เซ็งคับ... หลังจากที่ถอยโน็ตบุ้คเครื่องใหม่มาก็ดันมีเหตุอีก..... ก็คือ สายเสียบเน็ตเสีย
ตอนนี้ต้องใช้ไวเลสฟรีของกรีน...... ซึ่งช้ามากๆ เซ็งโครต แล้วเค้าก็ไม่ยอมมาซ่อมให้
โดยให้เหตุผลว่า..... ไม่รู้จะให้ใครมาซ่อมให้ กรรมจริงๆ..... แล้วกรูจะรู้มั้ยว่าจะให้ใครมาซ่อม
ไม่ใช่เจ้าของหอนิ
จริงๆเรื่องพิมเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ....... แต่เน็ตมันช้ามาก โหลดยังไงมันก็ไม่ขึ้นซะทีครับ เลยเพิ่งเอามาลงให้ครับ
ปล.เรื่องที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ไม่ได้ผสมแต่งเติมข้อความเพื่อเป็นการแก้ตัวแต่อย่างใด
อ่าๆ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ.... ทุกท่านๆ
มาอ่านเรื่องกันต่อเลยแล้วกันนะครับ.......
"พายุใหญ่เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว......"
******************************************************************
( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)
น้ำหลาก.... แรงเหลือ//น้ำนิ่ง.... ไหลลึก ( -_-)“ อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะเมิง มีไรดีๆเหรอว้ะ ” ไอ้บอสทักทายผมด้วยท่าทางที่ผมรู้ว่ามันกำลังหมั่นไส้ผม
5555+ ...... ถ้าเมิงได้รู้ว่ากูกะฟรอยคบกันแล้วเมิงต้องหมั่นไส้กูแน่ๆ..........
และที่สำคัญ..... ถ้าเมิงรู้ว่ากูกะฟรอย................. อะจิ๋ยๆกันแล้ว เมิงจะทำหน้ายังไงว้ะ....
ผมคิดในใจ
“ ขอโทษนะ... มันมีความสุขจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ว่ะ ” ผมตอบไปโดยตั้งใจให้มันยิ่งหมั่นไส้ผมมากขึ้น
“ แหม.... ดีใจยังกะได้เมียนะเมิง ” ไอ้บอสแซวอย่างทีเล่นทีจริง.....
แต่เมิงคงไม่เชื่อซะทีเดียวสินะ... ว่าไอ้ที่เมิงคิดนั่นแหละ.........
คือเรื่องที่ทำให้กูอารมณ์ดีได้ขนาดนี้............. ผมคิดในใจ
“ ฉลาดนะเมิงเนี่ย...... ” ผมพูดทิ้งระเบิดไว้แล้วรีบชิ่งหนีมันครับ ให้มันฟุ้งไปเอง 5555+
“ หมายความว่าไงว้ะ..... ” ไอ้บอสตะโกนเสียงดังไล่หลังผมที่กำลังเดินหนีเข้าไปในห้องทำงาน
“ เฮ้ย.... เอาดีๆดิ๊ ” ไอ้บอสยังคงโวยวายเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบคำถามของมัน
“ อารมณ์ดีอะไรมาจ๊ะวันนี้..... ” พิงค์เดินเข้ามาทักทายผมในห้องทำงาน
ผมสบตาเธอเล็กน้อย ในหัวสมองก็พาลไปคิดถึงเรื่องวันนั้น
“ อ่อ... ไม่มีอะไรหรอก ฉินแกล้งไอ้บอสมันหนะ ” ผมตอบไปแบบเลี่ยงๆ
“ นึกว่ามีเรื่องน่ายินดีอะไรซะอีก ” พิงค์พูด
“ เอ่อ... คือ.. เรื่องนั้น พิงค์โอเคแล้วใช่มั้ย ”
ผมถามออกไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะก็กลัวว่าจะไปสะกิดบาดแผลในใจของเธอเข้าอีก
“ พิงค์บอกตามตรงนะ.... ว่าพิงค์คงยังทำใจไม่ได้ตอนนี้หรอก คงต้องใช้เวลาสักพัก ” พิงค์พูดด้วยวาวตาที่ดูเศร้าหมอง
“ ฉินดีใจนะ.... ที่พิงค์เข้าใจฉิน เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิมนะ ” ผมพูด
“ อืม.... ฉินให้เวลาพิงค์หน่อยนะ แล้วพิงค์จะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของฉิน ” พิงค์พูดพร้อมกับยิ้มออกมา แม้ว่าสายตาของเธอจะยังคงดูเศร้าหมองอยู่ แต่ผมเชื่อว่า... เวลาจะช่วยเยียวยาให้อะไรๆมันดีขึ้น
“ ขอบใจนะพิงค์ ” ผมพูดพร้อมกับความรู้สึกสบายใจ
ผมเข้าใจความรู้สึกพิงค์ดี ผมรู้ว่าเธอรู้สึกอะไร แต่ผมไม่สามารถตอบสนองความรู้สึกของเธอได้
ผมหวังแต่เพียงให้เธอเข้าใจ..... และเรากลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ถึงแม้วันนี้เธออาจจะยังทำมันไม่ได้..... แต่สักวันเธอก็จะทำได้
เรื่องราวระหว่างผมกับฟรอยจะได้ง่ายขึ้น ผมไม่อยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยน้ำตา
หรือแม้จะมีใครเสียน้ำตา ก็ขอให้เป็นน้ำตาที่มาจากความเข้าใจ
“ แล้วนี่พิงค์มีอะไรรึป่าว?? ” ผมถามถึงเหตุที่เธอต้องเดินมาหาผมที่ห้องทำงาน
“ พิงค์ก็จะมาแซวฉินนั่นแหละ เห็นอารมณ์ดีจังวันนี้ แล้วก็เอา Story Board ของคุณดิวมาให้ดูหนะ ” พิงค์พูด
ผมได้ยินชื่อไอ้คุณคิวนี่ก็รู้สึกอารมณ์เสียเล็กๆเมื่อพาลไปนึกถึงเรื่องคืนนั้น ถ้าหลังจากนี้มันยังมายุ่งกะผมของผมได้เป็นเรื่องแน่ ลูกค้าก็ลูกค้าเถอะ
“ เป็นไรรึป่าวฉิน... คิ้วขมวดเลย ” พิงค์ถามอย่างแปลกใจกับท่าทีของผม
“ ป่าวหรอก.... พอดีฉินกำลังนึกไทม์ไลน์หนะ ว่าจะทันรึป่าว ” ผมพูด
“ ไม่ต้องกังวลหรอก.... ยังทันอยู่จ้ะ พิงค์นั่งไล่ดูแล้ว ” พิงค์พูด
“ งั้นก็ดี... พิงค์ก็ดำเนินการต่อเลยแล้วกันนะ ” ผมพูด
“ จ้ะ... งั้นพิงค์ขอตัวก่อนนะ ” พิงค์พูดก่อนที่จะเดินออกไป
ไอ้คุณคิวทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดแล้วก็กลัวเล็กๆ เพราะนายนั่นท่าทางจะเอาเรื่องซะด้วย แต่ก็พยายามห้ามความคิดตัวเอง เพราะตอนนี้มันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมา ผมเองก็ไม่อยากกลัวไปซะก่อน ยังไงตอนนี้ทั้งตัวและใจของฟรอยก็เป็นของผม พูดถึงฟรอยขึ้นมา ผมอยากจะบอกว่าตั้งแต่ที่เราปรับความเข้าใจกันและเราก็......... กัน
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองคิดถึงฟรอยตลอดเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมอยากจะนอนกอดอยากจะหอมทั้งวันเลย
ยิ่งคิดก็ยิ่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหื่นเกินไปรึป่าว แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเวลาที่ผมอยู่ใกล้ๆฟรอย ผมจะนึกถึงเรื่องนั้นเกือบตลอดเวลา น้องชายของผมก็ตื่นตัวเกือบตลอดเวลาที่ผมอยู่ใกล้ๆฟรอย ที่ผ่านมาก็ใช่ว่าผมจะไม่ได้มีอะไรกับใครเลยนะครับ เวลาที่ผมไปเที่ยวก็มีมาบ้างเพียงแต่ไม่บ่อยก็เท่านั้นเอง พูดแล้วก็คิดถึงฟรอยจัง
“ อยู่รึป่าวครับ ” ผมทักไปในmsnของบริษัท
“ ครับ ” ฟรอยตอบกลับมา
“ คิดถึงจัง ” ผมพิมพ์ไป
“ เมื่อวานก็อยู่ด้วยกันเกือบทั้งวัน ” ฟรอยพิมพ์กลับมา
“ ก็มันคิดถึงจริงๆนี่ครับ ” ผมพิมพ์ไป
“ ครับ ก็ไม่ได้ว่าไม่จริง ” ฟรอยพิมพ์กลับมา
“ ทำไรอยู่ ” ผมพิมพ์กลับไป
“ ทำงานครับ ” ฟรอยพิมพ์มา
“ ขยันจัง ” ผมพิมพ์ไป
“ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนไล่ออก ” ฟรอยพิมพ์กลับมา
“ เป็นเมียเจ้าของยังจะกลัวอีกเหอ ” ผมพิมพ์กลับไปด้วยตั้งใจจะหยอกล้อ แต่ฟรอยเงียบไปไม่ตอบอะไรกลับมา
สงสัยจะอาย 55555+….. เมื่อวานผมแซวฟรอยเรื่องนี้ทีไรหน้าแดงทุกที น่ารักดีครับ
“ ว่างรึไง มาชวนคนอื่นเค้าคุยเนี่ย ” ฟรอยพิมพ์กลับมา
“ งานก็เรื่อยๆครับ แต่ใจไม่ว่างแล้ว ” ผมพิมพ์หยอกฟรอยกลับไป
“ *-* ” ฟรอยพิมพ์กลับมา
“ เดี๋ยวเดินไปหาที่โต๊ะนะ ” ผมพิมพ์กลับไป ไม่ไหวแล้วครับ อยากเห็นหน้า
ผมกับฟรอยคุยกันไว้แล้วครับ ว่าถึงเราจะคบกันแต่เรื่องงานก็คือเรื่องงาน ฟรอยจะไม่รับสิทธิพิเศษใดๆนอกเหนือจากนักงานคนอื่นเด็ดขาด ที่มากกว่าคนอื่นขอให้เป็นแค่เรื่องความสนิทสนมที่เราทั้งคู่แสดงออกมาให้มันอยู่ในขอบเขตและไม่น่าเกลียดจนเกินไปเวลาที่เราอยู่ที่ทำงาน ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะทำได้รึป่าว
ไม่รู้ว่าคุณเคยเป็นกันรึป่าว เวลาที่เป็นแฟนกะใครก็อยากให้คนอื่นรู้ จะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกะแฟนของเรา
ในออฟฟิศผมถึงแม้จะมีบางคนที่ไม่ได้แสดงตัวว่าชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ผมก็พอดูออกนะว่าหลายคนก็เล็งๆฟรอยอยู่
นี่หละที่จะทำให้ผมไม่สามารถรักษาข้อตกลงได้
“ มีไรว้ะ... เดินมานี่ ” ไอ้บอสทักทายอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“ ทำไมกูมาไม่ได้เหอ ทำยังกับว่ากูจะมาขโมยอะไรงั้นแหละ ” ผมพูดอย่างตั้งใจจะกวนประสาทไอ้บอส
“ คงไม่ต้องขโมยแล้วมั้ง ไหนๆเมิงก็เป็นเจ้าของแล้วนี่ ” ไอ้บอสพูดพร้อมกับมองไปทางฟรอย
ตอนแรกผมก็งงๆกับสิ่งที่มันพูด มันทำยังกับว่ามันรู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับฟรอยแล้ว
แต่พอผมมองไปที่ฟรอยก็เห็นรอยดูดแดงๆที่คอสองสามรอยที่โผล่ออกมาจากคอเสื้อถึงจะไม่ชัดมากนัก
แต่ถ้าเพ่งมองดีๆก็เห็นได้ชัดเจน
“ คือกู............... ” พอเจอแบบนี้ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้บอสมันคิดยังไงกับฟรอย เพราะมันก็ไม่ได้มีท่าทีจะชอบผู้ชายด้วยกัน เพียงแต่มันชอบกันท่าผมเรื่องฟรอยจนผมต้องหงุดหงิดกับท่าทางของมันในหลายๆครั้ง
“ ช่างมันเหอะ...... ไว้ค่อยคุยกัน แล้วนี่เมิงมีไรรึป่าว ” ไอ้บอสพูด
“ อ่อ.... กูจะมาดูงานของไอ้คุณคิวอ่ะ เห็นพิงค์บอกว่าเสร็จแล้ว ” ผมพูด
“ ไฟล์อยู่ในเครื่องฟรอยอ่ะ เมิงไปดูเองแล้วกัน ” ไอ้บอสพูด
“ เออ ” ผมพูด
“ ดูดีๆล่ะเมิง ” ไอ้บอสพูดยิ้มๆก่อนจะเดินไปทำงานของมัน
“ เออ.... ขอบใจ ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
ผมค้อมตัวลงและชะโงกหน้าไปใกล้ๆฟรอยที่นั่งจ้องอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ และพูดออกมาว่า
“ ทำอะไรอยู่ครับ ” จังหวะที่ฟรอยหันมาที่ผมจมูกของฟรอยก็โดนที่แก้มผมพอดีตามที่ผมคาดเอาไว้ ฮ่าๆ.......
“ ฮุ๊ย...... โดยแอบหอมแก้ม ” ผมแกล้งพูดพร้อมกับแสร้งทำหน้าว่ากำลังโดนล่วงเกิน
“ ผมป่าวนะ..... ก็พี่ยื่นหน้ามาใกล้เองหนิ ” ฟรอยพูดพร้อมกับอากายอายเล็กๆ ดูแล้วน่ารักดีครับ
“ อยากหอมแก้มพี่ก็บอกตรงๆได้ครับ ” ผมพูดและยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ ไม่ต้องมาเนียนเลย ผมรู้ว่าพี่ตั้งใจ ” ฟรอยพูดอย่างรู้ทัน
“ ครับๆ...... ยอมแล้ว แต่ทำแบบนี้กับแฟนคงไม่ผิดอะไรมั้ง ” ผมพูด
“ ครับ...... แต่อย่างประเจิดประเจ้อนักสิครับ ใครมาเห็นมันจะไม่ดี ” ฟรอยพูด
“ ใครเห็นแล้วจะทำไม ” ผมพูดแล้วหอมแก้มฟรอยอีกสองสามทีจนพอใจ
“ อย่างดื้อสิครับ..... ” ฟรอยพูดและพยายามหันหน้าหนี แต่ก็ไม่รอดมือผมหรอกครับ 55555+
“ ไหนเอางานไอ้คุณคิวให้พี่ดูหน่อยซิ ” ผมพูด
“ นี่ครับ.... ” ฟรอยพูดหลังจากที่เปิดไฟล์นั้นให้ผมดู
“ อืม.... ก็โอเคนะ ” ผมพูดหลังจากเห็นงาน
“ แล้วนี้พิงค์เค้าบอกรึป่าวว่านัดไอ้คุณคิวมาดูงานวันไหน ” ผมพูด
“ ยังเลยครับ สงสัยคงกำลังจะนัดหนะครับ ” ฟรอยพูด
“ อ่อเหรอ.... แล้วพิงค์บอกมั้ยว่าจะเอาเราไปด้วยรึป่าว ” ผมพูด
“ น่าจะเอาไปด้วยนะครับ เห็นถามผมว่าพรุ่งนี้ว่างรึป่าว ” ฟรอยพูด
“ แล้วฟรอยตอบไปว่าไง ” ถึงผมจะรู้ว่าฟรอยไม่มีทางสนใจไอ้คุณคิวนั่นแน่ๆ แต่ผมก็ไม่อยากให้ฟรอยเจอมันเลย
“ ก็บอกพี่เค้าไปว่าว่าง ” ฟรอยพูด
“ ทำไมตอบไปแบบนั้นอ่ะ อยากเจอมันเหรอ ” ผมพูดอย่างไม่พอใจเล็กๆ ก็คนมันหวงนี่ครับ
“ ผมก็ไม่ได้อยากไปหรอกครับ แต่พี่พิงค์เค้าอยากให้ไปด้วย อะไรๆจะได้คุยกันง่ายขึ้น ” ฟรอยพูด มันก็จริงของพิงค์ครับ แต่คงต้องให้ฟรอยระวังตัวหน่อย เพราะไอ้คิวนั่นท่าทางไม่น่าไว้ใจและมันก็ท่าทางเอาเรื่องด้วย
“ งั้นก็ระวังมันหน่อยนะ ” ผมพูด
“ ทำไม.... หวงผมเหรอ ” ฟรอยพูดพร้อมกับยิ้มออกมาท่าทางกวนๆ
“ หวงดิ.... แฟนทั้งคน ไม่หวงได้ไง ” ผมพูดพร้อมกับขโมยหอมแก้มฟรอยอีกฟอด
“ พอเลยๆ ไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นด้วย ” ฟรอยพูด
“ ทำไมอ่ะ.... พี่อยากอยู่ใกล้ๆฟรอยทั้งวันเลยนะ ” ผมพูดและกอดเอวฟรอยไม่ยอมไป
“ ดื้อจริงๆเลย ” ฟรอยบ่นเหมือนไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนที่ผมกำลังกอดฟรอยอยู่
“ ฟรอยจ๊ะ ” เสียงพิงค์ดังขึ้นมาทำให้ผมผละออกจากฟรอยทันที
“ อ้าวฉิน..... ” พิงค์ด้วยท่าทางตกใจเล็กๆที่เห็นผม
“ มีอะไรรึป่าวครับพี่พิงค์ ” ฟรอยพูดขึ้นมา
“ คือพี่จะมาบอกว่า พี่นัดคุณคิวเข้ามาวันพรุ่งนี้นะ ประมาณบ่ายสามบ่ายสี่ ” พิงค์พูด
“ ได้ครับ ” ฟรอยพูด
“ แล้วฉินมาทำไรตรงนี้เหรอ ” พิงค์พูดด้วยท่าทางสงสัย
“ ฉินมาขอดูงานของไอ้คุณคิวหนะ ” ผมพูด
“ ก็พิงค์เดินเอาไปให้เมื่อตอนเช้าแล้วไง ” พิงค์ด้วยพยายามจะจับผิดอะไรบางอย่างจากผม
“ พอดีภาพมันไม่ค่อยชัดหนะ ฉินก็เลยเดินมาขอดูไฟล์ ” ผมพูด
“ อ้อ.... นึกว่ามีอะไรซะอีก ” พิงค์พูด
“ ไม่มีอะไรหรอก งานก็โอเคดีแล้ว ” ผมพูด
“ นี่ฟรอย...... พรุ่งนี้แต่งตัวหล่อหน่อยนะ ” พิงค์พูด
“ ทำไมเหรอครับ ” ฟรอยพูด
“ ก็ที่นัดคุณคิวไง เผื่อว่าเค้าจะชวนไปไหนต่อด้วย ” พิงค์พูด
“ จะไปไหนกันเหรอ ” ผมพูดแทรกขึ้นมาทันทีด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“ อาจจะไปทานข้าวต่อมั้ง พิงค์ก็ยังไม่แน่ใจ ” พิงค์พูด
“ ฉินว่าพิงค์ดูจะตามใจลูกค้าคนนี้เกินไปหน่อยมั้ง ” ผมพูด
“ ก็ลูกค้าหนะฉิน เป็นเรื่องธรรมดานะ ฉินน่าจะเข้าใจดี ” พิงค์พูด
“ แต่ฉินว่ามันก็น่าจะมีขอบเขตบ้างนะ ” ผมพูดเชิงห้ามปราม
“ เป็นอะไรไปรึป่าวฉิน พิงค์ว่าฉินแปลกๆกะคุณคิวนะ ” พิงค์พูด
“ ฉินได้ข่าวว่าเค้าจะจีบฟรอยหนิ แล้วฟรอยก็ท่าทางจะไม่เล่นด้วย ”
ผมพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าฟรอยที่กำลังมองมาที่ผม
“ ฟรอยก็ยังโสดหนิ แล้วคุณคิวเค้าก็โอเคอยู่นะ ” พิงค์พูดด้วยท่าทางที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
“ แต่ฉินว่ามันเกินไปหน่อยนะ ยังไงนั่นมันก็เรื่องส่วนตัวของฟรอย ฉินว่าพิงค์อย่าไปยุ่งดีกว่า อะไรที่ฟรอยพอจะช่วยให้การประสานงานระหว่างทางเรากับคุณคิวมันง่ายขึ้นก็ให้ฟรอยเป็นธุระไป แต่อะไรที่มันเกินเลยหรือนอกเหนือจากนั้น ฉินว่าพิงค์อย่าเข้าไปยุ่งดีกว่านะ ”
ผมพูดออกมาด้วยความไม่พอใจกับการวางตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักของพิงค์
“ โอเค..... งั้นพิงค์ต้องขอโทษด้วยนะ แล้วก็ขอโทษฟรอยด้วยที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัว ”
พิงค์พูดด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“ เอ่อ.... ไม่เป็นไรครับพี่พิงค์ ” ฟรอยพูดอึกอักอย่างคนเกรงใจ
“ งั้นพิงค์ขอตัวก่อนแล้วกันนะ ” พิงค์พูดด้วยรอยยิ้มที่เธอแสร้งทำออกมาก่อนที่จะเดินไป
“ เราหนะขี้เกรงใจ ทีหลังหัดเด็ดขาดบ้างนะ ถ้าอะไรที่มันไม่ใช่หรือว่าเราไม่ชอบก็หัดปฏิเสธคนอื่นบ้างรู้มั้ย ” ผมพูด
“ ก็มันไม่มีอะไรนี่ครับ ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราไม่ได้คิดอะไรกับเค้ามันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ” ฟรอยพูด
“ พี่เข้าใจ...... แต่ไอ้นั่นมันจะไม่คิดแบบฟรอยนะสิ คราวก่อนก็ทีนึงแล้ว ” ผมพูด
“ ครับ ผมจะระวังก็แล้วกันนะ ” ฟรอยพูด
“ มีอะไรต้องบอกพี่นะ... รู้มั้ย ” ผมพูด
“ ครับ ” ฟรอยพูด
“ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปด้วย เดี๋ยวจะไปเป็นก้างมันเอง ” ผมพูด
“ ก็ดีครับ ” ฟรอยพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
ผมเคยเสียคนที่ผมรักมาแล้ว ผมรู้ว่ามันเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน
ครั้งนั้น..... สิ่งที่พรากคนที่ผมรักไปจากผมไม่ใช่ใคร
แต่มันคือ.................. ความตาย ซึ่งไม่มีใครที่ห้ามโชคชะตาได้
ครั้งนี้................ ก็เช่นกัน
ถึงผมจะยอมรับว่า ผมเองก็ยังไม่ได้รักฟรอยได้มากมายเท่ากับที่ผมรักหวาน
เพียงเพราะมันเพิ่งเริ่มต้น และสักวันซึ่งคงอีกไม่นานนับจากวันนี้
ผมคงจะรักฟรอยมาก รักมาก เพราะผมกำลังรักฟรอยมากขึ้นทุกวินาที
สิ่งเดียวที่จะพรากฟรอยไปจากผมได้................... คือความตาย เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
**************************************************************************
“ โอเค.... งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะคะ... ” เสียงพิงค์พูดเป็นจังหวะที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมพอดี
“ จะไม่รอผมหน่อยเหรอครับ ” ผมพูดเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พิงค์หันมามองผมด้วยท่าทางตกใจเล็กๆ ส่วนไอ้คุณคิวหันมามองที่ผมพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กๆอย่างท้าทาย
“ พิงค์ไม่คิดว่าฉินจะเข้าด้วย ” พิงค์รีบพูดอย่างละล่ำละลัก
“ ฟรอยไม่ได้บอกเหรอว่าผมจะเข้าด้วย ” ผมพูดพร้อมกับลงนั่งข้างๆฟรอย
“ ผมบอกแล้วครับ แต่............... ” ในขณะที่ฟรอยพูดพิงค์ก็รีบแทรกขึ้นมาว่า
“ พอดีพิงค์ลืมหนะ..... กลัวคุณคิวเค้าจะรอนานด้วย ”
“ จริงๆผมรอได้นะครับ ยิ่งรู้ว่าคุณฉินจะเข้ายิ่งอยากจะรอ ” ไอ้คุณคิวพูดด้วยท่าทางกวนตีน
“ อ้อครับ... ขอบคุณที่ให้เกียรติครับ ” ผมพูดพร้อมกับมองด้วยสายตาท้าทายกลับไป
“ คุณพิงค์นำเสนอต่อได้เลยค่ะ ” คุณเจนที่มากับไอ้คิวพูดขึ้น
“ ค่ะ.... อันนี้ก็จะเป็นหน้าตาของ Story Board นะคะ เดี๋ยวให้น้องฟรอยอธิบายนะคะ ” พิงค์พูด
“ ตามที่ผมได้บรีฟมา จุดประสงค์ก็คืออยากให้กลุ่มเป้าหมายสามารถจดจำแบรนด์ได้ ผมก็เลยนำเสนอออกมาในแบบที่ง่ายๆน่าสนใจและย้ำแบรนด์ให้เกิดการจดจำ โดยที่เรื่องราวของหนังโฆษณาจะเริ่มจาก ................................................................. บลา ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”
“ สุดยอดเลยครับ ตรงใจผมเลย ” ไอ้คุณคิวพูดพร้อมกับมองไปที่ฟรอยอย่างจงใจ
“ ขอบคุณครับ ” ฟรอยพูด
“ ถ้าโอเคตามนี้ผมจะได้เริ่มถ่ายทำกันเลยนะครับ ” ผมพูดแทรกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเล็กๆ
“ ค่ะคุณฉิน เริ่มถ่ายได้เลยค่ะ ” คุณเจนพูดขึ้น
“ เลิกแล้วเราไปหาอะไรทานด้วยกันมั้ยครับ ” ไอ้คุณคิวพูดขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปที่ทุกคนและมาหยุดที่ฟรอย
“ เอ่อคือ.... วันนี้ ” ฟรอยอ้ำอึ้งๆจนผมต้องออกมาว่า
“ ผมกับฟรอยคงต้องขอตัวนะครับ เพราะว่าวันนี้มีธุระ ”
“ ฟรอยมีธุระเหรอ... งั้นให้ผมไปส่งมั้ย ” ไอ้คุณคิวรีบเสนอตัว
“ คงไม่ต้องหรอกครับ เพราะว่าเราไปด้วยกัน ” ผมพูดพร้มกับทำหน้ากวนตีนใส่ไอ้คุณคิว
“ ฉินกับฟรอยมีนัดไปไหนกันเหรอจ๊ะ ” พิงค์พูดขึ้นด้วยท่าทางอยากรู้
“ พอดีแม่มาตรวจสุขภาพหนะ ก็เลยจะแวะมาหา ” ผมพูด
“ แล้วฟรอย...... ” พิงค์พูดด้วยหน้าตางงๆ ประมาณว่าแล้วเกี่ยวอะไรกับฟรอย
“ แม่เค้าอยากอยากเจอฟรอยหนะ ” ผมพูด
“ อ้าว... แม่ฉินเคยเจอฟรอยด้วยเหรอ ” พิงค์พูดด้วยท่าทางแปลกใจ
“ ใช่ครับ.... ” ฟรอยพูดด้วยหน้าตาดีใจ เพราะฟรอยเองก็เพิ่งรู้เพราะแม่เพิ่งจะโทรมาบอกผมก่อนที่ผมจะเข้ามาห้องประชุมนี่เอง
“ นี่ถึงขนาดพาไปแนะนำแล้วเหรอครับเนี่ย ” ไอ้คุณคิวพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
“ ใช่ครับ ” ผมหันไปพูดด้วยท่าทางกวนตีนไม่แพ้มัน
“ คุณคิวค่ะ... งั้นวันนี้พิงค์ขอบายด้วยคนนะค่ะ จะไปเจอแม่ฉินด้วย ” พิงค์พูด
“ ไม่เป็นไรหรอกพิงค์ วันนี้พิงค์ไปกะคุณคิวแล้วกัน ส่วนแม่เอาไว้คราวหน้าก็ได้ ” ผมพูด
“ แต่ว่า................. ” ผมรีบพูดแทรกพิงคืออกไปว่า
“ ปฏิเสธคำชวนลูกค้ากันหมดคงไม่ดีมั้ง ” ผมพูด
“ โอเค.... งั้นเดี๋ยวเราไปทานข้าวด้วยกันนะคะคุณคิวคุณเจน ” พิงค์พูด
“ค่ะ... เสียดายจังนะคะ น้องฟรอยกับคุณฉินไม่ได้ไปด้วยกัน ” คุณเจนพูดส่วนไอ้คุณคิวก็แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน เห็นหน้ามันตอนนั้นแล้วสะใจดีครับ
“ ครับ.... เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณเจน ” ผมพูด
“ ค่ะ... ไม่เป็นไรค่ะ ” คุณเจนพูด
“ โอเค... งั้นเดี๋ยวเราไปกันเลยนะค่ะ พิงค์ขอเก็บไปของแปปนึง ” พิงค์พูดก่อนที่จะเดินออกไป
“ ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ ” ฟรอยพูดก่อนที่จะเดินออกไปเช่นกัน
“ แล้วนี่นัดเจอคุณแม่ที่ไหนค่ะเนี่ย ” คุณเจนถามขึ้นส่วนไอ้คุณคิวตอนนั้นยืนหน้าบูดอยู่
“ นัดเจอกันที่คอนโดผมหนะครับ ตอนนี้แม่คงเตรียมทำอาหารอยู่ ” ผมพูด
“ ดีจังนะคะ ท่าทางอบอุ่นกันดี ” คุณเจนพูด
“ ครับ.... แล้วนี่จะไปแถวไหนกันล่ะครับ ” ผมพูด
“ ยังไม่รู้เลยค่ะ เดี๋ยวคงตกลงกันอีกที ” คุณเจนพูด
“ อ่อครับ ” ผมพูด
“ แล้วนี่คอนโดคุณฉินอยู่แถวไหนคะ ” คุณเจนพูด
“ แถวสุขุมวิทครับ ” ผมพูด
“ เหรอค่ะ เหมือนเจนเลย คุณฉินอยู่ช่วงไหนค่ะเนี่ย ” คุณเจนพูด
ในขณะที่ผมกำลังจะตอบพิงค์ก็เปิดประตูเข้ามาพอดีพร้อมกับพูดว่า
“ ไปกันเลยมั้ยค่ะ พิงค์เรียบร้อยแล้ว ”
“ ก็ดีค่ะ ” คุณเจนหันไปพูดกับพิงค์
“ คุณคิวค่ะ.. ว่าไง ” พิงค์พูด
“ ไปครับ ” ไอ้คุณคิวพูด
“ ขอตัวก่อนนะคะคุณฉิน ”
คุณเจนพูดก่อนที่จะเดินตามพิงค์ออกไป ส่วนไอ้คุณคิวมันเดินมาที่ผมพร้อมกับพูดออกมาด้วยท่าทางท้าทายผมว่า
“ กันท่าผมให้ได้ตลอดนะครับ.... แต่ผมว่าคุณคงเสียท่าผมเข้าสักวัน ”
“ คงไม่หรอกครับ อย่างน้อยๆตบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดัง ” ผมพูด
“ คนอย่างผมไม่ตบมือข้างเดียวอยู่แล้ว รอดูสิครับว่าคนของคุณเค้าจะอยู่กับคุณได้ตลอดรึป่าว ” ไอ้คุณคิวพูดอย่างท้าทาย
“ คงไม่มีทางหรอกครับ ” ผมพูดอย่างพยายามระงับอารมณ์
“ ฮึฮึ... ช่วงนี้รีบเก็บเกี่ยวความสุขไว้นะครับ เพราะอีกไม่นานมันก็คง....... ” ไอ้คุณคิวยังพยายามใช้คำพูดกวนประสาทผมจนผมทนไม่ได้เลยตอกมันกลับไปทันทีว่า
“ ถ้าคุณมีความคิดชั่วๆ สงสัยเราคงร่วมงานกันไม่ได้แล้วล่ะครับ ”
“ จุ๊ๆ.... อย่าเอาเรื่องส่วนตัวไปปนกับเรื่องงานสิครับ.... มืออาชีพเค้าไม่ทำกันนะ ” ไอ้คุณคิวพูด
“ งั้นลองดูกันสักตั้งแล้วกัน.... ผมรับรองว่าฟรอยไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับคุณแน่ ” ผมพูดอย่างท้าทาย
“ ไม่ต้องท้าหรอกครับ เพราะยังไงเกมนี้... ผมก็ตั้งใจจะลงแข่งอยู่แล้ว ไปนะครับ.... โชคดี ”
ไอ้คุณคิวพูดก่อนที่จะเดินออกไป
#########################################################
ตอนต่อจากนี้พิมได้ครึ่งนึงแล้วครับ แล้วจะรีบมาต่อให้อีกนะครับ........
อย่าลืมไปทำบุญกันด้วยนะครับ......... วันพระใหญ่
ขออนุโมทนาบุญแก่ทุกท่านด้วยนะครับ
ไปแระ..... ทำงานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ