My wife is bigboss by Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My wife is bigboss by Katesnk  (อ่าน 221579 ครั้ง)

LIZZ

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: เย้เย้ !!! รออ่านค่ะ

ออฟไลน์ ToeY_@_KP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
 :sad11: รออ่านอยู่นะครับ...รีบเอามาให้อ่านเร็วๆ เหอะ... :call:

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=9114.0

มีเรื่องใหม่มาให้อ่านกันค่ะ อย่าลืมไปแวะเยี่ยมทักทายบ้างนะคะ

 :กอด1: :กอด1:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณเคทมากค่ะ

รออ่านเรื่องนี้

และไปติดตามอ่านเรื่องใหม่ด้วยค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ขอโทดที่หายไปซะนานนะค่ะ :3123:


มาต่อตอนที่ [8] กันดีกว่า


----------------------------------


“เคน จะออกไปไหนหรือครับ”

เคลวินซึ่งนั่งหงอยเหงาอยู่ที่โซฟา ยืดตัวขึ้น เมื่อเห็นผมเดินผ่านมา ผมไม่สนใจที่จะตอบด้วยยังน้อยใจเขาอยู่ เดินผ่านเขาไปที่ตู้เก็บรองเท้า และหยิบรองเท้าของตัวเองขึ้นมาสวม เคลวินรีบลุกขึ้น และเดินมาหาผม มองตาละห้อย

“เคนจะหนีผมไปไหน เกลียดขี้หน้าผมจนไม่อยากจะอยู่ที่นี่เลยหรือครับ”

เขาถามผมอีก มือใหญ่ของเขายื้อยุดฉุดแขนผมไว้

“ผมอยากกลับบ้าน”

บอกเคลวินเสียงดัง เหมือนกลัวเขาจะไม่ได้ยิน พลางสลัดแขนให้พ้นจากการเกาะกุมของเขา

“บ้าน ..บ้านที่ต่างจังหวัดหรือครับ”

เขาพูดอย่างหวาดระแวง ผมไม่ตอบ ที่จริงผมยังไม่ได้คิดที่จะกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้าน เพียงแค่อยากหาบ้านเช่าหลังใหม่เท่านั้น แต่ถ้าเคลวินจะคิดอย่างนั้นผมก็ไม่สน

“ผมไปด้วยนะ”

คนเจ้าเล่ห์อ้อนขอไปด้วย แต่ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ตอนนี้ผมยังทำใจไม่ได้ ที่เคลวินพูดจาเหมือนดูถูกคน ที่ผ่านมาผมมองคนผิดไป

คิดว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ถือยศถือศักดิ์ แต่แล้วเขาก็เหมือนกับคนรวยคนอื่นๆ ที่ชอบเปลือกที่สวยงาม มากกว่าจะให้ความสำคัญกับจิตใจ

ผมเดินออกมาจากเพนท์เฮ้าส์ของเคลวิน มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าลิฟท์ รู้สึกเคว้งคว้าง ไม่รู้จะไปไหนดี โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่มีพนักงานมาทำงานในตึกนี้ นอกจากบางคนที่อาจจะเข้ามาทำงานล่วงเวลา

แต่ผมก็จะเอ้อระเหยลอยชายอยู่แถวๆนี้ไม่ได้ เพราะผมถูกสั่งพักงาน ไม่มีกิจธุระอันใด หากมีใครพบเจอผมที่ทำงาน

คงมีคนสงสัย ดีไม่ดีอาจจะโยงเรื่องไปถึงเคลวิน ทำให้เขาถูกนินทาจนเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ง่ายๆ ผมจึงควรจะหลบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า

ลิฟท์เลื่อนขึ้นมาตามการกดเรียก ผมก้าวเข้าไปในนั้น และกดลิฟท์ปิด ขณะที่ประตูลิฟท์เลื่อนเข้าหากัน เคลวินก็สอดมือเข้ามาเพื่อให้ลิฟท์มันเปิด ผมตกใจมากที่เคลวินทำตัวเสี่ยงต่อการถูกลิฟท์หนีบมือขาด รีบกดเปิดลิฟท์แทบไม่ทัน

คนเจ้าเล่ห์ยิ้มเรี่ยราดให้ผม ในขณะที่ผมจ้องเขาตาขุ่น นึกโมโหที่เคลวินทำอะไรเป็นเด็กๆ ไม่รู้จักคิด ทั้งที่ก็โตเป็นผู้ใหญ่ เป็นถึงประธานบริษัทแล้ว ยังชอบทำอะไรตามใจตัวเองอีก นี่คงกะตามผมไปด้วยล่ะสิ ก็ลองดูกันสักตั้ง ว่าเขาจะตามได้แค่ไหน

พอถึงชั้นล่างที่ผมกดเลือกเอาไว้ ลิฟท์ก็เปิดออก ผมก้าวพรวดออกไปโดยไม่สนใจเคลวิน พยายามจะเดินให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เขาตามได้ แต่เคลวินก็ตามติดไม่ยอมให้ผมคลาดสายตา

“คุณจะตามผมมาทำไม เดี๋ยวใครมาเห็นก็เอาไปนินทาหรอก ไม่กลัวเสียชื่อเสียงหรือไง”

ถามกึ่งประชด กึ่งห่วงใย เคลวินส่ายหน้า

“ผมไม่ได้แคร์เรื่องชื่อเสียง ผมแคร์ความรัก แคร์เคนมากกว่า”

คำตอบนั้นทำให้ผมอึ้ง พูดไม่ออก เคลวินดีตรงนี้ ตรงที่ตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเอง เขาแสดงออกอย่างโจ้งแจ้งว่ารักผม และพร้อมจะเปิดเผยมันตลอดเวลา มีแต่ผมที่พยายามห้ามไม่ให้เขาทำแบบนั้น เพราะไม่อยากให้ใครนินทาว่าร้ายเคลวิน และผมก็ไม่ได้ชอบเรื่องนี้ในตอนแรก

“ถ้าเคนไม่กลับบ้าน ผมก็จะตามไปทุกที่ จนกว่าคุณจะยอมพูด ยอมคุยกับผม”

คนตัวโตทำหน้าดื้อดึง แต่คนละแบบกับที่เคยเห็น ประธานบริษัทเวลามั่นใจในความคิดและสิ่งที่ตัวเองทำ หน้าตาเขาจะนิ่งเฉย ดูหยิ่งๆ ทว่าใบหน้าที่เห็นอยู่นี่เหมือนคนที่กำลังพ่ายแพ้ และพยายามทุกวิถีทางที่จะกลับมาชนะให้ได้

“เรายังมีเรื่องอะไรคุยกันอีก”

ย้อนถามกลับไปเสียงขื่น ด้วยยังโกรธและน้อยใจเขาอยู่ เคลวินทำหน้าจ๋อย ตอบกลับมาด้วยเสียงอ่อยๆ
“ก็เรื่องห้องพักไงครับ ผมไม่อยากให้เคนเข้าใจผมผิด”

“ผมเข้าใจถูกแล้ว เข้าใจท่านประธานได้อย่างถูกต้อง หลังจากที่ผมเคยเข้าใจผิดมานาน”

พูดเหน็บเขาอีก เคลวินทำสีหน้าเหมือนปวดใจ คำพูดของผมคงไปกระทบความรู้สึกของเขาพอสมควร ผมเบือนหน้าหนี รีบเดินเร็วขึ้น ไม่อยากถูกเคลวินรั้งไว้ด้วยหน้าตาและท่าทางที่น่าสงสาร กลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน ให้กับคนที่ทำร้ายใจผม

“ถ้าเคนไม่ยอมให้ผมอธิบาย เคนก็จะเข้าใจผมผิดอย่างนี้ไปเรื่อย นี่มันเป็นสิ่งที่เคนต้องการให้มันเกิดขึ้นแล้วใช่ไหมครับ..... ความบาดหมางที่จะนำไปสู่การแยกทางกัน”

เคลวินเหมาะสมกับเป็นประธานบริษัทจริงๆ พอผมเดินหนี เขาก็เดินตาม แถมซ้ำยังใช้วาทะที่ทำให้ผมปวดใจ คำพูดของเขาทำให้ผมฉุกคิด ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นี่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการจริงๆหรือเปล่า ผมพยายามหนีจากเคลวิน เพราะผมโกรธที่เขาพูดเหมือนดูถูกคน หรือเพราะว่าผมไม่อยากอยู่กับเขากันแน่

ระหว่างที่ฉุกคิด ผมก็เดินช้าลง ทำให้เขาเดินตามมาทัน เคลวินไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่เดินเคียงข้างผมอย่างเงียบๆ สักพักผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ตามผมต่อไป

ตอนแรกผมคิดว่าเคลวินท้อใจ แต่เมื่อเหลียวไปมอง ก็เห็นเคลวินยืนนิ่ง ตามองไปข้างหน้า ท่าทางตกใจ

ตอนแรกผมคิดว่าเขามองผม แต่บางอย่างมันบอกว่าไม่ใช่ ผมเหลียวไปมองข้างหน้าตัวเอง ก็เห็น รถคันหนึ่งมาจอดไม่ไกลจากจุดที่เราสองคนเดินอยู่เท่าไหร่ มีผู้หญิงสองคนเปิดประตูลงจากรถมา เป็นผู้หญิงฝรั่ง รูปร่างผอมเพรียว คนหนึ่งสูงอายุกว่าอีกคนหนึ่ง แต่ดูสวยทั้งคู่

สองคนนั้นชะงักเล็กน้อย และมองข้ามผมมาที่เคลวิน ก่อนจะเดินตรงมาทางที่เราสองคนยืนอยู่ ลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับผม เริ่มรู้สึกว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับผมและเขา ทำให้ผมระวังตัวขึ้นมาทันที

“เคลวิน ลูกชายสุดที่รักของแม่ ใจคอจะไม่กลับบ้าน กลับช่องไปเยี่ยมพ่อแม่บ้างหรือไง”

ทันทีที่เดินมาถึงตัว ผู้หญิงฝรั่งที่สูงวัยกว่า ก็ต่อว่าเคลวิน ซึ่งยืนยิ้มเจื่อนๆ หน้าตาแตกตื่น จากคำเรียกชื่อที่ได้ยิน ทำให้ผมต้องเขม้นมองผู้หญิงสองคนนั้นอีกครั้ง

คงจะเป็นแม่และพี่สาวของเคลวินแน่ๆเลย ผมนึกถึงเรื่องที่ได้ยิน เกี่ยวกับครอบครัวของเคลวิน ที่กำลังพยายามหาว่าลูกชายมาติดใจใครในบริษัทนี้ เริ่มเห็นเค้าลางของความลำบากเกิดขึ้นแล้ว

“มาได้ยังไงกันครับแม่”

ได้ยินเสียงเคลวินตอบหญิงฝรั่งคนนั้น เขาพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมพอฟังออก ความอยากรู้อยากเห็น ทำให้ผมไม่รีบเดินจากไปจากที่ตรงนั้น รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ก็ให้สเตฟานี่เขาพามาน่ะสิ พี่เขาบ่นๆ ว่ามาบ้านทีไรไม่ได้เจอเคลวินเลย พอรู้ว่าเคลวินอยู่ที่นี่ ก็เลยรบเร้าให้พามาที่นี่แหละ”

เสียงของคนเป็นแม่ตอบกลับมา จากนั้นก็มีอีกเสียงขานรับสนับสนุน

“ใช่ พี่ไม่ได้เจอหน้าเธอนานมากเลยนะ ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ เลยชวนแม่มาหาเธอที่เพนท์เฮ้าส์ ลองเสี่ยงมา ไม่ได้โทรมาก่อน เพราะกลัวเธอจะแอบหนีเพราะไม่อยากเจอหน้าพวกเรา นับว่าตัดสินใจถูกที่ไม่กระโตกกระตากให้เธอรู้ ในที่สุดก็เจอเธอจริงๆด้วย”

พี่สาวของเคลวิน ทำท่าตื่นเต้นดีใจ มันทำให้ผมตระหนักได้ว่า เคลวินไม่ได้เจอคนในครอบครัวนานเพียงไร ได้ฟังคนในครอบครัวเขาพูดเชิงตัดพ้อกัน ผมก็รู้สึกผิดไปด้วย เนื่องจากตัวต้นเหตุที่ทำให้เคลวินไม่ได้กลับบ้านก็คือผมนั่นเอง

“ที่นี่มีอะไรดีเหรอ ถึงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง หรือว่า....”

แม่ของเคลวินถามอย่างสงสัย ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันที รู้สึกสังหรณ์ใจว่าคำพูดที่เว้นไว้ให้เติมคำในช่องว่าง อาจจะมีอะไรเกี่ยวพันมาถึงผม

“แอบซุกซ่อนคนรักไว้ที่นี่”


--------------------

สั้นๆ ก่อน   ถ้าต้นฉบับยังเหลือ  พรุ่งนี้เจอกัน :pig4:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
จะเป็นยังงัยต่ออะ ลุ้นลุ้นลุ้น  เรื่องใหม่จาตามไปอ่านน๊า

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ดู ดู๋ ดูเธอทำ ทำไมถึงทำกับฉันได้

ทิ้งให้ค้างอย่างงี้ได้ยังไง หนูมิ้น  :เฮ้อ: พรุ่งนี้ ก็พรุ่งนี้

เอาใจก่อน +1 ให้หนูมิ้น อย่าช้านะครับ เพราะได้ยินคุณเคท บอกว่าจบแล้ว :z2:

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะ โอ  ค้างง่ะคับ :serius2:

ขอบคุณที่มาต่อให้นะครับ  แล้วจะรออ่านตอนต่อไปน๊า o13

+1เป็นกำลังใจให้นะครับ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
บวก 1 ให้หนูมิ้นก่อน ขอบคุณมากจ้า

มารอตอนต่อไป กะลังลุ้นเลยนะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ค้างได้ที่เลยอะ  :z3:

รอตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ดู ดู๋ ดูเธอทำ ทำไมถึงทำกับฉันได้

ทิ้งให้ค้างอย่างงี้ได้ยังไง หนูมิ้น  :เฮ้อ: พรุ่งนี้ ก็พรุ่งนี้

เอาใจก่อน +1 ให้หนูมิ้น อย่าช้านะครับ เพราะได้ยินคุณเคท บอกว่าจบแล้ว :z2:


พี่เคทบอกว่าแต่งจบแล้ว  แต่ยังได้ต้นฉบับมาแบบยังไม่จบค่ะ  ต้องช่วยกันทวงพี่เคทแล้ว 

 :call:  พี่เคท The Master จบแล้วนะพี่  มาลงให้จบเถอะ  อยากอ่านอ่ะ



ตอนต่อไปเลยค่ะ

----------------------------


“ที่นี่มีอะไรดีเหรอ ถึงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง หรือว่า....”

แม่ของเคลวินถามอย่างสงสัย ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันที รู้สึกสังหรณ์ใจว่าคำพูดที่เว้นไว้ให้เติมคำในช่องว่าง อาจ

จะมีอะไรเกี่ยวพันมาถึงผม

“แอบซุกซ่อนคนรักไว้ที่นี่”

นั่นไง นึกแล้วไม่มีผิด พี่สาวของเคลวินต่อประโยคที่แม่เขาพูดค้างไว้ มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของใครบางคนที่บอกผมไว้

แม่ของเคลวินกำลังอยากรู้ว่าอะไรที่เป็นสิ่งดึงดูดเคลวินไว้ที่นี่ งาน หรือความรัก และใครกันคือคนที่เคลวินติดพันอยู่

“เงียบอย่างนี้แปลว่าไม่ปฏิเสธใช่ไหม”

พี่สาวถามอีก

“แม่ชักอยากรู้จักหน้าตาลูกสะใภ้ของแม่เสียแล้วสิ ว่าจะมีหน้าตาอย่างไร”

ประโยคนั้น ทำให้ผมขยับเท้าก้าวเดิน ด้วยกลัวจะกลายเป็นตัวปัญหาให้เคลวิน ทว่ายังไม่ทันจะเดินไปไหนไกล เสียงของ

เคลวินก็ดังขึ้น ทำเอาผมหยุดกึก เดินไม่ออกขึ้นมา

“ไม่ใช่ลูกสะใภ้ครับแม่ ลูกเขยต่างหาก”

โธ่ เคลวิน ไปพูดแบบนั้นทำไม ถึงจะเป็นคนมั่นใจแค่ไหนก็ตาม แต่ไปบอกคนในครอบครัวตัวเองอย่างนั้น ไม่กลัวแม่กับพี่

สาว ช๊อคตายหรือไง ใครมันจะรับได้ล่ะ ที่ลูกตัวเอง จะกลายเป็นเมียของผู้ชายด้วยกัน

ทุกอย่างรอบตัวของผมดูเงียบงัน หลังจากเคลวินหลุดประโยคนั้นออกมา ทว่าผมกลับไม่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากผู้เป็น

แม่และพี่สาวของเคลวิน สงสัยพวกเขาอาจจะกำลังตกตะลึงอยู่ก็ได้ ผมอยากเห็นหน้าพวกเขา แต่ด้วยความที่กลัวงานจะเข้า

เคลวิน ผมเลยได้แต่นิ่งเฉย และพยายามบังคับตัวเองให้ก้าวเดิน ทว่าเสียงที่ดังขึ้นหลังจากนั้นทำให้ผมต้องหยุดฟังด้วย

ความตกใจ

“พาแม่ไปดูหน้าลูกเขยหน่อยสิ อยากรู้ว่าใครกันนะที่ทำให้ใจลูกของแม่หวั่นไหว”

น้ำเสียงนั้น ไม่ได้แสดงความโกรธแม้แต่นิดเดียว มีแต่ความตื่นเต้น คนที่รู้สึกแปลกใจกลับเป็นผมเอง ผมไม่คิดว่าจะมีพ่อ

แม่คนไหนยอมรับได้ ต่อให้รักลูกแค่ไหนก็ตาม แต่หากลูกชายคนเดียวที่หวังฝากผีฝากไข้ กลายเป็นเกย์รักผู้ชายด้วยกัน ก็

คงทำใจลำบากกันบ้าง ทว่าสิ่งนั้นกลับไม่เกิดกับแม่และพี่สาวของเคลวิน พวกเขาทำเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

แถมซ้ำยังทำน้ำเสียงให้รู้ว่าพวกเขากระตือรือร้นอยากเห็นหน้าลูกเขยแค่ไหน

ได้ยินอย่างนี้แล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง ผมควรจะหลบไปจากตรงนี้ จะได้ไม่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เคลวิ

นและครอบครัวรู้สึกวุ่นวายใจ ผมไม่รู้ว่าพวกเขายินดีจริงๆที่ลูกชายจะมีสามี หรือว่าเป็นแค่การหยอกล้อกันเล่นขำขำ

ระหว่างคนในครอบครัวเท่านั้น

ผมยังคงเป็นคนที่คิดช้าเหมือนเดิม ในขณะที่ผมตัดสินใจเดินหนีออกมาจากตรงนั้น เสียงเคลวินก็ดังขึ้นทางเบื้องหลัง เขา

เรียกชื่อผมด้วยเสียงอันดัง ไม่ได้เป็นการสั่ง แต่มันเว้าวอน จนผมต้องหยุดยืนนิ่ง ไม่กล้าก้าวต่อ
“เคน อย่าเพิ่งไปนะครับ แม่อยากรู้จักเคน”

เล่นพูดกันแบบนี้ ก็เท่ากับเป็นการประกาศตัวผมกับแม่ของเขาน่ะสิ เคลวินนะเคลวิน ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย เดี๋ยวก็ซวย

กันหมดหรอก ทั้งผมและเขา ผมน่ะไม่เท่าไหร่ อย่างดีก็อาจจะถูกไล่ออก เพราะบังอาจไปทำให้ลูกชายเจ้าของบริษัทมัว

หมอง แต่เคลวินนี่สิ ถ้าไม่เรียกผม แม่กับพี่ก็อาจจะมองว่าเป็นการล้อเล่นธรรมดา แต่เคลวินพูดออกมาแบบนี้ ก็เป็นการบอก

ให้คนในครอบครัวของเขารู้ว่า เราสองคนเป็นอะไรกัน

ประธานสองหน้าก้าวเร็วๆ มาหาผม โดยมีแม่และพี่สาว ก้าวตามมาติดๆ ทั้งหมดมายืนอยู่ตรงหน้าผม เราต่างคนต่างมอง

หน้ากันอย่างดูท่าที แม่และเคลวินมองผมด้วยสายตาเป็นประกาย ผมเห็นแววอยากรู้อยากเห็นอยู่ในนั้น และเหมือนว่าพวก

เขาจะขำผมด้วย มันทำให้ผมอึ้ง พูดไม่ออก รู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก ที่คนมองผมและทำท่าเหมือนจะหัวเราะ

นี่คงเห็นผมเป็นตัวตลกอยู่ล่ะสิ สายตาแบบนี้ตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ พวกเขาคงนึกดูถูกผม และไม่คิดว่าคนอย่างผม

จะสามารถทำให้เคลวินเปลี่ยนใจได้ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกต่ำต้อยน้อยวาสนายิ่งนัก ตัวเขาและครอบครัวของเขา คงไม่ชอบ

คบหากับคนที่ต่างชั้นกับตัวเองเท่าไหร่ ผมมันบ้าไปเองที่คิดว่าเขาจะมีจิตใจดี ไม่มองคนที่เปลือกนอก ที่แท้ตัวเขากับครอบ

ครัวเขาก็ไม่ต่างกันเลย

“แม่ครับ นี่เคน เอ้อ..เคนเป็น...สา...”

ก่อนที่เขาจะหลุดคำพูดออกมาเต็มประโยค ผมก็ยกมือไหว้ทักทายทุกคน พร้อมกับจงใจแนะนำตัวด้วยท่าทางสุภาพและ

นอบน้อมที่สุด ก็ผมมันเป็นแค่ลูกจ้างนี่นะ ไม่ใช่คนสำคัญอะไรของเคลวินนี่

“สวัสดีครับ ท่านประธาน ผมชื่อเคนครับ เป็นผู้ช่วยเลขาของเคล เอ้อ คุณเคลวินครับ”

ตอบออกไปแล้วก็เหลือบมองหน้าเคลวิน เห็นเขาทำหน้าเจื่อนๆ มองผมด้วยแววตาตัดพ้อ คงรู้สึกผิดหวังล่ะสิ ที่ผมไม่ยอม

ให้เขาพูดอย่างที่ใจคิดออกมา ในเวลาที่เราโกรธกันแบบนี้ จะเป็นการดีถ้าจะไม่พูดถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของเรา เพราะ

บางทีเราอาจจะเลิกกันก็ได้ ผมไม่อยากถูกผูกมัด หากคนในครอบครัวของเคลวินรู้เรื่องที่ผมมีอะไรกับลูกชายของเขา อาจ

จะมีปัญหาขึ้นภายหลัง และทำให้ผมไม่สามารถไปจากเคลวินได้ในที่สุด

“นี่หรือจ๊ะ เคนที่เขาร่ำลือกัน”

แม่ของเคลวินรับไหว้ผม และเอามือมือจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้ พลางจ้องหน้า แววตาของเธอ ฉายแววปราณี ท่าทาง

ไม่ถือเนื้อถือตัว ทำให้ผมเริ่มลังเลใจ ความคิดเมื่อครู่ ที่คิดถึงเธอกับครอบครัว อาจจะเป็นความคิดที่ผิด

“ร่ำลือ ...เรื่องอะไรหรือครับ”

ถามอย่างระแวง หรือว่าแม่ของเคลวินรู้เรื่องที่ผมชกต่อยกับพนักงานในบริษัท จนต้องถูกพักงาน ถ้าอย่างนั้น ภาพของผม

ในสายตาแม่ของเคลวินต้องไม่ดีแน่ๆ อยู่ดีๆก็เกิดหวั่นใจขึ้นมา

“ก็ เขาว่ากันว่า เธอคือคนที่ทำให้เคลวินเปลี่ยนแปลงไปยังไงล่ะจ๊ะ”

เปลี่ยนแปลงที่ว่า คงหมายถึงการไม่กลับบ้านกลับช่องกระมัง รู้สึกผิดอีกแล้ว อยากจะขอโทษที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แม่ลูก

ไม่ได้พบหน้าค่าตากัน เคยคิดมานานแล้วว่าเคลวินมาขลุกอยู่กับผมมากเกินไป คนที่บ้านน่าจะเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเคลวินจะ

โตพอเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม แต่คนที่บ้านก็คงกังวล คิดถึงเขาอยู่ดี

“ไหน ขอดูหน้าชัดๆหน่อย ....อืม.....ก็จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีนี่ ไม่หล่อมาก แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่น่าเกลียด”

ท่านประธานใหญ่พูดแล้วก็ยิ้มให้ มันเป็นยิ้มที่จริงใจ และดูเป็นมิตร ทำให้ผมเริ่มผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ผมคงมองเธอผิดไป

จริงๆ เธออาจจะไม่ได้นึกดูถูกผมก็ได้

“ผ่านไหมคะ แม่”

คราวนี้หัวข้อสนทนา กลับเป็นเรื่องหน้าตาของผม สองสาวเอียงคอมอง แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์ผมใหญ่ จนผมรู้สึกงง แต่มันก็

เป็นความโล่งใจ เพราะจับน้ำเสียงได้ ว่าเป็นไปในทางชื่นชม มากกว่าดูแคลน เหลือบไปมองเคลวิน ก็เห็นหน้าจ๋อยๆ เมื่อครู่

บานเป็นกระด้ง คงถูกใจที่แม่ของเขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจผม

“ก็...สำหรับแม่ ยังไงก็ได้ ถ้าเคลวินชอบ แม่ก็โอเค”

พูดจบก็ส่งยิ้มให้อีก ก่อนที่จะลดมือลงแล้วคว้ามือผมไว้ ส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมไปจับแขนของเคลวิน พลางพูดเสียงดังฟังชัด

เล่นเอาผมอึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากปากแม่ของท่านประธานสองหน้า

“ความสุขของเคลวินคือความสุขของแม่”

อ้าว ....ทำไมมันง่ายอย่างนี้ล่ะ จะไม่ไต่สวน ซักถาม หรือโมโหลูกบ้างเลยเหรอ ดุด่า ว่าลูกสักนิดก็ยังดี ที่ทำตัวผิดปกติ มา

ชอบผู้ชาย ซึ่งจะทำให้ครอบครัวมัวหมอง มีมลทิน จะมีคำติฉินนินทาไปทั่ว หากแม่ของเคลวินจะโกรธเกรี้ยว ผมจะไม่รู้สึก

โกรธสักนิด กลับจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นแม่จะโวยวายใส่ลูกตัวเอง และมันจะได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกว่ายังอยู่ใน

สังคมของคนปกติ สังคมของคนที่ยังมีอคติทางเพศ ไม่ใช่ยอมรับกันอย่างง่ายดาย เหมือนว่าการเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

แถมทำท่าสนับสนุนอีก




ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0


ผมรู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของคนในครอบครัวนี้จริงๆ งงกับการเป็นคนสองหน้าของเคลวิน ที่เดี๋ยวแข็งกร้าว เดี๋ยวนุ่มนวล

อ่อนหวาน เดี๋ยวเอาแต่ใจ เดี๋ยวขี้อ้อน แล้ว ยังมาความใจกว้าง ที่ยอมรับเรื่องผิดปกติ ให้กลายเป็นเรื่องปกติและถูกต้องของ

แม่กับพี่สาวของเคลวินอีก ท่าทีง่ายๆสบายๆ ไม่ปริวิตกกับการที่คนในครอบครัวชอบผู้ชาย ทำให้ผมรู้สึกแปลกแกมทึ่ง นึก

ไม่ถึงว่าคนในครอบครัวของเคลวินจะยอมรับกันง่ายๆแบบนี้

ไม่ใช่แค่แม่กับพี่สาวเคลวินเท่านั้น ป้าหมี่และลุงเทพที่เป็นคนรับใช้เก่าแก่ ก็พลอยเป็นไปด้วย ทั้งคู่ไม่ได้รังเกียจที่เจ้านายจะ

มีสามี แทนที่จะมี ใจคอจะเห็นดีเห็นงามกันไปหมดทั้งบ้านหรือไง ครอบครัวนี้แปลกเกินไปไหม อย่าสมยอมกับคนที่เอาแต่

ใจตัวเองอย่างเคลวินนักเลย เพราะมันจะทำให้ผมลำบากใจ ไม่สามารถจะเลิกรากับเขาได้

“ใจคอจะยืนพูดกันตรงนี้เลยเหรอ จะไม่ชวนแม่กับพี่ขึ้นไปข้างบนหรือไงเคลวิน”

ผู้เป็นพี่สาวท้วง เคลวินเลยกล่าวเชิญทุกคนขึ้นไปคุยกันที่เพนท์เฮ้าส์ของเขา ซึ่งแน่นอนว่า ผมต้องไปด้วยปริยาย หมด

โอกาสที่จะหนีหน้าเคลวินไปที่อื่น และคงต้องถูกแม่และพี่สาวของเคลวินซักฟอกจนกว่าจะพอใจ เผลอๆวันนี้ผมคงต้อง

ติดแหงกอยู่บนห้องพักของเคลวินไม่ได้ไปไหนอีกวัน

“ขอโทษนะครับ เลยทำให้เคนลำบากเลย”

เคลวินชะลอการเดินเพื่อรอผม เขากล่าวขอโทษ แต่หน้าตาไม่ได้แสดงออกว่ารู้สึกผิด ดูเหมือนมันจะมีรอยยิ้มพึงใจให้เห็น

การที่แม่กับพี่ของเคลวินมาที่นี่ คงสร้างความตกใจให้เขาไม่น้อย แต่ในท้ายที่สุด ก็กลายเป็นเรื่องเข้าทางเขาพอดี เพราะผม

ถูกบีบบังคับทางอ้อมให้ขึ้นไปคุยกับท่านประธานใหญ่แม่ของเขาด้วย ทำให้ผมต้องล้มเลิกความตั้งใจที่จะออกไปหาบ้าน

เช่าข้างนอก

“เจ้าเล่ห์นักนะเคลวิน”

ผมกระซิบบอกเขา เคลวินยิ้มกว้างขึ้น ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจถูก เคลวินคงจะอาศัยยืมมือแม่ ช่วยจัดการประสานรอย

ร้าวระหว่างผมกับเขาแน่ๆ จะสำเร็จไหมต้องคอยดูกันต่อไป






“เคนทำงานที่นี่มากี่ปีแล้ว”

เมื่อขึ้นไปบนที่พักของเคลวินแล้ว ผมก็ถูกเรียกตัวให้เข้าไปนั่งคุยกับแม่และพี่สาวของเคลวินที่โซฟาในห้องรับแขก โดยที่

เคลวินรีบชิ่งเข้าครัว เพื่อทำอาหารให้กับพวกเรา เมื่ออยู่กันตามลำพัง ผมก็ถูกซักประวัติทันที โดยหญิงสองวัยที่ผลัดกัน

ซักไซ้ไล่เลียง

“ทำมาจะครบปีแล้วครับ ตอนแรกเป็นลูกจ้างชั่วคราวก่อน แล้วคุณเคลวินก็ได้ให้โอกาสผมมาทำงานด้วยในตำแหน่งผู้ช่วย

เลขาของคุณเคลวินครับ”

ผมเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ท่านประธานแม่ของเคลวินฟัง หญิงสูงวัยมองจ้องหน้าผมอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ว่าผมจะตอบคำ

ถามที่เธอป้อนมากี่ครั้ง ตาเธอก็ไม่ห่างหายไปจากใบหน้าผม ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“พ่อแม่ล่ะ อยู่ที่ไหน ทำงานอะไร”

คราวนี้พี่สาวของเคนถามบ้าง ผมจึงบอกไปตามความเป็นจริง ไม่ได้ปิดบังอะไร เข้าใจว่า สองสาวต่างวัย คงทำหน้าที่แทน

คนในครอบครัวของเคลวิน ในการจะตรวจสอบคุณสมบัติของผมว่าเหมาะสมกับเคลวินหรือไม่

“เธอรักเคลวินหรือเปล่า”

และแล้วก็มาถึงคำถามเด็ด หลังจากที่ล้วงลึกเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผมจนหมดเปลือกแล้ว แม่ของเคลวินก็วกเข้ามาถาม

ความรู้สึกของผมที่มีต่อลูกชายของเธอ

“เอ้อ....”

เริ่มติดอ่าง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร จะตอบว่า “ใช่” ก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ ผมกับเคลวินยังมีเรื่องที่งอนกันอยู่ ผมเองก็ยังไม่รู้ว่า

ตัวเองอยากอยู่กับเขา หรืออยากหนีห่างไปให้ไกล แต่ครั้นจะตอบว่า “ไม่” มันก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ผมรู้ดีว่าผมเองก็มีใจให้

กับเคลวินอยู่บ้าง ไม่อยาก โกหกตัวเองว่าเกลียดเขา เพราะบางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนกับขาดเคลวินไม่ได้

การที่ผมทำท่าลังเลใจ ไม่ยอมตอบออกมา ว่าคิดอย่างไรกับลูกชายของเธอ ทำให้ใบหน้าสวยๆของท่านประธานดูเครียดขึ้น

“ไม่ต้องกลัวหรอก ขอให้พูดออกมาเลยว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับลูกชายฉัน ชอบหรือไม่ชอบก็บอกออกมา ฉันจะได้รู้ว่าจะ

ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกับเธอ”

ท่าทางคนบ้านนี้จะเป็นพวกเอาแต่ใจตัวเองเหมือนกันหมด ประธานสองหน้าเคลวินก็คงจะถอดแบบมาจากคุณแม่ของตัวเอง

อยากรู้อะไรก็จะเอาคำตอบให้ได้ ซึ่งผมเองก็อึดอัดไม่น้อยที่ต้องตอบ พูดดีก็ดีไป พูดขัดหูเข้า ชะตากรรมที่ผมจะได้รับ อาจ

จะถึงขั้นถูกไล่ออก ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิด

“มันสำคัญมากนะเคน เราจำเป็นต้องรู้คำตอบของเธอ เราจะไม่ถามเคลวินว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ เพราะที่ผ่านมา การที่

เขาไม่กลับบ้าน และอยู่กับเธอตลอด มันก็บอกได้แล้วว่าเขารู้สึกอย่างไร ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ ฉันอยากจะรู้ว่าเธอจริงใจกับ

ลูกฉันหรือเปล่า ฉันไม่อยากให้เขาผิดหวัง เธอคงเข้าใจ”

คนเป็นแม่อธิบายให้ผมฟังถึงเหตุผลที่ต้องถาม ซึ่งก็ตรงกับที่ผมคิดไว้ ท่านประธานคงอยากทำหน้าที่แม่ที่สมบูรณ์ นอกจาก

จะดูแลเลี้ยงดูจนลูกเติบโตทำงานได้ เมื่อลูกรักจะเป็นฝั่งเป็นฝาก็พยายามกลั่นกรองคัดเลือกคนที่เหมาะสมกับลูกของตัว

ไม่อยากให้เขาเผชิญกับความผิดหวังล้มเหลวกับการเลือกคู่

“ผม..เอ้อ...ผมรู้สึกดีกับเคลวินครับ”

ถึงตอนนี้ผมจะงอนเคลวิน แต่ผมก็เลือกที่จะไม่โกหกตัวเอง ความจริงก็คือ ผมรู้สึกดีกับเขา จะให้บอกว่าผมเกลียด ไม่ชอบ

เขาได้อย่างไร

“อือ...แค่รู้สึกดีแค่นั้นเหรอ”

ท่านประธาน ถามอย่างคลางแคลง เธอคงไม่ค่อยพอใจกับคำตอบสักเท่าไหร่ คิดว่าเธอน่าจะคาดหวังคำตอบที่รื่นหูจากปาก

ผม

“ไม่ได้รักเลยเหรอ ...ฉันคิดว่า ลูกชายฉันรักเธอนะ”

ตาโตคมกล้าจ้องมาที่ผมเขม็ง เหมือนผมจะเห็นแววตาแบบเดียวกับเคลวินอยู่ในนั้น สมแล้วกับที่เป็นแม่ลูกกัน แววตาของ

เธอกับเขา มันดูคล้ายกันจริงๆ

“ครับ...ผมทราบว่าท่านประธานรักผม แต่....”

อึกอัก ไม่กล้าตอบ เพราะไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง การที่ผมห่วงใย คิดถึงเขาตลอดเวลา น้อยใจเวลาที่เขาพูดเหมือนดู

ถูกผม รู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้กัน อย่างนี้เขาเรียกว่ารักหรือเปล่านะ

“แต่เธอไม่แน่ใจว่าเธอรักเขาหรือเปล่าใช่ไหม”

พี่สาวของเคลวินพูดดักคอ ผมพยักหน้า

“เอ้อ..ทำนองนั้นครับ”


--------------------

TBC


พรุ่งนี้เจอกัน :pig4:

LIZZ

  • บุคคลทั่วไป
คุณแม่กะพี่สาวเปรี้ยวมากกกกก :z2:

แผนง้อของประธานเจ้าเล่ห์จะสำเร็จมั๊ยเนี่ยยยย

เคนใจอ่อนเหอะ เคลน่าระขนาดดดดดนี้  :z3:

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
พี่สาว ดักคอซะ :serius2:

รออ่านตอนต่อไปนะครับ o13

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3

everytime

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: เคน ใจ ร้าย  :o12:


 :sad4: ไม่ สงสาร เคลวิน มั่ง หรอ  :angry2:


 :m15: มาต่อไวๆๆๆนะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ทั้งคุงแม่ กับ พี่สาว จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมั้ยอะ  สงสารเคลวินจริงๆๆ  :monkeysad:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เรื่องจะไปกันใหญ่แล้วนะ เคน ทำเป็นมาสับสน จริง ๆ ก็รักเค้าจนหมดใจแล้วละ

คงต้องให้ท่านประธานใหญ่ จัดการให้อยู่หมัดซะแล้ว

รีบมาต่อนะ หนูมิ้น +1 ให้คิดว่าเป็นการติดสินบนละกัน  :z1:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
^
^
จ่อก้นน้องวันบ้างหละ  :laugh:

เคนยังไม่แน่ใจ สงสัยท่านประธานต้องทำหน้าที่พิสูจน์ความรู้สึกของเคนให้กระจ่างเพื่อลูกชายสุดที่รักซะแล้ว
บวก 1 ให้หนูมิ้นจ้า กำลังค้างคาเลย รีบมาต่อนะจ๊ะ

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้น้องมิ้นค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ltahset

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ช่างเป็นครอบครัวที่ดีจังเลยอะ คิดถึงความสุขของลูกมาก่อน

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
เข้ามาบอกว่า...
กฏข้อที่ 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณถูกแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด  คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกัน

การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน
แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต
และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่น

ช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ    เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆ
ก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเอง
เพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง

***ส่วนการพูดคุยนั้น  ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์
ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย
ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่ห้องอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ***


ต่อไปนี้จะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของดิฉันในฐานะโมฯ นะคะ
เพื่อธำรงไว้ซึ่งกฏระเบียบของเล้าฯ  ไม่ได้ทำไปเพราะสาเหตุส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าใครไม่สบายใจได้การปฏิบัติหน้าของดิฉัน  เชิญตั้งกระทู้เพื่อสอบถามได้ที่ "ห้องพูดคุยทั่วไป" นะคะ
เพราะห้องนั้นเรามีไว้ให้พูดคุย ซักถาม แสดงความคิดเห็น-คิดถึง ต่อกันได้อย่างอิสระ
ผิดจากห้องนี้ซึ่งเป็นห้องนิยายที่เปรียบไปก็คล้ายกับห้องสมุดกลายๆ
ดังนั้นหากต้องการจะพูดคุย-ไต่ถามกันก็เชิญได้ที่ห้องพูดคุยนะคะ
แล้วดิฉันจะได้เรียนชี้แจงเป็นรายบุคคล และถี่ถ้วนนะคะ
หวังว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งจากผู้อ่าน  แฟนคลับ  นักโพสต์ และนักเขียน นะคะ

เราเตือนคุณแล้วนะคะ
เจ้สอง  กะเทยอาวุโส  อิอิ  :bye2:

ออฟไลน์ ToeY_@_KP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
หายไปไหนน๊า....หลายวันแล้วอ่ะ

อยากรู้เรื่องต่อแล้วอ่ะ....รอนะครับ.

Narcissus

  • บุคคลทั่วไป
ผ่านมาหลายวันแล้วแหะ  พี่มิ้นยังไม่มาต่อเลยอ่ะ :m15:
ท่าทางพี่มิ้นคงจะยุ่งอยู่แน่เลย
รออ่านอยู่นะคะ  รีบมาลงต่อเร็วๆน้า ^^

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ผ่านมาหลายวันแล้วแหะ  พี่มิ้นยังไม่มาต่อเลยอ่ะ :m15:
ท่าทางพี่มิ้นคงจะยุ่งอยู่แน่เลย
รออ่านอยู่นะคะ  รีบมาลงต่อเร็วๆน้า ^^


แฮะๆๆ  :a5:  ช่วงนี้ยุ่งมากมาย  เพราะต้องรีบสะสางงานที่สะสมไว้ ให้หมดก่อนสงกานต์ค่ะ   พอจะอภัยกะข้ออ้างเราได้มั้ยเนี้ย o22  อีกอย่างก็คือพี่เคทยังแต่งเวอร์ชั่น เคน - เคลวิน  ออกมาไม่จบ


พี่เคท  มิ้นขออนุญาตทวงเลยนะพี่


คงต้องรอกันหน่อยนะคะ


--------------------------







ตอนที่ 10


----------------------

ตอบออกไปตามตรง ตอนนี้ผมยังตอบไม่ได้ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อเคลวินเรียกว่ารักหรือเปล่า เลยไม่อยากจะพูดให้ความหวังกับเคลวิน และครอบครัวของเขา กลัวว่าถ้ามันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกกตัญญู ตอบแทนน้ำใจดีๆที่มีให้กัน มันจะทำให้เขาเข้าใจผิด .....

“อะไรกัน จนป่านนี้แล้วยังไม่มั่นใจอีกเหรอ ฉันคิดว่าเธอกับลูกชายฉันคงไม่ได้อยู่ด้วยกันเฉยๆใช่ไหม เอ้อ...ฉันคิดว่า เธอสองคนต้อง เอ้อ...”

แม่ของเคลวินแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ทำท่าเหมือนไม่อยากจะพูดประโยค คงจะกลัวว่าผมจะอาย แต่ในท้ายที่สุดก็พูดออกมา คงคิดว่าอ้ำอึ้งไป เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิดไปอีก เลยพูดตรงๆเลยดีกว่า

“มีอะไรลึกซึ้งกันใช่ไหม”

ผมถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก มองตอบท่านประธานที่มองมาด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น เล่นถามกันโต้งๆ แบบนี้ มีหรือที่ผมจะปฏิเสธได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเล่า คนที่รู้เรื่องนี้ นอกจากผมและเคลวินแล้ว ก็มีป้าหมี่และลุงเทพ ใครคนใดคนหนึ่งต้องเล่าให้แม่ของเคลวินฟังแน่ๆ ถ้าโกหกบอกว่าไม่ใช่ เรื่องก็คงจะแย่กว่าที่เป็นอยู่

“เอ้อ...ครับ...ผม...ผมขอโทษ”

กล่าวออกไปอย่างรู้สึกสำนึกผิดที่ได้ล่วงเกินลูกชายของท่านประธาน แม้ที่ผ่านมาเคลวินจะเป็นฝ่ายปลุกปล้ำผมตลอด แต่ถ้าผมไม่ยินยอมพร้อมใจด้วย เรื่องทุกอย่างคงไม่เกิด

“จะขอโทษทำไม ฉันไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องผิดซักหน่อย คนเรารักกัน มีอะไรกันก็เรื่องปกติ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่า ลูกชายฉันรักเขาข้างเดียวหรือเปล่า ถ้าเธอไม่ได้รักเขา ฉันก็จะได้คุยกับลูกชายฉัน ให้ทำใจ เขาจะได้ตัดใจจากเธอ”

สีหน้าแววตาและคำพูดเต็มไปด้วยความเด็ดขาดจริงจัง จนผมรู้สึกเกรง ท่าทางเอาเรื่องแบบนี้ เหมือนเคลวินไม่มีผิด ถ้าหากผมจะบ่ายเบี่ยงโดยไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ผมคงต้องถูกเล่นงานอย่างไม่ต้องสงสัย

“อย่ากลัวที่จะตอบความจริง ถ้าเธอกำลังกลัวว่า คำพูดของเธอจะทำให้ฉันไม่พอใจ และจะไล่เธอออกล่ะก็ เธอคิดผิด เรื่องของความรักมันฝืนใจกันไม่ได้ ถ้าเธอไม่รักลูกชายฉัน ก็เป็นเพราะเธอกับเขาไม่ได้ถูกสร้างมาคู่กัน มีบางอย่างที่ไปด้วยกันไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเธอกับเขา และฉันจะไม่ขับไล่ใสส่งคนที่ไม่มีใจให้กับลูกฉันหรอก มันจะเป็นการแพ้แล้วพาล ซึ่งไม่ใช่นิสัยของพวกเรา”

ถึงแม้ว่าท่านประธานจะรับรองกับผมว่าทุกสิ่งที่ผมพูดออกไป จะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อหน้าที่การงานของผมทั้งสิ้น ผมก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี

“ขอถามอีกครั้ง เธอรักลูกชายฉันหรือเปล่า”

“เอ้อ...ผมไม่รู้จะตอบอย่างไรครับท่านประธาน ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อคุณเคลวิน เรียกว่าอะไร รู้แต่ว่าผมรู้สึกดีกับเขา รู้สึกเป็นห่วง อยากให้เขามีความสุข...อยากเห็นเขายิ้ม ไม่อยากเห็นเขาเศร้าครับ”

ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดทุกสิ่งที่เป็นความรู้สึกที่ผมมีต่อเคลวิน ท่านประธานใหญ่นั่งฟังอย่างตั้งใจ มีรอยยิ้มน้อยๆระบายในหน้า พี่สาวของเคลวินก็มีอาการดุจเดียวกัน ดูเหมือนว่าผมจะมาถูกทาง ทั้งสองน่าจะถูกใจไม่น้อย

“ขอบใจนะ ที่พูดความรู้สึกของตัวเองให้ฟัง แม้เธอจะไม่ได้บอกว่ารักลูกชายฉัน แต่สิ่งที่เล่ามา ก็บอกได้ว่าเธอคิดอย่างไร และฉันก็เชื่อว่าลูกชายฉันไม่ได้คิดเอาเองฝ่ายเดียวแน่”

ท่านประธานส่งยิ้มที่เป็นมิตรมาให้ผม มันทำให้ผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ที่พวกเขาเข้าใจผม และไม่เซ้าซี้จะเอาคำรักออกจากปากผมให้ได้ ซึ่งทำให้ผมได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเคลวิน ไม่ใช่รีบตอบเพื่อที่จะเอาใจ ให้ตัวเองอยู่รอดได้ในบริษัทนี้

“เคลวินฝันอยากเป็นเจ้าสาวมาตลอด ตั้งแต่เป็นเด็กแล้วที่เขาแย่งดอกไม้เจ้าสาวมาครอบครอง เขาก็ไม่เคยที่จะคิดเป็นเจ้าบ่าวอีก ฉันรู้ว่ามันอาจจะฟังดูแปลกๆที่บ้านเราจะยอมให้ลูกชายแต่งงานกับผู้ชาย แทนที่จะหาเจ้าสาวมาแต่งงานด้วย แต่อะไรที่มันเป็นความสุขของลูก คนเป็นพ่อแม่คงไม่นิ่งดูดาย....”

เมื่อได้ฟังคำตอบจากปากผมแล้ว ท่านประธานใหญ่ก็เอ่ยปากเผาลูกชายให้ฟัง คำพูดของท่านแสดงให้เห็นถึงความรักและความเข้าใจที่มีในตัวลูกชายอย่างเปี่ยมล้น สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้สำหรับครอบครัวของเคลวิน คือความรักที่มีให้กันอย่างเปี่ยมล้น ยอมรับได้ในสิ่งที่คนในครอบครัวเป็น ไม่ชิงชังรังเกียจ หรือต้องการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมเป็นที่ยอมรับของสังคม

“ เราจะไม่ขัดขวางความรักของเขา จะไม่ขีดเส้นให้เขาเดิน ไม่ฝืนใจให้เขาทำในสิ่งที่พวกเราเป็นสุข แต่ตัวเขาต้องเป็นทุกข์ ถ้าสิ่งไหนที่เคลวินทำแล้วสบายใจ มีความสุข เราก็พร้อมจะสนับสนุน และนั่นหมายรวมถึง หากลูกอยากจะอยู่กินกับคนรักที่เขาเลือกไว้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย พวกเราก็พร้อมจะยอมรับ”

ช่างเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ฟังแล้วน่าปลื้มแทนเคลวินยิ่งนัก ที่คนในครอบครัวรักและเข้าใจเขาขนาดนี้ มิน่าเคลวินถึงได้มั่นอกมั่นใจตัวเองนัก และกล้าที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเอง โดยไม่เกรงใจใคร ที่แท้เพราะครอบครัวสนับสนุนนี่เอง

“แม่กับพี่สเตฟานี่ คุยอะไรกับเคนอยู่ครับ”

หลังจากผมถูกแม่ของเคลวินล้วงความลับของหัวใจได้สักพัก เคลวินก็เดินยิ้มแฉ่งออกมาจากห้องครัว สงสัยจะแอบฟังเรื่องที่พวกเราคุยกัน เลยอารมณ์ดี เมื่อได้ยินคำตอบของผม

คนเจ้าเล่ห์เดินมานั่งเบียดกับผมที่โซฟา ตัวเขาใหญ่โตมาก ในขณะที่โซฟาที่ผมนั่งอยู่มันสำหรับคนเดียวนั่งสบายๆ พอเขามาเบียดนั่งด้วย ก็เลยดูอึดอัด ผมกวาดตามองไปยังเก้าอี้ตัวที่ว่างอื่นๆ แล้วก็มองเคลวินเป็นเชิงให้เขาไปหาที่นั่งที่เหมาะสม แต่ประธานสองหน้ากลับนิ่งเฉย ไม่ยอมขยับ แถมหันหน้ามายิ้มให้ผมอีก ท่าทางไม่ลุกไปไหนง่ายๆแน่ แล้วผมก็ย้ายที่นั่งไม่ได้ด้วย เดี๋ยวมันจะน่าเกลียด ผมก็เลยได้แต่ทอดถอนใจ แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย นั่งเบียดกับเขาในโซฟาอยู่อย่างนั้น

“คุยเรื่องของเราอยู่นั่นแหละ เคลวิน ทำไมมีคนรักแล้วไม่ยอมบอกคนในครอบครัวให้รู้ ทำไมต้องปิดเงียบ แล้วหนีมาอยู่กันสองคนด้วย”

พี่สาวคนสวยของเคลวินพูดขึ้นบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายฟังผมกับแม่ของพวกเขาตอบโต้กันอยู่นาน

“ก็ ผมยังไม่แน่ใจนี่นาว่าเคน เขาจะยอมรับรักผมหรือเปล่า”

นั่นแน่ะ โยนเรื่องมาให้ผมเสียแล้ว เจ้าเล่ห์นัก ตอนนี้แม่กับพี่ของเคลวินละสายตาจากเขามามองที่ผมเป็นตาเดียว ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆให้ จำไว้เลยนะเคลวิน ร้ายกาจนักนะ กะให้แม่กับพี่ช่วยเรื่องของเราหรือยังไง ถึงไง ผมก็ยังงอนเขาอยู่ รอให้สองสาวออกจากห้องก่อนเถอะ ผมจะจัดการกับเคลวินให้สาสม

ว่าแต่...ผมจะจัดการอย่างไรดีเนี่ย...

ปล้ำเขาเอาคืนบ้างดีไหม.....

หรือว่าจะแกล้งยั่วให้อยากแล้วจากไป ทรมานเขาเล่นดี

เอ๊ะ...ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย...ตกลงผมโกรธเขาจริงใช่ไหม ทำไมบทลงโทษที่คิดได้ มันถึงแปลกๆจัง

ผมนั่งนึกวุ่นวายอยู่ในใจ เกี่ยวกับตัวเคลวิน มารู้ตัวอีกที ก็เมื่อประธานสองหน้าเอามือโอบรอบเอวผมไว้ แล้วเบียดมาชิดผมอีก


“นี่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็คงไม่คิดจะบอกพ่อแม่หรือคนที่บ้านให้รู้เลยสินะ ..มันน่าน้อยใจนัก ที่พวกเรารู้ทีหลังคนรับใช้ในบ้าน”

คนเป็นแม่ตัดพ้อต่อว่าอย่างน้อยอกน้อยใจ คนรับใช้ที่ว่านั้น ก็คงไม่พ้น ป้าหมี่และลุงเทพแน่ๆ ก็น่าอยู่หรอกที่แม่ของเคลวินจะไม่พอใจ ขนาดตัวเองเป็นผู้ให้กำเนิดยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับลูกชายเลย คนทำงานบ้านกลับได้รู้ก่อน

“แม่ครับ พี่ครับ ผมขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะปิดจริงๆครับ แต่ผมต้องการคำตอบจากเคน อยากให้แน่ใจก่อนว่าเขามีใจให้ผมบ้าง ผมก็กะจะพาเคนเข้าบ้านให้พ่อกับแม่และพี่ๆดูตัวครับ”

เคลวินบอกสิ่งที่คิดไว้ออกมา เล่นเอาผมถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะมีความคิดเปิดตัวผมเช่นนี้ นอกจากจะเป็นจอมบงการแล้ว ยังเป็นจอมวางแผนอีก ร้ายนักนะ

“ตอนนี้ก็เปิดตัวได้แล้วสิ เพราะเคนเขาก็รู้สึกดีกับเรานี่ ไม่เห็นเขาจะมีทีท่าว่าเกลียดเคลวินตรงไหน”

แม่กับลูกรับส่งเข้าขากันดีจริง พอลูกพูดจบ แม่ก็เสริม เปิดทางให้เสร็จสรรพ

“จริงหรือครับที่รัก เคนรู้สึกดีกับผมจริงๆใช่ไหม”

พอได้ยินแม่พูดอย่างนั้น คนเจ้าเล่ห์ก็ก้มหน้าลงมาหาผมซะใกล้ ก่อนจะกระซิบถามเสียงหวาน มือที่กอดเอวไว้หลวมๆก็กระชับแน่นเข้า

“ฝากไว้ก่อนนะเคลวิน”

ผม กระซิบตอบลอดไรฟัน แต่เคลวินแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำขู่ของผม เขาตอบกลับแม่ตัวเองด้วยเสียงร่าเริง

“ครับแม่ เดี๋ยวถ้าไง ผมจะพาเคนไปให้คนในครอบครัวเราดูตัวกันอีกครั้งนะครับ จะนัดวันไป ยังไงก็อยู่กันให้ครบๆนะครับ”

พูดเองเออเองเสร็จสรรพ ไม่ถามผมสักคำ ว่าอยากไปด้วยไหม เรื่องห้องพักของผมก็ยังไม่เคลียร์ให้จบ กลับมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องใหม่อีก เคลวินนี่หน้ามึนจริงๆ

“ต้องพาไปจริงๆนะเคลวิน แม่เองก็อยากเปิดตัวลูกเขยเต็มแก่แล้ว ดูสิว่าคนอื่นจะชอบเคนอย่างที่แม่ชอบไหม”

“ลูกเขย” “ชอบเคน” สองคำนี้ดังก้องอยู่ในหัวของผม มันทำให้ผมตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าแม่ของเคลวินจะยอมรับผมง่ายดายอย่างนี้ แค่พูดคุยกันไม่กี่ประโยคก็ยอมรับผมแล้วหรือ จะตัดสินใจเร็วไปหน่อยไหม
ไม่ใช่แค่แม่ของเคลวินอย่างเดียวที่แสดงออกว่ายอมรับผมเป็นลูกเขย พี่สาวเคลวินเองก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ บ้านนี้เขาจะไม่คิดขัดคอกันเลยใช่ไหม ตามใจกันแบบนี้เคลวินถึงเหลิง ลูกจะชอบใคร ไม่ว่าซักคำ แค่ลากตัวผมมาซักถาม แล้วก็สรุปจบว่าพอใจ อะไรมันจะง่ายขนาดนี้

รู้สึกงงไปหมด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อครู่นี้ ผมยังงอนเคลวินอยู่ จะหนีออกจากบ้าน ลงไปข้างล่าง เจอแม่เคลวิน แล้วก็ถูกพากลับขึ้นมา ถูกซักถูกถาม ผมยังหวาดหวั่นกลัวเกรงอยู่เลย ตอนนี้ผมกลายเป็นลูกเขย กลายเป็นคนที่แม่ชอบไปแล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวเลย

“ดีใจจังที่แม่กับพี่ชอบเคนเหมือนผม รู้งี้ พาไปเปิดตัวตั้งแต่ทีแรกก็ดี ทุกอย่างมันจะได้ง่ายกว่านี้”

คนเจ้าเล่ห์พูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข เขากอดผมแน่น ก้มหน้ามาใกล้ และต่อหน้าต่อตาแม่ เขาก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่ จนผมถึงกับสะดุ้ง ทำไมเขาถึงไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจแม่ของตัวเองบ้างนะ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นฝรั่งมังค่ากันทั้งครอบครัว แต่มาอยู่เมืองไทยนานขนาดนี้ จะซึมซับประเพณีวัฒนธรรมไทยมาใช้หน่อยไม่ได้หรือไง การนัวเนียใกล้ชิด กิจกรรมของคนรัก มันควรจะทำกันแค่สองต่อสองใช่ไหม ทำไมต้องมาทำให้คนอื่นเห็นด้วย เขาไม่อาย แต่ผมอายนี่


“ตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอก รีบเปิดตัวตอนนี้ก็ดีนะ หลายต่อหลายคนเริ่มสงสัยแล้วล่ะ ว่าเคลวินหายไปไหนหลายเดือนไม่ยอมกลับบ้านช่อง ก่อนที่จะมีคนแห่มาที่บริษัทเพื่อหาสาเหตุการหายตัวไปของเธอ เธอก็ควรชิงเปิดตัวคนรักให้คนในครอบครัวเราได้รับรู้ไว้นะ”

พี่สาวเสนอความคิด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ทำให้ผมตกใจ คนในครอบครัวนี้เขาคิดอะไรกันอยู่ เปิดตัวว่าลูกชายอยู่กินกับผู้ชายด้วยกันนี่นะ ไม่อายเหรอ ไม่กลัวคนนินทาให้เสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งตระกูลหรือไง

“ดูเคนสิ ทำหน้าตกใจใหญ่แล้ว คงไม่คิดว่าบ้านเราจะยอมรับกันง่ายขนาดนี้”

แม่ของเคลวินคงเห็นผมมีสีหน้าแตกตื่น ก็เลยเอ่ยปากแซวขึ้นมา เคลวินเอี้ยวตัวมามองหน้าผม แล้วหัวเราะ
“เราปกครองคนในครอบครัวด้วยความรักจ๊ะเคน ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน ใครอยากทำอะไรก็ทำ ใครชอบสิ่งไหน และถ้ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ทำไป เราไม่เคยห้าม ไม่เคยกีดกัน ทุกคนโตแล้ว คิดเองได้ ถ้าคิดแล้วผิด ก็ต้องยอมรับชะตากรรมไป พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่จะสนับสนุนให้กำลังใจจ้ะ”

สเตฟานี่พี่สาวของเคลวินแก้ข้อสงสัย ผมรู้สึกดีใจแทนเคลวินไปด้วย ที่ถือกำเนิดมาในครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความเข้าใจ ซึ่งหาได้ไม่ง่ายในสังคม ส่วนใหญ่พ่อแม่ก็อยากให้ลูกของตัวเองได้ดิบได้ดี เป็นในสิ่งที่ตัวเองคาดหวังไว้

บางครอบครัวถึงกับบีบบังคับให้ลูกทำอย่างที่ตัวเองต้องการ ถ้าหากไม่ได้ดั่งใจก็ลงโทษลูก แต่ไม่ใช่กับครอบครัวเคลวิน พวกเขาแคร์ความรู้สึกของกันและกันมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง คงเป็นเพราะพวกเขาเป็นฝรั่ง การเลี้ยงดูเลยเน้นหลักประชาธิปไตย เคารพสิทธิส่วนบุคคล ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ทุกคนจึงมีเสรีในการใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างเต็มที่

“ไม่ต้องกลัวพวกเรานะเคน เราไม่ใช่ครอบครัวใจร้าย ที่จะกีดกันลูกเขย หรือสะใภ้ หากไม่ชอบใจ เรื่องฐานะครอบครัว หรือความแตกต่างทางสังคม เราไม่เอามาเป็นประเด็นในการเลือกคนเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา ลูกหลานเราชอบใคร เราชอบคนนั้นด้วย ความสุขของเขาคือความสุขของเรา เคลวินรักเธอ พวกเราก็รักเธอด้วย”

ท่านประธานแม่ของเคลวินคงกลัวว่าผมจะเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เลยพูดให้ผมสบายใจ ยอมรับตามตรงว่าผมเครียดตั้งแต่เห็นพวกเขาที่ลานจอดรถข้างล่าง พอถูกซักถามก็เป็นกังวล กลัวเคลวินจะมีปัญหา และกลัวว่าแม่และพี่ของเคลวินจะแสดงความรังเกียจผม คิดไปต่างๆนานาว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเคลวิน กลัวจะได้ยินคำพูดดูหมิ่นดูแคลน เหมือนที่เคลวินหลุดปากพูดออกมา ทว่าสิ่งที่กลัวไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งแม่และพี่ของประธานเจ้าเล่ห์ปฏิบัติต่อผมด้วยท่าทีเป็นมิตร มีทีท่าพึงพอใจกับคำตอบของผมด้วย

“เคนเป็นคนน่ารัก และมีเสน่ห์ ใครเห็นก็อดจะหลงรักไม่ได้ ขนาดแม่กับพี่ได้เจอเคนแค่วันเดียว ยังหลงรักเลย แล้วผมล่ะ ต้องเจอหน้าเคนทุกวัน จะไม่รักเคนได้ไง”

เคลวินพูดด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม และชมเสียจนผมเขิน จะปิดบังอารมณ์ตัวเองสักนิดก็ไม่มี รู้สึกอายน่ะ มีบ้างไหม

“ก็จริงนะ เคนน่ารัก ดูซื่อๆดี ก็เหมาะกับคนเจ้าเล่ห์อย่างเธอแหละ เคลวิน”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินพี่น้องหยอกเอินกัน และผมก็เห็นด้วย เคลวินเจ้าเล่ห์มากๆ

“ผมเจ้าเล่ห์แต่ก็รักจริงนะครับ ผมรักเคนคนเดียวเท่านั้น”

พูดจบเขาก็กอดผมแน่น ผมพยายามแกะมือเคลวินออก รู้สึกอายที่เขาแสดงความรักที่มีต่อผมอย่างโจ่งแจ้ง ไม่อายคนในครอบครัว ผมมองสองสาวต่างวัยด้วยสายตาตื่นๆ ทว่าสายตาที่มองกลับมา แสดงความเอ็นดูแกมขำ

“เชื่อแล้วว่ารักจริงๆ แต่ไม่ต้องแสดงออกมากก็ได้ สงสารเคน คงไม่ชินกับการแสดงความรู้สึกอย่างนี้”


-------------------------

TBC

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
เย้เย้ จิ้ม จิ้ม ได้อ่านแล้ว  ชอบเคลวินที่สุดเลย

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
แฮ๊ปปี้  ฉะนี้งานหน้าต้องมีแอบเสียวววววว

เหอะๆๆๆ :m25:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ตอนพิเศษ  [11]

------------------------------

พี่สาวของเคลวินพูดปรามน้องชายที่กอดผมซะจนหายใจแทบไม่ออก แต่ประธานสองหน้าก็ไม่ยอมปล่อยมือจากผมซะที ยังคงกอดแน่น แล้วเอาคางวางเกยกับไหล่ผม แม้จะรู้สึกว่าเคลวินหน้าด้านหน้ามึน ชอบฉวยโอกาส ชอบฝืนใจคนอื่น ทว่าในส่วนลึกของหัวใจ ผมกลับรู้สึกอบอุ่น และชอบสิ่งที่เขาทำ

“บ้านเราเป็นอย่างนี้แหละเคน ไม่ค่อยจะเก็บงำความรู้สึก ถึงจะอยู่เมืองไทยกันมานาน ก็ติดนิสัยฝรั่งกันอยู่ดี ชอบแสดงความรักต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดอะไร อยู่ไปเรื่อยๆ เคนก็จะชินเองแหละจ้ะ”
แม่ของเคลวินพูดเพื่อให้ผมสบายใจ ครอบครัวนี้ร่วมไม้ร่วมมือกันดี คนหนึ่งพูด คนหนึ่งเสริม โน้มน้าวจนผมแทบเคลิ้ม

“ไหนๆแม่กับพี่สเตฟานี่ ก็อุตส่าห์มาเยี่ยมเยียนทั้งทีแล้ว และได้รู้จักกับเคนคนที่ผมรัก เราก็มาถือโอกาสนี้เลี้ยงฉลองกันดีไหมครับ”

เจ้ากี้เจ้าการอีกแล้ว พ่อตัวดี หาเรื่องมัดมือชกผมอีกจนได้ แถมซ้ำแม่กับพี่ของเขาก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย พอเคลวินเสนอปุ๊บ สองสาวต่างวัยก็ตอบรับด้วยท่าทีกระตือรือร้น มีแต่ผมคนเดียว ที่ยังงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนเดินไปที่โต๊ะอาหารที่เคลวินจัดเตรียมไว้ ตัวก็ยังลอยๆอยู่ เคลวินต้องโอบประคองไป

ที่เขาว่าตกกระไดพลอยโจน มันคงเป็นอย่างนี้ นี่เอง เอาเถอะ แม่กับพี่ของเคลวินกลับไปเมื่อไหร่ ผมจะจัดการกับจอมวางแผนทันที

อาหารมื้อนั้นผ่านไปด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง แม่กับพี่ของเคลวินผูกขาดการสนทนา ส่วนใหญ่ก็เป็นการพูดคุยซักถามเรื่องราวของผม สลับกับการพูดเกี่ยวกับเคลวิน ทำให้ผมรับรู้เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับตัวเขามากมาย หลายอย่างตรงกับที่ป้าหมี่เล่าให้ผมฟัง และบางเรื่องก็เพิ่งได้ยิน เช่น เรื่องเกี่ยวกับคนรักเก่าๆของเคลวินก่อนหน้าผม ซึ่งที่บ้านไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ แต่ก็ตามใจเคลวิน เพราะลูกชอบ แต่ในที่สุด ด้วยนิสัยบางประการ ทำให้ไปด้วยกันกับเคลวินไม่ได้ เขาก็เลยอยู่เป็นโสด จนกระทั่งมาเจอผม

ถึงแม้จะถูกเปิดโปง แต่เคลวินกลับไม่ได้รู้สึกอับอาย เขากลับร่วมวงเผาตัวเองอย่างสนุกสนาน ผมเห็นสายใยความรักความอบอุ่นที่ครอบครัวนี้มีให้กันแล้วรู้สึกประทับใจ พวกเขาอาจจะล้อเลียนกันบ้าง ตำหนิกันบ้าง แต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความรัก และความห่วงใย ไม่เคยเหยียบย่ำซ้ำเติม มีแต่ส่งเสริม สนับสนุนเป็นกำลังใจให้กัน

ดูภายนอกแม่ของเคลวิน เป็นคนแข็งๆ ท่าทางดุ ทว่าในเวลาส่วนตัวแบบนี้ เธอก็คือแม่ผู้อารี ที่มีแต่ความรักและปรารถนาดีให้กับบุตรชายสุดที่รัก ในขณะที่พี่สาวของเคลวิน ก็เป็นคนร่าเริง ช่างแหย่น้อง ตลอดเวลาที่คุยกัน เธอไม่ค่อยจะเข้าข้างเคลวินเท่าไหร่ คอยขัดคอตลอดเวลา

เธอเข้าข้างผมมากกว่า และสอนเป็นระยะถึงวิธีปราบเคลวินให้อยู่หมัด จนน้องชายร้องโวยวายว่าเธอกำลังสอนให้ผมแข็งข้อกับเขา แทนที่จะเข้าข้างน้องชายตัวเอง กลับเข้าข้างคนอื่น สเตฟานี่ก็แย้งว่า ผมไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นน้องเขยของเธอต่างหาก อย่างน้อยต้องมีใครสักคนเข้าข้างผมบ้าง จะได้ไม่ถูกเคลวินรังแก

ผมนิ่งฟังสองพี่น้องเถียงกัน ด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่ได้ชิงชังรังเกียจ แต่รู้สึกแปลกๆกับความสนิทสนมที่พวกเขามีให้ ทุกอย่างมันดูเร็วเกินไป จนผมตั้งตัวไม่ทัน ผมไม่คิดว่าจะได้รับการยอมรับอย่างง่ายดาย จากครอบครัวของเคลวิน ไม่คิดว่าจะมีครอบครัวไหน ที่จะรับได้ที่ลูกชายอยู่กินกับผู้ชายด้วยกัน

แถมซ้ำยังยินดีที่จะรับผมเป็นสมาชิกของบ้านอีกคน ทั้งที่ผมเป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทคนหนึ่ง ฐานะก็เทียบกันไม่ติด เคลวินเป็นลูกชายเพียงคนเดียว พ่อแม่น่าจะให้เขาสืบทอดวงค์ตระกูล การมาชอบพอกับผู้ชาย อาจจะทำให้ขาดทายาทสานต่อกิจการของตระกูล และไหนจะการยอมรับจากสังคมอีก พวกเขาจะทนให้คนรู้จักนินทาว่าร้ายได้หรือ

ทว่าสิ่งที่ผมกังวลกลายเป็นเรื่องที่ผมคิดไปเองฝ่ายเดียว เพราะครอบครัวของเคลวิน เหมือนจะประสานสามัคคีกันตอบรับตัวผม ไม่มีความลังเล หรือแสดงออกถึงความรังเกียจให้เห็น ทำให้ผมอดปลาบปลื้มไม่ได้ ความระแวงแคลงใจที่เคยมีต่อเคลวิน และครอบครัวของเขา เริ่มหายไป ความรู้สึกดีๆ เข้ามาแทนที่ จากที่เกร็งตอนแรกเจอ ผมก็ผ่อนคลายขึ้น พูดคุยกับพวกเขาได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องระวังตัว


แม่กับพี่สาวของเคลวินใช้เวลาอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของเขาจนกระทั่งเย็น ทั้งสองก็ขอตัวกลับ มิใยที่เคลวินจะขอให้อยู่ต่อ และอาสาจะทำอาหารเย็นให้ทาน ก็ไม่อาจจะรั้งไว้ได้ สเตฟานี่บอกกับเราสองคนว่า จะนำข่าวดีเรื่องผมกับเคลวินไปเล่าให้คนในครอบครัวฟัง ทุกคนอยากเห็นเคลวินเป็นฝั่งเป็นฝา ถ้าได้รู้ว่าเคลวินมีคนรักแล้ว พวกเขาคงจะดีใจ

ผมรู้สึกเหมือนถูกมัดมือชก ให้ร่วมหอลงโรงกับเคลวิน แย้งก็ไม่ได้ ทั้งแม่และพี่ต่างแสดงความพอใจที่ได้ผมมาเป็นเขย แถมพูดฝากฝังให้ผมดูแลเคลวินด้วย ข้างฝ่ายประธานเจ้าเล่ห์ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะดีใจแค่ไหน ที่มีคนเข้าข้าง หน้าบานเป็นจานเชิง ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เบียดกระแซะผมตลอดเวลาจนผมแทบหายใจไม่ออก

“วางแผนไว้ใช่ไหมครับท่านประธาน”

เมื่อเหลือเราสองคนในห้อง ผมก็หันมาเล่นงานเคลวินทันที หน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มของเขาเจื่อนลงนิดหนึ่ง แต่แล้วก็เบิกบานเหมือนเดิม

“เรื่องอะไรหรือครับเคน”

คนเจ้าเล่ห์ยังนัวเนียกอดผมไม่ปล่อย ผมพยายามแกะมือเคลวิน แต่มือเขาก็เหนียวเหมือนมือปลาหมึก ติดหนึบแกะยาก

“ยังจะมาถามอีก นี่กะให้แม่กับพีช่วยประสานรอยร้าวเรื่องของเราสองคนใช่ไหมครับ”

ดักคอเขา แต่แทนที่เคลวินจะปฏิเสธ กลับยอมรับหน้าชื่นตาบาน

“ก็มันดีแล้วไม่ใช่เหรอครับเคน จะโกรธทำไมกันนานๆใช่ไหม ถ้าเคลียร์กันได้ลงตัว เราก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไงครับ”

คนตัวโตกอดผมแน่นเข้า ไม่ให้ผมดิ้นหนีไปไหน ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับความดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวของเคลวิน เลิกดิ้นหนี หันมาพูดจาประชดประชันแทน เผื่อว่าวิธีนี้จะได้ผลทำให้เขาผละจากผม

“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ใครจะอยากอยู่ด้วยกัน ”

จงใจพูดเสียงเยาะ

“ผมไง ผมอยากอยู่กับเคนตลอดไป เราสองคนเป็นสามีภรรยากันนะ จะแยกกันอยู่ได้ไงจริงไหม ผมไม่มีวันยอมอยู่ห่างจากเคนหรอก อะไรก็ตามที่ทำให้เราบาดหมางกัน ต้องพยายามเคลียร์กันให้ได้เร็วที่สุด อย่าทะเลาะกันอีกเลยนะ”

นอกจากจะไม่รู้สึกรู้สมอะไรกับคำพูดของผม เคลวินยังทำท่าออดอ้อน เพื่อขอให้ผมเห็นใจยอมอภัยให้เขา
“ผมไม่อยากอยู่กับคนที่ดูถูกคนอื่น”

ผลักเขาออกอีกครา คราวนี้ เคลวินยอมปล่อยผมง่ายๆ ผมทำท่าจะเดินหนีจะเข้าห้อง แต่เคลวินมายืนขวางเอาไว้ แล้วจ้องผมตาโต

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยคิดจะดูถูกใคร ผมอาจจะใช้คำพูดแรงไปหน่อย แต่ผมไม่ได้หมายความตามนั้น เคนก็รู้ว่าผมไม่ค่อยเก่งภาษาไทย ผมอาจจะพูดแล้วสื่อความหมายผิดก็ได้”

โทษเรื่องการสื่อสารไปนั่น ผมไม่เชื่อเขาหรอก เพราะว่าเขาไม่ได้อ่อนด้อยถึงขนาดนั้น แม้จะเป็นฝรั่งมังค่า แต่ก็พูดไทยคล่อง อ่านออกเขียนได้ ไอ้เรื่องที่จะเข้าใจผิดพลาดคงไม่มี คงเป็นการแก้ตัวมากกว่า

“แล้วคุณต้องการจะสื่ออะไร ถึงได้พูดแบบนั้น”

ถามเสียงห้วน


“ผมแค่อยากจะให้คุณได้อยู่ในสถานที่ที่จะช่วยทำให้คุณดูดีในสายตาคนอื่นๆนะครับ ไม่ได้มองว่าอยู่บ้านเช่า มันจะทำให้คุณเสียเกียรติ แต่อย่างที่บอกไปแล้ว บริษัทเราขายภาพลักษณ์ ความดูดี ทุกคนในบริษัทก็ต้องมีสิ่งแวดล้อมดีๆ ให้เขาเชื่อถือศรัทธาไงครับ”

เคลวินพูดกับผม

“ผมรักเคนนะครับ หวังดีกับเคนอย่างจริงใจ ไม่เคยคิดจะดูถูกเคนเลยสักครั้ง ที่ผ่านมาผมก็พยายามจะพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้เคนยอมรับผม ไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวความยากลำบาก ไม่ว่าเคนจะอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ได้ ผมเคยแสดงความรังเกียจให้เห็นหรือเปล่าครับ”

เขาตัดพ้อ เมื่อเห็นผมทำท่าไม่เชื่อเขา ผมยืนนิ่ง ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เป็นจริงอย่างที่เคลวินว่า เขารักและดูแลช่วยเหลือผมมาตลอด แม้บางครั้งจะทำเกินกว่าเหตุไปบ้าง แต่ทุกครั้งก็เป็นการทำทุกอย่างเพื่อให้ผมมีความสุข รวมถึงการสละความสะดวกสบายส่วนตัวมาตกระกำลำบากกับผม คงจะเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวไปหน่อย หากผมจะดื้อดึง รักแต่ศักดิ์ศรีของตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงความสุขของคนที่รักผมเสมอมา

“เคนหายโกรธผมเถอะนะครับ เราอย่าโกรธกันเลยนะ ผมทรมานใจมากเลยรู้ไหมครับ เราไม่ได้พูดกันหลายวันแล้วนะ คุณอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ก็เหมือนไกล อยากจะพูดจะคุย คุณก็ไม่ให้โอกาส ผมเจ็บนะรู้ไหมครับ”

หน้าตาของเคลวินเศร้าไปตามคำพูด เห็นแววตาที่จ้องมองมาเหมือนรอความหวัง พลันผมก็เกิดใจอ่อนให้กับเขา

“คืนดีกันนะ”

เคลวินยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าผม เป็นการขอคืนดี น่าตลกที่ประธานบริษัทผู้แข็งกร้าวดุดันกลับทำตัวเป็นหนุ่มขี้อ้อน วอนขอให้คนที่ตัวรักเห็นใจ ถ้าไม่รักผม เขาคงไม่ทำอะไรที่ทำให้ตัวเองเสียฟอร์มอย่างนี้

“จะให้ผมทำอะไร ผมก็ยอมทุกอย่างเลยครับ”

“แน่ใจเหรอว่าจะทำจริง”

ผมชักสงสัยว่าเขาจะทำอย่างที่ปากพูดได้แค่ไหน

“ก็ถ้า..ถ้ามันจะทำให้เคนเข้าใจผม ผมก็พร้อมจะยอมทำตามที่เคนต้องการครับ”

เขารีบรับคำอย่างกระตือรือร้น ผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้เอาคืนเคลวินที่ทำให้ผมไม่สบายใจ ก็เลยยื่นข้อเสนอให้เขาทำ

“ถ้างั้น ห้ามยุ่งเกี่ยวกับผมอีก ต่างคนต่างอยู่”

“ไม่ได้ครับ บอกได้เลย ข้อนี้ ผมไม่ตกลง”

ประธานสองหน้าปฏิเสธรัวเร็ว

“อ้าว ก็ไหนบอกว่า ให้ทำอะไรก็จะทำไม่ใช่เหรอ แค่นี้ก็ทำไม่ได้”

ทำเสียงเหมือนเยาะเขา

“แต่ข้อนี้มันโหดร้ายเกินไปไหม ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ผมก็ขาดใจกันพอดีสิ ขนาดไม่ได้พูดกับคุณผมยังแทบบ้า ขอเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ”

เขาไม่ยอมและพยายามต่อรอง

“ถ้างั้น ห้ามเคลวินลวนลามผม เราจะไม่เกี่ยวข้องทางกายต่อกัน”

ผมยื่นข้อเสนอไปใหม่ เคลวินฟังจบก็ส่ายหัวไม่ยอมรับ ผมรู้สึกขำท่าทางเขายิ่งนัก

“โห ...เคนอยากฆ่าผมหรือครับ ขอมาแต่ละอย่างนี่ มีแต่เรื่องที่ผมทำไม่ได้ทั้งนั้นเลย ขออย่างอื่นไม่ได้หรือครับ”

“โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ถ้างั้นก็เป็นเหมือนเดิมดีกว่า”

พูดจบผมก็เดินหนีไปยังทิศตรงข้าม เนื่องจากเคลวินยืนขวางประตู ผมเลยเข้าห้องนอนไม่ได้ เลยตั้งใจจะลงไปข้างล่างอีกข้าง แต่เคลวินไม่ยอมให้ผมหนีรอดพ้นไปจากเขา คนเจ้าเล่ห์เดินตามติด แล้วดึงแขนผมมากอดเอาไว้

“ดีครับ เราเป็นสามีภรรยากันเหมือนเดิมนะ”

เขายิ้มท่าทางดีอกดีใจ ผมรู้ว่าเขาแกล้งตีความผิดเข้าข้างตัวเอง ซึ่งเป็นนิสัยอย่างหนึ่งของเคลวิน เวลาอยากได้อะไร เขาจะพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ได้สิ่งนั้นมา รวมถึงการทำเป็นมึนพูดไม่รู้เรื่อง

“อะไรกันเคลวิน ผมไม่ได้ตกลงเรื่องนี้นะ”

รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจกับเคลวินเหลือกำลัง เขายิ้มกริ่ม เอาจมูกโด่งแหลมของตัวเองมาคลอเคลียใกล้ๆ กับแก้มของผม ส่วนมือไม้ก็ลูบไล้แขนของผมไปทั่ว

“ก็ตกลงเสียสิครับ สามีภรรยากัน อย่าโกรธกันนานเลยนะ”

คนตัวโตทำเสียงอ้อน

“....”

ผมไม่ตอบ ที่จริงหายโกรธเคลวินไปตั้งแต่ตอนได้พูดคุยกับครอบครัวของเขา ซึ่งเรียกความเชื่อมั่นของผมกลับมา ว่าเคลวินและครอบครัวของเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร และไม่ได้ดูถูกคนด้วย ยิ่งแม่และพี่ของเคลวินดีกับผมมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้ผมมีความรู้สึกดีๆกับคนในครอบครัวนี้มากขึ้น และผมก็เริ่มได้คิดว่า ที่เคลวินยกเลิกห้องพัก ก็เป็นการทำเพื่อผมเท่านั้น เขาอยากให้ผมมีภาพพจน์ที่ดี เป็นที่เชื่อถือแก่คนทั่วไป ดังนั้นจึงพยายามสรรหาสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่เหมาะสมให้

หากแต่ความที่ผมหมั่นไส้ที่เขาชอบเจ้ากี้เจ้าการ ก็เลยทำให้ผมยังแกล้งทำเป็นโกรธเขาอยู่ พอเห็นเคลวินวุ่นวายใจ ผมก็แอบขำ โดนเอาคืนเสียบ้าง พูดอะไรจะได้เชื่อฟัง ไม่ดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองอีก

“ผมเหงานะครับ เคน นอนคนเดียวมานานแล้วนะ”

เขายังพยายามอ้อนต่อ คงเห็นว่าผมลดอาการแข็งขืนลงบ้างแล้ว

“เคนไม่เหงาบ้างหรือครับ”

มือใหญ่ของเคลวินลูบเนื้อตัวผมลงต่ำ มันทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนในอารมณ์ยิ่งนัก

“ผมคิดถึงเคนมากเลยนะครับ”

ตามมาด้วยกระซิบเสียงหวาน ทว่าผมยังคงยืนนิ่ง พยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ ไม่อยากหายโกรธเร็วเกินไป เดี๋ยวคนเจ้าเล่ห์จะได้ใจ

“เราไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กันดีกว่านะครับ”

เคลวินดึงแขนผมให้ตามไปในห้อง ผมไม่ยอมเดินตาม กำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง เคลวินจอมเจ้าเล่ห์ ปลุกอารมณ์ผมจนเตลิดเพริศ สิ่งที่ทำให้ผมตกใจไม่น้อยไปกว่าการที่เคลวินสามารถปลุกอารมณ์ของผมให้ก่อตัวขึ้นมา ก็คือผมได้ตระหนักว่า ผมเองก็ต้องการเคลวินไม่น้อยเช่นกัน

พอเห็นผมยังยืนนิ่ง เคลวินก็เดินมากอดผมเอาไว้ทางด้านหลัง แล้วเอาคางเกยกับไหล่ผม ทำเสียงออดอ้อน ชวนผมเข้าห้อง ส่วนมือไม้ก็เลื่อนลงลูบไล้เข้าไปในกางเกงของผม จนกระทั่งเจอส่วนที่อ่อนไหว
“เคนน้อยไม่ได้ออกกำลังกายเลยนะครับ เดี๋ยวสุขภาพไม่แข็งแรงนะครับ”

ไม่พูดเปล่า คนเจ้าเล่ห์เอามือนวดคลึงจนน้องชายของผมตื่นตัวขึ้น ในที่สุดผมก็ตบะแตก ทนให้เขาปลุกอารมณ์แต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ ผมหันขวับแล้วจับใบหน้าเคลวินไว้ แล้วจูบที่ริมฝีปากเชิญชวนของเขา


--------------------
TBC

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
^
โห เจ้ อ่ะ ไม่ได้มาอัพ ตั้งนาน

ยัง ทำ  :a5: ค้างอีกอ่ะ ใจร้าย

เจ้าเล่ห์จิ๊งจิ้ง ทั้งเจ้ ทั้งเคล เนี่ยนะ  :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2009 00:05:09 โดย the_pooh9 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด