.
.
เมื่อหลายเสียงเห็นพ้องต้องกันก็เริ่มเคลียร์ของกินบนโต๊ะให้ว่างโล่งเพื่อจะได้มีพื้นที่สำหรับเล่นเกมหมุนขวด จากตอนแรกที่ต่อโต๊ะเป็นแนวยาวก็ขยับเข้ามาเป็นสี่เหลี่ยมเพื่อที่จะได้เล่นกันอย่างทั่วถึง เดือนสิบนั่งข้างไอ้ปืนถัดไปเป็นไอ้จอม พี่พีท ไอ้ตู่ ไอ้อิฐ พี่ป้อง ไอ้มอส ไอ้เบ้น ไอ้อ๋อง พี่หิน และพี่ยุทธที่ถือโอกาสตอนขยับที่ทางเปลี่ยนมานั่งข้างๆเขาจากที่ตอนแรกนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“งั้นเริ่มที่กูเป็นคนหมุน กติกาคือขวดชี้ใครคนนั้นมีสิทธิ์ถาม และคนที่โดนถามก็ต้องตอบห้ามมีบิดพริ้ว”
“แล้วถ้าใครไม่อยากตอบอ่ะพี่”
“วันช็อต!” พี่มันยกแจ็คแดเนียลที่ไม่รู้ว่าแอบไปเอามาจากไหนขึ้นมาตั้งเด่นเป็นสง่าไว้กลางโต๊ะ เรียกความสนใจจากพวกทโมนที่ห่างหายจากเหล้าราคาแพงมองตามตาวาว
“หูยย พี่ป้องแม่งซุ่มว่ะ”
“ซุ่มห่าไร กูเตรียมไว้เพื่อนงานนี้โดยเฉพาะโว้ย”
เมื่อตกลงกติกากันได้ปกรณ์ที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็เริ่มหมุนขวดและผู้โชคดีคนแรกคือไอ้อิฐที่เริ่มตาปรือเพราะซัดแสงเข้าไปไม่น้อย มันยิ้มเผล่ก่อนจะเริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆวงเพื่อนหาเป้าหมาย กระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่รุ่นพี่ปีสามหนึ่งในพี่ว๊ากที่เคยเล่นงานมันไว้เจ็บแสบ
“พี่หิน”
“กู?” คนโดนเรียกชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วเลิกคิ้วมองไอ้เด็กหัวเกรียนอย่างขำๆ ตาแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้วมันยังอุตส่าห์นั่งคอแข็งแดกต่อได้ …นับถือ
“พี่เคยจูบกับผู้ชายไหมครับ”
“เชี่ย..” แค่คำถามแรกก็เรียกเสียงโห่ฮาจากพวกทโมนทั้งหลายได้อย่างครื้นเครง คนถูกถามหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังหัวเราะเป็นบ้านเป็นหลังตาขวาง
“ถามแบบนี้ก็ได้หรอวะเชี่ยป้อง ไหนมึงบอกเอาเรื่องความรู้สึกที่มีต่อกันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องไง”
“ได้หมดถ้าสดชื่นครับเพื่อน ถามอะไรก็ได้ไม่มีเกี่ยงแล้วมึงก็ต้องตอบตรงๆแบบจริงๆห้ามโกหกด้วย ไม่งั้นหมา ฮ่าๆๆ”
“ห่าเอ้ย”
“เอ้ารีบๆตอบมาดิพี่ หรือถ้าป๊อดจะวันช็อตก็ได้นะผมไม่ถือ” ไอ้เด็กหัวเกรียนได้ทีเร่งยิกๆ
ฮิ้ววว วู้วๆๆ
“พี่หินยอมหรอพี่”
“เออกูเคย!”
ฮุ้วววววว
“ไม่ธรรมดาๆ ฮ่าๆ” ไอ้อิฐหัวเราะร่าอารมณ์ดีทันทีเมื่อได้คำตอบสมใจ และเพราะพี่หินเป็นคนถูกถามรอบนี้พี่มันเลยได้รับโอกาสให้เป็นคนหมุนขวด
“เชี่ย!” ไอ้จอมถึงกับอุทานหน้าตื่นเมื่อปากขวดไปหยุดลงต่อหน้ามัน
“มึงจะตกใจทำไมเชี่ยจอม มึงเป็นคนถามมึงต้องดีใจไอ้ห่า”
“โทษๆ เมื่อกี้ลุ้นเยอะไปหน่อยจนเผลอจำสลับกัน” มันว่ายิ้มๆ ก่อนจะเริ่มกวาดสายตาหาเป้าหมายบ้าง ซึ่งแต่ละคนที่มองกลับมาล้วนแล้วแต่ส่งสายตาประมาณว่า ‘อย่าถามกูนะมึงๆ’ แทบทั้งนั้น
“ไอ้ปืน”
“ไอ้ห่า! มึงก็เล่นใกล้จังเนาะ” ไอ้คนตกเป็นจำเลยบ่นๆแต่ก็รอฟังคำถามอย่างตั้งใจ
“เอาเลยครับเพื่อนจอม มึงอย่าให้คำถามน้อยหน้าไอ้อิฐครับ จัดหนักๆ”
“มึงคิดยังไงตอนถูกพี่พีทจูบวะ”
ไอ้สัด! แทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยินคำถาม
“เชี่ยจอม!.. ถามห่าไรของมึงเนี่ย ไม่มีจูบเจิบห่าอะไรทั้งนั้นแหละ มันเป็นแค่อุบัติเหตุเฉยๆโว้ย”
“กูไม่สนครับ ที่สนคือความรู้สึกมึงตอนนั้นต่างหาก ตอบมาครับอย่าลีลา ให้ไวๆ”
“เอ้าตอบไปครับเพื่อนปืน เราชายชาติทหารกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ฮ่าๆๆ”
“ไม่ตอบนี่หมาเลยนะเชี่ยปืน” ไอ้พวกนี้ก็บิวท์จัง เดือนสิบเหล่มองเพื่อนสนิทพลางสะกิดให้มันรีบตอบยิกๆเพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ถึงจะนึกเคืองมันอยู่บ้างนิดหน่อยที่ไม่ยอมเล่าให้ฟังก็เถอะ แต่ไม่เป็นไรเขาค่อยไปซักมันเอาทีหลับก็ได้ ไอ้ปืนถอนหายใจยาวก่อนจะยอมตอบออกมาทั้งที่หน้าแดงก่ำ
“…ดี”
“อะไรนะ พูดดังๆหน่อยดิวะ มึงเห็นไหมว่าเพื่อนนั่งหน้าสลอนรอเสือกอยู่เนี่ย”
“กูบอกว่าก็นุ่มดีไงไอ้เหี้ย!”
ฮิ้วววววววววว วู้วววๆๆๆ
“พี่พีทอย่าไปยอมๆ สู้มันกลับหน่อยพี่ สู้มันๆ” ไอ้ปืนได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกราดมองเพื่อนตาขวาง กระทั่งสายตาไปปะทะเข้า
กับคนที่ตกเป็นจำเลยร่วมกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฝ่ายนั้นยกมุมปากขึ้นนิดๆ ไม่ได้มีท่าทีขวยเขินหรือไม่พอใจอะไร
“ถ้าอยากได้แบบไม่ใช่อุบัติเหตุก็ไปหากูที่ห้องคืนนี้ละกัน”
“ฮิ้ววววววววววว เอาเว้ยๆๆ”
“เชี่ยปืนแม่งโดนน ยอมหรอครับ ยอมหรอๆๆ“
“พอเลยพวกมึงหุบปากได้แล้ว รอบต่อไปตากูหมุนใช่ไหม เชี่ยจอมเอาขวดมา”
“หู้ยย มีโมโหกลับเกลื่อนว่ะ”
“มึงก็ยังจะเป็นไปกับพวกมันด้วยเนาะ” ไอ้ปืนผลักหัวเพื่อนสนิทที่กำลังหัวเราะจนตาหยี ด้วยความที่ไม่ทันได้ยั้งแรงเลยส่งผลให้ร่างเล็กกว่าเอนไปหาใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จนหัวกระแทกเข้ากับไหล่กว้างดังโป๊ก
“เชี่ยปืน! ผลักมาได้ …เจ็บ”
“สม” มันไม่สนใจแล้วยังกลับไปหมุนขวดต่อหน้าตาเฉย เดือนสิบหน้าง้ำก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือเย็นๆมาแตะบริเวณหน้าผากที่โดนโขกไปเมื่อกี้ จริงๆมันไม่ได้เจ็บมากมายขนาดนั้นแต่รู้สึกตกใจมากกว่า พอหันไปมองก็เห็นว่าตาคมๆกำลังจ้องอยู่พอดี เล่นเอาหน้าร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุจนต้องหลุบตามองแผ่นอกกว้างแทน
“เอ้าๆ มัวแต่สวีทกันอยู่นั่น ขวดชี้ไปหามึงแล้วครับเชี่ยยุทธ กรุณาสนใจเกมกูด้วย” เสียงจากรุ่นพี่ตัวเล็กทำเอาเดือนสิบสะดุ้งอีกรอบ ตากลมลอกแลกอย่างตื่นๆก่อนจะหลุบต่ำหลบสายตานับสิบคู่ที่จ้องมา
เสียงกระแอมจากคนข้างตัวดังขึ้นเบาๆก่อนที่มือหนาจะผละออกไปช้าๆ ไม่มีแววเก้อเขินหรือประหม่าใดๆนอกจากใบหน้านิ่งสนิทและตาคมที่มองกราดหาเป้าหมาย จริงๆเขาไม่ได้มีคำถามอะไรที่อยากจะถามใครเป็นพิเศษ ส่วนกับคนที่มีก็คิดว่าถามตรงนี้คงไม่เหมาะ
“เปลี่ยนจากคำถามเป็นคำสั่งได้ไหมวะ”
“เรื่องเยอะนะมึงอ่ะ” ไอ้ตัวต้นคิดบ่น ทว่าสายตากลับมองเพื่อนสนิทอย่างรู้ทัน
“สรุปได้ไม่ได้?”
“เออ ได้ครับ เอาที่มึงสบายใจเลยอยากสั่งอะไรใครก็เอาตามนั้น”
“โหยย แบบนี้ก็ได้หรอวะพี่ เกิดมีใครสั่งให้ไปทำอะไรแผลงๆงี้ก็แย่ดิ” ไอ้ตู่โอด โดยมีซาวเสียงจากอีกหลายๆคนโห่รับเป็นลูกคู่
“ถ้าไม่ทำพวกมึงก็วันช็อตไงครับ ง่ายจะตาย เอ้าไอ้ยุทธต่อเลย มึงอยากสั่งใครให้ทำอะไรจัดเลยเพื่อน”
“งั้นกูขอสั่งให้ไอ้พีท… สลับห้องนอนกับเดือนสิบ”
“เฮ้ย! ได้ไงอ่ะพี่” เป็นไอ้ปืนที่ลุกขึ้นโวยวายหน้าตั้ง ขณะที่เพื่อนสนิทเองก็อ้าปากหวอเพราะช็อคค้างกับคำสั่งที่มีชื่อตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยอย่างตั้งใจ ทุกคนในกลุ่มคล้ายจะยังงงๆกับคำสั่งแปลกๆ แต่นั่นก็ไม่สู้คำตอบรับจากคนที่ถูกสั่งโดยตรง
“กูตกลง!”
.
.
เวลาล่วงมาจนเกือบถึงตีหนึ่ง ไอ้พวกที่แค่กรึ่มๆในตอนแรกก็เริ่มพากันเลื้อยระเนระนาด ข้าวของบนโต๊ะถูกทยอยเก็บกวาดจากคนที่ยังพอมีสติอยู่บ้าง อันได้แก่ตัวเขาเอง พี่ยุทธ พี่พีท พี่หิน และไอ้อ๋อง ส่วนพวกที่เหลือไม่ต้องถาม โต๊ะเก้าอี้คืออะไรไม่สนใจเพราะพวกมันได้ลงไปกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นแล้วเรียบร้อย ไอ้ปืนเองก็ไม่ต่างเพราะตั้งแต่เล่นเกมหมุนขวดแล้วเถียงไม่ชนะมันก็ยกเอาๆจนในที่สุดก็สติหาย เลื้อยไปกองอยู่ข้างๆไอ้จอมแล้วแหกปากร้องเพลงกันเสียงดังลั่น
“เอาไงดีครับพี่” ไอ้อ๋องหาวหวอดปรือตามองสภาพเพื่อนแต่ละคนแล้วได้แต่ส่ายหัวอย่างอนาถใจ
“เริ่มจากไอ้พวกบ้านใกล้ก่อนแล้วกัน” ศิลาบอกก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงไอ้อิฐขึ้น มันส่งเสียงอ้อแอในลำคอฟังไม่ได้ศัพท์มือก็ฟาดสะเปะสะปะไปตลอดทาง เห็นแบบนั้นเดือนสิบเลยเข้าไปช่วยพยุงไอ้ปืนขึ้นมาบ้างโดยมีพี่ยุทธเข้ามาช่วย เพราะไอ้ปืนตัวใหญ่กว่าเขาเยอะให้แบกมันคนเดียวก็คงเอาไม่ไหว กระทั่งแบกเพื่อนเข้าห้องจนหมดทุกคนรายต่อมาที่ต้องคิดหนักก็คงไม่พ้นเดือนสิบ คิ้วเรียวสวยขมวดยุ่งจนคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันสังเกตได้
“เครียดอะไรฮึ?” ไม่ว่าเปล่าแต่ยังเลื่อนมือมานวดๆระหว่างคิ้วหวังให้มันคลายลงอีกต่างหาก
“เปล่าครับ” เดือนสิบตอบสั้นๆ ก่อนจะเผลอเม้มปากเข้าหากันอย่างไม่ตั้งใจ จะให้บอกได้ไงว่าเขากำลังเครียดเรื่องที่พี่มันออกคำสั่งไว้เมื่อตอนเล่นเกม
“เปล่าก็ไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าได้แล้วครับ ป่ะ เดี๋ยวพี่เดินไปเป็นเพื่อน” นี่ก็รีบไปอีก จะทำเป็นลืมๆไปหน่อยก็ไม่ได้ แล้วอะไรคือมองเขาตาพราวขนาดนั้น …ที่สำคัญคือตัวเขาเนี่ย หน้าร้อนอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ อยู่ใกล้แค่นี้เดี๋ยวผมไปเองก็ได้พี่เข้าไปอาบน้ำก่อนเถอะ” อย่างน้อยๆถ้าไปคนเดียวก็ยังมีเวลาเตรียมใจล่ะว่ะ ทว่า..
“สิบจะไปเก็บของหรอ พอดีเลยเดินไปพร้อมพี่ ป่ะ!” พี่พีทที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดีเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ท่าทางดูไม่ทุกไม่ร้อนที่ต้องไปนอนกับรุ่นน้องที่เพิ่งผ่านการจูบ? ไม่สิ ต้องเรียกว่าปากกระแทกปากกันมาอย่างไอ้ปืนเลยซักนิด
ผลสุดท้ายเขาก็ต้องเดินมาเก็บเสื้อผ้าพร้อมพี่พีท เปิดประตูเข้ามาได้ก็เจอร่างควายๆของไอ้ปืนนอนแผ่หมดสภาพ เสื้อผ้าถูกถอดทิ้งระแกะระกะเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวติดกาย
“อุจาดตาจริงๆ” คนที่เดินเข้ามาด้วยกันบ่นเบาๆก่อนจะเดินไปคลี่ผ้าห่มโยนคลุมให้มันลวกๆ จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอีกหลังที่อยู่ข้างๆกัน “เก็บของตามสบายเลยนะ ออกตอนไหนก็ล็อกห้องให้พี่ด้วยละกัน” สั่งเสร็จก็ล้มตัวลงนอนคลุมโปงทันที เล่นเอาไอ้คนที่ตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลาเก็บของเพื่อทำใจเป็นต้องรีบยัดของใส่กระเป๋ารีบๆเพราะกลัวว่าถ้าอยู่นานจะกลายเป็นรบกวนเวลานอนของพี่มัน
ยืนทำใจอยู่หน้าบ้านพักหลังสุดท้ายก่อนจะค่อยๆผลักประตูเข้าไปในที่สุด แต่พอเดินเข้ามาเจอประตูห้องนอนเดือนสิบก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ ความประหม่าเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ เพียงแค่คิดว่าคืนนี้ต้องนอนร่วมห้องกับพี่มันใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นผิดจังหวะขึ้นมาซะอย่างนั้น
ก็อกๆๆ
เงียบ…
พอลองเคาะอีกทีแล้วเห็นว่าคนข้างในยังเงียบอยู่เขาเลยถือวิสาสะค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ไม่เห็นร่างสูงคุ้นตาอยู่ในนั้นทว่าเสียงน้ำกระทบพื้นที่ดังลอดออกมาก็พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้หน่อย เดือนสิบวางกระเป๋าไว้บนเตียงอีกหลังที่ว่างอยู่แล้วเริ่มเอาของที่ยัดไว้ลวกๆออกมาจัดเข้าตู้เสื้อผ้า สภาพห้องนี้ไม่ต่างกันกับห้องของเขากับไอ้ปืนนัก คือมีสองเตียงเดี่ยวหนึ่งตู้เสื้อผ้าแล้วก็อีกหนึ่งโต๊ะเครื่องแป้ง
แกร๊ก!
เสียงกลอนประตู้ลั่นทำให้มือที่กำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ชะงัก เขาเผลอเม้มปากเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นว่าร่างสูงกว่ากำลังเดินออกมา ยิ่งเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เท่าไหร่ก้อนเนื้อในอกก็คล้ายจะยิ่งทวีจังหวะมากขึ้นเท่านั้น
กึก!
เดือนสิบแทบจะกลั้นหายใจเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง …ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รินรดต้นคอ
“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู ก่อนที่สัมผัสเย็นชืดจะเฉียดผ่านทำให้ร่างเล็กกว่าหันมามองอย่างตกใจ แต่เมื่อหันมาแล้วเจอกับใบหน้าคมคายในระยะประชิดเดือนสิบก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด
ปึก!
ตากลมเบิกกว้าง เมื่อเสียงประตูตู้เสื้อผ้าถูกปิดลงด้วยน้ำมือของคนตัวสูง แขนแข็งแรงอยู่ห่างจากหน้าเขาไปแค่คืบขณะที่ใบหน้าคมคายโน้มต่ำเข้าหาจนเหลือพื้นที่ว่างระหว่างกันไม่ถึงฟุต และดูเหมือนว่าระยะห่างจะถูกย่นเข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“พะ.. พี่ยุทธ”
“หืมม..” เดือนสิบเผลอกลืนน้ำลายอย่างฝืดๆ อยากผลักไสอีกฝ่ายให้ออกห่างแต่เมื่อสบเข้ากับตาคมวาววับเรี่ยวแรงก็คล้ายว่าจะหายไปเสียดื้อๆ กระทั่งระยะห่างร่นลงมาเหลือเพียงแค่คืบถึงได้ทำให้กล้ายกมือขึ้นมาดันแผ่นอกแกร่งไว้ ทว่าผิวเนื้อเปลือยเปล่าและเย็นเฉียบก็ทำเอาต้องหลับตาปี๋ ตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ยุทธนาลอบยิ้มร้าย มองคนในอ้อมกอดกลายๆที่เหมือนจะตัวสั่นนิดๆหากแต่มือยังดันอกเขาไว้แน่น กลีบปากสีสดเม้มเข้าหากันในขณะที่เรียวคิ้วสวยขมวดยุ่ง ยิ่งเขาขยับเข้าใกล้ แกล้งผ่อนลมหายใจอุ่นๆรินรดแก้มใสมากเท่าไหร่รอยย่นระหว่างคิ้วก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น…. ตาคมกวาดมองทั่วใบหน้าเนียน แพขนตาหนาขยับยุกยิกทาบทับผิวแก้มใสดูไม่เป็นสุข กลีบปากแดงเรื่อที่เขาเคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งกำลังเม้มแน่นจนต้องเลื่อนมือไปแตะแล้วคลึงเบาๆให้คลายออกเพราะกลัวว่ามันจะช้ำไปซะก่อน ผลที่ได้คือน้องสะดุ้งเฮือกเผลอจิกเล็บลงบนอกเขาจนเจ็บจี้ด
“เจ็บนะ..” เขาแกล้งกระซิบชิดใบหูขาว เฉียดริมฝีปากผ่านบางเบาหากแต่เรียกขนกายอีกฝ่ายให้ลุกฮือ
ยุทธนาถึงกับลมหายใจสะดุดเมื่อน้องเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างประหม่า ก้อนเนื้อในอกสั่นไหวรุนแรงจนต้องผ่อนลมหายใจยาวเพื่อระงับสติอารมณ์ …เป็นคนอยากแกล้งน้องแท้ๆ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนผลกรรมมันมาตกที่ตัวเอง ยิ่งตากลมค่อยๆเปิดปรือขึ้นทีละน้อย จ้องสบตากับเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ หัวใจก็คล้ายว่าจะหยุดเต้น ในสมองขาวโพลนไปชั่วขณะ
“จูบได้ไหม”
“พี่ยุทธ…”
“นะครับ..”
“คือ.. อ๊ะ อื้อ!” ความอดทนขาดสะบั้นเพียงแค่เห็นน้องเผลอแลบเลียริมฝีปากอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาสอดแขนรอบเอวบางแล้วดึงรั้งเข้าหา ก่อนที่อีกข้างจะสอดเข้าประคองท้ายคอยสวยจับให้ใบหน้าแหงนเงยแล้วกดแนบริมฝีปากเข้าทาบทับ สัมผัสเพียงแผ่วเบาในทีแรกก่อนจะค่อยๆไล่เล็มความนุ่มละมุนช้าๆ ขบกัดสลับดูดดึงเบาๆอย่างปลอบประโลม เดือนสิบไม่ได้ผลักใสหากแต่ก็ไม่ได้ตอบรับในทีเดียว น้องหลับตาปี๋ มือบางเกร็งแน่นอยู่บนต้นแขนเขาก่อนที่ยุทธนาจะเป็นคนจับให้มันพาดผ่านรอบลำคอแกร่ง
“ฮื้ออ..” เสียงครางแผ่วหลุดรอด เมื่อปลายลิ้นชื้นเริ่มรุกล้ำเข้าหา กลีบปากอิ่มถูกดูดกลืนซ้ำๆโดยไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะยอมถอยห่าง ปลายลิ้นชื้นสอดลึก เกี่ยวกระหวัดเข้ากับลิ้นเล็กไม่ประสาอย่างเอาแต่ใจคล้ายไม่อาจควบคุม ยิ่งรับรู้ว่าปลายลิ้นเล็กขยับตอบสนองอย่างเก้กังก็ยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดำมืดให้ลุกฮือ
“สิบ..” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชิดริมฝีปากเมื่อผละออกให้น้องได้หายใจ พร้อมๆกับที่จมูกโด่งได้รูปกดลงมาขโมยความนุ่มนิ่มอย่างอดใจไม่ไหว รั้งกายเล็กเข้าแนบชิดก่อนจะเข้าดูดกลืนความหวานล้ำที่เพิ่งผละห่างอีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่รู้เบื่อ
“อื้ออ..” เผลอจิกเล็บเข้าที่ลำคอหนายามรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นร้อนที่ละลาบละล้วงเข้ามาลูบไล้ผิวเนื้อด้านใน ก้อนเนื้อในอกสั่นระรัวเมื่อฝ่ามือสากระคายเคลื่อนผ่านสะโพกสวย บีบคลึงสลับลากไล้แผ่วเบาสะเปะสะปะคล้ายคนทำเริ่มสติเลือนหาย เดือนสิบหน้าตื่นเมื่ออีกคนจงใจเบียดสะโพกเข้าหา อีกทั้งกลีบบางยังถูกดูดกลืนอย่างเอาแต่ใจพยายามขยับกายหนีสัมผัสร้อนระอุที่เคลื่อนผ่าน หากแต่แขนแกร่งกลับล็อกไว้แน่นหนา
“ฮ้า! ..พี่ยุทธ อย่ะ!..อื้อ!” แรงจิกทึ้งบริเวณไหล่กว้างเปลือยเปล่าคล้ายไม่ช่วยอะไรเมื่ออีกฝ่ายเริ่มหน้ามืด มือหนาจับช้อนใบหน้าเนียนให้แหงนหงายเพื่อรับจูบร้อนแรงที่เขาป้อนให้อย่างถนัดถนี่ บดเคล้าเอาแต่ใจไม่สนแม้กระทั่งแรงจิกข่วนรุนแรง เสียงสะท้อนในหัวมีเพียงความต้องการที่ตะโกนก้องร้องหาทางปลดปล่อย มือหนาลากผ่านผิวเนื้อเนียน ฟอนเฟ้นหนักหน่วงอย่างเอาแต่ใจคล้ายไม่ไอ้สติ จูบซับกลีบปากบางที่เริ่มบวมช้ำ ผิวแก้มเนียน และกำลังจะเลยเถิดไปยังซอกคอขาว ….ยุทธนาไม่รู้เลยว่าเขาควรจะหยุดมันที่ตรงไหน
“อย่าครับ! ไม่เอาแบบนี้!!”
หากแต่เดือนสิบรู้
น้องตัวสั่นเทิ้มทั้งที่ควรจะผละออกแต่กลับโอบกอดเขาไว้แน่น ใบหน้าน่ารักซุกแนบเข้ากับอกกว้างเปลือยเปล่าหลบหนีการรุกรานเอาแต่ใจ แผ่นอกยังคงสะท้อนขึ้นลงหนักหน่วงเพื่อกอบโกยเอาอากาศที่ถูกช่วงชิงเนิ่นนานกลับมา เสียงสั่นพึมพำด้วยประโยคเดิมซ้ำๆว่าไม่เอา ไม่ทำแบบนี้ดังก้องสะท้อนในหัว ก่อนที่มันจะซึมลึกเข้าไปกระตุกใจคนฟังให้ได้สติ ท่าทางหวาดกลัวหากแต่กอดรัดเขาไว้แน่นราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย …นี่เขาทำอะไรลงไป
“ขอโทษ พี่ขอโทษ..” กอดรัดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นพลางเอ่ยบอกซ้ำๆ ฝ่ามือที่เคยรุกรานให้ได้หวาดกลัวก่อนหน้ากำลังลูบไล้แผ่วเบาที่กลุ่มผมนุ่มเพื่อปลอบประโลม ยอมรับความผิดทุกอย่างที่ทำให้น้องต้องหวาดกลัวเพียงเพราะความไม่รู้จักหักห้ามใจของตัวเอง เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งอยากสัมผัส และพอได้สัมผัสก็ยิ่งทวีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด..
“อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหมครับ อย่าบังคับผม” เสียงหวานเอ่ยอู้อี้เพราะยังไม่ยอมเงยหน้าจากอกกว้าง น้ำเสียงยังคงสั่นพร่าหากยิ่งตอกย้ำว่าเขาเองที่เป็นฝ่ายบังคับน้อง เป็นเขาเองที่ทำให้น้องหวาดกลัว
“พี่ขอโทษ.. จะไม่ทำแล้ว จะไม่บังคับ”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ยังฟังผม” อ้อมแขนเล็กกระชับกอดแน่นขึ้น แนบหน้าเข้าหาอกกว้างตามแรงรั้งหลับตาซึมซับเสียงหัวใจที่คล้ายจะเต้นแผ่วลง
.
.
เวลาเกือบชั่วโมงในห้องน้ำคล้ายจะไม่ได้ช่วยอะไรเมื่อเปิดประตูออกมาแล้วเจอคนที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่บนเตียง ตาคมฉายแววสำนึกผิดเงยขึ้นสบกันเมื่อเห็นว่าเขาเดินออกมา รู้สึกประหม่านิดหน่อยกับการจับจ้องทุกย่างก้าวหากแต่ความอุ่นใจก็มากขึ้นเหมือนกันเมื่อเห็นว่าอย่างน้อยคนตรงหน้าก็ยังฟังคำขอของเขาอยู่บ้าง…
“เช็ดผมให้หน่อยได้ไหมครับ” เพราะแววตาสำนึกผิดและท่าทางเหมือนไซบีเรียนตัวโตที่กำลังหูลู่หางตก เดือนสิบเลยเลือกที่จะเดินไปทิ้งตัวลงข้างๆอีกฝ่าย ยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วหันหลังให้ ใบหน้าคมคายฉายแววแปลกใจในทีแรกหากเสี้ยวต่อมาก็กลายเป็นยิ้มกว้าง แล้วรีบกุลีกุจอซับผมให้เขาอย่างเบามือ
“พี่ขอโทษนะ” ประโยคเดิมเมื่อเกือบชั่วโมงก่อนหน้าถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง เดือนสิบยิ้มจางก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ แล้วก็เลิกขอโทษผมได้แล้ว”
“ขอโทษ..”
“ฮื้ออ พอแล้วครับ ถ้าขอโทษอีกทีจะโกรธจริงๆแล้วนะ” ตากลมหันมาจ้องเขม่ง เล่นเอาร่างสูงถึงกับถอนหายใจเฮือกอย่างอ่อนใจ …ก็เพราะชอบทำตัวน่ารักแบบนี้ไง เขาถึงได้สติหลุดทุกครั้งที่เข้าใกล้
“ครับ.. ไม่พูดแล้วครับ” ยุทธนาบรรจงเช็ดผมให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ ปล่อยให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบพลางลอบสังเกตเสี้ยวหน้าเนียนใสเป็นระยะ เจ้าตัวเปิดปากหาวอยู่หลายครั้งขณะที่ดวงตาเริ่มปรือปรอยเมื่อเขาเช็ดผมให้จนหมาดแล้วเปลี่ยนมาเป็นนวดขมับให้เบาๆ
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกจุดขึ้นที่มุมปากได้รูปแทบทุกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้าปากหาวหวอด ร่างเล็กที่เริ่มสติหลุดลอยถูกเขาดันให้เอนมาพิงอกกว้าง ก่อนจะวาดแขนโอบรอบเอวบางไว้หลวมๆ เจ้าตัวเองก็ว่าง่ายจับให้อยู่ท่าไหนก็อยู่ท่านั้น ปล่อยให้เขาได้บีบนวดตามสบาย ผ่านไปซักพักพอก้มมองอีกทีก็เห็นว่าเปลือกตาปิดสนิทลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นคนหลับง่ายหรือง่วงมากๆกันแน่ แต่ดูท่าแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
ยุทธนาจับให้น้องนอนดีๆ ก่อนจะลงมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงเพื่อจ้องมองใบหน้าเนียนใสที่ดูเหมือนจะนวลกว่าปกติ เพราะถูกแสงจันทร์สาดลอดผ่านผืนผ้าม่านตกกระทบ เรียวคิ้วสวยไม่หนาไม่บางหากแต่รับกันดีกับโครงหน้าเรียว ขนตาหนายาวเป็นแพยิ่งพอหลับตาพริ้มแบบนี้เลยมองเห็นเป็นเงาตกกระทบผิวแก้ม จมูกที่แม้จะไม่ได้โด่งมากนักแต่กลับดูเหมาะเจาะเข้ากับรูปหน้าเรียวเล็ก กลีบปากอิ่มรูปกระจับสีอ่อนจางที่มักจะเผลอเม้มเข้าหากันทุกครั้งเมื่อรู้สึกประหม่าหรือเขินอาย …ใบหน้าที่เขานึกถูกใจตั้งแต่แรกเห็นเมื่อครั้งเข้าเป็นพี่ว๊าก เดือนสิบไม่ใช่เด็กกิจกรรม น้อยครั้งมากที่เขาจะเห็นน้องมาเข้าห้องเชียร์ มีรุ่นพี่หลายคนจ้องจะเอาเรื่องแต่เพราะเขาขอไว้พวกนั้นเลยไม่ติดใจ เจ้าตัวถึงได้รอดพ้นการถูกลงโทษมาจนทุกวันนี้
และถึงแม้ว่าจะทำงานหนัก แต่ผิวเนื้อทุกส่วนกลับดูนุ่มนิ่มไม่ต่างจากคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี จะมีก็แต่มือเล็กๆที่หยาบกร้านจนสัมผัสได้ และผิวเนื้อตามแขนขาที่มีรอยแผลเป็นเล็กๆอยู่ประปรายที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้าตัวผ่านการทำงานมาอย่างหนัก แล้วไหนจะนิสัยที่ดูเหมือนใจอ่อนง่ายจนน่าอ่อนใจนี่อีก ทั้งที่เขาดึงดันเอาแต่ใจตัวเองจนเกือบจะหน้ามืดจับเจ้าตัวปล้ำแล้วแท้ๆ แทนที่จะโกรธกลับเป็นฝ่ายเข้ามาออดอ้อนเสียเอง
เฮ้ออ.. ไม่รู้จะทำให้หลงไปถึงไหน…นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาเอาแต่นั่งจ้องหน้าน้องอยู่อย่างนั้น กระทั่งอีกฝ่ายครางฮือขยับปากจนเกิดเสียงดังจ๊อบแจ๊บเบาๆแล้วขยับเปลี่ยนท่านอนให้สบายขึ้น หลุดยิ้มขำกับท่าทางน่าเอ็นดูนั่นก่อนจะยื่นมือไปเกลี่ยแก้มใสเบาๆเพราะอดใจไม่ไหว เลื่อนตัวขึ้นกดจูบเบาๆบนหน้าผากเนียนส่งท้าย ก่อนจะหักใจผละออกมาล้มตัวนอนลงบนเตียงอีกฝ่ายแทน และเป็นอีกครั้งที่เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาเอาแต่นอนจ้องหน้าน้องจนเผลอหลับไป…
******