เมียบำเรอตอนที่7: เพชร
"คุณเดียร์คะ ข้อมูลที่ให้หาได้แล้วค่ะ"
เลขาคนสนิทเอ่ยขึ้นก่อนจะวางฟ้มไว้ตรงหน้าของเจ้านายหนุ่มที่มีใบหน้าติดสวย ดวงตาเรียวคม ริมฝีบางบางหยักยิ้ม ผมยาวหยักศกสีน้ำตาลเข้มถูกมัดไว้หลวมๆ ที่ท้ายทอย
"ว่าไงบ้าง”
"ถ้าคนที่คุณเดียร์ให้หาเป็นคุณ 'ไอ' จริงๆ ตอนนี้อาศัยอยู่กับ แพทย์หญิง กุลแก้ว อัศวนนทา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล xxx และแต่งงานกับลูกชายของเธอตามข่าวที่ลงค่ะ”
เลขาคนสวยพูดก่อนจะวางซองสีน้ำตาลให้กับเจ้านาย
"นี่เป็นรูปของคนที่ให้หาค่ะ"
"ขอบคุณมาก คุณไปทำงานต่อเถอะ"
เลขาก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป มือเรียวเปิดซองหยิบรูปในนั้นออกมา รูปที่มีหนุ่มน้อยหน้าตาออกไปทางญี่ปุ่น ดวงตากลมโตใส กำลังนั่งอยู่ที่ศาลาไม้ที่สวนหน้าบ้านอย่างไม่รู้ตัวว่าถูกแอบถ่าย
ถ้าวันนั้นไม่บังเอิญเดินผ่านร้านหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดที่พาดหัวข่าวถึงการแต่งงานของนักธุรกิจหนุ่มไฮโซ ที่มีเจ้าสาวเป็นผู้ชาย ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับผู้หญิงที่เขาเรียกว่าแม่ดึงดูดให้เขาจ้องอยู่ตรงนั้น จนเป็นเหตุให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้รู้ว่าคนคนนี้คือคนที่เขาตามหามาตลอดเก้าปีกว่า
"ถอดแบบคุณแม่มาขนาดนี้ ขอให้เป็นน้องจริงๆ เถอะ 'ไอ' “
ถ้าวันนั้นไม่บังเอิญเจอ…คงต้องพลิกแผ่นดินหากันอีกนาน
อึดอัด!! ความรู้สึกแรกที่ร่างบางได้รับเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้น คือความอึดอัดที่ได้รับ ร่างบางลืมตาขึ้นสู้กับแสงแดดที่ส่องเข้ามาก่อนจะขมวดคิ้วที่ตรงหน้าตนมีแผ่นอกแกร่งเปลือยเปล่าของร่างสูงที่กานดาไม่อยากเจอที่สุดอยู่ต่อหน้า กานดาพยายามดึงตัวเองให้ออกจากอ้อมกอดนั้นแต่กลับไร้ประโยชน์ เพราะ ปัฐวีจงใจกอดไว้ไม่ปล่อย ใช่ ฟังไม่ผิด ตั้งใจ! เขาตื่นนานแล้วแต่แกล้งทำเป็นหลับต่อเมื่อเห็นว่าร่างเล็กที่กกกอดเมื่อคืนจนถึงตอนนี้รู้สึกตัว
"คุณปัฐ! ปล่อยผมนะ!!"
กานดาเริ่มดิ้นแรงขึ้น ทั้งผลักทั้งดันก็ไม่เป็นผล นี่คงจะเป็นวีธีเดียวที่จะให้กานดาหลุดออกจากกอดของปัฐวีได้ ร่างบางงับเข้าที่หัวนมของปัฐวีแบบไม่มีออมแรง
โอ๊ยยยยย!!
ปัฐวีดีดตัวออกจากการดามายืนข้างเตียงนอนก่อนจะจับหัวนมตัวเองที่มีรอยฟันฝังจนเป็นรอยลึก
"นี่คุณทำอะไรผม!!! "
กานดารวบผ้าห่มมาคุมตัว ดวงตากลมมองปัฐวีอย่างระแวง ก่อนจะก้มมองดูตัวเอง เสื้อผ้ากานดายังอยู่ครบแต่ปัฐวีมีแค่กางเกงนอนเพียงตัวเดียว
"ฉันมากกว่าที่ต้องถามนายว่าทำอะไร !!"
ปัฐวียืนค้ำเอวอย่างหาเรื่องที่กานดาบังอาจกัดหัวนมเขา!!
"ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ ตื่นมาเห็นคุณมากอดแล้วยังไม่ใส่เสื้ออีก ผมก็ตกใจเป็นนะ!”
"ผัวกอดนิดกอดหน่อยนี่มันน่าตกใจขนาดนั้นเลย? “
ปัฐวียื่นหน้ามาหากานดาที่เบี่ยงตัวหลบสุดชีวิต ก่อนจะเอาผ้าห่มคุมหัวปิดหน้าให้เหลือแค่ตาไว้มองคนยียวนตรงหน้าอย่างหวาดระแวง
"อย่าเข้ามานะ!!"
"หึ! อยากเข้าใกล้ตายล่ะ
ปัฐวีใช้นิ้วจิ้มหน้าผากมนจนเจ้าตัวเซไปด้านหลังตามแรงจิ้มของนิ้ว
"แล้วมากอดทำไมเล่า!"
การดายังไม่เลิกเถียง
"ก็แล้วเมื่อคืนหมาตัวไหนมันไข้ขึ้น บอกว่าหนาวๆ ปิดแอร์ก็แล้ว ห่มผ้าก็แล้ว ยังสั่นอยู่ได้"
ไข้ขึ้นหรอ? ไม่เห็นรู้ตัวเลย.....
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่คุณมากอดผมเล่า"
"ใครกอดนายกัน นายต่างหากมาซบอกฉันเอง หึๆ อยากให้ผัวกอดก็บอกดีๆ ไม่ต้องทำเป็นละเมอว่าหนาวหรอกเป็นไงอุ่นมั้ยอกผัวน่ะ พอกอดแล้วนิ่งเชียว”
กานดาเม้มอย่างอายๆ ผู้ชายคนนี้พูดอะไรไม่อายปาก ไม่รู้จะสรรหาคำด่าไหนให้เหมาะกับผู้ชายคนนี้ดี
"ผมไม่คุยกับคุณแล้ว!!"
กานดาสบัดหน้าหนีก่อนจะใช้สองมือผลักให้ร่างสูงถอยห่าง แล้วรีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำทันท
"ผู้ชายอะไรพูดคำว่าผัวๆ เมียๆ ได้ไม่อายปาก "
กานดามองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ เรียวปากบางเม้มแน่นจนแดง เมื่อวานยังด่า ยังดูถูกเขาอยู่เลยแล้วมากอดกันทำไม
บ่นมุบมิบได้สักพักกสายตาก็พลันสบเข้ากับกะละมังใส่น้ำที่มีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่ วางไว้ที่ขอบอ่างล้างหน้า
'ก็แล้วเมื่อคืนหมาตัวไหนกัน ที่มันไข้ขึ้น...'
จู่ๆ คำพูดของปัฐวีก็แล่นเข้ามาในโสตประสาทของกานดาให้ฉุกคิดอย่างสงสัย
"ไม่จริงน่าา.."
ใช่ ไม่จริงหรอกคนอย่างปัฐวีน่ะหรอที่จะลดตัวมาเช็ดตัวให้เขาไม่ใช่แน่ๆ
"คุณดาคะ ไข้ลดบ้างหรือยังคะ"
นกถามกานดาก่อนจะวางถ้วยซุปลงบนโต๊ะอาหารตรงหน้ากานดาพร้อมกับยาหลังอาหาร
"ก็ดีขึ้นแล้วครับตัวไม่ร้อนนะ"
กานดาว่าพลางเอามืออังหน้าผากตัวเอง สิ่งหนึ่งที่กานดาเพิ่งสังเกตตอนอาบน้ำคือ รอยทายาที่ข้อมือทั้งสองข้า
"คุณปัฐเธอก็เก่งนะคะ เมื่อคืนคุณไข้ขึ้นตัวร้อนมากเลยคงจะนั่งเช็ดจนคุณตัวเย็นแหละค่ะ เช้ามาถึงได้ร่าเริงได้”
นกพูดออกมาอย่างยิ้มๆ กานดาชะงัก ช้อนตักซุปวางลงที่เดิมก่อนจะหันไปหาคำตอบจากคนแก่กว่า
"ป้าว่าคุณปัฐเธอดูอ่อนลงมากนะคะ แค่ไม่กี่วันทำได้ขนาดนี้อีกหน่อยเดี๋ยวก็ดีค่ะ”
"ไม่จริงหรอกครับปัฐวียังไงก็คือปัฐวีดาไม่เห็นว่าเค้าจะเ [/size]ปลี่ยนตรงไหน..."
กานดาเล็มซุปที่ปลายช้อนทีละนิดอย่างใช้ความคิดในคำพูดของป้านก
"เมื่อวานนี้เค้ายังด่าดาสารพัดป้าก็เห็น"
"ถ้าคุณปัฐเธอไม่รู้สึกผิด เธอคงไม่อยู่ดูแลคุณทั้งคืนหรอกค่ะ ทั้งเช็ดตัว ทั้งปลุกให้กินยา แถมยังยอมทนนอนร้อนๆ ทั้งๆ ที่คุณปัฐเป็นคนขี้ร้อนหรอกนะคะ"
กานดาอึ้งกับคำพูดของนกที่บอกมาก่อนจะหันไปมองหน้าเชิงถามเอาคำตอบให้แน่ชัด จริงหรอที่ปัฐวีทำแบบนั้น นกได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ
ผู้ชายคนนี้มันเดายากจริงๆ นี่อารมณ์ไหนของเขากันนะ รู้สึกผิดจริงหรอแต่คำขอโทษสักคำยังไม่ได้ยินเลยจนกระทั่งเจ้าตัวออกไปทำงานที่บริษัท
“เอ่อ..ป้านกครับ”
กานดาเรียกนกอย่างนึกอะไรขึ้นได้
“ว่าไงคะ? “
“คือว่าเรื่องเมื่อวาน…ป้าช่วยบอกทุกคนด้วยนะครับว่าอย่าบอกแม่แก้วรบกวนโทรบอกพี่ชินให้ด้วยนะครับ ดาไม่อยากให้แม่แก้ว
รู้สึกผิดหรือคิดว่าตัวเองทำให้ดาต้องมาเจออะไรแบบนี้”
วันนี้กานดาเก็บกวาดห้องนอนที่เคยยับเยิน มาสู่สภาพปกติใครห้ามก็ไม่ยอมกลัวไข้จะกลับอีก เจ้าตัวก็ไม่ยอมตั้งท่าจำทำท่าเดียว
พอเคลียร์ห้องนอนเสร็จก็เดินถือถังน้ำเข้าห้องทำงานของปัฐวีต่อ
กองเอกสารต่างๆ ถูกกองไว้อย่างไม่เป็นระเบียบบนโต๊ะ กานดานั่งลงบนเก้าอี้นวมคัดแยกเอกสารที่เหมือนๆ กัน ไว้ด้วยกัน ก่อนจะสะดุดตากับ แบบโครงร่าง ของชุดเครื่องเพชรชุดหนึ่งที่ยังไม่สมบูณร์ดี กานดาไล่มือบางลงบนแผ่นกระดาษ เครื่องเพชรชุดนี้สวยถูกออกแบบมาเพื่อให้ดูทันสมัย แต่ก็ยังคงดูมีความเลอค่าดึงดูดสายตาของเหล่านักประมูลได้ดีแน่ๆ เพียงแต่กานดารู้สึกว่าเครื่องเพชรชุดนี้ดูเรียบไปเสียหน่อย ควรหาอัญมณีชนิดสีมีสีสวยประดับตรงใจกลางกรอบเพชรทบนสร้อย
ไวกว่าความคิด กานดาหยิบดินสอในกล่องบนโต๊ะมาร่างขีดๆ เขียนๆ แบบโครงสร้างชุดเครื่องเพชรที่คล้ายกันกับชุดนี้ในกระดาษอีกแผ่น กานดาเพิ่มสีน้ำเงินลงบตรงกลางกรอบเพชรที่แต่เดิมเป็นเพียงเพชรสีใสเม็ดโตเท่านั้น สีน้ำเงินจะเป็นตัวดึงดูดสายตาของผู้ชมมาที่สร้อย ถ้าหากสีน้ำเงินให้เป็นบลูไดม่อนจากประเทศแอฟริกาแทนที่จะใช้เป็นพลอยสีน้ำเงิน ราคาเพชรสีน้ำเงินไม่ต่ำกว่าสิบล้านดอลล่าร์เชียวนะ กานดาได้ยินมาว่าเป็นเพชรที่น้ำงามมากที่สุดชาวแอฟริกาขุดพบเจอเม็ดแรกอยู่ที่ 25.5 กระรัตรและยังมีการขุดพบเจอเรื่อยๆ เห็นว่าปลายปีจะมีการประมูลเพชรสีน้ำเงิน นักลงทุนคงแห่กันไปประมูลเพื่อให้ได้มาแน่ๆ
Rrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลุกกานดาให้ตื่นจากจินตนาการในการออกแบบและความคิดในหัว กานดาสะดุ้งเล็กน้อยชั่งใจว่าจะรับดีไหม แต่สุดท้ายมือบางก็เอื้อมมือไปรับ
"สวัสดีครับ"
[ฮัลโล นั่นนายหรอดา...]
เสียงนี้ ปัฐวีหนิ!! กานดาเอาโทรศัพท์ออกจากหูอย่างตกใจ
[นี่นายฟังฉันอยู่หรือเปล่า!]
เสียงดุจากปลายสายดังขึ้นกานดายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาฟังแทบไม่ทัน
"ฟะ ฟังอยู่ครับ"
[นายอยู่ในห้องทำงานฉันหรอ]
"ครับ มาทำความสะอาด"
[อืม หยิบแบบเครื่องเพชรที่ร่างไว้บนโต๊ะกับแฟ้มเอกสารสีดำสองเล่มมาให้ที่บริษัทหน่อย
หะ อะไรนะให้เขาเอาของไปให้??
"ผมไม่รู้บริษัทอยู่ไหน
[ให้ลุงชัยพามา ด่วน! อีกสามสิบนาทีฉันมีประชุม ถ้านายมาไม่ทันกลับไปเจอดีแน่..]
ติ๊ด!!
ไอ้คนบ้า อะไรคือการขู่กันอย่างคนเอาแต่ใจแล้วกดตัดสายกันน่ะ?? กานดารวบรวม เอกสารที่เกี่ยวกับแบบเครื่องเพชรพร้อมภาพและแฟ้มก่อนจะหอบทุกอย่างไปหาคนขับรถตรงไปที่บริษัททันที
"สวัสดีค่ะคุณกานดา ท่านประธานให้ดิฉันมารอรับค่ะ"
กานดาแทบจะยกมือไหว้แทบไม่ทัน ไม่ชอบเลยให้คนโตกว่ามาไหว้ เลขาสาวเดินนำกานดาขึ้นไปหน้าห้องท่านประธาน สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องมาที่กานดา แต่กานดาไม่สนใจเดินจ้ำอ้าวก้มหน้าตามหลังเลขาอย่างเดียว
"อ๊ะ..ขอโท..."
"เซ่อ..."
คำต่อว่าเรียบๆ ไม่เงยหน้าขึ้นไปมองก็รู้ว่าใคร กานดาเดินชนอกร่างสูงที่ยืนล้วงกระเป๋าทำหน้าขรึม
"ขอโทษ อ่ะนี่ของที่คุณต้องการ"
กานดายื่นแฟ้มให้ปัฐวี ร่างสูงรับไว้ก่อนจะยิ้มมุมปาก
ฟอดดด~
"ขอบใจ..."
โน้มหน้ามาหอมแก้มกานดาอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้กานดายืนอึ้งอยู่กับที่อ้าปากค้างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อสักครู่...เมื้อกี้ ปัฐวีหอมแก้มเขา.....ต่อหน้าเลขา!!!!
กานดาจับแก้มตัวเองตลอดทางกลับบ้าน จนถึงบ้านใครเข้ามาคุยด้วยก็ไม่ตอบเอาแต่จับแก้มตัวเองอย่างเหม่อลอย
"กลับมาเร็วจังเลยค่ะคุณดา"
มดเอ่ยทักกานดาที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น แต่กานดาเงียบไม่ตอบกลับ เพียงแค่เดินผ่านเธอไปด้วยใบหน้าเหมือนเจอเรื่องอะไรให้อึ้งมา
"เป็นอะไรของเค้าเนี่ย..."
มดบ่นน้อยๆ ก่อนจะเดินจากไป ร่างบางทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟา ก่อนจะคว้าหมอนอิงมาปิดหน้าแล้ว...
อ้ากกกกกกกกก!!!!
"ไอ้คุณปัฐบ้าาา ไอ้คนหน้าไม่อายยย!!!!"
กานดากรีดร้องใส่หมอนเพื่อไม่ให้เสียงดัง หึ่ย! เขินก็เขิน อายก็อาย คนอะไรหน้าด้านที่สุด! เข้าใจยากเมื่อวานทำตัวร้ายกาจ แต่มาวันนี้กลับทำตัวเป็นคนดี แล้วยังจะมาทำตัวหื่นใส่ต่อหน้าคนอื่นอีก!! ตามไม่ทันแล้วนะคนบ้า!
"ทุกท่านมาครบแล้วค่ะ"
เลขาสาวหันไปกระซิบกับปัฐวี ที่นั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด
"เอาล่ะครับ การประชุมวันนี้ผมจะเอาตัวอย่างเครื่องเพชรที่เราเคยคุยกันไว้เมื่อเดือนที่แล้วมาให้ทุกท่านได้ชมกัน อย่างที่ทราบกันดีว่าท่านประธานคนก่อนท่านได้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องสร้างชุดเครื่องเพชรที่ยิ่งใหญ่กว่าบริษัทเพชรที่ไหนในไทยเคยทำมาก่อน และผมในถานะลูกชายคนเดียวของท่านได้สืบทอดความตั้งใจนี้ต่อจากท่าน ผมได้ทำการออกแบบเพื่อเติมในส่วนที่ท่านยังทำไว้ไม่ครบสมบูณร์ดี แต่ผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะดีพอหรือยังที่จะเป็นซิกเนเจอร์ของงาน เชิญทุกท่านติชมกันได้ครับหลังจากได้ดูภาพแล้ว”
ปัฐวีเปิดแฟ้มสีดำก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นแรกที่ร่างเครื่องเพชรไว้ออกมา แต่สายตาคมพลันสะดุดกับกระดาษร่างอีกแผ่น ที่เหมือนกับของปัฐวีแต่หากเสร็จครบถ้วนสมบูณร์แล้ว
"มีอะไรหรือเปล่าคะท่านประธานทุกคนรอดูอยู่นะคะ”
“ไม่มี”
ปัฐเลือกที่จะหยิบแผ่นที่เสร็จแล้วออกมาวางที่เครื่องฉายภาพกล้องซูมภาพที่บอร์ดฉายสู่จอใหญ่ที่ด้านหลังของปัฐวี
ทุกคนในห้องประชุมสายตาต่างถูกดึงดูดไปที่เพชรสีน้ำเงินที่อยู่ตรงกลาง เลอค่าจนไม่อาจละสายตาได้
"นี่หรอครับที่ท่านประธานออกแบบ มันสวยงามเลอค่ามากๆ แล้วสีน้ำเงินตรงกลางนั้นท่านประธานจะใช้เพชรสีน้ำเงินที่ท่านประธานคนก่อนเคยประมูลมาเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนมาใช้มั้ยครับ”
กรรมการท่านหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะมีเสียงฮือฮา เมื่อพูดถึงเพชรสีน้ำเงินที่ปราณเคยไปประมูลมาจากแอฟริกาด้วยราคาสองร้อยล้านบาท เป็นการลงทุนที่มีแต่คนบอกว่าเขาเหมือนฆ่าตัวตายที่เอาเงินเกือบทั้งหมดทุ่มลงกับเพชรเม็ดเดียว
แต่วันนี้ดูเหมือนว่าการลงทุนในครั้งนั้นจะส่งผลดีต่อการเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ที่มีราคาสูงติดเพดานที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ด้วยการสานต่อจากลูกชายอย่างปัฐวี
"ดิฉันแน่ใจค่ะ ว่าถ้าทุกคนได้เห็นเครื่องเพชรชุดนี้จะต้องสั่นสัเทือนทั้งวงการแน่นอนค่ะ และการประมูลในครั้งนี้จะต้องทำรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างมหาศาลเลยล่ะค่ะ”
หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างชอบใจปัฐวีไม่พูดอะไร ปล่อยให้เลขาเป็นคนจัดการเรื่องงานเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ของบริษัทต่อ
การประชุมวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี คณะกรรมการทุกฝ่ายต่างเห็นชอบด้วยกับงานครั้งนี้โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ หลังจบการประชุมทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือเพียงปัฐวีที่นั่งพินิจรูปเครื่องเพชรที่อยู่ตรงหน้า คำถามเกิดขึ้นในหัว ใครเป็นคนวาด? .......
'อืม นายอยู่ในห้องทำงานของฉันหรอ'
'ครับ มาทำความสะอาด'
ปัฐวีเหยีดยิ้มมุมปาก อย่างรู้คำตอบ ถ้าเป็นเด็กนั่นวาดจริงๆ ฝีมือถือว่าดีมาก ในตอนแรกเขาเองไม่กล้าเสี่ยงที่จะนำเพชรสีน้ำเงินเม็ดนั้นมาใส่ในเครื่องเพชรที่เขาได้ทำการออกแบบต่อจากปราณ ความกดดันหลายๆ อย่างมันทำให้เขาไม่กล้าเสี่ยงถึงแม่ว่ามันจะเป็นความตั้งใจของปราณมานานแล้วก็ตาม
แต่วันนี้คนทำความสะอาดในห้องทำงานของเขาวันนี้กลับกลายเป็นว่าช่วยเขาให้พ้นจากความกังวนนี้ไปได้
"คุณเดียร์จะไปไหนหรอคะ”
เลขาสาวเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเจ้านายหน้าสวยเดินออกจากห้องทำงาน
"ผมไม่เข้าบริษัทแล้วนะ"
เดียร์ไม่ตอบคำถามของเธอแต่กลับสั่งไสว้ว่าจะไม่เข้าบริษัทแทน ร่างโปร่งเดินออกจากบริษัทผลิตของเล่นไม้ที่นำเข้าวัสดุจากญี่ปุ่นออกมายังรถหลังเต่าเก่าๆ คันนึง ถ้าถามว่าทำไมไม่ใช้รถที่ดีกว่านี้เป็นถึงประธานบริษัทมีเงินมากมาย คำตอบก็คือ รถคันนี้มันเป็นของคนสำคัญที่จากไปแล้วยังไงล่ะ เดียร์พอใจที่จะใช้รถคันนี้ไปไหนมาไหนโดยไม่สนใจสายตาใคร รถหลังเต่าเก่าๆ แล่นสู่ท้องถนนอย่างไม่มีที่หมาย เดีนยร์ไม่มีที่ไปหรอกเพียงแต่เจากำลังเบื่อเท่านั้นเองเลยมาขับรถเล่นกะว่าบะขับเรื่อยๆ จนกว่าจะหายเบื่อ
ครืด!!! ครืดๆๆ!!!
"เห้ย!!! ลุกขมเป็นไรวะ"
เดียร์ร้องตกใจที่จู่ๆ ลุงผักขมหรือรถหลังเต่ามีอาการกระตุกก่อนจะจอดสะนิทที่ข้างทาง
"เห้ย! ลุงเป็นไรวะ"
เดียร์เปิดประตูออกมายืนมองอย่างงงๆ ก่อนจะเดินไปเปิดกระโปงรถขึ้น ควันมากมายทะลักออกมาจากฝากระโปงจนเดียร์สำลักควันไอ
"แครกๆๆ โอ๊ย อะไรวะเนี่ย!"
เดียร์ไอออกมาหลายครั้งก่อนจะเอามือปัดๆ ควันออกอย่างแสบตา
"มาป่วยอะไรตอนนี้เนี่ยลุง หึ่ย!!"
ซ่อมก็ซ่อมไม่เป็นทำไงล่ะทีนี้ เดียร์ยืนค้ำเอวมองลุงผักขมอย่างอารมณ์เสีย
ปิ้น! ปิ้น!
"มืออะไรให้ช่วยมั้ยครับ"
เสียงบีบแตรพร้อมกับเสียงของใครบางคนจากด้านหลัง เดียร์หันไปมองพบเข้ากับ ใบหน้าหล่อที่ยิ้มกว้างอยู่ในรถ เดียร์เอียงคอมองนิ่งๆ ไอ้หมอนี่มันบ้าหรือไงยิ้มสะกว้างเชียว
"นี่คุณรถควันขโมงขนาดนั้นลากเข้าอู่เหอะ"
ร่างสูงลงจากรถมายืนมองควันที่ลอยอยู่ตรงหน้ารถก่อนจะหันไปแนะนำร่างโปร่งที่ยืนหน้าบูดบึ้ง แต่กลับดูสวยในสายตาเขา เอาจริงๆ เขาขับรถผ่านร่างโปร่งนี่ไปแล้วนะ แต่พอเห็นสีหน้าบูดๆ ของเจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะถอยรถกลับมาถามตามตรงล่ะกันเขาชอบ
"เรารู้จักกันหรอ? “
หน้าสวยไม่พอเสียงก็ยังน่าฟังอีกด้วย นี่ผู้ชายจริงๆ ป่ะเนี่ยหรือแค่แต่งตัวเป็นผู้ชาย?
"คุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย? "
เตย์ชินถามยิ้มๆ แต่ทำเอาคนหน้าสวยขมวดคิ้วทันที
"สวยๆ แบบนี้ที่บ้านมีอีกมั้ยครับ"
ไม่รู้อะไรดลใจให้เตย์ชินถามคำถามยียวนแบบนี้ออกไป ทำเอาร่างโปร่งคิ้วกระตุกก่อนจะพูดรอดไรฟันเสียงเรียบ
"นี่คุณอยากต่อยกับผมหรือไง?"
เดียร์ ขมวดคิ้วถามอย่างเก็บอารมณ์ แต่อีกคนกลับทำหน้าตกใจที่ดู...เฟคสุดๆ
"อุ้ย! ไม่เอาน่าคุณคนสวยๆ แบบนี้อย่าใช้กำลังเลย"
เตย์ชินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยิ้มแฉ่ง
"นี่คุณ ผมเป็นผู้ชายนะ!"
"ผมก็ไม่ได้บอกนี่ว่าคุณเป็นผู้หญิง"
ใบหน้าบูดบึ้งเพิ่มขึ้นจากเดิมจนตอนนี้เจ้าของร่างโปร่งเริ่มมีอาการฟึดฟัด แต่เตย์ชินกลับยิ้มกริ่มเขานี่ล่ะชอบจริงๆ เวลาคนตรงหน้าทำหน้าแบบนี้
"ก็เมื่อกี้คุณบอกว่าผมสวยแล้วเมื่อกี้ของเมื่อกี้ คุณถามว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย!"
"ใช่ผมถามแล้วผมพูดหรือไงว่าคุณเป็นผู้หญิง?"
นี่เขาผิดหรอ? เตย์ชินยังไม่พูดสักคำเลยนะว่าคนตรงหน้าเป็นผู้หญิง
เดียร์กำหมัดแน่น สงสัยหมอนี่มันคงอยากเจอหมัดของเขาจริงๆ
"นี่คุณอยากต่อยกับผมจริงๆใช่มั้ย"
"คุณสาย sm หรอ เห้ย! ไม่น่าล่ะเอะอะใช้แต่กำลัง"
"เอ๊ะ! ไอ้บ้านี่วอนซะแล้ว”
เดียร์สุดจะทนกับคำพูดกวนประสาตของชายแปลกหน้า ก่อนจะจัดหมัดหนักๆ ปะทะเข้ากับใบหน้าหล่อที่มีรอยช้ำจางๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่างเต็มเหนี่ยวไม่มีออมแรง
"โอ๊ยย!! คุณต่อยผมทำไมเนี่ย"
เตย์ชินปาดเลือดที่มุมปากออกก่อนจะรั้งแขนร่างโปร่งที่กำลังจะเดินหนี
"ก็คุณมันกวนประสาต!! ไม่รู้จักกันแท้ๆ แต่มาพูดจายียวนกันแบบนี้ ปล่อยแขนผม!"
ใบหน้าบึ้งตึงพูดอย่างหงุดหงิดไอ้หมอนี่มันเป็นโรคจิตหรือไงกันหะ!!
"นี่คุณไม่รู้ตัวหรอว่าเวลาคุณโมโหมันดูสวยไปอีกแบบนะ"
เตย์ชินยังไม่เข็ดหยอดมุขชวนโมโหให้กับเดียรบ์อีกครั้ง เดียร์กัดฟันแน่นก่อนจะเตะผ่าหมากที่หว่างขาของร่างสูงอย่างจัง!!
"อุก!! หยุดนะ โอ๊ย! นี่คุณมาเตะลูกชายผมทำไม"
เดียร์สะบัดแขนออกพร้อมกับจ้ำอ้าวเดินหนีแต่ร่างสูงก็ยังไม่วายจะเดินตามทั้งๆ ที่จุกจนแทบอยากจะนั่งลงไปกองกับพื้น
"นี่คุณเลิกตามผมสักทีถ้าจะหาเรื่องกันก็ไปไกลๆ"
เดียร์โบกมือเรียกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพอดีก่อนจะขึ้นไปนั่งพร้อมกับปิดประตูอย่างรวดเร็ว แต่ยังช้าไปร่างสูงกระชากประตูกลับคืนก่อนจะโยนกล่องพลาสติกเล็กๆ ไว้บนตักเดียร์
"ผมชื่อ นายแพทย์ เตย์ชิน อัศวนนทา ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
"ใครเค้าอยากรู้จัก"
ปัง!!
เดียร์กระชากประตูกลับก่อนจะบอกให้คนขับออกรถได้แต่ไม่วายเสียงทุ้มติดตลกก็ดังตามหลังรถมาให้ได้ยิน
"ฝากดูแลหัวใจ ได้นะครับ คนสวยยย!!"
เดียร์เปิดหน้าต่างออกก่อนจะโผล่หัวออกไปมองร่างสูงที่โบกมือหยอยๆ ยิ้มแป้น เดียร์ควักนิ้วกลางออกมาขึ้นโชว์อย่างหมั่นไส้ นี่มันโรคจิตชัดๆ!
"คนอะไรหมัดหนักชะมัด ตัวบางๆ เองแท้ๆ”
เตย์ชินยิ้มดูมีความสุขทั้งๆ ที่ถูกทำร้ายร่างกายมา ชักจะชอบใจคนคนนี้เสียแล้วสิ
“เราจะต้องได้เจอกันอีกแน่”
"คุณปัฐคุณถอยออกไปนะ"
ร่างบางเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกับก้าวถอยหลังหนีร่างสูงที่กลับมาถึงบ้านก็ทำตัวเหมือนคนโรคจิตที่เที่ยวมาไล่คนอื่นให้จนมุมแบบไม่พูดอะไรสักคำ กานดาถอยหลังหนีปัฐวีจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังห้อง ร่างสูงยันมือทั้งสองข้างกันไว้ไม่ให้ร่างบางได้หนี ใบหน้าหล่อโน้มตัวลงมาคลอเคลียกับแก้มนวล กานดาหลับตาปี๋ตัวเกร็งแล้วเบนหน้าหนี
"หึหึ..."
หัวเราะ?.....หัวเราะอะไรของเขา กานดาเปิดตาขึ้นมองข้างนึงก็พบกับรอยยิ้มมุมปากของปัฐวี
"หัวเราะอะไรเล่าคุณ.."
กานดากลั้นใจถามออกไป แต่หัวใจกลับเต้นถี่จนหายใจไม่สะดวก
"หึ ก็นายไงกลัวฉันขนาดนั้นเลย?.."
ปัฐวีถามก่อนจะเลิกคิ้วอย่างรอคำตอบ กานดาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะพูด
"ใครเค้าจะอยากเจ็บตัวบ่อยๆ กัน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจคุณถึง..."
"พอ ไม่อยากฟัง"
ยังไม่ทันที่กานดาจะพูดจบ ปัฐวีก็ยกมือขึ้นปรามก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานที่พากานดาเข้ามาด้วยการฉุดกระชากเข้ามาเล็กน้อย กานดามองอย่างงงๆ จนร่างสูงต้อกวักมือเรียก
"มีอะไรหรอครับ?"
"มานี่!!"
กานดารีบย้ายตัวไปนั่งบนตักของปัฐวี ที่ทำท่าตบปุปุอย่างไวหลังเสียงดุ ตอนนี้อะไรยอมได้ก็ยอมไปก่อนล่ะนะ
"ของนายใช่มั้ย?"
กระดาษร่างภาพถูกยกขึ้นตรงหน้าของกานดาตอบโดยคนที่ตัวเองนั่งอยู่ตัก
"ครับ....ตะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะวาดเลียนแบบคุณนะ ผมแค่เห็นว่ามัน.......
กานดาเงียบลงทันทีที่นึกถึงสิ่งที่ผิด ปกตินี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาต้องเจ็บตัวไปแล้วนะแต่นี่ทำไมปัฐวียังนั่งนิ่งฟังเขาพูดแถมยังนั่งยกยิ้มอีกต่างหาก
"ไม่พูดต่อล่ะ"
ปัฐวีถามกานดากลับเมื่อเห็นว่าร่างบางบนตักเงียบลง
"ผมแค่เห็นว่ามันสวยมากและจะสวยกว่านี้ถ้าใช้เพชรสีน้ำเงิน..."
"นายก็เลยจัดการวาดมันขึ้นมาใหม่? แล้วรู้หรือเปล่าว่าบริษัทมีเพชรสีน้ำเงินถึงได้วาดมันออกมา”
กานดาส่ายหน้าไปมาก้มหน้ารับความผิดที่ตัวเองเผลอพลั้งทำลงไป ปัฐวียกยิ้มถึงจะเป็นเรื่องบังเอิญแต่ก็คงต้องยกความดีความชอบให้ล่ะนะ
"เหวอออ!!!"
ร่างบางถูกยกจนตัวลอยด้วยมือหนาทั้งสองข้าง ให้เอี้ยวตัวหันหน้าไปเผชิญกับตน ก่อนจะจับสอนแขนเรียวให้พาดคอตัวเองไว้ กานดาจะดึงออกแต่กลับถูกมองคาดโทษจากร่างสูงตรงหน้าเลยจำต้องอยู่ในท่านี้ต่อไป
"ผมขอโทษ ผมแค่..อุ๊บ!! " o//x\\o
ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ เสียงใสกลับกลืนหายลงคอด้วยจูบที่บดขยี้มาแบบไม่ตั้งตัว ใบหน้าถูกล็อคไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ลิ้นหนาจู่โจมสอดเข้าไปในโพลงปากเล็กอย่างชำนาญ ลิ้มรส ไล่ต้อนจนกานดาหายใจตามไม่ทัน อยากจะหนี อยากจะผลักไส แต่ทำไม่ได้ ปัฐวีครอบครองเขาไว้จนหมด แทบจะไม่เหลือความเป็นตัวเอง เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะจูบครั้งนี้มันหวาน อ่อนโยน ชวนสัมผัส ไม่เหมือนที่ผ่านมาไง.......
"รางวัลสำหรับคนเก่ง..."
แอบหลับอีกแล้ว555 แต่ก็านะ มีตัวละครโผล่อ่ะ เค้าเป็นใครกันน้าาา
ปล.อิมเมจที่วางไว้สำหรับเดียร์คือ พี่ซิน ผู้ชายสวยผมยาว แค่สาเหตุที่ให้เดียร์ผมยาวรออ่านกันตอนหน้านะ