ตอนที่ 11มื้อเย็นผ่านไปอย่างน่าอึดอัด เพราะต่างฝ่ายต่างนั่งทานมื้อเย็นอย่างเงียบๆ ภายในหัวก็มีแต่เรื่องให้คิด โดยเฉพาะกับเผ็ดที่หลุดปากออกไปซะแบบนั้น จะหาคำไหนมาแก้ตัวก็ไม่ได้แล้วสิ นอกจากต้องสารภาพออกไปตรงๆ คิดไปคิดมาสิ่งที่เป็นหรือรู้สึกอยู่นั่นเผ็ดเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่า ‘รัก’ อย่างเต็มปากหรือไม่ อาจจะแค่ชอบก็ได้ ต้องคอยดูกันต่อไป
ทานได้ไม่กี่คำเผ็ดก็ลุกจากโต๊ะแล้วเดินลิ่วๆไปนั่งโซฟารออีกฝ่าย ส่วนดรีมก็ได้แต่มึนงงกับพฤติกรรมของร่างสูง ไม่พูดไม่จาไม่รู้ว่าอิ่มหรือยังถึงลุกออกไป สงสัยก็คงจะอิ่มแล้ว ดรีมจึงเก็บจานชามไปล้างให้เรียบร้อย ดรีมกะว่าจะเข้าไปอาบน้ำแต่ร่างสูงที่นั่งรออยู่ทนโท่ได้กระแอมขึ้นมา ร่างบางจึงคิดได้ว่าเผ็ดมีเรื่องจะคุยด้วย
“คุณเผ็ดมีอะไรรึเปล่าครับ”
“นั่งลงก่อนสิ”
ดรีมนั่งลงบนโซฟาข้างอีกฝ่าย แต่ก็เว้นระยะห่างไว้พรควร เผ็ดชำเลืองสายตามามองก่อนจะดึงแขนดรีมให้เขยิบไปนั่งใกล้ๆ จากนั้นมือใหญ่ก็ค่อยๆสอดประสานเข้ากับมือเล็กของดรีม
“นั่งแบบนี้สักพัก...” ร่างสูงเอ่ย
ทั้งคู่ใช้ความเงียบและสัมผัสจากมือของกันและกันเพื่อสื่อสาร มือใหญ่ที่กอบกุมมือของดรีมไว้ได้ถ่ายทอดความอบอุ่นออกมา ดรีมสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจผ่านมือ เจ้าตัวเพียงแต่อมยิ้มกับการกระทำอีกฝ่าย ถึงจะเย็นชาบ้าง ห้วนบ้าง โหดบ้าง แต่ภายในใจลึกๆก็อ่อนโยนและอบอุ่น เป็นคุณเผ็ดแบบนี้แหละที่ดรีมหลงรัก
ส่วนเผ็ดเมื่อได้กอบอุมมือเล็กๆของดรีม ความรู้สึกมากมายก็ถาโถมเข้ามา เอาความรู้สึกแรกที่แล่นผ่านปลายนิ้วของเขาเลยก็คือความอบอุ่นจากร่างบาง ต่อมาคือความรู้สึกที่อยากจะดูแลและปกป้องอีกฝ่าย เมื่อเห็นดรีมอยู่กับใครต่อใครเขามักจะมีอาการหึงหวง ไม่รู้ว่าจะเรียกรักได้หรือเปล่า เผ็ดเองก็ยังสับสนอยู่เหมือนกัน เสียงหัวใจทั้งสองดวงเต้นโครมครามในความเงียบ เผ็ดก็แต่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดเหมือนกันหรือไม่ ส่วนดรีมยังคงไม่เชื่อว่าคนอย่างเผ็ดจะมาชอบพอตัวเองได้
“คือกู.../คือผม...” เมื่อพูดออกมาพร้อมกันซะขนาดนี้ ทั้งสองเลยต้องชะงักและเงียบไปอีกครา
“ค..คุณเผ็ดมีอะไรจะพูดกับผมหรือครับ” ดรีมก็เป็นฝ่ายถามก่อนเสมอ
“แม่ง...พูดยากฉิบหาย”
“อย่างนั้นเอาไว้พูดวันหลังก็ได้ครับ ผมไม่ไปไหนหรอก” ร่างบางระบายยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ยิ่งเห็นรอยยิ้มนั้นเผ็ดก็ยิ่งควบคุมหัวใจไม่อยู่
“พูดวันนี้แหละ!”
“ครับ...”
“มึงตั้งใจฟังนะ..กูจะพูดรอบเดียวเท่านั้น”
“ได้ครับ ผมจะตั้งใจฟัง” คนตัวเล็กจากที่นั่งหันหน้าตรงก็เปลี่ยนมานั่งเอียงหันมาทางเผ็ด ดวงตาใสแจ่วคู่นั้นกำลังจับจ้องมองเขา แม่งจะทำตัวน่ารักไปไหนวะ!
“กูไม่รู้ว่ากู...เริ่มรู้สึกแบบนี้กับมึงตั้งแต่ตอนไหน กูหวงมึงเวลาเห็นคนอื่นอยู่ใกล้มึง คะ...แค่นั้นแหละ” พูดออกไปจนได้ ดวงหน้าหวานที่กำลังจับจ้องมองเผ็ดอยู่ก็คลี่ยิ้มออกมา
นี่เผ็ดจะถูกมันหัวเราะเยาะเอาไหมเนี่ย เป็นเจ้าหนี้แท้ๆแต่มาตกหลุมรัก ‘ของจำนำ’ ร่างสูงได้แต่เสมองไปทางอื่น
“คุณเผ็ด...ชอบผมหรือครับ”
ไม่รู้ว่าจะเรียกชอบหรือเปล่า เผ็ดก็แค่มีอาการหึงหวงนิดหน่อย อยากจะนอนกอดไปทุกคืน อยากจะจูบปากแดงๆนั้นทุกวันแค่นั้นเอง แบบนี้เรียกว่าชอบหรือ? หึ กล้าถามมาก็กล้า...กล้า..กล้ารับ โธ่เว้ยยย
“อะ...เออ ชอบก็ได้” บอกว่าชอบแต่ก็ยังหันหน้าไปทางอื่นนี่นะ
“ผมเองก็รู้สึกดีกับคุณเผ็ดนะครับ”
“ว่าไงนะ!” จากที่มองไปทางอื่นก็หันขวับกลับมามองคนข้างๆทันที หัวใจร่างสูงยิ่งพองโตไปใหญ่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้น แสดงว่าเผ็ดก็ไม่ได้รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวน่ะสิ
“ผมเองก็ชอบคุณเผ็ด...” ดรีมยิ้มนิดๆก่อนจะหลุบตาหนีสายตาคมที่กำลังจับจ้องมาที่เขา แก้มขาวๆเริ่มขึ้นสีระเรื่อ ถ้าหูแดงก็แสดงว่าเขิน เผ็ดได้ชำเลืองหูของอีกฝ่ายและมันกำลังแดงขึ้นจริงๆ
“จริงหรือ..” เผ็ดถามย้ำอีกนิดเผื่อมันละเมอพูดกับเขา
“ครับ สักพักได้แล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าใจเราตรงกันหรือ? หึหึ”
เมื่อได้รับรู้ความในใจของร่างบาง เผ็ดก็อดไม่ได้ที่จะโน้มหน้าเข้าไปใกล้หวังจะปล้นจูบ แต่ก็โดนมือเล็กดันหน้าเอาไว้ เขาได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างขัดเคืองใจ
“ทำไม”
“ยะ...อย่าพึ่งสิครับ ผมมีอะไรจะถาม”
“มีอะไร”
“คะ...คือว่า...ผมอยากรู้ว่าภูริชคืนหนี้คุณเผ็ดบ้างรึยังครับ”
“คืนไปแล้วงวดนึง อะไร...หรือว่ามึงเป็นห่วงมัน” เสียงร่างสูงเริ่มแข็งกร้าวขึ้นฉับพลันเมื่อโดนถามถึงไอ้คนที่เขาไม่ค่อยอยากจะเห็นหน้าเท่าไหร่
“เปล่านะครับ...ผมแค่ถามดู ถ้าหากคืนครบแล้วผมจะได้กลับบ้านสักที แม่เป็นห่วงแย่แล้ว”
ปกติดรีมจะกลับบ้านเดือนละครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องแบบนี้เลยทำให้ไม่ได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวเลย แม่ก็โทรถามอยู่บ่อยๆ เขาก็ได้ให้เหตุผลไปว่าติดเรียนบ้าง ทำงานที่คณะบ้าง แม่เองก็บอกไม่เป็นไรแค่ได้ยินเสียงก็หายห่วงแล้ว แต่ดรีมก็อยากกลับไปกอดท่านอยู่ดี
“อยากกลับบ้านหรือ”
“ครับ ผมคิดถึงแม่”
“กูถามบ้าง...ถ้ามึงเป็นอิสระ มึงจะกลับไปหาไอ้ภูไหมวะ” เป็นคำถามที่เผ็ดอยากถามมากที่สุด ในใจก็แอบกลัวคำตอบ กลัวว่าดรีมจะยังรักภูริชอยู่ ถึงแม้เมื่อกี้ร่างบางจะบอกว่าตัวเองก็ชอบเผ็ดเหมือนกัน
“ไม่มีวันหรอกครับ ผมเกลียดคนอย่างภูริช...มันทำร้ายชีวิตผม” จากหน้าตาที่ยิ้มแย้มก็กลับกลายเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันใด
รู้แบบนี้ก็เบาใจไปอีกเปราะนึง ดรีมไม่กลับไปหาไอ้ภูริชอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากไอ้ภูริชเองไม่ยอมล่ะ ถ้ามันยังอยากได้ตัวดรีมคืนเขาจะทำอย่างไร
ตอนนี้ดรีมเป็นของจำนำ ถ้าผู้จำนำอย่างภูริชคืนหนี้ครบตามจำนวน ผู้รับจำนำอย่างเผ็ดก็ต้องคืนของจำนำให้กับผู้จำนำอยู่ดี แล้วดรีมจะเป็นอิสระได้อย่างไร ถึงร่างบางจะปฎิเสธที่จะกลับไปหาภูริช แต่ทางสัญญาและกฎหมายแล้วของจำนำต้องคืนถึงมือผู้จำนำอย่างแน่นอน ถ้าหากภูริชไม่จ่ายหนี้เผ็ดภายในสองเดือนที่ตกลงกันไว้ ของจำนำก็จะหลุดเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์
ถ้าจะทำให้ดรีมหลุดจากการเป็นของจำนำ มีวิธีเดียวก็คือทำให้หลุดการจำนำ ภูริชต้องไม่จ่ายหนี้งวดสุดท้ายหรือไม่ก็จ่ายไม่ทันภายในกำหนด เทียบกับการที่มีดรีมอยู่ข้างๆเขาและยอมเสียเงินไปล้านนึงเปล่าๆมันก็คุ้มกว่าอยู่แล้ว ก็แค่เศษเงินสำหรับเสี่ยเผ็ด คนอย่างเขาไม่คิดจะเสียดายแน่นอน ดังนั้นตอนนี้ต้องรีบไปสืบซะก่อนว่าไอ้ภูริชเอาเงินก้อนใหญ่นั้นมาจากไหน เมื่อทราบต้นตอการหาเงินของมันก็ทำการขัดขวางซะ
“กูมีเรื่องต้องทำ มึงเข้านอนก่อนเลย”
“อะ...เอ่อ..ครับคุณเผ็ด”
เผ็ดผุดลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปทันที กะว่าจะไปคุยเรื่องไอ้ภูริชที่ให้พวกลูกน้องตามสืบ ค่อยกลับมาคิดดอกเบี้ยกับดรีมทีหลัง พอได้เปิดใจกันก็โล่งขึ้นมา แบบนี้ต้องฟัดคนตัวเล็กให้รางวัลซะแล้ว เผ็ดเดินลิ่วไปที่ห้องลูกน้องสองแสบที่อยู่ถัดไป กดออดหน้าห้องครั้งเดียวมันก็วิ่งแจ้นออกมารับลูกพี่แล้ว
“เชิญข้างในก่อนครับเจ้านาย”
“เรื่องไอ้ภูริชไปถึงไหนแล้ว” ร่างสูงถาม
“ได้ข้อมูลมาแล้วครับ ตอนนี้เหมือนกับว่าภูริชจะคบหาดูใจกับนายแบบชื่อมาร์ชอยู่ครับ”
ร่างสูงรับข้อมูลจากลูกน้องมาอ่าน มาร์ชนายแบบหน้าใสที่กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่น ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือนายแบบคนนี้เป็นถึงลูกนักธุรกิจชื่อดังระดับประเทศ อย่างนั้นก็แสดงว่าไอ้ภูริชเกาะนายแบบคนนี้อย่างแน่นอน มิหน่าล่ะได้เงินก้อนใหญ่มาเชียว
“ต้องขัดขวางมัน”
“อะไรนะครับเจ้านาย...หมายถึงขัดขวางภูริชหรือครับ”
“ใช่ มันต้องไม่ได้จ่ายหนี้งวดสุดท้าย”
“ทำไมล่ะครับเจ้านาย เงินตั้งล้านนึงเลยนะครับ”
“กูจะทำให้ดรีมหลุดจำนำ”
“นั้นแน่...” ไอ้ลูกน้องสองพี่น้องได้ยินแบบนั้นถึงกับแซวเจ้านาย โปรดกับปรานเองก็สังเกตมาสักพักแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายเขากับดรีมมันแปลกๆ
“พวกมึงไม่ต้องมาล้อกูเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ติดต่อไอ้นายแบบนั้นให้กูด้วยล่ะ”
“เจ้านายจะคุยกับนายแบบคนนั้นหรือครับ”
“อืม ติดต่อได้แล้วก็นัดให้กูด้วย...บอกมันว่ามีคนอยากคุยเรื่องภูริช”
กว่าจะตกลงและวางแผนกับลูกน้องให้เรียบร้อยก็ปาไปจนดึกดื่น พอกลับมาถึงห้อง เผ็ดกะจะย่องไปตะครุบกวางน้อยซะหน่อย เปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็เจอกับเตียงที่ว่างเปล่า สงสัยจะกลับไปนอนห้องตัวเอง ร่างสูงตัดสินใจอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อยซะก่อน จึงค่อยย่องไปห้องนอนของอีกฝ่าย
พอเปิดเข้าไปในห้องก็เจอกับความมืดและความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เพ่งสายตาไม่นานก็เจอร่างขาวๆที่นอนอยู่บนเตียง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงก่อนจะโน้มหน้าลงใช้สันจมูกคลอเคลียกับแก้มขาว ตัวหอมน่าฟัดซะจริง ปาหยักกดจูบไปที่ขมับไล่มาที่แก้มนวล มาที่ปลายคาง ก่อนจะประกบเข้ากับริมฝีปากแดง
“อ๊ะ..อื้อ..อุนเอ็ด” ร่างบางพอรู้สึกตัวว่ามีอะไรบางอย่างกำลังคุกคามก็ตื่นจากห้วงแห่งความฝัน มือเล็กพยายามดันอกแกร่งของอีกฝ่ายออกแต่ก็ไม่เป็นผล
ร่างสูงละเลียดชิมริมฝีปากหวานอย่างช้าๆ พอได้โอกาสจากร่างบางที่กำลังกอบโกยอากาศก็ฉกลิ้นเข้าไปพัวพันกับลิ้นเล็กข้างใน ยิ่งจูบก็ยิ่งเสพติดการจูบขึ้นเรื่อยๆ และพอได้จูบร่างกายของเผ็ดก็ร้อนรุ่มขึ้นมา มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อนอนตัวบางก่อนจะคลึงเคล้นแผ่นอกบางเบาๆ คนตัวเล็กที่กำลังเผลอไผลกับรสจูบถึงกับสะดุ้งเมื่อเจอมือเย็นๆของอีกฝ่ายลูบไล้ไปทั่วอกของเขา
“ฮือออ คุณเผ็ด...ปล่อยก่อนครับ” ดรีมพยายามขืนตัวหนีอีกฝ่าย
“ทำไมไม่นอนห้องกู”
“ก็...เอ่อ...”
“ต่อไปไปนอนห้องนู้น เข้าใจไหม”
“ครับ”
“มาต่อกันเถอะ หึหึ” เผ็ดโน้มหน้าเข้าหาคนตัวเล็กอีกครั้งแต่ก็โดนดันไว้ซะก่อน
“ผะ..ผมมีเรียนเช้า”
“อย่างนั้นหรือ...นอนกอดเฉยๆก็ได้”
ถึงวันนี้จะไม่ได้ทำ วันหน้าก็ไม่มีทางรอดเงื้อมมือเผ็ดไปได้หรอก ร่างสูงปีนขึ้นเตียงล้มตัวนอนซ้อนหลังคนตัวเล็ก ก่อนจะใช้ลำแขนแกร่งโอบกอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้ตลอดทั้งคืน
ได้นอนกับดรีมแล้วก็ฝันดีทุกคืน
แต่คืนนี้ฝันดีกว่าทุกคืน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
TBC.
talk : ตอนนี้ยกให้เสี่ยเผ็ดไปเต็มๆ