2.เทสเตอร์กับดีเวลลอปเปอร์เป็นเพื่อนกันไม่ได้
ถ้าถามถึงสเป็คสาวๆส่วนใหญ่คงอยากมีแฟนเป็นวิศวะ หมอ มีธุรกิจส่วนตัวหรือไม่ก็เป็นเสี่ยไปนู่น ตั้งแต่เกิดมาพาโชคยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนบอกว่าอยากเป็นเมียโปรแกรมเมอร์เลย
“แกเคยเห็นผู้ชายชั้น 29 ฝั่งไอทีไหม หล่อระดับหนุ่มคลีโอ”
หรือไม่ก็อาจจะมีก็ได้ ผู้หญิงที่ชอบโปรแกรมเมอร์ พัชลอบมองหญิงสาวสองคนในลิฟท์อย่างอยากรู้อยากเห็น
“ชั้น 29 ที่แต่ละคนอย่างกับซอมบี้เหรอวะ”
“คนเป็นหัวหน้าโปรแกรมเมอร์หล่อแก ตัวขาวๆล่ำๆ”
คนขาวๆล่ำๆที่ว่านี่ไม่พ้นลูกพี่ไอ้พัชอย่างแน่นอน แม้พี่ยักษ์แกจะบ้างานโหดเหี้ยมกับลูกน้องเพียงใดก็บฏิเสธไม่ได้ว่าแกหล่อและโปรไฟล์ดี แม้ตอนปกติจะผมยาวหนวดรุงรัง แต่ถ้าใส่สูทไปประชุมงานแล้วละก็พาโชคนึกว่าผู้บริหารหนุ่มไฟแรง เดินไปกันกับไอ้พัชนี่มันเหมือนคนขับรถ
“ล่ำๆนี่แมนไหมแก”
หนึ่งสาวในนั้นถามไปด้วยหัวเราะไปด้วย ส่วนอีกคนเริ่มหน้าเจื่อน
“แมนมั้ง ก็พี่เขาขอไลน์เราตอนประชุมงานเสร็จวันก่อน”
“ร้ายนะคะ”
พอพูดเสร็จพวกเธอก็หัวเราะกันคิกคักกันอย่างสนุกสนานตามประสาสาวๆ พาซวยที่ยืนอยู่ข้างในกรอกตาโดยไม่รู้ตัว มันไม่รู้หรอกว่าจะนิยามคำว่าแมนไม่แมนหรือปกติไม่ปกติอย่างไร แต่การที่หัวหน้าจีบผู้หญิงแต่...กับผู้ชายได้นั้น ลูกพี่ยูคงมีทางเลือกในชีวิตหลากหลายน่าดู อย่าว่าแต่เขาเลย ตัวพัชเองก็งงอยู่เหมือนกันว่าเหตุใดตัวเองมองแขนใหญ่ๆของลูกพี่ในคืนวันนั้นแล้วถึงรู้สึกว่าเซ็กซี่ได้ หรือบางทีคงเป็นเพราะเมา
“ขอออกหน่อยครับ”
พาโชคไม่ได้อยากจะขัดจังหวะใคร แต่ลิฟท์หยุดลงตรงชั้น29 พอดิบพอดี มันเดินออกมาด้วยหน้าตาที่คิดว่าเป็นปกติถ้าเจนไม่ทักเสียก่อน
“อะไรของมึงวะโชค ทำหน้าตาเหมือนแฟนทิ้ง”
พาโชควางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ก่อนจะไล่เปิดน้องแมคมินิคู่ใจ เครื่องสำรองไฟ รวมไปถึงหน้าจอขนาด 29 นิ้วอีกสามจอ ถามว่าใช้อะไรเยอะขนาดนั้น พัชอยากจะบอกว่าตอนงานรีบๆมีสามจอยังไม่ทันเลย อยากได้สัก 5 จอ ไว้ดูดีไซน์จอนึง เปิดเทอร์มินอลไว้รันจอนึง เขียนโค้ดจอนึง เปิดกูเกิลหาก็อปโค้ดชาวบ้านอีกจอ...ไม่เอาไม่เรียกก็อป เขาเรียกหาแรงบันดาลใจส่วนจอสุดท้ายไว้เปิดเพลงเกาหลีดูสาวเต้นให้บรรเทิงใจ
“หล่ออย่างผมมีแต่ทิ้งเขาพี่”
พาโชคบอกผู้หญิงคนเดียวในห้องแต่เขากลับเบ้หน้าใส่
“มึงหาแฟนจริงๆให้ได้ก่อนค่ะ”
เจ็บที่สุด...เจ็บกว่าบัค ก็เพราะพาโชคเกิดมาเนิร์ดตัวซีดๆใส่แว่นกลม ผมนี่ปรกหน้าปรกตาเพราะไม่มีเวลาตัด วันๆก็ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เก่าๆลากแตะมาทำงาน รปภ.ให้ขึ้นตึกก็บุญหัวแล้ว
“อ๋อลืมไป มีพี่ยูอยู่ข้างมึงพาซวย ด้อนวอรี่บีแฮปปี้”
พาโชคส่ายหัวให้กับเจนที่ไม่เลิกจับคู่ ก่อนจะเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์ตามนิสัยคนชอบเอานั่นเอานี่มาคิด ว่าไปแล้วผู้หญิงคนบนลิฟท์นั้นน่าจะประชุมงานกับลูกพี่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาส่วนพัชได้กับหัวหน้าสองอาทิตย์ที่แล้ว พูดแล้วก็กระดากปาก แสดงว่าหัวหน้านอกใจแต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้อีก เพราะแต่เดิมกับพี่ยูก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว จะว่าพาโชคไม่เป็นมืออาชีพก็ได้ แต่ให้มานั่งมองหน้ากันทำงานด้วยกันเหมือนปกติมันก็ว่าแปลกๆอยู่เหมือนกัน บางทีก็แอบอึดอัดไม่กล้าสบตาเสียดื้อๆ แต่ในเมื่อพี่ยูดูปกติดี พัชก็เลยทำตัวปกติตามไปกับเขาด้วย
“พี่ยูมาพอดี วันนี้ไอ้โชคเมนส์ไม่มาหน้าบูดตั้งแต่เช้า”
หัวหน้าที่เดินถือกาแฟเข้ามาหันมาเลิกคิ้วมองนิดหน่อยก่อนจะหันไปเปิดคอมพิวเตอร์ฝั่งของตัวเองโดยไม่ได้ลืมที่จะเล่นกับลูกน้อง
“ไปท้องกับใครมาล่ะ”
พัชที่หน้าหงิกอยู่ตั้งแต่แรกหน้าหงิกเข้าไปอีกห้าเท่า ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
“เมาแล้วลืมบอกให้เขาใส่ถุงพี่”
ออฟฟิศนี้เล่นมุขเรื่องใตสะดือเป็นเรื่องปกติจนไม่มีใครคิดอะไร ยกเว้นก็แต่คนที่พูดเองกับคนที่ตามสอดรู้สอดเห็นอย่างเจน พาโชคว่าแล้วก็หันหน้าเข้าจอตัวเองพลางคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ วันนั้นพัชตื่นมาด้วยอาการปวดท้องเจ็บตูดและพอเข้าห้องน้ำถึงได้รู้ว่าไอ้คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงไม่ได้สวมถุงยาง คิดแล้วก็อยากจะฆ่าหัวหน้าตัวเองทิ้ง
“พาโชค localhost*ใช้ได้ไหม”
หัวหน้าที่นั่งงมอยู่หน้าจอตัวเองถามลูกน้องด้วยน้ำเสียงปกติเสมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับบทสนทนาก่อนหน้านั้น
“พอร์ท 80 ใช้ไม่ได้ครับ”
แต่ลูกน้องกลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงอย่างกับกำลังประชด
“ของกูพอร์ท 88 ก็ใช้ไม่ได้”
“ผมใช้ 88 อยู่ครับ ขอโทษครับ”
หัวหน้าหันมามองพาโชคด้วยหน้าตาติดสงสัย แม้จริงๆแล้วพาโชคจะเป็นเด็กแต่มันก็ไม่เคยพูดจาไพเราะกับหัวหน้าหรือกับใครขนาดนี้มาก่อน ออกจะกวนตีนมากแท้ๆ
“อะไรของมึงวะพาซวย”
พี่ยูหันมาถามไอ้เด็กแว่นด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด
“ไม่มีอะไรครับ”
ทั้งที่เมื่อกี้ยังปากดีเล่นกับเจนอยู่แท้ๆ สงสัยอารมณ์แปรปรวนเพราะเป็นเมนส์แบบที่เจนมันบอกจริงๆ
“เออลืมบอก อาทิตย์สิ้นเดือนเข้าประชุมใหญ่ด้วยนะ”
ยูถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับลูกน้องแต่ละคน ก่อนจะเริ่มเข้าโหมดทำงานเต็มตัว
***
เขาว่ากันว่าผู้ชายและผู้หญิงเป็นเพื่อนกันไม่ได้ฉันใด หัวหน้ากับลูกน้องที่ได้กันแล้วก็ฉันนั้น ทฤษฎีนี้รวมถึงเทสเตอร์และดีเวลลอปเปอร์ที่ตีกันอยู่ทุกวันด้วย
“น้องพัชครับ ทำไมเว็บที่ให้พี่เทสตัว stylesheet*ใน firefox ใช้ไม่ได้สักอัน”
ตัวอย่างเช่นพี่ธามหัวหน้าฝั่งเทสเตอร์ที่ขยันเดินมาหาเรื่องพาซวยทุกวี่ทุกวันไม่รู้ว่างหรืออู้งาน
“ตอนผมdeploy*ก็ปกตินะ”
พาโชคถอดหูฟังที่ไม่ได้ฟังเพลงอะไรออกจากหูพร้อมกับตอบพี่ธามที่เป็นเพื่อนกับพี่ยู เห็นว่าเรียนจบมาจากที่เดียวกันยังตามกันมาทำงานที่เดียวกันอีก นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนกันมันก็แอบคิดไปแล้วว่าเป็นคู่ขา แต่ถ้าเป็นจริงๆคงขนลุกน่าดูไม่รู้ใครจะกดใครเพราะตัวใหญ่ทั้งคู่ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เพราะขนาดเรื่องที่มันได้เสียกับหัวหน้ายังเป็นเรื่องจริงเลย
“พัชลืมอิมพอร์ตไฟล์ใส่ลงไปรึเปล่า ไม่ใช่ฮาร์ดกอปปี้ไว้แต่เครื่องตัวเองนะ”
สิ่งที่พาโชคเกลียดรองจากลูกค้าก็พี่ธามนี่แหละ ขยันหาเรื่องตั้งแต่เข้าทำงานใหม่ๆจนเวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้ ทั้งๆที่ความจริงรีพอร์ตบัคมาทางอีเมลก็ได้แต่นี่เดินมาได้ทุกวี่ทุกวันทั้งๆที่ทำงานคนละชั้น คือถ้าไม่ได้มาหาเรื่องก็นึกเรื่องอื่นไม่ออกแล้ว
“ถ้าผมลืมมันก็ต้องมี error file not found ที่ log พี่ดิ นี่ผมไม่ได้ลืม”
เพราะวันนี้พาซวยอารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไรที่มันก็ไม่รู้เหมือนกันมาตั้งแต่เช้า เพราะฉะนั้นแล้วตอนนี้จะหน้าบูดและเสียงห้วนเกินปกติก็ไม่แปลก อย่าถามถึงวุฒิภาวะและความเป็นมืออาชีพในการทำงานเลย พาโชคไม่เคยมีให้พี่ธามมาตั้งแต่แรก ให้เรียกพี่นี่บางทียังกระดากปาก
“แล้วพัชจะหาว่าคนเทสพลาดเองเหรอ มันต้องพลาดมาจากเราแล้วรึเปล่า”
ถ้าพูดเปล่าจะไม่ว่าเลย นี่ชอบพูดไปยิ้มไปลอยหน้าลอยตาไปถ้าพัชมันไม่ใช่คนใจเย็นได้ต่อยกันไปหลายรอบแล้ว
“ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ ถ้าใน chrome ใช้ได้ใน firefox ก็ต้องใช้ได้สิ”
พาซวยที่ปกติจะทำหน้าเอ๋อๆวันนี้ตาขวางอย่างไม่สบอารมณ์
“เอ้า เดี๋ยวก็ตีกัน ไอ้ธามกูว่ามึงลืมเคลียร์แคช อย่ามาหาเรื่องน้องมัน”
พี่เอกที่ดูจะสุขุมที่สุดในห้องนี้บอกขึ้นมาพลางลุกขึ้นบิดขี้เกียจ พี่เอกเห็นไอ้พวกนี้ตีกันแต่ละครั้งแล้วไมเกรนจะขึ้น ไอ้คนกวนก็สักแต่กวนโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเดี๋ยวจะโดนน้องมันเกลียดจริงๆเข้าสักวัน
“ออกไปดูดบุหรี่กับกูดีกว่า”
พี่เอกว่าพลางลากพี่ธามที่ยืนยิ้มอยู่ออกไปด้วย
“เดี๋ยวคราวหน้ากูซ่อนบัคแม่งเลย ให้เทสกันยาวๆสักสามอาทิตย์”
ส่วนไอ้คนที่นั่งหน้ายุ่งอยู่ในห้องบ่นหงุงหงิงโดยลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว
“มึงซ่อนมึงก็ต้องเอากลับมาแก้เองอยู่ดี”
พี่เดี่ยวที่วันๆนั่งแก้แต่ระบบขายของพูดขึ้นมาพลางส่ายหัวกับความปัญญาอ่อนของเด็ก
***
นานๆทีเหล่าดีเวลลอปเปอร์จะมีวันหยุดกับเขาบ้าง วันหยุดที่ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องพะวงว่าเว็บเมื่อวานจะบัคไหมงานใกล้เดทไลน์หรือยัง พอนานๆทีมีวันหยุดที่เป็นวันหยุดจริงๆไอ้พัชเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง พาโชครู้สึกแปลกๆเสมือนโลกใบนี้หยุดหมุน จนกระทั่งมายืนอยู่ห้างใหญ่ใจกลางเมืองก็ยังรู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาทำอะไรที่นี่
“กี่ท่านคะ”
“คนเดียวครับ”
กินบุฟเฟต์คนเดียวหรือดูหนังคนเดียวนี่ถือว่าเป็นเรื่องเด็กๆของพาโชค ขนาดพูดคนเดียวยังทำมาแล้ว เพราะพ่อแม่ของพัชย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่พาโชคขึ้นม.ต้น ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยว่าทำไมถึงโตขึ้นมาเหมือนเด็กขาดสารอาหารแบบนี้
งานอดิเรกของพาโชคตั้งแต่เด็กคือการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพราะฉะนั้นแล้วงานที่ทำอยู่ตอนนี้ถึงไม่ได้ต่างอะไรกับชีวิตปกติก่อนหน้านี้นัก จะว่าไปแล้วช่วงนี้พาซวยอ้วนขึ้นนิดหน่อยเพราะติดน้ำหวานแต่ก็ยังถือว่าน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์กว่าชาวบ้านอยู่ดี พาโชคตัวสูงประมาณ 177-178 เซนติเมตร แต่น้ำหนักนี่ไม่เกิน 65 กิโลกรัมอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจึงห่างจากคำว่าสุขภาพดีอยู่หลายขุม ซึ่งนั่นต่างจากหัวหน้าลิบลับ แม้คืนนั้นจะเมาแต่พาโชคก็จำได้ว่าหัวหน้ามีกล้าม มีซิคแพ็ค มีวีคัทและที่สำคัญคือต่ำลงไปยิ่งกว่านั้น...
“ถามได้นะคะ”
พนักงานสาวบริเวณร้านเสื้อผ้าผู้ชายเดินมาถามลูกค้าตัวเพรียวที่กำลังด้อมๆมองๆชุดสูทสีน้ำเงินเข้มบริเวณหน้าร้านไปพลางหน้าแดงไปพลาง พอทักไปเขาก็สะดุ้งก่อนจะตอบกลับมา
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
พูดถึงการแต่งตัวของพาซวยเองเป็นคนที่แฟชั่นเชยสะบัด อย่างวันนี้ก็มาเดินห้างด้วยเสื้อยืดตั้งแต่สมัยมัธยมและกางเกงไปทะเลรองเท้าก็หรูด้วยแตะหนีบสมัยพระเจ้าเหา ถ้าตัวไม่ขาวและซกมกอีกหน่อยคงเหมือนคนเร่ร่อนพิกล นอกจากคุณสมบัติที่เพียบพร้อมที่กล่าวมาจากข้อมูลข้างต้นแล้ว ลักษณะเด่นของพาซวยอีกอย่างคือตื่นคน คงเพราะอยู่แต่กับคอมพิวเตอร์และหนังสือจนเกินไปจึงทำให้การเข้ากันได้กับมนุษย์ติดลบ แต่นั่นไม่นับกับการทำงานเพราะคนที่ทำงานคุยภาษาเดียวกัน มีงานอดิเรกและจุดร่วมกันอยู่เยอะจึงไม่ได้ทำให้พาโชครู้สึกเหมือนตัวเองแปลกแยก จะว่าไปก็เพราะหัวหน้าด้วยที่คอยช่วยให้ตัวมันเองรู้จักการเข้าสังคมบ้างโดยการบังคับให้มันเข้าประชุมเป็นประจำ จะว่าไปก็เหมือนเห็นพี่ยักษ์เมื่อกี้แว็บๆ
“เอ๊ะ”
พาโชคเหลือบไปเห็นหัวหน้ากับสาวเดินคลอเคลียกันไปฝั่งโรงหนังและถ้ามันจำไม่ผิดสาวคนนั้นเป็นคนเดียวกับคนบนลิฟท์ที่อ้างว่าพี่ยูขอเบอร์ไป ตอนเจอครั้งแรกว่าน่ารักแล้วเจอตอนที่แต่งตัวออกมาเที่ยวแบบนี้แล้วยิ่งสวย พอเหลือบไปเห็นตัวเองที่กระจกแล้วอุบาทพิกล พัชเสยผมที่ปรกแว่นก่อนจะตัดสินใจเดินดุ่มๆหันกลับไปอีกทาง
“เอ๊ะ”
โลกกลมเกินไปไหม? พาโชคถามตัวเองพลางขยับแว่นที่ไม่ค่อยเข้ากับสายตาดูให้ชัดว่าคนตรงหน้าเป็นใคร พอรู้ว่าเป็นพี่ธาม พาซวยที่วันนี้น่าจะซวยสมซื่อก็หันหลังไปอีกทางทันที แต่คงช้าไปหน่อยเพราะอีกคนสาวเท้าเข้ามาหาด้วยความเร็วแสงเสียแล้ว
“น้องพัช”
“สวัสดีพี่”
เมื่อเลี่ยงไม่ไหวจึงต้องยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้
“มาทำอะไรคนเดียว ท่าทางเหมือนพึ่งตื่นนอน”
ถ้าจะทักแบบนี้ไม่ต้องทักก็ได้ พาโชคมองผู้ชายที่ดูท่าทางเหมือนพึ่งเดินลงมาจากฟิตเนสแล้วรีบบอกปัด
“ผมมีธุระ ไปละครับ”
ธุระที่ว่านั้นไม่มีจริง พัชว่าก่อนจะออกจ้ำแต่อีกคนก็จ้ำตามอย่างไม่ยอมแพ้้
“ธุระอะไรที่ห้าง มาธนาคารเหรอ”
เรื่องของกู...พาโชคคิด
“มาตัดผมพี่”
มันกำลังโกหก
“เฮ้ย มีร้านประจำไหมพี่มีร้านนึงแนะนำ”
พาโชคถึงกับสะอึกเพราะคิดว่าหัวหน้าฝั่งเทสเตอร์จะล่าถอยแต่เปล่าเลย จะให้โกหกต่อก็คงไม่ได้เพราะมันได้รู้จักร้านตัดผมไหนเลยในห้างนี้ ปกติตัดกับลุงหน้าปากซอย 50 บาทรวมโกนหนวดแต่ไม่คุ้มเพราะโชคไม่มีหนวด
“มะ ไม่มีครับ”
“ร้านแบล็คคัทชั้นใต้ตินตัดดีมากเลยพัช พี่เป็นลูกค้าประจำ”
พาโชคมองสารรูปของหนุ่มฮ็อตชั้น 31 แล้วยอมรับว่าคงจะดีอย่างที่เขาว่าจริง ถ้าไม่นับความกวนตีนพาโชคว่าพี่ธามคงเป็นคนที่น่ามองคนนึงทีเดียว เหนือสิ่งอื่นใดที่พาโชคยังนับถือเขาอยู่นั้นเพราะพี่แกเป็นคนเดียวในบริษัทที่ไม่เรียกมันว่าพาซวย
“เอ่อ ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมไปเดินหาดู”
ธามมองเด็กคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพลางยิ้มให้ก่อนจะออกเดินนำ
“มา เดี๋ยวพี่พาไป”
พาโชคมองตามหลังพี่ที่ทำงานก่อนจะลอบถอนหายใจพลางปัดๆผมที่ยาวลงมาระแว่นของตัวเองออก จะว่าไปตัดผมก็คงดีเหมือนกันเพราะขืนไปประชุมใหญ่ด้วยสภาพแบบนี้เดี๋ยวก็โดนหัวหน้าว๊ากอีก พัชเดินตามพี่อีกคนมาถึงร้านตัดผมร้านใหญ่ข้างล่างที่ตกแต่งโทนสีดำเทา ดูก็รู้ว่าราคาน่าจะโหดเอาเรื่อง
“พี่มีบัตรลดไม่แพงมากหรอก ลองตัดร้านดีๆดูแล้วจะติดใจ”
นี่ก็รู้ใจกันไปทุกอย่าง อาจจะเพราะพี่ธามแกเป็นคนละเอียดโดยนิสัยแบบนี้ก็ได้มั้งถึงนั่งเทสแล้วหาบัคทุกอันเจอ บางทีคิดว่าบัคไม่ถึงสิบรีพอร์ทของไอ้พี่ธามส่งกลับมาทีบัคเป็นร้อย พาซวยนี่นั่งแก้ไปบ่นไปเป็นเดือนก็ไม่เสร็จ
“ดูทรงไหนไว้ไหมครับ”
ดีที่วันนี้คิวไม่เยอะพาโชคเลยนั่งเอ๋อรอช่างไม่นาน แล้วที่มันไม่เข้าใจคือทำไมแม้แต่ช่างตัดผมยังหล่อ โลกนี้แม่งเป็นอะไรไปหมด ไม่เหลือที่ยืนให้พวกเฉิ่มๆอย่างพาโชคเลย พัชมองผมสีน้ำตาลอมเขียวของช่างทำผมก่อนจะตอบ
“เปล่าครับ”
“ถ้าไว้ยาวกว่านี้แล้วรวบก็ดูดีนะครับ ไม่งั้นก็ไว้ข้างหน้ายาวนิดนึงแล้วตัดเป็นทรงวินเทจหวีเรียบเอา”
“เอ่อ ตัดสั้นไปเลยครับพี่”
พี่ธามผู้นั่งมองพาโชคเอ๋อมาสักพักบอกช่างประจำ เพราะรู้ดีว่าปกติน้องไม่เคยทำอะไรกับผมเลย เกิดปล่อยให้ยาวคงปรกหน้าปิดตาหรือถ้าตัดทรงแฟชั่นที่ต้องเซ็ทก็คงไม่เหมาะกับพาโชคผู้ปกติเดินมาทำงานแบบซอมบี้ สู้ตัดสั้นให้หน้าตาดูสดใสดีกว่า
“ผมว่าไม่ต้องสั้นมากดีกว่าเนอะ”
เพราะกำลังทำตัวไม่ถูกพัชถึงได้แต่นั่งมองผมดำสลวยตรงของตัวเองถูกหั่นออกไปทีละนิด พาโชคหลับในไปถึงสามรอบถึงตื่นมาเจอใครไม่รู้ในกระจก
“หล่อเว้ย นั่นใครวะ”
ไอ้พี่ธามแซวพลางพยายามกลั้นขำท่าทางของอีกคนเพราะกลัวน้องมันเข้าใจผิดว่าขำทรงผมเกาหลีน้องมัน พอจ่ายตังค์เสร็จเจ้าตัวก็เดินต้อยๆตามพี่ธามที่ไม่รู้คิดอะไรอยู่ถึงแบกเป้ฟิตเนสมานั่งรอตัดผมเกือบสองชั่วโมง
“กินซูชิไหมพัช เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
พัชที่บุฟเฟต์ย่อยไปหมดแล้วตามสภาพพวกระบบเผาผลาญดีมองหน้าลูกพี่ฝั่งเทสเตอร์ที่ปกติตีกันเรื่องงานจะเป็นจะตายพร้อมกับตอบ
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเองค่าพาไปตัดผม”
พอบอกออกไปแบบนั้นเขาก็ยิ้มกว้างให้ก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง
“กินปลาดิบได้ไหม”
“ได้พี่”
พาโชคที่ไม่เคยชินกับการไปไหนมาไหนกับคนอื่นมากนักเหมือนจะได้เพื่อนใหม่ ว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีเพื่อนไปไหนมาไหนด้วยกันมานาน คนที่แก่กว่าเกือบสิบปีอย่างพี่ธามนั่งมองเด็กอีกคนที่กำลังตั้งใจกินข้าวไปด้วยคีบแซลม่อนชิ้นใหญ่เข้าปากไปด้วย
ในบรรดาเด็กที่เข้ามาสัมภาษณ์งานในช่วงสองปีที่ผ่านมาพาโชคเป็นคนแรกที่เขาจำได้ติดใจ นอกเหนือจากความสามารถ เรซูเม่และเกรดเฉลี่ยระดับเกียรตินิยมของน้องมันแล้ว พาโชคเป็นคนที่พูดแล้วดูน่ามองดีเพราะความไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองทำให้พาโชคดูขัดเขินอยู่แทบจะตลอดเวลา ต่างจากเวลาที่โมโหแล้วเถียงเรื่องงาน คิ้วดำที่เรียงกันเป็นระเบียบเหมือนเส้นผมจะขมวดแน่น พร้อมกับตาขวางคล้ายจะกระโดดฟัดเหมือนหมาตลอดเวลา แต่น่าจะเป็นหมาชิสุเพราะดูไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยในสายตาคนแก่กว่าแบบเขา
“หาเรื่องเหรอพี่”
ถ้าเป็นเวลางานพาโชคคงไม่กล้าพูดแบบนี้เมื่อคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามจ้องหน้ามันไปพลางยิ้มไปพลาง
“เปล่า ทรงผมหล่อเหมือนคนเลือก”
คนตอบว่าพลางยักคิ้ว แต่เดิมพาโชคมักซ่อนซ่อนใบหน้าส่วนใหญ่ของตัวเองไว้ภายใต้กรอบแว่นกับผมยาวๆเสมอ พอตัดผมออกแบบนี้ถึงเห็นได้ชัดว่าหน้าตาน้องมันนี่อาตี๋พิมพ์นิยมชัดๆ
“พี่ธามมาทำอะไรที่นี่”
นี่อาจจะเป็นประโยคพื้นฐานที่ไม่ค่อยได้ยินจากปากพาโชคนัก ธามกลืนซูชิคำโตลงคอก่อนจะตอบ
“มาฟิตเนสเฉยๆ”
อีกคนพยักหน้ารับรู้ก่อนที่การพูดคุยจะจบลงเท่านั้น หลังจากข้าวเย็นมื้อใหญ่ที่ไม่ได้แพลนไว้แล้ว ไอ้พี่ธามที่ไม่เคยรู้ว่าพาโชคอยู่บ้านทางเดียวกันมาก่อนขับรถมาส่งน้องมันตามประสาคนใจดี
“ขอบคุณครับพี่”
“ไม่เป็นไร เจอกันวันจันทร์นะพัช”
“ครับ”
พัชว่าพร้อมกับมองรถเก๋งคันใหญ่ขับออกไป
***
“เฮ้ย กูนึกว่าเกาหลีที่ไหน”
พี่เอกที่ทำงานไปกินข้าวเหนียวหมูปิ้งไปด้วยทักขึ้นมาด้วยความตกใจในยามเช้าวันจันทร์
“ปกติพี่”
คนหล่อคนใหม่ของห้องเอ่ยปากทักทายพี่ๆที่เริ่มเงยหน้ามองมัน นี่ไม่นับว่าเนิร์ดและก้างนี่พาซวยก็ดูดีอยู่ ดูดีไปหมด
“เกิดอะไรขึ้นวะ โอ๊ะ...อ้ปป้า”
“ซารางเฮพี่เจน”
คนเด็กสุดในห้องว่าพลางทำมือรูปหัวใจก่อนจะวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ตัวเองพร้อมรับคำถามจากพี่ๆที่ปกตินั่งใส่หูฟังเงียบเชียบ ยกเว้นแต่มีมุขลามกหรือมีอะไรแปลกๆให้เล่นนั่นแหละถึงออกมาจากโลกส่วนตัวกัน และวันนี้ของแปลกที่เรียกร้องความสนใจพวกเขาได้ก็คือพาซวย
“ทำไมมึงพึ่งตัดผมวะ น่าจะตัดตั้งนานแล้ว”
นี่คือสิ่งที่พี่เดี่ยวผู้นั่งข้างกันมาตลอดสองปีบอก
“เหมือนได้เพื่อนร่วมงานใหม่”
พี่บอลผู้วันๆไม่ค่อยคุยกับใครนอกจากหน้าจอเงยหน้ามาบอกก่อนจะยิ้มล้อเลียน เล่นเอาน้องซวยของทุกคนเริ่มเขิน แต่ก่อนจะได้เขินเสียงสวรรคค์ก็ดังมาจากหน้าห้อง
“ไอ้ซวย google analytic ที่ให้สรุปอยู่ไหน มึงช้าตะ...หลอด”
ลูกพี่โผล่หน้ายักษ์เข้ามาก่อนจะจ้องที่มันเขม็ง แต่น้องเจนกลับกำลังยิ้มกริ่ม หัวหน้าเดินเข้ามาในห้องพลางมองลูกน้องที่วันนี้แปลกตาไปมาก...ไม่สิ เปลี่ยนไปเลยมากกว่า ก็พอรู้ว่าจริงๆแล้วพาโชคค่อนข้างหน้าหวาน ผิวเนียนขาวแต่ไม่คิดว่าแค่น้องมันตัดผมก็ดูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“ใครวะ”
หัวหน้าถามด้วยความกวนตีน
“ผมพาซวยครับ จะพาพี่ซวยเพราะทำสรุปการประชุมไม่ทัน”
และลูกน้องก็กวนตีนไม่แพ้กัน
“ปากเสีย”
ตอนแรกพี่ยูว่าจะฟาดกบาลทีแต่เกรงใจทรงผมใหม่มัน
“น้องน่ารักดิพี่ยู แหม่”
เป็นใครไม่ได้เลยนอกจากเจนที่รอเวลาพอเหมาะพอเจาะจะเล่นหัวหน้าอยู่ พี่ยูชี้หน้าคาดโทษดีไซน์เนอร์คนเดียวในห้อง
“หัดไปทำตัวน่ารักเหมือนน้องด้วยนะ”
พอบอกออกมาแบบไม่ปฏิเสธเสียงโห่ในห้องก็ดังขึ้นอย่างสนุกสนาน ทั้งแซวพาซวยที่จู่ๆก็เขินหน้าแดงไร้สาระ แซวหัวหน้าและสมน้ำหน้าเจนไปผสมปนเปกัน ความเอะอะมะเทิ่งกินเวลาไม่นานเมื่อในที่สุดแล้วทุกคนก็เริ่มทำงาน และเมื่อดีเวลลอปเปอร์เริ่มทำงาน หัวหน้าเทสเตอร์ก็เดินเข้ามาในห้อง
“พัชลืมสายชาร์ตมือถือไว้”
คำทักทายวันนี้ต่างจากเดิมที่เป็นเรื่องงาน วันนี้ลูกพี่ชั้น 31 เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับชูสาย usb สีดำขึ้น
“ผมนึกว่าลืมไว้ที่บ้าน”
“อยู่ในรถพี่”
ไม่ใช่แค่เจนที่เสียบหูฟังแต่ไม่ได้ฟังเพลงคิดว่ามันแปลก แต่ทุกคนที่กำลังตั้งใจฟังมวยคู่นี้หาเรื่องกันมองหน้ากันไปมาอย่างต้องการคำตอบ แม้กระทั่งหัวหน้าเองก็ตาม
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เพราะเจนมัวแต่จิ้นลูกพี่กับพาซวยจึงไม่ทันได้สังเกตเคมีแปลกๆของพี่ธาม
“งานมือถือเดือนหน้าไปไหม”
เจนไม่รู้หรอกว่าที่ไปที่มาหรือที่มาเป็นยังไง แต่สองคนนี้ต้องมีเรื่องลับที่เจนไม่รู้แน่นอน
“ไปครับ ฝากจอง pixel สีน้ำเงินไว้ด้วยนะพี่ธาม”
พาซวยบอกเพราะเมื่อวานตอนอยู่บนรถคุยกันเรื่องงานมือถือแล้วพบว่าพวกมันทั้งคู่มีรสนิยมเรื่องเทคโนโลยีคล้ายๆกัน อารมณ์เหมือนเจอเพื่อนดูบอลทีมเดียวกันเลยเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย พี่ธามพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มคุยเรื่องงาน
“เออพัช พี่ส่งรีพอร์ตบัคของnavbar*มานะ เปิดในคอมโอเคแต่ในมือถือตัวหนังสือมันเด้งลงไปข้างล่าง”
“ตั้งแต่หน้าจอเท่าไหร่ลงไปครับ”
“ต่ำกว่าไอแพด retina ลงไปใช้ไม่ได้”
“อือ ถ้ามีปัญหามากเดี๋ยวผมเขียนให้มือถือใหม่ ไม่ใช่ responsive* แล้ว”
“ตามนั้นครับ”
“ขอบคุณครับพี่ธาม”
“ไม่เป็นไร ตอนเย็นกลับพร้อมพี่ไหม มีงานค้างป่าว”
“มี!”
เจนที่นั่งฟังเทสเตอร์กับฟรอนต์เอนคุยกันไปเพลินๆเสียงยักษ์เสียงมารก็ดังขึ้นมาขัดเสียก่อน
“ไอ้ซวยต้องอยู่ช่วยกูทำสรุปประชุมอาทิตย์หน้า”
นี่ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า พาซวยคิดในใจ เพราะแต่เดิมลูกพี่บังคับให้กลับไปสรุปงานที่บ้านเพราะไม่อยากให้เอาเวลามาเบียดบังงานปกติที่ปวดหัวอยู่แล้ว พัชมองหน้าพี่ยักษ์ที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้งงๆ
“navbar มึงถ้าปัญหาเยอะมากแบบก็ดีไซน์ใหม่แม่งเลย”
นี่ไม่ใช่เสียงตวาด ไม่ใช่เสียงดุแต่ไม่ใช่คำตำหนิติเตียนแต่เจนรู้สึกขนลุกพิกล
“อ่า ครับ”
พัชที่งงกับหัวหน้าตอบรับพลางพยักหน้า
“ธาม ไปดูดบุหรี่กับกู”
เจนชักสงสารพี่ธามสุดหล่อแล้ว เพราะนอกจากจะเสี่ยงเป็นเร็งปอดแล้วยังเสี่ยงจะโดนเพื่อนตัวเองฆ่าในข้อหาจีบเด็กเขาอีก
“เออๆ พัชเดี๋ยวดึกๆพี่โทรหานะ”
คำแรกพี่ธามหันไปพูดกับลูกพี่ยูที่ตอนนี้ยืนทำหน้ายักษ์อยู่หน้าประตู ส่วนประโยคหลังหันมาบอกน้องเพราะคุยกันไว้ว่าจะช่วยดูคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ให้ และก่อนไปมีการเดินมาจับหัวน้องมันพร้อมกับบอก
“เจนๆ ทรงผมนี้เหมาะกับพัชมันนะ พี่เป็นคนเลือกให้”
เจนผู้กำลังประมวลข้อมูลหลายอย่างในหัวยิ้มเมื่อสบตากับหัวหน้าที่ไม่รู้อยากบุหรี่หรืออยากฆ่าคน
“ไอ้ธามเร็ว”
“เจนเคยบอกพี่ไม่ใช่เหรอว่าเทสเตอร์กับพวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้”
พี่เอกหันมาถามสาวคนเดียวในห้องที่ดูก็รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรสักอย่างของมันอยู่
“เป็นเพื่อนไม่ได้ก็เป็นอย่างอื่นได้นิคะ”
ดูไปดูมา เจนว่าจะลองเปลี่ยนไปอยู่ฝั่งเทสเตอร์ดูเหมือนกัน
TBC.
localhost : server จำลองบนเครื่อง
stylesheet : css (Cascading Style Sheets) ภาษาที่ไว้เขียนตกแต่งเว็บไซต์
deploy: การย้าย software ขึ้นไปยัง server จริง เพื่อทดสอบและใช้จริง
navbar : ชื่อเรียก menu bar ด้านบนของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
responsive : การเขียน css เพียงชุดเดียวให้รองรับในทุก devices (มือถือ, แทปเล็ต, pc)