** แก้ไขชื่อสกุลของพระเอก จากคาเวดิช เป็นคาเว็นดิชค่ะ ดิฉันถอดเสียงมาผิด /ผิดตลอดดดด
-----------------------
Dear, My customer.
ตอนที่16 ครอบครัวคาเว็นดิช ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตื่นสายโด่งในวันรุ่งขึ้น และโดนพ่อของตัวเองบ่นทันทีที่เยี่ยมหน้าออกมาจากห้องนอน
“จอห์น แกจะนอนไปถึงไหน จะไปโบสถ์มั้ย? แกรู้รึเปล่าว่าวันนี้วันอะไร”
“ครับๆ ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว ยังเหลืออีกตั้งสิบห้านาทีกว่าพิธีที่โบสถ์จะเริ่ม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด พลางอ้าปากหาว ลอร์ดบาธมองเขาด้วยสายตาหงุดหงิด
“แกจะเที่ยวอะไรนักหนาทุกวัน กลับมาดึกๆ ดื่นๆ หัดทำตัวให้มีสาระหน่อยได้มั้ย?”
“ผมเพิ่งกลับดึกวันเดียวเอง” เอิร์ลหนุ่มว่า พ่อของเขาสวน “แกกลับดึกทุกวัน มีวันไหนแกกลับก่อนสองทุ่มบ้าง?”
“โธ่ พ่อครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “พ่อจะให้ผมกลับมาทำอะไรตั้งแต่สองทุ่ม อ่านหนังสือหรือครับ? ผมแค่ออกไปดื่มนิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อยของแกนี่มันขนาดไหนกัน” ลอร์ดบาธว่า พลางทำจมูกฟุดฟิดใส่ลูกชายระหว่างที่พวกเขาเดินออกมาขึ้นรถม้าที่หน้าคฤหาสน์
“ผมไม่ได้เมาขนาดต้องหามกลับแล้วกันล่ะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะปีนขึ้นไปบนรถม้า แล้วยื่นมือให้เลดี้บาธ “เชิญครับ ท่านสุภาพสตรี”
เลดี้บาธหัวเราะ แล้วยุดมือของลูกชายขึ้นไปบนรถ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปหาพ่อตัวเอง “พ่อจะให้ผมฉุดขึ้นรถด้วยมั้ย?”
ลอร์ดบาธถลึงตาใส่ลูกชาย ก่อนจะปีนขึ้นมาบนรถ จากนั้นรถม้าก็แล่นออกจากคฤหาสน์เพื่อไปที่โบสถ์
“จอห์น เมื่อคืนลูกไปดื่มที่ไหนจ้ะ... แม่ว่ากลิ่นเหล้าแรงมาก” เลดี้บาธตั้งข้อสังเกตระหว่างที่พวกเขานั่งอยู่บนรถม้า
“บาร์ในเมืองครับ” เอิร์ลหนุ่มตอบ “ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมรีบเลยยังไม่ได้อาบน้ำ”
“มันไม่เกี่ยวกับที่ว่าแกอาบน้ำหรือไม่ จอห์น” ลอร์ดบาธบ่นต่อ “รู้มั้ยว่ากลิ่นตัวแกมันเหมือนพวกขี้เหล้าข้างถนน พ่อสงสัยจริงว่าแกไปดื่มอะไรมา แค่วิสกี้ไม่น่าจะกลิ่นแรงขนาดนี้”
“ตกลงครับ ต่อไปผมจะดื่มให้น้อยลง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท เพราะไม่อยากบอกพ่อกับแม่ว่าตัวเองดื่มเหล้ารัมไปหลายแก้วในเวลาสองวันที่ผ่านมา เขาแน่ใจว่าทั้งคู่ต้องไม่ชอบใจแน่นอน
โชคดีที่รถม้าหยุดก่อนที่ลอร์ดบาธจะได้บ่นหรือถามอะไรลูกชายมากกว่านั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบลงจากรถม้า แล้วจูงมือแม่ของตัวเองลงมา ก่อนจะเดินตามทั้งคู่เข้าไปในโบสถ์
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวกับครอบครัวแล้วแล้วตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไป พอฝ่ายนั้นเห็นเขาก็ทักขึ้น “หวัดดีจอห์นนี่”
“หวัดดีจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักกลับ ก่อนจะถูกพ่อสะกิด เพราะท่านบิชอปกำลังจะขึ้นมายืนตรงแท่นอ่านพระคัมภีร์
พิธีมิซซาประจำวันอาทิตย์กลางเดือนในช่วงหน้าร้อนเป็นไปเหมือนปกติของทุกสัปดาห์ พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ฟังบทอ่านจากพระคัมภีร์ สวดมนต์และอธิฐานต่อหน้ากางเขนศักดิ์สิทธิ์
ลอร์ดโทรว์บริดจ์คุกเข่าลง ประสานมือไว้ตรงหน้า เงยหน้ามองไม้กางเขนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า พลางนึกสงสัยว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐคิดอย่างไรถึงได้ทำให้เขาหลงรักกับผู้ชาย ทั้งที่ผู้เผยแพร่พระวจนะของพระองค์ได้ระบุว่าการสมสู่กับเพศเดียวกันเป็นความผิดบาปอย่างใหญ่หลวง เอิร์ลหนุ่มแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ใจบาปหยาบช้าขนาดมีความต้องการสมสู่กับผู้ชายทุกคนที่พบอย่างผู้คนในเมืองโสดม เขาไม่เคยนึกพิศวาสผู้ชายมาก่อน กระทั่งได้พบกับกอร์ดอน... เพียงแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของฝ่ายนั้นครั้งแรก หัวใจของเขาก็โบยบินออกไปจากอก ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง และหน้าตา เหมือนว่าพระเจ้าประจุทุกอย่างที่เขาควรจะรักเอาไว้ในตัวผู้ชายคนนั้น ยกเว้นเพศสภาพ และเขาก็หลงรักกอร์ดอนแบบถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งวันเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมีมากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกของเขาก็ยิ่งชัดเจนและรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่เคยนึกเสียใจที่ตกลงใจสาบานรักกับฝ่ายนั้นทันทีที่ได้รู้ความในใจของกันและกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เชื่อสุดหัวใจว่านี่คือความรักที่พระเจ้ามอบให้เขาด้วยความจงใจ แต่ทว่า... เขากลับไม่รู้จะทำอย่างไรกับความต้องการทางร่างกายที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกัน
เขาค้อมตัวลง ก้มศีรษะอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า
‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดบันดาลให้ลูกได้รู้ว่าความรักครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งผิดพลาด’
‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดบันดาลให้ลูกเห็นถึงหนทางที่จะก้าวต่อไป’
‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดช่วยเหลือลูกให้ได้รักกับเขาจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต’
‘เพราะลูกรักเขาเหนือสิ่งอื่นใด... รักผู้ชายที่พระองค์ทรงประทานมาให้คนนั้น...’
-------------------------------------
หลังเสร็จพิธี ครอบครัวของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เดินมาทักทายพวกเขา
“อรุณสวัสดิ์มารี่ วันก่อนจอร์จจี้ไปรบกวนครอบครัวเธอตั้งแต่เช้า ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
“อรุณสวัสดิ์เน็ตตี้ เรื่องจอร์จจี้ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเสียเขาก็เป็นเหมือนลูกชายอีกคนของฉันอยู่แล้ว” เลดี้บาธตอบพลางยิ้ม ก่อนจะหันไปหาลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “เธอดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
“อ๋อ ครับท่านหญิง ผมดีขึ้นมากเลย ขออภัยด้วยนะครับที่ไปรบกวน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าท่านหญิงไม่ว่าอะไร ผมขอเวลาคุยกับจอห์นนี่สักครู่”
“เชิญเลยจ้ะ ตามสบาย” เลดี้บาธตอบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยพาลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกไปคุยกันด้านนอกโบสถ์
“ตัวนายเหม็นเหล้าหึ่งเลยจอห์นนี่ อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้อาบน้ำ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “อืม... เมื่อเช้าฉันตื่นสาย”
“งี้พ่อนายไม่บ่นตายหรือ? เขาต้องหงุดหงิดแน่ที่ตัวนายเหม็นขนาดนี้ เป็นฉันฉันต้องถามว่านายไปดื่มอะไรมา”
“เขาถามนั่นแหละแต่ฉันไม่ได้ตอบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะถามขึ้นบ้าง “ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”
“เมื่อวานฉันลืมบอกนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็เดินเข้ามา “สวัสดีจอร์จจี้ สวัสดีจอห์น ฉันมารบกวนมั้ย?”
“ไม่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหาเธอ “ผมกำลังรอคุณอยู่พอดี ผมยังไม่ได้บอกจอห์นนี่เรื่องนั้นเลย คือเมื่อวานพวกเราวุ่นวายกันมาก”
“ค่ะ ฉันเข้าใจ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองเธอ “มีอะไรหรือมาร์กี้”
“คือฉันอยากชวนคุณกับคุณโอเดนเบิร์กไปดูดอน จิโอวานนี่ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการตอบแทนเรื่องที่พวกคุณช่วยฉันกับจอร์จจี้ค่ะ”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดงนิดๆ “ใช่ ฉันตกลงกับมาร์กาเร็ตว่าจะไปดูดอน จิโอวานนี่ด้วยกัน เลยอยากให้นายกับกอร์ดอนไปด้วย” พูดจบเขาก็ล้วงซองจดหมายสองซองออกมาจากอกเสื้อ “นี่ตั๋ว ที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกนาย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาพยักหน้า แล้วรับซองตั๋วทั้งสองซองมาใส่ไว้ในอกเสื้อ “ขอบใจนะ กอร์ดอนจะต้องดีใจแน่ ฉันแน่ใจว่าเขายังไม่เคยไปดูโอเปร่าที่รอแยลโอเปร่ามาก่อน”
“ฉันหวังว่าเขาจะชอบค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด “เป็นไปได้ฉันอยากจะนัดเขาทานมื้อค่ำด้วย ฉันอยากพบเขามาก”
“ผมจะบอกเขาให้ แน่ใจว่าเขาน่าจะยินดีไปทานมื้อค่ำกับคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม ก่อนจะถามต่อ “แล้วแมกซ์ล่ะ? พวกนายไม่ชวนเขาด้วยหรือ?”
“ฉันเอาตั๋วให้เขาแล้ว ก่อนจะมาหานายเมื่อตะกี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “วันนี้เขาต้องรีบกลับบ้าน เห็นว่าไมครอฟส่งโทรเลขมาตามให้กลับไปจัดการเรื่องอะไรสักอย่าง”
“กระทั่งวันอาทิตย์ก็ไม่ละเว้นเลยหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “โชคดีจริงๆ ที่ฉันไม่มีพี่ชายอย่างไมครอฟ”
“คงมีแต่แมกซ์เท่านั้นแหละที่โชคร้ายต้องเป็นน้องชายเขา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางหัวเราะ “แล้วนี่นายจะไปไหนต่อ?”
“คงกลับบ้าน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อย่างน้อยๆ ฉันต้องกลับไปอาบน้ำ ก่อนที่พ่อจะถามฉันจริงๆ ว่าฉันไปดื่มอะไรมา”
---------------------------------
ลอร์ดโทรว์บริดจ์อาบน้ำทันทีที่กลับถึงบ้าน เขาแช่ตัวอยู่ในอ่างนานเกือบชั่วโมง จนเลดี้บาธต้องให้คนรับใช้มาเคาะประตูถามว่าเขาต้องการกินมื้อเช้าในอ่างอาบน้ำหรือไม่นั่นแหละ เอิร์ลหนุ่มถึงยอมลุกขึ้นมาเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า
เลดี้บาธนั่งรออยู่ในห้องอาหาร เธอยิ้มทันทีที่เห็นลูกชาย “จอห์น แม่ชอบจังเวลาลูกเพิ่งอาบน้ำ”
ชายหนุ่มยิ้มให้แม่ของเขา แล้วลากเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้าม “แม่ยังไม่กินมื้อเช้าหรือครับ?”
“เรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ แต่แม่อยากมานั่งเป็นเพื่อนลูก อีกไม่นานก็ได้เวลาน้ำชาแล้ว”
เอิร์ลหนุ่มหัวเราะเขินๆ ระหว่างที่ถาดอาหารเช้าถูกนำมาวางตรงหน้าเขา “ผมตื่นสายมาก ขอโทษด้วยครับ”
เลดี้บาธพยักหน้า “โอลิเวอร์บอกแม่แล้ว ว่าเมื่อคืนลูกกลับมาดึกมาก” เธอเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “แม่น่ะไม่ว่าอะไรหรอก แต่ลูกก็ไม่ควรจะดื่มหนักขนาดมีกลิ่นตัวแบบนี้ มันดูไม่ดีเลยสำหรับสุภาพบุรุษอย่างลูก”
“ครับ ผมจะจำไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ว่าคราวหลังดื่มแล้วต้องอาบน้ำด้วย”
เลดี้บาธถอนหายใจ “นี่ถ้าพ่อนั่งอยู่ ลูกต้องโดนอีกชุดแน่ๆ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขาทาเนยลงไปบนขนมปัง แล้วใช้ช้อนตอกไข่ต้มที่วางอยู่ ก่อนจะหยิบลูกเบอรี่ขึ้นมาเคี้ยว เลดี้บาธมองลูกชายตัวเอง
“เสื้อผ้าลูกเป็นไงบ้างจ๊ะ โอเดนเบิร์กตัดทันมั้ย?”
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า “อินเวอร์เนสโค้ทจะเสร็จวันพุธนี้ ส่วนชุดอื่นๆ ผมบอกกำหนดเขาไว้หมดแล้ว”
“ดีจ้ะ” เลดี้บาธยิ้ม “โอเดนเบิร์กเป็นช่างตัดเสื้อที่ฝีมือดีมาก แม่ไม่เคยเจอช่างตัดเสื้อที่อายุน้อยแล้วฝีมือดีขนาดเขามาก่อน ตอนที่พ่อไปร้านเขาครั้งแรก ยังเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นแค่คนเปิดประตูร้านเลย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ตอนผมเจอเขาครั้งแรก ยังเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพวกตกงานเลยครับ”
“ตายแล้ว นี่ลูกบอกเขาไปแบบนั้นหรือเปล่าจ๊ะ? มันเสียมารยาทมากเลยนะ”
คนถูกถามหัวเราะเขินกว่าเดิม “ก็ผมเข้าใจผิดนี่ครับ เขาแต่งตัวธรรมดามาก ค่อนข้างแย่เลยนะผมว่า ท่าทางไม่น่าจะเป็นช่างตัดเสื้อได้”
เลดี้บาธทำหน้าแปลกใจ “แม่ว่าโอเดนเบิร์กแต่งตัวดีออกนะจ๊ะ ถึงผมเขาจะยาวไปหน่อย”
“แสดงว่าแม่ไม่เคยเห็นเขานอกเวลางาน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วหยิบขนมปังขึ้นมากัด พลางใช้ช้อนตักไข่ต้ม “เขาแต่งตัวแย่มากครับ ขนาดว่าผมเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัวแล้วยังรู้สึกเลยว่าเขาแย่กว่าผมอีก”
“เขาอาจจะมีเหตุผล ลูกไม่ควรเสียมารยาทนะจ๊ะ”
“เขาบอกว่ามันไม่คุ้มที่จะต้องเสียเวลาตัดชุดดีๆ ให้ตัวเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่เขาก็ดูดีมากนะครับ เวลาใส่ชุดที่ตัวเองตัด”
“จ้ะ ที่จริงแล้วเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากเลยนะ” เลดี้บาธว่า “แม่ยังแปลกใจเลยที่เขายังไม่แต่งงาน เห็นว่าเขาเป็นลูกคนเดียวด้วย ถ้าเขามีน้องสาวหรือพี่สาว พวกเธอคงจะสวยมาก”
“เขาไม่มีญาติพี่น้องเลยหรือครับ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความสงสัย “ผมรู้แค่ว่าเขารับช่วงร้านต่อจากปู่ และพ่อแม่เขาเสียหมดแล้ว”
“ไม่รู้สิ อาจจะมีแต่เขาไม่ได้พูดถึงล่ะมั้ง” เลดี้บาธว่า ก่อนจะหรี่ตามองลูกชาย “อย่าบอกนะจ๊ะว่าลูกสนใจอยากเห็นญาติสาวๆ ของเขา แม่รู้นะว่าลูกชอบผู้หญิงผมทองตาสีฟ้า”
เอิร์ลหนุ่มหน้าแดงจนถึงใบหู เขาก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้าโดยไม่พูดอะไรอีก เลดี้บาธถอนหายใจ “แคทเธอรีนไม่ถูกใจลูกหรือ?”
“อ๋อ... เปล่าครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด “พวกเราอยู่ระหว่างศึกษาซึ่งกันและกันอยู่ อังคารนี้ผมเชิญเธอมาดื่มชาแล้ว”
“จ้ะ” เลดี้บาธพยักหน้า “แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับลูกมาก ในสายตาของพ่อกับแม่ และเธอมีทุกอย่างที่ลูกชอบ ผมสีทอง ตาสีฟ้า ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง แม่แปลกใจเหมือนกันนะจ๊ะ ที่ลูกดูเฉยๆ กับเธอ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะแห้งๆ “ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงผมทองตาสีฟ้าไปทั่วนะครับ อีกอย่างแคทเธอรีนเป็นถึงหลานสาวของท่านดยุกแห่งอ็อคฟอร์ด ผมคงชอบเธอสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”
แม่ของเขาถอนหายใจ “เอาเถอะจ้ะ ถ้าลูกอยากลองศึกษาเธอก่อน แม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าลูกมีคนรักอยู่แล้ว ลูกควรจะบอกแม่ด้วย ถึงเธอไม่ใช่เลดี้ แต่ถ้าเธอดูดีพอ แม่อาจจะช่วยสนับสนุนให้ได้”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงก่ำกว่าเดิม เลดี้บาธเห็นแล้วก็ยิ้มให้ลูกชายด้วยความเอ็นดู “แสดงว่าลูกมีคนที่ชอบอยู่แล้วจริงๆ สินะ จะไม่บอกแม่หน่อยหรือว่าเป็นใคร”
“ไม่ได้หรอกครับ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกมา ก่อนจะรีบพูดต่อ “คือ... ผมหมายถึงอนาคตยังไม่มีอะไรแน่นอน ตอนนี้ผมจะศึกษาแคทเธอรีนไปก่อน เธอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผม”
“ตามใจลูกก็แล้วกันจ้ะ” เลดี้บาธว่า “แม่รู้ว่าลูกรู้ว่าอะไรสมควรไม่สมควร หวังว่าลูกจะไปได้ดีกับแคทเธอรีนนะ”
“ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า และนึกโล่งใจที่ในที่สุดเขาก็จัดการมื้อเช้าได้หมดเสียที เลดี้บาธพูดต่อ
“พ่ออ่านจดหมายอยู่ในห้องหนังสือ ถ้าลูกอิ่มแล้วก็น่าจะเข้าไปคุยกับพ่อสักหน่อยนะจ๊ะ”
“ครับ”
-------------------------------------------
ลอร์ดบาธเงยหน้ามองลูกชายที่เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะชี้มือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะ “นั่งสิ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงตามคำสั่ง พลางกวาดตาดูกองจดหมายบนโต๊ะ “จดหมายเยอะนะครับ”
“อืม... ส่วนใหญ่ก็เรื่องเงินๆ ทองๆ นั่นแหละ” ผู้เป็นพ่อตอบเขา เอิร์ลหนุ่มพูดต่อ “งั้นผมช่วยแยก พรุ่งนี้แรมซี่จะได้เอาไปจัดการได้ง่ายหน่อย”
ลอร์ดบาธกวาดจดหมายปึกหนึ่งให้เขา “เอ้า แยกรายรับกับรายจ่ายออกมาแล้วกัน แกคงรู้ชื่อนะว่าอันไหนมาจากใคร”
“ครับ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบมีดมาตัดซองจดหมายพวกนั้น ก่อนจะดึงกระดาษด้านในออกมาอ่าน แล้วแยกว่าอันไหนคือค่าใช้จ่าย อันไหนคือรายรับ จดหมายพวกนี้เมื่ออ่านและแยกเสร็จ จะถูกส่งให้กับเลขานุการประจำตัวของลอร์ดบาธ เพื่อจัดการเบิกจ่ายและตรวจสอบรายรับกับทางธนาคารอีกที
“พ่อครับ ผมสงสัยว่าเรามีที่ดินเท่าไหร่กันแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นระหว่างคัดแยกจดหมายพวกนั้น ลอร์ดบาธชี้มือไปที่ตู้ไม้ใบใหญ่ที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง “มันอยู่ในนั้น ถ้าแกอยากรู้ก็ลองไปนับดูแล้วกัน”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองตามมือผู้เป็นพ่อไป แล้วถามต่อ “พ่อไม่ได้ทำดัชนีแยกไว้หรือครับ?”
“ทำ แต่พ่อเห็นว่าแกควรจะได้เห็นมันด้วยตาตัวเองสักครั้ง” ลอร์ดบาธว่า “ในตู้ไม้นั่นคือสิ่งที่แกต้องรับผิดชอบต่อจากพ่อ”
“งั้นเดี๋ยวผมแยกจดหมายเสร็จแล้วจะไปดูครับ”
จดหมายถูกส่งมาจากหลายที่ หากเป็นจดหมายที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย หรือใบเสร็จ มักส่งมาจากภายใจลอนดอนนี่แหละ ส่วนรายรับค่าเช่าที่ดิน จะมาจากบาธและเมืองอื่นๆ หลากหลายกันออกไป จดหมายหลายฉบับถูกเปิดอ่านแล้ว แต่หลายฉบับยังตีตราครั่งอยู่ หลังแยกจดหมายไปได้พักหนึ่ง เอิร์ลหนุ่มก็พูดขึ้นอีก
“พ่อครับ เมื่อวานผมสั่งคาร์เวียร์สีทองเลี้ยงเพื่อนไปสิบชุด”
“หืม?” ลอร์ดบาธเลิกคิ้วพลางมองลูกชาย “โอกาสอะไร?”
“ผมไม่ได้เจอกับเพื่อนนานแล้ว” อีกฝ่ายตอบ “ผมบอกไว้ เผื่อพ่อสงสัยถ้ามีจดหมายเรียกเก็บเงินมา”
“ถ้าแกไม่ได้เลี้ยงเพื่อนแบบนี้ทุกสัปดาห์ พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก” ลอร์ดบาธตอบ ก่อนจะถอนหายใจ “จอห์น... แกวางแผนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองไว้บ้างมั้ย?”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “อนาคตผมไม่เห็นจะต้องวางแผนอะไรนี่ครับ ยังไงผมก็ต้องรับตำแหน่งมาร์ควิสต่อจากพ่ออยู่แล้ว หรือพ่ออยากให้ผมไปทำเหมืองที่อเมริกา”
“ไม่ตลกนะจอห์น” ลอร์ดบาธดุเขา “ที่โธมัสต้องไปทำเหมืองที่อเมริกาเพราะปู่ของแกไม่แบ่งมรดกให้เขา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนใช้จ่ายพร่ำเพรื่อ แต่เพราะทุกอย่างที่เรามีอยู่ตอนนี้มันสมดุลดีอยู่แล้ว มันไม่ควรถูกแบ่งชิ้นอีก”
“ครับ ผมทราบ”
“และแกต้องรับทั้งหมดนี้ต่อจากพ่อ ไม่ช้าก็เร็ว ตำแหน่งมาร์ควิสไม่ใช่ว่านึกจะเป็นก็เป็นได้ง่ายๆ แกรู้รึเปล่าว่าเราต้องยืนอยู่ต่อหน้าใครบ้าง”
“ใครครับ?”
“พระราชินี อาร์คบิชอป และท่านดยุกกับพวกขุนนางทั้งหลาย” เขาเว้นจังหวะพูดหน่อยหนึ่ง “สภาขุนนางพิจารณากฎหมาย และให้คำปรึกษาแก่พระราชินี พวกเราอาจจะเป็นคนกำหนดด้วยซ้ำว่าจะประกาศสงครามกับใคร จะอยู่ฝ่ายไหน แน่นอนว่าอำนาจย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบเสมอ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย “จะมีสงครามอีกหรือครับ?”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้” ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ “แต่สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจนักหรอก มีการก่อการร้ายไปทั่ว แกก็เห็นข่าวที่ฝรั่งเศส ถึงสงครามโลกจะจบไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าสงครามจะหายไปจากโลกเสียหน่อย”
“ครับ”
“ความมั่นคงของพระราชินีและราชวงศ์คือความมั่นคงของประเทศเรา กระแสของพวกอนาธิปไตยค่อนข้างรุนแรงมาก เราไม่ต้องการให้ประเทศต้องเป็นเหมือนฝรั่งเศส แกก็เห็นว่ามันเละเทะแค่ไหนหลังจากพวกนั้นล้มล้างราชวงศ์ของตัวเอง”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า พ่อของเขาพูดต่อ “พ่ออยากให้แกรู้ถึงสิ่งที่ต้องรับผิดชอบในอนาคต จอห์น ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของตระกูล แต่แกต้องรับผิดชอบประเทศนี้ สภาขุนนางคือหน้าต่างส่องถึงพระราชินี แกต้องเป็นหน้าต่างที่ดี เป็นที่เคารพของคนอื่นๆ พ่อคงไม่ต้องบอกนะว่าเมื่อเช้าแกทำตัวแย่แค่ไหน”
เอิร์ลหนุ่มหน้าแดงด้วยความอับอาย เขาได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด
“แกจะดื่มอะไรพ่อไม่ว่าหรอก พ่อเคยบอกแล้วว่าอย่าให้เมาถึงขั้นต้องหามกลับ แต่วันนี้พ่อจะขอแกอีกอย่าง อย่าออกจากบ้านทั้งที่ตัวแกมีกลิ่นเหล้าหึ่งแบบวันนี้เด็ดขาด”
“ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมขอโทษ ต่อไปจะไม่ให้เกิดอีกครับ”
ลอร์ดบาธมองลูกชาย ก่อนจะถอนหายใจ “อเมริกาคงสอนอะไรแกมาเยอะมาก ไปหัดดื่มอะไรมาล่ะ เหล้ารัมใช่มั้ย? ครั้งแรกสำลักรึเปล่า?”