10.Your secrets was hidden in the folder
“ไม่ได้เจอกันแปดชาติ”
แขกในยามสี่ทุ่มของบ้านพาโชคเอ่ยทักทายพร้อมกับวางของที่ซื้อมามากมายลงบนโต๊ะกับข้าว
“สามเดือนเองครับ มึงทำอย่างกับนานมาก”
พัชบอกพร้อมกับเปิดขุมทรัพย์เป็นเบียร์จำนวนมากในตู้เย็น มองด้วยตามีอย่างน้อย 3 ยี่ห้อขึ้นไป ถือเป็นสวรรค์ของพวกขี้เมาเลยก็ว่าได้
“เปล่า กูอยากเบียร์มาก”
แขกของบ้านว่าพร้อมกับหัวเราะอารมณ์ดี ที่จริงออมกับพัชนัดกันไปกินข้าวข้างนอก แต่เพราะฝนที่ตกไม่หยุดสักทีเลยตัดสินใจเปลี่ยนมาสุมหัวที่บ้านพาโชคแทน
“มึงค้างนี่เลยก็ได้นะ”
เจ้าของบ้านที่กำลังใส่เบียร์เข้าไปในช่องฟรีซหันมาบอกเพื่อน
“กูไม่ได้เอาอะไรมาเลย”
เจ้าตัวว่า พัชมองเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มของเพื่อนก่อนจะบอก
“บ้านกูมีหมด ไม่ต้องห่วง เสื้อผ้ามึงปั่นแห้งเอา เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยใส่กลับบ้าน”
“กูคงใส่กางเกงมึงได้มั้ง”
ที่ออมว่าแบบนั้นเพราะตัวมันกับไอ้พัชเรียกว่ากระดูกคนละเบอร์จริงๆ
“ถึงเอวกูจะเล็กแต่ตรงนั้นใหญ่นะเว้ย”
คนตัวเล็กกว่าบอกเพื่อน ออมมองหน้าละค่อยถามมัน
“ตรงไหน”
“ขา”
เจ้าตัวตอบพร้อมกับขำ ผู้ชายก็แบบนี้แหละ...คุยกันอยู่ไม่กี่เรื่อง
“กูว่าน่าจะมีที่มึงใส่ได้อยู่”
พาโชคย้ำเพื่อนอีกที ออมพยักหน้ารับแต่ก็ยังติดใจว่าพาโชคจะหาเสื้อผ้าไซส์ใหญ่มาจากไหนเพราะพ่อพาโชคเองก็ผอมพอๆกัน
“ของใครวะ”
“พี่ที่ทำงาน”
ออมพยักหน้ารับก่อนจะถามตามความเข้าใจของตัวเอง
“เขามากินแบบกูใช่ไหม”
เจ้าของบ้านนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะตอบ
“อือ”
แม้ว่าจริงๆแล้วจะมีเหตุผลอื่นอยู่ด้วยก็ตาม
หลังจากอาบน้ำเสร็จสรรพ สองหนุ่มก็ย้ายตัวเองมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับเบียร์และกับแกล้มที่ออมซื้อมาจากตลาดหน้าหมู่บ้าน
“เป็นไงบ้างมึงช่วงนี้”
พัชถามคำถามปกติที่มักจะถามกันพลางมองจอทีวีที่กำลังฉายหนังไปด้วย
“งานเรื่อยๆที่หนักใจคือที่บ้านเริ่มไล่ให้กูไปออกเรือนสักที แฟนไม่ต้องมีแล้วให้มีเมียเลย”
พัชหัวเราะ เนื่องจากพวกเนิร์ดมักจะเจอปัญหาแบบนี้อยู่เป็นประจำ ออมทำหน้าเซ็งก่อนหันมาถามเพื่อน
“มึงล่ะ”
พาโชคถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบ
“กูอยากย้ายงาน บ.มึงรับสักคนไหม”
“รับ แต่เงินน้อย เอาไหมล่ะ”
“ไม่”
พัชตอบทันที แม้จะอยากย้ายแค่ไหนเรื่องเงินก็ยังมาเหนือว่าเรื่องส่วนตัวอยู่ดี
“ไม่คิดเลยสัส”
พาโชคหัวเราะพร้อมกับตอบ
“กูแก้ปัญหาทุกอย่างได้ด้วยเงิน”
ออมพยักหน้ารับเห็นด้วย
“ก็จริง พอมีครอบครัวนะก็ต้องแบ่งเงินให้เมีย ลูก”
เจ้าของบ้านพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะบอกเพื่อน
“หาเมียรวยๆ”
ออมเหนื่อยใจกับข้อเสนอแนะของเพื่อนเหลือเกิน
“มึงก็พูดง่ายพัช สังคมไทยแม่ยายที่ไหนจะให้ลูกสาวมาเลี้ยงกู”
“กูว่าต้องหาผัวมาเลี้ยงแทน”
ออมถึงกับหลุดขำท่าทางของพาโชค
“หน้าตามึงจริงจังจนกูขนลุกเลย”
พอเริ่มแก่และเริ่มเมาแล้วเรื่องที่คุยกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องความหลัง เรื่องสมัยเรียน พูดถึงคนนั้นคนนี้ พูดถึงตัวเอง สิ่งของ รวมไปถึงไอเดียในอนาคตพร้อมกับสิ่งที่อยากทำ เรียกได้ว่าคุยกันแทบจะทุกเรื่อง เว้นแต่ส่วนตัวเรื่องเดียวที่แม้จะเมาแค่ไหนพาโชคก็ไม่มีทางหลุดออกไป
“กูก็บ่นแต่เรื่องของกู ว่าแต่มึงมีแฟนยัง”
พาโชคมองหน้าเพื่อนตัวเองที่ถามด้วยใบหน้าจริงจังผิดกับปกติ
“ถ้ามีกูจะมานั่งเมากับมึงแบบนี้เหรอ”
ก็จริง...ออมพยักหน้ารับพร้อมกับพาโชคที่เปลี่ยนเรื่อง
“แต่ก่อนกูจำได้มึงอย่างอ้วน ตอนนี้ทำไมเพรียววะ”
พัชจำได้ว่าสมัยเรียนจะมีคนชื่อออมอยู่สามคนได้แก่ ออมหญิง ออมสูงและออมอ้วน ซึ่งออมอ้วนเพื่อนมันแม้ตัวจะสูงใหญ่แต่น้ำหนักก็น่าจะเกินร้อยกิโลกรัมต่างจากตอนนี้ลิบลับ
“ตังค์ไม่พอแดกครับ ไม่ใช่ทุกบริษัทจะเงินดีแบบมึง”
พาโชคขำ ดูก็รูว่าเพื่อนไปออกกำลังกายมาเพราะกล้ามเนื้อดูลีน จากไอ้อ้วนเมื่อก่อนกลายเป็นไอ้ตี๋ล่ำไปเลย
“ฟิตหุ่นแบบนี้ไปจีบสาวที่ไหนครับ”
ออมขำก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่กู มึงก็แบ้วขึ้นนะ”
“แบ้วเหี้ยไร”
เจ้าของบ้านบ่นอุบอิบ
“แต่ก่อนอย่างกับเด็กเทคนิค”
เพราะแต่ก่อนพัชไว้ผมยาวประบ่าแสกกลาง ตัวผอมๆ ผิวคล้ำแดดเพราะช่วงนั้นบ้าปั่นจักรยาน ที่ออมบอกว่าแบ้วขึ้นก็เพราะตอนนี้พาโชคตัดผมสั้นทรงเกาหลีแบบที่พี่ธามลากไปตัด สวมแว่นกรอบกลม และผิวใสขึ้นเพราะไม่ต่อยได้ออกแดดรวมถึงอ้วนขึ้นเพราะวันๆกินแต่น้ำหวานและข้าวเหนียวหมูปิ้ง
“พอมีเงินแฟชั่นมันก็เปลี่ยนไป”
พัชบอกพร้อมกับหัวเราะร่วน
ที่สุดแล้วการมากินเหล้าบ้านเพื่อนของออมก็จบลงที่หลับเป็นตายบนโซฟา ส่วนเจ้าของบ้านลากสังขารขึ้นไปนอนข้างบน โชคดีที่อาบน้ำกันก่อนดื่มแต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นเบียก็คละคลุ้งไปทั่วบริเวณห้องนั่งเล่น ออมที่กำลังฝันว่าอาม่าบังคับให้แต่งงานผงะตื่นขึ้นเพราะเสียงกริ่งหน้าบ้านห่อนจะเดินงัวเงียออกมาเปิดประตู ทำเอาคนที่มาหาเจ้าของบ้านมองหน้ามันสลับกับประตูบ้านเหมือนมาผิดบ้าน
“พัชอยู่ไหมครับ”
ผู้มาเยือนถาม ออมหาวหวอดก่อนจะตอบ
“หลับอยู่ครับ ให้ปลุกให้ไหม”
ออมมองหน้าแขกของบ้านพลางด่าในใจว่า...ใครวะแม่งมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ใครคนนั้นสูงพอๆกับออมแต่ตัวเล็กกว่าหน่อย น่าจะอายุเยอะกว่ามันอยู่หลายปี
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาบอกก่อนจะเดินหันหลังออกไป
“อ่อ ครับๆ”
ออมที่ยังงงกับชีวิตเดินกลับไปนอนที่โซฟาตัวเดิม ทั้งค่อนข้างปวดหัวเพราะไม่ได้ดื่มมากขนาดนี้มานานแล้ว ออมง่วงเกินกว่าจะคิดอะไร รู้แต่ว่าเดี๋ยวพัชตื่นมาค่อยบอกว่ามีคนมาหา แต่ทว่าออมคนซวย2018 นอนต่ออีกได้ไม่ถึงสามชั่วโมงเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง โชคดีที่ตอนนี้ไอ้ออมพอมีสติบ้างแล้ว หัวก็ไม่ปวดแล้ว มันเปิดประตูออกไปแล้วเจอแขกคนใหม่ที่ขมวดคิ้วท่าทางเหมือนคนที่แล้ว
“พัชอยู่ไหมครับ”
แล้วก็ถามคำถามเดียวกันกับคนที่แล้ว
“หลับอยู่ครับ”
ออมตอบพร้อมๆกับหลบตาผู้มาใหม่ที่มองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ความรู้สึกนี่อย่างกับมันมาเป็นชู้กับพาโชคแล้วผัวเขากลับบ้านมาเจอ
“พอดีผมโทรมาหาแล้วพัชไม่รับสาย”
ออมว่าแบตโทรศัพท์ที่ว่าน่าจะจอดับไปพร้อมๆคนที่หลับไม่รู้เรื่องในยามนี้
“เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยครับ เดี๋ยวผมไปปลุกให้”
ออมว่าพร้อมกับเดินนำเข้าไปในบ้าน คนมาใหม่ดูสภาพบ้านแล้วเมื่อคืนคงหนักอย่างที่บอก ศศินมองผู้ชายตัวล่ำที่เดินนำเข้าบ้านอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ เขายังนึกอะไรไม่ออกกระทั่งมองเห็นโซฟาเบดที่ดูเหมือนเป็นที่นอนของผู้ชายคนนี้ หัวเขาโล่งขึ้นมาหน่อยก่อนจะมองไปที่บันไดเชื่อมไปสู่ชั้นสอง
“เดี๋ยวผมไปปลุกเองก็ได้ครับ”
หัวหน้าพาโชคบอกใครอีกคนที่สวมเสื้อและกางเกงของเขา
“อ่อ ครับๆ”
ออมตอบรับก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปโดยที่ได้แต่เก็บความสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ส่วนยูเดินขึ้นมายังชั้นสองด้วยท่าทางคุ้นเคย แม้ว่าเขาเองจะมาไม่กี่ครั้งแต่ก็จำได้ดีว่าห้องของพัชที่ห้องนอนใหญ่ตรงซ้ายมือ แปลกเหมือนกันที่ลูกบิดไม่ได้ล็อคอย่างที่คิด
“หลับเป็นแมว”
เขาหลุดปากออกมาเมื่อเห็นเด็กพาโชคนอนขดเป็นก้อนอยู่มุมข้างในของเตียงที่วางไว้ชิดกับผนัง
“พัช”
เขานั่งลงก่อนจะเรียกเจ้าของบ้านด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังแต่กระนั้นก็ไม่ได้เบาขนาดที่จะไม่ได้ปฏิกิริยาตอบกลับจากเจ้าของบ้านเลย
“คุณพาโชคครับ”
“อือ”
พัชเริ่มส่งเสียงเพราะโดนดึงผ้าห่ม
“นี่แอร์หรือขั้วโลกเหนือวะ”
พี่ยูบ่นเป็นยักษ์ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่านอนกับพาโชคทีไรไม่เขาก็ต้องน้องที่หนาวจนเป็นหวัด หัวหน้าถอนหายแล้วสะบัดหัวไล่ภาพและเรื่องราวเก่าๆทิ้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าแขนเจ้าของห้อง
“พี่ธามอย่ากวน ปวดหัว”
คนที่กำลังปลุกพาโชคนิ่งเงียบไป แต่ก็ว่าอะไรไม่ได้เพราะที่มาหาพาโชคได้ก็เพราะธามเป็นคนโทรบอกว่ามาหาน้องแต่ไม่เจอ น่าจะเมากับเพื่อน เขาไม่ทันได้ถามว่าทำไมธามต้องมาบอกเขาและทำไมธามต้องไปหาพัชอีกคนก็วางสายไปก่อน เขาที่ไม่รู้จะรู้สึกยังไงดีกระวนกระวายตั้งแต่แปดโมงเช้าจนเกือบสิบโมงถึงได้ตัดสินใจขับรถออกมาเพราะรำคาญตัวเอง
“ลุกมากินข้าวกินยา”
เข้าของบ้านลุกขึ้นมาทำตาโตๆหัวฟู ก่อนที่พี่ยูจะหยิบแว่นตรงหัวเตียงมาให้สวม
“หัวหน้ามาทำไม”
ที่มาก็เพราะมีเรื่องจะคุยด้วยพอดี และจริงๆก็คือเป็นห่วง ยูเลี่ยงที่จะตอบแต่ถามแทน
“อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อให้”
พาโชคงงกับท่าทางของหัวหน้า แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ยูทำแบบนี้ พัชที่สติยังไม่ค่อยเต็มสั่งหัวหน้า
“อะไรก็ได้ครับ เผื่อเพื่อนผมด้วยนะ"
เจ้าของบ้านว่าพร้อมกับพยายามหยิบกระเป๋าตังค์ที่อยู่หัวเตียง
“เดี๋ยวค่อยจ่าย”
ศศินบอกพร้อมกับลูบหัวฟูๆของอีกคน เพราะเขานั่งหันหลังถึงไม่เห็นว่าคนที่อยู่ข้างล่างเมื่อครู่เดินขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว ออมที่ทำตัวไม่ถูกมองเพื่อนตัวเองอย่างต้องการคำตอบ เพราะเมื่อคืนพวกมันยังฉลองความโสดกันสองคนอยู่เลย
“หัวหน้าที่ทำงาน พี่ยูนี่ออมเพื่อนผม”
พาโชคเหมือนรู้จึงบอกเพื่อนพร้อมๆกับแนะนำใครอีกคนให้รู้จัก ยูยิ้มให้เพื่อนของพาโชคก่อนจะเดินออกจากห้องไป สหายที่เมาค้างมองหน้ากันแต่ก็ยังไม่มีใครอยากคาดคั้น พูด หรือตอบอะไรในเวลานี้
“กูขอยืมชุดนะ เดี๋ยวซักมาคืนจะกลับแล้ว”
ออมบอก อันที่จริงมันกะจะขึ้นมาลาเพื่อนไม่ได้คิดว่าจะขึ้นมาเป็นมารขัดขวางบรรยากาศดีๆเมื่อครู่
“แล้วจะกลับยังไง”
เจ้าของบ้านถามก่อนหาวหวอด
“เรียกอูเบอร์แล้ว อีกสิบนาทีรถมา”
พัชพยักหน้ารับก่อนจะบอกลาเพื่อน ส่วนตัวเองซุกตัวลงบนเตียงเช่นเดิม วันนี้เป็นวันหยุดเพราะฉะนั้นถึงไม่ได้สนใจว่าจะต้องตื่นกี่โมง
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงยูก็กลับมาพร้อมกับถุงราดหน้าถุงใหญ่เขาวางมันไว้ที่โต๊ะกับข้าวด้านล่างพร้อมกับพบว่าไม่มีใครอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว บางทีเพื่อนคนนั้นคงกลับไปแล้ว ยูจึงเดินขึ้นไปบนบ้านก่อนจะเจอว่าพาโชคก็ยังนอนอยู่ที่เดิม แม้ห้องนี้ค่อนข้างจะสว่างเมื่อเทียบกับห้องนอนทั่วไปแต่คนหลับลึกก็ยังนอนขดเป็นกุ้ง
“ดื่มหนักใช่ไหมเมื่อคืน”
แม้เขาจะบ่นเสียงค่อนข้างดังแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ยูนั่งลงข้างเตียงก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าแขน
“พี่ซื้อราดหน้ามากับยาแก้แฮงค์ให้วางไว้บนโต๊ะนะ”
“อือ”
เสียงที่ออกมาจากลำคอเป็นนัยยะว่ารับรู้แล้วของพาโชคทำพี่ยูยิ้ม เขาว่าบางทีเรื่องจะคุยกับน้องมันเอาไว้วันหลังก็ได้ ให้น้องได้พัก
“อย่าลืมลุกขึ้นกินยานะ”
เขาลูบหัวทุยนั้นอีกครังก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง แต่คนที่นอนอยู่กลับคว้าแขนเขาไว้พร้อมกับพูดด้วยเสียงอู้อี้ที่ฟังไม่ออก
“อะไรนะพัช”
เขาก้มลงเพื่อหาเด็กอีกคนเพื่อที่จะฟังให้ชัด
“มาทำไม”
ยูยิ้ม ก่อนจะตอบ
“พี่จะกลับแล้ว นอนเถอะ”
พาโชคที่หลับตาลงอีกครั้งพร้อมบอกด้วยเสียงเบา
“ผมง่วง”
แม้จะบอกอย่างนั้นแต่มือที่จับแขนเขาไว้กลับไม่ได้ปล่อย พี่ยูนั่งลงตามแรงดึงของคนที่นอนอยู่บนเตียง เขาถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะถูกแขนขาวพาดกับตักของตัวเอง พร้อมกันนั้นคนที่นอนอยู่ก็ขยับเข้ามาหา หัวมนๆนั่นซุกอยู่ใกล้ตักเขา
“พี่ควรทำตัวยังไงวะ”
คนเป็นหัวหน้าล้มตัวลงนอนบ้างแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า เขานอนหันหลังให้เจ้าของห้องกอดตัวเองในตอนแรก แต่ไม่นานนักเมื่อเริ่มที่จะง่วงก็หันกลับมากอดอีกคนแน่นเช่นเดียวกัน สรุปแล้วทั้งแขกและเจ้าของบ้านก็ตื่นกันตอนเกือบบ่ายสองเพราะเริ่มหิว ยูเดินนำลงมาอุ่นราดหน้าที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อเช้ากินกันเป็นข้าวบ่าย พวกเขานั่งกินเงียบๆจนกระทั่งอิ่มยูถึงได้เริ่มพูด
“พี่ว่าจะไปแจ้งตำรวจเรื่องกล้องที่ห้อง”
“ครับ?”
พัชงงในตอนแรก แต่ก็เข้าใจในที่สุดว่าทำไมพี่ยูถึงมาหาเขาวันนี้ คงเพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเขาโดยตรง
“พัชโอเคไหม ถ้าพี่จะแจ้งความ”
พัชคิดมาตั้งแต่แรกว่าถ้าไม่ใช่คนทำเองดูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนสองคนในวิดีโอนั่นเป็นใคร ขนาดตัวเองมันเองยังต้องเพ่งดีๆถึงรู้ว่าคนในคลิปนั้นคือตัวเอง เพราะกล้องแอบถ่ายถูกซ่อนในมุมอับ ทั้งพวกเขาก็ปิดไฟกันมืดเสียด้วย
“ผมไม่มีปัญหาครับ”
เจ้าของบ้านตอบทำให้อีกคนยิ้มกว้าง
“ขอบใจนะ พี่อยากทำอะไรให้มันถูกสักที”
ไม่ใช่แค่พี่ยูคนเดียว พัชเองก็มีหลายเรื่องที่อยากถามเพราะสงสัยเหมือนกัน
“แล้วที่ไปแจ้งความกับพี่แพมครั้งที่แล้วล่ะครับ”
พาโชคจำได้ว่าหัวหน้าบอกว่าไปเจอพี่ชายคนชื่อเนสที่เป็นตำรวจอยู่สถานีนั้น ซึ่งเนสคือผู้หญิงที่พี่ยูเคยถ่ายคลิปตอนมีอะไรกันไว้ตอนมัธยมแล้วมันก็แพร่ออกไปในหมู่วัยรุ่นจนตัวพี่ยูเองถูกฝั่งพี่ชายของเนสซ้อมเกือบตายหลายครั้ง
“ครั้งที่ไปกับแพม เขาบันทึกข้อความไว้”
พาโชคขมวดคิ้วก่อนจะถามต่อ
“แล้วไม่มาตรวจอะไรให้เลยเหรอ”
“พี่ชายเนสเขาเป็นผู้กำกับสน.นั้น”
พาโชคถึงบางอ้อ มันถอนหายใจ
“แล้วคราวนี้จะแจ้งความได้ยังไง”
เจ้าของบ้านถามพร้อมกับปอกส้มเขียวหวานที่ออมซื้อมาตุนให้เมื่อวาน
“บ้านพี่อยู่คนละเขตกับบ้านแพมเขา”
แสดงว่าคนละสน. พาโชคที่เหมือนจะเข้าใจแต่งงอยู่หลายเรื่องถามต่อ
“ผมถามได้ไหม พวกพี่ไปเจอกล้องได้ยังไง หรือมาเป็นคลิปแบบของเรา”
พัชรู้สึกแปลกๆกับคำว่าเราอยู่ไม่น้อยแต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไร
“ไม่ใช่ ตอนนั้นพี่แค่เริ่มคุยกับแพม ไปกินข้าวด้วยกัน พี่กับแพมไม่เคยทำอะไรกัน”
พวกเขานั่งนิ่งกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่พาโชคจะพูดอีกครั้ง
“ผมไม่เข้าใจ ตำรวจคนนั้นเขาอาจจะยศใหญ่ แต่เขาจะเข้าบ้านพี่ไปติดกล้องได้ไง คอนโดพี่ก็ไม่ใช่ถูกๆ”
ศศินยิ้มเนือยๆก่อนจะบอกน้องมัน
“พี่ก็ไม่เข้าใจ คิดไม่ออกจริงๆเลยจะขอให้ตำรวจช่วย”
“แล้วถ้าตำรวจเป็นเพื่อนกันล่ะ”
เขายิ้มให้กับคนหน้าบูดอีกรอบก่อนจะตอบ
“พี่จะขอให้พ่อพี่ช่วย พ่อพี่เป็นตำรวจเก่า พอมีเพื่อนอยู่”
พาโชคนิ่งไปก่อนจะสบถออกมา
“เรื่องอะไรวะเนี่ย...”
ศศินเอื้อมมือรับส้มที่อีกคนยื่นให้ก่อนจะถือมันไว้โดยไม่มีท่าทีจะกิน
“พี่ถึงต้องมาถามพัชก่อน ถ้าเผื่อมันต้องสอบปากคำ”
เจ้าของบ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พ่อพี่เขารู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นแบบนี้”
เป็นแบบนี้ในความหมายของพาโชคก็คือมีอะไรกับผู้ชาย เรื่องคลิป เรื่องกล้อง ไหนจะสาวไปที่เรื่องเก่าๆอีก
“ไม่เคยรู้ ตอนพี่อยู่เชียงใหม่พ่อพี่ประจำอยู่ที่อีสาน พี่อยู่กับแม่สองคน”
คนเป็นหัวหน้าตอบเสียงสั่น เขาสูดหายใจเข้าค่อยบอกเพิ่ม
“บางทีถ้าพี่บอกพ่อตั้งแต่ตอนนั้นว่าทำไมโดนซ้อม เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้”
ไอ้พัชที่พึ่งหายปวดหัวจากเหล้าดูเหมือนจะเริ่มปวดหัวอีกครั้ง
“ก็จริง อย่างน้อยเรื่องน้องสาวตำรวจนั่นคงจบ ไม่ทางใดก็ทางนึง”
พาโชคบอกพร้อมกับถอนหายใจซ้ำๆ ยูมองหน้าน้องอย่างไม่รู้ว่าจะพูดออกไปยังไงดี
“พัช”
เขาเรียกพัชเสียงเบา ซึ่งอีกคนทำแค่มองตรงมาที่เขาโดยไม่ได้ขานรับอะไร
“พี่ขอโทษนะ"
ยูขอโทษกับทุกเรื่อง ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าเขาเป็นคนที่ทำให้น้องเครียดจนเข้าโรงพยาบาลครั้งที่แล้ว พาโชคที่คิดว่าคืนนี้คงต้องพึ่งยานอนหลับของหมออีกเช่นเคยขานออกมาเสียงเบา
“อืม”
***