My wife is bigboss by Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My wife is bigboss by Katesnk  (อ่าน 221565 ครั้ง)

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ค้างๆๆๆ ต่ออีกตอนนะคะ   :z3:

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
รู้สึกเหมือนกลังขับรถขึ้นเขา

แล้วรถถอยหลังอย่างเร็ว


 :serius2:  ค้างอย่างแรง

เคลวินจะทำไรอ่ะ

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
ไล่มันออกเล๊ยยย :angry2:

นักเลงนั่น   งืมๆ

รออ่านตอนต่อไปนะครับ

ไฉไล

  • บุคคลทั่วไป
คไฉไล ขัดใจ ค่ะ ขัดใจม่อกๆค่า   :z3:
มันอะไรเนี่ย แอร๊ยยยย...ย

ถ้าเคนมัวแต่อ้ำอึ้ง ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา

แถม ยัง ลุแก่โทษะ ที่โดน ไอนักเลงโต ปั่นหัวด้วยคำพูด  เคน ก้อจะยิ่งเป็นฝ่ายผิดหนักเข้าไปอีก

ขัดใจหนุ่มเคนค่า  ไม่ใจเล้ยยยยยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดด  :serius2:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ค้างอ่ะ ขออีกๆๆๆ

อยากอ่าน อ๊ากๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
ตามต่อ ต่อ ต่อ ต่อ นะ  :impress2:

February

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ขออีกได้ม่ะ ขออีกนะๆๆๆๆ

ค้างงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ pdolphin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
รู้สึกเหมือนกลังขับรถขึ้นเขา

แล้วรถถอยหลังอย่างเร็ว


 :serius2:  ค้างอย่างแรง

เคลวินจะทำไรอ่ะ

เห็นควรด้วย ๆ ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
 :o12:

ไม่รักเคลวินแล้ว


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
บทที่ 60

-------------------

ประธานสองหน้าทำหน้าโหดๆใส่ผมซึ่งยืนนิ่งอย่างสำนึกผิด น้ำเสียงของเขาเยียบเย็น ฟังแล้วบาดใจ
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ทำไมปล่อยให้พนักงานทะเลาะกัน โดยไม่ขัดขวาง แล้วเรื่องที่ให้จัดการ ทำไมถึงทำไม่สำเร็จ ผมลงมาดูนึกว่าพวกคุณจะตัดสินกันเรียบร้อย ไม่คิดว่าเข้ามาดูแล้วจะเจอเหตุการณ์แบบนี้”
เคลวินหันไปอาละวาดใส่ท่านผู้จัดการทั้งสองที่ยืนมองกันไปมาตาปริบๆ ส่วนไอ้ตัวดี นอนหมอบอยู่กับพื้นไม่ยอมลุก ส่งเสียงครางเหมือนคนเจ็บหนัก
“เรากำลังตัดสินกันอยู่ครับ”
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลกล่าวอย่างนอบน้อม
“ตัดสิน ? ด้วยวิธีให้ชกต่อยกันอย่างนี้เหรอ”
ประธานเคลวินถามด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว ยิ่งทำให้ท่านประธานทั้งสองหงอเข้าไปใหญ่ มองตากัน เกี่ยงกันตอบท่านประธาน ในที่สุด นายชาตรีก็เลยต้องเป็นผู้ตอบ
“เอ้อ..ไม่ใช่ครับ พวกเราตัดสินลงโทษเขาสองคนไปแล้ว แต่เอ้อ...พวกเขาเกิดความไม่พอใจกันอีก ก็เลยชกกัน”
“แล้วพวกคุณก็ไม่ห้ามปราม ได้แต่นั่งดูอย่างนั้นเหรอ”
ถามอย่างไม่พอใจ
“ห้ามแล้วครับ แต่ห้ามไม่อยู่ เอ้อ เคนเขา เขาคงโมโหมาก”
คุณชาตรีตอบตามความเป็นจริง แต่ก็พยายามช่วยแก้ต่างให้ผม
“โมโหอะไรกัน ถึงต้องทำร้ายกันด้วย มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
เคลวินแค่นหัวเราะ ดูเหมือนว่าเขาจะมองสิ่งที่ผมทำเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เขาหันมาถามผม ซึ่งผมก็ตอบไปตามตรง
“ไม่ครับ สิ่งที่เขาได้รับ มันสาสมแล้ว”
“อย่าบอกนะว่าต้องการแก้แค้นที่เขาทำร้ายคุณที่รีสอร์ทเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา”
ประโยคนั้นทำให้ผมมองจ้องเขาอย่างแปลกใจ
“ท่านประธานรู้ด้วยหรือครับ”
“ทำไมจะไม่รู้ ผมลงโทษเขาแทนคุณไปเรียบร้อยแล้ว ไม่นึกว่าคุณจะยังผูกใจเจ็บไปจัดการกับเขาอีก”
นั่นไง ลางสังหรณ์ของผมแม่นจริงๆ เขาจัดการกับคนที่ทำร้ายผมเรียบร้อยแล้ว มิน่าพอนักเลงโตเห็นหน้าผม เลยปรี่มาหาเรื่อง เพราะคงโกรธที่พวกเขาถูกลงโทษ และคงคิดว่าผมฟ้องท่านประธานแน่ๆ เลยต้องการจัดการกับผม ในขณะที่พวกเพื่อนๆเขาก็คงถูกเล่นงานเช่นกัน ถึงได้ดูกลัวหงอ เหมือนไม่อยากจะมีเรื่องอีก
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยคิดที่จะทำแบบนั้น แล้วก็ไม่รู้เรื่องที่ท่านประธานจัดการเรื่องนี้ด้วย”
ผมพูดตามสัตย์จริง ผมไม่ได้อยากมีเรื่องมีราวกับใคร ถ้าเป็นไปได้ ผมจะพยายามเลี่ยง ในคืนวันที่เกิดเหตุ หลังจากที่ผมเจอพวกเขาขวางหน้า ผมก็พยายามที่จะหลบหลีกไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา ยิ่งเห็นว่าเมาด้วย เลยไม่อยากมีเรื่องใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่ให้ผมไปที่ห้องจัดเลี้ยง กลับกักตัวผมไว้
หัวโจก ซึ่งก็คือนักเลงโตที่ถูกผมต่อย แล้วทำสำออยโอดครวญอยู่ขนะนี้ คือคนที่เริ่มทะเลาะกับผมก่อน เขาหาว่าผมเป็นคนเปลี่ยนคะแนนให้ท่านประธาน ทำให้พวกเขาชวดรางวัลหนึ่งหมื่นบาท สำหรับการแสดงที่ชนะเลิศ พวกเขามั่นใจอย่างผิดๆ ว่าการแสดงของเขาต้องได้ เพราะเรียกเสียงตลกเฮฮาจากผู้ชม เนื่องจากพวกเขาลงทุนแต่งเป็นผู้หญิง ทำหน้าอก เสริมสะโพก ให้ดูแปลกชวนขำ ถ้าวัดจากการตบมือ เขาก็น่าจะมีคะแนนเป็นที่หนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย

มิใยที่ผมจะอธิบายว่าผมไม่เกี่ยวข้อง คะแนนมันมาจากการโหวต และการตัดสินของกรรมการมารวมกัน เขาก็ไม่ฟัง ตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องผมต่อไป จากนั้นก็พูดถึงการแข่งขันกีฬาชายหาด ซึ่งผมแพ้ประธานเคลวิน ทำให้อดได้ของรางวัลใหญ่ๆ อีก เขาสรุปง่ายๆ ว่าผมเป็นตัวซวย ทำให้เขาไม่ได้รางวัลอะไรเลย
ผมเถียงเขาว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นดวงของเขาเอง ผมไม่ได้กลั่นแกล้งเขา ในเรื่องการแสดงนั้น เขาทำได้ไม่ดีเพียงพอที่กรรมการจะโหวตให้ จะมาโทษผมก็คงไม่ได้ เพราะผมไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงอะไร พอแก้ข้อนี้ได้ เขาก็ขุดเรื่องอื่นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผมทำงานข้ามหน้าข้ามตาคนอื่น จนทำให้เกิดกระแสรังเกียจไม่พอใจ และกล่าวหาว่าที่ผมยังลอยนวลอยู่ได้ เพราะมีท่านประธานคุ้มกะลาหัว
เขาพูดเป็นนัยๆประหนึ่งว่ารู้เรื่องของผมกับเคลวิน ผมเริ่มเดาออกแล้วว่าเขาน่าจะได้ยินผมคุยกับท่านประธานในห้องน้ำ ที่เคลวินเผลอหลุดร่างทรงภรรยาออกมา ผมจำได้ว่าเห็นเงาคนแว๊บ ๆ อยู่หน้าห้องน้ำ ไม่คิดว่าจะเป็นเขา เลยทำให้ ความลับแตกจนได้ และเขาก็ใช้มันมาเล่นงานผม
เมื่อคนที่ผมรู้สึกดีด้วย ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้อง บวกกับความไม่พอใจที่พวกเขามีต่อผม การตะลุมบอนจึงเกิดขึ้น โดยที่เขาเปิดเกม และมีพรรคพวกตามน้ำ ในที่สุดน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ผมถึงรุมกระทืบโดยคน 5 คน โชคดีที่พวกเขายังยั้งมือไว้บ้าง ไม่ทำร้ายผมจนตายกลายเป็นผีเฝ้าหาด
ทว่าเมื่อรอดมาได้ ผมก็ไม่คิดจะติดใจเอาความ เพียงแต่ต้องการจะมาเจรจาสงบศึกกับเขาไม่ให้พูดเรื่องระหว่างผมกับเคลวิน แลกกับการที่ผมไม่เอาเรื่องเอาราวเขา แต่สิ่งที่ผมประเมินผิดไปคือ จิตสำนึกของคน นักเลงโตกับเพื่อนนอกจากจะไม่ละอายต่อสิ่งที่เขาทำกับเพื่อนร่วมงานอย่างผม เขากลับลบหลู่เจ้านายตัวเอง ด้วยการปล่อยข่าวเรื่องเคลวินกับผมไปทั่ว สิ่งที่ต้องการปิด ก็กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ใครต่อใครอยากรู้ ทำให้ผมต้องการแก้แค้นให้กับเขาที่ถูกกระทำโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทว่าผลตอบแทนสิ่งที่ทำลงไปคือการที่ต้องมาถูกคนที่เราปกป้องด่าว่าเสียๆหาย ทำให้ผมรู้สึกน้อยใจมาก
“ใช่ ผมไม่ได้บอกให้คุณรู้ เพราะมันไม่จำเป็น และผมก็ไม่คิดว่าคุณจะจัดการเองแบบนี้”
คำตอบของเขา ทำให้ผมรู้สึกเจ็บในอก เคลวินจัดการหาตัวคนผิดมาลงโทษโดยไม่บอกผมสักคำ ผมไม่ได้ร้องเรียน ตั้งข้อกล่าวหา เขาก็ไปหาหลักฐานมามัดคนร้ายเสร็จสรรพ แถมลงโทษไปเรียบร้อยโดยไม่บอกกล่าวให้ผมรู้สักคำ มันคงเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ
“ผมขอโทษครับ”
กล่าวขอโทษออกไปด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว แต่คำพูดที่ตอบกลับมาทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
“ขอโทษอย่างเดียว มันช่วยทำให้สถานการณ์มันดีขึ้นไม่ได้หรอก ในเมื่อคุณทำผิด คุณก็ต้องได้รับโทษหนักเช่นกัน เมื่อครู่นี้ พวกคุณลงโทษเคนอย่างไร ให้บวกเพิ่มไปอีก เป็นสองเท่า และไม่ต้องมีค่าชดเชยใดๆ เขาจะได้หลาบจำ และตระหนักว่า เขาเป็นพนักงาน มีหน้าที่ทำงานตามที่มอบหมาย อะไรที่ไม่ได้ใช้ให้ทำ ก็ไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว และที่นี่ไม่ต้องการนักเลง หากอยากทำตัวเกะกะระรานเป็นอันธพาล ก็ควรจะออกจากงานไปทำอย่างอื่น”

นี่หรือคือการตัดสินความของเคลวินที่บอกว่ารักและเข้าใจผมมากที่สุด เขาลงโทษผมโหดเกินไปไหม ผมโดนพักงานสองอาทิตย์ในข้อหาเก่า แต่ข้อหาใหม่ที่เคลวินตัดสิน ทำให้ผมต้องถูกพักงานถึง 1 เดือนเต็ม โดยไม่ได้เงินเดือนหรือเงินชดเชยทั้งสิ้น แล้วช่วงนี้ ผมจะอยู่อย่างไร ผมไม่ต้องการแบมือขอเงินพ่อแม่แล้ว ที่จริงผมต้องเป็นฝ่ายให้พวกเขามากกว่า ตั้งแต่ทำงานมา ผมส่งเงินไปให้ที่บ้านทุกเดือน เพื่อตอบแทนบุญคุณ เขามาตัดเงินเดือนผมแบบนี้ ผมจะมีเงินที่ไหนส่งไปให้กับทางบ้าน
นี่ไม่นับรวมความรู้สึกทางใจที่สูญเสียไป เมื่อเคลวินมาดุด่าว่ากล่าวผม ต่อหน้าผู้จัดการ ต่อหน้าพนักงานบริษัทคนอื่นๆ ที่ถูกกันมาเป็นพยาน และต่อหน้าคนผิดตัวจริงด้วย สิ่งที่ผมทำมันผิดมากนักหรือ การที่เราปกป้องคนของเราไม่ให้ใครมาว่ากล่าวได้ มันสมควรจะถูกลงโทษเช่นนี้ใช่ไหม

“สมน้ำหน้าไอ้อ่อน โดนเกลียดแล้วไหมล่ะ วันนี้สุขใจจริงโว้ย ความยุติธรรมมีจริง”
หลังจากท่านประธานเคลวินกลับขึ้นไปห้องทำงานแล้ว และผมกับนักเลงโตและกลุ่มเพื่อน เซ็นชื่อลงในใบตักเตือนความประพฤติพนักงาน และเซ็นชื่อยอมรับสภาพการหักเงินเดือน และโบนัสของพนักงานช่าง กับ การเซ็นยินยอมที่จะไม่ได้รับเงินเดือนของผม เสร็จธุระ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลก็ให้แยกย้ายกันไปทำงานได้
ตอนเดินออกมา นักเลงโตก็พูดจากระทบกระแทกแดกดันลอยๆ ไม่ยอมรามือจากผม สงสัยกะทำให้อยู่บริษัทนี้ไม่ได้ ซึ่งความพูดที่ชั่วร้ายของเขา ก็ได้ผลไม่น้อย ในสภาพที่ผมกำลังใจตก น้อยใจ เลยทำให้ใจไม่เข้มแข็ง รู้สึกอยากไปให้พ้นๆ บริษัทนี้ ไปที่ไหนก็ได้ ที่จะได้ไม่ต้องเจอกับคนใจร้ายที่ลงโทษผม
“กูคงคิดถึงมึงแย่ ไม่ได้เจอมึงตั้งหนึ่งเดือน เหงาว่ะ แต่ถ้าจะให้ดี มึงไม่ต้องกลับมาเลยดีกว่า ออกจากบริษัทไปเลย ไปออดอ้อนออเซาะกับท่านประธานเคลวินให้พอใจ เพื่อว่าเขาจะปลอบให้หายเศร้าบ้าง”
นักเลงโตเดินตามพูดจาเสียดสีผมตลอด แต่ผมเดินเฉยๆ ไม่ตอบโต้ กำลังอยู่ในโหมดน้อยใจ เลยไม่ตกหลุมพรางที่คนพาลดักล่อ
“แต่เอ ...เขาไม่เข้าข้างแบบนี้ น่าสงสัยว่าจะตกกระป๋องแล้ว ใครว่าพวกตุ๊ดมีรักมั่นคงวะ น่าสงสารว่ะ ถูกฟันแล้วทิ้ง แบบนี้ มาอยู่กับพี่ไหม พี่จะสนองให้ถึงพริกถึงขิงไม่แพ้ที่ประธานทำให้เลย”
ปากพล่อยๆ ของนักเลงโตยังคงทำหน้าที่ต่อไป ผมกัดฟันกรอด พยายามอย่างมากที่จะไม่โต้ตอบ เพราะถึงผมจะปกป้องเคลวินอย่างไร เขาก็ไม่เห็นค่า แถมซ้ำยังดุด่าว่ากล่าวผมต่อหน้าคนอื่น แถมลงโทษอย่างรุนแรงอีก ต้องโดนพักงาน ในขณะที่คนที่ด่าว่าเขากลับลอยนวล โดนตัดโบนัส ตัดเงินเดือน แต่ยังคงมาทำงานได้ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ จนไม่อยากจะเอาตัวเข้าไปแลกกับคนปากเสียแบบนี้อีกแล้ว จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ ผมไม่เอาด้วยหรอก
“พูดด้วย ก็ไม่พูดด้วย ทำเป็นหยิ่งหรือจ๊ะน้องสาว”
พอเห็นผมเฉย เขาก็ยั่วอีก นี่ถ้าหากผมไม่หมดใจแล้ว ผมคงได้ต่อยหน้าคนที่มากวนอารมณ์ซักเปรี้ยง พยายามนับหนึ่งถึงสิบ ไม่เล่นตามเกมของเขา เจ้านักเลงโตคงสะใจที่ผมก็อยู่ในช่วงภาคทัณฑ์เหมือนกัน เลยพยายามยั่วยุให้ผมหัวเสีย และหากผมหันไปเล่นงาน เขาก็คงเล่นบทคนถูกทำร้ายน่าสงสาร จนผมต้องถูกเพิ่มโทษอีก
“ก้นงอนจังเลยนะจ๊ะ”
การเงียบของผม ทำให้เขาได้ใจ พูดไม่พูดเปล่า แต่เอามือมาบีบก้นผมด้วย คราวนี้สิ่งที่เขาทำได้ผลมาก เพราะผมหันไปซัดเปรี้ยงเข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของเขาอีกครา หมัดแม้ไม่หนัก แต่ต่อยซ้ำๆที่เดิม ก็ทำให้เกิดแผลแตกเลือดท่วมหน้าได้อีก ถ้าเขาต้องการให้ผมออก คราวนี้ก็คงสมใจ

มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นเบื้องหลัง เจ้านักเลงโตนั่น แหกปากเสียงลั่น ทำให้พนักงานที่กำลังเดินกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศ พากันแตกตื่น วิ่งมาดูกันใหญ่
ละครเศร้าเรียกเรตติ้งให้คนดูสงสารเริ่มขึ้น พนักงานเจ้าเล่ห์คนนั้นคร่ำครวญ ฟ้องคนอื่นๆ ว่าผมทำร้ายเขา แต่ผมไม่แคร์ ผมเดินหนีไปจากตรงนั้น ตรงไปที่ลิฟท์ และกดขึ้นไปชั้นทำงานของตัวเอง ยังไม่มีใครขึ้นมาทำงาน แม้แต่พี่นนนี่ ผมเก็บข้าวของบนโต๊ะให้เข้าที่เข้าทาง แยกแฟ้มงานที่คั่งค้าง ออกจากแฟ้มงานที่ทำเสร็จแล้ว และเดินเอามันมาวางไว้ที่โต๊ะของพี่สาวคนสวย จากนั้นก็นั่งลงหน้าคอม และพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป หลังจากอ่านตรวจทานเรียบร้อย ผมก็สั่งพิมพ์ออกมา เอาพับใส่ซอง จ่าหน้าถึงประธานเคลวิน จากนั้นก็ปิดคอม แล้วก็เดินถือจดหมายฉบับนั้น ขึ้นไปบนสำนักประธานกรรมการบริษัท ที่อยู่ชั้นบน

เคลวินกำลังนั่งจ้องคอมพิวเตอร์ง่วนอยู่ ท่าทางของเขาเคร่งเครียด สีหน้าไม่ยิ้ม ตอนที่เปิดประตูเข้าไป โดยไม่เคาะ เขาเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นผมก็ขยับปากเตรียมจะตำหนิ แต่พอเห็นหน้าของผมที่เครียดขึ้งไม่แพ้กัน เขาก็เลยทำหน้านิ่งเฉย ตาจับจ้องมองที่ผม และรอให้ผมเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
ผมไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ยื่นซองขาวไปตรงหน้าเคลวิน แล้วก็หมุนตัวจะเดินออกมา ทว่าเขารั้งผมไว้ด้วยเสียงวางอำนาจ
“จะทำอะไรหรือคุณเคน”
“ผมมาขอลาออก”
บอกออกไปด้วยเสียงราบเรียบ แววตาว่างเปล่าขณะมองดูเขา ทว่าลึกๆลงไปข้างใน ผมกำลังรู้สึกปวดร้าว น้อยใจ สับสน และหวังว่าการตัดสินใจของผมคราวนี้จะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เคลวินใจร้ายกับผมมากเกินไป เขาไม่รู้บ้างเลย ว่าผมทำเพื่อเขา แต่เมื่อเขาไม่ต้องการจะให้ผมทำงานที่นี่อีก ผมก็ขอลาออก กลับบ้านนอกดีกว่า ไม่ต้องให้ใครมาไล่ ผมขอไล่ตัวเองออกจากงาน
มีเสียงหัวเราะดังมาให้ได้ยิน แต่มันเหมือนจะแค่นออกมา หน้าตาของเคลวินก็ไม่ได้ขำตามไปด้วย มันดูเครียดอย่างบอกไม่ถูก
“นี่หรือวิธีการแก้ปัญหาของคุณ ทำแบบนี้ เขาเรียกว่า “ไอ้ขี้แพ้” จะเปราะบางไปถึงไหน อะไรนิดอะไรหน่อย ก็แตะไม่ได้ เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”
น้ำเสียงของเขาเยาะหยัน ทำให้ผมรู้สึกขุ่นข้องหมองใจอย่างมาก ทำไมเขาต้องว่าผมถึงขนาดนี้ด้วย หากผมไม่ใช่ลูกผู้ชายพอ ผมคงไม่ไปชกต่อยกับนักเลงอันธพาลเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเมียหรอก
“การที่ผมลงโทษคุณให้พักงาน 1 เดือน เพราะคุณทำผิด แทนที่คุณจะใช้เวลานี้ในการทบทวนบทบาทของตัวเองในบริษัทนี้ว่าคุณเป็นอะไร นักเลง หรือว่าลูกจ้างที่ต้องทำงานกินเงินเดือน คุณกลับไม่พอใจคำสั่งของผม และต่อต้าน ผมบอกได้เลยนะเคน หากคุณยังทำตัวเป็นคนขี้ใจน้อย ไม่พอใจคำตัดสินของเจ้านาย และตอบโต้ คุณก็ไม่ต่างอะไรกับอันธพาลในคราบพนักงานนั่น คุณอยากมีชีวิตอย่างนั้นหรือไง...”
เคลวินใส่ผมเป็นชุด เล่นเอาผมอึ้ง พูดไม่ออก ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งโมโห และในอารมณ์โกรธ ก็เกิดความคล้อยตามสิ่งที่เขาพูดแทรกขึ้นมา เอหรือว่า มันจะเป็นจริงอย่างที่เคลวินพูด ผมมันไอ้ขี้แพ้ ไอ้ลูกแหง่ ใครแตะต้องไม่ได้ เหมือนแก้วเปราะบางตา กระทบนิดก็ร้าว หรือคอยที่จะแตกตลอดเวลา

ที่ผ่านมาผมคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง เพราะผ่านเรื่องอะไรมาหลายอย่าง แต่ผมกลับอ่อนแอ ขี้ใจน้อยง่าย เมื่อถูกท่านประธานเคลวินต่อว่า ทั้งที่เขาก็ทำตามหน้าที่ของประธานบริษัท ที่ต้องตัดสินลงโทษคนที่ทำผิด และผมก็ได้รับโทษอย่างสาสม ตามกรรมที่ผมก่อไว้ ผมชกต่อยคนอื่น ต่อหน้าคนในบริษัทด้วยโทสะ และไม่เกรงกลัวว่าใครจะเห็น การกระทำของผม ย่อมก่อให้เกิดความตระหนก และหวาดกลัวกับพนักงานคนอื่นๆ ทุกคนอาจจะมองว่าผมทำตัวเป็นนักเลงอันธพาล ซึ่งไม่ต่างอะไรจากนักเลงโตคนนั้นที่ให้อารมณ์เป็นเครื่องนำทางชีวิต
คิดมาถึงตรงนี้ผมก็รู้สึกละอายแก่ใจ และยิ่งอยากลาออกจากบริษัทมากขึ้น การก่อเรื่องทะเลาะวิวาทภายในบริษัท ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากมีปัญหาภายใน พนักงานอยู่ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งก็แปลว่าคนกุมบังเหียนบริษัทนี้ไม่เข้มแข็งเพียงพอ เพราะไม่สามารถคุมคนให้มีปัญหากันได้ แล้วจะไปดำเนินธุรกิจใหญ่โตที่จะต้องมีการแข่งขันกันกับบริษัทอื่นได้อย่างไร
“หรือว่าไอ้การเป็นนักเลง ใครดูหมิ่นศักดิ์ศรี ต้องต่อยตีเขาไปทั่ว มันสำคัญกว่าเป้าหมายในชีวิตของคุณ ถ้าหากคุณคิดอย่างนั้น ผมก็ทำนายอนาคตคุณได้เลย ว่าไม่มีวันเจริญหรอก และถ้าจะใช้วิธีการนี้ ก็บอกได้เลยว่าผมไม่ง้อ”
หน้าตาของเคลวินบึ้งตึง น้ำเสียงที่พูดกับผมก็ห้วนสั้น ไม่ถนอมน้ำใจ ผมคอตก มองมือของตัวเองสองข้างที่ถูกางเกงอย่างคนที่จนคำพูดที่จะโต้ตอบ เคลวินพูดมาก็ถูกทุกอย่าง แต่ทำไมเขาต้องพูดกับผมรุนแรงด้วย เขาไม่ใส่ใจสักนิดเลยหรือว่าผมจะรู้สึกอย่างไร ทั้งที่ผมทะเลาะกับนักเลงโตคนนั้น เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเขา แต่เขากลับมองว่ามันเป็นการกระทำไร้สาระ แล้วที่ว่าไม่ง้อนั้น เขาหมายความตามที่พูดจริงใช่ไหม ผมมันคงไม่สำคัญพอสำหรับบริษัทเขา ถึงไม่มีผม บริษัทนี้ก็อยู่ได้ เขาจะต้องมางอนง้อพนักงานกระจอกๆอย่างผมทำไม
“กลับไปทบทวนเสียใหม่ เอาจดหมายลาออกของคุณกลับคืนไปด้วย ผมไม่อ่าน และไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น”
เขาโยนจดหมายกลับคืนมาให้ผม ตาจ้องเขม็ง
“ไปได้แล้ว..”
น้ำเสียงของเขาแห้งแล้งเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ พูดจบเขาก็หมุนเก้าอี้ไปอีกด้าน และก้มลงหาอะไรง่วนอยู่ ไม่สนใจผมสักนิด ผมรู้สึกเจ็บแปลบในหัวอก น้อยใจที่เขาเมินเฉยต่อผม ตามปกติเวลาที่เคลวินอยู่ที่บริษัท เขาจะแสดงในด้านที่เข้มงวด ดุดันออกมาให้เห็น ส่วนด้านอ่อนหวานจะแสดงต่อเมื่ออยู่ที่บ้าน ทว่ายามที่ผมต้องการกำลังใจ ผมอยากเห็นสีหน้าอ่อนโยนจากเขา อยากเห็นแววตาที่บ่งบอกว่าเขาเข้าใจผม
ทว่า..มันกลับไม่มี
สมองของผมสั่งการให้เดินออกไปจากห้องของเขาเงียบๆ โดยไม่ได้หยิบจดหมายฉบับนั้นกลับมาด้วย

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
หยดน้ำเล็กๆ ตกต้องที่หลังมือของผม มันไหลออกจากตาที่แดงช้ำ เนื่องจากความอัดอั้นตันใจ ถ้าผมหันกลับมาช้าเพียงนิดเดียว ผมคงร้องไห้ต่อหน้าสามีสุดที่รัก และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมตั้งใจทำเพื่อเขาก็คงพังทลายลง
ตลอดทั้งวันนี้ มีเพียงช่วงเดียวที่ผมมีความสุข นั่นคือตอนที่ได้กอดและคุยเล่นกับเขา นอกนั้นเต็มไปด้วยความระทมทุกข์ ตั้งแต่รู้ว่าเขาแอบหนีมาทำงาน ไม่ยอมนอนอยู่ในห้องเหมือนเดิม เขาขัดคำสั่งของผม เพียงเพราะอยากลงมาทำงาน ไม่อยากนอนงอมืองอเท้า ไม่ทำอะไร
ความตั้งใจจริงของเขามันทำให้ผมปลาบปลื้ม การที่มีคนทุ่มเททำงานให้บริษัท ไม่เอารัดเอาเปรียบ และไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย ฉวยโอกาสที่ผมหยิบยื่นให้ หาประโยชน์ส่วนตัวนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ทว่าในความปลื้มปิติ ก็มีความห่วงใยแฝงอยู่ด้วย
ผมเพิ่งเล่นงานอันธพาลในคราบพนักงานที่ทำร้ายเคนไปเมื่อวาน หลังจากได้หลักฐานทุกอย่างมัดตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคลที่เป็นพนักงานโรงแรม หลักฐานจากมอด และจากเพื่อนๆของเขา ที่ผมให้คุณชาตรีดำเนินการเอาตัวมาสอบสวนอย่างลับๆ ทุกคนให้การซัดทอดว่าพนักงานฝ่ายช่างคนนั้น เป็นคนทำร้ายเคน เหตุเกิดจากความไม่พอใจ ที่เคนทำให้พวกเขาชวดรางวัลทั้งจากการแข่งขันกีฬาชายหาด รวมถึงรางวัลการแสดง ซึ่งเขาเข้าใจว่า ผมเปลี่ยนการให้คะแนน เพราะเคนเป่าหูผม
เมื่อสืบสาวราวเรื่องลึกลงไป ก็พบว่า ไม่ใช่แค่เพียงสาเหตุไร้สาระนั่นที่ทำให้เขาลงมือทำร้ายเคน แต่ก่อนหน้านั้น เขามีความไม่พึงพอใจในตัวเคนอยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เคนทำงานอยู่ใต้อานัติของผู้จัดการชาตรี
เคนทำงานในแผนกพัสดุ ซึ่งขึ้นตรงต่อฝ่ายธุรการ ในตำแหน่งเด็กฝึกงาน และเป็นลูกไล่ให้พนักงานประจำในแผนกนั้น จนกระทั่งผมไปพบเจอเคน และเห็นในความสามารถของเขาว่าน่าจะทำประโยชน์ให้กับบริษัทได้มากกว่านี้ หากไปอยู่กับผม ไม่ต้องมาจมปลักอยู่กับกองเอกสาร และการตกเป็นเบี้ยล่างให้คนโน้นคนนี้ใช้งาน
และการหยิบยื่นโอกาสให้กับเคน กลายเป็นดาบที่ทิ่มแทงทำร้ายเขา เมื่อพนักงานที่เคยจิกหัวเคนใช้ เกิดไม่พอใจขึ้นมา ที่เคนได้เลื่อนขั้นมาเป็นผู้ช่วยเลขาของประธานบริษัท นั่นหมายความว่าเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งทำงานได้ไม่นาน ก้ามข้ามหัวพวกเขาไป ได้รับตำแหน่งใหญ่โต แถมซ้ำ พวกเขาต้องปรับสถานภาพมาทำหน้าที่บริการเคนอีก ทำให้พนักงานส่วนหนึ่งเริ่มยอมรับกันไม่ได้
เมื่อพวกเขาไม่พอใจเคนที่ได้ดิบได้ดี เขาก็หาเรื่องแอนตี้ ไม่ให้ความร่วมมือกับเคน แถมยังนินทาว่าร้าย ปล่อยข่าวลือให้ผมกับเคนเสียหาย ทำนองว่าเคนเป็นเด็กปั้นของผม และเราสองคนมีความสัมพันธ์ล้ำลึกต่อกัน ทำให้ผมดันเคนให้ทำงานใกล้ตัว การปั้นน้ำเป็นตัว พูดเรื่องไม่จริง ทำให้เคนได้รับการดูหมิ่นเกลียดชัง จากเพื่อนพนักงานด้วยกัน
ปากต่อปากนินทากันไป จากแผนกพัสดุ ลามมาทั้งฝ่ายธุรการ และถึงแผนกช่างด้วย เมื่อคนจากแผนกธุรการบางคน นำเรื่องของเคนไปเล่าในทางที่เสียๆหายๆ จนเกิดความไม่ชอบขี้หน้าเกิดขึ้น
ผมไม่เคยรู้เลยว่า ระยะเวลาที่ผ่านมา เคนต้องเผชิญอะไรบ้าง เขาต้องเหนื่อยยากกับการติดต่อประสานงานแต่ละฝ่าย แต่เขาก็ไม่เคยปริปากบ่น พยายามทำจนสำเร็จ และนำมาเสนองานต่อผม ซึ่งผมมองแค่ผลสรุปของงานไม่ได้มองวิธีการว่าเขาทำมันมาอย่างไร พอได้มารับรู้ ผมก็รู้สึกสงสารเคนจับใจ และนึกโกรธพนักงานของผม ที่จิตใจเต็มไปด้วยความริษยา แทนที่จะร่วมไม้ร่วมมือกันทำงาน กลับมาคิดแค้นในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนพวกนั้นไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเคน ต่างพากันตัดสินว่าเขาเป็นคนไม่ดี ใช้ร่างกายไต่เต้าเพื่อหาความสำเร็จ ความเกลียดชังแพร่ขยายลุกลาม จนในที่สุดก็เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับคนที่ผมรัก เคนถูกทำร้ายจากคนที่มีอคติต่อเขา
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเคน ผมไม่มีวันให้อภัย ในฐานะที่เคนเป็นพนักงานคนหนึ่งของผม เป็นคนดีมีฝีมือ เมื่อเขาโดนรังแกอย่างไม่เป็นธรรม ผมก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อผมสืบสาวราวเรื่องได้ความ ผมก็ให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเรียกพนักงานคนนั้นมาจัดการ ตอนแรกเขาไม่ยอมรับว่าเขาทำร้ายเคน แต่เมื่อจำนวนด้วยพยานหลักฐานต่างๆ เขาก็ยอมรับสารภาพ และอ้างว่าทำไปเพราะความมึนเมา และสัญญาว่าจะไม่ทำตัวเป็นนักเลงอันธพาลอีก

ที่จริงผมอยากจะไล่เขาออกใจจะขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับพนักงานคนอื่น ๆ ถ้าไม่เป็นเพราะหัวหน้าแผนกช่างของเขามาขอร้องเอาไว้ บอกว่าเขาต้องเลี้ยงดูเมียและลูกที่ยังเล็ก หากไล่เขาออกไป เขาก็คงไม่สามารถหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้ มนุษยธรรมที่มีอยู่ในใจผม บอกว่าเราควรให้โอกาสคนผิดได้แก้ตัวใหม่ เพราะเขาอาจจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ ผมเลยลงโทษเขาเพียงแค่ตัดโบนัสที่เขาควรจะได้ ไม่พิจารณาผลงานปลายปี และไม่ปรับเงินเดือนขึ้นให้ แถมซ้ำยังริบเงินเดือนเขาส่วนหนึ่ง เท่านี้ก็น่าจะเป็นบทลงโทษที่โหดพอสมควร
ผมไม่ได้บอกเล่าเรื่องการตัดสินคดีความของผมให้เคนฟัง เพราะเคนเองก็ไม่พูดเรื่องนี้กับผม ในเมื่อเขาต้องการลืมมันไป ผมก็อยากจะให้มันจบลงด้วยดีเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าผมจะคาดการณ์ผิด เรื่องมันไม่ได้จบลงอย่างที่ผมต้องการ และพนักงานเลวๆคนนั้น ก็กระหายที่จะทำผิดอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ผมได้รับแจ้งจากผู้จัดการฝ่ายชาตรี ว่าเคนมีเรื่องกับพนักงานแผนกช่าง ผมนึกถึงนักเลงโตคนนั้นทันที พอได้รับรายงาน ทั้ง เทปบันทึกภาพ และจากคำบอกเล่าทางโทรศัพท์ที่นายชาตรีเล่าให้ผมฟังเป็นระยะ ผมก็ถึงกับนั่งไม่ติด รู้สึกตกใจที่เคนไปมีเรื่องกับคนกลุ่มเดิม แถมซ้ำคราวนี้ เคนก็เป็นฝ่ายลงมือเสียด้วย
ผู้จัดการฝ่ายชาตรี รายงานให้ผมทราบเป็นระยะ ตั้งแต่การสอบสวนเคนกับพนักงานที่มีเรื่องกับเขาคนนั้น ใจจริงผมอยากจะลงไปรับฟังเรื่องราวด้วยตนเอง แต่ติดขัดตรงที่ผมเป็นประธานบริษัท ผมจะล้วงลูกการทำงานของผู้จัดการฝ่ายบุคคลและต้นสังกัดเขาไม่ได้ ต้องให้เขาจัดการกันเอง ส่วนตัวผมเพียงแค่รับผลรายงานเท่านั้น
ผมเดินไปเดินมาภายในห้องทำงานหลายรอบ คอยลุ้นว่าผลการสอบสวนจะเป็นอย่างไร อยากลงไปจัดการกับนักเลงโตคนนั้นด้วยตัวเองใจจะขาด อยากลงโทษเขาด้วยการไล่ออก ให้สาสมกับที่เขาทำร้ายเคนของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าผมก็ทำตามใจตัวไม่ได้ ถ้าผมลงไป นอกจากจะเป็นการรบกวนการทำงานของลูกน้องผมแล้ว คนก็คงจะครหาอีก คำถามคงมีมากมาย ว่าเคนสำคัญกว่าพนักงานคนอื่นอย่างไร ทำไมประธานบริษัทต้องลงมากำกับเรื่องนี้ด้วย แล้ว ความบริสุทธิ์ยุติธรรมจะเกิดขึ้นหรือไม่ ในเมื่อพนักงานคนนั้นมีเรื่องกับคนใกล้ชิดกับท่านประธาน
เมื่อคิดสารตะแล้ว ว่าได้ไม่คุ้มเสีย มีแต่จะทำให้ผมกับเคนตกเป็นขี้ปากของพวกพนักงาน ผมจึงเลือกที่จะรอฟังข่าวสารอยู่ในห้องด้วยความวิตกจริต
เทปบันทึกภาพจากกล้องวิดิโอวงจรปิดที่ทางฝ่ายอาคารสถานที่เซฟใส่แผ่นซีดีมาให้ผม ถูกเปิดดูซ้ำไปซ้ำมา แม้ไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกัน แต่จากท่าทางคุกคาม ที่เขาทำต่อเคน ทำให้รู้ว่าหมอนั่นต้องพูดจายั่วยุจนเคนโมโหโกรธาแน่ๆ ภาพที่ผมได้เห็นจากจอคอม ทำให้ผมตกตลึงไม่น้อย เนื่องจากผมไม่เคยเห็นเคนโกรธใครจัดๆแบบนี้มาก่อน เขาต่อยพนักงานคนนั้นครึ่งปากครึ่งจมูก หมอนั่นไม่ทันตั้งตัวเลยเซถลา และภาพก็ตัดไป เป็นหน้าลิฟท์ ที่คนทั้งสองตลุมบอนกัน
เห็นภาพทุกชอตทุกตอนแล้วผมก็กำมืออย่างคั่งแค้น อยากจะร่วมด้วยช่วยกันกับเคนรุมกระทืบเจ้าหมอนั่น จินตนาการภาพที่เคนโดนทำร้าย หลอกหลอนผมอยู่ในหัว ผมยอมรับอย่างไม่อายว่าหลังจากที่ผมหายตกตะลึงแล้ว ผมรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูกที่เคนเอาคืนคนที่ทำร้ายเขาได้
ทว่าหลังจากที่ผมได้ดูภาพการชกต่อยของเคนกับพนักงานช่างคนนั้นหลายรอบเข้า ผมก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่ได้เกิดจากความกลัวว่าเคนจะเพลี่ยงพล้ำ แต่ผมกลัวว่าเคนจะถูกคนรังเกียจเพิ่มไปอีก
เดิมทีคนก็เข้าใจว่าเคนเป็นเด็กของผม เป็นคนของประธานบริษัทที่แตะต้องไม่ได้ ไม่มีใครอยากยุ่งกับเคน เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผม เมื่อเคนไปลงมือทำร้ายคนอื่นอีก ความเกลียดชังที่มีต่อตัวเคนก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ คนคงมองว่าเคนเป็นนักเลงโต ไม่พอใจใครก็หาเรื่องชกต่อย และที่เคนกล้าทำแบบนั้น เพราะผมถือหางข้างเคน

และเพื่อเคลียร์ตัวเขาให้ใสสะอาดปราศจากข้อกังขาใดๆว่าเคนเป็นเด็กเส้น ผมก็จำเป็นต้องปฏิบัติต่อเคนอย่างเท่าเทียมกันกับคนอื่น
กฎก็ต้องเป็นกฎ ในเมื่อเคนทำผิด เคนก็สมควรได้รับโทษเช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากเคนทำผิดเป็นครั้งแรก โทษของเคนก็ต้องเบากว่าคนอื่น แต่ถึงกระนั้นก็ควรจะเหมาะสมกับสิ่งที่เขาทำ
ตอนที่นายชาตรี โทรมารายงานผลการตัดสินลงโทษรอบแรก และบอกกับผมว่า เคนยอมรับความผิด และไม่โต้เถียง ผมรู้สึกดีใจมาก ที่เคนเข้าใจทุกอย่าง ผมดูคนไม่ผิด เคนไม่ได้มีจิตใจร้ายกาจ เขาทำลงไปเพราะบันดาลโทสะ แต่เมื่อคิดได้ เขาก็ยอมรับผลที่เกิดขึ้น การที่เคนไม่โต้แย้งคัดค้านคำตัดสิน ทำให้ภาพของเคนดูใสสะอาดขึ้น คนเราทำผิดกันได้ เมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับผิด นั่นคือลูกผู้ชายที่แท้จริง
ทว่าความดีใจของผมมีอยู่เพียงชั่วครู่ โทรศัพท์จากนนนี่ ที่แจ้งว่าเกิดเรื่องในห้องประชุมทำให้ผมตัดสินใจลงไปดูทันที ผมไม่อยากให้เคนทำผิดซ้ำซาก เพราะมันจะกลายเป็นภาพติดตัวเขาไปตลอด คนจะยิ่งไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย ตอนที่ผมลงไป ทันได้เห็นเคนชกพนักงานคนนั้นจนล้มคว่ำ
ความโกรธ และเสียใจที่เห็นเคนแสดงด้านมืดของตัวเองออกมาต่อหน้าคนอื่น ทำให้ผมดุด่าว่ากล่าวเขาอย่างรุนแรง ทั้งนี้เพื่อแสดงให้คนอื่นได้เห็นว่าผมมีความยุติธรรมเพียงพอ ไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร
ตัดสินโทษเขาไปใจก็ปวดร้าว ภายใต้ใบหน้าดุดัน และน้ำเสียงเฉียบขาด ใครจะรู้บ้างไหมหนอ ว่าผมอยากจะเศร้าแค่ไหน อยากจะดึงสามีของผมเข้ามากอดปลอบใจ และขอให้เขาเข้มแข็งอดทน ทว่าผมก็ทำอย่างใจคิดไม่ได้ สิ่งที่ผมทำจึงมีแค่เพียงการส่งสายตาตำหนิมายังเขา แล้วลงโทษเขาอย่างหนัก ที่เขาทำผิดซ้ำซาก
เห็นหน้าหมองๆของเคนแล้ว ผมรู้สึกปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก ต้องตัดใจเดินหนี เมื่อตัดสินเสร็จ กลัวว่าอยู่นาน จะยั้งใจไม่อยู่ และร้องไห้ออกมา ผมจะอ่อนแอ ให้ใครเห็นไม่ได้ ทุกคนกำลังมองดูผมอยู่ ท่านประธานบริษัท ต้องตัดสินใจเฉียบขาด ไม่เห็นแก่หน้าใคร ต้องให้ความยุติธรรมกับทุกคน ไม่ลำเอียง ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนสนิทชิดเชื้อแค่ไหน หากทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ผมต้องทำหน้าที่ตามหัวโขนที่ผมสวมใส่อยู่ แม้ว่าใจผมจะรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม
ขึ้นมาบนห้องก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน ได้แต่นั่งคลิกเวปต่างๆให้มันผ่านสายตา เผื่อว่าสมาธิผมจะกลับมา แต่เรื่องของเคนกลับมารบกวนจิตใจ ทำให้ฟุ้งซ่าน เป็นกังวล
ผมกลัวว่าเคนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด คิดว่าผมฉีกหน้าเขา ทำไมผมจะไม่เข้าใจว่าเคนชกหน้านักเลงโตคนนั้นทำไม ผมไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ว่าพนักงานคนใดคิดอย่างไรกับผม มีคนหวังดีมารายงานให้ผมทราบเป็นระยะ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับรสนิยมส่วนบุคคล ผมรักเคน แล้วผมก็ไม่คิดจะหลบซ่อนปิดบัง ใครจะว่า จะนินทาอย่างไรก็ช่าง เพราะมันเปลี่ยนความจริงที่ว่าผมรักเคนไม่ได้
อาจจะดูกล้าบ้าบิ่นสักหน่อย ที่ประธานบริษัทจะกล้าเปิดตัวคู่รักที่เป็นชายให้ใครต่อใครได้รับรู้ ทว่ามันยังดีกว่าการที่ต้องทนหลบๆซ่อนๆ ราวกับว่าความรักของเรามันเป็นสิ่งผิด และไปจีบผู้หญิงเพื่อบังหน้า หรือแต่งงานเพื่อรักษาวงศ์ตระกูลไว้ หากการมีตัวตนอยู่ในสังคมของผม ต้องหลอกลวงใครต่อใคร ผมก็ขอเลือกที่จะถูกนินทาว่าร้าย แต่ยอมเป็นตัวของตัวเองดีกว่า ให้คนเขาเกลียดในสิ่งที่เราเป็นดีกว่าให้ใครต่อใครมารักในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น ดังนั้นต่อให้มีคนรู้กันทั้งบริษัทว่าผมกับเคนเป็นสามีภรรยากันผมก็ไม่แคร์
แต่สำหรับเคนแล้ว เขาคงกลัวว่าผมจะเสียหน้า ชื่อเสียงมัวหมอง เขาจึงพยายามปกป้อง การที่ถูกพนักงานคนนั้นและเพื่อนของเขารุมทำร้าย ส่วนหนึ่งก็เพราะคนพวกนั้นพูดจาดูถูกดูหมิ่นผม เคนทนไม่ได้ ก็เลยมีปากเสียกัน และคนพวกนั้นก็ยังเอาเรื่องของเรามาพูดอีก จนน่าจะไปเข้าหูของเคน ทำให้เขามีเรื่องกันต่อในลิฟท์

รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเคน ที่เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะพิทักษ์ชื่อเสียงของผม ทว่าการที่เขาทำอย่างนั้นทำให้เขาต้องเจ็บตัวมากขึ้น และกลับกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนอื่นๆ ซึ่งหัวอกเมียอย่างผม คงทนไม่ได้ที่จะให้ใครมาเกลียดชังสามีตัวเอง ผมอยากให้เคนเติบโตอยู่ในบริษัทนี้อย่างสง่างาม ไม่ใช่ถูกมองด้วยความหวาดระแวง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์กับผม หรือเรื่องการเป็นนักเลงโต
และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมต้องตำหนิและลงโทษเขาอย่างรุนแรง ผมได้แต่หวังว่าเคนคงจะเข้าใจเจตนาของผม ว่าทำไปเพื่ออะไร แม้ว่าวันนี้เขาอาจจะไม่เข้าใจ วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อเขาคิดได้ เขาก็จะรู้ว่าสิ่งที่ผมทำนั้น มันดีกับเขาแค่ไหน
ทว่าเคนกลับทำให้ผมผิดหวังอีกครั้ง เมื่อเขามาหาผมถึงห้อง เพื่อยื่นใบลาออก ผมอึ้งเมื่อเขาบอกเจตนารมณ์ของเขา ความรู้สึกหลายอย่างประดังประเดกันเข้ามา ทั้งเสียใจที่เคนคิดสั้น หนีปัญหา ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง แถมไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำเพื่อเขา โกรธที่เคนเลือกเอาการลาออกเป็นวิธีการโต้ตอบผม เพราะไม่พอใจในคำสั่ง รู้สึกน้อยใจที่เขาจะทิ้งผมไปง่ายๆ ไม่อยู่ช่วยกันสร้างบริษัท และอารมณ์หลากหลายนั้น มันแปรออกมาเป็นความโกรธจนถึงขีดสุด ทำให้ผมพูดจารุนแรงและไม่รักษาน้ำใจเขาออกไป
ดูจากสีหน้าของเคนผมก็รู้ว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าผมจะสบายใจ พูดอออกไปแล้ว ผมก็อยากกัดลิ้นตาย ผมไม่ต้องการทำร้ายเคนสักนิด แต่ผมจำเป็นต้องใจร้าย เพียงเพราะรักษาสถานภาพการเป็นพนักงานของเคนเอาไว้
เคนดูเศร้ามากเมื่อฟังผมพูดจนจบ เขาคงงุนงงสงสัย ว่าทำไมผมถึงทำเหมือนไม่ใยดีในตัวเขา เคนไม่มีทางรู้เลยว่าผมอยากกอดเขาแค่ไหน อยากขอโทษที่ทำให้เขาเสียใจ อยากปลอบขวัญ อยากพูดอยากคุย อยากปรับความเข้าใจกัน อธิบายเหตุผลว่าทำไมผมต้องลงโทษเขา แต่มันไม่ใช่เวลาที่ผมจะปลอบใคร ผมตัดสินใจในฐานะท่านประธาน ดังนั้นผมจะทำตัวอ่อนหวาน เหลาะแหละไม่ได้ เพราะจะทำให้ความน่าเชื่อถือหมดไป อีกหน่อยคงจะไม่มีใครฟังคำพูดของผม
แต่ถึงกระนั้นผมก็ตั้งใจไว้แล้ว ว่าเมื่อกลับถึงบ้าน ผมจะหาโอกาสพูดคุยทำความเข้าใจ ผมรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องยาก เพราะเคนอาจจะเข้าใจผิดผมไปแล้ว แต่ผมก็จะพยายามทำให้เคนเข้าใจในตัวผมให้ได้ เวลา 1 เดือนที่เคนต้องพักงาน จะไม่สูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย ผมเตรียมหากิจกรรมให้เคนทำแก้เหงาเอาไว้แล้ว ซึ่งเคนจะได้ใช้ช่วงเวลาว่าง เรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ทำงานให้ตัวของเขาเอง
ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง รู้สึกสงสารตัวเองที่แสดงความอ่อนแอออกมา แม้ว่าจะไม่มีใครเห็นก็ตาม แต่การร้องไห้ในที่ทำงาน มันบ่งบอกว่าผมไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ตัวเองคิด เปลือกแข็งๆถูกสร้างขึ้นมาหุ้มห่อเนื้อในที่เปื่อยยุ่ย มันพร้อมที่จะสูญสลายได้ตลอดเวลา

ได้เวลาเลิกงาน ผมสั่งให้ลุงเทพขับรถมารับผมไปที่บ้านเช่าของเคน แต่ก่อนที่จะถึงบ้าน ผมก็ให้คนขับรถของผมแวะไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อซื้ออาหารสด และอาหารแห้ง เพื่อเตรียมไว้สำหรับทำกับข้าวต้อนรับสามีกลับบ้าน
ผมเลือกไปรอเคนที่บ้านเช่า เพราะนั่นเป็นที่เดียวที่เคนจะกลับมา ความน้อยใจที่เขามีให้ผม คงไม่ทำให้เขากลับมาพักที่เพนท์เฮ้าส์กับผม เคนเป็นคนที่หยิ่งพอควร เมื่อเขาคิดว่าผมไม่ต้องการเขา เคนก็จะกลับมายังที่ของตัวเอง
นนนี่บอกกับผมว่า เคนเก็บของบนโต๊ะเรียบร้อย และออกจากออฟฟิศไปตามเวลางานเลิก เขาไม่ได้อยู่ทำโอทีเหมือนเคย เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากเขาถูกพักงาน และผมก็สั่งให้นนนี่รับงานคืนมาจนหมด จะได้ไม่มีอะไรคั่งค้าง นนนี่สามารถสานต่องานไปได้เลย

คำนวณจากเวลาแล้ว อีกประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ เคนก็น่าจะถึงบ้าน ผมควรจะไปถึงก่อนเขาเพื่อเตรียมทุกอย่าง รอรับสามีที่หัวใจแตกสลาย
เมนูสุดพิเศษ ถูกเลือกมาเป็นอาหารรับขวัญสามี การจัดฉากโรแมนติก น่าจะช่วยทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของเคนสดใสขึ้น อาหารมากมายถูกลำเลียงมาไว้บนโต๊ะที่ผมซื้อให้เขา ผมจัดแต่งโต๊ะด้วยผ้าปูสีขาวระบายลูกไม้ และมีผ้าลายตารางสีเขียวฟ้าปูทับอีกที บนโต๊ะประดับประดาด้วยกุหลาบสีขาวดอกโตๆในแจกัน
ห้องทั้งห้องถูกปัดกวาดจนสะอาดเรี่ยมเร้เรไร ผมฉีดสเปรย์ดับกลิ่น ทำให้ห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม จากนั้นก็ไปอาบน้ำแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูสะอาดสะอ้านหอมฟุ้ง เผื่อว่าเมื่อเราปรับความเข้าใจกันแล้ว อาจจะมีรายการปลอบขวัญยามค่ำคืน ผมเตรียมพร้อมสู้ตายอย่างเต็มที่ กะมอบความสุขให้กับเขาชดเชยสิ่งที่ตัวเองทำร้ายเขาเอาไว้ นั่งนึกถึงฉากรักที่เคยเห็นในหนังเอวี ที่ผมเคยดู พยายามนึกท่าทางต่างๆที่เขาใช้กัน ตั้งใจจะเอามาใช้ให้จนหมดเพื่อเพิ่มความหฤหรรษ์ อยากเนรมิตค่ำคืนนี้ให้เป็นค่ำคืนที่แสนสุข
จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ผมก็มานั่งรอเคนอยู่บนเตียง แล้วก็ดูทีวีไปด้วย เคนคงโกรธผมแน่ๆ ที่ผมแอบซื้อทีวีเครื่องใหม่มาให้เขา ก็ห้างที่ผมไปเดินตรงแผนกอาหารสด ดันติดกับแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า เดินไปเดินมาเห็นทีวีแล้วคิดถึงเคน ก็เลยตัดสินใจซื้อมา เอาไว้เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน จะได้นั่งดูทีวีและคุยกันกระหนุงกระหนิงในยามว่าง
คิดแล้วก็อยากให้ถึงเวลาที่เคนจะกลับบ้านมาเร็วๆ ถ้าเขามาถึงแล้ว ผมจะพูดอะไรกับเขาก่อนดีหนอ เคนครับ ผมขอโทษนะครับ หรือ เคนครับ เหนื่อยไหม เคนหิวข้าวหรือยัง เคนอยากกินข้าวหรืออยากกินผม คำพูดมากมายเกิดขึ้นในหัว บางอันก็ดูหื่นจนผมเองรับไม่ได้


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
นาฬิกาบนข้อมือของผม บอกเวลาสามทุ่มแล้ว เป็นเวลา 4 ชั่วโมงกว่าที่ผมรอเคนอยู่ที่บ้าน ทว่าเคนก็ยังไม่กลับมา วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์ สุดสัปดาห์ รถอาจจะติด เลยทำให้เคนกลับมาล่าช้า ผมน่าจะรออีกหน่อย เดี๋ยวพอเขากลับมาแล้ว ค่อยอุ่นกับข้าวอีกที
อีก 15 นาทีจะห้าทุ่ม 6 ชั่วโมงแล้ว ที่นั่งรอ อาหารเย็นชืดหมดแล้ว สเปรย์ปรับอากาศเริ่มกลิ่นจางลง หน้าผมเริ่มมันขึ้น ไม่สดใสเหมือนตอนอาบน้ำใหม่ๆ เนื่องจากห้องของเคนร้อนอบอ้าว ทั้งที่อากาศภายนอกเย็นสบาย เคนยังคงกลับมาไม่ถึงบ้าน ผมเริ่มเป็นกังวล เกิดอะไรขึ้นกับเคนหรือเปล่านะ
โทรศัพท์มือถือที่ผมให้เคน เขาก็ไม่ได้เอาไปใช้ เคนดื้อจริงๆ ไม่ยอมรับข้าวของราคาแพงจากผม เขาเป็นคนขี้เกรงใจ แม้ว่าผมจะบอกว่าให้เขาเอาไปใช้ทำงาน เพราะมันเป็นออแกไนเซอร์ได้ แต่เขาก็ยังสะดวกที่จะใช้สมุดจดเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังอ้างว่า เขากับผมอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่จำเป็นจะต้องโทรหากันก็ได้ เมื่อเขาไม่ใช้โทรศัพท์ของผม การตามตัวมันก็ยากแบบนี้นี่เอง
ความอยากรู้ว่าเคนอยู่ที่ไหน ทำให้ผมโทรศัพท์ไปถามนนนี่ แต่เธอไม่รู้ไม่เห็น ว่าเคนไปไหน เนื่องจากสามีของผมไม่ได้บอกไว้ เลิกงานแล้วเขาก็มาลาเธอ แล้วออกไปเลย ตอนนั้นนนนี่กำลังยุ่งอยู่ก็เลยไม่ทันได้ซักถามอะไร
พอเห็นว่าผมเริ่มเป็นกังวล เธอก็เลยอาสาจะสอบถามไปยังคนที่เคนรู้จัก ซึ่งอาจจะรู้ว่าเคนอยู่ที่ไหน เมื่อได้เรื่องแล้ว เธอก็สัญญาว่าจะโทรมาบอก ข่าวคราว
วางหูจากเธอ ผมก็นั่งซึม ใจเริ่มเสีย กลัวว่าเคนจะหนีผมไปจริงๆ พยายามนึกว่าจะมีที่ใดบ้าง ที่เคนจะไปพักอาศัยได้ นอกจากบ้านหลังนี้ ทว่าผมก็นึกไม่ออก

ตามประวัติของเคน เขามาอยู่กรุงเทพเพียงลำพัง ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เพราะญาติเขาอยู่ต่างจังหวัดหมด ส่วนใหญ่ก็ทำงานอยู่บ้านนอก จะมีแค่บางคนที่มาหางานทำในกรุงเทพ แต่เขาก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน
เอ๊ะ...เมื่อกี้ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า ผมถอยความคิดคำนึงของตัวเองกลับไปเมื่อครู่ สักพักผมก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ตอนที่ผมป่วย แล้วพยายามหลอกล่อเคนให้มาเพนท์เฮ้าส์กับผมเป็นครั้งแรก ผมพาเขาไปเดินห้าง แล้วก็ไปดูหนังด้วยกัน ออกมาจากโรงหนัง เคนก็เจอญาติของเขาที่ลงมาทำงานกรุงเทพ และกำลังหางานทำอยู่ เขาให้เบอร์โทรศัพท์ผมเอาไว้ด้วย บางที เขาอาจจะรู้ว่าเคนอยู่ที่ไหนก็ได้
ผมค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของญาติเคนในโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ซึ่งนานมากกว่าจะเจอ เพราะผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาชื่ออะไร ไล่ไปไล่มาก็เจอชื่อแปลกๆ ไม่คุ้น ซึ่งไม่ใช่ลูกค้าของบริษัทที่ติดต่อทำธุรกิจด้วย ผมตัดสินใจเสี่ยงโทรไป
โทรศัพท์เรียกไปสักพัก ทางปลายสายก็ตอบมา เป็นเสียงผู้หญิง ผมกล่าวทักทายเธอ และแนะนำตัวว่าผมคือใคร หญิงสาวคนนั้นนิ่งไปนาน คงนึกไม่ออก เพราะตั้งแต่วันนั้น เราก็ไม่มีโอกาสได้คุยกันอีก ผมเลยเอ่ยชื่อเคนเพื่อเป็นการอ้างอิง ทันทีที่ได้ยินชื่อเขา หญิงสาวคนนั้นก็ร้องอ๋อ อย่างดีใจ เธอจำผมได้แล้ว
“คุณเคลวิน ประธานบริษัทที่เคนทำงานอยู่ใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ เอ่อ ไม่ทราบว่าเคนอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
ถามเสียงเป็นงานเป็นการ พยายามไม่ให้มันดูร้อนรนเกินไปเดี๋ยวจะเกิดความสงสัย
“ไม่อยู่ค่ะ ตามหาเคนเหรอคะ เขาก็คงอยู่บ้านเช่าของเขานั่นแหละค่ะ”
ตอบมาแบบนี้ ก็แปลว่าเขาคงไม่รู้แน่ๆว่าเคนอยู่ที่ไหน ผมไม่อยากจะรบกวนเวลาของเขา เลยทำท่าจะวางหู แต่ก็ถูกรั้งไว้ จากเจ้าของเบอร์ที่ผมโทรไปหา
เธอพร่ำขอบคุณผมที่ช่วยดูแลเคนเป็นอย่างดี ทำให้เคนมีงานมีการทำจนมีเงินส่งไปให้พ่อแม่เป็นการตอบแทนบุญคุณ และยังบอกด้วยว่าเคนพูดถึงผมเสมอ เป็นทำนองชื่นชมว่าผมดีกับเขามากๆ และเขาตั้งใจว่าจะทำงานอยู่บริษัทนี้ไม่หนีไปไหน เพื่อตอบแทนน้ำใจของผม
แม้ไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเคนว่าเขาไปอยู่ที่ไหน แต่คำพูดที่ได้ยินจากปากญาติของเคนก็ทำให้ผมรู้สึกชุ่มชื้นในหัวใจ เคนจะทำงานอยู่ที่นี่ไปตลอด เพื่อตอบแทนที่ผมดีกับเขา สามีสุดที่รักของผมช่างน่ารักเสียจริง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหลงรักเขาได้อย่างไร
แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนกัน เขาสัญญาว่าจะอยู่บริษัทนี้ไม่จากไปไหน แล้วไม่ทันไร เขาก็หายตัวไปเสียแล้ว ได้โปรดเถอะเคน รีบกลับบ้านเถอะ ผมห่วงจะแย่อยู่แล้ว

ประมาณเกือบเที่ยงคืน นนนี่ก็โทรหาผม หลังจากที่ไล่โทรไปตามบ้านคนที่เคนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นมอดหรือแม้แต่คุณชาตรี อาจจะดูเอิกเกริกไปหน่อย ที่คนหายหนึ่งคนต้องโทรตามถามหาคนอื่นๆให้วุ่นวาย แต่ผมก็ต้องรอบคอบ ต้องแน่ใจจริงๆ ว่าผมไม่ได้พลาดใครไปสักคนที่จะนำไปสู่เบาะแสว่าเคนอยู่ที่ใด
ไม่มีใครรู้ว่าเคนไปอยู่ตรงส่วนไหนของโลก เขาออกจากบริษัทไปโดยไม่พูดไม่จากับใคร แม้แต่นนนี่ที่เขาสนิทด้วย เขาก็ไม่บอก ผมคิดไปต่างๆนานา คิดว่าเขาอาจจะกลับบ้านนอก ไปหาพ่อกับแม่ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้ทำงานตั้ง 1 เดือน อาจจะอยากกลับไปเยี่ยมบ้านพ่อกับแม่ และอาจจะอยู่ถาวรไม่กลับมากรุงเทพแล้วก็ได้

ถ้าหากเขาไม่ได้กลับไปบ้านของเขา ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเคน ผมไม่อยากคิดในแง่มุมที่ร้ายกาจ แต่การที่เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยก็ชวนคิดไม่ใช่น้อย เขาอาจจะประสบอุบัติเหตุ และตอนนี้อาจจะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้
หรือถ้ามองโลกในแง่ร้าย เขาก็อาจจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว และร่างของเขาอาจจะอยู่ที่นิติเวช โอย...ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด แต่ละอย่างที่เป็นเหตุผลที่เคนไม่กลับมา มันทำให้ผมอยากจะบ้าตาย ขออย่าให้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ผมคิดเลย

มีเสียงก๊อกแก๊กดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ทำให้ผมสะดุ้งตื่น ตายล่ะ นี่ผมรอเคนจนหลับไปหรือนี่ เหลือบดูนาฬิกาข้อมือ มันบ่งบอกเวลาตีสามกว่าเข้าไปแล้ว ผมอยากจะกรีดร้องด้วยความคุ้มคลั่ง เคนไปไหน นี่เขาหายตัวไปเกือบ 10 ชั่วโมงแล้วนะ ทำไมหายไปนานอย่างนี้
ขณะที่ผมลุกขึ้นเดินอย่างหงุดหงิด ที่ติดต่อใครไม่ได้เลย ไม่มีใครรู้สักคนว่าเคนไปไหน เสียงเดิมก็ดังขึ้น ผมหยุดเดินและเงี่ยหูฟัง ก็พบว่าเสียงมันดังมาจากทางประตูห้อง ใครกัน หวังว่าคงไม่ใช่ขโมยหรอกนะ
ผมเดินย่องๆไปที่ประตูห้อง แล้วเอาหูแนบกับบานไม้ ฟังเสียงจากข้างนอก ห้องเคนไม่มีตาแมว ทำให้ไม่สามารถดูได้ว่าคนข้างนอกคือใคร ผมคว้าไม้กวาดที่อยู่ตรงมุมห้องมาถือไว้ในมือ เตรียมจะแพ่นกระบาลเจ้าโจรร้าย ที่บังอาจจะมาลักทรัพย์ในห้องเคนยามวิกาล
มีเสียงคลิกเหมือนกุญแจประตูถูกไขออก สักพักประตูก็ถูกดันเข้ามาจากข้างนอก ผมเงื้อไม้เตรียมจะฟาด ทว่าใบหน้าที่โผล่พ้นขอบประตูมา ทำให้ผมมือไม้อ่อน ไม้กวาดร่วงหล่นจากมือ
“เคน...เคนจริงๆด้วย”
ผมอุทานด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว กลับมาในสภาพที่ไม่บุบสลาย เพียงแต่เนื้อตัวมอมแมม สกปรกนิดหน่อย และมีกลิ่นเหล้าโชยหึ่ง ที่หายไปทั้งคืน เคนคงไปเที่ยวมา แต่ผมไม่รู้ว่าเคนไปคนเดียว หรือไปกับคนอื่น
ผมตั้งท่าจะกระโดดกอดเขา แต่พอเห็นสายตาว่างเปล่าที่มองมา ทำให้ผมเลิกล้มความคิดที่จะออดอ้อนเขา เคนคงกำลังโกรธผมอยู่ ผมต้องรักษาระยะห่างไว้ช่วงหนึ่ง จะได้ปลอดภัย

“ผมช่วยประคองคุณเข้าบ้านนะครับ”
กุลีกุจอเปิดประตูให้กว้างออก แล้วยื่นมือจะไปสอดใต้แขนเขาเพื่อช่วยพยุง ทว่าเคนสะบัดแขน ไม่ให้ผมแตะต้องตัวเขา
“มาทำไม ...”
คำถามของเขา เล่นเอาผมหน้าชา รู้สึกน้อยใจที่เขาถามผมแบบนั้น พยายามระงับอารมณ์ไม่ถือโทษโกรธเขา เคนกำลังเมา และยังคงเข้าใจผมผิดอยู่ เขาก็เลยแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบในทางร้ายๆกับผม
“ก็ที่นี่มันบ้านสามีของผม ทำไมผมจะมาไม่ได้ล่ะครับ”
ตอบเขาไป และพยายามจะช่วยพยุงเคนเข้าบ้าน แต่เขาเอามือผลักผมให้ไปห่างๆ
“ไม่ต้องมายุ่ง ผมเดินเองได้”

--------------------
TBC

มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน้อ   แล้วเจอกันอีกทีตอนค่ำๆๆ :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
น่าสงสารทั้งคู่เลย  :monkeysad:

รีบๆ ปรับความเข้าใจกันซะนะ

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
ว้าววว  มาเยอะมากมาย

ขอบคุณมากค๊าบบบ

ตอนแรกคิดว่า เคนกลับบ้านนอกแล้ว กำลังเชียร์ให้เป็นแบบนั้น  จะได้แบบพ่อแง่แม่งอนน 

แต่เคนโกรธมากๆ ก็ชอบครับ(ซาดิสม์ป่ะเนี่ยเรา)

เพราะจะได้ให้เคลวินง้อ+รักให้หนักๆ อิอิ

จะได้เข้าใจกันและกันมากกว่าเดิม

รออ่านตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :serius2: :serius2:
อยากอ่านต่อแล้ว  ทำไมมันเป็นแบบเน้

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
เคนต้องโกรธและน้อยใจเคลวินมาแน่เลย

แต่ขออย่าให้เคนหลุดปากอะไรออกมาเพื่อเป็นการทำร้ายเคลวินเลย

แต่ตอนนี้ค้างได้ใจจริง

 :z3:

ไฉไล

  • บุคคลทั่วไป
ถ้ารู้ว่าหนุ่มเคนโดนกระแนะกระแหน โดนว่า..โดนจับก้น อีก  ..แล้ว เคนทนไหวเลยต่อยไปอีกชุด

เควิล จะยัง ว่าเคนอีกหรือเปล่า

เข้าใจ ตรง จุดที่เควิลทำนะ แต่ เอิ่ม มัน ช้าไปมั๊ยคะ ช้าไปมั๊ย  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
บทที่ 60 ยังอ่านไม่หมด แต่เวลาหมดต้องไปทำงานแล้ว

คืนนี้ค่อยมาต่อ ของคุณหนูมิ้น ลงให้อย่างจุดใจ แต่ถ้ามันค้างอยู่ก็รีบลงให้หมดเลยนะครับ

+1 เป็นกำลังใจให้กับความขยัย ขอบคุณ คุณเคทด้วย  :L2: :กอด1:

February

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

รีบๆ ง้อ

รีบๆหายงอนเลย....

มันเศร้า.... :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ดีกันเร็วๆนะ อ่านแล้ว เศร้ามากมาย

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
มันดึกแล้วนะหนูมิ้น ไม่ค่ำแล้ว  :z2: แซวเล่น

รออยู่นะครับ สงสัยคงเป็นพรุ้งนี้แล้วละ  :bye2:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
มันดึกแล้วนะหนูมิ้น ไม่ค่ำแล้ว  :z2: แซวเล่น

รออยู่นะครับ สงสัยคงเป็นพรุ้งนี้แล้วละ  :bye2:

 :serius2: :serius2:  มาแล้วค่ะมาแล้ว

บทที่ 61

----------------------


“ผมช่วยประคองคุณเข้าบ้านนะครับ”
กุลีกุจอเปิดประตูให้กว้างออก แล้วยื่นมือจะไปสอดใต้แขนเขาเพื่อช่วยพยุง ทว่าเคนสะบัดแขน ไม่ให้ผมแตะต้องตัวเขา
“มาทำไม ...”
คำถามของเขา เล่นเอาผมหน้าชา รู้สึกน้อยใจที่เขาถามผมแบบนั้น พยายามระงับอารมณ์ไม่ถือโทษโกรธเขา เคนกำลังเมา และยังคงเข้าใจผมผิดอยู่ เขาก็เลยแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบในทางร้ายๆกับผม
“ก็ที่นี่มันบ้านสามีของผม ทำไมผมจะมาไม่ได้ล่ะครับ”
ตอบเขาไป และพยายามจะช่วยพยุงเคนเข้าบ้าน แต่เขาเอามือผลักผมให้ไปห่างๆ
“ไม่ต้องมายุ่ง ผมเดินเองได้”
พูดจบเขาก็เดินเซแซ่ดๆเข้าไปข้างใน โดยมีผมเดินตามไปติดๆ
“เคนนอนพักตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ คุณจะได้สร่างเมา”

ผมพยายามพูดดีกับเขา ไม่สนใจกับการผลักไสไล่ส่งของเคน พยายามคิดว่าเขาเมาและเขาโกรธผม เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เขาไม่สบายใจ ผมจะไม่โต้เถียงเขา และช่วยดูแลปรนนิบัติตลอดค่ำคืนนี้
“บอกแล้วไงไม่ต้องมายุ่ง พูดไม่รู้เรื่องเหรอ”
เคนโวยวายใส่ผม น่าน้อยใจนัก จะเอาแต่ผลักใสผมอยู่ทั้งคืนหรืออย่างไร
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกครับ เคนเมาอย่างนี้ ให้ผมช่วยดูแลคุณดีกว่า”
ผมยังดื้อจะปรนนิบัติเขา สามีผมเมา คงต้องการคนอยู่ใกล้ๆคอยปรนนิบัติ จะให้ผมทิ้งเขาไปได้อย่างไร
“อย่าเลย ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคน”
เขาพูดแบบตัดไมตรี ทำให้ผมสะอื้นในหัวอก แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะทำดีกับเคน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะว่าผมอย่างไร ผมก็ต้องอดทน จนกว่าเราจะปรับความเข้าใจกันได้
ในที่สุดผมก็ดื้อ เข้าถึงตัวเคนและประคองร่างของเขามาถึงเตียงนอนจนได้ เคนพยายามผลักไสผม แต่ด้วยความที่เขาเมาจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ทำให้ไม่มีแรงจะขัดขืน ผมค่อยๆประคองสามีสุดที่รักนอนลงบนเตียง และพยายามแกะกระดุมเสื้อของเขา เคนเอามือปัดป้องเปะปะ ต้องยื้อกันอยู่นาน กว่าจะปลดกระดุมเขาออกได้จนหมด
เสื้อของเขาถูกถอดออกจากตัว มีกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง เคนคงทำเหล้าหกใส่เสื้อตัวเอง ดีที่เคนไม่ได้อ้วกด้วย ไม่งั้นผมคงเป็นลมแน่ ทำไมต้องกินเหล้ามากมายขนาดนี้ด้วย ตัวเองก็ไม่ใช่คอแข็งสักหน่อย สงสัยคงโกรธผมมาก เลยไปกินเหล้าแก้กลุ้ม ผมต้องโทษตัวเองที่ทำให้สามีคิดมากอย่างนี้
ปล้ำถอดเสื้อเขาออกจากตัว หัวสมองก็คิดไปเรื่อยเปื่อย จำได้ว่าตอนที่ผมได้เสียกับเขาครั้งแรก ก็เพราะเขาเมามายไม่ได้สติ แล้วผมก็เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาแบบนี้ จากนั้นทุกอย่างก็เลยตามเลย ทว่าตอนนี้มันคนละกรณีกัน ผมคงไม่สามารถนัวเนียอย่างครั้งแรกได้ ตราบใดที่เรายังไม่เข้าใจกัน เคนคงไม่ยอมผม แถมอาจจะโกรธผมด้วย
“อย่ามายุ่งกับผม”
เคนปัดป้องผลักไส แต่ผมก็ตื้อจนกระทั่งถอดกางเกงเคนออกจากตัวได้ ขนาดเมานะเนี่ย แรงก็ยังพอดิ้นสู้ใช้ได้เลย แต่ผมก็จับกดถอดกางเกงออกจากตัวจนได้ ผมโยนเสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม และคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า ลงในกะละมังซักผ้า เปิดน้ำใส่แช่ผ้าเอาไว้ซักวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็เอากะละมังใบเล็กรองน้ำจากก๊อกครึ่งกะละมัง และเอาผ้าขนหนูมาเตรียมไว้ นำทั้งหมดเดินมาที่เตียงซึ่งเคนนอนเปลือยเหลือเพียงปราการด่านสุดท้ายบนเตียง
ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นๆถูกบิดจนหมาดๆ แล้วนำไปเช็ดที่ใบหน้าของเคน เพื่อขับไล่ความมึนเมาให้เขา เคนผลักผมให้ออกห่าง แต่ผมก็พยายามประชิดตัวและทำความสะอาดให้เขาจนได้
เสร็จจากใบหน้าผมก็เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับเขา เคนปัดป้อง ไม่อยากให้ผมแตะเนื้อต้องตัวเขา จนผมแอบน้อยใจ จะโกรธอะไรกันขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นความหวังดีของผมบ้าง ผมไม่ได้อยากจะทำร้ายใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ต้องดุว่ามันเป็นหน้าที่ของประธาน เขาเป็นพนักงานของผม ทำผิด ก็ต้องว่ากันไปตามผิด จะให้ผมมาโอ๋เอาใจได้ไง ทำไมเขาไม่ยอมเข้าใจเลย
“ผมเกลียดท่านประธานเคลวิน ได้ยินไหม ผมเกลียดท่านประธาน”
คำพูดของเขาเล่นเอาผมน้ำตาซึม ที่ผ่านมา เคนไม่เคยบอกว่ารักผมเลยสักครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยพูดคำว่าเกลียด แต่เมื่อครู่เขาพูดคำนั้นออกมา มันทำให้ผมหัวใจสลาย ไม่นึกว่าสิ่งที่ผมทำลงไป นอกจากจะทำให้เขาไม่เข้าใจแล้ว เขายังเกลียดชังผมอีกด้วย
“ทำไมต้องมายุ่งกับผมด้วย บอกว่าเกลียดไง ไปให้พ้นสิ”
ขาไล่ผมอีก มือก็ผลักไส ไม่ยอมให้ผมเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาอีก
“ประธานเคลวินไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ ที่นี่มีแต่เคลวินเมียของเคนเท่านั้น”
ตอบเขาออกไป พยายามจะบังคับเสียงไม่ให้สั่น ผมเข้าใจเคน เขากำลังโกรธผมอยู่ เลยพูดจาทำร้ายจิตใจผมออกมา และหากว่าผมน้อยอกน้อยใจ และไปจริงๆ ความพยายามของผมที่จะทำให้เขารักผมให้ได้ ก็จะไร้ประโยชน์
เคนผลุดลุกขึ้นนั่ง ตามองผมด้วยแววตาปวดร้าว ต่างจากครั้งแรกที่เข้ามาบ้าน ซึ่งเขามองผมอย่างเฉยเมย ไม่มีตัวตน แต่นี่เหมือนเขากำลังตัดพ้อต่อว่าผมด้วยสายตา ผมแทบไม่อยากมองหน้าเขาเลย ด้วยกลัวจะร้องไห้ออกมาให้เห็น ทำไมเคนต้องมองผมด้วยสายตาแบบนี้ด้วยนะ
“ผมเกลียดคนใจร้าย”
ช่างเป็นคำพูดที่บาดลึกลงไปในหัวใจของผมอย่างที่สุด ผมกลายเป็นคนใจร้ายไปแล้วหรือนี่ ทั้งที่ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว จะให้ผมเพิกเฉยต่อความผิดของเขาได้อย่างไร
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็เชิญ ผมจะไป”
พูดจบเคนก็ลุกขึ้น มีเซนิดๆ แต่เขาก็ทรงตัวได้ ผมผวาลุกตาม ใจหายตั้งแต่ได้ยินว่าเขาจะไปแล้ว นี่เกลียดผมถึงขนาดไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกันเลยเหรอ ผมคงทำให้เขาโกรธมาก เขาถึงอยากได้หนี แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนกัน จะกลับบ้านนอก ไม่ทำงานกับผมจริงๆ หรือจะหนีไปเช่าบ้านอยู่ที่อื่น คำถามมากมายอยู่ในใจ
“เคนจะไปไหนไม่ได้นะ”
ผมขวางเขาเอาไว้ รู้สึกใจจะขาด ถ้าเคนจะหนีผมไปจริงๆ แค่เขาหายไปคืนหนึ่ง ผมก็กระวนกระวายจะแย่ ถ้าเขาจะหายไปจากชีวิตตลอดไป ผมคงอยู่ไม่ได้
“คุณไม่มีสิทธิ์ห้าม”
เขาบอกพลางผลักผมให้พ้นทาง
“มีสิ ผมเป็นเมียของคุณนะเคน ผมไม่อยากให้คุณไปไหนทั้งนั้น ทำไมเราไม่พูดอะไรกันบ้างล่ะ อะไรก็ได้ที่จะทำให้เราเข้าใจกัน”
ขอร้องเขา แต่เคนไม่ฟัง เดินชนไหล่ผม จะเข้าห้องน้ำ ผมเดินตามไปติดๆ พอถึงตัวก็กอดเขาไว้แน่น
“อย่าไปนะครับ”
“ปล่อยผมนะ”
เขาตวาดใส่ผมอย่างฉุนเฉียว ซึ่งนี่ก็เป็นกริยาอย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยทำใส่ผม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเมา หรือเพราะความเกลียดชังในตัวผม จึงทำให้เขาพูดเสียงแข็งใส่ผมอย่างนั้น
“ไม่ปล่อย”
ยังคงดื้อดึงไม่ทำตาม เพราะรู้ดีว่า หากผมยอมแพ้ ผมจะไม่มีวันได้สามีสุดที่รักกลับคืนมาแน่ๆ
“ถ้าไม่ปล่อยเจอดีแน่... จะปล่อยไม่ปล่อย”
เคนโวยวายเสียงดังใส่ผมมากขึ้นกว่าเดิม
“ไม่...”
ยืนกรานปฏิเสธ และกอดเขาแน่นเข้า เคนดิ้นหนีอ้อมกอดของผม ออกแรงทั้งหมดที่มี ทั้งผลักทั้งดันให้ผมออกห่างพ้นตัว เรายื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่หน้าห้องน้ำ ผมไม่ให้เขาเข้าไป เพราะเขาคงจะปิดประตูขังผมอยู่ในนั้น และเราคงไม่ได้พูดจาปรับความเข้าใจกัน

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ หรืออยากให้ผมอ้วกใส่หน้าคุณ”
เขาร้องบอก ผมชะงักเริ่มลังเลว่าเคนหมายถึงอะไร แต่แล้วผมก็ได้รับคำเฉลย เมื่อเคนก้มตัวลง แล้วอาเจียนออกมากองโต ก่อนจะทรุดฮวบ ลงไปนั่งกับพื้น ข้างกองอ้วกของตัวเอง
“บอกแล้วไงว่าให้ปล่อย เป็นบ้าอะไรเนี่ย ถึงได้มาห้ามไม่ให้คนเข้าห้องน้ำ”
เคนตะคอกใส่ผมอย่างหัวเสีย น้ำตาของผมหยดแมะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พยายามกลั้นจนสุดความสามารถแล้ว ที่จะไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น แต่มันก็ทำไม่ได้
รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเหลือเกิน แถมขี้ระแวงอีก เมื่อครู่เห็นเขาเดินจะเข้าห้องน้ำ ผมก็คิดว่าเขากำลังจะอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้าน เพื่อหนีผม เพราะเขาประกาศแบบนั้น แต่พอไม่ใช่ ผมก็ดีใจ ที่เขาไม่ได้จะหนี แต่จะไปอาเจียนเอาสิ่งที่กินไปแล้วออกมา พอเขาตวาดใส่ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมก็ต่อมน้ำตาแตกขึ้นมากะทันหัน รู้สึกเสียฟอร์มอย่างบอกไม่ถูก ที่คนอย่างผม ต้องมาจิตตกร้องห่มร้องไห้ให้กับใครบางคนขนาดนี้
“ผมขอโทษครับ ผมนึกว่าคุณจะหนีผมไป”
ปาดน้ำตาออกจากแก้มด้วยหลังมือ ก่อนจะเอ่ยปากขอโทษเขา จากนั้นก็เอาผ้ามาจัดการทำความสะอาดกองอ้วกที่เคนทำเลอะเทอะเอาไว้ โดยมีสามีสุดที่รักของผมนั่งมองตาม
“อาบน้ำไหมครับเคน ตัวคุณสกปรกอีกแล้ว”
บอกเขา พลางเดินไปพยุงให้เคนลุกขึ้น คราวนี้เคนคนดียอมลุกตามอย่างว่าง่าย แถมซ้ำยอมให้ผมประคองไปเข้าห้องน้ำ ผมเอาเก้าอี้พลาสติกที่เคนมีไว้สำหรับนั่งซักผ้า เอามาให้เคนนั่ง จากนั้นผมก็ตักน้ำในถังที่รองน้ำไว้จนเต็มราดรดตัวเคน น้ำมันคงเย็น ทำให้เคนขนลุกซู่ แต่ก็ดีเหมือนกัน เคนจะได้สร่างเมาเร็วขึ้น
ผมหยิบแชมพู มาเทบนศีรษะของเขา และสระผมให้ จากนั้นก็ถูสบู่ ล้างเนื้อล้างตัวให้กับเคน ซึ่งนั่งนิ่งๆอยู่บนเก้าอี้ ปล่อยให้ผมอาบน้ำทำความสะอาดให้เขา
ผ้าขนหนูที่พาดอยู่ในห้องน้ำ ถูกนำมาใช้เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เคนจนแห้งหมาดๆ เขาลุกขึ้นยืน และถอดกางเกงในที่เขานุ่งออกจากตัว ต่อหน้าต่อตาผม ทว่าไม่มีเวลาที่จะมัวมาคิดเรื่องหื่นๆอีกแล้ว ตอนนี้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ผมต้องแก้คือ ทำอย่างไรเคนถึงจะยอมคุยดีกับผม เพื่อที่ผมจะได้อธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง
สามีสุดที่รักของผม เดินออกจากห้องน้ำในสภาพที่เปล่าเปลือย โดยมีผมเดินตามมาติดๆ ผมเปิดตู้หาเสื้อผ้าให้เขาใส่ เจอเสื้อยืดกับกางเกงเลที่ผมซื้อมาให้เขานุ่งใส่นอน หรืออยู่บ้าน จึงหยิบออกมา เพื่อเตรียมให้เขาใส่ พอหมุนตัวหันกลับมา ก็พบว่าเคนยืนอยู่ตรงหน้า เขาจ้องผมเขม็ง
ผมมองตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน ยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า ผมควรจะพูดอธิบายตอนนี้เลยดีไหม แต่พอเห็นหน้าเฉยเมยของเขา ผมก็ปิดปากเงียบ ส่งเสื้อผ้ายื่นให้เขา ทว่าพอเห็นเขายืนเฉย ผมก็เลยเป็นฝ่ายจัดการให้เขาเอง
ผมดันให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าวที่ผมอุตส่าห์ทำเตรียมรอเขาอย่างดิบดี จากนั้นก็เอาเสื้อยืดสวมใส่ให้เขาทางด้านศีรษะ เมื่อเห็นเขายังนั่งเฉยอีก ผมก็ดึงแขนเขาขึ้นมาแล้วสอดใส่เข้าไปในแขนเสื้อ ทำเหมือนกันทั้งสองข้าง ตอนนี้เสื้อยืดถูกสวมบนตัวเคนเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่กางเกง ผมก้มลงคุกเข่ากับพื้นตรงหน้าเขา แล้วคลี่กางเกงเลออก จากนั้นก็ยกขาเขาขึ้นข้างหนึ่งสอดใส่เข้าไปในกางเกง ผมทำเหมือนกับเล่นแต่งตัวตุ๊กตา เพราะคนที่ผมใส่เสื้อผ้าให้ไม่ยอมช่วยตัวเอง เอาแต่นั่งนิ่งๆ ขยับเคลื่อนไหว เมื่อถูกผมจับเท่านั้น ใบหน้าเขาเรียบเฉย แต่ตายังคอยมองจ้องผมทุกอิริยาบถ

ผมค่อยๆขยับกางเกงจากข้อเท้าเลื่อนสูงขึ้น จนไปถึงต้นขาของเขา เคนยังคงนั่งนิ่ง ไม่ให้ความร่วมมือกับผมในการขยับตัว เพื่อให้ผมใส่กางเกงให้เขาได้สะดวก เมื่อเขาไม่พูดกับผมสักคำ ผมก็ไม่ถามไถ่ หรือขอร้องให้เขาขยับตัว แต่ผมค่อยๆขยับกางเกงซะเอง จนในที่สุด กางเกงด้านหน้าก็เลื่อนมาถึงเอวของเขา
“ทำไมต้องมาทำดีกับผมด้วย”
เป็นเคนที่พูดขึ้นมาก่อน
“เคนเป็นสามีของผมนี่ครับ ถ้าผมไม่ทำให้เคนแล้วผมจะไปทำให้ใคร”
ตอบพร้อมกับโน้มตัว ผ่านต้นขาของเขา เพื่อขยับดึงกางเกงทางด้านหลังให้เลื่อนขึ้น กลิ่นกายของเคนที่เพิ่งอาบน้ำใหม่ๆมันสดชื่นจนผมเผลอตัวสูดกลิ่นกายเขาเข้าปอดเฮือกใหญ่ แต่ก็ต้องแอบๆทำไม่ให้เคนได้รู้
“ผมเกลียดท่านประธานเคลวิน คนใจร้ายใจดำ ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของคนอื่น”
ใบหน้าของเคนขณะพูดนั้นดูบึ้งตึง ราวกับโกรธผมมาสัก 100 ปี ผมหลบตาที่จ้องมองมา มือสองข้างก็อ้อมไปรอบเอวของเคนเพื่อขยับมุมกางเกงเลทางด้านหลังที่ผมดึงผ่านมาได้แล้ว
“ครับผมเข้าใจ คุณอาจจะมีปัญหากับเจ้านาย ไม่รู้จะระบายกับใคร ก็ระบายมากับผมได้เลยครับ ผมยินดีรับฟังทุกอย่าง”
รู้ว่าเขาไม่สบายใจ ก็เลยเปิดโอกาสให้เขาพูดออกมา เคนจะได้หายเครียด เมื่อเขาพูดจนหมดแล้ว ผมจะได้อธิบายให้เขาฟังอีกที
“ระบายเหรอ ที่จริงแล้ว ผมไม่ใช่แค่เกลียด แต่ผมอยากต่อยหน้าเขาด้วยซ้ำ”
คำพูดของเขาทำให้ผมถึงสะอึก เงยหน้าขึ้นมองเคนอย่างนึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดคำนั้นออกมา นี่เขาเกลียดผมจนถึงขนาดที่อยากจะทำร้ายเชียวหรือ
“แล้วทำไมไม่ทำล่ะครับ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดออกไปแบบนั้น แต่คิดว่าคงเพราะมันอาจจะช่วยให้เขาสบายใจได้บ้าง เขาเป็นพนักงาน เมื่อได้รับการตัดสินที่เขาคิดว่าไม่ยุติธรรมสำหรับเขา เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะต่อต้านเต็มที่ รวมถึงระบายให้คนใกล้ชิดได้ฟัง
“ทำเถอะครับ หากมันจะช่วยให้คุณหายโกรธผม”
เอ่ยปากอนุญาตอีกครา ทันทีที่ผมพูดจบ เคนก็คว้าคอเสื้อผมและดึงเข้ามาหา กำปั้นเงื้อง่าขึ้น ผมหลับตาปี๋ รอวินาทีที่เคนจะกระแทกกำปั้นใส่หน้า อยากลองโดนสักครั้งบ้าง จะได้ร่วมซึมซับประสบการณ์ที่เคนถูกคนเกเรต่อยหน้าเพราะปกป้องเกียรติให้ผม
ทว่าวินาทีนั้นไม่มาถึง …….
เมื่อผมลืมตาขึ้น ก็พบว่าเคนมองผมด้วยสายตาที่อ่อนโยนกว่าเดิม พอเห็นผมจ้องมองเขา เคนก็ยิ้มที่มุมปาก จากนั้นกำปั้นในมือของเขาก็พุ่งมาโดนโหนกแก้มผมเบาๆ มันไม่แรงมากก็จริง แต่ตรงข้อนี้ที่กระแทกหน้าก็ทำให้ผมเจ็บไม่น้อย
“มีเมียนี่ มันดีจริงๆเลยนะ”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน และใบหน้าก็เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม เคนเลื่อนตัวลงมานั่งคุกเข่าที่พื้น แล้วดึงผมมากอดไว้แน่น ผมตกตะลึง ตัวแข็งทื่อ ไม่คิดไม่ฝันว่าเหตุการณ์มันจะกลับตาลปัตรเหนือความคาดหมายอย่างนี้

-------------------------

TBC

จะขอบอกว่า  พรุ่งนี้น่าจะจบแล้ว  แต่แว่วมาว่าพี่เคทจะมีตอนพิเศษ มาให้อ่านต่อกันด้วย

ซึ่งตอนพิเศษนี่ได้ข่าวว่ายาวประมาณ 6 - 7 ตอนจบ

ถ้าไม่ผิดพลาดประการใด  พรุ่งนี้จะมาต่อจนจบนะคะ :L2:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
แถมให้อีกหน่อยนึง เป็นน้ำจิ้มสำหรับพรุ่งนี้





พอตั้งตัวได้ ผมก็กอดตอบเคน เราสองคนกอดกันแนบแน่น สักพัก เคนก็ผลักให้ผมนอนลงกับพื้นห้อง จากนั้นเขาก็โน้มตัวลงมาทาบทับ ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ไม่อยากจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้สึกสับสนไปหมด ตอนแรกเคนทำท่าโกรธและรังเกียจผม ขับไสไล่ส่ง แต่ตอนนี้เหมือนเขากำลังทำท่าเหมือนว่ารักใคร่พิศวาสในตัวผมขึ้นมา
ผมไม่มีเวลานึกหาเหตุผลว่าเพราะอะไรเคนถึงได้เปลี่ยนอารมณ์รวดเร็วอย่างนี้ เพราะเคนก้มหน้าลงมาหาผม และประทับจูบที่ริมฝีปาก ท่าทางเขาดูเงอะงะพอควร อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มมาก่อน พอผมรู้ว่าเคนกำลังทำอะไร ผมก็ช่วยเปิดทางให้เขาทำได้สะดวกขึ้น
ริมฝีปากของเราสองคนบดขยี้กันอย่างเร่าร้อน เคนเป็นนักเรียนที่เรียนรู้เร็ว แป๊บเดียวเขาก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร หลังจากที่ประกบปากบดเบียดกันสักครู่ เคนก็เปิดปากผมให้อ้าขึ้นด้วยริมฝีปากของเขาก่อนจะสอดแทรกลิ้นออกไป เขาใช้ลิ้นชอนไชเข้าไปในปากผม มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกกรูเกรียว ความตื่นเต้นที่ถูกเคนรุกเร้าก่อนทำให้อารมณ์ของผมเตลิดเพริศอย่างยั้งไม่อยู่
เสื้อที่ผมสวมใส่อยู่ ถูกเคนดึงออกทางศีรษะอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ท่อนบนของผมเปลือยเปล่า ต่อหน้าต่อตาเขา เคนยิ้มให้ผม เป็นยิ้มหวานที่สุดที่เคยเห็น เขาก้มลงจูบซุกไซร้ซอกคอผม ยิ่งทำให้ผมขนลุกมากขึ้นไปอีก ผมโอบกอดไปรอบตัวเคน มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปในเรือนผมของเขา
ปากและลิ้นของเคนทำหน้าที่ปลุกเร้าผม แม้ว่าเขาจะไม่ชำนาญแบบมืออาชีพ แต่เสน่ห์มันอยู่ที่ความเงอะงะ มันทำให้เขาดูไร้เดียงสา เมื่อต้องเป็นฝ่ายกระทำ และนั่นทำให้ผมมีอารมณ์มากขึ้น
หลังจากเคนโจมตีผมที่ซอกคอจนแดงช้ำไปหมด เขาก็เลื่อนตัวมาที่แผ่นอก ทั้งจูบซุกไซร้มือไม้ก็เคล้าคลึง จนผมเริ่มระทวย แอ่นตัวขึ้นรับมือไม้ของเขา
“เคน...อา...เคน...ครับ...”
เสียงครางหวานเรียกชื่อเขาดังออกมาจากปากผม ดูเหมือนจะทำให้เคนพอใจไม่น้อย เขายิ่งลงไม้ลงมือหนักขึ้น
“อ๊ะ ...อืม...เคน...ผม...ผมรักเคน....”
ครวญครางหนักขึ้น เมื่อเคนเลื่อนลงต่ำ และโจมตีส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของผมด้วยปากและมือ การที่เคนเป็นฝ่ายเริ่มบทรักกับผมก่อน มันทำให้ผมตื่นเต้นถึงขีดสุด ทุกอย่างเหนือความคาดหมายไปหมด เคนเรียกผมว่าเมีย และกำลังเล้าโลมผม ทั้งที่ตลอดมามีแต่ผมที่เป็นฝ่ายปลุกเร้าอารมณ์เขาเสมอ เขายอมรับผมแล้ว ผมดีใจมากจริงๆ

----------------------------------------------


แฮะๆๆๆ  มาแค่นี้แหละ  ไถ่โทษที่ช้านะคะ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
กรี๊ดดดดดดดดดดด ฆ่ากันเลยดีกว่า  :z3: ค้างงงงงงงง

แล้วงี้เคนจะโดนเสียบหรือได้เสียบเมียคืนมั้งเนี่ย  :laugh:

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ๆๆ  ขอบคุณมากครับ  รออ่านตอนต่อไปครับ

แต่มันค้างคาง่ะ :serius2:

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ค้างอย่าแรง เคนมาอารมณ์ไหนเนี่ย

 :call: :call:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด