09
“อ้าว ไปไหนครับ” คำถามจากตุ๊กตาหน้ารถที่นั่งมาด้วยกันเรียกรอยยิ้มบางให้จุดขึ้นที่มุมปากได้รูป ยุทธนาไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกระทั่งกลับรถแล้วเลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถของคอนโด ลูกแมวของเขามีท่าทีเลิ่กลั่กมองซ้ายขวาอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งตอนกลีบปากสีเรื่อขยับบ่นงุบงิบไร้เสียงก็ยิ่งดูน่าหมั่นเขี้ยว ทั้งตลกทั้งน่าเอ็นดูจนอยากจับมาฟัดให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องกลั้นไว้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตระหนกไปมากกว่านี้
“ผมจะกลับหอ” ลงรถได้ก็เริ่มงอแง จ้องมองคนเป็นพี่ด้วยใบหน้างอง้ำ ทว่าอีกคนกลับยิ้มจางแล้วเลื่อนมือมาจับกุมฝ่ามือเล็กไว้แน่นหนา ตาคมดูไหวระริกคล้ายจะมองมาอย่างอ้อนๆทำเอาคนถูกมองใจสั่นจนเผลอหลบตาวูบ
“ใกล้จะเที่ยงแล้วพี่ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าเลย”
“แล้วไงครับ” ตอบกลับเสียงเรียบ
“ที่ห้องมีของสด”
“แล้ว?” เดือนสิบย่นคิ้ว ชักเริ่มไม่แน่ใจว่านั่นเป็นประโยคบอกเล่าหรือเปล่า
“ทำกับข้าวให้กินหน่อย” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อน ทว่าคนถูกมอบตำแหน่งพ่อครัวให้กลับรีบส่ายหน้าปฏิเสธ แค่คิดว่าจะต้องขึ้นไปอยู่
กับอีกฝ่ายสองต่อสองในห้องใบหน้าน่ารักก็เห่อร้อนขึ้นมาจนรู้สึกได้ .. ไม่เอาหรอก ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวานเขาคงได้ระเบิดตัวเองตายแน่ๆ
“ไม่เอาครับ พี่ยุทธก็ทำกินเองสิผมจะกลับไปนอนแล้ว ง่วง” ยุทธนามองคนหน้าง้ำที่ปฏิเสธเสียงแข็งแล้วเบือนหน้าหนีอย่างอ่อนโยน มือหนาจับกระชับแน่นขึ้นเรียกร้องความสนใจให้อีกฝ่ายกระมามอง ทว่าเดือนสิบก็ยังนิ่ง ถึงจะไม่ได้สลัดมือเขาออกแต่น้องก็ไม่ยอมหันกลับมาสบตากันอยู่ดี
เอาไงดีล่ะ… จะตะล่อมยังไงลูกแมวถึงจะยอมขึ้นไปเล่นด้วย“แค่แปปเดียวเอง พี่แค่อยากใช้เวลาอยู่กับเรา นะ..”
“ไม่เอาครับ” ยิ่งได้ยินแบบนั้นเดือนสิบก็ยิ่งส่ายหน้ารัว ในอกเต้นโครมครามไปก่อนแล้วทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ใจหนึ่งก็ยังนึกเกร็งๆกับเหตุการณ์ชวนใจสั่นที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แต่อีกใจลึกๆก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็อยากใช้เวลาร่วมกับอีกฝ่ายเหมือนกัน …ทำไมถึงได้ย้อนแย้งขนาดนี้นะหัวใจ
ได้ยินแบบนั้นคนพี่ก็ได้แต่ถอนใจยาวก่อนจะตัดสินใจปล่อยมือจากคนเป็นน้องด้วยท่าทางหงอยๆ
“โอเคเข้าใจแล้ว พี่คงรุกสิบมากเกินไปสินะ ไม่เป็นไรหรอกถ้าเราจะรู้สึกอึดอัดเวลาอยู่ด้วยกันสองคนพี่ก็เข้าใจ มาเถอะเดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
เดือนสิบแทบจะร้อง ‘ห๊ะ’ ออกมาอย่างไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินถ้อยคำตัดพ้อจากคนตัวสูง ทว่าเสี้ยวหน้าคมคายที่คล้ายจะดูหม่นลงก็แอบทำเอาใจอ่อนยวบ สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนมันออกมาเฮือกใหญ่คล้ายรวบรวมกำลังใจก่อนจะคว้าข้อมือของคนที่กำลังยืนหันหลังให้
“ผมทำเป็นแต่อาหารง่ายๆนะครับ”
“ถ้าเราไม่สบายใจที่จะอยู่กับพี่ก็ไม่ต้องฝืนหรอก พี่เข้าใจ” เดือนสิบแทบจะกรอกตา แอบย่นจมูกใส่แผ่นหลังกว้างของคนขี้น้อยใจไปทีก่อนจะกระชับข้อมือหนาแน่นขึ้น กระตุกเบาๆให้อีกฝ่ายหันมาแต่คนเป็นพี่ก็ยังนิ่ง …นี่กำลังเอาคืนเขาอยู่หรือเปล่า?
“ผมเต็มใจครับ แต่ทำเป็นแค่อาหารง่ายๆนะไม่รู้ว่าจะอร่อยถูกปากรึเปล่า” สิ้นคำคน’แกล้ง’น้อยใจก็หลุดยิ้มกว้าง นัยย์ตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์สมใจ หากแต่ครู่เดียวก็ปรับมาเป็นปกติราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น
“ถ้าเป็นสิบทำ ไม่ว่าจะอะไรพี่ก็กินได้ทั้งนั้น” คนฟังย่นจมูก มองคนที่หันกลับมาทั้งที่ใบหน้าเกลื่อพรายด้วยรอยยิ้มอย่างหมั่นไส้ ชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าไอ้ท่าทางหงอยๆเมื่อกี้นี่เป็นจริงๆหรือแค่แกล้งทำ
“เปลี่ยนอารมณ์เร็วเนอะคนเรา” ว่าแล้วก็อดค่อนขอดไม่ได้ ยุทธนาหัวเราะในลำคอ สอดประสานฝ่ามือเข้ากับมือเล็กของน้อง กอบกุมไว้อย่างถือวิสาสะก่อนจะพาเดินเข้าคอนโดไปด้วยกัน
ยุทธนาเดินจูงอีกฝ่ายไปเงียบๆ ระหว่างทางเขาไม่ได้แกล้งหรือแหย่อะไรน้องอีกมีเพียงรอยยิ้มเล็กๆเท่านั้นที่ยังคงอยู่ไม่จางหาย จนเมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่ต้องการ ท่าทางชะงักนิ่งของคนที่ยืนกอดกระเป๋าอยู่หน้าประตูก็ไม่รอดพ้นสายตาคมกริบของร่างสูง ยุทธนาเป็นคนเดินเข้าห้องมาก่อนโดยไม่ได้คะยั้นคะยอหรือเร่งเร้าให้อีกฝ่ายรีบเดินตามเข้ามา เขาปล่อยให้น้องได้ยืนทำใจ?อยู่ซักพักก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตามเข้ามาเอง
“ห้องครัวอยู่ไหนครับ” เข้ามาในห้องปุ๊ปก็ถามหาเป้าหมายปั๊บ ท่าทางจริงจังจนเรียกให้คนที่ใช้เรื่องทำกับข้าวเป็น’ข้ออ้าง’ถึงกับหลุดยิ้มเอ็นดู
“เราง่วงไม่ใช่หรอนอนพักก่อนไหม จริงๆพี่ก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ตื่นมาค่อยทำก็ได้” เดือนสิบถึงกับย่นจมูก ม่านกลมใสกรอกกลิ้งก่อนจะจ้องเขม่งมายังคนเจ้าเล่ห์ที่ยืนยิ้มพรายอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยุทธนากลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ขนาดนี้เดือนสิบเองก็ตอบไม่ได้ หรือแท้จริงแล้วอีกฝ่ายเป็นมาตลอดแต่เขาไม่รู้เองนะ
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ง่วงขนาดนั้น” ถึงจะง่วงจริงแต่พอมาเจอแบบนี้ใครมันจะหลับลง แล้วไหนไอ้ท่าทีหงอยเหงาราวกับน้อยอกน้อยใจนักหนา ทำไมตอนนี้ถึงกลายมาเป็นท่าทางหูตั้งหางกระดิกไปได้
“งั้นก็เชิญทางนี้เลยครับคุณพ่อครัว” เอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ ก่อนจะเดินนำร่างเล็กกว่ามาที่ห้องครัวซึ่งอยู่ห่างมาจากห้องนั่งเล่นไม่มากนัก
“อยากทำอะไรจัดการได้ตามใจชอบเลยครับ หาอะไรไม่เจอถามได้” เดือนสิบหันมามองค้อนเจ้าห้องที่ตอนนี้ระเห็จตัวเองมานั่งอยู่ในห้องครัวด้วยท่าทีสบายๆโดยไม่คิดจะลุกขึ้นมาช่วยเขาหยิบจับอะไรเลยซักนิด ปากบางบ่นขมุบขมิบจับใจความไม่ได้ แต่ดูจากใบหน้าที่งอง้ำและค้อนวงโตที่เจ้าตัวขยันส่งมาให้เป็นระยะๆนั่นก็คงไม่พ้นแอบด่าเจ้าของห้องนั่นล่ะ
“อื้อหือ.. ” เสียงครางเบาๆดังแว่วมาให้ได้ยินเมื่อเจ้าตัวเปิดตู้เย็นแล้วพบกับของสดที่อัดแน่นอยู่ภายใน
จริงๆยุทธนาก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีอะไรบ้าง เขาแค่สั่งให้แม่บ้านซื้อของสดเข้ามาเตรียมไว้ให้เพราะพวกไอ้ป้องมันเปรยๆไว้ว่าอยากมาทำสุกี้ฉลองสอบเสร็จกินกันเอง แต่เหมือนวันนี้พวกมันคงต้องกินแห้วกันไปก่อนเพราะเขาได้ตัวพ่อครัวจำเป็นมาอย่างเหนือความคาดหมาย
ทีแรกเขาก็ว่าจะกลับมานอนเอาแรงซักหน่อยหลังจากสอบเสร็จ แต่เมื่อออกจากห้องสอบแล้วได้รับข้อความจากเบอร์ไม่คุ้นตาทว่าชื่อของคนที่ปรากฏอยู่ในเนื้อความนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป้าหมายเลยกลับกลายมาเป็นโรงอาหารคณะแทน
ภาพที่ลูกแมวของเขากำลังหลับตาพริ้มพิงอกเพื่อนสนิทอย่างสบายใจเฉิบทำเอาเขาหัวร้อนไม่เบา แต่เพราะนิสัยไม่ใช่คนชอบโวยวายสิ่งที่ทำจึงเป็นตาขวางๆที่ฟาดฟันใส่รุ่นน้องในคณะอย่างไม่พอใจเท่านั้น ไอ้ปืนไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวหรือไม่พอใจในสิ่งที่เขาแสดงออก กลับกันมันเพียงแค่ยิ้มจางแล้วพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ซึ่งถ้าจับน้ำเสียงดีๆก็จะพบว่ามันมีความท้าทายเล็กๆอยู่ในนั้น
‘ผมต้องรีบไปส่งงานน่ะครับ แต่ปลุกยังไงไอ้นี่มันก็ไม่ยอมตื่นซักที ยังไงก็ฝากพี่ยุทธช่วยดูแลมันให้หน่อยนะครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะมารับคืน’ คิ้วเข้มขมวดยุ่งเมื่อฟังจบ ตวัดมองสบตากับรุ่นน้องในคณะอย่างไม่ชอบใจนัก ยิ่งเห็นท่าทางที่มันปฏิบัติต่อลูกแมวของเขาอย่างอ่อนโยนในอกมันก็คับยิบๆจนอยากจะเข้าไปกระชากออกจากกันให้รู้แล้วรู้รอด
รู้ทั้งรู้ว่าทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน ซ้ำไอ้ปืนยังเป็นคนที่คอยดูแลเดือนสิบมาตลอดแต่เขาก็ไม่ชอบใจอยู่ดี
‘ไม่ต้อง เดี๋ยวกูพากลับเอง’
ไอ้ปืนหัวเราะในลำคอ มองคนที่ค่อยๆโอบกระครองเพื่อนสนิทให้นอนลงบนตักกว้างอย่างนิ่มนวลทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาติดจะบึ้งตึงจนแทบจะกินหัวเขาได้
ถึงปฏิกิริยาที่แสดงออกว่าไม่พอใจจะดูนิ่งไปซักหน่อย แต่สายตาที่แสดงออกก็เอาเรื่องไม่เบา …ไม่ถึงกับที่คาดไว้ แต่ก็ถือว่ายังดีล่ะนะ
.
.
“งั้นเป็นต้มยำกับข้าวผัดแล้วกันนะครับ” คนที่ยุ่งอยู่กับการสำรวจวัตถุดิบในทีแรกเงยหน้าขึ้นมาถาม ยุทธนาจ้องสบตากลมแป๋วก่อนจะพยักหน้ายิ้มๆ
“ครับ แล้วแต่เราเลย”
น้องพยักหน้าหงึกหงักเลิกสนใจเขาแล้วไปโฟกัสอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบแทน มือเรียวหยิบนั่นจับนี่ดูคล่องแคล่วเคยมือถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มาใช้ครัวห้องเขา ดูแล้วเพลินตาจนเผลอยิ้มออกมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
รออยู่ไม่นานกลิ่นหอมอ่อนๆของกระเทียมเจียวก็ฟุ้งมาเรียกน้ำย่อย เดือนสิบวุ่นวายอยู่หน้าเตาซักพักข้าวผัดหมูและต้มยำหน้าตาน่าทานก็ถูกยกมาเสิร์ฟถึงที่ พ่อครัวกิตติมศักดิ์เดินกลับไปที่ตู้เย็นอีกครั้ง หยิบน้ำเปล่ากับแก้วอีกสองใบมาตั้งไว้ตรงหน้า แถมยังบริการรินน้ำให้อีกต่างหาก
“บริการดีขนาดนี้ถ้าซื้อขาดคิดเท่าไหร่ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเย้า มองอีกฝ่ายที่ชะงักไปนิด ก่อนที่ตากลมๆนั่นจะหันมาค้อนใส่เขาวงโต
“กินไปเลยครับ พูดมากเดี๋ยวจะไม่ได้กิน” ยุทธนาแสร้งทำตาโต น่าหมั่นไส้จนคนทำเป็นเข้มนึกอยากจะทุบให้ซักที
“ทำไมโหดจังฮึ”
“ทำไมชอบแกล้งจังฮึ” เดือนสิบยอกย้อน จากนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนร้ายกาจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ตาคมพราวระยับจ้องมาทำเอารู้สึกเสียวสันหลังบอกไม่ถูก
“ก็มีแฟนน่ารักเห็นแล้วมันอดใจไม่ไหว เห็นแล้วอยากแกล้ง อยากแหย่ อยากฟัดแรงๆ”
“โอ้ยพี่ยุทธ! กินเข้าไปเลยครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” คนเขินหน้าแดงโวยลั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายตักกุ้งตัวโตมาวางไว้บนจานให้ …ก็เพราะชอบทำตัวน่ารักแบบนี้แล้วจะไม่ให้เขาชอบแกล้งชอบแหย่ได้ยังไง
“เอ้อพี่ยุทธครับ”
“หืม..” ยุทธนาเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนเป็นน้องท้วงขึ้นเหมือนนึกอะไรได้
“คือ.. วันมะรืนนี้”
“ครับ?” เกริ่นไปได้ซักหน่อยก็กลับมานิ่ง เล่นเอาคนที่รอฟังอย่างลุ้นๆทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยเร่ง
“พวกไอ้ปืนชวนไปเที่ยว”
“อือฮึ..” ยุทธนาครางรับ มองน้องที่เงียบไปอีกเกือบนาที คิ้วสวยตีกันยุ่งราวกับประโยคที่จะพูดมันต้องใช้ความคิดนักหนา กระทั่งได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วตากลมเลื่อนขึ้นมาสบกันแน่วแน่
“ไปด้วยกันนะครับ”
ก็แค่ประโยคสั้นๆกับแก้มแดงๆและดวงตากลมโตที่จับจ้องรอคอยคำตอบ ไม่รู้ทำไมใจเขาถึงได้เต้นโครมครามจนหลุดจังหวะขนาดนี้ เกือบจะหลุดยิ้มกว้างออกมาแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ายั้งไว้เพราะต้องการแหย่อีกคนซะก่อน
“อยากให้พี่ไปด้วยจริงๆหรอ”
“…ครับ”
“มากไหม”
“….” คนฟังค้อนเข้าให้ก่อนที่ปากบางจะบ่นขมุบขมิบจับใจความไม่ได้ หากครู่ต่อมาก็ยอมพยักหน้ารับในที่สุด เท่านั้นรอยยิ้มกว้างจากคนตัวสูงก็ถูกส่งมาให้จนเดือนสิบถึงกับชะงักเผลอคิดว่าตัวเองตาพร่าไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกคล้ายจะสั่นไหวรุนแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยจ้องหน้าอีกฝ่ายได้จริงจังซักครั้งเลยไม่มีโอกาสสังเกตใบหน้าคมคายอย่างเต็มตา
ยุทธนาไม่ใช่คนหล่อมากจนถึงขั้นเห็นครั้งแรกแล้วต้องมองเหลียวหลัง เขาเป็นคนมีรูปหน้าคมคายจมูกโด่งเห็นสันกรามชัด คิ้วเข้มพาดเฉียงในองศาพอเหมาะรับกับดวงตาคมกริบดูดุดัน ยิ่งภายนอกแสดงออกว่าเป็นคนเงียบขรึมใบหน้าติดจะเฉยชาอยู่ตลอดจึงทำให้น้อยคนนักอยากจะเข้าหา แต่พอมายิ้มกว้างๆแบบนี้กลับทำให้ดูดีขึ้นเป็นกอง ยิ่งมีลักยิ้มบุ๋มลึกทั้งสองข้างแก้มก็ยิ่งขับให้ดูมีเสน่ห์จนยากที่จะละสายตา
“จ้องกันขนาดนี้พี่ก็เขินเป็นนะ” เสียงทุ้มเอ่ยล้อ เรียกให้คนที่เผลอตัวจ้องสำรวจอีกฝ่ายจนถูกจับได้หน้าร้อนวูบ เดือนสิบหน้าตื่นตากลมกรอกไปมาลอกแลกคล้ายทำอะไรไม่ถูกเรียกเสียงหัวเราะในลำคอหนา อดใจไม่ไหวจนต้องยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มแรงๆ ใจจริงอยากจับมาฟัดให้รู้แล้วรู้รอด แต่ถ้าทำอย่างนั้นคงยากทีเดียวกว่าเขาจะหลอกล่อให้ลูกแมวขึ้นมาเหยียบถึงถิ่นได้อีก
เพราะงั้นตอนนี้ก็คงต้องทนไปก่อนล่ะนะ.
.
.
เดือนสิบกำลังตกที่นั่งลำบาก ไม่ใช่ลำบากกายแต่เขากำลังลำบากใจมากๆต่างหาก ตากลมกรอกกลิ้งไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงเมื่อเหลียวขวาก็เจอใบหน้าบึ้งตึงของเพื่อนสนิทอย่างไอ้ปืน และพอหันมามองทางซ้ายก็เจอใบหน้านิ่งเฉยทว่าแววตากลับดูออดอ้อนของแฟนหมาดๆ มองเลยหลังคนทั้งคู่ไปก็จะเห็นว่ามีรถตู้คันใหญ่ของไอ้ปืนและซีอาร์วีของพี่ยุทธจอดเคียงคู่กันอยู่ไม่ห่าง เดือนสิบอยากจะบ้า ให้เขาทำข้อสอบวิชาแคลคูลัสยังไม่น่าปวดหัวเท่าสถานการณ์ตอนนี้เลย
เรื่องมันเริ่มจากการที่ตกลงกันไว้ว่าจะไปเที่ยวทะเล ซึ่งเขาได้ตกลงกับไอ้ปืนไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่ามันจะเป็นคนแวะมารับเขาก่อนจะเลยไปรับพวกที่เหลือซึ่งนัดรวมตัวกันที่มอ ฟังดูเหมือนทุกอย่างเป็นไปได้ดีแต่แผนทั้งหมดกลับพลิกแพลงเมื่อแบกเป้ลงมาจากห้องแล้วเห็นว่ามีมนุษย์เพื่อนสนิทกับมนุษย์แฟนยืนเคียงคู่กับและกำลังจับจ้องมาที่เขาอย่างพร้อมเพียง
“สิบ..” ยุทธนาเรียกเสียงอ่อน
“ไอ้สิบ” ในขณะที่ไอ้ปืนก็ไม่ยอมน้อยหน้าเรียกชื่อเขากลับมาเสียงแข็ง
สาบานว่าตั้งแต่คบกันมามันไม่เคยทำให้เขารู้สึกลำบากใจเท่านี้มาก่อน ไอ้ปืนคอยตามใจตลอดไม่ว่าเขาจะทำอะไร อาจมีบ้างที่มันคอยปรามๆกับบางเรื่องที่มันคิดว่าหนักไปสำหรับเขา แต่ที่แน่ๆเลยคือมันไม่เคยขัดใจ ไม่เคยมาคะยั้นคะยอแกมบังคับจะเอาให้ได้แบบนี้
ส่วนอีกคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถึงจะไม่เคยบังคับอะไรเขาเลยแม้กระทั่งตอนนี้แต่แววตาที่มองมาอย่างเว้าวอนนั่นก็ทำเอาปฏิเสธไม่ลงเหมือนกัน …เดือนสิบกระชับสายกระเป๋าเป้แน่นขึ้น ตากลมมองสลับไปมาระหว่างเพื่อนกับแฟนอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าเขาเลือกไปกับพี่ยุทธก็คงไม่พ้นถูกไอ้ปืนโกรธแน่ๆเพราะเป็นฝ่ายตกลงกับมันเอาไว้ซะดิบดี แต่ถ้าจะให้เลือกไปกับไอ้ปืน พอมองสบเข้ากับตาคมๆนั่นเขาก็ทำไม่ลงจริงๆ …นี่มันบ้าชะมัด
“ปืน…” เขาเรียกมันเสียงอ่อนเมื่อตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็ทำลายความหวังในดวงตาคมนั่นไม่ได้ ไอ้ปืนส่งเสียงหึขึ้นจมูก ใบหน้าบูดบึ้งสะบัดหนีอย่างงอนๆ งอนไปจนบางทีเขาก็เริ่มคิดว่ามันแกล้งกันหรือเปล่า?
“ใช่ซี้… กูมันเป็นแค่เพื่อนนี่จะเอาอะไรไปสู้กับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟน” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจระดับสิบ
“ปืนนน…” เขาเขย่าแขนมันไปมา ช้อนตามองอ้อนๆอย่างที่มันชอบบอกว่าทำแล้วขี้เหร่ แต่พอทำแบบนี้ทีไรมันก็ขัดเขาไม่ได้ซักครั้ง และแน่นอนว่ารวมถึงครั้งนี่ด้วย ไอ้ปืนถอนหายใจยาวเลื่อนมือมาขยี้กลุ่มผมเขาจนมันยุ่งเหยิง แต่แทนที่จะเหวี่ยงใส่มันเหมือนทุกครั้งเขากลับยิ้มอ้อนแล้วเอียงหน้าให้มันทำได้ถนัด
“เบื่อมึงว่ะแม่ง จะไปกับแฟนก็ไปไป๊กูจะไปรับพวกไอ้จอมแล้ว ป่านนี้พวกมันบ่นกูถึงโคตรแล้วมั้ง เสียเวลาเพราะมึงเลยจริงๆ”
“ขอโทษ..” ถึงจะรู้ว่ามันพูดไปงั้นแต่ก็อดรู้สึกผิดไปได้อยู่ดี ปืนมองเพื่อนสนิทที่หน้าหงอยลงแล้วยิ้มขำ อดไม่ได้ที่จะบีบแก้มมันแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว ยิ่งเห็นคนบางคนที่จ้องอยู่เริ่มคิ้วขมวดไม่พอใจก็ยิ่งรู้สึกได้ใจ …ดูซิว่าจะมีความอดทนไปได้ซักกี่น้ำ
จุ๊บ!
สัมผัสเน้นๆกลางหน้าผากเล่นเอาคนถูกกระทำตาเบิกกว้างอย่างตกใจ อ้าปากพะงาบๆกำลังจะด่า หากแต่กลับไม่ทันแรงกระชากของใครอีกคนบริเวณต้นแขน ที่เล่นเอาทั้งร่างหลุดจากการเกาะกุมของไอ้ปืนแล้วถลาเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายแทน เดือนสิบหน้าตื่นเหลือบมองใบหน้าคมเข้มที่ดูเหมือนจะดุดันขึ้นเป็นเท่าตัวของคนที่เกี่ยวเอวเขาไว้แน่นหนา สลับกับมองใบหน้าระรื่นของเพื่อนสนิทอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
“กูไปนะเจอกันที่โน่น” ปืนว่ายิ้มๆก่อนจะเลื่อนสายตาไปหาใครอีกคนที่จ้องมาเขม่ง “พี่ยุทธหวัดดีครับ” ทิ้งระเบิดเสร็จก็เดินตัวปลิวขึ้นรถไปอย่างสบายอารมณ์ ผิดกับอีกคนที่ยังคงนิ่งค้างไม่ไหวติงเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก กระทั่งรู้สึกถึงแรงกระชับรอบเอวที่เพิ่มขึ้นตากลมถึงได้กระพริบถี่คล้ายเพิ่งได้สติ แหงนมองเสี้ยวหน้าคมคายก็ยังเห็นว่าคนเป็นพี่ยังตีหน้ายุ่งไม่หาย แต่เพราะไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่กระตุกชายเสื้ออีกฝ่ายเป็นการเรียกร้องความสนใจแทน
“โทษที” เสียงทุ้มเอ่ยสั้นๆก่อนจะคลายแรงโอบกระชับรอบเอวเขาไว้แน่นออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแตะไว้เบาๆเป็นเชิงให้เดินไปขึ้นรถด้วยกัน
ระหว่างทางเดือนสิบได้แต่ลอบสังเกตท่าทางของคนข้างกายอยู่เงียบๆเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร คิ้วเข้มดูจะขมวดยุ่งอยู่ตลอดเวลาราวกับมีเรื่องเครียดๆให้คิดนักหนา บางครั้งที่ตาคมเบนมาสบกันแล้วทำท่าจะพูดอะไรหากแต่สุดท้ายคนพี่ก็กลับเงียบไปแล้วเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถจนผิดสังเกต
“พี่ยุทธมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ” สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวเลยต้องเอ่ยถามออกไป ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวหากอีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบอะไรกระทั่งรถชะลอลงเมื่อถึงไฟแดง
เป็นอีกครั้งที่ยุทธนามองหน้าน้องแล้วต้องถอนหายใจ ที่เงียบมาตลอดทางไม่ใช่เพราะโกรธเคืองหรือไม่พอใจคนตรงหน้า แต่เป็นเพราะเขากำลังโกรธตัวเองที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ลบภาพน่าหงุดหงิดนั่นออกไปจากหัวไม่ได้ซักที ยอมรับว่าเขากำลังหวง หวงมาก ถึงแม้จะรู้ว่าทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกันและไอ้ปืนมันตั้งใจทำแบบนั้นเพราะหาเรื่องกวนประสาทเขาก็ตาม
“พี่ยุทธ..” แรงกระตุกบริเวณแขนเสื้อเรียกให้หลุดจากภวังค์อีกครั้ง
“โทษที พี่แค่กำลังหงุดหงิดตัวเองที่คิดอะไรงี่เง่า” เขายิ้มจางให้น้องคลายกังวล จับมือเล็กมากอบกุมไว้อย่างถือวิสาสะ เหลือบมองตัวเลขบนจอดิจิตอลก็เห็นว่าเหลือเวลาอีกเกือบนาที
“เรื่องเมื่อกี้รึเปล่าครับ” ยุทธนาพยักหน้ารับ ตาคมยังจับจ้องอยู่ที่ตัวเลขไม่ละไปไหน กระทั่งแรงกระตุกเบาๆจากมือที่กอบกุมไว้เขาถึงได้หันกลับมาจ้องสบตากลมแป๋วของน้อง
“ไม่เห็นต้องคิดมาเลย ผมกับไอ้ปืนไม่ได้มีอะไรซักหน่อย”
“พี่รู้ แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี ไม่ชอบเลย” ไม่ชอบที่น้องปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นถึงเนื้อถึงตัวแบบนั้น
“นี่กำลังหึงผมอยู่รึเปล่า” คนน้องว่าล้อๆ แอบเขินอยู่หน่อยๆถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนพูดมันออกมาเองก็เถอะ ทว่าประโยคถัดมาของคนถูกล้อกลับยิ่งทำเอาคนตั้งใจจะล้อเขาหน้าแดงวาบ ในอกเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
“อืม… หึง หึงมาก หึงจนจะบ้าอยู่แล้ว”
โชคดีของเดือนสิบที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี เขาเลยไม่ต้องถูกดวงตาคมกริบจ้องจนหน้าร้อนมากไปกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นมือที่กอบกุมกันไว้กลับไม่ยอมปล่อย และตัวเขาเองก็ไม่คิดจะชักมันกลับด้วย …อยู่แบบนี้ก็รู้สึกอบอุ่นดีล่ะนะ ถึงจะอุ่นจนร้อนไปหน่อยก็เถอะ
*****

เรื่อยๆมาเรียงๆ

ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยยค่ะ น้ำตาจะไหลดีใจแทนอิพี่จริงๆ

ร้ายเนียนๆ เอ๊ะ! หรือไม่เนียน ก็อิพี่ยุทธนี่แหละค่ะ
ตอนหน้าไปทะเลแล้วว สงสัยต้องหาคู่ให้นุ้งปืนหน่อยจะได้ไม่มาคอยแหย่คู่คนอื่นเขา 55555