- - - - ระยะห่างของความรู้สึก - - - - ผมมาทักทาย... (1 ก.พ. 54)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - - ระยะห่างของความรู้สึก - - - - ผมมาทักทาย... (1 ก.พ. 54)  (อ่าน 65095 ครั้ง)

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
สวัสดีคนอ่านทูกๆคน.....

ทั้งคนที่เพิ่งเคยเข้ามาอ่านงานเขียนของผม...  หรือแฟนๆนักอ่านคนเก่าๆ ที่เคยอ่านเรื่องเล่าของผม

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ของผมครับ...

ต้องบอกก่อนว่างานผมค่อนข้างยุ่ง ไม่ค่อยได้มีเวลาว่างเหลือมากเท่าไหร่นัก

แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง  ผมก็จะแบ่งเวลาไว้สำหรับการพิมพ์เรื่องให้ได้อ่านกัน

สำหรับแฟนๆที่รอกันมานาน.......

วันนี้ผมเอามาลงให้แล้วนะ.....

พิมพ์เก็บไว้ในสต็อกได้ไม่เยอะเท่าไหร่

แต่ก็เอามาลงให้ได้อ่านกันซะก่อน....

กลัวว่าคนอ่านจะรอจนเบื่อ..  แล้วหนีหายกันไปซะก่อน

ถ้าได้เข้ามาอ่านกัน  ก็รบกวนรายงานตัวด้วยนะครับ.....

ดีไม่ดีอย่างไร...  ติชมกันได้เต็มที่ครับ

ผมยินดีปรับปรุงทุกข้อผิดพลาด......

อ่านกันได้เลยครับ.....
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2011 00:08:49 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
ความมหัศจรรย์ของความรู้สึก


คนสองคนนั่งรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์ป้ายเดียวกัน

หน้าปัดนาฬิกาของคนทั้งคู่บอกเวลา 22.15

หน้าจอมือถือของคนทั้งคู่บอกวันที่ 16 สิงหาคม 2551

แน่นอน...  

ทั้งคู่นั่งอยู่ภายในป้ายรถเมล์ป้ายเดียวกัน  ในวันและเวลาเดียวกัน

และทั้งคู่ก็นั่งอยู่ข้างกัน....

คุณรู้ไหม???

ความมหัศจรรย์ของความรู้สึกมันเกิดขึ้นได้อย่างไร.......



คนสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน.....

คนนึงกำลังร้องไห้เพราะสูญเสียคนที่รัก

แต่อีกคนกำลังยิ้มอิ่มเอมใจเพราะการได้รับรักตอบ......




*********************************



ใครคนนึงใช้ชีวิตอยู่ไกลถึงซีกโลกตะวันตก

คนอีกคนใช้ชีวิตอยู่ทางซีกโลกตะวันออก

ระยะห่างของคนทั้งคู่.....  ไกลเกินกว่าจะพบเจอกันง่ายๆ

แต่ทำไมใจของคนทั้งคู่ถึงส่งให้กันได้ตลอด

ความมหัศจรรย์ของความรู้สึกได้เกิดขึ้นอีกแล้ว........


**********************************

ความรู้สึกของคนเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งบนโลก

บางครั้งแม้แต่ตัวเราเองก็ยังไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้เลย

ความรู้สึกของคนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแปลงปลอมได้

หรือหากคุณจะแปลงปลอม...  

นั่นมันก็คือ   การทรยศต่อความรู้สึกของตัวเอง

เพราะคนเราก็ไม่สามารถกำหนดความรู้สึกของตัวเองได้



ความรู้สึกที่คนสองคนมีให้กัน...

ไม่ว่าจะด้วยในความสัมพันธ์ไหนๆ

ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ระยะทาง  หรือความห่างไกลของคนสองคน


หากอยู่ไกล..  แต่ใจส่งถึงกัน.....    

ระยะห่างของความรู้สึกของคนทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม...

หรือบางทีความรู้สึกของคนทั้งคู่อาจจะกำลังกอดกันอยู่ก็ได้



หรือ.......


คนสองคนอยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมมือ...  หรืออาจจะกำลังกอดกัน

แต่ภายในใจของคนทั้งคู่ไม่ได้ส่งถึงกัน

ก็เสมือน...  ตัวอยู่ใกล้ ...      แต่ใจอยู่ไกลกันจนหากันไม่เจอ.....


ระยะห่างของความรู้สึกของคนทั้งคู่.....

คงห่างกันเกินไปที่เค้าทั้งคู่จะรักกันได้


***************************************


คุณลองถามตัวเองอีกสักครั้ง..........

คนที่คุณรัก....  ไม่ว่าตัวเค้าจะอยู่ไกล...   หรืออยู่ใกล้กับคุณแค่เอื้อม


ความรู้สึกของคุณกับเค้ามีระยะห่างกันแค่ไหน???


และมันห่างกันเกินกว่าที่คุณสองคนจะรักกันรึป่าว ?


" ระยะห่างของความรู้สึก "

Ostrich

16 สิงหาคม 2551
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2010 17:50:40 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :m4: :m4: :m4: คนแรก  :m4: :m4:

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0

( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)



กรกฎาคม  1  ( -_-)*……



“ ครื้นนนน..........................  เปรี้ยงงงงง...................................... ”

“ หน้าฝนนี่มันน่าเบื่อจริงๆเว้ย....  ฝนแม่งก็ตกอยู่ได้ทุกวัน ”

เสียงฟ้าร้องและเสียงโวยวายของใครบางคนดังมาไล่เลี่ยกันจนทำให้ผมสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ

วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกของผมครับ  มันเป็นวันที่ผมตื่นเต้นที่สุดในชีวิตอีกวันนึงก็ว่าได้
เพราะมันเป็นวันที่เราได้เริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตอีกครั้งนึงหลังจากที่ผมเรียนจบมหาลัย

จากวันนี้ไปผมจะได้เจอคนใหม่ๆ  สถานที่ใหม่ๆ  บรรยากาศใหม่ๆ  และชีวิตใหม่ๆ....


เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ... คงเพราะความรู้สึกแย่ๆที่มันก่อตัวขึ้นอยู่ภายในใจผสมกับความตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น   กว่าจะหลับได้ก็ดึกเต็มที   เกือบจะตื่นไม่ทันแล้วล่ะสิ
ดีนะ... ที่เสียงฟ้าร้องมันดังมากจนทำให้ผมสะดุ้งตื่น.....

อ้อ... คงเป็นเสียงโวยวายๆนั่นด้วย  เลยทำให้ผมตื่นอย่างเต็มตา

เพราะเสียงนั้นมันดังมาจากด้านหลังห้องผมนี่แหละ...

หลังจากที่ผมเรียนจบ  ผมก็หางานทำโดยเริ่มจากการสมัครไปที่เอเจนซี่โฆษณาที่นึงซึ่งเป็นที่ที่ผมใฝ่ฝันมาตั้งแต่สมัยเรียนว่าอยากทำงานที่นี่มากๆ  เพราะเป็นเอเจนซี่โฆษณาที่ค่อนข้างมีชื่อ

ลืมบอกไปว่า.....  ผมเรียนจบสายโฆษณามาครับ  

วันที่ผมไปสัมภาษณ์งาน  ผมตื่นเต้นมากครับ
แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี  คงเพราะผมเตรียมตัวมาดีด้วย
ผมเอาแฟ้มรวบรวมผลงานที่ผมเคยทำมารวมทั้งงานใหม่ๆที่ผมคิดและรวบรวมมันไว้มาให้เค้าดู

ก็ถือว่าโชคดีครับ...  เพราะผมได้งานทำเลยหลังจากไปสัมภาษณ์
และมันก็เป็นงานที่บ่งบอกความเป็นตัวผมได้ดีที่สุด.......  ART  DIRECTOR
หรือจะเรียกให้คนทั่วไปเข้าใจง่ายๆก็คือ ครีเอทีฟโฆษณา

******************************************


หลังจากที่ผมตื่นนอนผมก็เดินไปที่ระเบียง  เอามือยืนออกไปสัมผัสกับเม็ดฝนที่มันกำลังหล่นลงมาจากฟ้าอย่างไม่คิดจะหยุด  
แค่เม็ดฝนเม็ดเล็กๆ  แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ผมรู้สึกสดชื่นได้มากขนาดนี้
คงเพราะ.. แม้ฝนแต่ละเม็ดจะเล็กแต่มันก็มีอยู่อย่างมหาศาล.... ต่างก็หล่นลงมาจากฟ้ามากมายจนนับไม่ถ้วน

ไอ้สิ่งเล็กๆนี่แหละ.... ที่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้....

ผมชอบฤดูฝนครับ  เพราะฤดูฝนเป็นฤดูที่ทำให้ผมรู้สึกชุ่มฉ่ำ
คงเพราะภายในใจของผมมันแห้งเหี่ยวเต็มที แต่ก็ได้ความชุ่มฉ่ำจากฝนนี่แหละที่มันทำให้ความเหี่ยวแห้งภายในใจผมมันลดน้อยลงไปบ้าง

ผมชอบนอนฟังเสียงฝนตก  อย่างน้อยมันก็ไม่ทำให้ผมเหงาและมันก็ยังทำให้ผมมีหวัง

ฟ้าหลังฝนไงคับ...  ที่ผมรอคอย  

ถึงแม้ว่าผมก็ไม่รู้ว่าฟ้าหลังฝนของผมมันจะสวยงามเหมือนของคนอื่นๆรึเปล่า

แต่มันก็คงยังดี  เพราะคนเราอยู่ได้ด้วยการมีความหวัง

และผมก็เช่นกัน.....


จากวันนี้ ผมจะเข้มแข็งให้มากกว่าเดิม
ผมคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว...  เพราะใจผมมันให้พี่โฟนไปเสียหมดแล้ว

พื้นที่ในใจผมไม่มีที่ว่างเหลือให้ใครอีก....

ผมคิดอะไรเพลินๆพร้อมกับยื่นมือสัมผัสเม็ดฝนอยู่ที่ระเบียงเพื่อปลุกความสดชื่นในตัวให้ตื่นขึ้นมา
แล้วผมก็ได้ยินเสียงดังมาจากให้ห้องที่มันอยู่ตรงข้ามกับระเบียงห้องผมดังออกมาอีก

“ ฮัลโหลๆ... เฮ้ยได้ยินยัง!!!.... เออเมิง... วันนี้กูไปสายหน่อยนะ  พอดีเพิ่งตื่นว่ะ....  ”

“ ฝนแม่งก็เสือกตกอยู่ได้ทุกวัน...  รถคงติดเฮี้ยๆว่ะเมิง...  กูคงเข้าสายหน่อย ”

“ กูจะรีบไปแล้วกัน... ”

“ เออ... มาแล้วเมิงก็พาเข้ามาหากูได้เลย ”

“ โอเค.. แค่นี้ๆ ”

ไอ้ห้องที่ระเบียงมันอยู่ตรงข้ามกับห้องผมเนี่ยเป็นคอนโดครับ  ท่าทางจะแพงหลายตังค์  ผมไม่มีปัญญาอยู่หรอก
ส่วนห้องผมเป็นแค่อพาร์ทเม้นธรรมดาๆ  แต่ก็นับว่าโอเคอยู่เพราะห้องก็กว้างพอสมควร
ประกอบกับมีเฟอร์นิเจอร์พร้อมในตัว....  แค่นี้ก็หรูแล้วสำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งทำงานมีเงินเดือนอย่างผม   แต่ที่มันไม่ค่อยโอเคก็คือระเบียงห้องที่แหละ  เพราะมันอยู่ใกล้กับระเบียงคอนโดห้องตรงข้ามมากเหลือเกิน  แถมยังอยู่ในระดับเดียวกันอีก  ยิ่งทำให้ความเป็นส่วนตัวมันถูกตัดทอนลงไป

หลังจากยืนชิวอยู่สักพักนึงผมก็เข้ามาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวสำหรับการไปทำงานวันแรก
พอออกมาจากห้องน้ำ  สายตาผมมันก็มองไปที่รูปถ่ายของพี่โฟนที่ผมแปะเอาไว้แบบสะเปะสะปะเอาไว้ที่ข้างฝาห้องตรงโต๊ะทำงาน


ผ่านมาแล้วกว่าเจ็ดเดือน...

แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าพี่โฟนไม่ได้ไปไหน เหมือนว่าเรายังอยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อน

ภาพทุกภาพระหว่างเรายังอยู่ในความทรงจำของผม
มันยังคงชัดเจนเสมอทุกครั้งที่ผมกลับไปนึกถึงมัน

“ พี่โฟนครับ... ผมรักพี่นะครับ... ”  ผมพูดกับตัวเองแบบนี้ทุกคืน

แม้ว่ามันอาจจะสายเกินไปที่ผมพูดคำนี้
แต่ผมก็มีความหวังอยู่เล็กๆเสมอว่า….. พี่โฟนจะได้ยินเสียงของผม

ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน...  แต่พี่ก็ได้ยินเสียงของผมใช่มั้ยครับ???


หลังจากแต่งตัวเสร็จผมก็เดินลงมาที่หน้าอพาร์ทเม้นเพื่อจะไปทำงาน
ตอนนั้นฝนยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด  ถ้าเดินไปขึ้นบีทีเอสที่อยู่ถัดไปประมาณสองป้ายรถเมล์ผมคงต้องเปียกโชกทั้งตัวแน่ๆ  ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะนั่งแท็กซี่ไป

ผมยืนรอแท็กซี่อยู่สักพัก  พอเห็นว่ามีแท็กซี่มาผมก็เลยเดินออกมาจากชายคาตึกเพื่อจะโบกแท็กซี่
แต่แล้วในตอนนั้นไอ้รถบีเอ็มที่มันวิ่งอยู่หน้าแท็กซี่คันที่ผมกำลังจะโบกมันวิ่งมาค่อนข้างเร็ว
ทำให้ล้อมันกระแทกกับหลุมตรงถนนที่มีน้ำเจิ่งนองอยู่  ทำให้น้ำกระเด็นมาโดนผมแบบเต็มๆ

ทั้งเสื้อยืดทั้งกางเกงยีนส์ตัวโปรดของผมเปียกไปหมด  แถมยังเป็นคราบด้วยเพราะน้ำมันโสสุดๆ
คงนึกภาพออกกันนะครับว่าไอ้น้ำที่มันนองอยู่บนถนนเนี่ย.. มันโสขนาดไหน
แค่เวลาเดินยังไม่อยากจะเหยียบเล๊ย....... แต่นี่.. ไอ้น้ำโสๆนั่นมันเปอระเสื้อผ้าผมไปหมด

ผมโมโหสุดๆอ่ะ... หันไปมองไอ้คนขับก็ไม่เห็นหน้ามัน  เพราะรถมันติดฟิล์มซะมืดเชียว
จำได้ก็แค่ป้ายทะเบียน....  

“ อย่าให้กูเจอตัวเมิงนะ... กูเอาเรื่องเมิงแน่ๆ.... ”

ผมมองดูสภาพตัวเองแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด  คนที่ยืนอยู่แถวๆนั้นก็มองผมด้วยความสมเพชเวทนา
บางคนก็ขำกันอย่างไม่คิดจะเกรงใจผมบ้างเลย

ผมก็เลยรีบเดินกลับขึ้นห้องด้วยความเซ็งกับความซวยที่ตัวเองเพิ่งจะได้เจอ
ซวยตั้งแต่เช้าเลยวันนี้... แล้วจะมีอะไรเจี้ยๆ... เกิดกับกรูอีกมั้ยเนี่ย........

ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร็ว.....
ผมมีเวลาเดินทางเหลือแค่ครึ่งชั่วโมงอ่ะ... กังวลสุดๆเพราะผมไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก

เฮ้อออออออ... เซ็ง   โมโหไอ้เจี้ยนั่นด้วย...  เจือกขับรถไม่สนใจคนอื่นเล๊ย....
แม่งเจี้ยจริงๆ....  คิดว่ารวยรึไง... ขับรถเจี้ยๆแบบนี้  แม่งไม่สนใจคนธรรมดาเดินถนนเลยรึไงก็ไม่รู้
รวมๆแล้ว...  ไอ้นั่นแม่งเจี้ย.....

สรุปแล้ววันแรกของการทำงาน ผมมาสายไปเกือบชั่วโมงเพราะรถติดสุดๆ  ฝนก็ตกยังกับฟ้ารั่ว

ผมเดินทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมเข้าไปในออฟฟิตและพยายามมองหาพี่บอส

“ สวัสดีคับพี่บอส ” ผมเดินเข้าไปทักทายพี่บอส

พี่บอสเป็นคนที่สัมภาษณ์ผมเองครับแล้วแกก็เป็นหัวหน้าทีมผมด้วย
พี่บอสแกนิสัยดีมากคับ แกอายุมากกว่าผม 5 ปีเองก็เลยคุยกันได้ไม่ยากนัก

“ สายตั้งแต่วันแรกเลยนะ.... ” พี่บอสพูดด้วยท่าทางที่ไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่

“ คับ... พอดีมีปัญหานิดหน่อยนะคับพี่  เลยมาสาย ” ผมพูดด้วยท่าทีเกรงใจ

“ ไม่เป็นไรหรอก... จริงๆพอทำงานที่นี่ไปได้สักพัก  จะเข้าไม่เข้าออฟฟิตที่นี่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกถ้างานเสร็จตามเวลา ”    พี่บอสพูด

“ คับ ” ผมพูด

“ ไป... พี่จะพาไปที่โต๊ะ  แล้วเดี๋ยวจะได้พาไปแนะนำกับคนอื่นๆด้วย ”
พี่บอสพูดแล้วก็พาผมไปที่โต๊ะทำงานของผมที่เค้าจัดไว้ให้

จากนั้นพี่บอสก็พาผมไปพบกับเจ้าของบริษัท

“ เฮ้ย... ยุ่งอยู่ป่าวว้ะ? ” พี่บอสพูดหลังจากที่พาผมเข้ามาในห้องทำงานของเจ้าของบริษัท

“ อ้าว... เด็กใหม่เมิงมาแล้วเหรอ? ” คนที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของบริษัทพูดทักทายกลับมา

ผมมองเค้าเต็มๆตาก็ตกใจเล็กน้อย  เพราะเค้ายังหนุ่มอยู่เลยและดูท่าจะเป็นเพื่อนกับพี่บอสด้วย
เพราะสองคนนี้ท่าทางสนิทกันมาก

“ นั่งเลยน้อง ” เจ้าของบริษัทพูดพร้อมกับผายมือไปที่เก้าอี้ให้ผมนั่งลงข้างๆพี่บอส

“ คับ... ” ผมพูดแล้วก็ลงนั่ง

“ ฟรอย... นี่พี่ฉิน  เป็นเจ้าของบริษัท ” พี่บอสพูดแนะนำ

“ เจี้ย... เมิงก็พูดซะเวอร์...  นี่มันบริษัทพ่อกูเว้ย  ไม่มีตังค์กูสักบาท ” พี่ฉินพูดกับพี่บอส

“ ครับ... ผม.. ฟรอย.. ครับ ” ผมพูดด้วยท่าทางเกร็งๆ

“ เฮ้ย... ไม่ต้องเกร็ง  สบายๆ...  ที่นี่ไม่ค่อยมีพิธีรีตองอะไรมากหรอก ” พี่ฉินพูด

“ เจ็งดีหนิ...  หน่วยก้านดี  เคยได้รางวัลมาด้วยหนิ ”
พี่ฉินพูดพร้อมกับหยิบแฟ้มผลงานของผมมาเปิดดู

“ ครับ ” ผมพูดด้วยท่าทางถ่อมตัว

“ อยู่ที่นี่ก็สบายๆนะ...  แต่ขอให้งานเจ็งอย่างเดียวก็พอ ” พี่ฉินพูด

“ เมิงพูดแบบนั้นน้องก็ยิ่งเกร็งกันพอดี ” พี่บอสพูด

“ ก็มันจริงนี่หว่า....  ” พี่ฉินพูด

“ เออๆ  งั้นกูออกไปเคลียร์งานก่อนนะ... ”  พี่บอสพูดแล้วก็เดินออกไปทิ้งผมไว้กับพี่ฉิน

“ เออ....    ส่วน.. นาย...  ก็เต็มที่แล้วกัน  ปกติผมไม่ค่อยรับเด็กจบใหม่เท่าไหร่  บริษัทผมเป็นไงคุณก็น่าจะรู้ดี ”
พี่ฉินพูด  ใช่ครับผมรู้...  ว่าบริษัทนี้มีชื่อเสียงอยู่มากทีเดียว  ติดท็อปเท็นของเอเจนซี่โฆษณาในเมืองไทยด้วย
 
เอเจนซี่นี้  พ่อพี่ฉินเป็นคนสร้างมันขึ้นมาครับ
จากเป็นเอเจนซี่เล็กๆโนเนมจนกลายมาเป็นเอเจนซี่ใหญ่ที่เป็นที่ยอมรับจากในประเทศและต่างประเทศ
เพราะผลงานของที่นี่คว้ามาหลายรางวัลแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศหรือระดับโลก

และพ่อพี่ฉินก็เพิ่งให้พี่ฉินเข้ามาดูแลบริษัทอย่างเต็มตัว  แต่ท่านก็ยังคงไม่ทิ้งไปซะทีเดียว
เพราะท่านก็ยังคอยดูแลและเป็นที่ปรึกษาของพี่ฉินอยู่

“ ครับ... ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ ” ผมพูด

“ ไม่ใช่จะทำ...  แต่นายต้องทำให้ดีที่สุดต่างหาก  สิ่งที่คุณสมควรจะรู้ก็คือเวลาเรียนกับเวลาที่ทำงานจริงหนะมันต่างกัน  เพราะแบบนี้แหละผมถึงไม่ค่อยอยากรับเด็กจบใหม่  แต่นายดูท่าหน่วยก้านดี  แล้วไอ้บอสมันก็พอใจ  ก็เลยตกลงรับนายเข้ามา ” พี่ฉินพูด

“ ครับ... ผมจะไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวังครับ ” ผมพูด

“ ก็หวังว่านายจะทำได้.. ” พี่ฉินพูด

“ ครับ ” ผมพูด

“ เห็นไอ้บอสบอกว่านายเป็นเกย์เหรอ? ” พี่ฉินถามขึ้นมาหน้านิ่งๆ  ผมก็ไม่ได้เป็นคนมีความลับอะไรมากมายแต่ก็ไม่ถึงป่าวประกาศให้ใครรู้ว่าผมเป็นเกย์

“ ครับ ” ผมพูด

“ เปิดเผยแบบนี้ไม่อายใครเค้ารึไง? ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางสงสัย

“ ก็ไม่นี่ครับ  เพราะผมก็ไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครรู้  ผมบอกแต่คนที่ผมควรจะบอกก็เท่านั้น อีกอย่างผมเป็นเกย์นะครับ.... ไม่ใช่เป็นฆาตรกรฆ่าคนตายถึงต้องไปอายใครหรือทำตัวหลบๆซ่อนๆ ”
ผมพูดไปตามที่ผมคิด

“ ผมไม่เข้าใจเลยนะว่าทำไมเดี๋ยวนี้เกย์มันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด   เป็นผู้ชายนี่มันไม่ดีนักรึไง?”
พี่ฉินพูดคล้ายจะเป็นการบ่นกลายๆ

“ เรื่องนี้ผมก็ตอบไม่ได้หรอกครับ ” ผมพูด

“ ผมบอกตามตรงนะว่าผมไม่ค่อยจะชอบพวกนี้เท่าไหร่  แต่ก็เอาเถอะ... อย่าให้มันทำให้งานเสียก็แล้วกัน  ระหว่างคุณกับผมก็คงทำงานด้วยกันได้ไม่มีปัญหานะ เพราะผมก็เป็นมืออาชีพพอ  แล้วที่นี่เค้าก็ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันอยู่แล้ว ”  พี่ฉินพูด  

ผมฟังแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ว่าทำไมเค้าต้องมาตั้งแง่กับผมด้วย  ถึงเค้าอาจจะไม่ชอบเกย์คงเพราะเคยเจอแบบที่ไม่ดีมา  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกย์จะไม่ดีเสียทุกคนไปสักหน่อย

“ ครับ... คนเราก็มีทั้งดีและไม่ดีปนกันไปแหละครับ  แล้วก็ไม่ใช่ว่าเพศจะเป็นตัวบอกว่าคนเราดีหรือไม่ดีด้วย ” ผมพูดแบบมีอารมณ์ไม่พอใจปนอยู่บ้าง

“ นายก็พิสูจน์ให้ดูสิ ”  พี่ฉินพูดอย่างท้าทาย

“ ก็คอยดูสิครับ ” ผมพูดด้วยเสียงหนักแน่น

“ นายท้าเหรอ.... ก็เอาสิ..  อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นไง ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางนึกสนุก
ภายในแววตานั้นของพี่ฉินมันเจือไปด้วยความน่ากลัวเล็กๆที่ผมก็อดใจสั่นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาไม่ได้


หลังจากจบบทสนทนา พี่ฉินก็พาผมมาที่พี่บอส

“ เดี๋ยวเมิงก็พาน้องค้าไปแนะนำด้วยแล้วกัน  เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงนึงจะได้ประชุมเรื่องงานตัวใหม่กัน  เพราะลูกค้าจะเข้ามาบรีฟงานกับทางเรา ” พี่ฉินพูดกับพี่บอส

“ โอเค.. ได้ ” พี่บอสพูด   จากนั้นพี่ฉินก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองไป

หลังจากนั้นพี่บอสก็พาผมไปแนะนำกับแผนกต่างๆในเอเจนซี่
ซึ่งเยอะจนผมจำใครไม่ได้สักคน  มันตีกันไปหมด

แล้วพี่บอสก็เริ่มขอไอเดียผม  แล้วก็โยนงานมาให้ผมคิด  
ซึ่งก็เป็นงานตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเริ่มวันที่ผมเข้ามาทำงานนี่แหละครับ


***********************************************************


ประเดิมไปก่อนสำหรับตอนแรก....

ของซาวเสียงคนอ่านกันก่อน..

ว่าเป็นไงกันบ้าง

แล้วจะแอบเอามาลงอีกนะครับ... :m23:

maabbdo

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจกรกับเรื่องใหม่น้า

 :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:

sunflower

  • บุคคลทั่วไป
^^
^^
จิ้มอ้อ

มาให้กำลังใจเรื่องใหม่จ้า  :L2: :L2:

numa6

  • บุคคลทั่วไป
น้องใหม่รายงานตัวครับ :o8:


อิอิ ได้อ่านเรื่องใหม่เย้ :oni2: สู้ๆนะค้าบ


ปล.เรื่องนี้โดนตั้งกะชื่อจิงๆคับ o13

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
มาต้อนรับเรื่องใหม่  :mc4: :mc4:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :oni2: นิยายใหม่ใสกิ๊ก

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :mc4: มาร่วมฉลองเรื่องใหม่ด้วยนะ น้องกร

ถ้าอ่านเรื่องนี้ไปนานๆ แล้วมันจะบีบคั้นอารมณ์เราอีกไม๊เนี่ยะ  o2

นิดหน่อยก็พอไหว  แต่ถ้ามากไปละก็.....ไม่พ้นต้อง  o7 :o12: อีกแน่เลยตรู

 :pig4:ขอบคุณครับ  :กอด1:ขอกอดทีนึงดิ ฮ่า ฮ่า

***มีความสุขทุกวันนะคร้าบน้องกร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






gateau

  • บุคคลทั่วไป
         :m4:

 :L2:   :L2:   :L2:

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
มาจิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม  รายงานตัวววววววววว

เย้ๆๆๆๆมาเขียนแล้ววววววววว

เข้าใจว่างานยุ่งงง   อย่าหักโหมมน้า  อิอิ :L2:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
 :mc4: :mc4: :mc4: มาฉลองเรืองใหม่ให้ กร ( ปอคนสวย )

ดีใจจัง นึกว่าจะไม่มาเขียนเรื่องใหม่ให้อ่านซะแล้ว   :L2:+1 ให้เป็นกำลังใจ

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ ระวังสุขภาพด้วย คนดี  :L2: :bye2:

Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
ชอบตั้งแต่การออกแบบชื่อกระทู้ครับ  ให้ความรู้สึกของ"ระยะห่าง"ได้ดีมาก ๆ  แล้วก็บทนำที่น่าสนใจ  คนที่อยู่ในกาลอวกาศเดียวกันทำไมถึงแตกต่างกัน  เป็นการเน้นและเกริ่นนำที่น่าสนใจดีครับ  ถามีเวลาผมจะกลับมาอ่านเนื้อเรื่องอีก  แต่ตอนนี้ขอตัวไปเล่นเกมก่อน  ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
มาแว้ววววววววววววววววววววววว

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
มาอ่านด้วยคนครับ

 :a4: :a4:

yiyo

  • บุคคลทั่วไป
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆน้า  :L2:

ออฟไลน์ MiTo™

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-1
เป็นกำลังใจให้นะครับ

 :m4:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
โย่ว รอ คนขับบีเอ็ม ออกตัว

งานนี้มีฉะ แน่ๆ 555

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ยินดีกับเรื่องใหม่ของคุณกรด้วยนะคะ

 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






gobgab

  • บุคคลทั่วไป

........มาต้อนรับเรื่องใหม่ครับ...... :mc4: :mc4:

OT

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกดีที่ได้อ่านเรื่องใหม่ซ๊าที  o13

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
มาต่อเรื่องให้แล้วครับ.....

โทษที่นะครับที่หายไปนานเลย...  คนอ่านยังตามอ่านกันอยู่มั๊ยเนี่ย...

ช่วงนี้งานเยอะมากเลยครับ...
ไม่ใช่แค่ช่วงนี้สิ...  เพราะงานมันเยอะตลอดนั่นแหละ....

แต่ผมพิมพ์เก็บสต๊อกไว้บ้างแล้วหละครับ....


ส่วนเรื่องตอบคอมเม้นคงต้องขอผลัดไปก่อนนะ...

เพราะยังไม่มีเวลาเลย  แต่ยังไงผมก็อ่านทุกเม้นอยู่แล้วครับ...

ขอบคุณนะครับที่เข้ามาอ่านเรื่องของผมกัน

ทั้งคนอ่านหน้าเก่าและหน้าใหม่เลย....

ที่แวะเวียนมาให้กำลังใจกัน...

ขอบคุณมาก... มาก... มาก....  มาก.... มาก.... ม่าก.... ม้าก...  ม๊าก... ม๋าก..... 

ค๊าบ  .............................................



( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)


กรกฎาคม 1  ( -_-) ……

วันนี้เป็นวันที่ผมตื่นสายครับ  ปกติผมไม่ใช่คนตื่นสายเลย ถึงแม้เวลาที่ผมไปเที่ยวกลับมาดึกๆ
แต่ผมก็ไม่เคยตื่นสาย  แต่วันนี้ผมดันมาตื่นสายซะได้

เพราะไอ้คนที่ย้ายมาอยู่ใหม่นั่นแหละ  ระเบียงห้องมันกับห้องผมก็ดันมาอยู่ใกล้เสียเหลือเกิน
เมื่อคืนไม่รู้ว่ามันเป็นบ้าอะไรของมัน  ไฟในห้องก็ไม่เปิด มีแค่ไฟสลัวๆมาจากในห้องสงสัยคงจะเป็นโคมไฟ 
ส่วนตัวมันเองก็ยื่นนิ่งอยู่ที่ระเบียง

ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่ามีคนยืนอยู่  เพราะห้องผมก็ปิดไฟจนหมดแล้ว
แต่มันเอามือขึ้นมาลูบที่หน้ามันผมถึงรู้ว่ามีคนยืนอยู่ตรงที่ระเบียงนั่นด้วย

ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมากเพราะว่าง่วงเต็มที
แต่สักพักนี่สิ... ไอ้นั่นมันดันร้องไห้  เสียงสะอื้นมันดังเข้ามาในห้องผมจนผมนอนไม่หลับ

ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรของมัน ผมตั้งข้อสงสัยว่ามันคงจะเลิกกะแฟนมันชัวร์ๆ
ถึงได้มายืนร้องไห้ดึกๆดื่นๆแบบนี้  จริงๆแล้วผมก็ไม่ชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นหรอก
แต่ครั้งนี้นี่มันอดไม่ได้จริงๆ  ก็มันดันมายืนร้องไห้รบกวนการนอนของผมซะนี่

กะว่าจะออกไปพูดกับมันซะหน่อยว่าให้เกรงใจกันบ้าง
แต่ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง  มันก็เดินกลับเข้าห้องมันไปซะแล้ว
ดีเหมือนกันผมจะได้นอนซะที....

นอนไปได้สักพักฝนก็ตก 
ผมละเกลียดฤดูฝนจริงๆ  หน้าฝนทำให้ผมรู้สึกเฉอะแฉะ

และที่สำคัญ... นี่เป็นความลับสุดยอดของผมเลย

ผมเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องครับ..

เหตุผลนี้แหละที่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมเป็นคนเกลียดเสียงฤดูฝน

ด้วยความรีบเพราะตื่นสาย  ตอนที่ผมขับรถมาทำงานผมก็เลยขับรถเร็วหน่อยเพราะจะไม่ทันไฟเขียวอยู่แล้ว 
ช่วงที่รถตกหลุมเลยทำให้น้ำบนถนนกระเด็นไปโดนคนที่ยืนรอรถตรงนั้นพอดี

จริงๆผมก็อยากจะลงไปขอโทษนะแต่มันรีบจริงๆ
ผมก็ได้แต่ขอโทษเค้าไปในใจ....

***************************************

เช้านี้ไอ้บอสพาเด็กใหม่มาทำความรู้จักด้วยครับ

ดูจากแฟ้มผลงานแล้วก็รายละเอียดต่างๆแล้วถือว่าดีทีเดียวครับ
ฝีมือไม่ธรรมดาเลย  แต่ผมก็ยังห่วงอยู่บ้างเพราะว่ามันเป็นเด็กจบใหม่

แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจมากในตัวน้องคนนี้ ก็คือ...  มันยอมรับว่ามันเป็นเกย์ครับ

ปกติที่ผมเห็นๆมา  ส่วนใหญ่เค้าก็ไม่ค่อยเปิดตัวกันนี่ครับ
แต่ไอ้นี่มาแปลก...

พวกเกย์นี่... ผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอกครับ
แต่จริงๆก็ไม่ถึงกลับเกลียดครับ..  แต่ก็ไม่เชิง...
ยังไงดีล่ะ...  คือผมก็ไม่ได้ขนาดว่ามองเค้าไม่ดี  แต่ผมเพียงแค่คิดว่าเค้าสร้างมาให้เป็นผู้ชายคู่กับผู้หญิงดีๆ
ไม่ชอบกันรึไง  ถึงต้องหันไปเอาผู้ชายด้วยกันเอง
อีกอย่างผู้หญิงก็ใช่ว่าจะมีน้อยเสียเมื่อไหร่....

แล้วก็มีเพื่อนผมคนนึงครับ....  เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย
แต่จู่ๆมันดันมาบอกชอบผมซะงั้น.. 

ผมก็เลยเลิกคบกับมันไปเลย...   เพราะผมรู้สึกเหมือนว่าผมถูกมันหลอกมาตลอด
ผมละเกลียดจริงๆไอ้พวกโกหกเนี่ย.....

แถมมันดันเป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดด้วยสิ

แต่พอมาเจอฟรอย...

มันดันมาบอกกันโต้งๆแบบนี้ว่ามันเป็นเกย์  ผมก็เลยงงอ่ะดิ

ภายนอกมันก็เป็นเหมือนผู้ชายทั่วๆไป หน้าตามันก็ดีซะด้วยสิ  ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นเกย์
ท่าทางผมยังจะดูสำอางกว่ามันซะอีกมั้ง

ผมยอมรับว่าฟรอยเป็นคนน่าสนใจ
แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกันไปนะครับ...  ผมยังไม่ได้เบี่ยงเบนไปเอาผู้ชายด้วยกันหรอกนะ

ผมแค่จะบอกว่า... 
การที่เราได้มาเจอคนที่ต่างกับเรามากๆทั้งในเรื่องของความคิดหรือเรื่องของความรู้สึก...
มันก็ทำให้คนคนนั้นเป็นคนที่น่าสนใจสำหรับได้ไม่ยากไม่ใช่เหรอครับ

ส่วนไอ้เรื่องนิสัยที่เหมือนกันก็พอมีอยู่บ้างครับ....
ก็ไอ้นิสัยกล้าบ้าบิ่น... ชอบท้าทายคนอื่นไง...
ที่ผมกับฟรอยมีคล้ายๆกัน.............

นี่ขนาดมาวันแรกก็ท้าทายกับผมซะแล้ว....
ไม่รู้ว่ามันลืมไปรึป่าว?????   
ว่าผมเป็นเจ้านายมัน.....

แต่ก็ดีครับ... มีไรให้สนุกให้ลุ้นดี

อย่างนี้ต้องสั่งสอนเสียหน่อย......
ทำมาเป็นเก่งดีนัก....

************************************************

เนื่องจากวันนี้มีโปรเจ็คใหม่พอดีครับ  ทีมครีเอทีฟคนอื่นก็งานล้นมือกันหมด
ผมกับบอสก็เลยคุยกันว่าจะป้อนงานนี้ให้ฟรอยเป็นคนรับผิดชอบ 
แต่ก็ให้ไอ้บอสคอยดูอยู่ด้วย  เพราะยังไม่อยากปล่อยซะทีเดียว

กว่าลูกค้าจะบรีฟงานเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองแล้ว หิวจะแย่
ก็เลยรีบลงไปกินข้าวกันแล้วก็ลากไอ้เด็กใหม่ไปด้วยถือซะว่าเลี้ยงต้อนรับก็แล้วกัน

“ กินเต็มที่เลยนะ.. อยากได้อะไรสั่งเลย...  ถือซะว่าเลี้ยงต้อนรับ ” ผมพูดกับฟรอย

“ ครับ ”  ไอ้เด็กใหม่พูด

“ ตกลงวันนี้พิ้งจะมากินด้วยกันป่ะเนี่ย? ” ไอ้บอสถาม

“ มาดิ... คงกำลังมา  เห็นบอกว่าออกไปพบลูกค้า”   ผมพูด

“  อ่อ..  มานั่นแล้วไง... ” ไอ้บอสพูดพร้อมกับพยักเพยิดไปทางพิ้งที่กำลังเดินเข้ามา

พิ้งเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนครับ  สมัยเรียนกลุ่มผมมีกันอยู่ห้าคนครับ
พอเรียนจบไอ้บอสกับพิ้งก็มาทำงานอยู่ที่บริษัทพ่อผมนี่แหละ
ส่วนอีกสองคนที่เหลือไปต่อโทที่อังกฤษครับ

“ รอนานมั้ย... โทษทีนะที่มาสาย ” พิ้งพูดด้วยท่าทางยิ้มแย้มที่หนุ่มๆเห็นแล้วต้องอดที่จะละสายตา
ออกจากเธอไม่ได้  และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

“ ไม่เป็นไร.. นี่ก็เพิ่งมากันเอง ” ไอ้บอสพูด

“ นี่บริษัทฉินใช้งานพิ้งหนักไปรึป่าว ? ” ผมพูด

“ ไม่หรอกจ้า... ทำงานมันก็หนักทั้งนั้นแหละ  คิดอะไรมาก ” พิ้งพูด

“ หนักเกินไปก็บอกกันนะ.. ” ผมพูด

“ จร้า... ” พิ้งพูดพร้อมกับยิ้มตามสไตล์ของเธอ

“ กินไรสั่งเลย.. อ่ะนี่ ” ผมพูดพร้อมกับยื่นเมนูอาหารให้พิ้ง

“ จร้า... แล้วนี่พาหนุ่มที่ไหนมาด้วยเนี่ย ? ” พิ้งรับเมนูไปพร้อมกับถามขึ้นมา

“ เด็กใหม่หนะ... เพิ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก...  จริงๆต้องถามไอ้บอสโน่น.. เด็กปั้นมัน ”
ผมพูดและพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้บอสที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“ น้องเค้าชื่อฟรอย.. บอสเห็นว่าหน่วยก้านดีเลยรับเข้ามาทำงาน ” ไอ้บอสพูด

“ฝีมือท่าจะไม่ธรรมดานะเนี่ย.... ถึงถูกใจบอสได้…..” พิ้งพูดด้วยท่าทางยิ้มแย้มกับไอ้เด็กใหม่

“ก็ไม่หรอกครับ...  แค่ ....  น่าจะพอทำงานได้ ” ฟรอยพูดด้วยความถ่อมตัว

“ถ่อมตัวจังเรา.. แล้วนี่ชื่อไรจ๊ะ” พิ้งพูด

“ฟรอยครับ... ” ฟรอยพูดด้วยท่าทางขัดเขินเล็กๆ 
นี่ถ้ามันไม่บอกว่ามันเป็นเกย์นะ  ผมคงฉุนมันไปแล้วแน่ๆ

“พี่... พี่พิ้งนะ... มีไรก็คุยกันได้ พี่ทำในส่วนของA.E.นะ เดี๋ยวทำงานไปคงได้ร่วมงานกัน” พิ้งพูด

“ก็โปรเจ็คใหม่นี่ไง.... ของบริษัท............. ........    ฉินให้ฟรอยดูแลงานนี้” ผมพูด

“ โห... ไม่ใช่ย่อยๆแล้วนะเนี่ย... ได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ขนาดนี้ ” พิ้งพูด

ไอ้เด็กใหม่ก็ได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก  มองดูแล้วก็ตลกดีเฮอะไอ้นี่

“ไม่หรอกมั้งครับ” ไอ้เด็กใหม่พูดอย่างถ่อมตัวอีกครั้ง

“ก็คงยังให้บอสมันช่วยดูด้วย...  แต่นายก็น่าจะทำได้อยู่แล้วแหละ.. จริงม่ะ?  ”
ผมแกล้งพูดสำทับไอ้เด็กใหม่ดู

“ครับ.... ถ้าพี่เชื่อใจผมขนาดนี้ผมก็จะทำให้ดีที่สุดครับ” ไอ้เด็กใหม่พูดอย่างมั่นใจ...
อย่างนี้สิถึงจะสนุก   ผมคิดในใจพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก

“ เอ๊ะ... มีการท้าทายอะไรกันรึป่าวเนี่ย?...” พิ้งพูดออกมาตามประสาคนรู้ทันพร้อมกับหันหน้าไปมา
อย่างหาคำตอบ

“อันนี้ก็ต้องถามไอ้ตัวดีเธอดูแล้วหละ... เพราะบอสไม่รู้เรื่อง” ไอ้บอสพูด

“ไม่มีไรหรอก... แค่กิจกรรมรับน้องใหม่หนะ” ผมพูดพร้อมกับจ้องหน้าไอ้เด็กใหม่
ท่าทางงานนี้สนุกแน่  ไอ้เด็กใหม่ก็ไม่มีท่าทีจะหลบสายตาผมซะด้วย

“ระวังว่าจะเสียรู้เด็กนะฉิน... เดี๋ยวจะหาว่าพิ้งไม่เตือน” พิ้งพูดด้วยท่าทางล้อเลียน

“อย่างงี้ยิ่งต้องคอยดู” ผมพูดอย่างท้าทาย

ไอ้เด็กใหม่นี่ท่าจะผยองไม่น้อยเลย  มันยังนั่งไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด...

**********************************************

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

.........จะรอต่อเน้อ......... :a2: :a2:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับผม ชอบมากๆเลยครับ

สนุกดีครับผม แล้วเป็นกำลังใจให้ครับ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

yiyo

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจัง มาต่อแล้ว

เราชอบพลอตเรื่องนี้นะคะ

อ่านแล้ว น่าลุ้นดี

แล้วจะรอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆน้า   :กอด1:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
 :teach: สนุกแน่ แค่เริ่มต้น มาติดตามกับเรื่องสนุก ๆ ของกรต่อนะ

ไอ้การท้าทายกันในตอนแรก จะกลายเป็น .... ในตอนท้ายหรือเปล่า มาลุ้นกันต่อไปดีกว่า

ไม่ได้คาดเดา เพียงแต่คาดการณ์เอาไว้เฉย ๆ   :o8:

เป็นกำลังใจให้กร นะครับ ขอให้สนุกกับงานที่ทำ และรักษาสุขภาพด้วยนะครับ  :L2: :bye2:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ให้อิมเมจคล้าย ๆ เรื่องผู้หญิงเลี้ยวซ้ายผู้ชายเลี้ยวขวาเลย

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
มาอ่านต่อละครับ ตอนแรกงง

อ้อ คนละคนนั่นเองเหอะๆ

ต่างคนต่างเเรง งานนี้หนุกแน่นอน

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)


ฤดูฝน...      รักคนเพศเดียวกัน  ( -_-)* ……


มาทำงานวันแรกพี่เค้าก็มอบหมายให้เลย  มันเร็วเกินไปมั้ยเนี่ย???

หลังจากออกมาจากออฟฟิศผมก็ออกมานั่งรับลมอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ๆอพาร์ทเม้นท์ของผม
ก็ยังดีครับที่แถวๆนี้มีสวนสาธารณะให้นั่งรับลมรับอากาศบริสุทธิ์บ้าง
ขอนั่งเล่นสักพักก่อนกลับเข้าห้องก็แล้วกัน  เดี๋ยวต้องกลับไปคิดงานอีก

“คิดถึงพี่โฟนจัง... ” ผมบ่นกับตัวเอง

ความอ่อนแอ...  อ่อนไหว...  และโดดเดี่ยว กัดกร่อนจิตใจผมอีกครั้ง

ถ้าวันนี้มีพี่โฟนอยู่ด้วยก็คงดี  ดูๆแล้วชีวิตทำงานในกรุงเทพนี่มันก็เหงาเหมือนกันนะ
เช้าตื่นมาทำงาน  เลิกงานก็กลับมาพักผ่อนหรือทำงานที่ค้างอยู่

พอเช้าก็ต้องรีบตื่นไปทำงาน..

ไม่ได้มีโอกาสได้พบเจอเพื่อนเก่าเท่าไหร่นัก  ยิ่งเรื่องไปเที่ยวนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย


“ เหงาจัง..... ถ้าพี่โฟนอยู่ผมคงไม่เหงาแบบนี้ ” ผมพูดพร้อมกับเงยหน้ามองฟ้าที่ไร้แสงดาว

จู่ๆภาพของพี่ฉินก็โผล่ขึ้นมา

ผมก็พอจะเข้าใจเค้าอยู่บ้างหรอกนะว่าพี่เค้าอาจจะเคยเจออะไรไม่ดีเกี่ยวกับเกย์มา
แต่พี่ผมไม่ชอบก็อีตรงที่พี่เค้าเอามาเหมารวมว่าเกย์ไม่ดีไปเสียหมดนี่แหละ
แถมยังมาท้าทายผมอีก  อย่างนี้แหละดีจะได้รู้ๆกันไปเลยว่าไอ้ที่เค้าคิดหนะมันไม่ใช่

ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนรู้สึกได้ว่าละอองฝนหล่นลงมากระทบใบหน้า
เพียงไม่นาน   ฝนก็ค่อยๆตกลงมาอย่างหนักยังกับฟ้ารั่ว
ผมก็เลยรีบวิ่งเข้าไปหลบฝนที่ศาลาใกล้ๆ เพราะกลัวว่าของในกระเป๋าจะเปียกฝนเสียหมด

ช่วงที่วิ่งเข้าไปหลบฝนผมก็เห็นมีคนวิ่งเข้ามาหลบที่นี่เหมือนกันแต่ผมก็ไม่ได้สนใจมอง
เพราะมัวแต่รีบวิ่งหลบฝนให้ทัน แต่ก็แอบแปลกใจเหมือนกันว่านี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว
ยังมีคนมาออกกำลังกายอีกเหรอ

ผมเลือกที่จะยืนหลบฝนตรงมุมด้านในและก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัสกับเม็ดฝนด้านนอกศาลา
ทุกครั้งที่ฝนตกผมจะคิดถึงพี่โฟนเสมอ  และภาพความทรงจำระหว่างเราก็ค่อยปรากฏในความทรงจำของผม
อีกครั้ง ก่อนที่จะมีเสียงมารบกวนความคิดของผม

“ฮัลโหล... ว่าไงครับพิ้ง” 

“ยังไม่ได้กลับเลย ฉินยังอยู่ที่สวนอยู่เลย... ฝนตกด้วยเนี่ยะ...”

ผมได้ยินประโยคนี้ก็เลยต้องหันไปมองในทันที
พอหันไปก็เห็นพี่ฉินยืนคุยโทรศัพท์อยู่ซึ่งก็น่าจะเป็นพี่พิ้งเพราะผมได้ยินพี่เค้าเรียกชื่อ

ผมแอบแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมพี่เค้ามาวิ่งออกกำลังกายที่สวนนี้
หรือว่าบ้านเค้าคงจะอยู่แถวนี้ ? 

พี่ฉินใส่กางเกงผ้าร่มขาสั้นสีน้ำเงินกับเสื้อโปโลสีขาวสะอาด
ทั้งเสื้อและตามตัวรวมถึงใบหน้าปียกชุ่มซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นเหงื่อหรือน้ำฝนกันแน่

ผมมองพี่เค้าอยู่สักพักด้วยตั้งใจว่าจะทักทายตามมารยาท  แต่พี่เค้าก็ไม่ได้หันมาทางผมเลย
มัวแต่คุยโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนผมอดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่าพี่ฉินกับพี่พิ้งเค้ามีความสัมพันธ์กันเกินเพื่อน
รึป่าว? 

แต่ผมก็เลิกสนใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม

“คงรอฝนหยุดก่อนแล้วค่อยกลับ... ฉินไม่ชอบเล๊ยหน้าฝนเนี่ย?? ”

ได้ยินประโยคนี้ผมก็แอบคิดในใจ....

คนเรานี่มันต่างกันจริงๆเลยนะ...

เพราะผมนี่หละ...  ที่ชอบหน้าฝนมากที่สุด

“ ค๊าบ...    ค๊าบ....  แล้วพิ้งล่ะถึงบ้านยัง ?...  อ่อ...  ค๊าบ...  ได้ค๊าบ... ”

หูผมก็ยังได้ยินบทสนทนาเกินเพื่อนระหว่างพี่ฉินกับพี่พิ้งอย่างช่วยไม่ได้


หลังจากที่ผมเลิกสนใจพี่ฉินที่ยังคุยโทรศัพท์อย่างยิ้มแย้ม

สักพัก.... 

“ชอบเล่นน้ำฝนเหรอนายหนะ... ”
เสียงพี่ฉินพูด  ซึ่งก็น่าจะพูดกับผมนะเพราะในศาลาก็มีกันอยู่แค่สองคน

ผมก็เลยหันหน้ากลับไปที่พี่เค้าทั้งๆที่มือผมก็ยังยื่นออกไปสัมผัสกับเม็ดฝนที่หล่นลงมาไม่ขาดสาย

“ครับ...”   ผมพูดพร้อมกับแฝงรอยยิ้มเล็กๆด้วยรู้ว่าพี่เค้าไม่ชอบหน้าฝน

“ทำตัวเป็นเด็กไปได้” พี่ฉินพูดคล้ายจะหวังตำหนิการกระทำของผม

“มีใครบอกเหรอครับ...  ว่าโตแล้วจะเล่นน้ำฝนไม่ได้” ผมพูด

“ก็ไม่มีหรอก...  แต่แค่ผู้ใหญ่เค้าไม่ค่อยทำกัน” พี่ฉินพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

“งั้นผมก็ไม่ใช่คนแปลก” ผมพูด

“ โอเคๆไม่เถียงแล้ว... แล้วนี่มาทำไรแถวนี้... บ้านอยู่แถวนี้เหรอ?? ” พี่ฉินถามอย่างแปลกใจ

“ อ่อ... ครับ  พี่ก็อยู่แถวนี้เหรอ?  ” ผมพูดพร้อมกับถามกลับไปตามมารยาท

“ อืม... ใช่ ” พี่ฉินพูด


“เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง.............................................. ”

ฟ้าร้องเสียงดังลั่น... 

ทันใดนั้นพี่ฉินก็เขยิบเข้ามายื่นใกล้ๆผมด้วยท่าทางหวั่นๆ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าพี่เค้ากลัวเสียงฟ้าร้อง 
แต่มันก็ไม่น่าจะใช่นะเพราะพี่เค้าตัวก็ออกจะใหญ่  ท่าทางก็ดูเป็นคนแข็งๆกล้าๆ
ไม่น่าจะกลัวเสียงฟ้าร้อง  แต่ก่อนที่ผมจะแกล้งถามพี่เค้าออกไป...

พี่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า

“นั่งกันเหอะ...  ฝนคงตกอีกนาน”

ผมก็เลยลงนั่งด้านในศาลาส่วนฉินก็นั่งลงข้างๆผม  ซึ่งผมก็อดแปลกใจไม่ได้ที่พี่เค้านั่งชิดกับผมเกินไป 
เพราะที่มันก็มีตั้งกว้าง

“นั่งชิดจัง... ไหนว่าไม่ชอบเกย์..  พี่ไม่กลัวผมทำไรพี่เหรอ? ” ผมพูดด้วยท่าทางกวนๆ

“พี่รู้ว่านายไม่กล้า...”   พี่ฉินพูดอย่างมั่นใจหรือปลอบใจตัวเองก็ไม่ทราบ

“ โห... ทำเป็นท้า...  แต่ผมก็ไม่ทำไรพี่หรอก...   พี่ไม่ใช่เป็คผมซะหน่อย ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี

“ถ้าเป็คแล้วนายจะทำรึไง...  พวกเกย์นี่แม่งน่ากลัวจริงๆว่ะ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางขยาด
แต่ก็ไม่ได้เขยิบออกห่างผมเลยนะ

“ พี่ก็เวอร์ไป... ผมก็พูดไปงั้นแหละ...  พี่คิดว่าเวลาที่เกย์เจอคนถูกใจนี่มันจะจับปล้ำกันเลยรึไง?”
ผมพูดอย่างตั้งใจประชด

“จะไปรู้เหรอ... ไม่ได้เป็นหนิ..  อีกอย่างที่เห็นๆมาก็น่ากลัวทั้งนั้น ” พี่ฉินพูด

“ ไอ้ที่เห็นๆมาหนะ... แบบไหน? ” ผมถามอย่างนึกอยากรู้จริงๆทั้งที่ปกติผมก็ไม่ค่อยชอบอยากรู้เรื่องของคนอื่นสักเท่าไหร่

“ก็สมัยที่พี่เรียนมัธยมปลาย... มีเพื่อนสนิทในกลุ่มพี่อยู่คนนึง มันกับพี่นี่สนิทกันมากเลยนะ เรียกได้ว่ามีอะไรก็คุยกันตลอด.. ไปเที่ยวด้วยกันเรียนพิเศษด้วยกันตลอด...  เฮไหนเฮนั่นตลอด   จนมาถึงวันที่พวกพี่เรียนจบ...
วันนั้นไปกินเหล้าฉลองกัน.. มันคงเมาหนักด้วยแหละ...  มันดันมาบอกพี่ว่ามันอ่ะ..ชอบพี่   ชอบมานานแล้ว ” 
พี่ฉินพูด

“ แล้วพี่ทำไงอ่ะ... ” ผมถาม

“ พี่ก็ถามมันว่า... มันเป็นเกย์เหรอถึงมาชอบผู้ชายด้วยกัน มันก็ยอมรับกับพี่ว่ามันเป็น... แต่มันก็ไม่เคยไปยุ่ง
กับใคร  เพราะมันรอพี่คนเดียว  ตอนแรกพี่ก็สองจิตสองใจว่ายังจะคบกับมันเป็นเพื่อนรึป่าว....  แต่พี่มาหมด
ความลังเลตอนที่มันสารภาพออกมาว่า...  มันเคยลักหลับพี่...  พี่รู้แบบนั้นนะพี่เลยต่อยมันไปทีนึง.... ” พี่ฉินพูด

“ เฮ้ยพี่... ไมรุนแรงแบบนั้นอ่ะ” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ

“ ก็มันโมโหนี่หว่า.... มันแม่งเฮี้ยอ่ะ.... ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางแข็งกร้าว แต่ผมก็แอบเห็นความสั่นไหวเล็กๆ
ภายในดวงตาของพี่เค้า ผมรู้ว่าพี่เค้าคงรักเพื่อนคนนี้มากถึงได้โมโหมากขนาดนี้

“เป็นเกย์มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไรสักหน่อย... คนเราต่างหากที่ไปทำให้มันดูเลวร้าย”
ผมพูด

“นายก็ต้องรู้สึกแบบนี้ดิ... เพราะนายเป็นหนิ” พี่ฉินพูด

“ไม่เกี่ยวสักหน่อย...  เมื่อก่อน....  ผมก็ไม่ได้เป็นเกย์หรอก... ”  ผมพูดเสียงแผ่วเบาพร้อมกับมองออกไป
ที่ผืนน้ำด้านหน้า มองเห็นวงน้ำที่มันค่อยๆขยายวง  ใหญ่ขึ้น...   ใหญ่ขึ้น....   จากแรงตกกระทบของเม็ดฝน

“มีแบบนี้ด้วยเหรอ...  ยังไงอ่ะ... ไม่เข้าใจ.. ”
พี่ฉินพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผมด้วยความหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
 
“ผมเป็นเกย์ก็เพราะผมมามีแฟนเป็นผู้ชาย..”  ผมพูดเสียงเรียบ 
ในตอนนั้นใบหน้าพี่โฟนและเรื่องราวของเราก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิดของผม

“งั้นก็แสดงว่าก่อนหน้านั้นนายมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อนเหรอ? ”  พี่ฉินถามอย่างใคร่รู้

“ ครับ... ” ผมพูด

“ นายนี่ก็แปลกคน... มีแฟนเป็นผู้หญิงดีๆไม่ชอบดันอยากมีแฟนเป็นผู้ชาย ” พี่ฉินพูด

“ พี่ไม่ใช่ผม.. พี่จะมาคิดแทนผมไม่ได้หรอก  ถ้าพี่เจอกับตัว.... พี่จะรู้ ” ผมพูดคล้ายจะเป็นการท้าทาย
อย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ ไม่มั้ง... เพราะพี่ไม่คิดจะชอบผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว ” พี่ฉินพูดด้วยท่าทางมั่นใจ

“ ฮึ.. ฮึ..  เมื่อก่อนผมก็คิดแบบพี่นี่แหละ .... ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปที่ชายคาศาลาเพื่อจะเอามือสัมผัส
กับเม็ดฝน

“ นายนี่ถ้าจะชอบหน้าฝนจริงๆเฮอะ... ”  พี่ฉินพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆอีกครั้งผมก็เลยหันมายิ้มให้พี่เค้าบ้าง
ก่อนที่จะพูดว่า

“ พี่พูดอย่างกับว่าพี่เกลียดหน้าฝนอย่างงั้นแหละ... ”

“ ก็ใช่อ่ะดิ... หน้าฝนหนะเฉอะแฉะ... จะไปไหนทำอะไรก็ลำบาก.... ” พี่ฉินพูด

“ พี่มองอะไรด้านเดียวรึป่าว?...  พี่อย่าลืมนะ....  ว่าทุกอย่างมันมีสองด้านเสมอ.... ” ผมพูด
พี่ฉินก็นิ่งไปคล้ายกำลังนึกถึงสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไป

“ แล้วด้านดีของหน้าฝนคืออะไร?? ” พี่ฉินพูดด้วยหน้าฉงน

“ พี่ลองมายืนตรงนี้ดิ.... ”  ผมพูด 
พี่ฉินก็ลุกขึ้นและเดินมายืนข้างๆผมอย่างว่าง่าย

“ ยังไง?? ” พี่ฉินยังทำหน้างงอยู่   

ผมก็เลยเอามือผมที่เปียกน้ำฝนมาเช็ดกับกางเกงก่อนที่เอามือไปบีบๆกดๆดูๆ ที่ต้นคอของพี่ฉิน
พี่ฉินก็มีท่าทางขัดขืนเล็กน้อย  ผมก็เลยบอกว่า

“ อยู่นิ่งๆน่า....  ผมไม่ทำไรพี่หรอก... ”  พี่แกก็เลยอยู่นิ่งๆพร้อมกับจ้องหน้าผมเขม็งเลย
แกคงงงหละ.. ว่าผมจะทำอะไร

“ โห... เส้นพี่ตึงเชียว ” ผมพูดหลังจากเอามือไปบีบๆกดๆที่ต้นคอและบ่าของพี่ฉินดู

“ แล้วไง?.. ” พี่ฉินยังงงกับสิ่งที่ผมทำ

“ อ่ะ.....  ที่นี้พี่หลับตา.....  แล้วก็แบมือมา ” ผมพูด

“ นายจะทำไรเนี่ย?? ” พี่ฉินพูดพร้อมกับแสดงท่าทีว่าจะไม่ร่วมมือ

“ เหอะน่า...  บอกแล้วไงผมไม่ทำไรพี่หรอก... ” ผมพูดเสียงนุ่ม 
 
พี่ฉินก็เลยทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่ายหรือทำเพราะตัดรำคาญก็ไม่รู้

จากนั้นผมก็เอามือพี่ฉินยื่นออกไปสัมผัสกับเม็ดฝน 
พี่ฉินก็ทำตามและยืนหลับตานิ่ง  ผมจึงพูดออกมาว่า
 
“ ทำใจสบายๆนะพี่.... เรื่องงานหนะ..  พักเอาไว้ก่อน ”

หลังจากนั้นสักพักใหญ่ ผมก็เลยเอามือไปบีบๆกดๆตรงต้นคอแล้วก็บ่าของพี่เค้าดู

“ เห็นม่ะ... ผ่อนคลายขึ้นตั้งเยอะ... ” ผมพูดหลังจากเห็นความเปลี่ยนแปลง

“ เออ... จริงด้วย  พี่รู้สึกมันโล่งๆพิกล  ” พี่ฉินพูดอย่างแปลกใจพร้อมกับรอยยิ้มกว้างหลังจากที่ลืมตาขึ้นมา

“ เห็นม่ะ... พี่อ่ะชอบมองอะไรด้านเดียว  สิ่งดีๆที่อยู่อีกด้านนึงของสิ่งที่พี่เกลียดหนะ...มันยังมีอีกเยอะ... 
เปิดใจให้กว้างแล้วลองกลับไปมองมันใหม่...  พี่จะเห็นสิ่งดีๆอีกเยอะเลยรู้ป่ะ... ”
ผมพูด

“ อืม..... ” พี่ฉินพูดนิ่งๆคล้ายกับคิดอะไรในใจ

********************************************

“ นี่ก็ดึกแล้วนะ... ยังไม่กลับอีก  เดี๋ยวแฟนนายก็รอแย่หรอก ” พี่ฉินพูดขึ้นตอนช่วงที่ฝนเริ่มซาพอดี

“ แฟนผมเค้า....  ไม่ได้...  อยู่กับผม ” ผมใจสั่นไหวทุกครั้งที่จะต้องพูดประโยคนี้ 
พี่ฉินก็คงจับความรู้สึกผมได้ไม่ยาก

“ ทำไมล่ะ??...  เลิกกันแล้วเหรอ??.... ” พี่ฉินถามอย่างสงสัย


ผมนิ่งไปเพียงเพราะไม่อยากที่จะตอกย้ำความรู้สึกตัวเองอีกครั้งว่าให้ยอมรับความจริง...


“ คงจะเลิกกันแล้วล่ะสิ...  รู้ม่ะ... นี่เป็นอีกอย่างนึงที่ทำให้พี่ไม่ชอบพวกเกย์...  รักเร็วรักง่าย... 
แถมยังเลิกกันง่ายอีก...  ไม่กลัวโรคกันเลยรึไงพวกนี้... ” พี่ฉินพูดหน่ายๆ

“ ฮึ.. ฮึ...  นิสัยแบบเนี้ย... ไม่ใช่เป็นแต่เกย์หรอกครับ...  ผู้ชายรึผู้หญิงเค้าก็เป็นกัน ” 
ผมพูดอย่างนึกโมโห

“ เอ๊า... แล้วอย่างงั้นเพราะอะไรนายถึงเลิกกับแฟนล่ะ ” พี่ฉินพูด

“ เราไม่ได้เลิกกัน....  เพียงแต่ว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วเท่านั้นเอง ” ผมพูดเสียงดังคล้ายจะเป็นการตอกย้ำ
ตัวเอง... ผมรู้สึกใจหายจัง
พี่ฉินก็ทำหน้างงกับสิ่งที่ได้ยินจากปากผม  ผมก็เลยพูดตัดบทออกไปว่า

“ ฝนซาแล้ว...  ผมกลับก่อนนะ... ” ผมพูดแล้วก็เดินออกมาจากศาลาโดยที่ไม่สนใจว่าพี่ฉินจะพูดอะไรอีก

“ เฮ้ยเดี๋ยวดิ.... ” พี่ฉินวิ่งตามผมออกมาและหยุดอยู่ตรงหน้าขวางทางผมไว้

“ อะไรอีกล่ะพี่...  ” ผมพูดอย่างเริ่มนึกรำคาญ

“ อย่างเพิ่งกลับดิ ” พี่ฉินพูด

“ นี่มันเวลาเลิกงานแล้วนะครับเจ้านาย.... ผมขอเวลาเป็นส่วนตัว ” ผมพูดพร้อมกับทำท่าจะเดินหลบพี่ฉิน
เพื่อจะกลับห้อง  เพราะความรู้สึกแย่ๆที่มันอัดอั้นในใจมันใกล้จะระเบิดออกมาเต็มที

“ เดี๋ยวๆ... ที่นายพูดหมายความว่าไงอ่ะ...  เรื่องแฟนนายหนะ ” พี่ฉินพูด

“ พี่จะมาอยากรู้เรื่องผมทำไมเนี่ย...  มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงานซักหน่อย ” ผมพูด

“ ก็แค่ไม่อยากมองอะไรด้านเดียวเหมือนอย่างที่นายว่าไง?.... ทีนี้จะบอกได้ยังว่าทำไมเลิกกัน ”
พี่ฉินพูด

ผมถอนหายใจยาวๆหนึ่งครั้งก่อนที่จะเอามือชี้ขึ้นไปบนฟ้า... พี่ฉินก็มองตามมือผมที่ชี้ขึ้นไปด้วยความไม่เข้าใจ  ผมจึงพูดว่า

“ แฟนผมเค้าอยู่บนนั้นหนะครับ...  เราก็เลยไม่ได้อยู่ด้วยกัน ”

ทันทีที่ผมพูดจบ  ผมเห็นแววตาที่สั่นไหวของพี่ฉินที่มองมาที่ผม
ผมรู้... พี่เค้าคงคิดว่าไม่น่ามาซักไซร้ผมเลย....
ผมก็เลยบอกพี่เค้าไปว่า

“ ไม่เป็นไรหรอกครับพี่.... ” ผมพูดด้วยเสียงสั่นๆก่อนที่จะเดินออกมาจากพี่เค้า


***********************************************************************


เม็ดฝนที่สร่างซาในตอนแรกกลับโหมกระหน่ำกันร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าอีกครั้ง


น่าแปลก......


คนทั้งคู่.....


ไม่มีใครคิดจะวิ่งหลบฝน.........

**************************************************

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด