My wife is bigboss by Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My wife is bigboss by Katesnk  (อ่าน 251748 ครั้ง)

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
หุหุหุ เคลวินนี่เจ้าเลห์จิงจิง

everytime

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:มันช่างตัดตอน :o12:


:m31:ได้ปวดร้าวมาก :z3:



 o22มาต่อไวๆๆนะ :oo1:

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ะ ค้าง :serius2:  :-[

ขอบคุณที่มาต่อนะครับและก็จะรออ่านตอนต่อไปน๊า o13

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
ตามทันจนได้


แต่!!!

แต่!!!


ค้างได้ไงอ่า.....



 :serius2: :serius2:


Next --->>  :oo1:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
แหมๆๆๆๆๆๆๆๆ   ไม่ได้ตั้งใจให้ค้างนะ  แค่อยากให้ลุ้น  (อืม :impress2: มันต่างกันตรงไหนหว่า) :laugh:


ตอนพิเศษ [12]

--------------------------



เคนน้อยไม่ได้ออกกำลังกายเลยนะครับ เดี๋ยวสุขภาพไม่แข็งแรงนะครับ”

ไม่พูดเปล่า คนเจ้าเล่ห์เอามือนวดคลึงจนน้องชายของผมตื่นตัวขึ้น ในที่สุดผมก็ตบะแตก ทนให้เขาปลุกอารมณ์แต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ ผมหันขวับแล้วจับใบหน้าเคลวินไว้ แล้วจูบที่ริมฝีปากเชิญชวนของเขา

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากที่เราสองคนยืนแลกจูบกันหน้าห้องจนอารมณ์ผมเตลิดได้ที่ ผมก็เป็นฝ่ายดึงเคลวินเข้าห้อง และจัดการลงโทษเคลวินตามที่คิดเอาไว้ คนตัวโตให้ความร่วมไม้ร่วมมือเต็มที่ ตอบสนองผมเหมือนคนอดอยากหิวโหยมานาน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เราทั้งคู่ก็นอนหอบหายใจเคียงข้างกัน โดยที่ผมนอนหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“ผมรักเคนมากที่สุดเลยครับ”

กระซิบแรกหลังจากเราผ่านช่วงเวลาหฤหรรษ์มาด้วยกัน ผมยิ้มให้เขา เอามือลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มฝรั่งเจ้าเล่ห์ เคลวินมองผมตาปรอย มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าผมเช่นกัน

“เราหายโกรธกันแล้วใช่ไหมครับ”

เขาถามผมอย่างไม่แน่ใจ ผมยิ้มขำ จนป่านนี้แล้ว ยังจะถามอีก เขากลายเป็นคนไม่มั่นใจตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“ยังมั๊ง”

แกล้งเขาเล่นๆ แต่ผมคงโกหกคนไม่เก่ง เคลวินมองหน้าผมสักครู่ก็หัวเราะออกมา เขาเอียงศีรษะมาซุกซบผม

“ต่อไปนี้ ผมสัญญาว่า ผมจะไม่ทำให้เคนไม่สบายใจอีกแล้ว มีอะไรผมก็จะปรึกษาคุณตลอดเลยนะครับ”

“เห็นพูดอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังทำทุกที”

แอบค่อนแคะเขา

“ขอโทษครับ ผมนี่แย่จริง ไม่รักษาสัญญากับคุณเลย ก็สมควรแล้วที่เคนจะโกรธ”

คนตัวโตทำหน้าเหมือนสำนึกผิด ผมเอามือลูบแก้มเขาอย่างแผ่วเบา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องคิดมาก ผมหายโกรธแล้วนะ”

“จริงหรือครับ เคนไม่โกรธผมจริงๆนะ”

หน้าตาของเคลวิน แสดงให้รู้ว่าเขาดีใจมาก ที่ผมให้อภัยเขา

“อืม....จะโกรธทำไมล่ะ เคลวินทำไปเพราะหวังดีกับผมไม่ใช่เหรอ”

พูดจากใจจริง ผมไม่ได้รู้สึกโมโหเขาแล้ว เข้าใจถึงความห่วงใยที่เคลวินที่มีให้ผม จนทำให้เขาเผลอทำผิดทำพลาดไปบ้าง ในเมื่อเขาทำให้ผมถึงทุกอย่าง ผมจะใจจืดใจดำ โกรธเขาลงได้อย่างไร

“เย้...ดีใจจังที่คุณเข้าใจ ขอบคุณมากๆเลยครับ”

คนตัวโตทำอากัปกริยาเหมือนเด็กๆ เขาผวาเข้ากอดผมเสียแน่น และหอมแก้มผมแรงๆหลายฟอด พลางให้คำมั่นสัญญา

“ผมก็ขอบคุณเคลวินเช่นกัน ที่รักและดีกับผมเสมอมา คุณทำอะไรให้ผมตั้งมากมาย ผมเสียอีก ที่ไม่เคยทำอะไรเพี่อคุณเลย ต่อไป ผมก็จะพยายามทำตัวดีๆ ไม่ให้คุณต้องเป็นห่วงครับ”

พูดถึงความตั้งใจของตัวเองให้เขาฟังเช่นกัน ผมอยากทำตัวดีๆ ตอบแทนเคลวิน ไม่อยากให้เขาลำบากใจ เขาทำเพื่อผมมาเยอะ ผมควรจะทำให้เขาบ้าง

“ที่จริงผมก็ไม่ต้องการอะไรมากมายเลย แค่เคนดีกับผม ผมก็พอใจแล้วล่ะ ผมสัญญานะว่า ต่อไปผมจะไม่ทำอะไรโดยพลการ ผมจะปรึกษาคุณก่อน ในฐานะหัวหน้าครอบครัวนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกเคลวิน มาถึงตอนนี้ผมก็ไม่ได้ซีเรียสว่าใครจะเป็นผู้นำหรือผู้ตามแล้วล่ะ คุณอยากจะทำอะไร ก็ทำไปเถอะ ถ้ามันเป็นสิ่งที่คุณชอบ ไม่จำเป็นต้องเชื่อตามผมทุกอย่าง จนสูญเสียความเป็นตัวเอง ผมเชื่อว่าคุณรักและหวังดีกับผม และคุณก็จะระมัดระวังไม่ทำให้เราเกิดปัญหากันอีก”

ผมอนุญาตให้เคลวินได้เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับผม ไม่บีบบังคับว่าเขาจะต้องมาคอยทำอะไรตามใจ เคลวินเป็นคนฉลาด เขาคงจะรู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวต่อผมอย่างไร การทะเลาะเบาะแว้งกันที่ผ่านมา คงทำให้เขารู้ดีว่า อะไรที่ผมชอบ และอะไรที่ผมไม่พอใจ หากเขายังทำตัวอย่างเดิม เขาอาจจะสูญเสียผมไปอีกครั้งก็ได้

“ขอบคุณครับที่ไว้เนื้อเชื่อใจผม และขอบคุณที่ให้ผมได้เป็นตัวของตัวเอง ผมจะเป็นภรรยาของเคนให้ดีที่สุดครับ”

เขารับคำเป็นมั่นเหมาะ ทำให้ผมเบาใจ ไม่ได้คาดหวังว่าเคลวินจะเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเองจนสิ้นเชิง เพราะมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย ถ้าตัดความเจ้ากี้เจ้าการวุ่นวายออกไป มองถึงเนื้อในรักแท้ที่เขามีให้ มันก็เป็นสิ่งดีที่เขาทำเพื่อผม เรื่องเล็กน้อยบางอย่างถ้าเรามองข้ามไป ไม่เก็บมาคิดมาใส่ใจ เลือกมองแต่สิ่งดีๆ ก็จะทำให้ใจเรามีความสุข

เคลวินเป็นคนดี และเขาก็รักผมมาก ผมรู้สึกมีความสุขเวลาอยู่ร่วมกันกับเขา ทะเลาะกันบ้าง แล้วก็กลับมาคืนดีกัน ลิ้นกับฟันมีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา เราเป็นสามีภรรยาก็ย่อมมีเรื่องขัดแย้งพราะเห็นไม่ตรงกัน แต่ความรัก จะนำพาให้เราเข้าใจกันได้ในที่สุด

“โคร๊กกกกกกกกกกกกกกกก”

ขณะที่เราสองคนกำลังดื่มด่ำกับความสุขอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผมมองหน้าเคลวินแล้วหัวเราะ เสียงที่ได้ยินดังมาจากในท้องของพวกเรานั่นเอง ได้เวลาทานข้าวเย็นแล้ว เรามัวแต่ทานของหวานกันจนลืมอาหารหลักที่จะทำให้อิ่มท้อง อาการหิวกระหายก็เลยฟ้องขึ้นมา จนทำให้นอนกอดกันอยู่บนเตียงไม่ไหว เด้งตัวขึ้นมาพร้อมกัน เคลวินสวมเสื้อผ้า แล้วรีบเข้าครัว เพื่อทำอาหารสำหรับเราสองคน ส่วนผมเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะไปทานอาหารค่ำกับภรรยาสุดที่รัก










หนึ่งอาทิตย์หลังจากที่แม่กับพี่สาวของเคลวินมาหาเราสองคนที่เพนเฮ้าส์ บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น สิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน เริ่มจากตอนเย็นวันศุกร์เคลวินกลับมาบ้าน ใบหน้ายุ่งๆ ท่าทางเหนื่อยหน่าย เขาไม่ได้เข้าครัวมาช่วยผมทำอาหารเหมือนเคย แต่ปล่อยให้ผมจัดการเอง ไม่มาเจ้ากี้เจ้าการ หรือเดินมาเฉียดใกล้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เขาก็ยังหมกตัวอยู่ที่โซฟา ตาจ้องไปยังจอแอลซีดีที่เขาเปิดทิ้งไว้ ทว่าเคลวินไม่ได้สนใจ ละครหรือข่าวในทีวีแม้แต่น้อย

การที่เขาเงียบขรึม ไม่ร่าเริงเหมือนเคย ทำให้ผมรู้สึกผิดปกติ พอผมทำกับข้าวเสร็จ ก็เดินไปหาเขาที่โซฟาทางด้านหลัง แล้วโน้มตัวเข้าไปกอดเขาไว้

“เหนื่อยไหมครับ”

คำถามแรกเพื่อดูอารมณ์ของเคลวิน เขาเอาแต่เหม่อ ไม่ได้ยินที่ผมพูดเลยต้องถามซ้ำ

“เคลวินเป็นอะไรเหรอ ที่ทำงานมีเรื่องยุ่งๆหรือครับ”

ถามซ้ำอีกครั้ง ใจผมคิดไปถึงเรื่องที่บริษัท อาจจะมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สบายใจ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

เขาปฏิเสธ และแหงนเงยหน้าขึ้นมองผม ผมก้มลงจูบที่หน้าผาก แล้วเลื่อนไปที่ริมฝีปากของเขา ก่อนจะยืดตัวขึ้นและเลื่อนตัวไปนั่งตรงพนักโซฟา มือหนึ่งยื่นไปลูบไล้แก้มของฝรั่งตัวโต

“ผมไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องการทำงานของเคลวิน แต่ในฐานะสามีผมมีสิทธิ์ถาม แต่หากคุณไม่บอกก็ไม่เป็นไร แค่อยากให้รับรู้ไว้ ว่าผมเป็นห่วงเคลวินนะครับ”

พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน เคลวินช้อนตาขึ้นมองผม เขาพยายามยิ้มให้แต่มันดูฝืนๆชอบกล

“มีเรื่องที่ทำงานนิดหน่อยครับ”


ในที่สุดเขาก็เปิดปากเล่าให้ฟัง ไม่ปกปิดเหมือนครั้งแรก คงเพราะผมแสดงออกว่าห่วงเขา เลยอยากแบ่งปันให้ผมได้รู้บ้าง ถึงสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจ เรื่องเล่าไหลผ่านปากของเขาออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่าทางของเคลวินเคร่งเครียดขณะพูด

เรื่องมันเกิดขึ้นกับแผนกช่าง ภายใต้การดูแลของผู้จัดการชาตรี พนักงานเกิดแข็งข้อ ไม่เชื่อฟัง ความจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น และชอบโวยวายใส่ลูกน้อง ทำให้พนักงานหลายคนไม่ชอบ โดยเฉพาะแผนกช่าง ถึงขนาดรวมตัวกันประท้วงหยุดงาน และให้เปลี่ยนตัวผู้จัดการออก เคลวินได้เรียกคุณชาตรีมาไต่สวน แต่ก็พบว่า นอกเหนือจากการวางตัวเป็นเจ้านายเข้มงวดดุดันแล้ว นายชาตรีก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นการย้ายผู้จัดการไปอยู่แผนกอื่น หรือให้ลาออกตามข้อเสนอของพนักงาน จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เคลวินไม่ยอมทำตาม และไม่ยอมให้ลูกน้องข่มขู่ แถมยังประกาศว่า หากใครไม่พอใจ อยากจะลาออกก็เชิญ แต่ถ้ายังรักจะทำงานก็อยู่ต่อ เขาจะไม่ยอมให้คนที่ใช้ศาลเตี้ย มาบีบบังคับหรือเปลี่ยนกฏเกณฑ์ของบริษัทอย่างเด็ดขาด

การตัดสินใจของเคลวิน ทำให้ถูกพนักงานมองว่า เขาเข้าข้างแต่ผู้บริหาร ไม่เห็นใจพนักงาน พวกหัวแข็งก็เลยรวมตัวประท้วงไม่ยอมทำงาน ซึ่งหนึ่งในแกนนำในการประท้วง ก็คือคนที่มีเรื่องกับผมนั่นเอง
คนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงก็คือ หัวหน้างาน ผู้จัดการชาตรี เขาไปเจรจาให้แกนนำยุติการประท้วง แต่พนักงานหัวแข็งเหล่านั้นไม่เชื่อฟัง แถมซ้ำยังโจมตีนายชาตรี เรื่องรักซ่อนเร้นกับยามบริษัท คือมอด ไม่รู้ว่านายชาตรีไปพลาดให้พวกนั้นเห็นได้อย่างไร พนักงานพวกนั้นใส่สีตีไข่ บอกกล่าวกันต่อ ว่านายชาตรีไม่มีความชอบธรรมในการเป็นหัวหน้างาน เพราะมีพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม ขนาดครอบครัวยังไม่ซื่อสัตย์ แล้วจะมาดูแลพนักงานอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างไร

หลังจากประท้วงไปได้ สามวัน สร้างความเดือดร้อนไปทั้งบริษัท ทำให้ภาพพจน์เสียหาย และงานบางอย่างที่ต้องอ้างอิงกับฝ่ายช่างไม่เดิน แม้จะมีพนักงานบางคนกลับใจกลับมาทำงานแล้ว แต่เมื่อจะไปทำงานในแผนกก็ถูกข่มขู่ ทำให้ไม่กล้าทำงาน เคลวินจึงจัดการขั้นเด็ดขาด ตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้การประท้วงขยายผลและสร้างความเดือดร้อนได้อีก ในเมื่อแกนนำเป็นคนทำเรื่องยุ่ง เขาจึงให้ฝ่ายทรัพยากรจัดการคนเหล่านั้น ตามกฏเกณฑ์ของบริษัท

แกนนำทั้งหมดถูกไล่ออกจากงาน โดยบริษัทยังใจดี มีเงินชดเชยสามเดือน ทว่าพนักงานเหล่านั้นไม่พอใจ ก่อความวุ่นวาย ทำลายข้าวของของบริษัท จนต้องเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจัดการ จับนักเลงในคราบพนักงานกลุ่มนั้นไปปรับ และลงบันทึกประจำวันเอาไว้

ผมไม่เคยรู้เลยว่าช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เรามีความสุขกัน เคลวินต้องเผชิญกับปัญหาในที่ทำงานหนักขนาดไหน ถ้าเขาไม่เอ่ยปาก ผมก็ไม่มีทางรู้ เพราะกลับถึงบ้าน เคลวินก็จะยิ้มแย้มมีความสุข และตัวผมเอง ก็ไม่ได้ออกไปวุ่นวายนอกที่พักของเคลวิน เพราะไม่อยากให้ใครเห็น เดี๋ยวจะเอาไปลือจนเสียมาถึงเคลวิน จึงหมกตัวอยู่แต่ในเพนท์เฮ้าส์ และศึกษาตำรับตำราเกี่ยวกับการบริหารงาน จะได้ช่วยเหลือเคลวินได้

เมื่อไม่ได้ไปไหน ผมก็เลยไม่ได้รับรู้ข่าวสาร แม้แต่มอดที่ทำงานต่ำลงไปอีก 1 ชั้น ผมก็ไม่ได้ลงไปพูดคุยด้วย ทำให้ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง พอมาได้ฟังจากปากของเคลวิน ผมก็รู้สึกสงสารเขาอย่างบอกไม่ถูก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเครียดหนัก จนแสดงอาการออกมาให้ผมเห็น

“แย่จังเลย ตอนที่คุณเผชิญปัญหา ผมไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณด้วย”

รู้สึกเสียใจที่ตัวเองถูกพักงาน หากผมอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่พวกนั้นมาทำลายข้าวของของบริษัท ผมจะได้ช่วยเคลวินจัดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คนพวกนั้นออกจากบริษัทไปแล้วครับ คงไม่มากวนใจอีก”

น่าแปลกตรงที่เคลวินพูดคำนี้ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เหมือนว่าเรื่องมันยังไม่จบอย่างที่เขาบอก สังหรณ์ใจว่ามันจะต้องมีเรื่องอะไรที่ทำให้ทั้งเขาและผมไม่สบายใจ และอาจจะถึงขั้นทำให้เราแยกทางกัน

ทว่าเมื่อเคลวินไม่พูด ผมก็ไม่กล้าเซ้าซี้มาก บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรจริงๆ ก็ได้ ผมอาจจะคิดมากไปเอง เห็นเคลวินเหนื่อยก็เลยอดเป็นห่วงไม่ได้ สงสัยต้องทำให้เคลวินคลายเครียดแล้ว

“ถ้างั้น เคลวินก็ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะครับ เดี๋ยวมาทานข้าวกัน วันนี้ผมทำกับข้าวไว้เยอะแยะ อยากให้คุณลองชิมดู ว่าฝีมือผมพอไหวไหม”

ดึงเขาลุกขึ้นจากโซฟา แล้วพาไปส่งหน้าห้องน้ำ

“ท่าทางเคลวินจะเหนื่อยมาก หน้าโทรมเชียว เหี่ยวเป็นคนแก่แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ผมช่วยนวดกระชับผิวหน้าให้นะครับ”

อาสาเป็นหมอนวดให้เขา ที่จริงผมก็ไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญอะไร เคยบีบนวดพ่อกับแม่บ้าง คงพอจะทำให้เขาคลายเครียดได้

“อย่างอื่นก็เหี่ยวครับ อยากให้เคนนวดฟื้นฟูให้มันคึกคักบ้าง หวังว่าเคนคงไม่ปฏิเสธ”

ฝรั่งตัวโตพูดสองแง่สองง่าม แถมยังยิ้มเจ้าเล่ห์อีก ผมมองค้อนเขา เคลวินนี่ไม่ละโอกาสในการที่จะวกเข้าเรื่องใต้สะดือจริงๆ ไม่รู้จะหื่นไปถึงไหนกัน

“ล้อเล่นนะครับ คืนนี้คงงด เพราะผมเหนื่อยจริงๆ แค่อยากนอนให้เคนกอดเท่านั้น”

“ไม่ขัดข้องครับ เดี๋ยวจัดห้ายยยยยย”

รับคำเสียงยานคาง พลางผลักคนเกเรเข้าห้องน้ำไป







วันศุกร์ซึ่งเป็นวันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์ เคลวินตื่นไปทำงานแต่เช้า ช่วงนี้บริษัทมีปัญหา เขาจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมีผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล และคุณชาตรี คอยร่วมสอดส่องไม่ให้พนักงานที่ถูกให้ออก กลับมาสร้างปัญหาอีก

ผมขออนุญาตไปทำงาน เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนเวลาเขามีปัญหา แต่เคลวินไม่ตกลง เขาไม่อยากให้ผมเดือดร้อน ทุกอย่างจัดการได้ด้วยกลไกของบริษัท และที่สำคัญ ผมอยู่ในระหว่างการภาคฑัณฑ์ หากผมโผล่ไปที่บริษัท ต้องมีคนสงสัยแน่ๆ

แม้จะรู้สึกอึดอัดใจที่ไม่ได้ช่วยเหลือเคลวินเลย แต่ผมก็ต้องยอมรับในกฏเกณฑ์ของบริษัทที่วางไว้ ทำได้แต่เพียงส่งกำลังใจ ให้เขาจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยด้วยดี

“รีบกลับบ้านมาเร็วๆนะครับ วันนี้ผมจะทำอาหารอร่อยๆให้เคลวินทานอีก”

พูดกับภรรยาของผม หลังจากที่ผละออกมาจากการจูบลาที่ยาวนาน เขายิ้มแล้วให้คำสัญญากับผมว่าจะรีบมาอยู่กับผม แล้วจะใช้เวลาวันหยุดอยู่ด้วยกัน ไม่ออกไปไหน

ตอนกลางวัน เคลวินโทรมาหาผมก่อนจะออกไปทานข้าวกลางวันกับลูกค้า เขาห่วงว่าผมจะหิว ไม่มีอะไรกิน ให้ผมสั่งอาหารตามสั่งมากิน แต่ผมเตือนเขาว่า ผมอยู่ในระหว่างพักงาน หากมีคนมาเห็นผมอยู่กับเคลวิน คงเกิดปัญหาแน่ และตอนนี้ผมพอทำอาหารกินเองได้บ้างแล้ว คงไม่ลงไปข้างล่างให้ใครจับได้ จากนั้นก็แซวเขาว่าเคลวินขี้ลืมเป็นตาแก่ เมื่อเช้ายังห้ามไม่ให้ผมลงไปไหน ตกบ่ายจะให้ผมไปหาอะไรกินเสียแล้ว เขาก็หัวเราะชอบใจ

ห้าโมงเย็นได้เวลากลับบ้าน ผมได้รับโทรศัพท์จากเคลวิน ว่ามีงานคั่งค้าง อาจจะกลับบ้านช้าหน่อย ผมก็บอกเขาไปว่าไม่ต้องเป็นห่วง จัดการงานให้เสร็จผมรอได้ และรายงานว่าผมกำลังทำอาหารให้กับเขา โดยกางตำราทำ เขาก็หยอดคำหวานว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ เขาจะรีบกลับมาทาน

ประมาณ 1 ทุ่ม เคลวินโทรมาด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี บอกว่าที่บ้านโทรมาหาเขา บอกว่าพ่อไม่สบาย และส่งลุงเทพให้มารับกลับบ้าน เขารู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก พอๆกับที่ห่วงผม อยากไปดูพ่อ แต่ก็กลัวว่าผมจะอยู่คนเดียว แม้ว่าผมจะอยากอยู่กับเคลวิน แต่ผมก็เห็นแก่ตัวไม่ได้ ตั้งแต่ผมกับเคลวินอยู่ด้วยกัน เขาแทบไม่ได้กลับบ้านเลย ถ้าแม่กับพี่ไม่มาหาที่เพนท์เฮ้าส์ เขาก็คงไม่มีโอกาสเจอหน้าญาติๆของตัวเอง ตอนนี้พ่อของเขาไม่สบาย และคิดถึงลูกชายมาก ผมเลยไม่อยากรั้งเขาไว้ อยากให้เคลวินไปมีเวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง

“ถ้าพ่อค่อยยังชั่วแล้ว ผมจะรีบกลับบ้านมานะครับ”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินทางโทรศัพท์ ก่อนที่เขาจะหายไปทั้งคืน โดยไม่ส่งข่าวมา
วันรุ่งขึ้น ผมอยู่เพนท์เฮ้าส์คนเดียวอย่างเงียบเหงา เอากับข้าวที่ทำเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน มาอุ่นบนเตา เตรียมพร้อม เผื่อว่าเคลวินจะกลับมา เขาจะได้ทานข้าวเลยไม่ต้องรอ ทว่า ตลอดทั้งวันเสาร์ นอกจากจะไม่เห็นเงาของเคลวินแล้ว เสียงของเขาก็ยังไม่ได้ยิน ทั้งโทรศัพท์บ้าน และโทรศัพท์มือถือนิ่งสนิท ไม่มีใครสักคนติดต่อเข้ามา





วันอาทิตย์ ผมรอการติดต่อจากเคลวินอย่างกระวนกระวาย ใจนึกเป็นห่วงไปสารพัด กลัวว่าที่บ้านของเขาจะมีปัญหา บางทีพ่อของเคลวินอาจจะป่วยหนัก และเคลวินต้องดูใจ ทำให้ไม่สามารถติดต่อมาหาผมได้ ผมฟุ้งซ่าน คิดมาก แต่ละเรื่องที่แว่บเข้ามา มีแต่เรื่องเลวร้าย จนผมต้องสลัดศีรษะ ขับไล่ความคิดที่ไม่ดีออกไป ไม่อยากแช่งคนในครอบครัวของคนที่ผมรัก บางทีผมอาจจะคิดมากไป มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้

ถ้างั้น....เคลวินไปไหน ทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมา....





วันสุดสัปดาห์ผ่านไป โดยไร้เคลวินข้างกาย ผมอยู่เพนท์เฮ้าส์อย่างเดียวดาย โดยที่เจ้าของบ้านหายตัวไปไม่ส่งข่าวคราวให้ทราบ ผมรู้แค่ว่า เคลวินกลับบ้าน เพราะพ่อป่วย แต่เรื่องราวหลังจากนั้น ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าอาการของพ่อเคลวินเป็นอย่างไรบ้าง และตอนนี้เคลวินอยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาที่เพนท์เฮ้าส์เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่โทรมาหาผมบ้าง ขาดการติดต่ออย่างนี้ ผมใจคอไม่สู้ดี กลัวว่าเราต้องแยกจากกัน

เมื่ออยู่คนเดียว ผมก็มีเวลาทบทวนเรื่องอะไรหลายต่อหลายอย่าง สิ่งหนึ่งที่ค่อยๆกระจ่างชัดในใจผม คือความรู้สึกที่มีต่อเคลวิน เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า ผมรักเคลวิน เพราะสงสารที่เขาทำดีกับผม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ความรักที่มีต่อเคลวิน เป็นรักเพื่อรักเท่านั้น ผมรักเคลวิน เพราะคุณงามความดีของเขา ไม่ได้รักเขาเพราะผมสงสารเขาอย่างที่เข้าใจเอาเองแต่แรก ผมอยากใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา อยากได้เขาเป็นภรรยา โดยไม่สนใจว่าเขาจะเป็นชายหรือหญิง ผมมองข้ามตรงจุดนั้นไปเรียบร้อยแล้ว มองที่จิตใจของเคลวินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

และนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ผมรัก การหายไปนานๆอย่างนี้ไม่ใช่นิสัยของเคลวิน ถึงเขาจะงานยุ่งแค่ไหน เขาก็จะพยายามปลีกตัวมาหาผม หรือหาวิธีติดต่อให้ได้ แต่นี่ไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์มาให้ได้ยินเสียง ถึงจะยุ่งสักแค่ไหน ก็น่าจะมีช่วงเวลาโทรมาหาผมบ้าง สัก สองสามนาทีก็ยังดี

โทรศัพท์มือถือที่เขาให้ผมมา ถูกนำออกมาใช้ หลังจากลังเลใจอยู่นาน ผมก็ตัดสินใจโทรไปหาเขาทันที สิ่งที่ได้กลับมาคือการตอบรับอัตโนมัติ แจ้งให้ฝากข้อความเอาไว้ ผมฝากไปหลายสิบข้อความ ส่วนใหญ่ให้เขาโทรกลับ แต่ก็ไร้วี่แวว เคลวินไม่โทรมาหาผมสักที

เช้าวันจันทร์ ผมรอเคลวินด้วยความกระสับกระส่าย คืนที่ผ่านมาผมนอนไม่เต็มตา เป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องยุ่งกับครอบครัวเขา ทำให้เคลวินต้องอยู่รอเพื่อแก้ไข ขณะที่ผมพยายามหาเหตุผลให้เคลวิน ใจผมก็เริ่มหวาดระแวง

ผมนั่งดูข่าวตลอดทั้งวัน เพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นข่าวซุบซิบ เม้าท์แตก ข่าวสังคม ข่าวเด็ดต่างๆ เพื่อดูว่ามีข่าวเกี่ยวกับเขาบ้างไหม


----------------------------
TBC


เห็นมะ  ไม่ได้ค้างซะหน่อยก็มันมีแค่นั้น :laugh:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
อืมมมม อ่านต่อแบบยาวๆ จุใจจริงๆ
แต่จบแบบให้ลุ้นต่อหละนะ
เคลวินหายไปไหนเนี่ย เกิดอะไรขึ้น
บวก 1 ให้หนูมิ้น รอคุณเคทมาต่อให้ด้วยจ้้า

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
^^
^^
^^
พี่น้ำตาล ครั้งนี้ผมส่ง 3 เลยนะ มีความสุขวันนี้นอนหลับฝันดีแน่ ๆ 

+1 ให้พี่น้ำตาลด้วยเป็นค่าทำขวัญ  :z1:

หนูมิ้น ถ้าได้เรื่องแล้วก็รีบมาต่อนะครับ อยากรู้ว่าท่านประธาน ฯ หายไปไหน

หรือว่าพวกฝ่ายช่าง ดักทำร้ายท่านประธาน ฯ

ของหนูมิ้น ก็ + ให้ด้วยนะครับ แล้วรีบมาต่อนะครับ

ltahset

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
เคลวินอะ เคนเป็นห่วงจาแย่แล้ว กลับมาเตอะ :m15:

LIZZ

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ยยยยยยย เคลวินหายไปหนายยยยย

เพิ่งจะดีกันเองงงงง ก็หายไปไหนแล้วววว

แบตมือถือหมดป่าว ไม่ก็คงวุ่นกับทางบ้าน

อย่างมีไรเลยน้า....... โนวววววว :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
ขอบคุณมากค้าบบบบบบบบบบบบ


ปล.ไปเที่ยวกันเดินทางไป-กลับโดยสวัสดิภาพค่า

ออฟไลน์ nishiauey

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 167
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
กลับมาต่อเร็วๆนะค๊าบบ :call:

 :m25:เคน จะแย้วแล้วค๊าบบ :sad4:

หลังสงกรานต์ ก็ได้ได้ค๊าบบบบ   :sad11:

พักผ่อนให้เพียงพอแล้มาเร็วๆนะค๊าบบบบ :กอด1:


 :L1:เป็นกะลังจายให้ค๊าบป๋ม :L2:

ออฟไลน์ Ottomechan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
 :serius2: :serius2:



เคลวินหานไปไหนนนนน



ปล่อยให้เคนเป็นห่วงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ตอนพิเศษ [13]

---------------------------



ผมนั่งดูข่าวตลอดทั้งวัน เพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นข่าวซุบซิบ เม้าท์แตก ข่าวสังคม ข่าวเด็ดต่างๆ เพื่อดูว่ามีข่าวเกี่ยวกับเขาบ้างไหม

ล่วงเข้าวันพุธ ผมก็ไม่อาจจะทนรออย่างกระวนกระวายใจอยู่เพียงคนเดียวได้ จึงหาทางออกไปจากเพนท์เฮ้าส์เพื่อสืบเรื่องราวของเคลวิน

ผมใส่ชุดเสื้อผ้าทำงาน แล้วลงจากลิฟท์ส่วนตัวของเคลวินจากเพนท์เฮ้าส์ลงไปลานจอดรถ และเดินย้อนมาหน้าบริษัท ก่อนจะเข้าไปข้างใน และขึ้นลิฟต์ ผมได้เจอกับพนักงานสาวที่ผมได้เจอในร้านอาหารก่อนจะมีเรื่องกับนักเลงอันธพาลคนนั้น เธอแสดงความเสียใจกับผมที่รู้ว่าผมถูกพักงาน เธอบอกว่าเรื่องนี้ รู้กันทั้งบริษัท เพราะคนที่มีเรื่องกับผมเอามาโพทนาว่าผมถูกลงโทษ

เธอเล่าให้ผมฟังว่า พนักงานคนนั้นตั้งตัวเป็นหัวโจก แข็งข้อกับคุณชาตรี โดยพยายามขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวขึ้นมาพูด ให้ขาดความน่าเชื่อถือ มีพนักงานส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบผู้จัดการของตัวเอง ก็หลงเชื่อ และไปประท้วงกับเขา ในขณะที่บางคนก็ไม่ได้ให้ความสนใจจะไปร่วมประชุมด้วย

สิ่งที่เธอเล่าตรงกับที่เคลวินบอกผมทุกประการ หากแต่มันมีแง่มุมลึกซึ้งมากกว่า เพราะมีที่มาจากพนักงาน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้โดยตรง

ผมแสร้งทำเป็นเพิ่งได้ฟังเรื่องนี้ครั้งแรก และซักถามเธอหลายอย่าง จนในที่สุดผมก็ได้สิ่งที่ต้องการ พนักงานคนนั้นถูกให้ออกจากบริษัทจริงๆ ในข้อหาทำให้เกิดความวุ่นวายในบริษัท ไม่เคารพเจ้านาย และปลุกระดมให้เกิดการประท้วง ซึ่งก็เป็นข้อหาร้ายแรงพอสมควร เขาถูกจับไปโรงพัก พอเจอหน้าตำรวจเท่านั้น นักเลงก็สิ้นลาย กลายเป็นแมวเชื่องๆ ยอมรับสารภาพอย่างหมดเปลือก และรับปากว่าจะไม่มาก่อความวุ่นวายในบริษัทอีก

เธอเล่าแบบรู้ลึกรู้จริง เพราะเธอได้เดินทางไปสถานีตำรวจในฐานะพยานด้วย เธอรู้สึกดีใจที่เอานักเลงอันธพาลในคราบพนักงานพวกนี้ออกไปได้ และขอบคุณการตัดสินใจของประธานบริษัทที่สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ทำให้พนักงานอยากทำงานมากขึ้น ไม่ต้องมีใครมาทำตัวกร่าง ข่มขู่

คุยเรื่องคู่อริของผมได้สักพัก เธอก็เปลี่ยนเรื่อง มาถามเกี่ยวกับตัวผมว่าทำไมถึงมาที่บริษัททั้งที่ถูกพักงาน พอดีระฆังช่วยไว้ก่อน ลิฟต์เปิดตรงชั้นของเธอพอดี ทำให้ผมไม่ต้องตอบคำถามเธอ

ผมขึ้นไปยังชั้นสูงสุดซึ่งเป็นสำนักประธานกรรมการของบริษัท ตั้งใจจะไปถามพี่นนนี่ให้รู้เรื่องว่าเคลวินไปไหน พี่นนนี่ พอจะรู้เรื่องประธานกับผมบ้าง เนื่องจากเคลวินไม่ได้ปิดบังเลขารู้ใจ ซึ่งพี่นนนี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เธอเก็บความลับอย่างดี ไม่มีทางที่ใครจะได้รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเคลวินจากปากเธอ

พี่นนนี่ เงยหน้าขึ้นมามอง คงจะเห็นเงาของผมผ่านเข้ามาในหางตาของเธอ ทันทีที่เห็นว่าเป็นผม เธอก็ยิ้มให้ ท่าทางไม่ได้ตกใจสักนิดที่เห็นผมเดินเข้ามา

“ว่าไงพ่อหนุ่ม ออกจากถ้ำได้แล้วหรือเรา มานี่ มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่า”

เธอเอ่ยปากทักทายด้วยการแซวผม

“พี่นนนี่ ครับ ท่านประธานมาทำงานหรือเปล่า”

“อะไรกัน มาถึงก็ถามถึงแต่ท่านประธานเลยเหรอ ไม่ถามสารทุกข์สุขดิบพี่บ้างเลยนะ”

พี่สาวสุดสวยถามอำผมอีกรอบ รู้สึกแก้มตัวเองร้อนผ่าว นึกอายที่ถูกจับได้ แม้จะรู้ว่าพี่นนนี่รู้เรื่องระหว่างผมกับท่านประธาน แต่ผมก็อดที่จะเขินไม่ได้อยู่ดี ที่จะพูดเรื่องของเคลวินต่อหน้าคนอื่น

“ผมรู้ว่าพี่นนนี่สบายดี เพราะถ้าป่วยคงมาทำงานไม่ได้ แล้วหน้าตาก็ไม่สดชื่นรื่นเริงแบบนี้หรอกครับ”

ตอบไปตามที่เห็น

“เป็นไงบ้าง นอนอยู่กับบ้านมาสองอาทิตย์แล้ว รู้สึกเหงา อยากกลับมาทำงานบ้างไหม”

พี่นนนี่ยังไม่ตอบคำถามผมเรื่องเคลวิน แต่หันมาพูดคุยเกี่ยวกับตัวผมแทน แม้ว่าผมอยากจะรู้เรื่องของเขาใจจะขาด แต่ก็ต้องรักษาความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่ให้มีมากไปจนผิดปกติ แล้วตอบคำถามพี่สาวใจดีแทน

ผมบอกกับเธอว่าผมอยากจะกลับมาทำงานใจจะขาด เป็นห่วงงานที่คั่งค้าง และไม่อยากเอาเปรียบพี่นนนี่ อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอ และช่วยงานเคลวินด้วย พี่นนนี่ฟังไปยิ้มไป ดูเหมือนพอใจกับคำตอบของผม เธอคงรู้ว่าผมไม่ได้เสแสร้ง แกล้งพูดเอาใจ แต่ผมพูดเพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แค่สองอาทิตย์ที่ต้องแกร่วอยู่กับบ้าน อ่านแต่ตำราการบริหารอย่างเดียว มันน่าเบื่อ ยังดีที่มีเคลวินมาช่วยทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวา ทำให้คลายเหงาได้บ้าง แต่ตอนนี้เขาก็ไม่อยู่แล้ว

“ไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะ พี่จัดการแทนเธอไปบ้างแล้ว ที่ผ่านมาก็ถือว่าไปพักผ่อนหย่อนใจ ชาร์ตไฟให้กับตัวเองแล้วกัน กลับมาก็จะได้ลุยงานหนักได้ รับรองยังมีงานที่จะรอให้เธอช่วยอีกเยอะ”

พูดจบพี่นนนี่ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานที่คั่งค้างต่อ โดยไม่สนใจจะตอบคำถามผม ทิ้งให้ผมเคว้งคว้าง หาทางไปไม่ถูก คำตอบที่ต้องการก็ยังไม่ได้ เคลวินหายไปไหน พี่นนนี่ ก็ไม่ให้ความกระจ่าง อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงนี่ ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก จะต้องรู้ให้ได้ว่าภรรยาของผมตอนนี้ทำอะไร และอยู่ที่ไหน

“เอ้อ พี่นนนี่ครับ พี่ยังไม่ได้ตอบผมเรื่องท่านประธานเคลวินครับ”

ตัดสินใจถามออกไป แล้วก็ยืนรอคำตอบ พี่นนนี่ เงยหน้าขึ้นมองผม มีรอยยิ้มขำผุดขึ้นที่ริมฝีปาก

“อ้าว...นึกว่าเธอจะรู้เสียอีก”

“ไม่ครับ ..ไม่รู้”

ผมส่ายหน้า ถ้ารู้จะมาถามทำไม รู้ว่าพี่นนนี่หยอกเล่น เธอรู้ว่าผมกับเคลวินอยู่ด้วยกัน เพราะอีตาประธานเจ้าเล่ห์ไม่เคยปกปิดเรื่องส่วนตัวกับเลขาคนสนิท แม้จะไม่ได้พูดออกไปตรงๆ แต่คนฉลาดอย่างพี่นนนี่มีหรือจะไม่รู้

“ทางบ้านของคุณเคลวิน แจ้งว่า คุณเคลวินไม่สบาย นอนซมอยู่ที่บ้าน มาทำงานไม่ได้”

สิ่งที่ได้รับฟัง ทำให้ผมตกใจอย่างบอกไม่ถูก เคลวินไม่สบายนี่เอง มิน่าเขาถึงไม่ได้โทรมา

“แล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ”

ถามด้วยเสียงร้อนรน ตอนนี้ผมรู้สึกเกลียดดวงตาของพี่นนนี่จัง เหมือนจะรู้เท่าทันความคิดผม

“ห่วงท่านประธานเหรอ”

มาเจอคำถามนี้เข้า ผมถึงกับหน้าแดงก่ำ แต่ก็พยักหน้าหงึกๆ ก็มันห่วงจริงๆนี่นา เมียหายไปทั้งคน หลายวันแล้วด้วย ยิ่งรู้ว่าเขาไม่สบาย ผมจะใจเย็นอยู่ได้ไง

“ก็ เขาเป็นหัวหน้านี่ครับ ถ้าไม่ห่วงท่านประธานแล้วจะห่วงใคร”

แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ พี่นนนี่หัวเราะออกมาพรืดใหญ่ สงสัยขำความเป็นผู้ร้ายปากแข็งของผม

“ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ รู้แค่ว่า คุณเคลวิน นอนซมอยู่ที่ห้องมาตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว คงไม่มาทำงานอีกหลายวัน”

คำตอบของพี่นนนี่ ทำให้ผมเริ่มวิตกกังวล

“จริงหรือครับ แล้วพี่นนนี่ได้คุยกับท่านประธานหรือเปล่าครับ”

“ได้คุยนะ แค่ครั้งเดียว เมื่อวันจันทร์นี้เอง”

แม้จะรู้สึกน้อยใจที่เคลวินโทรคุยกับพี่นนนี่ ไม่ยอมโทรหาผมบ้าง แต่ความกังวลเรื่องการป่วยของเขา ทำให้ผมลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ ใจมุ่งไปที่อาการเจ็บป่วยของเขามากกว่า

“เหรอครับ เคล...เอ้อ ท่านประธานว่าอย่างไรบ้าง แล้วป่วยเป็นอะไร ไปหาหมอหรือยัง แล้วกินยาบ้างหรือเปล่าครับ”

“โห ถามเป็นชุด แสดงว่าห่วงมากจริงๆ ใจเย็นๆนะ จะตอบให้ทีละข้อ อาการป่วยทางกายของคุณเคลวิน น่าจะไม่เท่าไหร่ แต่อาการป่วยทางใจนี่น่าจะหนัก คุณเคลวินไม่ได้ไปหาหมอ เพราะที่บ้านนั้นมีหมอประจำตระกูลอยู่แล้ว ส่วนเรื่องฉีดยา กินยาอะไรนั่น ไม่แน่ใจ คุณเคลวินกินยายากพอสมควร ต้องมีคนบังคับให้กิน”

พี่สาวคนสวยไขข้อข้องใจ เธอพูดไป ก็จ้องหน้าผมไป เหมือนจะจับผิด ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หน้าตาจะแดง จะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาห่วงภาพพจน์ มากกว่าห่วงคนที่รัก

“เอ้อ...แล้วพ่อของคุณเคลวินล่ะครับ เป็นไงบ้าง”

นึกขึ้นมาได้ว่าพ่อของเคลวินก็ป่วยเช่นกัน สงสัยเคลวินไปพยาบาลพ่อ จนติดโรคตามไปด้วย หวังว่าคงไม่ร้ายแรง และคงจะค่อยยังชั่วขึ้นทั้งคู่

“พ่อ..ท่านประธานใหญ่นะเหรอ ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ เขาก็สบายดี แข็งแรงมากด้วย เมื่อวันจันทร์ยังมาทำงานอยู่เลย”

คำตอบของพี่นนนี่สร้างความงุนงงให้ผมไม่ใช่น้อย มันยังไงกันแน่นี่ ไหนตอนที่โทรศัพท์คุยกัน เคลวินบอกว่าพ่อไม่สบายยังไงล่ะ น้ำเสียงเขาไม่สู้ดีเลย แสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลไม่ใช่น้อย

เคลวินคงไม่หลอกผม ด้วยการเอาเรื่องการป่วยของพ่อมาล้อเล่นหรอกนะ แล้วผมก็ยังมองไม่เห็นว่าเขาจะทำอย่างนั้นทำไม จะว่าอยากเลิกกับผมก็ไม่ใช่ เพราะผมเคยพยายามเลิกกับเขามาตลอด เขาก็ไม่ยอมและตามงอนง้อผมตลอดจนผมใจอ่อน จึงไม่น่าจะใช่ แล้วทำไมเรื่องที่เขาพูด กับเรื่องที่พี่นนนี่พูดจึงไม่ตรงกัน

รู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างมาก เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างแน่ๆ ผมไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองว่าเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับเขา แต่มันก็มีบางอย่างที่บอกให้รู้ว่าเขาไม่เคยที่จะละเลยผม ตอนที่อยู่ด้วยกัน เคลวินจะล่วงรู้เกี่ยวกับตัวผมทุกอย่าง เขารู้ว่าผมชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร ถ้าไม่สังเกตสังกาจริงๆก็คงไม่รู้ เขาคอยที่จะโทรมาหาผมเสมอ ก่อนจะกลับบ้านก็โทรมาที่โต๊ะ กำชับให้กลับบ้านไวๆมาทานกับข้าวฝีมือเขา ถ้าเขาจะกลับดึก เพราะมีประชุมข้างนอก เขาก็จะโทรมาบอกเสมอ จะป่วยไม่สบาย เขาก็ต้องอ้อนให้ผมดูแล เขาไม่ยอมพลาดการติดต่อกับผมสักครั้ง ดังนั้นการที่เขาหายไปไม่ส่งข่าวจึงเป็นเรื่องน่าสงสัย

“พี่นนนี่ แน่ใจหรือครับ ว่าท่านประธานใหญ่สบายดี”

ถามย้ำอีกครั้ง

“เธอเห็นฉันเป็นคนโกหกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ ตาฉันก็ไม่ได้ฝาดด้วย เมื่อวันจันทร์ท่านประธานใหญ่มาทำงานแทนคุณเคลวินจริงๆ และคาดว่าต้องมาอีกภายในอาทิตย์นี้อย่างแน่นอน”

ผมเดินมึนออกจากบริษัทหลังจากรับทราบเรื่องของเคลวิน ข้อมูลที่ได้รับทำให้ผมสับสน สิ่งที่ได้ยินได้ฟังตีกันไปหมด ผมเชื่อว่าพี่นนนี่พูดจริง และเชื่อว่าเคลวินก็พูดจริงด้วย เคลวินไม่โกหกผมแน่ๆ เขาไม่จำเป็นต้องโกหกผม แม้ว่าที่ผ่านมา เขาจะเจ้าเล่ห์เพทุบาย แต่เขาก็ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง เขารักผม และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาพร้อมจะอยู่กินกับผม ดังนั้น เขาไม่มีทางจะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อแยกห่างจากผมอย่างแน่นอน

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ เรื่องนี้มันต้องมีตรงไหนที่ผิดปกติแน่ๆ แล้วผมจะรู้ได้ไงกัน

มีชื่อบางชื่อแวบเข้ามาในสมอง ...

ป้าหมี่ ..ป้าหมี่ต้องรู้แน่ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมรีบค้นหาเบอร์โทรของป้าหมี่ แกให้เบอร์มือถือกับผมไว้ ตอนที่ผมป่วย เผื่อว่าผมจะต้องการอะไร เคลวินให้เบอร์มือถือกับป้าไว้ ให้ติดต่อกับผมโดยเฉพาะ ไม่ได้ให้เบอร์ที่บ้าน เขาคงกลัวว่าผมจะโทรไปเจอญาติพี่น้องของเขา ซึ่งผมอาจจะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไร เลยให้โทรตรงกับป้าหมี่ดีกว่า

หลังจากค้นหาในกระเป๋าเงิน แต่ไม่พบ เพราะผมไม่ได้เก็บไว้ในนั้น ผมก็มานึกได้ว่า ป้าเขียนเบอร์และแปะเอาไว้ตรงตู้เย็นที่ครัวของเคลวิน ผมเลยรีบกลับขึ้นไปเพื่อจะโทรศัพท์

เบอร์โทรของป้าหมี่ เขียนอยู่ในกระดาษโพสต์อิท และติดไว้ที่ประตูตู้เย็น ผมใช้มือถือที่เคลวินให้มา โทรไปตามเบอร์ที่เขียนเอาไว้ มีเสียงรอสายดังอยู่สักพัก จากนั้น เสียงป้าหมี่ก็ดังขึ้น ผมรีบพูดกับคนเลี้ยงเคลวินทันที

“ดีใจจริงๆที่คุณหนูโทรมา รู้ไหมคุณเคลวินรอคุณหนูตั้งหลายวัน”

น้ำเสียงของป้าหมี่บ่งบอกถึงความดีอกดีใจจนสังเกตเห็นได้

“รอ...ทำไมต้องรอล่ะ ทำไมไม่โทรมาหาผมล่ะครับ ป้าหมี่”

ถามแกอย่างงุนงง ทว่าเมื่อแม่บ้าน และคนเลี้ยงเคลวินตอบกลับมา ผมกลับงงยิ่งกว่า

“เอ้อ ...คุณหนูเคลวินถูกยึดโทรศัพท์ค่ะ”

“ทำไมต้องห้ามใช้โทรศัพท์ด้วยละครับป้าหมี่ เคลวินป่วนหนักขนาดที่ทำอะไรไม่ได้หรือครับ”

ผมนึกถึงรังสี หรือคลื่นบางอย่างในมือถือ ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย มันอาจจะทำให้เคลวินป่วยหนักก็ได้

“คุณพ่อของคุณเคลวินไม่ต้องการให้ติดต่อกับใครค่ะ คุณพ่อเตรียมจะให้คุณเคลวินแต่งงานกับคนที่ท่านหามา”

รู้สึกเหมือนของตกใส่หัวจนมึนไปหมด เคลวินจะแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อหาไว้ให้ อะไรกันเนี่ย มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ เคลวินทำไมไม่บอกผมเลย

แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนี่นา เขาทำให้ผมรักเขา แล้วก็จะหนีไปแต่งงานดื้อๆ ผมอุตส่าห์ไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนแล้ว อยากอยู่กับเขาคนเดียว แต่เขากลับจะกลายเป็นผู้ชายปกติ แต่งงานสร้างครอบครัวกับผู้หญิง ความจริงที่ได้รู้แบบนี้มันทำให้ผมปวดใจ

“คุณหนูเคลวินไม่ได้เต็มใจนะคะ คุณหนูรักคุณเคนมากๆ ท่านไม่อยากแต่งงานกับคนที่คุณพ่อหามา คุณหนูอยากแต่งงานกับคุณเคนค่ะ”

เหมือนจะรู้ว่าผมกำลังวิตกกับข่าวที่ได้ยิน ป้าหมี่ก็เลยรีบพูดขึ้นมา ผมจะได้ไม่ใจเสียไปมากกว่านี้ ซึ่งนับว่าช่วยได้ไม่น้อย ผมรู้สึกดีขึ้น เคลวินไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ แต่เคลวินถูกบังคับ

“แล้วเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไงป้าหมี่ ทำไมอยู่ดีๆ ท่านประธานใหญ่ถึงอยากให้คุณเคลวินแต่งงานล่ะ”

“เรื่องมันซับซ้อนค่ะคุณหนูเคน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวป้าหมี่จะแอบออกไปหาคุณหนูดีกว่า จะได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พูดที่นี่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ค่ะ”

ป้าหมี่พูดกระซิบกระซาบ สงสัยกลัวคนดักฟัง ถ้าเรื่องรู้ไปถึงหูท่านประธานใหญ่ ป้าหมี่คงมีปัญหา ผมกับป้าหมี่เลยตกลงนัดแนะกัน โดยที่ป้าหมี่จะมาหาผมที่เพนท์เฮ้าส์ เราไม่ได้นัดเจอกันในที่สาธารณะเพราะกลัวคนจะเห็น และอาจจะมีคนที่รู้จักกับครอบครัวของเคลวินนำข่าวไปบอกก็ได้

ประมาณบ่ายๆ แม่บ้านของเคลวินก็มาเยือนเพนท์เฮ้าส์ของเจ้านายตัวเองอีกครั้ง ป้าหมี่ติดอาหารมาฝากผมด้วย แต่ผมไม่มีกระจิตกระใจกิน เพราะเป็นห่วงเคลวิน อยากรับรู้เรื่องของเขา

“ทานเสียหน่อยเถอะค่ะ คุณเคลวินเขาสั่งมาว่าต้องให้คุณเคนทานให้หมดให้ได้ ป้าหมี่ทำอาหารตามออเดอร์ของคุณเคลวินเลยนะ คุณหนูบอกว่าเป็นของที่คุณหนูเคนชอบ”

ได้ฟังอย่างนี้ ผมถึงกับน้ำตาซึม เคลวินยังอุตส่าห์ห่วงผมอีก ทั้งที่ตัวเขาน่าจะเผชิญกับความยากลำบากมากกว่าผม ช่างเป็นภรรยาที่แสนดีจริงๆ แล้วอย่างนี้ผมจะทำให้เคลวินผิดหวังได้ไง

อาหารที่ป้าหมี่จัดหามาให้ ผมทานจนเกลี้ยง แล้วก็ฝากให้ป้าหมี่ไปบอกเคลวินด้วย ว่าผมทานอาหารจนหมดตามคำสั่งของเขาแล้ว ฝากเสร็จ ผมก็ซักถามป้าหมี่ถึงสิ่งที่คาใจ ซึ่งป้าหมี่ก็เล่าให้ฟังจนหมดเปลือก


---------------------------------

TBC

ออฟไลน์ Ottomechan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อ๊าาาาาาาาา


ท่านพ่อ


ทำแบบนี่ได้เยี่ยงไร


 :m16: :m16: :m16:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวววว ไหงเป็นงี้
คุณแม่กะคุณพี่สาวก็เข้าใจดี บอกว่าครอบครัวเข้าใจ แล้วทำไมคุณพ่อกลับหักหาญน้ำใจลูกได้
หรือว่านี่จะเป็นแผนลองใจอะไรหรือเปล่า
รอฟังคำอธิบายจากป้าหมี่ก่อน
บวก 1 ให้หนูมิ้น ขอบคุณจ้า

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

ltahset

  • บุคคลทั่วไป
ง่ะ

ทำไมเป็นแบบนี้

 :serius2:

รอตอนต่อไปค่ะ

ุู^^
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
หวัดดีวันสงกานต์ค่ะ


ตอนพิเศษ [14]

--------------------------------



เรื่องมันเริ่มต้นจากงานปิกนิกพนักงาน ที่ผมไปมีเรื่องมีราวกับพนักงานฝ่ายช่าง จนต้องมีการทำโทษผมโดยการพักงาน และ ลงโทษพนักงานอันธพาล ด้วยการตัดเงินเดือนและโบนัส เรื่องนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างวงกว้าง จนกระทั่งไปถึงหูท่านประธานพ่อของเคลวิน ชื่อของผมถูกนำไปพูดถึงควบคู่กับชื่อของเขา ในฐานะผู้ช่วยเลขาคนสนิท และมีการปล่อยข่าวลือเรื่องผมกับเคลวินออกมา ว่าผมเป็นคนที่เคลวินต้องการจะผลักดันให้ได้รับตำแหน่งใหญ่โต

คนที่ปล่อยข่าวคือกลุ่มคนที่ไม่ชอบหน้าผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอผมมีเรื่องมีราวชกต่อยกับพนักงานบริษัทด้วยกัน และไม่ถูกเคลวินไล่ออก ก็ยิ่งทำให้ข่าวลือโหมกระพือเร็ว และ แรงขึ้น

เมื่อมีการพูดถึงชื่อผม พาดพิงไปถึงเคลวินมากขึ้น ทำให้คนในครอบครัวของเคลวินเริ่มเกิดความสนใจ กอร์ปกับเคลวินไม่กลับบ้าน แต่มาพักอาศัยอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ ทุกคนก็เลยพากันสงสัย ว่าที่นี่มีอะไรดี จึงสามารถดึงดูดเคลวินเอาไว้ มีเสียงเล่าลือว่าเคลวินเก็บตัวแฟนไว้ที่เพนท์เฮ้าส์ ทำให้แม่และพี่สาวของเคลวินต้องมาพิสูจน์ด้วยตาตนเอง จนกระทั่งรู้ว่า หนุ่มคนนั้นคือผม

แม้ว่าแม่และพี่สาวจะยอมรับในสิ่งที่เคลวินเป็น เพราะเคลวินเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าสาวตั้งแต่เด็กๆ และชอบเล่นเป็นเจ้าสาวอยู่บ่อยๆ คนในครอบครัวก็ไม่มีใครคิดว่าเคลวินจะเอาจริงเอาจังถึงขนาดนี้

เคลวินไม่ได้มีผมเป็นคนรักเพียงแค่คนแรก เขามีแฟนมาสองสามคน ก่อนที่จะเจอผม แต่ส่วนใหญ่ก็เลิกกันไปก่อน ไม่มีใครคบนานเหมือนผม

ตอนแรก แม่กับพี่สาวของเคลวินทำใจอยู่นาน ไม่อยากยอมรับความจริงเรื่องนี้ แต่เพื่อเห็นแก่ความสุขของลูกและน้องชายของตัวเอง ทำให้ทั้งสองยอมรับในตัวผม ว่าเป็นคนสำคัญของเคลวิน และนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวให้ญาติพี่น้องของเคลวินรู้ ซึ่งก็มีทั้งคนที่รับได้ และรับไม่ได้ แต่แม่และพี่สาวก็พูดโน้มน้าวให้ทุกคนเห็นความสุขของเคลวิน สำคัญกว่าความสุขของตัวเอง

ในที่สุดทุกคนก็ยอมรับได้ ยกเว้นแต่พ่อของเคลวินคนเดียว ที่หัวโบราณ ไม่อยากให้เคลวินคบกับผู้ชาย เลยหาผู้หญิงจะมาแต่งงานกับเคลวิน ซึ่งก็คือลูกสาวของเพื่อน ที่แอบชอบเคลวินมานานแล้ว

เมื่อพ่อของเคลวินบอกความคิดของตัวเอง ให้แม่กับพี่ๆของเคลวินทราบ ก็ได้รับการคัดค้าน ไม่มีใครอยากฝืนใจเคลวิน ครอบครัวนี้เลี้ยงลูกแบบประชาธิปไตย อยากจะทำอะไรก็ทำ หากไม่เดือดร้อนใครก็ทำไป จึงไม่เคยบังคับให้ลูกทำอย่างที่ตัวเองต้องการ

ทว่าครั้งนี้พ่อกลับดื้อรั้น ไม่ฟังเสียงคนในครอบครัว จะให้เคลวินแต่งงานให้ได้ จึงวางแผนที่จะดึงเคลวินให้ออกห่างจากผม โดยการออกอุบายว่าตัวเองไม่สบาย แล้วให้คนที่บ้านโทรไปบอกเคลวินให้มาเยี่ยมพ่อที่กำลังป่วย

เคลวินหลงเชื่อโดยง่าย เพราะเคลวินเองก็รู้สึกผิดกับครอบครัวที่ไม่ได้ไปมาหาสู่เยี่ยมเยียนพวกเขาบ้าง ก็เลยตัดสินใจไปเยี่ยมพ่อ ด้วยหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ทว่าเมื่อไปถึง ก็ถูกพ่อกักตัวไว้ เรียกตัวไปด่าเรื่องที่มาคบกับผู้ชาย ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสีย พ่อยากให้เคลวินสืบทอดกิจการของครอบครัว และดูแลไปจนชั่วลูกชั่วหลาน บังคับให้เลิกคบกับผม และให้แต่งงานกับคนลูกสาวเพื่อนพ่อ

พ่อลูกทะเลาะกันใหญ่โต ในที่สุด พ่อก็ใช้อำนาจของความเป็นผู้ให้กำเนิดบีบบังคับให้เคลวินอยู่กับบ้าน ไม่ออกไปไหน เพื่อแลกกับการที่ไม่ไล่ผมออกจากงาน เคลวินยอมเสียสละตัวเองเพื่อผม ในขณะที่ตัวเองได้รับความทุกข์ทรมานใจ ถูกจำกัดเสรีภาพ ไม่ให้ไปทำงานที่บริษัท ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ เพราะกลัวว่าเคลวินจะหาทางติดต่อผม เคลวินเลยตรอมใจ ป่วยไม่สบาย เพราะคิดถึง และเป็นห่วงผม

เรื่องที่ป้าหมี่เล่า มันดูเหลือเชื่อ จนไม่อยากจะคิดว่า นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในครอบครัวของฝรั่งหัวสมัยใหม่ ไม่คิดว่าความรักของเราสองคนจะมีกำแพงขวางกั้น ซึ่งคนที่สร้างกำแพงก็คือพ่อของเคลวินเอง

แต่ป้าหมี่ก็ยืนยันหนักแน่น ว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ในฐานะคนที่ทำงานให้กับครอบครัวนี้มานาน จนได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนในบ้าน ทำให้ป้าหมี่ได้รู้อะไรหลายอย่าง ทั้งจากปากเคลวินเอง จากแม่และพี่สาวของเคลวิน และจากการได้ยินโดยบังเอิญ ทำให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

คนรับใช้เก่าแก่ทำหน้าเศร้าขณะที่เล่าให้ผมฟัง เธอขอร้องให้ช่วยคุณหนูของเธอไม่ให้ต้องทนทุกข์ทรมาน เธอสงสารคุณหนูของเธอ ที่ประท้วงพ่อ ด้วยการไม่ยอมกินข้าวปลาอาหาร ปล่อยให้ตัวเองทรุดโทรมจนไม่สบาย เธออยากให้ผมไปหาคุณพ่อของเคลวิน เผชิญหน้าท่านอย่างลูกผู้ชาย และพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องของเคลวิน

ถึงแม้ป้าหมี่ไม่ขอร้อง ผมก็ตั้งใจจะทำให้อยู่แล้ว ในเมื่อเคลวินเสียสละเพื่อผม ผมจะเสียสละเพื่อภรรยาสุดที่รักไม่ได้เทียวหรือ

“แต่คุณหนูเคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะคะ ท่านประธานเป็นคนดุมากๆ ดื้อรั้นเหมือนคุณเคลวิน พ่อลูกถอดแบบกันมาเลยค่ะ อยากจะได้อะไรก็ต้องได้ เมื่อไม่ชอบให้คุณเคลวินอยู่กินกับผู้ชาย ก็ต้องบังคับให้คุณหนูแต่งงานจนได้”

ยิ่งป้าหมี่เล่าถึงพ่อของเคลวินเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกหนักใจมากยิ่งขึ้น ผมไม่เคยเจอตัวท่านประธานใหญ่มาก่อน แต่ได้ยินว่า เขาดุมากกว่าเคลวินอีก พนักงานกลัวกันทุกคน พอมาถึงรุ่นเคลวิน เขาปกครองพนักงานเหมือนเจ้านายปกครองลูกน้อง

ในขณะเดียวกันก็ทำให้พนักงานรู้สึกอบอุ่น เหมือนเป็นคนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน คนทำงานรู้สึกผ่อนคลาย แม้เคลวินจะดุ เฉียบขาด แบบพ่อ แต่เคลวินก็มีมุมที่ใจดีที่พนักงานรับรู้ได้เช่นกัน

ผมต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายดุๆคนหนึ่ง เพราะรักลูกชายของเขา ไม่รู้ว่าผมจะสามารถทำให้เขาเห็นใจความรักของเราได้หรือเปล่า

แต่ถึงมันจะยากอย่างไร ผมก็จะลองพยายามดู เพื่อพิสูจน์ให้เคลวินเห็นว่าเขามีค่าสำหรับผมแค่ไหน และผมจะไม่มีวันให้ใครมาพรากเขาไปจากผมอย่างแน่นอน ไม่ว่าคนๆนั้น จะเป็นใครก็ตาม

ที่สำคัญ ท่าทางท่านจะไม่ชอบคุณหนูเคนเอามากๆ เพราะคือคนที่ทำให้ลูกชายไม่กลับบ้านกลับช่อง แถมยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทหลายๆครั้ง ท่านประธานคิดว่าเรื่องยุ่งยากนั้นมาจากคุณหนูเคน หากให้คุณหนูออก จากงานหรือย้ายงานไปทำแผนกอื่น ก็จะทำให้ คุณหนูเคนกับคุณหนูเคลวินอยู่ห่างกันไปโดยปริยาย”

ช่างเป็นคำพูดที่บั่นทอนจิตใจผมเสียเหลือเกิน ยังไม่ทันได้ไปขอลูกชายท่าน ก็จะตั้งกำแพงกีดกันเสียแล้ว จะให้ผมไปอยู่ที่อื่น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอเคลวิน จะได้เลิกรักกัน มันดูโหดร้ายไปหน่อย แล้วข้อหาที่ว่าผมเป็นต้นเหตุของการทะเลาะวิวาทกัน ก็เป็นการฟังความด้านเดียว ผมทำเพื่อปกป้องลูกชายท่าน เคลวินยังเข้าใจ ทำไมพ่อเขาถึงอคติ หรือว่าเขาไม่รู้ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น สงสัยผมต้องหาโอกาสไปพบตัวท่าน เพื่อให้ความกระจ่าง ท่านจะได้เปลี่ยนแปลทัศนคติที่มีต่อผม และยอมรับผมเป็นลูกเขย

“เชื่อมั่นผมเถอะครับป้าหมี่ ผมจะไม่มีวันทำให้เคลวินเสียใจที่เลือกรักผมครับ และผมจะทำให้พ่อของเคลวินยอมรับความรักของเราให้ได้”

บอกกับแม่นมของเคลวินอย่างเชื่อมั่น หวังว่าเธอคงเอาไปถ่ายทอดให้เขารู้เช่นกัน ตอนนี้เริ่มรู้สึกดีที่ได้พักงาน ผมจะได้มีเวลาในการคิดหาทางเอาตัวคนที่ผมรักกลับคืนมาให้ได้ ผมไม่ใช่คนเฉลียวฉลาดแบบเคลวินที่จะอ่านเกมนี้อย่างทะลุปรุโปร่งและรับมือได้

ผมต้องใช้เวลาในการคิดว่าผมจะจัดการอย่างไร คนที่ผมจะต่อกรด้วย ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่นักเลงโตเหมือนอันธพาลจากฝ่ายช่าง แต่เป็นประธานบริษัท เป็นพ่อของคนที่ผมรัก หากผมไม่วางแผนให้ดี ทำพลาด ผมอาจจะต้องสูญเสียเคลวินไปตลอดกาล






“คุณหนูเคลวินคะ ได้เวลาทานข้าวแล้วค่ะ”

เสียงป้าหมี่คนที่ดูแลผมตั้งแต่เด็กดังขึ้นอยู่หน้าห้อง เรียกร้องความสนใจจากผม เธอคงได้รับคำสั่งจากพ่อหรือแม่ให้มาเรียกผมไปทานข้าวด้วยกัน แต่ผมไม่รู้สึกอยากกิน จึงปฏิเสธไป

หลายวันมานี้ ผมรู้สึกไม่มีความสุขเลย นับตั้งแต่รีบร้อนกลับบ้าน เพราะป้าหมี่โทรตาม แจ้งว่าพ่อผมป่วย ด้วยความที่ผมรู้สึกผิดที่ละเลยท่าน มัวแต่มาอยู่กับคนที่ผมรัก ไม่ค่อยได้กลับบ้านไปเจอหน้าพ่อกับแม่

แม้ว่าผมจะโทรคุยกับท่านทุกวัน มันก็อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขนาดแม่ยังมาหาผมถึงที่เพนท์เฮ้าส์ ท่านมาเพราะความรักและคิดถึง รวมถึงต้องการเห็นหน้าคนรักของผมด้วย ว่าเป็นใครมาจากไหน มีดีอะไรจึงสามารถรั้งตัวผมไว้ได้ ไม่ให้กลับบ้านกลับช่อง

คำว่าพ่อป่วยทำให้ผมใจเสีย ผมไม่ได้เจอพ่อหลายเดือน นับตั้งแต่มาอยู่กับเคน ล่าสุดที่ผมเจอท่าน ก็ยังเห็นว่าท่านแข็งแรงดี ตอนคุยกันทางโทรศัพท์ก็ไม่มีทีท่าว่าเจ็บป่วยอะไร แต่ผมก็ไม่ได้เฉลียวใจสักนิดว่า โทรศัพท์แจ้งเรื่องการไม่สบายของพ่อจะเป็นกลลวงที่จะกักขังตัวผมไว้ที่นี่

ความที่ผมเป็นห่วงพ่อผู้ให้กำเนิด และไม่คิดว่าท่านจะโกหกผม ทำให้ผมรีบร้อนกลับมาบ้าน โดยปล่อยเคนให้อยู่เฝ้าห้องของผมคนเดียว พอมาถึงผมก็ตรงดิ่งไปหาพ่อทันที เพื่อที่จะพบว่าท่านแข็งแรงดีไม่ได้เป็นโรคภัยไข้เจ็บอะไร

“ถ้าฉันไม่ป่วยหนักใกล้ตาย แกก็จะไม่มาหาฉันใช่ไหมเคลวิน”

นี่คือประโยคแรกที่พ่อพูดกับผมเมื่อเจอกัน ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่อยากให้พ่อเข้าใจอย่างนั้น สำหรับผมแล้ว พ่อแม่มีความสำคัญเป็นที่หนึ่งสำหรับผมเสมอ ถึงแม้ว่าผมจะย้ายไปอยู่กับเคน แต่ผมก็ยังระลึกถึงพวกท่าน โทรหาทุกๆวันไม่เคยขาด

ที่ผมไม่ได้กลับมาพักที่บ้านในช่วงนี้ เป็นเพราะผมกำลังทำคะแนนกับเคนอยู่ หากผมปล่อยให้เกิดช่องว่างระหว่างผมกับผู้ชายที่ผมรัก ผมก็เกรงว่าผมจะเสียเขาไป การอยู่กินกับเขา ทำความดีให้เขาเห็นน่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงจิตใจของเขาได้

ในท้ายที่สุดความพยายามของผมก็ประสบความสำเร็จ เคนรู้สึกดีกับผมมากขึ้น ยอมตามใจผมหลายเรื่อง ผมไม่รู้ว่าเขารักผมบ้างหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่การกระทำของเขาที่ผ่านมา ทำให้ผมมั่นใจ ว่าเขารักผมอย่างแน่นอน แต่ผมก็อยากได้ฟังเขาพูดจากปาก มากกว่าคาดเดาเอาเอง

สิ่งที่ผมเฝ้ารอ คงจะประสบความสำเร็จ หากว่าผมไม่ถูกเรียกตัวมาก่อน ผมเข้าใจว่าพ่อป่วยจริงๆ มาหาด้วยความเป็นห่วง มาทำหน้าที่ลูกที่ดี แต่พอเจอหน้าพ่อ ก็ถูกต่อว่าอย่างน้อยอกน้อยใจ ผมปฏิเสธว่าไม่เคยมีความคิดอย่างนั้น ท่านก็หาว่าผมแก้ตัว ตำหนิผมที่ไม่ยอมกลับบ้านมาเยี่ยมกันบ้าง พ่ออยู่เมืองไทยมานาน จนชินกับการอยู่รวมกันเป็นครอบครัวแบบคนไทย ทั้งที่ฝรั่งอย่างเรา พอโตขึ้นก็แยกไปใช้ชีวิตอยู่เอง เป็นเรื่องปกติ แต่พ่อกับแม่กลับอยากให้ผมอยู่ด้วย และหากมีครอบครัว ก็อยากให้มาอยู่ด้วยกัน วัฒนธรรมไทยเปลี่ยนแปลงพ่อของผมไปเสียแล้ว

“นี่พ่อไม่ได้ป่วยใช่ไหมครับ หลอกผมใช่ไหม”

ถามอย่างคลางแคลงใจ ลองด่าผมได้ขนาดนี้ คงไม่ใช่คนป่วยหนักแน่ๆ

“ถ้าฉันไม่ใช้วิธีนี้ ฉันจะทำให้แกกลับมาบ้านได้ยังไง”

พ่อทำเสียงดังใส่ผม ท่าทางจะยังโมโหผมไม่เลิก ผมเห็นพ่อกำลังอารมณ์ไม่ดี เลยไม่อยากโต้แย้ง พยายามพูดดีๆกับเขาอย่างน้อยก็เพื่อให้พ่อสบายใจ ผมไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยๆ นานๆมาที ก็ไม่อยากชวนทะเลาะ

“ก็โทรมาบอกกันก็ได้นี่ครับพ่อ ไม่เห็นจะต้องใช้เรื่องการเจ็บป่วยมาหลอกให้ผมมาหาเลย พูดไม่ดีเกี่ยวกับตัวเอง มันเหมือนเป็นการแช่งเลยนะครับ”

บอกอย่างห่วงใย ไม่ได้โกรธที่โดนหลอก แต่ไม่สบายใจมากกว่า การเอาเรื่องของสุขภาพมาเป็นข้ออ้างให้ผมมาหา มันได้ผลตรงที่ผมรีบมาทันทีอย่างไม่รั้งรอ แต่หากใช้มุขนี้บ่อยๆ มันก็ขาดความน่าเชื่อถือ มันจะกลายเป็นเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ พอเจ็บป่วยจริง ผมอาจจะคิดว่าหลอกเล่น แล้วไม่มาหาก็ได้ ถ้าแค่บอกว่าคิดถึงกัน อยากให้ผมกลับบ้านบ้าง ผมก็คงไม่ใจดำทำเมินเฉย ถึงไงนี่ก็ครอบครัวผม ถึงผมจะไปสร้างครอบครัวของตัวเอง แต่ผมก็ยังมีครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ผมมีแต่เดิม และผมไม่มีวันลืมเลือนบุญคุณของพ่อแม่อย่างแน่นอน


--------------------
TBC



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ดูความมุ่งมั่นของเคนแล้ว จะมีอะไรขวางอยู่อีกไหม

มารอตอนต่อไป หนูมิ้น ขยัน ๆ ลงหน่อยซิครับ +1 ให้เต็มร้อยแล้วน้า

 :z13: หนูมิ้นให้ขยัน ๆ  :z1:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
^
^
มีความสุขมากมายที่ได้จิ้มน้องวัน มาเจอช่วงสงกรานต์ซะด้วย
สุขสันต์วันสงกรานต์นะจ๊ะน้องจ๋า บวก 1 คืนให้ด้วยจ้า

ตอนนี้ยังคลางแคลงใจจริงๆ ว่าพ่อของเคลวินจะยังไงกันแน่
คิดจะพรากคนรักกันจริงๆหรือ

ยังบวกเพิ่มให้หนูมิ้นไม่ได้ ขอกอดแน่นๆ แทนนะจ๊ะ
สุขสันต์วันสงกรานต์ด้วยจ้า

ออฟไลน์ Ottomechan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

everytime

  • บุคคลทั่วไป
 :angry2: พ่อใจ ร้าย ไม่สงสาร เควิลมั่งหรอ  :m31:






 :fire: เคนๆ ๆ ๆ สู้ ๆ ๆ ๆ เพื่อ ศรีภรรยานะจ๊ะ  o13

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
เคนสู้สู้ ทำให้ว่าที่พ่อตา สยบเลย  :laugh:

sweetiiz

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1: :กอด1:


เคนสู้ ๆนะ ^^"


 :call: :call:


สวัสดีปีใหม่ไทยคัฟ ^/|\^

White..BroccO

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งจะตามทัน

 :o12:

ทำไมเรื่องมันเศร้าอย่างนี้้ :o12:

ltahset

  • บุคคลทั่วไป

LIZZ

  • บุคคลทั่วไป
เจอพ่อตาโหดซะแระ

มาส่งกำลังใจให้ เคน & เคล

รักแท้จะมาแพ้พ่อตาดุได้ไง

สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด