ตอนที่ 4
“เพื่อนแตมหรอ พี่เห็นทุกวันเลย”
คนกำลังถอดผ้ากันเปื้อนชะงัก พี่เมย์พยักเพยิดไปทางผู้ชายที่ย้ายมานั่งในร้าน ซึ่งก็ยังง่วนกับสมุดสเก็ตในมือของตัวเอง
“ก็…ไม่เชิงเพื่อนอ่ะครับ เขามานั่งทุกวันเลยได้คุยกัน”
“หล่อเนอะ ว้า พี่อยากมานั่งเฝ้าร้านกลางวันมั่งจัง”
ยิ้มขำท่าทางเพ้อฝันของเจ้าของร้าน
“พี่เมย์ก็มาสิครับ ผมว่าพรุ่งนี้เขาก็มานะ”
“ก็ต้องแบบนั้นสิ พรุ่งนี้แตมหยุดนี่นา”
“เอ๋… อ๋อ ครับ”
วันหยุดที่ขอลาไว้ตั้งแต่ต้นเดือน ลืมไปแล้วเชียว… เก็บผ้ากันเปื้อนเรียบร้อยเดินออกมาหาคนที่ยังสนใจเจ้าดอกหอมหมื่นลี้บนสมุด จากมุมสูงนี้…ดอกหอมหมื่นลี้อย่างกับภาพถ่ายสีขาวดำ เหมือนของจริงมากทีเดียว
“เฮ้..”
“อ้าว เลิกงานแล้วหรอครับ?”
“อื้อ”
“งั้นไปกัน”
“ผม…จะกลับบ้านแล้ว คุณก็กลับได้แล้ว”
ศิลปินหนุ่มเอียงคองง ยกมือถูแก้มตัวเองเบาๆ แต่คงเพราะสันมือมันเลอะคราบดินสอวาดรูปมาทั้งวันเลยเกิดรอยปื้นดำที่ผิวหน้าขาว
“เลอะแล้วคุณ”
หยิบทิชชู่จากโต๊ะขึ้นมาเช็ดหน้าให้ขำๆ
“อ๋อ…ปกติครับ ฮะๆ ขอบคุณนะ”
มือซีดชะงักเมื่อสบตาคมทอความอ่อนโยน ขายาวก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“งั้น ผมไปนะ”
“แล้ว…พิซซ่า?”
“วันนี้เลยหรอ?”
“ไม่ได้หรอครับ?”
น้ำเสียง สีหน้า แววตา… บ่งบอกถึงความคาดหวัง
“จะไปทำที่ไหนล่ะ..?”
“บ้านผม”
“…เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
“ก็คิดว่าไปบ้านเพื่อน ปกตินะ”
“ผมไม่เคยไปบ้านเพื่อนคนไหนเลย”
เดดแอร์… คนชวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะมันปกติจะตายที่จะต้องมีไปงานวันเกิด งานเลี้ยงหรือทำงานกลุ่มที่บ้านเพื่อน ขนาดเขาเด็กสุดในคลาสเรียนมาตลอดก็ยังได้ไป
แต่เพราะนัยน์ตาหม่นแสงจากอีกฝ่ายเลยไม่ได้พูดออกไปถึงข้อสังเกตนั้น… หัวสมองคิดว่าจะทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นยังไงดี
“ก็ลองดูสิจ๊ะ น่าสนุกออก มีเพื่อนผู้ชายบ้างก็ดีใช่ไหมแตม?”
“พี่เมย์…”
“สวัสดีครับ”
“อุ้ย มารยาทงาม ไหว้สวย พี่เมย์นะคะ เจ้าของร้าน แตมบอกว่าคุณมาทุกวันเลย ขอบคุณนะคะที่มาอุดหนุนร้านกาแฟพี่”
“อ่า บรรยากาศร้านดีมากเลยครับพี่เมย์ แล้วก็…เอ่อ แตม? ก็ แตมเขาชงกาแฟอร่อยครับ”
คนโดนเฉลยชื่อก่อนเม้มปากแน่น ใบหน้าขึ้นสีเรื่อเล็กน้อย อยากจะเดินหนีไปจากมุมนี้ก็เพราะความเขินแปลกๆนี่ล่ะ อีกฝ่ายดูจะตื่นเต้นกับการรู้ชื่อเล่นเขาจนมันเขิน…
“ใช่ๆ แตมเขาชงดีสอนไม่กี่ทีก็ชงเก่งกว่าพี่แล้ว คิกๆ แล้วคุณชื่ออะไรคะ สนิทกันแล้วหรอ แปลกน้า แตมไม่ค่อยสนิทกับใครง่ายๆเลย โลกส่วนตัวสู๊งสูง”
“พี่เมย์…แฉผมทำครับเนี่ยย”
“ผมชื่อ ฌาม์ ครับ ฌาม์ ที่เหมือน น้ำชา แต่เป็น ฌ เฌอ”
“ชื่อเพราะจัง มีความหมายไหมคะ ชื่อแตมเขาก็เพราะนะ จริงๆชื่อ เฌอแตม ฌ เฌอเหมือนกันไหม เห็นแตมสะกดชื่อตัวเองแวบๆ ใช่ ฌ เฌอ ไหม?”
“ครับพี่เมย์…”
อายจนหน้าร้อนผ่าว ปกติการบอกชื่อเล่นมันไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่นี่…กับคนที่เขาไม่ยอมบอกแต่แรกดันมารู้ชื่อกันซะอย่างนั้น ก็คิดว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นได้แหละแต่…เร็วไปไหม?
ละคนที่เต็มใจบอกชื่อตัวเองจนน่าหมั่นไส้นี่ก็อีก จะทำหน้าดีใจโอเวอร์ทำไมเนี่ย…
“ชื่อจริงผมมาจาก ฌามา ครับ คุณแม่บอกว่ามาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า นกบินหลา”
“เอ๊ะ แล้วเฌอแตมมาจากภาษาอะไร?”
“ฝรั่งเศส… เอ้ะ?”
เจ้าของชื่อเบิกตากว้าง…ให้ตายเหอะ ความบังเอิญนี้
“นี่ไงแตม ชื่อมาจากประเทศเดียวกัน เป็นเพื่อนกันไว้นะ คิกคิก นานๆทีจะมีเพื่อนคบต้องพยายามเป็นมิตรกับเพื่อนนะจ๊ะ ชวนกันไปไหนคะเนี่ยวันนี้?”
“ชวน เอ่อ เฌอแตมไปทำพิซซ่าที่บ้านครับ… แต่เขาไม่น่าจะอยากไป พี่เมย์ช่วยพูดหน่อย”
“เวอร์แล้ว ต้องหาพวกด้วยหรอ?”
“มีอะไรมาแลกล่ะจ๊ะฌาม์ เรียกชื่อเล่นเฉยๆไม่โกรธพี่นะ”
“ผมมี…ภาพเหมือนที่เหมาะกับร้านกาแฟนี้อยู่ เดี๋ยวอัดกรอบมาให้ครับ ผมวาดเอง”
“งั้นดีล เอาเฌอแตมไปทำพิซซ่าได้เลยจ้ะ ห้ามปฏิเสธนะแตม พรุ่งนี้ก็ลาหยุดอยู่แล้ว ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้างสิชีวิตจะได้มีความสุข”
สุดท้ายก็โดนดันหลังให้ออกมานอกร้านกับลูกค้ากิตติมศักดิ์
“พรุ่งนี้คุณหยุด?”
“อือ”
“แล้วไม่คิดจะบอกผมหน่อยหรอ?”
“เฮ้ย โกรธอะไรเนี่ย”
มือหนายกนวดขมับตัวเอง ปากเม้มแน่นพร้อมแววตาไม่พอใจ
“ก็ยังไงผมก็จะมาหาคุณ แต่คุณหยุด แล้วก็ไม่บอกผม คุณใจร้ายมากครับพระจันทร์ เฌอแตม”
“เดี๋ยว… คือผมก็ลืมว่าตัวเองลา”
“คุณกำลังหลบหน้าผม? ใช่ไหม? ทำไมทำแบบนั้น…ผมก็มีหัวใจนะ”
ไม่รอให้ได้แก้ตัว ฌาม์ก้าวเท้าจ้ำอ้าวๆเดินไปตามฟุตบาท คนโดนเข้าใจผิดหันรีหันขวางแต่ก็รีบวิ่งตามไปจนคว้าแขนแกร่งไว้ได้
“ช็อคโกแลต ฌามา”
“ครับ พระจันทร์ เฌอแตม”
“เราต้องเรียกชื่อกันแบบนี้เลยหรอ?”
“คุณอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ผมโกรธอยู่นะ”
“โอเคๆ ผมขอโทษ ผมลืมจริงๆไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง ไม่โกรธนะ?”
เพราะท่าทางงอนของอีกฝ่ายมันช่างเหมือนเด็กประถมเลยเผลอยกนิ้วก้อยขึ้นมา เขินๆตัวเองเหมือนกันแต่เห็นท่าทางสนใจเจ้านิ้วก้อยของฌามาก็คิดว่า…เวิร์กมั้ง?
“คุณเห็นผมเป็นเด็กชอบเกี่ยวก้อยหรอ?”
“แล้วจะเกี่ยวไหม?”
“ต้องไปทำพิซซ่าบ้านผมนะวันนี้?”
“ก็…จะไปด้วยแล้วไง”
“งั้นเกี่ยวก็ได้ เห็นว่าคุณทำตัวเด็กๆนะครับ…”
เออกูทำตัวเด็กมากครับ แต่ไอ้คนทำท่าทางตื่นเต้นกับการเกี่ยวก้อยนี่ไม่เด็กเลย มียกมือขึ้นลงสองทีเป็นจังหวะอีกนะ… ผู้ใหญ่มาเองจริงๆ
“แล้วบ้านอยู่ไหน?”
“แถว…”
ย่านคนรวยที่อยู่แนวบีทีเอส แต่ก็ต้องนั่งไปหลายสถานีเหมือนกัน
“งั้นเดี๋ยวแวะไปเอารถที่คอนโดก่อนได้ไหม เผื่อกลับดึกรถหมด”
“บ้านผมไม่มีที่จอดรถ”
“หือ? หน้าบ้านก็ไม่ได้หรอ อ๋อ แต่มันย่านคนทำงานอาจจะจอดไม่ได้ งั้นไปบีทีเอสก็ได้”
“โอเคครับ ป่ะ ไปกัน”
คนโมโหตอนนี้อารมณ์กลับมาปกติ แถมยังชวนคุยเรื่องสัพเพเหระไปตลอดทาง ซึ่งเรื่องที่อีกฝ่ายตื่นเต้นมักจะเป็นเรื่องที่เด็กๆจะตื่นเต้นกัน … ฮิปโปอ้าปากหาว ปลาวาฬพ่นน้ำ กระต่ายกระโดดแล้วส่ายตูด
“นี่… ชอบสัตว์หรอ?”
“ครับ… พวกมันน่ารักดี”
“แล้วชอบตัวอะไรที่สุด?”
“นกขุนทอง…”
ไม่ได้ถามต่อเพราะพอพูดถึงนกขุนทอง คนชวนคุยก็เงียบลงทันที แถมยังเป็นจังหวะที่คนเลิกงานพากันเข้ามาในบีทีเอสทำให้เบียดเสียดจนไม่อยากจะพูดอะไรอีก
“ไหนบอกไม่มีที่จอดรถ”
บ้านน่ะอยู่แถวใจกลางกรุงที่ขึ้นชื่อว่าหาที่จอดยาก แต่ซอยบ้านจริงๆน่ะจากถนนใหญ่เดินเข้ามาก็มีแค่สองประตูบ้านที่หันหน้าเข้าหากัน แถมตัวบ้านยังยาวจนจะจอดรถได้สี่ห้าคันริมรั้ว
“ในบ้านไม่มีอ่ะครับ ไม่ได้นับริมรั้ว”
“แปลก บ้านทำไมไม่มี”
“ผมขับรถไม่เป็น… คือ ผมกลัวการขับรถมาก ขึ้นสมองเลยล่ะครับ นี่…อย่าทำหน้าเหลือเชื่อแบบนั้น อายนะ…”
ท่าเกาแก้มแก้เขินกลับมาอีกครั้ง ส่วนมากวัยรุ่นสมัยนี้ถ้าบ้านมีฐานะก็เรียกว่าพ่อแม่แทบจะซื้อรถให้ขับตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย น้อยคนมากที่จะกลัวการขับรถ
“จริงอ่ะ?”
“อือ…พระเจ้าไม่ประทานความสามารถรอบด้านมาให้ใครเป็นพิเศษหรอกครับ ผมเก่งด้านอื่นแล้ว เลยโง่ด้านนี้ ดนตรีก็เล่นไม่ได้
ฟังไม่ออก ร้องเพลงเพี้ยน อะไรที่ต้องตามองอีกอย่าง มือทำอีกอย่าง ควบคุมคอนโทรอะไรนี่ผมไม่ถนัดจริงๆ”
“แต่วาดรูปได้?”
“ตามองมือขยับตาม มันไม่ต้องมาควบคุมเท้าด้วยแบบขับรถนี่คุณ…”
“ตลกว่ะ”
คนขับรถไม่ได้ยักไหล่หัวเราะขำขันก่อนจะหันมาขยิบตาให้จนเฌอแตมรู้สึกแปลกๆอีกครั้ง
“บอกแล้ว…อยู่กับผมมีความสุขนะครับ เรือนมะนาวยินดีต้อนรับครับ…ดีใจที่พระจันทร์ เฌอแตมมาเที่ยวในช่วงนี้เพราะอีกไม่นาน…. ผมจะทุบมันทิ้งทั้งหลัง”
ทางเดินเข้าบ้านเป็นแผ่นหินใหญ่สลับกับหินก้อนเล็กสีขาวเหมือนสวนญี่ปุ่น มีโคมไฟสนามทรงกระท่อมหินอยู่ตามทางเดิน มีทั้งต้นไผ่ และกล้วยพัดใบใหญ่ที่ช่วยบังแดดให้กับตัวบ้าน…
บ้านที่เป็นบ้านกระจก…ถึงสามด้าน
ให้ตายเหอะ…บ้านคนหรือโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์? แค่มองจากด้านนอกก็สวยจนตะลึง กระจกบานใหญ่ยาวตั้งแต่พื้นจรดเพดานชั้นสอง แล้วเจ้าประตูกระจกแทนที่จะเจาะแค่พอดีคนขึ้นกลับลากยาวไปถึงชั้นบนเช่นกัน พอเจ้าบ้านเปิดประตูที บานพับใหญ่ๆสองบานเลยเปิด
ออกไปถึงชั้นสอง
“ยุงไม่เข้าหรอ?”
“เข้าครับ…ตอนสร้างไม่ทันคิด พอดีผมเลียนแบบเพนเฮ้าส์ที่ซานฟราน คือ…ตรงนี้จะเป็นสระว่ายน้ำอ่ะนะ แล้วประตูจริงๆเข้าอีกด้าน อารมณ์ลงจากเตียงก็กระโดดลงน้ำเลย แต่…ไทยมันทำไม่ได้อ่ะครับ”
“นี่…. เป็นสถาปนิกจริงปะเนี่ยแค่นี้ก็ลืม”
“โธ่คุณ สมัยฝีไม้ลายมือยังอ่อนด้อย… แต่นอนดูดาวสวยนะครับ”
ก็น่าจะสวยจริง แต่นอนๆก็เสียวหล่นตุ้บจากชั้นสองลงมาชั้นล่างเหมือนกัน
ภายในชั้นหนึ่งไม่มีอะไรเลยนอกจากครัวและโต๊ะกินข้าว…ที่ทำจากโทนสีขาวและเขียวมะนาวตัดกันพอดี มีบันไดที่ทำจากแผ่นไม้ติดตามกำแพงด้านเดียวของบ้านไปยังชั้นสอง
“บ้านสวยนะ ถ้าไม่ติดเรื่องชั้นสอง”
“ครับ… Lime-Room เป็นงานออกแบบบ้านจริงจังครั้งแรกของผมเอง เลยขาดๆเกินๆไปบ้าง แต่ผมก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนมัน มันสอนผมหลายอย่าง”
“เช่น?”
“สอนว่า….บ้านคนไทยควรหันหน้าไปทางทิศใต้ไม่ใช่ทิศตะวันออกแบบนี้ ตอนกลางวันนี่…แดดโคตรแรงเลยคุณ และบ้านกระจกนี่โคตรเก็บความร้อน”
นี่มันเอาฮาหรือจริงจัง?
“อีกอย่างก็คือ… บ่อปลา ฝรั่งไม่นิยมบ่อปลาซึ่งต่างจากคนไทย ผมเลยลองขุดบ่อปลาคาร์ฟด้านหลัง หน้าฝนแรกเท่านั้น ปลาผม
หายไปทั้งบ่อ นอนตายแถ่ดๆเกลื่อนสนาม… แม่โกรธจนไล่ผมกลับอเมริกาเลยคุณ ปลาคาร์ฟตัวครึ่งแสนนอนตายเป็นปลาตากแห้ง… มันสอนให้ผมรู้ว่าบ่อปลาควรหาอะไรป้องกันเผื่อฝนตก และ… แม่รักปลามากกว่าผม”
“นี่ อยู่ๆไปหลังคาไม่ถล่มลงมาแน่นะ?”
“ไม่หรอกครับ… โครงสร้างดีอยู่ ในความแย่ก็มีข้อดีนะ… ข้อดีคือผมไม่อยากอยู่บ้านตัวเองเท่าไหร่”
“มันดียังไงวะ?”
“ผมก็เลยได้ออกไปข้างนอก….ได้ไปเจอคุณไงพระจันทร์ เฌอแตม”
“มันวกกลับเข้ามาความโรแมนติกทั้งๆที่ผ่านมหากาพย์บ้านมาหมาดๆ มันไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์และคำพูดดูดีเลยให้ตายเหอะ…”
“โธ่คุณ… ผมพูดเล่นน่า… แค่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้เฉยๆ”
“แบบไหน?”
“มีรอยยิ้มกว้างๆแบบนี้… คุณยิ้มสวยนะครับ แต่ไม่ค่อยยิ้มกว้างๆเลย ยิ้มบ่อยๆนะ ผมชอบ…”
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
คำพูดได้…
บริบทใช่…
สีหน้า… แววตา…น้ำเสียง…
เป็นตัวแปรการทดลองนี่ได้หรือยัง…
“ผมอยากทำให้คุณยิ้มบ่อยๆ ไม่รู้จะทำได้ไหมนะ?”
สัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้ม…
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
“ป่ะ ทำพิซซ่ากันดีกว่า ผมให้แม่บ้านเข้ามาเตรียมวัตถุดิบให้แล้วครับ พิซซ่าจากเชฟช็อคโกแลต ฌามา พิเศษสำหรับพระจันทร์ เฌอแตม”
อีกฝ่ายเดินเข้าบ้านไปแล้ว…แต่ทิ้งร่องรอยความรู้สึกไว้จนหนักอึ้ง
ตกลง…แบบไหนคือตัวตนจริงๆของอีกฝ่ายกันแน่?
ผู้ชายเสียงทุ้ม แววตานุ่มลึก หรือว่า ผู้ชายนิสัยเด็กๆ…ที่มีมุกตลกขบขัน
…แบบไหนกันแน่?
===========================================
ฌามาเฌอแตม เข้ากันดี้เข้ากันดี เน๊าะอิอิ
ช็อคโกแลต ฌามา นอกจากจะมาสายไร่อ้อยแล้วนี่มาสายฮาด้วยใช่ไหม?
อิอิ ตอนหน้าบอกเลยยว่า ฟินจิกหมอน