ตอนพิเศษ สงกรานต์
คุณหมอพณาค่อยๆลืมตาตื่น ตาเรียวกระพริบปริบปรับให้เข้ากับแสงแดดที่ลอดผ่านกระจกเข้ามายังชั้นลอยแห่งนี้ มือควานหาความอบอุ่นข้างตัวแต่กลับกลายเป็นผืนเตียงว่างเปล่า ฌาม์ลุกไปก่อนแล้ว
มือขาวซีดดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง เดินลงจากบันไดมาชั้นสตูดิโอเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน วันนี้ไม่มีเฟรมวาดรูปเกลื่อนห้องเพราะเจ้าของบ้านเลิกรับงานวานรูปมาหลายเดือนแล้ว แต่ถูกแทนที่ด้วยโมเดลบ้านหลังใหม่แทนเรือนมะนาว บ้านที่จะมาแทน Lime-Room ที่ฌาม์อยากจะรื้อนักหนา แต่ยังคงคิดจะทำไปเรื่อยๆ เพราะสุดท้ายก็ยังไม่ตัดสินใจจะทำให้เสร็จ เพิ่มเติมแต่งในโมเดลไปเรื่อย มีเขาออกความเห็นเป็นอย่างๆ ฌาม์เป็นคนสมาธิสูงอย่างน่ากลัว ในยามที่ตัวเขาหลุดไปในโลกหนังสือ ยังนั่งไม่ได้นานเท่าฌาม์หลุดไปในโลกของการเขียนแบบ ไม่แปลกใจเลย…ทำไมถูกเลือกให้ไปเป็นหนึ่งในทีมบูรณะโบสถ์ที่อิตาลี ฝีมือดี ทำงานเร็ว และมุ่งมั่น
ขายาวใต้กางเกงผ้าเดินลงจากชั้นสองมาหาน้ำดื่ม ก่อนจะมองหาเจ้าของบ้าน เห็นหมวกปีกกว้างผลุบๆโผล่ๆอยู่ผ่านกำแพงกระจกไปทางด้านหลัง สงสัยดูแลแคกตัสแฟมิลี่ของตัวเองอยู่
ตอนนี้แคกตัสของฌาม์เจริญเติบโตงอกงามขยายใหญ่จากแคกตัสเล็กเป็นไซส์บิ๊กเบิ้ม ช่วงที่รับงานต่างประเทศก็มีเขาคอยดูแลแทน นอกจากจะดูแลคนไข้แล้วยังต้องมาดูแลต้นไม้ด้วย
เขาโอเคกับการอยู่ห่างกันบ้าง เพราะฌาม์ยังคงทำงานในต่างประเทศมากกว่าจะทำในไทย เจ้าตัวใจจริงก็อยากมาทำที่ไทยถาวรแต่เขารู้ว่าฌาม์สนุกกับการท้าทายใหม่ๆ ซึ่งงานที่ไทยมันไม่ตอบโจทย์ความท้าทายของเจ้าตัว การกักขังเขาไว้กับตัวเองจะกลายเป็นบั่นทอนความรู้สึกในระยะยาว
ให้ไปเล่น ไปเจอสังคม เจอโลก… ส่วนเขาก็ทำงานที่ไทยใช้ชีวิตกับตัวเองในบางครั้ง กลับไปนอนคอนโดบ้างมาอยู่บ้านนี้บ้าง แม้หลังๆจะเริ่มย้ายตัวเองมาอยู่นี่เต็มตัวแล้ว
อย่างวันนี้โชคดีที่เข้าเวรหนักในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาทำให้ได้โควตาวันหยุดสงกรานต์สามวันเต็ม ฌาม์ก็พักจากงานบูรณะพิพิธภัณฑ์ในลอนดอนบินกลับมาไทยพอดี เจ้าตัวน่ะอยากเล่นน้ำเพราะเกิดมายังไม่เคยเล่นเลย เจ้าตัวก็เลยงอแงง้องแง้งเป็นเด็กเวลาวิดิโอคอลกันทุกวัน ส่วนเขาน่ะเกลียดแดดร้อนๆของประเทศนี้จนอยากจะฝังตัวอยู่ในบ้านซะมากกว่า
“แตมแตม หยิบน้ำให้หน่อย”
เสียงเรียกดังมาจากอีกฟากกระจก สองมือหนาเปรอะเปื้อนดิน บนกายสูงมีเพียงกางเกงขาสั้น หมวกกว้างกับแว่นกันแดดทรงกลม ทรงผมยังคงเป็นบ๊อบประหลาดๆ ยาวปรกหน้าหน่อยๆ
คุณหมอพณารินน้ำอุณหภูมิห้องใส่แก้ว หยิบหลอดมาปักแล้วเดินออกไปด้านหลังบ้าน ส่งแก้วน้ำให้คนสวนที่ยิ้มมุมปาก การอยู่ด้วยกันมา ผ่านลูกล่อลูกชนของฌาม์มาจนครบ… รู้เลยว่าการยิ้มของฌาม์นี่เชื่อใจไม่ได้
ไอ้คนกะล่อน…
“ไม่นอนอีกหน่อย ยังเช้าอยู่เลย เมื่อคืนออกเวรดึกนี่ครับ?”
“ตื่นเช้าจนชิน แล้วมาขุดอะไรแต่เช้า”
มือซีดยกขึ้นแตะตามใบหน้าคมที่ชื้นเหงื่อ กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นกายของฌาม์ลอยละล่องอยู่รอบตัว… ความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันมาเดือนกว่า อีกฝ่ายเพิ่งบินกลับมาถึงเมื่อวานตอนบ่าย ส่วนเขาก็เข้าเวรถึงสี่ทุ่มกว่าจะกลับมาบ้านก็เที่ยงคืนแล้ว ต่างคนต่างเหนื่อย ทำได้ก็แค่นอนกอดกัน
“ยังปรับเวลาไม่ได้นี่ครับ วันนี้ต้องฝืนตาให้ได้ จะได้หลับกลางคืนพร้อมคุณ มือหอมจัง”
ไม่พูดเปล่าแต่ยังหันปลายจมูกโด่งมาหอมที่มือขาวซีด… มือสีซีดและเย็นหน่อยๆกับสัมผัสแผ่วเบาของเฌอแตม…สิ่งที่คิดถึงทุกเมื่อเชื่อวัน
“สบู่ล้างมือของโรงพยาบาล รณรงค์การล้างมือกันอยู่น่ะช่วงนี้”
“เด็กๆซนไหมครับ?”
“สุดยอด เฮ้อ…”
คุณหมอพณาเลือกที่จะเป็นคุณหมอรักษาเด็กๆหรือกุมารแพทย์ เรียกว่าเป็นขวัญใจประจำแผนกของทั้งคุณแม่ นางพยาบาลแล้วก็คนไข้วัยเยาว์
ล่าสุดที่ไปรอรับกลับบ้านเมื่อเดือนก่อนก็เจอคนไข้วัยกระเตาะผูกแกละสองข้างงอแงจะแต่งงานกับคุณหมอ ทำเอาแฟนตัวจริงถึงกับหึงไม่ออก เด็กน้อยยังพูดไม่ชัดจะมาเป็นศัตรูหัวใจซะแล้ว… แถมคุณหมอพณายังใจดีไปรับปากว่าถ้าหายเป็นไข้หมอจะยอมไปเดทด้วยที่สวนของโรงพยาบาล
แก่แดดจริงๆ…
“เหนื่อยไหม?”
ฟันคบงับนิ้วมือซีดเบาๆหยอกเย้า
“ฮื่อ ไม่หรอก”
“อยากเล่นน้ำอ่ะ ไปเล่นน้ำกัน”
“ร้อนนะ”
“แปปเดียว ครึ่งชั่วโมงนะคุณ เห็นใจคนไม่เคยเล่นน้ำหน่อยสิครับ”
“ก็ได้… เย็นๆหน่อยนะ เดี๋ยวไม่สบาย”
ยกมือจัดหมวกปีกกว้างให้อีกฝ่าย ที่กลัวไม่สบายน่ะหมายถึงฌาม์ที่ไม่ชินกับอากาศร้อนๆของไทยมากกว่าเขาซะอีก กลัวจะโดนแดดเผาตายไปซะก่อน
“มีแฟนเป็นหมอนี่ดีจัง มีคนคอยดูแล”
“ซนมากจะจับฉีดยา”
“ทำมาขู่ใครกันแน่ฉีดใคร”
แซวกลับจนหน้าขาวซีดแดงระเรื่อ พร้อมทำตาดุเป็นอันพอใจ ร่างสูงกลับไปสนใจต้นแคกตัสแฟมิลี่ต่อ ตอนนี้ขยายพันธุ์ ออกดอก อย่างไม่น่าเชื่อว่าการปลูกเล่นๆจะได้ผลดีขนาดนี้
“เรา…ขายแคกตัสกันไหม? ผมว่าเราขายดีแน่เลยคุณ”
“มีเวลาหรอ?”
“อืม… นั่นสิ? เดี๋ยวรอว่างๆลองดูดีกว่า แต่มีลูกค้าแน่ๆหนึ่งคน”
“หืม ใคร?”
“แม่ผมเอง จริงๆผมให้แม่เป็นตัวแทนดีกว่า ออกงานสังคมงานเดียวก็ขายหมดสวนแล้วคุณ ดีไหม? แล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้แม่ ขายต้นละสิบห้าบาท แบ่งให้แม่ต้นละสามบาท สวนเรามีเจ็ดสิบกว่าต้นแล้วนะคุณ แม่ขายหมดก็ 210 บาท รวมเลยแม่ผม”
มุกแซวแม่ตัวเองขำขันทำเอาหมอพณาส่ายหัว
“ไม่ขำหรอ?”
“ลองไปเล่นกับแม่ตัวเองไหมล่ะ?”
“โห เห็นภาพเลย…”
เสียงหัวเราะทุ่มๆดังในลำคอ หมอพณาปล่อยฌาม์ไว้กับแคกตัสแฟมิลี่ ฌาม์ใช้เวลากับมันได้ทั้งวันจริงๆประสาคนสมาธิเป็นเลิศแถมหมกมุ่นหน่อยๆ ส่วนตัวเองก็มาใช้วันหยุดไปกับการทำกับข้าว
ช่วงที่อีกฝ่ายไปทำงานที่ลอนดอนก็บ่นๆอยากกินเป็ดตุ๋นมะนาวดอง เขาทำไม่เป็นหรอกแต่ไปอาศัยทำตามยูทูป ก็เอาเป็ดพะโล้มาต้มใส่มะนาวดองใส่ฟักง่ายๆ ไม่ถึงกับขนาดรสชาติดีเท่าร้านอาหารแต่ก็ถือว่ากินได้ ทำไข่ยัดไส้อีกอย่างเป็นอันเสร็จ
ฌาม์ชอบกินเค็ทชัฟหรือซอสมะเขือเทศ ทำไข่ยัดใส่ก็ต้องเอาซอสมาวาดหน้ายิ้มให้ด้วย แถมตกแต่งจานด้วยซอสอีก กินเหมือนเด็ก
ทำเสร็จก็ไปเรียกคนที่เริ่มลงแคกตัสแปลงใหม่มากิน ฌาม์ล้างมือเรียบร้อยก่อนจะยิ้มเมื่อเจอเป็ดตุ๋นมะนาวดอง ร่างหนาเดินเข้าไปกอดแฟนผิวซีดจากด้านหลัง
“ปล่อยก่อน ตักแกงไม่ถนัด”
“ขอบคุณครับที่ทำให้”
“ก็…ทำไม่ยากหรอก”
“ดีใจที่จำได้”
ปลายจมูกกดลงที่ข้างแก้มเนียน กลิ่นเหงื่อจากร่างหนาทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ… ไม่รู้ทำไมกลิ่นกายของฌาม์ช่างเป็นตัวเร้าอารมณ์ได้เสมอ
และอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ด้วย….จึงยังคงแกล้งไล้จมูกซุกไซร้ไปตามลำคอ มือลูบลงมาตามเรือนกายและบีบเบาๆที่ต้นขาด้านใน
จุดที่จำได้ว่าฌาม์ชอบทำรอยรักเป็นที่สุด…และมันก็กลายเป็นส่วนที่รู้สึกไวสัมผัสที่สุด จนเผลอครางเบาๆ คนแกล้งแกล้งจนพอใจก็งับใบหูนิ่มเป็นการทิ้งท้าย
“ไปกินข้าวกัน ก่อนที่ผมจะไม่อยากกินเป็ดตุ๋นแต่อยากกินคุณแทน”
“ไอ้บ้า”
บ่ายแก่ๆ ก็ถึงเวลาสำหรับเด็กอยากเล่นน้ำ ปืนฉีดน้ำก็อุตส่าห์ไปซื้อจากเซเว่นตั้งแต่ลงจากเครื่องเมื่อวาน แถมมีซื้อมาเผื่อ ปืนตัวเองน่ะอันใหญ่ยักษ์ส่วนของหมอพณาเป็นแบบสะพายรูปมิกกี้เมาส์แล้วเป็นปืนยิงออก ปิ้วๆ
คุณหมอเลือกเสื้อยืดแขนยาวสีเข้มกับกางผ้าทรงกระบอกที่ไม่อมน้ำสีดำสนิท ส่วนฌาม์ท้าทายแดดด้วยการใส่แค่เสื้อเชิ้ตลายดอกไม่ติดกระดุมโชว์แผ่นอก กับกางเกงห้าร่มขาสั้น มีหมวกปีกกว้างใบเดิมกับแว่นกันแดดทรงกลมสีดำ
“ไปใส่เสื้อีกตัว”
“โห มันร้อนนะครับ”
“…”
ยิ้มกรุ้มกริ่มแม้แฟนจะกอดอกหน้าบึ้ง
“ไม่มีใครมาลูบผมหรอกน่า”
“นับหนึ่ง”
“โอเคๆ ยอมๆ”
จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะแต่งแบบนี้หรอก แต่อยากกวนประสาทอีกคนเล่นเฉยๆ แต่ก็พอใจที่เฌอแตมแต่งตัวเรียบร้อยมิดชิด สุดท้ายก็เลือกเสื้อกล้ามสีดำมาใส่อีกตัวด้านใน และหยิบหมวกปีกกว้างอีกใบที่มีโบว์ผูกมาสวมให้คุณหมอด้วย
“ทำไมชอบจัง หมวกโบว์ๆเนี่ย”
“ของแม่ ผมชอบไปจิ๊กแม่มา หมั่นไส้น่ะครับ หมวกคุณน่ะแอร์เมสนะครับ แม่ผมชอบมาก คราวก่อนทะเลาะกันเลยขโมยมาเลย”
คนใส่ของแพงเบิกตากว้าง เอาหมวกแอร์เมสมาใส่เล่นน้ำสงกรานต์! ให้ตายเหอะ
“ไม่ต้องตกใจไป ส่วนหมวกผมเนี่ย จากช็อปวันพีชครับ ราชาแห่งโจรสลัดคนต่อไป หมวกผมนี่ให้คุณค่าด้านจิตใจกว่าแอร์เมสของแม่ผมอีกนะ”
“ไม่ใส่ เดี๋ยวมันเลอะ”
“เหอะน่า… แม่ผมมีหลายใบ แม่ไม่รู้หรอกว่ามันหายไป”
สุดท้ายเจ้าหมวกแอร์เมสก็เดินคู่หมวกฟางจากญี่ปุ่นไปตะลุยสงกรานต์ บ้านฌาม์อยู่ในซอยย่านสีลม แม้จะเป็นซอยเข้าถนนส่วนตัวที่มีบ้านแค่สองหลัง แต่ด้านหน้าก็คือถนนสีลมดีๆนี่เอง ทำให้เดินไปเพียงห้าร้อยเมตรก็เจอกับฝูงชนคนขายของ เล่นน้ำ ปะแป้ง กันหนาแน่น
ฌาม์ดูจะสนุกสนานกับการฉีดน้ำใส่คนรอบข้าง หรือยื่นหน้าให้คนนั้นคนนี้ปะแป้ง แต่กลับกันดันเป็นเด็กขี้หวงในเวลาเดียวกันเพราะแขนแกร่งโอบเอวคนข้างตัวไม่ห่างไปไหน แถมยังคอยเบี่ยงเอาตัวเองเข้าไปกันเวลาฝูงชนเบียดมาทางคุณหมอ
คนอยู่ในความดูแลขั้นสูงสุดจึงทำแค่ฉีดน้ำจากปืนสุดน่ารักของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย มีโดนปะแป้งบ้างเล็กน้อยจากสาวๆ ส่วนหนุ่มๆเจอรังสีอาฆาตจากเด็กชายฌาม์แผ่กระเจิงไม่กล้ากันหมด
เดินเล่นไม่นานอย่างที่สัญญาไว้ฌาม์ก็พาคุณหมอพณาฝ่าฝูงชนเดินกลับเข้าซอยบ้าน ถึงตัวเองจะอยากเล่นน้ำแต่ก็ไม่อยากอยู่นานให้เฌอแตมหนาวหรือถูกเบียดไปมากกว่านี้
“จริงๆอยู่อีกหน่อยก็ได้นะ”
“ไม่ล่ะครับ พอละ มาเล่นกับคุณที่บ้านดีกว่า จริงๆผมอยากปะแป้งคุณนะ”
“มีแป้งรึไง”
“มีดิ มานี่เลย”
จับจูงมือเย็นมาที่หลังบ้าน ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในตัวบ้านและออกมาพร้อมกรป๋องน้ำใบเล็กที่มีดินสอพองด้วยสองถุง และหลอดสีน้ำ
“ซื้อมาเมื่อวานครับ ขอปะแป้งหน่อยนะ”
“อื้อ…”
ไม่รู้ทำไมหน้าต้องร้อนๆ ก็แค่ปะแป้ง แต่ก็นั่งมองจนฌาม์ผสมน้ำกับแป้งเสร็จ แต่ที่แปลกไปกว่าการปะแป้งธรรมดาคือ เจ้าตัวดันหยิบพู่กันออกมาจากกระเป๋งกางเกง
“อันนี้ซื้อมาใหม่ มาวาดหน้าคุณโดยเฉพาะ ขอวาดหน่อยเร้วว”
“เห้ย แค่แป้งดิไม่เอาสี อื้อ… ไม่เล่นนน”
ไม่เล่นแต่ก็โดนจับป้ายทั้งแป้งทั้งสี วาดหน้ามั่วตั้วไปหมด เลยตาวาวคว้าพู่กันมาวาดคืนบ้าง แต่บีบสีใส่มือนี่ล่ะจนเต็มแล้วแปะทีเดียว กลายเป็นลายมือหลากสีประทับอยู่บนหน้าฌาม์เต็มๆ
สุดท้ายเล่นจนสีกับแป้งหมดก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา เละเทะไม่ต่างกันเลย… ลมเย็นๆพลัดมารำไร ก่อนชายผิวแทนจะโน้มตัวลงมาประทับจูบแผ่วเบาบนเรียวปากคุณหมอพณา…
“อะ อา ฌาม์ ดะ เดี๋ยว… อย่าพึ่ง”
ม่านกระจกถูกลดลง ประตูปิดสนิทเหลือเพียงเรือนร่างเปียกปอนเลอะเทอะไปด้วยสีและแป้งเกยก่ายกันอยู่บนโต๊ะกินข้าว ใบหน้าสวยคว่ำลงต่างจากสะโพกมนที่ยกขึ้นมีร่างหนารั้งเอาไว้พร้อมรุกล้ำเข้ามาเป็นจังหวะ
ถึงจะห้ามแต่ร่างกายกับตอบรับอย่างเต็มใจ ความอบอุ่นของคุณหมอพณาโอมล้อมตัวตนของฌาม์ไว้ทั้งหมด เสียงครางต่ำดังประสานเสียงครางราวกับเจ็บปวดแต่กลับสุขสม
เกือบไปแตะขอบฟ้าฌาม์ก็พลิกคนตัวบางให้เปลี่ยนมาสบตากัน เรียวขาขาวถูกยกขึ้นพาดบ่ากว้าง มือสีแทนประสานมือซีด เสียง
ครางหายไปในลำคอทันทีที่เรียวปากสัมผัสกัน
สุดท้าย…ความอบอุ่นของคุณหมอพณาก็รับน้ำจากฌาม์ไปทั้งหมด
“อื้ออ จะไม่ไหวแล้วนะ…”
ครางประท้วง เพราะตั้งแต่เล่นน้ำจนไปที่โต๊ะกินข้าว ฌาม์ยอมให้อาบน้ำก็จริงแต่พอเสร็จก็โดนจับมา ‘กอด’ อีกครั้ง ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กินแค่สบตากันอีกฝ่ายก็เหมือนไฟติดทันที
“ขอนะ…นะครับ”
เสียงอ้อนทุ้มต่ำ ขาเรียวยืนไม่ไหวแล้วตอนนี้เลยถูกโอบอุ้มให้นั่งบนเคาน์เตอร์ห้องครัว แขนเท้าไปด้านหลังส่วนขาเรียวเกี่ยวกระหวัดกับสะโพกแกร่งที่ขยับลุกล้ำมาไม่หยุด
ฌาม์ยังไม่เข้ามา แต่กลับเสียดสีกับตรงนั้นจนหวามไหว… แถมสองมือก็ขยับซุกซนไม่หยุด ยอดอกสีสวยตอนนี้ก็แดงช้ำเพราะฟันคม รอยจูบที่ถูกสลักไปถ้วนทั่ว
ฌาม์คนเอาแต่ใจ…
“อะ ฌาม์…”
แค่ส่วนปลายที่เข้ามา ก็เรียกเสียงครางหวาน ก่อนหมอพณาจะโอบล้อมฌาม์ไว้ทั้งตัวอีกครั้ง แม้จะไม่ได้เข้ายากเท่าครั้งแรกแต่ข้างในก็ยังอุ่นแน่น…
“สะ สุดท้ายนะ… ไม่ไหว อื้อออ”
“วันสงกรานต์นะครับ… ต้องสาดน้ำใส่กันสิ… ยังได้ไม่กี่น้ำเอง”
“อะ ไอ้บ้า ไม่ไหวแล้ว…”
“ไม่เป็นไร…สงกรานต์มันมีสามวัน ยังไม่นับวันไหล…”
หมอพณา เห็นฟ้าสีเหลืองอยู่รำไร….
========================================================================
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ กลับมาแว้วค่า
ทุกคนขาช่วยคอมเม้นให้กำลังใจหนูหน่อยน้า T___T นักเขียนมีชีวิตอยู่ได้ด้วยคอมเม้นนะคะ แงแง อ่านกันเยอะไม่เม้นเยย อยากได้กำลังใจง่ะ กราบบบ สนุกไม่สนุก ดีไม่ดี หรือภาษาไม่สวยยังไงเม้นได้นะคะ จะได้ไปปรับปรุง ฮืออ อย่าเงียบกันเลยหนา
