มาต่อแล้วครับ.....
เมื่อคืนพิมจนถึงตีสี่.....ตาจะปิดแล้ว
เลยมาลงให้วันนี้....หลังจากตรวจสอบอีกที.....
เชิญทัศนาครับ.......
ฟังเพลงนี้ประกอบตอนอ่านไปด้วยจะดีมากเลยครับ
http://resources-p3.imeem.com/resources/versioned/6/flash/audio_player_loader.swf?&isEmbed=1&autoStart=true&ak=e7Bg_l7n_N&gatewayUrl=http%3a%2f%2fwww.imeem.com%2famf%2f&as3url=http%3a%2f%2fresources-p3.imeem.com%2fresources%2fversioned%2f167%2fflash%2faudio_player3.swf&as2url=http%3a%2f%2fresources-p2.imeem.com%2fresources%2fversioned%2f35%2fflash%2faudio_player.swf&pm=st&mids=e7Bg_l7n_N***************************************************
( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)
ด้านมืดของพระจันทร์........ ( -_-)*ผมค่อยเปิดดวงตาขึ้นทีละน้อยทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว แสงแดดจ้าจากภายนอกมากระทบกับม่านตา
ทำให้ผมต้องปรับดวงตาให้ชินกับสภาพรอบๆตัว เมื่อปรับเข้าสู่สภาวะปกติผมก็รู้สึกมึนๆหัว
บรรยากาศรอบตัวเป็นสถานที่ที่ผมไม่คุ้นตา แต่ชุดที่ผมใส่ก็ทำให้ผมรู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล
ผมค่อยๆนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่
เสียงโคร้ม......... นั่น ทำให้รถเสียหลักพลิกค่ำ เสียงคนกรีดร้องยังก้องอยู่ในหูผม
หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย.....
ผมรู้สึกฝืดที่คอและก็รู้สึกกระหายน้ำ ผมค่อยๆใช้ศอกดันตัวเองลุกขึ้นเพื่อจะหยิบน้ำที่หัวเตียงมากิน
“ โอ๊ย......... ” ผมรู้สึกเจ็บที่บริเวณท้องจนต้องร้องออกมา
“ ฟรอย........ ” เสียงชายสองคนที่ผมคุ้นเสียงดีดังขึ้นมาพร้อมกัน
จากนั้นไม่นานร่างของทั้งคู่ก็มายืนอยู่ข้างเตียงนอนที่ผมนอนอยู่ทั้งสองข้าง
“ รู้สึกตัวแล้วเหรอฟรอย..... ” พี่ฉินพูดขึ้นอย่างดีใจซึ่งผมรู้สึกเหมือนว่าอาการนั้นมันดูเว่อร์เกินไป
“ เป็นไงมั่งฟรอย.... เจ็บตรงไหนบ้าง ” พี่บอสก็อีกคนที่พูดด้วยท่าทางที่ดูเว่อร์ไม่แพ้กับพี่ฉิน
นี่ผมเจ็บจนใกล้ตายเลยรึไงทั้งคู่ถึงแสดงอาการดีใจกันขนาดนี้
ในขณะที่ผมกำลังงงกับท่าทีของทั้งคู่ พี่ฉินก็เอามือมาจับที่หน้าผมเบาๆให้หันไปมองหน้าพี่เค้าพร้อมกับชูมือขึ้นสองนิ้วแล้วถามว่า
“ นี่กี่นิ้ว ”
“ สองนิ้วครับ ” ผมตอบไปด้วยท่าทางงงๆ
“ ฟรอย.... จำพี่ได้รึป่าว???? ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางวิตก
“ ไอ้บ้า.... หมอไม่ได้บอกซะหน่อยว่าฟรอยจะความจำเสื่อม..... แล้วพี่ล่ะ.... พี่ชื่ออะไร” พี่บอสพูด
“ งั้นเมิงถามทำไม.... ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางกวนๆ
“ ผมว่าเลิกเถียงกัน.... แล้วพี่ฉินใส่เสื้อให้พี่บอสให้เสร็จก่อนดีมั้ยครับ ”
ผมพูดด้วยเสียงแหบแห้งพร้อมกับหัวเราะน้อยๆกับท่าทางของทั้งคู่
“ อ่อ... เออใช่ ” พี่ฉินพูดปนหัวเราะพร้อมกับเดินมาอีกฝั่งเพื่อใส่เสื้อเชิ้ตให้พี่บอสที่ตอนนี้ใส่แขนข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกเข้าไปในเสื้อเพียงแค่ข้างเดียว
“ เรียบร้อย.... ” พี่ฉินพูด
“ ใจว่ะ... ” พี่บอสพูด
“ ฟรอยเป็นไงบ้างครับ ” พี่ฉินรีบหันมาถามผม
“ มึนๆหัวหนะคับ.... แล้วก็เจ็บๆที่แผล นี่อาการผมหนักมากเหรอครับ ” ผมพูดพร้อมกับเลิกเสื้อขึ้นเพื่อดูแผลตรงที่เป็นรอยเย็บ
“ ก็......... นิดหน่อยหนะครับ.... ” พี่บอสกับพี่ฉินอึกๆอักๆมองหน้ากันก่อนที่พี่ฉินจะตอบกลับมา
ดูจากท่าทางของทั้งคู่ผมก็พอจะรู้ว่าอาการผมก่อนหน้านี้คงจะหนักพอควร
“ ผมหิวน้ำ.... ” ผมพูด
พี่ฉินเลยรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นหลอดมาให้ผมดูด
“ ฟรอยอย่าขยับตัวมากรู้มั้ย.... เดี๋ยวแผลจะปริ ” พี่บอสพูด
“ แขนพี่..... ” ผมพูดเชิงถาม
“ แค่แขนหักหนะคับ.... อาทิตย์กว่าๆก็เอาออกได้แล้วครับ ” พี่บอสพูด
“ ห่วงแต่ไอ้บอสนะ.... ” พี่ฉินพูดเหมือนจะน้อยใจ
“ ก็พี่ฉินไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ครับ... เห็นๆกันอยู่ ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“ เอ้อ.......... ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางน้อยใจเป็นเด็กๆ เห็นแล้วก็ตลกดีครับ
“ น่ารักตายล่ะเมิง.... ” พี่บอสพูดแซวพี่ฉิน
“ แล้วนี่คนอื่นๆเป็นไงมั่งครับ.... ” ผมถามอย่างเป็นห่วง เพราะดูจากท่าทางแล้วคนที่นั่งส่วนหลังของรถดูเหมือนจะได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่นๆอย่างผมและพี่บอส
“ ก็.................... ” พี่ฉินอึกอักพร้อมกับหันไปสบตากับพี่บอสจนพี่บอสพูดออกมาว่า
“ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก หนักแค่บางคนหนะ..... แต่ตอนนี้ออกโรงบาลกันหมดแล้ว.... ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ”
พี่บอสพูด ผมได้ยินแบบนี้ก็ค่อยโล่งใจ
“ ใช่.... ก็เหลือแต่ฟรอยเนี่ยแหละ.... รีบๆหาย คนอื่นเค้ากลับไปทำงานกันหมดแล้วนะ ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
“ โห... จะไล่ผมออกมั้ยเนี่ย..... งั้นผมไปทำงานเลยแล้วกัน.... ” ผมพูดแกล้งพี่ฉิน
“ พักผ่อนให้หายก่อนเถอะครับ..... ไม่มีใครว่าไรหรอก..... ฝีมือดีขนาดนี้ใครจะกล้าไล่ออก ” พี่บอสพูด
“ เออ..... เอากันเข้าไป ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางกวนๆ
“ งั้นผมลาออกก็ได้นะครับ... ถ้าผมเอาเปรียบบริษัทเกินไป ” ผมแกล้งหยอกพี่ฉิน
“ ไม่ต้องเลย..... พักไปจนหายดีนั่นแหละ ” พี่ฉินพูด
“ 55555555+……………. ” เสียงพี่บอสหัวเราะออกมาส่วนผมได้แต่ยิ้มเพราะยังเจ็บๆแผล
“ แล้วงานตัวนั้นลูกค้าว่าไงบ้างครับ ” ผมถาม
“ ลูกค้าพอใจมาก แต่ก็ขอโทษขอโพยกันใหญ่เลยเรื่องอุบัติเหตุ เพราะเห็นว่าเราเร่งงานกัน ” พี่ฉินพูด
“ ลูกค้าฝากชมเรามาด้วยนะ.... เห็นว่าจะมาเยี่ยมด้วย ” พี่บอสพูด
“ อ้อครับ... งั้นผมจะรีบหายไวๆแล้วกลับไปทำงานนะครับ ” ผมพูดอย่างมีกำลังใจที่งานชิ้นแรกเป็นที่พอใจ
“ ครับ...... ” พี่ฉินพูด
“ เอ้อฟรอย..... ฟรอยไม่มีเบอร์ติดต่อเพื่อนหรือญาติบ้างเลยเหรอ ” พี่บอสถามขึ้นทำเอาผมแทบกลืนน้ำลายไม่ลง
“ เออใช่.... พี่จะติดต่อบอกพวกเค้าเรื่องอุบัติเหตุก็ติดต่อใครไม่ได้เลย ” พี่ฉินพูด
“ เอ่อ.............. คือ............ ” ผมไม่รู้จะพูดยังไง เรียกว่าไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนจะดีกว่า
บรรยากาศในห้องที่ดูเหมือนสนุกสนานในตอนแรกแปรเปลี่ยนไปถนัดตา
“ มีอะไรรึป่าว..... ” พี่ฉินพูด
“ ฟรอยมีอะไรพูดกับพี่สองคนได้นะ..... ” พี่บอสหันไปสบตาพี่ฉินก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเป็นห่วง
“ คือ............. ผม..... ” ผมรู้สึกว่าการจะพูดออกมาแต่ละคำทำไมมันดูยากจัง
“ ทำใจให้สบายๆแล้วค่อยเล่าก็ได้ครับ.... ” พี่ฉินพูด
“ ครับ.......... ” ผมพูดแล้วนิ่งไปสักพักเพื่อทำใจให้เข้มแข็งก่อนที่จะค่อยๆเล่าเรื่องราวในอดีตออกมา
“ ผมเป็นเด็กกำพร้าครับ...... ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ของผมคือใคร บ้านของผมตั้งแต่ผมจำความได้คือสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า......... ผมโตมาจากที่นั่น โดยมีผู้ใหญ่ใจดีท่านนึงเป็นผู้อุปการะผม..... แต่ท่านก็ไม่ได้รับผมไปอยู่ด้วยนะครับ ผมก็ยังคงอยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าจนผมเรียนจบมัธยม เพียงแต่ท่านจะส่งค่าใช้จ่ายมาให้ผมทุกเดือนจนผมเรียนจบ
พอผมเข้าเรียนมหาลัย.... ค่าใช้จ่ายต่างๆท่านก็เป็นคนออกให้ทั้งหมด....... มาช่วงประมาณปีสองที่ผมเริ่มหางานทำเพราะอยากจะแบ่งเบาเงินที่ท่านส่งมาให้ผม........ พอผมเรียนจบผมก็รีบหางานทำ ไม่แปลกหรอกครับ... ที่พวกพี่จะติดต่อพ่อแม่ของผมไม่ได้ เพราะตัวผมเองก็ไม่เคยได้ติดต่อ.... อย่าว่าแต่ติดต่อเลยครับ... น่าตาเค้าเป็นยังไงผมเองก็ยังไม่รู้เลย ” ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกหดหู่
“ ท่าน.... ที่ฟรอยพูดถึงหมายถึงใครเหรอ ” พี่บอสถามขึ้น
“ ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าท่านคือใคร.... ผมเคยเจอท่านสองครั้ง คือตอนที่ผมสอบเข้ามัธยมกับตอนที่ผมสอบเข้ามหาลัยได้.......... ” ผมพูด
“ ตอนนี้เค้าอยู่ไหนเหรอคับ ” พี่บอสพูด
“ ผมรู้ว่าเค้าสบายดี........ แต่ผมละอายใจที่จะติดต่อกับเค้า...... ” ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกครับ...... ว่าเพราะอะไร....... ช่วงที่ผมเรียนมหาลัย... ผมได้รู้จักกับพี่โฟน พี่เค้าดีกับผมมาก คอยช่วยเหลือผมทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน เค้าช่วยผมหางานทำช่วงที่เรียน......ความรู้สึกดีที่มีให้กันมันค่อยๆเพิ่มมากขึ้นจนเกินคำว่าพี่น้องโดยที่ผมไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นจากตรงไหนรึเมื่อไหร่ ผมรู้แต่ว่าเมื่อผมรู้ตัวรู้ความรู้สึกตัวเอง.... ผมเลือกที่จะปฏิเสธ.... ในตอนนั้นผมไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ว่าผมรักผู้ชาย.... แล้วพี่โฟนก็เป็นคนดีเกินไปที่จะมาคบกับคนอย่างผม ที่สำคัญคืออะไรรู้มั้ยครับ...... .... ” ผมพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นมองพี่ฉินกับพี่บอสที่กำลังฟังเรื่องราวของผมอย่างตั้งใจ ดวงตาของทั้งคู่ปรึ่มไปด้วยน้ำตา นี่ชีวิตผมมันน่าเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ.......
ใช่สิมันน่าเศร้า.........................
“ คือ..... พี่โฟนเป็นลูกของท่านที่อุปการะผม ผมถึงไม่อยากให้พี่เค้ามาหลงผิดกับคนอย่างผมได้............ ”
ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่ได้
แผลในใจของผมมันเหมือนจะปริออกอีกครั้ง แผลที่เจ็บกว่าแผลไหนๆ...... แผลที่ไม่มีวันหาย.....
แผลที่พร้อมจะปริออกมาได้ทุกเมื่อเพียงแค่มีอะไรไปสะกิดเพียงเบาๆ
“ ผมคิดว่า.... การที่ผมปฏิเสธที่โฟนในวันนั้นจะจบเรื่องทุกอย่างได้... แต่ไม่ใช่เลย.. ผมทำให้พี่โฟนตาย....... ”
ผมร้องไห้ออกมาจนตัวโยนจนพี่ฉินเขยิบเข้ามากอดผมไว้
“ ตอนนี้นายไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกแล้วนะ....... นายยังมีพี่กับไอ้ฉินนะ ” พี่บอสพูดพร้อมกับเอามือลูบที่หัวผม
“ ไม่เป็นไรแล้วนะ..... ไม่เป็นไรแล้ว.... มันผ่านไปแล้วครับ ” พี่ฉินพูดปนสะอื้น
“ ขอบคุณพี่สองคนมากนะครับ... ” ผมพูดหลังจากที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว
“ ไม่เป็นไรหรอก...... พี่เต็มใจนะ.... ” พี่ฉินพูด
“ เมิงไม่ต้องเอาหน้า........ ....... ฟรอยครับ... พี่ก็เต็มใจนะครับ ” พี่บอสพูดทำเอาเราสามคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ยามค่ำคืนที่แสงของดวงอาทิตย์ผ่านพ้นไปแลเห็นดวงดาวสุกสว่างเต็มท้องฟ้า
ท่ามกลางแสงดาวสุกสว่างนับหมื่นนับแสน ยังมีดวงจันทร์ที่ทอประกายแสงงดงามเจิดจรัสทั่วฟ้า
แสงสีทองที่ทอประกายดวงใหญ่นั้นส่องสว่างสวยงามจับใจใครหลายคน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด แม้ว่ามุมไหนของโลกต่างก็เห็นดวงจันทร์ดวงเดียวกัน
มองเห็นความงามของดวงจันทร์ได้เหมือนกันต่างกันเพียงคุณยืนอยู่คนละมุมโลกก็เท่านั้น
ไม่แปลก..............
เพราะความงามตรงหน้าในยามค่ำคืนแห่งนี้มันสวยงามจนใครหลายคนหลงใหล
แต่น่าเศร้า............
ที่ใครหลายคนลืมนึกถึงด้านมืดของพระจันทร์
จะมีใครรู้มั้ยว่าแสงจันทร์ด้านนั้นที่หลายคนว่าสวยจับใจ อีกด้านนึงข้างหลังเป็นเช่นไร
ความสวยงามไม่ต้องมองหา...... เพราะว่าไม่มี
มันหนาว....... เหงา............. และว้าเหว่.......................
ชีวิตผมไม่เคยมีใครให้นึกถึง........ เพราะผมไม่มีใคร..................... ผมมีเพียงตัวผม
ช่วงที่ผมเป็นเด็ก...... ผมรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันช่างยาวนาน......
หลายครั้งที่ผมเห็นพ่อ แม่ ลูก เดินด้วยกัน หยอกล้อกันอย่างมีความสุข
ภาพคู่รัก...... ที่ต่างมอบความรักให้แก่กัน
แต่ทำไมผมถึงมีแต่ตัวผม เพียงคนเดียว..... คนเดียวจริงๆ.......
เราเดินสวนกัน..........
นั่งรถเมล์คันเดียวกัน........
นั่งกินข้าวอยู่ใกล้กัน..................
แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมอยู่คนละโลกกับคนอื่น
การอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันกับใครอีกหลายคน แต่เรากลับรู้สึกว่าเราไม่มีตัวตน
เหมือนไม่มีใครมองเห็นเรา เป็นสิ่งซึ่งน่าเศร้าใจมากนะครับ
ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน......
ผมไม่รู้ว่าผมมาจากไหน.....
ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ผมคือใคร...........
ผมแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย............
แต่อย่างน้อย....... ก็ยังดี ที่ผมยังรู้วันเกิดของตัวเอง.................
ครั้งนึงผมนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์........... ในเวลาตีสองกว่าๆ
วันนั้นเป็นวันเกิดของผม...................
ไม่มีการเลี้ยงฉลอง.........
ไม่มีของขวัญ.......... หรือคำอวยพร.........
ไม่มีเค้ก....................
จากใคร.........
มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผม เพราะผมเองก็ไม่เคยได้รับมัน
ผมนั่งอยู่ตรงนั้นได้สักพัก ไม่นาน....... ชายหนุ่มรุ่นราวคาวเดียวกับผมเดินมาหยุดนั่งไม่ไกลจากผม
สองมือเค้าเต็มไปด้วยกล่องของขวัญ........... เค้ากำลังจัดแจงของขวัญเหล่านั้นใส่เป้บ้างใส่ถุงบ้าง
ขยับไปมาเพื่อให้สะดวกต่อการถือมากที่สุด ขณะที่เค้าจัดแจงอยู่นั้น กล่องของขวัญกล่องนึงกลิ้งมาหยุดตรงที่เท้าผม
หน้ากล่องสีสวยนั้นมีการ์ดติดอยู่ ข้อความว่า.....
สุขสันต์วันเกิดนะ......................
ผมมองดูกล่องของขวัญตรงหน้าด้วยใจรื้นๆ
เสียงเปิดประตูทำให้รู้ว่ามีคนเข้ามา..........
“ ยังไม่นอนอีกเหรอ.... ” เสียงพี่ฉินพูดพร้อมกับที่ผมหันไปมองพอดีว่าใครมา
“ ครับ..... พอดีวันนี้นอนทั้งสันแล้วเลยไม่ค่อยง่วงหนะคับ ” ผมพูด
“ คิดมากอะไรอยู่อีกล่ะสิ ” พี่บอสพูดพร้อมกับเดินมาที่ข้างเตียง
“ นิดหน่อยครับ..... ” ผมพูด
“ อ้อฟรอย.... นี่พี่เคน เพื่อนพวกพี่เอง ” พี่บอสพูด
“ สวัสดีครับพี่...... ” ผมกล่าวทักทาย
“ ครับ..... ” พี่เคนพูดตอบด้วยท่าทางใจดี
“ เมิงสองคนกินน้ำก่อน.... อ่ะ ” พี่ฉินเดินถือน้ำมาหลังจากเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำมา
“ ใจว้ะ......... ” พี่เคนพูด
“ กูหิวแล้วว่ะ..... ” พี่บอสพูด
“ เออ.... เดี๋ยวกูไปทำมาให้แดก ” พี่เคนพูดก่อนที่จะหิ้วถุงบะหมี่ที่ซื้อกันมาเข้าไปในห้องเล็กๆข้างห้องน้ำ
“ ใจว้ะ...... ” พี่บอสพูด
“ เผื่อกูด้วยนะ...... ” พี่ฉินตะโกนบอก
“ เป็นไงบ้าง.... อยู่คนเดียวเหงามั้ย ” พี่ฉินเดินมาหาผมที่เตียงแล้วถามขึ้น
“ ไม่หรอกคับ..... ผมอยู่คนเดียวจนชินแล้ว.... ” ผมพูด ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนฟังรู้สึกเช่นไรเพียงแค่ตอบไปตามที่ถามมา แต่ดวงตานั่นทำให้ผมรู้ว่าเค้ารู้สึกเช่นไร
มันเหมือนแววตาที่ใครบางคนเคยมองผม.......
“ หิวมั้ย......... กินผลไม้ป่ะ เดี๋ยวพี่ปลอกให้ ” พี่ฉินพูด
“ ไม่เป็นไรครับ..... พี่กินก่อนเหอะ.... ท่าทางจะหิวกันมา ” ผมพูด
“ ก็นิดหน่อยครับ....... ” พี่ฉินพูด
“ เฮ้ย.... เร็วๆดิ........ หิวนะเว้ย.... ” เสียงพี่บอสที่นั่งรอตรงโซฟาหน้าทีวีตะโกนเร่งพี่เคน
“ เดี๋ยวสิว้ะ..... เดี๋ยวกูก็ไม่ทำให้แดกซะเลย.... ” พี่เคนตะโกนกลับมา
“ เออ..... ถ้ากูไม่ง่อยนะ....กู ไม่ใช้เมิงหรอก ” พี่บอสตะโกนกลับไปทำให้ผมกับพี่ฉินหัวเราะออกมา
“ ยิ้มแบบนี้บ่อยๆสิครับ..... อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลย ” พี่ฉินพูด
“ ขอบคุณนะครับพี่.... ที่เป็นห่วง ” ผมพูด
“ อ่ะ..... ได้แล้ว......... ” พี่เคนพูดพร้อมกับยื่นบะหมี่ให้พี่บอส
“ ใจว้ะ...... ” พี่บอสพูด
“ พี่สองคนนี้เค้าตลกกันดีนะครับ ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมากับท่าทางของทั้งคู่
“ ไอ้สองคนนี้มันชอบกัดกัน....... แต่จริงๆแล้วมันสนิทกันมากนะ....... รักกันมากด้วย เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว..... ” พี่ฉินพูด
“ ครับ.... ดีจังนะครับ ” ผมพูดพร้อมกับอดนึกถึงเพื่อนๆสมัยมหาลัยไม่ได้
“ แล้วเพื่อนๆฟรอยล่ะ..... ” พี่ฉินถามขึ้น
“ ตั้งแต่พี่โฟนเสีย...... ผมก็ห่างๆจากเพื่อนๆ พอเรียนจบผมก็ไม่ได้ติดต่อใครเลย....... ”
ผมพูดพร้อมกับนึกถึงภาพวันเก่าๆที่ผมและเพื่อนๆมีร่วมกัน ตั้งแต่พี่โฟนก้าวเข้ามา
ผมรู้สึกว่าแสงสว่างของดวงจันทร์ส่องสว่างมาถึงตัวผม ใครหลายคนมองเห็นผม
ผมมีเพื่อน..... มีกลุ่มเพื่อนสนิท จากเดิมที่ผมไม่เคยมี
ผมได้ของขวัญ..... จากเดิมที่ไม่เคยได้
ผมได้รับความห่วงใย.... ได้รับความรัก ได้รับมิตรภาพ ที่มาจากคนรอบข้าง
ไม่ใช่ที่มาจากตัวผมเอง เหมือนแต่ก่อน.....
ผมรู้สึกว่าผมมีตัวตน..........
แต่ผมก็ทิ้งคนเหล่านั้นมา...
“ เพราะ......... คนเหล่านั้นทำให้นึกถึงพี่โฟนใช่มั้ย....... ” พี่ฉินพูด ผมหันมาสบตาพี่ฉินอีกครั้ง
แววตานั้นบอกให้ผมรู้ว่าคนตรงหน้า......
รู้ในสิ่งที่ผมคิด....
รู้ในสิ่งที่ผมกลัว
เราคงเคยรู้สึกเหมือนกัน......
############################################################