My wife is bigboss by Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My wife is bigboss by Katesnk  (อ่าน 251713 ครั้ง)

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
^
^
มีความสุขมากมายที่ได้จิ้มน้องวัน มาเจอช่วงสงกรานต์ซะด้วย
สุขสันต์วันสงกรานต์นะจ๊ะน้องจ๋า บวก 1 คืนให้ด้วยจ้า

ตอนนี้ยังคลางแคลงใจจริงๆ ว่าพ่อของเคลวินจะยังไงกันแน่
คิดจะพรากคนรักกันจริงๆหรือ

ยังบวกเพิ่มให้หนูมิ้นไม่ได้ ขอกอดแน่นๆ แทนนะจ๊ะ
สุขสันต์วันสงกรานต์ด้วยจ้า


ขอสารภาพบาปค่ะ  มิ้น ให้ +  ไม่เป็น   :serius2:  เมื่อก่อนนี้มิ้นเคยทำได้แต่ตอนนี้ งง   o22  มันกดบวกยังไง  อ้ากกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ตอนพิเศษ [15]

-----------------------------


เพราะห่วงอนาคตของเคน เลยทำให้ผมยอมที่จะหมั้นหมาย กับคนที่พ่อหามาให้ ในขณะที่ก็แอบวางแผนการล้มเลิกการแต่งงานที่จะมาถึง

ที่คิดเอาไว้ก็คือ ผมจะเปิดเผยความจริงให้ผู้หญิงคนนั้นทราบ ว่าผมมีรสนิยมอย่างไร ผมยอมทำร้ายใจตัวเอง แต่ผมจะไม่ยอมทำร้ายใจคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงดีๆ ที่ควรจะแต่งงานอยู่กินกับคนที่เธอรัก มากกว่าจะมาแต่งงานกับผู้ชายที่รักผู้ชายอย่างผม ไม่อยากหลอกลวงใคร ไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บช้ำ การที่ผมบอกความจริงกับเธอไป แม้ว่าจะต้องแลกกับการเสียชื่อเสียง แต่มันก็ดีกว่าที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือลบภาพเกย์ของตัวเอง

“คุณหนูเคลวินคะ คุณพ่อบอกให้อาบน้ำแต่งตัวค่ะ สักบ่ายๆ แขกที่เชิญไว้จะมาค่ะ”

ตอนสายๆ ป้าหมี่ก็มาเคาะห้องผม และนำความของพ่อมาบอก ป้าหมี่เลี่ยงที่จะพูดคำว่า “ว่าที่คู่หมั้น” เพราะไม่อยากให้ผมสะเทือนใจ ป้ารู้ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพ่อ แต่คนรับใช้อย่างป้าก็ทำอะไรเกินหน้าที่ตัวเองไม่ได้

“เคนติดต่อมาบ้างหรือเปล่าครับป้า”

ผมถามป้าเสียงละห้อยละเหี่ย เริ่มรู้สึกหมดหวังที่เคนไม่โทรมา ป้าปฏิเสธ แกเองก็ไม่รู้เหตุผลเช่นกันว่าทำไมเคนเงียบหายไป แต่แกก็พยายามปลอบใจผมว่าเคนคงกำลังหาวิธีมาช่วย จากนั้นก็พูดกระตุ้นให้ผมไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่อยากให้ผมขัดใจพ่อ เดี๋ยวจะมีปัญหา ผมลุกขึ้นจากเตียง เข้าห้องน้ำ อย่างเสียไม่ได้



หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผมก็มานั่งอยู่ตรงข้ามกับหญิงสาว หน้าตาสะสวย ดวงตากลมโต ยิ้มหวาน ท่าทางเฉลียวฉลาด

พ่อแนะนำว่าเธอชื่อโบว์ เป็นลูกของเพื่อนพ่อ ซึ่งจบมาจากเมืองนอก ผมทักทายเธออย่างห่างเหิน ในขณะที่เธอพูดคุยกับผมด้วยท่าทางร่าเริงสดชื่น

“เคลวินตักกับให้น้องหน่อยสิ น้องเอื้อมตักไม่ถึง”

พ่อซึ่งนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ เอ่ยปากสั่งผมให้เอาใจ สาวสวยลูกเพื่อน คงมองผมกับโบว์อยู่นาน และเห็นทาทางหมางเมินเย็นชาไม่เอาใจใส่ของผม เลยกลัวเสียหน้าเพื่อน ใช้คำพูดบีบบังคับผมทางอ้อมให้ปฏิบัติต่อว่าที่คู่หมั้นดีๆ

ผมสบตาพ่อก่อนจะเบือนหน้าหนี รู้สึกโกรธนิดๆ แต่พยายามไม่แสดงอารมณ์ออกมาให้เห็น ไม่ใช่ความผิดของโบว์ที่ผมต้องมาเอาใจเธอ คนแก่เจ้าอารมณ์ จอมเผด็จการที่นั่งอยู่หัวโต๊ะต่างหากที่ทำไม่ถูก มาบังคับฝืนใจลูกให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ อะไรที่ไม่ได้ออกมาจากใจ จะให้มันออกมาดีได้ไง





“พี่เคลวินไม่ชอบโบว์หรือคะ”

สาวสวยตากลมโต เอ่ยปากถามผมทันที เมื่อเราอยู่กันตามลำพัง ทั้งพ่อและแม่ ของผมและของโบว์ หายเข้าไปคุยกันในห้องรับรองแขกพิเศษ ซึ่งมีไว้สำหรับต้อนรับแขกวีไอพีซึ่งต้องการพูดคุยกันเป็นส่วนตัว เหมือนว่าพวกเขาจะจงใจให้ผมได้ทำความรู้จักกับ”ว่าที่คู่หมั้น”ที่พ่อแม่สรรหามาให้

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ พี่ไร้มารยาทกับโบว์เหรอ”

เรียกตัวเองว่าพี่ ตามลำดับวัยวุฒิ และความคิดเห็นส่วนตัว โบว์คงเป็นได้แค่น้องสาวของผมเท่านั้น

“เปล่าหรอกค่ะ พี่เคลวิน แต่โบว์สังเกตเห็นว่า พี่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ เหมือนถูกบังคับให้ต้องมาคุยกับโบว์อย่างนั้นแหละ”

นับว่าเธอฉลาดจริงๆ ที่ดูออก ทั้งที่ผมพยายามปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพและให้เกียรติ แต่เธอกลับสังเกตเห็นความไม่เต็มใจของผม

“โบว์จะโกรธพี่ไหม ถ้าพี่จะบอกว่า พี่ไม่เห็นด้วยกับการถูกจับคลุมถุงชนครั้งนี้”

ตัดสินใจพูดความจริงออกไป ผมไม่ต้องการหลอกลวงโบว์ ยิ่งเห็นความร่าเริงแจ่มใสเป็นมิตรของเธอ ผมยิ่งไม่อยากทำร้ายความรู้สึกผู้หญิงน่ารักคนนี้

สาวน้อยลูกเพื่อนพ่อ เบิกตาโต ก่อนจะหัวเราะกิ๊กกั๊ก ท่าทางชอบใจ เธอไม่ได้โกรธที่ผมพูดตรงๆ กลับแสดงท่าเหมือนดีใจด้วยซ้ำ

“คิดไว้แล้ว ว่าพี่เคลวินต้องรู้สึกเหมือนกับโบว์ เราสองคนถูกพ่อแม่บีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ แบบนี้เราต้องต่อต้าน พี่เคลวินว่าไหม”

คำพูดของโบว์ เรียกรอยยิ้มตื่นเต้นจากผม การที่เธอพูดอย่างนี้ ย่อมแสดงว่าเธอเองก็ไม่เห็นด้วยกับการคลุมถุงชนกับพ่อแม่ อย่างนี้ผมก็มีหวังที่จะได้ใช้ชีวิตคู่กับเคนแล้วสิ หากร่วมมือกับโบว์ในการต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้

“โบว์ไม่โกรธพี่เหรอ”

“จะโกรธทำไมละคะ พี่เคลวิน โบว์ไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่พ่อก็มาคะยั้นคะยออยู่ได้ บอกว่า จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน เงินต่อเงินอะไรไม่รู้ โบว์ไม่อยากแต่งงาน โบว์ยังสนุกอยู่กับงานที่ทำ อายุโบว์ก็แค่ 24 เอง จะรีบให้โบว์แต่งงานไปทำไมนักก็ไม่รู้”

สาวน้อยตากลมโต บ่นกระปอดกระแปด ฟังแล้วขำ ช่างเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ผมชักชอบเธอเสียแล้ว ผมเป็นลูกชายคนสุดท้อง มีแต่พี่สาว ไม่มีน้องเลยสักคน โบว์น่าจะเป็นน้องสาวน่ารักของผมได้

“โบว์อยากเป็นนักร้อง อยากเข้าวงการบันเทิง ตอนนี้ ก็พยายามพาตัวเองไปประกวดรายการต่างๆ อยู่นะคะ แต่พ่อโบว์ไม่ชอบอาชีพเต้นกินรำกิน พ่อบอกว่า จะทำให้ครอบครัวเสื่อมเสีย อาชีพมีเกียรติกว่านี้มีเยอะแยะ แล้วโบว์ก็เป็นลูกผู้หญิง ยังไงก็ต้องแต่งงาน มีครอบครัว พ่ออยากให้โบว์มาดูแลธุรกิจแทนพ่อ เลยพยายามจะหาผู้ชายมาผูกมัดโบว์ จะได้ไม่ต้องไปทำงานในวงการบันเทิงค่ะ”

เธอเล่าด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ฟังแล้วอดรู้สึกเห็นใจเธออยู่ไม่น้อย ผมเองก็ถูกบีบบังคับให้ดูแลธุรกิจสืบทอดแทนพ่อเช่นกัน และถูกบังคับให้แต่งงาน จะได้มีทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อ หัวโบราณชะมัด

“เรามาล้มเลิกการแต่งงานกันเถอะค่ะ พี่เคลวิน โบว์รู้ว่าพี่ไม่ได้อยากแต่งงานกับโบว์แน่ๆ แล้วโบว์ก็สืบรู้มาว่า พี่เคลวินมีคนที่รักอยู่แล้ว พี่ควรจะได้อยู่กับคนที่พี่รัก มากกว่าอยู่กับโบว์นะคะ”

สาวที่พ่อพามาให้ผมดูตัว เสนอความคิดกับผม กลายเป็นว่า โบว์เข้าใจผมมากกว่าพ่อเสียอีก ในเมื่อเปิดใจกันถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็เลยสารภาพสิ่งที่อยากจะบอกกับเธอออกไปตามความตั้งใจเดิมของตัวเอง




“แสบมากนักนะเคลวิน แกไปบอกโบว์เขาทำไมว่าแกเป็นเกย์ พ่อแม่เขาไม่พอใจมาก หาว่าฉันย้อมแมวขาย”

พ่อตบโต๊ะทานข้าวดังปัง ก่อนจะชี้หน้าด่าผมด้วยความโกรธกริ้ว ผมยิ้มน้อยๆให้พ่อ ไม่สะทกสะท้านกับอาการโมโหโกรธาของเขา

“ผมพูดเรื่องจริง ทำไมพ่อต้องโกรธด้วย”

“เรื่องจริงเพียงเรื่องเดียวคือ แกเป็นลูกฉัน แล้วแกจะต้องหมั้นกับหนูโบว์”

น้ำเสียงพ่อห้วนและวางอำนาจ พ่อติดนิสัยชอบสั่งลูกน้อง ก็เลยนำมันมาใช้กับครอบครัวด้วย แต่ผมไม่มีวันยอมให้พ่อบงการอย่างแน่นอน

“แต่ผมชอบเคนนะพ่อ ผมจะหมั้นกับโบว์ได้ไง”


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
แย้งออกไปเสียงดังดุจเดียวกัน ผมกับโบว์ตกลงใจกันแล้วว่าจะคบกันแบบพี่น้อง เราจะไม่ยอมให้ผู้ใหญ่จับเราสองคนแต่งงานกัน ทั้งโบว์และผมต่างมีความฝันกันคนละอย่าง โบว์อยากโลดแล่นในวงการบันเทิง ส่วนผมอย่างแต่งงานสร้างครอบครัวกับเคน เราจะไม่ยอมให้ผู้ใหญ่หักหาญน้ำใจเราอย่างเด็ดขาด

“ได้ไม่ได้ ฉันตกลงกับพ่อแม่หนูโบว์แล้ว ว่าจะให้แกหมั้นกับลูกสาวเขา วันพรุ่งนี้จะมาพูดคุยกันเรื่องการจัดงาน”

“อะไรนะพ่อ ..”

อุทานอย่างตกใจ ไม่คิดว่าพ่อจะรวบรัดมัดมือชกให้ผมกับโบว์หมั้นกันเร็วขนาดนี้ พ่อไปตกลงกับพ่อแม่ของโบว์เมื่อไหร่กัน ทำไมไม่ถามความเห็นผมก่อน เมื่อกี้พ่อบอกว่าครอบครัวของโบว์ไม่พอใจ ที่ผมไปบอกโบว์ว่าเป็นเกย์ แล้วทำไมถึงยอมให้ลูกสาวมาหมั้นกับผม ฟังพ่อพูดแล้ว ผมก็อยากรู้ความคิดของโบว์เช่นกัน อยากรู้ว่าโบว์ตอบพ่อแม่ของเธอไปว่าอย่างไร ยอมตามหรือขัดขืน

พ่อตอบผมด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด พรุ่งนี้ โบว์กับครอบครัวจะมากันที่บ้านเรา เพื่อคุยเรื่องการจัดงานหมั้นซึ่งจะกำหนดในเร็ววันนี้ พอผมอ้าปากจะคัดค้าน พ่อก็ยกเรื่องเคนมาขู่ ถ้าผมไม่ยอมตาม พ่อจะไล่เคนออกจากงาน และจะไม่ให้ผมได้พบกับเคนอีก

สิ้นคำของพ่อ ผมก็มองท่านด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความผิดหวัง ผมไม่คิดว่าพ่อจะใจร้าย และไร้เหตุผลเช่นนี้ ไม่คิดว่าพ่อจะใช้อำนาจในฐานะประธานบริษัท บีบบังคับพนักงานของตัวเอง เพียงเพราะไม่ชอบใจที่มายุ่งกับลูกชายท่าน ทำเกินไปแล้ว เคนผิดอะไร ทำไมเขาต้องได้รับการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วย

การเอาเคนมาเป็นเครื่องต่อรอง ทำให้ผมต้องยอมจำนนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมไม่พูดกับพ่อ ใช้การดื้อเงียบ อยากสั่งอะไร ก็สั่งไป ผมไม่โต้เถียง แต่ในใจไม่ยอมรับ พยายามจะหาวิธีในการที่จะหลีกเลี่ยงการหมั้นครั้งนี้ ผมไม่ใช่เด็กๆแล้ว อายุก็ตั้ง 30 คิดเองเป็นว่าผมอยากได้ใครมาเป็นคู่สมรส ไม่ใช่คนที่พ่อแม่หาให้อย่างแน่นอน และจะไม่ยอมถูกบีบบังคับแน่ๆ

สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือ พยายามหาหนทางที่ดีที่สุดสำหรับเคน และผม เคนจะต้องไม่ถูกไล่ออก และผมก็ไม่ต้องแต่งงานกับโบว์ด้วย

คุยกับพ่อเสร็จ ผมก็กลับเข้าห้อง เรียกป้าหมี่ให้ต่อสายตรงถึงโบว์ พ่อไม่ยอมให้ผมใช้โทรศัพท์มือถือ ทำเหมือนกับผมเป็นนักโทษ คอยส่งคนมาควบคุมตลอด ทำให้ผมขาดอิสระ จะใช้โทรศัพท์บ้าน มันก็เป็นเครื่องพ่วง ดักฟังได้ จะออกไปข้างนอก ก็ถูกยึดกุญแจรถ ป้าหมี่จึงเป็นเพียงคนเดียวที่ผมหวังพึ่งพา

“พี่เคลวินเหรอ แย่แล้ว โบว์ถูกควบคุมไม่ให้ออกไปไหนค่ะ”

น้ำเสียงของโบว์ไม่สู้ดีนัก ท่าทางโบว์จะไม่ค่อยพอใจที่ทุกการเคลื่อนไหวถูกจับตามอง เราสองคนมีชะตากรรมเดียวกัน แต่โชคดีที่ยังสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ผมกับโบว์ต่างปรับทุกข์ซึ่งกันและกัน จากนั้นก็ร่วมกันวางแผนดัดหลังพ่อแม่ตัวเอง เราจะไม่ยอมให้ผู้ใหญ่กำหนดชะตาชีวิตให้อย่างเด็ดขาด

เช้าวันต่อมา ผมถูกปลุกจากป้าหมี่ให้อาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมพูดคุยเรื่องการหมั้นของผมกับโบว์ ผมไม่อยากจะลุกขึ้นมาเลย อยากประท้วง ด้วยการหมกตัวอยู่ในห้อง แต่มาคิดได้ว่า วันนี้ผมจะได้มีโอกาสพูดคุยกับโบว์ เราจะได้วางแผนที่จะล้มงานหมั้นคราวนี้ สองหัวดีกว่าหัวเดียว บางทีโบว์อาจจะมีความคิดดีๆ ก็ได้ เพราะตอนนี้ผมมืดแปดด้านไปหมดแล้ว หากพ่อไม่กำอนาคตของเคนเอาไว้ ผมคงหาวิธีในการหลบเลี่ยงการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้

“ป้าหมี่ กดโทรศัพท์ไปที่บ้านน้องโบว์สิ ทำไมป่านนี้ถึงยังมาไม่ถึงกันอีก”

พ่อร้องสั่งป้าหมี่ซึ่งยืนรอรับใช้อยู่ ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ล่วงเลยเวลานัดหมายมาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ทางบ้านว่าที่คู่หมั้นของผมก็ยังไม่โผล่มา ในขณะที่พ่อเดินไปเดินมาอย่างกับหนูติดจั่น เพราะต้องคอยอยู่เนิ่นนาน ผมกลับรู้สึกสบายๆ นั่งหน้าเปื้อนยิ้ม จนพ่อหันมาตีหน้ายักษ์ใส่

“อารมณ์ดีจริงนะเคลวิน”

แม่ซึ่งนั่งรออยู่ด้วย ถามด้วยน้ำเสียงปราณี ผมยิ้มให้แม่ ไม่ตอบว่าอะไร ในใจนึกถึงโบว์ น้องสาวตาโตของผมคงแผลงฤทธิ์อยู่แน่ๆ เธอบอกว่า ถ้าบังคับมากๆ เธอจะหนีออกจากบ้าน และนี่อาจจะเป็นเหตุผลของความล่าช้าของบ้านนั้น

“ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ คุณผู้ชาย ไม่มีใครรับสายเลย”

ป้าหมี่รายงาน

“เป็นอะไรกันนะ หรือว่าจะเบี้ยว ไม่มา”

พ่อพูดอย่างหงุดหงิด เขาเองก็กดโทรศัพท์มือถือ หาพ่อกับแม่ของโบว์ แต่ก็ไม่มีใครรับสายเช่นกัน

“พ่อกับแม่โบว์อาจจะฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับผู้ชายที่รักผู้ชายอย่างผม”

โพล่งขึ้นไปอย่างอารมณ์ดี พ่อหันมาขึงตาใส่

“สงบปากสงบคำไปเลยเคลวิน ถ้าหากว่าเขาเปลี่ยนใจเพราะเรื่องนั้นจริงๆ แกกับฉันมีปัญหากันแน่”

พ่อเอ็ดตะโรเอากับผม แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งตรงโซฟา หน้าตาบอกบุญไม่รับ แม่กับผมสบตากัน ผมเห็นแววตาของแม่เต้นระริกด้วยความขบขัน จากนั้นแม่ก็ยิ้มให้ผม เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแม่ยิ้มขำท่าทางของพ่อ เราสองคนเมินหน้าหนีกันไปคนละทาง ด้วยกลัวจะหัวเราะออกมา แล้วทำให้พ่อโกรธหนักขึ้นไปอีก

10 นาทีต่อมา คนรับใช้คนหนึ่ง ก็เข้ามาแจ้งว่า มีคนต้องการพบพ่อของผม สีหน้าของพ่อคลายจากความบึ้งตึง มีรอยยิ้มพึงใจปรากฏที่ริมฝีปาก พ่อปรายตามามองผมแวบหนึ่ง ก่อนที่จะบอกให้คนรับใช้คนนั้นไปเชิญแขกเข้ามา

ผมเตรียมจะลุกหนี รู้สึกผิดหวังนิดๆ ที่โบว์ขัดขวางพ่อแม่ไม่สำเร็จ แขกที่มาพบคงเป็นพ่อแม่และโบว์นั่นเอง แต่พ่อไม่ยอมให้ผมกลับเข้าห้อง ให้ผมนั่งอยู่เพื่อเจรจาเรื่องการจัดงานหมั้น

ขณะที่ผมนั่งอย่างก้มหน้าก้มตาหักข้อนิ้วของตัวเองอย่างเซ็งๆ อยู่บนโซฟานั้น คนรับใช้คนเดิมก็พาแขกเข้ามา ความผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อบรรยากาศเงียบลง ปราศจากคำพูดใดๆ มีแต่เสียงฝีเท้าที่มาหยุดลงตรงที่พวกเรานั่งอยู่ ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เบิกตากว้างขึ้น ทั้งตกใจ และดีใจในคราวเดียวกัน

“เคน...”

อุทานเรียกชื่อสามีสุดที่รักเสียงสั่น น้ำตาพาลจะไหลออกมาด้วยความตื้นตันใจเสียให้ได้ ในที่สุดเคนก็มาที่นี่ มาหาผม มารับผมออกไปอยู่ด้วยกัน ผมผวาจะลุกขึ้นไปกอดเขา ทว่าแม่จับมือผมเอาไว้ พลางส่งสายตาห้ามปราม ไม่ให้ทำตามใจปรารถนา

“เธอมาที่นี่ทำไม”

หลังจากที่พ่อผมตั้งสติได้ พ่อก็ตวาดเคนด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว ผมมองเคนที่ยืนด้วยท่าทีสำรวมอย่างนึกสงสาร ขยับปากจะช่วยพูด แต่แล้วเคนก็ทำในสิ่งที่ทุกคนต้องอึ้ง

สามีสุดที่รักของผม ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น จากนั้นก็โน้มตัวลงกราบแทบเท้าพ่อของผม และพูดด้วยเสียงดังฟังชัด ทำให้พวกเราอึ้งซ้ำสอง โดยเฉพาะพ่อกับแม่ ซึ่งพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ คงไม่คิดว่า เคนจะเล่นไม้นี้ ถึงแม้พ่อกับแม่จะอยู่เมืองไทยมานาน แต่ด้วยความที่ท่านทั้งสองเป็นฝรั่ง การที่มีคนไทยมาหมอบกราบแบบนี้ ก็เลยรู้สึกแปลกๆ และทำตัวไม่ถูก

พวกเรานับถือในความเสมอภาคกัน ไม่ได้ถือยศศักดิ์ หรือชั้นวรรณะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองร่ำรวยกว่าใคร แล้วจะมองว่าใครต้อยต่ำ เวลาปฏิบัติตัวต่อคนทั่วไป หรือแม้แต่คนรับใช้ในบ้าน เราก็ไม่เคยทำเหมือนกับว่าเขาเป็นคนต่างชนชั้นกันกับเรา จะไม่มีการคลานเข่าหรือพินอบพิเทาเข้ามาหา เราจะให้เกียรติพวกเขา

ถึงแม้ว่าเขาจะรับเงินค่าจ้างจากเรา แต่เขาก็คือมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทว่ายิ่งเราดีกับคนในบ้านเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเกรงอกเกรงใจเราเท่านั้น ถึงจะไม่ทำตัวเหมือนเป็นบ่าวอย่างที่ทำกับครอบครัวคนไทย แต่พวกเขาก็สุภาพให้เกียรติกับพวกผม จนทำให้พวกเราชื่นชมมารยาทที่แสนจะงดงามของพวกเขา

“ผมมากราบขอโทษคุณพ่อครับ”

“ขอโทษเรื่องอะไรกัน”

พ่อชักเท้าหนี ไม่ยอมรับคำขอโทษจากเคน สามีสุดที่รักของผมยืดตัวขึ้นนั่งบนส้นเท้า แล้วพนมมือไหว้พ่อของผม เห็นได้ชัดเลยว่าพ่อผมอึดอัดกับการอ่อนน้อมถ่อมตนของคนที่ท่านไม่ชอบหน้า

“เรื่องที่ผมอยู่กินกับเคลวินโดยไม่ได้ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ เอ้อ ท่านประธานทั้งสองครับ”

เคนปริปากบอกถึงสาเหตุที่เขามาปรากฏกายที่นี่ด้วยท่าทางสุภาพ มือก็ยังคงยกประนมอยู่ตรงระหว่างอก

“อ้อ รู้ตัวเหมือนกันเหรอ ว่าทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ เอาล่ะ เมื่อมาขอโทษฉันก็อภัยให้ แต่จากนี้ไป อย่าได้มายุ่งกับลูกชายฉันอีก”

พ่อตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดัน ทว่าเคนส่ายหน้า

“ผมเกรงว่าจะทำไม่ได้ครับ ผมรักเคลวิน และเคลวินก็รักผม เราสองคนรักกัน และผมจะไม่มีวันไปไหน หากไม่มีเคลวินไปด้วย”

สุดที่รักของผมโต้ตอบพ่อด้วยท่าทางมุ่งมั่น ไม่หวาดหวั่น ผมรู้สึกเต็มตื้นในหัวอก เคนกล้ามาหาพ่อของผมที่นี่ เพื่อบอกว่าเขารักผม มันช่างเป็นเรื่องที่วิเศษสุดจริงๆที่เขาทำเพื่อผมขนาดนี้ โดยไม่กลัวเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

“ที่ผมมาวันนี้ เพื่อที่จะมาขอร้องท่านประธานทั้งสอง .......”

เขาเว้นวรรคกลืนน้ำลาย สิ่งที่กำลังจะพูดออกมาคงเป็นเรื่องที่สร้างความลำบากใจให้ไม่น้อย เหมือนว่าเขาจะกลัวว่าผลลัพธ์ของมันจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ ผมนั่งลุ้นไปกับเคนด้วย อยากรู้ว่าเคนจะพูดอะไร สักพักก็เห็นเคนสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วพูดประโยคที่ทำให้หัวใจผมแทบจะหยุดเต้น

“โปรดยกลูกชายให้ผมด้วยเถิดครับ”

ทันทีที่ประโยคนั้นผ่านออกมาจากปากของเคน แม่ของผมก็ยกสองมือขึ้นปิดปาก เหมือนกลัวว่าเสียงกรีดร้องจะหลุดลอดออกมา ตาของแม่เบิกกว้าง มีแววดีใจระคนประหลาดใจให้เห็นในตาคู่สวยนั้น แม่คงคิดไม่ถึงว่าเคนจะกล้าพูดคำนี้ เท่าที่ผมรู้ แม่ชื่นชมเคนอยู่ไม่น้อย แม่ไม่ขัดขวางความรักของผมกับเคน แต่แม่ไม่อยากขัดแย้งกับพ่อเท่านั้น การกระทำของเคนไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้เกิดขึ้นเฉพาะกับพ่อแม่ ผมเองก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน จากนั้นอารมณ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นปลื้มปิติ ความประทับใจที่มีต่อเคน ทำให้น้ำตาของผมเอ่อท้นขอบตา ผมหันไปหาพ่อ มองผ่านม่านน้ำตา เห็นใบหน้าถมึงทึงของพ่อที่จ้องมองเคนด้วยสายตากราดเกรี้ยว

“กล้าดียังไง ถึงมาพูดอย่างนี้กับฉัน”

เสียงของพ่อสั่น หน้าตาบึ้งตึง ท่าทางโกรธจัด ไม่เคยมีใครกล้าลองดีกับพ่ออย่างนี้ จากที่ป้าหมี่เล่าให้ฟัง พ่อไปหาเคน คงไปพูดอะไรบางอย่างให้เขาตัดใจจากผม ซึ่งประธานบริษัทไปพูดด้วยตัวเองแบบนี้ พนักงานตัวเล็กๆอย่างเคนน่าจะกลัวและเลิกยุ่งกับผมตามคำสั่ง แต่เคนกลับดื้อดึง และกล้ามาขอลูกชายพ่อถึงที่นี่ พ่อเลยไม่พอใจที่เคนไม่เชื่อฟัง และมาลูบคมถึงถิ่น

ผมรักลูกชายท่านครับ ผมต้องการแต่งงานอยู่กินกับเคลวิน ได้โปรดอย่าขัดขวางความรักของเราทั้งสองคนเลยครับ”

เคนกล่าวขอร้องพ่อของผม ท่าทางจริงจังจนผมรู้สึกทึ่ง ผมไม่เคยเห็นเคนมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน เขาดูดื้อรั้น มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ ปผมระทับใจในตัวเคนอย่างบอกไม่ถูก นึกลุ้นตามไปด้วย ว่าพ่อจะยอมแพ้เคนหรือไม่

ทว่าพ่อ กลับมองไม่เห็นความตั้งใจจริงของเคน พ่อโกรธจัด หน้าแดงก่ำ เขาเงื้อฝ่ามือขึ้นสูงหมายฟาดหน้าเคน ผมหลับตาปี๋ไม่อยากเห็นพ่อตบหน้าสุดที่รัก อยากจะเข้าไปห้าม แต่แม่ก็จับแขนไว้แน่นไม่ให้เข้าไปยุ่ง ผมเลยต้องทนนั่งลุ้นอย่างปวดใจ ภาวนาอย่าให้พ่อทำรุนแรงกับสามีของผม ทว่าเวลาผ่านไป ผมกลับไม่ได้ยินเสียงอย่างที่นึกกลัว จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พบว่าเคนหมอบลงไปกราบเท้าพ่อผมอีกครั้ง

“เห็นใจเราด้วยเถอะครับ เราสองคนรักกันจริงๆ ผมอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเคลวินครับ”

คำพูดของเคน ทำให้น้ำตาผมไหลพรากลงอาบแก้มด้วยความตื้นตันใจ ผมสะบัดข้อมือจากการเกาะกุมของแม่ แล้วถลาไปหาเคน จากนั้นก็ก้มลงกราบพ่อ ตามอย่างสามี และอ้อนวอนขอพ่ออีกแรง

“พ่อครับ อนุญาตให้เราได้อยู่ด้วยกันเถอะครับ”

“ไม่มีวัน ฉันไม่ยอมให้ลูกชายคนเดียว ไปแต่งงานกับผู้ชายอย่างเด็ดขาด”

เสียงพ่อประกาศกร้าว ก่อนจะเอ่ยปากไล่

“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก และพรุ่งนี้ เธอไปรับเงินชดเชยได้เลย ฉันขอไล่เธอออก”

“พ่อ”

“ท่านประธาน”

ผมอุทานอย่างปวดร้าว พร้อมๆกับที่เคนอุทานเรียกพ่อผมอย่างตกใจ เราสองคนเงยหน้าขึ้นมองพ่อเกือบจะพร้อมกัน

“พ่อทำอย่างนี้กับเคนไม่ได้นะครับ”

ตัดพ้อต่อว่าพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง พ่อสัญญากับผมแล้วว่าจะไม่ไล่เคนออก ทำไมถึงมาเปลี่ยนใจง่ายดายอย่างนี้ ถึงพ่อจะไม่ชอบเคนที่บังอาจมาสู่ขอผม พ่อคงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ที่ลูกชายมีผู้ชายมาสู่ขอ เลยโกรธเคน แต่ในฐานะที่พ่อเป็นประธานบริษัท เป็นเจ้านาย พ่อจะมาใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมบีบบังคับพนักงานที่ไม่มีความผิดออกจากบริษัทไม่ได้ และผมไม่มีวันยอมให้พ่อทำตามอำเภอใจอย่างเด็ดขาด
ยังไม่ทันที่ผมจะได้แสดงท่าทีต่อต้านพ่อออกไป เคนก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ โดยยื่นข้อแลกเปลี่ยนกับพ่อ

“ไล่ผมออกจากงานก็ได้ครับ ผมยินยอมทำทุกอย่าง แต่ผมขอความเมตตาจากท่านเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ได้โปรดเห็นใจความรักของเราด้วย ให้เราได้อยู่ด้วยกันเถอะครับ”

“พูดเอาแต่ได้จังเลยนะ เธอเป็นใคร แล้วลูกฉันเป็นใคร ประธานบริษัท จะมารักกับลูกจ้างของตัวเองได้ไง ฝันใหญ่ไปหรือเปล่า”

น้ำเสียงพูดของพ่อแสดงออกถึงความหยามหยัน ผมรู้สึกเจ็บปวดในใจแทนสามีของผม เคนเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี เขาไม่ชอบให้ใครมาดูถูกดูหมิ่น ถึงเขาจะจน เขาก็ไม่เคยคิดจะก้าวหน้าทางลัดด้วยการเกาะคนมีเงิน เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้วด้วยตัวของผมเอง

“ผมรู้ครับ ว่าผมมันก็แค่พนักงานต่ำต้อยคนหนึ่งในบริษัทของท่าน คนอย่างผม ไม่มีค่าอะไร ถ้าเทียบกับเคลวิน แต่สิ่งที่ผมมีไม่แพ้คนอื่น คือหัวใจ...ผมรักเคลวินมาก และผมจะไม่มีวันทำให้เคลวินพบกับความลำบากอย่างแน่นอน ถ้าท่านยอมยกเคลวินให้ผม ผมสัญญาว่าจะดูแลเขาอย่างดี”



----------------------------------------------

TBC



ปล.  ขออนุญาตลงยาวนิดนึง   ฉลองที่ได้หยุดยาวสงกานต์  และเรื่องวุ่นๆๆ คลี่คลายไปด้วยดี

ปล.2 มิ้นได้ต้นฉบับเรื่องนี้ครบแล้ว  จะทยอยลงนะคะ  คาดว่าอีกไม่กี่วันคงจบ :mc4:

ltahset

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:

จิ้มคนโพส

รออ่านต่อไปค่ะ

^^
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Ottomechan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
คุณพ่อก็ใจดีหน่อยจิ


อย่าโหดร้ายกันเคนนะคร๊ะะะะะะะะะ





 :m15: :m15: :m15:

everytime

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:  ช่าง อัพ ได้ ทรมานใจคนอ่านมากกกกกก  :m15:



 :o12: ช่างค้าง ในอารมณ์ เสียอย่าง นี้     :a5:



 :z3: จุ๊บุ๊ จุ๊บุ๊ คนอ่าน อารมณ์ ค้างงงงงงงงงง  :m31:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
บุกเข้าถ้ำเสือ หวังจะได้ลูกเสือ แต่เจอพ่อเสือขวางทาง ฮิ ฮิ....

แล้วเคนจะทำยังไงต่อไปอย่าช้า นะครับหนูมิ้น +1 ให้ด้วยครับ

ปล. เห็นถามว่า + ยังไง มามะ มนุษย์โบราณคนนี้จะบอกให้ ( เมื่อก่อนก็ไม่เป็น 555.... )

มองไปด้านขาวมุมบนของกระทู้เรา จะมีคะแนนโหวตอยู่ ใต้คะแนนโหวต จะมี เครื่องหมาย + และ -

ถ้าจะให้คะแนน + ก็เลื่อนเม้าส์ ไปที่ + แล้วคลิก คะแนนที่เรากดให้ก็จะปรากฎขึ้นเพิ่มจากเดิมที่เค้ามีอยู่

แต่ถ้าไม่ชอบใจก็กด - คะแนนที่เรากดก็จะไปลบจากเดิมที่เค้ามีอยู่ แต่อย่ากด - ให้ใครเลย ถ้าไม่ชอบก็

อยู่เฉย ดีกว่า สงสารคนถูกกด - นะ จริงเปล่าจะหนูมิ้น  แต่ยังไงพี่ก็กด + ให้หนูมิ้นอยู่แล้ว

รอตอนต่อไปอยู่นะครับ รีบด่วนน้า :กอด1:

White..BroccO

  • บุคคลทั่วไป
ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ค่ะ  o13

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กรี๊ดดดดด คุณพ่อขา  ใจเย็นๆๆ นิ๊ดส์ นะคะ  :monkeysad:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
รอลุ้นการตัดสินใจของท่านประธาน
เคนเยี่่ยมมาก กล้าสุดๆ
จะมีอะไรทำให้ท่านประธานยอมเปลี่ยนใจได้บ้างเนี่ย

บวก 1 ให้หนูมิ้นเช่นเคย ขอบคุณจ้า

ปล ตอบหนูมิ้นเรื่องบวกคะแนน
    ตอนนี้จะกดบวกคะแนนให้คนอื่นได้ เราต้องมีจำนวนโพสขั้นต่ำ 250 รีพลายจ้า ปุ่มกดคะแนนถึงจะแสดงให้เห็นนะจ๊ะ
    และก้อจะบวกซ้ำให้คนเดิมได้ ก้อต้องรอให้ครบ 24 ชม.ก่อนน้า
    (เห็นน้องวันตอบไปแล้ว แต่แอบงงนิดนึง แบบว่า ด้านขวากระทู้ ปุ่มมันมีอยู่อีกตรงไหนอ้ะ หาไม่เจอเลยงงค้าบ)


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






katesnk

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจ น้องมิ้นท์ค่ะ

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ตอนพิเศษ [16]

----------------------



“ผมรู้ครับ ว่าผมมันก็แค่พนักงานต่ำต้อยคนหนึ่งในบริษัทของท่าน คนอย่างผม ไม่มีค่าอะไร ถ้าเทียบกับเคลวิน แต่สิ่งที่ผมมีไม่แพ้คนอื่น คือหัวใจ...ผมรักเคลวินมาก และผมจะไม่มีวันทำให้เคลวินพบกับความลำบากอย่างแน่นอน ถ้าท่านยอมยกเคลวินให้ผม ผมสัญญาว่าจะดูแลเขาอย่างดี”

น่าแปลกที่เคนไม่โกรธ เขากลับอ้อนวอนขอให้พ่อเห็นใจยอมยกผมให้เขาอย่างไม่ย่อท้อ เห็นความพยายามของสามีแล้ว มันทำให้ผมทนนิ่งเฉยไม่ได้

“พ่อครับ ให้เราอยู่ด้วยกันเถอะนะครับ ที่ผ่านมา เคนดูแลผมดีจริงๆ ผมอยู่กับเคนแล้วมีความสุขมากๆครับ”
“ไม่ได้”

พ่อตวาดใส่หน้า

“ลำพังตัวเอง ยังจะเอาตัวไม่รอดเลย ริอ่านจะมาเลี้ยงดูลูกชายฉัน ฝันไปหรือเปล่า พรุ่งนี้จะถูกไล่ออกจากงานอยู่รอมร่อแล้ว ยังจะมีหน้ามาขอดูแลลูกฉันอีก เตี้ยแล้วยังจะมาอุ้มค่อม ลูกจ้างอย่างเธอ ไม่มีวันทำให้ประธานบริษัทมีความสุขได้หรอก”

นับเป็นถ้อยคำดูถูกที่รุนแรงมาก ปกติพ่อผมจะไม่ใช่คนที่ไม่รักษาน้ำใจคนอื่น แม้จะดุ แต่ก็ไม่เคยเหยียบย่ำ ซ้ำเติมใคร หรือแบ่งชั้นวรรณะ แต่วันนี้พ่อผมทำตัวต่างจากที่เคยเห็น คงเป็นเพราะต้องการกำจัดเคนไปจากวงจรชีวิตของผม ไม่ให้เข้ามาทำให้ผมไขว้เขว ผมเห็นใบหน้าสามีสุดที่รักถอดสี แต่เขากลับไม่ถอดใจ กลับตอบอย่างเชื่อมั่น

“ถ้าท่านให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง ผมจะทำให้ท่านได้เห็นว่าผมสามารถทำให้เคลวินมีความสุขได้จริงๆ”

“ให้โอกาสเราสองคนนะครับพ่อ”

ช่วยเสริมคำพูดของสามี และรอฟังคำตอบจากพ่อ

“ถ้าเป็นกรณีอื่น ฉันอาจจะให้โอกาส แต่กรณีนี้ ฉันไม่ยอม กลับเข้าห้องแกไปได้แล้วเคลวิน ไม่ต้องมาพูดช่วยพนักงานบริษัทตัวเองหรอก รู้จักรักศักดิ์ศรีของประธานบริษัทบ้างนะ”

พูดจบ พ่อก็ไล่ให้ผมกลับเข้าห้อง เมื่อเห็นผมยังดื้อด้าน นั่งข้างเคนไม่ยอมขยับ พ่อก็ส่งเสียงเรียก ให้คนรับใช้ในบ้าน ตัวล่ำ ๆ สองสามคน มาดึงตัวผมไป ผมพยายามดิ้น แต่เคนส่ายหน้า แล้วมองผมเป็นเชิงปราม ผมเห็นความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของสามี เขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพ่อของผมอย่างไม่หวาดหวั่น ท่าทางเหมือนไม่อยากให้ผมต่อต้าน ด้วย ปฏิกิริยารุนแรง สามีของผมคงจะพยายามใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว บางที วิธีการของสามีอาจจะถูกก็ได้

“เธอออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว”

ยังไม่ทันที่ผมจะคล้อยหลัง พ่อก็หันมาเล่นงานเคน เบื้องหลังเขามีรปภ.ที่พ่อจ้างให้มาดูแลบ้านยืนอยู่

“ได้โปรดเถอะครับท่าน...”

เคนพยายามจะอ้อนวอนพ่อผมต่อ ทว่า รปภ.สองคนตรงเข้ามาหิ้วปีกเขาให้ลุกขึ้น ตามคำสั่งของพ่อ

“อย่าเสียเวลาเลย ไม่มีประโยชน์หรอก อาทิตย์หน้าเคลวินก็จะหมั้นแล้ว เธอตัดใจเสียดีกว่า”

เพื่อให้เคนไปจากผม พ่อถึงกับงัดไม้ตาย เอาเรื่องการหมั้นหมายที่จะเกิดขึ้นใน 1 อาทิตย์ข้างหน้ามาบอกให้เคนได้รับรู้ พ่อผิดสัญญาที่ให้ไว้กับผม เขาบังคับให้ผมยอมรับเรื่องการหมั้น โดยแลกกับการที่เคนจะได้ทำงานในบริษัทต่อไป แต่เมื่อครู่พ่อไล่เคนออก ไม่ให้ทำงานที่บริษัทแล้ว แต่พ่อก็ยังไม่ยอมล้มเลิกสิ่งที่ได้คุยกันไว้ พ่อยังคิดจะให้ผมแต่งงานกับโบว์ ทั้งที่พ่อเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงระหว่างเรา แล้วผมจะโง่ยอมทำตามเพียงฝ่ายเดียวได้อย่างไร

“จริงหรือเคลวิน คุณจะแต่งงานจริงๆ เหรอ”

เคนหันมาถามผม น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ใช่นะเคน ผม...ผมจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากคุณคนเดียว”

ตะโกนบอกเขา ทว่าพ่อสวนโพล่งขึ้นมาทันควันว่า ผมไม่มีสิทธิเลือก ยังไง ผมก็ต้องแต่งงานกับโบว์ เพื่อสร้างครอบครัว มีลูกมีหลานสืบทอดวงศ์ตระกูล ฟังดูมันหัวโบราณมาก ไม่น่าเชื่อ ว่าฝรั่งอย่างพ่อจะคิดเรื่องการรักษาสมบัติ ด้วยการบังคับให้ลูกดองกับคนที่พ่อหามาให้ ผมพยายามปฏิเสธไม่ยอม แต่ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรให้เคนเข้าใจ ผมก็ถูกพาไปที่ห้องนอน โดยมีป้าหมี่ตามไปติดๆ เพื่อช่วยดูแลผม

ประตูห้องนอนถูกปิดจากข้างนอก ผมเดินไปนั่งที่เตียงอย่างกลัดกลุ้ม โดยมีป้าหมี่เดินมายืนอยู่ใกล้ๆ ผมอ้าแขนออกกว้าง ป้าหมี่เดินเข้ามาหาผมอย่างรู้งาน ผมโอบกอดร่างของหญิงวัยกลางคนแนบแน่น

“ป้าหมี่ พ่อจะทำอะไรเคนหรือเปล่า”

“ไม่หรอกค่ะ คุณหนู คุณพ่อคงแค่ไล่คุณหนูเคนออกไปจากบ้านแค่นั้น คงไม่ถึงกับทำร้ายร่างกายหรอก ถึงพ่อของคุณหนูจะดุ แต่ก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำหรอกค่ะ คุณเคลวินก็น่าจะรู้จักพ่อตัวเองนี่คะ”

แม่นมที่เลี้ยงผมมาแต่เล็ก กล่าวปลอบใจ ผมเองก็เชื่ออย่างนั้น พ่อไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใครด้วยความเกลียดชัง พ่อมีวิธีการฆ่าคนทางอ้อมด้วยคำพูด ซึ่งประสิทธิภาพของมันชะงัดนัก คนที่ได้ฟังพ่อผมพูดเหน็บเชือดเฉือน มักจะบ่นบอกเป็นเสียงดีกัน ว่ามันแสบเข้าไปถึงทรวง ทำให้เสียความรู้สึกได้มากกว่า ดังนั้นผมจึงเชื่อมั่นว่า พ่อคงไม่จับเคนไปต้มยำทำแกงที่ไหน แต่คงจะใช้วาทศิลป์ทำให้เคนอึดอัดไม่สบายใจ และยอมพ่ายแพ้ไปในที่สุด

“หนีออกจากบ้านกันดีไหมป้าหมี่ ผมไม่อยากได้แล้วสมบัติพัสถานอะไรเนี่ย ผมอยากอยู่กับเคน เราจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน”

ปรึกษาแม่นมที่ผมสนิทที่สุด แต่ป้าหมี่ไม่เห็นด้วยกับการที่ผมจะต่อต้านพ่อของตัวเองแบบนั้น มันเป็นความคิดของเด็กๆ ผมเป็นถึงผู้บริหารบริษัท คงไม่เห็นแก่ความรักจนต้องละทิ้งพนักงานอีกหลายร้อยชีวิตที่ต้องดูแล คนเหล่านั้น เขาก็รักผมเช่นกัน และหากผมยอมแพ้ลาออกจากบริษัท พ่ออาจจะเข้าไปควบคุมเอง หรือจ้างคนอื่นไปดูแล รากฐานที่ผมเพิ่งวางใหม่ให้บังคับใช้ในบริษัทอาจจะถูกล้มเลิก แล้วบริษัทก็เข้าสู่รูปแบบเดิมอย่างที่พ่อของผมเคยดูแลมาก่อน

คำแนะนำของป้าหมี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ถึงแม้ป้าหมี่จะเป็นเพียงแม่บ้าน เป็นคนที่คอยดูแลผมและคนในครอบครัว แต่แกก็สนใจใฝ่หาความรู้ เมื่อมาอยู่บ้านประธานบริษัท ต้องต้อนรับแขกที่เป็นลูกค้าคนสำคัญบ่อยๆ เพื่อให้การต้อนรับเป็นที่น่าประทับใจ แม่ของผมก็จะจับคนในบ้านติวเข้ม เรื่องการดูแลให้บริการ ให้ทุกคนทำหน้าที่ให้มากกว่าการเป็นแค่คนรับใช้ในบ้าน แถมให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวบ้างเล็กๆน้อยๆ เช่น ครอบครัว ทำอะไร มีกิจการอะไรเป็นต้น เวลามีใครมาถามอะไร จะได้พอตอบได้บ้าง ไม่ให้เสียชื่อว่าเป็นคนของประธานบริษัทซึ่งมีกิจการใหญ่โต คนในบ้านทุกคนก็ต้องรอบรู้ด้วย

ป้าหมี่แกเคยเป็นพนักงานในโรงงานของพ่อมาก่อน ทำตำแหน่งแม่บ้าน แม่เห็นหน่วยก้านดี ก็เลยให้มาทำงานที่บ้าน พอแม่ท้องผม ป้าหมี่ก็เลยได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยดูแลผมอีกด้วย บางทีผมมีเรื่องไม่สบายใจที่บริษัทซึ่งไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ ก็จะมาพูดให้แกฟังเสมอ ป้าเป็นผู้รับฟังที่ดี นานวันเข้า แกก็ขยับมาให้คำแนะนำผมในบางครั้ง

“ผมจะบ้าตายแล้วนะป้าหมี่ อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ แล้วจะให้ผมทำไงดีล่ะเนี่ย”

เมื่อไม่รู้จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ผมก็เลยบ่นอย่างหงุดหงิด

“ป้าว่าใจเย็นๆ ก่อน รอดูท่าทีคุณท่านก่อนเถอะค่ะ อีกอย่าง บ้านโน้นก็ยังไม่ติดต่อกลับมาเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า บางทีอาจจะเปลี่ยนใจแล้วก็ได้”

จริงสินะ ผมลืมคิดประเด็นนี้ไปเลยพวกผู้ใหญ่นัดกันมาพูดคุยเรื่องหมั้น แต่ครอบครัวของโบว์ยังมาไม่ถึง และไม่มีการติดต่อกลับมาด้วย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หรือว่าโบว์ทำให้พ่อแม่เปลี่ยนใจได้สำเร็จ ผมน่าจะโทรไปถามน้องสาวตาโต ว่าที่เราตกลงกันเรียบร้อยไหม บางทีมันอาจจะช่วยทำให้พ่อเปลี่ยนใจก็ได้ หากทางฝ่ายว่าที่คู่หมั้นของผมไม่อยากเกี่ยวดองกับพวกเราอีกต่อไป

“เดี๋ยวป้าจะไปสืบข่าวมาให้นะคะ คุณหนูเคลวินก็ใจเย็นๆนะคะ”

คนอาสาคลายทุกข์ให้ผม ลุกไปปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนม ผมกล่าวขอบคุณป้า แล้วบอกให้แกระวังตัว อย่าให้พ่อผมจับได้ พ่อผมไม่ชอบให้ลูกน้องทรยศตัวเอง และพ่อจะลงโทษคนที่หักหลังอย่างสาสม
แม่นมของผม ทำอะไรให้ผมมากมาย เป็นทั้งพี่เลี้ยงคอยดูแล เป็นคนที่ปลอบโยนให้กำลังใจ ในยามที่แม่ไปเข้าข้างพ่อ แล้วผมไม่เหลือใคร แถมซ้ำยังเป็นหน่วยกล้าตาย คอยเป็นสปายสืบข่าว และเป็นนางนกต่อให้ผมอีก นี่ถ้าสาวกว่านี้ แกคงไปทำงานในหน่วยข่าวกรองได้สบายๆ เพราะแกทำอย่างเต็มที่ด้วยใจ ผมรู้ว่าแกรักผม และผมก็รักป้าหมี่เช่นกัน หากผมกับเคนสมหวังในความรัก ผมจะตอบแทนป้าหมี่ให้สมกับที่แกทำเพื่อผม






“อะไรนะ ป้าหมี่ น้องโบว์กินยานอนหลับเกินขนาดเหรอ”

ผมถามย้ำอย่างตกใจ เมื่อป้าหมี่กลับเข้ามาอีกครั้งในตอนเย็น กับข่าวที่ไปสืบมา เป็นอย่างที่คาด พ่อไล่เคนกลับไป แล้วก็ใส่ไฟเรื่องผมให้เคนรู้ เคนเสียใจมาก เลยถอดใจยอมออกจากบ้านโดยดี สิ่งที่ผมได้ฟัง มันทำให้ผมรู้สึกปวดร้าวมากที่พ่อทรยศหักหลังกับผมอย่างนี้ แต่สิ่งที่ผมได้ยินเรื่องต่อมา กลับทำให้ผมตกใจ ลืมความเศร้าที่ตัวเองเจอเสียสิ้น

“ค่ะ คุณเคลวิน ตอนนี้ทางบ้านคุณหนูโบว์ อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ เฝ้าอาการป่วยกันอยู่ และรู้สึกจะบอกเลิกการหมั้นไปเรียบร้อยแล้ว”

ข่าวต่อมาทำให้ผมรู้สึกยินดี การที่ไม่ต้องหมั้นกับคนที่ผมไม่ได้รัก ทำให้ผมรู้สึกเป็นสุข แต่ผมก็รู้สึกแย่ ที่การล้มเลิกการหมั้น มาจากการที่โบว์ตัดสินใจฆ่าตัวตาย รู้สึกเศร้าใจที่ลูกๆต้องใช้ชีวิตเป็นเครื่องต่อรอง เพื่อไม่ให้พ่อแม่บังคับจิตใจ ทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่ฟังความต้องการของเด็กบ้าง มาคิดได้ตอนนี้ มันสายไปไหม

“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันป้าหมี่”

ความสงสารในชะตากรรมของน้องสาวคนสวย ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้โบว์จะเป็นอย่างไรบ้าง ที่บอกว่าจะหาทางให้พ่อเปลี่ยนใจให้ได้ มันคือการกินยาเพื่อฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือโง่จริงๆ เลยเด็กคนนี้ วิธีการอื่นมีถมเถไปทำไมไม่เลือกใช้ ทำไมต้องทำร้ายตัวเองด้วย

ป้าหมี่คงเห็นผมมีสีหน้าวิตกกังวล ป้าเลยปลอบให้ใจเย็นๆ อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว โบว์ปลอดภัย โชคดีที่ไปถึงมือหมอได้ทันการ ผมฟังข่าวของโบว์อย่างโล่งใจที่สาวน้อยน่ารักคนนั้นไม่เป็นอะไรมาก พอเห็นผมคลายความกังวล ป้าหมี่ก็เริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่ได้ยินมาให้ผมฟัง

หน่วยสอดแนมสูงอายุเล่าว่า เมื่อตอนเช้า แม่ของโบว์ขึ้นไปปลุกลูกสาวให้แต่งตัวเพื่อจะมาที่บ้านผม แต่เรียกเท่าไหร่ โบว์ก็ไม่ขาน จนกระทั่งสาย ก็ไม่ยอมออกมา รู้สึกผิดสังเกต เลยพังประตูกันเข้าไป เห็นโบว์นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น รอบตัวเกลื่อนไปด้วยยานอนหลับ ข้างตัวมีจดหมายลาตาย โบว์ขอโทษพ่อแม่ที่ทำให้ผิดหวัง แต่โบว์อยากเลือกชีวิตของตัวเอง โบว์อยากทำงานบันเทิง ไม่อยากแต่งงาน ในเมื่อพ่อแม่ขัดขวาง โบว์ก็ขอคืนชีวิตโบว์ให้พ่อแม่ พวกเขาอ่านจดหมายที่โบว์เขียน ก็รู้สึกเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกคิดสั้น หลังจากพาลูกสาวไปหาหมอที่โรงพยาบาลแล้ว ก็ปรึกษากันว่า จะตามใจลูก ไม่บังคับฝืนใจอีกต่อไป ในเมื่อลูกไม่อยากแต่งงาน พวกเขาก็จะให้อิสระ ให้ลูกทำในสิ่งที่ต้องการ เมื่อตกลงใจกันได้แล้ว ก็เลยโทรมายกเลิกการหมั้นกับพ่อของผม

“แล้วพ่อว่าไงบ้าง”

อยากรู้ความรู้สึกของพ่อนัก การเอาแต่ใจของตัวเอง เกือบทำให้เด็กสาวคนหนึ่งต้องจบชีวิตลง พ่อจะเสียใจ หรือรู้สึกผิดบ้างไหม แล้วยังคิดจะบังคับใจเราอีกหรือเปล่า หรือว่าพ่อต้องการเห็นโศกนาฏกรรมมันเกิดขึ้นในครอบครัวตัวเองบ้าง จะได้เลิกฝืนใจคนอื่น

“คุณพ่อคุณหนูไม่พูดอะไรเลยค่ะ นั่งหน้าเครียดเมื่อรู้ข่าว ดูเหมือนคุณแม่จะไม่เห็นด้วยกับการหมั้นนะคะ ยิ่งพอได้รับข่าวคุณหนูโบว์ คุณแม่ยิ่งไม่อยากให้คุณหนูแต่งงานใหญ่ นี่คุณแม่ก็นั่งคุยอยู่กับคุณพ่อในห้อง คงกำลังพยายามทำให้คุณพ่อคุณหนูเปลี่ยนใจ”

น่ายกตำแหน่งสปายยอดเยี่ยมให้ป้าหมี่จริงๆ ป้าแกเก็บรายละเอียดเรื่องราวต่างๆ มาบอกเล่าให้ผมได้รับรู้ โดยที่ผมไม่ต้องออกไปยุ่งวุ่นวายข้างนอก ผมกล่าวขอบคุณป้าหมี่ที่มาเล่าเรื่องให้ผมฟัง และฝากให้แกไปช่วยหาข่าวเกี่ยวกับเรื่องเคนต่อ ผมอยากรู้ว่าเคนสุดที่รักของผมเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากโดนพ่อไล่ไปแล้ว เขากลับบ้าน หรือยังอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็ยังพอมีหวังว่าจะพูดคุยให้เขาเข้าใจได้ แต่ถ้าเคนถอดใจไม่อยู่ที่กรุงเทพแล้ว ผมคงตามเขาลำบาก

ส่วนเรื่องพ่อคงต้องปล่อยให้แม่จัดการ ผมจะไม่พูดอะไรกับพ่ออีก เพราะเราสองคนคุยเรื่องนี้กันไม่รู้เรื่อง แม่เข้าข้างผมอยู่แล้ว แม่เห็นใจในความรักของผม แต่ที่ผ่านมา แม่ไม่อยากขัดใจพ่อ เกิดเรื่องของโบว์ขึ้นมา แม่คงรู้สึกผิดที่เป็นส่วนหนึ่งให้โบว์คิดสั้นฆ่าตัวตาย แม่คงต้องหาทางลบล้างความผิดในใจ หวังว่าแม่คงจะรู้ว่าควรจะทำอย่างไร พ่อถึงจะยอมเลิกรา ปล่อยมือจากผมกับเคน และไม่บังคับใจเราอีก

สำหรับเรื่องน้องโบว์ ผมตัดสินใจจะหาโอกาสไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล อาจจะไปด้วยตัวเอง หากผมสามารถหากุญแจรถมาได้ หรือพ่ออนุญาตให้ลุงเทพขับรถให้ผม หรือหากพ่อกับแม่ออกไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล ผมก็จะขอตามไปด้วย แม้เราจะพูดคุยกันไม่กี่ครั้ง ผมก็รู้สึกถูกชะตากับสาวสวยคนนี้ ผมนับถือความใจเด็ดของเธอ ที่กล้าเอาชีวิตเข้าเดิมพัน และสามารถเปลี่ยนใจพ่อแม่ได้สำเร็จ หากเธอทำพลาด พ่อแม่มาไม่ทัน เธออาจจะไม่มีโอกาสได้ฟื้นขึ้นมาทำตามความฝันของตัวเอง ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้เรื่องมันคลี่คลายไปในทางที่ดี การกินยาฆ่าตัวตายของเธอ นอกจากจะทำให้การหมั้นของเราล้มเลิก มันอาจจะช่วยทำให้พ่อของผมคิดขึ้นมาได้บ้าง








ตอนบ่ายของวันนั้น หลังจากที่พ่อแม่และผมกลับมาจากโรงพยาบาล เพื่อเยี่ยมอาการของน้องโบว์ ความเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น พ่อของผมเงียบขรึมยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าที่ดุดัน เชิดหยิ่ง กลับดูอ่อนล้า ท่าทางเหมือนคนขาดความมั่นใจในตัวเอง ภาพใบหน้าซีดเซียวของน้องโบว์ที่นอนอยู่บนเตียง คงสะเทือนอารมณ์พ่อผมไม่น้อย

ยิ่งได้เห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ ที่ร่ำไห้สะอึกสะอื้น โทษตัวเองที่ไม่ฟังเสียงลูก เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ว่าลูกสมควรได้รับอะไรบ้างที่จะทำให้ลูกมีความสุข มันยิ่งทำให้พ่อผมเครียดหนัก ตลอดระยะเวลาที่นั่งรถกลับมาบ้านด้วยกัน พ่อเงียบราวคนใบ้ ใช่แต่พ่อคนเดียวที่เหมือนไม่ได้เอาปากมา ทุกคนก็พากันสงบปากสงบคำ ไม่มีใครปริปากพูดคุยกัน เราต่างคนต่างนั่งเงียบจนกระทั่งถึงบ้าน และแยกย้ายเข้าห้องนอนตัวเอง
แม่กับพ่อเข้าห้องนอนไปพร้อมๆกัน ส่วนผมเรียกป้าหมี่มาคุยในห้อง ตอนผมขยิบตาเรียกป้าหมี่ ผมเห็นพ่อชำเลืองมองมาที่เราสองคน แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องของเคนทำให้ผมไม่สนใจว่าพ่อจะสงสัยในตัวเราสองคนหรือไม่

“ติดต่อเคนได้หรือเปล่าป้าหมี่”

ทันทีที่ลับสายตาคนอื่น ผมก็เอ่ยปากถามความคืบหน้าจากป้าแม่บ้านคนสนิท รู้สึกกระวนกระวายใจที่ไม่ได้ข่าวคราวจากสามีสุดที่รัก อยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง คำพูดของพ่อทำร้ายเคนมากน้อยแค่ไหน ผมไม่อาจจะรู้ได้ ภาวนาขอให้เคนอย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจปล่อยมือจากผมตอนนี้ เรื่องราวอาจจะจบลงด้วยดี หากพ่อเห็นตัวอย่างจากโบว์แล้วคิดได้ว่าไม่ควรฝืนใจลูก พ่ออาจไฟเขียวให้เราได้แต่งงานกัน

“ไม่ได้เลยค่ะคุณหนูเคลวิน คุณหนูเคนปิดมือถือ ป้าโทรไปหลายรอบก็ไม่มีการตอบกลับมาค่ะ”

ข่าวของป้าหมี่สร้างความทุกข์ใจให้ผมไม่น้อย เคนไปไหน ทำไมถึงไม่ยอมติดต่อกลับมา หรือว่าเขาจะเชื่อว่าผมจะแต่งงานจริงๆ และถอดใจกลับบ้านต่างจังหวัดไปแล้ว โธ่เอ๊ย ผมจะทำอย่างไรดี จะลอบหนีไปหาเคนที่เพนเฮ้าส์ดีไหม ว่าแต่เขาจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่า

ผมลองให้ป้าหมี่โทรไปที่เพนท์เฮ้าส์ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง ไม่มีใครรับโทรศัพท์ แสดงว่าเคนไม่ได้อยู่ที่ห้อง ผมให้ป้าหมี่ลองโทรไปที่มอด ซึ่งเป็นรปภ.เฝ้ายามประจำชั้นที่ผมใช้เป็นที่พัก มอดก็ตอบกลับมาว่า เคนออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขามาหาผมที่บ้าน เคนออกมาแล้ว และไม่ได้กลับเข้าไปอีก ถ้าอย่างนั้น เคนไปอยู่ที่ไหน

ยิ่งคิดยิ่งกังวลใจ เขาไม่มีที่อาศัยที่อื่นอีก นอกจากบ้านผม เพราะบ้านเช่าก็คืนไปแล้ว ญาติพี่น้องที่เคนรู้จักก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด แล้วเขาจะไปพึ่งพาอาศัยใครได้....

“ป้าหมี่....”

ผมนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง จึงเรียกชื่อแม่นมของผมอย่างตื่นเต้น

“ป้าช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ”

ขณะที่ผมกำลังมืดมนหาหนทางแก้ปัญหาไม่เจอ อยู่ๆ ชื่อของใครบางคนก็ปรากฏในห้วงความคิด ผมมัวแต่กังวลใจเรื่องที่ติดต่อกับเคนไม่ได้ เลยทำให้ลืมอะไรไปบางอย่าง

เคนขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพเพียงลำพัง แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ญาติขาดมิตร อย่างน้อยๆก็มีญาติสองคนของเคนที่ขึ้นมาหางานทำในกรุงเทพ วันที่เราไปดูหนังด้วยกัน ผมเจอญาติของเขาตอนออกมาจากโรงหนัง และเก็บเบอร์โทรศัพท์เขาไว้ในมือถือ และในสมุดโทรศัพท์ซึ่งอยู่ในกระเป๋าเอกสาร ผมทิ้งมันไว้ในรถ ตอนที่รีบร้อนกลับมาบ้าน มาดูอาการป่วยของพ่อ ไม่ได้นำมันกลับมาบนห้อง แล้วก็ถูกกักตัวเอาไว้ ไม่ให้ไปไหน ไม่ให้ใช้รถ หากป้าหมี่ไปเอากุญแจจากลุงเทพไขเอาสมุดโทรศัพท์ออกมาได้ และโทรไปหาญาติของเคน บางทีอาจจะรู้ว่าเขาไปไหนก็ได้

นักสืบรุ่นเดอะของผม รับคำแล้วออกจากห้องผมไปดำเนินการ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ป้าก็กลับมาพร้อมกับรายงานความคืบหน้าที่ทำให้ผมพอใจ

“คุณหนูเคนอยู่กับญาติค่ะ ป้าหมี่โทรไปเจอตัวพอดี แต่ถ้าทางเหมือนจะไม่ค่อยสบายใจ คงน้อยใจคิดว่าคุณหนูเคลวินจะแต่งงานจริงๆ แต่ป้าแก้ตัวให้แทนแล้วนะคะ ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน คุณหนูถูกคุณพ่อบังคับ ไม่ได้ต้องการแต่งงานแต่อย่างใด”

สุดยอดมากป้าหมี่ ให้มันได้อย่างนี้สิ นอกจากจะเป็นสปายสืบความลับมาให้ ยังทำหน้าที่เป็นกาวใจประสานให้อีกด้วย ผมดึงป้าหมี่มากอดแน่น กล่าวขอบคุณที่แกช่วยดูแลผมมาตลอด ป้าหมี่กอดตอบ และบอกว่า แกรักผมเหมือนลูกในไส้ แกอยากเห็นผมมีความสุข แกเชื่อว่าเคนคือคนที่สำคัญที่สุดของผม และแกก็พยายามจะช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะต้องโดนไล่ออกก็ตาม

เมื่อได้รับทราบความเป็นไปของเคนแล้ว ผมก็สบายใจขึ้น ที่รู้ว่าเขาไม่ได้หนีหายไปไหน เขาคงถูกพ่อผมให้ออกจากเพนท์เฮ้าส์ ทำให้เขาต้องไปอาศัยกับญาติ ป้าหมี่บอกว่าเคนเข้าใจในตัวผมแล้ว โชคดีที่เคนเข้าใจอะไรง่ายๆ เขาเลยมีกำลังใจจะสู้ต่อ ผมเองก็มีกำลังใจเช่นกัน

ที่จริงอยากพูดอยากคุยกับเขา ไม่ต้องอาศัยป้าเป็นล่ามให้ แต่ผมถูกควบคุมในเรื่องการใช้โทรศัพท์ มือถือก็ถูกยึดไป โทรศัพท์ในห้อง ก็ถูกดึงออก พ่อต้องการให้ผมตัดขาดจากเคน จึงบังคับผม ราวกับว่าผมเป็นเด็กเล็กๆ ไม่ใช่ชายหนุ่มที่อายุ 30 ปีแล้ว ที่ผ่านมาผมยอมทุกอย่าง เพราะพ่อขู่ผมไว้เยอะเรื่องเคน แต่ตอนนี้ ผมจะไม่ยอมให้พ่อข่มขู่ผมอีก รอเพียงแค่ข่าวจากเคนเท่านั้น ว่าจะให้ผมทำอะไร ผมก็พร้อมจะทำตามแผน เพื่อให้เราได้อยู่ร่วมกัน


-----------------------------------------------

TBC


ปล.  รบกวนช่วยบอกหน่อยจะกด + ได้ยังไง :z3:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เป็นกำลังใจให้เคน+เคลวินนะจ๊ะ

ที่สำคัญ ป้าหมี่น่ารักมาก  อิอิ

ltahset

  • บุคคลทั่วไป
Re: My wife is bigboss by Katesnk [ขอตั้งทู้&#
«ตอบ #673 เมื่อ17-04-2009 19:47:20 »

ประกาศ

เนื่องจากพักนี้มีการโหวตคะแนนกันแบบไม่ค่อยตรงวัตถุประสงค์เท่าไหร่
ดังนั้นจะปรับให้ เป็ดน้อยร่าเริง หรือ ผู้ที่โพสมากกว่า 250 ขึ้นไป
จะสามารถโหวตได้เท่านั้นนะครับ
และให้โหวต ต่อคน ได้ทุกๆ 24 ชั่วโมงแทนนะครับ

^^

รออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
 :m15:

คุณพ่อใจร้ายมากเลย

อย่าทำแบบนี้เลยก๊าบบ

ความรักบังคับกันไม่ได้หรอกน่ะ

 :call: :call:

ให้คุณพ่อเปลี่ยนใจ

เคนสู้ ๆ

ออฟไลน์ Ottomechan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
วุ่นวายๆๆ


คุณพ่อใจร้ายๆๆๆๆๆๆ



 :m16: :m16: :m16:

White..BroccO

  • บุคคลทั่วไป
พ่อตาโหดร๊ายยยยยยยยยย  :sad4:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
มาแล้ว มาแล้ว ยาวเลย เคนเราทำมัยน่ารักอย่างงี้น๊า รอก่อนตอนต่อไปอยู่น๊า อิอิอิ

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พ่อใจยักษ์  :m16: :m16:

น่าสงสารเคน

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้เคนและเคลวิน
พ่อเคลวินเริ่มคิดได้หรือยังเนี่ย

บวก 1 แต้มเช่นเคยจ้า ขอบคุณนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






everytime

  • บุคคลทั่วไป
 :angry2:    เป็นไงหล่ะ คุณพ่อ ซึมเลยย  :m16:





 :o12: สู้ต่อไปนะ เคนจัง  :laugh:

jaideejung007

  • บุคคลทั่วไป
ส่งกำลังใจไปให้ที่บ้าน รอรับที่หน้าประตูนะครับ
และมาฝากตัวอ่านด้วยคนครับ

ฝากด้วยนะครับ

โจ้คับ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คุณพ่อ อาจจะเริ่มอ่อนลงแล้ว (ล่ะมั้ง)   :monkeysad:

LIZZ

  • บุคคลทั่วไป
พ่อตาดุลิงๆ เคนจะถอดใจปะเนี่ยยยย

ส่งกำลังใจให้เคนนนนน เคลด้วยยยยยย :กอด1:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ตอนพิเศษ [17]

--------------------------



ตกเย็น ผมมานั่งร่วมโต๊ะทานอาหารตามปกติ เรานั่งทานข้าวกันสามคนพ่อแม่ลูก แต่ต่างคนต่างเงียบ ไม่มีการพูดคุยกันระหว่างมื้ออาหาร พ่อของผมนั่งทำหน้านิ่งเฉย เหมือนไม่มีความรู้สึกใดๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมแอบเห็นแววตาของพ่อหม่นลง ไม่กล้าแข็งเหมือนเดิม จนผมอดสงสารท่านไม่ได้

“เรื่องการหมั้น.....แกคงรู้แล้วนะว่าทางนั้นเขาขอยกเลิก จะไม่มีการหมั้นเกิดขึ้น”

หลังจากนั่งกินกันไปสักพัก โดยไม่พูดคุยกัน พ่อของผมก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา ด้วยการบอกให้ผมทราบถึงการตัดสินใจของสองครอบครัว

“ครับ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น”

“แต่ถึงจะไม่มีการแต่งงานกันเกิดขึ้น ฉันก็ไม่มีวันยอมให้แกไปคบกับเด็กคนนั้น”

พ่อยังคงดื้อดึงตามความคิดเดิม

“คุณคะ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือคะ ว่าจะไม่บีบบังคับลูกอีก ลูกโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆนะ เขามีสิทธิในชีวิตของตัวเองเต็มที่”

แม่เอ่ยขึ้นมาบ้าง จากที่ได้ยิน แม่คงคุยกับพ่อมาบ้างแล้ว แต่พ่อไม่ยินยอม ไม่รู้จะกีดขวางความรักของเราทำไมกันนักหนา พ่อน่าจะเปิดใจให้กับเคนบ้าง ไม่ใช่ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงแบบนี้ หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับโบว์ไม่ได้ทำให้พ่อรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย ถึงได้คอยมาบังคับจิตใจลูกของตัวเองอยู่เรื่อยๆ

“ผมสัญญาว่าจะไม่บีบบังคับลูกอีก แต่ไม่ได้สัญญานี่ ว่าจะอนุญาตให้เคลวินคบกับเด็กนั่น พวกเขาไม่เหมาะสมกัน จะให้ผมอนุญาตได้อย่างไร”

พ่อเริ่มเสียงดังใส่แม่ ผมเห็นท่าไม่สู้ดี เลยรวบช้อนส้อม ทั้งที่กินไม่อิ่ม ไม่อยากอยู่ในเหตุการณ์ปะทะคารมระหว่างพ่อกับแม่ ด้วยเรื่องของตัวเอง

ทว่ายังไม่ทันจะได้ลุกออกจากโต๊ะ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ตอนแรกได้ยินไม่ถนัด เลยต้องเงี่ยหูฟังซ้ำ มันเป็นเสียงพูดที่ดังออกมาจากเครื่องขยายเสียง น่าจะเป็นรถขายของที่วิ่งผ่านเข้ามาในซอย เดี๋ยวก็ผ่านออกไป แต่เสียงนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆ

บ้านของเราอยู่ห่างจากถนนเข้ามาหลายสิบเมตร และพวกเราก็อยู่ในห้องทานข้าว การที่เสียงดังเล็ดลอดเข้ามาถึงในบ้าน แสดงว่าข้างนอกต้องเสียงดังน่าดู

“ใครมาขายอะไรนะ ทำไมเปิดลำโพงเสียงดังกันจัง ไม่กลัวโดนด่าหรือไง”

แม่เลิกคุยกับพ่อ หันมาบ่นหนวกหูเสียงที่ดังอยู่ข้างนอก คนใช้สาวๆที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถูกเรียกใช้ให้ออกไปดู และหากเป็นพวกรถขายของก็ให้ปฏิเสธไป จะได้ไม่ต้องมาจอดทำเสียงรบกวนอยู่นอกบ้าน

ผ่านไป 10 นาที เสียงก็ยังดังอยู่อย่างนั้น คนที่แม่ใช้ให้ไปไล่พวกขายของเร่ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแจ้งข่าว ว่ามีรถกระบะที่บรรทุกเครื่องขยายเสียงมาจอดหน้าบ้าน ไม่ได้มาขายของ แต่มาตามหาคน พร้อมกับคำพูด สาวใช้คนนั้นก็มองมายังผม อย่างกล้าๆกลัวๆ ผมดีดตัวลุกขึ้น วิ่งออกไปหน้าบ้านทันที

เป็นอย่างที่ผมสังหรณ์ใจไม่มีผิด บนรถกระบะที่จอดอยู่หน้าบ้าน พร้อมด้วยลำโพงตัวใหญ่สี่ห้าตัวด้านหลัง สามีสุดที่รักของผมยืนอยู่ พร้อมด้วยไมโครโฟน เขาเรียกชื่อผมดังลั่น

ริมฝีปากผมเหยียดออกเป็นยิ้มกว้าง สามีของผมกลับมาอีกครั้งพร้อมกับญาติของเขาทั้งสองคนที่ผมคุ้นหน้า เคนมาเพื่อรับผมไปอยู่ด้วยกัน เขากำลังต่อสู้กับพ่อของผมด้วยวิธีของเขาเอง

มือผมเอื้อมไปจับประตูจะเปิดออก แต่มันไม่ขยับเพราะมันถูกควบคุมโดยระบบไฮดรอลิก ผมหันไปสั่งรปภ.ให้เปิดประตูให้ แต่เขาไม่ยอมทำตาม ผมหันไปเบื้องหลัง ก็พบพ่อกับแม่ยืนอยู่ ทั้งสองเดินตามผมมาจนทัน พวกเราเลยประจันหน้ากันโดยมีประตูรั้วกั้นกลาง ผม กับคนในครอบครัวอยู่หลังประตู โดยมีเคน กับ ญาติของเขาอยู่ด้านนอก

“ท่านประธานครับ ผมมาขอรับภรรยาของผมไปอยู่ด้วยกันครับ”

ทันทีที่เห็นพวกเรามายืนพร้อมกัน เคนก็พูดออกไมค์เสียงลั่น ลำโพงตัวใหญ่สามสี่ตัวที่เคนบรรทุกมาด้วยทำหน้าที่กระจายเสียงเต็มที่ ดังลั่นไปทั้งซอย

“ออกไปจากหน้าบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความมาจับเธอกับเพื่อน ข้อหาก่อกวนความสงบ”

เสียงขู่กราดเกรี้ยว ดังมาจากปากพ่อ ซึ่งใบหน้าบึ้งตึง แดงก่ำ

“ผมจะไปต่อเมื่อ เมียของผมไปด้วยครับ ผมรักเคลวิน เราจะไปอยู่ด้วยกัน โปรดเห็นใจด้วยครับ”

เคนไม่ยอมแพ้ พูดออกไมค์โต้ตอบผมด้วยเสียงดังอย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน ผมยิ้มให้กับการแก้เผ็ดพ่อของเคน แม้จะดูลูกทุ่งไปหน่อย ที่มาบอกรักกันกลางซอยอย่างนี้ แต่ผมก็รู้สึกดีใจ และตื่นเต้นตามไปด้วย ที่เห็นเคนทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ครอบครองตัวผม

“ถ้างั้นก็เตรียมตัวเข้าคุกได้เลย”

พูดจบพ่อก็หันไปบอกรปภ.ให้กดโทรศัพท์ไปหาตำรวจ เมื่อเห็นดังนั้น สามีของผมก็หันไปพยักเพยิดกับญาติผู้พี่ของเขา สักพัก เสียงดนตรี ก็ดังขึ้น เคนซึ่งยืนถือไมค์อยู่บนกระบะรถทางด้านหลัง ก็ส่งเสียงร้องเป็นเพลงทำนองตัดพ้อต่อว่า

เพลงปลากรอบ - ไม่อาจตัดใจ (เสก โลโซ)

เธอได้ยินไหม ว่าใครมันร่ำร้องเรียกอยู่
อยากให้ได้รู้ ว่าใจของฉัน มันจะขาด
จากกันเพราะคำที่ตอกย้ำ ว่าฉันด้อยกว่า
ตีราคากันต่ำเกิน

แค่เริ่มต้น เพลงมันก็โดนเสียแล้ว พ่อของผมยืนคบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือกำแน่น ลูกเขยลองดีเสียแล้วด้วยการร้องเพลงว่า พ่อตาจะทำอะไรได้ไหม

เมื่อมันไม่รู้ สมองมันก็คิดไปร้อยแปด
จากเคยรักแท้ ก็กลายเป็นชอกช้ำ ซ้ำๆแสบ
เจ็บก็เพราะรัก ไม่คิดว่าเธอจะทำฉันได้ลง คิดแล้วปลง ทรงกับทรุด

แม้ว่าเคนจะไม่ใช่นักร้องอาชีพ แต่เขาก็ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาได้กินใจมาก คงเป็นเพราะคนร้องอินไปกับเพลง เนื่องจากเนื้อหามันตรงกับชีวิตจริงของตัวเอง เลยซาบซึ้งกับมันเป็นพิเศษ จึงเป็นเหตุให้เขาร้องออกมาได้ไพเราะมาก สะกดคนในบ้านผม ให้ยืนฟังนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

แต่ใจมันรักเธอ ก็เลยไม่ยอมตัดใจ ไม่ปล่อยให้ไป
ยังยื้อเธอไว้อย่างนั้น เมื่อเธอไม่รักกัน ก็เลยต้องการจากไป
ทิ้งให้ใคร ต้องนอนปวดใจ ให้ตายทั้งเป็น


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ใบหน้าของเคนเศร้าสร้อยยิ่งนัก เมื่อร้องมาถึงท่อนสุดท้าย ผมตีความตามท่าทางของเคนเอาว่า เขาเสียใจที่ถูกจับแยกห่างจากผม แม้จะพยายามทำทุกวิถีทางให้พ่อเปลี่ยนใจ แต่ดูเหมือนพ่อจะใจแข็งเกิน ไม่เห็นใจในความรักของเราเลยแม้แต่น้อย

ผมยิ้มให้กำลังใจสามีสุดที่รักของผม ถ้าเสียงเพลงที่เขาร้อง สามารถสื่อไปถึงพ่อของผม แล้วทำให้คล้อยตาม เลิกมีอคติ เลิกเกลียดคนที่ผมรักได้ จะเป็นเรื่องที่ดีมาก เราจะได้มีความสุขกันเสียที

มิโทษฟ้าที่ทำให้เธอเป็นอื่น ต้องทนฝืนแม้คนเขาจะดูถูก
แม้ว่ารักไม่ทำให้ใจเป็นสุข จะโง่ก็ยอม

แต่ใจมันรักเธอ ก็เลยไม่ยอมตัดใจ ไม่ปล่อยให้ไป
ยังยื้อเธอไว้อย่างนั้น เมื่อเธอไม่รักกัน ก็เลยต้องการจากไป
ทิ้งให้ใคร ต้องนอนปวดใจ ให้ตายทั้งเป็น…..

เสียงปรบมือเปาะแปะเมื่อเคนร้องเพลงจบ จากนั้นก็ค่อยๆดังขึ้น เมื่อผมกวาดตามองออกไป ก็พบไทยมุงยืนกระจายอยู่รอบๆ รถของเคน เสียงจากลำโพงคงดังเรียกความสนใจจากผู้คนที่อยู่กันละแวกนั้น ให้ออกจากบ้านมุ่งตรงมาที่หน้าบ้านผม

พอเห็นเคน ร้องเพลงอยู่บนรถกระบะ ก็วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา คงมีบ้างที่นึกว่ามีการแสดงเกิดขึ้น เลยมาร่วมชื่นชมจึงปรบมือกันยกใหญ่ หารู้ไม่ว่าพวกเขากลายมาเป็นพยานให้กับการประกาศความรักของเคนครั้งนี้เสียแล้ว นับว่าเป็นการวางแผนแก้เกมพ่อที่ได้ผล

พ่อของผมเป็นคนรักษาหน้าตัวเอง เขาไม่ยอมให้มีเรื่องเสื่อมเสียมาถึงครอบครัวและวงค์ตระกูลอย่างเด็ดขาด การที่เคนมาส่งเสียงดังหน้าบ้าน โดยที่มีคนมามุงดูมากมายอย่างนี้ พ่อคงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน

ประตูรั้วอัลลอยด์สลักค่อยๆเลื่อนเปิดออก พ่อเป็นคนบอกให้รปภ.เปิดประตูรับเคนเข้ามา ระหว่างการพูดคุยข้ามรั้ว กับการเชิญคนที่พ่อไม่ชอบขี้หน้าเข้ามาคุยกันในบ้าน วิธีหลังน่าจะสร้างความอับอายได้น้อยที่สุด และเป็นการไล่คนสอดรู้สอดเห็นให้กลับบ้านใครบ้านมันได้ในทางอ้อม

เมื่อพ่อกวักมือเรียกเคนให้เข้ามาคุยด้วย ผมก็ลอบยิ้มอย่างสมใจ ในที่สุดเคนก็ทำสำเร็จ แม้วิธีที่เขาใช้จะเปิ่นเชย ไม่ทันสมัย ลูกทุ่งมากไปหน่อย แต่มันกลับได้ผล อย่างน้อยๆ พ่อก็ไม่ไล่เคนไปตอนนี้ พ่อกลัวจะถูกซุบซิบนินทาวุ่นวายจากพวกชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน เลยให้สามีของผมเข้ามาพูดคุยด้วย ถ้าเคนสามารถพูดให้พ่อยอมรับในความรักของเราได้ เรื่องก็จะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง มีความสุขด้วยกันทุกฝ่าย






“เธอกล้ามากเลยนะ ที่ทำแบบนี้”

ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือคำด่า ที่ออกมาจากปากของท่านประธานใหญ่ หลังจากที่เราเข้ามานั่งกันในห้องรับแขกแล้ว พ่อกับแม่ของเคลวินนั่งที่โซฟาบุนวมหนาขนาดใหญ่ตัวเดียวกัน แต่คนละมุม เคลวินนั่งอยู่ที่เก้าอี้นวมเดี่ยวฝั่งซ้ายมือของแม่ ในขณะที่ผม นั่งพับเพียบอยู่บนพื้นห้อง ก็ผมมันคนต่ำต้อยด้อยค่า ริอ่านจะมาขอลูกชายของท่านประธานผู้ร่ำรวยล้นฟ้า ก็ต้องเจียมตัวกันสักนิด จะไปนั่งเสมอพวกเขาได้อย่างไร

“กล้าเพราะความรักครับ”

ตอบออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจเต็มที่ ถึงตอนนี้ผมกล้าบอกกับใครๆอย่างไม่อายปากว่าผมรักเคลวิน เขาเป็นคนสร้างความรักในมุมมองใหม่ให้กับผม ความรักที่ไม่มีเพศ ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ รักที่มาพร้อมกับความปรารถนาดี อยากให้คนที่เรารักมีความสุข ผมไม่เคยรู้สึกรักใครเท่านี้มาก่อนในชีวิต ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมารักผู้ชายด้วยกัน ไม่เคยคาดฝันว่าจะต้องมาสร้างครอบครัวกับคนที่มีเพศเดียวกับตัวเอง แถมซ้ำยังเป็นถึงเจ้านายใหญ่ที่มีอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายอนาคตการงานของผมอีกด้วย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อผมได้พบกับเขา ความรักของเคลวินทำให้ผมมีความสุข และผมก็อยากทำให้เขามีความสุขเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายขนาดไหน ผมก็พร้อมจะฝ่าฟัน สู้กับมันอย่างไม่หวั่นเกรง ขอเพียงข้างกายผมมีเคลวินภรรยาสุดที่รักของผมอยู่ด้วยเท่านั้น

“แน่ใจนะ ว่าเธอรักลูกชายฉันจริงๆ ไม่ได้หวังเพียงแค่สมบัติ”

คำดูถูกออกมาจากปากพ่อของคนที่ผมรักอีกครั้ง เหมือนวันที่เขาไปหาผมที่เพนท์เฮ้าส์ และขอร้องให้ผมเลิกยุ่งกับเคลวิน เขาพูดอะไรต่างๆมากมาย ถึงความไม่เหมาะสมคู่ควรกัน รวมความแล้ว ผมมันต่ำต้อยด้อยค่า ไม่เหมาะสมกับลูกชายของเขา เคลวินจะไม่มีความสุข เมื่ออยู่กับผม

จำได้ว่าผมไม่ยอมรับข้อเสนอที่เขายื่นมาให้ ผมบอกไปว่าผมรักเคลวิน เราสองคนรักกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะแต่งงานอยู่กินกับเคลวินให้ได้ พ่อของเขาโกรธมาก และไล่ผมออกจากเพนท์เฮ้าส์ ผมเลยต้องไปอยู่กับญาติที่ขึ้นมาหางานทำในกรุงเทพ และวางแผนกันที่จะดัดหลังพ่อตา ชิงเมียรักของผมคืนมาให้ได้

พวกเราไปหาเช่ารถกับเครื่องเสียง โดยใช้เงินเก็บส่วนหนึ่งที่ผมสะสมไว้ตั้งแต่ทำงาน ผมตั้งใจจะเก็บเงินก้อนนี้ไว้เป็นทุนรอนในการแต่งงานกับผู้หญิงคนที่ผมรัก ตอนนี้ผมไม่มีผู้หญิงคนไหนในชีวิต นอกจากเคลวินคนเดียว เงินจำนวนนี้จึงถูกถอนออกมาเพื่อเคลวินโดยเฉพาะ

“ความรวยของเคลวิน นำพาให้เราเจอกัน เพราะถ้าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท ผมก็คงไม่ได้มีโอกาสรู้จัก และรักเขา แต่ตอนนี้ ต่อให้ท่านประธานตัดเคลวินออกจากกองมรดก เคลวินไม่มีเงิน สักบาท ไม่มีสมบัติติดตัว ผมก็ยังรักเคลวินเหมือนเดิม และผมจะเลี้ยงดูเขาด้วยลำแข้งของผมเอง เมียผมทั้งคน ผมไม่ยอมให้เขาลำบากอย่างแน่นอน”

ไม่รู้ว่าคำพูดของผมจะทำให้พ่อของเคลวินเชื่อได้แค่ไหน ผมมีความจริงใจให้เขาอย่างเต็มเปี่ยม จะให้ผมไปบุกน้ำลุยไฟ เพื่อพิสูจน์ว่าผมมีรักแท้ให้กับเคลวินแค่ไหน ผมก็พร้อมจะทำ

ท่านประธานใหญ่นั่งหน้าเคร่ง ผมพูดจบแล้ว ท่านก็ยังเฉย ไม่ตอบอะไรสักคำ มีแต่ส่งสายตาดุๆ มายังผม เงียบๆอย่างนี้ไม่ดีเลย โวยวายใส่ผมเหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ยังจะดีกว่า ผมจะได้รู้ว่าท่านคิดอย่างไร แต่นิ่งเฉยแบบนี้ ผมเดาไม่ออก จะปฏิเสธ จะยกให้ จะขัดขวางอย่างไรก็บอกกันมาเลยดีกว่า จะได้เตรียมทำใจไว้ได้

“แปลว่า ถ้าฉันปลดเคลวินออกจากตำแหน่ง และตัดสิทธิ์ในสมบัติทุกอย่าง เคลวินกลายเป็นคนธรรมดา ก็จะรักใช่ไหม”

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ท่านประธานใหญ่ก็เอ่ยปากถามผม ด้วยท่าทางเคลือบแคลงสงสัย

“แน่นอนครับ ผมรักเคลวินที่หัวใจ ไม่ใช่สถานะที่ติดตัวเขามาครับ”

ตอบอย่างมั่นใจ

“แล้วเคลวินล่ะ แกพร้อมจะไปลำบากกับเด็กคนนี้ไหม”

พ่อของเคลวินหันมาถามลูกชาย คนน่ารักหันมาสบตาผม ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

“พร้อมครับพ่อ ....ตกลงให้เราไปอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหมครับ”

คนเป็นพ่อนิ่งเงียบ เมื่อเจอคำถามของลูกชาย เคลวินมองพ่อด้วยดวงตาที่เปี่ยมล้นด้วยความหวัง ผมเองก็มีอารมณ์ไม่ต่างจากเคลวินเช่นเดียวกัน ลุ้นกับคำตอบของพ่อคนรัก ว่าจะใจอ่อนยอมยกลูกชายให้ผมหรือไม่

“คุณคะ เห็นแก่ความสุขของลูกเถอะค่ะ สองคนนี้เขารักกัน เราจะไปขัดขวางเขาทำไมคะ”


----------------------------------------------------

TBC

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ว่าที่พ่อตาอ่อนลงแล้ว

จะยอมรับเคนแล้วใช่มั๊ย

มาต่อเร็วๆนะคะ


ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ก่อนอื่นต้องขอโทษเรื่องบวก ที่บอกหนูมิ้นไป ไอ้ที่อธิบายนะถูกแล้ว แต่เรื่องมุมนะ ไม่ใช่ทางขวานะครับ

ทางมุมซ้ายต่างหาก ขอบคุณพี่น้ำตาลที่แซวผมมานะครับ  :z3:

ลองกลับไปอ่านดูที่บอกนะครับ ไม่ยากหรอกครับหนูมิ้น เป็นกำลังใจให้เสมอ พร้อม +1 ให้อีกด้วย

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
ว้าวววว ๆ ๆ ๆ ๆ


ยอมเถอะครับคุณพ่อ

 :m15: :m15:

everytime

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:  คุณพ่อเริ่มใจอ่อนละ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด