ตอนที่ 18
หลังจากที่ได้ฟังข่าวจากไอ้รุต เขาก็นั่งเหม่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ข้าวปลาไม่กินแถมแปบๆ ก็เช้า แม่บ้านที่กลับเข้ามาตอนเช้าก็ตกใจ นึกว่าเจอหมีแพนด้าหลุดมาจากสวนสัตว์ออกมาหาไผ่กินเล่น เขาที่เห็นแม่บ้านตกใจก็ตกใจตามไปด้วย หันซ้ายหันขวาถึงรู้สึกตัวว่าเช้า เลยอ้อมแอ้มบอกแม่บ้านไปว่ากำลังจะไปออกกำลังกายข้างนอก
แต่ไปออกกำลังกายที่ไหน ทำไมเขาถึงเดินเข้าห้อง เขาที่มึนกับเบลอเหมือนถูกหมัดฮุกก็ได้แต่ทิ้งตัวลงกับเตียง ปล่อยให้สมองที่เบลอจากการอดนอนและการร้องไห้แปะไว้กับเตียง หลับตาลง เพื่อให้ได้หลับเต็มตื่นซักงีบ คราวนี้ไม่ต้องท่องพุธโธ ธัมโม สังโฆเขาก็หลับสนิท ตื่นมาอีกทีตอนสาย เจอแต่กับข้าวที่ป้าแม่บ้านตั้งไว้ให้
ความรู้สึกของการต้องเสียเสี่ยไปแบบที่ไม่ทันตั้งตัวหรือรู้ตัวก่อนล่วงหน้า มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่เสียแม่ไปอย่างไม่ผิด ตอนนั้นเขาร้องไห้อยู่สามวันสามคืน ก่อนที่จะเหลือแต่สะอึกสะอื้น เสี่ยไม่ได้หนีหายหรือตายจากไปจากเขา แต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเสี่ยตอนนี้คือทุกอย่างจบลงแล้ว
คืนวันที่เขารู้ข่าวคือคืนวันเสาร์ เพราะงั้นวันอาทิตย์ของเขาเลยปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปแบบเบลอๆ ข้าวปลาก็กินไม่ครบสามมื้อ จำได้แต่ว่ามื้อสุดท้ายแม่บ้านบอกกับเขาว่าจะกลับต่างจังหวัดสามสี่วันให้เขาดูแลตัวเองด้วย เขาที่ไม่ค่อยสนิทกับแม่บ้านก็ยังอุตส่าห์ยกมือไหว้ ให้เงินค่าเดินทางไปอีกหนึ่งพันพร้อมกับบอกให้แม่บ้านกลับบ้านดีๆ ด้วย จะกลับมาทำงานก็โทรมาบอกเขาก่อนล่วงหน้า
พอถึงวันจันทร์เขาก็โทรไปลาหยุด บอกฝ่ายบุคคลไปว่าป่วยหนักมากใกล้ตายแล้ว พอบอกเสร็จเขาก็ปิดโทรศัพท์หนีทันทีกะไม่ให้ฝ่าย HR ตามตัวได้ พลิกซ้ายพลิกขวาอยู่ในห้อง พอเห็นว่านอนไม่หลับแน่แล้วก็ลุกไปอาบน้ำเตรียมออกไปข้างนอก
จะว่าไปนับตั้งแต่รู้ข่าวเขาก็ร้องไห้ไปแค่หนเดียว หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยสมองให้ว่างเปล่า แปบๆ ก็ผ่านไปสองวันแล้ว
เอาจริงๆ นะ เรื่องของเสี่ยมันก็ไม่ได้ทำให้เขาเศร้าเสียใจมากเหมือนอย่างวันแรก มันคงเหมือนประมาณว่าเขาโดนหมัดฮุก เขาตกใจมากไปหน่อยเลยถึงกับช็อคก็เท่านั้น
ทั้งชีวิตที่เกิดมา เขารู้จักแต่ความพลัดพราก ตานี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะเสียตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้ความ ถัดมาก็พ่อที่หนีไปแต่งงานใหม่ตั้งแต่เขาอายุหนึ่งขวบ ต่อมาก็แม่กับยาย ตอนที่รู้ข่าวว่าลุงป่วยเขาก็เคว้ง ตอนนี้ยังมาเสี่ยอีกรอบ
แน่นอนว่าเสี่ยไม่ได้ล้มหายหรือตายจาก แต่สำหรับเขา...เสี่ยสำคัญมาก สำคัญพอๆ กับพ่อแม่ ยาย หรือลุง ที่เลี้ยงเขามา ส่วนเรื่องความรัก... ก็คงใช่ เขาไม่เคยรักใครมาก่อนแต่พอรู้ ความรู้สึกเคว้งคว้างในอกของเขาตอนนี้ มันต่างไปจากตอนที่เสียแม่ ถึงเขาจะแทบขาดใจเหมือนกันแต่เขาก็รู้ถึงความแตกต่างได้
เขาไม่ใช่คนโง่ เคยอ่านหนังสือกับดูละครเกี่ยวกับความรักมาก็เยอะ เขาแยกออกว่าความสูญเสียแต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เขารักแม่แบบที่ยอมตายแทนได้ ส่วนเขารักเสี่ย... ถ้าให้ตายแทนหรือเปล่า เขาคงต้องคิดดูให้ดีอีกที สมัยนี้ไม่เหมือนในอดีตที่เอะอะหน่อยก็ฆ่าตัวตายเพื่อบูชาความรัก เขารักเสี่ยจริง แต่ก็คงไม่ยอมทิ้งชีวิตเพื่อเสี่ยง่ายๆ เขายังมีห่วง มีลุงให้คอยดูแล
ดังนั้นในเมื่อต้องตัดใจให้ได้ เขาก็ไม่อยากฟูมฟายหรือคิดมากให้คนอื่นสังเวช ยังไงอดีตก็เปลี่ยนไม่ได้ และอนาคตก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเขา ต่อให้เขารักเสี่ยมากแล้วไง เสี่ยไม่มีทางหย่ากับคุณปุยฝ้ายเพื่อมาอยู่กับเขาอยู่แล้ว และถึงเสี่ยจะไม่ได้รักคุณปุยฝ้าย แต่ถ้าลองจดทะเบียน แถมมีลูกด้วยกันแบบนี้ ต่อให้เสี่ยไม่อยากแต่งงานแต่เสี่ยก็ยังต้องรับผิดชอบ และถึงเขาจะไม่แน่ใจความรู้สึกของคุณปุยฝ้าย แต่ลองมาอีหรอบนี้ ทั้งสองคนก็คงต้องลงเอยอยู่ด้วยกันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแล้ว
ตัวเขาที่เป็นแค่ชู้... เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่เคยเป็นเด็กเลี้ยง สิ่งที่เขาพอทำได้เพื่อเสี่ยได้ก็มีแค่ถอนตัวออกมาแล้วเดินออกจากห้อง
แต่จะให้เก็บข้าวของออกไปตั้งแต่ตอนนี้ เขาเองก็ยังทำใจไม่ได้ ได้แต่จ้องแหวนที่อยู่บนมือแล้วด่าเสี่ยว่าเสี่ยเลวมากที่ให้แหวนเขาแบบนี้ ถึงเขาจะไม่ใช่คนน้ำเน่าที่เห็นแหวนแล้วต้องนึกถึงเรื่องแต่งงาน แต่ถ้าหากไม่รัก ก็ไม่น่าให้ของที่แสดงถึงความผูกพันแบบนี้ เพราะอย่างงั้นเขาเลยถอดสร้อยเสี่ยออกใส่เก็บไว้ในกล่อง กะว่าวันไหนตัดใจได้เขาจะขายกินแน่ๆ เขาจะไม่เก็บสร้อยไว้เป็นของดูต่างหน้า เสี่ยยังไม่ตาย เพราะงั้นแค่แหวนเขาก็พอใจแล้ว...
แต่ถึงเขาจะคิดได้ เขาก็ยังอดเศร้าแบบอารมณ์คนอกหักครั้งแรกไม่ได้อยู่ดี พออาบน้ำโกนหนวดเสร็จเขาก็เดินทอดหุ่ยอยู่ในห้าง เขาไม่อยากคิดมากหรือคิดเยอะ แต่พออยู่แต่ในห้อง เขาก็เอาแต่คิดถึงเสี่ย ซึ่งก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น สู้ออกมาข้างนอก ใช้สมองคิดดีกว่าว่าจะหาทางขอใบลาจากที่ไหนได้บ้าง เขาโกหก HR ไปแล้วว่าป่วยหนักมาก ไอ้เรื่องใกล้ตายน่ะ HR คงไม่เชื่อ แต่ป่วยหนักนี่สิ...
เขาเดินที่คิดนั่นคิดนี่ เดินเตร็ดเตร่วนอยู่ในสยามพารากอน ระหว่างที่กำลังเหม่อได้ที่เต็มที ไอ้ธันวาที่เขาไม่เห็นหน้ามานาน อยู่ๆ ก็มาฉุดเขาไว้เพราะเขาเดินเหม่อจนเกือบตกน้ำพุ
" จะลงไปอาบน้ำหรือไงมึง"
ดูท่าเขาจะยังเฮิรตซ์อยู่จริงๆ ถึงได้เดิมเหม่อจนจะตกน้ำขนาดนี้ เขามองไอ้ธันวาตาลอย อารมณ์ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป คงทำใจไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ กับเสี่ยที่ยังไม่ตาย(ย้ำบ่อยจริง) แต่กับเขาที่ผูกผันง่าย ต่อไป... ถ้าเขากับเสี่ยคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว และถ้าหากบังเอิญเจอกันในอนาคต ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็คงเปลี่ยนไป เขายังคงเป็นเขาแบบเดิม แต่เสี่ยเปลี่ยนไปเป็นพ่อคน มีเมีย มีลูก เขาที่ต้องใช้เวลา ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะกลับมาเป็นปกติและมีรักครั้งใหม่ได้
เขาไม่ได้กลัวกับความไม่รู้ หรือกลัวการผิดหวังพลัดพราก แต่ที่เขากลัวคือถ้ารู้แล้วต้องอกหักอีกเขาคงทำใจไม่ได้ หัวใจคนเรา หากต้องเสียของที่รักอยู่บ่อยๆ ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนจิตใจก็อาจตายด้าน
ว่าแล้วก็เหลือบตาไปมองไอ้ธันวาที่ทำท่าจะถีบเขาตกน้ำจริงๆ ดูท่าเขาจะเหม่อไปอีกแล้ว ไอ้ธันวามันถึงทำท่าจะถีบเขาให้ไปเรียกวิญญาณอยู่ในน้ำ เขาที่ยังมึนๆ อึนๆ บวกเบลอๆ เลยตอบมันไปว่า หิวข้าวกำลังจะเดินไปหาห้องน้ำ ตอบจบไอ้ธันวาก็ตบกะโหลกเขาหนึ่งโป๊ก จนขวัญเขาวิ่งกลับร่างแทบไม่ทัน เขาถึงได้มีโอกาสมองมันชัดๆ เต็มสองตา
ว้าวว ไม่ได้เจอกันนาน เพื่อนกูมีมาดผู้บริหารแล้วเว้ย เมื่อก่อนเคยแต่เห็นมันอยู่แต่ในชุดนักศึกษา ไม่ก็ชุดอยู่บ้าน แต่มาตอนนี้มันอยู่ในชุดสูทกึ่งทางการ เขาที่คลุกคลีอยู่กับเสี่ยมานานก็เริ่มรู้จักชื่อยี่ห้ออย่างจิม ทอมสัน ไม่ใช่.. อย่างพวกทอม ฟอร์ด ทอม แฮงค์ ราคาก็เคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้าง เพราะบางทีเสี่ยก็ทิ้งสูทไว้ที่ห้อง เสี่ยไม่ค่อยชอบใส่สูทนอกจากต้องออกไปทำงานหรือไปงานเลี้ยง...
พูดถึงเสี่ยแล้วน้ำตาจะไหล ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะใส่ใจเรื่องเสี่ยได้ขนาดนี้ ฟุดฟิด
เชรี่ย...
คำอุทานนั่นไม่ได้มาจากปากเขาแต่อย่างใด แต่ออกมาจากปากไอ้ธันวาตอนที่มันเห็นเขาร้องไห้
ผู้ชายตัวใหญ่เป็นควายยืนร้องไห้อยู่กลางห้าง... ไอ้ธันวาจับเขาล็อกคอเขาทันที ลากเขาเข้าไปหาอะไรกินตรงร้านอาหารที่อยู่แถวนั้น
พรืดดด!! หลังจากได้ที่นั่ง เขาที่เศร้าจัดก็สั่งขี้มูก ยืมแว่นกันแดดที่ไอ้ธันวาเหน็บไว้ตรงกระเป๋ามาใส่กันคนเห็นว่าร้องไห้ พอตั้งสติได้ เขาถึงได้รู้ว่าท่าทางของตัวเองเมื่อกี้โคตรตุ๊ด อยากจะมุดโต๊ะหนี แต่พอเห็นไอ้ธันวามันทำท่าอายกว่า เขาเลยถือโอกาสหัวเราะเยาะใส่หน้ามัน เออ ตลกดีว่ะ ผู้ชายหล่อดูดีคนหนึ่ง(ไอ้ธันวามันหล่อนะ เผื่อคุณๆ ไม่รู้) นั่งปลอบผู้ชายตัวใหญ่ที่กำลังร้องไห้ แต่กูไม่แคร์ กูใส่แว่นกันแดดแล้ว เพราะงั้นมึงจงอยู่รับสายตาประชาชีต่อไปซะ กูขอทำตัวเป็นนกกระจอกเทศที่พอไม่เห็นศัตรูก็นึกว่าศัตรูไม่เห็นด้วย มึงจงตกเป็นเป้าสายตาของประชาชนต่อไปเถอะนะไอ้ธันวา ฮ่าๆๆๆๆ
" ตลกออกแล้วหรือไงมึง" ไอ้ธันวามันแขวะตอนที่เขายิ้มได้ มันแกะผ้ากันเปื้อนที่อยู่บนโต๊ะออกแล้ววางไว้ที่ตัก เขาเองก็ทำตามเหมือนกัน เขาไม่โง่ถึงขนาดเอาผ้ามาผูกที่คอหรอกนะ เสี่ยสอนมาแล้ว...
.....คิดถึงเสี่ยอีกแล้ว น้ำตาอยากจะไหลอีกรอบ แต่ต้องเก็บไว้ กลัวร้องไห้ไปแล้วถูกไอ้ธันวาถีบออกจากร้านแล้วจะไม่มีคนเลี้ยง เพราะงั้นเราต้องกลั้นน้ำตาไว้ ฮึบ!
" อกหักหรือไงมึง" แน่ะ สู่รู้!
" อืม"
ไอ้ธันวาทำหน้าเซ็งเป็ดตอนที่เขายอมรับง่ายๆ มันบ่นพึมพัมว่าไม่สนุกเลยอะไรไม่รู้ มึง... กูอกหักนะ จะให้เล่นสนุกให้มึงดูก็ใช่ที่ ดูหน้ากูนี่ กูอกหัก กูเฮิรต์ กูเศร้า!
" เออๆ มื้อนี้กูเลี้ยงมึงก็ได้" เย้! เย้ๆๆ
ฮู่เร่~ พอมีคนเลี้ยงเขาก็เริ่มหูตั้ง ถึงหางจะยังตกเพราะช้ำรัก แต่มีคนเลี้ยงก็ดีกว่าจ่ายเองอยู่แล้ว เพราะงั้นพอไอ้ธันวาบอกว่าให้เขาสั่งได้ เขาก็สั่งมาแบบเต็มคราบ เสียดายที่เขาไม่ค่อยชอบอาหารร้านนี้ แพงก็แพง อร่อยไหมก็... ไม่ค่อยถูกปากคนบ้านนอกที่ชอบรสจัดๆ เท่าไหร่ เสี่ยเองก็ไม่ค่อยชอบ.....
" เฮ้ยๆๆๆ อกหักก็เก็บไปร้องที่บ้าน กูอายชาวบ้าน" แหม่ มึงทำยังกับกูไม่อาย แต่ไม่เป็นไร กูมีแว่นตา ฮ่าๆๆ
" ตกลงนี่มึงอกหักจริง?” ก็ต้องจริงสิวะ!
" เหรอออ.. กูนึกว่ามึงเป็นคนบ้า เอ๊ย นึกว่ามึงจะถือศีลออกบวชเป็นพระ เห็นอยู่กับคนสวยๆ อย่างแก้วมึงยังเฉยได้ ตอนแรกนึกว่ามึงแอบเกย์ ที่ไหนได้อกหักเป็นด้วย" ดูถูกกูเหอะมึง
" ถึงกูจะเก แต่ก็เกเรเว้ย ไม่เป็นเกย์ให้เสียชาติบรรพบุรุษ " เปล่าแถ ไม่ได้เป็นเกย์ แค่ชอบผู้ชาย... ชอบแค่เสี่ยคนเดียว
" เหรอออ แล้วตกลงสาวในสเปกที่หักอกมึงได้นี่เป็นแบบไหนวะ กูอยากรู้" ไอ้สอดรู้! อะไรนะ ไม่บอกไม่เลี้ยงข้าว ได้! กูพูด!
" ผู้หญิง แก่กว่า แต่กำลังจะแต่งงานเพราะเขามีลูก" ถึงจะยังอยู่ในท้อง แต่ถือว่าป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นเขาไม่ได้โกหก มั้งนะ....
" รักเขาข้างเดียว?"
" เรารักกันแต่เขากำลังจะแต่งงานแล้ว" กูมั่วแ_่งเลย อยากเข้าข้างตัวเอง ทำไมมีปัญหาอะไรไหม
พอเห็นเขาตอบแบบฉะฉาน ไอ้ธันวาก็ทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่แล้วไงล่ะ ถึงมันไม่เชื่อ เขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว อาหารมาแล้ว มึงอยากหรี่ตามองก็เชิญมองต่อไป แต่กูหิวแล้ว กูจะแดกข้าว!
แต่คิดไม่ถึงว่า... พอกินเข้าไปจริงๆ ความอยากอาหารของเขาดันลดลง เขาคิดถึงเสี่ย... แต่ก็ไม่อยากทำตัวน่าสมเพช เพราะงั้นเขาเลยเน้นกินแบบจ้วงกลืนๆ กินไปหมดครึ่งจานแต่ก็ยังไม่ค่อยรู้รส มีแต่แกงเห็ดเผาะนี่แหละที่วันนี้ไม่รู้แกงมันเผ็ดขึ้นหรือไงไม่รู้ ปกติกินได้ แต่วันนี้เผ็ดจี๊ด กินไปน้ำตาไหลไป ใครเอาน้ำมาเสิร์ฟทีดิ๊ กูเผ็ด!
"......กูว่ามึงเลิกแดกเถอะ กูสมเพช" เออ กูก็สมเพชตัวเองเหมือนกัน
เขาวางช้อนลง เตรียมเอากระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา แต่กลัวแต๋วแตกเลยเอากระดาษหลายแผ่นมาทบๆ กัน แล้วโป๊ะตาแ_่งเลย ถ้าเอามาค่อยๆ ซับเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าตุ๊ด แปะมันทั้งแผ่นนี่แหละง่ายดี ซับน้ำตาได้เยอะด้วย
เชรี่ย....
ไอ้ธันวาอุทานอีกรอบ คราวนี้มันคงอยากทำเป็นไม่รู้จักเขาแล้วแน่แล้ว แต่ก่อนที่มึงจะเนียนหนีออกไป โปรดวางกระเป๋าตังค์มึงไว้ด้วย วันนี้กูหมดงบ จ่ายค่าบัตรรถไฟฟ้าไปหมดแล้ว กระเป๋าตังค์ก็ไม่ได้เอามา ไอโฟนก็นอนหลับสนิทอยู่ที่ห้อง เอามาแต่คีย์การ์ดกับกุญแจ เพราะงั้นมึงจะหนีก็หนีไป แต่ต้องจ่ายเงินให้กูก่อนด้วย
“ มึงนี่มัน...” มึงมันทำไม
ธันวาอ้าปากค้าง กลอกตา มันคงไม่รู้ว่าจะด่าเขาว่าทุเรศดี หรือน่าสมเพชดี แต่พอมันเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีจะหยุดร้อง มันก็หุบปากลง เปลี่ยนฝั่งมานั่งฝั่งเดียวกับเขา เอากระดาษทิชชู่หนาสามมิล.ออก ดึงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาแล้วช่วยซับน้ำตาให้ ปลอบใจเขาด้วยการเล่าเรื่องตำนานรักดอกเหมย* ของมันตั้งแต่สมัยอนุบาลยันมอ.ต้น บอกว่าเปิดซิงครั้งแรกตั้งแต่ตอนอายุ 15 อกหักมาแล้วสิบแปดรอบ
ถุยยย.. ตอนอายุ 15 กูยังเล่นไพ่ยูกิโออยู่เลยเถอะ กูไม่อยากจะโม้
แต่ก็เพราะได้ฟังมันเล่าเรื่องไร้สาระนี่แหละเขาถึงรู้สึกดีขึ้น ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากร้องไห้ ไม่ได้อยากคิดมาก แต่พอมาเจอกับเพื่อนเก่า บ่อน้ำตาเขาก็เกิดแตกขึ้นมา มันคงเหมือนกับว่าเราเจอคนที่สามารถวางใจได้ คนที่ไม่มีทางหักหลังความรู้สึกเราได้แน่ๆ ถึงคนๆ นั้น... เขากับมันจะไม่สนิทกันมากก็ตาม แต่คำว่าเพื่อนกับมิตรภาพ มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
" ความจริงกูอยากชวนมึงไปทำงานที่บริษัทว่ะ"
ไอ้ธันวามันบอกตอนที่เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว มันหยุดพูดเล่นแล้วเปลี่ยนท่าทางมาเป็นจริงจัง สลับกับบ่นเรื่องตัวเอง มันบอกว่ามันทำงานหนักมาก ตอนนี้มันเองก็กำลังเรียนเรื่องบริหารธุรกิจต่อจากพ่อ ถึงจะยังไม่ได้ขึ้นตำแหน่งผู้ช่วยหรือเป็นท่านรองประธาน แต่ซักวันพ่อมันก็ต้องยกตำแหน่งให้ ช่วงนี้มันเลยถูกพ่อเคี้ยวเข็ญอย่างหนัก แถมตอนนี้มันก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น มีสิทธิ์ออกเสียงในฐานะกรรมการบริหารคนหนึ่ง มีสิทธิ์ช่วยกำหนดนโยบายและวางแนวทางการเคลื่อนไหวในอนาคต ดังนั้นมันที่เพิ่งเรียนจบมาจึงได้ฤกษ์ทำงานแบบจริงๆ จังๆ เสียที มันบ่นกระปอดกระแปดว่าเหนื่อยมาก ตัวจะขาดแล้ว พวกหัวเก่าๆ ในบริษัทก็จ้องแต่จะเล่นงานถากถาง มันเลยอยากหาผู้ช่วยที่พอจะช่วยเหลือมันได้
" ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงไปเรียกต่อเมืองนอก เห็นข่าวเงียบไปเลย แต่เจอมึงก็ดีแล้ว มึงอยากเปลี่ยนงานไหมวะ เงินเดือนอาจจะยังไม่เยอะ แต่ตอนนี้มึงมาเป็นผู้ช่วยกูไปก่อน พอกูได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร หรือถ้าพ่อกูใจป้ำให้เป็นรองประธาน มึงค่อยเลื่อนตำแหน่งตามกูมาด้วย จะเป็นผู้ช่วยหรือเลขาส่วนตัวกูก็ได้
กูเชื่อมือมึงเพราะเห็นมาจากที่ฝึกงานแล้วว่ามึงทำได้แน่ๆ ไหนๆ มึงก็อกหักแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานบ้างหน่อยเป็นไง ถึงเงินเดือนจะยังไม่เยอะแต่อนาคตก็ไปได้ไกลกว่าการเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ นะ เดี๋ยวกูแถมโบนัสให้ด้วย" มันว่าด้วยมาดของของเพื่อนซี้ หลังพิงผนัก มือโอบไหล่เขากระซิบกระซาบบอกข้อเสนอ นี่ถ้าคนอื่นมาเห็นคงนึกว่ามึงกำลังกล่อมกูให้ช่วยขนปืนเถื่อนไม่ได้มาชวนไปสมัครงาน โปรดดูหนังหน้ากูด้วย
ถุยยย มันใช่ที่ไหนกันเล่า! ไอ้ธันว่ามันก็แค่เอาตัวมาแนบสนิทกับเขาไปนิด กระซิบกระซาบไปหน่อย ทำตัวเหมือนสนิทกันมาซักสามชาติ แต่เขาก็เข้าใจอารมณ์ของธันวาที่อยากสกินชิพ ของแบบนี้ถ้าอยากล่อใจคน มันต้องเพิ่มความสนิทสนมให้ผู้ที่จะจ้าง มันต้องสร้างความมั่นใจ สร้างความเป็นกันเองให้ดูน่าเชื่อถือและดูไว้ใจได้
เขาเองพอได้ฟังข้อเสนอของไอ้ธันวาแล้ว เขาก็นิ่งคิด สิ่งที่ไอ้ธันวาบอกมาถือว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมาก ถึงเขาจะไม่ได้อยากเกาะเพื่อนกิน หรือเลื่อนตำแหน่งทางลัด แต่สิ่งที่มันเสนอมาก็ยั่วยวนใจเขาสุดๆ ถ้าเป็นแต่ก่อน... ก่อนที่เขาจะเลิกกับเสี่ย เขาอาจยังลังเลอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้เขาควรเลือกหนทางที่มีแต่ความเจริญก้าวหน้า เขาไม่ควรหยุดอยู่กับที่ เรื่องของเขากับเสี่ย... มันควรเป็นแค่สิ่งดีๆ ที่เขาควรเก็บไว้ ไม่ใช่ยึดติดและหยุดอยู่กับมัน โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเขา แต่เป็นเราที่ต้องเดินไปกับกระแสของโลก และถ้าหากหยุด... ก็เท่ากับว่าเขาตายไปแล้ว เขาไม่มีทางทิ้งชีวิตที่แม่รัก ที่ลุงเอ็นดู ที่เสี่ย....เคยเอาอกเอาใจเขามาอยู่ซักพัก
คิดถึงเสี่ยอีกแล้ว... คิดแล้วบ่อน้ำตาก็ทำท่าจะทะลัก เขาไม่ได้อยากจะร้องไห้หรอกนะ แต่มันเฮิร์ต ถึงบางครั้งจะมีเรื่องดีๆ ปะปนมา แต่ความเศร้าก็ทำให้เขากลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ได้แต่เอากระดาษแผ่นใหม่มาโป๊ะตาอีกหนึ่งรอบ
เชรี่ย...
รอบที่สามของวัน นี่ถ้ามีอีกที กูจะไปวิ่งเล่นอยู่ที่สวนลุมแล้วนะ จะไปหาพวก ครบสี่ขาพอดี
ฮ่วย! ไม่ใช้เห้! ไอ้นี่ก็ยังเล่นมุก! แถมพอไม่มีคนตัดมุก เขาก็ชงเองตัดมุกเอง น่าอนาถจริงกู อกหักยังไม่พอ ยังปัญญาอ่อนเพิ่มด้วย
" เฮ้ยๆๆๆๆ อย่าเป่าปี่ กูอายคนอื่นเขา" เขา เค้า ภาษาไทยออกเสียงง่ายแต่เขียนยาก ไปออกเสียงตามรูปประโยคเอาเอง เขาไม่สนใจล่ะ คว้าผ้าเช็ดหน้าจากมือไอ้ธันมาเช็ดๆๆ
....เพิ่งสังเกตหลังจากเช็ดน้ำตาเสร็จว่า ผ้าเช็ดหน้าที่ไอ้ธันวาใช้ยี่ห้อเดียว สีเดียวกับที่เสี่ยเลยเว้ย ถึงจะคนละลายแต่... ไอ้เพื่อนเลว ไอ้เพื่อนทรยศ! มึงตอกย้ำกู! ไอ้เพื่อนชั่ว!
โฮๆๆ ไอ้ธันวาที่เห็นเขาไม่ยอมเลิกเศร้าง่ายๆ เลยเรียกเก็บโต๊ะ ลากเขาออกจากร้านอาหารไปที่ผับตั้งแต่หัวรุ่ง ใช้สิทธิและเส้นขาใหญ่สั่งให้เปิดเหล้าตั้งแต่ก่อนเที่ยงวัน เขาที่อยากเอาเหล้าดับทุกข์ก็จ้องน้ำเมา ก่อนท่องศีลห้า วันนี้ผิดศีลมาแล้วสองข้อ ขอเพิ่มอีกข้อแล้วกัน ไหนๆ ก็ผิดมาแล้วทั้งกาเม มุสา เพิ่มกินเหล้าเข้ามาอีกอย่าง ก็เหลือแต่ขโมยของกับฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
เห็นแมลงวันบินผ่านมาแวบๆ ทางหางตาพอดี เขาเลยจัดการสำเร็จโทษมันซะเลย แล้วไหนๆ ก็ผิดศีลครบสี่ข้อแล้ว เหลืออีกหนึ่งข้อ เขาที่เริ่มเมาเลยเกาะคอธันวาขอขโมยเงินด้วย
ไอ้ธันวาที่เห็นเขาเมาปลิ้นก็ได้แต่ส่ายหน้า สั่งเด็กให้เสิร์ฟเหล้าแบบอาบน้ำ เขาที่เมาได้เต็มที่ เลยเอะอะโวยวายเสียงดังหนักมาก แถมแหกปากบอกชาวบ้านว่าต่อไปจะมีชู้ ยังดีที่ผับเพิ่งเปิดแถมยังเป็นอยู่ในช่วงเที่ยงคนเลยไม่เยอะ ไอ้ธันวาเลยปล่อยให้เขาปากหมาต่อไป เต้นบ้าต่อไปไม่มีห้าม
ในตอนที่เหล้าหมดไปอีกหนึ่งกลม เขาก็เริ่มคิดถึงเสี่ยแล้วเริ่มเพ้อว่าอยากกลับห้อง เขาไม่อยากอยู่คนเดียวในที่แบบนี้ อยากกลับไปอยู่ในห้องที่เสี่ยเคยนอน อยากให้มีคนอยู่ข้างๆ อยากให้มีคนมาโอ๋เอาใจ ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว
เขาที่เมาแอ๋หมดสภาพ กลับมาถึงห้องอีกทีเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าไอ้ธันวามันมาส่งถึงห้อง จากนั้นมันก็ถีบหัวส่ง ปล่อยเขาให้นอนเพ้อต่ออยู่บนเตียง ตื่นมาอีกทีก็ตอนพระอาทิตย์ตกพร้อมกับอาการปวดหัวจี๊ด คลานลงจากเตียงไปถึงห้องน้ำได้ก็เอาแต่อ้วก อ้วกเสร็จก็กลับมานอนต่อทั้งที่แก้ผ้า เรียกว่าอุบาทว์สุดๆ เสื้อผ้าก็สกปรกเลอะเทอะจนต้องกองทิ้งไว้อยู่ในห้องน้ำ ยังดีที่เตียงยังสะอาด เขาเลยไถตัวลงกับเตียงทั้งที่ไม่ใส่เแม้แต่กางเกงลิง
สลบยาว ตื่นเช้ามาอีกที เขาก็จับไข้เพราะเ_ือกนอนแก้ผ้า ยังดีที่ไม่เป็นหนักมาก แค่ตัวรุมๆ เขาเลยค้นๆ ในห้องครัว เจอพาราหนึ่งกระปุกก็เทออกมากินสองเม็ด ความจริงอยากกินสามเม็ดแต่เพิ่งทรมานตับไปหมาดๆ เลยต้องยั้งมือไว้ แถมจะไปกินยาแก้ปวดไอบูโพรเฟ่นที่ออกฤทธิ์แรงกว่าก็สงสารไตกับกระเพาะ วันนี้ยังไม่ได้กินข้าวรองท้องเลยไม่อยากถูกยากัดกระเพาะอาหารจนเป็นรูอีกรอบ
กินเหล้านี่มีแต่ปัญหาจริงโว้ย คราวหลังไม่กินมันแล้ว สุราเมรยะ นี่ห้ามขาด ต่อไปกูจะไม่กินเหล้าดับทุกข์อีกแล้ว!
ตำนานรักดอกเหมย* ซีรีย์จีนที่ฉายทางช่อง 3 อสมท. ออกอากาศครั้งแรกช่วงปี 2536 มีหลากหลายเรื่อง เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ออกแนวเศร้า ซึ้งกินใจ
>>ยังสงสารพระแพงต่อไป
>>> มีคนถามถึงนิยายเรื่องเก่า(หลอกล่อสำเร็จ) เป็นนิยายที่ลงเรื่องแรกเลย ภาษาอาจจะไม่ดีมาก(ตอนนี้ก็ไม่ดี 555 แต่ก็ไม่อยากทิ้งน้องเลยขอฝาก น้องพีกับพี่เพ้นท์ ไว้ในอ้อมอกหน่อยนะคะ >>>
[sweety]//~รักนี้...ไม่ปล่อยให้หลุดมือ~ ในห้องนิยายที่แต่งไม่จบงับ><