[ตีพิมพ์กับ Hermit Books] Blind side รัก||ของ||แว่น ตอนพิเศษติณณ์เหนือ P.35 22/1/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ตีพิมพ์กับ Hermit Books] Blind side รัก||ของ||แว่น ตอนพิเศษติณณ์เหนือ P.35 22/1/63  (อ่าน 417254 ครั้ง)

ออฟไลน์ wijii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
เริ่มจะสงสารพี่ติน ฟ้าไม่เปิดใจเลย

ออฟไลน์ PAtxxkMxxn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
______(ครึ่งหลัง)__________








ในที่สุดการสอบก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี





สังเกตจากร่างสูงที่เกาะหนึบอยู่ที่เอวแว่นไม่ยอมไปไหนตั้งแต่วินาทีที่ก้าวออกมาจากห้องสอบวิชาสุดท้าย พวกเขาตกลงกันว่าจะไปหาจิตแพทย์วันนี้ ซึ่งทีแรกแว่นก็ไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไร แต่พอมายืนอยู่หน้าคลินิคจิตเวชของโรงพยาบาลจริงๆ เด็กหนุ่มก็เริ่มปอดแหกขึ้นมาบ้างเล็กน้อย



“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะรออยู่หน้าห้อง” กวินภพลูบศีรษะของเด็กหนุ่ม “ถ้าแว่นไม่โอเค แค่เดินออกมา แล้วพี่จะพากลับทันที”



เด็กหนุ่มเปิดประตูเลื่อน ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีในชุดกาวน์ตัวยาวสีขาวนั่งรอยู่ในห้องพร้อมรอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกเย็นใจ แว่นนั่งลงตรงหน้าคุณหมอ ยกมือไหว้กล่าวทักทายตามประสา แต่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำตัวเองอย่างไร



“น้องแว่น...หมอเรียกน้องแว่นได้มั้ยครับ?” เจ้าของชื่อพยักหน้า “ทำไมถึงได้ชื่อแว่นล่ะครับ?”



“คุณแม่ผมเปิดร้านขายแว่นน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบตาที่ตนเคยเล่าให้กวินภพฟัง นึกสงสัยว่าเมื่อไหร่อาจารย์หมอจะเข้าเรื่องเสียที



“น้องแว่นเป็นลูกคนเดียวเหรอครับ?”




เด็กหนุ่มส่ายหน้า



“ผมมีน้องชายครับ ห่างกันห้าปี ชื่อเลนส์”



“แว่นกับเลนส์? คุณแม่นี่เข้าใจคิดดีนะครับ”



เวลาผ่านไปสิบกว่านาที แต่แว่นกลับรู้สึกว่าตัวเองเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองให้คุณหมอฟังมากมายเหลือเกิน ราวกับทุกอย่างที่เขาเคยปิดอัดไว้ในขวดในที่สุดก็ทะลักออกมา ทั้งเรื่องดดี เรื่องเลวร้าย เรื่องการแอบชอบการยาวนาน และความกลัวที่จะทำหน้าที่ของคนรักได้ไม่ดีอย่างที่กวินภพต้องการ



รวมถึงเรื่องสาเหตุที่เขามาในวันนี้



“หมอคิดว่า ถ้ายังไม่ถึงขั้นนอนไม่หลับติดต่อกันทุกวัน หมอยังไม่อยากสั่งยาให้ น้องแว่นมาทำจิตบำบัดไปเรื่อยๆดีกว่านะครับ” คุณหมอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม จดบางอย่างลงบนสมุดบันทึกอย่างรวดเร็ว แว่นไม่อยากเสียมารยาท แต่ก็อดชำเลืองดูไม่ได้ว่าชายหนุ่มเขียนอาการของเขาว่าอย่างไร



อ่านไม่ออกอ่ะ...



“แสดงว่าหลังจากนั้น น้องแว่นก็ไม่เคยคุยกับคุณกรอีกเลย?” คุณหมอเลิกคิ้ว


“ผมไม่จำเป็นต้องคุยกับเขา” แว่นตอบเสียงแข็ง เแค่นึกว่าต้องเจอกับผู้ชายคนนั้นอีก เขาก็รู้สึกเหมือนจะอาเจียน



“บางที การได้บทสรุปของเรื่องบางอย่างก็เป็นเรื่องดีนะครับ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะไม่ใช่การให้อภัย หรือจากกันโดยดี แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้เราปิดฉากช่วงเวลานั้นของชีวิตได้”



เมื่อเห็นว่าคนไข้มีท่าทีปิดกั้นตัวเองขึ้นมาทันที อาจารย์หมอมากฝีมือจึงเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบนความสนใจ



“ส่วนเรื่อง ‘ทำการบ้านไม่ได้’เนี่ย....” เด็กหนุ่มหน้าแดง หลบสายตาหยอกล้อของคนหมอที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก “หมอว่า ลองค่อยๆเป็นค่อยๆไปดูก่อนนะครับ บางทีการเผชิญกับสถานการณ์ที่ตัวเองกลัวซ้ำๆที่ละนิดอย่างมีสติก็สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้”



“แล้วมันจะใช้เวลานานแค่ไหนครับหมอ”




แว่นตามอย่างเป็นกังวล เขารู้ว่าไม่สามารถเร่งรัดอะไรแบบนี้ได้ แต่เขาไม่อยากให้พี่กล้าต้องทนทรมานอยู่คนเดียวโดยที่เขาได้แต่ยืนมองอยู่เฉยๆ




“อันนี้หมอก็บอกไม่ได้ อยู่ที่กำลังใจและความพยายามของน้องแว่น กับแฟนน้องแว่นด้วยนะครับ”









“เขาว่างั้นน่ะครับ”




ร่างบางเล่าทุกอย่างให้คนรักฟังระหว่างทางกลัับคอนโด กวินภพเดาะลิ้นอย่างครุ่นคิด หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของคอนโดที่กลายเป็นบ้านหลังที่สองของพวกเขา แว่นนั่งเงียบรอปฎิกิริยาจากชายหนุ่ม แต่กวินภพดูราวกับกำลังจมอยู่ในความคิดของตน ไม่ยอมพูดยอมจาตั้งแต่ลงจากรถมาจนถึงห้อง




“พี่กล้า...พูดอะไรหน่อยสิครับ” คนที่เดินตามหลังต้อยๆ เริ่มใจไม่ดี คนที่มีสีหน้าจริงจังมาตั้งแต่เมื่อครู่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียง
เป็นเป็นการเป็นงาน



“ถ้าอย่างนั้น แปลว่าให้พีี่ตอดแว่นไปเรื่อยๆจนว่าแว่นจะหลวมตัวสมยอมพี่เองงั้นเหรอ?”




ทำไมการเลือกใช้คำศัพท์ของพี่มันถึงน่าเพลียจิตขนาดนั้นครับ?!



“ตอดเติดอะไรกันล่ะครับพี่กล้า!” แว่นโวยวายกลบเกลื่อนความอาย “ผมไม่คุยกับพี่กล้าแล้ว!”




ร่างเล็กตั้งท่าจะเดินหนีเข้าไปในห้องนอนแต่ถูกคว้าเอวไว้ด้วยมือข้างเดียว




“ได้ไงกันล่ะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดริมหู “นี่ยาหมอสั่งเชียวนะ”





“ยาหมอสั่งอะไรกันล่ะครับ พี่กล้าปล่อยผมนะ พี่กล้า! ผมบอกให้ปล่อย พี่กล้า อื้อ! อยะ...อย่า ไม่เอาตรงหู...พี่กล้า ลิ้น มะ..มัน...”








ทุกเช้าเริ่มต้นด้วยความรู้สึกเสียวซ่านหลังต้นคอ รอยดูดเม้มสีชมพูระเรื่อถูกฝากไว้ตามหลังใบหูและซอกคอขาว ทุกครั้งที่เผลอ เขาจะถูกร่างสูงอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก แล้วริมฝีปากได้รูปก็จะทำหน้าที่ ‘บำบัด’ ตามที่คนฉวยโอกาสชอบอ้างนักหนา ถึงแม้จะหงุดหงิดกับท่าทางกระดี๊กระด๊าของคนรัก แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าการกระทำของกวินภพทำให้เขาผ่อนคลายลงมากจริงๆ




“เย็นนี้ไปนอนบ้านพี่นะ”



จู่ๆอีกฝ่ายก็พูดขึ้นหลังจากฝากรอยไว้เต็มซอกคอจนคนถูกแกล้งเริ่มหายใจหอบ แว่นอ้าปากฮุบอากาศเพื่อสื่อสารกับคนรัก แต่กลับถูกอีกฝ่ายเข้าใจผิดประกบปิดช่องทางการหายใจของเขาเสียอย่างนั้น




“อื้อ!” แว่นพยายามดันผู้ชายหื่นกามในคราบเดือนมหาวิทลายลัยปีสามออกด้วยแรงอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ ชายหนุ่มที่ส่งลิ้นเข้ามาตักตวงความหวานในปากของเขาหัวเราะในลำคอ แรงสั่นสะเทือนทำให้คนที่ยังคงถูกรุกรานอิสรภาพทางการหายใจเผลอครางเสียงเบา




“ชอบแบบนี้เหรอครับ...” กวินภพถามเสียงหยอกเย้า คนปากแข็งเบือนหน้าหนี ไม่ยอมตอบคำถามของร่างสูง



“ที่พี่พูดเมื่อกี้ คืออะไรเหรอครับ?”


“แม่พี่ชวนไปทานข้าวเย็นน่ะ พี่ติณณ์กับไอ้เหนือก็ไปด้วยนะ” กวินภพยิ้มร่า ดวงตาสีรัตติกาลวาววับเหมือนเด็กๆ “พ่อพี่เพิ่งกลับมาจากประชุมที่ต่างประเทศน่ะ แม่เลยอยากให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา”



ไอ้หน้าตาแบบนี้ เขาเคยปฎิเสธได้ที่ไหน



“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ”








“น้องแว่น ของต้น มาแล้วเหรอลูก น้องฟ้ากับพี่ติณณ์นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกน่ะ ไปนั่งรอก่อนสิ อีกเดี๋ยวอาหารก็เสร็จแล้ว” มารดาของกวินภพในชุดผ้ากันเปื้อนทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส ซึ่งลูกชายของเธอก็ตอบรับด้วยสีหน้าเริงร่าไม่แพ้กัน กวินภพดึงข้อมือคนรักที่หลบอยู่หลังเขาเบาๆได้เดินตามมา แต่เด็กหนุ่มไม่ยอม




“คุณแม่ครับ ให้ผมช่วยอะไรมั้ยครับ” แว่นถาม พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ตะลึงอ้าปากค้างกับความยิ่งใหญ่อลังการของคฤหาสน์ ถึงแม้เขาจะเคยมาแบบส่องหน้าบ้าน แต่ในตัวบ้านนั้นดาวล้านดวงยิ่งกว่าภายนอกเสียอีก


“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ไปนั่งเล่นกับน้องต้นเถอะ เดี๋ยวอาหารก็เสร็จแล้ว” คุณเดือนดาราปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม แต่คนที่ไม่ชอบอยู่เฉยยังคงยืนยันหนักปน่นว่าอยากจะช่วย “ถ้าอย่างนั้นมาช่วยแม่ต้มเม็ดบัวลอยแล้วกันจ้ะ ของโปรดน้องต้นเขา”


กวินภพกระพริบตาปริบๆมองมารดาที่ฉกตัวว่าที่ลูกสะใภ้เข้าไปในครัวอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าแว่นจะเปลี่ยนใจ จริงๆงานในครัวก็คงหนัก แต่ไม่อยากเสียฟอร์มล่ะสิท่า



ชายหนุ่มอมยิ้มมองหญิงวัยกลางคนกับลูกมือคนใหม่ที่กำลังช่วยกันปั้นเม็ดแป้ง คนรักเข้ากับมารดาได้ดีแบบนี้ เขาก็โล่งใจ



“แม่ครับ พ่อยังไม่กลับมาเหรอ”




“ยังจ้ะ เห็นว่าพี่วิชญ์จะขับมาส่งเลยต้องรอฝั่งโน้นทำธุระก่อนก่อน”



“พี่วิชญ์กลับมาแล้วเหรอครับ?”


 กวินภพถามอย่างสนใจ ลูกพี่ลูกน้องของเขาไปเรียนต่อเมืองนอกตั้งแต่ตอนเขาอยู่มัธยมปลาย แล้วก็รับช่วงต่อกิจการครอบครัวอยู่ที่โน่น ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้


“จ้า คิดถึงล่ะสิ แต่ก่อนติดพี่วิชญ์แจเลยนี่” คุณเดือนดาราล้อ แว่นเงยหน้าขึ้นจากก้อนแป้งอย่างสนอกสนใจกับชื่อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน “ดีเลย จะได้แนะนำน้องแว่นให้ทุกคนรู้จัก ดีมั้ยจ๊ะ?”


“เอ่อ ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรกับความชิวของมารดาของคนรัก



เมื่ออาหารเสร็จพร้อมขึ้นโต๊ะ ติณณ์ภพกับเหนือฟ้าที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ก่อนหน้านี้ก็เข้ามาช่วยจัดโต๊ะอาหารรอประมุขของบ้านที่ยังคงเดินทางมาไม่ถึง แว่นสังเกตว่าชายทั้งสองไม่พูดคุยกันแม้แต่ประโยคเดียว จะว่าไม่สนิทก็ไม่น่าใช่ เพราะถึงจะไม่สนิทยังไง รู้จักกันมาตั้งหลายปีน่าจะมีปฎิสัมพันธ์อะไรกันบ้าง



อย่างกับจงใจไม่พูดกันอย่างไรอย่างนั้น



แต่ดูเหมือนคนในบ้านจะไม่มีใครคิดเหมือนเขา



“น้องแว่นเนี่ย เหมาะสมกับน้องต้นจริงๆเลยน้า แต่แม่ก็เสียดายน้องฟ้าอ่ะ” มารดาของกวินภพทำหน้าเสียดาย “คิดว่าจะได้
น้องฟ้ามาเป็นเจ้าสาวของน้องต้นซะอีก"



แว่นได้แต่ก้มหน้าซ่อนความร้อนของแก้ม



“โห คุณแม่ครับ ผมกับกล้าตัวติดกันมาจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว ขอบายครับ” เหนือฟ้าหัวเราะ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย



“ถ้าอย่างนั้น น้องฟ้ามาเป็นเจ้าสาวของพี่ติณณ์แทนมั้ยจ๊ะ”



แค่กๆๆ



ร่างโปร่งสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไป แว่นสังเกตว่าติณณ์ภพที่นั่งอยู่ข้างๆผุดลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีแต่นั่งกลับลงไปเมื่อเจอสายตาดุๆจากคนอายุน้อยกว่า



หืม? มีอะไรแปลกๆรึเปล่า?


“อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิครับคุณแม่ ฟ้าไม่อยากมานั่งร้องไห้เพราะสาวในสต็อกของพี่ติณณ์หรอกนะครับ” ร่างปร่งตอบยิ้มๆ
ความเจ้าชู้ของติณณ์ภพสมัยมัธยมปลายไม่ใช่เรื่องที่ถูกปิดบัง คุณเดือนดาราเรียกลูกชายมาเตือนหลายครั้งจนรู้สึกเหนื่อยใจ ได้แต่ขอให้ลูกชายเห็นใจความรู้สึกของคนที่ตัวเองกำลังคบ ไม่รู้ว่าคำสอนของเธอได้ผล หรือในที่สุดผลของการกระทำก็ตามสนองลูกชายคนโต ทำให้ติณณ์ภพเลิกนิสัยแบบนั้นในช่วงปีหนึ่งของการเรียนมหาวิทยาลัย




อาจจะเพราะอยู่ใกล้กันเกินไป คนในบ้านถึงได้มองไม่เห็นว่ารอยยิ้มของเหนือฟ้านั้นฝืนกว่าปกติเพียงใด



“อ๊ะ คุณพ่อคงมาแล้ว ไปรับคุณพ่อกันดีกว่านะเด็กๆ” คุณเดือนดาราเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถ ทั้งห้าเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับคนรับใช้บางส่วนเพื่อต้อนรับคุณผู้ชายของบ้านและแขก แว่นแอบรู้สึกประหม่าเล็กน้อยด้วยกลัวว่่าบิดาของคนรักอาจจะไม่ชอบหน้าเขา




“ไม่ต้องห่วง พ่อพี่ใจดีมาก” กวินภพปลอบคนที่ตัวสั่นน้อยๆ “อีกอย่าง พี่เพ้อเรื่องแว่นให้ท่านฟังจนเบื่อแล้ว ท่านชินแล้วล่ะ”
เด็กหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรกับอีกฝ่าย ร่างสองร่างก้าวออกมาจากรถยนต์ที่จอดสนิท ชายวัยกลางคนที่ออกมาจากฝั่งข้างคนขับรถมีโครงหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงลูกชายทั่งสองเป็นอย่างมาก แม้กาลเวลาจะฝากริ้วรอยไว้ตามส่วนต่างๆของใบหน้า แต่กลับทำให้ร่างสูงดูน่าเกรงขามขึ้นกว่าเดิม



แต่คนที่ทำให้แว่นตัวแข็งทื่อคือชายหนุ่มที่ทำหน้าที่สารถีจำเป็น แม้เวลาผ่านไปสี่ปีจะทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของใบหน้าคมคาย ผมรองทรงถูกกฎระเบียบของโรงเรียนและแววตาขี้เล่นกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่แว่นไม่มีวันลืมใบหน้าของคนคนนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามหลายต่อหลายครั้งก็ตาม



“แว่น เป็นอะไรรึเปล่า” กวินภพถาม ประคองคนรักที่ตัวสั่นระริก ลมหายใจของเด็กหนุ่มขาดห้วง กวินภพเริ่มตกใจเมื่อร่างในอ้อมกอดหายใจกระตุกจนเขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะชัก ติณณ์ภพรีบปรี่เข้ามาดูอาการคนรักของน้องชาย กวินภพกุมมือที่เกร็งแน่นของแว่น “พี่ติณณ์ น้องเป็นอะไร?!”



สิ่งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากรูปกระจับที่ซีดเผือดไขข้อสงสัยทุกอย่างให้กับกวินภพ







“พี่..พี่กร...”



_______________


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ข่าวดี สอบเสร็จล้าวววววว


ข่าวร้าย....งานยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง55555

แต่น่าจะอัพได้ถี่ขึ้น รวมทั้งเรื่องของทีมเทสต์ และเรื่องใหม่ที่กำลังจะลง :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อย่าตกใจเน้อที่เราอัพสามเรื่องพร้อมกัน อัพวนๆไปมานี่ละ ไม่ทิ้งหรอก อิอิ :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ทำไมค้างเเบบนี้ๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
ค้างงงงงงงงงง ฮือ รีบมาต่อนะคะ  :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คิดอยู่ว่าน่าจะชื่อ กรวิชญ์ (ทำไมไม่รู้จักซื้อหวย)
ลูกพี่ลุกน้องก็น่าจะเรียนมาเหมือนๆ กันนี่แหละ

แต่ก็คิดว่าน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ
เพราะคุณหมอก็เปรยๆ มาแล้วว่าการได้ปิดฉากอาจจะดีกับน้องแว่นมากกว่า

นี่พยายามปูทางให้พี่กล้าได้ฮุบน้องเต็มปากเต็มคำเลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เจอกันแล้ว พี่กร น้องแว่น  :katai1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
โลกกลมจริงๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ์ำNeFuji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :katai1:

ค้างอย่างรุนแรงงงง

ออฟไลน์ JACKSON

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สู้นะน้องแว่น ผ่านมันมาให้ได้ คนพี่ก็ทำการบ้านกับน้องบ่อยๆด้วยละ อิอิ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อ้ากกกก. โลกกลมไปมั้ย???

สงสารแว่น,,,,

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
คะ คะ คะ ค้างงงงง o22

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
จะค้างแบบนี้ม่ายด้ายยยนะะะ
ฮืออออ บังเอิญโลกกลมไปแล้วว

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ตายแปปค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ปีชงน้องแว่นสุดๆ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เจอพี่กรจนได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เจอกันแล้ว ..

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ทำไมค้างแบบนี้

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ค้างงงงง :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
คือผงะ คนที่ชั่ว กับคนที่รัก ดันอยู่ในสปีชี่ร์เดียวกัน เออ

ขอต่อยกรวิชญ์สักทีได้ไหมคะ

ว่าแต่ น้องฟ้าคะ อย่าเพิ่งยอมพี่ติณท์เลยนะ สงสารใจตัวเองก่อนเนอะ

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
แว่นสู้ๆ ต้องผ่านไปได้แน่

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ปมกำลังจะคลายแล้วแต่คนเขียนใจร้ายมากกก ฮือ ค้างรุนแรงค่ะ
ปล. อยากอ่านคู่ติณณ์เหนือจังเลย อิอิ เป็นแฟนคลับคู่นี้ค่ะ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
20th Diagnosis(1st Rx):Sertaline || ก้าวผ่าน




“มึง!!!!”





ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กวินภพกระโจนใส่ลูกพี่ลูกน้องที่ยืนตัวแข็งอยู่หน้ารถเช่นเดียวกับแว่น รัวหมัดใส่กรวิชญ์ไม่ยั้งโดยไม่คิดถึงความเป็นพี่น้องหรือคำสอนที่ไม่ให้ใช้วิชายูโดรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ความคิดของกวินภพในตอนนี้มีเพียงให้คนที่อยู่ใต้ร่างเจ็บปวดให้ได้กึ่งหนึ่งของที่มันทำไว้กับคนรักของเขา



“ว้าย น้องต้น! หยุดลูก!” ผู้เป็นมารดาหวีดร้องอย่างตกใจ เธอไม่เคยเห็นลูกชายคุมสติไม่อยู่ขนาดนี้มาก่อน เหนือฟ้าพยายามเข้าไปล็อคตัวเพื่อนสนิทไว้ แต่ด้วยรูปร่างที่บางกว่าอีกฝ่ายเกือบเท่าตัวทำให้ถูกผลักกระเด็นออกมา ประมุขของบ้านและคนสวนสองคนช่วยกันแยกทั้งสองออกจากกัน กวินภพที่เลือดขึ้นตาตะโกนลั่น



“ปล่อย!!ผมจะฆ่ามัน!!”



“ไอ้ต้น! เลิกบ้าซะที!” หมัดหนักๆของบิดากระแทกที่มุมปากกวินภพจังๆ ชายหนุ่มหน้าหงายลงไปนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับเสียงร้องของมารดา ประมุขของบ้านสะบัดมือ เรียกให้คนรับใช้พยุงร่างของกรวิชญ์และกวินภพเข้าไปในบ้าน



“แล้วนั่นใคร” ร่างสูงหันไปเห็นแว่นที่สลบไปแล้ว



“แฟนน้องต้นค่ะคุณ” เดือนดาราตอบเสียงสั่น ยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่



“ติณณ์ พาน้องขึ้นไปพักที่ห้องไอ้ต้นมันก่อน เดี๋ยวพ่อเคลียร์กับไอ้สองตัวข้างล่างก่อน”




 ลูกชายคนโตพยักหน้า ช้อนตัวอุ้มคนในอ้อมกอดเดินเข้าไปในบ้านโดยมีเหนือฟ้าเดินตามไม่ห่าง คุณวรภพ ประมุขของบ้านหันกลับมาหาลูกชายคนเล็กที่นั่งก้มหน้าอยู่บนพื้นและหลานชายที่ยังคงนอนโอดโอยอยู่บนโซฟา




“บอกพ่อได้รึยังว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร”



ถึงแม้จะอยากเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของคนรัก แต่กวินภพก็ยอมเล่าทุกอย่างให้บิดาและมารดาฟัง อยากให้ทั้งสองได้รับรู้ถึงวีกรรมที่กรวิชญ์ได้ทำไว้กับคนรักของตน



คุณเดือนดารายกมือทาบอก ไม่คิดว่าหลานชายที่เห็นมาแต่อ้อนแต่ออดจะทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้กับเด็กหนุ่ม ตลอดเวลากรวิชญ์เพียงแต่นอนใช้ผ้ากดหางคิ้วที่มีเลือดไหลไม่หยุด ไม่คิดจะปฎิเสธข้อกล่าวหา



“พี่วิชญ์ ทำไมถึงได้ทำแบบนั้นล่ะจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนถามด้วยน้ำเสียงผิดหวัง



กรวิชญ์หลับตา ภาพในอดีตที่หลอกหลอนตัวเองไม่แพ้คนถูกกระทำหวนกลับคืนมาทีละฉาก









“ถ้ามึงจีบไอ้เด็กคนนั้นติด กูให้เลยสามพัน”




โจ๊กท้า การพนันขันต่อโดยมีเด็กในโรงเรียนเป็นเป้าหมายเป็นหนึ่งในกิจกรรมยามว่างของพวกเขานอกจากสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เปลี่ยนผู้หญิงไปวันๆ กรวิชญ์หันไปตามที่เพื่อนสนิทชี้ เด็กชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามสวมแว่นหนาเตอะร่างแคระแกร็นในชุดนักเรียนถูกระเบียบกับผมทรงกะลาครอบสุดเห่ยกอดหนังสือกองโตเดินไปตามทางเชื่อมเพื่อไปยังห้องสมุดในเวลาพักเที่ยงเช่นทุกวัน เนื่องจากที่ตรงนี้เป็นที่ประจำของพวกเขา ทำให้เด็กหนุ่มได้เห็นร่างเล็กเดินผ่านทางนี้เป็นประจำเช่นกัน



“โห ไม่ท้าทายเลยว่า เด็กแบบนั้นแค่ไอ้กรกระดิกนิ้วดีไม่ดีจะกระโจนมานั่งตักซะด้วยซ้ำ” ไอ้กอง เพื่อนอีกคนในกลุ่มของเขาหัวเราะ ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกัน แต่กรวิชญ์ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเด็กชายดูไม่ใช่พวกหัวอ่อนแบบที่เพื่อนๆคิด



แต่งานหินแบบนี้เขาชอบนักล่ะ



“ยังไม่จบ” โจ๊กดัก “มึงต้องคบกับน้องมันให้ได้อย่างน้อยสามเดือน แล้วหลังจากนั้นมึงค่อยเฉลย ว่ามึงคบกับมันเพราะอะไร”



“เชี่ยโจ๊ก จังไรมากอ่ะ กูชอบ ฮ่าๆๆๆๆ” คนในกลุ่มหัวเราะ ผิดกับกรวิชญ์ที่นิ่งไป สามเดือนเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร นานพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บลึกหากรู้ความจริงเข้า ถึงแม้ใจนึงจะคึกคะนองไปกับการบิวท์ของเพื่อน แต่อีกใจก็รู้สึกว่าไม่ควรทำอะไรแบบนี้



แน่นอน จิตใจด้านเลวของเขามักจะชนะทุกครั้งไป



“ได้ มึงคอยดูเลย ไม่เกินสามวัน มานั่งบนตักกูแน่”






สามวันผ่านไป ยังไม่มีแม้แต่วี่แววความคืบหน้า



อย่าว่าแต่นั่งตักเลย แค่ทักเด็กน้อยยังเดินฉิวผ่านไปอย่างไม่ใยดี กรวิชญ์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะได้ใกล้ชิดแว่น ทั้งอาสายกของไปให้อาจารย์ ดักรอหน้าห้องสมุด แม้กระทั่งดักรอหน้าห้องเรียน แต่อีกฝ่ายก้ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน



จนสุดท้าย ฟางเส้นสุดท้ายของเด็กหนุ่มก็ขาดลง



“น้องแว่น พี่ชอบน้องครับ” ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีคำหยอดหวาน มีเพียงคำสารภาพรักห้วนๆจอมปลอมที่กระตุกหัวใจกรวิชญ์อย่างน่าประหลาด



เด็กชายมีสีหน้าเลิ่กลั่ก แก้มเนียนแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู เด็กชายยื่นหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เสียจนเขายังตกใจ ก่อนจะพึมพำออกมาอย่างไม่มั่นใจ



“พี่…กร?”


“ครับ จำพี่ได้แล้วเหรอ พี่ทักเราตั้งหลายวันก็ไม่ยอมตอบ” แม้จะตกใจกับเหุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กรวิชญ์ยังคงเต๊ะท่าส่งยิ้มละลายใจให้คนตรงหน้าอย่างไม่หวาดหวั่น



“ขอ…ขอโทษครับ” แว่นรีบขอโทษของโพยด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ผม..มองไม่เห็น”


“หืม? แว่นไม่ชัดเหรอ?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ


“ครับ ยังไม่มีเวลาตัดใหม่...อ๊ะ”



มือใหญ่ดึงแว่นออกจากกรอบใบหน้าของคนตัวเล็ก ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ แนบหน้าผากชิดกับหน้าผากของคนตัวเล็ก ลมหายใจอุ่นรินรดพวงแก้มนิ่มจนแว่นย่นคอหนีอย่างตกใจกับความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย



“แบบนี้ ชัดพอไหมครับ?”





หลังจากที่หมดปัญหาทางด้านสายตา น้องแว่นก็ตกลงคบกับเขาด้วยท่าทีเขินอาย



หลอกง่ายกว่าที่คิดแฮะ



ร่างสูงอดคิดไม่ได้



เขาดูแลเอาใจใส่แว่นทุกอย่างอย่างที่คนรักพึงกระทำต่อกัน ซึ่งเด็กชายไม่เคยเรียกร้องอะไร ได้แต่เออออกับทุกอย่างที่เขาถาม จนไม่รู้เมื่อไหร่ที่กรวิชญ์เสียเองที่เป็นฝ่ายประเคนทุกสิ่งทุกอย่างให้ร่างเล็ก


เหมือนกับทุกทุกวัน เขาตกหลุมรักแว่นเพิ่มขึ้นอีกทีละนิด


พวกเพื่อนๆ มักจะล้อว่าในที่สุดเขาก็ตกหลุมที่ขุดล่อเหยื่อไว้เสียเอง ถึงแม้จะอยากยอมรับ ยกเลิกเรื่องบ้าๆนี่แค่ไหน แต่ศักดิ์ศรีโง่ๆที่ค้ำคอเขาอยู่ในตอนนั้นทำให้ร่างสูงต้องจำใจหลอกเพื่อนไปว่าเขาไม่เคยคิดอะไรกับอีกฝ่าย



“พี่กร วันนี้ไปกินข้าวบ้านผมมั้ยครับ” แว่นถาม น้ำเสียงลังเลเหมือนไม่มั่นใจว่าตัวเองมีสิทธิ์จะถามอะไรแบบนี้หรือไม่ยิ่งทำให้กรวิชญ์รู้สึกเลวยิ่งขึ้นไปอีก


“ได้สิครับ จะได้ฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่ไปเลย”


คนฟังมีสีหน้าขัดเขิน ก่อนจะค่อยๆระบายยิ้มน้อยๆออกมา สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่สำหรับคนหน้านิ่งอย่างแว่น นี่ถือเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดมาก




เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนนั้น ร่างสูงก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมรอยยิ้มนั้นถึงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาหยุดทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้



“แม่ครับ นี่พี่กร รุ่นพี่ที่โรงเรียนแว่นครับ” เด็กชายแนะนำให้เขารู้จักกับหญิงสาวร่างเล็กเช่นเดียวกับลูกชาย เจ้าของใบหน้าอ่อนโยนและรอยยิ้มใจดี ‘น้าน้อย’ ต้อนรับเขาอย่างเป็นกันเอง บอกให้แว่นพาเขาไปรอบนห้องระหว่างที่เธอเตรียมอาหาร แม้เด็กชายจะยืนกรานที่จะช่วย แต่หญิงสาวยังคงยืนยันว่าตัวเองทำคนเดียวได้



“ดูแลน้องเลนส์ให้แม่หน่อยละกันถ้าอย่างนั้น”



น้องเลนส์เป็นเด็กชายวัยสิบขวบที่อย่างไรก็เหมือนเด็กอายุเจ็ดแปดขวบ ขนาดคนตัวเล็กอย่างแว่นยังสามารถอุ้มน้องชายได้อย่างสบายๆ กรวิชญ์ไม่ค่อยถูกกับเด็ก แต่เขาต้องยอมรับว่าเด็กน้อยที่มีโครงหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับพี่ชายนั้นน่ารักน่าเอ็นดูมากเลยทีเดียว



“พี่ชายเป็นแฟนพี่แว่นเหรอฮะ” เด็กน้อยถามตาแป๋ว แก้มป่องๆตามประสาเด็กยังไม่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นน่าฟัดน่ากัดเสียเหลือเกิน



เฮ้ย! เมื่อกี้กูคิดอะไรอยู่



กรวิชญ์ลบความคิดนั้นออกจากหัวอย่างรวดเร็ว ไม่อยากเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางตั้งแต่เด็ก



“เอ่อ..ครับ” ร่างสูงพยักหน้า



“ดีจัง พี่แว่นจะได้ไม่เหงา”



รอยยิ้มจริงใจที่ได้รับยิ่งทำให้กรวิชญ์รู้สึกอยากเอาหัวโหม่งกำแพงตายให้รู้แล้วรู้รอด




“น้ำมาแล้วครับ” พี่คนโตของบ้านนั่งลงบนพื้นข้างๆเขา ยกแก้วน้ำบนถาดรองวางบนโต๊ะญี่ปุ่น แล้วนั่งเงียบตามประสาคนไม่ค่อยพูด




“นี่ พี่ชายฮะ น้องเลนส์นั่งตักพี่ชายได้มั้ยฮะ” ผิดกับน้องชายที่ซักถามเขาไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้



“เลนส์ ไปถามอะไรแบบนั้น” แว่นดุน้องชายด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เป็นครั้งแรกที่กรวิชญ์เห็นเด็กชายทำสีหน้าแบบนัั้น



“ก็น้องเลนส์เจ็บก้นอ่ะ พื้นมันแข็ง” เด็กน้อยงอแง แว่นทำท่าจะดุอีกแต่กรวิชญ์ส่ายหน้า อุ้มน้องชายของคนรัก(?)ขึ้นมานั่งตักแต่โดยดี



“ข้าวเสร็จแล้วจ้า” เสียงของน้าน้อยดังขึ้นจากด้านล่าง



“พี่ชาย อุ้มๆ” น้องเลนส์งอแง กอดคออีกฝ่ายไว้แน่นราวกับเด็กเล็กๆ



“เลนส์!”



“ไม่เอาน่าแว่น อย่าดุน้องสิ เด็กตัวแค่นี้พี่อุ้มได้ ลงไปกันเถอะ” ร่างสูงไกล่เกลี่ยก่อนที่พี่น้องจะตีกัน  ประคองใต้ข้อพับขาเจ้าเด็กตัวแสบที่กอดคอเขาแน่นแล้วลุกขึ้น ในหัวคิดจินตนาการไปถึงภาพแว่นในสภาพคล้ายคลึงกัน แต่เสื้อผ้าน้อยชิ้นกว่ามาก



“พี่กร คิดอะไรอยู่เหรอครับ” แว่นที่เดินตามเขาลงมาถามอย่างสงสัย



“เปล่าหรอก พี่แค่มีความสุขน่ะ” ร่างสูงตอบพร้อมรอยยิ้ม






แต่ความสุขนั้นมักไม่ยั่งยืน




ในที่สุดเวลาสามเดือนก็สิ้นสุดลง วันที่เพื่อนๆของกรวิชญ์รอคอยก็มาถึง ในขณะที่เขาบอกเลิก ควงเด็กสาวที่เป็นเป้าหมายใหม่ของตัวเองมาเฉลยความจริงทั้งหมดให้แว่นรู้ เด็กชายไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปเลยซักนิด ไม่มีการโวยวาย ไม่มีคำด่าทอ ไม่มีน้ำตา


ไม่มีแม้แต่ประกายในแววตาที่ว่างเปล่า



“พูดจบแล้วใช่มั้ยครับ?”



นั่นคือสิ่งที่แว่นพูดกับเขาและเพื่อนในกลุ่มที่ยืนหัวเราะอยู่ด้านหลัง เสียงหัวเราะของเหล่าเด็กหนุ่มหยุดลงเมื่อได้ยินดังนั้น


“ถ้าพูดจบแล้วผมจะได้คืนหนังสือ จะหมดพักเที่ยงแล้ว”




และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แว่นพูดกับเขา






“แม่ง น่าหมั่นไส้ชิบหาย ไอ้เด็กแบบนั้นมันน่าจัดตีนให้ซักยก” โจ๊กโวยวาย รู้สึกหงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน


“แต่กูยอมใจว่ะ เป็นคนอื่นคบกับไอ้กรมาตั้งสามเดือน ดีไม่ดีคงโดดตึกตายไปแล้ว” ไอ้กองหัวเราะ บทสนาทนาดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่กรวิชญ์ไม่มีส่วนร่วมใดๆกับมันทั้งสิ้น เด็กหนุ่มได้แต่เหม่อมองไปยังทางเชื่อมอาคารที่เด็กชายใช้เดินไปห้องสมุดทุกวัน แต่ไม่มีวี่แววของแว่น


เด็กชายไม่เคยโผล่หน้ามาให้เขาเห็นอีกเลยหลังจากวันนั้น



จนกระทั่งวันจบการศึกษา พวกไอ้โจ๊กที่เขาคิดว่าจะเลิกราจากแว่นไปแล้วกลับเสนอแผนการบางอย่างขึ้น



“ไหนๆก็จะจบแล้ว จัดการไอ้น้องแว่นสองท้ายซักหน่อย ดีมั้ยวะ ไอ้กร”



“มึงจะทำอะไร?”กรวิชญ์ถามอย่างไม่ไว้ใจ




“แค่จะเอามันไปขังไว้ที่โรงยิมร้างซักคืน ให้มันหลอนซะหน่อย” โจ๊กหัวเราะ “กูอยากเห็นไอ้เด็กเวรนั่นทำสีหน้ากลัวบ้างว่ะ”




กรวิชญ์รู้ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด




เขายังคงไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมให้เพื่อนจูงจมูกได้ง่ายขนาดนี้




ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ต่อให้ไม่เหลือเพื่อนแม้แต่คนเดียว กรวิชญ์ก็จะไม่ทำแบบนี้




“เออ เอาดิ กูก็อยากเห็นเหมือนกัน”







“แม่ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ” คุณเดือนดารายังคงตัวสั่นจากเรื่องทั้งหมด คุณวรภพโอบร่างของภรรยาไว้ ก่อนจะหันไปหาลูกชาย



“ขึ้นไปดูแลน้องไป”



“ครับพ่อ”



แม้จะอยากตั๊นหน้ากรวิชญ์อีกซักที แต่ชายหนุ่มก็เป็นห่วงคนรักที่นอนอยู่บนห้องเช่นเดียวกัน กวินภพกำลังจะเคาะประตูห้อง จังหวะเดียวกับที่ติณณ์ภพและเหนือฟ้าเปิดประตูออกมา



“น้องไม่เป็นไร แค่หลับอยู่” พี่ชายบังเกิดเกล้าของเขาปลอบ “มึงก็นั่งเฝ้าไปนั่นแหละ ถ้าตื่นแล้วมีอะไรผิดปกิก็มาบอกกู”



“ครับ” กวินภพพยักหน้าขอบคุณ เดินเข้าไปในห้องนอนของเขาที่มีร่างของคนรักนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะเขียนหนังสือ





“พี่จะไม่ยอมให้มันมาทำร้ายแว่นอีก พี่สัญญา”







--------(ครึ่งแรก)________



ความสม่ำเสมอกำลังจะกลับมา

เพราะช่วงปลายเดือนอาจจะวาร์ปไปอีก55555 :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
คลายปมแน่นอน ไม่ได้นิสัยเสีย100%อ่ะนะ ดีไม่ดีคู่กับน้องชายเเว่นอี๊กกก 5555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด