ตอนพิเศษ [4]
---------------------
เจ้าของห้องเช่าแหวใส่เสียงลั่น พลางโบกมือไปมาเพื่อไล่ควันที่ยังคละคลุ้งอยู่ในห้อง กลุ่มควันลอยกระจัดกระจายไปตาม
มือที่โบก ก่อนจะลอยหายไปในอากาศ
ผมเห็นเคนแก้ต่างให้กับตัวเอง ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะก่อเหตุให้ผู้คนตกอกตกใจ มันเป็นเหตุสุดวิสัย และเขาก็แก้สถานการณ์
ได้แล้ว ไม่มีอะไรเสียหาย
ทว่าคำตอบของเขากลับไม่เป็นที่พอใจของคุณป้าห้องเช่า ป้าโวยวายว่ามีคนมาเคาะประตูห้องเธอบอกว่าไฟไหม้ และต้น
เหตุมาจากห้องของเคน
คนที่มาเช่าข้างห้องเขาพากันแตกตื่นขนข้าวขนของหนี ด้วยกลัวว่าไฟจะไหม้บ้าน ป้ามาดูก็เห็นควันลอยออกมาจากห้องเขา
เขา
พยายามเคาะประตูเรียกเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครตอบรับ นึกว่าเคนสำลักควันสลบอยู่ในห้อง กำลังคิดจะพังประตูเข้ามา เคนก็เปิด
ประตูเข้ามาพอดี
ป้าบ่นว่ามากมาย เนื่องจากเคนเป็นคนซื่อ ไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่รับผิดชอบ เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นในห้องของตัวเอง เคนก็
พร้อมจะน้อมรับความผิด เขายืนนิ่งให้ป้าเจ้าของบ้านด่าจนพอใจ
ป้าเจ้าของบ้านท่าทางโหดมาก เธอไม่ได้มาคนเดียว แต่เธอมากับเพื่อนข้างห้องของเคน ซึ่งพวกเขาก็รุมด่าเคนด้วย ที่ทำให้
พวกเขาตกอกตกใจ นึกว่าไฟไหม้บ้านเช่าขึ้นมา
เคนขอโทษขอโพยคนเหล่านั้น และรับปากว่าจะไม่ทำอีกรวมถึงรับปากจะชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับห้องที่เขาเช่าอยู่
ตั้งแต่ผนังห้อง และฝ้าเพดาน ซึ่งมีเขม่าควันติด เนื่องจากควันไฟ กลิ่นเหม็นไหม้ต่างๆ
ผมยืนแอบมองอยู่ในห้องน้ำ รู้สึกโกรธที่คนพวกนั้นมารุมด่าเคนของผม และรู้สึกผิดที่ทำให้เคนโดนด่า แต่ความสำนึกผิดมี
น้อยกว่าทิฐิมานะ ฆ่าได้ หยามไม่ได้
ผมไม่ต้องการให้เคนก้มหัวให้ใคร จริงอยู่ที่เหตุเกิดจากห้องของเรา แต่เขาก็น่าจะด่าเคนแบบพอประมาณ ในเมื่อเคนก็ยอม
รับผิดแล้ว และไฟก็ไม่ได้ไหม้จริงๆ ไม่มีใครได้รับอันตราย พวกเขาก็ไม่น่าจะด่าว่ากันหนักขนาดนี้ คอยดูนะผมจะพาสามี
ออกไปจากบ้านเช่าแห่งนี้ให้ได้ ไม่อยากให้สามีอยู่กับคนใจร้ายพวกนี้
“ผมขอโทษครับ”
พอป้าเจ้าของบ้าน และเพื่อนข้างห้องเคนพากันกลับไปแล้ว ผมก็ออกมาจากห้องน้ำ และเดินตรงมาหาเคน อยากจะดึงเขา
มากอดเอาไว้ แต่ด้วยความที่ผมเป็นต้นเหตุให้เคนถูกคนรุมด่า ผมเลยไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะไม่รู้ว่าเคนอยู่ในอารมณ์ไหน และ
เขากำลังโกรธที่ถูกด่าอยู่หรือเปล่า
สิ่งที่พอจะทำได้ตอนนี้คือกล่าวคำว่าขอโทษ และพร้อมจะชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกสำนึกผิดที่เกือบจะเผาห้องเช่าของเคน
และบ้านเช่าทั้งหลัง หากผมไม่รั้งตัวเขาไว้ในห้องน้ำ เขาก็คงทำกับข้าวต่อ และปลาก็ไม่ไหม้ จนเกิดเป็นควันไฟลุกท่วม ช้า
นิดเดียวอาจจะเกิดการย่างสด อย่างที่ป้าเจ้าของบ้านโวยก็ได้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก ยังไงเราก็ยังมีบ้านอยู่ บ้านไม่ได้ไหม้ไฟอะไร”
เขาดึงตัวผมมากอดไว้หลวมๆ แล้วพูดปลอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมา
“แต่คุณถูกด่านี่ครับ แถมยังต้องชดใช้ความเสียหายด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็เราผิดจริงนี่นา แล้วป้าก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก แค่ทาสีใหม่เพื่อลบลอยคราบเขม่าควันเท่านั้นเอง”
สามีไม่อยากให้ผมคิดมาก จึงพยายามพูดให้ผมสบายใจ ทว่าหน้าตาเขาไม่ได้แช่มชื่นสักเท่าไหร่ ท่าทางเหมือนหนักใจกับ
เรื่องที่เกิดขึ้น เคนคงกังวลใจเรื่องเพื่อนบ้าน คงกลัวว่าจะถูกป้าเจ้าของห้องเช่าไล่หนี
เขาคงไม่รู้จะไปเช่าที่ไหน ที่ค่าเช่าถูกได้เท่านี้ ตัวผมไม่ยี่หระกับเรื่องที่เคนจะไม่มีห้องอยู่ ถ้าป้าไล่เคนไม่ให้พักที่นี่ ผมยิ่งจะ
ยินดีใหญ่ เคนจะได้ไปอยู่กับผมที่เพนท์เฮ้าส์ด้วยกัน ที่นั่นสบายกว่าที่นี่เยอะ
“เคนเดือดร้อนเพราะผมแท้ๆ ”
ยังคงรู้สึกผิดที่เคนต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ ที่จริงห้องเช่าของเคนก็เก่ามากแล้ว แถมสกปรกกระดำกระด่าง แม้จะขัดทำความ
สะอาดอย่างไร ก็ไม่ได้ดูดีขึ้นมา
เขม่าจากควันไฟก็ไม่ได้จับหนาจนน่าเกลียด การที่เคนต้องชดใช้ด้วยการทาสีห้องให้ใหม่ จึงเป็นเรื่องของการเรียกร้องให้
ชดใช้เกินความพอดี
“ใช่ครับ เพราะเคลวินมัวแต่หื่นไม่เลือกเวลา ถ้าปล่อยให้ผมทำกับข้าวก่อน ก็ไม่มีปัญหา”
เขาทำหน้าเฉยเมยขณะพูด พอเห็นผมทำหน้าจ๋อย ๆ เคนก็หัวเราะ
“ล้อเล่นครับ อย่าคิดมากเลย ไม่ใช่ความผิดของเคลวินคนเดียวหรอก ผมก็มีส่วน เพราะผมไม่ได้ห้าม หรือขัดขืนคุณ ถ้าผม
นึกสักนิดว่าตัวเองกำลังทอดปลาค้างอยู่ ไม่ยอมใจอ่อนกับคุณ ปลาก็คงไม่ไหม้ ควันก็ไม่เกิด เพื่อนบ้านก็ไม่ตกใจกันนะ
ครับ”
เคนโทษตัวเองว่ามีส่วนร่วมในความผิดครั้งนี้ด้วย ผมรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก นอกจากเคนจะไม่กล่าวโทษผมแล้ว ยัง
ร่วมรับชะตากรรมด้วย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดไปใหญ่
“หิวข้าวหรือยังครับ”
สามีไม่พูดถึงเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายอีกต่อไป แต่หันมาใส่ใจผมแทน ผมพยักหน้า เมื่อครู่ไม่หิว แต่ตอนนี้ท้องเริ่มร้องแล้ว
“กับข้าวคงกินไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมันไหม้หมดแล้ว กระทะก็ไหม้ด้วย เรากินของง่ายๆกันเถอะ”
เขาเดินไปที่ตู้และหยิบซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชูให้ผมดู ผมพยักหน้าให้เขาอีก ตอนนี้กินอะไรก็ได้ทั้งนั้น จะเลือกนักก็ไม่ได้
เพราะสิ่งที่เคนเตรียมให้ มันไหม้ดำปิ๊ดปี๋ อยู่ในกระทะ มีบะหมี่เหลือให้กินก็ดีแล้ว
“อดกินปลาทอดฝีมือผมเลยเคลวิน”
สามีทำน้ำเสียงล้อเลียน ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ถ้าเป็นตอนอยู่ในช่วงอารมณ์ปกติ ผมคงทำท่าหื่นใส่ แต่ตอนนี้ผมกำลังจิต
ตกที่ทำให้เคนถูกด่า เลยฝืนร่าเริงไม่ได้ และดูเหมือนว่าเขาจะจับสังเกตผมอยู่ พอเห็นผมยังจ๋อยไม่เลิก เขาก็ทำเสียงเข้ม
“เคลวินอย่าคิดมากสิ เดี๋ยวหน้าตาแก่เร็วนะ แล้ว ทำไมถึงไม่ไปใส่เสื้อผ้าเสียที จะเดินไปเดินมาโดยนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว
อย่างนั้นหรือครับ”
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ ผมรีบไปแต่งตัวตามที่เคนบอกทันที ไม่อยากเถียงสามีตอนนี้ เพราะผมทำเรื่องให้เขางานเข้า เลยไม่
อยากทำให้เขาหงุดหงิดเรื่องผมอีก แต่งตัวเสร็จก็รีบมานั่งข้างๆเขา บะหมี่ในถ้วย ปรุงเสร็จพร้อมกินพอดี
“คืนนี้จะนอนกันอย่างไรดี กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งเต็มห้องแบบนี้ นอนไม่ได้แน่”
ถามเขาเป็นเชิงปรึกษาที่จริงผมคิดแก้ปัญหาไว้แล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวสักพักกลิ่นก็หายไปเองนั่นแหละ”
เขาตอบกลับมา
“อีกนานเลยนะครับ ดูสิ กลิ่นยังคลุ้งอยู่เลย นอนไม่ได้แน่ๆ”
พูดให้เว่อร์เข้าไว้ให้เป็นไปตามแผน
“เคลวินนอนไม่ได้หรือครับ เหม็นใช่ไหม”
แทนที่จะห่วงตัวเอง กลับห่วงผม ซึ้งใจยิ่งนัก แต่เพื่อบรรลุสิ่งที่หวังไว้ ทำให้ผมเล่นตามน้ำ เล่นกับความห่วงใยของสามีสุด
ที่รัก
“ครับ ผมไม่ชินกลิ่น มันหายใจไม่ออก”
“งั้นเอาอย่างนี้ดีไหม เคลวินกลับไปนอนบ้านตัวเอง ส่วนผมนอนที่นี่”
-------------------------------
TBC
งานเข้าแล้วมั้ยหล่ะทั่นประธาน
