นาฬิกาบนข้อมือของผม บอกเวลาสามทุ่มแล้ว เป็นเวลา 4 ชั่วโมงกว่าที่ผมรอเคนอยู่ที่บ้าน ทว่าเคนก็ยังไม่กลับมา วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์ สุดสัปดาห์ รถอาจจะติด เลยทำให้เคนกลับมาล่าช้า ผมน่าจะรออีกหน่อย เดี๋ยวพอเขากลับมาแล้ว ค่อยอุ่นกับข้าวอีกที
อีก 15 นาทีจะห้าทุ่ม 6 ชั่วโมงแล้ว ที่นั่งรอ อาหารเย็นชืดหมดแล้ว สเปรย์ปรับอากาศเริ่มกลิ่นจางลง หน้าผมเริ่มมันขึ้น ไม่สดใสเหมือนตอนอาบน้ำใหม่ๆ เนื่องจากห้องของเคนร้อนอบอ้าว ทั้งที่อากาศภายนอกเย็นสบาย เคนยังคงกลับมาไม่ถึงบ้าน ผมเริ่มเป็นกังวล เกิดอะไรขึ้นกับเคนหรือเปล่านะ
โทรศัพท์มือถือที่ผมให้เคน เขาก็ไม่ได้เอาไปใช้ เคนดื้อจริงๆ ไม่ยอมรับข้าวของราคาแพงจากผม เขาเป็นคนขี้เกรงใจ แม้ว่าผมจะบอกว่าให้เขาเอาไปใช้ทำงาน เพราะมันเป็นออแกไนเซอร์ได้ แต่เขาก็ยังสะดวกที่จะใช้สมุดจดเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังอ้างว่า เขากับผมอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่จำเป็นจะต้องโทรหากันก็ได้ เมื่อเขาไม่ใช้โทรศัพท์ของผม การตามตัวมันก็ยากแบบนี้นี่เอง
ความอยากรู้ว่าเคนอยู่ที่ไหน ทำให้ผมโทรศัพท์ไปถามนนนี่ แต่เธอไม่รู้ไม่เห็น ว่าเคนไปไหน เนื่องจากสามีของผมไม่ได้บอกไว้ เลิกงานแล้วเขาก็มาลาเธอ แล้วออกไปเลย ตอนนั้นนนนี่กำลังยุ่งอยู่ก็เลยไม่ทันได้ซักถามอะไร
พอเห็นว่าผมเริ่มเป็นกังวล เธอก็เลยอาสาจะสอบถามไปยังคนที่เคนรู้จัก ซึ่งอาจจะรู้ว่าเคนอยู่ที่ไหน เมื่อได้เรื่องแล้ว เธอก็สัญญาว่าจะโทรมาบอก ข่าวคราว
วางหูจากเธอ ผมก็นั่งซึม ใจเริ่มเสีย กลัวว่าเคนจะหนีผมไปจริงๆ พยายามนึกว่าจะมีที่ใดบ้าง ที่เคนจะไปพักอาศัยได้ นอกจากบ้านหลังนี้ ทว่าผมก็นึกไม่ออก
ตามประวัติของเคน เขามาอยู่กรุงเทพเพียงลำพัง ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เพราะญาติเขาอยู่ต่างจังหวัดหมด ส่วนใหญ่ก็ทำงานอยู่บ้านนอก จะมีแค่บางคนที่มาหางานทำในกรุงเทพ แต่เขาก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน
เอ๊ะ...เมื่อกี้ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า ผมถอยความคิดคำนึงของตัวเองกลับไปเมื่อครู่ สักพักผมก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ตอนที่ผมป่วย แล้วพยายามหลอกล่อเคนให้มาเพนท์เฮ้าส์กับผมเป็นครั้งแรก ผมพาเขาไปเดินห้าง แล้วก็ไปดูหนังด้วยกัน ออกมาจากโรงหนัง เคนก็เจอญาติของเขาที่ลงมาทำงานกรุงเทพ และกำลังหางานทำอยู่ เขาให้เบอร์โทรศัพท์ผมเอาไว้ด้วย บางที เขาอาจจะรู้ว่าเคนอยู่ที่ไหนก็ได้
ผมค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของญาติเคนในโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ซึ่งนานมากกว่าจะเจอ เพราะผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาชื่ออะไร ไล่ไปไล่มาก็เจอชื่อแปลกๆ ไม่คุ้น ซึ่งไม่ใช่ลูกค้าของบริษัทที่ติดต่อทำธุรกิจด้วย ผมตัดสินใจเสี่ยงโทรไป
โทรศัพท์เรียกไปสักพัก ทางปลายสายก็ตอบมา เป็นเสียงผู้หญิง ผมกล่าวทักทายเธอ และแนะนำตัวว่าผมคือใคร หญิงสาวคนนั้นนิ่งไปนาน คงนึกไม่ออก เพราะตั้งแต่วันนั้น เราก็ไม่มีโอกาสได้คุยกันอีก ผมเลยเอ่ยชื่อเคนเพื่อเป็นการอ้างอิง ทันทีที่ได้ยินชื่อเขา หญิงสาวคนนั้นก็ร้องอ๋อ อย่างดีใจ เธอจำผมได้แล้ว
“คุณเคลวิน ประธานบริษัทที่เคนทำงานอยู่ใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ เอ่อ ไม่ทราบว่าเคนอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
ถามเสียงเป็นงานเป็นการ พยายามไม่ให้มันดูร้อนรนเกินไปเดี๋ยวจะเกิดความสงสัย
“ไม่อยู่ค่ะ ตามหาเคนเหรอคะ เขาก็คงอยู่บ้านเช่าของเขานั่นแหละค่ะ”
ตอบมาแบบนี้ ก็แปลว่าเขาคงไม่รู้แน่ๆว่าเคนอยู่ที่ไหน ผมไม่อยากจะรบกวนเวลาของเขา เลยทำท่าจะวางหู แต่ก็ถูกรั้งไว้ จากเจ้าของเบอร์ที่ผมโทรไปหา
เธอพร่ำขอบคุณผมที่ช่วยดูแลเคนเป็นอย่างดี ทำให้เคนมีงานมีการทำจนมีเงินส่งไปให้พ่อแม่เป็นการตอบแทนบุญคุณ และยังบอกด้วยว่าเคนพูดถึงผมเสมอ เป็นทำนองชื่นชมว่าผมดีกับเขามากๆ และเขาตั้งใจว่าจะทำงานอยู่บริษัทนี้ไม่หนีไปไหน เพื่อตอบแทนน้ำใจของผม
แม้ไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเคนว่าเขาไปอยู่ที่ไหน แต่คำพูดที่ได้ยินจากปากญาติของเคนก็ทำให้ผมรู้สึกชุ่มชื้นในหัวใจ เคนจะทำงานอยู่ที่นี่ไปตลอด เพื่อตอบแทนที่ผมดีกับเขา สามีสุดที่รักของผมช่างน่ารักเสียจริง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหลงรักเขาได้อย่างไร
แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนกัน เขาสัญญาว่าจะอยู่บริษัทนี้ไม่จากไปไหน แล้วไม่ทันไร เขาก็หายตัวไปเสียแล้ว ได้โปรดเถอะเคน รีบกลับบ้านเถอะ ผมห่วงจะแย่อยู่แล้ว
ประมาณเกือบเที่ยงคืน นนนี่ก็โทรหาผม หลังจากที่ไล่โทรไปตามบ้านคนที่เคนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นมอดหรือแม้แต่คุณชาตรี อาจจะดูเอิกเกริกไปหน่อย ที่คนหายหนึ่งคนต้องโทรตามถามหาคนอื่นๆให้วุ่นวาย แต่ผมก็ต้องรอบคอบ ต้องแน่ใจจริงๆ ว่าผมไม่ได้พลาดใครไปสักคนที่จะนำไปสู่เบาะแสว่าเคนอยู่ที่ใด
ไม่มีใครรู้ว่าเคนไปอยู่ตรงส่วนไหนของโลก เขาออกจากบริษัทไปโดยไม่พูดไม่จากับใคร แม้แต่นนนี่ที่เขาสนิทด้วย เขาก็ไม่บอก ผมคิดไปต่างๆนานา คิดว่าเขาอาจจะกลับบ้านนอก ไปหาพ่อกับแม่ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้ทำงานตั้ง 1 เดือน อาจจะอยากกลับไปเยี่ยมบ้านพ่อกับแม่ และอาจจะอยู่ถาวรไม่กลับมากรุงเทพแล้วก็ได้
ถ้าหากเขาไม่ได้กลับไปบ้านของเขา ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเคน ผมไม่อยากคิดในแง่มุมที่ร้ายกาจ แต่การที่เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยก็ชวนคิดไม่ใช่น้อย เขาอาจจะประสบอุบัติเหตุ และตอนนี้อาจจะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้
หรือถ้ามองโลกในแง่ร้าย เขาก็อาจจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว และร่างของเขาอาจจะอยู่ที่นิติเวช โอย...ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด แต่ละอย่างที่เป็นเหตุผลที่เคนไม่กลับมา มันทำให้ผมอยากจะบ้าตาย ขออย่าให้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ผมคิดเลย
มีเสียงก๊อกแก๊กดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ทำให้ผมสะดุ้งตื่น ตายล่ะ นี่ผมรอเคนจนหลับไปหรือนี่ เหลือบดูนาฬิกาข้อมือ มันบ่งบอกเวลาตีสามกว่าเข้าไปแล้ว ผมอยากจะกรีดร้องด้วยความคุ้มคลั่ง เคนไปไหน นี่เขาหายตัวไปเกือบ 10 ชั่วโมงแล้วนะ ทำไมหายไปนานอย่างนี้
ขณะที่ผมลุกขึ้นเดินอย่างหงุดหงิด ที่ติดต่อใครไม่ได้เลย ไม่มีใครรู้สักคนว่าเคนไปไหน เสียงเดิมก็ดังขึ้น ผมหยุดเดินและเงี่ยหูฟัง ก็พบว่าเสียงมันดังมาจากทางประตูห้อง ใครกัน หวังว่าคงไม่ใช่ขโมยหรอกนะ
ผมเดินย่องๆไปที่ประตูห้อง แล้วเอาหูแนบกับบานไม้ ฟังเสียงจากข้างนอก ห้องเคนไม่มีตาแมว ทำให้ไม่สามารถดูได้ว่าคนข้างนอกคือใคร ผมคว้าไม้กวาดที่อยู่ตรงมุมห้องมาถือไว้ในมือ เตรียมจะแพ่นกระบาลเจ้าโจรร้าย ที่บังอาจจะมาลักทรัพย์ในห้องเคนยามวิกาล
มีเสียงคลิกเหมือนกุญแจประตูถูกไขออก สักพักประตูก็ถูกดันเข้ามาจากข้างนอก ผมเงื้อไม้เตรียมจะฟาด ทว่าใบหน้าที่โผล่พ้นขอบประตูมา ทำให้ผมมือไม้อ่อน ไม้กวาดร่วงหล่นจากมือ
“เคน...เคนจริงๆด้วย”
ผมอุทานด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว กลับมาในสภาพที่ไม่บุบสลาย เพียงแต่เนื้อตัวมอมแมม สกปรกนิดหน่อย และมีกลิ่นเหล้าโชยหึ่ง ที่หายไปทั้งคืน เคนคงไปเที่ยวมา แต่ผมไม่รู้ว่าเคนไปคนเดียว หรือไปกับคนอื่น
ผมตั้งท่าจะกระโดดกอดเขา แต่พอเห็นสายตาว่างเปล่าที่มองมา ทำให้ผมเลิกล้มความคิดที่จะออดอ้อนเขา เคนคงกำลังโกรธผมอยู่ ผมต้องรักษาระยะห่างไว้ช่วงหนึ่ง จะได้ปลอดภัย
“ผมช่วยประคองคุณเข้าบ้านนะครับ”
กุลีกุจอเปิดประตูให้กว้างออก แล้วยื่นมือจะไปสอดใต้แขนเขาเพื่อช่วยพยุง ทว่าเคนสะบัดแขน ไม่ให้ผมแตะต้องตัวเขา
“มาทำไม ...”
คำถามของเขา เล่นเอาผมหน้าชา รู้สึกน้อยใจที่เขาถามผมแบบนั้น พยายามระงับอารมณ์ไม่ถือโทษโกรธเขา เคนกำลังเมา และยังคงเข้าใจผมผิดอยู่ เขาก็เลยแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบในทางร้ายๆกับผม
“ก็ที่นี่มันบ้านสามีของผม ทำไมผมจะมาไม่ได้ล่ะครับ”
ตอบเขาไป และพยายามจะช่วยพยุงเคนเข้าบ้าน แต่เขาเอามือผลักผมให้ไปห่างๆ
“ไม่ต้องมายุ่ง ผมเดินเองได้”
--------------------
TBC
มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน้อ แล้วเจอกันอีกทีตอนค่ำๆๆ