15.พอ
“พัชดูเมลยัง outsource ส่งงานกลับมาแล้วนะ”
พาโชคที่กำลังหัวหมุนกับการเขียนคุณสมบัติของตำแหน่งตัวเองลงในเว็บหางานหันไปหาพี่เอก
“ยังเลยพี่ แต่ดูโค้ดเขาที่คอมมิทมาแล้ว”
“เป็นไง”
พัชทำหน้าละเหี่ยใจก่อนจะตอบ
“โอ้โห ผมว่าภาษาอังกฤษผมแย่แล้วนะ เขาตั้งชื่อฟังชั่นจ่ายเงินว่ายังไงรู้ไหมพี่”
พี่เอกขำท่าทางของน้องมัน
“มึงมาถามกูกลับกูจะรู้ไหมเนี่ย”
“ปกติมันต้องเป็น payment method ใช่ไหม”
พี่เดี่ยวที่แอบฟังมาสักพักขำพาโชคด้วยคน
“มึงเลิกถามพวกกูกลับ ตกลงเขาว่าไง”
“เขาตั้งว่า money out”
พอพูดจบพี่ๆในห้องก็ขำกันก๊ากแต่พาโชคกลับไม่ขำด้วย มันฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพราะจินตนาการว่ากำลังแก้โค้ดคนอื่นแล้วปวดหัว
อย่างที่รู้ๆกันว่าโปรแกรมเมอร์ต้องเขียนโค้ดได้สะอาดและทำงานถูกต้องแล้ว การตั้งชื่อตัวแปร*หรือชื่อเรียกต่างๆก็ต้องทำให้ชัดเจน ใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อทำให้มันเป็นระเบียบและง่ายต่อคนที่ทำงานด้วยกัน และภาษาพวกนี้ถ้าได้ทำงานมาสักพักก็จะรู้ได้เองว่าศัพท์เฉพาะที่ใช้ๆกันมีอะไรบ้าง
“กูเคยทำแอปอสังหาแล้วคนทำ backend แม่งตั้งชื่อเกาะกลางถนนของหมู่บ้านว่า middle island”
พี่บอลที่เงียบมาสักพักบอก ทุกคนที่กำลังขำเลยหัวเราะหนักเข้าไปอีก
“พัชไง ตอนแรกๆตั้งชื่อ main menu กับ sub menu ว่า menu mom กับ menu child ”
หัวหน้าบอกบ้าง พี่เดี่ยวที่ขำค้างอยู่เมื่อกี้ทุบกรามตัวเองเพราะหยุดหัวเราะไม่ได้
“มึงก็นะ”
พี่เอกก็เป็นอีกคนที่หยุดหัวเราะไม่ได้ นอกจากจะเขียนโปรแกรมเก่งแล้วภาษาอังกฤษค่อนข้างสำคัญกับสายงานนี้มากแบบเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะได้โนคนอื่น่าลับหลังแบบนี้เรื่อยไป แทนที่จะได้ปวดหัวกับบัคอย่างเดียวยังต้องมาปวดหัวกับ google translate อีก
“วัลเลย์ปีนี้หยุดวันไหนนะพี่เอก ผมจะได้ทำ schedule โปรเจคอันต่อไป”
พี่เอกที่ยังหยุดหัวเราะไม่ได้คิดตามที่หัวหน้าถามก่อนเปิด google ขึ้นมาเพราะจำไม่ได้เหมือนกัน
“หาแป้ปนะ ปีก่อนลืมเช็คเกือบตาย”
คนทำแอปบ่น เพราะก่อนที่ application จะเข้าไปอยู่ใน playstore หรือ appstore ได้ก็ต้องส่งให้ Apple หรือ Google ตรวจสอบก่อน ต้องเผื่อแล้วเช็คเวลาดีๆ
“เจนจำได้ ไล่แก้บนกันวุ่นวายไปหมด”
สองปีที่แล้วลูกค้าสั่งจะต้องเปิดตัวแอปตอนปลายเดือน พี่เอกก็เอาขึ้นให้ตั้งแต่วันที่ 1 เผื่อมีอะไรจะต้องแก้ สรุปว่าติดวันหยุดยาวของ silicon valey ที่มีบริษัทใหญ่ๆอย่าง Apple, Goole, Facebook และอื่นๆอีกมากมายอยู่ ส่งใบเร่งไปให้เขาก็แล้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาหยุด ทำเอาพี่เอกถึงกับไปบนที่วัดว่าถ้าเอาขึ้นทันจะมาทำบุญ เป็นที่ล้อเลียนของทุกคนจนถึงวันนี้
“เออ เอาขึ้นได้วันสุดท้าย ผมจำได้เลย”
พี่เดี่ยวพูดไปขำไป
“อู้งานกันเหรอ”
คุณเนมเดินเข้ามาตอนที่เขากำลังหัวเราะพี่เอกกัน วันนี้หิ้วข้าวผัดปูเข้ามาในห้องห้ากล่องแบบพอดีจำนวนคน
“ข้าวกลางวันครับ”
เจ้านายบอกทุกคนก่อนจะลากเก้าอี้เข้ามานั่งกับพาโชค พี่เอกลุกออกมาจากโต๊ะแล้วหิ้วข้าวไปกล่องนึงเพราะเมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไร
“เอ้ย ไม่ได้!”
คุณเนมรีบลุกขึ้นเพราะตกใจที่พี่เอกหยิบข้าวกล่องใหญ่สุดไป
“หือ? อะไร”
พี่เอกถามก่อนจะเปิดดูแล้วพบว่าเป็นข้าวผัดปูกับไข่เจียวปูสีเหลืองทองน่ากิน
“กล่องนั้นของโชค”
เจ้านายว่าก่อนจะหยิบข้าวกล่องใหม่ไปให้พี่เอกที่โต๊ะและกล่องนั้นเล็กกว่าของพาโชค ทุกคนขำหน้าตาไม่พอใจของพี่เอกเพราะรู้ว่าคุณเนมเอ็นดูพาโชคเป็นพิเศษ ชอบแกล้งบ้าง มาขโมยข้าวบ้างแต่เวลาไปไหนมาคนที่ได้ของฝากดีที่สุดจะเป็นพาโชค อย่างคราวที่แล้วไปยุโรปมาคนอื่นได้ของฝากเป็น card holder หนังใบเล็กๆ แต่พาโชคกลับได้กระเป๋าตังค์ จะว่าลำเอียงก็ไม่เชิงเพราะคุณเนมเป็นแบบนี้กับพัชมันตั้งแต่แรกแล้ว
“พรุ่งนี้ผมจะไปเปิดบูท walk-in interview ที่สยาม โชคไปกับผมนะ”
คุณเนมว่าพร้อมกับนั่งกินขนมปังที่พัชกัดไว้ครึ่งนึง
“ไปได้ไง งานก็มี”
หัวหน้าบอกเจ้านายที่ทำอะไรไม่เคยตามขั้นตอนเลย คราวที่แล้วก็มาพาน้องไปชลบุรีแบบไม่บอกกัน หัวหน้ากะจะเปิดประตูมาแล้วเรียกพาโชคมารับงานใหม่แต่กลับได้รับโทรศัพท์จากคุณเนมแทนว่าตอนนี้ได้ลักพาตัวลูกน้องออกไปแล้ว “อยากให้ไปช่วยสัมภาษณ์ตำแหน่งโชคไง”
คุณเนมบอกเพราะช่วงนี้บริษัทที่แต่เดิมรับแค่งานจากลูกค้ากำลังจะเปิด unit ใหม่ที่ทำโปรดักส์เฉพาะของตัวเอง พี่ยูเองรับหน้าที่เป็น System Analyst หรือคนที่จัดการภาพรวมของโปรเจคว่าควรใช้ cost เท่าไหร่ใช้คนกี่คน ใช้เทคโนโลยีอะไรในการพัฒนา เท่าที่พี่ยูคิดตอนนี้จะมี designer คนนึง front-end คนนึง back-end, ios และ android อย่างละสองคน
ซึ่งโปรเจคมี 3 platforms ได้แก่ web/android/ios คำนวนรายจ่าย 6 เดือนที่พัฒนาก่อน luanch ออกไปน่าจะไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท แค่คิดก็จนเพราะนี่ยังไม่รวมอุปกรณ์ที่ต้องซื้อให้พนักงานใหม่เลย ถ้าโปรเจคนี้ล่มคนเป็นหัวเรืออย่างพี่ยูก็จะปวดกบาลไปนาน
“ให้คนอื่นไป พัชอยู่ที่นี่นั่งดูโค้ดของ outsource ดีกว่า”
พาโชคน้ำตาจะไหล
“รู้งี้ผมไม่แขนหักดีกว่า”
เจนขำเพราะได้ยินพัชมันบ่นเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว เพราะงานมันเริ่มเละตั้งแต่ตอนที่พาโชครถล้ม พอส่งให้ข้างนอกทำก็ต้องให้เขาทำจนจบโปรเจค เพราะไม่มีเวลามาตามดูพอจะแก้งานถึงรู้ว่างานที่ทำกันมาคลีนๆกันมาตั้งแต่แรกตอนนี้เละแบบเขียนใหม่ยังง่ายกว่า
“ก็ได้ เดี๋ยวผมไปหาพี่มาร์คก่อน”
สมกับเป็นคุณเนมที่มาเร็วไปเร็วและก่อนไปก็มาหยิบกาแฟของพี่เอกไปด้วย
“เอาของกูไปนี่กูไม่เคยได้อะไรคืนเหมือนไอ้โชคนะ”
คนแก่สุดในห้องพูดด้วยความเซ็ง น้องเจนยิ้มกว้างพร้อมกับยักคิ้วให้พี่เอกท่าทางน่าสงสัย
“อะไรเจน อย่าบอกนะ...”
พี่เอกถามน้องพร้อมกับหรี่ตามองมัน
“เจนขอติดแฮชแท็ก #เอกเนม”
พี่เดี่ยวขำพรืดก่อนจะพูด
“ถ้าเจนไม่กลัวบาปเพราะล้อคนแก่ เจนก็ต้องกลัวล่มจมในหน้าที่การงานด้วยนะ”
เจนยักไหล่แบบไม่สนใจแม้จะพึ่งจับคู่ให้ผู้บริหารกับซีเนียร์เดฟอย่างพี่เอก และก่อนที่พี่เอกจะได้ด่าอะไร ผู้หญิงคนเดียวในห้องก็สวมหูฟังแล้วเริ่มทำงาน
พี่เอกผู้ตามน้องเจนไม่เคยทันส่ายหัวอย่างอิดหนาระอาใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะช่วงนี้เริ่มสงสัยว่าเรื่องที่เจนพูดน่าจะมีมูลอยู่บ้าง อย่างเรื่องของหัวหน้ากับพาโชค พี่เอกกินข้าวไปสายตาเหลือบมองหัวหน้าที่สองสามวีคมานี้มาทำงานแต่เช้า ปกติไปกินข้าวกับทีมบ้างไม่ไปบ้างแต่หลังๆมานี่พาโชคอยู่ไหนก็ต้องเห็นพี่ยูอยู่ที่นั่นแล้วเริ่มประมวลผลความคิดพร้อมกับเรียบเรียงไทม์ไลน์ทั้งหมดที่พอรู้
“สวัสดีครับ”
และแล้วตัวแปรอีกตัวในหัวของพี่เอกก็โผล่มา
“ของฝากจากจีนมาแล้ว”
เจนร้องทักพี่ธามแทนที่จะสวัสดี
“ไหนครับ”
พี่บอลที่ฝากพี่ธามซื้อรองเท้ารุ่นใหม่ลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยความตื่นเต้น
“ขนมๆ”
พาโชคว่าพร้อมกับเดินไปตรงโต๊ะปิงปองที่พี่ธามวางของทั้งหมดลง พี่เอกมองหัวหน้าที่เลิกสนใจหน้าจอคอมแต่หันไปสนใจผู้มาใหม่แทน
พี่เอก ยูริกับธามนั้นเข้ามาทำงานพร้อมๆกันตั้งแต่สมันเรียนจบกันใหม่ๆ พี่เอกเกิดก่อนหัวหน้าศศินกับหัวหน้าเทสเตอร์อยู่สองปีแต่เรียนจบพร้อมกันเลยดูเหมือนคนรุ่นเดียวกัน พวกเขาเข้ามาทำงานตั้งแต่บริษัทเป็น start-up มีคนแค่ไม่กี่คน จนตอนนี้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดและเอาเข้าตลาดหุ้นได้แล้ว เรียกได้ว่าทำงานตั้งแต่ห้องเช่าเล็กๆจนกลายเป็นตึกใหญ่
ระหว่างที่พี่เอกพึ่งมารู้จักยูกับธามตอนเริ่มทำงานทั้งสองคนนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แม้จะไม่ได้สนิทกันแต่ด้วยสภาพแวดล้อมหลายอย่างทำให้ให้สองคนนั้นดูเหมือนจะทำงานแล้วสนิทกันได้ง่ายกว่ากับคนอื่น แต่ก่อนพวกเขาสนิทกันมากกว่านี้และมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย แต่ด้วยอายุและหน้าที่การงานที่ความรับผิดชอบมากขึ้นทำให้ตอนนี้พวกเขากลายเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ไม่ใช่คนที่จะออกไปเที่ยวด้วยยามว่างอีกแล้ว ตอนนี้พี่เอกก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนสองคนนั้นคงไม่ทะเลาะกันเพราะเรื่องหัวใจ
“ของบอลอันนี้”
พี่บอลที่โอนเงินไปให้พี่ธามยิ้มกว้างเมื่อเห็นรองเท้ารุ่นที่พึ่งออกมาใหม่แต่ไม่มีในประเทศไทย
“ขอบคุณครับพี่”
“ไม่เป็นไรๆ”
พี่ธามยิ้มกว้างเมื่อน้องมันแทบจะคุกเข่ากราบ เพราะเอาจริงๆก็ค่อนข้างหายากอยู่ ทุกคนรุมพี่ธามอยู่พักใหญ่ ต่อเมื่อหนำใจแล้วถึงถอยกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง พาโชคที่กำลังเคี้ยวขนมจากจีนแบมือขอบางอย่างจากพี่ธาม คนเป็นพี่ยิ้มให้ก่อนจะควักสิ่งที่เป็นของฝากน้องออกมาให้
“ขอบคุณครับ”
คนเด็กกว่าบอกพลางไหว้ขอบคุณ สิ่งที่พี่ธามซื้อให้พาโชคคืออะไรไม่รู้เพราะมันถูกวางลงในมือไอ้พัชแล้วเจ้าตัวก็เก็บลงกระเป๋ากางเกงลงไป พี่เอกมองหัวหน้าตัวเองที่เริ่มขมวดคิ้ว
“กินขนมให้หมดนะ ไปละครับ”
พี่ธามบอกทุกคนก่อนจะเดินหายออกไปง่ายๆแต่เหมือนทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ พี่เอกเลิกสังเกตการณ์ก่อนจะกลับมาทำงานเช่นเดิม ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้แล้วแต่เพราะว่ามีน้องเจนคอยทำหน้าที่อยู่ต่างหาก
“ประชุมเหรอครับ”
พี่บอลที่มีเรื่องจะคุยกับหัวหน้าถามเมื่อลุกพี่ลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“ดูดบุหรี่แป้ป เดี๋ยวมา”
พี่เอกมองน้องเจนที่หันมาสบตากันพอดี วันนี้บรรยากาศลูกพี่ดูแปลกไปแบบทุกคนรู้สึกได้ ยกเว้นแต่ไอ้คนที่น่าจะเป็นตัวต้นเหตุอย่างพาโชค
“อันนี้อร่อย”
พัชยื่นขนมให้พี่เดี่ยวที่นั่งข้างกันโดยไม่ได้ใสใจอะไรแม้แต่น้อย
***
“ธาม”
คนที่กำลังดูดบุหรี่ไฟฟ้ารสหวานเข้าคอหันมามองหน้าคนเรียกที่เดินตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ว่าไง?”
แต่ก่อนพวกเขามาดูดบุหรี่ด้วยกันบ่อย คุยกันเรื่องเก่าๆบ้างเรื่องงานหรือเรื่องไร้สาระบ้าง แต่ช่วงหลังมานี่ไม่ได้เจอกันเลย
“ไปจีนมาเป็นไงบ้าง”
หัวหน้าทีมเดฟถามพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง ในขณะที่บุหรี่รสหวานของหัวหน้าเทสเตอร์กำลังลอยฟุ้งในอากาศ ยูก็จุดบุหรี่กลิ่นฉุนจัดของตัวเองบ้าง
“ก็ดีนะ คุยกันง่ายอยู่ เขาก็ดูชอบคนไทย”
นอกจากจะทำงานเป็นหัวหน้าเทสเตอร์แล้วในฐานะบุคคลรุ่นแรกๆของบริษัท ก็ต้องรับผิดชอบการดูงานหรืองานบริหารทั่วๆไปด้วย เพราะคุณเนมที่ถือเป็นหุ้นส่วนใหญ่สุดยกหุ้นให้คนที่ไว้ใจได้ถือไว้หลายเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน
“แล้วงานยูนิตใหม่ถึงไหนแล้ว”
พี่ธามถามหัวหน้าฝั่งเดฟที่ช่วงนี้ดูกล้ามฟีบลงไม่รู้ว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายหรือกำลังเหนื่อยเรื่องอะไรบ้าง
“พรุ่งนี้คุณเนมจะไปสัมภาษณ์คน”
“อยากได้ทีมดีๆเนอะ”
ธามว่า ยูขำก่อนจะเอ่ยชวน
“มึงก็กลับมาเดฟ”
พี่ธามที่ลาออกจากการเขียนโค้ดไปหลายปีส่ายหัว
“ถ้าจะลากกูกลับไป กูขอไปเป็นยามหน้าตึก”
ต่างคนต่างขำเพราะรู้ดีว่างานพวกนี้มันเหนื่อยตรงการโค้ดนี่แหละ
“มีเรื่องอะไร”
พี่ธามถามเพื่อนตัวเอง เพราะอยู่ด้วยกันมานานถึงได้รู้ว่าที่ยูเดินออกมาไม่ได้แค่จะดูดบุหรี่แน่นอน ยูถอนหายใจเฮือกก่อนจะพ่นควันสีขาวออกจากปากพร้อมกับมองหน้าเพื่อนตัวเองไปด้วย
“อะไรเสือ มองหน้ากูแบบนี้”
ธามถามแซวเพื่อนตัวเองที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมายืนจ้องหน้าอยู่แบบนี้
“มึงชอบพัชเหรอ”
คนที่ถูกถามอึ้งไปเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมลูกพี่ฝั่งเดฟถึงได้ถามออกมาแบบนี้ เพราะแต่เดิมก็คิดๆอยู่ว่าคนในห้องนั้นคงสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมเขาถึงได้เดินไปที่ห้องนั้นบ่อยนัก
“ใครบอก”
คนที่ถูกถามถามกลับ พี่ยูถอนหายใจหนักก่อนจะตอบ
“รู้เอง”
ธามมองหน้าเพื่อนตัวเอง ในระหว่างที่อีกฝั่งรู้ว่าเขาสนใจพัช ตัวเขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมหัวหน้าศศินถึงได้หวงลูกน้องอย่างพาโชคนัก อาจจะเพราะว่าเขาเห็นยูเป็นเพื่อนและชินตากับที่มันควงผู้หญิงเลยไม่ได้คิดมาก่อนว่าเรื่องจะเป็นแบบที่เขาคิดจริงๆ
“กูว่าละ”
คนที่ตงิดใจมานานถอนหายใจบ้าง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
คนที่ถูกถามตอนต้นเปลี่ยนมาเป็นคนถามบ้าง คนที่มาเพื่อจะเค้นความจริงเขาดับบุหรี่ที่ยังไม่หมดลงบนกะบะทรายก่อนจะหันมาตอบเพื่อนตัวเอง
“จะปีนึงแล้ว”
อา...ดูจากสายตาที่มองมาธามคิดว่าคงไม่ต้องถามต่อแล้วว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ควรอธิบายแทน
“พวกกูเป็นพี่น้องกัน”
เขาบอกตามจริงแต่อีกคนกลับดูหงุดหงิดที่ไม่ได้คำตอบ
“แต่มึงชอบน้อง”
หัวหน้าฝั่งเดฟเค้นเขาอีกรอบ พี่ธามขำหน้าตาจริงจังของเพื่อนตัวเองก่อนจะตอบ
“มึงบอกกูเองนะว่าอย่ายุ่งกับคนใกล้ตัว”
พี่ยูนั่งลงกับเก้าอี้ไม้ทรงสูงที่หันหน้าออกไปนอกตึกในความสูง 29 ชั้น เขามองวิวสุดสายตาก่อนจะตอบ
“เออดิ”
ธามมองเพื่อนตัวเองที่ดูเสียศูนย์พอสมควร เขาที่พอรู้อดีตของยูริเดือนไอทีเก่าตบบ่ามันก่อนจะบอก
“กูว่าคุยกันยาวว่ะ ตอนเย็นไหม กูต้องไปประชุมต่อ”
พี่ยูหยิบบุหรี่ขึ้นมาอีกมวนแล้วตอบรอบอีกคนไป
“เออๆ เดี๋ยวโทรไป”
ธามเดินออกมาจากห้องดูดบุหรี่ด้วยความรู้สึกวูบโหวงในใจแบบประหลาด เขาไม่ได้โกรธเพื่อน ไม่ได้เสียใจแต่ถึงแบบนั้นก็ยังยิ้มไม่ออก ธามรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพาโชคไม่ใช่ผู้หญิง แม้ก็ยังอยากดูแลไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่ง่ายเลย เหตุผลอื่นมากมายอาจจะไม่มีความหมายแล้วเพราะที่สุดคือพัชก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ธามกดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 31 ที่เป็นชั้นทำงานของตัวเองพลางนึกถึงวันที่ไปซื้อเสื้อด้วยกันกับพาโชค เขาขำปนเหนื่อยใจเมื่อนึกถึงรอยจูบบนคอของพาโชค
“ไอ้เหี้ยยูมึงแม่ง”
***
“วันนี้พี่ไปกินเหล้ากับธามนะ”
สารถีจำเป็นจอดรถที่หน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนจะบอกเจ้าของบ้านที่กำลังตั้งอกตั้งใจเล่นเกมส์
“แล้ว?”
“เดี๋ยวคงกลับบ้านเลย”
เขาบอกพร้อมกับปลดล็อคประตู
“อ่าหะ”
พาโชคตอบรับแต่ตัวยังไม่ขยับ พี่ยูมองปากสีสดที่มู่ทู่เพราะดูเหมือนเกมส์จะไม่ได้ดั่งใจคนเล่นนัก
“เอ้ยยย ล้วงอะไร”
สิ่งที่ลูกพี่สงสัยมาตั้งแต่เช้าคือพี่ธามให้อะไรพัชมา เขาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงผ้าสีกรมท่าก่อนจะดึงพวงกุญแจลูฟี่ขี่เมฆใส่ชุดไซอิ๋วออกมา
“ของ limited จากจีนเลย ไม่ให้!”
คนเป็นเจ้าของที่ตกใจจนมือถือแทบจะร่วงหันมาหยิบพวงกุญแจออกจากมือลูกพี่ จะยังไงสำหรับพี่ยูแล้วพัชก็เป็นแค่นายพาโชคเด็กพึ่งเรียนจบในสายตาอยู่ดี เขายิ้มให้กับตุ๊กกตาโง่ๆ
“อะไร”
พัชผู้ไม่สบอารมณ์กับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มถามลูกพี่มัน
“เปลี่ยนใจละ เดี๋ยวกลับมานอนด้วย”
เจ้าของรถคันใหญว่า ส่วนนอนที่ว่าก็คือนอนจริงๆ นอนหลับบนโซฟาข้างล่างโดยปล่อยให้เจ้าของบ้านนอนที่ชั้นบนแบบสบายใจ จะมีบ้างที่เจ้าของบ้านงอแงดึกๆสักตีสองตีสามจะเดินกอดหมอนลงมานอนด้วย แต่ก็ทำได้แค่นอนเพราะขืนมากกว่านี้กลัวไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก
“จะไปไหนก็ไปสิ บอกทำไม”
พาโชคว่าพร้อมกับเก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วทำท่าจะลงจากรถไป
“จริงเหรอพัช จริงนะ ไปได้เหรอ”
พี่ยูแกล้งคนปากแข็งที่ปากก็บอกว่าไม่สนใจ แต่พอตอนกลางคืนนี่เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน เขายิ่งเห็นคนหน้าบูดก็ยิ่งอยากแกล้งแต่กลัวแกล้งมากไปน้องจะโกรธจริงๆ ทีนี้ก็เตรียมตัวตายได้เลย
“ล็อคบ้านดีๆพี่กลับไม่เกินเที่ยงคืน”
เขาบอกอีกคน
“แล้วจะเอารถไปเมาเนี่ยนะ จอดไว้ แล้วเรียกอูเบอร์”
คนเป็นพี่ยิ้ม...พาโชคก็คือพาโชคอยู่วันยังค่ำ...
“เป็นห่วง?”
พัชที่เหนื่อยต่อล้อต่อเถียงตอบง่ายๆ
“เออ”
ทำเอาคนแก่กว่ายิ้มกว้างพร้อมกับเอี้ยวตัวมากอดไว้
“น่ารักจังเลย”
พาโชคขำเพราะไม่เคยเห็นมุมปัญญาอ่อนแบบนี้ของลูกพี่ มิน่าคนถึงชอบพูดกันว่าไม่ควรคบกับคนที่ทำงานเพราะไม่งั้นมันจะวุ่นวายแถมไม่มีความเกรงใจให้กันแบบที่พัชกำลังเป็นอยู่ตอนนี้
“ตัวอะไรอมลูกพี่กูวะ คายออกมา”
มันจับไหล่อีกคนเขย่าแรงๆและเพราะเป็นแรงผู้ชายหัวพี่ยูถึงได้คลอนไปมาจนน่าสงสาร
“อย่าเขย่าสิวะ ฮ่าๆๆ”
เพราะมัวแต่เล่น ศอกของคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับถึงกระแทกไปโดนแตร ถึงตอนนั้นถึงได้ผละตัวออกจากกัน
“อะไร”
พาโชคถามอีกคนที่ดูเหมือนจะตกใจแต่ก็ยังมองหน้ากันนิ่ง เจ้าของรถช้อนคางอีกคนขึ้นก่อนจะกดจูบลงไปเบาๆซ้ำ จนเมื่ออีกคนเปิดปากถึงได้โน้มตัวลงไปหาจนแนบชิด คนทั้งคู่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงจะเจอกันอยู่ทุกวันแต่ก็ยังคิดถึงกัน เพราะพวกเขาเจอกันในสถานที่และเวลาที่ไม่ควรนัก เพราะความคลุมเครือและอะไรอีกหลายๆอย่างทำใจจูบนี้อาจจะเป็นจูบแรกที่ชัดที่สุด ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักกันอีกแล้ว
พัชเปิดปากรับลิ้นเปียกชื้นของอีกคนที่ค่อยๆละเลียดเล่นกับริมฝีปากพร้อมกับลูบท้ายทอยคนที่คร่อมอยู่เบาๆ จากจูบเบาๆก็เริ่มหนักขึ้นเมื่อมือใหญ่สอดเข้ามาใต้เสื้อยืดตัวโคร่งของคนที่นอนราบไปกับเบาะ พาโชคจับไหล่แน่นตึงไว้ก่อนจะดันออก
“พอ”
เป็นครั้งแรกที่พัชเรียนรู้ที่จะหักห้ามใจตัวเองและเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่คนขี้บังคับจะรู้จักฟัง
“ไม่อยากไปแล้ว”
แต่ยังไงลูกพี่ก็ยังดื้ออยู่วันยังค่ำ… พัชลูบหลังคนที่คร่อมข้ามกระปุกเกียร์รถมาเสียครึ่งตัว คนตัวตัวซุกหน้าลงที่ซอกคออุ่นพร้อมกับหลับตาสูดกลิ่นกายที่คิดถึง
“ร้านไหน เดี๋ยวเรียกรถให้”
พาโชคถามคนที่กอดไม่ยอมปล่อย มันกดตามที่อีกคนบอกก่อนจะเห็นว่ารถจะมาถึงในอีก 21 นาทีเพราะตอนนี้รถยังติดอยู่
“แล้วเรื่องเป็นไง”
เจ้าของบ้านที่ยังไม่ได้เข้าบ้านสักทีถามถึงเรื่องคดี
“พ่อพี่จ้างเอกชนสืบด้วย รู้ไหมเจออะไร”
พาโชคฟังเสียงอู้อี้ที่พูดอยู่ตรงคอตัวเองก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่จะได้ฟังมันคงไม่ดีเท่าไหร่
“เจออะไร?”
“แพมกับพี่ชายของเนสอยู่บ้านเดียวกัน”
พัชขมวดคิ้วแน่นพลางนึกย้อนไปวันที่เจอคนสองคนนั้นอยู่ที่ห้างด้วยกัน พาโชคว่ามองยังไงก็ไม่เหมือนคนที่พึ่งจะรู้จักกัน
“อะไรวะเนี่ย”
ไอ้โชคอุทานเสียงดัง ซึ่งอีกคนที่ว่าจะบอกเรื่องนี้ตั้งแต่เช้าแต่ไม่มีเวลาเพราะมันแต่งอนน้องเรื่องพวงกุญแจตอบเนือยๆทั้งๆที่เป็นเรื่องน่าตกใจ
“อือ น่าจะมีความสัมพันธ์กันไม่ทางใดก็ทางนึง”
“ตำรวจคนนั้นนามสกุลอะไร”
นักสืบพาโชคถามพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมา ในระหว่างที่พี่ยูกำลังจูบคอคนอื่นมั่วๆ ไอ้พัชมันก็เปิดเข้าเว็บไซต์ขององกรณ์ที่บอกชื่อ นามสกุลของพนักงานไว้หมดแล้ว
“นี่ของพี่แพม”
พัชยื่นจอให้อีกคนดู พี่ยูที่พึ่งดันตัวขึ้นมานั่งที่เบาะตัวเองถอนหายใจยาวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาบ้าง
“นามสกุลเดียวกันว่ะ เดี๋ยวพี่โทรหาพ่อแป้ปบอกธามให้หน่อยว่าไม่ไปแล้ว กดแคนเซิลอูเบอร์ด้วย”
พาโชคหน้าหงิกเพราะไม่รู้ว่าจะตกใจเรื่องไหนก่อนดี
“ยกเลิกรถไปละ ไปบอกพี่ธามเอง”
หัวหน้าที่โทรหาพ่อแต่พ่อไม่รับหันมาหาน้องอีกรอบ
“บอกให้หน่อยครับ บอกว่ามีเรื่องด่วน”
พาโชคเห็นสายตาคนขี้บังคับเลยยกมือถือขึ้นมาโทรให้
“ให้บอกพี่ธามว่าไง”
มันถามคนที่กำลังรอพ่อรับสายอยู่เหมือนกัน
“เมียไม่ให้ไป”
คนบอกว่าพร้อมกับยักคิ้ว พาโชคเลยชู้นิ้วกลางให้ทีนึงก่อนจะลงจากรถไป ปล่อยให้หัวหน้าคุยกับพ่อไปขำไป