14.ยิ้ม
“น้องพัช รีพอร์ท beta test ของเว็บโรงแรมอยู่ในอีเมลล่าสุดนะครับ”
พัชพยักหน้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณพี่สนที่ดูแลโปรเจคระหว่างที่เดินสวนกันตรงหน้าห้องน้ำชาย ปกติเวลารีพอร์ทปัญหาต่างๆจะถูกกรองแล้วส่งผ่านมาทางพี่ธาม แต่ช่วงนี้โชคไม่เห็นผู้ชายยิ้มเก่งคนนั้นเลย
“พี่ธามไปไหนครับ”
ไม่ใช่แค่พาโชคที่สงสัย แต่พี่ๆในห้องถามถึงกันมาหลายวัน
“ไปหาลูกค้าที่จีนครับ ตั้งแต่วันจันทร์แล้ว”
พี่สนตอบก่อนจะทำหน้างงเพราะนึกว่ารู้กันหมดแล้ว
“อ้าว ทำไมไม่มีใครบอก”
พัชตกใจเพราะจำได้ว่าเมื่อวานยังแชทถามเรื่องงานอยู่เลย แต่พี่ธามโบ้ยให้มาถามพี่สนเอง
“ทางนี้แจ้งพี่ยูไปแล้วนะ”
พาโชคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะยกมือถือขึ้นมาดูแชทเมื่อวาน พัชกับพี่ธามกลับมาคุยกันแล้วและก็อยู่ในฐานะพี่น้องแบบเดิมโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรไปมากกว่านั้น ส่วนหนึ่งในสาเหตุก็มาจากไอ้คนที่นั่งทำหน้ายักษ์อยู่ที่ห้องนั่นเอง
“พี่เจนอยากได้ของฝากอะไรจากจีนไหม”
พัชเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับถามพี่เจนไปด้วย ในเวลาเดียวกันก็เหลือบมองลูกพี่ที่เลิกคิ้วมองกลับมาอยู่ไกลๆ
“ทำไม โชคจะไปเหรอ”
พี่เจนถามแบบไม่รู้
“พี่ธามอยู่จีนตั้งแต่วันจันทร์แล้ว”
“อ้าว”
ไม่ใช่แค่เจนที่อ้าว พี่เดี่ยวกับพี่บอลก็ด้วย พาโชคไม่ได้จะตั้งใจฝากซื้ออะไร แค่หมั่นไส้หัวหน้าที่ไม่ยอมบอกกันดีๆ ในระหว่างที่เกมส์จ้องตาของลูกพี่กับไอ้พัชกำลังเดือดได้ที่ พี่เอกก็โพล่งขึ้นมาก่อน
“โชค mockup ของแอปร้านอาหาร proved แล้วนะ”
พาโชคพยักหน้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณพี่เอกแล้วเลิกมองหน้าหัวหน้าที่ตอนนี้หน้ายักษ์ใส่มันแล้ว
“เดี๋ยวคุณเนมจะมาคุยด้วยอีกที เห็นว่าจะให้ทีมข้างนอกทำแล้วให้พัชไปช่วยดูดีไซน์ให้”
งานอีกส่วนนึงของพาโชคนอกจากที่วันๆจะนั่งเขียนโค้ดแล้วบัคนั่นคือการรับ requirement ปากเปล่าจากลูกค้าเพื่อเขียนโฟลว์แล้วทำดีไซน์ง่ายๆให้เข้าใจได้ เหมือนแอปร้านอาหารล่าสุดก็ต้องมานั่งคิดให้ลูกค้าว่าฟีเจอร์ต้องมีอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย ละเอียดถึงขนาดว่าถ้าจะสั่งออเดอร์นี้แล้วของไม่มีต้อง alert เตือนยังไง ทำอยู่หลายรอบจนลูกค้าพอใจถึจะได้ส่งให้ designer ทำต่อ ซึ่ง designer มีอยู่หลายสไตล์และความถนัด บางคนถนัดกราฟฟิคบางคนถนัดเรื่องงานพิมพ์ บางคนถนัด photoshop มากกว่า illustrator ทำให้วิธีการทำงานออกมาต่างกันอีกด้วย พาโชคต้องช่วยลูกค้าดูให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด ถ้าถามว่าทำไมพี่เจนไม่ได้ทำงานดีไซน์ชิ้นนี้ นั่นก็เพราะงานพี่เจนตอนนี้ล้นไปถึงปีหน้าแล้วนั่นเอง
“พัช ไปไหน”
หัวหน้าถามพาโชคที่ลุกตามพี่ๆเดินออกไป
“กินข้าวไงครับ”
พาโชคตอบพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเที่ยงพอดี
“ไปกินที่บ.ลูกค้ากับพี่”
ลูกพี่บอก พัชที่ลืมว่าวันนี้มีประชุมกับลูกค้าข้างนอกตอนบ่ายสามคิดอยู่สักพักก่อนจะบอกปัดพี่ยูไป
“ไม่เอา ผมจะกินก่อน”
คนถูกปฏิเสธไม่ได้ตอบอะไร แต่จ้องพาโชคอยู่แบบนั้น ดูก็รู้ว่ากำลังบังคับ
“ก็ได้ๆ พี่เจนไปก่อนนะ เดี๋ยวผมไปกินข้างนอกเลย”
ต้นประโยคมันรับคำกับหัวหน้าก่อนจะหันไปบอกพี่เจนที่ยืนรออยู่นอกห้อง ซึ่งพี่เจนก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไปในที่สุด เป็นพัชที่ต้องมานั่งหิวข้าวรอหัวหน้าที่กำลังทำเอกสารให้ลูกค้าอยู่ พี่ยูมองเด็กที่กำลังนั่งเล่นมือถือหน้ายุ่งก่อนจะถาม
“หิวยัง”
“เออครับ”
พัชที่ไม่รู้จะขานรับยังไงตอบไปอย่างเสียไม่ได้ เพราะเวลาปกติยกเว้นเวลางานแล้วพัชมักจะไม่สุภาพกับลูกพี่เท่าไหร่
“โกรธเรื่องธามใช่ไหม”
พี่ยูรู้ดีว่าพาโชคไม่ใช่คนโกรธง่ายหรือขี้งอนกับแค่เรื่องหิวข้าว แต่ที่หน้าบึ้งอยู่แบบนี้คงมีเหตุผล
“ไม่โกรธหรอก แต่แค่สงสัยว่าทำไมไม่บอก”
พาโชคตอบตามความจริงโดยที่ไม่เงยหน้าคนถามแม้แต่น้อย
“คิดว่าธามบอกแล้ว”
คนเป็นพี่ตอบ ซึ่งพาโชคก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อเพราะพี่ธามเองก็ไม่ได้บอกอะไรเพราะคิอว่าหัวหน้าทางนี้จะแจ้งแล้วเหมือนกัน
“อือ ช่างเถอะ”
พาโชคที่กำลังเล่นเกมส์อยู่กดปิดมันก่อนจะเปิดเข้าข้อความของพี่ธามแล้วพิมพ์
‘ของฝากด้วย’
ความสัมพันธ์ของพัชกับพี่ธามต่างคนต่างรู้ดีว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ มันไม่ได้ยากหากคนสองคนจะคบกันในสมัยที่ชายรักชายเป็นเรื่องไม่ไกลตัว แต่ความชอบของพัชกับพี่ธามคงเป็นความชอบแบบ Bromance มากกว่า Romance
พัชคิดว่าไม่แปลกหรอกที่จะสับสนเพราะสำหรับคนไทยแล้วการที่ผู้ชายสองคนจะชอบและสนิทกันมากๆเป็นเรื่องแปลกยิ่งกว่าเป็นเกย์อีก ที่พัชมั่นใจก็เพราะมันนึกภาพไม่ออกจริงๆว่ามันกับผู้ชายแบบพี่ธามจะคบกันไปในทิศทางไหน แค่คิดว่าจับมือกันก็ขนลุกแล้ว
“อยากกินอะไร”
แต่กับผู้ชายคนนี้พัชกลับมองเห็นภาพได้ชัดทีเดียวว่าคบกันไปคงจะพากันซวยไปเรื่อยๆ ยูมองน้องมันที่มองหน้าตัวเองนิ่งแต่ไม่ตอบอะไร ปากแดงๆนั่นเม้มแน่นอย่างคนใช้ความคิด หัวหน้าว่าตอนนี้พาโชคคงกำลังนินทาเขาอยู่ในใจแน่นอน
“ป่ะ”
ในเมื่อไม่ตอบคนเป็นพี่ก็เดินมาฉุดแขนอีกคนขึ้นแล้วเดินนำไปที่รถ พาโชคเดินตามเงียบๆเหมือนปกติแต่ที่ไม่ปกติคือคนที่เป็นหัวหน้าที่เดินนำอยู่ประจำคอยแต่หันมามองน้องมันอย่างกับว่ากลัวไอ้พัชจะหนีไปไหน
***
“หลักฐานที่จะยื่นฟ้อง”
เขาตอบเมื่อเห็นอีกคนหยิบแฟ้มกระดาษจากเบาะข้างคนขับขึ้นแล้วทำหน้าตาสงสัย
“อ่อ”
พาโชคขึ้นมานั่งบนรถคันใหญ่ก่อนจะมองอีกคนยิ้มเจื่อนเพราะสิ่งที่เขาถืออยู่เป็นหลักฐานในคดีที่ตัวเองก็มีส่วนเอี่ยวด้วย
“ผมดูได้ไหม”
พัชถามแล้วมองหน้าเจ้าของกระดาษปึกนั้น
“ได้สิ”
คนเป็นพี่ตอบก่อนจะขับรถออกจากลานจอดรถขนาดใหญ่มุ่งหน้าออกไปที่อีกฟากของเมือง พาโชคนั่งอ่านข้อมูลในกระดาษพวกนั้นเงียบๆก่อนจะออกเรียกถามคนที่กำลังตั้งใจขับรถ
“พี่ยู”
“ครับ”
“ร้อยตำรวจเอกวัชระนี่ใคร”
ก่อนจะยูจะได้ตอบอะไรพาโชคก็โพล่งขึ้นมา
“วันนั้นผมเห็นผู้ชายคนนี้อยู่กับพี่แพมที่ห้าง”
ลูกพี่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามย้ำเมื่อรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ
“ใคร”
“ตำรวจคนนี้ วัชระ”
พาโชคตอบพร้อมกับชี้ที่รูปในกระดาษ
“ที่ห้างเหรอ? พี่ชายของเนสเหรอ?”
พี่ยูถามย้ำด้วยเสียงเย็น พาโชคเคยได้ยินเสียงแบบนี้อยู่ไม่กี่ครั้งและทุกๆครั้งมันเป็นตอนที่หัวหน้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
“อือ ไปกินข้าวด้วยกัน”
พาโชคตอบเสียงฟังชัด ต่อให้จะสายตาสั้นแต่พาโชคกล้าเอาระบบความจำที่จำโค้ดสีเกือบทุกเฉดเป็นประกันว่ามันความจำแม่นมาก
“พี่ไม่เข้าใจว่ะ”
พาโชคมองคนที่กำพวงมาลัยแน่นพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นแตะไหล่หนาเบาๆ
“ใจเย็น ค่อยๆขับ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
คนเป็นพี่ถอนหายใจหนักก่อนจะพยักหน้า
***
“เขาประชุมอะไรรู้เรื่องไหม”
ปกติคำถามนี้จะเป็นคำถามที่หัวหน้าเอาไว้ไล่บี้พาโชคหลังจากนั่งงงหรือนั่งวาดรูปเล่นจากการประชุม แต่วันนี้กลับเป็นพาโชคที่ถามลูกพี่แทน
“ไม่รู้”
คนเป็นหัวหน้าตอบก่อนจะวางหัวตัวเองที่หนักๆมาตั้งแต่บ่ายลงบนไหล่ของอีกคน
“ให้ผมขับรถให้ไหม”
พาโชคถามคนที่ขึ้นมานั่งบนรถตั้งนานแล้วแต่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งเอียงเบียดเบียนไหล่มันอยู่แบบนี้
“ไม่เอา”
เจ้าของรถว่าก่อนจะดึงตัวเองขึ้น
วันนี้มีประชุมรับ requirement จากบริษัท real estate เจ้าใหญ่ พัชที่เห็นลูกพี่ล่องลอยเหมือนคนเมายาแก้หวัดรับหน้าที่รับประชุมแทนเองทั้งหมด ปล่อยให้หัวหน้านั่งจดรายละเอียดเป็นเลขากล้ามใหญ่ ซึ่งดูจากสมุดที่จดแล้วหัวหน้ายังทำหน้าที่ได้ดีแม้จะดูสติไม่เต็มร้อยก็ตาม
“สรุปการประชุมให้ผมทำไหม”
พี่ยูมองพาโชคที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเหมือนเดิม พาโชคมักจะเอาใจใส่และอ่อนโยนอยู่เสมอไม่ว่ากับใคร บางครั้งก็อยากจะรู้ว่าน้องมันโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน ทำไม mindset ถึงได้ดีต่างจากเขาที่แก่กว่าน้องตั้งเยอะแต่วุฒิภาวะทางอารมณ์เหมือนยังอายุสิบห้าอยู่เลย
“พี่ทำเอง ไม่เป็นไร”
พาโชคเลิกคิ้วมองคนข้างกันก่อนจะพยักหน้ารับ
เพราะว่าอาชีพของพัชคือเป็นกรรมกรออฟฟิศ เพราะฉะนั้นชีวิตของพาโชคจึงหนีไม่พ้นสถานที่ซ้ำๆกันอยู่ไม่กี่ที่ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศ ห้องประชุม บ้าน แต่ไม่นานมานี้รถของหัวหน้าก็เป็นอีกที่ที่ใช้เวลาอยู่ด้วยเสียเยอะ พี่ยูจอดรถที่หน้าบ้านพาโชคก่อนจะหันมารื้อเอกสารของตัวเองที่เตรียมให้พ่อเพื่อยื่นแจ้งความและฟ้องในเวลาเดียวกวัน ในขั้นตอนของกฏหมายเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปในทิศทางไหนในเมื่อเอาจริงๆเขาเป็นคนเริ่มก่อเรื่องเอง แต่ที่รู้ๆคือเขาจะเสียทั้งเวลาและเงินเป็นจำนวนมาก ได้แต่หวังว่าอย่างน้อยมันก็อาจจะทำให้ไม่ใครมารุกรานเขาเหมือนเดิม จะได้ใช้ชีวิตที่ระแวงและจมอยู่กับเรื่องเก่าๆสักที
“พัชคิดว่าแพมกับพี่ชายของเนสไปรู้จักกันได้ยังไง”
เด็กแว่นที่ลองคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วค่อยๆตอบอย่างคนที่เรียบเรียงเรื่องราวในหัวไปด้วย
“หนึ่งคือรู้จักกันมาก่อน สองคือรู้จักกันหลังจากไปแจ้งความ เพราะพี่ยูพาพี่แพมเขาไปแจ้งความที่สน.คุณวัชระนั่นไม่ใช่เหรอ”
พัชเงียบไปสักพักก่อนจะบอกขึ้นมาอีก
“แต่ถึงจะรู้จักกันตอนไหนก็ไม่ดีกับตัวพี่แน่นอน”
คนที่เป็นพี่ถอนหายใจหนัก จะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ก็ใช่แต่พอฟังพาโชคตอบทุกอย่างเรียบๆคนใจร้อนและทำอะไรไม่ค่อยคิดแบบเขาถึงได้รู้สึกสงบใจได้อย่างประหลาด พาลคิดไปว่าต่อให้พี่ชายเนสจะจ้างคนมากระทืบเขาอีกก็คงมีพาโชคอยู่ข้างๆตรงนี้
“รู้ไหมทำไมพี่ชอบพัช”
คนถามยิ้มให้คนที่นั่งคนข้างกัน พาโชคมองคนที่เปลี่ยนโหมดชีวิตได้รวดเร็วอย่างกับกิ่งก่า
“ไม่อยากรู้”
พาโชคผู้มีหัวหน้าเป็นพาหะความซวยหันมาแยกเขี้ยวให้ลูกพี่ ก่อนจะโดนจับไหล่ตรึงไว้กับเบาะ ร่างสูงใหญ่ของหัวหน้าเอี้ยวมาหามันก่อนจะกดจูบลงที่แก้มหนักๆอย่างหมั่นเขี้ยว พาโชคตาโตเหมือนโดนผีหลอกเพราะนับตั้งแต่ที่มีอะไรกันครั้งสุดท้ายนั่นก็ผ่านมาเกือบปีแล้ว เพราะหลังๆที่หัวหน้าหน้าด้านมาขอนอนที่บ้านน้องมันแล้วได้นอนที่เตียงบ้าง โซฟาหรือพื้นบ้าง มากสุดก็ทำแค่กอด เพราะฉะนั้นพัชถึงรู้สึกมือไม้เกะกะไปหมด
“ทำอะไร”
พาโชคถามเมื่ออีกคนผละตัวออกแล้วยิ้มให้ท่าทางพออกพอใจ
“หมั่นเขี้ยว”
พัชมองตาขี้เล่นของอีกคนนิ่งก่อนจะถลึงตาใส่ แต่ไม่นานก็หัวเราะร่าเมื่อนึกถึงคนหน้ายักษ์เมื่อบ่าย
“ยิ้มได้แล้วเนอะ เมื่อบ่ายยังหน้าเหมือนคนใกล้ตายอยู่เลย”
พี่ยูยิ้มให้ไอ้เด็กที่นั่งอยู่ข้างกัน อาจจะเป็นยิ้มกว้างที่สุดของเขาในรอบปีนี้ และอาจจะเป็นยิ้มที่เขาคิดว่าตัวเองยิ้มออกมาจากใจในรอบหลายปี
“ยังไม่ตายหรอก กลัวพัชร้องไห้”
หัวหน้าบอกก่อนจะโคลงหัวคนที่ตัวเล็กกว่าเล่น
“ห่วงพี่ใช่ไหมล่า”
เวลาที่ผ่านมาของพี่ยูกับน้องมันถ้าให้เทียบกับสีคงเป็นสีเทาหม่นๆ พวกเขาเริ่มต้นในเวลาและโอกาสที่ไม่ดีนัก ทั้งมีแต่เรื่องน่าปวดหัวเข้ามาเยอะ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานที่ยุ่งเกินปกติ แต่เขาว่าเขาตัดสินใจถูกที่เริ่มทำทุกอย่างให้มันเคลียร์ไปทีละอย่าง แต่สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือต้องขอบคุณพาโชคที่ยังไม่ไปไหน
“ขอบคุณนะแว่น”
พี่ยูบอกคนที่หลังๆมาเริ่มยิ้มได้แล้ว เขาจำได้ดีไม่ว่าจะเป็นพาโชคตอนที่เป็นเด็กเนิร์ด พาซวยที่ทำงานแล้วเถียงคอเป็นเอ็น ไอ้พัชที่ชอบกินชาเขียว พาโชคชอบจูบ จำได้ดีแม้กระทั่งตอนที่น้องซึมลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเครียดจากเรื่องของเขา
จะบอกว่าเรื่องที่ลูกพี่ยอมอ่อนข้อให้น้องมัน ไม่ว่าจะเป็นปล่อยให้น้องอยู่กับไอ้ธามทั้งๆที่เขาไม่ชอบ ทั้งเลิกขี้บังคับและดุมันทั้งๆที่แต่ก่อนทำอยู่ประจำ ทั้งหมดนั้นก็เพราะอย่างน้อยอยากให้พาโชคได้กลับมายิ้มและหัวเราะได้เหมือนเดิม กลับกลายเป็นว่าเป็นพาโชคเสียเองที่ช่วยเขาไว้แทน
“ขอโทษอีกกี่ครั้งถึงจะหายโกรธเนี่ย”
พี่พูดถึงเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา พาโชคมองหน้าคนที่ขอโทษเป็นรอบที่สิบ
“ไม่ทำอีกก็พอ”
คนเด็กกว่าว่าเสียงดุ พี่ยูเลิกคิ้วมองคนตัวเล็กแต่วางอำนาจ คงเพราะยอมไปเยอะพาโชคถึงได้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแบบนี้
“ครับๆ”
เจ้าของรถบอกก่อนจะดับเครื่องแต่โดนอีกคนถามเสียงดุ
“อะไร พี่ยูก็กลับบ้านไปสิ”
“No, Thanks”
คนเป็นพี่ตอบก่อนจะเดินลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าคอมพิวเตอร์ วันนี้วางแผนว่าจะทำงานและนอนที่บ้านพาโชคแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปทำงานด้วยกัน ช่วงนี้ลูกพี่ปล่อยให้น้องมันวางอำนาจต่อไปเรื่อยๆก่อน แต่อีกไม่นานหรอก เขาจะยึดอำนาจกลับมาให้เป็นระบอบเผด็จการแบบเดิม
***
“น้องแว่นมาแล้ว”
เจนที่ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นพัชสวมแว่นหนาแบบเคยทักทายด้วยความคิดถึงแว่นกลมๆที่ตอนนี้หายไปจากหน้าน้องแล้ว แต่ก่อนพี่เจนชอบแอบมองเวลาที่พาโชคเอามือดันแว่นอยู่บ่อยๆเห็นว่าเหมือนพระเอกซีรีย์เกาหลีที่เจนชอบคนนึง ระหว่างที่กำลังจะคุยกับน้องต่อ คนที่คุณรู้ว่าใครก็ผลักประตูตามกันมาติดๆ
“แหม มาเร็วนะคะ”
เจนยิ้มล้อหัวหน้าแต่ลูกพี่กลับไม่ยี่หระอะไรทั้งสิ้น พี่ยูมองเจนก่อนจะยักคิ้วให้อย่างผิดวิสัย
“อะไรคะ อย่าบอกนะว่ามาด้วยกัน”
ตอนแรกเจนว่าจะล้อเฉยๆแต่พอเห็นว่าลูกพี่อารมณ์ดีถึงได้ถามต่อ ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังกับคำตอบอะไรหรอก
“อือ มาด้วยกัน”
แต่หัวหน้ากลับบอกออกมาเฉยๆแบบนั้น เจนที่กำลังช็อคมองหัวหน้าที มองพาโชคทีแล้วหันไปหาพี่เอกที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงโต๊ะ ซึ่งพี่เอกก็ดูช็อคอยู่เหมือนกันดูได้จากกัดหมูปิ้งค้างไว้ในปากแล้วมองคนนั้นทีคนนี้ที
“เจนต้องพูดอะไรต่อไหม”
เจนที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อถามพี่เอก พี่เอกส่ายหน้าพร้อมกับพูดทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก
“อย่าเลย เดี๋ยวพี่กินข้าวไม่ได้”
พัชหันไปมองลูกพี่ตาขวางซึ่งคนอารมณ์ดีก็ยักคิ้วให้อย่างกวนตีนแล้วเริ่มทำงานโดยไม่แก้ตัวเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้พี่เจนกับพี่เอกมองมาที่มันอย่างต้องการคำตอบ
“สวัสดีครับทุกคน”
แต่ก่อนที่พัชจะได้ตอบอะไรคุณเนมที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นหน้าก็ผลักประตูเข้ามา
“บอลกับเดี่ยวยังไม่มาเหรอ”
“พี่บอลกับพี่เดี่ยววันนี้ไป onsite ครับ”
พาโชคบอกคุณเนมที่เดินมาหาที่โต๊ะ
“อะไรเนี่ย ทำไมพาโชคพอไม่ใช่แว่นแล้วตาแป๋วแบบนี้”
พาโชคไม่รู้จะขอบคุณหรือถามคุณเนมดีว่านี่ชมหรือประชดอะไร
“ข้าวปั้นสาหร่าย เนมขอนะพาโชค”
แล้วก็เหมือนเดิม...ไม่พ้นมาจิ๊กข้าวชาวบ้านเขากิน
“คุณเนม มาเอานี่”
หัวหน้าที่มองคุณเนมแย่งข้าวพาโชครีบกวักมือเรียกแต่คุณเนมกลับส่ายหัว
“ไม่เอาหรอกแซนวิช ผมอยากกินข้าวปั้น”
ในเมื่อ Ceo ระดับสูงพูดแบบนั้นแล้วใครจะพูดอะไรได้
“ว่าแต่มาทำไม”
พี่เอกถามคุณเนมที่วันนี้โผล่มาด้วยชุดที่ดูก็รู้ว่าจะไปตีกอล์ฟต่อ
“อ๋อ เมื่อคืนคุณพงษ์เจ้าของโรงงานน็อตเพื่อนเก่าสมัยเรียนโทรมาคุยกับผมว่าอยากให้ทำเว็บบริษัทให้ใหม่ ผมจะมาบอกให้พาโชคทำ mockup ง่ายๆให้หน่อย เอาสีเทาๆน้ำเงิน”
คนที่จะหางานเข้าบริษัทได้นั้นนอกจากจะพูดเก่งแล้ว connection ยังเป็นเรื่องสำคัญอีกด้วย
“คุณเนมส่งโค้ดสีมาเลยครับ เดี๋ยวผมทำให้”
ในหมู่คนที่ใช้ designing tools ย่อมคุ้นเคยในการจำสีเป็นโค้ด เพราะความแม่นยำในการทำงาน อยู่ดีๆจะมาบอกว่าขอสีเทาน้ำเงินแบบคุณเนมนี่ได้ปวดหัวตาย เพราะเฉดสีมีเป็นล้าน ซึ่งระบบของสีที่นิยมในงานของพาโชคคือ RGB กับ HEX เช่น สีขาวของ rgb=(0,0,0) แล้วสีขาวของ hex=#ffffff โค้ดสีจะต่างกันออกไปในทุกเฉดสี เพราะฉะนั้นขอเป็นเลขแบบนี้มาดีกว่านั่งคิดว่าเทาๆน้ำเงินแบบที่คุณเนมบอกคืออันไหน
“ได้ๆ”
คุณเนมบอกก่อนจะคว้าข้าวของลูกน้องแล้วเดินออกไป พัชมองตามตาพริบๆโดยได้ยินเสียงขำของพี่เจนเป็นแบคกราวน์
“อะไรของเขาวะ”
“เนมแม่งชอบแกล้งไอ้พัช”
ประโยคแรกคือพี่ยูส่วนประโยคหลังคือพี่เอกที่บ่นไปด้วยขำหน้าเหวอของน้องเล็กไปด้วย
“ถือว่าตอบแทนบุญคุณคุณเนมที่เลี้ยงเหล้ามาทุกอาทิตย์นะพัช”
พี่เจนว่า
“กินของพี่ไปก่อนนะ”
พี่ยูลุกจากโต๊ะแล้วหยิบแซนวิชไก่ทอดวางให้น้องมันแทนข้าวปั้นที่โดนขโมยไป
“แล้วพี่ยูกินอะไร”
“ปกติพี่ก็กินแค่กาแฟ”
“ไม่เอา เกรงใจ”
“เกรงใจอะไร เมื่อเช้าบ่นว่าหิวนิ”
ลูกพี่บอกก่อนจะลูบหัวทุยเบาๆ เจนที่สบตากับพี่เอกสองคนกรอกตาวนสองรอบอย่างเหนื่อยใจ แต่แก้มกลับแดงจัด
“เจนยังจำเป็นอยู่ไหมพี่เอก”
“พี่ก็คิดอยู่ว่าห้องนี้มันมีกี่คนวะเจน เราเหมือนไม่มีตัวตน”
พี่เอกบ่น