- - - - ระยะห่างของความรู้สึก - - - - ผมมาทักทาย... (1 ก.พ. 54)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - - ระยะห่างของความรู้สึก - - - - ผมมาทักทาย... (1 ก.พ. 54)  (อ่าน 71086 ครั้ง)

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
^^
^^
^^
จิ้ม กร ไม่ได้ทักทายกันนานเลยเนอะ สบายดีหรือเปล่าครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ระวัง

ไข้หวัด 2009 หน่อยก็ดีนะ และก็อวยพร วันเกิดย้อนหลัง

คงไม่สายเกินไปนะครับ สุขสันต์วันเกิดนะครับ กร ขอให้สุขภาพ

แข็งแรง อยู่ที่ไหนมีแต่คนรักคนเมตตา การงานขอให้ราบรื่นอย่าได้ติดขัด

เจ้านายรัก แต่ไม่ต้องหลง ไปดีกว่า ฟิ้วววววว.....

ปล. +1 เป็นกำลังใจให้อีกแล้วรีบมาต่อนะครับ

moonoi_sert

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1:อวยพรวันเกิดย้อนหลังครับ ขอให้มีความสุขและสมหวังในสิ่งที่ปราถนา ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยต่างมารบกวน :กอด1:

 :L2:งานนี้ทั้งฟรอยและฉินต้องมั่นคงในกันและกันอย่าหวั่นไหวกับคนรอบข้างที่จะเข้ามาทำให้แตกแยก :L2:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
หายไปอีกแล้ว

ป่วยหรืองานยุ่งครับ

มาดันไว้ :กอด1:

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
หายไปเกือบสองเดือน
กลับมาอีกที เข้มข้นขึ้นเยอะ คิดว่าต่อไปคงไม่ง่ายแน่ๆ
ลุ้นต่อไปน่ะครับ

ปล. ขอบคุณที่ไปอ่านเรื่องของผมนะครับ มันเป็นเรื่องเล่าอ่ะครับ  :mc4:

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
มาต่อแล้วครับ.... หลังจากที่หายไปนาน

งานยุ่งครับช่วงนี้  พิมพ์ค้างไว้ได้เพิ่งมานั่งพิมพ์ต่อเมื่อคืน....

อ้อ... ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ......

ปีนี้เป็นอีกปีที่ไม่มีของขวัญจากใคร แต่ได้คำอวยพรจากพ่อก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว

แล้วก็ถอยนาฬิกาให้ตัวเองเป็นของขวัญไปหนึ่งเรือน และโน็ตบุ้ค และโทรศัพท์

ฮ่าๆ ถอยของขวัญให้ตัวเองเยอะไปหน่อยเล่นเอาซะจนเลย  ฮ่าๆ.... แทบไม่มีจะกินแล้ววววววววว....

และก็ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันอยู่นะครับ  ผมมีเวลาค่อนข้างน้อย แต่ก็จะพยายามพิมพ์เรื่องให้อ่านกันนะครับ

เพราะงานเขียน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรักและชอบมาก

และผมก็ดีใจที่ยังคงมีคนอ่านเรื่องของผม

เรื่องของผมอาจจะไม่ได้มีเนื้อเรื่องหรือตัวละครที่เป็นแนวตลาดที่เค้านิยมกัน

แต่ผมเชื่อว่าผมเองก็มีแนวทางของผม มีวิธีเล่าเรื่องของผม

ให้ถือซะว่าเรื่องราวของผมเป็นบทนึงในชีวิตก็แล้วกันครับ มันไม่ได้มีอะไรที่ดีและสวยงามไปได้ตลอดหรอก

หวังว่าเรื่องราวของผมคงจะให้อะไรกับคนอ่านบ้างนะครับ

ขอบคุณมากครับที่ยังติดตามกัน.......


Ostrich

************************************************************



( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)



น้ำหลาก.... แรงเหลือ//น้ำนิ่ง.... ไหลลึก ( -_-)*[/b]


ตอนที่อยู่ในห้องประชุมผมรู้สึกว่าคุณคิวมักจะส่งสายตาหรือมองมาที่ผมตลอด ซึ่งตัวผมเองก็ใช่ว่าจะไร้เดียงขนาดมองไม่ออกว่าสายตานั้นมองมาด้วยความรู้สึกเช่นไร และแน่นอนว่าคุณคิวก็รู้เช่นกัน ว่าตัวผมเองนั้นรู้ว่าเค้ารู้สึกเช่นไรกับผม แต่ใจผมตอนนี้ผมมอบมีนให้กับพี่ฉินไปแล้ว และในส่วนลึกๆของหัวใจผมก็ยังคงมีพี่โฟนอยู่ ผมรู้ว่าไม่ว่าใครก็ตามหรือแม้แต่พี่ฉินคงไม่ชอบใจนักที่คนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นแฟนไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ทั้งๆที่เรารู้อยู่เต็มอกว่าเค้ารู้สึกเช่นไรกับเรา
ผมพยายามที่จะระวังตัวเองตลอดตามที่พี่ฉินบอก ผมไม่อยากให้พี่ฉินไม่สบายใจเรื่องคุณคิว เพราะลำพังแค่เรื่องงานมันก็มีเรื่องราวอะไรมากมายปัญหาเยอะแยะให้ต้องคอยแก้ไขอยู่ตลอด

ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องประชุมผมก็พยายามระวังตัวอยู่ตลอดเหมือนกัน พอเสร็จจากการประชุมผมก็รีบชิ่งออกมาโดยอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำและผมก้หลบหน้าคุณคิวออกไปเลย แต่ผมไม่เข้าใจว่าพี่ฉินเป็นอะไรหรือโกระอะไรผมรึป่าว เพราะตั้งแต่ออกมาจากห้องประชุมพี่ฉินแทบจะไม่คุยกับผมเลยจนผมรู้สึกอึดอัด ยิ่งอยู่ในรถด้วยกันโดยที่ไม่พูดจากันเลยผมยิ่งอึดอัด มันรู้สึกว่าตัวเรากำลังอยู่ท่ามกลางความอึดอัดบางอย่าง

“ พี่ฉิน... โกรธอะไรผมรึป่าวครับ ” ผมตัดสินใจถามออกไปเพราะคงไม่มีทางออกไหนดีกว่าการพูดกันตรงๆ

“ เฮ้อออ...... ไม่มีอะไรหรอก ” พี่ฉินถอนหายใจยาวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยคิ้วที่ยังขมวดเป็นปม

“ ทำเสียงแบบนี้ผมคงเชื่อหรอกนะว่าไม่มีอะไร ” ผมพูด

“ พี่มีเรื่องกังวลใจนิดหน่อยหนะ ” พี่ฉินพูด

“ ผมรู้... มันคงไม่นิดหน่อยหรอกมั้งครับ  ผมทำอะไรให้พี่ไม่สบายรึป่าวครับ  มีอะไรก็บอกผมสิ ”
ผมพูด

“ ฟรอยไม่ได้ทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจหรอกครับ แต่คนอื่นหนะสิ ” พี่ฉินพูด

“ หมายถึงใครเหรอครับ คุณคิวเหรอ ” ผมพูด

“ ก็ใช่หนะสิ ท่าทางมันจะเอาเรื่องน่าดูถึงกล้าท้าทายพี่ขนาดนั้น ” พี่ฉินพูด

“ เค้าท้าทายอะไรพี่เหรอครับ ” ผมถาม

“ มันบอกว่ามันจะแย่งฟรอยไปจากพี่ให้ได้หนะสิ ” พี่ฉินพูด ผมเองแทบจะไม่อยากเชื่อว่าคุณคิวพูดแบบนั้นจริงๆ เพราะผมกับเค้าก็เพิ่งจะเจอกันเค้าไม่น่าจะต้องมาทำอะไรขนาดนี้

“ พี่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพราะยังไงผมก็ชอบเค้าหรอก ” ผมพูดตามที่รู้สึกและก็หวังจะให้พี่ฉินสบายใจด้วย

“ สัญญากับพี่นะ ” พี่ฉินพูดพร้อมกับจับมือผมสายตาของพี่ฉินที่มองมาเป็นสายตาที่หวาดกลัวกับการจากลา ถึงแม้ว่าผมจะทำให้พี่ฉินเชื่อใจขนาดไหน แต่สายตานั้นก็ยังคงหวาดกลัว มันไม่แปลกกับคนที่เคยสูญเสียถึงมีสายตาที่หวาดกลัวได้ขนาดนี้

ผมบีบมือพี่ฉินไว้แน่นก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ ครับ.... พี่ไม่ต้องกลัวนะ อย่าเอาเรื่องคุณคิวมาทำให้รู้สึกแย่เลยครับ เพราะยังไงตอนนี้ผมก้อยู่ข้างๆพี่นะ ”

“ ขอบคุณนะ.... ” พี่ฉินพูดพร้อมกับยิ้มออกมา

“ รีบกลับบ้านกันเถอะครับแม่รออยู่ ” ผมพูด

“ ครับ ” พี่ฉินรับคำพร้อมกับรอยยิ้ม


************************************************************************

“ เป็นไงมั่งครับแม่ ” พี่ฉินพูขึ้นทันทีที่ก้าวเข้าห้อง

“ กลับมากันแล้วเหรอลูก.... ฟรอยล่ะ ” เสียงแม่ดังมาจากห้องครัวคงจะเตรียมทำข้าวเย็นให้เราอยู่

“ มาแล้วครับแม่ ” ผมพูดก่อนที่จะรีบเดินไปหาแม่ในห้องครัว

“ โอโห้... ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วเหรอเนี่ย ” พี่ฉินแกล้งทำเป็นพูดน้อยใจ

“ ไอ้เด็กขี้อิจฉา... เงียบไปเลย ” แม่พูดแกล้งพี่ฉิน.... 55555 หยอกกันน่ารักดีครับ

“ คิดถึงจังครับแม่... ” ผมพูดพร้อมกับเข้าไปสวมกอดแม่

“ ขี้อ้อนเหมือนกันนะเรา ” แม่พูดด้วยเสียงเอ็นดู

“ ก็ผมมีแม่ให้อ้อนแล้วนี่ครับ ” ผมพูดพร้อมกับรู้สึกโหวงๆในใจ

“ ถึงแม่จะไม่ใช่แม้แท้ๆของฟรอย แต่แม่ก็รักหนูเหมือนลุกแม่อีกคนนึงนะ อดีตที่มันผ่านมา... อะไรที่มันไม่ดีก็ไม่ต้องไปจำมันนะลูก  แม่เชื่อว่าทุกคนย่อมต้องมีเหตุผล... แม้แต่พ่อกับแม่ของฟรอยเค้าก้คงมีเหตุผลของเค้าเหมือนกัน  ไม่ต้องเอามาเป็นปมด้อยรู้มั้ยลูก ” แม่หันมาพูดกับผม สายตาแม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูที่ผมเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ

“ ขอบคุณครับแม่ ” ผมพูดพร้อมกับน้ำตาเอ่อ

“ รักกันจังนะ... ผมชักจะเริ่มอิจฉาจริงๆล่ะนะ ” พี่ฉินพูดขณะเดินเข้ามาในครัว

“ เฮ้อออ... จริงๆเลยน๊า....... ” แม่พูดพร้อมกับหัวเราะออกมา

“ แม่มีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับ ” ผมพูด

“ ดีเลยๆ.... งั้นช่วยแม่หันผักหน่อยนะ ” แม่พูด

“ ผักอยู่ในตู้เย็นใช่มั้ยครับ ” ผมพูด

“ จ้ะ... ” แม่พูด

“ ดีนะ.... ที่มีฟรอยมาช่วยเป็นลูกมือ  ไอ้ลูกชายแม่นะ... มันไม่เคยช่วยแม่หรอก  คอยกินอย่างเดียว”
แม่พูดติดตลก

“ โห.... เอาใหญ่เลยนะ  ก็ผมทำไม่เป็นนี่ครับ ” พี่ฉินรีบพูดแก้ตัว

“ แกหนะ... มันสบายจนเคยตัว  งานบ้านงานเรือนไม่ได้เรื่องสักอย่าง ” แม่พูด

“ ก็นี่ผมก็หาคนมาทำให้แล้วไงครับ ” พี่ฉินพูดพร้อมกับหันมายิ้มกรุ้มกริ่มกับผมที่กำลังหั่นผักอยู่

“ ฟรอยก้อย่าไปยอมพี่เค้ามากนักรู้มั้ย ” แม่หันมาพูดกับผม

“ โอ้โห.... เหลือใครเป็นพวกผมมั่งเนี่ย  เอ้ออ.... ผมมันไม่ดี ” พี่ฉินพูดน้อยใจ

“ ไม่ต้องมาน้อยอกน้อยใจเลยแก....   ไปอาบน้ำอาบท่าไป ” แม่พูด

“ ฟรอยครับ.... ไปอาบน้ำกับพี่มั้ย ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์

“ ไม่ต้องเลย.... ฟรอยเค้าจะอยู่ช่วยแม่ ไปๆมัวพูดมากอยู่ได้ ” แม่พูด ผมหันไปมองพี่ฉินแล้วก็อดยิ้มไปกับท่าทางไม่ค่อยพอใจของพี่ฉินไม่ได้

“ ครับ.... คุณนาย  สั่งจริง....  ไปก็ได้ ” พี่ฉินพูดก่อนที่จะเดินออกไป

“ เป็นไงมั่งฟรอย  ทำงานกับพี่ฉิน  เค้าใช้งานเราหนักไปมั้ย ” แม่พูด

“ ไม่หรอกครับแม่ ผมก็ทำไปตามหน้าที่ที่จะต้องทำล่ะครับ ” ผมพูด

“ ถ้าพี่ฉินเค้าใช้งานเราหนักไปก็มาบอกแม่นะลูก  เจ้านี่เค้าบ้างาน... ” แม่พูด

“ ครับแม่ ” ผมพูดรับคำ

“ แล้วพี่บอสละลูก ” แม่พูด

“ พี่บอสก็ดีครับแม่ พี่เค้าคอยดูแลผมตลอดเลย เมื่อก่อนผมมีปัญหาอะไรพี่บอสก็คอยช่วยตลอด ”
ผมพูด

“ ดีจ้ะ... บอสเค้าน่ารักนะนิสัยก็ดี ใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดี  ไม่รู้ว่ามาสนิทกับลูกชายแม่ได้ยังไง” แม่พูดและหัวเราะออกมาน้อยๆ

“ ครับ ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มไปกับคำพูดของแม่

“ ฉินเอ้ย.... เดี๋ยวโทรชวนบอสมากินข้าวด้วยกันสิลูก ” แม่ตะโกนบอกพี่ฉิน

“ ครับแม่ ” พี่ฉินตะโกนกลับมา

“ แล้วนี่พี่บอสเค้ารู้เรื่องลูกกะพี่ฉินรึยัง ” แม่พูด

“ ผมสองคนก็ยังไม่ได้บอกใครนะครับ  แต่ผมว่าพี่บอสเค้าน่าจะพอดูออก ” ผมพูด

“ อืม.... แม่ก็กังวลว่าบอสเค้าจะคิดยังไงรึป่าว ” แม่พูดออกมาด้วยท่าทางกังวลเล็กๆ

“ ครับ.. ” ผมไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไงก็เลยตอบออกไปแค่... ครับ

“ แต่แม่ว่า... บอสคงไม่มีอะไรหรอก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ” แม่พูด

“ ครับแม่ ” ผมพูด

“ ส่วนตัวแม่... แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะลูก  เพราะแม่รู้ดีว่าเราสองคนเป็นคนยังไง  เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรือทำให้ใครเดือดร้อน  แต่ต่างคนก็ต่างความคิด  เราไม่รู้ว่าเค้าจะมองยังไงหรือคิดยังไงกับเรา ลูกก็ต้องระวังๆตัวกันหน่อยรู้มั้ยลุก  แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดว่าแคร์คนอื่นเกินไปจนมันมากกว่าคนที่เราควรจะแคร์ ” แม่พูดอย่างเป็นห่วง

“ ขอบคุณครับแม่ ” ผมพูด

“ เดี๋ยวแม่ทำแกงส้มเพิ่มอีกอยางดีกว่า  เพราะบอสเค้าชอบกิน ส่วนแกงเขียวหวานนี่ให้ฉินมัน ”
แม่พูดพร้อมกับเดินไปที่ตู้เย็น

“ พี่ฉินชอบกินแกงเขียวหวานเหรอครับ ” ผมพูด

“ ใช่จ้ะ.... แกงเขียวหวานไก่นี่ของโปรดเค้าเลยหละ ” แม่พูด

“ ส่วนของโปรดฟรอย.... น้ำพริกกะปิ  เดี๋ยวแม่ตำให้สุดฝีมือเลยนะ ” แม่พูด

“ แม่นี่รู้ใจทุกคนเลยนะครับ ” ผมพูด

“ ต้องรู้สิจ้ะ.... จะได้ทำให้กินถูก.... จะได้เจริญๆอาหารกัน ” แม่พูด






“ ฟรอย... เดี๋ยวลูกทยอยๆยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะป่ะ ” แม่พูด

“ ครับแม่ ” ผมพูดและทยอยยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะ ซึ่งตอนนั้นพี่ฉินก็เดินเข้ามาพอดี

“ หอมจัง.... มีไรกินมั่งเนี่ย ” พี่ฉินพูดพร้อมกับเดินมาที่โต๊ะกินข้าว

“ เยอะแยะเลยครับ  มีแกงเขียวหวานของโปรดพี่ด้วย ” ผมพูด

“ รู้ได้ไงเนี่ย... แม่บอกเหรอ ” ผมฉินพูดอย่างรู้ทัน

“ ใช่ครับ..... ” ผมพูด

“ กินข้าวเยอะแน่เลยวันนี้  เดี๋ยวได้อ้วนกันพอดี ” พี่ฉินบ่นๆ

“ ไม่ต้องบ่น  มาช่วยผมจัดโต๊ะเลย.... ” ผมพูด

“ ครับๆ.... ” พี่ฉินพูด

“ ก็อกๆๆๆ ” เสียงแคะประตูห้อง

“ สงสัยไอ้บอสจะมาแล้ว ” พี่ฉินพูด

“ งั้นเดี๋ยวผมไปเปิดให้นะ ” ผมพูดแล้วเดินไปเปิดประตู

“ พี่มาช้าไปรึป่าวเนี่ย ” พี่บอสพูดด้วยท่าทางเกรงใจ

“ ไม่หรอกครับ... เพิ่งจัดโต๊ะเองครับ ” ผมพูด

“ อ่อครับ..... แล้วแม่ล่ะ ” พี่บอสพูด

“ อยู่ในครัวครับ...ง มาผมช่วยถือ ” ผมพูดพร้อมกับดึงถุงผลไม้ที่พี่บอสหิ้วมา

“ ครับ ” พี่บอสพูด

พอผมกับพี่บอสเดินเข้าไปที่โต๊ะกินข้าว พี่ฉินก็ตะโกนเสียงดังว่า

“ แม่.... ลูกรักแม่อีกคนนึงมาแล้วนะ ” พี่บอสยิ้มก่อนที่จะพูดว่า

“ ไอ้ขี้อิจฉา ” ผมก็แอบอมยิ้มไปกับท่าทางหยอกกันของทั้งคู่

“ มาแล้วเหรอลูก ” แม่พูดพร้อมกับยกกับข้าวที่เหลือออกมา

“ ครับแม่... ผมเอาผลไม้ติดมาด้วยครับ จะได้เอาไว้ล้างปากกัน ”
พี่บอสพูดพร้อมกับเดินเข้าไปแย่งถาดกับข้าวที่แม่ถือเข้ามา

“ น่ารักจริงๆเรา ” แม่พูดพร้อมกับยิ้มออกมา

“ นี่แม่ทำแกงส้มของโปรดเราด้วยนะ ” แม่พูด

“ ขอบคุณครับแม่... ผมไม่ได้กินแกงส้มฝีมือแม่นานแล้ว ”
พี่บอสพูดพร้อมกับยกกับข้าววางลงบนโต๊ะกินข้าว

“ ฟรอยเอาผลไม้ไปล้างนะลูก เดี๋ยวแม่จัดการเอง ” แม่หันมาพูดกับผม

“ ไม่ต้องหรอกครับแม่ เดี๋ยวผมจัดการเอง  แม่กับฟรอยๆไปอาบน้ำกันเถอะครับ ”
พี่บอสพูด

“ เอางั้นก็ได้ลูก ” แม่พูด

“ ฟรอยเอาวางไว้นี่แหละ... เดี๋ยวพี่จัดการเอง ” พี่บอสหันมาพูดกับผม

“ ครับ ” ผมพูด

“ ไอ้ตัวดี... ช่วยบอสเค้าด้วยนะ ” แม่หันไปทำเสียงดุใส่พี่ฉินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่

“ ครับ..... จริงๆเรียกผมว่าหมาหัวเน่าก็ได้นะ ”
พี่ฉินพูดแบบน้อยใจเล็กๆทำเอาทุกคนหัวเราะกันออกมา


***************************************************************************

“ คืนนี้นอนกับพี่นะ ” พี่ฉินพูดพร้อมกับเข้ามาสวมกอดผมจากทางด้านหลัง

“ ผมไม่ได้ติดเสื้อผ้ามาเลย ” ผมพูดขณะที่สายตามองออกไปที่ห้องของตัวเองจากระเบียงห้องพี่ฉิน

“ เอาเสื้อผ้าพี่ไง..... พรุ่งนี้จะได้ไปส่งแม่ด้วยกันแต่เช้า ” พี่ฉินพูดแล้วหอมแก้มผม

“ เออใช่.... พรุ่งนี้ต้องไปส่งแม่ด้วยกัน ” ผมพูดออกมาเพื่อทวนความจำตัวเอง

“ ถ้างั้นคืนนี้นอนด้วยกันนะ  ฟรอยจะได้ไม่ต้องไปๆมาๆ ”
พี่ฉินพูดพร้อมกับบดเบียดแก่นกายของพี่ฉินที่เริ่มขยายตัวขึ้นแนบทับกับก้นผม

“ เป็นห่วงผมหรือเป็นห่วงตัวเองกันแน่เนี่ย.... ” ผมพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้พี่ฉิน

“ ฮ่าๆๆๆๆ..... ก็ทั้งสองอย่างหละครับ ” พี่ฉินพูด

“ จริงๆแล้วห้องผมก็ไม่ได้อยู่ไกลห้องพี่เลยนะ ” ผมพูดพร้อมกับมองไปที่ห้องตัวเอง

“ เหรอครับ... พี่ก็ไม่เคยไปห้องฟรอยซะที เคยแต่ไปรับที่หน้าปากซอย ” พี่ฉินพูด

“ ผมอยู่ใกล้พี่กว่าที่พี่คิดอีก ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมา

“ ยังไงเหรอครับ... ” พี่ฉินพูด

“ พี่คิดว่าอพาร์ทเม้นผมอยู่ตรงไหนล่ะ” ผมพูด

“ ก็เข้าซอยตรงใกล้ๆบีทีเอส แล้วก็........... เข้าไปในซอยนั้นไง ” พี่ฉินพูด

“ ฮ่าๆ.... พี่ฉินมองไปข้างหน้าดิ  พี่เห็นห้องฝั่งตรงข้ามนั่นป่ะ ” ผมพูด

“ ครับ.... ทำไมเหรอครับ ” พี่ฉินพูด

“ นั่นแหละ.... ห้องผม ” ผมพูด

“ จริงดิ......  อำพี่รึป่าวเนี่ย ” พี่ฉินพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ผมพูด

“ จริงครับ ” ผมพูด

“ ทำไมอยู่ใกล้กันขนาดนี้อ่ะ  พี่ไม่เคยเห็นรู้เลย ” พี่ฉินพูด

“ ก็พี่ไม่ได้สนใจจะรู้นี่ครับ ” ผมแกล้งพูดตัดพ้อ

“ ใครว่าไม่สนใจ  พี่จะไปรับไปส่งตั้งนานแล้ว  ฟรอยก็ไม่ยอม.... ให้แต่ไอ้บอสไปรับไปส่ง ”
พี่ฉินพูดน้อยใจมั่ง

“ ก็ผมเห็นว่าพี่ต้องไปส่งพี่พิงค์บ่อยๆ  ก็เลยอยากกวนนี่ครับ ” ผมพูด

“ แล้วฟรอยรู้นานรึยังว่าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้ ” พี่ฉินพูด

“ รู้ตั้งนานแล้วล่ะครับ ” ผมพูด

“ ตลกจังเลยเนอะ.... ว่าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง  ทางเข้าข้างหน้าคนละทางแต่ด้านหลังกลับหันชนกันใกล้ๆแค่นี้ ” พี่ฉินพูด

“ ครับ.... บางทีคนเราได้แต่มองไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะหันมามองข้างสักครั้ง บางที... ใครบางคนเค้าอาจจะมองหรือวิ่งตามเราอยู่ได้ ” ผมพูด เพราะในความคิดกลับนึกไปถึงพี่โฟน

“ เรื่องบางเรื่องที่มันผ่านไปแล้วเราก็ยอมรับมันซะเถอะนะ  เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำคอยสอนเราก็แล้วกัน ” พี่ฉินพูดพร้อมกับกอดผมแน่นขึ้น พี่ฉินคงรู้ว่าผมคงกำลังนึกถึงเรื่องในอดีตบางเรื่อง

“ อยู่นี่กันนี่เอง ” พี่บอสเดินเข้ามา ทำให้ผมกับพี่ฉินผละออกจากกัน

“ ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ ” พี่บอสพูดพร้อมกับยิ้มออกมา

“ เออ... ว่าไงว้ะ ” พี่ฉินพูด

“ พอดีกูมีไรจะคุยกะเมิงหน่อย... แต่เอาไว้ก่อนก็ได้ ” พี่บอสมองหน้าผมก่อนที่จะพูดออกมา

“ พวกพี่คุยกันตามสบายเลยนะครับ  เดี๋ยวผมจะไปห้องแม่ ” ผมพูดพร้อมกับเดินออกมา

“ งั้นพี่ขอเวลาสักเดี๋ยวนะ ” พี่บอสหันมาพูดกับผมก่อนที่ผมจะเดินออกมาจากห้อง

“ ครับ... ไม่เป็นไรครับพี่บอส  ตามสบายครับ ” ผมพูดแล้วเดินออกไป


**********************************************************************

“  เป็นอะไรรึป่าวครับพี่ฉิน ” ผมพูดขณะที่ร่างกายของเราทั้งคู่เปลือยเปล่าหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจ

“ ไม่มีอะไรหรอกครับ ” พี่ฉินพูดทั้งที่ยังนอนเอามือก่ายหน้าผาก

“ เหนื่อยเหรอครับ ” ผมพูด

“ ก็นิดหน่อยครับ  แต่ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ” พี่ฉินพูด

ผมรู้สึกว่าพี่ฉินเริ่มแปลกๆไปหลังจากที่คุยกับพี่บอส  พี่ฉินดูครุ่นคิดอะไรอยู่เกือบตลอดเวลา
เรื่องที่พี่บอสมาคุยกับพี่ฉินคงเป็นเรื่องที่ทำให้พี่ฉินเป็นแบบนี้  มันคงเป็นเรื่องซีเรียสเรื่องนึง
ซึ่งผมไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร ในส่วนของผมเอง  ผมก็ไม่ได้อยากรู้หรอกครับแต่ผมแค่ไม่อยากเห็นพี่ฉินเครียดๆหรือมีท่าทีไม่สบายใจแบบนี้ อย่างน้อยก็ระบายหรือปรึกษาพูดคุยกับผมบ้างก็ยังดี

“ จริงเหรอครับ.... ผมว่าพี่น่าจะเรื่องไม่สบายใจนะครับ ” ผมพูด

“ ก็ใช่นะ.... แต่พี่ไม่อยากพูดอะไรตอนนี้  เอาไว้พี่เล่าให้ฟังนะ ” พี่ฉินพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอด

“ ครับ.... ผมก็ไม่ได้อยากรู้มุกเรื่องหรอกครับ แต่ผมเป็นห่วง ” ผมพูด

“ ขอบคุณนะครับ...... ที่อยู่ข้างๆพี่ ” พี่ฉินพูดและหอมที่ขมับผม

“ ผมก็ชอบคุณนะครับที่พี่อยู่ข้างๆผม ” ผมพุดแล้วหอมแก้มพี่ฉิน

“ ไม่ว่าจะยังไงอย่าทิ้งพี่ไปไหนนะครับ ” พี่ฉินพูด เสียงนั้นเจือปนไปด้วยความกลัว

มันเป็นความกลัวของคนที่เคยสูญเสีย


“ ครับ... ผมไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอกครับ....... ”  ผมพูด

หากแต่คืนนี้ เป็นอีกคืนอันแสนอบอุ่นและมีความสุขอีกวันในชีวิต
คนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้ ไม่ว่าจะ.....................................................................
รวยหรือจน  สวยหรือหล่อ หรือแม้จะขี้เหร่   ไม่ว่าใครทั้งนั้น   ก็หวังที่จะมีความสุข 

และตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากว่าผมกำลังมีความสุข

“ สุขที่ได้รักและมีคนรักอยู่ข้างกาย ”




สายฝนภายนอกโปรยปรายบางเบาคล้ายปุยนุ่น เหมือนเป็นกาลแห่งการสั่งลาฤดูกาล
เวลาดำเนินผ่านพ้นไป............    จากปลายฝนย่างกรายสู่ต้นหนาว

.......... ฤดูกาลแห่งความเหงาและหว้าเหว่ หากขาดไออุ่นรักจากคนข้างกาย

................. แต่กลับสุดแสนอบอุ่น หากได้คลอเคล้ากอดก่ายแลกรับไออุ่นจากคนข้างกาย


ฤดูหนาวที่กำลังเคลื่อนตัวมาถึง  จะพัดพาสิ่งใดมาบ้าง


......................................... การพบพาน หรือ พลัดพราก .........................................




ติดตามตอนหน้า

########################################################

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ดูเป็นลางยังไม่รู้  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
มาจองก่อนเดี่ยวตามไปอ่าน

อิอิ

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
เป็นอะไรกันป่าวเนี่ย

ดุเครียดๆๆ

patz

  • บุคคลทั่วไป
ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆแน่เลยอะ ฉินถึงเครียดขนาดนี้

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
อะไรจะเกิดก็ช่าง ถ้าสองคนมีความเข้าใจ

และไว้ใจซึ่งกันและกัน

เป็นกำลังใจให้นะครับ กร ยังไงก็ติดตามอยู่เสมอ

+1 ให้ด้วยน้า  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
กดดัน...อีกแล้ว
ความรู้สึก....ซัดกระหน่ำ....ซ้ำเติม

ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน
ฤดูร้อน....เศร้า
ฤดูฝน.....เหงา
ฤดูหนาว....ทั้งเหงา ทั้งเศร้า
แล้วมันยังจะเหลือฤดูไหน ไว้ให้เราเหงา เศร้าอีกล่ะ

เฮ้อ.....ฤดู กับ ความเหงา เศร้าด้วย

 :กอด1: ขอบคุณครับ น้องกร จ๊วบบบบบบบบบ หุหุ

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ต้องเกี่ยวกับอุบัติเหตุของพี่ฉินกับพี่โฟนแน่เลยอะ

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ทิ้งประเด็นไว้คิดอีกแล้ว
 :serius2:
ลุ้นกันจริงๆ

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
แวะมาทักทายครับ..... 

เหนื่อยครับ  เหนื่อยมากๆๆ ช่วงที่หาบไปจวบจนตอนนี้งานเยอะมากๆเลยครับ

ขอโทษจริงๆที่ไท่ได้ลงเรื่องให้อ่านกัน  ผมยังพิมพ์ค้างไว้อยู่เลยครับ

แล้วจะรีบเคลียเอามาลงให้อ่านกันนะครับ

ขอบคุณสำหรับคนที่ยังติดตามอ่านกันอยู่นะครับ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
^^
จิ้มกร สบายดีหรือเปล่า งานเยอะมาก ๆ

ก็ระวัง รักษาสุขภาพบ้างนะครับ เป็นห่วง

ว่างเมื่อไหร่ก็มาต่อนะครับ รอได้  :กอด1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
มีงาน....ก็มีเงิน

อย่ามัวเพลิน...จนลืมคนอ่านล่ะ

 :กอด1: น้องกร สู้ๆๆๆๆๆๆ --- คงจะผอมลงเยอะล่ะซิ เราน่ะ  :L2:

patz

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆนะครับผม เป็นกำลังใจให้ครับ  :L2:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
สู้ๆๆๆๆๆนะคับ


pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
รออยู่นะครับ
 :oo1:
มาเร็วๆเน้อ!!!!!

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
มาแล้วววววววววววววววว...


มาแล้วววววววววววววววววววววววววว คร้าบ....


มาพร้อมกะตอนใหม่ครับ  พิมเสร็จตั้งกะเมื่อคืนตอนตี 2  แฮ่ ๆ.... วันนี้เลยมาทำงานสายเลยอ่า  :serius2:


ขอบคุณที่ยังติดตามและรออ่านเรื่องของ นักเขียนล่องหนอย่างผม ที่มาๆหายๆ  ขอบคุณจริงๆครับ


เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยแล้วกันครับ.......


PART II : ความโหดร้ายของฤดูหนาว....



( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)



เค้าว่า... โลกนี้มันกลม  ( -_-)



นับจากที่เราใช้คำว่าแฟน....... ผมบอกได้เลยครับว่าผมมีความสุขมาก และคนที่ผมรักก็รักฟรอยด้วย
ผมรู้สึกว่าแต่ละวัน  แต่ละวินาทีของผม  มีความหมายมากกว่าทุกวัน

แม้ภายในใจของผมจะมีความกังวลเล็กๆอยู่กับเรื่องนั้น.............................

“ เรื่องที่ไอ้บอสมาคุยกะผมเรื่องฟรอย ”

แต่ในเมื่อผมยังไม่รู้ว่ามันจริงรึป่าว??  ผมก็ยังไม่อยากจะตีตนไปก่อนไข้  คงต้องรอให้ไอ้บอสช่วยสืบให้แน่ใจอีกที ตอนนี้มันเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน

แต่ผมก็ยังอดที่จะกลัวไม่ได้...  ผมกลัว.....  กลัวว่าผมจะเสียคนที่ผมรักไปอีก

ผมไม่อยากเสียฟรอยไป.................... ใจของผมไม่เข้มแข็งพอที่จะเสียคนที่ผมนักได้อีกแล้ว

ในตอนนี้  ไม่ว่าเรื่องจะออกมาเป็นอย่างไร  แต่ผมก็จะขอใช้เวลาทุกนาทีของเราให้มีความหมายมากที่สุด  และก้ได้แต่หวัง.....  ว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญ

“ มันอาจจะเป็นเพียงที่น่าตาคล้ายกัน ”




การที่เราได้เห็นคนที่เรารักก่อนหลับตานอน และตื่นขึ้นมาลืมตามองเห็นเค้าเป็นคนแรก
ได้รับไออุ่นจากเค้ายามที่เราหลับ
หากคุณเคยได้รับ.........

คุณจะรู้เอง................. ว่ามันมีความความสุขมากแค่ไหน

“ ตื่นได้แล้วครับ.... เด็กขี้เซา ” ผมปลุกคนข้างๆให้รู้สึกตัว

“ หนาวจังครับ.... ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย ” ฟรอยบิดตัวนิดหน่อยก่อนที่จะสวมกอดผมแน่นขึ้น

“ ขี้เซาจริงๆเลย  ไปเหนื่อยอะไรมาเนี่ย ” ผมแกล้งพูดแซวฟรอยแล้วหอมที่ที่ข้างแก้ม

“ ก็เพราะใครล่ะ.... ” ฟรอยพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่

“ ก็มันอดไม่ได้นี่คร้าบ...... ” ผมพูดอย่างเอ็นดูคนที่อยู่ในอ้อมกอด

“ อย่างงี้ทุกทีเลย.... ” ฟรอยพูดบ่นๆ

“ งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ..... เดี๋ยวสาย ” ผมพูดก่อนที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำ

“ อาบเสร็จมาปลุกผมนะครับ ” ฟรอยพูดแล้วก็ม้วนตัวเองเข้าไปผ้าห่ม

ลมหนาวภายนอกพัดมาทำให้กระดิ่งที่แขวนอยู่ที่ระเบียงดังด้วยเสียงที่ฟังแล้วรู้ลึกลื่นหู
อากาศสบายๆแบบนี้ก็ช่วยให้รู้สึกดีไปอีกแบบ ดูเหมือนว่าหน้าหนาวคราวนี้ กรุงเทพจะหนาวกว่าปีก่อนๆ ทำให้ค่อยได้รู้สึกถึงความเป็นฤดูหนาวหน่อย

หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลากกระเป๋าของผมกับฟรอยออกมาเตรียมไปที่หน้าประตูก่อนที่จะเดินไปปลุกฟรอยที่เตียง

“ ตื่นได้แล้วครับ  เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะคอยนะ ” ฟรอยบิดขี้เกียจสองสามทีหลังจากลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี

ผมยุ่งๆกับหน้ายับๆเวลาตื่นนั่น มองแล้วก็ดูน่ารักดีครับ.....................







“ มาถึงนานรึยังว้ะ......... ” ผมทักไอ้บอสที่กำลังเดินดูของอยู่เรื่อยเปื่อย

“ สักพักว่ะ ” ไอ้บอสหันมาพูด



วันนี้เราจะไปถ่ายทำหนังโฆษณากันครับ ก็งานของไอ้คิวนั่นแหละครับ  Location ที่จะใช้ถ่ายทำก็เป็นทุ่งดอกไม้ที่เชียงใหม่แล้วก็แม่ฮ่องสอนครับ แล้วก็อาศัยทิวทัศน์ที่นั่นเป็นวิวในการถ่ายทำครับ



“ กินอะไรมารึยังว้ะ ” ไอ้บอสถามขึ้น

“ ยังเลยว่ะ... เมิงล่ะ ” ผมพูด

“ เหมือนกันว่ะ.... ตื่นก็รีบมาเลย ” ไอ้บอสพูด

“ ไอ้คิวกะคุณเจนยังไม่ถึงเหรอว้ะ ” ผมพูดพลางมองนาฬิกาที่ข้อมือ

“ ยังว่ะ... กูว่างั้นไปหาอะไรกินรองท้องกันหน่อยดีกว่าว่ะ ” ไอ้บอสพูดเสนอความคิด

“ ฟรอย... หิวมั้ย ”  ผมหันไปถามฟรอยที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ ก็เริ่มๆหิวแล้วครับ ” ฟรอยพูด

“ งั้นไปหาอะไรกินกันป่ะ ” ผมพูด

“ ฟรอยอยากกินไร ” ไอ้บอสพูดขึ้น

“ อะไรก็ได้ครับพี่ ” ฟรอยตอบ

“ เอาใจแฟนกูจังนะ ” ผมพูดหยอกไอ้บอส

“ ไอ้เฮี้ยเอ๊ย...... อุตส่าจะคิดนะเมิง  คนที่เมิงน่าจะหึงนะ  มาโน้นแล้ว ” ไอ้บอสพูดพลางพยักเพยิดไปที่ไอ้คิวกับคุณเจนที่กำลังเดินมา

“ ตัวมารกูมาแล้ว ” ผมพูดอย่างรู้สึกเซ็งๆ

“ คิดมากนี่พี่ฉิน  ไม่มีอะไรหรอก ” ฟรอยพูด



“ โทษทีนะค๊ะที่มาช้า  เจนสายเองหนะค่ะ ” คุณเจนพูดอย่างเกรงใจ

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ  พวกผมก็เพิ่งถึงกัน ”  ผมพูด

“ รอนิดรอหน่อยก็คงไม่ตายหรอกมั้งครับ  ไหนๆผมก็เป็นลูกค้า” ไอ้คิวพูดอย่างกวนตีน

“ ครับ... คุณลูกค้า  งั้นเดี๋ยวผมจะพาคุณลูกค้าไปทานอาหารเช้านะครับ ” ผมจงใจพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

“ ดีครับ.... เชิญเลย ” ไอ้คิวพูดพร้อมกับผายมือให้ผมออกเดินนำหน้า




“ ทานอะไรกันดีครับคุณเจน ” ผมหันมาถามคุณเจน

“ เจนทานอะไรก็ได้ค่ะ  แต่ขอเป็นมื้อเบาๆก็พอ ” คุณเจนพูด

“ ผมว่านั่งร้านกาแฟดีกว่าครับ สบายๆดี ” จู่ๆไอ้คิวก็พูดเสนอความคิดขึ้นมาครับ  ไม่ใช่สิไม่ใช่การเสนอความคิด เป็นการบังคับมากกว่าเพราะมันเดินนำลิ่วไปในร้านแล้ว

“ ทานได้มั้ยฟรอย ” ผมหันมาถามฟรอยที่ยืนงงๆอยู่

“ ได้ครับ ผมกินง่ายอยู่แล้ว ” ฟรอยพูด

ผมไม่รู้ว่าคิดมากไปรึป่าว แต่ผมรู้สสึกว่าฟรอยดูเงียบๆไป  เหมือนจะคิดอะไรในใจ


“ ไอ้บอส......... เดี๋ยวเมิงตามคุณเจนกับไอ้คิวเข้าไปก่อนนะ  เดี๋ยวกูกับฟรอยจะไปเข้าห้องน้ำก่อน ”

“ เออ... ได้ๆ  ฟรอยระวังตัวนะ  เดี๋ยวไอ้ฉินมันจะลากฟรอยเข้าไปทำอะไรในส้วม ” ไอ้บอสพูดแซว

“ ไอ้เฮี้ยนี่.... ปากวอนตีนจริงนะเมิง ” ผมด่าไอ้บอสขำๆ

“ เอ๊า.... ก็เห็นเมิงหื่นๆ ” ไอ้บอสพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่

“ กูไม่ขนาดนั้นหรอกน่า ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มหันไปทางฟรอย



หลังจากที่เราเดินออกมาไอ้บอสผมก็พูดขึ้นว่า

“ เป็นอะไรรึป่าว ”

“ ไม่นี่ครับ  ทำไมเหรอครับ ” ฟรอยตีหน้านิ่งพร้อมกับพูดออกมา

“ เหรอ.... แต่พี่ดูเหมือนว่าฟรอยมีอะไรนะ  คิดอะไรอยู่เหรอครับ ” ผมถามออกมาด้วยความรู้สึกกลัวๆ ผมกลัวว่าฟรอยจะรู้ว่าผมกลัวอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งมันก็คือเรื่องนั้น  เรื่องที่ไอ้บอสคุยกับผม

“ ผมต้องถามพี่มากกว่าว่าพี่คิดอะไรอยู่ ” ฟรอยถามกลับมาด้วยความสงสัย

“ ไม่มีอะไรนี่ ” ผมแสร้งพูดพร้อมกับยิ้มออกมา

“ พี่ไม่บอกผมก็ไม่เป็นไรครับ ” ฟรอยพูดด้วยหน้านิ่งๆแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป

การกระทำนั้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก ไม่ชอบการที่ตัวเองโดนใครเดินหนี
มันเหมือนว่าเราเป็นน่ารังเกียจ  มันเหมือนการถูกทิ้ง  แต่จะให้ผมทำยังไงได้ เพราะผมเองก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องนั้นมันเทท็จจริงยังไง หรือเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ  หรือถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
ผมเองก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเลยว่าผมจะกล้ายอมรับความผิดนี้กับฟรอยได้มั้ย


“ เป็นอะไรกันว้ะ  ฟรอยไม่ยอมเมิงเหรอ ” ไอ้บอสถามขึ้นหลังจากที่ผมกับฟรอยเดินมาที่โต๊ะ

“ ไอ้เฮี้ยนี่.... ยังจะกวนตีนอีกนะ ” ผมพูดออกไป

“ ทำไมเหรอว้ะ  ทะเลาะอะไรกัน ” ไอ้บอสพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมกับฟรอยสลับกันไปมา

“ ไม่มีอะไรหรอกครับพี่บอส ” ฟรอยจงใจพูดกระแทกทั้งผมทั้งไอ้บอส

“ ฟรอยโกรธไอ้ฉินเหรอ ” ไอ้บอสมองหน้าผมก่อนจะพูดออกมา

“ ป่าวหรอกครับ ผมคงอยากรู้อะไรมากไปมั้ง เลยหงุดหงิดนิดหน่อย ” ฟรอยพูด

“ เรื่องบางเรื่องรู้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกครับ บางทีรู้แล้วยังมานึกเสียใจเลยที่ได้มารับรู้อะไรที่มันไม่ควรจะรู้ ” ไอ้บอสพูด ทำเอาฟรอยเงียบไปพักใหญ่

ถ้าผมเป็นฟรอยผมก็คงอยากรู้ เพราะผมยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กวนใจผมตลอดตั้งแต่วันที่ไอ้บอสมาคุยกับผม ถ้าเลือกได้  ผมคงไม่อยากรับรู้เรื่องนี้  ถึงแม้ว่ามันยังจะไม่แน่ชัด แต่ความกลัวนี่แหละครับที่ทำให้ใจว๊าวุ่นและหวาดระแวง

กลัว..... ว่าคนคนนั้นจะเป็นเดียวกัน

“ ถ้าผมบังคับใจตัวเองไม่ให้อยากรู้ได้ ผมคงไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ ” ฟรอยพูด

“ สักวันที่จะบอกฟรอยเองนะครับ ” ผมพูดเพื่อพยุงความรู้สึกของฟรอยเอาไว้ ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะจริงหรือแค่บังเอิญ  ผมก็ไม่อยากให้มันมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรา

“ แต่ผม............................... ” ก่อนที่ฟรอยจะพูดอะไรออกมาเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน

“ ว่าไงครับคุณนาย ” ผมเอ่ยทักทายแม่

“ คุณฉินเหรอค่ะ ”  เสียงสาวใช้ของแม่พูดขึ้นด้วยเสียงที่ร้อนรน

“ ว่าไงน้อย... มีอะไรรึป่าว ” ผมถามกลับไปด้วยความตื่นใจ

“ คุณหยกค่ะ.... ตอนนี้คุณหยกอยู่โรงพยาบาลค่ะ ” น้อยพูด

“ แม่เป็นอะไรน้อย ” ผมถามกลับไปด้วยความตกใจ ทำเอาไอ้บอสกับฟรอยหันมามองที่ผมอย่างสนใจ

“ คุณหยกแน่นหน้าอกค่ะ หายใจไม่ออก น้อยก็เลยรีบพามาที่โรงพยาบาล ” น้อยพูด

“ งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย  ตอนนี้อยู่โรงบาลไหน ” ผมพูด

“ โรงบาลชลค่ะ  คุณฉินรีบมาเลยนะค๊ะ ” น้อยพูด

“ ได้ๆ เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ” ผมพูดก่อนที่จะวางสาย

“ มีไรว้ะไอ้ฉิน ” ไอ้บอสถามขึ้น

“ แม่กูอยู่โรงบาลว่ะ” ผมพูดออกมาอย่างร้อนใจ

“ แม่เป็นอะไรพี่ ” ฟรอยพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ แม่แน่นหน้าอก  หายใจไม่ออก น้อยก้เลยรีบพาไปโรงบาล ” ผมพูด

“ งั้นเมิงรีบไปดูแม่เมิงเหอะ  ทางนี้กูดูแลเอง ” ไอ้บอสพูด

“ ขอบใจว้ะ ” ผมพูดก่อนที่จะออกเดินมาแต่ฟรอยก็ดึงแขนผมไว้ก่อน

“ พี่ฉินผมไปด้วย ” ฟรอยพูด

“ ฟรอยไปกับไอ้บอสดีกว่า  จะได้คอยช่วยมัน  เรื่องแม่ไม่ต้องเป็นห่วง  แม่ไม่เป็นอะไรหรอก ”
 ผมพูด

“ แต่ผมเป็นห่วงแม่ ” ฟรอยพูดด้วยแววตารื้นๆน้ำตาจะไหล

“ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวแม่ก็หาย  ฟรอยไปทำงานนะ แล้วพี่จะตามขึ้นไป ” ผมพูดพร้อมกับจับมือฟรอยไว้แน่น   คำพูดที่ออกไปเป็นการพูดปลอบใจผมเช่นกัน  ผมรู้ว่าอาการโรคหัวใจของแม่หนักขึ้นเต็มที เพราะหลังๆมานี้แม่ต้องขึ้นมากทม.เพื่อหาหมอบ่อยขึ้น  แต่แม่ก้ยังไม่ยอมที่จะผ่าตัด

“ ถ้าพี่ไปถึงโรงบาลแล้วโทรหาผมด้วยนะ ” ฟรอยพูด

“ ครับ... เดินทางดีๆนะ ” พบพูดพร้อมกับเอามือลูบหัวฟรอย

“ ครับ... พี่ก็ระวังๆนะ ” ฟรอยพูดก่อนที่ผมจะรีบวิ่งออกมาเรียกแท็กซี่


****************************************************************************



เค้าว่า... โลกนี้มันกลม  ( -_-)*



“ มีเรื่องอะไรกันเหรอค่ะ เห็นคุณฉินวิ่งออกไป ” คุณเจนพูดขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับคุณคิว

“ พอดีแม่มันเข้าโรงบาลกระทันหันหนะครับ มันเลยต้องรีบไปดู ” พี่บอสพูด

“ อุ๊ย... แล้วเป็นอะไรมากมั้ยค่ะ ” คุรเจนถามขึ้นด้วยท่าทางเป็นห่วง

“ แม่มันเป็นโรคหัวใจหนะครับ ” พี่บอสพูด

“ หวังว่าคงไม่เป็นอะไรมากนะค๊ะ ” คุณเจนพูดขึ้น

“ ครับ... พวกเราก็หวังอย่างนั้น ” พี่บอสพูดขึ้น

หลังจากพนักงานเอากาแฟกับของว่างที่สั่งไปมาเสิร์ฟเราก็คุยกันเรื่องงาน  แต่ผมก้ไม่ค่อยได้สนใจบทสนทนานั้นเท่าไหร่ เพราะในใจเป็นแต่แม่และพี่ฉิน ผมอยากไปอยู่ข้างๆพี่ฉินในสถานการณืแบบนี้และอยากจะไปดูแม่ ผมอยากไปเห็นกับตาว่าแม่จะไปเป็นอะไร

“ ฟรอย... ทานหน่อยสิครับ ” คุณคิวพูดขึ้นหลังจากที่เห็นว่าผมนั่งเงียบๆไม่ค่อยทานอะไร

“ ผมทานไม่ค่อยลงหนะครับ ” ผมพูด

“ ทานอะไรหน่อยสิฟรอย  ถึงมือหมอแล้วไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ” พี่บอสพูด

“ ใช่ค่ะ.... ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ” คุณเจนช่วยพูดอีกคน

“ ขอบคุณครับที่เป็นห่วง ” ผมพูด

“ นี่ถ้างานเจนไม่เร่งนะ เจนคงบอกให้เลื่อนวันเดินทางแล้ว ” คุณเจนพูด

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ  งานก็คืองาน ” พี่บอสพูด

หลังจากเรานั่งทานกันไปสักพักก้ได้เวลาขึ้นเครื่องครับ ตลอดเวลาคุณคิวจะแสดงท่าทางเป็นห่วงผมอยู่ตลอด แต่ในใจผมก็คิดถึงแต่แม่กับพี่ฉิน

พอเราเดินทางถึงเชียงใหม่ในช่วงบ่ายๆ เราก็เดินทางไปดูสถานที่ถ่ายทำกัน ซึ่งพวกทีมงานก็เดินทางมาเตรียมงานกันก่อนหน้านี้หลายวันแล้วเพื่อให้สามารถถ่ายทำได้ในวันที่พวกผมเดินทางมาถึง พี่บอสเองก็ต้องรับภาระหนักขึ้นเพราะว่าไม่มีพี่ฉินมาช่วย ผมเองก็ต้องพยายามปรับอารมณ์ความรู้สึกให้เป็นปกติมากที่สุดเพื่อที่จะช่วยงานพี่บอสให้ได้มากขึ้น

“ พี่บอสคครับ ตรงนี้เดี๋ยวผมช่วยดูให้ครับ พี่ไปดูพวกสต๊าฟเถอะครับ ” ผมเดินเข้าไปหาพี่บอสที่กำลังคุยกับพี่กอล์ฟช่างกล้องเรื่องมุมที่ใช้ถ่าย

“ โอเคๆดีเลย กอล์ฟเดี๋ยวคุยกับน้องเค้านะ  เจ้าของงานมาเองน่าจะคุยกันเข้าใจกว่า ” พี่บอสพูด

“ ได้พี่ ” พี่กอล์ฟพูด

ผมกับพี่กอล์ฟก็ช่วยกันดูในเรื่องของมุมก้องมาจะให้ออกมาเป็นยังไง  พี่กอล์ฟเก่งมากเลยครับประสบการณ์โชกโชน พี่แกก็เลยเสนอความคิดมากมายมาให้ผมลองพิจารณาดูว่าชอบมั้ย เอาอันไหน ผมก็เลยพลอยได้ความรู้อะไรๆใหม่ๆไปใช้กับการคิดงานได้อีกเยอะเลยครับ

“ พี่กอล์ฟเก่งจังนะครับ ผมได้ความรู้เพิ่มอีกเพียบเลย ” ผมพูด

“ ไม่ขนาดนั้นหรอก  ทำมาหลายปี.. ลองผิดลองถูกมาเยอะก็พอรู้อะไรบ้างก็เท่านั้นเอง ” พี่กอล์ฟพูดถ่อมตัว

“ ไม่พอรู้บ้างหรอกพี่  รู้เยอะเลยแหละ ” ผมพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างชื่นชม

“ มาชมอะไรกันแบบนี้ว้ะ  ทำหน้าไม่ถูก ”  พี่กอล์ฟพูด

หลังจากที่ผมสรุปเรื่องมุมกล้องกับพี่กอล์ฟเสร็จเรียบร้อยก็นึกถึงเรื่องแม่กับพี่ฉินขึ้นมาอีกครับ
เพราะพี่ฉินยังไม่โทรหาผมเลย  ไม่รู้ว่าเป็นยังไงกันมั่ง

ตอนนั้นก็เริ่มมืดแล้วครับ อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นครับคงเป็นเพราะว่าเรามาถ่ายทำกันบนเขาด้วย
ลมที่โกรกๆเย็นสบายเมื่อตอนบ่ายๆก็เริ่มเจือปนไปด้วยความหนาวเย็น จนทำให้ร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน ผมเดินไปที่พื้นหินตรงริมผานั่งมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า

“ เป็นห่วงแม่กับพี่ฉินจัง...................... ” ผมคิดในใจ


“ เจ้านั่นยังไม่โทรมาอีกเหรอครับ ” เสียงคุณคิวพูดขึ้นด้านหลังผม ทำให้ผมต้องหันไปมองเจ้าของเสียงนั่นที่กำลังเดินเข้ามาแล้วลงนั่งข้างๆผม

“ ครับ  ไม่รู้ว่าแม่อาการเป็นไงมั่ง ” ผมพูด

“ คงไม่เป็นอะไรหรอกครับ  อย่าเป็นห่วงไปเลย ” คุณคิวพูดอย่างเป็นห่วง แม้ว่าแสงจะสลัวใกล้มืด แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่เป็นห่วงนั่นของคุณคิว

“ ขอบคุณครับ ผมก็หวังอย่างนั้น ” ผมพูด

“ คงจะมีเรื่องราวที่ลึกซึ้งกันสินะ ถึงได้เป็นห่วงมากขนาดนี้ ” คุณคิวพูดขึ้นทั้งที่สายตามองไปเบื้องหน้า

“ ครับ ” ผมพูด ภาพในสมองก็นึกไปถึงเรื่องราวต่างๆระหว่างผมกับแม่ แววตานั้นที่แม่มองผม ความรู้สึกที่แม่มอบให้ผม ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่มอบให้ผมล้วนแล้วแต่เข้ามาทดแทนในสิ่งที่ผมเคยขาดไป มันทำให้ผมเป็นคนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ชีวิตผมไม่เคยได้มีคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่ของผมคือใคร แล้วเค้าอยู่ที่ไหน
ผมไม่เคยรู้ว่าความรักที่แม่มอบให้ลูก หรือความรักที่บูกมีให้แม่ มันเป็นอย่างไร
และแม่ ทำให้ผมรู้จักความรู้สึกเหล่านั้น

“ ไม่ต้องกังวลหรือกลัวไปหรอกนะ  แม่เค้ารู้ว่าฟรอยรักเค้า  เค้าไม่ทิ้งฟรอยไปไหนหรอก ” คุณคิวพูด  คำพูดประโยคนี้ทำให้ผมนึกถึงพี่โฟน ใจผมมันแปล็บๆอีกครั้ง ความรู้สึกของการสูญเสียกลับมาทักทายหัวใจคล้ายกลัวว่าผมจะลืมว่าความรู้สึกนั้นเจ็บปวดแค่ไหน

“ ไม่เสมอไปมั้งครับ บางคนทั้งที่เค้ารู้ว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน  เค้ายังทิ้งเราไปได้เลย ” ผมพูด

“ เหตุการณ์ครั้งนั้นมันเป็นเพราะความประมาทของไอ้นั่นต่างหาก ” คุณคิวพูดขึ้นอย่างมีอารมณ์

คำพูดและท่าทางนั่นทำให้ผมตกใจ มันเป็นการแสดงความรู้สึกของการสูญเสียครั้งใหญ่
ซึ่งมันเป็นการสูญเสียที่ผมรู้จักดี ผมหันไปมองคุณคิวอย่างประหลาดใจ

“ เพราะมัน  เพราะมันคนเดียว ” คุณคิวพูดอย่างอาฆาตแค้น

“ มัน............ คือใครเหรอครับ ” ผมพูดออกมาอย่างแปลกใจ

“ ฟรอยอย่ารู้เลย..... สักวันฟรอยก็จะรู้เอง ” คุณคิวพูดอย่างเป็นปริศนา

“ คุณพูดแบบนี้  ก็แสดงว่าคนนั้นเป็นคนที่ผมรู้จัก ” ผมพูด

“ ฮึฮึ...... แล้วนายก็จะรู้เอง ” คุณคิวหันมามองหน้าผมก่อนที่จะละสายตาไปเบื้องหน้า

“ คุณกำลังพูดเรื่องอะไร  ผมไม่เข้าใจ แล้วคนที่ผมรู้จักไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุณพูด  ผมงงไปหมดแล้ว ” ผมพูดด้วยความไม่เข้าใจ

“ อย่าเพิ่งงงไปเลย  หลังจากนี้ยังมีเรื่องไม่คาดฝันรอนายอยู่อีกเยอะ ” คุณคิวพูดยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจ

“ คุณเป็นใครกันแน่ แล้วคุณกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ” ผมพูดขึ้นอย่างเริ่มโมโห ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นตุ๊กตาหรือหมากสักตัวในกระดานที่มีการเดิมพันด้วยความรู้สึก..........ของการสูญเสีย

“ ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ พี่ทำอะไรฟรอยหรอก ” คุณคิวพูด  ผมยิ่งไดฟังยิ่งไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคนตรงหน้า

“ คุณต้องการอะไรกันแน่ ” ผมพูด

“ ถามหน่อยสิ ฟรอยกับเจ้านั่นคบกันนานรึยัง ” คุณคิวพูด

“ สักพักล่ะครับ ” ผมอตบไปอย่างชั่งใจ

“ แต่ท่าทางจะผูกพันกันมากนะ ลืมเรื่องในอดีตไปหมดแล้วเหรอ ” คุณคิวพูดพร้อมกับตั้งใจมองหน้าผมอย่างต้องการจะรับรู้ความรู้สึกอะไรบางอย่างภายในใจผม

“ คุณเป็นใคร ” ผมพูดอย่างกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ผมเริ่มไม่เข้าใจและเริ่มรู้สึกว่าเค้าไม่ใช่คนทั่วไปที่เราเพิ่งรู้จักกัน จากสิ่งที่เค้าพูด เค้าจงใจแสดงออกให้ผมรู้ว่าเค้ารู้จักผมมาก่อนทั้งที่ผมไม่เคยรู้จักเค้า

“ อย่าเพิ่งตั้งคำถามอะไรในตัวพี่เลย รู้ไว้อย่างเดียวก็พอ  ว่าพี่ไม่ได้มาร้าย ” คุณคิวยื่นมาใกล้ผมจนจมูกของเราแทบจะชนกัน ผมยอมรับว่าเค้าทำให้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ แล้วคุณต้องการอะไร ” ผมพูด

“ ก็แค่มาทำให้อะไรๆมันถูกต้อง” คุณคิวพูด ทุกอย่างที่ผมถามไปมันเหมือนกับว่าผมไม่ได้รับคำตอบ ตอนนี้ผมกำลังงงไปหมดว่าคนตรงหน้าคือใคร

“ แต่ผมอยากรู้ว่าพี่เป็นใคร  พี่รู้จักผมมาก่อนเหรอ ” ผมถามออกไปอย่างอยากรู้คำตอบ

“ ฮึฮึ.... อยากจังนะเจ๊หวี อีกไม่นานก้ได้รู้จักพี่เองหละครับ ” ทันทีที่ผมได้ยินผมหันไปมองหน้าคุณคิวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม

เจ๊หวี........ คือฉายาในคณะของผม ซึ่งเป็นชื่อที่รุ่นพี่จะตั้งให้กับทุกคน

“ พี่คือ........................ ” ผมอ้ำอึ้งจนคุณคิวพูดแทรกขึ้นมาว่า

“ เจ๊หวีนี่ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งน่ารักนะ  มิน่าไอ้โฟนถึงหลงเจ๊หวีจัง.............. ”




ติดตามตอนหน้า.....................

###########################################################

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






patz

  • บุคคลทั่วไป
^
^

จิ้มๆๆ


คิวเป็นใครเนี่ย ทำไมถึงรู้เรื่องของฟรอยด้วย

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
คุณคิวเป็นใคร

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :serius2:
เหมือนจะเปิด....แต่ไม่เปิด
เหมือนจะปิด....แต่ก็ไม่ปิด

ตกลงจะเปิด หรือจะปิด เอาให้แน่ ไอ่พี่คิว
ตรูคนอ่าน ลุ้นจนตัวโก่งงงงงงงงง

 :กอด1: กอดที่รัก ซักที ซักที ฮ่าฮ่า +1 ให้น้องกร ด๊วบบบบบ!!!!

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
เอาแล้วสิ.....
(ไม่มีคำบรรยายหรือข้อคิดเห็นใดๆ)
มาต่อ(เร็วๆก็ดี)ด้วยครับ ลุ้นสุดยอดเลย  o13

ออฟไลน์ MonkeYMauS

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
อารายกันเนี่ยะ

ค้างง่ะ

ปมจะถูกคลายแล้วววว

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
มาต่อให้อ่านกันแล้วครับ......

สำหรับใครที่รู้สึกค้างคา หวังว่าตอนนี้จะช่วยให้อะไรดีขึ้นบ้างนะ

ไปอ่านกันเลยนะครับ


********************************************************

( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)
[/b]



เส้นผม... บังภูเขา  ( -_-)*


บทสนทนาเมื่อค่ำที่หน้าผานั่นยังก้องอยู่ในหัวของผม พร้อมกับคำถามมากมายตามมา

“ คุณคิว.... คุณคือใครกันแน่ ”

“ คุณมาที่นี่เพื่อต้องการอะไร ”

คำพูดของคุณคิวทำเอาผมใจหายอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังคำถามที่ตามมาอีกมากมาย จนทำให้ผมนอนไม่หลับ
อีกใจก็ยังคงเป็นห่วงแม่ เพราะพี่ฉินยังไม่มีการติดต่อใดๆกลับมา ผมโทรเข้ามือถือก็ติดต่อพี่ฉินไม่ได้เลย

ตื๊ด ๆๆ ๆๆ ตื๊ด ๆๆ ๆๆ ๆๆ

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปดูที่โทรศัพท์ด้วยความร้อนใจหวังว่าคนที่โทรมาจะเป็นคนที่ผมรอคอยอยู่

“ พี่ฉิน... แม่เป็นไงบ้างครับ ” นั่นเป็นประโยคแรกที่ผมพูดออกไป ด้วยเพราะว่าเห็นว่าเบอร์ที่โทรมาเป็น 02

“ แม่ปลอดภัยแล้วนะ ” พี่ฉินพูดด้วยเสียงรื้นๆและดูเหนื่อยอ่อน

“ เฮ้อออ.... ผมค่อยโล่งใจหน่อย  ผมใจไม่ดีเลย  โทรหาพี่ก็ติดต่อไม่ได้ ” ผมพูดอย่างคลายกังวล

“ โทรศัพท์พี่แบตหมดหนะครับ ” พี่ฉินพูด

“ เสียงพี่ดูเหนื่อยจัง  กินอะไรบ้างรึยังครับ ” พูดถามฝ่ายตรงข้าม อันที่จริงตัวผมเองก็กินอะไรแทบไม่ลงเลย ทั้งเป็นห่วงแม่ห่วงพี่ฉิน  แล้วก็เรื่องที่คุณคิวพูด

“ ยังเลยครับ... พี่กังวลจนกินอะไรไม่ลงเลย  แล้วฟรอยล่ะครับ ” พี่ฉินพูด

“ กินไปหน่อยเดียวเอง ผมก็ทานอะไรไม่ค่อยลงครับ ” ผมพูดแล้วสมองก็พาลไปนึกถึงเรื่องคุณคิว

“ ต้องฝืนกินหน่อยนะ  เดี๋ยวไม่มีแรงช่วยงานไอ้บอสนะ.... ” พี่ฉินพูดแซวผม

“ โอ้โห..... ไอ้เราก็อุตส่าเป็นห่วง ” ผมพูด

“ ว่าไงนะ..... พี่ได้ยินไม่ค่อยชัดเลย ” พี่ฉินพูด

“ โห.... เราก็อุตส่าเป็นห่วง ” ผมพูด

“ อะไรนะ... ได้ยินไม่ค่อยชัดเลย ” พี่ฉินพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะลำคอ

“ แกล้งกันนี่หว่า ” ผมพูด

“ ฮ่าๆ ๆ.... คิดถึงจังครับ อยากกอด................... ” พี่ฉินพูด

ผมยอมรับครับว่าประโยคที่ผมได้ยินทำให้ผมอายจนไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไป เพราะตัวผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับพี่ฉิน

“ แล้วฟรอยคิดถึงพี่บ้างมั้ย ” พี่ฉินพูด

“ คิดถึงสิครับ ” ผมพูดออกไปตามที่ใจผมรู้สึก

“ อากาศที่นั่นคงจะหนาวมากนะ  ยิ่งตอนกลางคืนด้วย...  นอนห่มผ้าหนาๆนะเดี๋ยวไม่สบาย ” พี่ฉินพูด

“ ครับ..... เป็นห่วงมากก็มากอดผมดิ ” ผมได้ที่หยอกพี่ฉินคืนบ้าง

“ โอ้โห.... เดี๋ยวนี้ปากดีนะ ฮ่าๆ ” พี่ฉินพูดอย่างอารมณ์ดี

“ ก็ผมไม่อยากให้พี่เครียดนี่..... ทั้งเป็นห่วงแม่เป็นห่วงผม  พี่เองก้อย่าลืมห่วงตัวเองนะครับ ” ผมพูด

“ คร้าบ.... ที่รัก ” พี่ฉินพูด

“ เสร็จจากนี่แล้วผมจะรีบไปเยี่ยมแม่นะครับ ” ผมพูด

“ ครับ... ฟรอยเองก็ไม่ต้องกังวลอะไรนะ  แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ” พี่ฉินพูด

“ ครับ ” ผมพูด

“ แล้วนี่ไอ้คิวมันมายุ่งอะไรกับฟรอยบ้างรึป่าว ” พี่ฉินพูด ผมเอาผมใจกระตุก ทั้งที่คุณคิวก็ไม่ได้ฉวยโอกาสหรือเกาะแกะอะไรกับผมมากนัก จะมีก็แต่เพียงเป็นห่วงนั่นนี่บ้าง แล้วใจผมก็พาลไปนึกถึงบทสนทนาที่หน้าผานั่น
ความกังวลบางอย่างก่อตัวขึ้นมาในใจอีกครั้ง พร้อมๆกับคำถามที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้

“ ฟรอย... เป็นอะไรรึป่าว  เงียบเลย  หรือว่าไอ้นั่นมันมายุ่งอะไร ” พี่ฉินพูดอย่างเป็นห่วง

“ ปะ.... ป่าวครับ  ไม่มีไร ” ผมรีบพูดปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้พี่ฉินเป็นกังวล แม้ว่าในใจผมอยากจะปรึกษากับพี่ฉินอยู่เหมือนกัน แต่ก็คิดว่าตอนนี้คงไม่เหมาะ เพราะพี่ฉินเองคงกังวลหลายๆเรื่องอยู่  กลับไปแล้วค่อยคุยกันและผมเองก็ตั้งใจว่า ก่อนที่จะกลับไปกรุงเทพผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าเค้าต้องการอะไร

“ แน่ใจนะว่าไม่มีอะไร  ” พี่ฉินพูด

“ ไม่มีอะไรจริงๆครับ ” ผมพูด

“ แต่เสียงฟรอยแปลกๆนะ ” พี่ฉินพูด

“ ผมหนาวหนะ  ออกมาคุยที่ระเบียง ” ผมพูด

“ อ้าว... งั้นเข้าไปในห้องเลย  อากาศมันเย็น  เดี๋ยวไม่สบาย ” พี่ฉิยพูด

“ ครับๆ ” ผมพูดก่อนที่จะรีบเดินเข้ามาในห้อง เพราะอากาศข้างนอกค่อนข้างจะเย็นจริงๆ

“ เดี๋ยวรีบนอนได้แล้วนะ  ห่มผ้าหนาๆด้วยนะ ” พี่ฉินพูดอย่างเป็นห่วง

“ ครับ  พี่ก็หาไรกินด้วยนะ  แล้วก็พักผ่อนด้วย ” ผมพูด

“ ครับ.... ” พี่ฉินพูด

“ งั้นเดี๋ยวผมจะนอนแล้วนะ ” ผมพูด

“  อ้อ... พี่ลืมบอก  เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าไอ้เคนจะขึ้นไปช่วยนะ มันแวะมาเยี่ยมแม่เพิ่งกลับไปเมื่อกี๊นี้เอง ” พี่ฉินพูด

“ ครับ  เห็นพี่บอสบ่นๆหาอยู่ ” ผมพูด

“ สงสัยจะเหงาปากอ่ะดิ  ไม่มีคนให้ทะเลาะด้วย ฮ่าๆ ๆ” พี่ฉินพูดทำเอาผมหัวเราะไปด้วย เพราะสองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรก็เถียงกันเกือบตลอด

“ สงสัย ” ผมพูด

“ ไปนอนได้แล้วครับ คิดถึงนะ ” พี่ฉินพูด

“ คิดถึงเหมือนกันครับ  ” ผมพูด

“ ฟรอยระวังๆไอ้คิวด้วยนะ  ไอ้นี่มันไม่น่าไว้ใจ  อย่าลืมล็อคห้องดีๆนะครับ ” พี่ฉินพูด

“ คร้าบ.... ไม่มีอะไรหรอก  พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ” ผมพูดทั้งที่ในใจก็ยังไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองพูดไปนัก

“ จ้า.... งั้นแค่นี้นะ ” พี่ฉินพูดก่อนที่จะวางสายไป

หลังจากวางสายกับพี่ฉินไป ในหัวของผมก็เริ่มคิดเรื่องคุณคิวอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้  ผมคิดแล้วคิดอีกย้อนไปย้อนมาอย่างไม่คิดจะหยุดหากไม่ได้รับคำตอบ

“ ออกมายืนตากลมอะไรตรงนี้เหรอครับ ” เสียงคนที่ผมกำลังนึกถึงดังขึ้นจากระเบียงห้องข้างๆ

“ มีเรื่องคิดนิดหน่อยหนะครับ ” ผมหันไปมองคุณคิวก่อนที่จะละสายตากลับมา

“ เรื่องที่ผมพูดเมื่อเย็นรึป่าวครับ ” คุณคิวพูด

“ ครับ... ผมอยากเข้าใจในสิ่งที่คุรพูดมากกว่านี้ ” ผมพูดพร้อมกับหันไปมองเค้าเต็มๆตา

“ อยากรู้เหรอครับ ” คุณพูด

“ ครับ... ผมอยากรู้ ” ผมพูด

“ ถ้าเจ๊หวีรู้แล้ว.... อาจจะไม่อยากรุ้ก้ได้นะครับ ” คุณคิวพูด

“ ทำไมคุณรู้ชื่อนี้ของผม ” ผมพูดขึ้นในทันทีหลังจากที่เค้าพูดจบ

“ ฮ่าๆ ดูทำหน้าเข้าสิ  สงสัยจะอยากรู้มาก ” คุณคิวพูดเยาะจนผมเริ่มหงุดหงิดกับท่าทีของเค้า

“ คุณคงสนุกมากสินะครับ  ที่ทำแบบนี้ ” ผมพูดอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์ คุณคิวหน้าสลดลงไปพร้อมกับไม่พูดอะไรออกมา สายตาของเค้ามองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย  สายตานั้น มันเป็นสายตาของคนที่รู้สึกเจ็บปวด

“ หน้าผมอาจจะดูเหมือนว่าผมสนุก  แต่คงไม่มีใครรู้.. ว่าใจผมเจ็บแค่ไหน ”
คุณคิวพูด มันยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่

“ คุณก็บอกมาสิครับ ว่าตกลงสิ่งที่คุณพูดมันหมายความว่าอะไรกันแน่ ” ผมพูด

“ นายจำคำพูดนายวันนี้ไว้นะ  ว่านายเป็นคนอยากจะรู้เอง ” คุณคิวหันมาสบตาผมและพูดด้วยหน้านิ่งๆ

“ ครับ ” ผมตอบออกไปพร้อมกับเริ่มรู้สึกหวาดกลัวในใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะได้รู้

“ งั้นขอไปคุยกันห้องนายได้มั้ย  ตรงนี้มันหนาว ” คุณคิวพูด

“ มาสิครับ ” ผมตอบออกไปพร้อมกับความรู้สึกลังเลเล็กๆ

“ งั้นเดี๋ยวเปิดประตูให้ด้วยนะ ” คุณคิวพูดพร้อมกับเดินเข้าห้องตัวเองไป

สักพักก็มีเสียงเคาะประตูที่ห้องผม

“ ตกลงเรื่องที่คุณพูดมันหมายความว่าอะไรกันแน่  คุณรู้จักผมมาก่อนเหรอ ”
ผมเริ่มบทสนทนาหลังจากที่นั่งลงบนโซฟา

“ ท่าทางจะอยากรู้มากจริงๆนะเนี่ย ” คุณคิวพูดอย่างจงใจจะแซวแต่ผมกลับเริ่มขำไม่ออก

“ ใช่ครับ รู้แล้วก็บอกผมซะทีสิครับ ” ผมพูด

“ ทำไมอยู่ในห้องแล้วยังหนาวอีกเนี่ย  ไปนอนห่มผ้าดีกว่า ” คุณคิวพูดด้วยน้ำเสียงยียวนพร้อมกับแสดงท่าทางว่าหนาวมาก ทั้งที่ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันหนาวมากขนาดนั้น

จากนั้นคุณคิวก็เดินเข้าไปในห้องนอนอย่างถือวิสาสะ ผมเองก้เดินตามไปอย่างขัดไม่ได้

“อย่าแกล้งผมนักเลย ผมไม่สนุกนักหรอกนะ” ผมพูด

“อ่ะๆ อยากอะไรก็ถามมาสิ เอ้อ... ค่อยอุ่นหน่อย” คุณคิวพูดพร้อมกับนอนห่มผ้าปนเตียงผม

“คุณรู้จักผมมาก่อนเหรอครับ” ผมพูดพร้อมกับลงนั่งบนเตียงข้างกับคุณคิวที่นอนอยู่

“ ใช่ ” คุณคิวพูดออกมาสั้นๆ

“ รู้จักได้ยังไง คุณเล่ามาให้หมดสิ ” ผมถามกลับไปอย่างสงสัย

“ โอเคๆ  ”





“ เฮ้ยไอ้โฟน  พักนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลยว่ะ  แอบไปติดเด็กที่ไหนรึป่าวว้ะ ” ผมแซว

“ ป่าว... ไม่มีไร  ก็ช่วงนี้จารจุ๊บเค้าให้กูไปช่วยสอนเด้กโฆษณาไง  กูเลยยุ่งๆ ” ไอ้โพนพูด

ผมไม่ค่อยจะเชื่อในสิ่งที่มันพูดเท่าไหร่ ผมกะมันสนิทกันมาตั้งแต่สมัยที่เรียนมัธยมจนมาถึงวันนี้ก็จะสิบปีแล้วครับ  แค่ผมมองตามันผมก็รู้แล้วว่ามันมีอะไรปิดบังผมอยู่

“ แอบไปติดใจเด็กนิเทศป่ะว้ะ  ไปสอนตึกนั้นมีเด็กสวยๆ ” ผมพูด

“ พอเลย กูไม่ใช่เมิงนะไอ้คิว  ไอ้หน้าหม้อ ” ไอ้โฟนพูด

“ เมิงก็ได้แต่ว่ากูหน้าหม้อ  ไม่เคยจะมองกูดีๆเล๊ย ” ผมพูดอย่างแอบน้อยใจเล็กๆ

“ งอนกูเหอ... โอ๋ๆ อย่างอนกูเลยนะ  ไหนมาให้กูถีบทีดิ๊ ” ไอ้โฟนพูดพร้อมกับวิ่งไล่ถีบผม   ผมก็หนีสิครับไอ้นี่แรงไม่ใช่น้อยๆ


แม้ว่าไอ้โฟนมันจะไม่เคยบอกผมว่ามันกำลังปิดบังอะไรผมอยู่ แต่ไม่นานผมก็รู้เข้าจนได้

วันนั้นผมนั่งทำงานอยู่ที่ตึกคณะชั้นสองครับ ช่วงนั้นเป็นหน้าฝน  ผมรู้สึกเมื่อยมากหลังจากที่นั่งวาดภาพมาพักใหญ่  ผมก็เลยลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าตากขณะที่ฝนกำลังตกหนักมาก ท้องฟ้าตอนนั้นมืดครึ้มทำเอาช่วงเย็นของวันนั้นมืดเร็วไปถนัดตา เสียงฟ้าคำรามดังมาเป็นระยะๆ  ด้วยความที่เป็นตอนค่ำแล้ว เด็กในคณะหลายคนจึงทยอยกลับบ้านกันไปเกือบหมด และฟ้าก็มืดมาตั้งแต่เย็นแล้ว หลายคนจึงกลับบ้านกันไปเกือบหมดเหลืออยู่ในคณะไม่น่าเกินยี่สิบคน

ผมทอดสายตามองไปยังสายฝนเบื้องหน้าพลางกับสูดบุหรี่เข้าปอด แล้วสายตาผมก็มองไปเห็นชายสองคนวิ่งเข้าไปหลบฝนที่ศาลาตรงหน้าคณะ หนึ่งคนในนั้นคือไอ้โฟน ผมจำมันได้ดี ส่วนอีกคนเป็นใครก็ไม่รู้เพราะผมไม่รู้จัก ภาพที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าทำเอาใจของผมสั่นไปหมดอย่างห้ามไม่ได้  ไอ้โฟนหยิบผ้าจากกระเป๋าของมันเช็ดตามตัวให้กับผู้ชายอีกคนที่วิ่งเข้ามาหลบฝนพร้อมกับมัน ถึงแม้ว่ามันจะไกลเกินกว่าที่ผมจะได้เห็นสายตาของมัน  แต่ด้วยท่าทางที่มันแสดงออกมาที่ผมเห็นได้จากตรงนี้ ก็คือ ผู้ชายคนนั้นคงเป็นใครที่มีความสำคัญกับมันมาก  คงไม่ได้ญาติที่ไหน  เพราะถ้าใช่ผมคงรู้จัก  ใจผมในตอนนั้นไม่อยากตัดสินว่ามันกับผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกัน  เพราะผมกลัวคำตอบ

ก่อนหน้านี้ผมเคยกลัวคำตอบว่ามันจะปฏิเสธผม เพราะว่ามันไม่ใช่...... มันเป็นผู้ชาย
แต่มาตอนนี้ ผมกลับกลัว  กลัวว่ามันจะเป็น......................

ภาพในวันนั้นติดตาผมมาตลอดจนถึงวันนี้  นับวันมันยิ่งดูห่างๆผมไป  เราไม่ค่อยมีเวลาได้ไปไหนมาไหนกันเหมือนแต่ก่อน  บางครั้งมันก็ไม่กลับมานอนที่คอนโด แรกๆผมรู้สึกว่า......... ใจมันเท่านั้นที่ค่อยๆห่างจากผมไป  แต่ไม่นานผมก็รู้ว่าตัวมันเองก้ค่อยๆห่าง........ ห่าง........... จากผมไปเรื่อยๆ

มันเจ็บนะครับ  ที่เราเห็นคนที่เรากำลังรักค่อยๆห่างออกจากเราไป  มันเหมือนว่าเรากำลังหมดความสำคัญ
หรือใครบางคนกำลังมีความสำคัญมากกว่าเรา

ผมกับมันเจอหน้าหรือได้พูดคุยกันน้อยครั้ง  จะมีบ้างเวลาที่เจอกันที่คณะ และดูเหมือนว่ามันจะรีบไปไหนสักที่ตลอดเวลา  ผมพยายามสืบว่าไอ้คนคนนั้นมันคือใคร  

แล้วผมก็ได้รู้ว่าคนคนนั้น ก็คือ “ ฟรอย ”

ผมไม่แปลกใจว่าทำไมคนคนนั้นเป็นฟรอย  เพราะตอนที่ผมเห็นฟรอย  ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กคนนี้น่ารัก ฟรอยเป็นคนที่ตาเศร้ามาก ขนาดผมเห็นผมยังรู้สึกว่าอยากดูแลเด็กคนนี้อยากช่วยอะไรได้บ้าง  


แม้ว่าผมจะมองว่าฟรอยน่ารักเหมาะสมกับไอ้โฟน แต่ผมก็อดที่จะรู้สึกเจ็บปวดในใจไม่ได้
ผมพยายามสะกดเก็บบาดแผลในใจเอาไว้  ไม่มีแม้สักครั้งที่ผมจะแสดงออกมาให้ไอ้โฟนรู้

บาดแผลนั้นมันใหญ่มากมันอักเสบจนผมชักไม่แน่ใจว่ามันจะรักษาให้หายได้รึป่าว
ตลอดเวลาสิบปีที่ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมา  ผมปกปิดความรู้สึกเกินเพื่อนนี้เอาไว้ตลอด
เพียงเพราะผมกลัวว่ามันจะรังเกียจและตีตัวออกห่างจากผมไป ผมจึงยอมที่จะปกปิดความรู้สึกนี้เอาไว้เพียงแพราะหวังจะได้อยู่ใกล้ๆกับมัน  แต่ยิ่งใกล้มันก็เหมือนยิ่งไกลล่ะครับ
ผมเลยรู้สึกเจ็บปวดมาก ยิ่งพอได้มาเห็นมารู้แบบนี้  ว่ามันเองก็ชอบผู้ชาย
ผมถึงรู้สึกเจ็บใจ เจ็บปวด และทรมานแบบนี้  ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้ามัน  ผมต้องทำเป็นหน้าชื่นอกตรมเอาไว้ตลอด


จนกระทั่งมาถึงตอนวันเลี้ยงฉลองรับปริญญา ผมก้ได้รู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยได้รู้มาก่อน

คืนนั้นไอ้โฟนเมามาก  ผมเองก็รู้สึกแปลกที่เห็นมันดื่มหนักจนเมามายขนาดนี้ เพราะจากที่ผมรู้จักมันมาเป็นสิบๆปี มีไม่กี่ครั้งที่มันจะดื่มจนเมามายแทบไม่มีสติแบบวันนี้

“ เมิงเมามากแล้วนะ  พอเหอะ ” ผมพูดเตือนมัน

“ เมิงไม่ต้องมายุ่งกะกู ” ไอ้โฟนพูดตะคอกผมแล้วยกเหล้าเข้าปาก

“ เมิงเป็นอะไรรึป่ะว้ะ  มีไรเมิงบอกกูได้นะ ” ผมพูด

“ เค้าไม่รักกู ”
ไอ้โฟนพูดแล้วก็ร้องไห้ออกมา จนผมต้องรีบพยุงมันออกมาจากโต๊ะเพราะกลัวเพื่อนๆจะสงสัย

พอผมลากมันออกมาตรงที่ลานจอดรถไอ้โฟนก็โผเข้ามากอดผมพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

“ ไม่มีใครกูแล้ว ไม่มีใครรักกูเลย ” ไอ้โฟนรำพันพร้อมกับกอดผมไว้แน่น

“ ใครเค้าไม่รักเมิง เมิงไม่ต้องไปสนใจนะ ” ผมพูดพร้อมกับลูบที่หลังมันแรงๆเป็นการปลอบใจ
ผมรู้สึกเจ็บที่เห็นคนที่ผมรักเจ็บเพราะความรัก

“ แต่กูรักเค้า กูอยากดูแลเค้า กูอยากอยู่กะเค้า ” ไอ้โฟนยังรำพันพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“ เดี๋ยวก็ดีเองนะเมิง เมิงทำใจดีๆก่อนนะ ” ผมพูดทั้งที่ยังกอดมันเอาไว้แน่น  ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนั้นผมรู้สึกสงสารมันมากจนผมเองก็ปล่อยน้ำตาไหลออกมาที่เห็นมันเป็นแบบนี้

“ กูอยากรู้.... กูอยากรู้ว่าทำไมเค้าไม่รับรักกูซะที กูมันไม่มีใครรัก” ไอ้โฟนพูดในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนออกมา

ผมเข้าใจมาตลอดว่าที่ผ่านมาไอ้โฟนกับฟรอยเป็นคนรักกัน  แต่ที่ผมได้ยินจากปากมันวันนี้
ผมถึงได้รู้........  ว่าฟรอยยังไม่ได้รับรักไอ้โฟน

ในตอนนั้นผมเข้าใจความรู้สึกนั้นได้ทันที
เพราะผมเองก็ไม่ได้ต่างจากมัน ได้อยู่ใกล้คนที่เรารัก แต่เรากลับไม่ได้เข้าไปอยู่ในใจของเค้าเลย
ผมเองเจ็บ ที่อยู่ใกล้แต่เหมือนอยู่ไกล แต่มันก็เข้าใจได้เพราะมันไม่รู้ว่าผมรักมัน
แต่ในเคสของมัน คงเจ็บมากเกินจะทน  เพราะมันแสดงออกให้ฟรอยเห็นชัดเจนว่ามันรักฟรอยมากแค่ไหน ผมจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่าฟรอยมีเหตุผลอะไรถึงไม่รับรักไอ้โฟน

“ ไม่เป็นไรนะ  อย่างน้อยก็มีกูนะที่รักเมิง  กูรักเมิงนะ ” ผมพูดแล้วกอดมันไว้แน่น  

ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมพูดคำว่า “รัก”  กับมันในความหมายที่ไม่ใช่ คำว่ารัก แบบเพื่อน
แม้ว่าสติมันจะไม่เต็มร้อยและมันอาจจะจำไม่ได้ว่าผมเคยพูดคำนี้ ในความหมายนี้กับมัน

แต่ผมก็ดีใจที่ได้พูดมันออกไป

ในตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าฟรอยเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อของไอ้โฟนอุปากระอยู่  ก่อนหน้านี้ไอ้โฟนเคยเล่าให้ผมฟังว่าพ่อมันได้อุปการะเด็กกำพร้าไว้หนึ่งคน  แต่มันเองก็ยังไม่เคยเจอเพราะพ่อมันก็ได้แต่ส่งเสียเงินไปให้เพียงอย่างเดียว มันกับเด็กคนนั้นยังไม่เคยได้เจอกัน  

และตัวมันเองก็ได้มารู้ว่าฟรอยเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อมันอุปการะได้หลังจากที่มันไปเคลียกับฟรอยในคืนที่สุดจะเลวร้ายคืนนั้น


“ คืนที่เป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัน ” เสียงคุณคิวพูดมันดังก้องอยู่ในหูของผม

“ ไม่ต้องร้องนะครับ  เรื่องมันผ่านไปแล้ว ” คุณคิวพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอด

“ เพราะผม.... มันเป็นเพราะผม ” ผมพูดพร้อมกับร้องไห้จนตัวโยน

“ ไม่เป็นไรนะ  มันยังอยู่ในใจของพวกเรา ” คุณคิวพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ทั้งที่คุณคิวกอดผมเอาไว้แน่นอย่างตั้งใจจะปลอบผม  แต่ตัวคุณคิวเองกลับสั่นเทาจนผมต้องกอดรัดคุณคิวเอาไว้แน่นเพื่อปลอบใจเค้าเช่นกัน

“ ถ้าผมไม่ปฏิเสธพี่โฟนในวันนั้น  พี่โฟนคงไม่จากเราไปแบบนี้” ผมพูด  

แผลในใจของผมถูกสะกิดอีกครั้ง แผลที่มันยังไม่หายดีและคงไม่มีวันหายสนิทได้

“ ฟรอยอย่าคิดแบบนี้นะ  ไอ้โฟนมันได้ยินเดี๋ยวมันจะเสียใจ  ยังไงมันก็ยังอยู่ในใจของเรานะ ”
คุณคิวพูด

“ ผมขอโทษนะครับพี่  ผมขอโทษที่ดูแลพี่โฟนไม่ดี  พี่โฟนไม่น่ามาเจอคนอย่างผมเลย ” ผมพูด

“ ไม่เป็นไรครับ  ฟรอยคือคนที่ไอ้โฟนมันเลือกนะ ” คุณคิวพูดด้วยน้ำเสียงและดวงตาที่สั่นไหว

ผมรู้........ คำพูดนี้คงทำให้คุณคิวรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย

“ แต่ผมกลับเป็นคนที่ทำให้พี่โฟน............ ” ผมไม่สามารถหลุดปากพูดคำนั้นออกมาได้

“ มันไม่ใช่เพราะโฟนหรอกครับ  แต่เป็นเพราะไอ้นั่นมากกว่า ”  คุณคิวพูด จนผมต้องหันไปสบตาหมายความของคำพูดนั้น

“ ไอ้นั่น..... ใครครับ ” ผมถามอย่างแปลกใจ

“ ก็ไอ้คนที่มันขับรถชนไอ้โฟนไง ” คุณคิวพูดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ เหตุการณ์คืนนั้นมันเพราะผมไม่ใช่เหรอครับที่ปฏิเสธพี่โฟน จนพี่โฟนต้องตัดสินใจทำแบบนั้น ”
ผมพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา

“ ไม่ใช่ .......... ไอ้นั่นต่างหากที่เป็นคนชนไอ้โฟน คนอย่างไอ้โฟนไม่มีทางทำอะไรโง่ๆแบบนั้น ”
คุณคิวพูด

“ พี่หมายความว่าไง  ” ผมพูดออกมาด้วยความสับสน  ผมเริ่มลำดับเหตุการณ์ในคืนนั้นอีกครั้งกับสิ่งที่คุณคิวพูดออกมา ผมเริ่มสับสนว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ ไอ้โฟนไม่ได้ฆ่าตัวตายไอ้นั่น... เพราะความประมาทของไอ้นั่น  มันขับรถชนไอ้โฟน ”
คุณคิวพูดด้วยสายตาเจ็บปวด

“ พี่รู้ได้ไง ” ผมถามออกไปอย่างอยากรู้คำตอบ

“ จะไม่รู้ได้ไง  เพราะพี่เห็นกับตา ” คุณคิวพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบสองแก้ม

“ แล้วทำไมพี่ไม่บอกตำรวจ ” ผมพูด

“ เหตุผลบางทีก็สู้เงินไม่ได้หรอกนะ ” คุณคิวพูดก่อนที่จะก้มหน้าลงเพื่อระงับความเจ็บปวดในใจ

“ คนนั้นคือใครเหรอครับ ” ผมพูด

“ วันครบรอบปีที่ไอ้โฟนจากพวกเราไป ถ้ามันมีจิตสำนึกพอฟรอยคงได้เจอมัน ” คุณคิวพูด

“ เดือนหน้าสินะครับ ” ผมพูดออกมาเบาๆ

นี่มันเรื่องอะไรกัน...................

เรื่องราวทั้งหมดแท้จริงมันเป็นยังไงกันแน่ แล้วไอ้นั่นมันคือใคร......................

ผมสับสนนไปหมดแล้ว.............................




หวังว่าเราจะได้เจอกันนะ................................


….

………

……………

………………………

…………………………………

………………………………………………..

ติดตามตอนหน้า

###########################################################################


ขอบคุณคนอ่านทุกคนครับที่ยังติดตาม

รักพวกคุณนะครับ.........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2010 18:02:33 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
อะไรจะดูยุ่งเหยิงอย่างนี้เนี่ย

คุณน้อง

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อย่าบอกนะว่าเป็นฉินน่ะ โลกกลมเกินไปแล้ว

patz

  • บุคคลทั่วไป
อูย... หวั่นใจเหมือนกัน ว่าจะเป็นฉิน เฮ้อ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2009 23:12:52 โดย patz »

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เอาแล้วไง ทำไมต้องเป็นอย่างนี้นะ กร ช่วยอธิบายเหตุผลซิ

แล้วเดือนหน้า ฟรอยจะต้องจัดการกับปัญหานี้ แล้วความเจ็บปวดก็จะกลับมาอีกครั้ง

+ 1 และเป็นกำลังใจให้ กรนะครับ รักษาสุขภาพด้วย อากาศกำลังจะเปลี่ยนอีกแล้ว

ว่างเมื่อไหร่ก็มาต่อนะครับ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด