ทักทายทุกคนนะครับ.....
เอาเรื่องมาต่อให้ครับตามคำสัญญา ตอนนี้ผมจะมีให้อ่านทั้งสองภาคนะครับ คือภาคของฉินและภาคของฟรอย
ภาคของฉินผมเพิ่งพิมพ์เสร็จสดๆร้อนๆเลยครับ อ่านกันไปก่อนนะ ส่วนภาคของฟรอยกำลังจะพิมพ์ต่อครับ
เชิญทัศนาครับ......................
*****************************************************************************
( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)
หนึ่งปี.... ที่มาถึง ( -_-)ผมนอนไม่ค่อยหลับมาหลายวันแล้วครับ ผมรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร แม้เหตุการณ์เลวร้ายนั่นจะผ่านมาเกือบปีแล้ว ที่ผ่านมาสภาพจิตใจผมดีขึ้นเยอะครับ แต่มันก็ยังไม่หายไปซะทีเดียว
หลายคนมักพูดกับผมว่า เรื่องราวมันผ่านไปแล้ว ผมเป็นคนที่ยังอยู่ ยังต้องใช้ชีวิตต่อไป
ดังนั้นผมควรเข้มแข็ง แล้วสักวันความรู้สึกแย่ๆนี้ก็จะเจือจางไปเอง
เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกผมมันดีขึ้น ผมเข้มแข็งและยอมรับความเป็นจริงได้มากขึ้น
แต่แล้ว.... ความรู้สึกแย่ๆนั่นก็กลับมาอีกครั้งครับ ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้น มันค่อยๆกลับมาในห้วงความคิดผมอีกครั้ง
มันกลับมาอย่างห้ามไม่ได้ จะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นครับ เพราะคงไม่มีใครหนีใจของตัวเองพ้น
คงไม่แปลก... ที่ภาพและความรู้สึกเหล่านั้นจะกลับมา
พรุ่งนี้แล้วสินะ.............. ครบหนึ่งปี ของเหตุการณ์คืนนั้น
จิตใจผมอยู่ไม่สุขจนไม่สามารถข่มตานอนเพื่อผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้ ผมเอื้อมไปเปิดโคมไฟที่ข้างหัวเตียงและยันกายลุกขึ้นมา
ผมควานหากุญแจดอกที่ผมแทบจะไม่เคยหยิบมันมาเป็นเวลาเกือบปี
ผมปัดฝุ่นออกจากกุญแจดอกนั้นก่อนที่จะค่อยๆไขประตูห้องนอนที่ผมไม่เคยเข้ามานับจากวันนั้นผมมองดูรอบๆห้องอย่างพินิจ ทุกอย่างยังคงเดิมเหมือนตอนที่ฉายยังอยู่
หลังจากวันที่ฉายจากไป ผมมักจะเข้ามาในห้องนี้เป็นประจำ ตอนนั้นผมหลอกตัวเองว่าฉายไปเที่ยวในที่ไกลแสนไกล และไม่นานฉายก็จะกลับมา แต่ความจริงก็ย้ำเตือนไม่ให้ผมหลอกตัวเองได้อีก ผมจึงตัดสินใจไม่เข้ามาในห้องนี้อีก
ผมหยุดยืนที่หน้าชั้นวางหนังสือพร้อมกับมองไปที่รูปตรงหน้า
“ หนึ่งปีแล้วนะ.... ที่นายจากพี่ไป ”
ผมรู้สึกใจหายทุกครั้งที่ต้องยอมรับกับความจริงว่า “ ฉาย ” ไม่อยู่กับเราแล้ว
“ มันเป็นเพราะพี่เอง พี่.... ขะ...ขอโทษนะ ” ผมพูดพร้อมกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
ผมทรุดกายลงกับพื้น ผมไม่สามารถเผชิญกับสายตาของฉายได้ สายตาที่เต็มไปด้วยความฝัน
สายตาที่ขี้เล่นและอิ่มเอมไปด้วยความสุข ฉายฝันว่าอยากเป็นนักบิน ฉายเป็นเด็กช่างฝันคนนึง
ฉายชอบเล่นบาส ผนังในห้องของฉายเต็มไปด้วยภาพเครื่องบิน ภาพของนักบาส หรือแม้แต่แป้นบาส ฉายเอามาตั้งไว้ในห้อง ผมหยิบลูกบาสที่เรามักจะใช้เล่นด้วยกันมาถือไว้ในมือ สภาพของมันยับเยินไม่น้อยจากการใช้งาน ผิวโดยรอบเต็มไปด้วยร่องรอยขีดข่วนของเศษกระจกจากเหตุการณ์คืนนั้นที่กลับมาจากการเล่นบาสด้วยกัน
ร่างกายของผมสั่นเทา.........................................
“ ฉาย.... พี่ขอโทษ ”
น้ำตาของผมไหลอาบสองแก้ม จิตใจของผมไม่ได้เข้มแข็ง ผมยังคงอ่อนแอ
ทำไมถึงไม่เป็นผมที่จากไป แม้ผมจะยังมีลมหายใจแต่ผมก็เหมือนกับคนที่ตายทั้งเป็น
ทั้งหวาน.... ทั้งฉาย......... คนที่ผมรักมากทั้งสองคนต้องจากไปเพราะความประมาทของผม
ผมไม่เพียงพรากลมหายใจของคนที่ผมรัก แต่ผมได้ทำลายความฝันของพวกเค้าด้วย
หวานฝันว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตต......... ฝันนั้นกำลังจะเป็นจริง
แต่ผมก็ทำลายมันสียจนหมดสิ้น................
ผมไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้อีก ผมปล่อยมันออกมาทั้งหมด
ทั้งความรู้สึกผิด ความรู้สึกเสียใจ ความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดที่มันเกาะแน่นอยู่ในใจของผม
ผมพูดคำว่า “ ขอโทษ ” นับครั้งไม่ถ้วน ทั้งที่ไม่รู้ว่าเค้าทั้งสองคนได้ยินรึป่าว....................
ท้องฟ้าในค่ำคืนของฤดูหนาวสว่างโล่งไม่มีเมฆมาบดบังความสวยงามของดวงดาวนับล้านที่ส่องสว่างรายล้อมดวงจันทร์กลมโตสีเหลืองทอง
เมื่อไหร่กันนะ..... ที่จิตใจของผมจะไร้ความขุ่นมัวเหมือนกับท้องฟ้าในคืนนี้บ้าง
ผมเอามือปาดคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนบนหน้า ท้องฟ้าที่สายตาของผมกำลังเพ่งมองอยู่นั้นทำให้ผมนึกถึงคำพูดของฟรอยในวันนั้น วันที่ผมถามถึงคนรักของฟรอย ฟรอยเงยหน้าขึ้นทอดสายตามองไปบนท้องฟ้าและชี้ขึ้นไปบนนั้นพร้อมกับพูดว่า
“ คนรักของผมเข้าอยู่บนนั้นครับ เราเลยไม่ได้อยู่ด้วยกัน ”
ความรู้สึกที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คงไม่ได้ต่างไปจากความรู้สึกของฟรอย
ความรู้สึกของความสูญเสีย.................
แต่คงต่างกันตรงที่ ความรู้สึกสูญเสียของผมที่เกิดขึ้นนี้ มันเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวผมเอง
ผมปล่อยใจตัวเองให้ล่องลอยไปตามที่มันอยากจะไป ขณะนั้นผมเหมือนกับไม่รู้สึกถึงสิ่งต่างๆรอบตัว เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ไม่ไกลคงดังมาได้สักพัก เพียงแต่ผมเพิ่งจะสติรับรู้ถึงสิ่งรอบตัว
สายตาผมมองไปยังต้นเสียงสะอื้นนั่น เสียงนั้นดังมาจากห้องฝั่งตรงข้าม
ฟรอย..............................
เสียงสะอื้นนั่นเป็นเสียงของฟรอย ในตอนนั้นผมรู้สึกตกใจว่าทำไมฟรอยถึงร้องไห้ และใครเป็นคนทำให้ฟรอยเสียน้ำตา เสียงสะอื้นนั่นมันต้องมาจากความเจ็บปวดที่แสนสาหัส
ใครเป็นคนทำให้ฟรอยเสียใจขนาดนั้น
“ ฟรอย........... เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรฟรอย ????? ” ผมตะโกนไปยังห้องตรงข้ามด้วยความตกใจและว้าวุ่น
สิ้นเสียงตะโกนของผมไปสักพักก็ยังไม่มีการตอบรับใดๆกลับมา ผมเพ่งมองหาฟรอยที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวจากโคมไฟภายในห้อง ผมเห็นร่างของฟรอยนั่งคุดคู้อยู่ที่ตรงมุมมืดริมระเบียง
ร่างกายของฟรอยสั่นด้วยแรงสะอื้น
................ ฟรอยเป็นอะไรกัน ทำไมถึงร้องไห้หนักขนาดนั้น .........................
“ ฟรอย........ ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ ฟรอยเป็นอะไร ทำไมร้องไห้ ” ผมตะโกนออกไปอย่างร้อนรน
แม้ผมจะตะโกนอะไรไปก็ไม่มีคำพูดสักคำตอบกลับมา มีเพียงแต่เสียงสะอื้นที่ดังออกมาเท่านั้น
ผมเก็บความร้อนรนเอาไว้ไม่ไหว จนต้องตะโกนกลับไปอีกครั้งว่า
“ งั้นเดี๋ยวไปหาที่ห้องนะ ”
ผมพูดแล้วรีบหันหลังจะเดินเข้าห้อง ฟรอยก็ตะโกนตอบกลับมาด้วยเสียงปนสะอื้นว่า
“ ผมไม่เป็นไร.... พี่ไม่ต้องมานะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ” ฟรอยพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง
ผมชั่งใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี จะไปหาคืนนี้เลยหรือว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอย่างที่ฟรอยบอก
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปที่ห้องนอนตัวเอง พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำบุญแต่เช้า ฟรอยคงไม่อยากจะคุยอะไรในตอนนี้
ความรู้สึกของผมตอนนี้ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยที่จะรับรู้อะไรเท่าไหร่นัก
แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าฟรอยเป็นอะไร.......... มีอะไรเกิดขึ้นกับฟรอย.......
แล้วทำไมผมถึงไม่รู้................ มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่..............................
หลังจากที่ฟรอยกลับมาจากเหนือครั้งนั้น ผมรู้สึกได้ว่าฟรอยแปลกๆไป ฟรอยไม่ค่อยมาอยู่กะผม
บางครั้งเหมือนฟรอยพยายามจะเลี่ยงๆหรืออยู่ห่างๆผม ผมพยายามรบเร้าถามฟรอยหลายครั้ง
แต่ฟรอยก็จะบอกว่าไม่มีอะไร ทุกครั้งหลังจากที่ผมถามไปแบบนั้น ฟรอยก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งดูภายนอกก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรจริงๆ แต่ทุกครั้งที่ผมมองสายตาฟรอย ผมรู้และแน่ใจว่าฟรอยต้องมีอะไรในใจ ฟรอยดูเหมือนเป็นคนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ผมไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น ไม่รู้ว่าไอ้คิวมันทำอะไรหรือพูดอะไรรึป่าว แต่มาคิดอีกทีก็คิดว่าคงไม่ใช่ เพราะฟรอยก็ดูจะระวังตัวเองจากไอ้นั่น แล้วตกลงฟรอยเป็นอะไรไปกันแน่
ที่ผ่านมาผมพยายามเก็บความสงสัยเอาไว้ เพราะไม่อยากเซ้าซี้ฟรอย พยายามบอกตัวเองว่า สักวันฟรอยคงพูดมันออกมาเอง
แต่มาตอนนี้.... ผมคิดว่ามันน่าที่จะมีอะไรมากมายแน่ๆ เสียงสะอื้นนั่นของฟรอยยังก้องอยู่ในหูผม
พรุ่งนี้ผมจะต้องคุยกับฟรอยให้รู้เรื่องซะที.......................
ผมเผลอหลับไปทั้งๆในใจยังคงมีความขุ่นมัวและสับสน......
###########################################################################