ตัวร้าย
17
“ก็ดีนะเดี๋ยวต่อไปกูเรียกมึงเบลล์ดีกว่า”
บีสท์พูดกลั้วหัวเราะเมื่อผมเล่าเรื่องที่หอสมุดให้ฟัง ผมกอดอกมองคนที่ขับรถอยู่
“ตลก ตลก”
“หึหึ งอนอะไร”
เขาว่าแล้วก็ยีหัวผมเล่น ผมย่นคอหนีมองค้อนบีสท์แล้วก็คิดไปว่าผู้ชายคนนี้น่ะหรือลึกลับ อันธพาล ไม่น่าคบหาที่คนอื่นพูดกันไปต่างๆ นานา ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นสักนิด บีสท์ที่อยู่ตรงหน้าผมทั้งอ่อนโยน ใจดีและรักเพื่อน อะไรถึงทำให้คนพวกนั้นมองเขาในแง่ลบได้นะ
“โกรธจริงดิ”
เสียงทุ้มเอ่ยถาม ผมเลิกคิ้ว รถติดไฟแดงพอดีบีสท์เลยหันมามองด้วยสีหน้ากังวล ผมอมยิ้มส่ายหน้า
“เปล่าแค่คิดอะไรเพลิน ๆ”
“บอกกูได้ไหม”
ผมพยักหน้าแล้วขยับตัวเอนหัวซบไหล่เขา บีสท์ดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยกแขนโอบผมไว้
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก แต่สงสัยว่าทำไมคนอื่นถึงมองมึงไม่ดีทั้ง ๆ ที่มึงนะโคตรดีเลย”
เขาหัวเราะในลำคอลูบหัวผมไปด้วย เป็นครั้งแรกที่ไม่อยากให้ไฟเขียว อยากอยู่แบบนี้นาน ๆ จัง
“กูไม่ได้ดีกับทุกคนหรอกซัน”
“กูควรดีใจใช่ป่ะ”
ผมถามกลั้วหัวเราะ ก่อนจะกระตุกเล็กน้อยเพราะสัมผัสอุ่นบริเวณขมับ
“
ก็ไม่รู้สิ แต่มึงพิเศษ”
ผมซุกหน้าลงกับอกของบีสท์ ยกมือกอดเอวเขาแน่น คนบ้าเอ๊ยชอบทำให้เขินอยู่เรื่อย บีสท์ลูบหัวผมแล้วจูบขมับผมอีกครั้ง ผมเขินจนหน้าร้อนแต่ยังดีที่มีเขาเขินเป็นเพื่อน
รู้ได้อย่างไรว่าบีสท์เขินน่ะหรือ
ผมได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นดังมากน่ะสิ
ขับรถกลับมาถึงบ้านแวะเอาขนมฝากพวกพี่กันที่หน้าบ้านเล่นกับรักยมอีกสักพักก็พากันเดินเข้ามาในบ้าน วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงาเพราะไม่มีใครอยู่ ขาประจำอย่างเปาวันนี้เห็นว่าไปช่วยงานเพื่อนที่คณะส่วนผู้หญิงเห็นพี่กันบอกว่ามีแตงกวากับแจม
“กินข้าวเลยไหม”
“เอาสิเดี๋ยวอุ่นข้าวให้นะ”
ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องข้าวแช่แข็งออกมาบีสท์เดินยิ้มเข้ามาจิ้มหน้าผากผม
“อะไรเล่า”
“เลือกทำของง่ายเลยนะ”
ผมยักคิ้วกวนเบี่ยงตัวเดินไปทางไมโครเวฟ จัดการทุกอย่างเสร็จก็เดินกลับมาหาบีสท์ที่กำลังสับหมูอยู่
“ขอหอมแดงเยอะ ๆ”
“เอาอีกหรือ หัวนึงแล้วนะ”
ผมพยักหน้า ปีนขึ้นนั่งตรงเคาท์เตอร์ครัวเอี้ยวตัวเอาคางเกยไหล่บีสท์
“ชอบ ใส่อีกเยอะ ๆ มึงไม่ชอบหรือ”
“กินได้ แต่ไม่เมื่อยหรือไงนั่งแบบนี้”
ผมส่ายหน้า
“ม่าย~~~”
“หึหึ อ้อนชะมัด จุ๊บ~ ไปนั่งดี ๆ”
บีสท์บอกแล้วจูบหน้าผากผมเบา ๆ ผมนิ่งค้างยกมือขึ้นแตะหน้าผากตัวเองแก้มแดงเรื่อ เขาหัวเราะ
“มึงอ่อยกูเองนะ”
“กูเปล่านะเว้ย”
“ไม่ได้อ่อยก็ไปนั่งดี ๆ ครับ อย่าซน”
ผมมุ่ยหน้ากระโดดลงจากเคาท์เตอร์แล้วอ้อมมานั่งอีกฝั่งเท้าคางมองบีสท์ เขาเหลือบมองผมก่อนจะอมยิ้มลงมือทำอาหารของตัวเองไป บีสท์หยิบโน่นจับนี่อย่างคล่องแคล่ว ผมมองเขาเพลิน ๆ จนกระทั่งกลิ่นหอม ๆ ของไข่เจียวลอยมาแตะจมูก
“ทำผัดผักอีกอย่างนะ”
“อื้อ”
“อ้าวบ้านนี้อยู่กันแค่สองคนเองหรือ”
แตงกวายิ้มหวานโผล่หน้าเข้ามาในครัว หญิงสาวเดินทำจมูกฟุดฟิดเข้ามาในครัว
“หอมจัง”
“กินด้วยกันไหมแตงกวา”
ผมเอ่ยชวนแต่เธอส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอกเราไดเอทแล้วก็ไม่อยากขัดเวลาสวีทของสองคนด้วย”
“ไม่ได้สวีทอะไรหรอก”
ผมเอ่ยแก้ตัวถึงแม้ว่าในหัวจะคิดแบบที่แตงกวาบอกมาก็เถอะ
“ลดจนเหลือแต่ไส้”
บีสท์ว่าเพื่อนตัวเอง เจ้าตัวเดินถือจานเข้ามาวางบนโต๊ะ บุ้ยปากให้ผมไปล้างมือ
“เอามาปาหน้ามึงสิ ขอถ่ายรูปอาหารหน่อย”
แตงกวาด่าเพื่อนให้พอได้แสบคันเล่นแล้วเธอก็เดินมาจัดองค์ประกอบถ่ายรูปอาหารอยู่สองสามรูป บีสท์เดินไปชะโงกมอง
“ถ่ายไปทำไมอ่ะ ก็อาหารธรรมดาผัดผักกับไข่เจียว”
แตงกวาส่งเสียงจิ๊จ๊ะมองค้อนเพื่อนตัวเอง
“ธรรมดาแต่มีคุณค่าทางจิตใจ เนอะซันเนอะ”
ท้ายประโยคเธอหันมาถามผม ผมจึงยิ้มพยักหน้าเออออกับเธอไปด้วย จริงครับกับข้าวที่บีสท์ทำเป็นกับข้าวธรรมดาแต่มันมีคุณค่าทางจิตใจกับผมมาก แตงกวายิ้มหวานถูกใจแล้วเดินลั้นลาออกไป
“กูจะเอาไปลงเฟส หมั่นไส้คนมีความรัก แบร่!”
“ยอมใจเขาล่ะ”
บีสท์นวดขมับตัวเองอมยิ้ม เราลงมือกินข้าวกันไปได้ไม่เท่าไหร่เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของบีสท์ก็ดังขึ้น
“นั่นไงว่าแล้วเชียว”
“มีอะไรหรือ”
“แตงกวาแท็กรูปมา”
บีสท์บอกแล้วยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู
Taeng-Gwaa Kornkanok with Thotsakan Setthirakul and 10 others.
หมั่นไส้คนมีความรัก ทำกับข้าวให้แฟนกิน ชิชะ ชะนีก็ไดเอทไปสิขา
***รูปภาพ***แตงกวาถ่ายรูปสวยใช้ได้เลยนะเนี่ย อาหารที่พวกผมกินอยู่ดูน่ากินขึ้นมาทันที ไม่เท่าไหร่ก็มีคนมากดไลค์คอมเม้นกันเต็มไปหมด
Sky Thaofah โอ้โห เพื่อนเรียนงก ๆ กลับบ้านไปเคยทำให้กินแบบนี้ไหม
PaoPao Kritsanakosol กลับบ้านไปกูคงกลายเป็นเห็บหมาสินะ
Praya Bhumphatthanakul good guys!!!!!!
Jam Nora วิ่งไปแย่งกินแปบ
Nafta Yada หมั่นตับ!!
Tawin Yanothai
Vetaka Jane เบ้ปากสามสิบทีปฏิบัติ!
Surakarn Piyasopol เจน ๆ เค้าทำแล้วปวดปากมากเลยอ่ะ แต่ก็แถมกลอกตาเป็นเลขแปดไทยให้ด้วย @Vetaka Jane
Isika Methakijanan หวาน ๆ เขินจัง
Vetaka Jane มึงทำถวกแล้วมาร์ค @Surakarn Piyasopol
Nissorn C. Athipobpokin ขับรถกลับบ้านแปบ“ทำไมคนคอมเม้นเยอะแบบนี้ล่ะ”
ผมถามด้วยความสงสัย คอมเม้นเด้งจนผมอ่านไม่ทันยื่นมือถือคืนให้บีสท์เขารับมาแล้วอ่านเฉพาะของพวกเพื่อนเขาให้ฟัง ผมฟังไปก็หัวเราะไป
“มาร์คตลก”
“มันเป็นบ้า”
“คนนี้ใครอ่ะ ไอศิกา?”
ผมชี้นิ้วไปยังคอมเม้นที่ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนบีสท์หรือเปล่า
“อ่อ เม ไปรยาแพรว นิสสรณ์ไอ้เชน ส่วนธาวินก็ยู”
“อื้อ ยูกูพอเดาออก ยิ้มอย่างเดียวชีวิตนี้”
บีสท์หัวเราะแล้วพยักหน้าเห็นด้วยผมอ่านคอมเม้นที่พวกเพื่อนเขาเถียงกันอยู่สักพักก็กลับมากินข้าวต่อปล่อยให้บีสท์เขาต่อกรกับพวกเพื่อน ๆ ไป
“เออมึงเล่นเฟสไหม”
สักครู่บีสท์ก็หันมาถาม ผมพยักหน้าแล้วรีบพูดต่อ
“มีแต่ทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นหรอกนะ”
“คือ?”
บีสท์ทำหน้างงผมเลยขยายความให้เขาฟัง
“ก็แท็ก ๆ เพื่อนในคอมเม้นแบบนี้ไม่เป็นหรอก อีกอย่างกูแทบจะไม่เคยโพสอะไรเลย บอกแล้วว่าเฟสมีไว้ดูงานในกรุ๊ป ตอนสมัครนั่งงมอยู่ตั้งนานจนซานมันทนไม่ไหวสมัครให้ตั้งค่าให้ทุกอย่างเรียบร้อยเลย นี่เอาไปดูสิ”
ผมกดปลดล็อคโทรศัพท์เข้าเฟสบุ๊คแล้วยื่นให้บีสท์ที่นั่งอยู่ข้างกันดู พอเขาเห็นก็หัวเราะแล้วยื่นของตัวเองให้ดูบ้าง
“หือ? แทบจะไม่โพสอะไรเลยนี่ มีแต่ที่เพื่อนแท็กมา”
“เหมือนมึงนั่นแหละ กูก็ไม่ค่อยเล่นเหมือนกันมีเอาไว้ตอบไอ้พวกนี้แหละ แต่มึงใช้รูปโปรไฟล์คล้ายกูเลย”
ผมใช้รูปโปรไฟล์เป็นภูเขายามเย็น ถ่ายเองตอนไปเที่ยวปายส่วนของบีสท์เป็นรูปภูเขาหิมะยามเย็นเหมือนกัน
“ไปเที่ยวที่ไหนมา สวยจังถ่ายเองไหม”
“ที่สวิสฯ ถ่ายเองแต่กล้องไอ้เปานะ”
“อยากไปบ้างจังกูไปไกลสุดก็ญี่ปุ่น”
“ญี่ปุ่นก็สวย จริง ๆ พวกกูจัดทริปกันทุกปีนะ ในประเทศแล้วแต่ศรัทธาส่วนนอกประเทศปีละครั้ง สนใจไปด้วยกันไหมครับคุณ”
ผมทำปากยื่น นึกไปถึงเงินเก็บของตัวเองว่าจะมีพอไปเที่ยวกับพวกเขาไหม
“ไปที่ไหนกันล่ะ”
“ปีนี้พวกผู้หญิงเลือก เลยจะไปเกาหลีตามรอยอ้ปป้าของพวกเธอกัน ไปไหม”
ผมเอียงคอทำท่าคิด
“ดูก่อนแล้วกันถ้าเงินถึงจะไปนะ ไปเมื่อไหร่”
“ช่วงสิ้นปี อืมแต่มึงจะว่างหรือเปล่า”
ผมฉุกคิด ปกติสิ้นปีผมไปอยู่บ้านคุณตาคุณยายที่เชียงใหม่แต่ปีนี้เคาท์ดาวน์ที่อื่นบ้างก็ดีเหมือนกัน
“ว่างแหละแต่ขอดูเงินก่อนนะ”
“ให้ยืมก่อน”
ผมส่ายหน้าแล้วตักผัดผักใส่จานบีสท์
“ไม่ต้องเลย กินไปจะได้โตเร็ว ๆ”
เขาหัวเราะแล้วบีบจมูกผมเบา ๆ
“บอกตัวเองเถอะ ตัวนิดเดียว”
เรากินข้าวกันเสร็จผมก็ไล่ให้บีสท์ขึ้นไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็จัดการเก็บล้างจานชาม สักพักเขาก็ลงมาด้านล่างพอดีกับที่ผมเช็ดจานใบสุดท้ายเสร็จ
“ไปอาบน้ำสิ”
ผมยืนมองหน้าบีสท์นิ่ง เขาเลิกคิ้วแล้วก้มมองสำรวจตัวเองแล้วเงยหน้ามาเอียงคอถาม
“มีอะไรหรือเปล่า”
ผมยิ้มส่ายหน้าเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเขาแล้วกางแขน
“กอดหน่อยสิ”
บีสท์ดูตกใจกับคำขอของผมสักครู่หนึ่งเขาก็ยิ้มอ่อนโยนกางแขนรับผมเข้าไปในอ้อมกอด ผมหลับตาซึมซับความอบอุ่นของบีสท์ กลิ่นของเขา อ้อมกอดของเขา สัมผัสของเขา ทุกอย่างมันคือสิ่งที่ผมได้รับจริง ๆ เตือนว่าผมไม่ได้อยู่ในความฝัน
“เป็นอะไรหืม?”
เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถามอยู่ข้างหู ผมขยับกอดเขาแน่นแล้วส่ายหน้าไปมาในอ้อมอกเขา บีสท์หัวเราะเล็กน้อยยกมือขึ้นลูบหัวผม ผมชอบให้บีสทำแบบนี้ มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“กูมีความสุข”
“มีความสุขก็ดีแล้ว กูดีใจนะ”
“กูก็ดีใจที่เจอมึง”
บีสท์ก้มลงจูบกลางกระหม่อมผมลูบหัวอีกสองสามทีแล้วคลายอ้อมกอดออก ผมเงยหน้ามองเขา บีสท์ยิ้มมองผมยีหัวแล้วบีบแก้มผมเบา ๆ
“ไปอาบน้ำได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนไหม”
“มีสิบโมง”
“กูมีเรียนเช้า เอารถกูไปใช้ก่อนไหม”
ผมส่ายหน้า
“เดี๋ยวรบกวนพวกพี่ฉายให้ไปส่งที่แอร์พอร์ตลิงก์ก็ได้”
เขาส่ายหน้ากลับ
“ไม่เอาเดี๋ยวกูนั่งแอร์พอร์ตลิงก์ไปเอง มึงเอารถกูไปใช้เถอะ”
“ไม่เอา”
“ดื้อ”
“ไม่ดื้อ”
“ดื้อออออ”
“ไม่ดื้อออออออ”
“
กูไปส่งมันให้เอง”
เราสองคนสะดุ้งมองไปทางต้นเสียง เปากอดอกยืนอยู่ตรงประตูบ้าน หัวเขาชี้ฟูไม่เป็นทรงหน้าตาดูเหนื่อยล้าแต่แววตายังกวนเหมือนเดิม
“แหม่ ดื้อ ไม่ดื้อกันอยู่นั่นเห็นแล้วคันในใจยิบ ๆ หมั่นไส้เหลือเกิน พรุ่งนี้กูว่างเดี๋ยวกูไปส่งเมียมึงเองจบป่ะ”
“รบกวนมึงไปหรือเปล่า กูนั่งแอร์พอร์ตลิงก์ไปได้จริง ๆ นะ”
ถึงจะตกใจที่จู่ ๆ เปาโผล่มาแต่ก็ตอบเขาไป ผมเกรงใจจริง ๆ อีกอย่างมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยด้วย แต่เปาส่ายหน้าปฏิเสธ
“กูว่าเพื่อนกูพูดถูก มึงน่ะดื้อ”
“เอ๊ะ ไอ้เห็บหมานี่”
เปาเบิกตากว้างแล้วหัวเราะก๊าก
“มึงนี่มัน...เออกูมันเห็บหมาแต่เห็บหมาแบบกูนี่แหละจะขับรถไปส่งมึงเองตกลงนะ”
ผมจะเปิดปากปฏิเสธแต่บีสท์ปิดปากผมไว้
“เอาตามนั้นแหละ ฝากมึงด้วยนะเปา”
“เค”
“แต่...”
ผมดิ้นหลุดจากบีสท์กำลังจะอ้าปากเถียงก็ได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเปาชูรูปจากมือถือรูปหนึ่งให้ดู
“เฮ้ย!!!!”
“สวยนะว่าป่ะ องค์ประกอบดีลงตัวมาก”
เปาหัวเราะแล้วหันรูปกลับไปดู บีสท์ยิ้มส่ายหัวแต่ก็พยักหน้าเออออกับเพื่อนตัวเองด้วย
“เออมึงถ่ายสวย ถ่ายได้กี่รูปล่ะ”
คนถูกถามเอียงคอทำหน้ากวนตีน
“เอ๋ ทำไมรู้ว่ากูถ่ายหลายรูป รู้ตัวรึไง”
บีสท์ส่ายหน้า
“ก็ระดับมึงคงไม่ได้มีแค่รูปเดียวหรอกไอ้เห็บหมา”
บีสท์พูดกลั้วหัวเราะแล้วกอดคอผมที่ยังตกใจกับรูปในมือถือเปาไม่หายมันทั้งตกใจและเขินไปด้วย เขินมาก ๆ เลยเพราะรูปที่หมอนั่นถ่ายได้คือรูปที่ผมกอดกับบีสท์เมื่อสักครู่
“โอ๊ะโอเขินใหญ่เลยหน้าแดงแจ๋ ๆ”
เปาล้อ แต่ ณ นาทีนี้สติผมหลุดลอยไปแล้ว ใจเต้นแรงมากอายก็ด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือรูปถ่ายรูปนั้น...องค์ประกอบในรูปมันลงตัวอย่างที่เปาพูดจริง ๆ นั่นแหละ ไฟสีส้มแบคกราวน์คือผนังและบันได ผมสองคนที่กอดกันอยู่หน้าผมซุกอยู่ในอกของบีสท์ที่ถ้าไม่บอกว่าใครก็คงจะดูไม่ออก
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมใจเต้นแรงไม่หยุดอยู่ตอนนี้
คือรอยยิ้มและดวงตาของบีสท์
ที่มองผมราวกับเป็นสิ่งมีค่า
“เฮ้ยแฟนมึงตายยังวะบีสท์”
เสียงของเปาดังขึ้นเรียกสติผม บีสท์เองก็ก้มมองผมอยู่เช่นกัน ผมกระพริบตาสองสามทีแล้วส่ายหน้า
“ไหวไหม”
เขาถามอย่างห่วงใย ผมพยักหน้า
“หะ...ไหว เอ้อรูปสวยมากเลยนะขอได้ไหม”
“แน่ะ ๆ ชอบล่ะสิ”
“เออน่าส่งให้หน่อย”
“หึหึ ไหนเอามาดูหน่อย”
บีสท์เดินกอดคอผมเข้าไปหาเปา เขายื่นโทรศัพท์ส่งให้บีสท์ดู เปาถ่ายไว้เยอะจริง ๆ อย่างที่บีสท์บอกเลยแถมยังถ่ายสวยอีกต่างหาก
“นี่รูปนี้ก็สวย”
บีสท์บอก เป็นรูปตอนที่เราคลายอ้อมกอดออกมามองหน้ากัน เห็นแล้วก็เขิน นี่เรามองกันด้วยสายตาหวานเลี่ยนขนาดนี้เลยหรือนี่
“พอ ๆ เห็นแล้วหมั่นไส้เดี๋ยวกูส่งให้แต่ต้องหลังจากไปส่งมึงพรุ่งนี้เสร็จนะ เป็นตัวประกัน”
ผมหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง เปาโบกมือลาเดินผิวปากขึ้นบันไดไป ผมหันขวับมามองบีสท์
“ไหนว่านอนมหาลัยไง”
บีสท์ยักไหล่
“เดาใจมันได้ที่ไหนล่ะ รายนั้นอยากทำอะไรก็ทำ อยากมาอยากไปขึ้นกับอารมณ์มันล้วน ๆ”
บีสท์ยิ้มขำมองตามหลังเพื่อนตัวเองไปจนสุดสายตา ผมยกมือขึ้นตีแก้มตัวเองเบา ๆ เขาเห็นแล้วก็คว้าแขนผมเอาไว้
“ตีทำไม”
“แก้เขิน”
“หึหึ ไปอาบน้ำไป”
บีสท์ขยี้หัวผมแล้วไล่ให้ผมไปอาบน้ำ ผมเดินขึ้นมาอาบน้ำอย่างว่าง่ายในหัวยังคิดถึงรูปพวกนั้นแล้วก็ยิ้มกว้าง
ได้รูปหน้าจอมือถือใหม่แล้ว
อยู่กันอย่างนี้นาน ๆ นะเธอ จากกันวันไหนฟ้าคงจะผิดหวัง
อยู่กันตรงนี้หัวใจจะฝากฝัง...ใส่มือเธอนั้น...
อย่าไปไหน อย่าไปไหน อย่าไปไหน...
อย่าทำให้ฟ้าผิดหวัง – ดา เอนโดรฟิน
tbc
talk. ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลนะ เบาหวานขึ้นตา ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า #นิยายตัวร้าย