- - - - ระยะห่างของความรู้สึก - - - - ผมมาทักทาย... (1 ก.พ. 54)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - - ระยะห่างของความรู้สึก - - - - ผมมาทักทาย... (1 ก.พ. 54)  (อ่าน 71105 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
^
^
^
 :z13: ขอเจาะไข่น้องใหม่ก่อนนะ กร
+1 ต้อนรับ dui12342537 เข้าเล้าครับ

 :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:กร สุดหล่อ ให้หายคิดถึง
ไม่เจอกันซะนานเลยนะ กลับเข้าเล้าถูกซะด้วย เก่งงงงงงงงงงง ฮ่าฮ่า
 :L1:ยังร้าก...กร เหมือนเดิม :L1:   :-[
ป้อล่อ...+1 แล้วเข้าเล้ามาบ่อยๆนะกร  :z1:

ออฟไลน์ pajaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-5
เพราะผมตามตัวเองไม่ทัน...  จึงไม่รู้ว่ามันผิดหรือถูก

สิ่งนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการไตร่ตรอง.... นั่นก็คือไม่ได้ผ่านการคิด



แน่ใจรึคับ

ขออนุญาตนะคับ

จากที่เราคุยกันถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะพี่ตามตัวเองไม่ทัน  แต่เพราะพี่เปลี่ยนแปลงของตัวเองได้
รู้สึกภูมิใจเล็กๆ  สนุก-เพลินกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
รู้สึกแปลกใหม่กับสิ่งที่ทำ และผลที่ได้รับทั้งจากตัวเองจากคนที่รู้จักและไม่รู้จัก

พอหันกลับไปมองมัน ชั่วระยะเวลาแค่ไม่นาน กลับกลายเป็นว่าพี่ทำอะไรไปเยอะแยะมากมาย...เท่านั้น...รึป่าว

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เพราะผมตามตัวเองไม่ทัน...  จึงไม่รู้ว่ามันผิดหรือถูก

สิ่งนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการไตร่ตรอง.... นั่นก็คือไม่ได้ผ่านการคิด



แน่ใจรึคับ

ขออนุญาตนะคับ

จากที่เราคุยกันถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะพี่ตามตัวเองไม่ทัน  แต่เพราะพี่เปลี่ยนแปลงของตัวเองได้
รู้สึกภูมิใจเล็กๆ  สนุก-เพลินกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
รู้สึกแปลกใหม่กับสิ่งที่ทำ และผลที่ได้รับทั้งจากตัวเองจากคนที่รู้จักและไม่รู้จัก

พอหันกลับไปมองมัน ชั่วระยะเวลาแค่ไม่นาน กลับกลายเป็นว่าพี่ทำอะไรไปเยอะแยะมากมาย...เท่านั้น...รึป่าว

^
^
เหอ เหอ  :z1: ไปคุยกันตอนไหนอ่ะ งง วุ้ย
 :กอด1:กร

un_john2006

  • บุคคลทั่วไป
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจครับ

 :L2: :L2: :L2:


 :L1: :L1: :L1:


ยังงัยก็อย่าหายไปนานนะครับ

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
ตอนใหม่ยังพิมอยู่นะคร้าบ....

เดี๋ยวพรุ่งนี้ลงต่อให้นะครับ....

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคร้าบ....

ลุงๆ... อยากรู้ไรมาเคลียร์....

ไม่ก็ออนเอ็มเดะ... ซะทีๆ

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
สวัสดีคนอ่านทั้งผู้อ่านเก่าๆและสมาชิกใหม่ทุกๆคนนะคร้าบ........

ดีใจที่ยังพอมีคนตามอ่าน.... อ่าๆ.....

ขอบคุณนะครับ...

วันนี้เอาตอนใหม่มาให้อานกันครับ.....

ไปอ่านกันเลยครับ....


***********************************


( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)



ความรู้สึก......    มองไม่เห็นด้วยตา     แต่สัมผัสได้ด้วยใจ ( -_-)*




หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว
พี่บอสก็เดินมาบอกกับผมว่าได้คุยกับพี่ฉินแล้วมีการเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย
ก็คือจะเดินทางกลับกทม.กันในคืนนี้เลย เพราะว่าทีมโปรดักชั่นจะได้กลับไปตัดต่อหนังในทันตามเวลาที่ลูกค้าต้องการด้วย

ตอนนี้พี่ฉินกำลังประกาศให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันจากนั้นแต่ละคนจึงไปเก็บสัมภาระของตัวเอง
เพื่อเตรียมขึ้นรถเดินทางกลับกัน

เรามากันด้วยรถตู้สองคันและรถขนอุปกรณ์การถ่ายทำอีกหนึ่งคัน
รถตู้คนนึงเป็นของทีมโปรดักชั่น ส่วนอีกคันซึ่งเป็นคันที่ผมนั่งเป็นของทีมครีเอทีฟ เออี และส่วนงานอื่นๆ ซึ่งพี่ฉิน พี่บอส และพี่พิงค์ก็นั่งมาในคันเดียวกับที่ผมนั่ง

จากเหตุการณ์ที่พี่ฉินกับพี่บอสประทะคารมกัน ทั้งพี่เค้าทั้งสองคนคงเข้าใจว่าที่ผมมีท่าทีแปลกๆเป็นเพราะว่ารำคาญที่พี่สองคนเค้าเล่นสงครามน้ำลายกัน

แต่อันที่จริงแล้ว... ตัวผมเองยังไม่แน่ใจเลยครับว่าผมเป็นอะไร



ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนผมหงุดหงิดกับท่าทีของพี่ฉิน



อาการที่แสดงต่อผมเวลาที่เราอยู่ด้วยกันสองคนลับตาผู้อื่น...
ผมรู้สึกว่าพี่ฉินเป็นคนอ่อนโยนและห่วงใยผมมาก


ผมรู้... ว่าผมไม่ได้กำลังคิดเข้าข้างตัวเอง


แต่ทุกครั้งที่มีใครมาเห็นว่าพี่ฉินอยู่กับผม
พี่ฉินมักจะมีท่าทีแปลกๆ เหมือนว่ากลัวคนอื่นจะรู้ว่าเค้าอยู่กะผม หรือพี่เค้าเป็นห่วงผม

ความรู้สึกของพี่ฉินที่ส่งมายังผม...

เท่าที่ผมสัมผัสได้......

มันไม่ใช่เจ้านาย.....         ที่มีให้ลูกน้อง......

เหมือนพี่ชาย.......                           ที่กระทำกับน้อง              แต่บางทีครั้งก็เหมือนจะมากกว่านั้น..


ผมเคยได้ยินป้าแม่บ้านที่ออฟฟิตคุยกันทำให้ผมได้รู้เรื่องราวบางอย่างที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน
ก็คือ พี่ฉินมีน้องชายหนึ่งคน ซึ่งทั้งคู่สนิทมาก

แต่ก็มีเรื่องน่าเศร้าใจเกิดขึ้นซึ่งเหตุการณ์แสนเศร้านั้นผ่านมาได้ยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ
น้องชายพี่ฉินเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต

เรื่องน่าเศร้ายังไม่จบแค่นั้น...

เพราะว่าแฟนพี่ฉินก็เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งเดียวกันนั้น

ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ.....

พี่ฉิน  เป็นคนขับรถคันนั้น


การสูญเสียคนที่เรารัก.....  อย่างกะทันหัน    ความเจ็บปวดมันร้ายแรงเกินกว่าที่ใครจะรับไหว

ผมรู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน....

เพราะผมก็เคยผ่านมันมา.....

ผมรู้ว่าพี่ฉินคงเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าผม หรืออาจจะมากกว่าผมเสียด้วยซ้ำ....

ผมจึงบอกตัวเองเสมอว่า....

ที่พี่ฉินแสดงความอ่อนโยนต่อผม  เป็นห่วงผม...

คงเพราะผมคือตัวแทนของคนที่เค้าเคยสูญเสียก็เป็นได้.....

ซึ่งผมก็เต็มใจ... หากผมสามารถเยียวยาแผลร้ายอันนั้นของพี่ฉินได้

เพราะสำหรับผมเอง... พี่ฉินก็เป็นเหมือนตัวแทนความห่วงใยของพี่โฟนเช่นกัน


ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจผมจากสงครามน้ำลายนั้น...

อาจมาจากการที่ผมกำลังได้ใจ....  กับการได้เป็นผู้ถูกกระทำ...  เป็นผู้ได้รับความรู้สึกดี

จนแอบรู้สึกพิเศษไปในใจโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว.....

พอรู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนพิเศษ....

ความรู้สึกแย่ๆนั้นจึงได้ก่อตัวขึ้นในใจ.......

“ หนาวมั้ยพิงค์...... ” เสียงพี่ฉินถามพี่พิงค์ที่ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าผม

“ นิดหน่อยจ้ะ... แต่ไม่เป็นไรหรอก... ” พี่พิงค์ตอบ

สายตาของผมมองออกไปนอกรถที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่
ทำให้ความมืดปกคลุมไปทั่งสองข้างทางรวมถึงในรถ
ฝนกำลังตกพร่ำๆและมีทีท่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
ท้องฟ้าก็มืดสนิทมองไม่เห็นดาวสักดวง เมฆหนาปกปิดความสวยความของดวงดาวจนหมด
มองเห็นเพียงสายฟ้าที่คำรามเสียงครืนๆอย่างบ้าคลั่ง

ผมรู้สึกว่าเบาะข้างหน้าผมกระตุกเกือบทุกครั้งที่มีเสียงฟ้าร้อง....
ใครสักคนที่นั่งตรงนั้นคงจะตื่นตระหนกกับเสียงฟ้าร้องอยู่เป็นแน่

ขณะที่สายตาของผมทอดมองออกไปนอกรถท่ามกลางความมืด
ผมรู้สึกว่าคนข้างๆผมซึ่งก็คือพี่บอส ขยับมือมาดึงเสื้อคลุมของผมให้กระชับขึ้น
เพื่อป้องกันความหนาวจากแอร์รถและความเย็นภายนอกที่แผ่ซ่านเข้ามา

“ ขอบคุณครับ... ”  ผมตอบเสียงไม่ดังนัก

“ พี่นึกว่าเราหลับซะอีก... ” เสียงพี่บอสพูดอย่างอ่อนโยน

พี่บอสก็เป็นเสมือนตัวแทนความห่วงใยของพี่โฟนอีกคนนึงเช่นกัน

เค้าทำให้ผมรู้สึกว่า....

ในโลกนี้ยังมีคนที่ห่วงผมอีกคน.....

“ ถ้าจะหลับก็เอนมาซบไหล่ผมได้นะ... ” เสียงพี่ฉินบอกกับพี่พิงค์

“ ขอบใจนะ.. ” พี่พิงค์พูดพร้อมกับเอนไปซบไหล่พี่ฉิน


พี่ฉินเป็นคนที่ห่วงคนรอบข้างเสมอ.....


ผมหมดข้อกังขาในตัวพี่ฉิน....
ที่มันเป็นคำถามในใจ......  ว่าผมเป็นคนพิเศษอย่างที่พี่บอสพูดกับพี่ฉินรึป่าว....

ผมเป็นตัวแทนของคนนั้น......

น้องชายที่เสียไปของพี่ฉิน.......

ผมยินดีครับ.....

เพราะเรา.... ต่างฝ่ายต่างก็ช่วยกันรักษาแผล


ผมได้ยินเสียงตบบ่าอยู่ข้างๆก็เลยหันไปมอง... พี่บอสก็พูดขึ้นว่า

“ สนม่ะ..... ”

ผมหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับเอนหัวลงไปซบที่บ่าของพี่บอส

“ ฝนตกหนักจังนะ..... ”
เสียงพี่ฉินพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบซึ่งคาดว่าตอนนั้นหลายคนคงจะหลับกันแล้ว

“ อืม... ดีนะ... ที่ตอนถ่ายไม่ตก  ไม่งั้นงานไม่ทันแน่ ” พี่บอสพูด

“ งานนี้ใครปักตระไคร้ว้ะ.... สงสัยจะบริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ ”
พี่ฉินพูดด้วยเสียงที่เจอไปด้วยอารมณ์ขัน

“ น้องก้อยทีมคอสทูมไง ”
พี่บอสตอบพร้อมกับหัวเราะไปด้วยส่วนผมก็แอบหัวเราะตามทันทีที่นึกถึงหน้าของก้อย
คือว่าก้อยจะตัวเตี้ยๆถึกหน่อยหนะคับ แต่ทำงานเก่งมาก

“ เออว่ะ... สมควรเลือกมาปักตระไคร้ ” ทันทีที่พี่ฉินพูดทุกคนที่ยังไม่หลับก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน



“ โคร้ม ๆๆ ๆ ๆ ๆ  ๆ .........................................................  ”

#########################################

ออฟไลน์ posh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ว๊ากก
ในที่สุดก้อมาต่อ
ชอบเรื่องนี้มากมาย

ตกลงพี่ฉินรู้สึกยังไงแน่เนี๊ยะ
 :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อืมมม์....รู้สึกสับสน เอ่อ.....หรือว่าไม่สับสน
ทำไมมันอธิบายความรู้สึกยากจังวุ้ย
กำลัง งงกับตัวเองว่า กำลังสับสน หรือว่า ไม่สับสน กันแน่หว่า  :z1:

 :pig4:ขอบคุณคร้าบ +1 น้องกร  :L1:
ป้อล่อ....แล้วถ้าน้องกร เป็นคนปักตะไคร้ล่ะ ผลจะออกมาเป็นยังไง ฮ่าฮ่า เอิ้กส์  :jul3:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เสียงอะไรนะ โครม ๆ ๆ ๆ

อย่าบอกนะว่าเกิดอุบัติเหตุ รีบมาเฉลยด่วนนะครับ กร ผู้รูปหล่อ

อยากได้แบบหล่อ ก็จัดให้สบายอยู่แล้ว ในเมื่อตามใจให้แล้วก็รีบมาต่อเรื่องเลย

ทิ้งเสียงปริศนาไว้นาน ไม่ค่อยดีนะครับ

พักนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ระวังรักษาสุขภาพด้วนนะครับ :กอด1: +1 ให้ด้วยน้า

ปล. ไอ้ความเปลี่ยนแปลงตัวเองนะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก มันคงเป็นเพียงความรู้สึก

       ที่เราได้สัมผัสกับมันในเวลาที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งวัยวุฒิที่มีเพิ่มขี้น อย่าไป

       รู้สึกว่า ตัวตนของเรา เรายังไม่รู้จัก วางเอาไว้แล้วทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน

      เป็นกำลังใจให้เสมอ และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปนะครับ กร 

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
คือว่า ผมลืมแล้วครับ ต้องอ่านใหม่ตั้งแต่หน้าแรก  :serius2:
ตอนนี้ตามทันแล้วครับ

ว่าแต่ "โครม!!!"  นั่นอะไรน่ะ???  :m28:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






OT

  • บุคคลทั่วไป
โครม ทำไมเนี่ยยย ชอบชื่อตอนนี้อ่ะ

คนแต่งหายไปนานเลยน๊า...

ออฟไลน์ 1st prince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอเปิดรับเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งในดวงใจชองเรา


เหงา ๆ ซึ้ง ๆ เข้ากับอากาศหนาว ๆ ที่สุดเลย

 :sad11:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
อะไร โครมๆ!!!!


รีบมาต่อด่วนนนนนนนน

มันคาใจ  :serius2:

ออฟไลน์ pajaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-5

ป้อล่อ....แล้วถ้าน้องกร เป็นคนปักตะไคร้ล่ะ ผลจะออกมาเป็นยังไง ฮ่าฮ่า เอิ้กส์  :jul3:



ฝนตก น้ำท่วมหนัก  :z2:


ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
ให้คนเขียนไปปักตะไคร้ดิ

คริๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ตอนจบเสียงอะไร โครมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
แวะมาตอบคอมเม้นครับ...

happy_icekung69  pajaa  broke-back  ไม่ต้องมาแซวเราเรื่องปักตระไคร้เลย.... เดี๋ยวจะโดน  :o
 ตัวเองปักก็น้ำท่วมเหมือนกันแหละ  :a14:

1st prince  ต้อนรับเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่นะครับ.... แวะมาอ่านเรื่องผมบ่อยๆนะคร้าบ... :impress2:

OT  รอบนี้ไม่หายไปไหนนานๆแล้วจร้า.... :try2:

pickki_a  อ่าๆ.. โทษทนะครับที่หายไปนานเลยต้องอ่านใหม่ตั้งแต่แรกเลย.. :o8: แต่จะไม่หายไปไหนแล้วคร้าบ..


wan  ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง.. :-[


posh  ขอบคุณนะคร้าบ... ที่ยังตามอ่าน o1


@SZA  เดี๋ยวผมกลับมาต่อให้นะครับ.. ตอนนี้พิมเสร็จแล้วเดี๋ยวรอตรวจอีกรอบนึงแล้วจะลงให้อ่านนะครับ.... o8


ขอบคุณทุกคอมเม้นนะครับ... ส่วนคนอื่นๆที่อาจจะไม่ได้แสดงตัวก็ไม่เป็นไรครับ

แต่อย่าลืมตามอ่านกันไปเรื่อยๆนะครับ

อย่าเพิ่งหายไปไหนน๊า.... :dont2:

ส่วนตอนใหม่เดี๋ยวคืนนี้ลงให้ครับ แต่ตอนนี้ขอตัวไปกินข้าวก่อน

 :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7:

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
มาต่อแล้วครับ.......






( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)




การจากลา.....   ที่ไม่ได้ลาจาก........ ( -_-)




“ โคร้ม  ๆ ๆ ๆ ๆ ....................... ”

เสียงสนั่นดังขึ้นพร้อมกับแรงกระแทกของต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ฟาดลงมาที่หลังคาส่วนท้ายของรถ

“ เอี๊ยดดดดดดดด......................................................................................... ”
เสียงล้อรถตู้ขูดกับพื้นถนนด้วยแรงกระแทกมหาศาล รถไถลไปด้านหน้าแล้วเสียหลักพลิกคว่ำกับพื้นถนน ตัวรถตู้ครูดไปกับพื้นถนนอย่างแรง

เสียงคนในรถร้องระงมจนแสบแก้วหู ในตอนนั้นในใจผมสั่นไหวไปหมด
ผมเป็นห่วงทุกคนที่อยู่ในรถโดยเฉพาะเค้าคนนั้นและรวมถึงตัวเอง....

รถครูดไปกับพื้นถนนเสียงดังสนั่น......

ทันทีที่รถหยุดจากการไถลผมยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นเพื่อมองดูผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ภาพที่เห็นทำให้ผมใจสั่นเพราะหลังคาส่วนหลังของรถตู้บุบลงมาอย่างมากจนมองเห็นได้ชัดเจน
ทำให้ผมนึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของทุกคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่นั่งส่วนหลังของรถตู้


และหนึ่งในนั้นคือฟรอย....... 


ในตอนนั้นใจผมยิ่งสั่นจนแทบควบคุมไม่ได้


ผมพยายามตั้งสติ หลายคนที่รู้สึกตัวก็พยายามดันตัวเองไปที่ประตูเพื่อออกจากรถ
ลุงสมหมายคนขับดันตัวเองออกจากรถแล้วรีบวิ่งมาดึงประตูออกให้คนในรถค่อยๆพาตัวเองออกมา

“ เป็นอะไรรึป่าวพิงค์ ??? ” ผมถามพิงค์อย่างร้อนรนทันทีที่เห็นเธอยันกายออกมาจากรถ

“ ไม่เป็นไร.... แต่เหมือนข้อศอกจะแตก ”
ทันทีที่พิงค์พูดผมจึงพอเธอไปที่หน้ารถตู้เพื่อที่หวังให้ไฟรถส่องให้เห็นบาดแผลที่เกิดขึ้น

ดูจากบาดแผลก็ไม่เป็นอะไรมากคงเป็นเพราะข้อศอกไปกระแทกกับอะไรสักอย่าง
และมีบาดแผลเล็กตามแขนคงเพราะจากเศษกระจก

“ ใครที่ออกมาแล้วมารวมกันตรงนี่ก่อนนะ ”
ผมตะโกนบอกให้ทุกคนที่ออกมาจากรถมารวมกันที่หน้ารถ เพราะเป็นจุดเดียวที่มีแสงสว่าง


ผมรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาโทรเรียกตำรวจและรถพยาบาลโดยด่วน
อีกไม่น่าเกิน 20 นาที ก็น่าจะมาถึง


สายฝนก็ตกลงมาพร่ำๆอย่างไม่คิดจะหยุดหย่อน ผมวิ่งไปดูบาดแผลของแต่ละคนที่ทยอยกันออกมาจากรถ
เพื่อเช็คดูว่ามีใครเป็นอะไรมากรึป่าว ซึ่งบาดแผลส่วนใหญ่ก็เกิดจากเศษกระจกและบาดแผลอันเกิดจากแรงกระแทกกับตัวรถ

เมื่อดูจนทั่วผมพยายามมองหาคนต่อไปที่จะออกมาจากรถ


แต่กลับไม่มี.........




“ ฟรอย.....   ฟรอย..... ” ผมมองหาฟรอยอย่างร้อนใจเมื่อไม่เห็นว่าฟรอยออกมาจากรถ

“ บอส....  บอสก็อยู่ในนั้น ” พิงค์วิ่งมาพูดกับผมทันทีที่สำรวจดูสมาชิกที่นั่งมาด้วยกัน

“ ไอ้แมคกับไอ้ฝนก็ติดอยู่ข้างในครับ ” เสียงพนักงานคนอื่นๆร้องตะโกนกันระงม

ในตอนนั้นทุกคนคงใจสั่นกลัวไม่แพ้กัน กลัวว่าคนเหล่านั้นจะเป็นอะไร
บางคนก็ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวและความเป็นห่วง

คนเหล่านั้นต้องไม่เป็นอะไร......

ผมจะไม่เสียคนที่ผมรักด้วยเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว......

ผมไม่ยอม....


“ ลุงสมหมาย.... ช่วยผมหน่อย ” ผมหันมาพูดกับลุงสมหมาย พร้อมกับเข้าไปในรถตู้

ผมพยายามควานหาร่างของคนทั้งสี่ว่าสลบอยู่ตรงไหนของรถ ไม่นานผมก็หาเจอ
เพราะรถไม่ได้กว้างมากเพียงแต่มีกระเป๋าเดินทางบ้างเป้บ้างที่กลิ้งระเกะระกะปนกันอยู่
ประกอบกับแสงสว่างสลัวๆจากไฟหน้ารถที่ส่งมาถึงเพียงเล็กน้อย
ทำให้การหาร่างเป็นไปได้ไม่ง่ายนัก

ผมหยิบเป้และกระเป๋าส่งให้ลุงสมหมายส่งไปข้างนอกอีกที
ช่วยให้การหาร่างคนเจ็บเป็นไปได้ง่ายขึ้น


“ ใครที่มีแผลใหญ่ๆก็หาเสื้อผ้าในกระเป๋าพันซับเลือดไปก่อนนะ ” ผมตะโกนออกไปนอกรถ


ร่างที่ผมจับอยู่ตรงหน้าผมไม่แน่ใจว่าเป็นร่างของใคร
แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นร่างของไอ้บอส เพราะมันตัวตัวค่อนข้างใหญ่และผมจำได้ว่ามันใส่เสื้อโปโล

ผมจับตัวมันให้หันหน้ามา.... เป็นไอ้บอสอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ

“ ไอ้บอส..... ไอ้บอส.... รู้สึกตัวสิว้ะ.... ”
ผมร้องเรียกพร้อมกับเขย่าที่ตัวมันแรงๆ     มันก็ยังดูสลึมสลืออยู่ ผมเลยใช้ฝ่ามือตบที่หน้ามันแรงๆ
เพื่อหวังให้มันรู้สึกตัว  ซึ่งได้ผลครับ ไอ้บอสค่อยๆลืมตาขึ้นมา

“ เมิงเป็นอะไรบ้างว่ะ... เจ็บตรงไหนมั้ย ??? ” ผมถามไอ้บอสอย่างเป็นห่วง

“ โอ๊ย........ ” ไอ้บอสร้องในขณะที่มันกำลังจะยกแขนเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น

“ สงสัยแขนเมิงจะหักว้ะ....  ” ผมพูดพร้อมกับช่วยจับมันลุกขึ้น

“ ฟรอยล่ะ....  ฟรอยเป็นไงบ้าง ” ไอ้บอสถามผมด้วยเสียงร้อนรน

“ เมิงใจเย็นๆก่อนนะ.... ช่วยกันหา ” ผมพูดเสียงสั่น


สายฝนภายนอกเท่กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง....

เสียงฟ้าร้องก้องไปทั่ว... เหมือนว่าฟ้ากำลังจะถล่ม.....

บรรยากาศรอบตัวช่างน่ากลัว......


“ ฟรอย...... ” ไอ้บอสตะโกนเสียงดังทำให้ผมรีบหันกลับมาดู

“ เมิงใจเย็นๆก่อนนะ... เอาไอ้แมคออกไปก่อน ” ผมพูด

ภาพที่ผมเห็นคือร่างของฟรอยที่ถูกอัดอยู่ใต้ที่วางเท้าโดยมีร่างของไอ้แมคทับอยู่อีกที
ผมกับไอ้บอสช่วยกันเอาร่างของไอ้แมคออกไปก่อนตามด้วยร่างของฟรอยโดยใช้อย่างระมัดระวังอย่างที่สุด
เพราะไม่แน่ใจว่ากระดูกหักตรงไหนบ้างรึป่าว


สภาพฟรอยที่ผมเห็นทำเอาผมกับไอ้บอสถึงกับน้ำตาร่วง

หัวแตกจนเลือดอาบมาถึงคอ.........

ตามตัวก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่คาดว่าน่าจะโดนกระจกบาด.....  คิ้วแตก...


แต่โชคชะตาคงไม่ใจร้ายกับผม.... แม้ว่าฟรอยจะหายใจอ่อนแรงเต็มที


ผมก็ยังให้กำลังใจตัวเอง....



ยังไงฟรอยก็ต้องรอด.....




เหตุการณ์จะไม่เหมือนในเหตุการณ์วันนั้น.....



หลังจากที่เอาร่างของคนเจ็บอีกสี่คนออกมาจากรถได้ก็เหลือเพียงแค่ฟรอยกับฝนที่ยังไม่รู้สึกตัว
รถพยาบาลก็มาถึงพอดี



“ ทางนี้ครับ..... มาทางนี้ก่อน... มีคนยังไม่รู้สึกตัวครับ ” ผมตะโกนเรียกพยาบาลพร้อมทั้งน้ำตา

ตั้งแต่เจอฟรอยจนเอาร่างฟรอยออกมาจากรถ
ผมเรียกฟรอยหลายครั้งฟรอยก็ไม่มีการตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ผมตบหน้าแรงๆก็แล้วแต่ฟรอยก็ไม่รู้สึกตัวเลย....
จนผมเริ่มอ่อนใจ


ความรู้สึกกลัวคืบคลานเข้ามาในใจ.....


ผมกลัว.....


ผมกลัวว่าเหตุการณ์มันจะเกิดขึ้นซ้ำสอง.....



ผมไม่ยอม.........



ความร้อนรนเริ่มก่อตัวขึ้น


ผมกลัว....  กลัวการเสียของที่รัก.....


ผมรู้ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน....



ลมหายใจของฟรอยแผ่วเบาเต็มที....


พยาบาลเอาเครื่องช่วยหายใจมาสวมให้ก่อนที่รถพยาบาลจะวิ่งออกไป

“ ฟรอย.... อย่าเป็นอะไรนะ..... ” ผมพูดไปร้องไห้ไป  ในตอนนั้นผมควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

“ ใจเย็นๆไอ้ฉิน... เดี๋ยวก็ถึงโรงบาลแล้ว ” ไอ้บอสซึ่งนั่งมาด้วยหันมาปลอบผม

“ เร็วๆหน่อยสิ....  ” ผมหันไปตะคอกเสียงดังกับคนขับอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

“ ใจเย็นๆก่อนนะคะ...  พวกเราจะช่วยเหลือคนไข้อย่างถึงที่สุดคะ ” พยาบาลหันมาพูดกับผม


ทันทีที่รถพยาบาลเล่นมาถึงโรงบาล ฟรอยก็ถูกพาตัวเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินทันที

ผมเอามือกุมหัวนั่งซบหน้าลงกับหน้าขาตัวเพื่อพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง



น้ำตาผมไหล...




ภาพฝันร้ายครั้งนั้นเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง......


“ หวาน....  หวาน.... อย่าเป็นอะไรนะ.... ”

ผมร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ผมหวังว่าเธอจะไม่เป็นอะไร.......

เธอนอนอยู่ท่ามกลางกองเลือด......

ผมพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดของบาดแผลเพื่อที่จะตะเกียกตะกายไปหาร่างของเธอ

แต่ทันทีที่ผมไปถึงตัวเธอ

ผมกลับพบว่า.... เธอหมดลมหายใจแล้ว.........

ร่างของเธอนอนแน่นิ่งไม่รับรู้ใดๆแล้วทั้งสิ้น


แต่คนที่ยังมีลมหายใจอยู่นี่สิ...


จะอยู่ได้อย่างไร........................





“ ย้ง..... เข้มแข็งไว้นะ....... สู้นะ...  ”

ผมภาวนาในใจ....  ไม่ใช่สิ...    ผมอ้อนวอนต่างหาก.....

ภาพที่ผมเห็นอยู่ข้างๆ.......
ก็คือภาพที่หมอกำลังใช้เครื่องช่วยหายใจปั้มลงไปที่หน้าอกของย้ง....  น้องชายผม

“ ฟื้นสิ....  แกฟื้นสิ........ ” ผมอ้อนวอนซ้ำในใจ.......

ผมสูญเสียคนที่ผมรักไปหนึ่งคนแล้ว.........

“ แกต้องรอดนะ...... ”

ตาของผมมองไปที่ร่างของย้งสลับกับเครื่องช่วยหายใจ
ผมได้แต่หวังให้กราฟมันวิ่งสูงขึ้น...

เพื่อแสดงว่าย้งยังไม่ตาย......



แต่เสียงนั่น.........


เสียงที่ผมกลัว..........



เสียงหวีดยาวๆ....  นิ่งๆ.......

กราฟที่วิ่งเป็นเส้นตรง......

แม้ว่าจะปั้มหัวใจอีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นผล

ร่างของย้งที่กระแทกด้วยแรงของเครื่องปั้มหัวใจ



เป็นร่างที่ปราศจากวิญญาณ.......


ลมหายใจของย้ง....  ถูกพรากไปแล้ว........



ผมเสียคนที่ผมรักทั้งสองคน.....  ในเหตุการณ์ครั้งเดียวกัน......


มันยิ่งกว่าเสียใจ...


มันยิ่งกว่าอ้างว้าง.......


มันยิ่งกว่ารู้สึกผิด..............


มันยิ่งกว่าความเหงาความเจ็บปวดครั้งใดๆที่ผมเคยได้สัมผัส


“ มันจะไม่เป็นแบบนั้น.......  มันจะไม่เป็นแบบนั้น......  ”
ผมเริ่มคลุ้มคลั่งอีกครั้งหลังจากที่นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินมาร่สมชั่วโมง


ผมไม่สามารถควบคุมความกลัวของตัวเองได้....


“ ไอ้ฉิน.... ใจเย็นๆ..... เมิงทำใจสบายๆนะ  ” ไอ้บอสพูดพร้อมกับเอามือมาบีบที่ไหล่ผม

“ ใจเย็นๆค่ะคุณ..... ทำใจดีๆนะคะ...... ญาติคุณต้องไม่เป็นอะไรค่ะ.... ”
พยาบาลที่อยู่บริเวณนั้นเดินเข้ามาปลอบผมอีกคน

“ ไปทำแผลกันก่อนดีกว่าค่ะ.... เดี๋ยวจะติดเชื้อ ” พยาบาลอีกคนที่เดินเข้ามาสมทบพูดขึ้น

“ ไม่ไป.... ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะรู้ว่าไม่มีไม่เป็นอะไร ” ผมพูดคล้ายตะคอกเสียงดัง

“ ไอ้ฉิน... เมิงควบคุมอารมณ์ตัวเองก่อนนะ..... เมิงฟังกู....  จะไม่มีอะไรร้ายแรง.. ฟรอยกับฝนต้องไม่เป็นอะไร ”
ไอ้บอสให้กำลังใจทั้งที่ตามันก็แดงๆ

“ ใช่ค่ะ..... ถึงมือหมอแล้ว... อย่ากังวลไปเลยค่ะ... ” พยาบาลพูดขึ้น

“ ไปทำแผลกันก่อนเถอะค่ะ... ” พยาบาลอีกคนพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ คุณเป็นญาติของคนไข้เมื่อครู่ใช่มั้ยครับ..... ” คุณหมอพูดหลังจากเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
   
“ ครับ... ” ผมตอบอย่างร้อนรน

“ หมอต้องแสดงความเสียใจด้วยนะครับ........ คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ......”

############################################################

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
อ่าว ... เล่นทิ้งท้ายไว้แบบนี้เลยหรือครับ กร

รู้ไหมว่ามันหดหู่ แต่จากชื่อตอน ฟรอย คงไม่เป็นไร คงเป็นฝนแน่เลย

เอาเป็นว่าอย่าช้านะครับ รู้ ๆ อยู่ว่ามันอึดอัด รออยู่นะครับ

 +1 ให้และเป็นกำลังใจให้เช่นเคย  :m1:


ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
งง  กัเลยที่เดียว

ใจหล่นวูบๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไปฝึกปรือมาจากไหน
เด๋วนี้แกล้งคนอ่านบ่อยนะ
ค้างคนเดียวไม่พอ...มาทำให้คนอื่นค้างไปด้วย
มันน่า...........นัก  o18
 :pig4:ขอบคุณคับ น้องกร หย่อด้วย จ๋วยด้วย ฮ่าฮ่า  :pigha2:  +1 ที่ทำให้ค้าง.....ไปตามๆกัน หุหุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ posh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เฮือกกก !!!

ไม่นะ
ไคเสียชีวิต
ต้องไม่มีไคเปนอะไร

 :serius2:


!!!



พีเอส* ค้างเว่อร์ ~


pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ให้เดาว่า คงออกมาบอกผิด
เพราะมันต้องไม่เป็นอย่างที่คิด ... :serius2:...ไม่น้าาา....!!!!!!!......

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
มาต่อให้ล่ะคับ........

มาดึกไปหน่อย..... คงจะมาอ่านกันพรุ่งนี้ล่ะสินะครับ.....

จริงๆผมเริ่มพิมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ.... แต่พิมไม่ออกเพราะอารมณ์มันไม่ได้

มานั่งพิมต่อวันนี้อีกทีตอนสองทุ่ม....  พิมไปดูทีวีไปด้วยไม่ค่อยมีสมาธิเล๊ย....

อารมณ์ก็แกว่งไปแกว่งมา..... เลยแก้ซะหลายรอบเลย

สรุปก็เพิ่งพิมเสร็จหมาดๆเองครับ...  แล้วก็เอามาลงให้อ่านกันนี่แหละครับ........




ไปอ่านกันต่อเลยครับ.....  ดูซิว่าใครเดาถูกเดาผิดกันบ้าง......


*****************************************************



( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)



หัวใจดวงนี้.....   ยังเต้นอยู่เพื่อใคร........ ( -_-)




“ เมิงแน่ใจแล้วนะที่เมิงตัดสินใจแบบนี้.....  ”
 ไอ้บอสพูดพร้อมกับเอามือตบที่ไหล่ผมเบาๆเป็นการให้กำลังใจ

“ อืม...... ” ผมตอบด้วยท่าทีหนักแน่น

“ เมิงก็ดีๆล่ะกัน... เพราะการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างมันคงตามมา” ไอ้บอสพูดอย่างเป็นห่วง

“ ขอบใจว่ะ ” ผมพูด

“ กูเข้าใจนะ... เพราะถ้ากูทำได้  กูเองก็จะทำ ” ไอ้บอสพูดพร้อมกับก้าวมายืนข้างๆผม
สายตาของเราทั้งคู่มองตรงไปยังกลุ่มควันสีดำเทาที่พวยพุ่งออกมาจากปล่องเมรุด้วยความหดหู่ใจ

“ ไม่น่าเลยว่ะ.... จู่ๆก็มาจากกันกะทันหันแบบนี้ ” ไอ้บอสพูด

“ อุบัติเหตุก็แบบนี้หละ... ไม่มีการเตือนล่วงหน้า... ไม่มีการลาจาก.... ”
ผมพูดออกมาด้วยใจที่แสนหดหู่

“ ลำบากก็แต่ไอ้คนที่ยังอยู่นี่แหละ.... คงอีกนาน... กว่าจะทำใจรับได้ ” ไอ้บอสพูด

“ สงสารครอบครัวฝนว่ะ.... ต้องมาจากกันกะทันหันแบบนี้ ” ผมพูดพร้อมกับมองไปที่ครอบครัวของฝนที่ทุกคนกำลังร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า แม่ของฝนเอาแต่ร้องไห้ตั้งแต่วันที่รู้ข่าว ข้าวปลาก็แทบจะไม่ได้แตะเลย จิตใจของพวกเค้าตอนนี้คงย่ำแย่มากจนเหมือนหัวใจมันกำลังสลาย

ภาพแบบนี้คงไม่ต่างจากผมเมื่อวันนั้น....



“ เมิงไม่ต้องโทษตัวเองนะ... ไม่ว่าเหตุการณ์จะครั้งนี้... หรือครั้งนั้น   มันก็ไม่ใช่ความผิดของเมิง  แต่มันคืออุบัติเหตุ ”
ไอ้บอสพูดให้กำลังใจผม

ไอ้บอสรู้ว่าผมกำลังรู้สึกอะไร....

แม้ว่าจะต่างที่...  ต่างเวลา....  แต่ต่างก็เกิดการสูญเสีย และสิ่งที่สูญเสีย คือ... ชีวิตคน
จุดร่วมของทั้งสองเหตุการณ์  คือต้นเหตุ  และต้นเหตุนั้น.... คือ..  ผม

ใช่.... ผมรู้สึกว่าผมคือต้นเหตุของทั้งสองเหตุการณ์...

เหตุการณ์ครั้งนั้น.... ถ้าผมระวังมากกว่านี้   เรื่องราวร้ายๆก็คงไม่เกิดขึ้น
ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้  ถ้าผมไม่เสนอให้เปลี่ยนแผนเรื่องวันเดินทางกลับ  เหตุการณ์ร้ายๆก็คงจะไม่เกิดขึ้น

“ เมิงเคยได้ยินคำโบราณมั้ย.... ที่เค้าบอกว่าคนถึงคราวหนะ..  ” ไอ้บอสพูด

“ อืม..... แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น.... โชคชะตาทำไมใจร้ายกับกูจังว้ะ... ” ผมพูดตามความรู้สึกที่มี

“ เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย... มันเป็นเรื่องธรรมดานะ  อย่างน้อย..  ครั้งนี้เมิงก็ได้ช่วยใครคนนึงไว้ ”
ไอ้บอสพูด สิ่งที่มันพูดช่วยให้ผมยอมรับความจริงได้มากขึ้น เหลือเพียงแต่ความรู้สึกหดหู่ในใจเท่านั้น
ที่ผมหวังว่ามันคงสร่างซาไปช้าๆเมื่อเวลาผ่านพ้นไป

“ ขอบใจว่ะ... ” ผมพูด

ภาพความเศร้าเสียใจของครอบครัวฝน
ทำให้ผมอดสมเพชความคิดตัวเองในวันนั้นไม่ได้
ผมเคยคิดและพยายามจะฆ่าตัวตาย..... เมื่อรู้ว่าคนที่ผมรักทั้งสองคนต้องตาย.... เพราะผม

ตัวผมเองไม่รู้ว่าจะอยู่เพื่อใคร...
ผมอยากให้หัวใจของผมหยุดเต้น....

โชคดีที่คนรอบข้างผมทั้งครอบครัวและเพื่อนๆที่เข้ามาเตือนสติผม....
ทำให้ผมรู้ว่าผมจะต้องอยู่เพื่อใคร....  ผมจึงหยุดความคิดแย่อันนั้นไว้ได้ทัน

แต่กับฝนเอง......
มีหลายคนอยากให้เธอยังอยู่... อยากให้หัวใจเธอยังเต้น...  อยากให้เธอยังมีลมหายใจ........
และผมก็คิดว่าเธอก็คงอยากให้เป็นเช่นนั้น.....

แต่มันกลับเป็นไปไม่ได้......   ไม่ใช่เพราะเธอ........  แต่กลับเป็นเพราะโชคชะตา.....


“ เป็นไงบ้างฉิน.... ” พิงค์พูดขึ้นทันทีที่เดินเข้ามา

“ อ้าวพิงค์..... ก็เรื่อยๆล่ะ  ” ผมพูด

“ ใจหายจังนะ... ยังเห็นๆกันอยู่เลย ” พิงค์ด้วยท่าทีหดหู่ใจ

“ อืม... แล้วพิงค์ล่ะ แผลเป็นไงบ้าง ” ผมพูดพร้อมกับเขยิบตัวเข้าไปดูที่แผลเธอใกล้ๆ

“ ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ... ” พิงค์พูด

“ เอ่อ... คุณฉินคับ  คุณท่านให้มาบอกว่าจะกลับแล้วนะครับ ” พี่พลเลขาส่วนตัวของพ่อเดินมาบอก

“ อ่อเหรอ..... ” ผมตอบรับคำก่อนที่จะพากันเดินไปหาคุณพ่อ




“ จะกลับแล้วเหรอครับพ่อ ” ผมพูด

“ อืม.... แกล่ะ ” พ่อพูด

“ ก็ว่าจากลับแล้วครับ จะแวะเข้าไปเยี่ยมฟรอยด้วย ” ผมพูด

“ อ่อ... อาการเป็นไงแล้วล่ะ... ออกจากไอซียูรึยัง ” พ่อถามความคืบหน้าอาการอย่างเป็นห่วง

“ ออกเมื่อคืนนี้เองคับ... ตอนนี้พักฟื้นอยู่ ” ผมพูดอย่างเป็นห่วง

“ อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุ.... อย่าโทษตัวเองไปซะทุกอย่างสิว้ะ... ”  พ่อพูดพร้อมกับเอามือตบลงที่ไหล่ผม

“ ครับพ่อ ” ทั้งสิ่งที่พ่อพูดและไอ้บอสพูดทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่าง


ทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาที่ไปเสมอ
บางเรื่องราวบางเหตุการณ์อาจไม่ได้เกิดขึ้นจากกระทำของใคร

ไม่มีใครผิด.......

นอกเหนือจากตัวเราและคนรอบข้าง ยังมีอีกหลายสิ่งที่อาจเป็นตัวกำหนดให้มันเกิดขึ้น

โชคชะตา.....

ถึงอย่างไรก็ตาม......
ผมก็ยังอดน้อยใจไม่ได้...  ว่าทำไมถึงใจร้ายกับผมจัง

ทำไมถึงต้องพรากคนที่ผมรักไปจากผม......




“ เอ้อบอส.... แขนเป็นไงมั่ง... เอาเฝือกออกได้เมื่อไหร่ล่ะ ” พ่อถามไอ้บอส

“ อีกสองอาทิตย์หนะครับพ่อ ” ไอ้บอสพูด

“ ดูแลกันดีๆนะ..... ” พ่อพูด

“ ครับพ่อ ” ผมพูด

“ งั้นเดี๋ยวไปลาครอบครัวฝนกันซะหน่อย.. จะได้แยกย้ายกันกลับ ” พ่อพูดก่อนที่จะเดินนำพวกเราไปหาครอบครัวของฝน

“ เอ่อพิงค์.... พี่ขอเวลาสักเดี๋ยวสิ ” พี่พลพูดขึ้น  พิงค์จึงหันมาพูดกับพวกผมว่า

“ เดี๋ยวพิงค์ตามไปนะ ”  ผมพยักหน้าก่อนที่จะรีบเดินตามพ่อกับไอ้บอสไป




ก่อนที่ผมจะขับรถออกมากับไอ้บอส  พิงค์ก็เดินมาบอกว่าเดี๋ยวไปเจอกันที่ออฟฟิศเลยเพราะเธอมีธุระ  ผมกับไอ้บอสก็เลยรีบตรงไปที่โรงพยาบาลกัน

*******************************************************

“ คนไข้มีการตอบสนองที่ดีนะครับหลังจากการผ่าตัด.... คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ”
หมอพูดกับผมสองคน ช่วยทำให้ผมโล่งใจมากขึ้นหลังจากที่กังวลจนแทบไม่ได้นอนมาหลายวัน

“ แล้วทำไมยังไม่รู้สึกตัวอีกล่ะครับ  ” ไอ้บอสพูด

“ เป็นผลจากยาสลบหนะครับ... คงต้องให้คนไข้พักฟื้นสักพัก  ” หมอพูด

“ ครับหมอ... ” ผมกับไอ้บอสพูดพร้อมกัน

“ บาดแผลของคุณสองคนก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ ” หมอพูดเชิงถาม

“ ก็เจ็บๆที่แผลนิดหน่อยนะครับ ” ผมพูด

“ ระวังๆเรื่องการเคลื่อนไหวนิดหน่อยนะครับ... เดี๋ยวแผลจะปริ  แล้วอย่าให้แผลโดนน้ำนะครับ ”  หมอพูด

“ ส่วนเรื่องการดูแลสุขภาพเดี๋ยวผมคงแจงรายละเอียดให้ฟังอีกที ” ครับหมอ ขอบคุณมากครับ ผมกับไอ้บอสพูดพร้อมกัน


หลังจากคุยกับหมอเรียบร้อยแล้วผมกับไอ้บอสก็มาดูฟรอยอีกที

“ ปลอดภัยซะทีนะนาย  ” ผมพูดพร้อมกับลูบหัวฟรอยอย่างดีใจ

“ เมิงรู้สีกยังไงกับฟรอยกันแน่ว้ะ... บอกกูได้มั้ย ” ไอ้บอสถามขึ้น

“ กูไม่แน่ใจว่ะ.... แต่ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น  มันทำให้กูไม่อยากเสียคนรอบๆตัวกูไปอีก ” ผมพูด

“ แล้วไอ้ที่เมิงอยากดูแลจนออกหน้าออกตานี่มันอะไรว้ะ.. ” ไอ้บอสพูด

“ กูก็แค่อยากจะดีกับทุกๆคนรอบตัวกูเอาไว้.... กูไม่รู้หนิว่าเค้าจะอยู่กะกูไปได้อีกนานแค่ไหน ”
ผมพูดคล้ายคนกำลังแก้ตัวหรือปกปิดอะไรสักอย่าง

“ กูรู้จักเมิงมานานนะ.... ทำไมกูจะดูไม่ออก  ไหนว่าเมิงเกลียดเกย์ไง....  ” ไอ้บอสพูด

“ คิดมากไปแล้วเมิง.... ทีเมิงเป็นห่วงฟรอย กูยังไม่เคยด่าว่าเมิงเป็นเกย์เลย ” ผมพูด

“ กูว่าฟรอยเป็นเด็กน่าสงสารนะ.... ตั้งแต่กูรู้จักฟรอยมา  กูไม่เคยเห็นฟรอยพูดถึงเพื่อนหรือครอบครัวเลย เคยได้ยินแต่พูดถึงแฟนเก่าที่ตายไปแล้วอยู่คนเดียว  เพราะอย่างงี้แหละ... กูถึงสงสาร... อยากจะดูแลฟรอยว่ะ  ” ไอ้บอสพูด

“ อืม... ใช่  กูก็อย่างงั้น.... ” ผมพูดด้วยความรู้สึกใจหาย  ผมมองฟรอยที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร


จริงอย่างที่ไอ้บอสพูดครับ  ฟรอยเหมือนคนที่อยู่คนเดียวบนโลก  นอกจากเรื่องของคนที่ชื่อโฟน
ผมไม่เคยรู้ว่าฟรอยรู้จักใครบ้าง  มีเพื่อนมั้ย??  หรือว่ามี....   แล้วตอนนี้พวกเค้าอยู่ที่ไหนกัน???
ผมไม่เคยเห็นฟรอยนัดเจอเพื่อนคนไหน  หรือแม้แต่จะคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสักคนก็ไม่มี
ครอบครัวของฟรอยยิ่งไม่ต้องพูดถึง  ผมไม่เคยได้ยินฟรอยพูดถึงใครสักคนในครอบครัวเลย

ผมกับไอ้บอสพยายามค้นประวัติของฟรอยจากเอกสารที่ฟรอยให้ไว้ตอนที่สมัครงาน
ไม่มีรายชื่อของญาติคนไหนของฟรอยเลยที่เราจะติดต่อได้
ขนาดผมกับไอ้บอสจะส่งข่าวเรื่องอุบัติเหตุกับญาติหรือเพื่อนฟรอยสักคนยังไม่มีเลยครับ 
ทำให้ผมกับไอ้บอสอดแปลกใจไม่ได้ว่าในอดีตฟรอยเจออะไรมาบ้าง
หรือฟรอยอยู่อย่างไรก่อนที่จะมาเจอพวกเรา
มันทำให้ผมกับไอ้บอสยิ่งเป็นห่วงฟรอยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

“ เดี๋ยวรู้สึกตัว... คงต้องคุยกันหน่อยแล้วว่ะ ”
ผมพูดพร้อมกับมองหน้าไอ้บอสซึ่งมันก็มีท่าทีเห็นด้วย

“ เอ้อ... คืนนี้กูจะมาเฝ้าฟรอยนะ ” ไอ้บอสพูด

“ ไม่เป็นไร... เดี๋ยวกูเฝ้าเอง ” ผมพูด

“ เมิงแผลยังไม่หายดี... กลับไปนอนพักเถอะว่ะ ” ไอ้บอสพูด

“ เมิงเองก็ไม่ค่อยได้นอนมาหลายวันแถมแขนก็เข้าเฝือก  เมิงกลับไปพักผ่อนเหอะ ” ผมพูด

“ กูไม่รู้ล่ะ... กูจะมา ” ไอ้บอสพูด

“ โอเคๆ... ก็มาเฝ้าด้วยกันนี่แหละ ” ผมพูด

“ งั้นเดี๋ยวก็แวะไปเอาเสื้อผ้ากันก่อนแล้วกัน.... เดี๋ยวเสร็จจากสยามแล้วจะได้มากันเลย ” ไอ้บอสพูด

“ เออใช่.... วันนี้นัดเจอกันที่สยามนี่หว่า  งั้นคงไม่ต้องเข้าออฟฟิศแล้ว ” ผมพูดเมื่อนึกขึ้นมาได้

“ ขี้ลืมจริงๆนะเมิง... เพื่อนกลับมาทั้งที ” ไอ้บอสพูดเชิงต่อว่า

“ ก็มันมีหลายเรื่องให้คิดนี่หว่า.... ” ผมพูด

ทันทีที่ผมพูดจบเสียงโทรศัพท์ไอ้บอสก็ดังขึ้นมาพอดี

“ อ้าว.... ถึงกันแล้วเหรอว้ะ ” ไอ้บอสพูดกับปลายสายแสดงว่าเพื่อนของผมสองคนลงจากเครื่องแล้ว

เพื่อนอีกสองคนที่เรานัดเจอกันเป็นเพื่อนสมันเรียนมหาลัยครับ จำได้มั้ยครับว่าผมเคยเล่าว่ากลุ่มของผมมีกันอยู่ 5 คน
คือ ผม  ไอ้บอส  พิงค์  และหยินกับเคน ซึ่งสองคนนี้ไปต่อโทที่อังกฤษครับ
พอดีว่าสองคนนี้ได้ข่าวเรื่องอุบัติเหตุก็เลยรีบกลับมาดูพวกผม   
จริงๆผมบอกไปแล้วนะว่าพวกผมไม่ได้เป็นอะไรกันมาก  แต่พวกมันก็ถือโอกาสกลับมาเยี่ยมญาติๆมันด้วย

หลังจากวางสายจากเคนผมกับไอ้บอสก็กลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน แล้วเดี๋ยวไปเจอกันที่สยามโดยมีพิงค์อาสาไปรับหยินกับเคนที่สนามบิน

“ เป็นไงกันบ้างว่ะ... ไหนกูดูดิ๊ ” เคนพูดทันทีที่เดินเข้ามาถึงโต๊ะที่ผมกับไอ้บอสนั่งอยู่

“ ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ.... ไม่ได้เป็นอะไรกันมากรอก ” ผมพูด

“ เข้าเฝือกเลยเหรอว้ะไอ้บอส.... ” เคนลงนั่งข้างๆไอ้บอสแล้วพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ เออดิ.... อีกสักสองอาทิตย์ก็เอาออกแล้ว ” ไอ้บอสพูด

“ เป็นไง... เหนื่อยมั้ย ” ผมถามไอ้เคนกับหยิน

“ นิดหน่อยหนะ.... ” หยินพูด

“ แล้วนี่สั่งอาหารกันรึยังจ๊ะ ” พิงค์พูดหลังจากที่นั่งลงข้างๆผม

“ สั่งไปบ้างแล้วหละ... สั่งเพิ่มกันได้เลยนะ” ผมพูด


หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยพวกผมก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยทั้งเรื่องอุบัติเหตุแล้วก็ถามความเคลื่อนไหวของแต่ละคนว่าเป็นยังไงกันบ้าง ตั้งแต่ที่มันสองคนไปต่อโทที่อังกฤษพวกเราก็ไม่ค่อยได้เจอหรือได้คุยกันเท่าไหร่นัก เพราะต่างฝ่ายต่างก็ยุ่งๆกัน
จะมีก็แต่ไอ้เคนกับไอ้บอสที่มันจะติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ เพราะไอ้บอสมักจะวานให้ไอ้เคนซื้อนั่นซื้อนี่ส่งมาให้ตลอด




“ เออ...พิงค์  เมื่อเดือนก่อนได้ไปอังกฤษรึป่าว ” ไอ้เคนถามขึ้น

“ ทำไมเหรอ ” พิงค์พูด

“ ก็หยินอ่ะดิ... มันบอกว่ามันเห็นเธอที่โน้น...  นี่เรากะมันพนันกันอยู่นะว่าใช่เธอจิงๆรึป่าว ” ไอ้เคนพูดไปกินไป

“ ไม่มั้ง.... หรือว่าไงพิงค์ ” ผมพูด

“ ก็.... เปล่านิ...  เธอคงเห็นผิดคนมั้ง ” พิงค์พูด

“ เห็นมั้ย..... บอกแล้วว่าไม่ใช่ 555555+...  จ่ายมาๆ ” ไอ้เคนแสดงอาการดีใจจนเว่อร์ใส่หยิน

“ ไม่ใช่จริงๆเหรอ.... ” หยินพูดเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“ จริงสิ.... ถ้าเราไปฉินกับบอสก็ต้องรู้สิ... จริงมั้ยสองหนุ่ม ” พิงค์พูดและหันมาทางผมกับไอ้บอส

“ เออ... ใช่ ” ผมกับไอ้บอสพูดพร้อมกัน

“ อีกอย่างนะ... ถ้าพิงค์ไปก็ต้องแวะไปหาแกสองคนอยู่แล้ว ” ไอ้บอสพูดเสริมอีกที

“ ไม่ต้องเลยๆ.....  แพ้ก็ยอมจ่ายมาซะดีๆ ” ไอ้เคนพูดอย่างคนมีชัย

“ เออ.... จ่ายก็จ่าย.... ” หยินพูดอย่างไม่ต้องเต็มใจนัก พวกผมเห็นอาการของหยินก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


ถึงแม้ว่าผมจะมีหลายเรื่องที่ผมไม่สบายใจ
มีหลายรอยแผลในใจ  แต่ทุกครั้งที่ผมได้อยู่กับเพื่อนๆก็ช่วยให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ

ผมยังมีเพื่อน.... มีครอบครัว.....   มีคนรอบข้างอีกหลายคนที่คอยเป็นกำลังใจให้ผม....
ให้ผมรู้ว่าหัวใจของผมยังเต้นอยู่เพื่อใคร....
เรื่องราวร้ายๆ...  รอยแผลหลายๆแผลในใจ......  ก็ได้รับการเยี่ยวยา...........

แต่ใครกันที่อยู่ข้างๆฟรอย..... ทุกครั้งที่ฟรอยเจอปัญหา.....
หัวใจของฟรอย.....  ยังคงเต้นอยู่เพื่อใครกัน...

########################################################

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ความรู้สึกของคน ทั้งซับซ้อนและลึกซึ้ง
ยากที่เราจะเข้าใจความรู้สึกได้อย่างแท้จริง
ทั้งความรู้สึกของเราเอง และความรู้สึกของคนรอบข้าง

 :เฮ้อ:เข้าใจยากซะจริง

 :pig4:ขอบคุณคับ น้องกร เด๋วนี้เขียนเรื่องเก่งขึ้นเยอะเลย มี ปั๊ด-ตะ-นา-กาน  :z1:
+1 ให้นะ เท่ร้าก  :L1: ฮัดเช้ยยยยยยยย 

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
ตอนใหม่เดี๋ยวคืนนี้มาต่อตอนใหม่นะคร้าบ....

ตอนนี้กำลังพิมอยู่ครับ

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ขอบคุณที่มาต่อครับ ^^
จะรออ่าน  :pig4:

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
โท ษทีนะครับที่ไม่ได้มาต่อเรื่องให้ตามที่บอก พอดียังพิมไม่เรียบร้อยเลย

ตอนนี้กำลังพิมอยู่ครับ...

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
เข้ามาดันกระทู้ตัวเองคับ

พอดีมันตกไปหน้า2

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
มาต่อแล้วครับ.....

เมื่อคืนพิมจนถึงตีสี่.....ตาจะปิดแล้ว

เลยมาลงให้วันนี้....หลังจากตรวจสอบอีกที.....


เชิญทัศนาครับ.......

ฟังเพลงนี้ประกอบตอนอ่านไปด้วยจะดีมากเลยครับ

http://resources-p3.imeem.com/resources/versioned/6/flash/audio_player_loader.swf?&isEmbed=1&autoStart=true&ak=e7Bg_l7n_N&gatewayUrl=http%3a%2f%2fwww.imeem.com%2famf%2f&as3url=http%3a%2f%2fresources-p3.imeem.com%2fresources%2fversioned%2f167%2fflash%2faudio_player3.swf&as2url=http%3a%2f%2fresources-p2.imeem.com%2fresources%2fversioned%2f35%2fflash%2faudio_player.swf&pm=st&mids=e7Bg_l7n_N



***************************************************



( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)




ด้านมืดของพระจันทร์........ ( -_-)*




ผมค่อยเปิดดวงตาขึ้นทีละน้อยทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว แสงแดดจ้าจากภายนอกมากระทบกับม่านตา
ทำให้ผมต้องปรับดวงตาให้ชินกับสภาพรอบๆตัว  เมื่อปรับเข้าสู่สภาวะปกติผมก็รู้สึกมึนๆหัว
บรรยากาศรอบตัวเป็นสถานที่ที่ผมไม่คุ้นตา  แต่ชุดที่ผมใส่ก็ทำให้ผมรู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล
ผมค่อยๆนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ 
เสียงโคร้ม......... นั่น ทำให้รถเสียหลักพลิกค่ำ  เสียงคนกรีดร้องยังก้องอยู่ในหูผม
หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย.....
ผมรู้สึกฝืดที่คอและก็รู้สึกกระหายน้ำ  ผมค่อยๆใช้ศอกดันตัวเองลุกขึ้นเพื่อจะหยิบน้ำที่หัวเตียงมากิน

“ โอ๊ย......... ” ผมรู้สึกเจ็บที่บริเวณท้องจนต้องร้องออกมา

“ ฟรอย........  ” เสียงชายสองคนที่ผมคุ้นเสียงดีดังขึ้นมาพร้อมกัน
จากนั้นไม่นานร่างของทั้งคู่ก็มายืนอยู่ข้างเตียงนอนที่ผมนอนอยู่ทั้งสองข้าง

“ รู้สึกตัวแล้วเหรอฟรอย..... ” พี่ฉินพูดขึ้นอย่างดีใจซึ่งผมรู้สึกเหมือนว่าอาการนั้นมันดูเว่อร์เกินไป

“ เป็นไงมั่งฟรอย.... เจ็บตรงไหนบ้าง ” พี่บอสก็อีกคนที่พูดด้วยท่าทางที่ดูเว่อร์ไม่แพ้กับพี่ฉิน
 
นี่ผมเจ็บจนใกล้ตายเลยรึไงทั้งคู่ถึงแสดงอาการดีใจกันขนาดนี้
ในขณะที่ผมกำลังงงกับท่าทีของทั้งคู่ พี่ฉินก็เอามือมาจับที่หน้าผมเบาๆให้หันไปมองหน้าพี่เค้าพร้อมกับชูมือขึ้นสองนิ้วแล้วถามว่า

“ นี่กี่นิ้ว ”

“ สองนิ้วครับ ” ผมตอบไปด้วยท่าทางงงๆ

“ ฟรอย.... จำพี่ได้รึป่าว???? ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางวิตก

“ ไอ้บ้า.... หมอไม่ได้บอกซะหน่อยว่าฟรอยจะความจำเสื่อม.....  แล้วพี่ล่ะ.... พี่ชื่ออะไร”  พี่บอสพูด

“ งั้นเมิงถามทำไม.... ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางกวนๆ

“ ผมว่าเลิกเถียงกัน.... แล้วพี่ฉินใส่เสื้อให้พี่บอสให้เสร็จก่อนดีมั้ยครับ ”
ผมพูดด้วยเสียงแหบแห้งพร้อมกับหัวเราะน้อยๆกับท่าทางของทั้งคู่

“ อ่อ... เออใช่ ” พี่ฉินพูดปนหัวเราะพร้อมกับเดินมาอีกฝั่งเพื่อใส่เสื้อเชิ้ตให้พี่บอสที่ตอนนี้ใส่แขนข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกเข้าไปในเสื้อเพียงแค่ข้างเดียว



“ เรียบร้อย.... ” พี่ฉินพูด

“ ใจว่ะ... ” พี่บอสพูด

“ ฟรอยเป็นไงบ้างครับ ” พี่ฉินรีบหันมาถามผม

“ มึนๆหัวหนะคับ.... แล้วก็เจ็บๆที่แผล     นี่อาการผมหนักมากเหรอครับ ” ผมพูดพร้อมกับเลิกเสื้อขึ้นเพื่อดูแผลตรงที่เป็นรอยเย็บ

“ ก็......... นิดหน่อยหนะครับ.... ” พี่บอสกับพี่ฉินอึกๆอักๆมองหน้ากันก่อนที่พี่ฉินจะตอบกลับมา
ดูจากท่าทางของทั้งคู่ผมก็พอจะรู้ว่าอาการผมก่อนหน้านี้คงจะหนักพอควร

“ ผมหิวน้ำ.... ” ผมพูด

พี่ฉินเลยรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นหลอดมาให้ผมดูด

“ ฟรอยอย่าขยับตัวมากรู้มั้ย.... เดี๋ยวแผลจะปริ ” พี่บอสพูด

“ แขนพี่..... ” ผมพูดเชิงถาม

“ แค่แขนหักหนะคับ.... อาทิตย์กว่าๆก็เอาออกได้แล้วครับ ” พี่บอสพูด

“ ห่วงแต่ไอ้บอสนะ.... ”  พี่ฉินพูดเหมือนจะน้อยใจ

“ ก็พี่ฉินไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ครับ... เห็นๆกันอยู่ ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

“ เอ้อ.......... ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางน้อยใจเป็นเด็กๆ  เห็นแล้วก็ตลกดีครับ

“ น่ารักตายล่ะเมิง.... ” พี่บอสพูดแซวพี่ฉิน

“ แล้วนี่คนอื่นๆเป็นไงมั่งครับ.... ” ผมถามอย่างเป็นห่วง เพราะดูจากท่าทางแล้วคนที่นั่งส่วนหลังของรถดูเหมือนจะได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่นๆอย่างผมและพี่บอส

“ ก็.................... ” พี่ฉินอึกอักพร้อมกับหันไปสบตากับพี่บอสจนพี่บอสพูดออกมาว่า

“ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก   หนักแค่บางคนหนะ..... แต่ตอนนี้ออกโรงบาลกันหมดแล้ว.... ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ” 
พี่บอสพูด  ผมได้ยินแบบนี้ก็ค่อยโล่งใจ

“ ใช่.... ก็เหลือแต่ฟรอยเนี่ยแหละ.... รีบๆหาย  คนอื่นเค้ากลับไปทำงานกันหมดแล้วนะ ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์

“ โห... จะไล่ผมออกมั้ยเนี่ย.....  งั้นผมไปทำงานเลยแล้วกัน.... ” ผมพูดแกล้งพี่ฉิน

“ พักผ่อนให้หายก่อนเถอะครับ..... ไม่มีใครว่าไรหรอก..... ฝีมือดีขนาดนี้ใครจะกล้าไล่ออก ” พี่บอสพูด

“ เออ..... เอากันเข้าไป ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางกวนๆ

“ งั้นผมลาออกก็ได้นะครับ... ถ้าผมเอาเปรียบบริษัทเกินไป  ” ผมแกล้งหยอกพี่ฉิน

“ ไม่ต้องเลย..... พักไปจนหายดีนั่นแหละ ” พี่ฉินพูด

“ 55555555+……………. ” เสียงพี่บอสหัวเราะออกมาส่วนผมได้แต่ยิ้มเพราะยังเจ็บๆแผล

“ แล้วงานตัวนั้นลูกค้าว่าไงบ้างครับ ” ผมถาม

“ ลูกค้าพอใจมาก  แต่ก็ขอโทษขอโพยกันใหญ่เลยเรื่องอุบัติเหตุ  เพราะเห็นว่าเราเร่งงานกัน ” พี่ฉินพูด

“ ลูกค้าฝากชมเรามาด้วยนะ.... เห็นว่าจะมาเยี่ยมด้วย ” พี่บอสพูด

“ อ้อครับ... งั้นผมจะรีบหายไวๆแล้วกลับไปทำงานนะครับ ”  ผมพูดอย่างมีกำลังใจที่งานชิ้นแรกเป็นที่พอใจ

“ ครับ...... ” พี่ฉินพูด

“ เอ้อฟรอย..... ฟรอยไม่มีเบอร์ติดต่อเพื่อนหรือญาติบ้างเลยเหรอ ”  พี่บอสถามขึ้นทำเอาผมแทบกลืนน้ำลายไม่ลง

“ เออใช่.... พี่จะติดต่อบอกพวกเค้าเรื่องอุบัติเหตุก็ติดต่อใครไม่ได้เลย ” พี่ฉินพูด

“ เอ่อ.............. คือ............ ” ผมไม่รู้จะพูดยังไง  เรียกว่าไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนจะดีกว่า
บรรยากาศในห้องที่ดูเหมือนสนุกสนานในตอนแรกแปรเปลี่ยนไปถนัดตา

“ มีอะไรรึป่าว..... ” พี่ฉินพูด

“ ฟรอยมีอะไรพูดกับพี่สองคนได้นะ..... ”  พี่บอสหันไปสบตาพี่ฉินก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเป็นห่วง

“ คือ............. ผม..... ”  ผมรู้สึกว่าการจะพูดออกมาแต่ละคำทำไมมันดูยากจัง

“ ทำใจให้สบายๆแล้วค่อยเล่าก็ได้ครับ.... ” พี่ฉินพูด

“ ครับ.......... ”  ผมพูดแล้วนิ่งไปสักพักเพื่อทำใจให้เข้มแข็งก่อนที่จะค่อยๆเล่าเรื่องราวในอดีตออกมา



“ ผมเป็นเด็กกำพร้าครับ...... ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ของผมคือใคร  บ้านของผมตั้งแต่ผมจำความได้คือสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า......... ผมโตมาจากที่นั่น   โดยมีผู้ใหญ่ใจดีท่านนึงเป็นผู้อุปการะผม..... แต่ท่านก็ไม่ได้รับผมไปอยู่ด้วยนะครับ  ผมก็ยังคงอยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าจนผมเรียนจบมัธยม  เพียงแต่ท่านจะส่งค่าใช้จ่ายมาให้ผมทุกเดือนจนผมเรียนจบ 
พอผมเข้าเรียนมหาลัย.... ค่าใช้จ่ายต่างๆท่านก็เป็นคนออกให้ทั้งหมด....... มาช่วงประมาณปีสองที่ผมเริ่มหางานทำเพราะอยากจะแบ่งเบาเงินที่ท่านส่งมาให้ผม........ พอผมเรียนจบผมก็รีบหางานทำ  ไม่แปลกหรอกครับ...  ที่พวกพี่จะติดต่อพ่อแม่ของผมไม่ได้  เพราะตัวผมเองก็ไม่เคยได้ติดต่อ.... อย่าว่าแต่ติดต่อเลยครับ... น่าตาเค้าเป็นยังไงผมเองก็ยังไม่รู้เลย ” ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกหดหู่

“ ท่าน.... ที่ฟรอยพูดถึงหมายถึงใครเหรอ ” พี่บอสถามขึ้น

“ ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าท่านคือใคร.... ผมเคยเจอท่านสองครั้ง คือตอนที่ผมสอบเข้ามัธยมกับตอนที่ผมสอบเข้ามหาลัยได้.......... ”  ผมพูด

“ ตอนนี้เค้าอยู่ไหนเหรอคับ ” พี่บอสพูด

“ ผมรู้ว่าเค้าสบายดี........ แต่ผมละอายใจที่จะติดต่อกับเค้า...... ” ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“ ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกครับ...... ว่าเพราะอะไร....... ช่วงที่ผมเรียนมหาลัย... ผมได้รู้จักกับพี่โฟน  พี่เค้าดีกับผมมาก  คอยช่วยเหลือผมทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน  เค้าช่วยผมหางานทำช่วงที่เรียน......ความรู้สึกดีที่มีให้กันมันค่อยๆเพิ่มมากขึ้นจนเกินคำว่าพี่น้องโดยที่ผมไม่รู้ตัว  และไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นจากตรงไหนรึเมื่อไหร่  ผมรู้แต่ว่าเมื่อผมรู้ตัวรู้ความรู้สึกตัวเอง.... ผมเลือกที่จะปฏิเสธ....  ในตอนนั้นผมไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ว่าผมรักผู้ชาย.... แล้วพี่โฟนก็เป็นคนดีเกินไปที่จะมาคบกับคนอย่างผม  ที่สำคัญคืออะไรรู้มั้ยครับ...... .... ”  ผมพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นมองพี่ฉินกับพี่บอสที่กำลังฟังเรื่องราวของผมอย่างตั้งใจ  ดวงตาของทั้งคู่ปรึ่มไปด้วยน้ำตา  นี่ชีวิตผมมันน่าเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ.......


ใช่สิมันน่าเศร้า.........................


“ คือ..... พี่โฟนเป็นลูกของท่านที่อุปการะผม ผมถึงไม่อยากให้พี่เค้ามาหลงผิดกับคนอย่างผมได้............ ”
ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่ได้
แผลในใจของผมมันเหมือนจะปริออกอีกครั้ง  แผลที่เจ็บกว่าแผลไหนๆ......  แผลที่ไม่มีวันหาย.....
แผลที่พร้อมจะปริออกมาได้ทุกเมื่อเพียงแค่มีอะไรไปสะกิดเพียงเบาๆ

“ ผมคิดว่า.... การที่ผมปฏิเสธที่โฟนในวันนั้นจะจบเรื่องทุกอย่างได้... แต่ไม่ใช่เลย.. ผมทำให้พี่โฟนตาย.......  ”
ผมร้องไห้ออกมาจนตัวโยนจนพี่ฉินเขยิบเข้ามากอดผมไว้

“ ตอนนี้นายไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกแล้วนะ....... นายยังมีพี่กับไอ้ฉินนะ ” พี่บอสพูดพร้อมกับเอามือลูบที่หัวผม

“ ไม่เป็นไรแล้วนะ..... ไม่เป็นไรแล้ว....  มันผ่านไปแล้วครับ ” พี่ฉินพูดปนสะอื้น




“ ขอบคุณพี่สองคนมากนะครับ... ” ผมพูดหลังจากที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว

“ ไม่เป็นไรหรอก...... พี่เต็มใจนะ.... ” พี่ฉินพูด

“ เมิงไม่ต้องเอาหน้า........ .......  ฟรอยครับ... พี่ก็เต็มใจนะครับ ” พี่บอสพูดทำเอาเราสามคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน




ยามค่ำคืนที่แสงของดวงอาทิตย์ผ่านพ้นไปแลเห็นดวงดาวสุกสว่างเต็มท้องฟ้า
ท่ามกลางแสงดาวสุกสว่างนับหมื่นนับแสน  ยังมีดวงจันทร์ที่ทอประกายแสงงดงามเจิดจรัสทั่วฟ้า
แสงสีทองที่ทอประกายดวงใหญ่นั้นส่องสว่างสวยงามจับใจใครหลายคน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด แม้ว่ามุมไหนของโลกต่างก็เห็นดวงจันทร์ดวงเดียวกัน
มองเห็นความงามของดวงจันทร์ได้เหมือนกันต่างกันเพียงคุณยืนอยู่คนละมุมโลกก็เท่านั้น

ไม่แปลก..............
เพราะความงามตรงหน้าในยามค่ำคืนแห่งนี้มันสวยงามจนใครหลายคนหลงใหล

แต่น่าเศร้า............
ที่ใครหลายคนลืมนึกถึงด้านมืดของพระจันทร์

จะมีใครรู้มั้ยว่าแสงจันทร์ด้านนั้นที่หลายคนว่าสวยจับใจ  อีกด้านนึงข้างหลังเป็นเช่นไร

ความสวยงามไม่ต้องมองหา...... เพราะว่าไม่มี

มันหนาว.......  เหงา............. และว้าเหว่.......................

ชีวิตผมไม่เคยมีใครให้นึกถึง........  เพราะผมไม่มีใคร..................... ผมมีเพียงตัวผม

ช่วงที่ผมเป็นเด็ก...... ผมรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันช่างยาวนาน......


หลายครั้งที่ผมเห็นพ่อ  แม่  ลูก  เดินด้วยกัน  หยอกล้อกันอย่างมีความสุข
ภาพคู่รัก...... ที่ต่างมอบความรักให้แก่กัน

แต่ทำไมผมถึงมีแต่ตัวผม  เพียงคนเดียว.....  คนเดียวจริงๆ.......

เราเดินสวนกัน..........

นั่งรถเมล์คันเดียวกัน........

นั่งกินข้าวอยู่ใกล้กัน..................

แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมอยู่คนละโลกกับคนอื่น


การอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันกับใครอีกหลายคน แต่เรากลับรู้สึกว่าเราไม่มีตัวตน
เหมือนไม่มีใครมองเห็นเรา  เป็นสิ่งซึ่งน่าเศร้าใจมากนะครับ

ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน......

ผมไม่รู้ว่าผมมาจากไหน.....
ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่ผมคือใคร...........
ผมแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย............


แต่อย่างน้อย....... ก็ยังดี  ที่ผมยังรู้วันเกิดของตัวเอง.................



ครั้งนึงผมนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์........... ในเวลาตีสองกว่าๆ
วันนั้นเป็นวันเกิดของผม...................

ไม่มีการเลี้ยงฉลอง.........

ไม่มีของขวัญ.......... หรือคำอวยพร.........

ไม่มีเค้ก....................



จากใคร.........


มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผม  เพราะผมเองก็ไม่เคยได้รับมัน

ผมนั่งอยู่ตรงนั้นได้สักพัก  ไม่นาน....... ชายหนุ่มรุ่นราวคาวเดียวกับผมเดินมาหยุดนั่งไม่ไกลจากผม
สองมือเค้าเต็มไปด้วยกล่องของขวัญ........... เค้ากำลังจัดแจงของขวัญเหล่านั้นใส่เป้บ้างใส่ถุงบ้าง
ขยับไปมาเพื่อให้สะดวกต่อการถือมากที่สุด ขณะที่เค้าจัดแจงอยู่นั้น กล่องของขวัญกล่องนึงกลิ้งมาหยุดตรงที่เท้าผม
หน้ากล่องสีสวยนั้นมีการ์ดติดอยู่ ข้อความว่า.....

สุขสันต์วันเกิดนะ......................



ผมมองดูกล่องของขวัญตรงหน้าด้วยใจรื้นๆ







เสียงเปิดประตูทำให้รู้ว่ามีคนเข้ามา..........

“ ยังไม่นอนอีกเหรอ.... ” เสียงพี่ฉินพูดพร้อมกับที่ผมหันไปมองพอดีว่าใครมา

“ ครับ..... พอดีวันนี้นอนทั้งสันแล้วเลยไม่ค่อยง่วงหนะคับ ” ผมพูด

“ คิดมากอะไรอยู่อีกล่ะสิ ” พี่บอสพูดพร้อมกับเดินมาที่ข้างเตียง

“ นิดหน่อยครับ..... ” ผมพูด

“ อ้อฟรอย.... นี่พี่เคน  เพื่อนพวกพี่เอง  ” พี่บอสพูด

“ สวัสดีครับพี่...... ” ผมกล่าวทักทาย

“ ครับ..... ” พี่เคนพูดตอบด้วยท่าทางใจดี

“ เมิงสองคนกินน้ำก่อน.... อ่ะ ” พี่ฉินเดินถือน้ำมาหลังจากเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำมา

“ ใจว้ะ......... ” พี่เคนพูด

“ กูหิวแล้วว่ะ..... ” พี่บอสพูด

“ เออ.... เดี๋ยวกูไปทำมาให้แดก ” พี่เคนพูดก่อนที่จะหิ้วถุงบะหมี่ที่ซื้อกันมาเข้าไปในห้องเล็กๆข้างห้องน้ำ

“ ใจว้ะ...... ” พี่บอสพูด

“ เผื่อกูด้วยนะ...... ” พี่ฉินตะโกนบอก

“ เป็นไงบ้าง.... อยู่คนเดียวเหงามั้ย ” พี่ฉินเดินมาหาผมที่เตียงแล้วถามขึ้น

“ ไม่หรอกคับ..... ผมอยู่คนเดียวจนชินแล้ว.... ” ผมพูด ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนฟังรู้สึกเช่นไรเพียงแค่ตอบไปตามที่ถามมา  แต่ดวงตานั่นทำให้ผมรู้ว่าเค้ารู้สึกเช่นไร

มันเหมือนแววตาที่ใครบางคนเคยมองผม.......



“ หิวมั้ย......... กินผลไม้ป่ะ  เดี๋ยวพี่ปลอกให้ ” พี่ฉินพูด

“ ไม่เป็นไรครับ..... พี่กินก่อนเหอะ....  ท่าทางจะหิวกันมา ” ผมพูด

“ ก็นิดหน่อยครับ....... ” พี่ฉินพูด

“ เฮ้ย.... เร็วๆดิ........ หิวนะเว้ย.... ” เสียงพี่บอสที่นั่งรอตรงโซฟาหน้าทีวีตะโกนเร่งพี่เคน

“ เดี๋ยวสิว้ะ..... เดี๋ยวกูก็ไม่ทำให้แดกซะเลย.... ” พี่เคนตะโกนกลับมา

“ เออ..... ถ้ากูไม่ง่อยนะ....กู ไม่ใช้เมิงหรอก ” พี่บอสตะโกนกลับไปทำให้ผมกับพี่ฉินหัวเราะออกมา

“ ยิ้มแบบนี้บ่อยๆสิครับ..... อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลย ” พี่ฉินพูด

“ ขอบคุณนะครับพี่.... ที่เป็นห่วง ” ผมพูด

“ อ่ะ..... ได้แล้ว......... ” พี่เคนพูดพร้อมกับยื่นบะหมี่ให้พี่บอส

“ ใจว้ะ...... ” พี่บอสพูด

“ พี่สองคนนี้เค้าตลกกันดีนะครับ ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมากับท่าทางของทั้งคู่

“ ไอ้สองคนนี้มันชอบกัดกัน....... แต่จริงๆแล้วมันสนิทกันมากนะ....... รักกันมากด้วย เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว..... ” พี่ฉินพูด

“ ครับ.... ดีจังนะครับ ” ผมพูดพร้อมกับอดนึกถึงเพื่อนๆสมัยมหาลัยไม่ได้

“ แล้วเพื่อนๆฟรอยล่ะ..... ” พี่ฉินถามขึ้น

“ ตั้งแต่พี่โฟนเสีย...... ผมก็ห่างๆจากเพื่อนๆ  พอเรียนจบผมก็ไม่ได้ติดต่อใครเลย....... ”
ผมพูดพร้อมกับนึกถึงภาพวันเก่าๆที่ผมและเพื่อนๆมีร่วมกัน ตั้งแต่พี่โฟนก้าวเข้ามา

ผมรู้สึกว่าแสงสว่างของดวงจันทร์ส่องสว่างมาถึงตัวผม  ใครหลายคนมองเห็นผม
ผมมีเพื่อน..... มีกลุ่มเพื่อนสนิท   จากเดิมที่ผมไม่เคยมี
ผมได้ของขวัญ.....  จากเดิมที่ไม่เคยได้
ผมได้รับความห่วงใย....  ได้รับความรัก  ได้รับมิตรภาพ  ที่มาจากคนรอบข้าง 
ไม่ใช่ที่มาจากตัวผมเอง  เหมือนแต่ก่อน.....


ผมรู้สึกว่าผมมีตัวตน..........


แต่ผมก็ทิ้งคนเหล่านั้นมา...


“ เพราะ......... คนเหล่านั้นทำให้นึกถึงพี่โฟนใช่มั้ย.......  ” พี่ฉินพูด  ผมหันมาสบตาพี่ฉินอีกครั้ง


แววตานั้นบอกให้ผมรู้ว่าคนตรงหน้า......

รู้ในสิ่งที่ผมคิด.... 

รู้ในสิ่งที่ผมกลัว




เราคงเคยรู้สึกเหมือนกัน......


############################################################
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2009 15:12:21 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ความเหงา...เป็นความรู้สึกของสัตว์สังคม
เหงา...เมื่ออยู่คนเดียว
เหงา...เพราะไม่มีใคร
เหงา...แล้วเปล่าเปลี่ยวใจ
เหงา...ทำไมไม่เข้าใจ...ซักที

เตือนแล้วเตือนอีก ว่าอย่าเล่นกับความรู้สึก  :เฮ้อ: เดะดื้อเอ๊ย

 :pig4:ขอบคุณขรั่บ น้องกร  :L2: +1 ให้กับความเหงาของฟรอย แต่ไม่รู้คนแต่งด้วยเหรอเปล่า
แต่ถ้าใช่ ขอกอด :กอด1: กรแน่นๆๆๆ จะได้คลายเหงา
 :L1:ร้ากนะ เดะดื้อ  :จุ๊บๆ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด