ตอนที่ 10
Forbidden fruit is sweetest
GoodLuck: ขอบคุณสำหรับร่มนะครับ
Wishmeluck: ด้วยความยินดี
Wishmeluck: อย่าลืมสระผมคืนนี้นะคะ
GoodLuck: วันนี้คุณเปียกฝนหรือเปล่าครับ
Wishmeluck: ไม่ค่ะ
Wishmeluck: มีคนใจดีช่วยไว้น่ะค่ะ
GoodLuck: ใครเหรอคับ
Wishmeluck: ลองทายดูสิคะ
GoodLuck: ยากจังครับ ผมยังไม่รู้ว่าคุณคือใครเลย
GoodLuck: ให้ทายว่าใครช่วยคุณยิ่งยากใหญ่
Wishmeluck: ใบ้ให้มั้ยคะ
Wishmeluck: อยู่ใกล้ๆตัวคุณแหละค่ะ
GoodLuck: ขอบคุณสำหรับคำใบ้ครับ
GoodLuck: ช่วยได้มากเลย =3=
Wishmeluck: 55555
Wishmeluck: รู้ก่อนก็ไม่สนุกสิ
ลักษณ์อ่านประโยคนั้นแล้วถอนหายใจเฮือก บัดดี้ของเขาจะต้องเป็นผู้หญิงสักคนในภาค ใครนะที่หาญกล้าถึงกับแอดไลน์เขามา
เด็กหนุ่มลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อน ทิ้งโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนเตียงอย่างนั้น ครู่ใหญ่เขาก็กลับออกมาในชุดนอนเรียบร้อย เดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือเหมือนเคย เปิดชีทเลคเชอร์ขึ้นอ่านทบทวน
ช่วงนี้เขาต้องขยันขึ้นอีกนิด เพราะเผลอเหม่อในห้องเรียนมากไปหน่อยเลยตามเนื้อหาไม่ค่อยทันเอาเสียเลย แถมสมาธิก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว
มันเอาแต่ลอยไปหาใครบางคน...
ป่านนี้มันจะกลับบ้านหรือยังวะ หรือว่ามัวแต่โม้กับสาวเพลินอยู่...เขาถอนหายใจอีกรอบ ระบายความรู้สึกหนักๆในอกทว่ามันกลับไม่ลดลงเลย
มัน..จูบเขา หายหัวไปเกือบอาทิตย์ แล้วก็กลับมาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ?
แล้วความรู้สึกของเพื่อนที่เสียไปอย่างเขาล่ะ มันไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยหรือไง
แล้วเขาคาดหวังให้มันรับผิดชอบอะไรล่ะ? จู่ๆคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาจากซอกเล็กๆมืดๆของหัวใจ ลักษณ์ขมวดคิ้ว...เปล่าสักหน่อย เขาได้ยินตัวเองพูดเสียงดังกลับไป
เขาไม่ได้หวังจะให้ไอ้ไวน์มารับผิดชอบอะไรกับจูบของมันทั้งนั้น แค่ปล่อยไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีแล้วนี่ แล้วมันจะกลับไปจีบสาวหรือจีบใครก็เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับเขา
จะไปดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว จับมือ กอด หรือแม้แต่จูบใครอีก ก็เรื่องของมันเลย
เขาไม่สนสักนิด
ลักษณ์ปิดหนังสือลง เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าไปยังหน้าสนทนาของคุณบัดดี้เพื่อนใหม่ที่อยู่บนสุดอีกครั้ง ไม่สนใจชื่อของอดีตเพื่อนสนิทที่อยู่ถัดลงมา
GoodLuck: นอนหรือยังครับ
Wishmeluck: ยังค่ะ
อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับเปิดหน้าจอทิ้งเอาไว้ ลักษณ์เม้มปากครุ่นคิดหาประโยคสนทนาที่จะพาเขาเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้นอีกนิด
GoodLuck: คุณทำการบ้านเคมีวันนี้เสร็จแล้วหรือยังครับ
Wishmeluck: ถามแบบนี้ มีนัยยะอะไรหรือเปล่าคะ
GoodLuck: เปล่า ผมแค่เป็นห่วงคุณเฉยๆ
GoodLuck: กลัวคุณลืมทำ
Wishmeluck: น่ารักจัง
Wishmeluck: น่ารักแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่าคะ
GoodLuck: แล้วคุณชมแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่าครับ
Wishmeluck: ไม่ค่ะ เฉพาะบางคน
GoodLuck: ผมก็เหมือนกัน
Wishmeluck: คุณต้องจีบผู้หญิงเก่งแน่ๆ
GoodLuck: คุณทายผิดครับ
GoodLuck: ผมมีไร่แห้วเป็นของตัวเองเกือบร้อยไร่เลย
Wishmeluck: 55555อะไรกัน
Wishmeluck: ทำไมเป็นงั้นล่ะ
GoodLuck: เพราะไม่มีใครเห็นผมน่ารักเหมือนคุณมั้งครับ
Wishmeluck: โธ่ ไม่ร้องนะคะ555
GoodLuck: ไม่ร้องหรอกครับ ชินแล้ว
Wishmeluck: (ส่งสติกเกอร์ปลอบใจ)
Wishmeluck: ฉันก็ซดน้ำใบบัวบกประจำค่ะ
GoodLuck: ฮ่าๆ ทำไมล่ะครับ
Wishmeluck: เพราะฉันหน้าตาดีเกินไปมั้ง
Wishmeluck: คนที่ฉันชอบก็เลยไม่ชอบฉัน
GoodLuck: คุณประชดหรืออะไรครับเนี่ย
GoodLuck: มีด้วยหรือครับคนที่ไม่ชอบคนสวย
Wishmeluck: ไม่ใช่ทุกคนจะชอบคนที่หน้าตานี่คะ
Wishmeluck: ว่าแต่คุณมั่นใจได้ยังไงว่าฉันสวย
GoodLuck: ก็คุณบอกเองนี่ครับว่าคุณหน้าตาดี
Wishmeluck: แล้วคุณก็เชื่อหรือคะ
GoodLuck: คุณมีเหตุผลอะไรจะต้องหลอกผมล่ะ
Wishmeluck: อาจจะมี
GoodLuck: 5555คนอย่างผมมีอะไรให้คุณอยากหลอกหรอครับ
Wishmeluck: คุณไม่รู้หรอคะ คนอย่างคุณน่าหลอกจะตาย
GoodLuck: คุณเลยแอดไลน์ผมมาใช่มั้ย
Wishmeluck: อิอิ
เขายิ้มกว้างออกมา บัดดี้ของเขาดูท่าจะเป็นสาวอารมณ์ดีไม่น้อย ความจริงแล้วเขาก็ยังรู้จักเพื่อนไม่ครบทั้งคณะฯเท่าไหร่ พรุ่งนี้คงต้องไปแอบถามพวกแซมดูหน่อยแล้วว่าคณะเรามีใครที่ดูจะเข้าเค้าบ้าง
แต่จากความรู้สึกของเขาแล้ว ลักษณ์คิดว่าเธอน่าจะน่ารักมากทีเดียว
คืนนั้นเขาคุยกับเธอเรื่อยเปื่อยจนเกือบเที่ยงคืน จึงได้บอกราตรีสวัสดิ์แล้วแยกย้ายกันเข้านอนเพื่อไปเรียนวันรุ่งขึ้น ลักษณ์มาถึงชั้นเรียนก่อนเวลาเล็กน้อย เขานั่งสังเกตเพื่อนผู้หญิงแต่ละคนในคณะที่เดินเข้ามาภายในห้องเรียนเงียบๆ
Wishmeluck: ตั้งใจเรียนนะ
Wishmeluck: อย่ากดปากกาเล่นด้วย เด๋วโดนอ.ดุ
ลักษณ์ขมวดคิ้ว อ่านทวนข้อความที่เด้งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นกวาดตามองไปรอบๆห้องเลคเชอร์ที่มีเพื่อนๆร่วมคณะฯนั่งกันอยู่เต็ม หลายคนกำลังกดโทรศัพท์มือถือเล่นอยู่
แล้วเขาจะรู้มั้ยเนี่ยว่าเธอคือใคร....เขาใช้คำว่าเธอ เพราะบัดดี้ของเขาใช้คำว่า คะ ค่ะ ทุกประโยค แถมสำนวนก็ดูอ่อนหวาน ไม่โผงผางดุดัน แม้หลายครั้งจะฟังดูกวนๆไปบ้างแต่คงไม่มีผู้ชายที่ไหนที่จะลงทุนใช้คะขากับเขา
มันก็เป็นแค่เกมที่เล่นกันสนุกๆ ไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น ...ไม่ใช่หรือ
“แต้งกิ้วมากนะไอ้ลักษณ์ ซาลาเปาอร่อยมาก” เต้เอียงตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเขา เมื่อเช้าลักษณ์เพิ่งแวะซื้อซาลาเปาเจ้าอร่อยที่ชอบมาขายแถวหน้าบ้านเขามาฝากเต้...บัดดี้ที่เขามีหน้าที่ต้องเทคแคร์มันไปอีกเป็นเดือน
“เออ...มึงรู้แล้วแบบนี้ไม่สนุกเลยว่ะ” ลักษณ์ยังคงบ่นคำเดิม
“งั้นเดี๋ยวกูจะทำเหมือนไม่รู้แล้วกัน ดีมั้ย” ไอ้เต้ตอบกลับมาแล้วยิ้มกว้าง “ถึงคุณบัดดี้ของผมครับ คราวหน้าผมขอไส้หมูแดงบ้างนะครับ อยากรู้ว่าจะอร่อยเหมือนไส้ครีมมั้ย” เพื่อนของเขาแกล้งพูดดังๆ
“ถึงบัดดี้ของผมบ้างครับ คราวที่แล้วเกี๊ยวซ่าของคุณอร่อยมากเลย ผมอยากกินอีกจังครับ” เบียร์ที่นั่งอยู่ติดกันพูดขึ้นมาบ้าง เพื่อนร่วมคณะฯหัวเราะแล้วต่างพูดถึงบัดดี้ของตัวเองเสียงดังๆ เท่าที่ฟังแล้วส่วนใหญ่มักจะหนักไปทางของกินเสียมาก ไม่ค่อยมีของใช้เท่าไหร่
อย่างเขาที่เคยได้ร่มจากบัดดี้ และตอนนี้ร่มคันนั้นก็ยังสถิตอยู่ในกระเป๋าเป้ข้างตัวนั้น นับว่าเป็นของเทคที่แหวกแนวกว่าคนอื่นทีเดียว
GoodLuck: วันนี้ไม่มีบ๊วยคืนชีพหรอครับ
GoodLuck: ผมอยากได้อะไรเปรี้ยวๆจัง จะได้ตื่น
Wishmeluck: ซื้อไม่ทันค่ะ TT
Wishmeluck: ขอแก้ตัววันหลังนะคะ
GoodLuck: แปลว่าวันนี้คุณมาสาย?
Wishmeluck: นิดหน่อยค่ะ
“เห้ยมึง เมื่อกี้ใครเข้าห้องเราสายบ้างวะ” เขาหันไปถามเพื่อนร่วมกลุ่มที่นั่งเรียงกันรอบโต๊ะแล็บ แซมมองเขาอย่างสงสัย
“ถามทำไมวะ”
“อยากรู้เฉยๆ” ลักษณ์ตอบ
“ก็เห็นมีโต๊ะนั้นทั้งกลุ่มอ่ะ ที่เข้ามาหลังสุด” แซมพยักพเยิดไปทางด้านหลังของโต๊ะเขา เยื้องไปทางซ้ายมือหน่อยนึง ลักษณ์แอบเหลียวไปมอง
เป็นผู้หญิงล้วนทั้งโต๊ะ แต่ล่ะคนหน้าตาท่าทางค่อนไปทางเรียบร้อยเป็นส่วนมาก สี่คนในหกคนสวมแว่นตา และเกือบทุกคนมัดผมหางม้ายกเว้นคนเดียวที่ปล่อยผมยาวระต้นคอ
ไม่มีใครดูท่าจะเข้าเค้าเหมือนคุณ Wishmeluck ที่เขาคิดเอาไว้เลย กวาดสายตามองไปปะทะเข้ากับลูกตาเรียวยาวใต้กรอบแว่นของสาวคนหนึ่งในโต๊ะนั้นเข้า เธอคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองตรงมาที่เขาพอดี
ลักษณ์จำอีกฝ่ายได้ทันที...ผู้หญิงที่ผมยาวระต้นคอ เธอคือคนที่เอาร่มมาให้เขาเมื่อวานนั่นเอง
“คนนั้นชื่ออะไร” เขากระซิบถามเพื่อน แซมหันไปมองบ้าง “คนที่สามจากซ้าย เกือบริมสุด ปล่อยผมยาว”
“อ๋อ ชื่อวิป มาจากโรงเรียนเดียวกับกูเอง”
วิปงั้นเหรอ...อืม เป็นไปได้มั้ยว่าบัดดี้ของเขาจะเป็นเธอเอง
“มึงถามทำไมวะ สนใจ?”
“อืม” ลักษณ์รับคำในลำคออย่างใจลอย เขาหันไปฟังอาจารย์สอนต่อ พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
เก็บเอาไว้ได้ไม่นาน พอถึงเวลาพักกินข้าว เขาก็ต้องเล่าออกไปหมด เพราะโดนเพื่อนเซ้าซี้ถาม ทั้งเรื่องที่บัดดี้แอดไลน์มาหาเขา ทั้งเรื่องที่เขาสงสัยว่าบัดดี้จะเป็นใครสักคนในกลุ่มนั้น โดยเฉพาะคนที่ชื่อวิป
“วิปหรอวะ ก็ฟังดูเป็นไปได้นะ แต่ไม่เห็นบัดดี้แอดกูมาคุยแบบมึงบ้างเลย” เบียร์พูดขึ้น น้ำเสียงอิจฉาเล็กน้อย
“นั่นดิ กูว่าแปลกๆว่ะ เค้าอยากคุยกับมึงเป็นการส่วนตัวรึเปล่าเลยเอาเรื่องบัดดี้มาอ้าง” เต้พูดขึ้นบ้าง ยกมือขึ้นลูบปลายคางที่มีหนวดหรอมแหรม
“น่าคิดนะ แต่สาวๆกลุ่มนั้นดูไม่น่าจะเป็นพวกที่แอดไลน์ผู้ชายไปคุยก่อนได้เลยนะ” เบียร์ตั้งข้อสังเกต
“นั่นแหละ เลยทำให้สาวๆกลุ่มนั้นน่าสงสัยที่สุดไง เพราะพวกเธอดูเรียบร้อย ก็เลยต้องเอาเรื่องบัดดี้มาบังหน้า เพื่อหาทางคุยกับมึง ไอ้ลักษณ์ เห็นแบบนี้ก็ฮอตไม่ใช่เล่นนะเนี่ย” แซมยกมือขึ้นตบไหล่เขาแรงๆจนหน้าแทบคะมำ
“ถ้าเป็นวิปจริงๆก็น่าสนนะมึง น่ารักใช้ได้เลย เคยถือป้ายงานกีฬาสีที่โรงเรียนเก่ากู นิสัยก็โอเคมั้ง เรียนโคตรเก่งด้วย”
“อาจจะไม่ใช่ก็ได้” ลักษณ์พึมพำ
พวกเขาเดินมาถึงโรงอาหารพอดี แม้จะเบื่อแสนเบื่อแต่ก็มีเรียนต่อคาบบ่ายเลยไม่สามารถออกไปกินที่ไหนไกลๆได้ ตามร้านอาหารหน้ามหาลัยก็คนเยอะจนไม่มีที่นั่งแน่ๆ ยิ่งเวลาเที่ยงที่ทุกคณะฯเลิกเรียนพร้อมกันแบบนี้ด้วยแล้ว
เขาเดินไปหยุดซื้อข้าวที่หน้าร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำ
“กะเพราะหมูกรอบ ไข่ดาวไม่สุกครับ”
“เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว ไข่ดาวไม่สุกครับ” เสียงห้าวๆดังขึ้นข้างตัว ไม่ต้องหันไปมองลักษณ์ก็รู้ว่าคือใคร เขาขยับตัวห่างออกมาเล็กน้อยโดยไม่ตั้งใจ
“กินอย่างเดิมไม่เบื่อบ้างหรอ” ไวน์พูดขึ้นลอยๆ
“แล้ว..ไม่เบื่อหรือไง” ลักษณ์ย้อนทันควัน ไม่ยอมเอ่ยชื่ออีกฝ่าย
“ของชอบ ไม่มีคำว่าเบื่อหรอก” นักศึกษาแพทย์ตอบกลับมา เอื้อมมือไปรับจานอาหารที่ได้ไวอย่างเหลือเชื่อมาถือเอาไว้ ลักษณ์จุ๊ปากรู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรมบางอย่างที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานๆของน้องคนขายตอนที่ส่งจานให้ไอ้คนตัวสูงข้างๆ
ไวน์ตักน้ำตาลขึ้นมาพูนช้อนแล้วเทออก แล้วก็ตักใหม่อยู่นานจนคนที่รอต่อคิวอยู่นั้นเริ่มมอง มันเลยหันมาทางเขาแล้วส่งจานผัดซีอิ้วนั่นให้หน้าตาเฉย
“ปรุงให้หน่อย กะไม่ถูก”
ลักษณ์อยากจะทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกัน แต่ติดตรงที่เกรงใจสายตาของเหล่าคนที่มองมาอย่างหิวโหยนั้นแล้ว เขารับจานมาปรุงให้อย่างจำใจ ตักน้ำตาล พริก เติมน้ำปลาน้ำส้มนิดหน่อยก็ได้ที่ ยื่นจานใบนั้นส่งคืนกลับไปให้อีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไรสักคำ แล้วจึงค่อยหยิบจานของตัวเองหันหลังกลับไปนั่งที่โต๊ะ
ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมองตามหลังเขาไปด้วยสายตาเช่นไร
“ไม่อร่อยเหรอมึง นั่งเขี่ยอยู่นั่น” แซมทักหลังจากที่เขานั่งเขี่ยใบกะเพราออกวางไว้ขอบจานทีละใบ “วันหลังถ้าจะกินแต่หมูกรอบก็สั่งหมูกรอบผัดพริกเลยสิ ได้ไม่ต้องมานั่งเขี่ยใบพวกนี้ออก”
“กูอยากได้กลิ่นกะเพราหอมๆ แต่ไม่อยากกินมัน มึงไม่เข้าใจหรอก” ลักษณ์ตอบ ...มีคนนึงที่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะมันเองก็ชอบสั่งคะน้าหมูกรอบ เพื่อกินแต่หมูกรอบกับยอดผักบางชิ้นเท่านั้นเหมือนกัน...
“เออ กูไม่เข้าใจหรอก ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมดาวต้องคู่กับเดือนด้วยวะ” ไอ้แซมเปลี่ยนเรื่อง มันยักคิ้วไปทางโต๊ะทางขวาถัดไปอีกสองโต๊ะที่มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งทานข้าวกันอยู่
ผู้หญิงมีใบหน้าสวยหวานพริ้งเพราสมตำแห่งดาวคณะฯ เช่นเดียวกับผู้ชายที่มีใบหน้าเข้มคมและมีรอยยิ้มที่ทำให้สาวๆใจสั่นได้...เดือนคณะฯแพทย์
“งี้แหละมึง ไอ้ลักษณ์มึงไม่ต้องเครียดหรอก” เต้ยกมือขึ้นตบไปที่ไหล่ของเขาเป็นการปลอบใจ ลักษณ์สะดุ้ง เขาหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างระแวง...เต้รู้อะไรงั้นหรือ?
“พอเพื่อนมีแฟน มันก็ทิ้งเพื่อนอย่างนี้แหละ เดี๋ยวพอสาวทิ้งมันเมื่อไหร่ มันก็กลับมาเอง ฮ่าๆ” เต้พูดต่อแล้วหัวเราะลงลูกคอ
ลักษณ์หัวเราะตามอย่างฝืดๆ ใครคนหนึ่งเคยพูดประโยคนี้กับเขาเมื่อนานมาแล้ว
“พอมีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนเลยนะไอ้ลักษณ์ กูรอมึงอยู่หน้าโรงเรียนตั้งนาน กลับบ้านก่อนทำไมไม่บอก” ไอ้ไวน์ตามเขามาที่ร้านป้าดาตอนเกือบสองทุ่ม เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหงื่อโชกท่วมตัวทีเดียว คงเพิ่งเลิกเล่นกีฬามาล่ะสิ
“ไปอาบน้ำก่อนไป กูเหม็นเหงื่อ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย” ไวน์พูดอย่างรู้ทัน “วันนี้มึงกับเฟิร์นไปเที่ยวที่ไหนมาตอนเย็น ไม่ยอมบอกกูด้วย”
“ไม่ได้ไปไหนเลย ไปกินไอติมเฉยๆ ก็กูบอกมึงแล้วไงว่าแยกกันกลับ”
“บอกตอนไหน ไม่เห็นได้ยิน”
จะได้ยินได้ยังไงล่ะ ก็เขาไม่ได้บอก หึๆ..ลืมไปเสียสนิทเลย คงจะจริงอย่างที่ไอ้ไวน์พูด พอมีแฟนเข้าหน่อยก็ลืมเพื่อนไปเลย
แฟน...เห้อ คำๆนี้มันทำให้หัวใจคึกคัก มีความสุขเหลือเกิน ถึงเขาจะยังไม่ได้ขอเธอเป็นแฟน แต่การที่เธอยอมไปกินขนมด้วย โทรคุยกันทุกคืนก็น่าจะแปลความหมายได้ไม่ยาก ไม่ใช่หรือ
“เอ้าเหม่ออีก น้ำเต้าหู้กูมันจะระเหยหมดแล้ว ถ้าไม่กินก็เอามานี่ กูกินเอง” ไวน์ทำท่าจะเอื้อมมือมาคว้าแก้วน้ำเต้าหูของเขา แต่เขาก็รีบยกหนีได้ทันเสียก่อน
ยกซดไวไปนิดก็เลยสำลัก กระอักกระไอออกมาร้อนถึงคนซื้อมาฝากต้องมานั่งลูบหลังให้อีก ลักษณ์ยิ้มออกมานิดๆ เขาตักหมูกรอบคำสุดท้ายเข้าปาก ไวน์กับเพลินลุกขึ้นเดินออกไปจากโรงอาหารแล้ว ส่วนเพื่อนๆของเขาก็กินกันเสร็จเรียบร้อย พร้อมสำหรับการเรียนคาบบ่ายที่เป็นคาบรวมทุกคณะฯ
Wishmeluck: อิ่มหรือยังคะ
Wishmeluck: ซื้อเต้าหู้นมสดมาฝากค่ะ
ไลน์เด้งแจ้งเตือนขึ้นพร้อมๆกับที่เขาเดินเข้ามาถึงโต๊ะที่นั่งเรียนประจำ เต้าหูนมสดถ้วยหนึ่งวางเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะ คราวนี้ไม่มีโพสอิทหรืออะไรแปะอยู่ทั้งสิ้น
ลักษณ์หยิบมันขึ้นมาพลิกดู แล้วพิมพ์ตอบกลับข้อความในมือถือ
GoodLuck: ขอบคุณครับ
GoodLuck: ของโปรดผมเลย
Wishmeluck: ดีใจที่ชอบค่ะ
Wishmeluck: แล้วชอบอะไรอีกบ้างคะ ฉันจะได้จดเอาไว้
GoodLuck: ชอบทุกอย่างที่เป็นเต้าหู้ครับ
Wishmeluck: แล้วถ้าขาวเหมือนเต้าหู้นี่ ชอบมั้ยคะ
GoodLuck: 5555หมายถึงอะไรครับนั่น
Wishmeluck: ก็อาหารที่ชอบไงคะ
Wishmeluck: คิดว่าอะไรล่ะ
GoodLuck: 55555ตามนั้นครับ
GoodLuck: แล้วคุณชอบทานเต้าหู้มั้ยครับ
Wishmeluck: ชอบกินเต้าหู้ยี้กับข้าวต้ม
GoodLuck: เหมือนเพื่อนผมเลย
GoodLuck: แต่เป็นอาหารเต้าหู้อย่างเดียวที่ผมไม่ชอบ
Wishmeluck: อ้าวทำไมละ อร่อยออก
ลักษณ์ยังไม่ทันได้พิมพ์ตอบ อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องพอดี เขานั่งฟังอาจารย์อธิบายอยู่พักใหญ่จึงจะเข้าใจว่าวิชานี้เขาจะต้องถูกจับกลุ่มกับเพื่อนต่างคณะฯเพื่อนทำโครงการอะไรสักอย่างขึ้นมาเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคม ไม่ก็สร้างสรรค์จรรโลงส่งเสริมฯลฯ ตามที่อาจารย์ท่านได้พร่ำพรรณนามาเกือบชั่วโมง
“โอย นี่กูต้องไปอยู่กลุ่มไหนวะเนี่ย” เต้พึมพำ ทุกคนต่างมีท่าทางกังวลไม่น้อย แค่เพื่อนในคณะยังไม่สนิทกันเลย นี่ต้องทำงานร่วมกับคณะอื่นอีก
ตอนท้ายคาบ อาจารย์ก็แจกรายชื่อของแต่ล่ะกลุ่มให้ ลักษณ์กวาดตามองชื่อของคนในกลุ่มของเขาแล้วอยากจะร้องออกมาดังๆด้วยความเซ็ง
ศตวรรษ....ชื่อแรกเลยครับ
กลุ่มของเขามีสิบสามคน คละคณะฯกันคณะล่ะคนสองคน เภสัชมีเขากับเพื่อนที่ชื่อวิปนั่นแหละ...โลกโคตรกลมอีกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบหรอกนะอันนี้
จากการลอบสังเกตอยู่นาน เขารู้สึกว่าบางทีวิปอาจจะใช่บัดดี้ของเขาก็ได้ หลายครั้งที่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์บางอย่าง ตรงกับตอนที่คุณบัดดี้ตอบกลับมาพอดี
หน้าตาของเธอก็น่ารักไม่ใช่เล่น นับว่าเป็นสาวแว่นที่มีเสน่ห์มากทีเดียว
“เดี๋ยวเราเลือกประธานกลุ่มกันก่อน เสนอใครบ้าง” เกือบทุกคนเลือกหมอไวน์ ซึ่งเป็นหมออยู่คนเดียวในกลุ่มเป็นประธานคณะฯ ทำให้ไวน์ชนะไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
ใบหน้าคมเข้มขมวดมุ่นเล็กน้อยอย่างที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ชอบตำแหน่งนี้เลยสักนิด ไวน์ไม่อยากได้ตำแหน่งหัวหน้าอะไรพวกนี้ แต่ถ้าให้ช่วยงานล่ะก็ได้ทุกอย่าง....เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว ยิ่งตอนงานกีฬาสีนะ มันปฏิเสธลูกเดียวว่าไม่เอาตำแหน่งประธานสี ทั้งที่มันทำงานเยอะยิ่งกว่าทุกคน
“เหลือเลขาฯ ใครจะเป็นเลขาฯ” สาวทันตะพูดเสียงใส หลังจากที่เธอได้เสียงโหวตรองลงมาเลยเป็นรองประธานแทน
“ให้ลักษณ์เป็นเลขาฯแล้วกัน ผมสนิทกับเค้าอยู่แล้วได้ทำงานง่าย” ประธานพูดขึ้นมาเรียบๆ แล้วใครจะกล้าขัดล่ะ ทุกคนก็เห็นดีเห็นงาม เขียนชื่อลักษณ์ใส่ไปในตำแหน่งเลขาฯโดยไม่ถามเจ้าตัวสักคำ
ลักษณ์อ้าปากเตรียมคัดค้าน ทว่ามือใหญ่ๆของคนที่ลุกมานั่งข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็ตบป้าบลงมาที่หลังแรงๆ
“ไม่อยากเป็นเลขาฯใช่มั้ย งั้นให้ลักษณ์เป็นประธานแทน”
คนฟังตาเหลือก หันไปถลึงตาใส่คนข้างๆพลางจุ๊ปากอย่างหงุดหงิด รีบปฏิเสธเพื่อนคนอื่นๆแทบไม่ทัน
“เลือกคนอื่น กูไม่อยากเป็นเลขาฯ”
“แล้วอยากเป็นอะไร” อีกฝ่ายถามกลับมาด้วยเสียงกระซิบให้พอได้ยินกันสองคน
คนฟังขมวดคิ้ว
“อยากอยู่เฉยๆ เป็นลูกทีมธรรมดา”
“ลูกทีมต้องทำตามคำสั่งประธานนะ”
“แล้วเลขาฯไม่ต้องทำตามหรือไง”
“ถ้าเป็นเลขาฯคนนี้ ประธานยอมให้สั่งได้” ไวน์ตอบกลับมา ลักษณ์เผลอย่นจมูก
“ดี สั่งอะไรก็จะทำใช่มั้ย”
“แล้วแต่ว่าจะสั่งอะไร”
“งั้นอย่างแรกก็ช่วยขยับออกไปห่างๆหน่อย ที่เหลือเยอะแยะจะเบียดเข้ามาทำไม” ลักษณ์พูดห้วนๆ เขาเพิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามานั่งจนชิด เบียดเข้าจนเกือบตกจากโซฟา อีกนิดนึงคงได้ปีนขึ้นไปนั่งบนตักมันแทน ทั้งที่เหลือที่ว่างอีกข้างให้นั่งได้อีกประมาณสามคน
“ขอโทษ พอดีพูดเบาเลยไม่ได้ยิน ต้องเข้ามาฟังใกล้ๆ” ไวน์ตอบ แล้วยิ้มใส่ตาเขา...ลักยิ้มมุมปากรับเขี้ยวแหลมๆนั่นทำให้ใบหน้าคมเข้มยามยิ้มดูเด็กลงเหมือนรอยยิ้มของเด็กเฮี้ยวๆสักคน
นักศึกษาแพทย์หนุ่มยอมขยับออกไปแต่โดยดี เขาหันไปพูดกับเพื่อนร่วมกลุ่มถึงหัวข้อที่สนใจจะทำ บางครั้งก็สะกิดเรียกให้ลักษณ์ก้มลงจดหัวข้อที่น่าสนใจใส่สมุดเอาไว้
เวลาล่วงไปอีกเกือบชั่วโมงตอนที่อาจารย์ให้ทุกกลุ่มสรุปงานแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
“ลองไปคิดดูแล้วกัน แล้วคายหน้าเรามาคุยกันอีกทีนะฮะ” ไวน์พูดกับเพื่อนร่วมกลุ่ม แล้วเดินเร็วๆตามหลังออกมาจนทันร่างผอมบางที่เดินสะพายเป้เคียงข้างเด็กสาวอีกคนที่มาจากคณะเดียวกัน
“เราขอไลน์เธอได้มั้ย จะได้คุยงานกันง่ายขึ้น” ได้ยินเสียงลักษณ์พูดขึ้น เขารู้จักลักษณ์มากพอที่จะรู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงสักอย่างนอกเหนือจากการคุยงานที่อ้าง
วิปยิ้ม เธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโปรแกรมไลน์อย่างกระตือรือร้น
ไวน์เดินตามหลังทั้งคู่ออกมาเรื่อยๆ แอบมองพวกเขาแลกเบอร์แลกไลน์กันเสร็จ วิปก็ขอตัวแยกไปอีกทาง เหลือแค่เขาที่เดินตามมาห่างๆ
“จะตามไปถึงบ้านเลยมั้ยล่ะ” จู่ๆคนที่เดินนำหน้าก็หยุดเดิน แล้วพูดเสียงดัง หางเสียงตวัดบอกชัดว่าอารมณ์ไม่ดี...อีกตามเคย
“แล้วให้ไปมั้ยล่ะ” เขาถามกลับไป มองด้านหลังของศีรษะเล็กๆทุยๆนั้นก้มๆเงยๆ ทว่าไม่ยอมหันมาสบตาเขาเหมือนเดิม
“ไม่ให้” ลักษณ์ตอบกลับมาด้วยเสียงเบากว่าทุกครั้งคล้ายคนไม่มั่นใจ
“ขอเหตุผล”
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่ออกเดินไปจนถึงหน้ามหาวิทยาลัย ก็หยุดเดิน
“จริงๆมึงต้องเป็นคนบอกเหตุผลกูไม่ใช่เหรอ” ลักษณ์หันขวับกลับมามองหน้าเขาด้วยแววตาเอาเรื่อง ริมฝีปากเม้มแน่นแทบเป็นเส้นตรง
“แน่ใจเหรอว่าอยากฟัง” เขาได้ยินเสียงตัวเองตอบกลับไป
แววตาของอีกฝ่ายวูบไหวทันที หันหน้าหนีเขา ไวน์ถอนหายใจยาว ขยับจะพูดต่อ ทว่าโทรศัพท์มือถือของลักษณ์กลับสั่นครืดๆ เรียกความสนใจจากคนตรงหน้าได้ทันที
ลักษณ์รีบหยิบมาขึ้นมาเปิดอ่าน แล้วพิมพ์ตอบกลับไป...ทำเหมือนไม่เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าอีก
Wishmeluck: กลับบ้านดีๆนะคะ
Wishmeluck: ถึงแล้วไลน์บอกด้วยน้าา
Wishmeluck: เป็นห่วง
...........................................................................
มาต่อนะคะ ขอบคุณคอมเม้นท์ที่บอกว่าอยากอ่านต่อนะคะ เพราะคุณเราเลยมาต่อ555
หัวไม่ล้านเเต่ใจน้อยค่ะ5555
สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ
ถ้าชอบเรื่องนี้เม้นท์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ อย่าให้เราพูดคนเดียวเลย