ตอนพิเศษที่มาของชื่อ...คุณน้ำหวานภรรยาที่รักยิ่งของคุณปรมะเจ้าของบริษัทอหังสาริมทรัพย์ชื่อดัง เธอกำลังตั้งครรภ์ได้แปดเดือนกว่าใกล้คลอดอยู่รอมร่อ และนี่ก็เป็นท้องแรกของเธอ
“โธ่...ที่รัก กินเผ็ดขนาดนี้ลูกเราจะไม่แสบไปทั้งตัวหรือ”
คุณปรมะเอ่ยทักภรรยาที่กำลังนั่งทานส้มตำไก่ย่างหน้าปากซอยอย่างเอร็ดอร่อย เธอเหลือบมองสามีที่พึ่งกลับเข้าบ้านหลังเลิกงานอย่างขุ่นเคือง กลับค่ำอะไรเอาป่านนี้ ถ้าเธอเกิดเจ็บท้องคลอดขึ้นมาจะทำอย่างไร จริงอยู่ว่าที่บ้านมีแม่บ้านตั้งหลายสิบคน แต่เธอก็อยากให้สามีอยู่ด้วยตอนใกล้คลอด
“นี่ป้าก็บอกแล้วนะคะว่าอย่าทานเผ็ดมาก แต่คุณน้ำหวานสั่งส้มตำแบบเผ็ดๆ ป้าก็กลัวว่าคุณหนูในท้องจะแสบเอา” ป้าสายแม่บ้านคนสนิทได้กล่าวฟ้องสามีของเธอ
“นี่ก็ใกล้คลอดแล้ว เพลาๆลงหน่อยเถอะที่รัก พอคลอดลูกแล้วค่อยกลับไปกินอาหารรสจัดๆที่คุณชอบ เอาไหมครับ?”
“คุณหมอบอกลูกจะรับได้แค่สารอาหารเท่านั้น ส่วนเรื่องรสชาติแม่เป็นคนรับไว้เองค่ะ” คุณน้ำหวานไม่สนใจผู้เป็นสามี ก่อนจะตักส้มตำเผ็ดๆคำโตเข้าปาก พริกจะสิบหรือยี่สิบเม็ด คุณน้ำหวานก็ไม่เคยกลัว เพราะปกติเธอเป็นคนทานเผ็ดมากอยู่แล้ว
“ผมกลัวว่าลูกผมจะคลอดออกมาเป็นพริกนี่สิ เฮ้อ”
“ก็ดีสิ ลูกฉันจะได้เผ็ดและแซ่บเหมือนกับส้มตะ...อ๊ะ...โอ๊ยยย”
ไม่ทันได้พูดจบประโยค หญิงสาวก็โอดครวญออกมาอย่างเจ็บปวด
“ตายแล้ว! คุณปรมะคะ คุณหวานจะคลอดแล้วค่ะ!!” ป้าสายร้องด้วยความตกใจ
“คุณหวาน! ทำใจดีๆก่อนนะ เดี๋ยวผมพาไปโรงพยาบาล”
คุณปรมะประคองภรรยาขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนจะอุ้มเธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่รถ พอถึงโรงพยาบาลหมอก็นำตัวภรรยาคนสวยของเขาเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน มีเพียงคุณปรมะและป้าสายเท่านั้นที่นั่งรออยู่หน้าห้อง ชายหนุ่มลุกเดินไปเดินมาอย่างเป็นกังวล เขาภาวนาขอให้ลูกของเขามีอวัยวะครบสามสิบสองและขอให้ภรรยาของเขาปลอดภัย
ไม่นานห้องผ่าตัดก็เปิดออก หมอหนุ่มเดินออกมาบอกกับคุณปรมะว่าเขาได้ลูกชาย คนแม่ปลอดภัยดี หลังจากคลอดคุณน้ำหวานและลูกชายก็ถูกส่งไปพักที่ห้องหักวีไอพีทันที คุณปรมะได้แต่ยืนจ้องเด็กทารกตัวแดงที่อยู่ในเปล ไม่กล้าจะอุ้มขึ้นมาเพราะกลัวทำลูกหลุดมือ ลูกชายคนแรกซะด้วย คุณพ่อมือใหม่เลยกล้าๆกลัวๆที่จะอุ้ม
“คุณปรมะไม่ลองอุ้มคุณหนูหรือคะ ดูสิคะ...น่าเกลียดน่าชังจริงๆ” ป้าสายเธออาสาเป็นคนอุ้มคุณหนูของบ้านแทนคุณผู้ชาย
“ผมกลัวทำลูกหลุดน่ะสิป้าสาย”
“อย่างไรคุณก็ต้องหัดอุ้มอยู่ดี” ภรรยาคนสวยของเขาตอบ
“แล้วนี่...คุณหวานกับคุณปรมะคิดชื่อคุณหนูไว้หรือยังคะ”
“ผมคิดไว้แล้วล่ะ...ว่าจะให้ชื่อปรวิน ชื่อเล่นก็เจ้าวิน” ลูกชายคนแรกต้องชื่อคล้ายพ่อสิถึงจะถูก คุณปรมะยิ้มให้กับเด็กตัวแดงในอ้อมแขนของป้าสาย ก่อนจะหันไปเจอสายตาดุๆของภรรยา
“เอ่อ...หรือคุณก็มีชื่อให้ลูกเหมือนกัน”
“ฉันเองก็ตั้งให้ลูกแล้ว ว่าจะให้ชื่อ...เผ็ด”
“ว่าไงนะ!”
“เผ็ดไงคะ พริกเผ็ด” คุณผู้หญิงของบ้านตอบอย่างไม่ยี่หระ
“นี่ชื่อจริงหรือชื่อเล่น”
“ชื่อเล่นไงคะ ชื่อจริงฉันว่าจะกลับไปเปิดสมุดดูที่บ้านก่อน”
ให้ลูกชายคนแรกของบ้านชื่อ ‘เผ็ด’ เนี่ยนะ คุณปรมะทำหน้าหนักใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสายตาพิฆาตของคุณน้ำหวาน
“มันเอ่อ...ไม่แปลกไปหรือคะ” ป้าสายถาม
“แปลกๆสิดี ลูกน้ำหวานจะได้ไม่มีใครชื่อซ้ำไงคะป้า” เธอยิ้มก่อนจะรับเด็กทารกตัวน้อยจากป้าสายไปอุ้มแทน
“แต่...แต่ผมก็อยากให้ลูกชื่อคล้ายผมเหมือนกันนะ” สามีเองก็เริ่มค้านนิดๆ
“ไม่ได้!”
“แต่ป้าว่า...ลูกชายชื่อคล้ายพ่อจะดีนะคะ” ป้าสายออกความเห็น
“อย่างนั้น...คนละครึ่งทางไหมครับคุณหวาน ปรวินก็ชื่อจริง เผ็ดก็ชื่อเล่น”
“เอาอย่างนั้นหรือคะ...ถ้าป้าสายว่าดี หวานก็ว่าดีค่ะ”
เฮ้อ...ทีสามีออกความเห็นหน่อยเป็นคัดค้าน แต่พอป้าสายละก็คุณหญิงก็บ้านก็ยอมรับในทันที
สี่ปีต่อมา
คุณน้ำหวานเธอได้ตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง พฤติกรรมการทานอาหารจัดของเธอก็ไม่ได้ลดลงจากเดิม อาจจะเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ ทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น เนื่องจากเวลาทานอาหารรสจัดหัวใจจะสูบฉีดเลือดมากกว่าปกติ เลยทำให้สภาพร่างกายเธออ่อนแอลง คุณหมอแนะนำให้ลดอาหารรสจัด เพราะถ้ายังทานต่อไปหัวใจก็จะยิ่งทำงานหนักส่งผลต่อเด็กในครรภ์
เมื่อคลอดลูกคนที่สองก็เป็นเด็กผู้ชายอีกเช่นเดิม แต่ลูกชายคนนี้สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก อาจจะเป็นเพราะช่วงตั้งครรภ์คุณน้ำหวานเองเธอก็ร่างกายอ่อนแอ จึงส่งผลมายังลูก เด็กทารกตัวน้อยคลอดออกมามีน้ำหนักน้อยมากๆ แถมยังตัวขาวซีด ตอนที่เธอเห็นลูกชายคนที่สองเธอถึงกลับร้องไห้ออก เพราะตัวเธอเองที่ทำให้ลูกต้องมารับผลกระทบด้วย
“คุณแม่ฮะ...น้องตัวเล็กจังเลย” เด็กชายเผ็ดเกาะหน้าต่างกระจกส่องดูเด็กทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในตู้อบเด็กทารก
“เดี๋ยวน้องก็โตนะคะ เผ็ดต้องช่วยคุณแม่ดูแลน้องด้วยนะ...น้องชายเราไม่ค่อยแข็งแรง” เธอยิ้มให้กับลูกชายคนโตก่อนจะลูบหัวเบาๆ
“น้องมีชื่อยังฮะคุณแม่”
“ยังค่ะ คุณแม่ยังไม่ทันได้คิด” เพราะเธอเอาแต่เป็นห่วงลูกชายคนเล็ก เลยทำให้ยังไม่ทันได้คิดชื่อเอาไว้ แต่ก็มีบางชื่อที่คิดเอาไว้กับสามี เธอกะว่าให้คลอดก่อนแล้วค่อยตั้งจะดีกว่า
“น้องตัวขาวเหมือนนมที่เผ็ดดื่มเลยฮะ ให้น้องชื่อนมดีไหมฮะ” เด็กตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นแม่
“เผ็ดอยากตั้งชื่อให้น้องหรือครับ” คุณปรมะถาม
“ครับคุณพ่อ...ให้น้องชื่อนมจืดดีไหมฮะ เผ็ดชอบดื่มนมจืด”
เด็กชายเผ็ดผู้ชอบดื่มนมจืดเป็นชีวิตจิตใจ เขาเคยลองดื่มนมหวานๆดูแล้ว ไม่ใช่แค่นมหวานๆนะ พวกขนมหวานๆพอทานแล้วตอนแรกมันก็อร่อยดี แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงนาทีเขาก็อ้วกออกมา มีแต่นมจืดเท่านั้นแหละที่ทำอะไรเด็กชายเผ็ดไม่ได้ ยิ่งดื่มก็ยิ่มสูงคุณแม่เคยบอกไว้
“น้องจืดของพี่เผ็ด” เด็กชายตัวน้อยยิ้มแฉ่งกับชื่อที่เขาตั้งให้น้องชาย ก่อนจะทอดสายตามองเด็กทารกในตู้อบอย่างรักใคร่
หนึ่งปีต่อมา
ที่วางแผนไว้กับคุณสามีในตอนแรกว่าจะมีลูกชายสองคน และลูกสาวอีกหนึ่งคน แต่ละคนต้องอายุห่างกันสี่ปี แต่คราวนี้เกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ หลังจากที่เด็กชายเผ็ดเข้าโรงเรียนอนุบาล และน้องจืดคุณย่ารับไปเลี้ยงช่วงที่คุณน้ำหวานกำลังทำแบรนด์เครื่องสำอาง หลังจากที่เปิดตัวแบรนด์เครื่องสำอางไป คุณน้ำหวานกับสามีเธอได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศกันเพื่อพักผ่อน แต่พอกลับมาจากเที่ยวก็มีเจ้าตัวเล็กมาพร้อมกับเธอด้วย
ตั้งแต่คลอดลูกชายคนที่สองแล้ว คุณน้ำหวานเธอก็ลดอาหารรสจัดลง เพื่อลูกสาวคนสุดท้อง แต่พอคลอดออกมากลับเป็นลูกชายซะอย่างนั้น เธอไม่เสียใจหรอกที่ได้ลูกชายเพิ่มมาอีกคน แต่เสียดายที่ไม่มีโอกาสที่จะมีลูกได้อีก เพราะตอนที่ได้รู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้อง คุณน้ำหวานก็สั่งให้หมอทำหมันให้เธอไปด้วยเลยในขณะทำคลอด
โชคดีที่ลูกชายคนสุดท้องของเธอสุขภาพร่างกายแข็งแรง
“น้องมีชื่อยังฮะคุณแม่” เด็กชายเผ็ดถามขึ้น ขณะที่ชะโงกหน้าดูเด็กทารกตัวน้อยในเปล
“แม่...เอ่อ...ก็คิดไว้แล้วล่ะค่ะ” แต่ชื่อที่คุณน้ำหวานคิดเป็นชื่อเด็กผู้หญิงน่ะสิ
“ชื่ออะไรฮะ” เด็กชายเผ็ดกระตุกชายเสื้อคุณแม่เพื่อเค้นคำตอบ
“แต่ชื่อที่คิดไว้เป็นชื่อเด็กผู้หญิงนะคะ น้องเราเป็นผู้ชาย”
“แล้วชื่อว่าอะไรฮะ” เด็กชายก็ยังอยากรู้ชื่อที่คุณแม่ของเขาตั้งไว้อยู่ดี
“น้องเปรี้ยว...”
“ว้าว น้องเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดของพี่เผ็ด”
สรุปแล้วก็ได้ชื่อว่าน้องเปรี้ยวจริงๆ
talk; ตอนพิเศษวันคริสต์มาสค่าาา มาดูที่มาของชื่อแต่ละคนจัง
Merry X'mas น้าทุกคน