“เอาน่าๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดแทรก “ถ้าพูดถึงการหาเรื่องส่งใครไปที่ร้านของกอร์ดอนฉันนึกออกเรื่องนึง”
“เรื่องอะไร?”
“กอร์ดอนชอบกุหลาบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พักหลังๆ นี้เขาชอบซื้อมาให้แม่บ้านจัดแจกันแต่งร้าน ฉันกำลังคิดว่า วันไหนถ้าอยากนัดเจอเขา จะให้โอลิเวอร์เอากุหลาบไปส่งให้ แล้วแอบใส่จดหมายไปในช่อกุหลาบ น่าจะได้อยู่นะ”
“โห... จอห์นนี่ แค่คิดว่านายส่งกุหลาบไปร้านตัดเสื้อสัปดาห์ละสองครั้งก็สุดจะผิดปกติล่ะ ผู้ชายที่ไหนเขาส่งกุหลาบหาผู้ชายกัน”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เงียบอยู่นานค่อยๆ พูดขึ้น “ถ้าเป็นท่าเรือล่ะ? นายเคยเล่าว่าเจอเขาครั้งแรกที่ท่าเรือ เพราะเขาไปดูผ้าใช่มั้ย? นายแอบไปนัดเจอเขาที่นั่นก็ได้นี่”
“เข้าท่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันปรบมือ “ที่ท่าเรือไม่น่าจะมีใครรู้จักจอห์นนี่แน่ ดูแล้วปลอดภัยที่สุด”
“แต่เรือไม่ได้เข้าทุกวันนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยพูดต่อ “นายเจอเขาแล้วก็นัดวันเอาสิ อย่างสัปดาห์แรกนัดกันวันพฤหัส พอสัปดาห์ที่สองเป็นวันอังคาร สัปดาห์ที่สามเป็นวันเสาร์ อะไรงี้ ไม่เห็นจะยากเลย”
“จริงด้วย!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้อง “นายนี่สมเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนัดลับจริงๆ”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกะพริบตามองเขา ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา “เพิ่งเห็นข้อดีเรื่องการควงสาวหลายคนของนายก็วันนี้แหละจอร์จ”
“ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
-----------------------------------------
กอร์ดอนจับรถม้าไปที่อาคารสโมสรก่อนเวลานัดนัด คราวนี้เขาพกเงินไปจำนวนหนึ่ง และตั้งใจกับตัวเองว่าจะพยายามทำตัวให้ดูเป็นมิตรและเหมาะสมกับฐานะมากที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเกร็งนักเวลาที่อยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ของลอร์ดโทรว์บริดจ์
วันนี้สมาชิกของสโมสรมากันครบถ้วน กอร์ดอนที่ไปถึงก่อนรีบอาสาเป็นคนรินวิสกี้ทันที โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นหน้าใหม่ ควรจะได้รับเกียรติให้ทำเรื่องนี้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นฟ้องด้วยในฐานะประธานสโมสร การจับฉลากรินวิสกี้ในวันนี้จึงต้องยกเลิกไป
หัวข้อการสนทนาของหนุ่มๆ ในวันนี้หนีไม่พ้นเรื่องงานเต้นรำเมื่อวันศุกร์ เจมส์เป็นคนเปิดประเด็นคนแรก “พวกนายคิดว่าจอร์จจี้จะหลบสามสาวไปได้อีกสักกี่น้ำ”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโวยขึ้นมาทันที “ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้ แทนที่นายจะถามว่าจอห์นนี่กับแคทเธอรีนเป็นไงบ้าง”
“ก็เรื่องนั้นมันไม่น่าสนใจนี่นา” เจมส์ว่า “มาร์กาเร็ตถามถึงนายด้วย ฉันเลยบอกว่านายเจ็บขา”
“โอ๊ย อย่าพูดถึงมาร์กาเร็ต ฉันเห็นแล้วว่าเธอเต้นกับนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง เจฟฟรีเลยพูดขึ้นต่อ “ไอรีนก็ถามถึงนาย ฉันเลยบอกว่านายท้องเสีย”
“โชคดีที่แมรี่ไม่พูดอะไรเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดเป็นคนสุดท้าย “ไม่ถามถึงนายสักคำ ทำเหมือนไม่รู้ว่านายอยู่กลุ่มพวกเราด้วย”
“อ่อค...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนอะไรติดคอ “ที่จริงฉันก็รู้สึกว่าแมรี่เริ่มหลบหน้าฉันตั้งแต่หลังงานเต้นรำนั้นแล้ว”
“เธอน่าจะรู้ตัวแล้วนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตั้งข้อสังเกต “เป็นฉันฉันก็คิดว่าควรจะรู้ตัวนานแล้ว”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถลึงตามองเพื่อน ก่อนที่โรเบิร์ตจะพูดขึ้นมา “จอร์จ ฉันคิดว่านายควรจะเลือกคบใครสักคน ก่อนที่จะไม่เหลือใครไว้ให้นายคบนะ”
คนถูกบอกให้เลือกทำหน้าหงุดหงิดใจ “ที่จริงฉันก็อยากเลือกน่ะนะ แต่... พวกนายไม่เข้าใจ มันเลือกยากมาก เกิดเป็นคนรูปหล่ออย่างฉันนี่มันลำบากมากเลยนะ เลือกคนนั้นก็กลัวคนนี้นะเสียใจ”
เพื่อนๆ ที่ฟังอยู่ทำหน้าเพลีย ลอร์ดครอฟตันพูดขึ้นมา “ฉันขอแนะนำให้นายเลือกมาร์กาเร็ต เธอเหมาะกับนายที่สุด”
“ม่าย!!” ลอร์ดหนุ่มร้องเหมือนถูกรถม้าชน “ใครก็ได้ที่ไม่ใช่มาร์กาเร็ต”
“แต่มาร์กาเร็ตเป็นคู่หมั้นนายนะ” อีธานเตือนสติ “นายควรจะเลือกคนที่พ่อแม่หาไว้ให้”
“ไม่ ฉันยังไม่ได้สวมแหวนหมั้น นั่นแค่การตกลงกันของผู้ใหญ่เฉยๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสวนทันที ก่อนจะครางอย่างน่าสงสาร “ฉันรู้ว่ามาร์กาเร็ตเป็นคนยังไง พวกเราเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ พวกนายไม่เข้าใจฉันหรอก ยังไงฉันก็ไม่แต่งงานกับเธอเด็ดขาด”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตบไหล่เพื่อนเบาๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าขอบใจ ก่อนจะถอนใจเฮือก “เอาล่ะ ถ้าพวกนายยังพูดถึงเรื่องมาร์กาเร็ตอีกครั้งเดียว ฉันจะกลับ ถือว่าไม่ให้เกียรติฉัน”
“ก็ได้ๆ” เจมส์รีบพูด “งั้นพูดถึงเรื่องเลดี้แคทเธอรีนต่อ อืม... ฉันเพิ่งเคยเห็นตัวจริงของเธอก็วันนั้นแหละ สวยมาก สเป็กนายเลยใช่มั้ยจอห์นนี่”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่เชิง ที่จริงเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร”
“ไอ้ไม่เชิงกับสีหน้าอย่างนั้นของนายคืออะไรเนี่ย” เจฟฟรี่ครางออกมา “เลดี้แคทเธอรีนสวยขนาดนั้นยังไม่โดนใจนายอีกหรือ? ขนาดฉันไม่ค่อยอะไรกับสาวผมทองตาสีฟ้ายังอดมองเหลียวหลังไม่ได้เลย”
“ถูกใจนายไม่ได้หมายความว่าจะถูกใจจอห์นนี่นี่นา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้งขึ้นมา “ขนาดฉันชอบสาวผมทอง ฉันยังเฉยๆ เลย”
“นายชอบสาวทุกสีผมนั่นแหละ” ลอร์ดครอฟตันพูด “ที่จริงแล้วนายไม่เคยสนใจสีผมด้วยซ้ำ นายสนใจหน้าอกของเธอต่างหาก”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ฉันคิดว่าพวกเราทุกคนควรจะสนใจตรงนั้นไม่ใช่หรือไง มันเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ ผู้หญิงหน้าอกใหญ่หมายถึงสามารถทำหน้าที่แม่ของลูกได้ดี ฉันมองหน้าอกไม่เห็นจะผิดปกติอะไรนี่”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือ เป็นเชิงบอกว่าเถียงไปก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร เจฟฟรี่พูดขึ้นต่อ “ว่าแต่ทำไมจอห์นนี่สะดุดขาตัวเองสองรอบ? ปกตินายเต้นรำคล่องอย่างกับเล่นสเก็ต หรือรองเท้านายมีอะไรติด?”
“ฉันว่าเขาใจลอย” นิโคลาสตั้งข้อสังเกต “จอห์นนี่ชอบเสียสมาธิเวลาที่เขามีสิ่งที่สนใจกว่าอยู่ใกล้ๆ ฉันยังจำตอนที่เขาลืมวางทรัยเพราะมัวแต่พะวงเรื่องที่จอร์จถูกหามออกไปนอกสนามได้อยู่เลย”
“ตอนนั้นฉันแค่เป็นตะคริว ไม่ได้ขาหัก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า นิโคลาสพูดต่อ “แต่จอห์นนี่ของเราห่วงเหมือนนายขาหักไง ฉันว่านายคงเป็นห่วงเรื่องกอร์ดอน ใช่มั้ย?”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะดุ้งเฮือก “เอ๋? ทำไมล่ะ?”
“อ้าว ก็กอร์ดอนท่าทางไม่ค่อยคุ้นกับงานเต้นรำนี่นา นายจะห่วงก็ไม่น่าแปลก แต่ห่วงขนาดเต้นพลาดสองหนนี่ฉันว่านายก็เกินไปหน่อยนึงนะ”
กอร์ดอนที่นั่งฟังอยู่หน้าแดงด้วยความประหม่า “ผมขอโทษครับ”
“เฮ้ย ฉันไม่ได้ว่ามันเป็นความผิดนาย” นิโคลาสพูดต่อ “ฉันแค่บอกว่าจอห์นนี่เป็นพวกขี้ห่วง เขาเอาแต่ห่วงเพื่อนแบบนี้ระวังจะหาเจ้าสาวไม่ได้เอา”
“นายไม่ต้องเป็นห่วงจอห์นนี่เรื่องนั้นหรอกน่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ ฉันรู้หรอกนายแอบชอบเบตตี้แต่ไม่กล้าบอก วันก่อนเห็นส่งดอกไม้ไปให้ที่คฤหาสน์ แต่ดันไม่ลงชื่อซะได้”
เพื่อนที่เหลือพากันหัวเราะ นิโคลาสหน้าบึ้ง “ให้ปิศาจจับนายไปกินเลย จอร์จ”
“ฮ่าๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “เราเลิกพูดเรื่องงานเต้นรำกันเถอะ เห็นข่าวกฎหมายใหม่ที่ผ่านสภาเมื่อวานหรือยัง?”
“เห็นแล้ว” อีธานว่า “ว่าแต่นายหันมาสนใจเรื่องกฎหมายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ไม่นาน ฉันกำลังช่วยแมกซ์วางแผนทำธุรกิจ”
“จอร์จ ฉันยังไม่ตกลงใจทำอะไรทั้งนั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันจะช่วยพี่ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
“มุกแป๊กเลยจอร์จจี้ แมกซ์ไม่เล่นด้วย” เจมส์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ฉันว่าวันนี้เราน่าจะทำอะไรเป็นการเลี้ยงส่งเอ็มดีกว่า สัปดาห์หน้าเขาก็จะไปอเมริกาแล้ว”
“เออ นั่นสินะ” เพื่อนๆ พูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะหันไปมองเอ็มมานูเอล
“ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นล่ะเอ็ม”
เอ็มมานูเอลสูดหายใจ “ฉันแค่รู้สึกว่า ต้องคิดถึงพวกนายมากแน่ๆ พอไปถึงที่โน่นแล้ว ฉันคงพลาดเรื่องบ้าๆ ทุกพุธ ไม่รู้สิ จู่ๆ ก็ไม่อยากไปขึ้นมาเฉยๆ”
“ไม่เอาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมาตบไหล่เพื่อน “นายไปอยู่โน่นแค่สามสี่เดือนเอง กลับมามีเวลาเล่าอะไรอีกตั้งเยอะ พวกเราจะตั้งหน้าตั้งตารอฟังเรื่องของนายเลย”
“ขอบใจนะจอห์นนี่ ถ้านายยังอยู่ที่นั่นก็ดีสิ พวกเราต้องมีเรื่องสนุกให้ทำเยอะแน่ๆ” เอ็มมานูเอลพูดพลางพยักหน้า เพื่อนๆ รีบเดินมาตบไหล่ให้กำลังใจ “อย่าเศร้าไปเลยน่าเอ็ม นายก็ส่งโปสการ์ดหรือจดหมายมาอย่างที่จอห์นนี่ทำสิ แล้วเดี๋ยวพวกเราจะเขียนตอบ เล่าเรื่องบ้าๆ ที่นี่ให้นายฟังด้วย”
“ใช่ ที่จริงนายควรจะดีใจจนเนื้อเต้นถึงจะถูก”
“อือ นั่นสิ นายจะได้ไปเหยียบทวีปใหม่เชียวนะ ที่นั่นจะมีแดดและอากาศสดใสรอนายอยู่”
“อย่าขี้แยไปน่าเอ็ม”
“ฉันไม่ได้ขี้แย หยุดแหย่เลยนะเจฟ”
“ฮ่าๆ”
หลังจากนั้นเหล่าบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายก็ร้องเพลงและเต้นแบบไอริช* (Irish dance การเต้นรำด้วยการเคาะเท้า เป็นหนึ่งในต้นแบบการเต้นแท็ปในปัจจุบัน) วนไปรอบๆ เอ็มมานูเอล ก่อนจะลากเขามาเต้นด้วย พวกเขาเต้นอยู่นานจนคนเฝ้าประตูต้องมาเคาะห้องเตือน เพราะเสียงยกเท้าเคาะพื้นคงดังรบกวนห้องที่อยู่ชั้นล่าง ทั้งหมดหัวเราะด้วยความสนุกสนาน เจมส์หยิบขวดแชมเปญออกมาเปิด ฉลองการเดินทางให้กับเพื่อนรัก กอร์ดอนรับมาแค่แก้วเดียว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อคืนวันศุกร์อีก
“ศุกร์ที่แล้วจอร์จกับกอร์ดอนเหมาแชมเปญไปหมด วันนี้ถึงคิวฉันแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด ก่อนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่ม ขณะที่เพื่อนๆ พากันหัวเราะ “แด่เอ็ม ขอให้เขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดื่มแชมเปญรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะรินเติมอีก “แด่พระราชินี”
“แด่พระราชินี”
กอร์ดอนพยายามรักษาระดับของเหลวในแก้วตัวเองให้พอแก่การดื่มฉลองซ้ำๆ พวกนั้น เขาเห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ดื่มแชมเปญเข้าไปหลายแก้ว แต่ยังคงรักษาสีหน้าเป็นปกติได้ เลยถามขึ้นมา “นี่คุณไม่เมาบ้างหรือ?”
“หืม?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมามองเขาด้วยความแปลกใจ แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ลอร์ดครอฟตันก็แทรกขึ้นมาก่อน “อยากเห็นจอห์นนี่เมาหรือ? อย่างนั้นนายต้องเอาถังแชมเปญมาเทใส่อ่างให้เขาอาบ แค่นี้จอห์นนี่ไม่รู้สึกหรอก ฮ่าๆ”
“นายก็พูดเกินไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เทใส่อ่างให้อาบฉันจะเมาได้ไง ต้องเทใส่ปากซี่”
“มุกไม่ฮา หักจอห์นนี่ห้าคะแนน” เจมส์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงพูดต่อ “อาบแชมเปญก็ดีนะจอห์นนี่ เผื่อนายจะได้มีผมสีแชมเปญ สาวๆ น่าจะชอบ”
“โอ๊ย หักจอร์จจี้ห้าคะแนน มุกจะฮามากถ้าคนเล่นไม่ใช่เขา” เจมส์พูดขึ้น ทุกคนพากันหัวเราะ
----------------------------------------
หลังจากดื่มแชมเปญหมดไปสองขวด สุภาพบุรุษทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับ ขากลับลอร์ดโทรว์บริดจ์ชวนกอร์ดอนขึ้นรถม้าไปด้วยกันกับเขา พอปิดประตูรถม้าเรียบร้อย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ขยับมานั่งประชิดกับกอร์ดอนทันที
“ทำอะไรครับ?” กอร์ดอนพูดตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงตัวเขาเข้าไปกอด ฝ่ายนั้นจูบศีรษะเขา แล้วตอบ “ใช้เวลาส่วนตัวของเราให้คุ้มค่าไง”
กอร์ดอนหน้าแดง “ผมมาคิดๆ ดูแล้ว พวกเราเจอกันที่นี่สัปดาห์ละครั้งก็ปลอดภัยดีเหมือนกัน คุณไม่ต้องไปที่ร้านผมบ่อยๆ หรอก มันจะน่าสงสัยเอา”
“อืม... สำหรับผมแค่สัปดาห์ละครั้งไม่พอหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์งึมงำ พลางขยับลงจูบแก้มอีกฝ่าย กอร์ดอนขยับหนี “อ๊ะ!”
ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้มพลางใช้นิ้วปิดปากเขาเอาไว้ “คุณจะไปท่าเรืออีกวันไหน?”
“ถามทำไมครับ?”
“ผมจะได้แวะไปหาคุณ ผมอยากนัดเจอคุณที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่ คงเป็นร้านอาหาร หรือไม่ก็บาร์ แต่ผมต้องหาก่อนว่าที่ไหนเหมาะ แล้วจะบอกคุณอีกที”
กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา “ส่วนใหญ่เรือจะเทียบท่าวันศุกร์ แต่ก็เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้หรอกครับ วันไหนมีพายุก็ช้า บางสัปดาห์ผมไปไม่มีผ้าลงใหม่เลยด้วยซ้ำ”
“ไม่เป็นไร งั้นที่ท่าเรือทุกวันศุกร์นะ กี่โมงดี เก้าโมงเช้าเวลาเดียวกับที่ผมเจอคุณดีไหม?”
กอร์ดอนไม่ตกลงในทันที เขามองหน้าลอร์ดหนุ่ม แล้วพูดต่อ “จอห์น ถ้าที่บ้านคุณรู้เรื่องนี้เข้า... มันร้ายแรงมากเลยนะครับ”
“กลัวหรือ?”
ช่างตัดเสื้อหนุ่มพยักหน้า “เมื่อคืนพอคุณกลับไปผมก็นอนคิดๆ ดู มันไม่คุ้มสำหรับคุณเลยนะ... ทั้งชื่อเสียงตระกูล ฐานะของคุณ... จะให้มาพังเพราะผมไม่ได้หรอก”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจ “เมื่อคืนผมก็คิดเหมือนกัน คิดว่าถ้าผมไม่ใช่คาเวดิช ถ้าผมไม่ใช่ลูกคนเดียวของคุณพ่อ ผมคงจะชวนหนีไปอยู่อเมริกา ที่นั่นเราจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องคอยกลัวใครจะเอาเรื่องไปฟ้องพระราชินี”
“แต่คุณเป็นคาเวดิช เป็นลูกชายคนเดียวของท่านมาควิส...”
“อืม... เพราะงั้นเราถึงต้องวางแผนให้รอบคอบไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมอยากให้การเจอกันของเราไม่สะดุดตาที่สุด บางทีผมอาจจะชวนแมกซ์หรือจอร์จไปด้วย คุณคงไม่ว่าอะไรนะ”
กอร์ดอนสั่นศีรษะ เขาซบหน้าลงบนไหล่ของอีกฝ่าย “เมื่อวานนี้ผมไม่น่าปล่อยให้คุณสาบานเลย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์กอดฝ่ายนั้นแน่นขึ้น “กอร์ดอน”
“ครับ?”
“ผมรู้ว่าคุณกลัว ผมเองก็กลัวไม่แพ้คุณ แต่อย่าให้ความกลัวทำให้คุณรู้สึกเสียใจที่สาบานรักร่วมกับผมจะได้ไหม... ผมคิดว่าความกลัวไม่ควรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความรัก”
กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณนี่มัน....”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มตอบ ก่อนจะก้มลงแนบจุมพิตลงบนริมฝีปากของร่างที่อยู่ในอ้อมกอด
“รู้อะไรมั้ย?” เขากระซิบ “ผมน่ะเคยเกลียดรถม้าที่สุดเลย ทั้งแคบทั้งอึดอัด”
“ครับ?”
“แต่ตอนนี้ผมชอบมันมากเลยล่ะ”
“?” กอร์ดอนเงยหน้ามองเอิร์ลหนุ่มอีกครั้ง ฝ่ายนั้นยกมือลูบศีรษะเขา “เพราะมันเป็นที่เดียวที่ผมสามารถอยู่กับคุณได้โดยไม่ต้องกลัวใครเห็น”
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงตัวกอร์ดอนเข้ามากอด ดวงตาสีเขียวของเขามีน้ำเอ่อท้นขึ้นมา
-----------------------------------
(จบตอน)
** อันที่จริงแล้ว เรื่องนี้มันก็ออกแนวขมๆ หวานๆ ไม่เชิงว่าจะต้มมาม่าซดกันอืดทุกบรรทัดเสียทีเดียว โดยส่วนตัวเราแอบรู้สึกชอบโมเม้นต์กุ๊กกิ๊กของกอร์ดอนกับลอร์ดคาเวดิช และโมเม้นต์สมาคมคุณชายหลุดโลกของแก๊งนี้มาก
.
ยังยืนยันว่าเรื่องนี้อบอุ่น(?) และค่อนข้างเบาสมอง (มั้งคะ?)
.
นึกซะว่ากินดาร์กช็อกโกแล็ตอยู่แล้วกันนะคะ^^ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ