มาต่อแล้วครับ.... หลังจากที่หายไปนาน
งานยุ่งครับช่วงนี้ พิมพ์ค้างไว้ได้เพิ่งมานั่งพิมพ์ต่อเมื่อคืน....
อ้อ... ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ......
ปีนี้เป็นอีกปีที่ไม่มีของขวัญจากใคร แต่ได้คำอวยพรจากพ่อก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว
แล้วก็ถอยนาฬิกาให้ตัวเองเป็นของขวัญไปหนึ่งเรือน และโน็ตบุ้ค และโทรศัพท์
ฮ่าๆ ถอยของขวัญให้ตัวเองเยอะไปหน่อยเล่นเอาซะจนเลย ฮ่าๆ.... แทบไม่มีจะกินแล้ววววววววว....
และก็ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันอยู่นะครับ ผมมีเวลาค่อนข้างน้อย แต่ก็จะพยายามพิมพ์เรื่องให้อ่านกันนะครับ
เพราะงานเขียน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรักและชอบมาก
และผมก็ดีใจที่ยังคงมีคนอ่านเรื่องของผม
เรื่องของผมอาจจะไม่ได้มีเนื้อเรื่องหรือตัวละครที่เป็นแนวตลาดที่เค้านิยมกัน
แต่ผมเชื่อว่าผมเองก็มีแนวทางของผม มีวิธีเล่าเรื่องของผม
ให้ถือซะว่าเรื่องราวของผมเป็นบทนึงในชีวิตก็แล้วกันครับ มันไม่ได้มีอะไรที่ดีและสวยงามไปได้ตลอดหรอก
หวังว่าเรื่องราวของผมคงจะให้อะไรกับคนอ่านบ้างนะครับ
ขอบคุณมากครับที่ยังติดตามกัน.......
Ostrich
************************************************************
( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)
น้ำหลาก.... แรงเหลือ//น้ำนิ่ง.... ไหลลึก ( -_-)*[/b]
ตอนที่อยู่ในห้องประชุมผมรู้สึกว่าคุณคิวมักจะส่งสายตาหรือมองมาที่ผมตลอด ซึ่งตัวผมเองก็ใช่ว่าจะไร้เดียงขนาดมองไม่ออกว่าสายตานั้นมองมาด้วยความรู้สึกเช่นไร และแน่นอนว่าคุณคิวก็รู้เช่นกัน ว่าตัวผมเองนั้นรู้ว่าเค้ารู้สึกเช่นไรกับผม แต่ใจผมตอนนี้ผมมอบมีนให้กับพี่ฉินไปแล้ว และในส่วนลึกๆของหัวใจผมก็ยังคงมีพี่โฟนอยู่ ผมรู้ว่าไม่ว่าใครก็ตามหรือแม้แต่พี่ฉินคงไม่ชอบใจนักที่คนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นแฟนไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ทั้งๆที่เรารู้อยู่เต็มอกว่าเค้ารู้สึกเช่นไรกับเรา
ผมพยายามที่จะระวังตัวเองตลอดตามที่พี่ฉินบอก ผมไม่อยากให้พี่ฉินไม่สบายใจเรื่องคุณคิว เพราะลำพังแค่เรื่องงานมันก็มีเรื่องราวอะไรมากมายปัญหาเยอะแยะให้ต้องคอยแก้ไขอยู่ตลอด
ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องประชุมผมก็พยายามระวังตัวอยู่ตลอดเหมือนกัน พอเสร็จจากการประชุมผมก็รีบชิ่งออกมาโดยอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำและผมก้หลบหน้าคุณคิวออกไปเลย แต่ผมไม่เข้าใจว่าพี่ฉินเป็นอะไรหรือโกระอะไรผมรึป่าว เพราะตั้งแต่ออกมาจากห้องประชุมพี่ฉินแทบจะไม่คุยกับผมเลยจนผมรู้สึกอึดอัด ยิ่งอยู่ในรถด้วยกันโดยที่ไม่พูดจากันเลยผมยิ่งอึดอัด มันรู้สึกว่าตัวเรากำลังอยู่ท่ามกลางความอึดอัดบางอย่าง
“ พี่ฉิน... โกรธอะไรผมรึป่าวครับ ” ผมตัดสินใจถามออกไปเพราะคงไม่มีทางออกไหนดีกว่าการพูดกันตรงๆ
“ เฮ้อออ...... ไม่มีอะไรหรอก ” พี่ฉินถอนหายใจยาวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยคิ้วที่ยังขมวดเป็นปม
“ ทำเสียงแบบนี้ผมคงเชื่อหรอกนะว่าไม่มีอะไร ” ผมพูด
“ พี่มีเรื่องกังวลใจนิดหน่อยหนะ ” พี่ฉินพูด
“ ผมรู้... มันคงไม่นิดหน่อยหรอกมั้งครับ ผมทำอะไรให้พี่ไม่สบายรึป่าวครับ มีอะไรก็บอกผมสิ ”
ผมพูด
“ ฟรอยไม่ได้ทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจหรอกครับ แต่คนอื่นหนะสิ ” พี่ฉินพูด
“ หมายถึงใครเหรอครับ คุณคิวเหรอ ” ผมพูด
“ ก็ใช่หนะสิ ท่าทางมันจะเอาเรื่องน่าดูถึงกล้าท้าทายพี่ขนาดนั้น ” พี่ฉินพูด
“ เค้าท้าทายอะไรพี่เหรอครับ ” ผมถาม
“ มันบอกว่ามันจะแย่งฟรอยไปจากพี่ให้ได้หนะสิ ” พี่ฉินพูด ผมเองแทบจะไม่อยากเชื่อว่าคุณคิวพูดแบบนั้นจริงๆ เพราะผมกับเค้าก็เพิ่งจะเจอกันเค้าไม่น่าจะต้องมาทำอะไรขนาดนี้
“ พี่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพราะยังไงผมก็ชอบเค้าหรอก ” ผมพูดตามที่รู้สึกและก็หวังจะให้พี่ฉินสบายใจด้วย
“ สัญญากับพี่นะ ” พี่ฉินพูดพร้อมกับจับมือผมสายตาของพี่ฉินที่มองมาเป็นสายตาที่หวาดกลัวกับการจากลา ถึงแม้ว่าผมจะทำให้พี่ฉินเชื่อใจขนาดไหน แต่สายตานั้นก็ยังคงหวาดกลัว มันไม่แปลกกับคนที่เคยสูญเสียถึงมีสายตาที่หวาดกลัวได้ขนาดนี้
ผมบีบมือพี่ฉินไว้แน่นก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ ครับ.... พี่ไม่ต้องกลัวนะ อย่าเอาเรื่องคุณคิวมาทำให้รู้สึกแย่เลยครับ เพราะยังไงตอนนี้ผมก้อยู่ข้างๆพี่นะ ”
“ ขอบคุณนะ.... ” พี่ฉินพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ รีบกลับบ้านกันเถอะครับแม่รออยู่ ” ผมพูด
“ ครับ ” พี่ฉินรับคำพร้อมกับรอยยิ้ม
************************************************************************
“ เป็นไงมั่งครับแม่ ” พี่ฉินพูขึ้นทันทีที่ก้าวเข้าห้อง
“ กลับมากันแล้วเหรอลูก.... ฟรอยล่ะ ” เสียงแม่ดังมาจากห้องครัวคงจะเตรียมทำข้าวเย็นให้เราอยู่
“ มาแล้วครับแม่ ” ผมพูดก่อนที่จะรีบเดินไปหาแม่ในห้องครัว
“ โอโห้... ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วเหรอเนี่ย ” พี่ฉินแกล้งทำเป็นพูดน้อยใจ
“ ไอ้เด็กขี้อิจฉา... เงียบไปเลย ” แม่พูดแกล้งพี่ฉิน.... 55555 หยอกกันน่ารักดีครับ
“ คิดถึงจังครับแม่... ” ผมพูดพร้อมกับเข้าไปสวมกอดแม่
“ ขี้อ้อนเหมือนกันนะเรา ” แม่พูดด้วยเสียงเอ็นดู
“ ก็ผมมีแม่ให้อ้อนแล้วนี่ครับ ” ผมพูดพร้อมกับรู้สึกโหวงๆในใจ
“ ถึงแม่จะไม่ใช่แม้แท้ๆของฟรอย แต่แม่ก็รักหนูเหมือนลุกแม่อีกคนนึงนะ อดีตที่มันผ่านมา... อะไรที่มันไม่ดีก็ไม่ต้องไปจำมันนะลูก แม่เชื่อว่าทุกคนย่อมต้องมีเหตุผล... แม้แต่พ่อกับแม่ของฟรอยเค้าก้คงมีเหตุผลของเค้าเหมือนกัน ไม่ต้องเอามาเป็นปมด้อยรู้มั้ยลูก ” แม่หันมาพูดกับผม สายตาแม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูที่ผมเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ
“ ขอบคุณครับแม่ ” ผมพูดพร้อมกับน้ำตาเอ่อ
“ รักกันจังนะ... ผมชักจะเริ่มอิจฉาจริงๆล่ะนะ ” พี่ฉินพูดขณะเดินเข้ามาในครัว
“ เฮ้อออ... จริงๆเลยน๊า....... ” แม่พูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ แม่มีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับ ” ผมพูด
“ ดีเลยๆ.... งั้นช่วยแม่หันผักหน่อยนะ ” แม่พูด
“ ผักอยู่ในตู้เย็นใช่มั้ยครับ ” ผมพูด
“ จ้ะ... ” แม่พูด
“ ดีนะ.... ที่มีฟรอยมาช่วยเป็นลูกมือ ไอ้ลูกชายแม่นะ... มันไม่เคยช่วยแม่หรอก คอยกินอย่างเดียว”
แม่พูดติดตลก
“ โห.... เอาใหญ่เลยนะ ก็ผมทำไม่เป็นนี่ครับ ” พี่ฉินรีบพูดแก้ตัว
“ แกหนะ... มันสบายจนเคยตัว งานบ้านงานเรือนไม่ได้เรื่องสักอย่าง ” แม่พูด
“ ก็นี่ผมก็หาคนมาทำให้แล้วไงครับ ” พี่ฉินพูดพร้อมกับหันมายิ้มกรุ้มกริ่มกับผมที่กำลังหั่นผักอยู่
“ ฟรอยก้อย่าไปยอมพี่เค้ามากนักรู้มั้ย ” แม่หันมาพูดกับผม
“ โอ้โห.... เหลือใครเป็นพวกผมมั่งเนี่ย เอ้ออ.... ผมมันไม่ดี ” พี่ฉินพูดน้อยใจ
“ ไม่ต้องมาน้อยอกน้อยใจเลยแก.... ไปอาบน้ำอาบท่าไป ” แม่พูด
“ ฟรอยครับ.... ไปอาบน้ำกับพี่มั้ย ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
“ ไม่ต้องเลย.... ฟรอยเค้าจะอยู่ช่วยแม่ ไปๆมัวพูดมากอยู่ได้ ” แม่พูด ผมหันไปมองพี่ฉินแล้วก็อดยิ้มไปกับท่าทางไม่ค่อยพอใจของพี่ฉินไม่ได้
“ ครับ.... คุณนาย สั่งจริง.... ไปก็ได้ ” พี่ฉินพูดก่อนที่จะเดินออกไป
“ เป็นไงมั่งฟรอย ทำงานกับพี่ฉิน เค้าใช้งานเราหนักไปมั้ย ” แม่พูด
“ ไม่หรอกครับแม่ ผมก็ทำไปตามหน้าที่ที่จะต้องทำล่ะครับ ” ผมพูด
“ ถ้าพี่ฉินเค้าใช้งานเราหนักไปก็มาบอกแม่นะลูก เจ้านี่เค้าบ้างาน... ” แม่พูด
“ ครับแม่ ” ผมพูดรับคำ
“ แล้วพี่บอสละลูก ” แม่พูด
“ พี่บอสก็ดีครับแม่ พี่เค้าคอยดูแลผมตลอดเลย เมื่อก่อนผมมีปัญหาอะไรพี่บอสก็คอยช่วยตลอด ”
ผมพูด
“ ดีจ้ะ... บอสเค้าน่ารักนะนิสัยก็ดี ใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดี ไม่รู้ว่ามาสนิทกับลูกชายแม่ได้ยังไง” แม่พูดและหัวเราะออกมาน้อยๆ
“ ครับ ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มไปกับคำพูดของแม่
“ ฉินเอ้ย.... เดี๋ยวโทรชวนบอสมากินข้าวด้วยกันสิลูก ” แม่ตะโกนบอกพี่ฉิน
“ ครับแม่ ” พี่ฉินตะโกนกลับมา
“ แล้วนี่พี่บอสเค้ารู้เรื่องลูกกะพี่ฉินรึยัง ” แม่พูด
“ ผมสองคนก็ยังไม่ได้บอกใครนะครับ แต่ผมว่าพี่บอสเค้าน่าจะพอดูออก ” ผมพูด
“ อืม.... แม่ก็กังวลว่าบอสเค้าจะคิดยังไงรึป่าว ” แม่พูดออกมาด้วยท่าทางกังวลเล็กๆ
“ ครับ.. ” ผมไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไงก็เลยตอบออกไปแค่... ครับ
“ แต่แม่ว่า... บอสคงไม่มีอะไรหรอก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ” แม่พูด
“ ครับแม่ ” ผมพูด
“ ส่วนตัวแม่... แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะลูก เพราะแม่รู้ดีว่าเราสองคนเป็นคนยังไง เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรือทำให้ใครเดือดร้อน แต่ต่างคนก็ต่างความคิด เราไม่รู้ว่าเค้าจะมองยังไงหรือคิดยังไงกับเรา ลูกก็ต้องระวังๆตัวกันหน่อยรู้มั้ยลุก แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดว่าแคร์คนอื่นเกินไปจนมันมากกว่าคนที่เราควรจะแคร์ ” แม่พูดอย่างเป็นห่วง
“ ขอบคุณครับแม่ ” ผมพูด
“ เดี๋ยวแม่ทำแกงส้มเพิ่มอีกอยางดีกว่า เพราะบอสเค้าชอบกิน ส่วนแกงเขียวหวานนี่ให้ฉินมัน ”
แม่พูดพร้อมกับเดินไปที่ตู้เย็น
“ พี่ฉินชอบกินแกงเขียวหวานเหรอครับ ” ผมพูด
“ ใช่จ้ะ.... แกงเขียวหวานไก่นี่ของโปรดเค้าเลยหละ ” แม่พูด
“ ส่วนของโปรดฟรอย.... น้ำพริกกะปิ เดี๋ยวแม่ตำให้สุดฝีมือเลยนะ ” แม่พูด
“ แม่นี่รู้ใจทุกคนเลยนะครับ ” ผมพูด
“ ต้องรู้สิจ้ะ.... จะได้ทำให้กินถูก.... จะได้เจริญๆอาหารกัน ” แม่พูด
“ ฟรอย... เดี๋ยวลูกทยอยๆยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะป่ะ ” แม่พูด
“ ครับแม่ ” ผมพูดและทยอยยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะ ซึ่งตอนนั้นพี่ฉินก็เดินเข้ามาพอดี
“ หอมจัง.... มีไรกินมั่งเนี่ย ” พี่ฉินพูดพร้อมกับเดินมาที่โต๊ะกินข้าว
“ เยอะแยะเลยครับ มีแกงเขียวหวานของโปรดพี่ด้วย ” ผมพูด
“ รู้ได้ไงเนี่ย... แม่บอกเหรอ ” ผมฉินพูดอย่างรู้ทัน
“ ใช่ครับ..... ” ผมพูด
“ กินข้าวเยอะแน่เลยวันนี้ เดี๋ยวได้อ้วนกันพอดี ” พี่ฉินบ่นๆ
“ ไม่ต้องบ่น มาช่วยผมจัดโต๊ะเลย.... ” ผมพูด
“ ครับๆ.... ” พี่ฉินพูด
“ ก็อกๆๆๆ ” เสียงแคะประตูห้อง
“ สงสัยไอ้บอสจะมาแล้ว ” พี่ฉินพูด
“ งั้นเดี๋ยวผมไปเปิดให้นะ ” ผมพูดแล้วเดินไปเปิดประตู
“ พี่มาช้าไปรึป่าวเนี่ย ” พี่บอสพูดด้วยท่าทางเกรงใจ
“ ไม่หรอกครับ... เพิ่งจัดโต๊ะเองครับ ” ผมพูด
“ อ่อครับ..... แล้วแม่ล่ะ ” พี่บอสพูด
“ อยู่ในครัวครับ...ง มาผมช่วยถือ ” ผมพูดพร้อมกับดึงถุงผลไม้ที่พี่บอสหิ้วมา
“ ครับ ” พี่บอสพูด
พอผมกับพี่บอสเดินเข้าไปที่โต๊ะกินข้าว พี่ฉินก็ตะโกนเสียงดังว่า
“ แม่.... ลูกรักแม่อีกคนนึงมาแล้วนะ ” พี่บอสยิ้มก่อนที่จะพูดว่า
“ ไอ้ขี้อิจฉา ” ผมก็แอบอมยิ้มไปกับท่าทางหยอกกันของทั้งคู่
“ มาแล้วเหรอลูก ” แม่พูดพร้อมกับยกกับข้าวที่เหลือออกมา
“ ครับแม่... ผมเอาผลไม้ติดมาด้วยครับ จะได้เอาไว้ล้างปากกัน ”
พี่บอสพูดพร้อมกับเดินเข้าไปแย่งถาดกับข้าวที่แม่ถือเข้ามา
“ น่ารักจริงๆเรา ” แม่พูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ นี่แม่ทำแกงส้มของโปรดเราด้วยนะ ” แม่พูด
“ ขอบคุณครับแม่... ผมไม่ได้กินแกงส้มฝีมือแม่นานแล้ว ”
พี่บอสพูดพร้อมกับยกกับข้าววางลงบนโต๊ะกินข้าว
“ ฟรอยเอาผลไม้ไปล้างนะลูก เดี๋ยวแม่จัดการเอง ” แม่หันมาพูดกับผม
“ ไม่ต้องหรอกครับแม่ เดี๋ยวผมจัดการเอง แม่กับฟรอยๆไปอาบน้ำกันเถอะครับ ”
พี่บอสพูด
“ เอางั้นก็ได้ลูก ” แม่พูด
“ ฟรอยเอาวางไว้นี่แหละ... เดี๋ยวพี่จัดการเอง ” พี่บอสหันมาพูดกับผม
“ ครับ ” ผมพูด
“ ไอ้ตัวดี... ช่วยบอสเค้าด้วยนะ ” แม่หันไปทำเสียงดุใส่พี่ฉินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
“ ครับ..... จริงๆเรียกผมว่าหมาหัวเน่าก็ได้นะ ”
พี่ฉินพูดแบบน้อยใจเล็กๆทำเอาทุกคนหัวเราะกันออกมา
***************************************************************************
“ คืนนี้นอนกับพี่นะ ” พี่ฉินพูดพร้อมกับเข้ามาสวมกอดผมจากทางด้านหลัง
“ ผมไม่ได้ติดเสื้อผ้ามาเลย ” ผมพูดขณะที่สายตามองออกไปที่ห้องของตัวเองจากระเบียงห้องพี่ฉิน
“ เอาเสื้อผ้าพี่ไง..... พรุ่งนี้จะได้ไปส่งแม่ด้วยกันแต่เช้า ” พี่ฉินพูดแล้วหอมแก้มผม
“ เออใช่.... พรุ่งนี้ต้องไปส่งแม่ด้วยกัน ” ผมพูดออกมาเพื่อทวนความจำตัวเอง
“ ถ้างั้นคืนนี้นอนด้วยกันนะ ฟรอยจะได้ไม่ต้องไปๆมาๆ ”
พี่ฉินพูดพร้อมกับบดเบียดแก่นกายของพี่ฉินที่เริ่มขยายตัวขึ้นแนบทับกับก้นผม
“ เป็นห่วงผมหรือเป็นห่วงตัวเองกันแน่เนี่ย.... ” ผมพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้พี่ฉิน
“ ฮ่าๆๆๆๆ..... ก็ทั้งสองอย่างหละครับ ” พี่ฉินพูด
“ จริงๆแล้วห้องผมก็ไม่ได้อยู่ไกลห้องพี่เลยนะ ” ผมพูดพร้อมกับมองไปที่ห้องตัวเอง
“ เหรอครับ... พี่ก็ไม่เคยไปห้องฟรอยซะที เคยแต่ไปรับที่หน้าปากซอย ” พี่ฉินพูด
“ ผมอยู่ใกล้พี่กว่าที่พี่คิดอีก ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ ยังไงเหรอครับ... ” พี่ฉินพูด
“ พี่คิดว่าอพาร์ทเม้นผมอยู่ตรงไหนล่ะ” ผมพูด
“ ก็เข้าซอยตรงใกล้ๆบีทีเอส แล้วก็........... เข้าไปในซอยนั้นไง ” พี่ฉินพูด
“ ฮ่าๆ.... พี่ฉินมองไปข้างหน้าดิ พี่เห็นห้องฝั่งตรงข้ามนั่นป่ะ ” ผมพูด
“ ครับ.... ทำไมเหรอครับ ” พี่ฉินพูด
“ นั่นแหละ.... ห้องผม ” ผมพูด
“ จริงดิ...... อำพี่รึป่าวเนี่ย ” พี่ฉินพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“ จริงครับ ” ผมพูด
“ ทำไมอยู่ใกล้กันขนาดนี้อ่ะ พี่ไม่เคยเห็นรู้เลย ” พี่ฉินพูด
“ ก็พี่ไม่ได้สนใจจะรู้นี่ครับ ” ผมแกล้งพูดตัดพ้อ
“ ใครว่าไม่สนใจ พี่จะไปรับไปส่งตั้งนานแล้ว ฟรอยก็ไม่ยอม.... ให้แต่ไอ้บอสไปรับไปส่ง ”
พี่ฉินพูดน้อยใจมั่ง
“ ก็ผมเห็นว่าพี่ต้องไปส่งพี่พิงค์บ่อยๆ ก็เลยอยากกวนนี่ครับ ” ผมพูด
“ แล้วฟรอยรู้นานรึยังว่าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้ ” พี่ฉินพูด
“ รู้ตั้งนานแล้วล่ะครับ ” ผมพูด
“ ตลกจังเลยเนอะ.... ว่าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ทางเข้าข้างหน้าคนละทางแต่ด้านหลังกลับหันชนกันใกล้ๆแค่นี้ ” พี่ฉินพูด
“ ครับ.... บางทีคนเราได้แต่มองไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะหันมามองข้างสักครั้ง บางที... ใครบางคนเค้าอาจจะมองหรือวิ่งตามเราอยู่ได้ ” ผมพูด เพราะในความคิดกลับนึกไปถึงพี่โฟน
“ เรื่องบางเรื่องที่มันผ่านไปแล้วเราก็ยอมรับมันซะเถอะนะ เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำคอยสอนเราก็แล้วกัน ” พี่ฉินพูดพร้อมกับกอดผมแน่นขึ้น พี่ฉินคงรู้ว่าผมคงกำลังนึกถึงเรื่องในอดีตบางเรื่อง
“ อยู่นี่กันนี่เอง ” พี่บอสเดินเข้ามา ทำให้ผมกับพี่ฉินผละออกจากกัน
“ ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ ” พี่บอสพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ เออ... ว่าไงว้ะ ” พี่ฉินพูด
“ พอดีกูมีไรจะคุยกะเมิงหน่อย... แต่เอาไว้ก่อนก็ได้ ” พี่บอสมองหน้าผมก่อนที่จะพูดออกมา
“ พวกพี่คุยกันตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปห้องแม่ ” ผมพูดพร้อมกับเดินออกมา
“ งั้นพี่ขอเวลาสักเดี๋ยวนะ ” พี่บอสหันมาพูดกับผมก่อนที่ผมจะเดินออกมาจากห้อง
“ ครับ... ไม่เป็นไรครับพี่บอส ตามสบายครับ ” ผมพูดแล้วเดินออกไป
**********************************************************************
“ เป็นอะไรรึป่าวครับพี่ฉิน ” ผมพูดขณะที่ร่างกายของเราทั้งคู่เปลือยเปล่าหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจ
“ ไม่มีอะไรหรอกครับ ” พี่ฉินพูดทั้งที่ยังนอนเอามือก่ายหน้าผาก
“ เหนื่อยเหรอครับ ” ผมพูด
“ ก็นิดหน่อยครับ แต่ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ” พี่ฉินพูด
ผมรู้สึกว่าพี่ฉินเริ่มแปลกๆไปหลังจากที่คุยกับพี่บอส พี่ฉินดูครุ่นคิดอะไรอยู่เกือบตลอดเวลา
เรื่องที่พี่บอสมาคุยกับพี่ฉินคงเป็นเรื่องที่ทำให้พี่ฉินเป็นแบบนี้ มันคงเป็นเรื่องซีเรียสเรื่องนึง
ซึ่งผมไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร ในส่วนของผมเอง ผมก็ไม่ได้อยากรู้หรอกครับแต่ผมแค่ไม่อยากเห็นพี่ฉินเครียดๆหรือมีท่าทีไม่สบายใจแบบนี้ อย่างน้อยก็ระบายหรือปรึกษาพูดคุยกับผมบ้างก็ยังดี
“ จริงเหรอครับ.... ผมว่าพี่น่าจะเรื่องไม่สบายใจนะครับ ” ผมพูด
“ ก็ใช่นะ.... แต่พี่ไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ เอาไว้พี่เล่าให้ฟังนะ ” พี่ฉินพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอด
“ ครับ.... ผมก็ไม่ได้อยากรู้มุกเรื่องหรอกครับ แต่ผมเป็นห่วง ” ผมพูด
“ ขอบคุณนะครับ...... ที่อยู่ข้างๆพี่ ” พี่ฉินพูดและหอมที่ขมับผม
“ ผมก็ชอบคุณนะครับที่พี่อยู่ข้างๆผม ” ผมพุดแล้วหอมแก้มพี่ฉิน
“ ไม่ว่าจะยังไงอย่าทิ้งพี่ไปไหนนะครับ ” พี่ฉินพูด เสียงนั้นเจือปนไปด้วยความกลัว
มันเป็นความกลัวของคนที่เคยสูญเสีย
“ ครับ... ผมไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอกครับ....... ” ผมพูด
หากแต่คืนนี้ เป็นอีกคืนอันแสนอบอุ่นและมีความสุขอีกวันในชีวิต
คนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้ ไม่ว่าจะ.....................................................................
รวยหรือจน สวยหรือหล่อ หรือแม้จะขี้เหร่ ไม่ว่าใครทั้งนั้น ก็หวังที่จะมีความสุข
และตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากว่าผมกำลังมีความสุข
“ สุขที่ได้รักและมีคนรักอยู่ข้างกาย ”
สายฝนภายนอกโปรยปรายบางเบาคล้ายปุยนุ่น เหมือนเป็นกาลแห่งการสั่งลาฤดูกาล
เวลาดำเนินผ่านพ้นไป............ จากปลายฝนย่างกรายสู่ต้นหนาว
.......... ฤดูกาลแห่งความเหงาและหว้าเหว่ หากขาดไออุ่นรักจากคนข้างกาย
................. แต่กลับสุดแสนอบอุ่น หากได้คลอเคล้ากอดก่ายแลกรับไออุ่นจากคนข้างกาย
ฤดูหนาวที่กำลังเคลื่อนตัวมาถึง จะพัดพาสิ่งใดมาบ้าง
......................................... การพบพาน หรือ พลัดพราก .........................................
ติดตามตอนหน้า
########################################################