- - - - ระยะห่างของความรู้สึก - - - - ผมมาทักทาย... (1 ก.พ. 54)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - - ระยะห่างของความรู้สึก - - - - ผมมาทักทาย... (1 ก.พ. 54)  (อ่าน 65712 ครั้ง)

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ผมว่้่าต้อง........แน่ๆเลย (เดา)
มาต่อเร็วๆก็ดีนะคับ  :serius2:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :L2:
ความผิดในอดีตกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอกครับ
ว่าแต่....อย่าทำผิดซ้ำซากอีกในปัจจุบันก็แล้วกัน
เพราะมันยากเกินที่จะให้อภัยกันได้


 :pig4: ไอ่ปลากรอบของ???ครายก็ไม่รู้ ฮ่าฮ่า
+1 ให้นะ....เจ้าแห้ง(กินข้าวเยอะๆดิ)หุหุ  :L1:

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
แวะมาทักทายคร้าบบบบบบบ.....

จะบอกว่าช่วงนี้งานยุ่งมากๆครับ  แล้วก็ผมเป็นไข้ด้วย  เสียยังไม่ได้พิมพ์เรื่องเลยครับ

ไม่ต้องตกใจกันไปนะครับ เรื่องนี้ผมยังเล่าต่อแน่นอนไม่ได้หายไปไหนครับ

รู้ว่าตอนที่แล้วทิ้งระเบิดก้อนใหญ่ไว้ให้ฮ่าๆๆๆๆ

รอกันหน่อยนะคร้าบ.... อย่าเพิ่งหายไปไหนกันนะครับ

 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :z1:


เออ.......ไอ่ปลากรอบ

 :m11:

ออฟไลน์ εїзป่วงน้อยεїз™

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ดีค่าพี่กร เป็นไข้นี่หายรึยังอ่ะคะ(อย่าลืมทานยานะคะ เดี๋ยวเป็นหนักเน้อ)
ยิ่งช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่า+เป็นห่วง(อย่างห่างๆ)นะคะ ^o^
Ps.ย่องออกจากกระทู้.....ฟิ้ววววว~

patz

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเป็นกำลังใจให้ด้วยคนครับ  :L2:

unseen

  • บุคคลทั่วไป
หายป่วยไวๆนะคะ
 :L2: :L2: :L2: :L2: ^^

เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากเลยค่ะ :o8:

OT

  • บุคคลทั่วไป
เป็นงัยบ้างงงงง..ต่อไว ๆ นะ

Akad3ar

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2: :serius2: ซีเครียดและๆ



กรี๊ดๆๆๆ ในที่สุดก็ได้เม้น 555+

ตามพี่กรมาจากเรื่องที่แล้ว

รักพี่มากเลย (เฮ้ยย อีนี่ยังไง) เป็นแฟนคลับ 555+

คิดถึงๆ



สนุกมากๆเลย เรื่องนี้แบบ ทั้งPlot เรื่อง ปม มันแบบ โดน

พี่เขียนดีอ่ะค่ะ ชอบภาษาเขียนพี่

อ่านแล้วได้อะไรจากมันเยอะ พี่เก่ง  o13

อืม ก็หวังไว้นะ ว่าเรื่องนี้จะจบแบบแฮปปี้

ไม่รู้สิ รู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นได้ 555+ (อีนี่คิดไปถึงตอนจบ)


 คิดถึงพี่กรนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2010 02:44:09 โดย Akad3ar »

patz

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีปีใหม่ครับ


ว่างแล้วอย่าลืมมาต่อด้วยนะครับ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
ชะแว๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



แอบมาทักทายคร้าบ  แล้วก็มาสวัสดีปีใหม่ด้วยเลยครับ

อาจจะช้าไปหน่อยนะ  แต่อย่าว่ากันเลยครับ   อย่างน้อยผมก็มาด้วยใจและอวยพรจากใจจริง


ปีใหม่นี้ไปไหนกันมาบ้างครับ  แวะมาทักทายบอกเล่ากันหน่อยนะ....  รอเวลาผมพิมเรื่องใหม่กัน.....


ปีใหม่นี้  อยากได้ไรกันบ้่างครับ  แต่สงสัยจะหลายความหวังแฮะ

เอางี้ละกัน...... 


ใครอยากได้ไร  หลับตานะครับ   แล้วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองปรารถนา



                                                                                        และ..............................





















------------------------------------------ สมหวังนะคร้าบ ----------------------------------------------------


ปีใหม่แล้ว  ตั้งใจว่าจะไม่ดองเรื่องอีกแล้วครับ  เพราะดูเหมือนมีเรื่องใหม่จะมาเล่า  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

อย่าเพิงเบื่อหรือรำคาญกันนะคร้าบ  เพราะดูเหมือนว่าผมจะเข้ามาบอกหลายทีแระว่าจะไม่ดองเรื่องไว้อีก  แต่สุดท้ายก็เห็นดองทุกที  ฮ่าๆๆๆ




คราวนี้เอาจริงแล้วครับ   

รับรองว่าคุนอ่านจะได้รับรู้ทุกรส........... อย่างที่มันควรจะเป็น



Enjoy .... ครับ






Ostrich..

6/01/53

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
เป็นกำลังใจให้ไร้ท์เตอร์ค่า ดองได้ แต่อย่าเค็มมากนะคะ อิอิ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
 :z13: พี่กร..
เพิ่งรู้ว่ามีเรื่องนี้อ่ะ มัวแต่ไปอ่านเรื่องในห้องนู้นอยู่ 555
ลางเศร้าลอยมาแต่ไกล  พี่อย่าทำให้นู๋น้ำตาร่วงอีกนะ
ม่ายหวายยยจะเคลียยยยร์ :laugh:
รออ่านตอนต่อไปนะคร้า :L1:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
สวัสดีปีใหม่ครับ มีความสุขมาก ๆ

สัญญาแล้วน่ะครับ ว่าจะขยัน ๆ มากกว่าปีที่ผ่านมา

เป็นกำลังใจให้เสมอ ๆ  สุขภาพแข็งแรง อย่าเจ็บ อย่าจน ครับ กรคนดี :กอด1:

patz

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเป็นกำลังใจอีกรอบครับ

 :L2:

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

รอ

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
ทักทายทุกคนนะครับ.....

เอาเรื่องมาต่อให้ครับตามคำสัญญา  ตอนนี้ผมจะมีให้อ่านทั้งสองภาคนะครับ  คือภาคของฉินและภาคของฟรอย


ภาคของฉินผมเพิ่งพิมพ์เสร็จสดๆร้อนๆเลยครับ   อ่านกันไปก่อนนะ  ส่วนภาคของฟรอยกำลังจะพิมพ์ต่อครับ



เชิญทัศนาครับ......................


*****************************************************************************





( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)






หนึ่งปี.... ที่มาถึง   ( -_-)





ผมนอนไม่ค่อยหลับมาหลายวันแล้วครับ  ผมรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร  แม้เหตุการณ์เลวร้ายนั่นจะผ่านมาเกือบปีแล้ว ที่ผ่านมาสภาพจิตใจผมดีขึ้นเยอะครับ แต่มันก็ยังไม่หายไปซะทีเดียว

หลายคนมักพูดกับผมว่า เรื่องราวมันผ่านไปแล้ว  ผมเป็นคนที่ยังอยู่  ยังต้องใช้ชีวิตต่อไป  
ดังนั้นผมควรเข้มแข็ง  แล้วสักวันความรู้สึกแย่ๆนี้ก็จะเจือจางไปเอง

เมื่อเวลาผ่านไป  ความรู้สึกผมมันดีขึ้น  ผมเข้มแข็งและยอมรับความเป็นจริงได้มากขึ้น

แต่แล้ว....  ความรู้สึกแย่ๆนั่นก็กลับมาอีกครั้งครับ  ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้น  มันค่อยๆกลับมาในห้วงความคิดผมอีกครั้ง  

มันกลับมาอย่างห้ามไม่ได้  จะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นครับ  เพราะคงไม่มีใครหนีใจของตัวเองพ้น

คงไม่แปลก...  ที่ภาพและความรู้สึกเหล่านั้นจะกลับมา

พรุ่งนี้แล้วสินะ..............  ครบหนึ่งปี  ของเหตุการณ์คืนนั้น





จิตใจผมอยู่ไม่สุขจนไม่สามารถข่มตานอนเพื่อผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้  ผมเอื้อมไปเปิดโคมไฟที่ข้างหัวเตียงและยันกายลุกขึ้นมา  

ผมควานหากุญแจดอกที่ผมแทบจะไม่เคยหยิบมันมาเป็นเวลาเกือบปี
ผมปัดฝุ่นออกจากกุญแจดอกนั้นก่อนที่จะค่อยๆไขประตูห้องนอนที่ผมไม่เคยเข้ามานับจากวันนั้นผมมองดูรอบๆห้องอย่างพินิจ  ทุกอย่างยังคงเดิมเหมือนตอนที่ฉายยังอยู่  

หลังจากวันที่ฉายจากไป ผมมักจะเข้ามาในห้องนี้เป็นประจำ  ตอนนั้นผมหลอกตัวเองว่าฉายไปเที่ยวในที่ไกลแสนไกล  และไม่นานฉายก็จะกลับมา  แต่ความจริงก็ย้ำเตือนไม่ให้ผมหลอกตัวเองได้อีก  ผมจึงตัดสินใจไม่เข้ามาในห้องนี้อีก

ผมหยุดยืนที่หน้าชั้นวางหนังสือพร้อมกับมองไปที่รูปตรงหน้า

“ หนึ่งปีแล้วนะ.... ที่นายจากพี่ไป ”
ผมรู้สึกใจหายทุกครั้งที่ต้องยอมรับกับความจริงว่า “ ฉาย ” ไม่อยู่กับเราแล้ว

“ มันเป็นเพราะพี่เอง  พี่.... ขะ...ขอโทษนะ ” ผมพูดพร้อมกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

ผมทรุดกายลงกับพื้น  ผมไม่สามารถเผชิญกับสายตาของฉายได้  สายตาที่เต็มไปด้วยความฝัน
สายตาที่ขี้เล่นและอิ่มเอมไปด้วยความสุข  ฉายฝันว่าอยากเป็นนักบิน  ฉายเป็นเด็กช่างฝันคนนึง
ฉายชอบเล่นบาส  ผนังในห้องของฉายเต็มไปด้วยภาพเครื่องบิน  ภาพของนักบาส  หรือแม้แต่แป้นบาส  ฉายเอามาตั้งไว้ในห้อง  ผมหยิบลูกบาสที่เรามักจะใช้เล่นด้วยกันมาถือไว้ในมือ  สภาพของมันยับเยินไม่น้อยจากการใช้งาน ผิวโดยรอบเต็มไปด้วยร่องรอยขีดข่วนของเศษกระจกจากเหตุการณ์คืนนั้นที่กลับมาจากการเล่นบาสด้วยกัน

ร่างกายของผมสั่นเทา.........................................


“ ฉาย.... พี่ขอโทษ ”

น้ำตาของผมไหลอาบสองแก้ม  จิตใจของผมไม่ได้เข้มแข็ง ผมยังคงอ่อนแอ  
ทำไมถึงไม่เป็นผมที่จากไป  แม้ผมจะยังมีลมหายใจแต่ผมก็เหมือนกับคนที่ตายทั้งเป็น

ทั้งหวาน....  ทั้งฉาย.........  คนที่ผมรักมากทั้งสองคนต้องจากไปเพราะความประมาทของผม

ผมไม่เพียงพรากลมหายใจของคนที่ผมรัก แต่ผมได้ทำลายความฝันของพวกเค้าด้วย

หวานฝันว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตต.........  ฝันนั้นกำลังจะเป็นจริง

แต่ผมก็ทำลายมันสียจนหมดสิ้น................

ผมไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้อีก  ผมปล่อยมันออกมาทั้งหมด
ทั้งความรู้สึกผิด ความรู้สึกเสียใจ ความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดที่มันเกาะแน่นอยู่ในใจของผม

ผมพูดคำว่า “ ขอโทษ ” นับครั้งไม่ถ้วน  ทั้งที่ไม่รู้ว่าเค้าทั้งสองคนได้ยินรึป่าว....................








ท้องฟ้าในค่ำคืนของฤดูหนาวสว่างโล่งไม่มีเมฆมาบดบังความสวยงามของดวงดาวนับล้านที่ส่องสว่างรายล้อมดวงจันทร์กลมโตสีเหลืองทอง

เมื่อไหร่กันนะ..... ที่จิตใจของผมจะไร้ความขุ่นมัวเหมือนกับท้องฟ้าในคืนนี้บ้าง  

ผมเอามือปาดคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนบนหน้า  ท้องฟ้าที่สายตาของผมกำลังเพ่งมองอยู่นั้นทำให้ผมนึกถึงคำพูดของฟรอยในวันนั้น  วันที่ผมถามถึงคนรักของฟรอย  ฟรอยเงยหน้าขึ้นทอดสายตามองไปบนท้องฟ้าและชี้ขึ้นไปบนนั้นพร้อมกับพูดว่า

“ คนรักของผมเข้าอยู่บนนั้นครับ  เราเลยไม่ได้อยู่ด้วยกัน ”

ความรู้สึกที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คงไม่ได้ต่างไปจากความรู้สึกของฟรอย


ความรู้สึกของความสูญเสีย.................

แต่คงต่างกันตรงที่    ความรู้สึกสูญเสียของผมที่เกิดขึ้นนี้  มันเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวผมเอง


ผมปล่อยใจตัวเองให้ล่องลอยไปตามที่มันอยากจะไป  ขณะนั้นผมเหมือนกับไม่รู้สึกถึงสิ่งต่างๆรอบตัว  เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ไม่ไกลคงดังมาได้สักพัก  เพียงแต่ผมเพิ่งจะสติรับรู้ถึงสิ่งรอบตัว

สายตาผมมองไปยังต้นเสียงสะอื้นนั่น  เสียงนั้นดังมาจากห้องฝั่งตรงข้าม



ฟรอย..............................




เสียงสะอื้นนั่นเป็นเสียงของฟรอย  ในตอนนั้นผมรู้สึกตกใจว่าทำไมฟรอยถึงร้องไห้  และใครเป็นคนทำให้ฟรอยเสียน้ำตา  เสียงสะอื้นนั่นมันต้องมาจากความเจ็บปวดที่แสนสาหัส

ใครเป็นคนทำให้ฟรอยเสียใจขนาดนั้น

“ ฟรอย........... เป็นอะไร   ร้องไห้ทำไม   ใครทำอะไรฟรอย ????? ”  ผมตะโกนไปยังห้องตรงข้ามด้วยความตกใจและว้าวุ่น

สิ้นเสียงตะโกนของผมไปสักพักก็ยังไม่มีการตอบรับใดๆกลับมา  ผมเพ่งมองหาฟรอยที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวจากโคมไฟภายในห้อง  ผมเห็นร่างของฟรอยนั่งคุดคู้อยู่ที่ตรงมุมมืดริมระเบียง

ร่างกายของฟรอยสั่นด้วยแรงสะอื้น  




................ ฟรอยเป็นอะไรกัน  ทำไมถึงร้องไห้หนักขนาดนั้น .........................




“ ฟรอย........  ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ  ฟรอยเป็นอะไร ทำไมร้องไห้ ”  ผมตะโกนออกไปอย่างร้อนรน

แม้ผมจะตะโกนอะไรไปก็ไม่มีคำพูดสักคำตอบกลับมา มีเพียงแต่เสียงสะอื้นที่ดังออกมาเท่านั้น

ผมเก็บความร้อนรนเอาไว้ไม่ไหว  จนต้องตะโกนกลับไปอีกครั้งว่า

“ งั้นเดี๋ยวไปหาที่ห้องนะ ”  
ผมพูดแล้วรีบหันหลังจะเดินเข้าห้อง  ฟรอยก็ตะโกนตอบกลับมาด้วยเสียงปนสะอื้นว่า

“ ผมไม่เป็นไร....  พี่ไม่ต้องมานะ  ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ”  ฟรอยพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง

ผมชั่งใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี  จะไปหาคืนนี้เลยหรือว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอย่างที่ฟรอยบอก

สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปที่ห้องนอนตัวเอง พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำบุญแต่เช้า  ฟรอยคงไม่อยากจะคุยอะไรในตอนนี้  
ความรู้สึกของผมตอนนี้ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยที่จะรับรู้อะไรเท่าไหร่นัก  

แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าฟรอยเป็นอะไร..........   มีอะไรเกิดขึ้นกับฟรอย.......  

แล้วทำไมผมถึงไม่รู้................  มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่..............................


หลังจากที่ฟรอยกลับมาจากเหนือครั้งนั้น  ผมรู้สึกได้ว่าฟรอยแปลกๆไป  ฟรอยไม่ค่อยมาอยู่กะผม
บางครั้งเหมือนฟรอยพยายามจะเลี่ยงๆหรืออยู่ห่างๆผม  ผมพยายามรบเร้าถามฟรอยหลายครั้ง
แต่ฟรอยก็จะบอกว่าไม่มีอะไร ทุกครั้งหลังจากที่ผมถามไปแบบนั้น  ฟรอยก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม  ซึ่งดูภายนอกก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรจริงๆ  แต่ทุกครั้งที่ผมมองสายตาฟรอย  ผมรู้และแน่ใจว่าฟรอยต้องมีอะไรในใจ  ฟรอยดูเหมือนเป็นคนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา  ผมไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น  ไม่รู้ว่าไอ้คิวมันทำอะไรหรือพูดอะไรรึป่าว  แต่มาคิดอีกทีก็คิดว่าคงไม่ใช่  เพราะฟรอยก็ดูจะระวังตัวเองจากไอ้นั่น  แล้วตกลงฟรอยเป็นอะไรไปกันแน่


ที่ผ่านมาผมพยายามเก็บความสงสัยเอาไว้ เพราะไม่อยากเซ้าซี้ฟรอย  พยายามบอกตัวเองว่า  สักวันฟรอยคงพูดมันออกมาเอง

แต่มาตอนนี้....  ผมคิดว่ามันน่าที่จะมีอะไรมากมายแน่ๆ  เสียงสะอื้นนั่นของฟรอยยังก้องอยู่ในหูผม




พรุ่งนี้ผมจะต้องคุยกับฟรอยให้รู้เรื่องซะที.......................





ผมเผลอหลับไปทั้งๆในใจยังคงมีความขุ่นมัวและสับสน......





###########################################################################
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2010 19:59:12 โดย OsTrich »

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
ทักทายไรทเตอร์ก่อน สวัสดีค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่านเป็นครั้งแรก

ชอบเรื่องนี้มาเลย ทั้งโครงเรื่องและสำนวน

ตัวละครน่ารักโดยเฉพาะนายฟรอยด์ ทั้งน่ารักน่าสงสาร

ลงชื่อติดตามเรื่องนี้ด้วยคนน๊า


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
อ่านตอนนี้แล้ว ขอให้น้องฟรอยกับพี่ฉินก้าวผ่านอุปสรรคของปมในอดีตไปด้วยกันได้ทีเถิด

ยินดีที่มาต่อนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
แวะมาทักทายครับ....

สำหรับภาคของฟรอย  จริงๆว่าจะลงตั้งแต่เมื่อคืน  แต่เห็นว่ายังไม่ค่อยมีคนได้อ่านภาคของฉินเลย

ผมก็เลยเก็บไว้ก่อนครับ.........  

เมื่อไหร่ ที่คุณ broke-back กับคุณ wan  เข้ามาอ่านแล้วเม้นเมื่อไหร่

ผมค่อยลงต่อ



ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ล้นเล่นนะ.... จริงๆผมยังพิมพ์ไม่เสร็จครับ  ตอนนี้ท่าทางจะยาวหน่อย....  พิมพ์ซะจนปวดหัวเลยครับ


รีบๆมาอ่านแล้วเม้นด้วยนะ




Enjoy....




ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ฟรอยรู้แล้วสิ...เรื่องมันเศร้า

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8

ออฟไลน์ OsTrich

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-0
เอาเรื่องมาลงให้อ่านต่อครับ

เพิ่งพิมพ์เสร็จเรียบร้อย  ตอนนี้เป็นอีกตอนที่พิมพ์ด้วยความรู้สึกอึดอัดๆ

จะยังไง......

เชิญทัศนาครับ..............

***************************************************************************



( -_-)* ระยะห่างของความรู้สึก ( -_-)



หนึ่งปี.... ที่มาถึง   ( -_-)*


ข่มตานอนยังไงมันก็ไม่ยอมหลับ.....


จะหลับได้ยังไง.....  เมื่อใจมันว้าวุ่นขนาดนี้.............






“ หนึ่งปีแล้วนะครับ.........  ที่เราจากกัน...........”

“ หลายเดือนที่ผ่านมา  ในใจผมอาจจะมีใครอยู่อีกคน...  แต่พี่ยังอยู่ในใจผมเสมอนะ ”

ผมพูดกับรูปภาพตรงหน้าซึ่งเป็นภาพของคนที่เป็นรักแรกของผม
แม้ว่าวันนี้เค้าจะไม่ได้อยู่กับผมแล้ว  แต่สายตาในรูปนั่นที่มองมายังผม  ผมรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงและความรักที่เค้ามีต่อผม

และวันพรุ่งนี้...  


                          “ หนึ่งปีที่ลมหายใจของเราพรากจากกัน ”  


สามร้อยหกสิบห้าวันที่ไม่มีลมหายใจนั้นพรมรดที่หน้าผาก.....  ที่ข้างแก้ม....  ที่ปลายจมูก

ของผม...............


แต่ในใจ......  เราก็ยังคงจะมีกันตลอดไป




ลมหายใจและกายของเราอาจพรากจากกัน  แต่ความรู้สึกที่ส่งถึงกัน  ไม่มีใครมาพรากได้

ใช่มั้ยครับ......  พี่โฟน


“ ผมคิดถึงพี่จัง ”

เสียงสั่นเครือของผมที่ดังออกมาพร้อมกับใจที่สั่นไหวและดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา


“ พี่ก็คิดถึงผมเหมือนกันใช่มั้ย ??? ”


“ ใช่มั้ยครับ ???? ”


คนนึงถาม.......................     ถาม.................................................  

แต่ไม่มีเสียงตอบ

มันบอกให้รู้ว่าเค้าไม่ได้อยู่ตรงหน้า.......................



บางครั้งความจริงก็เป็นเหมือนมืดแหลมคมที่ถูกความรู้สึกของตัวเราเองหยิบมันมาแทงลงที่กลางอก  ปักคาอยู่อย่างนั้นจนเลือดไหลจนแทบจะหมดกาย


“ ผมเจ็บครับ ”  
ผมพูดพร้อมกับหันร่างที่สั่นเทาออกจากรูปของคนตรงหน้า


ผมเคยคิดที่อยากจะเป็นคนที่ความจำเสื่อม  ผมไม่อยากจำเรื่องราวอะไรได้อีก  ผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บ  


ความรู้สึกของคนเราก็เหมือนดาบสองคม...............  

บางครั้งมันก็ทำให้เราสุข...   สุขสูงสุด  สุขแบบที่ไม่มีอะไรจะมาเปรียบได้

แต่บางครั้งมันก็ทำให้เราทุกข์....  และทุกข์สูงสุดเช่นกัน  ทุกข์อย่างที่ไม่คิดว่าครั้งนึงเราจะทุกข์ได้มากขนาดนี้


ทุกครั้งที่ผมทุกข์.....  ทุกข์เพราะความรู้สึก   ผมจะปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา

น้ำตา...  อาจไม่ได้ช่วยคลีคลายอะไร  แต่มันเป็นตัวปลดปล่อยความรู้สึกทุกข์ของผม



เมื่อความรู้สึกมันถูกปลดปล่อยออกมา  สติก็จะเข้ามามากขึ้น  และเราก็จะผ่านเรื่องราวร้ายๆไปได้เอง

แต่ตอนนี้สติของผมคงยังไม่มีมากพอ  ผมถึงรู้สึกเสียใจได้มากมายขนาดนี้  ร่างกายและจิตใจของผมกำลังอยู่เหนือการควบคุม

ผมกำลังโหยหาคนที่เค้าจากผมไปแล้ว

มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว......  ที่เราจะได้เจอกัน


ผมปล่อยให้ร่างกายสั่นเทาด้วยความเสียใจ  ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอย่างที่มันอยากจะไหล


ภาพพี่โฟนที่นอนนิ่งสนิทไร้การเคลื่อนไหว......  และไร้ซึ่งลมหายใจ
ร่างกายพี่โฟนเต็มไปด้วยบาดแผล  พี่โฟนคงเจ็บ...  คงทรมานมาก........
มากเสียจนพี่โฟนไม่มีแรงที่จะหายใจ

ร่างที่ซืดเซียวอันไร้ซึ่งลมหายใจบนเตียงสีขาว  เป็นภาพสุดท้ายของพี่โฟนที่ผมได้เห็น

ผมพยายามจะลืมภาพนั้น  เพราะมันเป็นภาพที่เตือนให้ผมรู้และยอมรับความจริงว่าพี่โฟนไม่มีลมหายใจแล้ว

ผมอยากจะลืม......................   ลืม................................................

ผมอยากจะจดจำภาพสุดท้ายเป็นภาพที่เรามีความสุขกัน  

.............................. ภาพของรอยยิ้ม

................................... ภาพสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใย

.................................................... ความอบอุ่นของกายที่เคยสัมผัสกัน

.............................................................. แรงสัมผัสของลมหายใจที่เคยรินรดบนใบหน้าของผม


ขอเพียงเท่านี้ที่ผมอยากจะจดจำไว้นึกถึงเมื่อยามที่เราจากกัน  ไม่ใช่แบบนี้.....

เดิมทีผมแค่อยากให้เราจากกันแค่กาย..... ด้วยเหตุผลที่ผมไม่สามารถมองข้ามไปได้

แต่ไม่ใช่ให้เราพรากจากกันทั้งกายและลมหายใจแบบที่เป็นอยู่นี้


จิตใจของผมล่องลอยไร้ที่ยึดเหนี่ยวไปไกลแสนไกล  ผมทรุดกายลงที่ริมระเบียงและปล่อยความรู้สึกเสียใจทั้งหมดออกมา  ผมไม่สามารถห้ามเสียงสะอื้นของตัวเองไว้ได้ จนพี่ฉินออกมาได้ยิน  เสียงที่ตะโกนอยู่นั่นมันเต็มไปด้วยความร้อนรนและเป็นห่วง

ผมรู้.......................................



เพียงแต่ผมยังไม่อยากจะอธิบายอะไรตอนนี้

หลังจากที่ผมกลับมาจากภาคเหนือครั้งนั้น จิตใจผมวุ่นวายไปหมด  สิ่งที่พี่คิวเล่าให้ผมฟังคืนนั้น มันเหมือนจะทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่มันก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นมามากมาย

คำถามที่ผมรู้ว่ามันมีคำตอบ  แต่มันยังไม่ถึงวันที่คำตอบนั้นจะเผยตัวออกมา

ผมพยายามคาดเดา  คิด  และวิเคราะห์ไปต่างๆนานา  ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมตอบออกมามันถูกต้องรึป่าว
เพราะคนที่รู้คำตอบก็ไม่เฉลย  บอกเพียงให้รอเวลา  

รอวันที่คำถามนี้จะถูกเฉลยออกมาเอง



พรุ่งนี้แล้วสินะครับ..............

ที่ผมจะรู้ซะที........................................






ผมส่องกระจกดูตัวเองก่อนออกจากห้อง  ตาของผมบวมมาก  ถ้าพี่ฉินเห็นคงต้องถามผมยกใหญ่แน่ๆ  สงสัยวันนี้คงต้องคุยกันอีกยาว  

วันนี้ที่บ้านพี่ฉินก็จะทำบุญให้น้องชายและแฟนเก่าของพี่ฉินด้วยเหมือนกัน  ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ว่าคนรักของเราทั้งคู่เสียชีวิตในวันเดียวกัน  บังเอิญดีนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้บอกให้พี่ฉินรู้หรอกครับว่ามันเป็นแบบนั้น  ผมแทบจะไม่เคยเล่าเรื่องพี่โฟนให้พี่ฉินฟังเลยครับ

พี่ฉินพยายามรบเร้าให้ผมไปทำบุญกับพี่ฉินด้วย  เพราะว่าพี่ๆที่บริษัทหลายๆคนที่สนิทสนมกับพี่ฉินก็ไปร่วมงานกันทั้งนั้น  พี่ฉินเลยอยากให้ผมไปแล้วก็จะได้ไปเจอแม่ด้วย  ถ้าผมไม่ไปเดี๋ยวแม่ก็ต้องถามหา  ผมก็จนใจครับแล้วก็ไม่รู้ว่าจะบอกออกไปว่ายังไง  ผมก็เลยตกลงรับปากไป พี่ฉินจะได้หยุดรบเร้าผม แต่ผมตั้งใจว่าคงจะไม่ไปหรอกครับเพราะคงไปไม่ทัน  พี่ฉินจะว่ายังไงเดี๋ยวค่อยมาเคลียกันอีกที  เพราะแค่เหตุการณ์เมื่อคืน  พี่ฉินก็คงมีอะไรซักไซร้ผมเยอะอยู่แล้ว


ผมรีบออกจากห้องแต่เช้าเพื่อนั่งรถไปชลบุรีเพื่อไปไหว้ที่อัฐิของพี่โฟนที่นั่น  
 

ระหว่างที่นั่งรถ.....  ผมก็คิดถึงเรื่องราวของผมกับพี่ฉิน  ไม่น่าเชื่อเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันที่แสนโหดร้ายของเราทั้งคู่  เพราะมันเป็นวันที่พรากลมหายใจของคนที่เรารักไป  

ผมเองก็พอรู้มาก่อนว่าพี่ฉินสูญเสียน้องชายและคนรักพร้อมๆกันทั้งสองคนจากอุบัติเหตุ  แต่ผมก็ไม่เคยถามพี่ฉิน ผมไม่อยากเอาความอยากรู้ของผมไปสะกิดรอยแผลของใครและโดยเฉพาะพี่ฉิน

กับตัวผมเอง  ถ้าใครมาถามถึงเรื่องพี่โฟน  ผมก็คงลำบากใจที่จะพูดหรือเล่ามันออกมา เพราะการพูดออกมามันก็เป็นเหมือนการย้ำเตือนหรือการขยี้แรงๆลงไปที่รอยแผลที่มันเคยสาหัส  ผมก็เลยเลือกที่จะไม่ถาม  เพราะคงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมีแต่จะทำให้จิตใจย่ำแย่ลงไปอีก



ผมรู้...  และเข้าใจมันดี  ว่าความรู้สึกนั้นมันเจ็บปวดมากแค่ไหน




ผมเดินทางไปถึงวัดเป็นเวลาเกือบสิบโมง  ผมมองเห็นที่ศาลามีรถจอดอยู่มากมาย  ผมเดินเข้าไปใกล้ๆศาลาวัด  ภายในมีคนจำนวนนับร้อย  แล้วสายตาของผมก็มองไปเห็นพ่อกับแม่ของพี่โฟน
ผมรีบก้มลงหลบที่ข้างตุ่มน้ำข้างศาลาแล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ริมท่าน้ำของวัด

ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเนรคุณทุกครั้งที่ต้องหลบหน้าพ่อกับแม่ของพี่โฟน  แท้ที่จริงแล้วพ่อกับแม่ของพี่โฟนเป็นคนใจดีมาก  แค่มองจากภายนอก  ท่านทั้งสองก็ดูเป็นคนสูงอายุที่มีท่าทางใจดี  เพราะแบบนี้แหละครับ  ผมถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเนรคุณ  ท่านทั้งสองอุตส่าอุปการะผมจนผมเป็นผมได้ทุกวันนี้  เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านอุปากระผมจนผมเรียนจบมีงานมีการทำ  ถ้าไม่ได้ท่านทั้งสองคน  ไม่แน่ป่านนี้ผมอาจจะเป็นขอทานอยู่ที่ไหนสักที่ก็ได้

จากที่ผมมีวันนี้ได้เพราะพวกท่าน อันที่จริง  ผมน่าจะได้ตอบแทนอะไรท่านได้มากกว่านี้

ตั้งแต่วันที่ท่านทั้งสองเรียกผมเข้าไปหาที่บ้านวันนั้น  มันเป็นวันสุดท้ายที่ผมได้เจอกับท่านอย่างเป็นทางการ  วันนั้นเป็นวันที่ท่านทั้งสองเรียกผมเข้าไปเพื่อคุยเรื่องพี่โฟน

เพราะก่อนหน้านั้นผมไม่รู้มาก่อนว่าท่านทั้งสองเป็นพ่อแม่ของพี่โฟน จนกระทั่งท่านได้มารู้เรื่องของผมกับพี่โฟน  จากภาพวาดของผมในห้องพี่โฟน  พี่โฟนเคยวาดรูปผมหลายต่อหลายครั้งในหลายๆอิริยาบถ  พี่โฟนจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้วาดรูปผม  พี่โฟนเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในห้องของพี่โฟน  มีเพียงแค่สองภาพที่ผมเก็บไว้  เพราะพี่โฟนให้ตอนวันเกิดและวันวาเลนไทน์

หลังจากที่ท่านรู้ว่าคนในรูปนั่นคือผม  ท่านก็เลยเรียกผมเข้าไปพบ  แล้วก็ขอให้ผมเลิกกับพี่โฟน  พี่โฟนเป็นลูกคนเดียวครับ  คงไม่แปลกที่จะเป็นศูนย์รวมความหวังของพ่อแม่  ผมรำลึกถึงพระคุณของท่านทั้งสองดีครับ  ผมก็เลยต้องตัดสินใจปฏิเสธพี่โฟนตามที่พ่อกับแม่พี่โฟนขอ

ผมรู้สึกเจ็บปวดนะครับ  ที่ต้องปฏิเสธคนที่เรารัก  ทั้งที่เรารู้ว่าเค้ารักเราและกำลังรอคอยความรักจากเรา


จากที่ผมตัดสินใจเลิกยุ่งกับพี่โฟนเพราะอยากตอบแทนพ่อกับแม่พี่โฟนที่มีพระคุณกับผม  ท่านจะได้คลายความไม่สบายใจออกไป  แต่แล้วการตัดสินใจของผมกลับเป็นการทำให้พี่โฟนจากพ่อและแม่อันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

เพราะเหตุนี้เอง  ผมถึงไม่กล้าสู้หน้าท่านอีก  ภาพของท่านทั้งคู่ที่ผมเห็นในวันนี้  ท่านดูแก่ขึ้นมาก
ดวงตาของทั้งคู่แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจ  ดวงตาของแม่พี่โฟนคลอไปด้วยน้ำตา

เพราะผมแท้ๆที่ทำให้มันเป็นแบบนี้.................


ผมพยายามแอบมองเข้าไปที่ศาลาวัด  เมื่อนึกถึงสิ่งที่พี่คิวพูด  ผมพยายามมองหาคนที่พี่คิวพูดถึงทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร   ในศาลาวัดนั่น  ผมรู้จักเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น  ก็คือพ่อกับแม่พี่โฟน  จะมีก็อีกห้าหกคนที่ผมคุ้นหน้า  คงเป็นเพื่อนพี่โฟนที่ผมเคยเห็นที่มหาลัย  นอกจากนั้นแล้ว  ผมก็ไม่รู้จักใครเลย  แม่แต่พี่คิว......  ผมก็มองไม่เห็นเจอ



ผมยืนมองสักพัก....  ผมก็เข้าไปไหว้พระที่ศาลาริมน้ำที่ถูกสร้างไว้สำหรับการทำทานและการถวายสังฆทาน


หลังจากที่ผมถวายสังฆทานเสร็จเรียบร้อย  ผมก็ไปทำทานกับสัตว์ ผมปล่อยนก  ปล่อยปลา เต่า  ปลาไหล  หอย  ผมปล่อยสัตว์ทุกอย่างที่เค้ามีให้ปล่อย

การได้มาวัดทำบุญแบบนี้ช่วยทำให้จิตใจของผมสงบขึ้นเยอะเลย  ผมรู้สึกว่าผมมีสติมากขึ้น



หลังจากทำบุญทำทานเสร็จเรียบร้อย  ผมก็กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้พี่โฟน  

หวังว่าพี่จะได้รับนะครับ.........................



ผมนั่งเล่นอยู่ที่ท่าน้ำพร้อมกับบิขนมปังในมือโยนไปให้ปลาที่ลอยคอรออาหารจากผู้ใจบุญ
ปลาที่นี่ตัวใหญ่มากครับแล้วก็มีเยอะด้วย การมาในวัดครั้งนี้ผมยอมรับว่าผมมาด้วยใจที่ว้าวุ่น

วันนี้เป็นวันที่ผมรอคอย....


ผมรอคอยคนที่พี่คิวพูดถึง...........  ทั้งที่ผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร

เค้าอาจเป็นคนใกล้ตัวที่ผมคาดไม่ถึง..........

หรืออาจเป็นคนที่ผมรู้จักเพียงผิวเผิน...............

และก็อาจจะเป็นคนที่ผมไม่เคยรู้จักเลยสักนิด.......................


สรุป.... ผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร..............................


แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมต้องรอเค้า  เพราะอาจเป็นคนที่ไขข้อข้องใจในสิ่งที่พี่คิวพูดกับผมในคืนนั้น


นี่ผมกำลังรอคอยคนที่ผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครเหรอเนี่ย.........................

หากเค้ามาหยุดยืนตรงหน้าผม....................  ผมจะรู้มั้ยว่าคือเค้า..........................



ผมเริ่มสับสนอีกครั้ง  เหมือนที่ผมสับสนคิดวกวนไปมาเช่นนี้มาเป็นเดือนๆ


หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมรอคอยวันนี้ด้วยใจจดจ่อ  หลายครั้งผมดูออกว่าพี่ฉินรู้สึกว่าในใจผมเหมือนนึกถึงหรือคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา  ใช่ครับ...... ผมเองก็รู้ตัวเองดี  ผมรู้ด้วยว่าพี่ฉินอยากรู้ว่าผมเป็นอะไรหรือกำลังคิดอะไรอยู่  แต่พี่ฉินคงไม่กล้าถาม  พี่ฉินคงรอว่าสักวันผมคงจะพูดมันออกมาเอง

ดีแล้วละครับที่พี่ฉินไม่เอ่ยปากถามออกมา  
ถ้าพี่ฉินถาม......  ผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดหรืออธิบายที่ตรงไหน  เพราะผมเองก็ยังสับสน

ผมนั่งอยู่ที่ริมท่าน้ำด้วยใจที่สับสน  แม้ว่าบรรยากาศรอบตัวจะมีลมพัดเย็นๆ พร้อมกับมีแสงแดดอ่อนๆ สาดส่องมา ถ้าจิตใจของผมไม่ว้าวุ่นแบบนี้  วันนี้คงเป็นอีกวันที่ผมต้องรู้สึกอิ่มเอมไปกับบรรยากาศรอบตัวแน่ๆ  แต่นี่ผมกลับวกวนสับสนอยู่กับความคิดของตัวเองอย่างห้ามไม่ได้จนไม่ได้ซึมซับบรรยากาศรอบตัวได้เต็มที่นัก

ทำไมผมถึงรู้สึกกระวนกระวายจัง....................

ผมนั่งเล่นอีกสักพักก่อนที่ตัดสินใจจะเดินไปหาพี่โฟน  ผมแวะยืนมองเข้าไปที่ศาลาวัดอีกครั้งด้วยเพราะเป็นทางผ่าน  ผมมองเข้าไปด้านใน.....  ก็ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง  ผมยังมองไม่เห็นพี่คิว

ผมได้ยินเสียงพระสวดดังออกมาจากศาลาวัด  เสียงพระสวดทำให้ผมรู้สึกหดหู่



ผมเริ่มถอดใจกับการรอคอยใครคนนั้น.....


ผมเดินตรงไปที่โกฐิของพี่โฟน  ผมเอาช่อดอกกุหลาบสีขาววางไว้ที่ตรงหน้าโกฐิของพี่โฟน
ภาพของพี่โฟนที่หน้าโกฐิยิ้มอย่างมีความสุข  มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่แสดงออกมาทางริมฝีปาก
แต่มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาของพี่โฟน


“ คิดถึงนะครับพี่โฟน ”

“ พี่อยู่ที่โน้น........ พี่สบายดีใช่มั้ยครับ ???? ”

ผมร้องไห้อีกแล้วล่ะครับ เหมือนผมจะขี้แย่เลยเนอะ


แต่ถ้าหากคุณเคยสูญเสียคนที่คุณรัก.... คุณจะเข้าใจครับ   ว่ามันโหดร้ายมาแค่ไหน


ผมยืนมองรูปพี่โฟนนิ่งๆอยู่ตรงนั้น  สายลมพัดผ่านผิวกายของผมแรงๆสองสามครั้ง
เหมือนสายลมกำลังพยายามจะโอบกอดร่างของผมเอาไว้

สายลมนั้น.............  คือพี่ใช่มั้ย ??????

ผมรู้สึกได้....................

 มองหันมองไปรอบๆ ด้วยหวังว่าจะเจอใครสักคนที่ผมรอคอย


แต่ก็ไม่มี.......................

ผมนั่งลงตรงที่ด้านหลังโกฐิของพี่โฟน  ผมอยากอยู่ใกล้ๆพี่........

อยากกอดพี่นะครับ  ผมพูดพร้อมกับเอามือสัมผัสที่โกฐิเบาๆ............


ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ ผมก็ทำใจไม่ได้สักทีนะ..........

ผมเหนื่อยจังครับพี่โฟน..............



คนที่พี่คิวพูด....  เค้าคือใครเหรอคับ


ผมอยากจะเจอเค้า   ผมมีเรื่องที่อยากจะถาม...............

และอยากจะให้เค้าตอบในสิ่งที่ผมอยากรู้ด้วยปากของเค้าเอง...




ผมนั่งอยู่ตรงนั้นจนผมเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีด้วยความรู้สึกงัวเงีย  บรรยากาศรอบๆตัวดูเปลี่ยนไป

แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายหายไป.......... คงเหลือเพียงแสงสว่างรำไร
ความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุมบรรยากาศรอบๆตัว เพราะเป็นเวลาพลบค่ำ

ช่างเป็นบรรยากาศที่ดูน่ากลัว..... ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาในทันทีที่รู้สึกตัว

ผมบิดตัวสองสามรอบเพื่อคลายความรู้สึกเมื่อยและขับไล่ความขี้เกียจออกไป

นี่ผมเผลอหลับไปหลายชั่วโมงเลยนะเนี่ย.....  ผมนึกในใจ


สงสัยคนที่ผมรอคอยเค้าจะไม่มาแล้ว......... หรือว่าเค้าอาจจะมา  แต่ผมไม่รู้สึกตัว

ผมรู้สึกโมโหตัวเองที่ปล่อยให้วันเวลาที่ผมรอคอย ผ่านเลยไปจนผมพลาดโอกาสสำคัญที่รอคอยมานานนับเดือน

ผมถอดใจและกำลังจะลุกขึ้น  แต่ผมกลับได้ยินเสียงใครบางคนที่ผมรู้สึกคุ้นกับเสียงนั่นมาก
ดังขึ้นมาว่า..........

“ หนึ่งปีแล้วนะ............. หนึ่งปีมาแล้ว.. ที่ผมทำความผิดใหญ่หลวงกับนาย ”

เสียงนั่น........... เสียงที่ผมคุ้นเคย  ผมรู้ได้ทันทีว่านั่น.... คือเสียงใคร

“ นายไม่ต้องยกโทษให้ผมหรอกนะ.... เพราะผมเองยังไม่ยกโทษให้ตัวเองเลย ”

เสียงนั่นดูสั่นๆ มันเป็นเสียงของคนที่เก็บเอาความทุกข์ไว้ในอกอย่างมหาศาล

“ ผมกำลังรู้สึกเจ็บปวด และกำลังทรมาน  มันเป็นบทลงโทษที่ผมควรได้รับใช่มั้ย  ”

เจ้าของเสียงนั่นกำลังร้องไห้


ผมสับสน  อึดอัด  เค้ามาทำอะไรที่นี่  มายืนพูดอะไรอยู่ที่นี่  ตอนนี้.............
ผมกลัว...... กลัวมากครับ   กลัวแม้แต่ที่จะหันหน้าไปมองให้แน่ใจ......

ผมกลัวกลับสิ่งที่ผมกำลังจะได้เห็น................    


ความจริง..........


“ ผมคือคนที่ทำให้ใครหลายคนเจ็บปวดและทรมานกับการสูญเสีย... รวมถึงตัวผมด้วย ”

“ ไม่ว่าจะคนอยู่........... หรือคนที่จากไป  ทุกคนกำลังเจ็บปวด เพราะผมเอง..... ผมขอโทษ ”

“ ผมคือผู้ทำลาย........... และถูกทำลาย..............  ผมขอโทษ................ ”

เสียงนั่นกำลังสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกผิด


น้ำตาผมค่อยๆไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้


ผมเจ็บปวด.............. เจ็บปวดไม่แพ้กับใครที่กำลังรู้สึกสูญเสีย

และแม้แต่คนที่กำลังยืนพูดอยู่...........



ผมยันกายอันแทบไร้เรี่ยวแรงเดินพ้นออกมาจากหลังโกฐินั่น............................


“ พี่ฉิน................ ” เสียงผมที่เอ่ยออกไปเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“ ฟรอย......................................................... นาย........... มา..........  ทำอะไร......... ที่นี่ ”
พี่ฉินพูดด้วยท่าทีตกใจแววตานั่นสั่นไหวและหวาดกลัว

“  ไอ้เลว !!!!! ” ผมตะคอกออกไปดังลั่น ก่อนที่จะต่อยเข้าที่หน้าของพี่ฉินจนล้มลงไปกองกับพื้น


ผมวิ่งออกมาจากตรงนั้นในทันที.........

นี่มันอะไรกัน ??????

ทำไม ?????????????

ทำไมต้องเป็นพี่ฉิน???????????

นี่ใครกำลังเล่นตลกกับชีวิตผม ???????????


ผมวิ่งออกมาด้วยความรู้สึกสับสน.......

พี่ฉินพยายามตะโกนเรียกผม  เสียงฝีเท้ากำลังวิ่งตามผมมา ขาของผมแทบจะไร้เรี่ยวแรงจนผมสะดุดผมลงไปกับพื้น  พี่ฉินรีบเข้ามาพยุงผมลุกขึ้นแต่ผมศอกกระแทกเข้าไปที่หน้าพี่ฉินทำให้พี่ฉินหงายหลังไปกระแทกกับพื้น  ผมรีบลุกขึ้นยืนด้วยแรงของตัวเองเท่าที่เหลืออยู่  ผมไม่อยากหันหน้าไปมองพี่ฉินอีก  ผมได้ยินเสียงฝีเท้าใครอีกคนวิ่งเข้ามาแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงที่ร้อนรนว่า

“ ไอ้ฉิน... มึงใจเย็นๆก่อน ” เสียงพี่บอสเองครับ

“ ไม่ได้.......... ฟรอย   ฟรอยฟังพี่ก่อนนะ   อย่าเพิ่งหนีพี่ไป ” พี่ฉินพูดด้วยเสียงที่ร้อนรน


“ หยุด........ หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรอีก  แล้วก็หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ  อย่าตามผมมาอีก ”
ผมพูดออกมาทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับไป  น้ำตาผมก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ แต่ฟรอยต้องฟังพี่นะ ” พี่ฉินพูด

“ ผมบอกให้หุบปาก  ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ” ผมตะคอกออกไปพร้อมกับเอามืออุดหูไว้แน่น
ตัวของผมสั่นสะท้าน ผมเจ็บ... เจ็บที่ใจ  ผมทรมาน



ผมวิ่งออกมาจากตรงนั้น........ ผมไม่รู้ว่าผมกำลังจะวิ่งไปไหน



แต่ผมอยากไปวิ่งไปให้ไกล..............   ให้ไกลที่สุด.................. ให้พ้นจากตรงนี้.................




ตรงที่มันเรียกว่า.................  ความจริง





                                                                                                                                       Ostrich


############################################################################
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2010 00:50:48 โดย OsTrich »

OT

  • บุคคลทั่วไป
เจิมๆๆๆ

ไฮ~~~

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ในที่สุดก็ถึงวันที่ฟรอยรู้ความจริง
เศร้ากว่านี้มีอีกมั้ยคะ  :m15:
จัดมาเลยค่ะ  :z3:
+1 ขอบคุณที่มาต่อคร้า

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
แวะมาเป็นกำลังใจให้น้องกร  ไม่มาต่อซะนานเลย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :m29:

อืมม..ม์ ความจริง
.
.
.
ใครๆ ก็ต้องการและเรียกร้องหา..แต่ความจริง
.
.
ซึ่งบางครั้ง..เราหลงลืมไปว่า
.
.
สิ่งที่เรียกว่า..ความจริง
ถ้าไม่เตรียมตัว เตรียมใจ
พร้อมรับมือกับมันให้ดี
.
.
ความจริง..มันก็สามารถทำให้เรา
เจ็บหนัก แสนสาหัส ปางตายได้เหมือนกัน
.
.
แต่มันก็ยังดีกว่าการหลอกลวง หักหลังกัน เป็นไหนๆ
เจ็บหนักกก ทีเดียว..ดีกว่า..เจ็บนานนนน ไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่เหรอ ????


 :L1:รักนะ..ตะเอง
จ๊วบบบบๆๆ..กร  :จุ๊บๆ: +1 แล้วมาต่อเรื่องอีกนะ ที่รัก ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ยังไม่ได้อ่านหรอกครับ เห็นเข้ามาโพสต่อ เลยเข้ามาทักทายก่อน  :กอด1:

เอาไว้อ่านพรุ่งนี้ เพราะง่วงมากเลยครับ  :m23:

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
ความจริงเจ็บปวดเป็นบ้า

ไม่รู้จะสงสารคัยดีอ่ะตอนนี้

สงสารตัวเองดีกว่า จะร้องไห้อีกแล้วอ่ะ :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด