ตอนที่ 8ผ่านมาสองอาทิตย์ เผ็ดได้รับข้อมูลจากลูกน้องที่แอบตามไปสืบชีวิตของไอ้ภูริชมาแล้ว มันมีข้อน่าสงสัยอยู่หลายเรื่อง อย่างเช่นเงินก้อนใหญ่ที่มันได้มาโดยบอกกับเขาเองว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย จากการติดตามและสอดแนมภูริช เสี่ยเผ็ดก็ได้รู้ว่านายแบบที่เดินสวนเขาในวันนั้น กำลังคบหาดูใจกับภูริช เพราะจากที่ไอ้ปรานเล่าให้ฟัง คือนายแบบคนดังกล่าวจะเดินเข้าออกคอนโดไอ้ภูริชอยู่บ่อยๆ บางทีก็เข้าช่วงดึกหน่อยแล้วก็ออกมาในตอนเช้าอีกที
มีครั้งสองครั้งที่นายปรานแอบขับรถสะกดรอยตามก็พบว่าสองคนนี้ไปเที่ยวกลางคืนด้วยกันบ่อยๆ เดินอี๋อ๋อออเซาะกันเหมือนคู่รักอย่างไรอย่างนั้น แล้วแบบนี้...เรียกหักหลังดรีมอยู่รึเปล่า ตอนที่ไปเก็บหนี้ไอ้ภูวิชครั้งก่อนนู้น พอพูดถึงแฟนมันหน่อยมันก็มีสีหน้าโกรธเกี้ยวอยู่พอควร และมันก็หนักแน่นมากที่บอกว่าจะคืนเงินให้ครบภายในสองเดือน มันก็คงยังรักและอยากรีบไถตัวแฟนมันเร็วๆ
ที่คบกับนายแบบคนนั้นอาจจะเป็นเพราะเงิน ข้อสันนิษฐานนี้เป็นไปได้ ไอ้นายแบบหน้าใสคนนั้นอาจจะเลี้ยงดู เอาเงินให้ใช้ เพราะแบบนี้ไอ้ภูริชมันเลยดูไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องเงินเท่าไหร่ แลดูชีวิตมันก็ดีขึ้นด้วย หรือมันอาจจะคบหวังเงินแล้วเอาเงินที่ได้จากนายแบบคนนั้นมาไถ่ตัวดรีมก็เป็นได้
แต่ถ้าภูริชคบกับไอ้นายแบบนั้นด้วยใจจริงล่ะก็ ดรีมก็คงกลายเป็นหมาหัวเน่าเลย โดนเอาตัวมาจำนำ แล้วยังโดนแฟนหักหลังด้วยการคบซ้อนอีก เอะ...แต่มีหรือที่ไอ้ภูริชมันจะคบเพราะรักจริงๆ คนอย่างมันคบเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ ตอนนี้ก็คงคบเพื่อหวังเงินสิท่า ได้มาตั้งก้อนใหญ่เชียว อย่างไรตอนนี้ดรีมก็คงเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
เผ็ดก้มมองร่างบางที่ตอนนี้นั่งอยู่บนพื้นพรม มือเล็กจับฝ่าเท้าของเสี่ยเผ็ดแล้วค่อยๆนวดอย่างเบามือ ไม่ว่าจะสั่งอะไรก็ยอมทำทุกอย่าง ดรีมไม่เคยขัดหรือร้องขออะไรเลย ทำไมต้องทำตัวเป็นคนดีนัก ทั้งๆที่มีแฟนเลวระยำแบบนั้น ทำไมไม่หนีไปซะ... ถ้าเกิดดรีมหนีไป เผ็ดก็คงตามตัวได้ไม่ยาก แต่ก็คงไม่ตาม คนที่ได้รับเคราะห์ก็คงเป็นผู้จำนำอย่างไอ้ภูริชซะมากกว่า จะกระทืบมันให้กระอักเลือดตายไปเลย
“มึงเคยคิดจะหนีไหม” ร่างสูงเอ่ยถาม ดรีมเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา
สถานการณ์แบบนี้ยังจะยิ้มอยู่อีก
“ไม่หนีหรอกครับ”
“ทำไมล่ะ ถ้ามึงหนี...ไอ้ภูริชก็คงได้รับเคราะห์แทน มึงเองก็จะได้เป็นอิสระ”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเขาเอาเงินมาคืนคุณเผ็ดจนครบ ผมถึงจะไป”
“รักมันมากจนต้องยอมทุกอย่างเลยหรือ” เป็นเพียงประโยคธรรมดา แต่รู้สึกในใจเผ็ดจะหน่วงๆยังไงชอบกล
“เปล่าครับ”
“แล้วทำไมถึงได้ทำเพื่อมันขนาดนี้”
“ผมมีเหตุผล...” ร่างบางเม้มปากก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พอดรีมคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็อดนึกโกรธภูริชขึ้นมา
“ไม่รักศักดิ์ศรีบ้างหรือ”
“คำว่าศักดิ์ศรีมันหมดไปตั้งนานแล้วครับสำหรับผม”
ศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ ถ้าดรีมรักในศักดิ์ศรีของตัวเองมากกว่านี้ รีบเดินหันหลังให้ภูริช คลิปทุเรศๆนั้นก็คงเผยแพร่อย่างแน่นอน เรื่องนี้หากมันกระทบกับตัวเขาคนเดียวคงไม่เป็นไร แต่นี่...ถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องเข้า พวกท่านจะเสียใจมากแค่ไหน อุตส่าห์ส่งมาเรียนสูงๆแต่กลับมาทำเรื่องทุเรศๆแบบนี้อีก สังคมรอบข้างจะมองครอครัวดรีมอย่างไร แม่ก็เป็นถึงแม่พิมพ์ของชาติ แต่ลูกกลับทำตัวต่ำๆ ดรีมยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อจะรักษาความรู้สึกของครอบครัวตัวเองจะดีกว่า
“รัก...จนต้องยอมเสียศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ”
“ผมไม่ได้รักมัน! ที่ผมทำอยู่เพราะผมรักครอบครัวผมต่างหาก” ร่างบางลุกพรวดขึ้น ทำเอาเสี่ยเผ็ดถึงกับผงะ ตากลมโตคู่นั้นเริ่มแดงคล้ายกับจะร้องไห้ เอะ...หรือว่ามันจะโกรธ
“ถามแค่นี้ ถึงกับโกรธเลยหรือ”
“ผมไม่ได้โกรธ!”
ว่าแล้วร่างบางก็เดินตึงตังเข้าห้องของตัวเองไป เสี่ยเผ็ดเองก็ยังคงนั่งงงงวยกับสถานการณ์อยู่ เมื่อกี้มันยังนั่งนวดฝ่าเท้าให้เขาอยู่เลย หรือเมื่อกี้ไปพูดอะไรแทงใจดำเข้าถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น แต่เผ็ดก็มั่นใจมากว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ก็แค่ถามดูเฉยๆ หึ โกรธได้โกรธไป ไม่ง้อหรอกโว้ย!
เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง เผ็ดเดินไปเดินมาอยู่หน้าของดรีม ไม่ได้อยากจะง้อหรอก แต่ตอนนี้เผ็ดแค่หิว อยากจะเรียกมันออกมาทำอาหารเย็น แต่ก็ไม่กล้าเคาะประตูเรียก เดี๋ยวสิ นี่เสี่ยเผ็ดเป็นเจ้าหนี้นะโว้ย เป็นเจ้าของของมัน ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ มันก็แค่ของจำนำ..จริงๆเผ็ดจะทำอะไรกับมันก็ได้ ถ้ามันโกรธก็แค่จับโยนขึ้นเตียงแล้วปลุกปล้ำ จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร!
เอาล่ะ...เผ็ดจะเคาะประตูเรียกมันแล้วนะ
1…2…3…
“อ๊ะ...คุณเผ็ด มีอะไรรึเปล่าครับ”
ยังไม่ทันได้เคาะประตู ร่างบางก็เปิดประตูออกมาพอดี มือเสี่ยเผ็ดที่ค้างเติ่งอยู่บนอากาศก็รีบยกมาเสยผมตัวเองลวกๆอย่างเก้อเขิน เปิดมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย
“กูหิวแล้ว”
“พึ่งห้าโมงเย็นเอง คุณเผ็ดหิวแล้วหรือครับ” ปกติแล้วเวลาอาหารเย็นของเผ็ดคือเวลาทุ่มนึง แต่นี่พึ่งจะห้าโมงเย็นเองนะ จริงๆข้าวเที่ยงก็พึ่งกินไปตอนบ่ายกว่าๆ หิวเร็วจัง
“เออ กูหิว”
“วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
“อะไรก็ได้ เร็วๆล่ะ” เผ็ดพูดย้ำอีกครั้งก่อนจะเดินไปนั่งดูทีวีเหมือนเดิม แต่หางตาก็แอบเหลือบมองคนร่างบางที่วิ่งดุ๊กๆเข้าครัว
กลิ่นหอมลอยออกมาจากครัวทะลุเข้าจมูกเสี่ยเผ็ด อยากรู้จริงๆว่ามันจะทำเมนูอะไรให้เขาทาน ร่างสูงเดินดุ่มๆเข้าไปที่ครัวก็เห็นดรีมกำลังฮัมเพลงไปทำอาหารไป อะไรวะ...เมื่อบ่ายยังเกี้ยวโกรธเหมือนแมวขู่ฟ่อๆอยู่เลย ทำไมตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วล่ะ แต่ก็ดีเหมือนกันเผ็ดจะได้ไม่ต้องง้อ เดี๋ยวนะ...แล้วเขาต้องง้อด้วยเหรอวะ นี่เจ้าหนี้ทำไมต้องง้อไอ้ของจำนำหน้าซื่อนี่ด้วย บ้าจริงๆ
ไม่รู้ว่าเป็นความหอมจากอาหารหรือความหอมจากตัวร่างบางกันแน่ ทำเอาขาเสี่ยเผ็ดก้าวฉับๆเข้ามายืนดูใกล้ๆ ตัวดรีมก็ไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมายืนซ้อนข้างหลัง รู้สึกตัวอีกทีก็มีจมูกโด่งมาไล่คลอเคลียตามลำคอซะแล้ว
“อ๊ะ คุณเผ็ด!!” ด้วยความตกใจดรีมจึงรีบหันไปเผชิญหน้า ตอนนี้หน้าของร่างสูงอยู่ห่างไม่ถึงคืบ แถมยังรู้สึกว่าเจ้าตัวโน้มหน้าลงมาเรื่อยๆอีกต่างหาก ดรีมพยายามเบนตัวหนีจนหลังบางติดกับเคาท์เตอร์ครัว
“แค่อยากรู้ว่าทำอะไรกิน หอมดี”
“อะ...เอ่อ...ผมทำบลูเบอร์รี่โยเกิร์ตก่อนน่ะครับ ถ้าเอาไปแช่เย็นหลังกินข้าวเสร็จจะได้ทานแบบเย็นๆ” มิหน่าหอมเหมือนกลิ่นผลไม้ แถมยังมีกลิ่นนมติดตัวร่างบางด้วย
“อย่างนั้นหรือ”
“คะ...ครับ... เอ่อคุณเผ็ด เดี๋ยวผมจะรีบทำอาหารเย็น”
ดรีมไม่รู้ตัวเลยว่าโดนขังไว้ในอ้อมแขนแกร่งตั้งแต่เมื่อไหร่ เผ็ดท้าวแขนกักตัวร่างบางไว้กับเคาท์เตอร์ครัว หนีไปไหนไม่รอดแน่นอน ดวงตากลมโตสั่นระริก หน้าขาวเริ่มขึ้นสีระเรื่อ ความเงียบเริ่มครอบคลุมเมื่อต่างฝ่ายต่างจ้องตากันอย่างไม่ลดละ เสียงหัวใจสองดวงเต้นดังตึกตักประสานกัน ใบหน้าคมคายเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนกระทั่งริมฝีปากหยักแตะลงบนริมฝีปากแดงอย่างแผ่วเบา
ร่างสูงเริ่มบดจูบและเค้นคลึงริมฝีปากแดงสดนั้นความหลงใหล มือหนายกมือมาประคองรับหน้าหวานให้แหงนรับรสจูบที่เริ่มหนักหน่วงขึ้น คนร่างบางที่เริ่มเผลอไผลไปกับรสจูบยกมือขึ้นโอบรอบลำคอของอีกฝ่ายอย่างลืมตัว เกิดเสียงสัมผัสของริมฝีปากทั้งสองดังจ๊วบจ๊าบอย่างน่าอาย แต่ความอายก็ไม่เป็นผลกับแรงอารมณ์ของทั้งคู่
ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง
เสียงกดออดหน้าห้องดังขึ้นพร้อมกับกระชากสติของดรีมคืนมา ร่างบางยกมือขึ้นผลักอกของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างสูงยังคงส่งรสจูบที่จาบจ้วงมาให้ ดรีมจึงใช้กำปั้นทุบเข้าที่กลางอกดังปั๊กเพื่อเรียกสติอีกคน และเหมือนกับครั้งนี้จะได้ผล เผ็ดผละออกจากริมฝีปากแดงๆอย่างอ้อยอิ่ง กะจะโน้มตัวลงจูบอีกทีแต่คนตัวเล็กกลับยกมือกั้นเอาไว้ซะก่อน
“มีคนมาครับคุณเผ็ด”
“หืม? ใครมา”
ปิ๊งป่องๆ ปิ๊งป่องๆ
เสียงออดหน้าห้องเริ่มกดถี่ขึ้น ใครมันมาขัดจังหวะเอาตอนนี้วะ ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาซะเลย ถ้าเป็นไอ้ลูกน้องสองแสบนั้นล่ะก็...เสี่ยเผ็ดจะไล่เตะให้ตูดบานเลยคอยดู ฮึ่ย! กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแล้วเชียวนะ เผ็ดเริ่มหงุดหงิดก่อนจะเดินปึงปังไปเปิดประตู จริงๆไม่เรียกว่าเปิดประตูหรอก เรียกกระชากซะมากกว่าเพราะตอนนี้เผ็ดหงุดหงิดมาก
“ใครวะ!!!”
ร่างสูงตรงหน้าเสี่ยเผ็ดยิ้มแหย่ๆมาให้ ใบหน้าหล่อคมคายที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเผ็ดมีรอยแผลฟกช้ำไปทั่วทั้งหน้า มุมปากมีเลือดไหลซิบๆออกมา เผ็ดไล่สายตามองตั้งแต่หัวสกินเฮดของมันจรดลงไปที่รองเท้านักเรียกสีดำที่มันเหยียบทับส้นไว้ เสื้อนักเรียนหลุดลุ่ยออกจากกางเกงนักเรียนสีน้ำเงิน สภาพโดยรวมก็ดูไม่ได้เลย เหมือนไปฟัดกับหมาข้างทางมาอย่างไรอย่างนั้น
“มึงมาทำไม...ไอ้เปรี้ยว!” ตะคอกออกไปด้วยความ(โคตร)หงุดหงิด คนตรงหน้าถึงกับผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะปรี้เข้ามากอดแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน
“พี่เผ็ด...เปรี้ยวนอนด้วยนะวันนี้”
เด็กนักเรียนม.ปลายหัวสกินเฮดนั่งอยู่ต่อหน้าดรีม ตอนนี้ดรีมได้รับคำสั่งจากเจ้าของห้องให้ทำแผลให้กับ ‘น้องชาย’ ของเขา ดรีมเองก็พึ่งรู้ว่าเผ็ดมีน้องชายด้วย ถ้าเขาเจอข้างนอกและไม่รู้ว่าเป็นน้องชายเผ็ดก็คงเดาได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแน่นอน เพราะเด็กคนนี้หน้าตาคล้ายกับเผ็ดเอามากๆ ส่วนสูงก็เกือบพอๆกัน แต่ตอนนี้หน้าตามีแต่รอยเขียวช้ำดูไม่ได้เลยทีเดียว
“มึงไปฟัดกับหมาตัวไหนมาอีกล่ะ” คนพี่ได้แต่ยืนกอดอกมองสภาพน้องชายตัวเองด้วยสายตาไม่พอใจ
“ก็...พวกเดิมแหละพี่ แต่รอบนี้มันมาหาเรื่องพวกเปรี้ยวก่อนนะ” เด็กคนนี้แทนตัวเองด้วยชื่อเมื่อคุยกับคนเป็นพี่ชาย น่ารักซะจริงๆ
“แล้วแม่รู้ไหม”
“ถ้ารู้ เปรี้ยวจะมาหาพี่เผ็ดหรือวะ ถามอะไรบ้าๆ”
“นั้นปากเรอะ เดี๋ยวกูโทรบอกแม่เดี๋ยวนี้เลย” ร่างสูงของคนพี่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเตรียมโทร ไอ้คนน้องก็กระโดดโหยงๆเข้าไปกอดไว้
“ขอโทษคร้าบ พี่เผ็ดอย่าโทรบอกแม่เลยนะ เดี๋ยวเปรี้ยวโดนกักบริเวณอีก”
“พูดมากจริงมึง ไปนั่งทำแผลดีๆไป”
เด็กหนุ่มนั่งลงบนโซฟาหันหน้าเข้าหาดรีมอีกครั้ง เพื่อให้ร่างบางทำแผลให้ แต่จะว่าไปคนคนนี้เป็นอะไรกับพี่ชายของเขากันนะ เป็นผู้ชายประสาอะไรหน้าออกหล่อไปทางสวย เปรี้ยวนั่งจ้องหน้าคนร่างบางอย่างไม่วางตา สติกลับมาก็เมื่อโดนกำปั้นพี่ชายทุบลงหัว
“โอ๊ย อะไรเนี่ยพี่เผ็ด!”
“มองอะไรของมึง”
“ก็มองพี่คนสวยคนนี้ไง” ดรีมที่กำลังแกะพลาสเตอร์ถึงกับชะงัก ก่อนจะยิ้มหวานออกมาเก้อเขิน
“กูไม่ให้มอง มึงก้มหน้าลง” พี่ชายที่หงุดหงิดมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเป็นสองเท่าแล้ว
“จะบ้าหรือ แล้วพี่เขาจะทำแผลให้เปรี้ยวยังไงเล่า” คนน้องก็เถียง
“เสร็จแล้วครับ” ดรีมแปะพลาสเตอร์ตรงหางคิ้วให้เด็กหนุ่ม ก่อนจะเก็บกล่องพยาบาล
“พี่ๆ พี่เป็นแฟนพี่เผ็ดหรือ” เด็กหนุ่มถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ปะ..เปล่าครับ”
“รุ่นน้องที่มหา’ลัยกูเอง” คนพี่ตอบ
“อย่างนั้นหรือ แล้ว...มีแฟนรึยังครับ” ไอ้คนน้องก็ยังถามต่อหน้าด้านๆ
“มีผัวแล้ว! มึงเลิกซักไซ้สักทีได้ไหมวะ ถ้าถามอีกกูจะไล่มึงกลับบ้านแล้วนะ” คนพี่เริ่มขู่
“เปรี้ยวก็เห็นพี่เขาน่ารักดี...แค่ถามเองถึงกับของขึ้นเลยหรือวะ” ประโยคหลังน่ะเปรี้ยวพยายามพูดในลำคอ แต่คนพี่ก็ได้ยินอยู่ดี
“มึงพูดว่าไงนะ!”
“เปล๊า”
ดรีมหัวเราะกับภาพตรงหน้า พอเห็นสองพี่น้องโต้เถียงกันก็รู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นมาพลอยทำให้คิดถึงน้องชายตัวเองที่อยู่ที่บ้าน ส่วนคนตัวสูงเห็นดรีมหัวเราะก็พลอยยิ้มไปด้วย เขาชอบมองเวลาคนคนนี้ยิ้ม นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นดรีมหัวเราะออกมาดูแล้วช่างเพลิดเพลินซะเหลือเกิน ถึงเผ็ดจะชอบเห็นดรีมยิ้ม แต่ก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นเหมือนกับที่เขาเห็นหรอกนะ ถ้าใครต่อใครได้เห็นก็คงต้องหลงรักกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้นแน่ๆ
คิดแล้วก็คัน!!!
คันตรงนี้...ที่หัวใจ
TBC.
talk : เปิดตัวน้องเปรี้ยว น้องชายของพี่เผ็ดดดดดดด แต่น้องอาจจะแวบๆมา