** แก้ไขการเรียนชื่อแอนนาเบลในตอน5 เป็นมิสเฮเก้นต์สำหรับลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ แทนนะคะ เนื้อหาส่วนอื่นในตอนมีการปรับแก้เล็กน้อยเพื่อให้รับกับเนื้อเรื่องที่จะเขียนต่อไปค่ะ**
Dear, My customer.
ตอนที่25 อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป
วันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์แต่งตัวและลงมาหาพ่อของเขาที่ห้องเขียนจดหมายตั้งแต่ก่อนมื้อเช้า ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับลอร์ดบาธเป็นอย่างมาก เขาถึงกับถอดแว่นสายตาที่สวมอยู่ออก เพื่อที่จะได้มองหน้าลูกชายตัวดีได้ชัดๆ
“วันนี้แกจะมาขออะไรอีกล่ะจอห์น” พ่อของเขาพูดหลังจากที่ทั้งคู่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้มานั่งข้างพ่อของเขา ก่อนจะหัวเราะเขินๆ
“ผมจะมาขอพ่อไปค้างที่บ้านเพื่อนแถวๆ นีสเดน ช่วงเสาร์อาทิตย์นี้ครับ”
“นีสเดน?” ลอร์ดบาธทวนคำ “บ้านใคร? อีธานหรือ?”
“ไม่ใช่หรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขานิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “บ้านของกอร์ดอนน่ะ”
“โอเดนเบิร์ก?” ลอร์ดบาธมีสีหน้าแปลกใจ “เขามีบ้านที่นีสเดนด้วยหรือ?”
“มีครับ เขาบอกว่าเป็นของพ่อเขา”
“อืม... อันที่จริงแล้วพ่อก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่มีเงินเก็บพอดูเลยล่ะ เสียแต่ว่าเขาต้องทำงานตัวเป็นเกลียว เลยไม่มีเวลาใช้เงิน” ลอร์ดบาธพูดอย่างครุ่นคิด “พ่อไม่ยักรู้ว่าแกสนิทกับเขาขนาดไปขอค้างที่บ้านเขาได้แล้ว”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะอีก “ผมตัดเสื้อกับเขาทั้งตู้ ถึงไม่สนิทก็ต้องสนิทล่ะครับ”
คนเป็นพ่อมองลูกชายอย่างตำหนิ “แกไม่ควรใช้ฐานะไปสร้างความลำบากให้กับคนอื่นนะ ถ้าแกอยากจะไปตกปลาล่องเรือที่อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป แกก็ค้างโรงแรมแถวนั้นก็ได้นี่ ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้ไกลอะไรจากบ้านของเรามาก แกไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ ทำไมถึงต้องไปรบกวนเขาด้วย”
“ผมอยากลองค้างคืนในสถานที่ใหม่ๆ ดูบ้าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมยังไม่เคยเห็นบ้านของกอร์ดอนมาก่อน มันอาจจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ น่ารักแบบที่เราเห็นข้างทางก็ได้ ผมอยากลองนอนในบ้านแบบนั้นมานานแล้ว”
“พ่อแน่ใจว่าแกไม่มีทางชอบแน่” ลอร์ดบาธพูด “แต่โอเดนเบิร์กก็ไม่ใช่คนยากจนข้นแค้นอะไร บ้านของเขาน่าจะสบายพอตัวอยู่หรอก ไม่แน่แกอาจจะได้เจอคฤหาสน์ขนาดย่อมก็ได้นะ ใครจะไปรู้”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขาอย่างดีใจ “แสดงว่าพ่ออนุญาตใช่ไหมครับ?”
“พ่อยังไม่ได้พูดสักคำ” ลอร์ดบาธตอบ แล้วผุดยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นลูกชายทำหน้าหงอย “แต่พ่อก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องห้ามแกเรื่องนี้ หน้าร้อนแบบนี้คงไม่อะไรดีไปกว่าการได้ไปว่ายน้ำและตกปลาหรอก”
“ว้าว ขอบคุณครับพ่อ ผมแน่ใจว่านี่จะต้องเป็นการค้างแรมที่สนุกมากแน่ๆ”
“หวังว่าโอเดนเบิร์กจะสนุกด้วยนะ” ลอร์ดบาธว่า “แล้วนี่แกจะไปกันกี่คน บ้านของเขาใหญ่พอจะรับรองแกกับเพื่อนๆ แกหรือ?”
“ผมไปคนเดียวครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ผมเกรงใจไม่อยากพาคนอื่นไปรบกวนเขา”
“ถ้าแกเกรงใจเขาจริง แกก็ไม่ควรจะไปรบกวนเขาแต่แรก แล้วเขาจะไปกับแกด้วยมั้ย? หรือแค่อนุญาตให้แกพักค้างที่บ้านเขาเฉยๆ”
“เขาต้องไปด้วยสิครับ เขาเป็นเจ้าของบ้านนี่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ผมว่าจะขับรถไป นีสเดนอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“เอาน้ำมันเผื่อไปสักถังแล้วกัน” ลอร์ดบาธว่า “แล้วก็เอาที่อยู่บ้านของโอเดนเบิร์กมาให้พ่อด้วย เผื่อมีเรื่องอะไรพ่อจะได้ไปตามตัวแกถูก”
“ครับ”
-----------------------------------
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่รู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าพ่อของเขาจะไปจากลอนดอนและทิ้งให้เขาอยู่เฝ้าคฤหาสน์สามเส้าแต่เพียงลำพังก็ตาม เรื่องเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังคงเป็นเหมือนรอยด่างในใจเขา ชายหนุ่มเพิ่งจะฉุกคิดได้ว่าเขาไม่ควรจะพาพี่ชายไปพบกับกอร์ดอน ทั้งที่รู้ว่าเจ้าตัวมีจุดประสงค์อะไร เขาสำนึกได้ว่าทำผิดกับลอร์ดโทรว์บริดจ์มากมายแค่ไหน ถึงฝ่ายนั้นจะให้อภัยเขาแล้ว แต่ความรู้สึกผิดนั้นก็ยังคงไม่เลือนไปจากใจ หลังจากกินมื้อค่ำคนเดียวบนโต๊ะยาวในคฤหาสน์หลังโต ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ตัดสินใจนั่งรถม้าไปที่บาร์บีช็อต
“โอ้... สายัณห์สวัสดิ์แมกซ์ มาคนเดียวหรือ?” แจ็คสันทักเขาด้วยความแปลกใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์
“สายัณห์สวัสดิ์แจ็คสัน ผมอยากได้ยินผสมวอดก้า บีบมะนาวใส่ลงไปหน่อยก็ดี”
“จัดให้เลย” แจ็คสันพยักหน้า ก่อนจะหันไปผสมเหล้าตามคำสั่งของลูกค้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอดหมวกเดอร์บี้ที่เขาสวมมาออก แล้วถอนหายใจเสียงดัง
“ผมเพิ่งคิดได้ว่าทำเรื่องร้ายแรงลงไป”
“งั้นหรือ... ร้ายแรงมากขนาดไหน”
“ก็... ร้ายแรงพอดู” พูดจบเขาก็ถอนหายใจอีก “ที่จริงผมสารภาพเรื่องนี้และได้รับการให้อภัยแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดมากอยู่ดี”
“สาธุคุณที่โบสถ์บอกคุณว่าไงล่ะ?”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ไม่ ผมไม่ได้ไปสารภาพเรื่องนี้ที่โบสถ์ ผมสารภาพกับเพื่อนของผม... คนที่ผมทำให้เขาผิดหวัง โอ... แจ็คสัน มันแย่มาก ถึงเขาจะให้อภัยผมแล้ว แต่ผมเพิ่งตระหนักได้ว่าเรื่องที่ผมทำลงไปนั้นไม่น่าจะให้อภัยได้เลย ผมรู้แต่แรก แต่ผมก็ยังทำ”
แจ็คสันมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่อึดใจ “ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องดีนะที่คุณรู้ถึงความผิดของตัวเอง แต่ในเมื่อเพื่อนของคุณให้อภัยคุณแล้ว พระเจ้าเองก็พร้อมจะให้อภัยคุณเสมอ ทำไมคุณถึงไม่ให้อภัยตัวเองล่ะ?”
“เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่น่าให้อภัยน่ะสิ โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง ก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว “ผมไม่เคยอยากยอมรับเลยว่าตัวเองทั้งโง่ทั้งทึ่ม แต่ก็นั่นแหละ เหมือนอย่างที่พ่อผมพูด ผมนี่มันทั้งโง่ทั้งทึ่มจริงๆ”
“โอ... คุณไม่ควรว่าตัวเองแบบนั้นนะคะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น แจ็คสันหันไปทักเธอทันที
“สายัณห์สวัสดิ์ มิสเฮเกนต์”
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” แอนนาเบล เฮเกนต์ในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเรียบๆ เอ่ยทักเจ้าของบาร์ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ชายหนุ่มหันไปมองเธอ
“เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม?”
“อ้อ ไม่หรอกค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ “ฉันแค่รู้สึกว่าคุณไม่ควรจะพูดว่าตัวเองแบบนั้น”
แจ็คสันพูดแทรกขึ้นมา “แมกซ์ เธอเป็นเพื่อนของจอห์นกับกอร์ดอน มิสเฮเก้นต์ไง กอร์ดอนไม่เคยเล่าให้คุณฟังหรือ?”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว เขามองเธออยู่พักหนึ่ง “อ๋อ ผมนึกออกล่ะ กอร์ดอนเคยเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังอยู่เหมือนกัน”
แอนนาเบลหัวเราะเขินๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ “ผม แมกซ์ เมอร์เรย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ฉัน แอนนาเบล เฮเก้นต์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณเมอร์เรย์” แอนนาเบลว่า ก่อนจะหันไปหาแจ็คสันอีกครั้ง “คุณเดนเวอร์ ของฉันเหมือนเดิมนะคะ ขอที่โต๊ะค่ะ”
พูดจบก็เธอผุดลุกขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูดขึ้นต่อ “จะไปแล้วหรือ?”
“คุณกำลังคุยธุระอยู่นี่คะ ฉันไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะถอนใจ แจ็คสันหรี่ตามองเขา
“ทำไมถอนใจแบบนั้นล่ะ มิสเฮเก้นต์กลายเป็นเรื่องหนักใจอีกเรื่องของคุณแล้วหรือ?”
“ผมคิดว่าไม่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เธอไม่มีส่วนไหนจะทำให้ผมหนักใจได้หรอก”
“งั้นหรือ...” เจ้าของบาร์มองเขายิ้มๆ “ดีแล้ว ผมไม่อยากให้คุณมาที่นี่เพื่อพาเอาเรื่องน่าหนักใจกลับไปอีกเรื่อง”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “คุณชงอะไรให้เธอ ขอผมสักแก้วสิ”
แจ็คสันมองเขาแล้วยิ้มอย่างมีเลสนัย “เตกีล่าใส่มะนาว เคลือบเกลือที่ปากแก้ว ถ้าคุณสนใจอยากดื่มสักช็อต ผมจะจัดให้”
“โอ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีท่าทางประหลาดใจ “เธอดื่มเตกีล่าเลยหรือ?” เขาเหลียวไปมองแอนนาเบลอีกครั้ง เห็นเธอกำลังเปิดอ่านสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ อยู่
“เธอทำงานอะไรคุณรู้ไหม คงไม่ใช่ทำงานแบบอย่างว่า...”
“เธอเป็นครูสอนดนตรี” แจ็คสันตอบเขา “แหม... ดีนะที่เธออยู่ห่างไปมาก ถ้าเธอได้ยินคุณพูดแบบนี้ เธอคงโกรธน่าดู”
“โอ... ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเธอหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดงด้วยความละอาย “เพียงแต่ผมไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนเดินเข้ามาในบาร์แล้วสั่งเตกีล่า”
“ชีวิตคุณรู้จักผู้หญิงมากี่คนล่ะ? เกินร้อยรึเปล่า?”
คนถูกถามสั่นศีรษะ เจ้าตัวจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นคุณอาจจะแปลกใจที่เห็นผู้หญิงดื่มเตกีล่า แต่สำหรับผมนะ มันเป็นเรื่องธรรมดามาก”
“แสดงว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่มาดื่มเตกีล่าที่นี่งั้นหรือ?”
แจ็คสันพยักหน้า “ผู้หญิงน่ะชอบดื่มเตกีล่าจะตายไป เวลามากับผู้ชายเธออาจจะเลือกดื่มแค่เหล้าผลไม้ แต่ถ้าเธอมาคนเดียวหรือมากับเพื่อน เกือบจะร้อยทั้งร้อยเลยล่ะที่สั่งเตกีล่า”
“ว้าว เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ร้องอย่างพิศวง แจ็คสันส่งเตกีล่าช็อตหนึ่งให้บริกรนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ก่อนจะวางอีกช็อตลงตรงหน้าลอร์ดหนุ่ม
“ของคุณ”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงมองแก้วเตกีล่า ก่อนจะหันไปมองแอนนาเบลอีกรอบ แจ็คสันเลยพูดต่อ “เธอคงไม่ว่าอะไรคุณหรอก ถ้าคุณจะเดินไปชวนเธอดื่มน่ะ”
“โอ... เธอไม่ได้รอใครอยู่หรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม “ผมเคยเดินไปทักผู้หญิงที่รู้จักคนหนึ่งที่ร้านอาหาร เพราะคิดว่าเธอมาคนเดียว แต่ปรากฏว่าเธอรอคนอื่นอยู่ แล้วสถานการณ์มันก็ค่อนข้างจะกระอั่กกระอ่วนมากสำหรับผม”
คนฟังหัวเราะ “คุณนี่ดูซื่อๆ กว่าที่ผมคิดไว้นะ ไปเถอะครับ เธอไม่ได้รอใครหรอก ปกติเธอจะมากับเพื่อน แต่บางทีเธอก็มาคนเดียว ผมแน่ใจว่าเธอดื่มเตกีล่าช็อตนี้แล้วจะกลับเลย ถ้าไม่มีอะไรดึงเธอเอาไว้น่ะนะ”
“อย่างนั้นผมควรรีบไป” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วคว้าแก้วเตกีล่าติดมือไปด้วย แจ็คสันพูดตามหลัง
“ขอให้โชคดีสำหรับคืนนี้นะแมกซ์”
--------------------------------
แอนนาเบล เฮเก้นต์มีสีหน้าแปลกใจตอนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินมาหยุดที่โต๊ะ “ขอผมดื่มเป็นเพื่อนคุณได้ไหม?”
“เชิญค่ะ” เธอพยักหน้า ลอร์ดหนุ่มจึงลากเก้าอี้ลงนั่งฝั่งตรงข้าม แล้วยื่นแก้วเหล้าให้เธอ แอนนาเบลยกแก้วเหล้าของเธอขึ้น ชนกับเขาเบาๆ ก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอด้วยความพิศวง
“คุณไม่ควรมองฉันแบบนั้นนะคะ” หญิงสาวพูดพลางวางแก้วเหล้าลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สะดุ้ง เขารีบดื่มเตกีล่าในแก้วของตัวเอง แล้วพูดขึ้นต่อ
“คุณมาคนเดียวหรือ?”
“ค่ะ และฉันกำลังจะกลับแล้ว” พูดจบเธอก็ผุดลุกขึ้น “ขอบคุณที่มาดื่มเป็นเพื่อนนะคะ”
“เดี๋ยว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกตาม “ให้เกียรติดื่มกับผมอีกสักแก้วได้ไหม?”
หญิงสาวสั่นศีรษะ “ฉันดื่มแค่วันละแก้วค่ะ มากกว่านี้เกรงจะไม่ดีแล้ว”
“โอ... งั้นเป็นอย่างอื่นก็ได้ ผลไม้ น้ำเปล่า ดื่มกับผมอีกสักแก้วเถอะ”
“ฉันเกรงว่าจะต้องปฏิเสธน้ำใจของคุณค่ะ ขอบคุณนะคะ แต่ฉันต้องไปแล้วค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณเมอร์เรย์”
“ระ... ราตรีสวัสดิ์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกลาเธออย่างงุนงง เขาเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์บาร์อีกครั้ง
“อ้าว คุณรั้งเธอไว้ไม่สำเร็จหรือ?”
ชายหนุ่มสั่นศีรษะ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ “ผมคิดว่าเธออยากจะคุยกับผมเสียอีก เธอเป็นฝ่ายมาทักผมก่อนแท้ๆ ผมทำอะไรพลาดไปหรือ?”
“เท่าที่ดูก็ไม่น่ามีหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “แต่มิสเฮเก้นต์ไม่เคยคุยกับผู้ชายคนไหนเวลาเธอมาคนเดียวหรอกนะครับ เต็มที่ก็ประมาณคุณนี่แหละ อ้อ คงจะเว้นกอร์ดอนไว้สักคนล่ะมั้ง”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “เธอชอบเขาหรือ?”
“บอกยาก” แจ็คสันว่า “ตอนแรกเธอไม่เคยคุยกับเขา แต่เธอรู้ว่าเขามองเธอมาหลายเดือน และไม่ได้แสดงอาการปฏิเสธตอนเขาคุยกับเธอครั้งแรก เห็นว่ากอร์ดอนหน้าคล้ายน้องสาวที่เสียไปของเธอมาก เพราะแบบนั้นล่ะมั้ง เธอถึงสนิทกับเขาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกผมคิดว่ากอร์ดอนจะขอเธอแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะมีคนรักอื่นได้ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนก็ยังสนิทกันอยู่”
คนฟังพยักหน้า “คุณรู้พื้นเพของเธอบ้างรึเปล่า? จากสำเนียงการพูด ผมว่าเธอได้รับการศึกษามาดีทีเดียว ผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาดีขนาดนี้ต้องมีครอบครัวที่มีฐานะ เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยลูกสาวให้ออกมาดื่มที่บาร์คนเดียว มันค่อนข้างแปลกอยู่นะ”
แจ็คสันหัวเราะ “คุณสนใจเธอมากนะเนี่ย อันที่จริงผมเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับเธอมากนักหรอก เพราะเธอไม่ค่อยพูดถึงเรื่องของตัวเองเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเธอมีน้องสาวต่างแม่ ทั้งคู่รักกันมาก แต่น้องสาวเธอเสียไปเมื่อสักสามปีก่อนได้ เธอเลยออกจากบ้าน มาหางานทำในลอนดอน ผมเห็นด้วยกับคุณเรื่องที่เธอดูมีการศึกษา แต่คิดว่าเธอกับที่บ้านไม่น่าจะลงรอยกัน”
“อืม... เป็นไปได้เลย เธออยู่แถวไหน คุณพอรู้มั้ย?”
แจ็คสันสั่นศีรษะ “เธอไม่บอกใคร คุณลองไปถามกอร์ดอนดูสิ เหมือนเขาน่าจะเคยไปส่งเธอครั้งหรือสองครั้ง” เขาหันไปส่งเหล้าให้บริกร ก่อนจะหันมาหาลอร์ดหนุ่มอีกครั้ง
“ดูเหมือนเธอจะทำให้คุณลืมเรื่องหนักใจตอนที่เข้ามาที่นี่ไปเลยนะ”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะเขินๆ “นั่นสิ ผมมัวแต่สนใจเธอจนลืมเรื่องที่ว่าไปเลย” พูดจบเขาก็ถอนหายใจ “ผมคงหมกมุ่นกับความคิดของตัวเองมากไป”
แจ็คสันพยักหน้าเห็นด้วย “การหมกมุ่นกับเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอก จริงๆ นะ คุณอายุยังน้อย คุณเริ่มต้นใหม่ได้เท่าที่คุณต้องการ แถมเพื่อนคุณก็ยังให้อภัยคุณแล้วด้วย ผมว่าคุณควรจะใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ทำให้คุณไม่พลาดอีกในอนาคตจะดีกว่า”
“ก็จริงอย่างที่คุณว่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าตอบ “ขอบใจนะแจ็คสัน การมาที่บาร์ของคุณทำให้ผมโล่งใจขึ้นเยอะ”
“โล่งเพราะคุณได้เจอผมหรือแม่สาวเฮเก้นต์กันแน่?” อีกฝ่ายมองเขายิ้มๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะอีก
“ผมไม่ถนัดเรื่องผู้หญิงเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ของผมหรอก ขอเบียร์ดำให้ผมสักแก้วสิ ผมอยากดื่มให้ตัวเองน่ะ”
“ได้เลย”
------------------------------------