Re: ★★defeated heart แพ้ใจ★★..... [ยุทธนาxเดือนสิบ] ตอนที่ 20 Up [29/06/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: ★★defeated heart แพ้ใจ★★..... [ยุทธนาxเดือนสิบ] ตอนที่ 20 Up [29/06/60]  (อ่าน 55510 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ดีค่ะ หาคู่ให้ปืนเลยค่ะ จะได้ไม่แหย่พี่ยุทธอีก

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
โอ้ยยยยยยพี่ยุทธๆๆ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ปืนสมควรต้องมีคู่แล้วนะ จะได้ไม่ต้องคอยมาป่วนคนอื่น

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ปืนขี้แกล้ง  :z2:
อยากได้น้องสิบมาเลี้ยงจัง




ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
เอาน่าพี่ยุทธ ปืนมันดูแลของมันมานาน มันก็ต้องห่วงและหวงกันบ้างล่ะน้า อิอิ นิดๆหน่อยๆ

หาแฟนให้น้องปืนบ้าง อิอิ

ออฟไลน์ PYonG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขอเดือนสิบมาเลี้ยงได้ไหมม เอ็นดูววววว
หาคู่ให้ปืนเลยค่ะ เชียร์ 555
 :L1: :L1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ LoveRead

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปืนแกล้งหนักๆ เอาให้พี่มันหัวร้อยเยอะๆ 555
เดือนสิบน่ารักจังลูกก  :o8:
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
หนูปืนขาลูกกกกกกก เล่นจริงเล่นใหญ่ไปแล้วววว เดี๋ยวพี่ยุทธคิดมากนะคะลูกกกกก
รบกวนไรทืส่งใครมาให้น้องปืนที :hao6:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เล่นใหญ่มากๆๆ

จัดเต็มเลยหรอปืน???

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ TheP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปืนเล่นใหญ๋มาก เอาอีก 5555555
พี่ยุทธยังฟอร์มดี แต่ก็อยากเห็นคนหลุดฟอร์มเหมือนกันน้าา
 :L1: :L1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

10


“อ้าวสิบ มากับเพื่อนพี่ได้ไงครับเนี่ย”


“พี่ป้องหวัดดีครับ”


เดือนสิบยิ้มแหยก่อนจะยกมือไหว้รุ่นพี่ตัวเล็กที่พอเห็นเขาลงรถมาพร้อมกับเพื่อนตัวเองก็ยิ้มระรื่น ยิ่งเห็นสายตาวาวๆที่มองเขาสลับกับร่างสูงของใครอีกคนเหมือนจะล้อๆอยู่ในทีก็อดรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ได้ เหลือบมองคนที่ลงรถมาก่อนอย่างขอความช่วยเหลือทว่าฝ่ายนั้นกลับยืนกอดอกนิ่ง ผิดกับม่านตาคมคู่นั้นที่ดูไหวระริกอารมณ์ดี …ดีจนน่าหมั่นไส้เชียวล่ะ


“ไงมึง เงียบเลยนะ ที่ปล่อยพวกกูนั่งรอเกือบชั่วโมงนี่คือมัวไปหลอกล่อเด็กอยู่ถูกม่ะ?” พอเห็นรุ่นน้องเริ่มวางหน้าไม่ถูกปกรณ์เลยเปลี่ยนมาเป็นแซะเพื่อนตัวเอง ทว่าคนถูกแซะกลับไหวไหล่ด้วยท่าทีสบายๆ


“ไอ้สัด”


“หูยย พูดไม่เพราะเลย แบบนี้ต้องบอกให้เด็กเลิกคบจะได้ไม่เอาไปเป็นเยี่ยงอย่าง”


“พอเลยเชี่ยป้อง แล้วนี่ไอ้หินกับไอ้พีทไปไหน” ปกรณ์มองเพื่อนสนิทล้อๆ ยิ่งเห็นมันเอาแต่ลอบมองรุ่นน้องตัวขาวว่าที่เพื่อนสะใภ้อยู่ตลอดก็ยิ่งคันปากอยากแซว แต่เพราะกลัวจะทำให้น้องมันวางหน้าไม่ถูกไปกว่านี้เลยคิดว่ายั้งไว้ก่อนคงจะดีกว่า


“พวกมันไปเข้าห้องน้ำก่อนหน้ามึงจะมาถึงเนี่ยอีกเดี๋ยวคงออกมา ขนของขึ้นรถรอเลยก็ได้”


ยุทธนาพยักหน้ารับก่อนที่พวกเขาจะช่วยกันขนสัมภาระขึ้นรถ พอดีกับที่ขนของเสร็จอีกสองคนที่เหลือก็เดินออกมาพอดี


“มากันนานยังวะ” ศิลาเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่กำลังปิดประตูหลังโยนกระเป๋าเป้ใบสุดท้ายเข้าไปในรถ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบสายตาก็ไปปะทะเข้ากับใครอีกคนซะก่อน เขายิ้มให้รุ่นน้องร่วมคณะที่มีแนวว่าจะได้มาเป็นเพื่อนสะใภ้ในเร็วๆนี้


“หวัดครับพี่ๆ” เดือนสิบยกมือไหว้ก่อนจะยิ้มตอบเกร็งๆ ถึงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันแล้วแต่มันก็อดประหม่าไม่ได้อยู่ดี เหลือบตามองคนที่ยืนห่างกันไปไม่ไกลนักฝ่ายนั้นก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ เลยใจชื้นขึ้นมาหน่อย


“มาตอนที่พวกมึงไปเข้าห้องน้ำอ่ะ เก็บของหมดแล้วก็ไปเหอะร่างกายกูต้องการน้ำทะเลมากก คราวก่อนก็ชวดไปทีเพราะไอ้ห่ายุทธล่ะ คราวนี้กูจะเล่นให้ฉ่ำปอดเลยสาดด” ปกรณ์บ่นยาวก่อนจะโดดขึ้นรถไปจับจองที่นั่งหลังสุดเป็นคนแรก


“งั้นสิบนั่งหน้าเป็นเพื่อนไอ้ยุทธแล้วกัน พี่กับไอ้พีทว่าจะงีบซักหน่อย” ว่าจบก็คว้าคอเพื่อนสนิทที่ยืนทำหน้าง่วงๆอยู่ข้างๆให้ขึ้นรถไปด้วย เดือนสิบมองตามตาแป๋วพอหันกลับมามองอีกคนที่รับหน้าที่เป็นสารถี พี่มันก็ยักไหล่ประมาณว่าตามนั้นก่อนจะดันหลังเขาให้เดินไปขึ้นรถ เปิดประตูให้เสร็จสรรพแล้วถึงได้ดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคบขับ


“คาดเข็มขัดด้วยครับ” เดือนสิบพยักหน้าหงึกหงักทำตามอย่างว่าง่าย ยุทธนาพอเห็นว่าน้องคาดเข็มขัดเรียบร้อยก็เริ่มออกรถ


“ไอ้อิฐมันไลน์มาถามว่าจะแวะกินอะไรก่อนไหมหรือจะไปกินที่โน่นเลย เอาไง” ปกรณ์ถามความเห็นหลังได้รับข้อความจากรุ่นน้องที่อยู่บนรถอีกคัน


“กูยังไงก็ได้” ศิลาบอกโดยมีลูกคู่ที่นั่งตาปรืออยู่ข้างๆกันพยักหน้ารับ


“ไอ้ยุทธกับสิบว่าไง” เดือนสิบเหลือบมองคนขับพอดีกับฝ่ายนั้นหันมามองเขา พี่มันพยักหน้าให้เป็นเชิงว่ายังไงก็ได้เขาเลยเป็นฝ่ายตอบ


“แล้วแต่พวกนั้นเลยครับ”


“เออเว้ย คันนี้มันมีแต่พวกว่าง่าย” ว่าพลางพิมพ์ตอบรุ่นน้องไป รออยู่ไม่นานฝ่ายนั้นก็ตอบกลับมา “พวกมันบอกว่างั้นไปกินที่โน่นทีเดียวเลยแล้วกัน”


ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งรถจะเงียบเสียงไป เดือนสิบเหลือบมองไปทางด้านหลังก็เห็นว่ารุ่นพี่ทั้งสามคนเริ่มพากันหลับตาพริ้มเข้าสู่โลกแห่งความฝันเป็นที่เรียบร้อย อาจเพราะต้องตื่นแต่เช้าทั้งที่เมื่อคืนนอนดึกเพราะถูกพี่พีทรบเร้าให้เล่นเกมด้วยจนดึกดื่น ซึ่งอันนี้พี่ป้องบ่นให้ฟังระหว่างขนกระเป๋าขึ้นรถ พอหันกลับมามองคนขับที่ไม่พ้นถูกดึงให้ร่วมลงสนามรบด้วยเมื่อคืนก็เห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังตั้งอกตั้งใจมองทางข้างหน้า เสี้ยวหน้าคมคายถึงจะไม่ได้ดูง่วงงุนแต่ก็มีความอ่อนล้าปรากฏให้เห็น


“ถ้าพี่ยุทธง่วงให้ผมขับเปลี่ยนก็ได้นะครับ” ฝ่ายนั้นละสายตาจากถนนชั่วครู่แล้วเหลือบมองเขาอย่างแปลกใจ


“ขับเป็นด้วยหรอเรา”


“ครับ เมื่อก่อนเฮียเจ้าของร้านที่ผมเคยทำงานอยู่เขาวานให้ช่วยไปส่งของให้บ่อยๆ”


“นี่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุเท่าไหร่” คนถูกถามนิ่งไป ตากลมกรอกกลิ้งคล้ายกำลังใช้ความคิด


“ถ้าช่วยที่บ้านก็ตั้งแต่เด็กแล้วครับ แต่ถ้าทำจริงจังก็เป็นช่วงเข้าปวช อาจารย์ที่โรงเรียนฝากให้น่ะครับเป็นอู่ซ่อมรถใกล้วิทยาลัย”


“แล้วไม่เหนื่อยรึไง ทั้งเรียนทั้งทำงานไปด้วยแบบนั้น”


“เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกดีได้ตังค์แถมยังได้ฝึกฝีมือไปด้วย” เดือนสิบว่ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองคนด้านข้างเมื่อสัมผัสอุ่นวางทาบลงบนหัวแล้วโยกเบาๆ


“เด็กดี..”


“ไม่หรอกครับ เรื่องไม่ดีผมก็เคยทำ”


“หืมม.. อย่างเช่น?”


“ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเหนื่อยมากๆเลยโดดงานไปเล่นเกม”


“นี่คือไม่ดีแล้วใช่ไหม” ยุทธนาเลิกคิ้ว


“ก็ต้องไม่ดีสิครับ พอผมโดดงานก็ไม่มีคนไปส่งของ เฮียเจ้าของร้านก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”


คนฟังฟังแล้วยิ้ม ขนาดเรื่องที่น้องบอกว่าไม่ดีเขายังมองว่ามันเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว ถ้าเทียบกับวีรกรรมของตัวเองกับกลุ่มเพื่อนสมัยมอปลายแล้วเดือนสิบดูเป็นเด็กน้อยไปเลย ขนาดว่าเรียนอยู่โรงเรียนช่างก็คิดว่าจะมีนิสัยโผงผางหรือมุทะลุเหมือนพวกเด็กช่างที่เขาเคยมีเรื่องด้วย แต่เปล่าเลย… น้องเป็นเด็กดีอย่างที่เขาคิด


“แล้วพี่ยุทธล่ะครับ”


“หืม?”


“เคยทำเรื่องไม่ดีบ้างรึเปล่า”


“เยอะแยะ”


“อย่างเช่น?”


“อืมม จะเอาเรื่องไม่ดี ไม่ดีมากๆ หรือโคตรจะไม่ดีเลยดีล่ะ” คนฟังย่นจมูก


“เอาตามที่พี่ยุทธสะดวกเลยครับ หรือจะเล่าหมดเลยก็ได้ผมอยากฟัง”


“เกิดฟังแล้วเรามองพี่ไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไงฮึ?”


“ก็ต้องฟังดูก่อน”


“แล้วถ้ามันไม่ดีถึงขั้นที่เรารับไม่ได้ล่ะ” เดือนสิบย่นคิ้วพลางจ้องมองเสี้ยวหน้าคมคายอย่างใช้ความคิด


“อืมม.. ไม่รู้สิครับ อยากรู้ก็ต้องฟังดูก่อน เล่าเถอะครับผมอยากรู้เรื่องของพี่จริงๆนะ” เขายิ้มสำทับให้ในจังหวะที่พี่หันมามอง


“เฮ้อ.. มาทำหน้าแบบนี้ใส่แล้วใครมันจะไปปฏิเสธลงฮึ” เดือนสิบยิ้มกว้าง เหลือบมองเสี้ยวหน้าคมคายอย่างรอคอย กระทั่งร่างสูงส่ายหัวเบาๆแล้วยอมเอ่ยปาก “ถ้าเป็นเรื่องเบาหน่อยก็คงต่อยตีกับเด็กต่างสถาบันจนถูกเรียกผู้ปกครองล่ะมั้ง”


“อย่างพี่ยุทธเนี่ยนะครับ” คนฟังทำหน้าไม่เชื่อ พอดีกับที่รถชะลอความเร็วเมื่อต้องจอดไฟแดงยุทธนาเลยถือโอกาสนั้นหันกลับมามองน้องตรงๆ คิ้วเข้าเลิกขึ้นสูง


“อย่างพี่มันทำไมฮึ?”


“ก็ดูเป็นคนนิ่งๆ ดูใจเย็นจนคิดไม่ว่าจะชอบมีเรื่องกับอื่น ถึงหน้าจะดุไปหน่อยก็เถอะ” ประโยคท้ายหันไปบ่นคนเดียวแต่ก็ไม่รอดพ้นหูคนหน้าดุอยู่ดี ผลเลยกลายเป็นหัวทุยที่โดนขยี้จนยุ่งเหยิง ทว่าก็เป็นคนเดียวกันที่ทำให้มันกลับมาเข้าทรงเหมือนเดิม


“ก่อนจะเย็นได้ขนาดนี้มันก็ต้องผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน ถ้าเป็นพี่เมื่อก่อนเราคงไม่รอดมาถึงทุกวันนี้หรอก”


“ไม่รอดอะไรครับ”


“ไม่ปล่อยให้รอดมาทำตัวน่ารักใส่แบบนี้ไง โดนจับกินไปตั้งนานแล้ว” ไม่ว่าเปล่ามือหนายังเลื่อนลงมาบีบจมูกรั้นที่ชอบทำย่นใส่เขาบ่อยๆราวกับหมั่นเขี้ยวนักหนา


“ฮื่อ.. เจ็บนะครับ!” เดือนสิบโวยลั่น ลูบจมูกตัวเองป้อยๆเมื่ออีกฝ่ายชักมือกลับไป ตากลมมองค้อนก่อนจะบ่นอุบ “แล้วใครจะไปยอมให้จับกินง่ายๆกัน บ้าชะมัด..”


“น่ารัก” ทว่าคนถูกค้อนกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ไม่วายเอ่ยแซวเรียกริ้วแดงให้มาพาดผ่านอยู่ข้างแก้มใส


”ไม่ต้องมองเลยครับ! ไฟเขียวแล้วหันไปขับรถดีเลยๆ ผมไม่คุยด้วยแล้ว”


“ไม่อยากฟังพี่เล่าต่อแล้วหรอ”


“ฮึ!ไม่เอาแล้วครับ ไม่อยากฟังแล้ว” กอดอกฉับส่ายหน้าสำทับจนผมฟุ้งเลยทีเดียว


.

.

.


ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงบ้านพักที่ไอ้อิฐจองไว้ หลังจากก้าวลงรถเดือนสิบก็ถูกเพื่อนสนิทที่มาถึงก่อนแล้วเข้าชาร์จทันที ไอ้ปืนเอ่ยทักทายรุ่นพี่ก่อนจะคว้ากระเป๋าเขาแล้วลากให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกัน ปล่อยให้ไอ้อิฐกับไอ้จอมรับหน้าที่พารุ่นพี่ทั้งสี่คนไปยังบ้านพักอีกหลังที่อยู่ติดกัน เดือนสิบมองตามแผ่นหลังกว้างเห็นอีกฝ่ายมองมาที่เขาพอดีเหมือนจะพูดอะไร หากแต่สุดท้ายก็เป็นเพียงรอยยิ้มแปลกๆเท่านั้นที่ถูกส่งมาให้


“อะไร มองตามขนาดนั้นหรือว่าอยากไปนอนบ้านโน้น?” เสียงแซวของไอ้ปืนเรียกให้คนที่คล้ายจิตใจจะหลุดลอยไปกับใครอีกคนให้หันมาย่นจมูกใส่ มันโยกหัวเขาไปทีก่อนจะเปิดประตูห้องให้เดินเข้าไปข้างใน


“เปล่าซักหน่อย” บ่นอุบก่อนจะเริ่มสำรวจสายตาไปรอบๆห้อง แค่จริงๆคือกำลังเลี่ยงสายตาจับผิดของเพื่อนสนิทต่างหาก


“ถึงจะอยากไปก็ไม่ให้ไปหรอก กูไม่ปล่อยให้มึงไปมีความสุขง่ายๆแน่น้องสิบ!” มันยักคิ้วทำหน้ากวนตีน จับปลายคางเขาให้เชิดขึ้นแล้วส่ายไปมาหยอกๆจนต้องปัดออก …นึกอยากจะจิ้มสายตาล้อเลียนของมันชะมัด!


“ความสุขบ้าอะไรของมึง แล้วนี่พวกที่มาด้วยไปไหนกันหมด” เดือนสิบเฉไฉ เอ่ยไปถึงพวกเด็กภาคคอมที่บอกว่าจะมาด้วยกัน ไอ้ปืนหัวเราะแต่ก็ยอมเลิกแกล้งเพื่อนสนิทแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงเดี่ยวอีกหลังที่ตั้งอยู่ข้างกัน


“นอนอยู่อีกบ้าน ไอ้อิฐมันจองไว้สามหลัง ตกหลังละสี่คนพอดีเพราะมีสองห้อง มึงก็รีบจัดของได้แล้วไอ้พวกนั้นบ่นหิวกันระงม ตกลงกันไว้แล้วด้วยว่าจะไปหาอะไรกินในตลาดจะได้ซื้อของมาไว้เผื่อทำอะไรกินตอนเย็นด้วย”


เดือนสิบพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มลงมือจัดของเข้าตู้ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ออกมาสมทบกับทุกคนที่มารออยู่หน้าบ้านพัก พวกเขาเลือกที่จะเอารถไปคันเดียวคือรถตู้ของไอ้ปืนที่กว้างพอจะจุคนทั้งสิบสอง อันได้แก่ พวกรุ่นพี่ปีสามทั้งสี่คน ไอ้ปืน และพวกไอ้จอม ไอ้อิฐ ไอ้ตู่ ไอ้เบ้น ไอ้อ๋อง ไอ้มอส ซึ่งเป็นเด็กภาคคอมที่ล้วนแล้วแต่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดีลงไปได้ ถึงจะมีเบียดๆกันบ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา รอบนี้ไอ้ปืนนั่งหน้าโดยมีพี่ป้องโดดตามหลังมันขึ้นไปทันทีก่อนที่เดือนสิบจะทันได้ขึ้น ผลเลยกลายเป็นว่าเขาต้องมานั่งอยู่กับพี่ยุทธที่ฉวยโอกาสตอนนั้นพาขึ้นมานั่งที่เบาะเกือบหลังสุดด้วยกันและถัดจากพี่มันไปก็เป็นพี่พีทที่ตัวพอๆกันกับเขาจึงไม่ได้ทำให้เบียดมากนัก


“อึดอัดรึเปล่า” คนที่นั่งตรงกลางเอ่ยถามพลางขยับห่างออกไปอีกนิด


“ไม่ครับ สบายมาก”


“แต่กูอึดอัดอ่ะ เชี่ยยุทธมึงเถิบไปหน่อยดิ” เป็นรุ่นพี่อีกคนที่ถูกเพื่อนเบียดจนตัวแทบจะแนบไปกับกระจกรถเพราะมันกลัวว่าแฟนจะอึดอัดโวยขึ้น 


“พี่ยุทธขยับมาทางนี้อีกก็ได้ครับ” เดือนสิบออกปาก เพราะเห็นว่าระหว่างเขากับพี่มันยังมีพื้นที่เหลืออยู่นิดหน่อยเพราะเจ้าตัวเล่นขยับไปเบียดฝ่ายโน้นเกินเพราะกลัวว่าเขาจะอึดอัด


“ขอบใจนะสิบ น่ารักแถมยังน้ำใจงาม สมแล้วที่จะมาเป็นเพื่อนสะใภ้พี่” คนโดนแซวปั้นหน้าไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าจะถูกแซวจากคนที่ดูเงียบๆมาตลอดอย่างพี่พีท เขาไม่ค่อยได้คุยกับอีกฝ่ายมากนักแต่ก็คุ้นหน้ากันดีเพราะเห็นว่าไปไหนมาไหนกับรุ่นพี่กลุ่มนี้อยู่บ่อยๆ


“ไม่เป็นไรครับ” เดือนสิบยิ้มแห้ง เหลือบมองคนข้างตัวก็เห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังจ้องเขาอยู่แล้วก็เอาแต่อมยิ้มโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่ชั่วขณะต่อมามือบางจะถูกรวบไปกุมไว้อย่างถือวิสาสะ อยากจะชักกลับเพราะหมั่นไส้ม่านตาคมดูเจ้าเล่ห์ ทว่าสิ่งที่ทำได้คือถอนสายตากลับมาแล้วนั่งเงียบๆฟังพวกข้างหน้าคุยกันด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ


พอมาถึงร้านอาหารไอ้พวกที่มีท่าทางสะลึมสะลือในตอนแรกก็ตาวาวกระโจนเข้าใส่เมนูแล้วสั่งยับราวกับหิวโหยกันมาแต่ชาติปางไหน


“สาบานว่าพวกมึงไม่ได้สั่งมาถมที่” พี่พีทที่เดินหน้าง่วงๆตามหลังทุกคนเข้ามาเอ่ยแซะขึ้นก่อนจะบอกให้เขาขยับแล้วแทรกตัวนั่งลงข้างๆเขากับไอ้ปืน


“แล้วพี่จะมาเบียดผมทำไมเนี่ยที่มีตั้งเยอะแยะ” คนโดนแย่งที่บ่นหน้ายุ่ง ทว่าอีกคนกลับไหวไหล่ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ


“ก็กูอยากนั่งตรงนี้ ทำไม? นั่งไม่ได้หรอ?”


“ได้คร้าบ พี่อยากนั่งตรงไหนก็เอาที่พี่สบายใจเลยคร้าบ” ไอ้ปืนยอมลงให้ด้วยขี้เกียจจะเถียง เพราะถึงเถียงไปยังไงดูท่าแล้วก็คงไม่พ้นต้องพ่ายแพ้ให้อีกฝ่ายอยู่ดี เห็นทำหน้างวงๆแบบนี้แต่อย่าให้ได้ออกปากด่าใครเชียว…


“ใครเอาเครื่องดื่มอะไรบ้างครับผม” ไอ้เบ้นมือชงอันดับหนึ่งทำหน้าที่บริการเครื่องดื่มเพราะตกที่นั่งทิศตะวันตัก โดยมีไอ้จอมที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันเป็นลูกมือช่วยตักน้ำแข็งให้


“กูเอาเบียร์แล้วกันพวกมึงอ่ะ” พี่ป้องบอกก่อนจะหันมาถามเพื่อนสนิท ซึ่งพวกที่เหลือก็พยักหน้ารับง่ายๆ เพื่อนว่าไงก็ว่าตามนั้น
“งั้นของพวกกูเอาเบียร์หมดเลย”


ไอ้เบ้นรับคำแล้วเริ่มรินเบียร์แจกจ่าย ซึ่งพวกที่เหลือส่วนมากก็เลือกกินเบียร์แทนที่จะเป็นน้ำเปล่าทั้งนั้น มีแค่เขากับไอ้อ๋องที่สีหน้าดูอ่อนล้าเพราะเมารถมาตั้งแต่ต้นที่เลือกกินน้ำเปล่า


หลังกินเสร็จพวกที่ได้รับมอบหมายให้ไปเลือกซื้อของสดอันได้แก่เดือนสิบ ไอ้จอม ไอ้เบ้นและไอ้ปืนที่เต้นเหยงๆอยากไปด้วยก็แยกตัวออกมา ส่วนพวกที่เหลือก็แยกย้ายกันไปดูของหรือแล้วแต่ใครจะทำอะไรโดยมีข้อกำหนดว่าต้องมาถึงรถในเวลาก่อนสี่โมงเย็น


“ปูก็ได้แล้วหมึกก็ได้แล้วกุ้งก็ได้แล้ว เอาอะไรเพิ่มอีกดีวะ” ไอ้เบ้นเงยหน้าขึ้นมาถามหลังจากสำรวจของในถุง


“หอยไง! พวกเชี่ยตู่แม่งชอบกินหอย” ไอ้จอมเสนอ


“โอเค งั้นพวกมึงแยกไปซื้อหอยเดี๋ยวกูกับไอ้สิบจะไปซื้อเบียร์เพิ่ม”


“ห่าปืน ไอ้ที่ขนมาจนเต็มหลังรถนี่ยังไม่สะใจมึงอีกหรอวะ”


“มึงช่วยดูเพื่อนมึงแต่ละตัวด้วยครับเชี่ยเบ้น แดกทีกูนึกว่าห่าลง อีกอย่างซื้อไว้ก็ไม่เสียหาย ยังไงเหลือมันก็ดีกว่าขาด”


“ครับๆงั้นก็ตามนั้นเลยครับ แล้วจะเจอที่ไหนหรือจะไปที่รถเลย”


“ไปที่รถเลยก็ได้”


พอตกลงกันได้เขากับไอ้ปืนก็แยกย้ายไปซื้อเบียร์ ซึ่งพอเห็นปริมาณที่มันซื้อเท่านั้นแหละเดือนสิบถึงกับกลืนน้ำลายลงคอแล้วมองอย่างอึ้งๆ นี่สรุปว่าพวกมันแค่อยากมาเปลี่ยนสถานที่เมาโดยการเอาเรื่องเที่ยวมาอ้างถูกไหม? ไหนจะเหล้าเป็นลังนั่นอีก


“เยอะไปเปล่าวะ” เห็นแล้วมันก็อดจะท้วงไม่ได้ ทว่าไอ้คนจ่ายเงินกลับไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ


“มึงต้องถามว่าแค่นี้จะพอหรอวะ”


เดือนสิบได้แต่ทำหน้าขยาด มองลังเบียร์ที่ทางร้านกำลังยกขึ้นรถเพื่อเอาไปส่งสลับกับเพื่อนสนิทแล้วก็ได้แต่คิดว่า ‘งานนี้ไอ้ปืนมันคงกะเมาสามวันยันกลับ’

.

.

.


“บ้านนี้มีใครจะลงเล่นน้ำไหมครับผม!” เสียงตะโกนที่เดือนสิบจำได้ว่าน่าจะเป็นไอ้ตู่ดังโหวกเหวกอยู่หน้าบ้าน หลังกลับมาจากตลาดแล้วแยกย้ายกันมาพักผ่อนได้ไม่นาน


“จะลงไปเล่นด้วยกันไหม” ไอ้ปืนที่ตอนนี้เปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขากสั้นตัวเดียวเดี่ยวๆโชว์ผิวขาวๆและซิกแพคเนียนๆยืนเท้าเอวถามอยู่ปลายเตียง เดือนสิบมองแล้วได้แต่ย่นจมูกใส่เพราะนึกอิจฉาหุ่นงามๆของมัน ขนาดว่าเขาทำงานอยู่ในอู่มียกนั่นจับนี่หนักๆบ้างยังไม่ได้เหมือนมัน จะมีก็แต่กล้ามแขนบ้างประปรายเท่านั้นที่ขึ้นมาให้ได้ใจชื้น


“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวจะไปช่วยไอ้จอมเตรียมอาหาร” เห็นมันบ่นๆว่าไอ้พวกนี้นัดแนะกันจะลงเล่นน้ำตั้งแต่อยู่บนรถ หน้าที่จัดเตรียมอาหารเลยถูกยัดเยียดให้ไอ้จอมที่แม่มันเปิดร้านอาหารเป็นคนจัดการ


“แม่บ้านแม่เรือนขนาดนี้ผัวรักผัวหลงแน่ๆ” ไอ้ปืนแซวยิ้มๆ ทว่าคนถูกแซวกลับหน้าร้อนวาบรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกแล้วมองเพื่อนตาขวาง


“ห่าปืน! ผัวเผออะไรของมึง จะลงไปเล่นน้ำก็รีบไปเลยไป๊”


“ฮั่นแน่ะ! เขินๆ แก้มแดงแล้ว ว้าย หูก็แดงอ่ะ ว้ายๆ ฮ่าๆๆ”


“ไอ้ปืน! ไอ้บ้า! จะไปไหนก็รีบไปเลยไป๊!”


“ว้ายๆ เขิน ฮ่าๆๆ”


“ไอ้สัด!”


ปัง!


ไอ้ปืนไปแล้วไปพร้อมกับหนังสือการ์ตูนในมือที่เขาขว้างใส่ แถมมันยังปิดประตูดังลั่นไม่เกรงใจคนที่นั่งหน้าดำหน้าแดงอยู่บนเตียงอีกต่างหาก เดือนสิบได้แต่บ่นขมุบขมิบตามหลังเพื่อนสนิท ทั้งโกรธทั้งอายที่โดนมันล้อ สองข้างแก้มยังรู้สึกร้อนวาบไม่จางหายจนต้องเลื่อนมือมากุมไว้เพราะหวังว่ามันจะช่วยคลายความร้อนให้หายไป




********


 :katai5:
มาทะเล = เหล้า = เมา = ?
นุ้งปืนยังคงความหวงเพื่อนค่ะ อารมณ์นางจะแบบอยากเห็นคนขี้เก๊กหลุดฟอร์มงี้
แต่บังเอิญอิพี่มันฟอร์มหนา(ต่อหน้าคนอื่น) เพราะฉะนั้น กวนวนไปค่ะ 555555
 :กอด1: :กอด1:


ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
 :pig4:

ออฟไลน์ PYonG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ปืนกับพี่พีทรึเปล่า? ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ปูเสื่อรอ 55555
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ได้กลิ่นปืนพีท

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ชอบมากๆๆช
ชอบไปหมดเลยยยยยยย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ได้กลิ่นปืนพีท
คิดเหมือน
หรือ พีท ปืน :mew1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★★defeated heart แพ้ใจ★★..... ตอนที่ 10 Up. [03/02/60]
« ตอบ #259 เมื่อ: 03-02-2017 23:24:21 »





ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ LoveRead

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งานนี้ปืนพีทรึเปล่าา ฮาาา
ชอบน้องสิบอ่ะอยากได้มาเลี้ยงดูที่บ้านน
 :L1: :L1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เหมือนว่าถ้ามีเมาจะมีอีกคู่เกิดอ่ะ

ออฟไลน์ ijuney

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สนุกมาก รอสิบกับพี่ยุทธ

ออฟไลน์ TheP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เมานี้จะมีเฮไหม
พีทปืน? รึเปล่า ฮาา
 :L1: :L1:  :L1:
:pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
งานนี้มีฟอร์มหลุด 5555

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

11


   “ไม่ไปหาน้องมันหรอวะ หมาไม่อยู่เฝ้าแล้วนะทางสะดวก”


ไอ้ป้องที่นั่งจิบเบียร์อยู่ข้างๆกันเอ่ยขึ้น ตามองไปยังกลุ่มเด็กวิศวะสี่ห้าคนที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ห่างไปไม่ไกล ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ้เด็กปีหนึ่งที่ช่วงหลังๆมานี้ชอบทำตัวเป็นหมาหวงก้างคอยกันท่าเขากับแฟนตัวเองให้ได้หงุดหงิดเล่นอยู่บ่อยครั้ง


   “ไปตอนนี้ก็เกะกะเปล่าๆ” ตอนเดินออกมาจากบ้านเห็นว่ากำลังนั่งแกะกุ้งแกะปูจนหน้ายุ่ง อยากเข้าไปแหยเหมือนกันแต่เห็นว่าอยู่กับกลุ่มเพื่อนเลยคิดว่าไม่เอาดีกว่า ไม่ใช่ว่ากลัวคนอื่นจะรู้ว่าคบกันเพราะเขาเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอยู่แล้ว เพียงแต่กลัวว่าน้องจะทำตัวไม่ถูกเวลาโดนเพื่อนแซวมากกว่า
       

        …เวลาเขินแล้วแก้มแดงเป็นริ้วๆน่ะมันน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่ สู้เก็บไว้แกล้งเองมองเองดีกว่าเป็นไหนๆ


“สรุปนี่คือพวกมึงคบกันยังวะ” ศิลาถามขึ้นบ้าง เพราะช่วงหลังๆมานี่มัวแต่หัวหมุนอยู่กับหนังสือกองโตเลยไม่มีเวลาได้ถามไถ่ชีวิตรักของเพื่อนเท่าไหร่


“อืม คบแล้ว” ยุทธนาครางรับ ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องปิดบัง ในเมื่อพวกมันก็รู้อยู่แล้งว่าเขาคิดยังไงกับน้อง จริงๆต้องบอกว่ารู้มาตั้งแต่ที่เขาเริ่มมองน้องต่างหาก


“หมายถึงเป็นแฟนกัน?”


“อือฮึ..”


“แล้วเรื่องแฟนเก่า.. มั่นใจแล้วหรอวะว่าน้องมันลืมได้แล้วจริงๆ” ไอ้พีทออกความเห็น ตัวมันเปียกโชกเพราะก่อนหน้านี้ลงไปรบกับไอ้พวกทโมนทั้งหลายมา


ได้ยินอย่างนั้นยุทธนาก็ชะงักไป นั่นสิ… เขาไม่เคยออกปากถามน้องเรื่องแฟนเก่าเพราะไม่อยากให้น้องคิดมากและไม่อยากสะกิดใจให้ต้องไปนึกถึง แต่ก็ไม่เคยถามเหมือนกันว่าน้องคิดยังไงกับเขา นอกจากสังเกตเอาจากท่าทีเขินอายหรือปฏิกิริยาต่างๆเวลาอยู่ด้วยกัน และน้องก็ยอมให้เขาจูบ.. แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วรึเปล่าที่จะบอกว่าน้องเองก็ชอบเขาเหมือนกัน หรือไม่ใช่?


“มึงก็ไปถามอะไรแบบนั้นวะห่าพีท ดูดิเพื่อนแม่งเครียดหมดแล้วเนี่ย”


“โทษทีเว้ย กูแค่อยากให้มึงเคลียร์ให้ชัด กลัวว่าจะมีปัญหาเหมือนที่กูเคยเจอ คบกันแต่เขายังรักคนอื่นแม่งไม่ใช่เรื่องสนุกเลยจริงๆ” ไอ้พีททิ้งท้ายไว้แค่นั้น มันยิ้มจางทว่านัยย์ตากลับดูหม่นๆลง ตบบ่าเขาปุๆก่อนจะวิ่งลงทะเลไป


“กูก็ลืมไปว่ามันเคยเจ็บ” ปกรณ์มองตามแผ่นหลังเล็กของเพื่อน กระทั่งมันกระโจนเข้าใส่แผ่นหลังของรุ่นน้องซักคนแล้วพยายามกดลงน้ำเหมือนแกล้งๆ แต่เพราะมันตัวเล็กกว่าเลยกลายเป็นว่าถูกฝ่ายนั้นสลัดลงน้ำซะเอง พอแกล้งรุ่นพี่ได้ไอ้พวกนั้นก็พากันหัวเราะครื้นเครงชอบอกชอบใจกันใหญ่


“แล้วมึงนี่ยังไงวะ ขอคบเป็นแฟนนี่เอาจริงๆแล้วใช่ไหม” ปกรณ์ละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วหันกลับมามองเพื่อนอีกคนที่นั่งจิบเบียร์เงียบๆ


“อืม.. มึงก็รู้ว่ากูมองมันมานาน” รู้สิ รู้ว่ามันเอาแต่มองจนสุดท้ายก็ถูกไอ้เด็กปีหนึ่งนิสัยหน้าม่อนั่นคาบไปแดก แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง เพราะกว่าเพื่อนเขาจะเจออีกฝ่าย จะรู้สึกถูกใจกระทั่งเริ่มมองหาไอ้นุก็ยิงคะแนนนำไปหลายแต้มแล้ว


“แล้วเป็นไง น่ารักเหมือนตอนที่มองอยู่ห่างๆไหม” ถึงไอ้ยุทธจะเป็นคนเงียบๆแต่ก็มีบ่อยครั้งที่มันเผลอหลุดปากเรื่องของเดือนสิบให้ได้ยิน ยิ่งตอนมันเมาๆนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ถามอะไรบอกหมดไม่มีเหลือ แต่กว่าจะมอมมันให้เมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน แม่มคอแข็งกว่าเขาอีก


“น่ารักดิ น่ารักมาก” ดูจากแววตาอ่อนลงเวลาที่มันพูดถึงน้องไม่ต้องบอกเขาก็พอจะรู้ จริงๆแล้วไอ้ยุทธมันก็ไม่ใช่คนเฉยชาขนาดไม่สนโลกอย่างที่แสดงออกเวลาอยู่กับคนหมู่มากหรอก เพียงแต่มันมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้มันเปลี่ยนจนต้องกลายเป็นคนแบบนั้นมากกว่า…


.

.


“ขึ้นมาได้ก็แดกเลยนะสัด ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีๆก่อนไป๊ อุจาดตาชิบหายแต่ละคน” ไอ้จอมผู้รับหน้าที่เป็นพ่อครัวสำหรับปาร์ตี้ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในคืนนี้วาดตะหลิวชี้หน้าไอ้พวกที่กำลังยืนจิ้มปลาหมึกย่างเข้าปากทั้งที่เนื้อตัวเปียกโชก


“ก็มันหิวนี่หว่า ขอรองท้องก่อนไม่ได้ไง” ไอ้ตู่โอด เมื่อจานปลาหมึกย่างถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา


“นั่นดิ กูหิวจนไม่มีแรงเดินแล้วเนี่ยขอแดกก่อนไม่ได้หรอ” ไอ้มอสที่ยืนปากสั่นทั้งที่มือกำส้อมไม่ยอมปล่อยอยู่ข้างๆกันสมทบ


“ไม่ได้! เดี๋ยวหวัดแดกขึ้นมาก็ลำบากพวกกูอีก”


“กูหัวแข็งน่า เล่นน้ำทะเลแค่นี้หวัดไม่ได้แดกกูหรอก”


“แต่มึงจะได้แดกตีนกูแน่ถ้ายังไม่รีบไปอาบน้ำ ไป๊”


“แม่งดุเหมือนหมา ตกลงนี่เพื่อนหรือแม่วะ” มันบ่นๆแต่สุดท้ายก็ยอมเดินกลับเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้าน


“สิบจะเข้าไปอาบน้ำก่อนไหม” พอไอ้พวกนั้นไปไอ้จอมก็หันมาถามคนที่รับหน้าที่นึ่งปูอยู่ไม่ไกล เดือนสิบวางที่คีบลงพลางพยักหน้า


“อื้อ งั้นเราไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวรีบออกมาเปลี่ยน”


“เฮ้ยไม่เป็นไร เหลือแค่รอปูสุกก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวเรื่องเตรียมเตาย่างปล่อยเป็นหน้าที่ไอ้เบ้นมัน”


“โอเค”


เดือนสิบพยักหน้ารับ พอเดินเข้ามาในห้องก็เห็นว่าไอ้ปืนอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วเรียบร้อยกำลังนอนแผ่สองสลึงกดโทรศัพท์ยิกๆอยู่บนเตียง ด้วยความหมั่นไส้เลยเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนแผ่นหลังมันแรงๆ


ตุบ!


“เชี่ย! ไอ้สิบเล่นไรเนี่ย เจ็บ!”


“หมั่นไส้!”


“ลุกเลยมึง ตัวไม่ใช่จะเล็กๆทับมาได้” เดือบสิบย่นจมูก แทนที่จะลุกตามที่เพื่อนขอกลับยิ่งทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งตัวจนไอ้ปืนโวยลั่น


“จุกไอ้ห่า! ลุกๆๆ”


“ขอโทษกูก่อนแล้วบอกด้วยว่าจะไม่ล้ออีก” กอดอกฉับพลางยื่นข้อเสนออย่างผู้เหนือกว่า


“ล้อเรื่องมึงกำลังจะมีผัวอ่ะนะ”


“เชี่ยปืน!”


ตุบ!


“โอ้ย!! โอเคๆกูไม่ล้อแล้วๆ จะไม่ล้อว่ามึงมีผัวอีกแล้ว” มันตบที่นอนปุๆเหมือนนักมวยปล้ำเวลายอมแพ้ แต่คำพูดคำจาเล่นเอาคนฟังหน้าร้อนจนต้องทิ้งตัวใส่มันแรงๆอีกรอบเพราะอดใจไม่ไหว


“ไอ้สัด!” ด่าทิ้งท้ายก่อนจะรีบวิ่งไปคว้าผ้าขนหนูแล้ววิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็วแสงเพราะกลัวว่าจะถูกเพื่อนสนิทเอาคืน ถึงมันจะไม่เคยแกล้งเขาแรงๆแต่ก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ ไอ้ปืนยิ่งชอบเล่นอะไรแผลงๆอยู่ด้วยถ้าเกิดมันเอาคืนขึ้นมามาเขาสู้แรงมันไม่ได้อีก


เกือบหนึ่งทุ่มตรงเป็นเวลาที่ทุกคนออกจากบ้านมาพร้อมกันตามเวลาที่ได้นัดแนะ สถานที่จัดปาร์ตี้ถูกจัดง่ายๆบริเวณหน้าบ้านพักโดยการเอาโต๊ะตัวยาวจากบ้านแต่ละหลังมาตั้งต่อๆกันจนพอสำหรับจำนวนคน ไอ้มอสกับไอ้ตู่รับหน้าที่ต่อแมคที่มันอุตส่าห์ยัดใส่กระเป๋ามาด้วยเข้ากับลำโพงที่ลุงเจ้าของบ้านพักใจดียกมาให้ แถมมันยังเปิดเพลงเสียงดังสนั่นไม่เกรงใจใคร โชคดีที่สถานที่พักของพวกเขาค่อนข้างอยู่ห่างไกลความเจริญเลยไม่ต้องกลัวว่าเสียงดังแล้วจะมีคนด่า เบียร์สองลังถูกตั้งไว้หัวโต๊ะทั้งสองด้านรวมถึงเหล้าและมิกเซอร์อีกไม่ยั้ง ไหนจะเบียร์เป็นตั้งที่วางอยู่ในบ้านนั่นอีก เรียกได้ว่างานนี้เมาไม่นับหลับเป็นแพ้เลยทีเดียว


“หูยย หอมว่ะ” ไอ้พวกทโมนทั้งหลายพากันปาดน้ำลายทันทีหลังจากเคลื่อนย้ายของกินขึ้นโต๊ะ เหล้าเบียร์เริ่มถูกแจกจ่ายจนครบทุกคน ใครชอบแบบไหนเรียกร้องได้กับไอ้เบ้นมือชงเจ้าเก่า งานนี้พี่พีทกับพี่หินรับอาสาทำหน้าที่ย่างบาบีคิวเพราะเพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองเอาแต่กินแรงรุ่นน้องตั้งแต่มาถึง


“ขอเข้มๆเลยเชี่ยเบ้น งานนี้ไม่เมาไม่เลิก” ไอ้อิฐออกปาก มองขวดเหล้าในมือเพื่อนตาวาว


“มึงจะรีบเมาไปไหนเชี่ยอิฐ รู้จักคำว่าเรื่อยๆชิลล์ๆไหมไอ้ห่า”


“จะแดกเร็วแดกช้าแม่งก็เมาเหมือนๆกันอ่ะ”


“เอาบรรยากาศไงครับเพื่อน รู้จักบรรยากาศไหม จะแดกเหล้าให้อร่อยมันต้องพึ่งบรรยากาศ ยูโนว?”


“โอเคครับ เอาบรรยากาศก็เอาบรรยากาศ”


ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พอเอาเข้าจริงๆพวกมันก็พากันเขมือบอย่างกับห่าลงอยู่ดี ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงเบียร์ลังแรกก็อันตรธานหายไปเป็นที่เรียบร้อย พอเริ่มเข้าลังที่สองที่สามจากที่คุยกันสียงดังอยู่แล้วก็ยิ่งดังเข้าไปใหญ่ และคนที่ดูเหมือนจะไปก่อนใครเพื่อนก็คงไม่พ้นไอ้อิฐ เพราะมันเล่นยกเอาๆไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเรียกได้ว่าเหล้าทั้งกลมมันแทบจะกินคนเดียวเลยก็ได้


“ไอ้สิบไปย่างกุ้งมาเพิ่มดิ” ไอ้ปืนที่นั่งอยู่ข้างๆกันเริ่มออกปากใช้ สังเกตเห็นว่าแก้มมันเริ่มแดงหน่อยๆเพราะซัดเบียร์เข้าไปไม่น้อย เดือนสิบเดินแยกออกมาย่างกุ้งให้มันอย่างว่าง่าย เพราะยังไงงานนี้เขาก็ฟรีจะทำดีบริการคนออกตังค์อย่างมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว


“เดี๋ยวพี่ช่วย” เสียงทุ้มคุ้นเคยของคนที่ไม่ได้คุยกันมาตั้งแต่เย็นดังขึ้นจากทางด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายส่งยิ้มละไมมาให้


“เมารึเปล่าครับเนี่ย”


“ไม่เมาหรอก รอเก็บศพพวกที่เหลือดูแต่ละคนกินแล้วไม่น่ารอด” เดือนสิบยิ้มกว้าง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆแล้วเขยิบให้อีกฝ่ายเข้ามายืนเคียงข้างกันอยู่หน้าเตา


“แล้วเราไม่กินหรือไง เห็นยกแต่โค้ก”


“ไม่ครับ รอเก็บศพพวกนั้นช่วยพี่ไง” ว่าแล้วก็ยิ้มตาหยีใส่จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องเลื่อนมามาโยกหัวเบาๆ


“ยิ้มหวานใส่กันแบบนี้ใจพี่สั่นหมด”


“หยอดอีกแล้ว” ทำใจกล้าจ้องสบตาคมอ่อนเชื่อม แต่แค่ครู่เดียวก็ต้องเลื่อนมาจดจ้องอยู่ที่แผ่นอกกว้างแทนเพราะสู้สายตาไม่ไหว …มองนานๆแล้วใจมันหวิวไปหมด


“เขินแล้วน่ารักว่ะ ไหนมาฟัดทีดิ” ไม่ว่าเปล่า พี่มันยังคว้าตัวเขาเข้าหาแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนจะปล่อยออกเร็วๆจนไม่ทันได้ตั้งตัว พอรู้ตัวอีกทีฝ่ายนั้นก็ยืนกอดอกดวงตาพราวระยับหัวเราะร่วนไปซะแล้ว


“เฮ้ย! พี่ยุทธทำไรเนี่ย เดี๋ยวเหอะ” คนถูกชโมยหอมแก้มโวย ตากลมลอกแลกมองกราดไปยังกลุ่มเพื่อนที่นั่งกินเหล้าอยู่ไม่ไกล ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าไม่ทันมีใครได้หันมาสนใจ


 “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ” ไม่วายหันกลับมาดุใส่คนเป็นพี่เสียงเข้ม


“รังเกียจหรอ”


“เปล่าครับ ผมแค่ตกใจนิดหน่อย อีกอย่างพวกเพื่อนๆก็อยู่เยอะ” ถ้าถูกล้อขึ้นมาเขาก็ไม่รู้ว่าจะปั้นหน้ายังไงแค่นั้นเอง


“สิบไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราคบกันหรอ” แต่ดูเหมือนอีกคนจะคิดไปคนละทาง


ถามว่ากลัวไหมถ้าพวกนั้นจะรู้ว่าเขากับรุ่นพี่คนนี้เป็นอะไรกันก็คงตอบได้เลยว่าไม่ แต่เขาแค่ไม่ชอบความรู้สึกเวลาโดนล้อเท่านั้นเอง มันทำให้วางตัวไม่ถูกจนเผลอๆจะกลายเป็นอึดอัดกันไปเสียเปล่าๆ …เป็นนิสัยที่แก้ไม่หายเลยจริงๆ


“เปล่าครับ.. ผมแค่กลัวว่าพวกมันจะล้อ”


“โทษที แต่เมื่อกี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ”


“ไม่เป็นไรครับ”


“คราวหน้าพี่จะระวัง”


“ครับ.. เอ้ยไม่ดิ! ไม่มีคราวหน้าแล้วครับ ห้าม ห้ามเด็ดขาดเลย” ไม่ว่าเฉยแต่ถึงขั้นทำไม้ทำมือเป็นรูปกากบากอีกต่างหาก


“ไม่รู้ไม่ชี้” ทว่าคนถูกห้ามกลับตีมึน แกล้งทำเป็นหน้านิ่งไม่สนใจทั้งที่ดวงตาพราวระยับดูเจ้าเล่ห์


“พี่ยุทธ!”


“ก็ชอบมาทำน่ารักใส่” คนฟังย่นคิ้ว เริ่มคิดว่านั่นมันไม่ใช่เหตุผลรึเปล่า


“ผมเปล่า”


“ทำ”


“เปล่า”


“เนี่ย ที่กำลังเถียงนี่ก็น่ารักจนอยากจับมาฟัดอีกรอบแล้ว”


“โอ้ย พอเลยครับ กลับไปนั่งที่เลยไม่ต้องมาช่วยผมแล้ว” พอเถียงไม่ได้ก็เริ่มเอาเสียงเข้มขึ้นข่ม แล้วทำหน้าตาขึงขังทั้งที่แก้มแดงแปร๊ดแบบนั้นคิดว่ามันน่ากลัวนักหรือไง …น่ารักจะบ้า!


“ขนาดตอนโมโหก็ยังน่ารัก”


“ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้เนี่ย”


“แกล้งโมโหก็น่ารัก” ได้ทีไอ้คนชอบแกล้งก็หยอดไม่ยั้ง ยิ่งเห็นตากลมกรอกลิ้งทำอะไรไม่ถูกก็ยิ่งอยากจะจับมาฟัดให้มันรู้แล้วรู้รอด


“กวนประสาท”


“ตอนด่าก็ยังน่ารัก”


“โอ้ยพี่ยุทธ! พอแล้วครับ เลิกแกล้งได้แล้วไม่งั้นผมจะโกรธจริงๆแล้วนะ” ทำหน้าขึงขังแถมยังกอดอกฉับจ้องเขม่ง ท่าทางเอาจริงจนคนขี้แกล้งหลุดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี อดใจไม่ไหวจนต้องเลื่อนมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มด้วยความเอ็นดู บ่งบอกว่าตาขวางๆนั่นไม่ได้ทำให้เขาเกรงกลัวเลยซักนิด


.

.


“มีแอบหอมกงหอมแก้ม อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะสัด” กลับมานั่งที่ได้ไม่เท่าไหร่ไอ้หินที่นั่งอยู่ข้างๆกันก็เข้ามากระแซะทันที ยุทธนาเหล่มองเพื่อนสนิทก็เห็นว่ามันมองมาอย่างล้อๆ แต่ถามว่ามีอารมณ์เขินอายไหมก็คงตอบได้เลยว่าไม่


“ตาดี” มันหัวเราะในลำคอ ยื่นเหล้าที่ไอ้เบ้นเพิ่งชงเสร็จมาให้


แกร๊ง!


เสียงแก้วกระทบกันเบาๆก่อนที่ตาคมจะหันไปมองคนที่ถือกุ้งจากใหญ่เดินเข้ามา ยุทธนาซ่อนรอยยิ้มภายใต้แก้วเหล้าที่ถืออยู่ หากแต่แววตาพราวระยับกลับจับจ้องไม่ปิดบัง …ยิ่งเห็นเจ้าตัวเขินจนหวิดจะสะดุดขาตัวเองล้มก็ยิ่งนึกอยากแกล้ง


“เป็นไรวะ ทำหน้าเหมือนอั้นขี้” เสียงของไอ้ปืนทำเอาคนหน้าง้ำเพราะกำลังกลั้นเขินจาการถูกจ้องจนเดินขาแทบขวิดหันมามองตาขวาง กระแทกกุ้งจานใหญ่ไว้ตรงหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะทิ้งตัวลงข้างมันแรงๆอย่างระบายอารมณ์ ..หมายถึงอารมณ์เขินของตัวเองเนี่ย


“ไอ้สัด” ด่าใครไม่ได้ก็ลงที่มันนี่แหละ


“เอ้า กูถามดีๆโดนด่าเฉย”


“เฮอะ!”


“น่ะ! สรุปเป็นไรไหนเล่าให้พี่ปืนฟังสิครับ” มันไม่ว่าเปล่า ยังวาดแขนมาล็อกคอเขาเข้าหาอีกต่างหาก


“ห่าปืน! กูจะตายก่อนเพราะมึงนี่แหละ ล็อกมาได้แรงควายขนาดนี้”


“อื้อหือ.. ปากคอช่างเราะร้าย เดี๋ยวปั๊ดจับจูบ” มันโน้มหน้าเข้ามาใกล้ กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งจนต้องดันหน้าออก จังหวะที่เผลอไปสบเข้ากับตาวาวๆของคนที่เพิ่งเดินกลับมานั่งที่ก่อนหน้านี้ อยู่ดีๆก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบจนต้องสะบัดตัวออกจากเพื่อนสนิทแรงๆ


“ก็เหี้ยละ! ปล่อยดิ๊ อึดอัด”


“ตกลงเป็นไร หรือโกรธที่กูใช้ไปย่างกุ้ง” ไอ้ปืนคลายแขนออกแต่ก็ยังไม่วานพาดไว้บนบ่าเขาอยู่ดี แต่ไอ้ที่ไม่ดีคือตัวเขาเองนี่
แหละ ไม่รู้จะกังวลอะไรนักหนากับอิแค่ตาคมๆที่มองมาราวกับไม่ชอบใจคู่นั้น…


ไหนจะประโยคที่ดังขึ้นซ้ำๆในหัวนี่อีก


‘หึง หึงมาก หึงจนจะบ้าอยู่แล้ว’ แค่คิดก็หน้าร้อนแทบจะไหม้แล้ว เดือนสิบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน เลิกสบตาคมที่ชอบทำให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆแล้วหันมามองเพื่อนสนิทแทน …อย่างน้อยมองหน้าไอ้ปืนก็ไม่ทำให้รู้สึกหน้าร้อนจนแทบไหม้ล่ะนะ


“อือ จริงๆแล้วกูอยากไปญี่ปุ่นมากกว่า”


“…ห่ะ?” ไม่รับมุขเขาอีก


“วุ้ยย เบื่อมึงว่ะ” ไอ้ปืนทำหน้างงแต่เขาเลิกสนใจ พาลใส่มันเสร็จก็คว้าแก้วเหล้ามันมายกด้วยซะเลย ถือเป็นการหลบเลี่ยงตาคมๆของใครบางคนไปด้วยแบบเนียนๆ รสขมเฝือนของเหล้าที่เรียกได้ว่าถ้าจะแดกเข้มขนาดนี้ไม่ต้องชงดีกว่าทำเอาต้องเบ้หน้า ไอ้ปืนพอเห็นท่าทางของเพื่อนสนิทก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี คว้าแก้วตัวเองคืนก่อนจะร้องบอกไอ้เบ้นเอาเบียร์มาให้


“อ่อนๆอย่างมึงแดกแค่เบียร์ก็พอ” คนถูกปรามาสว่าอ่อนถึงกับย่นจมูก แต่จะเถียงก็เถียงได้ไม่เต็มปากเพราะที่เพื่อนว่ามามันก็จริง


แกร๊งๆๆๆ


เสียงช้อนกระทบแก้วจากรุ่นพี่ปีสามอย่างปกรณ์เรียกให้ทุกคนบนโต๊ะหันไปจับจ้อง พอเห็นว่าทุกคนสนใจหมดแล้วพี่มันก็เริ่มออกปาก


“เนื่องในวาระที่พวกเราสอบเสร็จและมีโอกาสได้มาร่วมฉลองด้วยกัน..”


“มึงจะอารัมภบททำไมเชี่ยป้อง รีบๆพูดมาได้แล้วเสียเวลาพวกกูแดกเหล้า” คนตั้งใจจะสร้างบรรยากาศถึงกับมองเพื่อนตาขวาง เรียกเสียงโห่ฮาจากคนเริ่มเมาทั้งโต๊ะ


“สัดหินแม่งชอบขัด” บ่นให้เพื่อนเสร็จก็กลับมาทำหน้าระรื่น “คืองี้เว้ย นานๆทีพวกกูจะมีโอกาสได้มากินเหล้ากับรุ่นน้องใช่ป่ะ..”


“ไม่อ่ะพี่ ก่อนสอบพี่ยังไปนั่งก๊งกับพวกผมอยู่เลย”


“เชี่ยตู่! ไอ้ห่า ใครขัดอีกทีกูโดดขาคู่ใส่จริงๆนะแม่ง” พี่มันบ่นหน้ายุ่งๆเรียกเสียงโห่ฮาจากคนทั้งโต๊ะได้อีกครั้ง ด้วยความสงสารที่พี่มันต้องตะโกนพูดแข่งกับทั้งเสียงคนและเสียงเพลงที่เปิดดังสนั่น ไอ้มอสที่รับหน้าที่เป็นคนคุมเครื่องเสียงเลยหรี่เสียงเพลงลงให้


“งั้นเชิญพี่ป้องพูดต่อเลยครับ”


“คือเทอมหน้าพวกกูก็ต้องออกไปฝึกงานแล้วใช่ม่ะ อาจจะยุ่งจนไม่มีเวลามานั่งแดกเหล้ากับพวกมึงอีก กูเลยคิดว่าเราน่าจะหาเกมอะไรที่มันจะช่วยให้พูดถึงความรู้สึกที่มีต่อกันได้โดยไม่ต้องมีความเขินอายมาเล่น”


“ไม่เห็นต้องเล่นให้ยุ่งยากเลยพี่ ผมบอกตอนนี้ก็ยังได้ไม่เขินด้วย”


“มันไม่ได้อารมณ์ไงไอ้ห่า มันต้องลุ้นๆแบบเกมหมุนขวดไรงี้ แบบขวดตกที่ใครคนนั้นก็มีสิทธ์ถาม”


“เออน่าลุ้นดีงั้นผมเอาด้วย”


“เออเอาด้วยๆ”


มีต่อ

.
.

ออฟไลน์ เล็กต้มยำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
.

.

เมื่อหลายเสียงเห็นพ้องต้องกันก็เริ่มเคลียร์ของกินบนโต๊ะให้ว่างโล่งเพื่อจะได้มีพื้นที่สำหรับเล่นเกมหมุนขวด จากตอนแรกที่ต่อโต๊ะเป็นแนวยาวก็ขยับเข้ามาเป็นสี่เหลี่ยมเพื่อที่จะได้เล่นกันอย่างทั่วถึง เดือนสิบนั่งข้างไอ้ปืนถัดไปเป็นไอ้จอม พี่พีท ไอ้ตู่ ไอ้อิฐ พี่ป้อง ไอ้มอส ไอ้เบ้น ไอ้อ๋อง พี่หิน และพี่ยุทธที่ถือโอกาสตอนขยับที่ทางเปลี่ยนมานั่งข้างๆเขาจากที่ตอนแรกนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“งั้นเริ่มที่กูเป็นคนหมุน กติกาคือขวดชี้ใครคนนั้นมีสิทธิ์ถาม และคนที่โดนถามก็ต้องตอบห้ามมีบิดพริ้ว”


“แล้วถ้าใครไม่อยากตอบอ่ะพี่”


“วันช็อต!” พี่มันยกแจ็คแดเนียลที่ไม่รู้ว่าแอบไปเอามาจากไหนขึ้นมาตั้งเด่นเป็นสง่าไว้กลางโต๊ะ เรียกความสนใจจากพวกทโมนที่ห่างหายจากเหล้าราคาแพงมองตามตาวาว


“หูยย พี่ป้องแม่งซุ่มว่ะ”


“ซุ่มห่าไร กูเตรียมไว้เพื่อนงานนี้โดยเฉพาะโว้ย”


เมื่อตกลงกติกากันได้ปกรณ์ที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็เริ่มหมุนขวดและผู้โชคดีคนแรกคือไอ้อิฐที่เริ่มตาปรือเพราะซัดแสงเข้าไปไม่น้อย มันยิ้มเผล่ก่อนจะเริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆวงเพื่อนหาเป้าหมาย กระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่รุ่นพี่ปีสามหนึ่งในพี่ว๊ากที่เคยเล่นงานมันไว้เจ็บแสบ


“พี่หิน”


“กู?” คนโดนเรียกชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วเลิกคิ้วมองไอ้เด็กหัวเกรียนอย่างขำๆ ตาแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้วมันยังอุตส่าห์นั่งคอแข็งแดกต่อได้ …นับถือ


“พี่เคยจูบกับผู้ชายไหมครับ”


“เชี่ย..” แค่คำถามแรกก็เรียกเสียงโห่ฮาจากพวกทโมนทั้งหลายได้อย่างครื้นเครง คนถูกถามหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังหัวเราะเป็นบ้านเป็นหลังตาขวาง


“ถามแบบนี้ก็ได้หรอวะเชี่ยป้อง ไหนมึงบอกเอาเรื่องความรู้สึกที่มีต่อกันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องไง”


“ได้หมดถ้าสดชื่นครับเพื่อน ถามอะไรก็ได้ไม่มีเกี่ยงแล้วมึงก็ต้องตอบตรงๆแบบจริงๆห้ามโกหกด้วย ไม่งั้นหมา ฮ่าๆๆ”


“ห่าเอ้ย”


“เอ้ารีบๆตอบมาดิพี่ หรือถ้าป๊อดจะวันช็อตก็ได้นะผมไม่ถือ” ไอ้เด็กหัวเกรียนได้ทีเร่งยิกๆ


ฮิ้ววว วู้วๆๆ


“พี่หินยอมหรอพี่”


“เออกูเคย!”


ฮุ้วววววว


“ไม่ธรรมดาๆ ฮ่าๆ” ไอ้อิฐหัวเราะร่าอารมณ์ดีทันทีเมื่อได้คำตอบสมใจ และเพราะพี่หินเป็นคนถูกถามรอบนี้พี่มันเลยได้รับโอกาสให้เป็นคนหมุนขวด


“เชี่ย!” ไอ้จอมถึงกับอุทานหน้าตื่นเมื่อปากขวดไปหยุดลงต่อหน้ามัน


“มึงจะตกใจทำไมเชี่ยจอม มึงเป็นคนถามมึงต้องดีใจไอ้ห่า”


“โทษๆ เมื่อกี้ลุ้นเยอะไปหน่อยจนเผลอจำสลับกัน” มันว่ายิ้มๆ ก่อนจะเริ่มกวาดสายตาหาเป้าหมายบ้าง ซึ่งแต่ละคนที่มองกลับมาล้วนแล้วแต่ส่งสายตาประมาณว่า ‘อย่าถามกูนะมึงๆ’ แทบทั้งนั้น


“ไอ้ปืน”


“ไอ้ห่า! มึงก็เล่นใกล้จังเนาะ” ไอ้คนตกเป็นจำเลยบ่นๆแต่ก็รอฟังคำถามอย่างตั้งใจ


“เอาเลยครับเพื่อนจอม มึงอย่าให้คำถามน้อยหน้าไอ้อิฐครับ จัดหนักๆ”


“มึงคิดยังไงตอนถูกพี่พีทจูบวะ”


ไอ้สัด! แทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยินคำถาม


 “เชี่ยจอม!.. ถามห่าไรของมึงเนี่ย ไม่มีจูบเจิบห่าอะไรทั้งนั้นแหละ มันเป็นแค่อุบัติเหตุเฉยๆโว้ย”


“กูไม่สนครับ ที่สนคือความรู้สึกมึงตอนนั้นต่างหาก ตอบมาครับอย่าลีลา ให้ไวๆ”


“เอ้าตอบไปครับเพื่อนปืน เราชายชาติทหารกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ฮ่าๆๆ”


“ไม่ตอบนี่หมาเลยนะเชี่ยปืน” ไอ้พวกนี้ก็บิวท์จัง เดือนสิบเหล่มองเพื่อนสนิทพลางสะกิดให้มันรีบตอบยิกๆเพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ถึงจะนึกเคืองมันอยู่บ้างนิดหน่อยที่ไม่ยอมเล่าให้ฟังก็เถอะ แต่ไม่เป็นไรเขาค่อยไปซักมันเอาทีหลับก็ได้ ไอ้ปืนถอนหายใจยาวก่อนจะยอมตอบออกมาทั้งที่หน้าแดงก่ำ


“…ดี”


“อะไรนะ พูดดังๆหน่อยดิวะ มึงเห็นไหมว่าเพื่อนนั่งหน้าสลอนรอเสือกอยู่เนี่ย”


“กูบอกว่าก็นุ่มดีไงไอ้เหี้ย!”


ฮิ้วววววววววว วู้วววๆๆๆ


“พี่พีทอย่าไปยอมๆ สู้มันกลับหน่อยพี่ สู้มันๆ” ไอ้ปืนได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกราดมองเพื่อนตาขวาง กระทั่งสายตาไปปะทะเข้า
กับคนที่ตกเป็นจำเลยร่วมกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฝ่ายนั้นยกมุมปากขึ้นนิดๆ ไม่ได้มีท่าทีขวยเขินหรือไม่พอใจอะไร


“ถ้าอยากได้แบบไม่ใช่อุบัติเหตุก็ไปหากูที่ห้องคืนนี้ละกัน”


“ฮิ้ววววววววววว เอาเว้ยๆๆ”


“เชี่ยปืนแม่งโดนน ยอมหรอครับ ยอมหรอๆๆ“


“พอเลยพวกมึงหุบปากได้แล้ว รอบต่อไปตากูหมุนใช่ไหม เชี่ยจอมเอาขวดมา”


“หู้ยย มีโมโหกลับเกลื่อนว่ะ”


“มึงก็ยังจะเป็นไปกับพวกมันด้วยเนาะ” ไอ้ปืนผลักหัวเพื่อนสนิทที่กำลังหัวเราะจนตาหยี ด้วยความที่ไม่ทันได้ยั้งแรงเลยส่งผลให้ร่างเล็กกว่าเอนไปหาใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จนหัวกระแทกเข้ากับไหล่กว้างดังโป๊ก


“เชี่ยปืน! ผลักมาได้ …เจ็บ”


“สม” มันไม่สนใจแล้วยังกลับไปหมุนขวดต่อหน้าตาเฉย เดือนสิบหน้าง้ำก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือเย็นๆมาแตะบริเวณหน้าผากที่โดนโขกไปเมื่อกี้ จริงๆมันไม่ได้เจ็บมากมายขนาดนั้นแต่รู้สึกตกใจมากกว่า พอหันไปมองก็เห็นว่าตาคมๆกำลังจ้องอยู่พอดี เล่นเอาหน้าร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุจนต้องหลุบตามองแผ่นอกกว้างแทน


“เอ้าๆ มัวแต่สวีทกันอยู่นั่น ขวดชี้ไปหามึงแล้วครับเชี่ยยุทธ กรุณาสนใจเกมกูด้วย” เสียงจากรุ่นพี่ตัวเล็กทำเอาเดือนสิบสะดุ้งอีกรอบ ตากลมลอกแลกอย่างตื่นๆก่อนจะหลุบต่ำหลบสายตานับสิบคู่ที่จ้องมา


เสียงกระแอมจากคนข้างตัวดังขึ้นเบาๆก่อนที่มือหนาจะผละออกไปช้าๆ ไม่มีแววเก้อเขินหรือประหม่าใดๆนอกจากใบหน้านิ่งสนิทและตาคมที่มองกราดหาเป้าหมาย จริงๆเขาไม่ได้มีคำถามอะไรที่อยากจะถามใครเป็นพิเศษ ส่วนกับคนที่มีก็คิดว่าถามตรงนี้คงไม่เหมาะ


“เปลี่ยนจากคำถามเป็นคำสั่งได้ไหมวะ”


“เรื่องเยอะนะมึงอ่ะ” ไอ้ตัวต้นคิดบ่น ทว่าสายตากลับมองเพื่อนสนิทอย่างรู้ทัน


“สรุปได้ไม่ได้?”


“เออ ได้ครับ เอาที่มึงสบายใจเลยอยากสั่งอะไรใครก็เอาตามนั้น”


“โหยย แบบนี้ก็ได้หรอวะพี่ เกิดมีใครสั่งให้ไปทำอะไรแผลงๆงี้ก็แย่ดิ” ไอ้ตู่โอด โดยมีซาวเสียงจากอีกหลายๆคนโห่รับเป็นลูกคู่


“ถ้าไม่ทำพวกมึงก็วันช็อตไงครับ ง่ายจะตาย เอ้าไอ้ยุทธต่อเลย มึงอยากสั่งใครให้ทำอะไรจัดเลยเพื่อน”


“งั้นกูขอสั่งให้ไอ้พีท… สลับห้องนอนกับเดือนสิบ”


“เฮ้ย! ได้ไงอ่ะพี่” เป็นไอ้ปืนที่ลุกขึ้นโวยวายหน้าตั้ง ขณะที่เพื่อนสนิทเองก็อ้าปากหวอเพราะช็อคค้างกับคำสั่งที่มีชื่อตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยอย่างตั้งใจ ทุกคนในกลุ่มคล้ายจะยังงงๆกับคำสั่งแปลกๆ แต่นั่นก็ไม่สู้คำตอบรับจากคนที่ถูกสั่งโดยตรง


“กูตกลง!”

.

.


เวลาล่วงมาจนเกือบถึงตีหนึ่ง ไอ้พวกที่แค่กรึ่มๆในตอนแรกก็เริ่มพากันเลื้อยระเนระนาด ข้าวของบนโต๊ะถูกทยอยเก็บกวาดจากคนที่ยังพอมีสติอยู่บ้าง อันได้แก่ตัวเขาเอง พี่ยุทธ พี่พีท พี่หิน และไอ้อ๋อง ส่วนพวกที่เหลือไม่ต้องถาม โต๊ะเก้าอี้คืออะไรไม่สนใจเพราะพวกมันได้ลงไปกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นแล้วเรียบร้อย ไอ้ปืนเองก็ไม่ต่างเพราะตั้งแต่เล่นเกมหมุนขวดแล้วเถียงไม่ชนะมันก็ยกเอาๆจนในที่สุดก็สติหาย เลื้อยไปกองอยู่ข้างๆไอ้จอมแล้วแหกปากร้องเพลงกันเสียงดังลั่น


“เอาไงดีครับพี่” ไอ้อ๋องหาวหวอดปรือตามองสภาพเพื่อนแต่ละคนแล้วได้แต่ส่ายหัวอย่างอนาถใจ


“เริ่มจากไอ้พวกบ้านใกล้ก่อนแล้วกัน” ศิลาบอกก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงไอ้อิฐขึ้น มันส่งเสียงอ้อแอในลำคอฟังไม่ได้ศัพท์มือก็ฟาดสะเปะสะปะไปตลอดทาง เห็นแบบนั้นเดือนสิบเลยเข้าไปช่วยพยุงไอ้ปืนขึ้นมาบ้างโดยมีพี่ยุทธเข้ามาช่วย เพราะไอ้ปืนตัวใหญ่กว่าเขาเยอะให้แบกมันคนเดียวก็คงเอาไม่ไหว กระทั่งแบกเพื่อนเข้าห้องจนหมดทุกคนรายต่อมาที่ต้องคิดหนักก็คงไม่พ้นเดือนสิบ คิ้วเรียวสวยขมวดยุ่งจนคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันสังเกตได้


“เครียดอะไรฮึ?” ไม่ว่าเปล่าแต่ยังเลื่อนมือมานวดๆระหว่างคิ้วหวังให้มันคลายลงอีกต่างหาก


“เปล่าครับ” เดือนสิบตอบสั้นๆ ก่อนจะเผลอเม้มปากเข้าหากันอย่างไม่ตั้งใจ จะให้บอกได้ไงว่าเขากำลังเครียดเรื่องที่พี่มันออกคำสั่งไว้เมื่อตอนเล่นเกม


“เปล่าก็ไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าได้แล้วครับ ป่ะ เดี๋ยวพี่เดินไปเป็นเพื่อน” นี่ก็รีบไปอีก จะทำเป็นลืมๆไปหน่อยก็ไม่ได้ แล้วอะไรคือมองเขาตาพราวขนาดนั้น …ที่สำคัญคือตัวเขาเนี่ย หน้าร้อนอีกแล้ว


“ไม่เป็นไรครับ อยู่ใกล้แค่นี้เดี๋ยวผมไปเองก็ได้พี่เข้าไปอาบน้ำก่อนเถอะ” อย่างน้อยๆถ้าไปคนเดียวก็ยังมีเวลาเตรียมใจล่ะว่ะ ทว่า..


“สิบจะไปเก็บของหรอ พอดีเลยเดินไปพร้อมพี่ ป่ะ!” พี่พีทที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดีเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ท่าทางดูไม่ทุกไม่ร้อนที่ต้องไปนอนกับรุ่นน้องที่เพิ่งผ่านการจูบ? ไม่สิ ต้องเรียกว่าปากกระแทกปากกันมาอย่างไอ้ปืนเลยซักนิด
ผลสุดท้ายเขาก็ต้องเดินมาเก็บเสื้อผ้าพร้อมพี่พีท เปิดประตูเข้ามาได้ก็เจอร่างควายๆของไอ้ปืนนอนแผ่หมดสภาพ เสื้อผ้าถูกถอดทิ้งระแกะระกะเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวติดกาย


“อุจาดตาจริงๆ” คนที่เดินเข้ามาด้วยกันบ่นเบาๆก่อนจะเดินไปคลี่ผ้าห่มโยนคลุมให้มันลวกๆ จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอีกหลังที่อยู่ข้างๆกัน “เก็บของตามสบายเลยนะ ออกตอนไหนก็ล็อกห้องให้พี่ด้วยละกัน” สั่งเสร็จก็ล้มตัวลงนอนคลุมโปงทันที เล่นเอาไอ้คนที่ตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลาเก็บของเพื่อทำใจเป็นต้องรีบยัดของใส่กระเป๋ารีบๆเพราะกลัวว่าถ้าอยู่นานจะกลายเป็นรบกวนเวลานอนของพี่มัน


ยืนทำใจอยู่หน้าบ้านพักหลังสุดท้ายก่อนจะค่อยๆผลักประตูเข้าไปในที่สุด แต่พอเดินเข้ามาเจอประตูห้องนอนเดือนสิบก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ ความประหม่าเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ เพียงแค่คิดว่าคืนนี้ต้องนอนร่วมห้องกับพี่มันใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นผิดจังหวะขึ้นมาซะอย่างนั้น


ก็อกๆๆ


เงียบ…


พอลองเคาะอีกทีแล้วเห็นว่าคนข้างในยังเงียบอยู่เขาเลยถือวิสาสะค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ไม่เห็นร่างสูงคุ้นตาอยู่ในนั้นทว่าเสียงน้ำกระทบพื้นที่ดังลอดออกมาก็พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้หน่อย เดือนสิบวางกระเป๋าไว้บนเตียงอีกหลังที่ว่างอยู่แล้วเริ่มเอาของที่ยัดไว้ลวกๆออกมาจัดเข้าตู้เสื้อผ้า สภาพห้องนี้ไม่ต่างกันกับห้องของเขากับไอ้ปืนนัก คือมีสองเตียงเดี่ยวหนึ่งตู้เสื้อผ้าแล้วก็อีกหนึ่งโต๊ะเครื่องแป้ง


แกร๊ก!


เสียงกลอนประตู้ลั่นทำให้มือที่กำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ชะงัก เขาเผลอเม้มปากเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นว่าร่างสูงกว่ากำลังเดินออกมา ยิ่งเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เท่าไหร่ก้อนเนื้อในอกก็คล้ายจะยิ่งทวีจังหวะมากขึ้นเท่านั้น


กึก!


เดือนสิบแทบจะกลั้นหายใจเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง …ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รินรดต้นคอ


“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู ก่อนที่สัมผัสเย็นชืดจะเฉียดผ่านทำให้ร่างเล็กกว่าหันมามองอย่างตกใจ แต่เมื่อหันมาแล้วเจอกับใบหน้าคมคายในระยะประชิดเดือนสิบก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด


ปึก!


ตากลมเบิกกว้าง เมื่อเสียงประตูตู้เสื้อผ้าถูกปิดลงด้วยน้ำมือของคนตัวสูง แขนแข็งแรงอยู่ห่างจากหน้าเขาไปแค่คืบขณะที่ใบหน้าคมคายโน้มต่ำเข้าหาจนเหลือพื้นที่ว่างระหว่างกันไม่ถึงฟุต และดูเหมือนว่าระยะห่างจะถูกย่นเข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


“พะ.. พี่ยุทธ”


“หืมม..” เดือนสิบเผลอกลืนน้ำลายอย่างฝืดๆ อยากผลักไสอีกฝ่ายให้ออกห่างแต่เมื่อสบเข้ากับตาคมวาววับเรี่ยวแรงก็คล้ายว่าจะหายไปเสียดื้อๆ กระทั่งระยะห่างร่นลงมาเหลือเพียงแค่คืบถึงได้ทำให้กล้ายกมือขึ้นมาดันแผ่นอกแกร่งไว้ ทว่าผิวเนื้อเปลือยเปล่าและเย็นเฉียบก็ทำเอาต้องหลับตาปี๋ ตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้


ยุทธนาลอบยิ้มร้าย มองคนในอ้อมกอดกลายๆที่เหมือนจะตัวสั่นนิดๆหากแต่มือยังดันอกเขาไว้แน่น กลีบปากสีสดเม้มเข้าหากันในขณะที่เรียวคิ้วสวยขมวดยุ่ง ยิ่งเขาขยับเข้าใกล้ แกล้งผ่อนลมหายใจอุ่นๆรินรดแก้มใสมากเท่าไหร่รอยย่นระหว่างคิ้วก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น…. ตาคมกวาดมองทั่วใบหน้าเนียน แพขนตาหนาขยับยุกยิกทาบทับผิวแก้มใสดูไม่เป็นสุข กลีบปากแดงเรื่อที่เขาเคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งกำลังเม้มแน่นจนต้องเลื่อนมือไปแตะแล้วคลึงเบาๆให้คลายออกเพราะกลัวว่ามันจะช้ำไปซะก่อน ผลที่ได้คือน้องสะดุ้งเฮือกเผลอจิกเล็บลงบนอกเขาจนเจ็บจี้ด


“เจ็บนะ..” เขาแกล้งกระซิบชิดใบหูขาว เฉียดริมฝีปากผ่านบางเบาหากแต่เรียกขนกายอีกฝ่ายให้ลุกฮือ


ยุทธนาถึงกับลมหายใจสะดุดเมื่อน้องเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างประหม่า ก้อนเนื้อในอกสั่นไหวรุนแรงจนต้องผ่อนลมหายใจยาวเพื่อระงับสติอารมณ์ …เป็นคนอยากแกล้งน้องแท้ๆ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนผลกรรมมันมาตกที่ตัวเอง ยิ่งตากลมค่อยๆเปิดปรือขึ้นทีละน้อย จ้องสบตากับเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ หัวใจก็คล้ายว่าจะหยุดเต้น ในสมองขาวโพลนไปชั่วขณะ


 “จูบได้ไหม”


“พี่ยุทธ…”


“นะครับ..”


“คือ.. อ๊ะ อื้อ!” ความอดทนขาดสะบั้นเพียงแค่เห็นน้องเผลอแลบเลียริมฝีปากอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาสอดแขนรอบเอวบางแล้วดึงรั้งเข้าหา ก่อนที่อีกข้างจะสอดเข้าประคองท้ายคอยสวยจับให้ใบหน้าแหงนเงยแล้วกดแนบริมฝีปากเข้าทาบทับ สัมผัสเพียงแผ่วเบาในทีแรกก่อนจะค่อยๆไล่เล็มความนุ่มละมุนช้าๆ ขบกัดสลับดูดดึงเบาๆอย่างปลอบประโลม เดือนสิบไม่ได้ผลักใสหากแต่ก็ไม่ได้ตอบรับในทีเดียว น้องหลับตาปี๋ มือบางเกร็งแน่นอยู่บนต้นแขนเขาก่อนที่ยุทธนาจะเป็นคนจับให้มันพาดผ่านรอบลำคอแกร่ง


“ฮื้ออ..” เสียงครางแผ่วหลุดรอด เมื่อปลายลิ้นชื้นเริ่มรุกล้ำเข้าหา กลีบปากอิ่มถูกดูดกลืนซ้ำๆโดยไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะยอมถอยห่าง ปลายลิ้นชื้นสอดลึก เกี่ยวกระหวัดเข้ากับลิ้นเล็กไม่ประสาอย่างเอาแต่ใจคล้ายไม่อาจควบคุม ยิ่งรับรู้ว่าปลายลิ้นเล็กขยับตอบสนองอย่างเก้กังก็ยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดำมืดให้ลุกฮือ


“สิบ..” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชิดริมฝีปากเมื่อผละออกให้น้องได้หายใจ พร้อมๆกับที่จมูกโด่งได้รูปกดลงมาขโมยความนุ่มนิ่มอย่างอดใจไม่ไหว รั้งกายเล็กเข้าแนบชิดก่อนจะเข้าดูดกลืนความหวานล้ำที่เพิ่งผละห่างอีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่รู้เบื่อ


“อื้ออ..” เผลอจิกเล็บเข้าที่ลำคอหนายามรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นร้อนที่ละลาบละล้วงเข้ามาลูบไล้ผิวเนื้อด้านใน ก้อนเนื้อในอกสั่นระรัวเมื่อฝ่ามือสากระคายเคลื่อนผ่านสะโพกสวย บีบคลึงสลับลากไล้แผ่วเบาสะเปะสะปะคล้ายคนทำเริ่มสติเลือนหาย เดือนสิบหน้าตื่นเมื่ออีกคนจงใจเบียดสะโพกเข้าหา อีกทั้งกลีบบางยังถูกดูดกลืนอย่างเอาแต่ใจพยายามขยับกายหนีสัมผัสร้อนระอุที่เคลื่อนผ่าน หากแต่แขนแกร่งกลับล็อกไว้แน่นหนา


“ฮ้า! ..พี่ยุทธ อย่ะ!..อื้อ!” แรงจิกทึ้งบริเวณไหล่กว้างเปลือยเปล่าคล้ายไม่ช่วยอะไรเมื่ออีกฝ่ายเริ่มหน้ามืด มือหนาจับช้อนใบหน้าเนียนให้แหงนหงายเพื่อรับจูบร้อนแรงที่เขาป้อนให้อย่างถนัดถนี่ บดเคล้าเอาแต่ใจไม่สนแม้กระทั่งแรงจิกข่วนรุนแรง เสียงสะท้อนในหัวมีเพียงความต้องการที่ตะโกนก้องร้องหาทางปลดปล่อย มือหนาลากผ่านผิวเนื้อเนียน ฟอนเฟ้นหนักหน่วงอย่างเอาแต่ใจคล้ายไม่ไอ้สติ จูบซับกลีบปากบางที่เริ่มบวมช้ำ ผิวแก้มเนียน และกำลังจะเลยเถิดไปยังซอกคอขาว ….ยุทธนาไม่รู้เลยว่าเขาควรจะหยุดมันที่ตรงไหน


“อย่าครับ! ไม่เอาแบบนี้!!”


หากแต่เดือนสิบรู้


น้องตัวสั่นเทิ้มทั้งที่ควรจะผละออกแต่กลับโอบกอดเขาไว้แน่น ใบหน้าน่ารักซุกแนบเข้ากับอกกว้างเปลือยเปล่าหลบหนีการรุกรานเอาแต่ใจ แผ่นอกยังคงสะท้อนขึ้นลงหนักหน่วงเพื่อกอบโกยเอาอากาศที่ถูกช่วงชิงเนิ่นนานกลับมา เสียงสั่นพึมพำด้วยประโยคเดิมซ้ำๆว่าไม่เอา ไม่ทำแบบนี้ดังก้องสะท้อนในหัว ก่อนที่มันจะซึมลึกเข้าไปกระตุกใจคนฟังให้ได้สติ ท่าทางหวาดกลัวหากแต่กอดรัดเขาไว้แน่นราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย …นี่เขาทำอะไรลงไป


“ขอโทษ พี่ขอโทษ..” กอดรัดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นพลางเอ่ยบอกซ้ำๆ ฝ่ามือที่เคยรุกรานให้ได้หวาดกลัวก่อนหน้ากำลังลูบไล้แผ่วเบาที่กลุ่มผมนุ่มเพื่อปลอบประโลม ยอมรับความผิดทุกอย่างที่ทำให้น้องต้องหวาดกลัวเพียงเพราะความไม่รู้จักหักห้ามใจของตัวเอง เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งอยากสัมผัส และพอได้สัมผัสก็ยิ่งทวีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด..


“อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหมครับ อย่าบังคับผม” เสียงหวานเอ่ยอู้อี้เพราะยังไม่ยอมเงยหน้าจากอกกว้าง น้ำเสียงยังคงสั่นพร่าหากยิ่งตอกย้ำว่าเขาเองที่เป็นฝ่ายบังคับน้อง เป็นเขาเองที่ทำให้น้องหวาดกลัว


“พี่ขอโทษ.. จะไม่ทำแล้ว จะไม่บังคับ”


“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ยังฟังผม” อ้อมแขนเล็กกระชับกอดแน่นขึ้น แนบหน้าเข้าหาอกกว้างตามแรงรั้งหลับตาซึมซับเสียงหัวใจที่คล้ายจะเต้นแผ่วลง


.
.


เวลาเกือบชั่วโมงในห้องน้ำคล้ายจะไม่ได้ช่วยอะไรเมื่อเปิดประตูออกมาแล้วเจอคนที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่บนเตียง ตาคมฉายแววสำนึกผิดเงยขึ้นสบกันเมื่อเห็นว่าเขาเดินออกมา รู้สึกประหม่านิดหน่อยกับการจับจ้องทุกย่างก้าวหากแต่ความอุ่นใจก็มากขึ้นเหมือนกันเมื่อเห็นว่าอย่างน้อยคนตรงหน้าก็ยังฟังคำขอของเขาอยู่บ้าง…


“เช็ดผมให้หน่อยได้ไหมครับ” เพราะแววตาสำนึกผิดและท่าทางเหมือนไซบีเรียนตัวโตที่กำลังหูลู่หางตก เดือนสิบเลยเลือกที่จะเดินไปทิ้งตัวลงข้างๆอีกฝ่าย ยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วหันหลังให้ ใบหน้าคมคายฉายแววแปลกใจในทีแรกหากเสี้ยวต่อมาก็กลายเป็นยิ้มกว้าง แล้วรีบกุลีกุจอซับผมให้เขาอย่างเบามือ


“พี่ขอโทษนะ” ประโยคเดิมเมื่อเกือบชั่วโมงก่อนหน้าถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง เดือนสิบยิ้มจางก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ


“ไม่เป็นไรครับ แล้วก็เลิกขอโทษผมได้แล้ว”


“ขอโทษ..”


“ฮื้ออ พอแล้วครับ ถ้าขอโทษอีกทีจะโกรธจริงๆแล้วนะ” ตากลมหันมาจ้องเขม่ง เล่นเอาร่างสูงถึงกับถอนหายใจเฮือกอย่างอ่อนใจ …ก็เพราะชอบทำตัวน่ารักแบบนี้ไง เขาถึงได้สติหลุดทุกครั้งที่เข้าใกล้


“ครับ.. ไม่พูดแล้วครับ” ยุทธนาบรรจงเช็ดผมให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ ปล่อยให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบพลางลอบสังเกตเสี้ยวหน้าเนียนใสเป็นระยะ เจ้าตัวเปิดปากหาวอยู่หลายครั้งขณะที่ดวงตาเริ่มปรือปรอยเมื่อเขาเช็ดผมให้จนหมาดแล้วเปลี่ยนมาเป็นนวดขมับให้เบาๆ


รอยยิ้มอ่อนโยนถูกจุดขึ้นที่มุมปากได้รูปแทบทุกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้าปากหาวหวอด ร่างเล็กที่เริ่มสติหลุดลอยถูกเขาดันให้เอนมาพิงอกกว้าง ก่อนจะวาดแขนโอบรอบเอวบางไว้หลวมๆ เจ้าตัวเองก็ว่าง่ายจับให้อยู่ท่าไหนก็อยู่ท่านั้น ปล่อยให้เขาได้บีบนวดตามสบาย ผ่านไปซักพักพอก้มมองอีกทีก็เห็นว่าเปลือกตาปิดสนิทลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นคนหลับง่ายหรือง่วงมากๆกันแน่ แต่ดูท่าแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า


ยุทธนาจับให้น้องนอนดีๆ ก่อนจะลงมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงเพื่อจ้องมองใบหน้าเนียนใสที่ดูเหมือนจะนวลกว่าปกติ เพราะถูกแสงจันทร์สาดลอดผ่านผืนผ้าม่านตกกระทบ เรียวคิ้วสวยไม่หนาไม่บางหากแต่รับกันดีกับโครงหน้าเรียว ขนตาหนายาวเป็นแพยิ่งพอหลับตาพริ้มแบบนี้เลยมองเห็นเป็นเงาตกกระทบผิวแก้ม จมูกที่แม้จะไม่ได้โด่งมากนักแต่กลับดูเหมาะเจาะเข้ากับรูปหน้าเรียวเล็ก กลีบปากอิ่มรูปกระจับสีอ่อนจางที่มักจะเผลอเม้มเข้าหากันทุกครั้งเมื่อรู้สึกประหม่าหรือเขินอาย …ใบหน้าที่เขานึกถูกใจตั้งแต่แรกเห็นเมื่อครั้งเข้าเป็นพี่ว๊าก เดือนสิบไม่ใช่เด็กกิจกรรม น้อยครั้งมากที่เขาจะเห็นน้องมาเข้าห้องเชียร์ มีรุ่นพี่หลายคนจ้องจะเอาเรื่องแต่เพราะเขาขอไว้พวกนั้นเลยไม่ติดใจ เจ้าตัวถึงได้รอดพ้นการถูกลงโทษมาจนทุกวันนี้


และถึงแม้ว่าจะทำงานหนัก แต่ผิวเนื้อทุกส่วนกลับดูนุ่มนิ่มไม่ต่างจากคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี จะมีก็แต่มือเล็กๆที่หยาบกร้านจนสัมผัสได้ และผิวเนื้อตามแขนขาที่มีรอยแผลเป็นเล็กๆอยู่ประปรายที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้าตัวผ่านการทำงานมาอย่างหนัก แล้วไหนจะนิสัยที่ดูเหมือนใจอ่อนง่ายจนน่าอ่อนใจนี่อีก ทั้งที่เขาดึงดันเอาแต่ใจตัวเองจนเกือบจะหน้ามืดจับเจ้าตัวปล้ำแล้วแท้ๆ แทนที่จะโกรธกลับเป็นฝ่ายเข้ามาออดอ้อนเสียเอง เฮ้ออ.. ไม่รู้จะทำให้หลงไปถึงไหน


…นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาเอาแต่นั่งจ้องหน้าน้องอยู่อย่างนั้น กระทั่งอีกฝ่ายครางฮือขยับปากจนเกิดเสียงดังจ๊อบแจ๊บเบาๆแล้วขยับเปลี่ยนท่านอนให้สบายขึ้น หลุดยิ้มขำกับท่าทางน่าเอ็นดูนั่นก่อนจะยื่นมือไปเกลี่ยแก้มใสเบาๆเพราะอดใจไม่ไหว เลื่อนตัวขึ้นกดจูบเบาๆบนหน้าผากเนียนส่งท้าย ก่อนจะหักใจผละออกมาล้มตัวนอนลงบนเตียงอีกฝ่ายแทน และเป็นอีกครั้งที่เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาเอาแต่นอนจ้องหน้าน้องจนเผลอหลับไป…


******


  :กอด1: :กอด1:



ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ฝากกอดด้วยยยยย

 :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด