เมียบำเรอตอนที่ 8: เดียร์
"นายแพทย์ เตย์ชิน อัศวนนทา...."
ร่างโปร่งมองรายชื่อในนามบัตรสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีขาวในมือก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบซองสีน้ำตาลแล้วหยิบรูปคนที่เขาตามหาออกมาก่อนจะยิ้มจางๆ ให้กับรูปที่มีร่างบางหน้าตาน่ารักนั่งอยู่ศาลาอย่างไม่รู้ตัวว่าถูกแอบถ่าย
"ยังไงหนูก็ต้องเป็นน้องไอแน่ๆ วิธีไหนที่พี่จะเข้าหาหนูได้พี่พร้อมทำ"
รอยยิ้มจางๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ เดียร์จะไม่ยอมปล่อยน้องชายคนเดียวอย่างไอไปไหนอีกแล้ว....แค่เกือบสิบปีที่ผ่านมาเขาก็ทรมานมากพอแล้วที่ตามหาน้องไม่เจอ เดียร์ยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นว่าคนในรูปจะเป็นน้องชายของเขาจริงๆ ไหมแต่พอได้เห็นรูปชัดๆ ก็มั่นใจเกินเจ็ดสิบเปอร์เซ็นไปแล้วว่าใช่ เพราะวงหน้าที่ถอดแบบหญิงชาวญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเขามันฟ้องอยู่แล้วบนใบหน้าของเด็กคนนี้ ข้อมูลที่หามาได้ก็น้อยนิดประวัติของเด็กคนนี้มาจากไหนไม่มีใครรู้ รู้เพียงแค่ว่าเด็กคนนี้อาศัยอยู่แม่ฮ่องสอนและเป็นลูกบุญธรรมของแพทย์หญิง กุลแก้ว อัศวนนทา นามสกุลถูกเปลี่ยน
ก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น อัศวนนทา คือนามสกุลที่เด็กคนนี้ใช้ปัจจุบัน
แต่แค่นี้ก็มั่นใจเกินครึ่งแล้วล่ะว่าเด็กคนนั้นคือน้องไอ ทั้งใบหน้าที่คล้ายกับแม่ของเขาและยังอยู่ที่แม่ฮ่องสอนอีก ที่เหลือก็แค่หาวิธีเข้าหาน้องไอให้ได้ก็เท่านั้น
นึกไปแล้วก็ขำความสุขช่วงเวลาสั้นๆ เหล่านั้นมันยังตรึงอยู่ในใจของเดียร์เสมอ พร้อมกับเหตุการณ์ที่เดียร์ไม่มีวันลืม...
เวลาแห่งความสุขมักจะจบลงอย่างรวดเร็วเสมอ ไออายุได้เพียงสองขวบเศษครอบครัวสุขสรรต์ที่มีคุณพ่อเป็นนักแต่งเพลง มีคุณแม่หญิงสาวชาวญี่ปุ่นผู้ใจดี มีลูกชายคนแรกที่ใบหน้าติดสวยผมยาวหยักศกวัยสิบเอ็ดปี กับลูกชายคนเล็กที่ใครๆ ก็ต่างพูดว่าถอดแบบแม่มาวันเพียงสองขวบเศษ ตอนเด็กๆ ไดสุเกะมักจะป่วยทุกครั้งที่ถูกตัดผมสั้นในแบบผู้ชาย พ่อแม่เลยจำเป็นต้องให้ไดสุเกะ หรือไดไว้ผมยาวตั้งแต่เด็กๆ เวลาที่พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสงบในบ้านที่แสนอบอุ่นในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเมืองบ้านนอกแต่กลับอบอุ่นหัวใจอย่างเหลือเชื่อ ใครจะไปคิดว่าความสุขเหล่านั้นจะพลันดับสลายไปเพียงเพราะความไม่รู้ของวัยรุ่นที่กันปล่อยโคมลอยบนเนินเขาในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ลมบนเนินเขาพัดแรงทำให้โคมลอยมาติดที่ยอดกิ่งไม้ก่อนที่น้ำมันเชื้อเพลิงจากถาดจุดไฟใต้โคมจะหยดลงที่โรงเก็บฟางของครอบครัวหนึ่งที่กำลังนอนกอดกันอย่างมีความสุขแบบพ่อแม่ลูก เพลิกลุกไหม้โหมลามไปทั่วโรงเก็บฟาง ลมหนาวเหมือนกลั่นแกล้งซ้ำเติมกระหน่ำพัดโหมเปลวไฟให้แรงขึ้นหนักกว่าเดิม ควันสีขาวลอยอบอวลไฟทั่วบ้านไม้ทรงตะวันตกสองชั้น เด็กน้อยวัยสองขวบร้องไห้งอแง แสบจมูกผู้เป็นพ่อและแม่ต่างตกใจตื่น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือควันจากเปลวไฟที่กำลังลุกฮือขึ้น
"พ่อควันอะไร!!" เด็กชายวัยสิบเอ็ดปีตกใจตื่นเห็นควันลอยเต็มไปหมดผู้เป็นแม่กอดแนบลูกชายคนเล็กไว้กับอก
"ซาระพาลูกออกไปก่อน!!"
ผู้เป็นพ่อร้องตะโกนก่อนจะรวบผ้าห่มไปชุบน้ำในห้องน้ำมาคลุมตัวให้ภรรยาและลูกเพื่อให้ผ่านกองเพลิงออกไป
"แล้วคุณล่ะคะ!!"
ซาระถามอย่างตื่นตระหนก
"ผมต้องหากล่องเอกสารสำคัญ ถ้าถูกไฟไหม้ไปละก็อนาคตลูกแย่แน่ ไปซาระ พาลูกออกไป!!"
สามีดันภรรยาและลูกให้ออกไปจากห้อง
โครม!!
ตู้ไม้หน้าห้องนอนถูกไฟไหม้ก่อนจะล้มขวางทางออก ผู้เป็นสามีจูงมือภรรยาและลูกน้อยทั้งสองฝ่ากองเพลิงออกมาได้ ก่อนจะวิ่งกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง
"แงงงง!!"
เด็กน้อยร้องไห้จ้าอย่างเสียขวัญตอนนี้ซาระทำได้เพียงประคองสติตัวเองให้ได้นานที่สุดเพื่อลูกทั้งสองเพลิงไฟก่อตัวไปทั่วบ้านไม้จนถึงหลังคา ผู้เป็นสามีโยนกล่องบางอย่างลงมาจากบนชั้นสองของบ้านมาที่พื้นหญ้า ซาระวิ่งไปเก็บกล่องนั้นมาแนบอกก่อนจะวิ่งกลับมาหาลูก
โครม!!
หลังคาทะลายลงต่อหน้าซาระกอดลูกไว้แน่น สามีของเธอยังไม่ออกมา!
"ไดดูแลน้องและเก็บกล่องนี้ไว้!!"
"แม่จะไปไหนไดกลัว!!"
"พ่อติดอยู่ในนั้นแม่จะเข้าไปช่วยพ่อ!"
ว่าจบเธอก็คลุมผ้าให้ลูกทั้งสองก่อนจะวิ่งฝ่าเพลิงที่กำลังโหมไหม้บ้านทั้งหลัง
บึ้มมม!!!
เสียงระเบิดดังก้องกังวาลไปทั่วพื้นที่ ร่างเล็กกอดน้องชายนอนราบไปกับพื้นใต้ผ้าห่ม เสียงหวอรถดับเพลิงดังไปทั่วบริเวร เด็กน้อยมองน้องชายที่ร้องไห้จนตัวสั่นก่อนจะมองไปยังบ้านไม้หลังงามที่บัดนี้ถูกไฟไหม้ทั้งหลังจนแทบจะจำไม่ได้ว่าเคยเป็นบ้านที่สวยขนาดไหน
"แม่......"
เด็กน้อยแทบจะร้องไม่ออก สภาพแบบนี้ เสียงระเบิด ไม่จริง!
"พ่อ....."
ไฟไหม้...พ่อกับแม่ติดอยู่ในนั้น เสียงระเบิด!! ต้องรอดสิ ต้องไม่ตาย ต้องอยู่ด้วยกันสิ!!
"พ่อ...แม่...ไม่จริงงงง!!!"
เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเด็กขายวัยสิบเอ็ดปี คือการเสียพ่อแม่อันเป็นที่รักและไร้ที่อยู่อาศัยแม้แต่ญาติที่ให้ที่พักพิงก็ไม่มีใครอยากจะรับไปดูแล อ้างเหตุผลกันต่างๆ นาๆ ที่ญี่ปุ่นไม่ใครชอบแม่ของเขาเลยสักคนแม้แต่บริษัทที่เป็นชื่อแม่ของเขาพวกลุงๆ ก็พากับหุบเอาไปดูแลเองหมด เด็กทั้งสองถูกส่งตัวเข้าไปอยู่สถานสงเคราะห์เลี้ยงเด็กกำพร้า สภาพจิตใจของพี่ชายย่ำแย่ที่สุด แต่เขาจะยิ้มได้ทุกครั้งที่เห็นน้องชายวัยสองขวบเศษของเขาเดินเตาะแตะมาเล่นด้วย มันเหมือนเป็นยาชูกำลังให้เขาดีขึ้นสองคนพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานสงเคราะห์ได้ไม่นานก็มีเศรษฐีสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อายุเข้าวัยกลางคนไปแล้วอยากมีลูก เขาถูกชะตากับไดจึงขอรับเลี้ยง ไดขอให้เอาน้องของเขาไปด้วย ด้วยความที่เศรษฐีทั้งสองเห็นเด็กคนนั้นดูท่าทางขี้โรค ตัวเล็กผอมบางเดินไปจึงปฏิเสธที่จะรับน้องชายของได ไดพาน้องชายหนีออกจากที่นั่นแต่กลับถูกตามตัวเจอและถูกจับขึ้นรถไปกับเศษฐีทั้งสอง แววตาใสซื่อของเด็กน้อยคนนั้น เสียงร้องไห้ของเด็กคนนั้น น้ำตาของเด็กคนนั้นมันบ่งบอกว่าเขาต้องการได ถ้าไม่มีไดน้องจะอยู่ยังไง ไม่มีใครดูแลน้องได้ดีเท่าได น้องของไดเป็นเด็กพิเศษไม่เหมือนคนอื่น น้องเขายังเด็ก เขาก็ต้องทิ้งน้องไปแล้ว เจ็บเหมือนใจจะขาด...
หลังจากที่ไดย้ายมาอยู่กับพ่อแม่คนใหม่ไดกลายเป็นเด็กที่เงียบ ไม่สุงสิงกับใคร ไดถูกเปลี่ยนชื่อนามสกุลและประวัติส่วนตัวใหม่ทั้งหมด พวกเขาได้ตั้งชื่อใหม่ให้แก่ได...เดียร์ที่แปลว่ากวาง...คือชื่อที่พวกเขาตั้งให้ เพราะดวงตาที่สวยเหมือนกวาง แม้ว่าพวกเขาจะใจดี รักและเอ็นดูเดียร์อย่างไร เดียร์ก็รู้สึกว่ามันมาแทนที่ส่วนที่ถูกบาดลึกลงไปในใจของเขาได้ เดียร์ภาวนาให้ตัวเองเรียนจบไวๆ เพื่อที่จะได้ออกตามหาน้อง เจ็ดปีต่อมาเดียร์เรียนจบมัธยมปลายเดียร์เริ่มออกตามหาน้องแต่ความจริงที่เดียร์รู้กลับเหมือนมีอะไรมาฟาดลงที่กลางหัวใจ สถานสงเคราะห์แห่งนั้นโดนทุบทิ้งไปแล้วเนื่องจากมีนายทุนมากว้านซื้อที่ดินไปทำโรงแรม เดียร์ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวห่วงแต่น้องว่าน้องจะอยู่อย่างไร เดียร์ออกตามหาน้องอีกครั้งแม้จะต้องเรียนไปด้วยก็ตาม สี่ปีต่อมาเดียร์เรียนจบมหาวิทยาลัยและได้รับการแจ้งข่าวจากคนในพื้นที่แม่ฮ่องสอนว่าเด็กที่เคยอยู่สถานสงเคราะห์ที่ถูกทุบทิ้งถูกส่งตัวไปอยู่ที่บ้านแสงตะวันสถานสงเคราะห์อีกแห่งหนึ่งที่อยู่อีกอำเภอนึง ตอนนั้นเดียร์ดีใจมากรีบขับรถไปที่แม่ฮ่องสอนอย่างรวดเร็ว พอไปถึงเดียร์ได้ติดต่อถามหาคนที่ต้องการพบ แต่คนเหล่านั้นกลับบอกว่าไม่มีเด็กลูกครึ่งที่ชื่อไอ มีแต่เด็กลูกครึ่งที่ชื่อกานดาซึ่งตอนนี้หนีออกจากบ้านไปแล้วเพราะทนการถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนร่วมบ้านไม่ไหว เป็นอีกครั้งที่เดียร์ผิดหวังคราวนี้เหมือนมีดเล่มยาวปักแทงที่หัวใจของเขา ที่นี่ไม่มีน้องไอ ไปหาที่ไหนๆ ก็ไม่มี แต่เดียร์ก็ยังคงตามหาตลอดมาจนปัจจุบันเก้าปีกว่าที่เดียร์ตามหาน้องอย่างไร้จุดหมาย เก้าปีกว่าที่เดียร์กลับไปบ้านของเขาที่ตอนนี้เขาใช้เงินของครอบครัวใหม่สร้างขึ้นหลังจากที่พวกท่านได้ล้มปวยจากไปแล้วทั้งคู่ ตามแบบที่เคยเป็น เผื่อวันนึงเดียร์อาจจะเจอน้องไอเขาจะพาน้องมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ที่บ้านของเรา...
น้ำตาเม็ดใสไหลลงอาบแก้มสวย เดียร์ร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ มันเหมือนเป็นรอยแผลเป็นที่บาดลึกข้างในหัวใจแบบไม่มีวันหาย ข้างในเหมือนกลวงโบ๋ไม่มีอะไรมาเติมเต็มการที่ไม่มีน้องไอมันทำให้เดียร์อยู่เหมือนคนไร้จุดหมายในชีวิต น้องไอเปรียบเหมือนตัวแทนของพ่อและแม่และความรักของครอบครัว ไอเป็นคนเดียวในครอบครัวที่เดียร์เหลืออยู่ เป็นความรักเดียวที่เดียร์ขาดหายและต้องการ
ดวงตาคมสวยเหลือบมองกล่องไม้ขนาดกลางเรียบๆ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาวางบนตักแล้วไขกุญแจออก ในกล่องนี้เป็นเอกสารสำคัญเกี่ยวกับเขาและน้องชายที่พ่อกับแม่เอาชีวิตเข้าไปแรกในกองเพลิงให้ได้มา ประวัติของเขาน้องและพ่อแม่ เอกสารเกี่ยวกับบริษัทของแม่ที่ญี่ปุ่น เอกสารเกี่ยวกับมรดกทั้งหมดที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ แผ่นซีดีเพลงของพ่อที่พ่อแต่งไว้ อัลบั้มรูปถ่ายครอบครัว
"พ่อ...แม่...ไดเอาทุกอย่างของเราคืนมาแล้วนะทั้งบริษัทของแม่เพลงของพ่อไดเก็บมันไว้เป็นอย่างดี และทุกอย่างของเราไดเอาคืนมาได้แล้ว เหลือก็แต่...น้องไอ ฮึก! ได อึก! ขอโทษ ฮืออ!...ที่ไม่อยู่ดูแลน้อง ฮึก! แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะ ไดเจอน้องแล้วฮึก! ไดจะต้องพาน้องมาหาพ่อกับแม่ให้ได้..."
ทุกวันเดียร์จะเปิดกล่องไม้เพื่อระบายความอัดอั้นในใจออกมา เดียร์ไม่ได้เข้มแข็งมากมายอย่างภาพที่ใครๆ เห็น เดียร์อ่อนแอมากต่างหากคือความจริง...
เสียงเพลงในผับที่มีนักท่องราตรีกำลังโยกตัวตามจังหวะเพลงที่ดังกระหึ่ม ร่างโปร่งผมยาวหยักศกของเดียร์กำลังนั่งไขว่ห้างโชว์เรียวขายาวเนียนไร้ขนแบบชายทั่วไปในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงผ้าลื่นสีดำขาสั้นพร้อมนอนกำลังนั่งดื่มน้ำสีฟ้าทะเลสวยในแก้วอย่างเหม่อลอย อันที่จริงเดียร์ไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่เดียร์แค่ขับรถออกมาหาอะไรกินกลางดึกแค่นั้นแต่ดันรู้สึกเหงา จึงแวะเข้าที่นี่เสียเลย และที่แน่ๆ คงไม่มีใครกล้าใส่ชุดนอนเข้าผับหรอกจริงไหม? ยกเว้นเดียร์ล่ะ...ขี้เกียจกลับไปเปลี่ยนนี่คือความคิดของเดียร์ ตั้งแต่เดินเข้ามาในผับจนนั่งดื่มอยู่คนเดียวมาเกือบชั่วโมง สายตาของผู้ชายรอบข้างแทบจะไม่มีใครละสายตาจากเดียร์ เดียร์ไม่ใช่ผู้ชายที่สวยเหมือนผู้หญิงเหมือนในนิยาย ออกแนวแมนๆ ด้วยซ้ำ เพียงแต่เดียร์มีรูปร่างที่บางสูงโปร่งฟิตยังไงกล้ามก็ไม่ขึ้น และผมยาวผิวขาวมันทำให้ดูเผินๆ คล้ายผู้หญิงแมนๆ คนนึงเท่านั้น เดียร์เคยตัดผมนะเหมือนพ่อมากเลยล่ะแต่หลังจากตัดได้ไม่กี่วันก็ป่วยถึงขั้นนอนซมที่โรงพยาบาล ขำตัวเองที่ยังมาเป็นไอ้โรคตัดผมสั้นไม่ได้เสียอย่างนั้น แต่ดวงตาของเดียร์มันยังเหมือนแม่ไม่เคยเปลี่ยน ดวงตาสวยเหมือนกับกวาง ดวงตาที่แม่มอบให้เป็นของขวัญให้เขากับน้อง
"คนสวย มาคนเดียวหรอครับ"
เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงของชายอีกคนจะนั่งลงข้างๆ จ้องมองด้วยสายตาแพรวพราว
"เห็นนั่งอยู่กี่คนล่ะ"
นี่เดียร์ไม่ได้กวนแต่อย่างใด แต่ตอบปัดๆ เพราะไม่อยากคุยก่อนจะกระดกน้ำสีสวยในแก้วทีเดียวหมดแก้ว ตอนนี้เดียร์เริ่มจะตึงๆ ขึ้นมาแล้ว
"ไม่ต้องทอน..."
เดียร์วางแบงค์พันหนึ่งใบลงบนเคาเตอร์ก่อนจะย้ายร่างโปร่งสมส่วนออกจากตรงนั้น แล้วเดินฝ่าฝูงคนมากมายออกมายังลานจอดรถอย่างเริ่มมึนๆ เพราะดื่มไปหลายแก้ว จนลืมไปว่าต้องขับรถกลับ แต่ไม่คิดว่าไอ้บ้านั่นจะตามมา
"นี่คนสวยอย่าทำเป็นหยิ่งดิ!"
แขนเรียวถูกกระชากให้หันอย่างแรง เดียร์ตะวัดสายตาคมจ้องมองอย่างไม่พอใจ ไม่มีใครกล้าแตะต้องตัวเดียร์ได้รุนแรงขนาดนี้มาก่อน แล้วไอ้สวะนี่มันเป็นใครถึงกล้ามากระชากแขนเดียร์แบบนี้
"สวยกว่าน้องพี่ก็ฟันมาแล้ว แค่น้องบอกมาว่าเท่าไหร่พี่จะจ่ายให้"
กระชากแขนยังพอหยวนๆ กันได้แต่มาถามว่าเท่าไหร่นี่....ให้อภัยไม่ได้จริงๆ
พลัก!!
หมัดหนักๆ ของเดียร์กระแทกเข้ากับใบหน้าของอีกคนอย่างรวดเร็วจนร่างสูงนั้นลงไปนอนกับพื้น ตามด้วยร่างโปร่งกระโจนนั่งค่อมก่อนจะรัวหมัดใส่ไม่ยั้ง
พรั่กๆ!!
เดียร์หอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ ก่อนจะลุกจากไอ้สวะนั่นที่นอนสลบหนังหน้าเยินไม่น่าดู
"จำใส่กระโหลกกลวงๆ ของมึงไว้นะ กูน่ะผู้ชาย อย่ามาเรียกว่าสวย กูน่ะแมนๆ ต่อยตี!”
แปะๆๆ!
เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากที่เดียร์สบถจบ ร่างโปร่งหันไปมองร่างสูงด้านหลังที่ยืนปรบมือแล้วอมยิ้มพิงเสา เดียร์ขมวดคิ้วพยายามจ้องไปยังร่างสูงตรงหน้าแต่ภาพที่ได้คือความเบลอ สงสัยไอ้น้ำสีสวยนั่นจะออกฤทธิ์แล้วเดียร์คิด สองขาเรียวก้าวไปข้างหน้าหมายจะมองหน้าร่างสูงให้ชัดขึ้น แต่สิ่งที่ได้คือความเซน้อยๆ แต่เดียร์ตั้งหลักได้
"นายเป็นใคร ถ้าจะมาซื้อฉันไปนอนด้วยแบบไอ้ระยำนั่นเชิญไสหัวไปไกลๆ"
เดียร์ตั้งหลักก่อนจะเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าวก็ต้องยอมแพ้ต่อแรงโน้มถ่วงของโลกที่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อคนเมา ร่างโปร่งเซหงายหลังอย่างตั้งหลักไม่อยู่เดียร์หลับตาลงรอรับความเจ็บที่ร่างกายกระแทกกับพื้น
"เฮ้ย คุณ!!"
เสียงทุ้มคุ้นหูดังแว่วๆมาเดียร์ลืมตาขึ้นเหมือนเห็นภาพสโลที่มีผู้ชายร่างใหญ่อย่างกับหมีควายวิ่งมาทางเขาแบบไม่คิดชีวิต ก่อนที่ร่างโปร่งจะตกลงพื้นไอ้หมีควายกระโจนใส่เขาแล้วรวบกอดเอาไว้
ปึก!!!
ร่างใหญ่กว่ารองรับแรงกระแทกแทนร่างโปร่งอย่างจัง เดียร์รับรู้แค่วงแขนกำยำนี่รัดเขาไว้แน่นแค่ไหน ตอนนี้เดียร์เวียนหัวมากๆ อยู่ในอ้อมกอดนี่อึดอัด ร่างใหญ่กว่านอนมองอีกคนที่เพิ่งจะกระโจนรับที่กำลังยุกยิกๆ อยู่บนตัวเขา เตย์ชินปล่อยอ้อมแขนออกให้ร่างโปร่งได้ลุกง่ายๆ เดียร์เงยหน้าขึ้นมาก็ปะทะเข้ากับปลายคางของคนที่นอนทับอยู่ เดียร์ขยับตัวชะโงกหน้าไปมองใบหน้าอีกคนก่อนจะใช้มือคลำๆ ไปทั่วใบหน้า
"นี่คนสวย มือสกปกจับหน้าคนอื่นสิวจะขึ้นนะ"
เตย์ชินแซวเล่นขำๆ เมื่อเห็นปฏิกริยาแปลกๆ ที่ร่างโปร่งทำ ใบหน้าสวยโน้มต่ำลงมาจนปลายจมูกแตะกัน
"นี่จะจูบผมหรือไง"
"หื่ออ..."
กลิ่นคลื่นเหียนตีขึ้นจากลำคอสู่จมูกให้เกิดอาการคลื่นไส้
"เฮ้ยๆ! อย่านะ ยะ.!!"
"หื่อ..อ้วกกก!!"
ร่างโปร่งโกงคอขับของที่เพิ่งเอาลงท้องไปออกมา ดีแค่ไหนที่ตอนอ้อกเดียร์เบี่ยงหน้าลงที่คอของเตย์ชิน ดีแค่ไหนที่คนหน้าสวยนี่ไม่อ้วกใส่หน้าเขา
"อื้มหืม...เต็มๆเลย"
เตย์ชินพาเดียร์กลับมาที่บ้านของเขาหลังจากที่ล้างเนื้อล้างตัวที่ผับมาแล้ว เตย์ชินฝากรถของเดียร์ไว้ที่ผับ ก่อนจะพาร่างโปรงที่เมาไม่รู้เรื่องกลับมาด้วย ไม่กล้าปล่อยไว้คนเดียวหรอก
วันนี้เตย์ชินบังเอิญเจอเดียร์ที่ผับหลังจากมาอวยพรวันเกิดรุ่นน้องที่นั่น พอออกมาก็เห็นร่างโปร่งผมยาวคุ้นตากำลังซัดผู้ช่ยอีกคนจนหมอบคาที่ ขนาดเมานะยังแรงเยอะขนาดนี้ รอยช้ำที่เดียร์ฝากไว้บนหน้าเมื่อหลายวันก่อนยังไม่จางหาย ตั้งแต่ที่เจอกันในวันนั้นเตย์ชินรู้สึกดีกับเดียร์อย่างบอกไม่ถูก ดีจนเตย์ชินรู้สึกว่าเขาคงชอบเดียร์มากจริงๆ จนไม่รู้ว่าจะชอบใครได้มากกง่านี้อีกไหม ทุกส่วนในตัวเดียร์น่าจับจองเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะปากร้ายๆ นั่น เขาล่ะชอบนักอยากจะให้เดียร์ด่าเขาอีกหลายๆ ครั้ง
“คุณลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเหม็นอ้วก”
เตย์ชินสกิดเดียร์หลังจากแบกเดียร์ใส่หลังพาขึ้นมาที่ห้องนอนของเขา
“ง่วง...อย่ามากวน”
คนเมาเสียงดังใส่ก่อนจะคว่ำหน้าลงกับหมอนใบโต
“ผมไม่นอนกับคนที่เหม็นแต่อ้วกหรอกนะ”
เตย์ชินถือวิสาสะจับร่างโปร่งนอนหงายก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นแผ่นอกบางเนียนขาวไร้จุดตำหนิ่ที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจ เตย์ชินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเสหน้าไปทางอื่น ไม่ได้เขาจะคิดอกุศลกับเดียร์ไม่ได้เพิ่งเจอกันเองนะยังไม่ทำความรู้จักกันเลย
“ทำอะไร”
ร่างโปร่งปรือตาถาม
“จะจับคนเมาอาบน้ำ เหม็น”
“เตย์ชิน หมอหมีควายปากเสียที่เจอวันนั้นใช่มั้ย”
เตย์ชินเลิกคิ้วให้กับคำถามของเดียร์ นี่จำเขาได้ด้วยเหรอดีใจนะเนี่ยที่อย่างน้อยเดียร์ก็ยังจำเขาได้
“ดีใจนะเนี่ยที่จำได้”
“หมอตัวเท่าหมีควายมีนายคนเดียวเท่านั้นแหละ”
คนเมาปากดีแขวะไม่เลิก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วถอดกางเกงออกต่อหน้าเตย์ชินอย่างไม่อาย เตย์ชินสบถในใจรีบหันหน้าหนีไม่มอง
“อยากมองก็มอง ไม่ต้องทำเป็นหันหนีแล้วแอบเหล่ตามอง”
คนเมารู้ทัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนถอดอันเดอร์แวสีขาวออกกองไว้กับพื้นยืนหันหลังให้เตย์ชิน เตย์ชินนั่งมองแผ่นหลังขาวเนียนไล่ลงมาถึงล่องก้นที่น่าสัมผัส อยากจะยื่นมาเจ้าไปบีบเคล้นคลึง คิดไม่เท่าไหร่ลูกชายที่อยู่ใต้ร่มผ้าก็เริ่มโป่งนูนขึ้นมาจนรู้สึกปวดหนึบๆ
เดียร์เดินไปที่ประตูห้องน้ำก่อนจะเปิดมันออกอ้าไว้แบบนั้น ร่างโปร่งเดินไปเปิดฝักบัวให้น้ำชะโลมใส่ตัวจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว มือบางลูบไล้ไปตามร่างกายไปมาจนคนที่มองอยู่ข้างนอกทนไม่ไหวอีกต่อไป
เตย์ชินถอดเสื้อผ้าออกย่างกายเข้าห้องน้ำก่อนจะยืนซ้อนหลังร่างโปร่ง มือหนาวางลงที่ไหล่มน
“ใครอนุญาตให้เข้ามา”
เดียร์ถามแต่ไม่หันหลังกลับไปมอง
“ก็คุณยั่วผมให้เข้ามาเองนะ แล้วใครจะทนไว้”
“แล้วอยากทำมากกว่านี้มั้ยล่ะ?”
เตย์ชินหยุดมือที่ลูบไล้ไปมาบนไหล่มนอย่างแปลกใจ นี่คนตรงหน้าเขาเมาหรืออะไรกันแน่
“รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา”
“ไม่ได้เมาขนาดนั้นนะ”
“แล้ว?”
“ก็แค่อยาก...”
เตย์ชินกระตุกยิ้มขึ้นมา คิดเสียว่าเป็นผลพลอยได้ในครั้งนี้ก็แล้วกัน ถ้าอยากเขาก็จะจัดให้แต่อย่าหวังเลยว่าหลังจากจบคืนนี้ไปแล้วจะทำเป็นคนไม่รู้จักกัน
“ผมไม่นิยมวันไนท์...ถ้าได้ผมแล้วกรุณารับผิดชอบด้วยนะครับ”
ร่างโปร่งหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาที่มุมปาก ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเตย์ชินชอบเขาขนาดไหน ในเมื่ออ้อยเข้าปากช้างแล้ว มีหรอที่ช้างจะคายทิ้ง อัศวนนทาไม่ใช่ว่าใครจะเข้าหาตัวได้ง่ายๆ ถ้านี่เป็นโอกาสที่จะทำให้เขาได้ใกล้น้องไอมากขึ้นก็ถือว่าคุ้มล่ะนะ...
-------------
เมื่อวานไม่ได้ลง เหมือนเดิมค่ะ หลับคาโต๊ะ 555+ วันนี้ให้สองตอน เดี๋ยวดึกๆ มาอีกนะคะ