บทที่ 19
เหตุเกิดเพราะ...พี่รหัส
และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง
“เชี่ยถั่ว! ทางนี้โว้ย!” ผมหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสนิท เห็นพ่อเทพบุตรขวัญใจชาวประชายืนกวักมือเรียกผมยิกๆ ท่ามกลางเพื่อนกลุ่มใหญ่
“มาช้าฉิบหาย แล้วที่กูฝากซื้ออะ” แบงค์ยื่นมือมาทวงของที่ฝากผมซื้อ แม้จะอยากแกล้งมันมากแค่ไหน แต่ก็ทำไม่ลงเพราะรู้ดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะหาของชิ้นนี้เจอ
“อะ กูห่อของขวัญมาให้เรียบร้อยล่ะ” ผมส่งกล่องของขวัญชิ้นเล็ก ผูกโบสวยงามให้มัน เป็นของที่หาซื้อได้ยากมากจริงๆ โชคดีที่จังหวะนั้นผมเห็นเด็กแถวบ้านถือ’ไอ้นั่น’ผ่านมาผมจึงรีบเข้าชาร์จเพื่อถามว่าจะซื้อของชิ้นนี้ได้จากที่ไหน
“เหอะ ถ้ากูรู้ว่าพี่รหัสเป็นใครนะ กูจะผสมยาถ่ายใส่แก้วให้แม่งแดก เรียกร้องของขวัญได้บัดซบมาก”
“เอาน่าๆ ยังดีที่หาเจอนะมึง ราคาก็ถูก มึงควรจะดีใจนะที่พี่เขาไม่เรียกร้องรถสักคันน่ะ”
“รถยังหาซื้อง่ายกว่าไอ้ของชิ้นนี้อีกนะมึง คนบ้าอะไรเกิดอยากได้ขลุ่ยชัก”ครับ ขลุ่ยชัก หาซื้อยากโคตรจนผมไม่เข้าใจว่าพี่รหัสไอ้แบงค์อยากได้ไปทำไม
“แลกกับเสื้อมาเวลครบทุกลายมันก็คุ้มอยู่นะมึง” ผมปลอบใจเพื่อน อย่างน้อยของแลกเปลี่ยนก็คุ่มค่ากว่าราคาและเวลาที่เสียไปนะครับ
“เออ ถ้าไม่ใช่เพราะเสื้อนอกกูไม่ตามหาให้วุ่นวายหรอก เสียเวลาเล่นเกมชะมัด” ยืนฟังแบงค์บ่นไปได้สักพักพี่ม.6ก็เรียกรวมตัว รุ่นพี่ยืนล้อมพวกผมเป็นวงกลมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พวกผมเองก็ลุ้นว่าใครจะเป็นพี่รหัสของตัวเอง
ยิ่งเห็นรุ่นพี่บางคนหอบของมาเต็มไม้เต็มมือก็อยากจะขอเป็นน้องรหัสเลยครับ น้องพี่ทำบุญด้วยอะไร ทำไมถึงได้ของเยอะปานนั้น
แต่คงไม่ใช่ของผมหรอก เพราะพี่เขาใส่เสื้อสีดำ
ผมสอดสายตาไปทั่วบริเวณว่าจะมีใครใส่เสื้อสีฟ้าเหมือนผมบ้าง เพราะพี่รหัสของผมบอกว่าจะใส่เสื้อสีฟ้ามาเปิดตัว
แต่เท่าที่มองมีแต่ตัวผู้ที่ใส่เสื้อสีฟ้ามา รุ่นพี่คนสวยใส่สีอื่นกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่พี่แมร์ที่ใส่เสื้อแขนกุดสีแดงเผยผิวขาวเนียนให้เพื่อนร่วมห้องผมแซวกันระนาว
เมื่อคืนผมแอบถามพี่เจตเพื่อสืบหาข้อมูลพี่รหัสของผม รายนั้นก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนผมคิดว่าอาจเป็นคนใกล้ตัวอย่างพี่แมร์ก็ได้ เพราะพี่แมร์น่ารักและนิสัยดี เหมาะจะเป็นพี่รหัสของผมสุดๆ
แต่ก็นั่นแหละ พี่แมร์ไม่ได้ใส่เสื้อสีฟ้า
“สวัสดีค่ะน้องๆ วันนี้เราจะได้รู้กันแล้วนะคะว่าใครคือพี่รหัสของน้องๆ อันที่จริงวันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรหรอก ก็แค่มาเฉลยแล้วให้พี่ๆ พาน้องไปเลี้ยงกันเอง เอาล่ะ พี่คิดว่าน่าจะมากันครบแล้วนะ ตามหาพี่รหัสกันได้เลยจ้า” เมื่อพี่ส้มพูดจบ ฝูงเด็กม. 5 กว่าสี่สิบคนก็วิ่งพรวดไปหาเป้าหมายที่หมายตาไว้ทันที
บางคนก็โชคดีได้เจอพี่รหัสของตัวเอง บางคนก็โชคร้ายเพราะคนที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่เสียอย่างนั้น
โดยเฉพาะแถวพี่เจตที่สาวๆ ทำหน้าผิดหวังเดินคอตกกันออกมา เพราะรุ่นพี่สุดหล่อไม่ใช่พี่รหัสของพวกเธอ
“เชี่ย!” เสียงร้องลั่นของเพื่อนซี้เรียกความสนใจของผมให้หันไปมอง แบงค์ยืนอ้าปากพะงาบๆ ชี้หน้ารุ่นพี่ผิวสีแทนที่ยืนถือของขวัญกล่องใหญ่ เขายิ้มขำเมื่อเห็นท่าทีเพื่อนซี้ของผม
“เป็นพี่ได้ไงวะ คือแบบ...เห้ย เป็นพี่จริงดิ” ไอ้แบงค์ดูประสาทเสียไปแล้วครับเมื่อคนที่เห็นหน้าค่าตากันทุกวันกลายเป็นพี่รหัสตัวเองไปเสียอย่างนั้น
“มึงจะตกใจอะไรนักหนา เอ้า เอาของขวัญมึงไปแล้วเอาขลุ่ยชักมาให้กูไวๆ เลย” แบงค์ส่งของขวัญไปให้อย่างมึนๆ งงๆ แต่พอได้ของขวัญกลับมาก็เลิกสนใจพี่รหัสตัวเอง รีบกระชากกระดาษห่อของขวัญที่มันเฝ้ารอโดยไม่สนใจสีหน้าพี่แจ้ที่ยืนอึ้งเลยสักนิด
ครับ พี่แจ้เป็นพี่รหัสไอ้แบงค์
“กูอุตส่าห์ห่อตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะออกมาสวย มึงฉีกออกง่ายๆ งี้เลยเหรอวะ”
“เปลือกนอกไม่สำคัญเท่าของข้างในโว้ยพี่ ห่อสวยไม่สวยผมไม่ถือเพราะสุดท้ายก็ทิ้งอยู่ดี” พอหยิบของในกล่องออกมาเท่านั้นแหละ ไอ้คนชอบโชว์ก็ถอดเสื้อต่อหน้าสาวๆ แล้วสวมเสื้อตัวใหม่ทับทันที ไม่ได้ใส่ใจสายตาวาวๆ ของเหล่าเก้งกวางที่ยืนจ้องตาเป็นมันเลยสักนิด
“เย้ดเข้ เท่ว่ะพี่ ขอบคุณคร้าบบบบบบ” พอได้ของถูกใจ มันก็เข้าไปประจบพี่แจ้ทันที อีกฝ่ายก็หัวเราะแกะของขวัญออกอย่างเบามือ พอเห็นของแลกเปลี่ยนก็ตบบ่าขอบใจแบงค์
“อยากได้ไปทำไมวะพี่ เอาไว้ช่วยตัวเองเหรอ” พูดอย่างเดียวไม่พอยังทำท่าชักเข้าชักออกน่าเกลียดสมเป็นตัวมัน
“เออ ช่วยตัวเอง ช่วยให้ตัวกูสมหวังในรักนี่ล่ะ น้องจอยโรงเรียนหญิงล้วนเขาต้องใช้เรียนดนตรีว่ะ กูก็เลยอยากเอาใจเขา แต่ไอ้ขลุ่ยเชี่ยนี่แม่งหายากฉิบหาย”
“มากอะพี่ นี่ผมแทบจะพลิกแผ่นดินเพื่อตามหามันมาให้พี่เลยนะ” ได้ข่าวว่าคนที่หาเจอคือกูนะไอ้แบงค์
ผมส่ายหัวให้กับคำแอบอ้างของเพื่อนซี้ก่อนจะหันกลับมาอีกทางเพื่อตามหาพี่รหัสตัวเองบ้าง
พลั่ก
“อ้ะ ขอโทษครับ” หัวผมชกกับอกของใครบางคนเข้า พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นพี่เจตนั่นเอง ในมือของเขามีกล้องโพลารอยด์ยี่ห้อดังกันน้ำได้ อยู่ในมือ
โฮ อยากได้อะ แต่ไม่มีปัญญาซื้อ
“อยากได้?” ร่างสูงถามเมื่อเห็นสีหน้าของผมพร้อมกับยื่นกล้องราคาแพงมาให้ ผมส่ายหน้ารัวๆ เคยเปิดราคาในเว็บดูแล้วอยากจะร้องไห้ จะแพงไปไหนวะครับ ยิ่งเห็นของจริงยิ่งไม่กล้าแตะ กลัวทำของเขาพังแล้วไม่มีปัญญาซื้อคืน
“พี่ให้ เอาไปเถอะ ถือว่าเป็นของขวัญการพบกันของสายรหัส”
“ห้ะ” ผมมองกล้องในมือพี่เจตสลับกับใบหน้าของเขา ก่อนจะไล่สายตามายังเสื้อเชิร์ตสีฟ้าพอดีตัวของอีกฝ่ายแล้วเบิกตากว้าง
“พี่เป็นพี่รหัสผมเหรอ!” ผมอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ครับว่าร่างสูงจะเป็นพี่รหัสของผม
เนียนมาก ทำทีมาแอบดูจดหมายของผมทั้งที่ตัวเองเป็นคนเขียน
เขียนจดหมายมาให้คำปรึกษาผม ทั้งที่นั่งอยู่ข้างกันมาตลอด
ชอบบ่นว่าผมไม่ตั้งเรียน
แต่ในจดหมายก็ให้กำลังใจกันเสมอ...
“อื้ม” พี่เจตพยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์ห้อยตุ๊กตาหมาหน้ามึนที่ผมซื้อให้เขาขึ้นมาส่ายไปมาตรงหน้าผม “พี่ได้ของขวัญจากนายแล้วก็ต้องตอบแทนไง”
เขาจับมือผมไปถือกล้องราคาแพงของเขา ด้วยความกลัวว่ามันจะตกผมจึงรีบโอบกล้องไว้ทันที
“พะ...พี่ มันแพงนะโว้ย ผมรับไม่ได้หรอก” ผมรีบประคองกล้องคืนให้เขา ส่งสายตาบอกให้อีกฝ่ายรีบรับไปเร็วๆ แต่พี่เจตก็ทำเมินมองไปทางอื่น
“พี่เจตตตตตตตตตตตต” ผมเห็นนะว่าเขายิ้มที่มุมปาก สนุกมากใช่ไหมที่เห็นผมลำบากใจเนี่ย
ก็อยากได้นะ แต่มันแพงอะ
“พี่ไม่รับคืนของที่ให้ไปแล้ว” เขาหันกลับมาสบตาผม “หัวใจของพี่ก็เหมือนกัน”
ผมได้แต่อ้ำอึ้ง ไปต่อไม่ถูกเลย ได้แต่เกาหัวแก้เก้อแล้วกระชับมือจับกล้องไว้แน่น
“หาเรื่องหยอดตลอดว่ะพี่” ผมบ่นนิดๆ แล้วก้มลงมองลูกรักตัวใหม่
“ผมรับไว้ก็ได้” ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ถ่ายรูปอย่างที่ชอบสักที บอกลากล้องมือถือสองล้านพิกเซลไปเลย ถ่ายภาพอะไรหาความชัดไม่ได้สักอย่าง
“นี่...” ผมเงยหน้ามองพี่เจตที่สะกิดเรียกผมเบาๆ
“หืม”
“พูรับกล้องไปแล้ว...” ร่างสูงที่ค่อยๆ โน้มตัวลงมาพูดใกล้ๆ จนได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม “แล้วเมื่อไหร่พูจะใจอ่อนรับรักพี่สักทีล่ะครับ”
ผมชะงัก เล่นอย่างนี้เลยเหรอพี่
“อีกนานนนนนนนนนนนนนนนน” ผมลากเสียงยาว เพื่อบอกอีกฝ่ายให้เลิกหวังได้แล้ว แต่พี่เจตก็คือพี่เจต
“งั้นพี่จะรอออออออออออออออออ” พี่เจตเองก็ลากเสียงตามผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ แถมยักคิ้วให้ผมด้วย
เออ เอากับเขาสิ
“เห้ย ไอ้พู มึงจะถ่ายรูปคู่กับพี่รหัสมึงไหม” ตากล้องประจำห้องผมเดินถือกล้องโปรเข้ามาหาเรา พี่เจตพยักหน้ารัวๆ โอบไหล่ผมเข้าไปใกล้เพื่อถ่ายรูปร่วมกัน แต่ผมส่ายหน้า
“มึงไปถ่ายคนอื่นเถอะ” ผมบอกเพื่อน ร่างสูงจึงสบตาผมอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่อยากถ่ายรูปกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาปล่อยมือจากไหล่ผมแล้วขยับออกห่างไปนิด คงคิดว่าผมรังเกียจที่จะถ่ายรูปคู่กับเขา
“ใครว่าล่ะ” ผมชูกล้องในมือ “มีกล้องของตัวเองแล้วจะไปถ่ายกล้องคนอื่นทำไม กล้องของเราเจ๋งกว่าตั้งเยอะ ถ่ายปุ๊บได้รูปปั๊บ”
สีหน้าของพี่เจตดีขึ้น เขายิ้มกว้างแล้วขยับเข้ามาใกล้ผม
“พี่ชอบคำว่ากล้องของเราจัง” เขาพึมพำเบาๆ แต่เพราะผมมัวแต่สนใจฟังก์ชั่นกล้องโพราลอยด์จึงไม่ได้ฟังคำพูดของเขา
“เปิดตรงไหนวะพี่” ผมถามร่างสูงที่เขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วกดปุ่มถ่ายภาพ
ไม่นานภาพใบเล็กก็ค่อยๆ ออกมา พี่เจตฉวยภาพนั้นไปสะบัดอยู่สักพัก ผมจึงยื่นหน้าไปดูว่าภาพที่ออกมาเป็นยังไงบ้าง ถ้าออกมาดีผมจะได้เก็บไว้ แต่ถ้าแย่มากผมจะรีบเผาทิ้งทันที
ไม่มีใครอยากเก็บภาพแย่ๆ ของตัวเองไว้หรอกครับ
ผมจ้องภาพที่ค่อยๆ ชัดขึ้นก่อนจะสบถในใจ
เชี่ย!
หน้าผมโคตรเอ๋อเลย ต่างจากรุ่นพี่หนุ่มสุดฮอตที่ส่งรอยยิ้มพิฆาตใส่กล้อง องศาที่ถ่ายภาพทำให้หน้าเราชิดกันจนดูเหมือนคู่รักโอบกอดกัน เพียงแต่ผมไม่ได้มองกล้อง
“รูปโอเคมาก พี่ขอนะ” พูดจบร่างสูงก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วสอดภาพไว้ด้านในทันที ไม่เปิดโอกาสให้ผมฉกรูปนั้นไปฉีกทิ้งเลย
เบ้าหน้ากูไม่โอเคครับพี่เจต
“พี่ รูปผมแย่มากอะ ผมขอได้ไหม ผมอยากเผามันทิ้งอะ เรามาถ่ายใหม่กันเถอะนะ นะ” ผมอ้อนวอนอีกฝ่าย “หรือตัดหน้าผมออกเอาแต่หน้าพี่ไว้ก็ได้อะ นะ”
“เอาสิ ถ่ายใหม่เลยไหม พูจะถ่ายกี่ภาพก็ได้นะพี่โอเค” พี่เจตยิ้มขำแล้วถือกล้องไว้เอง “แต่ภาพนี้พี่คงให้พูไม่ได้”
“พี่จะเก็บภาพแย่ๆ ไว้ทำไมวะ เดี๋ยวผมถ่ายหล่อๆ ให้ไม่ดีกว่าเหรอ”
“พี่ชอบความเป็นธรรมชาติของนายมากกว่า นายไม่จำเป็นต้องเก๊กหล่อหรอกนะ เพราะนายน่ะ...” ร่างสูงเว้นจังหวะ “เหมาะกับคำว่าน่ารักมากกว่า”
“ผมหล่อต่างหาก!” ผมเถียงสุดใจ แต่เถียงยังไงก็ไม่ชนะหรอกครับ เพราะคนที่ผมเถียงด้วยน่ะหล่อกว่าผมหลายขุมเลย
“เลิกมโนว่ามึงหล่อได้ล่ะไอ้พู” ไอ้ตัวหวงเสื้อเดินเชิดหน้าโชว์เสื้อลายกัปตันอเมริกาเข้ามาหาพวกเรา ตามมาด้วยพี่แจ้ พี่แมร์ และฟ้าที่เอาแต่จับจี้รูปหัวใจสีเงินยิ้มๆ สายตามองตรงมาที่คนข้างกายผม
“ขอบคุณนะคะพี่เจต” ฟ้าเอ่ยยิ้มๆ
“ไปขอบคุณมันทำไมคะน้องฟ้า คนจ่ายเงินคือพี่นะคะ เจตมันแค่ช่วยเลือกเท่านั้นเอง”
อื้อหือ บอกว่าจีบผมแต่ไปเลือกของให้สาวนี่ยังไงกันครับ
ผมเหลือบตามองคนข้างๆ ที่ส่ายหน้าหวือเป็นเชิงปฏิเสธว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่สองสาวพูดกัน
เอ๊ะ แล้วทำไมผมรู้ว่าพี่มันจะสื่ออะไรวะ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากส่ายหน้า
“ผมหิวแล้วว่ะ พี่เลี้ยงใช่ปะ ไหนๆ ก็ไม่ค่อยให้ขนมน้องแล้ว เลี้ยงเลยๆ” แบงค์เอ่ยขัดขึ้น ผมจึงปัดความคิดนั้นทิ้งไป
ผมจะไปรู้ใจพี่เจตได้ยังไงล่ะจริงไหม
“แหม พอรู้ว่ากูเป็นพี่มึงนี่เอาใหญ่เลยนะ บางทีกูก็ต้องเปย์สาวปะวะ แล้วระหว่างสาวสวยกับน้องรหัสอย่างมึงกูจะเลือกใครล่ะ”
แบงค์ทำหน้าครุ่นคิด “เออ ก็จริงนะ ให้เลือกระหว่างพี่กับเกม ผมก็เลือกเกมว่ะ”
“เอ๊ะไอ้นี่!” พี่แจ้จี๊ปากใส่แบงค์ก่อนจะหันไปถามสองสาวที่ยืนคุยกันอยู่ “เอาไงครับสาวๆ เราจะไปกินอะไรกันดี”
“บิงซูหน้าโรงเรียนละกัน อากาศร้อนๆ ฉันอยากกินอะไรเย็นๆ” พี่แมร์ตอบ
“มึงละเจต”
“พูอยากกินอะไร” พี่เจตถามผม ซึ่งทุกคนก็มองมาที่ผมเป็นตาเดียว เหมือนให้ผมเป็นคนตัดสินใจ
“บิงซูก็ได้ครับ ง่ายดี” ผมทนสายตากดดันจากพี่แมร์ไม่ไหวครับ ความอยากกินของเธอแซงทะลุความอยากของคาวของผมไปแล้ว แม้จะหิวข้าวเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแต่ได้กินของหวานกับพี่ๆ ก็คงไม่ได้แย่นัก
“พวกนายไปก่อนเลย เดี๋ยวเราพาพูตามไปทีหลัง” พี่เจตเอ่ยขัดเมื่อพวกเราตกลงเดินไปหน้าโรงเรียน
“หืม ทำไมต้องไปทีหลังล่ะพี่ ไปพร้อมกันเลยสิ” ผมหิวจะตายอยู่แล้ว ขอของหวานลงกระเพาะก่อนได้ไหม
“พี่จะพานายไปกินข้าวก่อน คงไม่ได้กินมื้อเช้ามาล่ะสิ พี่อุตส่าห์โทรเตือนให้กินทุกเช้า แต่วันนี้ไม่ได้กินมาใช่ไหม” แหน่ะ รู้ทันผมอีก
“ก็...กินไม่ทัน” ผมตอบอ้อมแอ้ม ตื่นสายนี่หว่าจะเอาเวลาที่ไหนไปกินล่ะ
“มานี่เลย” ร่างสูงโบกมือลาเพื่อนแล้วถือวิสาสะลากผมไปอีกทาง ตรงไปยังมอเตอร์ไซค์สีซีดของเขา
“เก่าหน่อยนะ เพิ่งซื้อมือสองมา” พี่เจตยื่นหมวกกันน็อคของตัวเองให้ผม
“ทำไมพี่ไม่ซื้อมือหนึ่งมาล่ะ บ้านพี่ออกจะรวย” ผมแอบสืบมาแล้ว พ่อพี่เจตเป็นถึงนักธุรกิจคนดัง มีรายได้หลายร้อยล้าน กะอีแค่รถคันเดียวทำไมจะซื้อให้ลูกไม่ได้ล่ะ
“เขารวย แต่พี่ไม่ใช่ หรือนายรังเกียจที่จะซ้อนท้ายคนจนๆ แบบพี่” ร่างสูงพูดเสียงเรียบและดูเย็นชาเมื่อเอ่ยถึงพ่อของเขา
“รังเกียจอะไรเล่า จักรยานบ้านผมขึ้นสนิมทั้งคันผมยังปั่นไปซื้อของให้แม่ได้เลย” ผมยกตัวอย่างให้เขาฟัง พี่เจตก็หัวเราะนิดๆ แล้วขยี้หัวผมจนเสียทรง
“โว้ะ คนอุตส่าห์เซตมา ยุ่งหมดแล้วเนี่ย” ผมบ่น ยืนส่องกระจกรถจัดทรงผมให้เข้าที่ แต่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“แบบนี้ดูเหมาะกับนายมากกว่าอีก” พูดจบพี่เจตก็สวมหมวกกันน็อคให้ผม พยายามแกะออกเท่าไหร่ก็แกะไม่ได้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย
“ทำไมพี่ไม่ใส่หมวกกันน็อค มันอันตรายนะ คนขับควรจะใส่มากกว่า” พูดให้สวยหรูไปอย่างนั้นแหละครับ ความจริงผมไม่ชอบใส่หมวกกันน็อคหรอกเพราะมันร้อนนนนนนนนน
“เพราะพี่ไม่อยากให้นายเป็นอันตราย” เขาสบตาผมผ่านหมวกกันน็อคก่อนจะหันกลับไปสตาร์ทรถ “จับแน่นๆ นะ” เขาคว้าแขนผมไปจับไว้แล้วค่อยๆ ขับรถไปตามทาง
ผมหมายความตามที่พูดครับ พี่เจตขับรถช้าๆ ช้าแบบที่เรียกว่าผมวิ่งยังเร็วกว่ารถเลย
แถมรถยังส่ายไปส่ายมาเหมือนคนขับรถไม่เป็นเสียอย่างนั้น
เดี๋ยวนะ...
“พี่ได้ใบขับขี่มาเมื่อไหร่” ผมเอ่ยถามคนตัวโตที่ยึดมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย เนียนไปไหมพี่ รถไม่ได้ขับเร็วอะไรเลย ช้ายิ่งกว่าเต่าคลานอีก
“ยังไม่ได้ทำ พี่กำลังหัดขับรถ”
เชี่ย! กูฝากความปลอดภัยไว้กับคนขับรถไม่แข็งเหรอวะเนี่ย!
“จอดเลยพี่จอดเลย!” ผมร้องลั่นพร้อมกับพยายามดึงมือตัวเองออก พี่เจตขับรถส่ายไปส่ายมาเมื่อผมดิ้นสุดแรง สุดท้ายเขาก็ปล่อยมือผมแล้วจอดรถข้างทาง ผมลงจากรถแล้วยกมือทาบอกตัวเอง
ขวัญเอ๊ยขวัญมา ขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่ได้เหยียบตีนผี
“ให้จอดทำไม นายทำของหล่นเหรอ” ยัง...ยังจะมาถามหน้าซื่ออีก
โครกกกกกกกกก
“อ๋อ นายทนหิวไม่ไหวสินะ ไปๆ พี่เลี้ยงข้าวหน้าเนื้อก็ได้ ร้านนี้เขาว่าอร่อยอยู่นะ”
หิวก็หิว แต่ต้องเคลียร์เรื่องนี้ก่อน
“ผมขอนะพี่ อย่าเพิ่งขับออกถนนใหญ่จนกว่าพี่จะขับรถแข็งกว่านี้ หรือถ้าให้ดีสอบใบขับขี่ให้ผ่านไปเลยดีกว่า”
“เป็นห่วงพี่เหรอ” เขาหยอก แต่ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็เออน่ะสิ! ชีวิตคนทั้งคนนะพี่ จะมาเสี่ยงชีวิตบนถนนไปเพื่ออะไร ขนาดคนที่ขับรถแข็งมันยังตายเพราะประมาทเลย” ผมกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ หลับตาลงและพยายามลบเรื่องในอดีตออกไป
“นะพี่ ถือว่าผมขอ” ผมลืมตาขึ้น เมื่อร่างสูงพยักหน้าผมก็ยิ้มบางให้เขา อย่างน้อยแค่เขาฟังที่ผมเตือนบ้างก็ยังดี แม้บางเรื่องเตือนเท่าไรก็ยอมไม่ฟังก็เถอะ
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่” พี่เจตเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ “พี่ดีใจนะ ที่ได้ชอบนาย” เขาสบตาผมยิ้มๆ แล้วจูงมือพาผมที่ยังอึ้งๆ กับคำพูดของเขาไปยังร้านอาหารใกล้ๆ
เราสั่งข้าวคนละอย่าง แรกๆ ผมก็กระอักกระอ่วนกับสายตาที่พี่เจตมองมา ก็ไม่ถึงกับหวานเชื่อมหรอครับ แต่ อืม ไม่รู้สิ มันละมุนละไมเหมือนคนที่มีความสุขมากๆ จนเก็บไว้ไม่อยู่ ซึ่งความรู้สึกของเขาก็เผื่อแผ่มาเต็มที่จนผมทำตัวไม่ถูก
แต่พอเริ่มคุยเรื่องสอบที่ใกล้เข้ามา ความกระอักกระอ่วนทั้งหมดก็สลายไปทันที เหลือแต่ความเครียดว่าจะสอบได้หรือไม่เปล่านี่ล่ะ ซึ่งร่างสูงก็อาสาติวให้ผมในวันหยุดเพราะถือว่ายังไงเราก็เป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน แม้อีกฝ่ายจะคิดไปไกลกว่านั้นก็ตาม
เราคุยลากยาวไปจนกระทั่งพี่แมร์โทรมา พี่เจตถามความเห็นผมว่าอยากไปกินบิงซูต่อหรือเปล่า ผมส่ายหัว ตอนนี้อิ่มมากครับ ไม่อยากกินอะไรต่ออีกแล้ว เราสองคนจึงตกลงกลับบ้านกัน
และแน่นอนว่าคนขับรถคือผม
ถึงจะยังไม่มีใบขับขี่ แต่ผมก็ขับรถเป็นกว่าพี่เจต ผมจึงอาสาไปส่งเขาพร้อมกับรถของเขาแล้วค่อยนั่งรถเมล์กลับบ้าน ตลอดทางก็โดนแต๊ะอั๋งไปตามเรื่องเพราะมือปลาหมึกของพี่เจตอยู่ไม่สุขเลยครับ
ผมต้องตีมือที่จับเอวผมไว้หลายครั้งจนเริ่มหงุดหงิด จับอย่างเดียวไม่พอจะบีบทำไมวะ ถ้าผมบ้าจี้มีแหกโค้งแน่นนอน
“ถึงแล้ว! ปล่อยได้ล่ะ” ผมโวยวายแล้วรีบลงจากรถ พยายามถอดหมวกกันน็อคคืนอีกฝ่าย แต่ก็ทำไม่ได้ พี่เจตจึงขยับเข้ามาถอดออกให้
จังหวะที่หมวกกันน็อคค่อยๆ เลื่อนขึ้นหลุดจากหัว สัมผัสเปียกชื้นก็จู่โจมริมฝีปากผมแผ่วเบาก่อนจะผละออก
ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อย่างคนไม่รู้จะทำยังไง
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” รุ่นพี่สุดหล่อส่งรอยยิ้มมาให้ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้ผมยืนหน้าร้อนอยู่หลายนาที พอตั้งสติได้ผมก็รีบวิ่งออกจากซอยบ้านพี่เจตทันที ตลอดทางกลับบ้านก็ได้แต่ตบอกข้างซ้ายตัวเองอย่างเครียดๆ
ไอ้หัวใจบ้า มึงจะเต้นแรงทำไมห้ะ!Tbc.
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
พูใจเต้นแล้ววววววววววว พี่เจตมีความหวังแล้วนะคะทุกคน 555555
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์จากคนอ่านทั้งเก่าและใหม่เลยนะคะ ดีใจที่เข้ามาอ่านกัน
ตอนนี้สนุกไหม เม้นบอกกันด้วยน้า อยากรู้ว่ายังมีคนอ่านอยู่ไหมมมมมม 
ขอตัวไปนอนแล้วค่า ทำงานสัปดาห์ละหกวันเลย เพลียร่างมากๆ ฮือ