบมองใบหน้านิ่งที่ดูตั้งอกตั้งใจกับการบีบนวดคลายเส้นให้ผม


มีหลายคนเดินผ่านไปมาและหยุดมองเรา ผมเลยบอกให้ร่างสูงพอได้แล้ว แต่เมื่อพี่ลันก็เงยหน้าสบตากันนิ่งๆ กลายเป็นผมที่ต้องเป็นฝ่ายเงียบไป ส่วนเขาบีบนวดต่ออย่างไม่สนใจใครหลายคนที่มองมา


“ออกกำลังกายบ้างสิแอล อย่าเอาแต่อ่านการ์ตูน” ผมสะดุ้ง พี่ลันรู้ได้ไงว่าผมชอบอ่านการ์ตูน ซึ่งเขาเองก็เหมือนจะเดาออกว่าผมคิดอะไรอยู่


“ส่งมาแต่ข้อความว่าตอนนี้ลูฟี่ทำอะไรบ้าง พี่คงไม่รู้เลยโน๊ะ” พี่ลั่นตอบยิ้มๆ ผมเม้มปาก ไม่รู้เลยว่าพี่ลันอ่านข้อความพวกนั้นด้วยเพราะไม่เคยมีข้อความตอบกลับมาเลยสักครั้ง ผมเลยคิดว่าเขาคงรำคาญกันไปแล้ว


“พอดีโทรศัพท์แอลเสีย พี่เลยเอาไปส่งซ่อมศูนย์” พี่ลันพูดขึ้นก่อนจะผละมือออกจากขาผม “เพิ่งได้อ่านทั้งหมดเมื่อวานนี้เอง”


“ครับ” ผมก้มหน้างุด ไม่อยากให้พี่ลันรู้เลยว่าผมเศร้าไปหลายอาทิตย์เพียงเพราะเขาไม่ตอบ


“ไม่โกรธโน๊ะ” พี่ลันยื่นหน้าเข้ามาหาผม ซึ่งผมก็หลบตาเขา พูดตอบกลับไปด้วยเสียงเบา


“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่นี่ครับ ไม่จำเป็นต้องโกรธ” ใช่ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ลันเลย ต่างจากพูที่คงพิเศษกว่าใคร


“ก็เป็นซะสิ จะให้สิทธิ์โกรธได้เต็มที่เลย” ร่างสูงพูดยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดี แต่ผมไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่


“เลิกล้อเล่นเถอะครับ!” ผมลุกขึ้นยืน “ถ้าพี่ไม่เป็นอะไรแล้วผมขอตัว”


“เดี๋ยวสิ” มือหยาบจับแขนผมไว้ “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า” เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไรเขานอกจากดึงแขนตัวเองออกมาจากการเกาะกุม


“ไม่หรอกครับ ผมแค่เหนื่อย”  เหนื่อย...ที่จะรักพี่แล้วเท่านั้นเอง


“ถ้าเรื่องเมื่อกี้บอกเลยว่ายอมให้นายโกรธได้เต็มที่ เพราะพี่ไม่ยอมให้นายเจตอะไรนั่นคบกับพูแน่ๆ” ร่างสูงกอดอกไม่ยอมแพ้ต่อให้ผมอ้อนวอนก็ตาม เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาดื้อเพ่งแบบนี้


“พวกเขารักกัน พี่จะขัดขวางให้ได้อะไรขึ้นมา” ผมพยายามอธิบายให้เขารู้ว่าไม่ควรขัดขวางทั้งคู่ ถึงตอนนี้เพื่อนและพี่ชายของผมจะยังไม่ได้คบกัน แต่เรื่องวันนี้คงทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันมากขึ้นและอาจจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้


“ก็นั่นน้องชายพี่ พี่ก็ต้องหวงเป็นธรรมดาสิ” เขาเหล่ตามองผมที่ยืนพูดไม่ออกไปแล้ว


น้องชาย


“น้องชาย...”


“ก็ใช่ไง คิดว่ามันเป็นคนรักพี่รึไง”


“เปล่าครับ”


“อ๋อเหรอ” พี่ลันส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ เป็นรอยยิ้ม...ที่เหมือนรู้ทันอะไรบางอย่าง “อืม จะว่าไปพี่ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วนะ”


“ใคร...”


“ก็คนที่กำลังสบตาอยู่นี่ไง”


เราสองคนสบตากันอยู่...





TBC.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
เอาความหวานมาเสิร์ฟจ้า เพราะเสาร์-อาทิตย์เราไม่ว่างค่ะ 5555 ตอนนี้โดนแอทแทคใครไปบ้างคะ เจนโดนพี่ลันไปแล้ว555 ชอบแกล้งแอลจริงๆ เลย ร้ายนัก

เป็นตอนที่ได้พบกันทั้งสี่คนแล้วค่ะ เราไม่อยากให้ดราม่ามากเลยให้เขาพูดความจริงกันไปเลยดีกว่าอิอิ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า


หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 27 [21-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-07-2017 03:18:07
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 27 [21-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-07-2017 03:48:22
สองคู่ชูชื่นมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 27 [21-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 21-07-2017 20:54:05
ในที่สุดก็มาถึงตอนนี้ โมเม้นนี้แล้ว โล่งอกไปเลย
รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 27 [21-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-07-2017 19:32:49
รอโมเม้นนี้แล่ะ 555
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 27 [21-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 22-07-2017 22:49:56
โว้ะ บทจะชัดเจนก็ยิงตรงกันทั้ง 2 คู่งี้เลยเรอะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 27 [21-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: peettato ที่ 23-07-2017 23:33:59
ยอมในความชัดเจน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 28 [29-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 29-07-2017 00:36:58
บทที่ 28
เหตุเกิดเพราะ...ความทรงจำ




อึดอัด ความรู้สึกอึดอัดนี้มันคืออะไรวะ


ผมลืมตา เหลือบมองแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและท่อนขายาวพาดผ่านลำตัวผม ไล่มาจนถึงใบหน้าหลับพริ้มสบายของพี่ชายตัวโตที่ไม่รู้โผล่มานอนเตียงเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่


“พี่ลัน...หนัก” ผมยกท่อนแขนพี่ชายออก ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย ซ้ำยังดึงผมเข้าไปกอดแน่นเหมือนหมอนข้างประจำตัว ผมก็ดิ้นสิครับ จะดิ้นจนกว่าพี่ลันจะตื่นนี่ล่ะ


“ไอ้พู กูง่วง กูจะนอน อยู่นิ่งๆ สิวะ”


“ทำไมพี่ไม่ไปนอนห้องตัวเองล่ะ แล้วเลิกกอดพูได้แล้ว พูจะไปฉี่” ดิ้นต่อไปครับ จนกว่าพี่ลันจะรำคาญแล้วปล่อยผมออกสักที พี่มันก็คิ้วขมวดนิดๆ ก่อนจะลืมตามองผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มทันที


ฟอด


หอมเสร็จมันก็กลับไปนอนตามเดิม เพิ่มเติมคือปล่อยผมเป็นอิสระแล้ว ผมเลยรีบลุกออกจากเตียงก่อนที่พี่ชายจะดึงกลับไปนอนด้วยกันอีก


เฮ้อ ถึงเนื้อถึงตัวทุกที นี่กูเป็นน้องหรือเมียมันวะเนี่ย


ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จผมก็ลงไปทำอาหารเช้าง่ายๆ ให้พ่อแม่และพี่ชาย ที่วันนี้คงจะตื่นสายกันหน่อยเพราะเป็นวันหยุด พี่ลันเองก็กลับบ้านมาได้สองอาทิตย์แล้ว ไม่ได้มีธุระไปไหนอย่างที่เคยพูดหรอก วันนั้นมันก็แค่ลองใจผมเท่านั้น


ครืด


ผมกดรับสายด้วยรอยยิ้มแล้วเปิดลำโพงวางไว้บนเคาน์เตอร์ เอ่ยทักทายปลายสายพร้อมกับหั่นเนื้อหมูไปด้วย


(อรุณสวัสดิ์ครับพู)


“โห พี่เจต ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้มั้ง” ผมหัวเราะนิดหน่อยกับคำทักทายนั้น ตั้งแต่ที่เราตกลงเป็นแฟนกันพี่เจตก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย โดยเฉพาะคำพูดของเขาที่ดูสุภาพขึ้นจนพ่อกับแม่แซว อ้อ ครอบครัวผมรู้เรื่องที่คบกับพี่เจตแล้วล่ะครับ พี่ชายผมคาบข่าวมาฟ้องหวังให้ทั้งคู่คัดค้านเรื่องของผมกับพี่เจต แต่เปล่าเลย พ่อกับแม่ไม่ได้ต่อต้านอะไรเพราะท่านทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าผมชอบผู้ชาย ผมสารภาพไปตั้งแต่ตอนที่ชอบแอลแล้ว มีเพียงพี่ลันเท่านั้นที่ไม่ได้รู้ เลยตีโพยตีพายหาว่าผมปิดบังเขา ทั้งที่ตัวเขาติดต่อยากยิ่งกว่าอะไร จะปรึกษาเรื่องแอลยังไม่ได้เลย


ส่วนพี่เจตก็แวะเวียนมาหาผมบ้างสลับกับไปดูแลพ่อของเขาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่กี่วันก่อน มาทีไรก็จะมีขนมมาฝากพ่อกับแม่ของผมเสมอ ทำตัวเป็นลูกอีกคนจนผมกับพี่ลันแทบจะกลายเป็นหมาหัวเน่า ตอนนี้อะไรก็พี่เจตๆ เหอะๆ ส่วนพ่อพี่เจตผมก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมบ้าง แรกๆ ก็มีเกร็งๆ เวลาที่คุยกัน แต่พอผ่านไปได้สักพักผมก็ได้รู้ว่าเนื้อแท้พ่อพี่เจตเป็นคนสบายๆ และคุยสนุกมาก มากจนพี่เจตงอนไปเลยที่ผมสนใจพ่อเขามากกว่าตัวเขาซะอีก


(พี่อยากพูดกับพูแบบนี้นี่) เสียงกระเง้ากระงอดจากปลายสายทำเอาผมยิ้มนิดๆ


“ตามใจครับ แล้ววันนี้จะพาคุณพ่อไปตรวจสุขภาพใช่ปะ”


(อื้ม น่าจะเสร็จบ่ายๆ ให้พี่ไปรับมากินข้าวด้วยกันไหม)


“ไม่ต้องเลย ย้อนไปย้อนมาทำไม พูกินที่บ้านนี่แหละ” พูดไปก็ถึงถึงมื้อกลางวัน ท่าทางวันนี้พี่ชายผมคงจะลากออกไปกินอะไรข้างนอกอีกแน่ๆ พ่อกับแม่ก็คงไม่ปฏิเสธเพราะวันหยุดทั้งทีพวกท่านก็คงอยากพักผ่อน


(เฮ้อ)


“เป็นอะไรอีกล่ะ” ผมถามพลางเทหมูใส่กระทะ วันนี้จะทำหมูกระเทียมครับ ง่ายๆ อร่อยดี


(คิดถึงพู)


ฉ่า


“เชี่ย!” ผมสะดุ้งสุดตัว รีบถอยห่างจากกระทะเล็กน้อย


(พูเป็นอะไร!)


“เปล่าๆ” ยกท่อนแขนขึ้นดูก็เห็นรอยแดงจากน้ำมันกระเด็นเมื่อครู่ รู้สึกแสบนิดๆ แต่ก็พอทนได้ “พูทำกับข้าวอยู่นะ อย่าพูดอะไรแปลกๆ แบบนั้นสิ”


(ฮ่าๆ พี่คิดถึงพูมันแปลกตรงไหน เราไม่ได้เจอหน้ากันตั้ง 1 วันเลยนะ)


“เว่อร์ เมื่อวานก็เพิ่งเจอกันเอง”


(มันไม่พอนี่...) พี่เจตเงียบไปนิด (พู...ไว้พูเรียนจบ เราไปอยู่คอนโดด้วยกันไหม) พี่เจตเอ่ยชวนเสียงเบา


“เอ่อ...” แล้วผมควรตอบยังไงเนี่ย ถ้าบอกว่าไป เขาจะหาว่าผมใจง่ายหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ไป พี่เจตจะตีความว่าผมรังเกียจเขาไหม เหมือนพี่เจตจะรู้ว่าผมคิดอะไรเลยอาสาหาทางออกให้


(ยังไม่ต้องรีบตอบพี่ตอนนี้ก็ได้ ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งปี ไม่ว่าพูจะตอบแบบไหนพี่ก็เคารพการตัดสินใจของพูนะ ไม่ต้องคิดมาก)


“ขอบคุณครับ...ถ้าพูคิดได้ยังไง พูจะบอกพี่เจตละกัน”


(น่ารัก)


“ห้ะ” อารมณ์ไหนวะเนี่ย


(พี่ชอบที่พูแทนตัวเองว่าพูกับพี่ นี่แอบอิจฉาตลอดเลยนะเวลาได้ยินพูแทนตัวเองด้วยชื่อกับพี่ชายแบบนี้ แถมยังใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปอีก)


“แล้วไง จำเป็นต้องแคร์มึงเหรอ” ผมไม่ได้ตอบครับ ร่างสูงเปลือยท่อนบนอวดซิกแพ็คเดินเข้ามาคว้าโทรศัพท์ผมไปคุยหน้าตาเฉย จะเอื้อมมือไปคว้าคืนก็ไม่ได้เพราะกำลังผัดหมูกับกระเทียมอยู่


“พี่ลัน เอามาคืนพูเลย”


“ไม่” พี่ลันตอบผมก่อนจะพูดกับคนปลายสายต่อ “อ้อ แล้วอีกอย่างนะ เมื่อคืนพูกับกูแนบแน่นกันมาก ตัวพูโคตรหอมโคตรนุ่มนิ่มเลย” นั่นคนหรือตุ๊กตาวะ ผิวกูก็สากแบบผู้ชายทั่วไปนะโว้ยพี่ลัน


(มึง!)


“อะๆ พูดกับหยาบกับพี่แฟนแบบนี้ได้เหรอ” ที่ลันแสยะยิ้ม ดูท่าคงวางแผนร้ายอยู่แน่ๆ ซึ่งพี่เจตเองก็แสบไม่แพ้กัน


(หึ งั้นมึงก็ยอมรับกูเป็นแฟนพูแล้วสินะ) หนึ่งดอกครับพี่ลัน


“กูไม่มีวันยอมรับมึง!” พูดจบพี่ลันก็ตัดสายทิ้งเลยครับ พอดีกับที่ผมเทหมูใส่จานพอดี วางกระทะเสร็จก็เดินไปขอโทรศัพท์คืน พี่ชายก็เดินหนีไม่ยอมให้ ยึกยือกันอยู่นานจนพ่อกับแม่ลงมาพอดี


“ฉันได้กลิ่นอะไรหอมๆ กับข้าวเสร็จแล้วสินะพู ไปตักข้าวมาซิลัน” คุณนายสมศรีสั่งเสร็จก็จูงมือสามีเดินผ่านหน้าพวกเราไปยังโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน เป็นอันยุติสงครามระหว่างผมกับพี่ลันเพราะเราต้องรีบนำอาหารเช้าไปบริการคุณหญิงก่อนเธอจะพิโรธ


“กลับเมื่อไหร่ล่ะลัน” พ่อเอ่ยถามเมื่อพวกเรากินข้าวเรียบร้อยแล้ว พี่ลันเอียงคอนึกก่อนจะตอบ


“อาทิตย์หน้าก็กลับแล้วครับ”


“ปีสามแล้วนี่ จะฝึกงานที่ไหนล่ะ ให้พ่อฝากเพื่อนให้ไหม เขากำลังอยากได้โปรแกรมเมอร์สักคนอยู่พอดี” พี่ลันส่ายหน้าหวือ เดาว่าคงไม่อยากอยู่ใกล้บรรดาเพื่อนพ่อที่อาจคาบข่าวมารายงานตลอดแน่ๆ


“ไม่ดีกว่าครับ ผมมีรุ่นพี่ที่รู้จักฝากงานให้แล้ว”


“เป็นบริษัทเล็กๆ หรือเปล่า พ่อกลัวว่าเขาจะให้ความรู้ลูกได้ไม่เต็มที่” พ่อเอ่ยอย่างกังวล เห็นพ่อให้อิสระลูกๆ อย่างนี้ บางทีผมก็เคยได้ยินพ่อพูดถึงอนาคตพี่ลันเหมือนกันนะครับ เพราะเขาไม่รู้ว่าสายที่พี่ลันเรียนไปต่อยอดอะไรได้บ้าง บางทีก็แอบเห็นพ่อซื้อหนังสือมาศึกษาว่าพี่ลันเรียนอะไรบ้าง จบไปจะไปต่อสายอาชีพไหนได้บ้าง เป็นความใส่ใจเล็กๆ ที่แม้เจอกันน้อยครั้งพ่อแต่ก็ยังให้ความสำคัญไม่ต่างจากเดิม


“ก็ไม่เล็กนะพ่อ ดารารายกรุ๊ปน่ะ”


พ่อ แม่ และผม เปิกตากว้างเท่าไข่ห่านเมื่อได้ยินที่ฝึกงานของพี่ชาย นั่นบริษัทรักษาความปลอดภัยชื่อดังเชียวนะ แม้แต่รัฐมนตรีหลายคนก็เรียกใช้บริการของบริษัทนี้ ซึ่งทุกที่ในประเทศต่างก็รักษาความปลอดภัยข้อมูลและทรัพย์สินด้วยระบบนี้ทั้งนั้น ซึ่งใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าการเป็นหนึ่งในองค์กรนี้ยากยิ่งกว่าอะไร ข้อสอบเข้าตามตำแหน่งก็ว่ายากแล้ว ทดสอบความพร้อมของร่างกายยิ่งหนักกว่าฝึกทหารอีก


“เขาให้เงินแกเท่าไหร่” แม่รีบถามทันที ขณะที่ผมกับพ่อได้แต่นั่งนิ่งๆ ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือพี่ลันแต่อย่างใด


“ก็คงตามมาตรฐานเด็กฝึกงานนั่นแหละแม่” พี่ลันหลบตา ซึ่งไม่พ้นสายตาเหยี่ยวของแม่ไปได้หรอกครับ


“ตอบมา...”


“เอ่อ...” นาทีนี้อย่าคิดแหยมคุณนายสมศรีเลยพี่ ตอบๆ ไปเถอะ ผมพยักหน้าให้พี่ชายที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก


“สะ...สามหมื่นครับ” พี่ลันพูดเสียงแผ่ว


“จริงดิ!” ผมถลาไปหาพี่ชายเลยครับ โห เรียนจบป.ตรีได้ครึ่งเดียวเองมั้ง นี่ยังเรียนไม่จบได้เท่านี้เลยเหรอ


“เออ ไม่งั้นกูจะเอาเงินที่ไหนมาเปย์มึงห้ะไอ้พู”


“เดี๋ยวๆ นี่หมายความว่าตอนนี้ลูกฝึกงานกับเขาแล้วเหรอ” พ่อเอ่ยถามอย่างงงๆ ซึ่งก็ตรงใจผมกับแม่มาก เราสามคนเลยจ้องพี่ลันคาดคั้นเอาคำตอบ


“อื้ม...อันที่จริงผมทำงานกับเขามาสามปีแล้วล่ะ”


“แล้วเงินที่แกบอกว่าเป็นทุนการศึกษา...”


“ก็...เงินจากงานที่ผมทำนี่แหละ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่เคยขาดเรียน กิจกรรมครบ งานที่ทำให้บริษัทนั้นก็ไม่ได้ยากอะไร” พี่ลันรีบละล่ำละลักบอกเมื่อเห็นแม่ขมวดคิ้วไม่ชอบใจนักที่พี่ลันทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย คงกลัวว่าจะเสียการเรียน แต่จากผลงานที่ผ่านมาพี่ลันก็ทำให้พวกเรามั่นใจได้ว่าเขาดูแลตัวเองได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียนจริงๆ


“เอาเถอะ จะทำอะไรก็เรื่องของแก อย่าให้เสียคนก็พอ พูก็เหมือนกัน ที่พ่อกับแม่ไม่ห้ามให้แกมีความรักกับพ่อทูนหัวเจตของแม่ก็เพราะเขาเป็นคนดีมีสัมมาคารวะแถมพ่อรวยอีกต่างหาก ฉะนั้นอย่าโง่ปล่อยไปล่ะ”


“แม่...” ผมโอดครวญ ขณะที่พี่ลันกอดอกต่อต้านเรื่องนี้อย่างแข็งขัน


“แต่ผมไม่อยากได้มันเป็นน้องเขย...”


แม่หรี่ตามมองพี่ลันเล็กน้อยให้อีกฝ่ายรู้สึกกระสักกระส่าย


“เรื่องของแกสิ ฉันอยากได้เขามาเป็นลูกเขย ถ้าแกไม่พอใจก็ไสหัวไปพร้อมกับเงินเดือนเว่อร์วังของแกเลย” แม่เชิดหน้าใส่พี่ลัน “ไปคุณ ปล่อยเจ้าเด็กชอบเก็บความลับนี่ไปเถอะ มันคงไม่เห็นหัวพ่อแม่ หึ ทำอะไรไม่เคยบอก”


“แม่...” พี่ลันร้องเรียก แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองเดินเข้าบ้านไปแล้ว ร่างสูงเลยหันกลับมาหาผม “เพราะมึงเลยพู”


“อ้าว ผมเกี่ยวอะไรวะ”


“ถ้ามึงไม่เป็นแฟนกับมัน ก็จะไม่เป็นประเด็นให้แม่พูดถึง ฮึ่ย!” พี่ลันทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด


“ถ้าพี่ไม่ทำตัวลึกลับแม่ก็คงไม่งอนหรอก กว่าจะกลับบ้านก็นานเป็นปี เดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็หาย ไม่เห็นใจคนรออย่างพวกเราบ้างเลย แถมยังปิดบังตั้งหลายเรื่อง มันน่าน้อยใจไหมล่ะ”


“เฮ้อ ก็มันพูดไม่ได้นี่ แต่ตอนนี้มันจบแล้ว พี่เป็นอิสระจากทุกอย่างแล้ว” พี่ลันคว้าตัวผมไปกอดไว้ “มันจบแล้วพู”


“จบอะไร...”


“จบความลับที่กูปิดมึงมาตลอด 3 ปี” พี่ลันผละออก ก้มลงสบตาผม


“กูจะพามึงไปหามัน...”
.
.
.
.
.
.
.
“โทรตามกูมาทำไมวะไอ้ถั่ว” แบงค์เดินปาดเหงื่อเข้ามาหาเรา ผมเลยส่งผ้าเช็ดหน้าให้มันเช็ดดีๆ พลางปรายตาไปยังที่ลันที่ก้าวมายืนข้างๆ ผม ซึ่งแบงค์เห็นเข้าพอดี


“กูให้โทรตามเอง” พี่ลันพูดเสียงเรียบ แบงค์รีบยกมือไหว้พี่ชายผมพร้อมกับเอ่ยแซ็ว


“หวัดครับพี่ลัน หายหน้าหายตาไปนาน นึกว่าหลุดวงโคจรออกนอกทางช้างเผือกไปแล้วนะเนี่ย”


“ปากหมาศัพท์ยากเหมือนเดิม มึงมาก็ดีแล้ว กูจะได้พาพวกมึงไปทีเดียวเลย” พี่ลันเดินนำไปยังโรงเรียนเขาที่มีนักเรียนเข้าออกประปราย เหมือนว่าโรงเรียนนี้จะสอบช้ากว่าโรงเรียนเรานิดหน่อย


“โห พี่ลัน หลอกพาพวกผมมาให้รุ่นน้องพี่กระทืบปะเนี่ย มาเยือนถิ่นศัตรูกันเลยทีเดียว” แบงค์รีบเกาะแขนผมแน่นเลยครับ เห็นกล้าไปทั่วแบบนี้มันก็กลัวโดนยำตีนเหมือนกันนะ


“มากับกู ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกมึงหรอก” พี่ลันเดินไปทักทายลุงยามที่ดูดีใจเมื่อได้พบพี่ลัน


“ท่านชูการ์ หายหน้าหายตาไปนานเลยนะ” ท่านชูการ์?


“โถ่ลุง ลืมๆ ฉายาบ้าๆ นั่นไปเถอะ เด็กพวกนั้นมันก็พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย”


“ลุงว่าไม่เพ้อเจ้อนา ฝีมือเราไม่เบาเลย เด็กเกรียนๆ กลายเป็นเด็กเรียบร้อยในพริบตา แต่เฮ้อ...ตั้งแต่ท่านชูการ์ไปเด็กกร่างๆ ก็เพิ่มขึ้นทันตาเลยล่ะ” ลุงส่ายหน้าปลงๆ ขณะที่ผมเอาแต่คิดว่าท่านชูการ์ที่ว่านี่ได้ยินมาจากไหน เหมือนจะสำคัญด้วยสิ


“ฮ่ะๆ ประธานนักเรียนเอาไม่อยู่แล้วเหรอครับ”


“สารวัตรนักเรียนก็ไม่ไหวเหมือนกัน อะ...โน่นไง ตัวร้ายประจำโรงเรียน หาเรื่องชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน น่าเสียดายจริงๆ อุตส่าห์เป็นถึงลูกเจ้าของบริษัทชื่อดังขนาดนั้นแท้ๆ” เราสามคนหันไปตามทิศทางที่ลุงยามมองอยู่


ร่างสูงเจ้าของใบหน้าฟกช้ำ เสียบหูฟังเปิดเพลงดังมาถึงฝั่งที่พวกผมอยู่ เขาเดินเอื่อยๆ กดพิมพ์โทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ขณะข้ามถนนโดยไม่ได้สนใจรอบข้างเลยสักนิด


บรื้น!


เสียงเร่งเครื่องยนต์มาพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่พุ่งเข้ามาใกล้ผู้ชายคนนั้น แต่คนข้างตัวผมเร็วกว่า วิ่งเข้าไปช่วยอีกฝ่ายได้ทันแบบเฉียดฉิว เป็นเหตุให้หูฟังหลุดออกจากหูของฝ่ายนั้น


“มึงมายุ่งอะไรด้วยห้ะ!” ชายคนนั้นตะคอกใส่แบงค์พร้อมกับกระชากคอเสื้อเข้าหาอย่างหงุดหงิด


“จะตายห่าอยู่แล้วยังไม่สำนึกอีก” แบงค์พูดหน้าหงิก ดึงมือหนาออกจากคอเสื้อแสนรักของมัน ซึ่งนอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ให้ความร่วมมือแล้วยังถลึงตาใส่อีก


“เรื่องของกูปะวะ!”


ผมเกรงว่าจะเกิดเรื่องจึงรีบลากพี่ลันเข้าไปห้ามสองคนนั้น ซึ่งพอผู้ชายคนนั้นเห็นพี่ลันก็รีบปล่อยมือจากแบงค์ทันที


“พี่มาได้ไง...”


“กูสอนไว้ว่าไง” พี่ลันกอดอกจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ ซึ่งดูเหมือนเขาจะสงบสติลงทันที


“ไม่ให้มีเรื่องมั่วซั่ว...”


“แล้วเมื่อกี้มึงกระชากคอเสื้อมันทำไม” พี่ลันชี้ไปทางแบงค์ที่เลิกคิ้วกวนๆ ชวนให้อีกคนหงุดหงิดใจแต่ไม่กล้าทำอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ลัน


“มันมายุ่งกับผมก่อน!” ฝ่ายนั้นโวยวาย แต่พี่ลันก็ตอบกลับไปนิ่งๆ


“มันช่วยชีวิตมึงต่างหาก มึงเกือบโดนรถชนแล้วนะธาร”


“โดนอีกสักครั้งจะเป็นอะไรวะพี่ บางทีไอ้ความทรงจำพวกนั้นอาจจะกลับคืนมาอีกก็ได้ พี่จะได้รู้ในสิ่งที่พี่ถามผม และผมจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดใจอยู่แบบนี้ที่นึกอะไรไม่ออกสักที!”


“เพราะอย่างนั้น กูถึงพาความทรงจำที่ขาดหายมาให้มึงแล้วไง” พี่ลันจับไหล่ผมกับแบงค์ให้เผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น เขาเหลือบตามองผมแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งหันไปสบตาแบงค์เขายิ่งทำหน้าหงุดหงิดกว่าเดิม




“อะไรของพี่วะ พาไอ้หน้าจืดกับหน้าตี๋นี่มาให้ผมทำไม”


“กูจะถือว่าไม่ได้ยินที่มึงว่าน้องชายกูนะ เอาล่ะสองคนนี้เป็นเพื่อนของมึงไง นี่น้องชายกู...ไอ้พู ส่วนนี่...ไอ้แบงค์” พี่ลันบอกเขาก่อนจะหันมาบอกพวกเรา “ส่วนนั่นก็เพื่อนพวกมึง”


“เพื่อนอะไรวะพี่ลัน ผมไม่เคยมีเพื่อนสันดานแบบนี้” แบงค์ออกตัวก่อน สายตายังเขม่นฝ่ายนั้นไม่เลิก ดูท่าจะไม่ถูกชะตากันซะแล้ว ผมเองก็ได้แต่มองหน้าพี่ชายงงๆ สลับกับมองอีกฝ่ายที่หันมาสบตาผมพอดี


ทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาใต้รอยช้ำนั้นไม่น่าใช่คนในความคิด แต่สายตาอ่อนโยนที่เคยมอบให้กันไม่อาจปิดบังได้


“มันคือไอ้เกลือ...” คำตอบของพี่ชายไขทุกสิ่งที่ผมสงสัยเรียบร้อยแล้ว


“พูดเชี่ยอะไรของพี่วะ!” แบงค์เป็นคนแรกที่พุ่งเข้าใส่พี่ลัน กับเรื่องเกลือแบงค์อ่อนไหวมากครับ มันไม่ยอมให้ใครมาหลอกหรือให้ความหวังอีกแล้วว่าเกลือยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ผมก้าวเข้าไปหาผู้ชายที่ยืนนิ่งให้ผมพิจารณาใบหน้านั้นอย่างไม่เข้าใจ


เพียงแค่สามปี คนเราจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวเหรอ


“มันประสบอุบัติเหตุอย่างที่พวกมึงรู้ แต่มันไม่ใช่เด็กกำพร้าอย่างที่บอกพวกมึง มันเป็นทายาทดารารายกรุ๊ปที่หนีออกจากบ้านแล้วไปก่อเรื่องมาเลยโดนล่า พ่อกับพี่มันเลยตัดสินใจแปลงโฉมมันตอนที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้มันความจำเสื่อม มันจำพวกมึงไม่ได้หรอก”


“แล้วพี่มาบอกพวกเราทำไม...” ผมเอ่ยถามพี่ชายเสียงแผ่ว ในเมื่อเลือกปิดบังแล้วจะมาบอกอีกทำไมวะ มาบอกทั้งที่เรากลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน


เพื่อนของผม...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว


“นี่พี่กุเรื่องขึ้นหรือเป็นเรื่องจริง” แบงค์จ้องหน้าพี่ลันเขม็ง เมื่อพี่ลันพยักหน้าแบงค์ก็หันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับร่างสูงขณะที่อีกฝ่ายกอดอกระวังตัวแจเพราะไม่รู้ว่าแบงค์จะทำอะไร คงเพราะเขาไม่มีความทรงจำเหล่านั้นเหมือนกับผมและแบงค์เขาจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของการได้พบกันอีกครั้งของพวกเรา


“เป็นมึงเหรอวะ” แบงค์เอ่ยขึ้น กวาดตาขึ้นลงสำรวจเพื่อนเก่า “แม่งไม่มีเชี่ยอะไรหลงเหลือความเป็นมึงไว้สักอย่างเลยนะ หึ แต่ก็สมกับเป็นมึงดี”


“เออ กูไม่มีความทรงจำอะไรทั้งนั้นแหละ” เขาหันไปหาพี่ลัน “สองคนนี้จะช่วยผมได้เหรอวะพี่”


“กูไม่รู้หรอกนะธาร มึงต้องลองดูเอง เอาล่ะ หมดหน้าที่กูแล้ว กูบอกในสิ่งที่ควรบอกไปแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่พวกมึงว่าจะทำยังไงต่อ จะคบกันเป็นเพื่อน หรือจะเลือกกลบฝังความทรงจำพวกนั้นไว้ก็เป็นเรื่องของพวกมึง”


พี่ลันกล่าวเท่านั้นก่อนจะเดินไปอีกทาง ทิ้งให้เราสามคนอยู่ด้วยความกระอักกระอ่วน จะเรียกเพื่อนก็ทำได้ไม่เต็มปาก ฝ่ายนั้นเห็นว่าเราคงมีเรื่องคุยกันยาวเลยเดินนำไปยังบริเวณเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้างสนามฟุตบอล


“เอาล่ะ กูเป็นคนตรงๆ ช่วยเล่าเรื่องของกูที่พวกมึงรู้จักให้ฟังหน่อย” เขาเปิดการสนทนาระหว่างเรา ซึ่งคนเล่าก็มีเพียงผมเพราะแบงค์เอาแต่จ้องหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา จนเขาเริ่มอึดอัดแล้วยกมือเบรกผม


“พอก่อนพู มึงอะ จะจ้องหน้ากูทำไมนักหนาวะ”


“กูอยากรู้ว่ามีอะไรที่มึงเหมือนเดิมบ้าง”


“หึ ทำไมวะ อยากเป็นเพื่อนกับกูขนาดนั้น”


“ไม่เคยอยากเป็นเพื่อน...”


“ห้ะ!”


“เอ่อ...ฟังกูเล่าต่อดีกว่าโน๊ะ เผื่อมึงจะจำอะไรได้บ้าง” ผมรีบหยุดก่อนที่แบงค์จะเผลอเผยอะไรออกไปให้เสียเรื่อง ความรู้สึกมันผมไม่อยากละเลยหรอกครับ แต่สภาพไอ้เกลือตอนนี้แทนที่จะสมหวังอาจจะมีปล่อยหมัดช้ำในกันซะมากกว่า


“กูเริ่มไม่อยากจำล่ะ แค่คิดว่าเป็นเพื่อนกับไอ้หมอนี่ก็ขนลุกขนพองล่ะ”


“อย่างอื่นก็พองได้นะ” แบงค์พูดยิ้มๆ ขณะที่อีกคนหน้าบึ้งไปแล้ว


“มึงเลิกคบมันเถอะพู เพื่อนแบบนี้มีไปก็เสื่อมสมอง”


“โห เล่นศัพท์ยากเหมือนกันนี่เรา” เอาแล้วครับ นิสัยเดิมของไอ้แบงค์เริ่มออกลายล่ะ สมัยที่มีกันสามคนไอ้นิสัยกวนบาทาของแบงค์ไม่เคยแพ้ใครนะครับ ก็เห็นมันกวนอยู่คนเดียวนี่แหละ


“สัดแบงค์ มึงจะไม่หยุดใช่ไหม...อึก” ร่างสูงกุมขมับด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว เราสองคนจึงรีบถลาเข้าไปดูอาการทันที


“ปวดหัวเหรอวะไอ้เกลือ” ผมถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่ไอ้แบงค์รีบต่อสายเรียกรถพยาบาลจนร่างสูงต้องคว้าโทรศัพท์มากดตัดสายไป


“กูไม่ได้เป็นอะไรมาก หยุดเลยนะมึงไม่ต้องมาทำปากเบะ น่าเกลียดชิบหาย” เขาชี้หน้าแบงค์ดุๆ ก่อนจะหันมาหาผม “กูชื่อธาร เรียกกูว่าธารเถอะ อย่างน้อยนั่นก็ชื่อที่แท้จริงของกู”


“ยังไงมึงก็คือไอ้เกลือสำหรับพวกกู และกูจะไม่เปลี่ยนชื่อเรียกมึง” แบงค์พูดเสียงหนักแน่น มันสบตาผมอย่างที่เรารู้กัน ธารคือเพื่อนใหม่ที่เราเพิ่งรู้จัก แต่เกลือคือเพื่อนที่เราผูกพันมานาน


อย่างน้อยถ้าจะต้องเปลี่ยนคำเรียก พวกเราจะยอมเปลี่ยนก็ต่อเมื่อมันจำเราทั้งคู่ได้แล้วจริงๆ








Tbc.










⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
เมื่อไม่มีความคิดเห็นในเรื่องของเกลือ เราเลยตัดสินใจให้เกลือจบในเรื่องนี้ค่ะ 555 เพราะงั้นจึงต้องมาพบกัน และถึงจะจำกันไม่ได้ แต่ความเป็นเพื่อนยังซ่อนอยู่นะเออ ส่วนความรู้สึกลึกไปกว่านั้นยังตอบไม่ได้ค่ะ ต้องรอติดตาม :hao3:


กลับจากที่ทำงานก็รีบเขียนเลย 555 วันนี้ใครๆ เขาหยุดกัน แต่เราไม่ได้หยุด  :mew6: แต่งนิยายย้อมใจกันไปค่ะ มีตรงไหนติดใจสงสัยเม้นบอกได้นะคะ คนเขียนก็เบลอๆ 5555


ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า  :mew1:

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 28 [29-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-07-2017 03:14:44
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 28 [29-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-07-2017 15:09:29
โอ๊ยยยย มาเจอกันจนได้ พูกับแบงค์ก็เจ็บไป เพราะจำไ้ด้ว่าเคยเสียเพื่อน
เกลือหรือธารก็คนเดียวกัน แต่เมื่อไหร่จะจำได้ล่ะ ต้องรักมาก สนิทมาก เพราะไม่ลืมกันเลย

ถั่วน้องน่ารัก น่ายำมาก สมควรถั่วพี่จะชอบฟัด ชอบแกล้ง
เค้าสารภาพรักกันแล้ว เป็นแฟนกันแล้ว เจตได้อ้อนสมใจแล้ว

แอลน่ารักมากค่ะ ถั่วพี่รับรักแล้วนะ คบกันยัง

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 28 [29-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: peettato ที่ 30-07-2017 04:06:02
สู้ๆน้องแบงค์  o13
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 28 [29-07-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-07-2017 07:35:15
รอคู่รอง อิอิ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 29 [06-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 06-08-2017 13:42:58
บทที่ 29
เหตุเกิดเพราะ...ลักพาตัว




[ลัน]


หลังจากบอกความลับให้น้องชายได้รู้ผมก็เดินจากมา ปล่อยให้พวกมันได้คุยกันเผื่อความทรงจำเหล่านั้นจะกลับมา ส่วนตัวผมก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งเช่นเคย


“อ้าว ลัน มาแล้วทำไมไม่กดกริ่งล่ะจ้ะ” หญิงสาววัยกลางคนเดินสะพายกระเป๋าใบเล็กออกมาจากบ้านหลังนั้น เธอส่งยิ้มให้ผมก่อนจะตะโกนเรียกลูกชายของเธอ


“แอล ลันมาหาน่ะ”


ไม่นานนักคนตัวเล็กก็วิ่งพรวดออกมาจากกรอบประตูด้วยสีหน้าแตกตื่น ก่อนจะผลุบซ่อนอยู่หลังประตูอย่างคนขี้อาย


ก็สภาพของแอลน่ะเพิ่งตื่นเอง ผมเผ้าชี้ฟู แต่ก็ยังดูน่ารักในสายตาผมอยู่ดี


ผมยกมือไหว้สวัสดีคุณน้าก่อนจะขอตัวเข้าไปหาเด็กดื้อที่หลบหน้าผมมา 2 สัปดาห์แล้ว ตั้งแต่วันที่ผมบอกชอบเขา แอลก็มักจะหาเรื่องหนีไปตลอด มาหากี่ครั้งก็ได้รับคำตอบจากแม่แอลเช่นเคย ว่าไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ออกไปซื้อของบ้าง ผมก็ยอมอดทนรอดักเจอเขา แต่พอเจ้าตัวรู้ว่าผมยังอยู่ก็โทรมาขอค้างบ้านเพื่อนทันที


พอเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่อยากเจอผมก็ยอมถอย ไม่อยากให้แอลต้องไปค้างบ้านคนอื่นแม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม คุณน้าเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเรารู้จักกันดีอยู่แล้ว บางวันที่แอลไม่อยู่ก็ชวนเข้าครัวทำอาหาร แอบกระซิบบอกว่าทุกครั้งที่ผมทำอาหารแอลจะกินมากกว่าทุกที ช่วงนี้เลยดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น ผมเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย แม้ระยะหลังจะไม่ค่อยได้เข้ามาหาเพราะผมเองก็ต้องอยู่กับครอบครัวให้สมกับที่หายหัวไปนาน


“แอล ไม่ต้องมาหลบเลย” ผมจับแขนแอลพยายามจะหนีให้หันมาเผชิญหน้ากัน แอลเสตาหลบด้วยใบหน้าแดงก่ำ คงกำลังคิดเรื่องที่ผมวันนั้นพูดอยู่แน่ๆ หรือไม่ก็คงอายที่ผมเห็นเขาในสภาพแบบนี้


“ไม่ได้หลบนะ” แอลตอบเสียงเบา พยายามดึงมือผมออก แต่เรื่องอะไรจะยอมล่ะ ก็จะเข้าถึงตัวได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


“งั้นก็หันมาคุยกับพี่สิ” ผมแตะใบหน้าใสให้หันมามองกัน ดวงตาคู่นั้นมีแวววูบไหว และผมรู้ดีว่าแอลคงไม่มั่นใจในสิ่งที่ผมพูดเท่าไรนัก “พี่ไม่ได้ขอให้แอลเชื่อว่าพี่ชอบแอล แต่พี่ทำให้แอลเห็นอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอว่าชอบน่ะ” ผมเน้นคำว่าชอบเป็นพิเศษ ซึ่งดูเหมือนแอลก็คงได้ยินชัดเจนถึงได้หน้าแดงก่ำอย่างนั้น


“ก็ผมไม่รู้ว่าพี่พูดจริงหรือล้อเล่น บางทีพี่ก็ทำเหมือนชอบ แต่บางที...คำพูดพี่ก็เหมือนว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย” แอลเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยสีหน้าหมองลง


“ขอโทษนะที่ทำให้นายคิดมาก คือพี่...ชอบแกล้งคนที่ชอบน่ะ ยิ่งเห็นนายคิดเรื่องพี่มากเท่าไหร่พี่ยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญมากเท่านั้น อย่าว่าแต่นายเลย ไอ้พูพี่ก็แกล้งมันประจำ แกล้งให้มันโกรธมันจะได้เข้ามาโจมตีคืน แล้วพี่ก็จะกอดมันไว้แบบนี้” ผมดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้อย่างเนียนๆ ซึ่งเด็กหัวอ่อนอย่างแอลตามเกมผมไม่ทันหรอก กว่าจะรู้ตัวก็ถูกผมตอดเล็กตอดน้อยไปแล้ว


“พี่ลัน!”


“ครับ”


“ปล่อยแอลเลย”


“เรื่องอะไรล่ะ กอดแฟนมันผิดตรงไหน”


“ผะ...ผมไม่ใช่”


“เป็นสิ แอลเป็นตั้งแต่วันที่กระโดดน้ำตามพี่ไปแล้วรู้ไหม” ผมมองคนที่สบตากันอย่างไม่เข้าใจ แอลคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาทำมันกระทบใจผมมากแค่ไหน ที่ผมทำวันนั้น ที่บอกให้เธอตายไปพร้อมกันเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นแค่หลงใหลรูปลักษณ์ภายนอก เธอไม่มีวันกระโดดลงน้ำไปพร้อมกัน


ขณะที่ชั่ววินาทีนั้นผมเองก็คิดที่จะตายและจมหายไปในน้ำเพราะหลายอย่างมันสุมทุมอยู่ในอกจนแทบจะหาทางออกไม่ได้ บางทีหากผมตายทุกอย่างคงจบ ครอบครัวผมจะปลอดภัยหากความลับพวกนั้นจมหายไปตลอดกาล


แต่พอลืมตาขึ้นและเห็นแอลที่กระโดดตามมา หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นและปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ ผมมีแรงสู้ต่อไปก็เพราะแอล ยิ่งได้รู้ว่าศัตรูเล็งทำร้ายแอลด้วย ผมยิ่งพร้อมจะถอนรากถอนโคนพวกมัน ซึ่งป่านนี้คงดิ้นเร่าๆ เพราะความชั่วของพวกมันคืนสนอง


“ผมเป็นได้เหรอครับ” แอลพูดเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ ก่อนจะเงยหน้าสบตาผมอย่างคาดหวัง


ผมไม่ตอบแต่โน้มหน้าลงจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากแอล ไม่ได้ล่วงล้ำแต่ก็กดเน้นย้ำดูดดึงก่อนจะผละออก


“พี่ไม่ได้จูบใครก็ได้นะ สิทธิ์นี้มอบให้แค่แฟน” ส่งยิ้มละไมยืนยันคำพูด กอดแล้วแน่นและฟังเสียงหัวใจของเราเต้นดังไปพร้อมกัน
.
.
.
.
.
“นี่สรุปว่าพี่เป็นแฟนแอล” ไอ้พูมองผมสลับกับแอลด้วยใบหน้าบึ้งตึง ผมคิดว่ามันจะดีใจซะอีกที่แอลมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา “ไอ้คนที่เหมือนเราทุกอย่างคือไอ้พี่ลันเหรอ” พูหันไปถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเซ็งๆ พอแอลพยักหน้ารับเขินๆ พูก็หรี่ตาใส่ผมอย่างไม่พอใจ


“ให้เกียรติพี่มึงบ้างพู มาใช้ไอ้นำหน้าชื่อพี่ได้ไง”


“ทีพี่ยังเรียกผมไอ้เลย เหอะ ปาดหน้าเค้กว่ะ น้องยังไม่ทันสารภาพรักไปรู้จักกันตอนไหนวะ”


“เรื่องของพวกกู ที่พาแอลมาก็แค่บอกให้มึงรู้ ส่วนพ่อกับแม่เดี๋ยวกูคุยเอง”


“เขารู้กันนานเป็นชาติล่ะ” ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ รู้ได้ไงวะ กูยังไม่ได้บอกหรือมีท่าทีว่าชอบผู้ชายเลยนะ “พูบอกเองอะ ใสๆ” น้องชายผมเฉลยด้วยใบหน้ากวนๆ เห็นแล้วทนไม่ได้ต้องจับมันมาฟัดให้หายมันเขี้ยว


“ไอ้พี่ลัน! พอโว้ยพอ ต่อหน้าแฟนยังไม่หยุดอีก แอลดูดิ ผู้ชายแบบนี้ไม่เหมาะกับแอลหรอก ฟัดน้องได้ไง มันต้องฟัดแฟนมันใช่เหรอ” พูรีบดิสเครดิตผมทันทีเลยครับ ไอ้น้องเวร แอลยิ่งคิดมากอยู่ ผมหยุดการกระทำลง ลอบมองแฟนหมาดๆ ที่มองมาทางพวกผมยิ้มๆ


“เราไม่คิดมากหรอก ดีซะอีก พี่น้องสนิทกัน เรากับเจตน่ะไม่ค่อยแสดงความรักกันแบบนี้สักเท่าไร”


“ดีแล้วๆ ถ้าเป็นเรานะหึงตายเลย เราไม่ชอบให้แฟนตัวเองไปกระหนุงกระหนิงกับคนอื่นหรอก ยิ่งน่ารักแบบแอลนะ พูคงเอาเรื่องพี่เจตแน่ๆ แม้จะเป็นญาติกันก็เถอะ”


“อ้าว ไม่โกรธแอลเหรอ”


“แอลน่ารัก เราไม่โกรธ” พูพูดยิ้มๆ ส่งสายตาให้แอลแบบที่ผมต้องขัดขึ้น


“นี่แฟนกู” ผมโอบไหล่แอลเข้าหาตัว ประกาศใส่น้องชายให้เลิกยุ่งกับคนของผมสักที แฟนมันก็มีเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ


“โห่ ไรวะ ขี้หวงว่ะ พูไม่ขัดขวางความรักของพี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว เลิกขวางเรื่องผมกับพี่เจตบ้างสิ”


“กูจะขวางมีไรไหม” ผมยักคิ้วอย่างเหนือกว่า


“หมายความว่าพี่ลันไม่ยอมรับเจตเหรอครับ” แอลพูดนิ่งๆ ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของผมแล้วหันมาเผชิญหน้ากัน “เจตผิดอะไร”


“ก็พี่ไม่ชอบขี้หน้ามันอะ” หลบตาแอลที่มองมาอย่างผิดหวัง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงอ้อมแอ้ม “ก็พี่หวงพู จะเลือกคนรักสักทีพี่ก็อยากให้ได้ดีๆ หน่อย ถ้าเป็นผู้หญิงพี่จะไม่คิดมากอะไรเลย แต่นี้ผู้ชายอะ มันต้องคิดจะเสียบน้องชายพี่แน่ๆ”


“อย่างกับพี่ไม่เคยคิดจะเสียบแอล อุ๊ปส์” ไอ้พู ไอ้น้องเวร!


“พี่คิดจะทำกับผมแบบนั้นหรือเปล่าครับ” แอลถามด้วยใบหน้าขึ้นสี คงรู้ดีว่าความหมายที่พูว่าคืออะไร


“ก็...มีบ้าง” ผมหลบตาเล็กน้อย ไม่กล้าบอกเลยว่าคิดอยู่ทุกครั้งที่เราอยู่ใกล้กัน


“แล้วจะแปลกอะไรครับที่เจตจะคิดกับพูแบบนั้น”


“ช่ายยยย เลิกขัดขวางได้แล้ว ไว้พี่เจตมีชู้พูยอมให้พี่ตื้บเลย”


“กูไม่ทำร้ายน้องตัวเอง”


“ก็ไม่ได้หมายถึงพู หมายถึงพี่เจตต่างหาก ถ้าเขาทำพี่ก็จัดการให้พูไง”


“ทำไมกูต้องยอมเสี่ยงให้น้องอย่างมึงต้องเจ็บก่อน สู้ตัดไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ มึงจะได้ไม่ต้องรอวันเจ็บ”


“แล้วถ้าผมบอกให้พี่เลิกกับแอลเพราะไม่อยากให้พี่เจ็บล่ะ พี่จะเลิกไหม”


“ไม่มีวัน”


“นั่นไง ไม่มีวัน คำตอบผมก็เหมือนพี่ ให้ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองเถอะพี่ลัน ผมอยากรู้จักความรัก และถ้าปลายทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พูก็จะคิดเสียว่ามันไม่ใช่ทางของเรา”


“พูดดีชิบหาย จะให้กูไปขัดอะไรต่อได้วะ เออ อยากเรียนรู้อะไรก็เรื่องของมึง แต่ถ้าร้องไห้ขึ้นมาอกกูว่างให้ซบเสมอมึงรู้ใช่ไหม”


“อื้ม” ผมลูบหัวน้องชายเบาๆ ก่อนที่เจ้าของเขาจะรีบเดินเข้ามา


“ของโทษที่ช้านะพู สอบวันนี้มันยากน่ะเลยทำจนหมดเวลาสอบเลย” เจตทิ้งตัวลงนั่งข้างพู ก่อนจะหันมามองผมที่โอบเอวแอลไว้หลวมๆ แอลสะดุ้งนิดๆ แล้วดันแขนผมออก แต่เรื่องอะไรผมจะยอม


“กูคบกับแอล” ทันทีที่สิ้นประโยคนั้นผมก็เห็นประกายโทสะในตาของเจต ก่อนที่มันจะลุกพรวดมากระชากคอเสื้อผม ซึ่งผมเองก็ปล่อยให้มันทำ ไม่อย่างนั้นมันคงถลาหน้าคว่ำกับโต๊ะเพราะผมเบี่ยงตัวหลบ


“มึงไม่ชอบที่กูคบกับพูกูไม่ว่า แต่ถ้ามึงจะแก้แค้นโดยการเอาน้องกูไปเป็นของมึง มันมากเกินไปว่ะ”


“เจต...”


“พี่เจต ปล่อยพี่ลันก่อน” พูพยายามช่วยดึงมือแฟนออกไป แต่เด็กอย่างมันจะไปทำอะไรได้ ผมเลยจัดการง้างข้อมือมันออกเอง เจตมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ข้างในผมรู้ว่ามันเจ็บเพราะผมจัดการบิดข้อมือมันในท่าที่อันตรายพอสมควร เรียกได้ว่าถ้าไม่ยั้งแรงละก็คงมือมันคงได้หักแน่ๆ


“มีดีแค่นี้มีสิทธิ์อะไรมาขอให้กูยอมรับมึง” ผมสบตาคนที่มองมาอย่างไม่พอใจ “และอีกอย่าง เรื่องของแอลกับกูเราตัดสินใจร่วมกัน ไม่มีใครฝืนใจใคร อย่ามาดูถูกความรักของกู” พูดจบผมก็พาแอลออกจากตรงนั้น ก่อนที่จะระเบิดเผลอชกหน้าแฟนน้องชาย กล้าดียังไงมาคิดว่าผมคบแอลเพื่อแก้แค้นที่มันแย่งน้องชายไป ไร้สาระสิ้นดี


“ใจเย็นๆ นะครับพี่ลัน” แอลลูบแขนผมปลอบใจ หันเข้าหาเขาแล้วโอบกอดร่างเล็กไว้ ขอบคุณที่เขาไม่คิดอย่างเดียวกับพี่ชาย เพราะผมคงทนไม่ไหวหากต้องเสียแอลไป


บรื้น! เอี๊ยด!


ชั่ววินาทีที่เสียงบดล้อจอดลงด้านหลังของผม กระแสไฟฟ้ารุนแรงก็แล่นวาบไปทั้งตัว ผมรีบผลักแอลออกไม่ให้เขาได้รับอันตราย แอลมองผมด้วยสีหน้าตกใจและพยายามวิ่งเข้ามาหาผมที่ทรุดลงอย่างอ่อนแรง


ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นในระยะสายตาคือใครบางคนที่ส่งยิ้มจอมปลอมให้คนตัวเล็กที่ถอยหลังหนีด้วยใบหน้าตื่นกลัว ก่อนที่มันจะฉุดลากตัวแอลขึ้นรถอีกคันไป


ทิ้งให้ผมมองตามพร้อมสติที่ค่อยๆ ดับวูบ


แอล...






Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀

แอลโดนลักพาตัวไปแล้ววววววว โดยคนที่คุณก็รู้ว่าใครรรรร ส่วนพี่ลันไม่ได้กากนะ เขาโดนไฟฟ้าช็อตโดนไม่ทันตั้งตัว เก่งแค่ไหนก็สู้ไม่ไหวค่ะ เอาใจช่วยพี่ลันน้องแอลด้วยน้า

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า  :mew1:

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 29 [06-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-08-2017 21:51:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 29 [06-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 07-08-2017 00:01:51
คู่อริเก่าแอลอีกแล้วเหรอ คราวนี้คงจะโดนถอนรากหมดแน่ๆ
 รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 29 [06-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 07-08-2017 00:37:47
ปมสุดท้ายยยแล้ว
พี่ลันตามไปช่วยแอลเรววว
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 29 [06-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-08-2017 02:58:46
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 18-08-2017 02:25:25
บทที่ 30
เหตุเกิดเพราะ...ชิงตัว







“พู...พี่ลันเป็นลม”


นั่นคือประโยคที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา อย่างพี่ลันน่ะเหรอจะเป็นลม ผมจำได้ว่าตอนนั้นหัวเราะจนท้องแข็งกับมุกตลกของเพื่อน พี่เจตเองก็ถามว่าผมหัวเราะอะไร พอเล่าให้เขาฟังเขากลับทำหน้าเครียดจนผมต้องเอ่ยถาม


“ทำไมเหรอพี่”


“มันอาจไม่ใช่มุกก็ได้นะพู” พี่เจตพูดเท่านั้นก่อนจะแย่งโทรศัพท์ไปคุยเอง ได้ความตามที่เผือกบอกผมทุกประการ ผมกับพี่เจตจึงรีบไปยังที่เกิดเหตุทันทีเพราะไม่ไกลจากที่พวกเราอยู่นัก กวาดตาหาอยู่สักพักก็เห็นพี่ชายตัวเองนอนไร้สติอยู่บนสนามหญ้า เดาว่าไอ้เผือกคงพามานอนตรงนี้


“เกิดอะไรขึ้นวะ”


“กูไม่รู้ เดินเลี้ยวมาทางนี้ปั๊บก็เห็นพี่มึงนอนสลบอยู่ กูเลยพาเขามานอนดีๆ แล้วโทรหามึงนี่ล่ะ”


“แล้วแอลล่ะ” พี่เจตเอ่ยถามพลางต่อสายหาแอล นั่นสิ แล้วแอลล่ะ ทั้งสองคนออกมาด้วยกันไม่ใช่เหรอ


“กูไม่เห็นใครเลยนะ อ้อ กูเจอโทรศัพท์ตกอยู่ แต่มันเปิดไม่ได้ว่ะ” เผือกส่งโทรศัพท์รุ่นเก่ามาให้ ซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นของใคร


“โทรศัพท์แอล...” ผมบอกร่างสูงที่ชะงักไป เขาขอมือถือเครื่องนั้นไปสำรวจให้แน่ชัดว่าเป็นของแอลจริงๆ


“ใช่ ของแอล พี่ว่าแบบนี้ไม่ดีแล้ว ต้องปลุกมันขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง” ว่าแล้วพี่เจตก็เขย่าตัวพี่ลัน “ตื่น! ตื่นสิวะ”


“อือ...” พี่ลันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเด้งตัวขึ้นมานั่งพลางกวาดตาไปทั่ว “แอลล่ะ!”


“พวกผมสิต้องถามพี่ว่าแอลอยู่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้น”


“แอล...ถูกจับตัวไป”


“ห้ะ! มึงว่าไงนะ” พี่เจตถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อพี่ลันเข้าหาตัว “มึงบอกว่าน้องกูถูกจับตัวไปอย่างนั้นเหรอ มึงดูแลประสาอะไรวะ ตอบกูสิ!” พี่เจตมีท่าทีโมโหมาจนผมรีบดึงตัวเขาออกมา


“พี่เจต ใจเย็นๆ ก่อน” ผมบอกคนรักก่อนจะหันไปหาพี่ชายตัวเอง “ใครจับแอลไป”


“พวกฝาแฝด” พี่ลันกัดฟันกรอด สายตาดุดันของพี่ชายทำเอาผมขนลุกซู่ “มึงไม่ต้องห่วงหรอกไอ้เจต กูจะพาแอลกลับมาด้วยตัวของกูเอง” พูดจบพี่ลันหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาใครบางคนก่อนจะผลุนผลันออกไปก่อนที่ใครจะคว้าตัวไว้


“พูกลับไปกับเผือกก่อนนะ พี่จะไปตามหาแอล” พี่เจตพูดเท่านั้นก่อนจะรีบโบกเรียกแท็กซี่หายหัวไปอีกคน


เหอะ ทิ้งกูให้อยู่ในเซฟโซนตลอดพวกพี่บ้าเอ้ย!


“เอาไงต่อวะมึง” เผือกเกาหัวแกรกๆ ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก...กลับบ้าน


เออ กลับบ้านนี่แหละครับ ก่อนจะรู้ว่าพี่ชายไม่ได้หายหัวไปไหนหรอก อยู่บ้านพี่เปรมนี่แหละ ผมเลยถือวิสาสะลูกชายเพื่อนข้างบ้านปีนกำแพงเข้าไปแอบฟังสองคนนั้นคุยกันอย่างเนียนๆ


“แกะรอยได้ไหมมึง” พี่ลันเอ่ยถามพลางรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์รัวจนผมมองตามไม่ทัน ส่วนพี่เปรมก็กำลังทำแบบเดียวกันแต่สวมเฮดโฟนคุยกับใครบางคนอยู่


“ใจเย็นๆ สิวะมึง กูแฮกกล้องวงจรปิดอยู่เนี่ย สัด ถ้าหัวหน้ารู้ว่ากูมาทำอะไรแบบนี้นะ โดนกูปลดแน่ๆ”


“แต่ถ้าสำเร็จมึงก็ได้เลื่อนขั้นเลยนะ อีกอย่างแก๊งค์เชี่ยนี่จะได้ถึงคราวอวสานสักที”


“สรุปว่าหลักฐานพร้อม”


“พร้อมเป็นชาติแล้ว แต่กูต้องได้ตัวแอลก่อน เพราะถ้าไม่มีอะไรต่อรองพวกมันไม่เอาแอลไว้แน่”


“มึงแน่ใจเหรอวะว่าสิ่งที่มันต้องการคือข้อมูลที่มึงมี”


“อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรต่อรอง สลับที่กับกู” พูดจบพี่ลันก็เลื่อนเก้าอี้สลับที่กับพี่เปรม ก่อนจะเคาะแป้นพิมพ์ต่อด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ที่ผมไม่เข้าใจ “กูเจอล่ะ มึงนี่มันกากจริงๆ” พี่ลันบ่นนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วคว้าเสื้อแจ็กเก็ตมาสวมไว้


“มึงจะบุกไปคนเดียวเนี่ยนะ”


“เออ กูไม่อยากรอให้ความเครียดมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...สัด ใครโทรมาอีกวะ” พี่ลันกดรับโทรศัพท์ก่อนจะยืนนิ่ง “มึงว่าไงนะ”


“อะไรวะมึง”


“เออ กูจะทำตามที่มึงบอก แต่กูรอได้ถึงแค่ตอนเช้า ถ้าเกินกว่านั้นกูจะบุกไปทันที” แล้วพี่ลันก็กดวางสายก่อนจะหันมาหาพี่เปรม “ช่วยห้ามไม่ให้กูก้าวออกจากบ้านที ล่ามโซ่กูไว้ด้วยก็ได้เพราะกูไม่ไว้ใจตัวเองเลยว่ะ”


“ทำไมวะ แล้วเมื่อกี้ใครโทรมา”


“มึงจำไอ้เด็กซอลท์ได้ไหม ตอนนี้มันจำทุกอย่างได้แล้วนะ มันบอกว่าถ้ากูออกไปตอนนี้กูจะโดนกับดักที่พวกมันวางแผนไว้ และถ้ากูไม่ทำตามที่มันบอก นอกจากกูจะไม่ได้แอลคืนมาแล้ว กูก็คงไม่รอดออกมาจากที่นั่นแน่ๆ” ซอลท์ ใครอีกวะนั่น


“แล้วมันมีแผนอะไร” พี่เปรมถามต่อ ไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจเมื่อเอ่ยถึงบุคคลปริศนา


“แผนของมันคือกูต้องไม่ออกไปจากที่นี่ก่อน 9 โมงเช้าวันพรุ่งนี้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นมีแค่มึงที่ช่วยกูได้”


“หาเรื่องให้กูอีกล่ะ นั่งอยู่เฉยๆ เลยนะมึง” พี่เปรมลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะเดินออกมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้วและยาสองเม็ดส่งให้พี่ลัน “เอาไปแดกซะ รับรองหลับยาวถึงพรุ่งนี้เช้า ช่วยให้มึงไม่ฟุ้งซ่านหรือวิ่งโร่ออกไปช่วยพ่อหนุ่มน้อยน่ารักคนนั้น”


พี่ลันพยักหน้าเล็กน้อย ตบยาเข้าปากตามด้วยน้ำก่อนจะลุกขึ้นเดินไปล้มตัวนอนบนโซฟา “พรุ่งนี้อย่าลืมปลุกกูล่ะ”


“เออ นอนๆ ไปมึงน่ะ” พูดจบพี่เปรมก็หันไปรัวแป้นพิมพ์ตามเดิม ปล่อยให้พี่ชายผมเข้าสู่ห้วงนิทราไปทีละนิด


ผมละสายตาจากพวกพี่ๆ ดูท่าเรื่องที่แอลถูกลักพาตัวไปคงเป็นเรื่องใหญ่มาก ผมต่อสายหาพี่เจตแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสายผมเลย สุดท้ายผมก็ได้แต่นั่งรออยู่ในบ้านตัวเอง พอพ่อกับแม่กลับมาแล้วถามถึงพี่ลันผมก็บอกแค่ว่าค้างบ้านพี่เปรม กินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้องเตรียมตัวนอน เพราะผมทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง


จนกระทั่งข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามายังมือถือของผม


“ถ้าอยากช่วยแอล ให้มาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว”


ประโยคสั้นๆ จากเบอร์แปลก ใครเห็นก็คงไม่ไปตามที่อีกฝ่ายบอกหรอก มีแค่ตัวเอกในละครเท่านั้นแหละที่มักจะไปคนเดียว ซึ่งผมอยากเป็นตัวเอกไงแหะๆ ก็เลยมาที่มืดๆ เปลี่ยวๆ นี่ด้วยตัวคนเดียว


กวาดตามองซ้ายขวาก็เห็นเพียงโกดังเก่าๆ แห่งหนึ่ง แสงไฟสว่างวาบบอกได้ดีว่ามีคนอยู่ในนั้น แต่ผมไม่ได้โง่ที่จะเดินเข้าไปให้คนในนั้นเห็นแล้วจับตัวไว้ ผมแอบซุ่มดูอยู่ห่างๆ ฉลาดใช่ไหมล่ะครับ ลอดตาแมวดูว่าภายในนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง


ในนั้นผมเห็นร่างเล็กของแอลถูกมัดไพล่ติดกับเก้าอี้ คนที่เดินวนเวียนอยู่รอบตัวแอลด้วยรอยยิ้มคือต้น คนร้ายในคราบเทพบุตร มันจับหน้าแอลให้หันไปมองกันก่อนจะบดจูบอย่างหนักหน่วงโดยที่แอลทำได้เพียงดิ้นหนีให้หลุดจากพันธนาการนั้น


กล้าดียังไงมาจูบนางฟ้าของกู!


ไม่สิ ตอนนี้แอลเป็นแฟนของพี่ลัน


โอ้ย มันใช่เรื่องที่กูต้องมานั่งคิดตอนนี้ไหมเนี่ย


ผมก่นด่าตัวเองก่อนจะยกมือถือขึ้นถ่ายภาพผ่านช่องนั้น ตอนนี้แอลเป็นอิสระแล้วครับ ใบหน้าใสเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แอลคงรู้สึกแย่ที่ถูกคนเลวๆ แบบนั้นจูบ ซึ่งผมก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกัน


ไม่ต้องห่วงนะแอล ภาพนี้จะถึงพี่ลัน เราเชื่อว่าพี่ชายเราไม่ปล่อยให้คนรังแกแฟนตัวเองรอดไปได้แน่ๆ


“ทำอะไรอยู่”


“ก็กำลังถ่ายภาพอยู่ไงวะ” ผมตอบคนถามแล้วกดส่งภาพถึงพี่ลัน


เอ๊ะ เดี๋ยวนะ กูมาคนเดียว แล้วใครถามกู


“หึ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงกันเลยนะ” ไอ้ตั้นส่งยิ้มร้ายให้ผม “แถมมาถูกซะด้วยอย่างนี้คงต้องให้รางวัล”


หมับ


มันโอบเอวผมเข้าประชิดตัวก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู “รางวัล...เป็นสวรรค์ชั้นเจ็ดกับกูเป็นไง”


“เชี่ย” ผมผลักมันออกเมื่อลิ้นสากแตะเข้าที่ใบหู รีบถอยหลังหนีพลางกวาดตาไปรอบๆ เผื่อจะเจออาวุธไว้สู้กับอีกฝ่าย “ให้ตายก็กูไม่ขึ้นสวรรค์กับมึงเด็ดขาด คนอย่างมึงนรกยังไม่ต้องการด้วยซ้ำ”


“หึ งั้นเหรอ”


“ก็เออน่ะสิ เห้ย! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะ!” มันคว้าข้อมือผมแล้วพาเข้าไปข้างใน ซึ่งทำให้ผมเห็นชัดขึ้นว่านอกจากไอ้ต้นและแอลแล้ว ยังมีพวกนักเลงอีกหลายคนนั่งซุ่มอยู่ตามมุมต่างๆ เรียกได้ว่าสิ่งที่ผมเห็นผ่านรู้นั่นแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นเอง


“ลูกพี่ไปเจอไอ้เด็กนี่จากไหนวะ” ชายร่างใหญ่ท่าทางหื่นกามเดินตรงเข้ามาพลางสำรวจตัวผม ก่อนจะถูกบดบังด้วยไอ้พี่ตั้น


“จากไหนก็เรื่องของกู และรู้ไว้ด้วย ของกูห้ามยุ่ง” มันปรายตาไปรอบๆ โกดังเพื่อประกาศเป็นนัยๆ ว่าผมเป็นของๆ มัน ก่อนจะพาผมเข้าไปหาแอลที่ร้องไห้ตัวสั่น


“แอล” ผมเอ่ยเรียกร่างเล็ก และแอลก็รีบเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงผม


“พู”


“แอล ไม่เป็นไรนะ” ผมถลาเข้าไปหาคนตัวเล็ก ลูบไล้เนื้อตัวเพื่อปลอบประโลมเขาก่อนจะถูกลากออกมานอกโกดัง “ทำอะไรของมึงวะ!”


“อย่ามาขึ้นวะกับกูนะไอ้พู ที่มึงยังมีชีวิตอยู่ก็เพราะกู ขืนเป็นคนอื่นไปเจอมึงมึงได้ตายไปแล้วแน่ๆ”


“หึ เป็นพระคุณมากที่ไว้ชีวิตกู แต่จะดีกว่านี้ถ้ามึงปล่อยกูกับแอลไปซะ” มันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน


“ไม่มีทาง มึงกับแอลต้องอยู่ที่นี่จนกว่าบอสจะมา” บอสเชี่ยอะไรอีกเนี่ย “เขาต้องการบางอย่างจากพี่ชายของมึง”


“มึงแน่ใจเหรอวะว่าสิ่งที่มันต้องการคือข้อมูลที่มึงมี”


ผมนึกถึงประโยคที่พี่เปรมเคยพูดกับพี่ลัน และถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงต้องรอพี่ลันตื่นขึ้นมาก่อน ซึ่งคงอีกประมาณ 11 ชั่วโมง แล้วตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่ม คือกูต้องนั่งตบยุงรอไหม


“มีอะไรให้กูทำบ้างระหว่างรอพี่ชายมาช่วย” ผมเอ่ยถามอีกฝ่ายที่ดูอึ้งๆ มันคงคิดไม่ถึงว่าตัวประกันอย่างผมจะถามอะไรอย่างนั้น


“ฮ่าๆ มึงนี่มัน...น่าสนใจจริงๆ อยากทำกิจกรรมเรียกเหงื่อกับกูไหมล่ะ” มันถามยิ้มๆ


“ไม่มีวัน ว่าแต่มึงเถอะ กูเป็นตัวประกันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มัดกูไว้ล่ะ”


“กูชอบเล่นกับเหยื่อที่มีแรง จับมัดไว้แล้วกูจะสนุกอะไรล่ะ นี่กูก็รอให้มึงวิ่งหนีอยู่นะกูจะได้ล่า...” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ซึ่งผมก็ดันหน้ามันออกทันที


“งั้นกูจะนั่งเฉยๆ ทำตัวเป็นเด็กดี” ผมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น ปล่อยให้อีกคนหัวเราะต่อไปเพราะผมไม่ได้หนีอย่างที่มันคิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ดูเป็นมิตรมากขึ้นจนน่าแปลกใจ “ทำไมมึงไม่ร้ายแล้วล่ะ มึงควรจะร้ายแบบตัวโกงในละครนะ”


“หึ กูพอแล้วกับเรื่องร้ายๆ” มันเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน “บางทีกูก็อยากออกไปใช้ชีวิตปกติบ้าง แต่มันคงยากไปใช่ไหมสำหรับคนอย่างกู”


“เกิดอะไรขึ้นกับมึง เอาตรงๆ นะคือกูไม่เข้าใจ ท่าทางมึงตอนนี้เปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือแบบสุดๆ เลย”


“กูก็แค่...รู้สึกผิด” มันเหลือบมองไปทางน้องของชายมันที่ยังคงหัวเราะคิกคักอยู่ข้างแอล เห็นแล้วก็อยากพุ่งไปชกหน้า ไม่รู้จะวุ่นวายอะไรกับแอลของผมนักหนา “เอาน่า ให้มันได้อยู่อย่างมีความสุขบ้างเถอะ มันไม่ได้ทำร้ายแอลเลยนะ”


“มันจูบแอล!” ผมโวยลั่น แต่อีกฝ่ายแค่ยิ้มแล้วลุกขึ้น


“ก็แค่นั้นเอง ชีวิตมันโดนมาเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ แค่ได้อยู่ใกล้คนที่ชอบก็ถือว่าดีพอแล้ว”


“ชอบ? มึงใช้คำว่าชอบกับคนที่พวกมึงทำร้ายเหรอ แอลต้องเจอกับอะไรบ้างพวกมึงลืมรึไง มึงกับน้องของมึงทำกับเขาไว้มากแค่ไหน จำไม่ได้เหรอวะ!”


“กูยอมรับว่าตอนนั้นพวกกูสารเลวมากแค่ไหน และพวกกูก็ได้รับกรรมแล้วด้วย หึ ถ้ามึงรู้มึงก็คงสะใจ”


“ทำไมกูต้องสะใจ สิ่งที่กูต้องการไม่ใช่พวกมึงชดใช้กรรมกันมากแค่ไหน ที่กูต้องการคือให้พวกมึงรู้สึกผิดที่เคยทำเรื่องชั่วๆ ไว้ต่างหาก ความรู้สึกผิดมันบอกได้ว่าพวกมึงจะดีขึ้น นั่นแหละคือสิ่งที่กูต้องการ”


ตั้นชะงัก มันมองหน้าผมด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเหมือนพยายามข่มความรู้สึกบางอย่าง ก่อนสีหน้าของมันจะกลับมาเรียบนิ่งดังเดิม


“หึ มึงนี่...ทำให้กูแปลกใจอยู่เรื่อยเลย”


“อะไรวะ เห้ยๆ ทำอะไรของมึง” ผมร้องลั่นเมื่อมันรวบตัวผมไปกอดไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยออก


“ขออยู่แบบนี้สักพักเถอะ กูมีเวลาไม่มาก ขอเวลาสั้นๆ ให้กูเป็นคนดีหน่อยนะ”


“คนดีเชี่ยอะไรมากอดคนที่เขาไม่เต็มใจเนี่ย! ปล่อยกูโว้ย!”


“ทำอะไรวะตั้น” แฝดเทพบุตรเดินยิ้มร่าเข้ามา เอ่ยทักทายผมนิดหน่อย “ยินดีที่ได้พบนะ เด็กน้อย”


“น้อยพ่อง”


“อุ้ย ปากไม่ดี ด้วยลงโทษโทษด้วยปากเลย” ต้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม แต่โดนแฝดพี่ดันหน้าออกไป “อะไรของมึง”


“อย่ายุ่งกับมัน”


“คร้าบ ไม่ยุ่งก็ได้คร้าบ แต่เด็กกูอยากคุยกับเด็กมึง ทีนี้กูยุ่งได้ไหมล่ะ”


“ก็ให้มันไปคุยกัน” ตั้นตอบน้องชายก่อนจะหันมาพูดกับผม “ไปสิ แต่อย่าคิดหนีล่ะ เพราะที่นี่มีแค่พวกกูที่คุ้มหัวมึงได้” ผมพยักหน้าให้สองคนนั้นก่อนจะรีบเข้าไปหาแอล


“พู”


“ไม่เป็นไรนะแอล เดี๋ยวพี่ลันก็มาช่วย” ผมนั่งคุกเข่าปลอบใจแอล แอลพยักหน้ารับพลางเหลือบมองไปยังสองแฝดที่ยืนคุยกันอยู่ไม่ไกลก่อนจะกระซิบกับผม


“พูแก้มัดเชือกให้เราที แล้วเดี๋ยวเราวิ่งหนีไปด้วยกันนะ” ผมก็อยากพาแอลหนีไปด้วยกัน แต่ผมทำไม่ได้ จะว่าโง่ก็ได้ที่เลือกเชื่อใจคนร้ายมากกว่าตัวเอง ผมแค่คิดว่าผมมองคนไม่ผิด ตอนนี้สองคนนั้นไม่มีเค้ารางความร้ายกาจเหมือนแต่ก่อนเลย ผมไม่รู้อะไรเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นแบบนี้ แต่ในใจคงมีคุณธรรมมากพอที่จะไม่ทำร้ายพวกผมอย่างที่พูด


“ขอโทษนะแอล แต่ตอนนี้เรายังหนีไปไม่ได้”


“ทำไม”


“แอลว่าสองแฝดนั่นเปลี่ยนไปไหม” ผมไม่ตอบแต่ถามแอลกลับ คนตัวเล็กมีสีหน้าลังเลย เหลือบมองคู่แฝดนิดๆ พอต้นหันมายิ้มให้แอลก็รีบส่ายหน้าหวือทันที


“ไม่เห็นเปลี่ยน เขายังทำร้ายเราอยู่เหมือนเดิม”


“แอลเจ็บตรงไหนบ้าง พวกนั้นซ้อมแอลเหรอ”


“เปล่า...แต่ก็เลวร้ายไม่ต่างกัน” แอลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “เราไม่มีหน้าจะไปสู้พี่ลันแล้ว เรา...มันน่ารังเกียจ”


“เฮ้ เรื่องแค่นั้นช่างมันเถอะ พี่ลันไม่ถือสาหรอก” แต่น่าจะกระทืบใครบางคนแน่ๆ “เอาเป็นว่าตอนนี้พวกนั้นไม่ได้คิดร้ายกับเราแล้วก็พอ อยู่เฉยๆ รอให้พี่ลันมาช่วยดีกว่า หนีไปตอนนี้ยังไงก็ถูกจับมาอยู่ดี เหนื่อยเปล่า เผลอๆ ไปเจอพวกหื่นๆ เข้า บรื๋อ แค่คิดก็ขนลุกล่ะ” ผมพยายามโน้มน้าวแอล เพราะไม่เห็นข้อดีเลยว่าหนีไปตอนนี้แล้วจะปลอดภัย อยู่ข้างในให้สองคนนั้นคุ้มครองยังดีซะกว่า


“ถ้าพูว่าแบบนั้น เราก็จะทำอย่างที่พูว่า เพราะตอนนี้มีแค่พูที่เราเชื่อใจ”


“อื้ม ไม่ต้องห่วงนะ เราจะปกป้องแอลเอง” ผมยิ้มให้เพื่อน ซึ่งแอลก็ยิ้มตอบกลับมา แม้ตอนนี้สถานการณ์รอบข้างจะเลวร้ายแต่ผมเชื่อว่าเราทั้งคู่จะปลอดภัย


“งั้นก็ไม่มีเหตุผลต้องมัดนายแล้วสินะ” ต้นเดินยิ้มเข้ามา เขาเดินไปด้านหลังเก้าอี้แล้วแก้มัดเชือกให้แอล


“อย่าลืมทำอย่างที่พูดนะแอล กูไม่อยากทำร้ายพวกมึง อยู่เฉยๆ รอพี่ชายมารับดีกว่านะ” ตั้นพูดต่อ


“อะ...อืม” แอลยังคงตื่นกลัวทั้งคู่จึงรีบขยับเข้ามาหลบหลังผม ซึ่งสองคนนั้นก็ไม่ถือสาอะไร กลับกันผมสังเกตเห็นแววตาเศร้าสร้อยของพวกเขา คงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเลวร้ายเกินไป ต่อให้พวกเขาทำดีแค่ไหนบาดแผลก็ยังฝังอยู่ในใจของเหยื่ออยู่ดี


(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 18-08-2017 02:26:48
พอลับสายตาสองคนนั้นผมก็พาแอลมาหาที่นั่งเงียบๆ ปราศจากผู้คน ไม่สิ พวกนั้นก็เดินตรวจตราอยู่รอบๆ นี่แหละ แต่ตรงที่พวกผมอยู่มันไม่ตกเป็นเป้าสายตาไง


“ระหว่างที่แอลอยู่ที่นี่ สองคนนั้นโทรศัพท์คุยกับใครบ้าง เรื่องอะไรแอลพอจำได้ไหม” ผมรีบเข้าประเด็น เพราะแม้จะไว้ใจสองคนนั้นแต่ก็ยังต้องระวังตัว ผมต้องรีบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อประมวลผลว่าควรทำอย่างไรต่อเพื่อหาทางหนีทีไล่กรณีฉุกเฉิน วิธีนี้พี่ชายผมนี่แหละสอน เพราะพี่ลันไม่ค่อยอยู่เวลาที่ผมมีปัญหาสักเท่าไร


“เราไม่รู้ว่าพอจะช่วยพูได้ไหมนะ แต่เท่าที่เราจำได้ พี่ต้นคุยกับบอส น่าจะเป็นคนที่สั่งให้จับตัวเรามา เขาบอกว่าได้ตัวเราแล้ว ส่วนพี่ตั้นเหมือนจะคุยกับใครบางคนที่ชื่อซอลท์ก่อนพูจะมา เราได้ยินพี่ตั้นบอกว่าจะทำตามแผน...”


แผนอย่างนั้นเหรอ คนที่ชื่อซอลท์เกี่ยวข้องกับถั่วพี่ไม่พอยังเกี่ยวข้องกับตั้นอีก หมอนี่ชักจะยังไงๆ แฮะ


“มีอะไรอีกไหมแอล”


“ไม่มีแล้วพู พอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม”


“ได้เยอะเลยแอล ฮ้าว เราชักจะง่วงล่ะ” ผมเอนตัวพิงผนัง กางแขนข้างหนึ่งออกพลางมองใบหน้าใสยิ้มๆ “ถ้าไม่รังเกียจซบไหล่เราได้นะแอล”


“โหพู เราเป็นแฟนพี่ชายนายแล้วนะยังจะอ่อยเราอีก”


“โอ๊ะ รู้ด้วย” ผมแสร้งทำหน้าตกใจก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย  “งั้นก็ต้องให้เราอ่อยจนกว่าพี่ลันจะมานะ เร็ว มานอนซบเราเร็ว” ผมพูดยิ้มๆ มองคนตัวเล็กที่หัวเราะออกมาจากใจ แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ


“โอเคๆ ยอมให้อ่อยวันหนึ่งก็ได้ พรุ่งนี้พี่ลันมาเห็นเข้าคงโวยวายแน่ๆ เลย”


“ปล่อยให้โวยวายไปเลย มีอย่างที่ไหนปล่อยให้แฟนถูกจับตัวมาง่ายๆ อย่างนี้ ใช้ไม่ได้”


“อย่าโทษพี่ลันเลย” แอลยิ้มเจื่อน “เป็นเราเองที่อ่อนแอจนถูกเขาจับมาได้ อีกอย่างพี่ลันถูกไฟช็อตแบบนั้นไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”


“เดินคล่องปรื๋อ ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าห่วงเลย มานอนกันดีกว่า เผื่อพรุ่งนี้ไอ้พี่บ้าตื่นมาไม่ทันเราจะได้มีแรงวิ่งหนีไง” ผมพูดติดตลก ซึ่งก็คงช่วยให้แอลเบาใจได้บ้างคนตัวเล็กถึงได้ขยับเข้ามาใกล้แล้วพิงไหล่ผม


“ถ้าพรุ่งนี้เราไม่รอดล่ะพู ถ้า...”


“ชู่ว์” ผมยกนิ้วขึ้นแตะปากแอลไม่ให้พูดต่อ “ไม่มีถ้า เราทั้งคู่ต้องได้กลับบ้านครบสามสิบสองอย่างแน่นอน”


“อื้ม เราเชื่อพู”


ผมลูบหัวแอลพลางคิดทบทวนถึงเรื่องราวทั้งหมด ใจผมไม่ได้สงบลงอย่างที่ปากพูดหรอก เต็มไปด้วยความกังวลทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ผมเลือกที่จะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง พรุ่งนี้ผมจะต้องปลอดภัยและจะไม่ปล่อยให้แอลตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ


..........................................
............................................................


ยามเช้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว ผมและแอลถูกปลุกให้ตื่นมากินอาหารเช้าเพราะอีกไม่นานบอสของคู่แฝดจะมาถึง ผมยังคงสวาปามอาหารเช้าด้วยความหิวโหย ต่างจากแอลที่กินน้อยมาก


นั่งเล่นนอนเล่นได้ไม่นานเสียงรถยนต์ก็ใกล้เข้ามา ทุกคนที่อยู่บริเวณโดยรอบรีบลุกขึ้นยื่นเป็นแถวทันที เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และผมก็ได้เห็นบอสของพวกเขา


นักธุรกิจไฟแรงที่เพิ่งมีขาวฉาวเรื่องลักลอบค้าของผิดกฎหมาย


เขาเดินตรงเข้ามาทางผม ก่อนจะดึงแขนแอลเข้าไปใกล้เพื่อพิจารณาใบหน้านั้น “เด็กผู้ชายสมัยนี้น่ากินกันทุกคนเลยนะ” เขาปล่อยแอลก่อนจะเดินเข้าประชิดตัวผม “เด็กนี่ก็อีกคน” เขามองผมแล้วยิ้มกริ่ม "ยิ่งพยศยิ่งน่าสนใจ มิน่าลันเตาถึงหวงนัก"


“อย่ามาแตะตัวน้องกู!” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นตรงทางเข้า พวกนักเลงรีบชักปืนขึ้นมาขู่พี่ลันทันที ซึ่งถั่วพี่ก็ไม่มีท่าทีกลัวกระสุนปืนเลย ยังคงเดินตรงเข้ามาหาพวกผมเรื่อยๆ จนกระทั่งบอสสั่งให้พี่ลันหยุด


“หยุดอยู่ตรงนั้นลัน เรามีข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องตกลงกันก่อน”


“กูไม่แลกเชี่ยอะไรกับมึงทั้งนั้น ปล่อยพวกเขามาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย”


“ใจเย็นๆ สิลัน ยื่นหมูยื่นแมวไงล่ะ เอาข้อมูลพวกนั้นมาให้ฉันซะ แล้วนายจะได้คนรักกลับไป” พี่ลันดูหงุดหงิด แต่ก็ยอมล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบแฟลชไดร์ส่งให้อีกฝ่าย บอสส่งต่อให้ลูกน้องเปิดดู พอได้ข้อมูลครบถ้วนก็พยักหน้าให้พี่ต้นพาแอลไปส่งถึงมือพี่ลัน


“แล้วน้องกูล่ะ”


“โอ๊ะ นั่นสินะ ฉันลืมไปเลย” เขาปรายตามองผมแล้วยิ้มร้าย “คงต้องเพิ่มข้อแลกเปลี่ยน”


“มันจะมากไปแล้วนะ” พี่ลันกำหมัดแน่นดูโมโหสุดขีด


“ไม่มากเลยลัน นายก็แค่เซ็น” เขากระดิกนิ้วเรียกให้ลูกน้องหยิบแฟ้มบางส่งให้ถั่วพี่ “สัญญาว่าจ้าง จงรับใช้ฉันตลอดชีวิตของนายเป็นไง”


“ฉันไม่ทำ!” พี่ลันประกาศกร้าว ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือด้วยความหงุดหงิด


“งั้นน้องนายก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่” เขายกปืนเล็งมาทางผม


วินาทีนั้นความรู้สึกกลัวแล่นไปทั่วร่าง แต่ผมก็ฝืนใจที่จะไม่ร้องตะโกนบอกพี่ชายว่าช่วยด้วย ผมไม่อยากให้เขาต้องเซ็นสัญญาทาสนั้น แม้จะหมายความว่าต้องสังเวยชีวิตผมก็ตาม


“อย่า...”


“งั้นก็ซะเซ็นสิ”


“จำไว้ว่ากูไม่มีวันภักดีต่อมึง” พี่ลันรับปากกาจากลูกสมุนคนหนึ่งก่อนจะโน้มตัวลงพลางดึงแอลเข้ามากอดไว้ ปากกาค่อยๆ เข้าใกล้แผ่นกระดาษมากขึ้นจนผมต้องตะโกน


“พี่ลันอย่าเซ็น!”


พลั่ก


ผมถูกผลักให้ล้มลงพอดีกับที่ห่ากระสุนสาดไปทั่วโกดัง


“อุดหูไว้พู” เสียงทุ้มที่ผมจำได้ดีดังขึ้นก่อนที่ใบหน้านั้นจะแทรกเข้ามาให้เห็น เป็นพี่เจตที่ผลักผมลงและกำลังโอบกอดผมไว้ ผมเหลือบไปมองคนยิงก็เห็นว่าเป็นพี่ต้นกับพี่ตั้นที่เปิดศึกปะทะกับเหล่านักเลง โดยมีพรรคพวกส่วนหนึ่งของพี่ตั้นจัดการยิงสวนฝ่ายนั้นร่วงลงไปทีละคน


“พาพูหนีไป!” พี่ลันตะโกนแหวกเสียงกระสุนก่อนจะพาแอลหลบออกจากโกดังไป ส่วนผมกับพี่เจตยังคงอยู่ในนี้ เราซุ่มหลบอยู่หลังลังไม้เพื่อรอจังหวะหนีออกไปด้วยกัน


ปังๆ!


“โอ้ย!” ผมหันกลับมาหาร่างสูงที่ถูกยิงเข้าที่ไหล่ขวา ดึงเขาหลบก่อนที่กระสุนนัดต่อไปจะยิงตัดขั้วหัวใจ


“พี่เจต...”


“พี่ไม่เป็นไรพู รีบไปกันเถอะ”


ผมประคองพี่เจตเดินหลบกระสุนไปตามทางเรื่อยๆ เราสองคนเป็นแค่เด็กมัธยม ลืมไปได้เลยเรื่องแย่งปืนคนร้ายมายิงสวน มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แค่จับปืนมือผมก็คงสั่นล่ะ ทำได้เพียงมองหาทางหนีทีไล่แต่กลัวจะเจอคนร้ายนี่ล่ะ


“จะไปไหน!” บอสฝ่ายนั้นพุ่งเข้ามากระชากตัวผมไปอย่างรวดเร็ว พี่เจตพยายามเข้ามาช่วยผมทันที แต่กลับถูกปืนจ่อหัวเตรียมลั่นไก “อยากตายนักกูก็จะจัดให้”


“อย่านะ!” ผมร้อง ผลักแขนข้างนั้นให้ปืนเบี่ยงออกจากร่างสูง ซึ่งพี่เจตก็ใช่จังหวะนั้นเตะปืนให้หลุดออกจากมือคนร้ายก่อนจะปล่อยหมัดรัวใส่ไม่ยั้งมือ


วี้หว่อ


เสียงรถตำรวจดังเข้ามาใกล้ๆ ผมจึงรีบดึงพี่เจตออกจากร่างไร้สติของคนร้าย พาเขาวิ่งออกจากโกดังได้ทันก่อนตำรวจจะพบเรา


“ปลอดภัยดีใช่ไหม” พี่เปรมที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนจับตัวผมสำรวจไปทั่ว ข้างกายเขามีชายหนุ่มหน้าอ่อนคนหนึ่งถือกล้องค้างไว้ พี่เปรมหันมองตามสายตาผมก่อนจะดันกล้องลง “กรุณาให้เกียรติน้องชายผมด้วย ห้ามเผยแพร่ภาพตัวประกันเด็ดขาด”


“รับทราบครับผม งั้นขออนุญาตไปเก็บภาพข่าวก่อนนะครับ ท่าทางเสียงปืนจะเงียบล่ะ” ว่าแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้าโกดังไปโดยไม่สนอันตรายเลย


“เฮ้อ ให้ตายสิ พวกนายออกไปกันเองได้ใช่ไหม พี่ต้องตามไปลากนักข่าวคนนั้นออกมาก่อน”


“ครับ” ผมพยักหน้ารับ ประคองพี่เจตออกมาสวนทางกับพี่เปรมที่เดินเข้าไปข้างใน


“พู!” พอออกมาได้ก็เจอพี่ลันเลยครับ ยืนอยู่ข้างรถยนต์คันหรูที่ติดเครื่องไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแอลที่นั่งอยู่ด้านในก็รีบลงจากรถมาหาพวกเราทันที


“เจต” คนตัวเล็กสวมกอดพี่ชายแน่น ซึ่งพี่ลันก็ทำกับผมแบบนั้นเหมือนกัน เราใช้เวลาด้วยกันไม่นานนักก็ต้องรีบออกจากที่เกิดเหตุ โดยมีพี่เปรมวิ่งไปขึ้นรถโฟลค์อีกคันพร้อมด้วยนักข่าวหนุ่มคนนั้นที่ยังโวยวายไม่เลิก จะว่าไปเหมือนผมเห็นรถอีกคันขับออกไปก่อนหน้าพวกเรานะ


“พี่ลัน เจตเลือดออก ฮึก พาไปหาหมอ” แอลนั่งเบาะหลังกับพี่เจตครับ คงกำลังดูอาการกันอยู่ ส่วนผมที่นั่งอยู่ข้างที่ลันก็ทำได้เพียงมองข้างทางด้วยดวงตาพร่าเลือน


อ่า...นี่กูไปถูกยิงตอนไหนวะเนี่ย


ผมยกมือกุมท้องตัวเอง คงเพราะใส่เสื้อน้ำเงินทับด้วยเสื้อฮูดสีดำเลยอำพรางเลือดได้ อีกทั้งตอนนั้นเอาแต่คิดจะพาพี่เจตหนีเลยไม่ได้สนใจว่ากระสุนผ่านเข้าทะลุเนื้อตอนไหน


แต่ตอนนี้โคตรเจ็บเลยว่ะ


“เป็นอะไรวะพู” พี่ลันเอ่ยขึ้นทั้งที่สายมองถนนอยู่ ไม่มองก็แย่แล้วครับเล่นเยียบเกินร้อยแบบนี้ “ดูหน้ามึงซีดๆ นะ” พี่หันมามองหน้าผมตอนไหนวะ


“พูตกใจ...ไม่ได้เป็นอะไร” ผมพยายามข่มอาการด้วยรู้ว่าถ้าพี่ชายรู้เข้า เราได้ไปโลกหน้าก่อนโรงพยาบาลแน่ๆ


พวกเรามาถึงโรงพยาบาลในครึ่งชั่วโมง ถือว่าเร็วครับสำหรับโรงพยาบาลในตัวจังหวัด เราส่งตัวพี่เจตให้บุรุษพยาบาลรับช่วงต่อก่อนจะเดินมานั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน


“พี่ลัน เดี๋ยวผมมานะ”


“จะไปไหนวะ”


“เหอะน่า” ผมเดินเข้าไปหาพี่พยาบาล รูดซิบเสื้อกันหนาวแล้วเปิดแผลให้เธอดูโดยไม่ลืมยกนิ้วขึ้นจรดปากเพื่อไม่ให้เธอส่งเสียง พอเห็นเธอก็รีบให้บุรุษพยาบาลพาผมเข้าห้องฉุกเฉินทันที แต่จังหวะที่ประตูปิดลงผมกลับได้ยินเสียงแว่วจากพี่ชายที่อยู่ข้างนอก


“เห้ย! จะพาน้องกูไปไหน ไอ้พู มึงเป็นอะไร! ปล่อยกูสิวะไอ้สัด! พู!!!!!”


ก็เพราะรู้ไงว่าถ้าบอกพี่ผมจะคลั่งแบบนี้ ดังนั้นพูขอเข้าไปรักษากับหมอเงียบๆ เถอะนะครับ






Tbc.








.................................................
มาอัพเงียบๆ แล้วรีบหนีไป 5555 (เป็นครั้งแรกที่เขียนยาวจนต้องเพิ่มกระทู้เลย)

จะบอกว่าเป็นปมสุดท้ายของเรื่องแล้ว อีกไม่กี่ตอนก็จบล่ะ แอบใจหายเบาๆ อยากจะให้ดราม่ากว่านี้นะแต่เราเขียนไม่เก่ง 5555 จบตอนด้วยความบ้าน้องของพี่ลันก็แล้วกันค่ะ  :laugh:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ เจอกันตอนหน้าจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-08-2017 16:47:34
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 18-08-2017 17:38:31
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-08-2017 21:34:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-08-2017 00:35:23
โอ้ยยยย พู ขนาดนี้ยังตลกได้เนเะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-08-2017 11:33:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-08-2017 15:25:04
ลุ้นสุดติ่งค่ะ

เกิดอะไรขึ้นกับต้นตั้น แต่ยังไงก็ยังโชคดีที่เปลี่ยนใจได้

เกลือจำได้แล้วหรอ แล้วตอนเจอถั่วน้องกับเผือก จำได้ยังคะ

เปรมตลก เคาะแป้นตั้งนาน พี่ถั่วเลาะแปบๆ เจอเลย
แอลปลอดภัยแล้ว แล้วถั่วน้องก็กล้าเสี่ยง เชื่อใจ

เจตโดนยิง ไม่เท่ากับถั่วน้องก็โดน แต่ทำเงียบ งานนี้ถั่วน้องอดทนได้ดีมากจริงๆ
ขอให้ปลอดภัยนะคะ

แล้วนักธุรกิจคนนั้นเป็นใครกันนะ พี่ชายเกลือหรอ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 30 [18-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 19-08-2017 22:09:58
เจตกับพูโดนยิง ลันจะโดนแม่กับพ่อว่าไรมั้ยน่ะ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 31 [26-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 26-08-2017 21:30:19
บทที่ 31
เหตุเกิดเพราะ...แผนลับ (แบงค์xธาร)




ผมวนเวียนอยู่ในความฝันที่หาทางออกไม่เจอมาตลอดสามปี สามปีที่ตื่นขึ้นมาแล้วจำไม่ได้ว่าตัวเองฝันว่าอะไร มันน่าหงุดหงิดนะ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากออกไปหาคำตอบด้วยตัวเอง มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นไปทั่วเผื่อจะเจอคู่อริที่เคยทำร้ายผม แต่ถึงแม้จะสู้เท่าไหร่ ผมก็รู้ดีว่า...ไม่มีใครจำผมได้อีกแล้ว


การตัดสินใจของพ่อและพี่ชายอาจจะดีสำหรับชีวิตของผม แต่ไม่ดีเลยที่จะตามหาคนในความทรงจำเหล่านั้น คนที่ยิ้มและหัวเราะไปพร้อมกัน คนที่ผม...จำใบหน้าของเขาไม่ได้เลย


จนกระทั่งวันหนึ่งที่พี่ลัน รุ่นพี่ที่มักจะเข้ามาเยี่ยมผมทุกวันหลังเกิดอุบัติเหตุเลือกที่จะพาเด็กหนุ่มสองคนมาเจอผม แม้ผมจะมั่นใจว่าไม่มีทางรู้จักคนทั้งคู่ แต่สายใยที่ขาดหายคล้ายกับถูกเชื่อมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะสายตาของใครคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปทันทีที่รู้ว่าผมเป็นคนในอดีตของเขา


“วันนี้ไปไหนดีวะมึง”


เจ้าของเสียงทุ้มที่มักจะมาหาผมที่บ้านทุกวันกลายเป็นสีสันของทุกคนในบ้าน เขาเดินเข้ามาหาผมเมื่อได้รับอนุญาตจากคุณหญิงดาราราย แม่ของผมเอง


“ไม่ไปไหนทั้งนั้น กูจะนอนเล่นเกม” ผมนอนเหยียดบนโซฟาเล่นเกมมือถืออย่างไม่สนใจมัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่หยี่ระกับท่าทางที่ผมไล่กรายๆ นั่น กลับทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวแล้วกดเล่นเกมเงียบๆ ระหว่างเรามีเพียงเสียงจากเกมเท่านั้น


“ฉันน่าจะให้แกมาพัฒนาเกมบริษัทนะ”


ไม่ทันไรพี่ชายของผมก็เดินเข้ามาพร้อมกลิ่นน้ำหอมฟุ้ง เดาได้ไม่ยากว่าวันนี้พี่ชายคงมีนัดเดทกับแฟนหนุ่มของเขาเช่นเคย


“พี่ก็ให้ผมออกจากโรงเรียนดิ แล้วจะต่อยอดงานให้” ผมบอกพี่ชายเป็นครั้งที่ร้อยแต่ก็ได้รับคำตอบเดิมกลับมา


“เรียนให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน”


เหอะ พูดงี้ทุกทีแล้วจะถามทำไมวะ


ผมได้แต่บ่นในใจ ปรายตามองคนที่นั่งเล่นเกมอย่างเมามัน สายตาของแบงค์เวลาจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่รู้ทำไมถึงดึงดูดสายตาของผมนัก ผมมองมันเล่นเกมแพ้บ้างชนะบ้างอย่างเพลินๆ แต่พออีกฝ่ายจะเงยหน้าขึ้นผมก็รีบก้มลงกดเข้าเกมต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอได้ยินเสียงเล่นเกมต่อของอีกฝ่ายผมก็เงยหน้ามองมันอีกครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร


“มองแบบนั้น จำกูได้แล้วใช่ปะ” แบงค์พูดขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเกม รอยยิ้มมุมปากของมันทำผมหงุดหงิดเล็กน้อยปฏิเสธไม่ได้เพราะมองมันอยู่จริงๆ ผมทำเมินสิ่งที่มันพูด กวักมือเรียกแม่บ้านให้ยกน้ำมาเสิร์ฟเพราะเริ่มรู้สึกกระหายน้ำ


“เมื่อไหร่มึงจะเลิกยุ่งกับกูสักที บอกแล้วไงว่ากูจำไม่ได้ อีกอย่างรู้จักกันแค่ปีเดียวไม่ใช่เหรอวะ มึงจะมาวุ่นวายอะไรกับกูนักหนา ตอนนี้กูไม่ใช่คนที่มึงเคยรู้จักอีกแล้วนะ”


“เอาน่า เจอหน้ากันบ่อยๆ เดี๋ยวมึงก็จำกูได้เอง หล่อๆ แบบกูลิมิเต็ดเอ็ดดิชั่นนะครับ”


“กูไม่อยากจำมึงได้” ผมตัดบท รับน้ำจากแม่บ้านมาดื่มก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปข้างนอก


“จะไปไหนวะ”


“เรื่องของกูไหมล่ะ”


“งั้นกูไปด้วย”


“ยุ่งจริง” ผมบ่นใส่มัน แต่สุดท้ายก็ยอมให้มันตามไปด้วย


ผมเดินนำเข้ามาในร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังก่อนจะสั่งเมนูที่อยากกินมาสองสามอย่าง ยื่นเมนูให้อีกฝ่ายที่ส่ายหน้าปฏิเสธ


“กูไม่แดกของเลี่ยน”


“ทีบิงซู ไม่เห็นมึงจะบอกว่าเลี่ยน...” ผมบ่นพึมพำก่อนจะชะงักไป เช่นเดียวกับคนตรงข้ามที่ชะโงกหน้าเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น


“เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ!”


ผมไม่ตอบ เลือกที่จะนั่งเงียบเพื่อทบทวนคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ มันไม่เคยบอกผมว่าชอบกินอะไร แล้วทำไมผมถึงรู้ว่ามันชอบกินบิงซู


“สั่งเยอะแบบนี้กะจะขุนกูให้อ้วนรึไงวะ” เสียงโวยวายแว่วมาจากโต๊ะข้างๆ ผมหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาด แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน ขณะที่คนตรงข้ามลุกพรวดไปหาอีกฝ่ายทันที


“แหมๆ มาเดทกันเหรอครับพวกมึง” แบงค์เอ่ยขึ้นก่อนจะแทรกตัวนั่งข้างผู้ชายคนหนึ่ง


“ยุ่งจริงนะมึงน่ะ แล้วก็เลิกหาเรื่องชวนไอ้เผือกไปเหล่สาวได้แล้ว กูขี้เกียจตามหึง” เผือก...ชื่อนี้คุ้นหูมากจริงๆ ผมไล่สายตาสำรวจผู้ชายที่แบงค์โอบคออยู่ ทั้งส่วนสูงและหน้าตาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าผมต้องเคยรู้จักคนๆ นี้ น่าแปลกที่รู้สึกมากกว่าพูหรือแบงค์เสียอีก


“กูว่ามึงได้หึงอีกนาน เมื่อวานกูเพิ่งเห็นเมียชั่วของมึงออกไปแรดกับสาวๆ อยู่เลย” แบงค์เหล่ตามองคนข้างตัวแล้วยิ้มร้าย ซึ่งอีกฝ่ายก็ถองศอกใส่ดังพลั่ก ท่าทางมันคงเจ็บน่าดู


“แต่ก่อนจะยุแยงความรักของพวกกู หันไปมองคนที่มึงมาด้วยกันก่อนไหม มองเมียกูแบบนั้นหมายความว่าไง”


“ห้ะ!” แบงค์หันมาตามคำพูดของคนๆ นั้น กลายเป็นว่าทุกคนหันมามองผมกันหมด ก่อนที่แบงค์จะแนะนำผมให้ทั้งคู่รู้จัก


“อ้อ กูลืมแนะนำไปเลย ไอ้เฟรมเพิ่งเข้ามาตอนม.ปลายมึงคงไม่รู้จัก แต่ไอ้เผือกอยู่กับพวกกูมานานมึงน่าจะรู้จักกันดี” แบงค์ส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเอ่ยแนะนำ


“นี่ไอ้เกลือ เพื่อนซี้ปึ้กของกู”


เพล้ง!


ช้อนสแตนเลสร่วงกระทบจานทันทีที่แบงค์เอ่ยจบ ผมลอบสังเกตใบหน้าของเผือกที่ซีดลงเรื่อยๆ ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะลุกพรวดเข้าห้องน้ำไปอย่างว่องไว


“อ้าว ไปไหนละนั่น หึ มันคงปวดฉี่ละมั้ง” แบงค์หัวเราะนิดๆ ก่อนจะเอ่ยแนะนำผมให้เฟรมรู้จักต่อไป อีกฝ่ายก็ฟังซื่อๆ ต่างจากผมที่สงสัยในตัวของเผือกมาก จึงอดไม่ได้ที่จะตามเขาไป แอบฟังเสียงกระซิบที่ดังลอดออกมาจากห้องน้ำห้องหนึ่ง


“ขะ...เขา ยังไม่ตาย”


(ใคร...)


“กะ...เกลือ เกลือยังอยู่”


(มึงว่าไงนะ เวรชิบ! เดี๋ยวกูโทรหามึงอีกที) ปลายสายถูกตัดไปพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นของคนในห้องน้ำ


“กูขอโทษ...กูไม่ได้ตั้งใจ”


ผมกดล็อกประตูห้องน้ำโดยไม่ลืมแขวนป้ายทำความสะอาดไว้ด้านหน้า กวาดตาดูรอบๆ ไม่เห็นใครคนอื่นอยู่ในห้องน้ำจึงเอ่ยขึ้น


“หมายความว่ายังไง”


“มะ...มึง” เกลือเปิดประตูห้องน้ำออกมาเผชิญหน้ากับผม ก่อนจะรีบวิ่งพรวดเพื่อหนีผ่านผมไป แต่ยังช้ากว่ามากนักเมื่อผมดึงแขนมันไว้แล้วลากกลับเข้าไปในห้องน้ำ


“เล่ามา...ทั้งหมดทุกเรื่องที่มึงรู้เกี่ยวกับตัวกู” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสั่นไหวนั่น และรับฟังเรื่องราวที่ผมไม่เคยรู้เลย






“อึก” ผมกุมหัวเมื่อรับรู้ทุกเรื่องราวทั้งหมด จิ๊กซอว์ที่ขาดหายคือเรื่องนี้นี่เอง


“เกลือ!” เผือกเข้ามาพยุงผมทันทีที่เห็นท่าทางไม่สู้ดีของผม แต่ผมส่ายหน้าเอ่ยปลอบมันที่รู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อหลายปีก่อน มันเลือกทรยศผมเพื่อคนที่มันรัก


ผมกลับออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแบงค์เดินทำหน้ากังวลเข้ามาหา


“เป็นอะไรหรือเปล่าวะ กูเห็นมึงหายไปนานเลย หรือว่าปวดหัว” มือหนายกขึ้นแตะหน้าผากผม ผมมองหน้าเพื่อนเก่าด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป บางที...เราอาจไม่ควรรู้จักกันตั้งแต่แรก


“ปวดขี้รึไงมึง” เฟรมเอ่ยทักแฟนตัวเองด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะลุกพรวดเข้าไปหาเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของคนรัก เผือกเหลือบตามองผมนิดๆ เมื่อเห็นผมส่ายหน้าไม่ให้มันเล่าอะไร เผือกก็ทำตามแล้วเดินนำแฟนตัวเองออกจากร้านไป


“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ” แบงค์เดาได้จากท่าทางของเรา ผมส่ายหน้านั่งลงกินอาหารทั้งที่หมดความอยากแล้ว แต่ก็กินเพื่อจะสานต่อในสิ่งที่ทำค้างไว้


“กูมีธุระต่อ มึงกลับไปได้แล้ว” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย แต่แบงค์กลับไม่ฟังคำที่ผมพูด


“กูจะไปกับมึง”


“แต่กูไม่ให้มึงไป เลิกยุ่งกับกูได้แล้ว!” ผมเลือกที่จะพูดตรงข้ามกับความรู้สึก แล้วหันหลังเดินจากมา ผมรู้ดีว่ามันยังตามผมอยู่ผมจึงเลือกที่จะกวักมือเรียกวินมอเตอร์ไซค์โดยไม่ฟังเสียงคนข้างหลัง


จ่ายเงินค่ารถเสร็จผมก็เดินเข้าซอยไปยังห้องเช่าโทรมๆ หลังหนึ่ง อดีตห้องพักที่เคยหลบพ่อมาซ่อนตัว ตอนนี้มีคนอื่นเข้ามาพักอาศัยแล้ว แต่ก็นะ สิ่งที่ผมเช่าไม่ใช่ห้องบนดินสักหน่อย


ผมเปิดฝาท่อระบายน้ำแล้วไต่บันไดลงไปจนถึงพื้นข้างล่าง แล้วเดินเลียบไปตามทางท่ามกลางกลิ่นเน่าคละคลุ้ง กระทั่งถึงประตูเหล็กบานหนึ่งที่สนิทเกาะจนแทบหาช่องใส่รหัสไม่เจอ กดรหัสที่จำได้อย่างขึ้นใจแล้วผลักประตูเข้าไปทันที


ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนไปไหน ปัดฝุ่นสักหน่อยทุกอย่างก็กลับมาใช้ได้ดี ผมจึงเลือกนั่งเก้าอี้ตัวโปรด เปิดเครื่องคอมที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วส่งรหัสมอสไปยังคนที่เผือกเพิ่งโทรคุย


กูกลับมาแล้ว


............................................
...................................................................



เมื่อสามปีก่อน ตอนที่ผมเพิ่งหนีพ่อมาใหม่ๆ ผมได้พบฝาแฝดคู่หนึ่งที่เพิ่งถูกนักเลงซ้อมมา สองคนนั้นดูตัวเล็กนักในความคิดของผม ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอยู่ในอ้อมแขนเล็กๆ ของเด็กชายคนหนึ่งที่กล้าเงยหน้าต่อกรกับอีกฝ่าย ก่อนที่เด็กคนนั้นจะถูกใครคนหนึ่งลากตัวออกไป เป็นความทรงจำที่แย่แต่ผมก็ต้องยอมรับมัน


ตอนนั้นผมเป็นเพียงคนนอก เป็นแค่เด็กอายุสิบสี่ ไม่ได้มีพละกำลังจะต่อสู้เพื่อช่วยเหลือใครแต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยผ่าน ผมเลือกช่วยเหลือพวกเขาในแบบที่ตัวเองถนัด...นั่นคือการแฮก


ผมแค่ต้องการให้คนเลวพวกนั้นอับอาย หรืออย่างน้อยก็เรื่องผิดกฎหมายที่ทำให้ตำรวจจับพวกมันเข้าคุก แฝดคู่นั้นจะได้เป็นอิสระ แต่สิ่งที่ผมค้นพบมันมากไปกว่านั้น ข้อมูลค้าอาวุธทั้งหลายถูกถ่ายโอนมายังผม ผมไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นอันตรายเพียงใด แต่ในเมื่อผมเจาะเข้าระบบแล้ว ต่อให้ผมไม่ได้ดึงข้อมูลเหล่านั้นมาเก็บไว้ ชีวิตผมก็ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว


ผมจึงเลือกลบฐานข้อมูลของพวกมันเพื่อให้ข้อมูลนั้นอยู่ที่ผมเพียงคนเดียว ก็อปปี้บางส่วนส่งให้ตำรวจโดยไม่รู้ว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในนั้น ซึ่งไม่นานพวกมันก็ตามหาผมเจอ โชคดีที่ผมไม่เคยออกงานสังคมกับครอบครัวจึงไม่มีใครรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของผมเป็นใคร


และก่อนที่จะถูกทำร้ายผมก็แอบฝังข้อมูลนั้นในคอมพิวเตอร์ของพู ตั้งเวลาให้มันแสดงในอีกสามปีต่อมาเพราะผมไม่มั่นใจเลยว่าจะอยู่รอดเปิดโปงพวกมัน ผมไม่อยากยืมมือพ่อและพี่ชายด้วยรู้ดีว่าพวกเขาก็มีโลกสีเทาอยู่เบื้องหลังเช่นกัน การเข้ามาช่วยเหลือผมอาจทำให้พวกเขามีปัญหาตามมา


คนที่ผมไว้ใจจึงมีแค่ท่านชูการ์ เพื่อนแฮกเกอร์ของผม แม้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ผมเชื่อว่าเขาจะตามหาพูเจอและคงจัดการสิ่งที่ผมฝากฝังไว้ได้ แต่เหมือนฟ้าแกล้งกัน ให้ท่านชูการ์ที่ผมไม่รู้จักกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทไปเสียอย่างนั้น แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ได้รู้จักกันสักที


TT มึงยังอยู่ เป็นไปได้ไง


Salt ขอโทษที่ช่วยพวกมึงไม่สำเร็จนะ


ผมขอโทษพวกเขา ความจริงวันที่ผมประสบอุบัติเหตุผมตั้งใจจะมอบข้อมูลทั้งหมดให้พวกเขาใช้สู้กับคนพวกนั้น แต่พวกมันไหวตัวทันชิงลงมือทำร้ายผมก่อน


TT พวกกูต่างหากที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่ทำให้เผือกต้องเปิดเผยที่อยู่ของมึงแลกกับชีวิตพวกกู ขอโทษที่กูไม่เชื่อใจว่ามึงจะช่วยกูได้ หึ พวกกูเลยต้องรับกรรมอยู่อย่างนี้ไง แต่ก็ต้องขอบใจมึงที่ปล่อยข้อมูลชั่วๆ ของบอสออกมา ตอนนี้วิ่งโร่หาทนายวุ่นวายเชียวล่ะ


Salt กูไม่ได้ปล่อย ท่านชูการ์ต่างหากที่ปล่อยข้อมูลพวกนั้น


ผมเดาว่าคงเป็นพี่ลันที่จัดการทุกอย่างให้ขณะที่ผมความจำเสื่อม
 

TT ที่ชื่อลันใช่ไหม


Salt มึงรู้ได้ไง


ผมไม่เคยบอกชื่อจริงของพี่ลันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะรู้


TT บอสกูใช้สัญญาล่ามตัวมันไว้สองปีแล้ว แต่มันก็หักหลังปล่อยข้อมูลลับของบอสออกมา คงรวมถึงข้อมูลที่มึงมีด้วย ร้ายไม่เบาเลย ตอนนี้บอสกูคลั่งเร่าๆ อยากจะลากตัวมันมากระทืบแต่ติดที่ยังทำอะไรไม่ได้


Salt มึงยังอยากเป็นอิสระอยู่ไหมตั้น


TT หึ ทุกวินาทีที่หายใจอยู่นั่นแหละ แต่บางทีไม่หายใจอาจจะเป็นอิสระกว่าด้วยซ้ำ ห่วงก็แค่ไอ้ต้นจะทนไม่ไหวชิงตายไปก่อนกู


Salt งั้นร่วมมือกับกู แล้วกูจะให้อิสระมึงกับพี่ชาย


TT แล้วเผือก


ตั้นเอ่ยถึงน้องชายต่างสายเลือด ถึงพวกมันจะอยู่บ้านกำพร้าเดียวกันแต่กลับผูกพันกันเหมือนพี่น้อง โชคดีที่เผือกถูกรับเลี้ยงในครอบครัวที่ดีมันถึงยังเป็นคนดี ต่างจากสองแฝดที่ถูกคนชั่วรับเลี้ยงและทำร้ายทั้งคู่ไม่เว้นแต่ละวัน จึงไม่น่าแปลกใจที่สิ่งเหล่านั้นจะหล่อหลอมให้ทั้งสองมีพฤติกรรมเลวร้ายเกินเยียวยา


Salt น้องชายพวกมึงไม่เป็นอะไรหรอกนะ แบ็กใหญ่ขนาดนั้น


ผมไล่อ่านข่าวตระกูลของเฟรม หึ เป็นสะใภ้บ้านนี้คนอื่นอย่าได้คิดแหยมเลย


ผมวางแผนกับตั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนหน้านี้บอสของตั้นสั่งให้ลูกน้องกำจัดเด็กผู้ชายสองคนคือไอ้พูและแอลเพราะเริ่มรู้สึกว่าพี่ลันเอนเอียงไปหาฝ่ายนั้นมากเกินไป คิดไม่ถึงว่าพี่ลันจะรู้ตัวแล้วแข็งข้อกับบอส เป็นเหตุให้สัญญาระหว่างกันสิ้นสุดลง และตอนนี้บอสของตั้นจึงเลือกที่จะกุมหัวใจของพี่ลันไว้เพื่อบังคับให้อีกฝ่ายรับใช้จนวันตาย


Salt นายให้ต้นไปจับตัวคนที่ชื่อแอลไว้ และอย่าลืมว่าต้องใช้ไฟฟ้าช็อตพี่ลันเท่านั้นนะ ห้ามสู้ตัวต่อตัวเด็ดขาดถ้าไม่อยากให้แผนล่ม


แม้จะรู้จักกันไม่นานแต่ผมรู้ฝีมือพี่ลันมากพอ คนระดับนี้ประมาทไม่ได้เลย ทางเดียวที่จะทำให้แผนนี้สำเร็จคือจู่โจมทีเผลอเท่านั้น


Salt รายงานบอสของมึงว่าจับตัวแอลไว้เรียบร้อยใช้แลกกับข้อมูล ส่วนพู...กูจะทำให้มันไปหามึงเอง


TT มั่นใจเหรอว่าเด็กนั่นจะโง่มา


Salt กูรู้จักมันดี


ผมร่ายยาวถึงแผนการทั้งหมด จัดการแผงไวรัสในแฟลชไดร์ แม้เปิดข้อมูลดูจะเป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการ แต่หากเสียบเข้าเครื่องแล้วไวรัสจะลบข้อมูลอย่างช้าๆ สุดท้ายจะไม่เหลือข้อมูลใดให้พวกมันได้นำไปใช้ได้เลย


TT แล้วลันเตาล่ะ มึงจะจัดการยังไงไม่ให้มันบุกก่อนบอสมา


Salt กูมีวิธีก็แล้วกัน


เมื่อตกลงแผนการเรียบร้อยก็เข้าสู่วันที่สอง มิสคอลเข้าเยอะจนผมได้แต่ถอนหายใจ ที่บ้านสายหนึ่ง เดาว่าคุณหญิงดาราราย อีกสายเป็นของพี่ชาย และอีกเกือบห้าสิบสายนั่นเป็นของคนที่ตามตื้อผมอยู่...แบงค์


ผมเลือกที่จะกดโทรออกหามัน แป๊บเดียวอีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“เกลือ...มึงอยู่ไหนวะ ที่บ้านก็ไม่อยู่ ร้านเกมก็ไม่อยู่...” เสียงแบงค์สั่นเครือจนผมอดใจอ่อนไม่ไหว แต่ก็เลือกที่จะโกหกออกไป


“กูออกมาเที่ยวกับสาว” โกหกเพื่อให้มันตัดใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยไปไหน


“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรโว้ย เรื่องปกติ มึงโอเคดีกูก็สบายใจล่ะ” แบงค์พยายามทำเสียงร่าเริง แต่ผมรู้ดีว่าตอนนี้มันอ่อนล้ามากแค่ไหน


“อืม งั้นแค่นี้นะ” ผมกดตัดสายแล้วปิดเครื่อง ล้มตัวนอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยฝุ่น สูดกลิ่นหืนแล้วไอค่อกแค่กออกมา


น้ำตาที่รินไหล ผมเชื่อว่าเป็นเพราะฝุ่นฟุ้ง


ไม่ใช่...เพราะใครบางคน



............................
.................................................


(ไอ้พูถูกยิง)


สองวันต่อมาผมก็ได้รับสายจากแบงค์ น้ำเสียงร้อนรนนั้นทำให้ผมต้องรีบเร่งไปยังโรงพยาบาลที่เพื่อนรักษาตัวอยู่ เปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นร่างสูงที่ผมไม่รู้จักนั่งอยู่ข้างเตียง แขนขวามีผ้าพันแผลพันอยู่ เขากุมมือพูด้วยสีหน้าหม่นหมอง ขณะที่เพื่อนผมยังคงหลับใหลไม่ได้สติ


“ไอ้เกลือ” เสียงเรียกมาพร้อมอ้อมแขนที่โอบกอดผมแน่น ได้แต่ลูบหลังปลอบใจแบงค์ที่เสียขวัญ พยักหน้าให้พี่ลันที่ยืนกอดอกหน้าเครียดลูบไหล่ปลอบใจคนข้างกายที่สะอึกสะอื้นเบาๆ


ครืดๆ


แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมต้องผละจากแบงค์เพื่อรับสาย แล้วเดินเลี่ยงออกมาคุยนอกห้องไม่ให้รบกวนพู


“ว่าไง”


(ตอนนี้ไอ้สารเลวนั่นมันเข้าคุกแล้วนะ)


“อืม แล้วมึงเป็นไง ไอ้ต้นล่ะ”


(พวกกูปลอดภัยแต่ไอ้ต้นถูกยิง แผลเล็กนิดเดียวไกลหัวใจมาก พวกกูหนีมาอยู่ต่างจังหวัดเลยโทรมาบอกมึงไว้ อย่าลืมที่สัญญา)


“กูไม่ลืมหรอก แถมเงินให้พวกมึงไปตั้งตัวด้วยเลยเอ้า” ผมพูดกลั้วหัวเราะ ดีใจที่พวกมันปลอดภัยดี หนี้ระหว่างเราจะได้จบสิ้นกันสักที


(ขอบใจมึงมากนะ ทั้งเรื่องในอดีต และอิสระของพวกกูในตอนนี้ ถ้ามึงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกกูคงแย่)


“กูก็คน ทนเห็นพวกมึงถูกทำร้ายไม่ได้หรอก แต่วิธีของกูก็ใช่ว่าจะดี ลากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเสี่ยงอยู่เรื่อยเลย” ผมเอนตัวพิงผนัง มองประตูห้องพักพู เพื่อนผมถูกลูกหลงทั้งที่มันไม่ได้ทำอะไรผิด ไหนจะพี่ลันที่ผมสอดมือเข้าไปยุ่งจนเขาต้องกลายเป็นทาสตั้งสองปี บางที...ผมควรจะอยู่ห่างทุกคนซะ นั่นอาจจะดีกว่า


ผมวางสายแฝดน้องแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลแทนที่จะกลับเข้าไปหาพู ผมรู้สึกผิดต่อมันและครอบครัวของมันมากเกินกว่าจะร้องขอความเป็นเพื่อน ผมรู้ว่าพูคงจะบอกว่าไม่เป็นไรตามนิสัยของมัน แต่สำหรับผมที่เพิ่งเคยมีเพื่อนคนสำคัญไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว







“ตองครับ ตองงงงงงงงง” เสียงโหยหวนของพี่ชายดังออกมาจากตัวบ้าน ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งหน้าตื่นออกมาพร้อมหมอนอิง


“พี่นี่มัน! ฮึ่ย! ตองบอกแล้วไงว่าอย่าทำรอย แล้วนี่อะไรวะ!” คนตัวขาวกระชากคอเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ก ซึ่งสำหรับคนที่มีถ่ายแบบคืนนี้รอยนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี


“ก็ตองของพี่น่ารักใครจะห้ามใจไหว” พี่ธรบ่นอุบ ก่อนจะรีบวิ่งมาหลบหลังผมเพราะเป็นคนเดียวที่พี่ตองไม่โมโหใส่ “ไอ้ธารช่วยกูด้วย”


หมดมาดมาเฟียเลยพี่ชายกู


“พี่ตองครับ” ผมทำหน้าอ้อนๆ แล้วเดินไปกอดแขนพี่สะใภ้คนงาม สีหน้าบึ้งตึงดูอ่อนลงเมื่อเห็นผม พี่ตองใจอ่อนกับผมเสมอแหละครับ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็กๆ แล้ว


“น้องธาร...”


“พี่ธรเขาทำก็เพราะรักเพราะหวงพี่ตองไม่ใช่เหรอครับ...” ผมเหล่ตามองพี่ชายที่รีบพยักหน้าสนับสนุนคำพูดผม “อีกอย่าง...นายแบบคนนั้นก็ชอบมองพี่ ดีไม่ดีอาจฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งก็ได้นา” หึหึ เรื่องสุมไฟให้อกพี่ชายร้อนรุ่มไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เพียงแป๊บเดียวพี่ชายตัวน้อยของผมก็ผงาดเป็นราชสีห์กอดอกตีหน้าเครียดทันที


“นายแบบคนคนไหนครับตอง ใครมันกล้ายุ่งกับคนของพี่” เสียงต่ำทันทีครับพี่ชายผม


“น้องธาร ทำไมหาเรื่องให้พี่แบบนี้ล่ะครับ” คนตัวขาวกระเง้ากระงอดใส่ผมก่อนจะเชิดใส่พี่ธร “เก่งไงจะใครล่ะ แล้วไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าเขาจะมายุ่มย่ามกับผม ไอ้หลามหวงยิ่งกว่าอะไรดี” ทันทีที่เอ่ยชื่อพี่หลามเพื่อนสนิทพี่ตองพี่ธรก็ยกมือยอมแพ้


“โอเคครับๆ พี่เองก็ไม่อยากยุ่งกับคนของหลามหรอก เดี๋ยวหาเรื่องมาให้พี่ปวดหัวอีก ไปครับที่รัก เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า” พี่ธรโอบเอวพี่ตองเดินผ่านหน้าผมไป แต่พี่สะใภ้ผมเป็นคนน่ารักครับ ไม่เคยลืมเอ่ยชวนผมเลยสักครั้ง แต่ถ้าเขาหันไปมองหน้าแฟนตัวเองสักนิดก็จะรู้ว่าทำไมผมต้องปฏิเสธทุกครั้งไป




ผมนอนเอื่อยเฉื่อยเล่นเกมจนค่ำพ่อกับแม่ก็กลับมา ไม่ทันเอ่ยทักทายร่างสูงของใครบางคนก็เดินตามเข้ามา


“ดูซิเนี่ย ยุงกัดหมดแล้ว” แม่ผมสำรวจคนๆ นั้นก่อนจะเรียกให้แม่บ้านเอาคาลาไมน์มาให้อีกฝ่ายทา “แล้วทำไมเราไม่เรียกเพื่อนเข้าบ้านห้ะน้องธาร”


“ผมจะไปรู้ได้ไงว่ามันมา” ผมเม้มปาก ดูจากรอยแดงแล้วมันคงรออยู่หน้าบ้านนานหลายชั่วโมง แต่ผมก็จงใจเมินเดินไปนั่งโต๊ะรอพ่อกับแม่กินข้าวพร้อมกัน


“ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะน้องธาร” พูดจบแม่ก็พาแบงค์มานั่งข้างผม เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ ก่อนพ่อกับแม่จะขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน


ทิ้งผมไว้กับคนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา


“มีอะไรก็ว่ามา” ผมวางโทรศัพท์ ปรายตามองเพื่อน แบงค์หันมาสบตากันแล้วยิ้มบาง


“กูแค่อยากมาหามึง อยากเห็นหน้าเท่านั้นเอง เมื่อกลางวันมึงรีบกลับไปก่อนเลยไม่ได้บอกลากัน” มันมาหาผมเพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ ทนรออยู่หน้าบ้านแทนที่จะเรียกผมออกไปหาเนี่ยนะ


“ประสาท โทรมาก็ได้มั้งเดี๋ยวกูออกไปให้มึงเจอหน้ามึงจะได้ไม่ต้องมายืนรอเป็นพระเอกเอ็มวี บอกเลยว่าไม่เท่”


“ก็ไม่ได้อยากเท่ กูไม่ชอบให้เสื้อเปื้อนเลยสักนิด” ผมชะงัก เพิ่งเห็นว่าเสื้อแบงค์เต็มไปด้วยฝุ่น แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านต่างจากเมื่อก่อนที่คงร้องห่มร้องไห้เพียงเพราะเสื้อเปื้อน หึ จะว่าไปก็ตลกชะมัดคนบ้าอะไรจะหวงเสื้อขนาดนั้น


“เจอหน้ากูแล้วก็กลับไปได้ล่ะ ที่บ้างมึงเป็นห่วงแล้วมั้งเนี่ย”


“ไม่ห่วงหรอก ครอบครัวกูไปต่างจังหวัดพอดี ไม่มีใครอยู่บ้าน”


“ดีเลยจ้ะน้องแบงค์ งั้นคืนนี้ก็นอนที่นี่ซะเลยสิ นอนห้องน้องธารก็ได้” แม่ผมที่ไม่รู้มาจากไหนโผล่เข้ามาพร้อมแผ่นมาร์กบนใบหน้า เสนอในสิ่งที่ผมส่งสายตาให้แบงค์ปฏิเสธไปซะ


“ดีเลยครับคุณแม่ ผมง๊วงง่วง ฮ้าว ห้องธารไปทางไหนครับ” ไอ้แบงค์เนียนตามแม่ผมไปแล้ว ยิ่งแม่บอกทางไปยังห้องนอนผมร่างสูงก็เร่งฝีเท้าขึ้นบันไดไปทัน แล้วผมจะรออะไรละครับก็ต้องวิ่งตามขึ้นไปขวางไง


“กลับบ้านมึงไปเลยนะ!” ผมยืนขวางประตูห้องตัวเอง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าไปแน่ๆ ขืนมันรู้ว่าของในห้องนั้นมีแต่ของๆ มันผมก็แย่ดิ ตั้งแต่ที่จำได้ผมก็หยิบโน่นนี่ที่เป็นความทรงจำเก่าๆ มาวางไว้เต็มห้องไปหมด ยังไม่ได้เก็บเลยสักชิ้น


“ไม่ไป” แบงค์เน้นคำพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเบือนหน้าหนี ซึ่งมันก็ใช้จังหวะนั้นเปิดประตูห้องผมจนได้


แต่ผมที่ยืนดันหลังชนประตูไว้กลับเซล้มไม่เป็นท่า


“อ้ะ”


หมับ


อ้อมแขนของมันโอบหลังผมไว้ไม่ให้ล้มลง แต่เพราะน้ำหนักตัวผมมากกว่ามันสุดท้ายเราก็ล้มไปด้วยกันอยู่ดี


พลั่ก


จุ๊บ


ริมฝีปากเราทั้งคู่แตะกันอย่างไม่ตั้งใจ ผมรีบดึงหัวออกแต่อีกฝ่ายกลับรั้งศีรษะผมให้เอนเข้าหาเพื่อมอบจูบหอมหวานให้อย่างนุ่มนวล



ผมไม่เคยคาดหวังจูบระหว่างเราเพราะไม่คิดจะสานต่อความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่สามปีก่อน เคยคิดว่าสามปีคงนานพอที่ความรู้สึกเหล่านั้นจะลดลง



แต่ตอนนี้หัวใจผมกลับสั่นคลอนไม่เป็นท่า






Tbc.







.................................................

คั่นคู่หลักด้วยคู่ม้ามืดจ้า 555 คู่นี้มีตอนเดียวค่ะ เสริมในส่วนของแผนการที่ขาดหายไป ใครชอบคู่นี้อย่าลืมเม้นน้า ใจหายเบาๆ คนอ่านลดลง 555 แต่ไม่เป็นไรเราชอบเขียนเดี๋ยวมาต่ออีก

คู่พี่ธรน้องตองตามได้ในเซ็ตผิดแผนค่ะ เป็นเรื่องสั้น สั้นจริงๆ 555 จบแล้วด้วย  :hao6:

ตอนหน้าพี่เจตน้องพูจะกลับมา ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 31 [26-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 26-08-2017 22:33:46
ขอคู่นี้อีกได้มั้ย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 31 [26-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-08-2017 01:37:14
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 31 [26-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-08-2017 02:14:05
ช่วยเติมความแหว่งได้เยอะเลยค่ะ ถึงจะบอกว่ามาแค่ตอนเดียว
ได้รู้ว่าเกลือก็เป็นเด็กคนหนึ่ง เป็นคนดีพอตัว ถึงจะป่วนไปบ้าง
รู้ว่าถั่วพี่ไปเริ่มเข้ากลุ่มนั้นได้ยังไง ทุกอย่างเริ่มที่เกลือ และเกลือก็จบมันเอง

โอ๊ยยยย ใจหนอ คนรอก็รอมานานแล้ว ยิ่งกลับมาเจอกันแล้ว ทำไมแบงค์จะต้องยอมล่ะ
เกลือยอมรับเหอะว่า ก็รอเวลานี้เหมือนกัน หาความสุขให้ตัวเองบ้างนะ อย่ามัวแต่ห่วงคนอื่น

ตั้นต้นโชคดี ที่กลับตัว และมีคนช่วย
เผือกก็โชคดี ที่ไม่ต้องเจอเรื่องแบบเดียวกัน ไม่งั้นคงรับไม่ไหว

ทุกอย่างกำลังลงตัว ถั่วน้องรับตื่นนะ มีคนรออยู่
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 31 [26-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 27-08-2017 02:29:19
 :heaven ความจริงปรากฎแล้ว รออ่าน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 31 [26-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-08-2017 06:48:29
แล้วมีเรื่องของแฝดไหมน๊าาา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 31 [26-08-17]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 28-08-2017 00:56:02
อ่านรวดเดียวเลย สนุกอะขอฝากตัวเป็น fc คุณเจนค่ะ

ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ มาอัพไวๆน้าเค้ารออยู่ :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 32 [03-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 03-09-2017 03:29:19
บทที่ 32
เหตุเกิดเพราะ...จดหมาย





ความเจ็บเป็นสิ่งแรกที่ผมรู้สึกเมื่อลืมตาขึ้น รอบข้างมืดไปหมด มีเพียงแสงสลัวจากหน้าต่างที่ลอดเข้ามาให้พอเห็นสิ่งของภายในห้อง บริเวณโซฟาเฝ้าไข้มีร่างสูงที่ผมรู้จักดีนอนขดตัวอย่างไม่สบายนัก ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพลางแตะหน้าท้องตัวเองที่มีผ้าพันแผนพันอยู่


เจ็บชิบหาย


ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร รู้แต่ว่าแต่ตอนนี้เริ่มปวดฉี่ล่ะ แต่ไม่กล้ารบกวนแฟนตัวเองที่ดูเหมือนเพิ่งนอนไปได้ไม่นานเลยต้องพึ่งตัวเองนี่ล่ะ ผมค่อยๆ หย่อนเท้าลงยืนพลางลากเสาน้ำเกลือไปเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง


ทำธุระตัวเองเสร็จปั๊บประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดพรวดเข้าจนผมสะดุ้ง ดีนะดึงกางเกงขึ้นเรียบร้อยแล้วน่ะ ถึงจะเป็นแฟนกันก็ใช่ว่าผมจะให้เขาเห็นอะไรต่อมิอะไรก็ได้นะโว้ย


“พู...”


“อือ ผมไง” พูดจบผมก็ลากเสาน้ำเกลือตัวเองเดินตามร่างสูงออกมา ในห้องสว่างจ้าด้วยแสงไฟทำให้ผมเห็นดอกไม้ช่อโตที่อยู่ข้างเตียง ก่อนที่พี่เจตจะนึกได้ว่าต้องเข้ามาช่วยพยุงผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เขาถลาเข้ามาประคองผมแบบนั้น เข้าใจว่าพี่เจตเป็นห่วง เพราะเขาเองก็คงคาดไม่ถึงว่าผมจะบาดเจ็บไปด้วย


พามาถึงเตียงพี่เจตก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างผมทันที บรรจงรินน้ำส่งให้ผมอย่างรู้หน้าที่ หึหึ เป็นศรีภรรยาที่ดีจังเลยนะครับ ผมรับแก้วน้ำจากพี่มาดื่มยิ้มๆ ก่อนจะส่งคืนให้อีกฝ่าย วางแก้วเสร็จพี่เจตยื่นมือข้างหนึ่งมาจับมือผมไว้


“เจ็บไหม พี่ขอโทษนะที่ดูแลเราไม่ดี” พี่เจตมีสีหน้ารู้สึกผิด ผมจึงแตะนิ้วที่ต้นแขนเขาเบาๆ


“ผมก็ขอโทษที่ดูแลพี่ไม่ดี ดูสิ ต้องมาเจ็บตัวเพราะช่วยผมแท้ๆ” ผมเองก็ห่วงพี่เจตไม่แพ้กันหรอกครับ ใครจะรู้สึกดีที่เห็นคนรักเจ็บตัว พี่เจตรู้สึกยังไงผมก็รู้สึกไม่ต่างกัน “ผมหลับไปกี่วัน”


“วันเดียว...แต่ก็นาน” ใบคมดูเศร้าลงจนผมต้องเอื้อมมือไปแตะแก้มเขา พี่เจตเงยหน้ามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหลับตาลงแนบแก้มเข้ากับฝ่ามือของผม “พี่ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว อย่าปิดบังอีกได้ไหมพู พี่ไม่อยากเสียนายไป”


“ไม่มีแล้วล่ะ” ผมเชื่อแบบนั้น


“พักผ่อนดีกว่า พูจะได้หายไวๆ” พี่เจตช่วยประคองผมนอนลงแล้วห่มผ้าให้ ฝ่ามือนุ่มของเขาลูบหัวผมแผ่วเบาก่อนจะละจากไป


“เดี๋ยว” ผมคว้ามือพี่เจตไว้ แล้วเอ่ยทั้งที่ก้มหน้าอยู่ “นอนข้างกันไม่ได้เหรอ”


“พู...”


“โซฟาเล็กแค่นั้นพี่จะนอนไปได้ยังไง” ผมพูดรัวแล้วรีบเขยิบตัวเพื่อให้เหลือที่วางพอสำหรับพี่เจต ติดที่สายน้ำเกลือรั้งไปนิด ผมจึงเขยิบเข้าใกล้เสาน้ำเกลือแทนแล้วเว้นที่ว่างอีกฝั่งให้ร่างสูง “นอนนี่สิ” ผมตบเตียงปุๆ


“พูนอนไปเถอะ เตียงกว้างก็ดีแล้วจะได้นอนสบายๆ” พี่เจตรีบหันหลังทันที แต่ผมก็ใช้มือที่ว่างดึงเสื้อเขาจากข้างหลัง


“มานอนด้วยกันสิ” ชวนขนาดนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีก คนชวนก็อายเป็นนะโว้ย


“แต่ว่า...”


“แฟนขอ แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้ เรื่องย้ายไปคอนโดอะไรนั่นก็คงพูดไปงั้นๆ สินะ” ผมกอดอกจ้องพี่เจตเขม็ง อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายดังเอื้อกก่อนจะยอมเดินไปปิดไฟแล้วเดินอ้อมเตียงขึ้นมานอนข้างๆ กัน ก็แค่นี้เองทำไมต้องให้ผมหาข้ออ้างด้วยก็ไม่รู้


“ทีนี้ก็นอนได้” ผมดึงผ้าห่มคลุมตัวเราทั้งคู่ เขยิบเข้าไปใกล้ร่างสูงเพื่อขอแบ่งปันไออุ่น


เพราะอากาศเย็นจริงๆ ครับ ไม่มีอะไรแอบแฝงเลยจริงจริ๊ง


พี่เจตเองก็รั้งตัวผมเข้าไปกอดไว้ ลูบหัวผมเหมือนที่เขาชอบทำก่อนริมฝีปากอุ่นจะจูบลงบนขมับผมแผ่วเบา


“ฝันดีครับพู”


“ฝันดีครับพี่เจต”


เราอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ก่อนที่ผมจะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันที่แสนวิเศษ





........................................................

..................................................................................





“พี่ลัน เบาๆ สิครับ”


“จะให้พี่เบาได้ไง ก็ดูพี่ชายตัวดีของเราสิ กล้าดียังไงมาแย่งที่นอนไอ้พูมัน”


เสียงไม่เบานักปลุกผมให้ตื่นขึ้น ทันทีที่ลืมตาก็เห็นใบหน้าพี่ชายที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ ก่อนพี่ลันจะผละออกไปกอดอกจ้องหน้าคนข้างๆ ผมที่ยังหลับสนิทอยู่ ผมจึงได้สังเกตใบหน้าของพี่เจตที่ยังคงหล่อเหลาในสายตาของผม


“จะจ้องให้ท้องเลยไหมไอ้พู พอล่ะ พี่อดทนพอแล้วแอล” พูดจบพี่ลันก็เขย่าตัวพี่เจตอย่างแรงจนคนที่นอนข้างผมสะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่งทั้งพลางขยี้ตาด้วยท่วงท่าสง่างาม อื้อหือ นี่แฟนกูใช่ไหม ทำไมอย่างกับนายแบบเพิ่งตื่นนอน


“อือ”


“ไม่ต้องมาอือเลยสัด ลงมาจากเตียงน้องกูเดี๋ยวนี้เลย” พี่ลันโวยลั่น ทำท่าจะเข้ามากระชากพี่เจตลงจากเตียงด้วย ซึ่งผมกับแอลก็พยายามกันๆ ไว้อยู่ แอลรั้งแขนพี่ลัน ส่วนผมก็เอาตัวกันพี่เจตไว้


“พี่ลัน ใจเย็นๆ สิครับ เขาเป็นแฟนกัน นอนด้วยกันก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน”


“ช่าย แอลพูดถูกเผง” ผมพยักหน้าสนับสนุนพี่สะใภ้เต็มที่


“พูป่วยอยู่นะ หลับสบายหรือเปล่าก็ไม่รู้”


“หลับสบายมากพี่ลัน มีอกอุ่นๆ ให้ซบคลายหนาวได้เยอะเลย” ผมพูดอย่างไม่อายปาก และได้รับรางวัลเป็นจมูกโด่งของแฟนตัวเองนี่แหละ


ฟอด


“แฟนใครเนี่ย ทำไมน่ารักจัง”


“มึง มึง!” พี่ลันชี้หน้าพี่เจตอย่างโมโห แต่ก่อนที่ใครจะได้ทำประตูก็ถูกเปิดพรวดเข้ามา ตามมาด้วยพ่อและแม่ของผมที่รีบเข้ามาถามไถ่อาการผมทันที


“เป็นยังไงบ้างพ่อทูนหัวเจตของแม่” ผมมองแม่ที่สำรวจไปทั่วตัวพี่เจตโดยไม่ได้เหลียวแลผมแต่อย่างใด


แม่ นี่พูไง ลูกแม่ไง


“ผมไม่เป็นไรครับแม่” พี่เจตตอบยิ้มๆ ก่อนจะรีบลงจากเตียงเพื่อรับปิ่นโตจากพ่อที่เดินเข้ามาลูบหัวผมพลางถามอาการอย่างที่ครอบครัวควรจะทำ


“เป็นยังไงบ้างพู ไปก่อเรื่องอะไรมาถึงได้แผลแบบนี้”


“พ่อออออออออออ”


“ไม่ต้องมาเรียกเสียงยาวเลย ชอบทำให้พ่อเป็นห่วงนะเราน่ะ”


“ผมเปล่านะ”


“ใช่พ่อ หาเรื่องจริงๆ เลยมันน่ะ” พี่ลันได้ทีรีบทับถมผมเลยครับ พี่ที่แสนดีของผมหายหัวไปไหนแล้ววะเนี่ย


“แกเองก็เหมือนกันนะลัน อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเพราะใคร” แม่ส่งสายตาคาดโทษพี่ลันที่ทำหน้าจ๋อยไปแล้ว ก่อนจะหันมาหาผมที่ก้มหน้าสลดไม่กล้าสู้หน้าแม่เลย “แกก็ด้วยนะพู โตแล้วก็หัดใช้สมองบ้าง เรียนก็เก่ง ฝีมือยังสู้เจ้าลันไม่ได้ยังจะกล้าบุกไปรังโจรคนเดียวอีก...” ผมได้แต่เงียบฟังบุพการีสั่งสอนต่อไปเพราะรู้ดีว่าแม่เป็นห่วง


“ฮึก ถ้าแกไม่รอดแม่จะอยู่ยังไงห้ะ” สุดท้ายก็จบที่แม่ปล่อยโฮออกมาก่อนโถมตัวเข้ากอดผม ซึ่งมันไม่ยากเลยที่ผมจะกอดแม่แล้วร้องไห้ตาม เหมือนความกลัวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานเพิ่งส่งผลในวันนี้ เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของแม่ ที่ๆ ปลอดภัยที่สุดในชีวิต ก็คล้ายกับว่าผมสามารถปล่อยทุกอย่างที่หนักอึ้งลงได้ในทันที ไม่ต้องเข้มแข็งอีกต่อไป


พอผละออกจากแม่ ทั้งห้องก็เหลือเพียงแค่ผม แม่ พ่อ และพี่ลัน พ่อคงเห็นสายตาผมที่มองหาร่างสูงจึงเฉลยให้


“แอลเขาพาเจตไปหาข้าวกินน่ะ”


“แหม ห่างกันไม่ได้เลยนะ เหอะ” พี่ลันบ่นนิดก่อนจะนั่งลงข้างพ่อบนโซฟา


“กับหนูแอลฉันก็เห็นแกเดินตามเขาต้อยๆ ว่างเมื่อไหร่ก็ไปหา ไม่คิดจะอัพเดทให้แม่รู้อะไรบ้างเลยเหรอ”


“โห่แม่ ไอ้พูมันปากโป้งไปแล้วไม่ใช่รึไง”


“พูบอกว่าแกมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ไม่เคยบอกว่าเป็นใคร สรุปหนูแอลใช่ไหม”


“ก็...ใช่ครับ”


“ก็แค่นั้น เลิกปิดบังแม่ได้แล้ว กี่เรื่องกี่คดีแล้วห้ะ แม่ตามเก็บไม่ไหวแล้วนะลัน เดี๋ยวตอนบ่ายก็ต้องเขาไปขอบคุณพ่อของเปรมเขาเหมือนกันที่ช่วยดูแลคดีนี้ให้ ไม่อย่างนั้นโดนฆ่าทั้งบ้านกันพอดี”


“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น”


“ยังจะมีหน้ามาพูดอีกนะ ดูสภาพน้องแกสิ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครั้งฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก” เอ่อ แม่ครับ ผมว่าเงินในบัญชีพี่ลันน่าจะมากกว่าเงินเราสามคนรวมกันอีกนะ


“ไม่เอานะแม่” พี่ลันรีบปรี่เข้ามาอ้อนแม่เลยครับ ซึ่งคุณหญิงสมศรีก็เชิดหน้าไม่หายงอนง่ายๆ เช่นเคย


“พู อะ มีจดหมายส่งถึงลูก” พ่อยื่นซองจดหมายสีขาวซีดฉบับหนึ่งให้ผม


“หืม จดหมายผม” เมื่อพ่อพยักหน้า ผมก็แกะจดหมายออกเพื่อเปิดอ่านเนื้อความข้างใน ลายมือไก่เขี่ยสมัยประถมยืนยันได้ดีว่าเป็นจดหมายของผมแน่ๆ ผมอ่านเนื้อความแล้วนึกถึงความทรงจำเมื่อหลายปีก่อน





ผมในวัน 6 ขวบ จำได้ว่าวันนั้นท้องฟ้าแจ่มใสเหมาะแก่การออกไปนั่งปิคนิคนอกบ้าน พ่อกับแม่จึงพาผมและพี่ชายออกมาเที่ยวข้างนอก ขณะที่พ่อกับแม่สาละวนอยู่กับการหอบข้าวของและหาทำเลสำหรับนั่งทานข้าว พี่ชายของผมก็กำลังเมามันอยู่กับเกมกดรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดจึงเอาแต่เล่นและไม่ค่อยสนใจผมเท่าไรนัก


ผมที่หันไปเห็นรถไอศกรีมพอดีจึงเลือกที่จะเดินไปโดยไม่ได้บอกใคร ยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ได้ไม่นานนักเด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีฟ้าก็เดินเข้ามาซื้อไอศกรีมสองแท่ง ผมก็ได้แต่มองเธอยื่นเงินให้คนขายเพราะตัวเองไม่มีเงินเลยสักบาท จะกลับไปหาพ่อ แม่ และพี่ชายก็ไม่รู้ว่าทั้งสามคนหายไปไหนเลยได้แต่ยืนรออยู่ตรงนี้ เพราะจำได้ว่าแม่เคยบอกว่าถ้าหลงทางให้หาอะไรเด่นๆ แล้วยืนรอตรงนั้น สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรดึงดูใจมากเท่ารถไอศกรีมสีแดงคันนี้


“อะ เราให้” เด็กผู้หญิงคนนั้นยืนไอศกรีมแท่งให้ผม ซึ่งผมก็รับมาแกะแล้วดูดกินอย่างเอร็ดอร่อย อากาศร้อนๆ แบบนี้แค่ได้กินอะไรเย็นๆ ผมก็มีความสุขแล้ว


หันไปมองเด็กผู้หญิงที่กินเลอะไม่ต่างจากผมเท่าไรนัก ทว่าชุดกระโปรงของเธอกลับเปื้อนช็อกโกแลตไปหมด จำได้ว่าผมหัวเราะเพราะเธอไม่สวยจนโดงอนเข้าให้ ผมจึงจูบแก้มเพื่อขอโทษเธอตามแบบละครที่แม่ชอบเปิดให้ดูตอนหัวค่ำ เธอดูอึ้งที่ผมทำแบบนั้น ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเขินอาย ดูน่ารักในสายตาผมไปทันที


ผมเดินตามเธอไปจนถึงลานกว้างที่มีจุดชมวิวสวยๆ เรานั่งอยู่ข้างกัน สูดอากาศบริสุทธิ์และสายลมอ่อนที่พัดผ่านมา ผมถือวิสาสะจับมือเธอเบาๆ แม้ว่าตอนนั้นผมจะเด็กมากแต่ก็พอจะรู้จักคำว่าแฟนแบบที่เพื่อนในห้องเขากำลังฮิตเป็นกัน ถ้าเป็นแฟนก็จะจับมือได้ หอมแก้มได้ ซึ่งผมก็เอ่ยขอเธอไปตามตรง


“เป็นแฟนกันนะ”


“ชอบเราเหรอ” เธอเอียงคอถามเสียงซื่อ น่ารักจนผมรู้สึกเขิน


“อื้อ พูชอบเธอนะ เธอชื่อไรอะ”


“...”
เธอพูดเสียงเบาจนผมไม่ได้ยินเลยว่าเธอพูดอะไร


“ห้ะ”


“...” เธอส่งยิ้มให้ผมก่อนจะก้มหน้าลงมาจุมพิตแผ่วเบาที่แก้มผมแล้วผละออก ในขณะที่ช่วงเวลาหอมหวานของเรากำลังสุกงอมหญิงสาวคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาเรา เธอยิ้มให้ผมก่อนจะยื่นภาพโพลารอยใบหนึ่งให้ เป็นภาพที่ผมจูบแก้มเด็กผู้หญิงคนนั้นพอดี ก่อนที่เธอจะพาลูกสาวเดินจากผมไป เด็กผู้หญิงคนนั้นหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี้ยวหายไปจากสายตา


ช่วงเวลานั้นจู่ๆ ผมก็คิดถึงครอบครัวขึ้นมา รู้สึกกลัวเมื่อต้องอยู่คนเดียวจนต้องกอดตัวเองเอาไว้ โชคดีที่พี่ลันหาผมเจอแล้วขอยืมโทรศัพท์คนลุงที่ขายลูกชิ้นโทรหาพ่อ พ่อกับแม่จึงหาเราเจอ ทันทีที่แม่เห็นผมร้องไห้ แม่ก็ตีก้นผมอย่างแรงเพราะหายไปโดยไม่บอก ขณะที่พี่ลันก็ออกโรงปกป้องผมอย่างดี ยอมโดนตีไปด้วยกันก่อนที่แม่จะหยุดตีแล้วกอดเราสองคนแน่น ผมกับพี่ก็กอดแม่ตอบพลางร้องไห้ไปด้วยกันทั้งสามคน


เมื่อผ่านเวลาเศร้าเราก็ไปเที่ยวกันต่อ จุดหมายคือที่ทำการไปรษณีย์ แม่ผมเป็นพวกชอบซื้อโปสการ์ดจึงชอบแวะซื้อแล้วส่งกลับไปที่บ้าน ซึ่งวันนั้นมีกิจกรรมส่งจดหมายล่วงหน้าสิบปีพอดี ครอบครัวเราจึงเขียนจดหมายถึงตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้า ผมก็เขียนด้วยความตั้งใจ เขียนเล่าเหตุการณ์วันนี้สั้นๆ ตามประสาเด็กประถม แต่ก่อนจะผนึกจดหมายผมก็เห็นภาพที่ถ่ายคู่กับเด็กผู้หญิงคนนั้น ใจหนึ่งก็อยากเก็บกลับไปไว้ที่บ้าน แต่อีกใจผมก็ไม่อยากให้พี่ชายล้อเลียน สุดท้ายข้อหลังก็ชนะ ผมเลือกที่จะเก็บความทรงจำอันสวยงามนั้นไว้ชื่นชมในอีกสิบปีข้างหน้ามากกว่า


ซึ่งตอนนี้ภาพนั้นก็อยู่ในมือของผมแล้ว


ใบหน้าใสของเด็กผู้หญิงคนนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ เรียกว่าเป็นรักแรกพบก็ว่าได้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นใครอยู่ที่ไหน แต่ผมก็อวยพรให้เธอมีความสุข พบรักดีๆ แบบที่ผมมี


“พู เดี๋ยวพี่ลงไปส่งพ่อกับแม่พูนะ” พี่เจตเปิดประตูเข้ามา เร่งให้ผมต้องรีบเอารูปซุกไว้ใต้หมอนแล้วกลับมาทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างสูงเดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทีสงสัยนิดหน่อย “มีอะไรหรือเปล่า”


“เปล่า! เอ่อ เปล่า ผมจะฝากพี่เจตซื้อทะโกะยะกิให้กินหน่อยน่ะ”


“เราไม่สบายจะกินของแบบนั้นได้ไง” พี่เจตทำหน้าดุก่อนจะยิ้มบาง “เอาไว้หายดีพี่จะพาไปกินนะ”


“อื้อ” ผมพยักหน้ารัวๆ ก่อนที่ร่างสูงจะคว้ากระเป๋าสตางค์เดินออกจากห้องไป


“เฮ้อ” ผมหยิบจดหมายออกมาจากใต้หมอนแล้วสอดภาพเก็บเข้าด้านใน เรื่องนี้ผมไม่อยากให้พี่เจตรู้เท่าไร ไม่อยากให้เขาต้องกังวลเรื่องรักแรกของผม ถึงแม้จะบอกว่าไม่คิดอะไรแล้ว แต่ผมก็ไม่กล้าทำลายความทรงจำดีๆ นี้ และไม่อยากให้พี่เจตต้องบีบบังคับให้ผมทำด้วยเพราะผมทำไม่ได้จริงๆ







Tbc.









ปิดบังพี่เจตแบบนี้จะเป็นยังไงน้า โปรดติดตามต่อตอนหน้า แต่ตอนหน้าก็จบแล้วนี่สิ เอ๊ะ! จบแล้ว ใช่ค่ะ จบเรื่อง แต่ยังมีตอนพิเศษอยู่น้า ไม่ต้องตกใจไปค่ะ :hao3:

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์น่ารักๆ จากคนอ่านนะคะ อยู่มาด้วยกันมา 32 ตอนแล้ว ต้องอยู่ในครบตอนที่ 33 นะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 32 [03-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-09-2017 08:48:50
 :pig4:

จะจบแล้ว

รักแรก...จะส่งผลอย่างไรหนอ?

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 32 [03-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-09-2017 00:54:24
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 32 [03-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-09-2017 14:07:37
ความทรงจำดีๆก็ต้องเก็บไว้สิพี่เจตคงไม่ว่าอะไรหรอก
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 32 [03-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 05-09-2017 00:14:00
 :ling3:ตอนหน้าจะเป็นยังไง 555 เหมือนทิ้งระเบิดให้พี่เจตเลย 555
รออ่าน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 33 END [09-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 09-09-2017 23:10:12
บทที่ 33
เหตุเกิดเพราะ...ชอบคุณ






“พู”


“ครับ!” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนรักเอ่ยขึ้นขณะที่ผมกำลังเหม่อๆ


“เป็นอะไร พี่เรียกหลายครั้งแล้วนะ” พี่เจตเดินมานั่งลงข้างเตียง ยกมือแตะหน้าผากผมแผ่วเบาชวนให้ผมอดรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ผมไม่ได้อยากปิดบัง แต่บางเรื่องที่อ่อนไหวเช่นนี้ผมก็อยากเก็บไว้กับตัว


“ไม่ดีใจเหรอ จะได้กลับบ้านแล้วนะ”


“ดี...ดีใจสิ” ผมตอบคนรักก่อนจะขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ วันนี้ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ พ่อกับแม่ติดงานก็เลยมารับไม่ได้ ส่วนพี่ลันได้ยินว่ามหาวิทยาลัยเรียกตัวกลับด่วนตั้งแต่เมื่อวานก็เลยกลับไปก่อนแล้ว หนีบแอลกลับไปด้วยไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า วันนี้เลยเหลือเพียงพี่เจตที่มารับผมออกจากโรงพยาบาล


ผมทำใจอยู่ในห้องน้ำสักพักก็ตัดสินใจออกมา ผมคิดว่าควรบอกพี่เจต ต่อให้เขาจะโกรธผมก็ยังดีกว่าความรู้สึกแย่ที่เกิดขึ้นตลอดสามสี่วันมานี้ ผมคิดว่าหากเลือกปิดบังต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างเราคงยิ่งแย่ลงกว่าเดิม


“พี่เจต...นั่น!” ผมรีบพุ่งเข้าไปฉวยจดหมายฉบับนั้นออกมาจากมือพี่เจตทันทีที่ร่างสูงหยิบขึ้นมาจากใต้หมอน ซุกซ่อนไว้ข้างหลังด้วยความกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าข้างในนี้มีอะไร


“พู พี่ไม่ได้ตั้งใจจะแตะของๆ พูนะ” พี่เจตพูดอย่างใจเย็นพลางก้าวเข้ามาหาผม แต่ผมกลับถอยห่างจากเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ กว่าจะคิดได้พี่เจตก็ถอยกลับไปอยู่ที่เดิม “พี่ขอโทษ”


“ไม่ๆ พี่ไม่ผิด” ผมก้าวเข้าไปหาร่างสูงจับแล้วแขนเขาไว้ “พูผิดเองที่ปิดบังพี่”


“ปิดบัง?” ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินนำพี่เจตไปที่เตียง แล้วค่อยๆ แกะซองจดหมายออกมา


“เธอคือรักแรกของผม” ผมยื่นภาพใบนั้นให้พี่เจตที่รับไปถือไว้นิ่งๆ ไม่ตอบอะไรผมกลับมาเลย “ผมปิดบังเพราะไม่อยากให้พี่รู้ ผมกลัวว่าพี่จะขอให้ผมลืมเธอ คือผมรู้ว่าผมมันเลวนะที่ยังเก็บความทรงจำของรักแรกไว้ แต่ผม...”


“ชู่ว์” อ้อมแขนของพี่เจตโอบกอดผมไว้ กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่เป็นไรครับพู ทุกคนต่างก็เคยมีความทรงจำที่สวยงามกันทั้งนั้น พี่ไม่บังคับให้พูลืมเธอหรอกนะเพราะนั่นคือความสุขของพู”


“พี่ไม่โกรธเหรอ”


“ถ้าจะโกรธก็คงเพราะพูปิดบังพี่นี่ล่ะ พี่ดูเป็นคนเผด็จการขนาดนั้นเลยเหรอเราถึงไม่ไว้ใจให้พี่รู้”


“เปล่านะ...ผมก็แค่...”


จุ๊บ


“เด็กดื้อต้องโดนลงโทษ” แล้วริมฝีปากอุ่นก็ค่อยๆ แนบชิดลงมาอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมอ่อนระทวยในอ้อมกอดของเขา พี่เจตผละออกอย่างอ้อยอิ่ง ก้มมองผมด้วยสายตาหวานเชื่อมก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าข้างเตียงแล้วจูงมือผมออกจากโรงพยาบาล


เรานั่งแท็กซี่มาจนถึงบ้านพี่เจต ร่างสูงเดินลงไปก่อนแต่ไม่ลืมเอื้อมมือมาจับมือผมให้เดินตามเข้าไปในบ้านด้วยกัน ผมไม่ได้คาดหวังว่าระหว่างเราจะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอกนะ แต่ท่าทางพี่เจตตอนนี้ดูเหมือนอยากจะพาผมขึ้นสวรรค์อย่างไรก็ไม่รู้


กูปฏิเสธทันไหม ยังไม่ได้เตรียมพร้อมเชี่ยอะไรเลยนะ


พี่เจตโยนกระเป๋าทิ้งทันทีที่ประตูปิดลงก่อนจะเข้ามาจู่โจมผมด้วยริมฝีปากอย่างหนักหน่วง สัมผัสอันร้อนแรงทำเอาสมองผมขาวโพลนไปหมด ยากที่สติจะกลับมาช่วยรั้งไม่ให้เลยเถิดไปมากกว่านี้


ผมลืมตาขึ้นกวาดมองไปรอบบ้าน เห็นห้องเล็กข้างห้องนอนพี่เจตที่ยังคงเป็นปริศนาเลยขยับตัวไปทางนั้นหวังว่าถ้าพี่เจตรู้ว่าเรากำลังจะเข้าเขตหวงห้ามของเขาเขาจะได้หยุดการกระทำวาบหวามนี้ลง ซึ่งทันทีที่เขาเห็นว่าเราอยู่ใกล้ห้องนั้นเขาก็ผละออกจากผมทันที


“หะ...ห้องนี้มีอะไรกันแน่” ผมหอบหายใจหนักกับจูบมินิมาราธอนนั่น หากนานกว่านี้ผมอาจขึ้นหน้าหนึ่งว่าตายเพราะจูบก็ได้


พี่เจตเสมองไปทางอื่นเหมือนไม่อยากเล่า แต่แล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักก่อนจะหันกลับมา


“พี่เองก็มีความลับที่ไม่ได้บอกพูเหมือนกัน”


พี่เจตเดินไปหยิบกุญแจแล้วไขประตูห้องเล็กนั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงดังกริ๊ก ผมก็สะดุ้งสุดตัว ความลับที่พี่เจตซ่อนไว้คงไม่ใช่ว่ามีศพอยู่ในนั้นจริงๆ นะ


“เข้ามาสิ” ร่างสูงเชื้อเชิญผมเข้าไปโดยที่ยังไม่เปิดไฟ ผมจึงไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแสงจากข้างนอก ทุกอย่างดูลึกลับสำหรับผมก่อนแสงไฟจะวาบเผยให้เห็นทุกอย่างที่ทำให้ผมตื่นตะลึง


ภาพวาดสีน้ำมันของเด็กสาวสาวที่ตั้งอยู่ในนั้นดูคล้ายกับรักแรกของผมอย่างกับพิมพ์เดียวกัน!


“พี่มีน้องสาวเหรอ!” ผมหันไปถามคนรักเสียงดังลั่น นี่ผมตกหลุมรักน้องสาวเขาเหรอวะเนี่ย เชี่ยแล้ว!


“เดี๋ยวๆ พู พี่เป็นลูกคนเดียวครับ ไม่มีพี่น้อง” พี่เจตหัวเราะนิดๆ ลูบหัวผมที่ตกใจจนลนลานไปหมด


“แล้วนั่นใครล่ะ” ผมชี้นิ้วไปทางภาพวาดที่ราวกับคนจริงๆ


“ก็...” พี่เจตหลบตาผมแล้วเกาท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทีเขินๆ “พี่เอง”


“ห้ะ!” นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย


ผมมองภาพวาดสลับกับพี่เจตอย่างไม่เข้าใจ คือไม่มีเค้าโครงใดเหมือนกันเลยสักอย่าง เอ๊ะ ไม่สิ ดวงตาคู่นั้นเหมือนกันเป๊ะเลย ผมหันกลับหาพี่เจตด้วยสายตาร้องขอให้อธิบายเรื่องทั้งหมดที


พี่เจตเล่าว่าแม่ของเขาอยากได้ลูกสาวก็เลยซื้อเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงไว้มากมาย แต่พอคลอดพี่เจตกลับเป็นผู้ชายไปเสียอย่างนั้น แม่ของเขาก็เลยเก็บเสื้อผ้าเหล่านั้นไว้จนกระทั่งพี่เจตไปเจอเข้า แม่ของเขาก็เล่าเรื่องที่อยากได้ลูกสาวให้พี่เจตฟัง กอรปกับที่ตอนนั้นแม่พี่เจตเริ่มป่วยและพ่อของพี่เจตโหมงานหนักจนไม่ได้อยู่ดูแล พี่เจตก็เลยตัดสินใจทำความฝันของแม่ให้เป็นจริง เขาอยากให้แม่มีความสุขเท่าที่จะทำได้เผื่อแม่ของเขาจะหายจากโรคมะเร็ง


“พี่ก็แค่คิดไปตามประสาเด็กที่เห็นแม่ไม่สบาย แค่อยากให้แม่ยิ้มได้สักนิดก็ยังดีเลยชวนแม่ออกไปข้างนอกด้วยกัน แล้วพี่ก็ได้เจอพู” ร่างสูงจับมือผมไว้หลวมๆ


“ตอนนั้นพี่มีความสุขมากนะ ตอนเด็กๆ พี่ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักเพราะเป็นคนเงียบๆ ไม่เคยอยู่เล่นกับเพื่อนเพราะอยากกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่มากกว่า แต่หลังจากเจอพูพี่ก็กล้าเข้าหาเพื่อนมากขึ้น และพี่ก็มีความสุขดีที่ได้เปิดใจให้คนอื่นมาเป็นเพื่อนบ้าง ในใจก็แอบหวังว่าจะได้พบเด็กผู้ชายคนนั้นที่ขโมยจูบแก้มพี่”


“พี่ก็ขโมยจูบแก้มผมเหมือนกันแหละ” ผมโวยนิดๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะหัวเราะออกมา


“อันที่จริงเราเป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้วนะ” พี่เจตพูดขึ้นยิ้มๆ ผมหลบสายตาเขาแล้วหันมองไปทางอื่น บนฝาผนังมีภาพวาดและภาพถ่ายของพี่เจตในวัยเยาว์เต็มไปหมด เด็กสาวในชุดกระโปรงคนนั้นยิ้มหวานอย่างมีความสุข ผมเชื่อว่าตอนที่แม่พี่เจตเห็น เธอก็คงมีความสุขมากเช่นกัน


ผมไล่สายตาไปเรื่อยๆ ก็พบภาพวาดเด็กผู้ชายตั้งแต่ยังลายเส้นยังไม่สวยไปจนถึงลายเส้นเนียนกริบคล้ายภาพถ่าย ซึ่งภาพวาดมากมายเหล่านั้น...เป็นภาพของผม


“นี่มัน...ภาพผมนี่” ผมเดินเข้าไปหยุดยืนที่ภาพวาดของตัวเองในอิริยาบถต่างๆ ทั้งเหม่อลอย ยิ้ม และหัวเราะ มีตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ม.3 ไล่อายุมาเรื่อยๆ จนถึงภาพปัจจุบันที่พี่เจตส่งเข้าประกวด มันมากมายจนผมพูดไม่ออก


และท่ามกลางภาพเหล่านั้นไล่เรียงสองข้างทางไปจนถึงกรอบรูปขนาดกลางที่แขวนอยู่บนผนัง ข้างในเป็นดอกกุหลาบแห้งเพียงหนึ่งดอกที่น่าจะผ่านกาลเวลามาหลายปี ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วไล่สายตาอ่านข้อความที่อยู่ในภาพ


หัวใจของพู


“หืม หัวใจของพู หัวใจของผม?” ผมหันกลับมาหาร่างสูงที่โผเข้าโอบกอดผมไว้ทั้งตัว พี่เจตเกยคางบนไหล่ผมแล้วสายตากลับมองไปที่กรอบรูปนั้นยิ้มๆ


“วาเลนไทน์เมื่อสามปีก่อนเป็นวันที่พี่ได้พบพูอีกครั้ง พี่ดีใจมากจนควบคุมตัวเองไม่อยู่เลยไปนั่งสงบใจที่ใต้ต้นโพธิ์เพราะกลัวว่าพูจะรู้ว่าพี่ชอบพูมากแค่ไหน" พี่เจตยิ้ม


"และพี่ก็เก็บกุหลาบที่พูทิ้งไว้เป็นตัวแทนของหัวใจเพราะพี่ไม่คิดว่าเราจะมีวันนี้ วันที่ได้หัวใจของพูมาครอบครอง” ริมฝีปากนุ่มจูบเข้าที่ขมับผม


“แต่พี่ป่วนผมมาตั้งหลายปีนะ ใครจะไปคิดว่าพี่ชอบกันวะ” ผมเอ่ยทั้งที่หน้าร้อน เจอหน้ากันก็ตีหน้านิ่งใส่ ไม่เคยเข้ามาจีบจริงจังสักทีใครจะไปรู้วะ


“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดพี่สร้างขึ้นก็เพราะชอบนายนะ” พี่เจตจับตัวผมให้หันมาสบตากัน “สิ่งที่พี่ทำนายอาจจะไม่ชอบ แต่อย่างน้อยพี่ก็ยังมีตัวตนในสายตานายเท่านั้นก็พอแล้ว นายจะเกลียดพี่ก็ไม่เป็นไรหรอก”


“ผมไม่ได้เกลียดพี่สักหน่อย” ผมยืนยันด้วยการกอดพี่เจตแน่นๆ จะไปเกลียดคนที่ตัวเองรักได้ยังไงล่ะจริงไหม ผมกวาดตาไปรอบๆ ห้อง เห็นความรักของเขาที่เพิ่มพูนตามจำนวนภาพวาด คนเราจะอยากวาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ก็ต้องอาศัยความชอบเป็นหลัก หากปราศจากความชอบแล้วภาพนั้นก็คงไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์


“พี่เจต” ผมรับรู้ความรักของพี่แล้วนะ


“มองพี่แบบนี้ บอกเลยว่าพี่จะไม่หยุด” พี่เจตกัดฟันข่มอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ผมก็ยกแขนขึ้นคล้องคอเขาพร้อมกับส่งยิ้มยั่ว


“ก็ไม่ได้ห้ามนี่ครับ”








ทันทีที่ผมพูดจบพี่เจตก็จูบลงบนหน้าผากผม ไล่ลงมาที่ดวงตา ปลายจมูก ก่อนจะจบลงที่ริมฝีปาก ผ่ามือร้อนผ่าวค่อยๆ จัดการเสื้อผ้าของผมทีละชิ้นทั้งที่เรายังจูบกันอยู่


“แฮ่กๆ”


“ไปที่ห้องของพี่ดีกว่า” ผมเดินตามแรงจูงของร่างสูงด้วยร่างอันเปล่าเปลือย ผงะไปนิดเมื่อเห็นเงาตัวเองในกระจกซึ่งพี่เจตก็มายืนซ้อนหลังในสภาพเดียวกัน ดวงตาของเราสบกันในกระจกก่อนที่ผมจะเสหลบด้วยความเขินอาย ถึงจะเคยดูหนังโป๊มาบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่สัมผัสที่กำลังแนบชิดอยู่คือสิ่งที่ผมไม่คุ้นเคยเลย มือไม้สั่นไปหมดไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี


พี่เจตขบเม้มติ่งหูของผมอย่างหยอกล้อก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบแล้วดันผมนอนลงบนเตียง เราสบตากันชั่วครู่ก่อนใบหน้าคมจะโน้มลงมอบจูบร้อนแรงพร้อมกับปรนเปรอส่วนล่างจนถึงปลายทางในที่สุด


“นี่แค่น้ำจิ้มนายก็ไปแล้วเหรอ”


“พะ..พูดอะไรเล่า ผมไม่เคยนี่หว่า” ร่างสูงอมยิ้มนิดๆ โน้มตัวลงมากระซิบข้างหู


“งั้นพี่จะทำให้นายเคย...ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งวันทั้งคืนเลย” ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวกดแทรกเข้ามาในตัวผม สัมผัสนั้นทำผมหน้าร้อนยิ่งกว่าที่เสร็จไปเมื่อครู่เสียอีก ทั้งเจ็บและรู้สึกแปลกๆ จนต้องจิกไหล่พี่เจตไว้อย่างคนไม่รู้จะเอามือไปไว้ที่ไหน


“อึก”


“ผ่อนคลายเด็กดี พี่จะทำให้นายมีความสุขที่สุด” ริมฝีปากร้อนแนบลงมาอย่างเร่าร้อนให้ผมได้ลืมความเจ็บนั้นและเปลี่ยนมันเป็นความวาบหวามเมื่อนิ้วที่สองและสามค่อยๆ แทรกลงมา จูบของพี่เจตไม่ละจากผมเลยกระทั่งตอนที่เขาสอดแทรกตัวตนเข้ามา พี่เจตก็ยังคงจูบปลอบผมเมื่อผมรับเขาได้ทั้งหมด ค่อยๆ ขยับเนิบนาบให้ผมปรับตัวก่อนจะยกขาผมขึ้นพาดบ่าเพื่อให้สอดรับได้มากขึ้น


“พี่เจต มัน....อึก อ้ะ” ตัวผมโยกคลอนไปตามจังหวะที่ร่างสูงป้อนให้ รวดเร็วเสียจนผมต้องแหงนหน้าขึ้นเพื่อรองรับอารมณ์ดิบเถื่อนที่อีกฝ่ายมอบให้ เป็นรสชาติที่ของการร่วมรักที่ผมไม่เคยฝันถึงเลยว่าจะดีถึงเพียงนี้


“อ้า” ทันทีที่ผมแตะถึงขอบฟ้าพี่เจตก็ตามมาติดๆ ขยับตัวอีกสักพักก็ทิ้งตัวทาบทับบนตัวผม เราหอบหายใจอย่างหนักกับกิจกรรมที่เพิ่งผ่านไป ผมเหลือบมองพี่เจตด้วยความสงสัยว่าเขาไปฝึกฝีมือแบบนี้กับใครมาหรือเปล่าทำไมถึงได้ดูเชี่ยวนัก


“มองพี่แบบนี้ อยากได้อีกสักรอบเหรอครับ หืม” พูดจบ ร่างสูงก็ขยับน้องชายที่ยังคาอยู่ให้ผมได้จิกแขนเขาเพื่อกลั้นเสียงน่าอาย แล้วตอบโต้ด้วยสิ่งที่สงสัย


“ทำไมพี่ดูเชี่ยว มีแฟนมาหลายคนแล้วล่ะสิ”


“แฟนพี่มีคนเดียวครับ” พี่เจตยืดตัวขึ้นมางับริมฝีปากผมเบาๆ “ที่เก่งก็เพราะศึกษามานานแล้ว”


“ศึกษาจากอะไร สาวๆ ล่ะสิ” เหอะ ก็ว่าไม่ได้หรอกครับ หล่อขนาดนี้คงได้แอ้มสาวจนเซียนล่ะ เห็นเงียบๆ อาจจะฟาดเรียบก็ได้ใครจะไปรู้


“พี่ตั้งใจจะเรียนหมอนะพู เรื่องแบบนี้ก็เหมือนอ่านหนังสือเรียนนั่นแหละ เพียงแต่พี่ศึกษาเรื่องนี้มากกว่า รู้ทุกจุดมากกว่า...” พูดอย่างเดียวก็ได้มั้งข้างล่างไม่ต้องขยับตามสิ


“พะ..พอแล้วพี่เจต ผมเหนื่อย” จะขยับก็ไม่ได้ อยู่เฉยๆ พี่มันก็ไม่หยุด ผมเลยไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี คือต้องเข้าใจนะครับ แม้จะมีความสุขแต่มันก็เจ็บอะ


“พูไม่ต้องออกแรง เดี๋ยวพี่จัดการให้เองครับ” ร่างสูงส่งยิ้มหวานเชื่อมก่อนจะเริ่มทำตามที่พูดทุกคำ พาผมด่ำดิ่งในบทรักและสอนให้ผมเรียนรู้ทุกท่วงท่าทั้งวันทั้งคืนอย่างที่ว่าเลยจริงๆ




END



...............................................
เย่! จบไปแล้วกับ #เหตุเกิดเพราะชอบคุณ อันที่จริงตอนคิดพล็อตแรกนี่คนละเรื่องเลยนะ ฮ่าๆ เพราะพล็อตมันตามชื่อเรื่องเลย ใสๆ ไม่มีเงื่อนงำ พระนายก็แค่ชอบกัน แต่พอแต่งไปแต่งมาตามสไตล์เราที่ไม่ค่อยใส(?) เลยต้องมีอะไรที่มากกว่าความรักเพิ่มเข้ามา บวกกับช่วงนั้นเป็นรอยต่อระหว่างเด็กว่างงานกับได้งาน อะไรหลายๆ อย่างก็เลยเปลี่ยน จากนิยายเรื่องก่อนหน้า (inside love: เปลี่ยนยังไงสุดท้ายก็มึง) เราใช้เวลาเขียนแค่ 14 วัน เพราะว่างจริงๆ เลยเขียนทุกวัน แต่พอมาเรื่องนี้เราไม่ได้มีเวลามากนักในแต่ละวัน การอัพก็เลยมาอยู่ที่เสาร์-อาทิตย์เสียส่วนใหญ่ เพราะเราใช้เวลาเขียนหลายชั่วโมงและเขียนสดไม่มีสต็อก จึงต้องเป็นช่วงเวลาที่ว่างจริงๆ ถึงจะเขียนได้ บวกกับปัญหางานเครียดๆ ที่รุมเร้า เลยต้องขออภัยนักอ่านที่ต้องให้คอยนาน กว่าเรื่องนี้จะจบก็ 6 เดือนนิดๆ (2 มี.ค.- 9 ก.ย.)

ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจที่มอบให้เราตั้งแต่วันที่เปิดเรื่องมาจนถึงวันนี้ รวมถึงนักอ่านหน้าเก่าที่ตามผลงานเราตลอด ดีใจที่ได้แบ่งปันสิ่งที่อยู่ในหัวให้ทุกคนได้อ่านค่ะ อาจจะมีผิดพลาดไปบ้างก็ขออภัย เราจะพยายามพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นค่ะ เราเขียนเพราะว่าอยากเขียน แต่ถ้าขาดกำลังใจจากทุกคนเรื่องนี้ก็คงไม่จบฮ่าๆ

รักคนอ่านทุกคน
Janeta
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 33 END [09-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-09-2017 02:12:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 33 END [09-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 10-09-2017 19:51:41
ว้าย น่ารักมากเลย แต่อยากรู้คู่แอลกัพี่ลัน และก็คู่เกลือกะแบงค์ด้วย 55555
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 33 END [09-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-09-2017 10:47:02
 :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 33 END [09-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 12-09-2017 01:47:48
อ่านเพลินตอนจบแบบ อ้าว จบแล้วเหรอ เรื่องสนุกมากๆเลยชอบทุกอย่างในเรื่องเลยคนเขียน
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ บทที่ 33 END [09-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-09-2017 21:10:25
เป็นกำลังใจให้นะคะ ติดตามไปเรื่อยๆจ้า

ถั่วน้องเอ้ยยย รักแรกพบกันซะงั้น น่ารักที่สุด
ถั่วพี่ก็ไม่ห่างกายเลยนะ ต้องพกหนีบไปด้วยตลอด

ในที่สุดก็สมหวังแบบสุขสันต์ แถมยังเป็นรักแรกในวัยเด็กด้วย

ดูอาการแม่ถั่วแล้ว เหมือนรู้เยอะ แต่ไม่พูด

ทุกคนตอนนี้สุขสันต์ รอเผือกค่ะ อยากเห็นคู่เผือกฝ

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ สู้ต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ END [09-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 14-09-2017 21:15:41
สนุกมากๆ จบแล้ว ประทับใจจริงๆ เรื่องนี้อ่านแล้ว feel good ประทับใจตรงนี้
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp.1 [17-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 17-09-2017 01:06:34
Special 1
ลันxแอล




“พี่ลันพาผมมาที่นี่ทำไมครับ” ผมเอ่ยถามแฟนตัวเองที่บุกมาถึงบ้านแต่เช้าตรู่ แล้วพาผมนั่งรถมาโดยไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ ถามกี่ครั้งก็ได้รับแต่ความเงียบ ซึ่งผมเองก็เริ่มไม่พอใจนิดๆ เลยเงียบตามบ้าง แต่พอเห็นสถานที่ที่เขาพามาปากก็หลุดถามออกไปจนได้


“มันเป็นกฎสำคัญน่ะ นายแค่ตามพี่มาก็พอ” พี่ลันพูดเท่านั้นก่อนจะเปิดประตูลงไป ผมเองก็ลงจากรถแล้วเดินตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบๆ


หอพักในตอนนี้เงียบสงัดอย่างกับป่าช้า ผมคิดว่าเขาคงปิดหอไม่ให้ใครเข้าเลยไม่ได้เอะใจ อีกอย่างพี่ลันก็ดูเป็นคนยิ่งใหญ่อย่างที่เขาเลยเล่าให้ผมฟังจึงคิดว่าเขาเป็นอภิสิทธิ์ชนที่น่าจะเข้านอกออกในหอพักได้ตลอดอยู่แล้ว เราทั้งคู่เดินลึกเข้าไปในอาคารก่อนจะขึ้นบันไดอีกหกชั้นจนผมแทบหมดแรง โดยที่พี่ลัน...ไม่ได้หันกลับมามองผมเลย


เราขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด แต่จู่ๆ พี่ลันก็หยุดนิ่งที่หน้าประตูก่อนจะหันกลับมาหาผม


“สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ พี่รู้ว่ามันยากที่นายจะเข้าใจ แต่พี่จำเป็นต้องทำ...” ร่างสูงเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเปิดประตูออกไป

อย่างไม่ลังเล ซึ่งทันทีที่เราทั้งคู่ก้าวพ้นประตู ผมก็ถูกมือกร้านของใครบางคนลากไปอีกทาง ตอนแรกก็ตกใจกลัวแต่พอได้เห็นหน้าก็โล่งใจครับ เป็นผู้ชายหน้านิ่งแต่ใจดีที่เคยช่วยผมไว้ตอนที่มาหาพี่ลันคราวก่อนนั่นเอง


ผมหันไปมองคนรักเพราะคิดว่าเขาจะเดินตามมา แต่เปล่าเลย เขาเดินไปหยุดอยู่กลางวงล้อมของนักศึกษาชายจำนวนมาก เรียกได้ว่าน่าจะทั้งหอพักด้วยซ้ำ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่คนๆ เดียว...ซึ่งก็คือพี่ลันที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่งๆ


ผมไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเลยหันไปหาคนที่ลากตัวผมมา


“อยู่นิ่งๆ เงียบๆ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”


“นี่มันเรื่องอะไร...”


“เห้ย! ลันเตา!” ชายหน้าบากที่เคยเอ่ยแซ็วผมเมื่อคราวก่อนตะโกนกร้าวใส่พี่ลัน ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อ ซึ่งคนที่ยืนอยู่รอบๆ ก็รีบขยับตามเข้าไปล้อมวงจนผมมองไม่เห็นคนรัก สีหน้าของคนที่เข้าไปหลายคนดูหวาดกลัวแต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งที่กระหายการต่อสู้มากเหลือเกิน


“อะไร” แม้เสียงพี่ลันจะไม่ดังมากนัก แต่เพราะทุกคนเงียบกันหมดเสียงของเขาจึงก้องไปทั่ว


“มึงเคยสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ไปจนวันตาย จำได้ไหม!”


“จำได้”


“แต่วันนี้มึงเลือกที่จะปกป้องมัน!” ชายหน้าบากชี้มาทางผม และทุกคนก็หันมาเช่นเดียวกัน พวกเขาจ้องผมเขม็ง แต่ก็มีบางคนส่งสายตาโลมเลียมาให้จนคนข้างตัวขยับมาช่วยบังตัวผม


“เออ ก็กูรักของกู” คำพูดของพี่ลันทำผมหน้าร้อน แม้ไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะแผ่นหลังของคนตรงหน้าบังมิด ได้แต่เงี่ยฟังเสียงกระโชกโฮกฮากของพี่หน้าบากที่ดูเหมือนเป็นตัวแทนของคนอื่นๆ มาพูดกับพี่ลันเตา


“งั้นมึงก็รู้แล้วว่ามึงจะต้องเจอกับอะไรใช่ไหม!”


“เออ รีบๆ ทำให้มันจบๆ ได้ละ กูขับรถมาตั้งไกลยังไม่ได้กินข้าวเลย” น้ำเสียงของพี่ลันดูไม่แยแสมากนัก ต่างจากคนที่ตะคอกใส่ที่เสียงแผ่วลงในบางช่วง


“คะ...ครับ เห้ย! พวกมึงทุกคนจัดแถว” ทันทีที่พี่หน้าบากพี่จบ เสียงขยับตัวก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเงียบสะงัดจนผมต้องชะโงกหน้าจากข้างหลังพี่หน้านิ่งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น


ภาพตรงหน้าคือลูกหอทุกคนยืนเรียงแถวตอนหนึ่ง โดยมีพี่ลันอยู่ตรงข้างพวกเขา คนแรกที่ยืนประจันหน้ากับพี่ลันคือชายหน้าบาก เขายกหมัดขึ้นง้าง พูดโดยไม่ออกเสียงว่าขอโทษก่อนจะปล่อยหมัดเต็มแรงจนผมได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อ


ผลัวะ!


หมัดแรกทำพี่ลันเซไปนิดครับ นิดเดียวจริงๆ เพราะเขากลับมายืนตัวตรงรอรับหมัดจากคนต่อไปได้อย่างทันท่วงที บางคนก็ปล่อยหมัดเด็กน้อยเหมือนแค่แตะนิดหน่อย แต่บางคนก็ไม่ยั้งแรงเลย ไม่รู้ว่าไปโกรธมาตั้งแต่ชาติปางไหน


“นี่มันเรื่องอะไรกัน” ผมเดินเร็วเข้าไปหาคนรักแต่คนข้างตัวจับแขนผมไว้แน่นแล้วลากกลับมายืนที่เดิม


“อย่าทำตัวมีปัญหาได้ไหม ท่านชูการ์กำลังทำพิธีสำคัญอยู่นะ”


“ให้คนชกเนี่ยนะ! บ้าไปแล้ว!”


“นายไม่เข้าใจหรอก มันเป็นพิธีที่สืบทอดกันมานานแล้ว เมื่อเลือกจะละทิ้งอำนาจที่มีก็ต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้”


“เพื่ออะไร เพื่อความสะใจของพวกนายเหรอ!”


“ฉันไม่เคยสะใจ! การเห็นท่านชูการ์ต้องเจ็บปวดคืออะไรที่ฉันไม่มีวันรับได้ ทุกคนที่กำลังทำเขาร้ายก็เหมือนกัน!” เขาชี้ไปทางกลุ่มคนที่มายืนอยู่ข้างหลังพี่ลันด้วยใบหน้าเศร้าหมอง บางคนถึงกับร้องไห้ ผมที่เพิ่งเห็นแฟนตัวเองเลือดอาบก็ยกมือขึ้นปิดปาก สภาพของเขาเลวร้ายกว่าตอนที่เจตถูกทำร้ายเสียอีก แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดให้รุ่นน้องรุ่นพี่เข้ามาหาโดยไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้น


“ผะ...ผมไม่ทำได้ไหม” ชายคนหนึ่งยกมือไหว้พี่ลันเตาทั้งน้ำตา แต่พี่ลันยื่นมือไปจับหมัดเขาคนนั้นขึ้นมาชกหน้าตัวเอง


“นายต้องทำ ทำ...เพื่อพี่ได้ไหม” ทันทีที่พี่ลันเอ่ยจบชายคนนั้นก็ปล่อยโฮ ยกมือขึ้นกำหมัดแล้วแตะแก้มพี่ลันเบาๆ ก่อนจะรีบรุดไปกอดแผ่นหลังพี่ลันเตาไว้ คนที่ยืนอยู่รอบๆ ก็เข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังพี่ลันเตาเหมือนกัน คอยมองเผื่อร่างสูงจะล้มลงพวกเขาจะได้คอยประคอง เห็นภาพนั้นแล้วผมก็อดร้องไห้ตามไม่ได้ พวกเขาผูกพันกันมากแต่จำเป็นต้องทำร้ายกันด้วยเหรอ


“จะไปไหน” ผมมองคนข้างตัวที่เดินไปมุ่งไปทางแถวที่เหลือเพียงสองสามคน เขาหันกลับมาส่งยิ้มเล็กๆ ให้ผม


“ไปทำหน้าที่ของรุ่นน้องที่ดี”


ผลัวะ!


แล้วเขาก็ชกพี่ลันเต็มแรงจนผมสงสัยว่า เขารัก...หรือเกลียดพี่ลันกันแน่



“อูย เบาๆ ครับแอล” หลังจากผ่านการชกมาอย่างหนักหน่วง ผมก็พาพี่ลันมาทำแผลที่ห้องพักของเขา โดยมีรุ่นพี่รุ่นน้องคอยมองตามกันตาละห้อย โดยเฉพาะพวกปล่อยหมัดแรงๆ นี่แทบจะเขามาประคองพี่ลันด้วยตัวเองเลยครับ ไม่เข้าใจตรรกะพวกเขาเลยจริง ไม่ใช่ว่ายิ่งผูกพันกันต้องยิ่งถนอมกันรึไง


“ผมไม่เข้าใจสิ่งที่พวกพี่ทำเลย” ผมถอนหายใจ ค่อยๆ แตะสำลีลงบนใบหน้าบวมช้ำ


“หมัดใครหนักสุดจะได้เป็นหัวหน้าคนต่อไปไง” พี่ลันตอบแบบไม่หยี่ระแต่ทำผมตาโต เรื่องบ้าอะไรครับเนี่ย


“พี่รู้ว่าแอลคงมองว่ามันไร้สาระและหาเรื่องเจ็บตัว แต่สำหรับพวกพี่มันคือศักดิ์ศรี การที่พวกมันชกมาเต็มแรงคือการให้เกียรติพี่ เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่บอกได้ว่าพวกมันพร้อมจะรับหน้าที่นี้ไป คนที่จะมาแทนพี่ต้องพร้อมทั้งกำลังกายและกำลังใจ หากมันให้ในสิ่งที่พี่ต้องการไม่ได้ก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็น”


“ตัดสินกันด้วยหมัดเนี่ยนะ พวกพี่จะยกพวกตีกันหรือไง”


“ก็ไม่เชิง เราอยู่ในส่วนของเราเอง ไม่คิดเคยท้าตีใคร แต่ถ้ามีคนมาทำร้ายคนของเราก็อีกเรื่อง”


“แล้วพี่ต้องไปตีกับคนอื่นด้วยไหมครับ...ผมเป็นห่วงนะ”


“ไม่หรอก พี่เลิกแล้ว ลาออกจากการเป็นหัวโจกอย่างเป็นทางการ ฮ่าๆ” พี่ลันหัวเราก็จริงครับ แต่แววตาดูเศร้าลงจนผมรู้สึกได้


ผมยกจับมือพี่ลันไว้เบาๆ ซึ่งเขาก็บีบมือตอบ เรานั่งอยู่ข้างๆ กันเงียบๆ ก่อนพี่ลันจะเอ่ยขึ้น


“พี่หิวจัง”


“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อข้าวให้นะ” ผมรีบลุกขึ้นจากเตียง กวาดตามองกระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่ไม่รู้อยู่ตรงไหน ใจก็ร้อนรนกลัวคนรักหิวข้าวจนเป็นลม


หมับ


“พี่อยากกินแอลต่างหาก” น้ำเสียงแผ่วเบากระซิบที่ข้างหูพร้อมอ้อมกอดที่กระชับแน่นทำผมไปไม่เป็น ได้แต่มองโน่นนี่เลิ่กลั่กไปหมด


“โอ้ย!” การขยับตัวของผมคงไปโดนแผลพี่ลันเข้า ด้วยความเป็นห่วงผมจึงหันกลับไปหาเขา


แต่กลับถูกฉวยจูบไปอย่างงายดาย


“ซี๊ด” ทันทีที่ละริมฝีปากออกไป พี่ลันก็ยกมือแตะมุมปากที่มีรอยแผลเล็กๆ ซึ่งตอนนี้มีเลือดออกจนได้ “ก่อนเรียนจบคงต้องเรียกมาคุยรายตัวซะแล้วสิ” ผมหัวเราะนิดๆ กับท่าทางขมวดคิ้วจริงจังของเขา


“พี่ให้เขาชกเองนะ จะมาโทษพวกเขาได้ไง”


“อะไรๆ นี่เข้าข้างพวกมันได้ไง นายต้องเข้าข้างพี่สิ พี่เจ็บตัวนะ” ร่างสูงทำเสียงอ้อนแถมยังยกแขนขึ้นตั้งใจจะโอบกอด แต่ผมไหวตัวทันลุกขึ้นยืนเสียก่อน


“เดี๋ยวผมออกไปซื้อข้าวหมูแดงร้านโปรดพี่ดีกว่าโน๊ะ” ไม่รอให้คนรักเอ่ยอะไรผมก็รีบเดินออกจากห้องนั้นทันทีด้วยใบหน้าร้อนผ่าว


ก็สีหน้าของพี่ลันน่ะ...ไว้ใจได้ที่ไหนกัน


………………………………………………..


“ข้าวหมูแดงได้แล้วจ้ะ” ผมสะดุ้งเฮือก มองถึงกล่องข้าวที่แม่ค้ายื่นมาให้แล้วรีบรับมาถือไว้พลางตบกางเกงเพื่อหากระเป๋าสตางค์ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า


ผมลืมเอาเงินมา


ละ...แล้วผมต้องทำยังไง คืนข้าวไปป้าเขาจะว่าผมหรือเปล่า


“หานี่อยู่ล่ะสิ” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยมาพร้อมกับร่างสูงที่ยืนขนาบข้างผมพลางส่งเงินจากกระเป๋าตัวเองให้ป้าแม่ค้าที่รู้จักกันดี ป้าไม่เอ่ยถามถึงแผลบนใบหน้าแสดงว่าคงรู้เรื่องชกต่อยของพี่ลันเป็นอย่างดี นี่พี่เขามีเรื่องบ่อยแค่ไหนกันนะ


“ก็ว่าอยู่เห็นหน้าคุ้นๆ แฟนเรานี่เอง น่าจะบอกป้าก่อนนะลูกจะได้แถมหมูเยอะๆ” ป้าส่งยิ้มบางให้ผม ดูท่าพี่ลันคงจะเป็นลูกค้าประจำ แถมยังเล่าสู่กันฟังเรื่องชีวิตของแต่ละฝ่ายอีกต่างหาก


“โถ่ป้า ที่ให้มาก็เยอะแล้วครับ แค่นี้ก็จนอิ่มพุงกางล่ะ แล้วลูกชายป้าเป็นไงบ้าง”


“อาการมันก็ทรงๆ จ้ะ โชคดีที่ลันไปเจอมันนะลูก ไม่อย่างนั้นป้าไม่อยากจะคิดเลย”


“ไม่เป็นไรครับป้า มันก็เหมือนน้องผมคนหนึ่ง กินข้าวหมูแดงทีไรแถมแตงให้ตลอดเลย” พี่ลันเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะขอตัวแล้วพาผมออกมาจากร้าน


“สนิทกันจังเลยนะครับ”


“หึงรึไง” พี่ลันยิ้มล้อ ขณะที่ผมได้แต่ทำหน้าเหรอหรา ไม่คิดว่าประโยคที่พูดออกไปจะสื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจไปในทำนองนั้น


“ผม...ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย”


“งั้นก็คิดได้แล้ว หวงพี่บ้าง หึงพี่บ้าง จะได้รักพี่เยอะๆ”


“อย่างพี่ลันไม่จำเป็นต้องหึงหรอกครับ” ผมเอ่ยยิ้มๆ แต่พี่ลันวิ่งมาหยุดยืนข้างหน้าผมแล้วจ้องกันด้วยสายตาจริงจัง


“หมายความว่าไง แอลเบื่อพี่แล้วก็เลยไม่รู้สึกหึงงั้นเหรอ”


“เปล่าครับ...” ผมจับมือพี่ลันไว้ทั้งสองข้าง “ก็พี่เล่นชัดเจนแบบนี้ผมจะหึงทำไมล่ะ” เห็นพี่ลันดูมีสีหน้าดีขึ้นผมจึงเอ่ยต่อ


“พี่ทำให้ผมเชื่อไปแล้วว่าพี่ชอบผมมากแค่ไหน การกระทำของพี่ตลอดเวลาที่ผ่านมามันตอบคำถามของผมได้ทุกข้อ แม้จะเคยสงสัยว่าพี่รู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่พี่ก็ให้คำตอบผมหมดทุกอย่าง”


“แอล...”


“การหึงมันไม่สำคัญเท่ากับความเชื่อใจหรอกครับ มันไม่ได้แปลว่ารักมาก กลับกันมันคือความทุกข์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ผมไม่อยากให้การคบกันของเราเต็มไปด้วยความหวาดระแวง”


“อืม...นายพูดมีเหตุผลจนพี่ดูงี่เง่าไปเลยที่คอยหึงนายกับคนอื่น”


“หัวใจผมมีแต่พี่ ยังต้องกังวลอะไรอีกครับ” ผมบีบมือร่างสูงเบาๆ สบตาเขาให้รู้ว่าผมหมายความตามนั้นจริงๆ สายตาผมหยุดลงที่ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่วันที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของผม อาจจะดูง่ายไปหน่อย แต่ผมก็ตกลงไปแล้ว


ในหลุมรักที่ชื่อว่าลันเตา...






..............................
ตอนพิเศษกับคู่พี่ลันxแอลจ้า หลายคนคงสงสัยกันว่าพี่ลันลากแอลไปไหน คือเขาแอบมาสวีทกันค่ะ 5555 แม้ช่วงต้นจะหนักหน่วงไปด้วยศักดิ์ศรีของหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ส่งท้ายตอนด้วยความหวานๆ เบาๆ น้า

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ อยากได้คู่ไหนอีกเม้นบอกได้นะ ถ้าเม้นในนี้ไม่ได้ในเพจยังมีอีกช่องทาง ทวิตมาก็ได้อิอิ  :mew3:

ช่วงนักเขียนใจดี
ระหว่าง แบงค์เกลือ กับ เฟรมเผือก อยากอ่านคู่ไหนเอ่ย?

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp1. [17-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-09-2017 10:04:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp1. [17-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-09-2017 14:40:13
โอ๊ยยย เจ็บแทน แต่ซึ้งใจนะ ถั่วพี่ยอมแลกเพื่อให้ได้รักกับแอลราบรื่น
แอลก็น่ารักนะ มีความทะเล้น แล้วตอนนี้ทำถั่วพี่คิดมากได้แล้วด้วย

มีความอิน สายสัมพันธ์น้องพี่ ตัดกันไม่ขาด

ช่วงคนแต่งใจดี และไม่มีคำว่า เลือกคู่ไหนก่อน
ขอไม่เลือกคู่ใดคู่หนึ่ง อยากอ่านทั้งสองคู่เลยค่ะ  :mew2:

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp1. [17-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-09-2017 19:00:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp1. [17-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-09-2017 20:51:04
อ่านจบแล้วววว ไม่ได้เข้ามาอ่านเสียนานเลย ขอโทษด้วยนะคะที่ช่วงหลังเราหายไป
ขอบคุณคนเขียนนะคะ สำหรับนิยายน่ารัก ๆ ที่มีอะไรมากกว่าความน่ารัก
ตัวละครหลักน่ารักดีค่ะ แต่ที่อยากรู้คือเรื่องของแฝด ว่าหลังจากถูกรับเลี้ยงแล้วเกิดอะไรขึ้น
สำหรับตอนพิเศษนั้น เลือกไม่ถูกเลยค่ะ อยากรู้ทั้งสองคู่ แล้วแต่คนเขียนเลยก็ได้ค่ะ
ขอบคุณอีกครั้ง และให้กำลังใจล่วงหน้าสำหรับเรื่องต่อไปนะคะ

หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp1. [17-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 20-09-2017 03:45:59
เอาทั้งสองคู่เลยยยย :katai5: รออเด้ออออ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp1. [17-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: SanadaTwinev ที่ 20-09-2017 16:04:32
 :mew2: :mew1:
ทั้งสองคู่เลยจร้าาาาา...เอาเจตพูด้วยเน้อออออ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp1. [17-09-17]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 05-10-2017 12:41:11
ขอบคุณมากฮะที่มาต่อจนจบ
ขอคู่แบงค์เกลือฮะ สงสารแบงค์รอมานานอยากให้มีความสุขกับเขาบ้าง
 :L2:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp2. [14-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 14-10-2017 01:32:46
Special 2
[แบงค์xธาร]





เราสองคนจ้องตากันนิ่งๆ ก่อนที่ธารจะดันผมออกแล้วลุกขึ้นนั่งหันหน้าไปอีกทาง


“มึงทำแบบนี้ทำไม”


ผมไม่ตอบ แต่เอื้อมมือมาจับข้อมือธารไว้หลวมๆ


“กู...ชะ” ชอบ...


“อ้าวเด็กๆ มานั่งทำอะไรกันตรงนี้ลูก” คุณหญิงดารายเดินมาหาพวกเราพร้อมกับแม่บ้านสาวที่ยกขนมตามหลังมา


โถ่ คุณหญิงแม่ ทำไมเข้ามาขัดจังหวะผมแบบนี้ล่ะครับ กว่าจะหาจังหวะได้มันยากนะรู้ไหม


“เปล่าครับแม่” ธารสะบัดมือออกจากผม แล้วเดินเข้าไปอ้อนแม่สุดที่รักของมัน “วันนี้ผมลืมเลยว่ามีนัดกับเนตรอะ เนี่ย มันเพิ่งโทรมาเตือนผมเอง” เนตร? ใครวะ แล้วโทรมาตอนไหนทำไมกูไม่รู้


“ทุกทีล่ะ กับหนูเนตรเนี่ยตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ เดี๋ยวน้องแบงค์ก็น้อยใจกันพอดี” แม่หันมาสบตาผมแล้วขยิบตานิดๆ “งั้นแม่ว่าน้องธารพาน้องแบงค์ไปด้วยดีไหม จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ บ้าง”


“แม่...”


“ตามนี้นะน้องธาร ไปๆ เดี๋ยวหนูเนตรรอ”


“จิ๊” ธารหันมามองผมตาขวางแล้วเดินลิ่วลงบันไดไป เฮ้อ แผนพิชิตใจจะรอไหมเนี่ยกู


“ให้เวลาธารเขาหน่อยนะลูก เขาแค่ไม่กล้า...ที่จะกลับไปเป็นคนเดิม” แม่เปิดประตูห้องธารให้กว้างขึ้น ทำให้ผมเห็นภายในห้องชัดเจน ของที่วางระเกะระกะในนั้นเต็มไปด้วยความทรงจำของพวกเรา


โดยเฉพาะกรอบรูปขนาดกลางที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเป็นภาพของเราสามคน ไอ้พู ผม และธาร ที่บังเอิญมีคนเข้ามาขอถ่ายภาพตอนที่ออกไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน และเป็นภาพเดียวที่มันยอมให้ถ่ายทั้งที่ผมกับพูอ้อนวอนเท่าไรมันก็ไม่ยอม


“ก่อนที่จะรู้ว่าน้องพูบาดเจ็บ น้องธารเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องตั้ง 3 วัน แม่เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอน้องธารไปโรงพยาบาลแม่ก็เลยได้เห็นสภาพของห้องนี้” แม่ยิ้มบางแล้วตบบ่าผม “น้องธารเขารักพวกน้องแบงค์มากนะลูก”


มัน...จำได้แล้วเหรอ


ผมยิ้มกริ่ม เนียนทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ต้องโดนจัดการ






“จะตามมาทำไมก็ไม่รู้” ตลอดทางธารมันเอาแต่บ่นๆ จนลุงคนขับรถได้แต่ยิ้มเจื่อน ส่วนผมน่ะเหรอ เริงร่าแบบสุดๆ ไปเลย


“ก็อยากมา แล้วก็จะเกาะติดไปตลอดเลยด้วย” ไม่พูดอย่างเดียวครับ ยกแขนโอบมันอีกด้วย ร่างสูงก็โวยลั่นถองศอกใส่ท้องผมอีกหนึ่งดอก


“เล่นบ้าอะไรของมึงห้ะ!” โอะโอ ใบหน้าตอนโกรธก็น่ารักนะเนี่ย “ยะ...ยิ้มอะไรของมึง”


“ก็มึงน่ารักอะ ใช้ครีมอะไรวะ หน้าดีชิบหาย” ผมชมมันยิ้มๆ แต่ดูเหมือนจะพลาดไปมากทีเดียว


“ศัลยกรรมไง” มันพูดเสียงนิ่งแล้วหันหน้าไปทางหน้าต่าง และผมเองก็เพิ่งรู้ว่าทำพลาดไป


ธารไม่เคยชอบใบหน้าใหม่ของตัวเอง


ทุกครั้งที่ผมมองหน้ามันด้วยความชื่นชมเพราะมันหล่อมากจริงๆ ธารจะหันหน้าหนีแล้วเค่นยิ้มใส่


“มึงก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้น”


ผมไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมองธารอย่างไร แต่ผมไม่มองมันเหมือนคนพวกนั้นแน่ๆ


เพราะมันคือเกลือสำหรับผมเสมอ


“กูไม่ได้ตั้งใจ...” ผมเอ่ยเท่านั้นก่อนจะเงียบไปเช่นกัน พูดอะไรไปตอนนี้มันก็คงไม่ฟัง รอให้ใจเย็นก่อนค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย


แต่ตอนนี้ผมว่าสายไปแล้วจริงๆ


“ธารจ๋า” ทันทีที่เราลงจากรถ สาวสวยที่ไม่รู้มาจากไหนก็โผเข้ากอดธารแน่น ก่อนทั้งสองจะยิ้มให้กัน พูดคุยกระหนุงกระหนิงแล้วจูงมือกันเข้าบ้านไป โดยไม่สนใจผมที่ยืนอยู่ตรงนี้เลย


เฮ้อ เหมือนคู่รักที่เหมาะสมจนไม่กล้าเข้าไปแทรกเลย


“อ้ะ! นายคนนั้นน่ะ” เหมือนเธอจะสังเกตเห็นผมสักที เธอรีบผละออกจากธารแล้วเดินมาเกาะแขนผม ที่ตอนนี้รู้สึกอยากด่าคนทันทีที่เห็นว่ามือเธอเลอะคราบดินดำๆ


เสื้อกู...



“หึๆ”


“ธารหัวเราะอะไร” เธอถามเสียงซื่อ


“เปล่าหรอก ไปเถอะ รีบเข้าบ้านกัน” ธารยกแขนโอบไหล่เธอแล้วพาเดินต่อเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็พยายามข่มใจไม่ให้อาละวาดก่อนจะเดินตามเข้าไป


“ปะ ขึ้นห้องกัน”


เห้ยๆ ผู้หญิงสมัยนี้เขาชวนผู้ชายขึ้นห้องง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอวะ


“ไม่ได้ๆ พวกเราเป็นผู้ชายจะขึ้นห้องผู้หญิงง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง” ผมรีบห้ามทันที ดึงแขนธารให้มาอยู่ข้างผมด้วย ผู้หญิงคนนี้ดูแปลกๆ อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย แล้วไอ้ธารไปสนิทด้วยได้ไงวะ


“เรื่องแค่นี้เอง” มันดึงแขนผมออกแล้วเดินตามสาวเจ้าขึ้นห้องไป ผมเองก็ไม่ได้ยืนโง่อีก รีบก้าวเท้าตามทั้งคู่ไปติดๆ ก่อนประตูจะปิดลง


พรึบ


แสงไฟสว่างจ้า พอให้ผมได้เห็นสิ่งต่างๆ ภายในห้อง สายเชื่อมต่อวางระเกะระกะเต็มพื้นไปหมด รอบๆ ห้องเต็มไปด้วยจอคอมพิวเตอร์หลายยี่ห้อและหลายขนาดเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ผมไล่สายตาไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ที่มือถือวิกผมสีดำทรงเดียวกับที่หญิงสาวเจ้าของห้อง...


เดี๋ยวนะ!


“เห้ย!”


“จะตกใจอะไรนักหนา น่ารำคาญจริงๆ เพื่อนมึงเนี่ย” เสียงทุ้มต่ำแบบผู้ชายถูกเปล่งออกมาจากในหน้าหวานใสที่ตอนนี้ผมตัดสั้น ผมหันไปหาธารอย่างขอความช่วยเหลือ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ทำเพียงยกหูฟังที่แขวนอยู่บนคอมพิวเตอร์แล้วนั่งลงข้างๆ ผู้ชายตัวเล็ก


“ทนๆ เอาหน่อย เดี๋ยวมันเบื่อก็คงไปเอง”


“ใครบอก! กูไม่ไปไหนทั้งนั้นอะ” ผมรีบคว้าเก้าอี้อีกตัวมานั่งทันที


“เก้าอี้ตัวนั้นมัน...”


ผลัก!


“...”


“ฮ่าๆๆ เพื่อนมึงโคตรโง่อะธาร เก้าอี้มันมีสามขาแม่งยังนั่งไปได้ ฮ่าๆๆ”


กูจะไปรู้ไหมว่ามันมีสามขาน่ะ แล้วมึงรู้ว่ามันหักทำไมไม่ทิ้งวะ ฮึ่ย!


“ไม่เป็นไรนะมึง” โชคดีที่ว่าที่แฟนของผมเป็นคนดีเข้ามาพยุงไปนั่งที่โซฟาอย่างดี


“สำออย...”


“มึงว่าใครวะ!” ผมหันขวับไปหาเจ้าของเสียงทันที ซึ่งอีกฝ่ายก็ลอยหน้าลอยตาตอบอย่างน่าหมันไส้


“เปล๊า! ใครอยากรับก็รับไปดิ”


“กูเกลียดเพื่อนมึง” ผมบอกธาร มันส่ายหน้ายิ้มๆ พอดีกับที่คนตัวเล็กนั่นสวนกลับมา


“อย่างกับกูชอบมึงนักล่ะ”


“กูต่อยมันได้ไหม”


“อย่างกับกูกลัว”


“พอเลยพวกมึงน่ะ!” ธารคงสุดจะทนกับพวกเราแล้วถึงได้โผล่งออกมา “ถ้ามึงยังไม่หยุดแกล้งมันกูกลับจริงๆ ด้วยเนตร”


เออ กลับเลย ไปสวีทกันสองคนดีกว่านะที่รัก


“เรื่องอะไรล่ะ กว่ามึงจะยอมมาหากูไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ มาทั้งทีกูจะใช้งานมึงให้คุ้มเลย เออ ว่าแต่ทำไมมาได้วะ แถมมีตัวอะไรก็ไม่รู้ติดมาด้วยอะ บรื๋อ กูว่าสัมภเวสี ไปทำบุญบ้างนะมึง มันเกาะไม่ปล่อยเลย”


ยัง ยังไม่หยุดกวนกูอีกนะ


“เดี๋ยวปั๊ด!”


“พอๆ เนตร...” ธารมองอีกฝ่ายด้วยแววตาตำหนินิดๆ


“เออ เลิกก็ได้ มึงมาช่วยกูด่วนเลย งานเข้ามาหลายเคสมาก เงินดีทั้งนั้น”


“เสียดายหน้าสวยๆ ของมึงจริงๆ”


“กูมีจู๋ มึงลืมเหรอ”


“ถ่อยแบบนี้ใครจะไปลืมวะ” ผมพึมพำเบาๆ แต่อีกฝ่ายก็หูดีจัด ถึงได้หันมาปะทะอารมณ์กับผมต่อ และธารเองก็คงเหนื่อยที่จะห้ามปรามถึงได้หันเข้าสู่หน้าจอที่มีแต่สัญลักษณ์ซับซ้อน


“ทำไมมึงต้องแต่งสาวแบบนั้นวะ” ผมเอ่ยตามศัตรูหมาดๆ หลังจากปะทะอารมณ์กันจนหมดมุก


“เพื่อความปลอดภัยของน้องกูน่ะ ข่าววงในบอกว่ามีมาเฟียหมายตาน้องกูอยู่ กูก็เลยต้องเนียนเป็นน้องเมื่อออกนอกบ้าน เผื่อสมุนมันตามเฝ้าเห็นจะได้คอยรายงานนายมันว่าน้องกูยังอยู่ไทย ถ้าอยากได้ก็มาจับตัวดิ”


“แล้วน้องมึงล่ะ”


“บินไปอยู่กับพ่อแม่ที่สิงคโปร์ล่ะ”


“แล้วทำไมมึงไม่ไป”


“กูจะล่อมันออกมาแล้วกำจัดทิ้งไง หึ” เนตรแสยะยิ้มได้น่ากลัวมากครับ แต่เพียงแวบเดียวก็ทำตาแป๋วใส่ผม “นี่...ห้ามไปบอกใครนะรู้ไหม” แหน่ะ มีการจิ้มอกผมแล้วยิ้มอ่อยอีกต่างหาก เหอะ ไม่ได้ผลหรอก


“อ่อยกูไปก็เท่านั้น กูไม่หลงกลมึงหรอกนะ” ผมเหลือบมองคนที่อยากหลงมากกว่า ไม่สิ หลงไปนานแล้ว


“อ๋อ ชอบแบบธารนี่เอง” เนตรพยักหน้ายิ้มๆ “ลำบากหน่อยนะ ธารมันไม่ชอบ...แบบมึง”


“หมายความว่าไง”


“ก็...”


“เสร็จล่ะ มาดูสิเนตร” ธารถอดหูฟังออกแล้วหันมาหาพวกเราด้วยใบหน้างงๆ คงเพราะเราทั้งคู่ไม่ได้ปะทะคารมกันเหมือนก่อนหน้านี้ ส่วนเนตรพอเห็นช่องทางหลบหนีก็รีบพุ่งไปหาธารทันที ทิ้งปริศนาให้ผมได้แต่ขบคิดอยู่คนเดียว


“เป็นอะไร เนตรแกล้งอะไรมึงหรือเปล่า” ธารขมวดคิ้วนิดๆ เอาวะ ไม่ได้คำตอบไม่เป็นไร แค่ธารห่วงว่าเพื่อนมันแกล้งผมก็ดีมากแล้ว


“เปล่าหรอก” ผมมองคนตัวเล็กที่รัวนิ้วมือมือด้วยดวงตาเปล่งประกาย ดูคล้ายพี่ชายไอ้พูเวลาแตะคอมมาก “เพื่อนมึงก็ไม่ได้แย่นะ”


“ห้ะ”


ผมยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร เคยห่วงว่ามันมีเรื่องชกต่อยบ่อยๆ จะหาเพื่อนได้หรือเปล่า แต่พอเห็นมันสนิทกับเนตรดีผมก็โล่งใจ


แม้จะเป็นเพื่อนแปลกๆ ก็เถอะ


“ฮัดเช่ย!” เนตรหันมองผมตาขวาง “มึงนินทากูใช่ไหม”


ประสาทไวชิบหาย


“มึงมานั่งในใจกูรึไงถึงได้รู้”


“เหอะ! มองหน้าอย่างมึงก็รู้ว่าในหัวมีแต่ความคิดชั่วๆ”


“ไอ้...”


“ชู่ว์” เนตรยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากพลางชี้ไปยังที่นั่งข้างๆ ผมที่คนตัวโตนั่งโอนเอนไปมา


ผมยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะประคองศีรษะธารวางลงบนไหล่ผม เจ้าตัวก็ขยับไปมาเพื่อหาที่นอนสบายก่อนลมหายใจจะค่อยๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ


“กูไม่เคยเห็นมันหลับง่ายๆ แบบนี้เลย” เนตรพูดเสียงเบาเพื่อไม่ให้รบกวนคนหลับ “สามปีแล้วที่มันสะดุ้งทุกครั้งที่เผลอหลับต่างที่ ขนาดห้องกูยังไม่เว้นเลย ไปเข้าค่ายยิ่งแล้วใหญ่ต้องพึ่งยานอนหลับทุกครั้งไป”


“มันเป็นหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมลูบหัวธารอย่างอ่อนโยน


“มันฝันถึงใครบางคนน่ะ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร กูถึงบอกไงว่าธารมันไม่ชอบแบบมึงหรอก มันมีคนในฝันของมันแล้ว”


ผมยิ้มนิดๆ อ่า...คนๆ นั้น จะเป็นผมหรือเปล่านะ


“กูเคยได้ยินมันละเมอเรียกว่าพู”


พู...ไอ้ถั่ว! มีผัวแล้วยังมาหลอกล่อว่าที่เมียคนอื่นอีกเหรอ ไอ้เพื่อนไม่รักดี!


เฮ้อ แต่ก็โทษไอ้พูไม่ได้หรอกครับ เพราะธารก็ชอบพูมาตั้งนานแล้วนี่นะ...น่าจะนานพอๆ กับผมเลย


“แต่มึงก็เป็นคนแรกนะที่มันวางใจจนหลับข้างๆ ได้ มึงต้องภูมิใจมากๆ ล่ะที่มีสิทธิ์เหนือคนอื่น”


“กูก็มีสิทธิ์แค่นี้ล่ะ...สิทธิ์ในตอนที่มันหลับ” ผมลูบแก้มธารเบาๆ ซึ่งมันก็เอียงหน้าเข้าหาไออุ่นจากมือผม


เชี่ย! น่ารักชิบหาย


“หึๆ หลงมันแล้วล่ะสิ ก็นะ เพื่อนกูมันหล่อขนาดนี้มึงไม่หลงก็คงแปลก”


“กูไม่ได้หลงหน้าตามัน...” ผมยิ้มให้คนที่หลับอยู่เพื่อบอกผ่านความในใจ “กูหลงรักตั้งแต่ที่มันเป็นเกลือแล้ว...”


“เกลือ?” เนตรเอียงคอคิดก่อนจะพึมพำเบาๆ “อ๋อ...นามแฝงมันนั่นเอง”


“หืม”


“ไม่มีอะไรๆ รู้จักมันในแบบที่มึงรู้จักน่ะดีแล้ว อย่ามากไปกว่านี้เลย” เนตรยิ้มบาง “เรื่องบางเรื่องก็อันตรายเกินกว่าที่จะรู้ ถ้าไม่อยากต้องแยกจากกันตลอดชีวิต อย่ารู้เลย เห็นธารเป็นแบบนี้ความจริงมันอ่อนไหวมากนะ มันคงเลือกที่จะห่างออกมาเพื่อให้มึงปลอดภัยมากกว่าเข้าไปปกป้องจนมึงได้รับอันตราย...”





เนตรไปนอนแล้ว และผมก็ไม่คิดจะปลุกธารให้ไปนอนเตียงกว้างดีๆ เพราะรู้แน่ว่ามันต้องผลักไสผมอีกตามเคย ผมจึงยอมไหล่ชาเพื่ออยู่ข้างมันในค่ำคืนนี้


คืนสุดท้ายที่จะประทับอยู่ในใจผมตราบนานเท่านาน








“มึงแน่ใจนะว่าจะไม่ให้กูบอกเกลือ” พูถามผมเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งครับ ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนที่ผมบอกมันว่าจะไปเรียนซัมเมอร์ที่อเมริกาไอ้ถั่วก็เอาแต่ถามผมไม่หยุดสักที


คือเรื่องนี้ผมไม่ได้บอกธารครับ ผมอยากถอยห่างจากมันบ้าง เพราะก้าวเข้าไปเท่าไหร่มันก็ถอยหนีไปตลอด หากเว้นระยะห่างให้มันได้คิดถึงกัน ความสัมพันธ์ของเราก็อาจจะดีขึ้น หรือถ้าผมกลับมาแล้วธารยังคิดไม่เหมือนกัน ผมก็คงต้องตัดใจ


เพราะ 3 ปีสำหรับผมค่อนข้างนานในความรู้สึก ผมเจ็บกับการสูญเสียเพื่อนและคนที่รักไปแล้วครั้งหนึ่ง หากจะต้องเสียไปอีกครั้งผมก็อยากให้เป็นครั้งสุดท้าย...กับคนคนเดิม


“กูไปแล้วอย่าร้องไห้ล่ะ ไม่ต้องโทรมาด้วยมันเปลือง” ผมขยี้หัวเพื่อนรักด้วยความหมันไส้ที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนขณะที่ผมยังไม่มีเลย


“เหอะๆ ใครจะโทรหามึง”


“เหรอ” ผมลากเสียงยาวก่อนจะหันไปหาร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เพื่อนซี้ “พี่เจต ผมฝากพูด้วยนะ ถ้ามันงอนตามหาได้ที่บ้านนั่นแหละ คนอย่างมันไม่ไปไหนไกลนักหรอก มันขี้เกียจจะตาย”


“รู้ดี!”


“กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีห้ะไอ้ถั่ว รู้ไส้รู้พุงหมดล่ะว่ามึงคิดอะไร”


“แล้วคิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงคิดอะไร” พูสบตาผมนิ่งๆ “การหนีมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ” ผมชะงักไปเมื่อเพื่อนพูดแทงใจ


“กูไม่ได้หนี” ผมหลบตาเพื่อน “กูแค่หลบไปพักใจ เดี๋ยวก็กลับมา”


“ตามใจมึงเถอะ”


“งั้นกูไปนะ” ผมหันหลังให้เพื่อน รู้สึกใจหายหน่อยๆ เมื่อต้องจากกัน


หมับ


แต่อ้อมแขนของเพื่อนโอบกอดผมไว้


“อย่าลืมว่ามึงมีกูอยู่ข้างๆ เสมอนะแบงค์”


“อืม” ผมกลั้นน้ำตาไว้แล้วรีบลากกระเป๋าเดินเข้าเกตไปอย่างรวดเร็ว ผมกับพูเราไม่เคยอยู่ห่างกันข้ามประเทศแบบนี้ แม้ตัวจะห่างกัน แต่อย่างน้อยเราก็อยู่ในประเทศเดียวกัน ไม่กี่สิบนาทีเราก็เจอกันได้ แต่ตอนนี้คงนานเป็นเดือนกว่าเราจะได้พบกันอีก


ไม่สิ...อาจจะเป็นปี


เพราะผมไม่ได้บอกมัน...ว่าจะเรียนต่อที่นั่นเลย







Tbc.






....................................................
แบงค์เขาตัดสินใจห่างออกมาแล้วจ้า เรื่องจะเป็นยังไงต่อ ติดตามตอนหน้า
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์น่ารักๆ จากคนอ่านนะคะ ช่วงนี้อาจจะหายไปนานแต่มาต่อแน่ๆ จ้า นี่กลัวคนอ่านน้อยใจเลยขอมาลงก่อนหายไปอีกรอบเพราะอยู่ในช่วงไว้อาลัย เราจะงดอัพไปจนถึงสิ้นเดือนนะคะ  :hao5:



หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp2. [14-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-10-2017 09:16:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp2. [14-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 14-10-2017 10:14:31
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp2. [14-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-10-2017 12:18:06
อ้าว สู้ไม่สุดนี่แบงค์ ทำไมรีบถอยล่ะ ขนาดรู้ตัวว่ามีความสำคัญพอที่ธารจะวางใจ (นอนด้วยแล้วหลับสนิท) นะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp2. [14-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 14-10-2017 13:36:31
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp2. [14-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 14-10-2017 21:25:16
ห๊ะะะะะะะะ.   ค้างงงงง
โอยยย ชอบคู่ธารกับแบงค์
นิยายเหมือนใสๆ เรื่อยๆไม่มีอะไร
แต่มันมีมากกว่านั้นข่ะะะะะะะ  o22
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: janeta ที่ 31-10-2017 16:46:03
Special 3
[ธารxแบงค์]



“จะไม่รั้งมันไว้เลยเหรอ” เนตรเอ่ยขึ้นขณะสองนิ้วกดแป้นพิมพ์รัวเร็วตอบโต้ท่านชูการ์ที่เป็นคู่อาฆาตกันทุกสนามเกมออนไลน์ ถึงจะไม่เคยพบกันเหมือนผม แต่สองคนนี้ก็สนิทกันดี


“กูเคารพการตัดสินใจของมัน” ผมปิดหนังสือแล้ววางลงข้างตัวพลางเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่มีเครื่องบินเคลื่อนผ่านอยู่ไกลลิบๆ ป่านนี้แบงค์คงกำลังเดินทาง ส่วนผมก็ทำได้เพียงมองส่งมันอยู่ตรงนี้ และเป็นกำลังใจให้แม้ว่ามันอาจจะไม่ต้องการแล้ว


ผมเบนสายตากลับมากลับมาหาเพื่อนที่เมามันอยู่กับเกม เป็นแบบเนตรก็ดีอยู่อย่างไม่ต้องคิดหรือกังวลอะไร ไม่เคยทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเหมือนกับผม จึงไม่ต้องคอยระแวงว่าคนที่รักจะเป็นอะไรไป


คงเพราะจ้องมันอยู่นาน จู่ๆ เนตรก็เอ่ยขึ้นโดยที่สายตาไม่ละจากเกม


“อันที่จริง มีบางอย่างที่กูไม่ได้บอกมึง” เนตรเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ “ไอ้แบงค์ไม่ได้ไปเรียนแค่ซัมเมอร์อย่างที่บอกไอ้พูหรอก จริงๆ มันยื่นเข้าเรียนต่อเกรด 12 ของที่นั่นด้วย บางทีอาจจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นั่นก็ได้”



ผมบีบมือตัวเองให้พอเจ็บ จะได้ลดความรู้สึกแย่ในหัวใจให้เบาบางลง แต่ความเจ็บที่ฝ่ามือเทียบอะไรไม่ได้เลย


“ธาร...กูรู้ว่ามึงกลัว แต่ตอนนี้มึงไม่ได้บุ่มบ่ามเข้าหาเรื่องอันตรายพวกนั้นแล้วนะ” เนตรวางมือจากเกมแล้วหันมาเผชิญหน้ากับผมด้วยสายตาจริงจัง “มึงควรให้โอกาสหัวใจตัวเองได้รักบ้าง”


ผมเบือนหน้าไปทางอื่น ปฏิเสธที่จะรับฟังคำเพื่อน ผมรู้ว่าเนตรเป็นห่วงที่เห็นความสัมพันธ์ของผมกับแบงค์จบลงโดยไม่ทันจะเริ่มต้น แต่ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเราทั้งคู่


ไม่ต้องห่วงว่าแบงค์จะเป็นอะไรไปเพราะผม ให้มันได้มีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เกย์ มันแค่ยึดติดอยู่กับผม สักวันมันต้องได้พบผู้หญิงดีๆ ในที่สุดก็คงจะลืมรักแรกอย่างผมไป


“กูไม่เข้าใจพวกมึงเลยสักนิด” เนตรบ่นพึมพำก่อนจะลุกไปเปิดทีวีดูข่าวสารอย่างที่มันชอบทำ


“รายงานด่วนค่ะ! เที่ยวบินที่xx เกิดขัดข้องทางอากาศ...” ผู้ประกาศข่าวสาวมีสีหน้าตื่นตระหนก ขณะที่ข้อความใต้ล่างเน้นย้ำเที่ยวบินที่ผมจำได้ขึ้นใจ


วินาทีนั้นหูของผมอื้อไปชั่วขณะ ก่อนสมองจะทันคิดอะไรสองเท้าก็วิ่งออกจากบ้านเนตรมาแล้ว ไม่ได้ฟังเสียงตะโกนไล่หลังใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงหัวใจของผมที่เต้นแรงด้วยความตื่นกลัว


แบงค์...อยู่บนเครื่องบนลำนั้น


ไม่...ต้องไม่เป็นแบบนี้สิ


การผลักไสของผมควรจะทำให้มันมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข ไม่ใช่มาเกิดเรื่องบ้าบอพวกนี้


.............................................

ทันทีที่ลงจากแท็กซี่ ย่างเท้าเข้าสู่ท่าอากาศยาน ผมก็ตรงดิ่งไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามให้รู้อย่างแน่ชัดว่าเที่ยวบินลำนั้นไปถึงอเมริกาโดยปลอดภัย หรือไม่ก็เลทอีกสักสองสามชั่วโมงก็ยังดี


แต่เครื่องบินเที่ยวนั้นเพิ่งออกไปได้ไม่นาน...และเป็นอย่างที่ออกข่าวจริงๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องรอการติดต่อกลับจากกัปตันก่อน


ผมรู้สึกหมดเรี่ยวแรง ทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วเฝ้าภาวนาให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่นานก็คงกลับเป็นปกติ แต่ขนาดสนามบินยังติดต่อกัปตันไม่ได้ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว


“เห้ย! พี่เจต นั่นไอ้เกลือ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนเจ้าของเสียงจะวิ่งเข้ามาหาผม “มึงจริงๆ ด้วย โห่ มาโคตรช้าอะ ไอ้แบงค์เข้าเกตไปตั้งนานแล้ว” ดูเหมือนพูจะหงุดหงิดที่ผมมาช้า ดูท่ามันคงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น


ผมเงยหน้ามองเพื่อนด้วยความเจ็บปวด นี่สินะความรู้สึกของแบงค์ตอนที่มันรู้ว่าผมได้จากมันไปแล้วตลอดกาล มันทนอยู่ได้ยังไงตั้งสามปีโดยไม่คิดที่จะลืมเลือนความรู้สึกนั้นไปจากใจเลย


“พู...แบงค์มัน...”


“เออๆ มันไปแล้ว แต่ก็ไม่ยากอะไรนี่ มึงก็แค่บินตามมันไปแค่นั้นเอง ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง” พูตบไหล่ผมปุๆ “ไปหามันแล้วบอกสิ่งที่มึงรู้สึกในตอนนี้ ไอ้เพื่อนโง่นั้นจะได้เลิกคิดไปเองสักที”


“มัน...” สายไปแล้ว ผมไม่กล้าเอ่ยต่อแต่ถลาเข้ากอดพู ไม่ได้สนสายตาแฟนหนุ่มของมันที่จ้องมองมา “มันจากกูไปแล้ว”


“กูถึงได้บอกไง รีบไปจองตั๋วดิ” พูย้ำคำเดิมด้วยความไม่รู้ของมันแต่ก็ทำเอาผมหงุดหงิดที่มันไม่รู้เรื่องราวอะไรและเอาแต่พูดอยู่ได้


"ตอนนี้มันเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้! เลิกพูดเรื่องจองตั๋วสักที" ผมโมโหจนเผลอตวาดเพื่อน ก่อนจะชะงักเพราะรู้ตัวว่าทำเกินเหตุ

"กูขอโทษ"


"มึงเป็นอะไรวะเกลือ"


"กู..." ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเกิดอะไรขึ้น พูสนิทกับแบงค์มากกว่าผม  หากรู้เรื่องกะทันหันผมกลัวว่ามันจะรับไม่ได้ยิ่งกว่า


“ไอ้ธาร...มึงร้องไห้ทำไม”


“อ้าว นายไม่ได้นั่งเครื่องออกไปแล้วเหรอ” พี่เจตเอ่ยถาม ทำให้ทั้งผมและพูผละออกจากกันแล้วไปหาคนมาใหม่ที่ส่งยิ้มกว้าง ก่อนที่มันจะทิ้งกระเป๋าลงอย่างไม่ใยดีแล้วพุ่งตัวเข้ามากอดผม


“กูคิดไว้อยู่แล้วว่ามึงต้องมา เฮ้อ นึกว่าไอ้เปี๊ยกนั่นหลอกกูซะแล้ว ดีนะที่สุดท้ายกูเลือกที่จะวิ่งออกมา” แบงค์ซุกไซร้ใบหน้าบนไหล่ผม อ้อมแขนโอบกระชับไว้ไม่ยอมปล่อย ซึ่งผมเองก็เพิ่งได้สติจึงค่อยๆ ประมวลผลเรื่องราวทั้งหมด


ไอ้เนตร...


ผมดันแบงค์ออกห่างจากตัวพลางสำรวจไปทั่วว่ามันปลอดภัยดี ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มร่าที่หลอกผมได้สำเร็จ พอหันไปหาหญิงสาวที่ยืนเคยอยู่ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ก็ปรากฏว่าเธอหายไปเสียแล้ว แทนที่ด้วยหญิงสาวคนใหม่ที่ยืนยิ้มหวานตอบคำถามลูกค้าอย่างดี


“นี่มันเรื่องอะไรวะพี่เจต” พูหันไปถามคนรัก ซึ่งร่างสูงข้างกายก็เพียงยิ้มแล้วรีบพาแฟนตัวเองเดินไปอีกทางอย่างรู้จังหวะ พอสองคนนั้นเดินจากไปผมก็หันกลับมาเล่นงานคนตรงหน้า


“กูไม่ตลกเลย” ใช่ ไม่ตลกเลยสักนิด ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา...ผมจะทำยังไง แบงค์เองก็รู้ดีถึงได้ส่งสายตารู้สึกผิดมาให้


“กูก็ไม่ได้อยากให้มึงตลกสักหน่อย” แบงค์พูดเสียงอ่อย ยื่นมือมาหมายจะคว้ามือผมไปจับ แต่ผมรู้ทันเลยขยับตัวออกห่าง “กูขอโทษ...”


“มีใครรู้แผนของพวกมึงบ้าง” ผมกอดอกนิ่งๆ แล้วเริ่มคำถามแรก


“แค่กูกับเนตร ไอ้พูมันโกหกไม่เก่ง นี่ขนาดบอกว่าให้เก็บเป็นความลับยังวิ่งโร่ไปบอกมึงอีก ดีที่เนตรมันคิดไว้อยู่แล้วทุกอย่างก็เลยออกมาตามแผน”


“เหอะ คิดกันมานานแค่ไหนแล้วล่ะ”


“ก็...ตั้งแต่ที่ไปบ้านเนตรครั้งแรกนั่นแหละ แต่กูไม่เสียใจหรอกนะที่ทำแบบนี้” คราวนี้แบงค์คว้ามือของผมไปจับไว้จนได้ มันบีบมือผมเบาๆ แต่ความอุ่นซ่านแผ่ไปทั้งใจ


“ทำไม...”


“มึงจำทุกอย่างได้แล้ว ทำไมถึงยังแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรอีกวะ”


มันรู้! รู้ได้ยังไง


“หึ เลิกเนียนได้ล่ะ” มันดีดหน้าผากผมก่อนจะคว้ามือที่หมายจะดีดกลับของผมไว้ “กูก็แค่อยากให้มึงรู้สึกเหมือนที่กูรู้สึกเมื่อสามปีก่อน ความรู้สึก...ที่กูต้องเผชิญมันเป็นเหตุผลว่าทำไมกูถึงลืมมึงไม่ได้” แบงค์สบตาผมด้วยแววตาสื่อความหมาย


“และทำไม...ถึงรักมึงมากขนาดนี้”


“กูไม่ใช่คนดี ไม่เลยเมื่อเทียบกับเกลือที่มึงรู้จัก” ผมบอกมันตรงๆ  “กูมีด้านมืดอีกมากที่มึงไม่รู้ ด้านมืดที่สักวันอาจจะทำให้มึงตกอยู่ในอันตราย มึงยังอยาก...อยู่ข้างกูอีกเหรอ”


“แล้วมึงจะปล่อยให้กูตายหรือเปล่าล่ะ”


“ไม่มีทาง!”


“ก็จบแล้วไหมล่ะ ทำไมกูต้องกลัวว่าจะเป็นอะไรไป ในเมื่อมีมึงคอยปกป้องกูอยู่แล้ว อีกอย่างอยู่ข้างมึงมันควรจะปลอดภัยกว่าอยู่ไกลหูไกลตาไหม”


“แถมกูเนี่ยเป็นผู้ชายไม่จำเป็นต้องปกป้องมากนักหรอก กูดูแลตัวเองได้ ดูแลมึงได้ด้วย” แบงค์พูดยิ้มๆ “เลิกห่วงกูได้แล้ว คิดยังไงกับกูกันแน่พูดมาเลย กูไม่เชื่อเรื่องที่ไอ้พูพูดหรอก กูจะฟังที่มึงพูดคนเดียวเท่านั้น”


ผมชะงัก ไอ้พูมันไปพูดอะไรอีกเนี่ย


“เร็วๆ ดิ ชักช้าเดี๋ยวกูจองตั๋วเครื่องบินประชดเลย” มีใครงอนที่ไหนเขาบอกกันบ้างว่าจะประชดเนี่ย


ผมส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดตรงหน้ามันแล้วยกแขนสองข้างโอบกอดคนตัวเตี้ยกว่าไม่กี่เซน


“มึง...” แบงค์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ก่อนอ้อมแขน-ของมันจะโอบกอดผมตอบ ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ระหว่างเราอีก เราต่างรู้ดีว่าความสูญเสียนั้นเป็นอย่างไร แม้ผมจะรู้สึกเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แม้จะเป็นเพียงแผนก็ตาม


ตอนนี้ผมตอบตัวเองได้แล้ว ว่าจะให้เรื่องของเราเป็นอย่างไรต่อไป และเลือกที่จะบอกคนที่เฝ้ารอคำตอบจากผมอย่างชัดเจน


“กูก็รักมึง” เมื่อเอ่ยจบ อ้อมแขนของแบงค์ก็กระชับแน่นขึ้น แม้จะไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไร แต่ก็คงไม่ต่างจากใบหน้าของผมนัก


ใบหน้า...ที่ถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม





.............................................

“ฮื่อ...” ผมยกแขนปัดอะไรก็ตามที่กำลังรบกวนการนอนของผม แต่ดูเหมือนเจ้าสิ่งนั้นจะไม่หยุดก่อกวนแถมยังหัวเราะคิกคักให้ผมรำคาญใจอีกด้วย


“ไอ้แบงค์...” ผมกดเสียงต่ำก่อนจะคว้าเจ้าตัวกวนลงมานอนข้างกัน ยกขาทาบทับไม่ให้อีกฝ่ายขยับตัวได้ ซึ่งแบงค์ก็ไม่ดิ้นหนีอะไร ยกแขนกอดเอวผมเหมือนที่ทำทุกเช้า ใบหน้าซุกไซ้อกผมก่อนจะกดจูบลงมาให้รู้สึกวาบหวิวนิดๆ แล้วผละออก


“กูชอบที่ได้อยู่กับมึงทั้งวันแบบนี้ ไม่ต้องกลับแล้วได้ไหมวะ” ตอนนี้เราพักอยู่ที่บ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งของที่บ้านผมเองครับ หลังจากทำเรื่องน่าอายที่สนามบินแบงค์ก็ชวนผมเที่ยวต่อทันที ผมจึงนึกถึงที่นี่แล้วชวนแบงค์มาด้วยกัน ชดเชยช่วงเวลาหลายปีที่ห่างกันไป


“ไม่ได้หรอก อาทิตย์หน้าเปิดเทอมแล้ว”ผมเองก็อยากอยู่กับแบงค์นะ แต่พอจบทริปเที่ยวเราก็ต้องกลับไปเผชิญความจริงที่ว่าเรายังเป็นนักเรียนม.ปลาย แถมแบงค์ยังต้องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก


“เฮ้อ อีกตั้งหนึ่งปีกว่าจะเรียนจบ ถึงวันนั้นกูจะออกมาอยู่หอแล้วก็พามึงมาอยู่ด้วย เราจะได้อยู่ด้วยกันทุกคืนเลย” รอยยิ้มของมันคือสิ่งหนึ่งที่ผมไม่อยากพรากไป แต่จำต้องทำลายลงด้วยประโยคสั้นๆ


“เอ่อ...กูคงลืมบอกมึงไปอย่าง” ผมสบตาคนรักที่มองมาอย่างสงสัยว่ามีเรื่องอะไรอีกที่ปิดบังมัน


“อะไรๆ อย่าบอกนะว่าจะปฏิเสธ”


“เปล่า...แต่กูต้องเรียนอีกสองปี” ผมบอกความจริงที่มันควรรู้


“ห้ะ!” แบงค์ลุกพรวดออกจากอ้อมกอดผม “หมายความว่าไง”


“ก็ตอนนั้นกูถูกตามล่านี่” ผมหลบตามันนิดๆ ยังรู้สึกผิดอยู่ที่หาเรื่องใส่ตัว “ก็เลยพักฟื้นอยู่ปีหนึ่ง กว่าจะเริ่มเรียนก็ตามหลังเพื่อนรุ่นเดียวกันไปแล้ว” ถึงผมจะรวย แต่ไม่คิดจะซื้อใบเกรดเพื่อให้เรียนจบ อย่างน้อยผมก็อยากเรียนรู้ชีวิตในวัยเรียนให้คุ้มค่าที่สุด


“เฮ้อ...ทำไมความรักของเรามีแต่อุปสรรควะ แต่ไม่เป็นไร กูตั้งใจจะเรียนมหาวิทยาลัยแถวนี้อยู่แล้ว จะได้คอยอยู่ใกล้มึงเดี๋ยวพวกเหลือบไรมาตามติดแล้วจะยุ่ง”


“กูไม่ได้น่าเข้าใกล้ขนาดนั้นหรอกนะ” นี่คือความจริงๆ ที่คนทั้งโรงเรียนต่างรู้ดี ผมก็แค่เด็กเกเรไร้หัวคิดมีเรื่องไปวันๆ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ผมนักหรอก ถึงจะมีสาวๆ ตามกรี๊ด แต่พวกเธอก็ได้แค่มองผมจากไกลๆ ไม่มีใครอาจหาญเข้ามาทำความรู้จักส่วนตัวกับผมหรอก “ไม่ต้องมาเรียนแถวนี้”


“ธารของกูออกจะหน้าตาดีขนาดนี้” มันจับแก้มผมยืดไปมาก่อนจะชะงัก “เห้ย!แต่กูไม่ได้ชอบมึงที่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวนะโว้ย”


“กูรู้น่า...” ผมก้มลงจูบหน้าผากแบงค์แผ่วเบา “รอกูมาตั้งนานแล้วนี่”


“อืม...เพราะฉะนั้น มึงต้องเป็นของกูคนเดียวเท่านั้น”


“เออ แต่กูว่าตอนนี้มึงเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำได้ล่ะ” ผมก้มมองส่วนโป่งพองของคนรักที่ดูจะคึกคักทุกเช้า ซึ่งแบงค์ก็อิดออดไม่ยอมลุกจากเตียง แถมยังขยับเข้าใกล้ผมอีก “ลุกไปดีๆ เลย ก่อนที่มันจะใช้งานไม่ได้”


“โหดร้ายกับกูตลอดอะ” แบงค์ขยับลงจากเตียง แต่ไม่วายก้มลงมาจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากของผม “มอนิ่งคิสครับที่รัก”


“ไปได้ล่ะ”


“ครับๆ”


ผมมองแผ่นหลังกว้างที่คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป กวาดตามองห้องพักที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งเดือน แม้จะไม่ได้มีสิ่งของมากนักนอกจากกระเป๋าเสื้อผ้าของแบงค์ที่ผมแย่งเสื้อผ้ามันมาใส่ แต่ร่องรอยของเราปรากฏอยู่ในทุกที่ และผมก็รู้สึกดีที่เรื่องของเราลงเอยแบบนี้


อนาคตผมไม่อาจตอบได้ว่ารักของเราจะยืนยาวแค่ไหน แต่ช่วงเวลาที่เรายังรักกันผมจะไม่เห็นแก่ตัวละทิ้งแบงค์ไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว


ผมจะปกป้องมันเท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้





end





................................................................


แน่นอนว่าลงเอยด้วยดีจ้า ทั้งหมดเป็นแผนล้วนๆ ของหนูเนตร ส่วนคู่เฟรมxเผือกนั้นคงต้องยกยอดไปเขียนพร้อมคู่แฝดน้า (น่าจะเปิดเรื่องในอนาคตอันไกลพ้น 5555)
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 31-10-2017 17:11:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-10-2017 17:17:58
ตอนพูทำท่าชิลก็คิดอยู่นะว่าเกลือน่าจะถูกหลอก แหม ลงทุนมากค่ะ ทั้งข่าวปลอม ทั้งพนักงานปลอม ฮา
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 21-06-2022 13:22:58
เรื่องนี้สนุกมาก
ชอบถั่ั่วพี่ ถั่วน้อง น่ารักมาก
น่ารักทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 14-07-2022 23:28:48
สนุกมากๆครับ  ชอบสุดๆ