°•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: °•°•°Hidden Wood°•°•°•[เส้นผมบังใจเขา] #แอบลักษณ์ อัพบทที่28 22/6/60  (อ่าน 105133 ครั้ง)

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459







Hidden Wood

เส้นผมบังใจเขา


ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิยายเรื่องใหม่ของเรา

เพิ่งหัดแต่งเเนวใสๆวัยรุ่นครั้งเเรก  (ที่ไม่ใช่แฟนฟิค) 
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนแอบรัก

เชื่อว่าหลายคนคงเคยแอบรักคนใกล้ตัว
และหลายคนก็กำลังตามหาความรักโดยที่ละเลยคนใกล้ๆตัวไป

เราไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน 
อาจจะจบที่เป็นเพื่อนกันต่อไป  หรือมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย
หรือบางที  ถ้าโชคดีกว่านั้น   ความรักของเราอาจจะเติบโตขึ้นอย่างสวยงาม


ขอฝากนิยายเรื่องนี้ของเราเอาไว้ด้วยนะคะ

เเนะนำติชมมาได้ที่คอมเม้นท์ด้านล่างหรือใครเล่นทวิต โปรดใช้เเทค

#แอบลักษณ์



ผลงานเรื่องอื่น
เพราะหัวใจบอกว่ารัก #ดิมเต อ่านเลย

ขอบคุณมากค่ะ^^
[/size]




 :hao5: :mew1:


สารบัญ



FanPage

บทนำ
Books and friends should be few but good



   “อุ้ย  น้องศตวรรษตัวจริงหล่อจังเลยนะคะ  พี่ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้มั้ยคะ....เอ่อ น้องๆ น้องนั่นแหละค่ะ พี่วานหน่อยช่วยถ่ายรูปให้ทีนะคะ”  หญิงสาวหน้าตาดีควงแขนชายหนุ่มร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยเอาไว้  อีกมือก็โบกมือถือไปมาส่งให้ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้น
   ลักษณ์รับมือถือเครื่องนั้นมาถือไว้  เขาลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายขณะที่กดถ่ายรูปชายหญิงสองคนตรงหน้าไปสามที   แล้วก็ส่งคืนให้
   หญิงสาวที่ยังไม่ยอมปล่อยแขนเพื่อนของเขาเอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์ไปดูรูป  แล้วก็เอ่ยชมอย่างพอใจ
   “มุมสวยจังเลยค่ะ  คงเพราะนายแบบหล่อ” 
   คนถ่ายอยากจะเบ้ปาก....ก็เขาถ่ายให้มันกับสาวๆเป็นพันๆรูปแล้วมั้ง  จะไม่รู้มุมที่ดีที่สุดของเพื่อนตัวเองได้ยังไง...
   “ผมว่าเป็นเพราะนางแบบสวยมากกว่า”  เพื่อนเขาเริ่มออกลาย  ตอบกลับพร้อมยิ้มนิดๆมุมปาก  แบบที่สาวๆทั้งมหาวิทยาลัยขนานนามรอยยิ้มนี้ว่า  ยิ้มพิฆาต
   ใบหน้าหวานแดงก่ำราวกับลูกตำลึง  ขณะที่เพื่อนสนิทของเขาอาศัยช่วงที่สาวกำลังอึ้ง รีบปลดมือที่ล็อคแขนเอาไว้ออก   พยักหน้าให้เขาเร็วๆเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเผ่นแล้ว
   ลักษณ์รีบก้าวตามเพื่อนจนมาทันกันที่ใต้ตึกเรียนพอดี   
   “น่ารักดีนี่หว่า  ทำไมไม่เอาล่ะ”  เขาถาม   
   “ไม่อ่ะ  ไม่ใช่สเป็ค”  เพื่อนรูปหล่อพ่อรวยของเขาตอบกลับมาห้วนๆ   จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเดินนำเขาเข้าห้องเรียนไปเฉย   
   แต่ว่าลักษณ์ก็ชินแล้ว  กับอารมณ์ขึ้นๆลงๆ แปรปรวนยิ่งกว่าผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนของศตวรรษ   เพื่อนคนเดียวของเขาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้  ไม่สิ  ต้องเรียกว่าเพื่อนสมัยมัธยมเลยมากกว่า
   ชายหนุ่มแวะหยิบชีทเรียนที่หน้าชั้นเผื่อคนที่เขารู้ดีว่าเจ้าตัวคงยังไม่ได้หยิบแน่นอนนั้นมาถือเอาไว้สองชุด   เดินขึ้นบันไดทางลาดผ่านที่นั่งเป็นร้อยที่ถูกจับจองแล้วด้วยนักศึกษาจากหลายคณะฯที่มาเรียนรวมกันในคาบวิชานี้
   ไม่นานก็เจอเพื่อนของเขาที่นั่งไขว่ห้างอยู่ที่เกือบบนสุด   ก็ยังดีที่อุตส่าห์เว้นที่ข้างตัวเองไว้ให้เขานั่ง  ขณะที่ถัดไปนั้นล้วนเป็นนักศึกษาสาวๆที่นั่งเรียงกันพลางทอดสายตามองมาที่เพื่อนของเขาไม่หยุดหย่อน
   “วันนี้คนเยอะชะมัด”  เขาบ่น แล้วส่งชีทให้เพื่อน
   “ก็วันนี้มีควิซท้ายคาบไง”  อีกฝ่ายตอบเรียบๆ 
   “ชิบหาย...กูลืมอ่านมา”  ลักษณ์ใจหายวาบ   ก้มลงค้นกระเป๋าหากล่องแว่นสายตามาเปิดออก  ...กรรม  กล่องว่างเปล่า  ไม่มีแว่นตาอยู่ในนั้น...
   “กูลืมเอาแว่นมาอ่ะ  ซวยฉิบ  ทีนี้จะเรียนยังไงวะ” 
   วันนี้มันวันอะไรครับ  ไม่ต้องช่วยตอบว่าวันจันทร์นะ  ไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้น...แค่ลืมอ่านเนื้อหามาก็จะแย่แล้ว  ดันลืมแว่นสายตาอีก   ถึงเขาจะสายตาสั้นไม่มาก  แต่จากระยะห่างขนาดนี้ไม่มีทางอ่านตัวอักษรออกแน่นอน
   “ก็ไม่ต้องเรียน”  คนนั่งข้างๆตอบกลับมา  ไม่คิดจะหาทางช่วยเหลือเขาเลยสักนิด  ยังคงนั่งพิงพนักเอนหลังด้วยท่าทางสบายๆแต่ดูดีเป็นบ้าในสายตาของสาวๆหลายคนในนี้  รวมถึงลักษณ์ด้วย
   ...เหลือบมองด้วยความอิจฉา   แล้วก็ถอนหายใจเป็นลอบที่ล้านแล้วมั้ง   ไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงได้ลำเอียงนักวะ   เพื่อนสนิทของเขาหล่อชนิดที่มีตำแหน่งเดือนคณะฯเป็นประกัน   แถมยังเรียนเก่ง  เก่งขนาดไหนน่ะเหรอ..ก็ขนาดที่ว่ามันสอบเข้าแพทย์ได้แบบไม่ต้องเรียนพิเศษอะไรเลย  ตรงข้ามกับเขาที่เรียนแทบตาย  กลับปิ๋วติดเภสัชซะงั้น   ยัง..แค่นั้นยังไม่หมด  โปรโมชั่นนาทีทอง  ถ้าคุณโทรมาในสามวินาทีนี้  เพื่อนผมจะแถมสกิลกีฬาบาสเก็ตบอลระดับตัวแทนโรงเรียนให้ด้วยเลย 
   คิดว่าหมดแล้วหรือยัง...ยังครับแหม  ไม่งั้นลักษณ์คนนี้จะแอบอิจฉามันมาได้เกือบ 6 ปีแบบนี้เหรอ   ไอ้หอกบ้านเสือกรวยด้วย    พ่อแม่ทำฟาร์มโคนมใหญ่โต  เอ่ยชื่อไปทุกคนก็คงร้องอ๋อ  ..ไม่รู้จัก 
   หันกลับมาดูปากกาลูกลื่นหมึกติดๆหายๆ เส้นเล็กจางเขียนทีราวกับจะขาดอากาศหายใจตายในมือของตัวเองแล้วก็ได้แต่กล้ำกลืนในอก  นี่แหละ...ถึงจะเหมาะสมกับชีวิตแสนจะขาดๆหายๆของตัวเองเสียจริง   เกิดมาก็ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูแบบใครเขา  ต้องโตมากับพี่ชายกับคุณป้าที่เลี้ยงเขาด้วยลำแข้งล้วนๆ   เลิกเรียนต้องกลับไปช่วยที่บ้านขายข้าวแกง   การเรียนปานกลางไม่โดดเด่น  กีฬาก็เก่งแค่วิ่งผลัดกับวอลเลย์บอล 
   ส่วนเรื่องหน้าตา....ข้ามไปเลยดีกว่าครับ
   “โอ๊ย!”  ความเจ็บบนหลังมือแล่นแปลบจนสะดุ้ง   ต้นเหตุมาจากมือดีข้างๆมันเอาปลายปากกาแหลมเปี๊ยบทิ่มเข้าให้   คนเจ็บหันไปตะคอกอย่างหงุดหงิด
   “ทำบ้าอะไรของมึง เจ็บนะเว้ย”
   “กูให้ยืม”  ไอ้ศตวรรษที่มีชื่อเล่นเสียหรูหราฟังดูแพงว่า ไวน์  ทิ่มปากกาสีน้ำเงินด้ามนั้นใส่หลังมือเขาอีก  คนรับจุ๊ปากดึงมาถือเอาไว้   แต่ถือไปก็แค่นั้นแหละเพราะมองไม่เห็นลายมือของอาจารย์เลย  ไม่ว่าจะบนจอโปรเจคเตอร์หรือจอทีวี
   “มองไม่เห็นก็นอนไป  เดี๋ยวตอนควิซกูปลุก”  เพื่อนที่แสนดียังคงกระซิบมาอีก 
   “ให้กูนอนแล้วกูจะทำได้เรอะ”  ไม่ได้ฉลาดเทพอย่างมันนี่หว่า...
   “ต่อให้มึงตื่น  มึงก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว” 
   ครับ...ชัดเจน  ถึงกับพูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ฟุบลงกับโต๊ะเลคเชอร์   อย่างน้อยก็เก็บแต้มเวลานอนในวันนี้เอาไว้อีกสักสองชั่วโมง 
   คืนนี้จะได้จัดหนัก  จัดเต็มได้....หึๆ คืนนี้เป็นคืนเปิดสายรหัสพอดี  พี่ๆจะพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารกึ่งผับที่ก่อนหน้านี้ทำได้เพียงแค่ชายตามอง 
   ถึงเวลาเปิดหูเปิดตาสู่โลกกว้างแล้วล่ะ
   ลักษณ์สะดุ้งตื่นเมื่อถูกมือหนักๆของคนข้างตัวเขย่าแรงๆ เขาเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเลคเชอร์เล็กๆ  ตรงหน้ามีกระดาษคำถามสำหรับควิซวางเอาไว้รออยู่แล้ว   เด็กหนุ่มหยิบขึ้นมาดูอย่างมึนงง
   “อ่า...กฎของแรง  เอ่อ...ขนานแกนโลก   เอิ่ม”  ครางในลำคอแล้วเหลือบมองกระดาษคำถามของเพื่อนสนิทที่กำลังลงมือทำอย่างรวดเร็ว
   ฉิบหาย...โจทย์คนละชุดกันว่ะ  อาจารย์เล่นกูแล้ว
   ดันนั่งริมด้วยไง  เพื่อนอีกด้านหนึ่งก็นั่งห่างออกไปอีกสามก้าว   แว่นก็ไม่ได้เอามา  ไม่สามารถแอบส่องคนข้างหน้าได้ 
   กลับมาอ่านโจทย์ภาษาอังกฤษอีกรอบ...เห้ย แม่งอ่านเข้าใจอ่ะ
   เข้าใจ..แต่ทำไมไม่ได้จริงๆ
   เขียนสูตรเท่าที่นึกออกลงไปบนบรรทัดแรกเป็นการข่มไว้ก่อนเอาฤกษ์เอาชัย  จากนั้นก็เหลือบมองคนข้างๆอีกครั้ง   ถึงโจทย์ไม่เหมือนก็น่าจะคล้ายแหละวะ  อย่างมากก็เปลี่ยนแค่ตัวเลข
   “อาจารย์มองอยู่”  ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาแว่วมาเข้าหู  ลักษณ์เลยละสายตาจากแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยลายมือตัวใหญ่ๆนั้นทันที   ผ่านไปไม่กี่นาที  ทว่านานในความรู้สึกของเขามาก  เหงื่อนี่แตกซิกจนหลังชุ่ม  พยายามเค้นเอาทุกสูตรที่นึกออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ
   จู่ๆโต๊ะเลคเชอร์ของไอ้คนข้างๆก็หมุนหล่นลงไปกองที่พื้นดังโครม  เรียกสายตาจากทุกคนให้หันมามองเป็นตาเดียว  ไอ้ไวน์พึมพำขอโทษแล้วรีบก้มลงเก็บกระดาษควิซกับปากกาที่หล่นลงไปกองที่พื้นนั้น 
   ลักษณ์ก้มลงไปช่วยด้วย  มือแข็งแรงของเพื่อนเอื้อมกลับมาคว้าโต๊ะของเขาเอาไว้คล้ายเป็นหลักเหนี่ยวดึงให้ตัวเองลุกขึ้นมา   มือเจ้ากรรมดันพลาดทำกระดาษคำตอบของเขาปลิวตกไปที่พื้นแทบเท้าของมันพอดี
   ศตวรรษก้มลงเก็บแล้วลุกขึ้นมานั่งเหมือนเดิม   ส่งกระดาษควิซมาให้เขา 
   ...ใบที่เต็มไปด้วยลายมือตัวใหญ่ๆของมัน  ทำเสร็จหมดแล้วทุกข้อ  และคงถูกทุกข้อด้วย
   ส่วนกระดาษของเขาน่ะเหรอ...
   00000000000000000000000000000000000000000
   “ขอบใจมากนะเว้ย  ดีนะที่มึงเขียนลายมือกูได้   เยี่ยมจริงๆ”  ลักษณ์ยกมือขึ้นตบไหล่หนาดังป้าบ  ไม่แปลกที่ไอ้ศตวรรษจะเขียนลายมือตัวเล็กๆผอมๆของเขาได้ ในเมื่อเราสองคนผลัดกันเซ็นชื่อเข้าเรียน  เซ็นจดหมาย  เขียนรายงาน ฯลฯ  แทนกันมาตั้งแต่สมัยม.2
   “เออ  เลี้ยงข้าวกูเลย  หิวแล้วเนี่ย”
   “ติดไว้ก่อนล่ะกัน  เย็นนี้พี่รหัสกูจะเปิดสาย” 
   “อ้าว  ไม่เห็นบอกก่อน”
   “ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่องด้วยวะ”  เขาตอบกลับ   โบกมือให้เพื่อนสนิทที่ยังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงนั้น แล้วเดินแยกมานั่งรอที่ใต้ตึกคณะฯตามที่นัดหมายกับรุ่นพี่เอาไว้
   กว่าพี่รหัสจะมากันครบทั้งสายก็เลทไปเกือบชั่วโมง  ไหนจะต้องนั่งรถแท็กซี่ฝ่ารถติดไปที่ร้านอีก   โฮลี่ชิทมากครับ  ดีอย่างเดียวคือพี่รหัสปีสามโคตรน่ารักเลย  กลิ่นตัวนี่หอมสุดๆ  เลยทำให้ความแออัดยัดเยียดนั้นไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไปนัก
   แม้ว่าเขาจะต้องนั่งอยู่บนตักของพี่รหัสปีสองที่เพิ่งรู้จักกันได้อาทิตย์เดียวก็ตาม..
   “หนักมั้ยพี่สิงห์”  ลักษณ์ถามอีกรอบอย่างเกรงใจ   แต่สิงหา พี่รหัสใส่แว่นของเขาก็ส่ายหน้ายิ้มๆ
   “สบายมาก  ไม่ต้องนั่งเกร็งตัวแบบนั้นก็ได้ลักษณ์  เดี๋ยวตะคริวกินตูดไปก่อน”  เสียงทุ้มๆพูดแกมหัวเราะ  มืออีกข้างจับที่เอวของเขา ทำให้รู้สึกจักจี้ชอบกล
   “ลักษณ์กระเถิบมาทางพี่ก็ได้นะ”  พี่น้ำหวานที่หน้าตาสวยหวานสมชื่อพูด เธอเองก็นั่งซ้อนอยู่บนตักของพี่ผึ้ง  พี่รหัสตัวใหญ่ร่างบึกที่กำลังมองมาที่เขายิ้มๆเช่นกัน
   “ใกล้ถึงแล้วทุกคน เลี้ยวแยกหน้านี่ล่ะ”  พี่ไปท์พี่ปีหกผู้อาวุโสสุดหันมาบอก   เขาชี้ทางให้ลุงแท็กซี่เลี้ยว  ไม่กี่อึดใจก็มาถึงด้านหน้าของร้านอาหารกึ่งผับที่ตกแต่งแบบวินเทจสวยงามจนลักษณ์มองอย่างทึ่ง
   “เข้าไปเลย  จองโต๊ะเอาไว้แล้ว” 
   เดินเข้าไปภายในร้าน  ลักษณ์ชอบการตกแต่งของร้านนี้มาก  บรรยากาศสลัวๆไม่มืดจนอึดอัด  แต่ก็ไม่สว่างจ้า ดูลึกลับมีเสน่ห์น่านั่งเล่นดีเหมือนกัน   
   พี่พากันสั่งอาหารตบท้ายด้วยเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ผสมซึ่งลักษณ์ไม่คิดจะปฏิเสธ  แม้ว่าตัวเองจะคออ่อนก็ตาม....ของฟรี มีให้แดก ต้องแดกครับ
   บทสนาบนโต๊ะไล่เรียงกันไปตั้งแต่แนะนำตัว  ที่อยู่บ้านเกิดเมืองนอน  ทำไมถึงมาเรียนเภสัช  บลาๆๆ  ซึ่งลักษณ์ก็ตอบกลับไปตรงๆว่าเพราะสอบแพทย์ไม่ติด   
   “แล้วมีเพื่อนมาจากโรงเรียนเดียวกันมั้ยจ้ะ”
   “ถ้าที่คณะฯก็มีครับ  สิบกว่าคน  แต่เพื่อนสนิทติดหมอครับ” 
   “ใช้น้องไวน์ เดือนแพทย์หรือเปล่า   พอดีพี่เห็นเราเดินด้วยกันบ่อยๆ”  พี่น้ำหวานคนสวยถาม   ลักษณ์พยักหน้า
   “ครับ  เรียนด้วยกันตั้งแต่ม.2 ถึงม.6  อยู่ห้องเดียวกันตลอดเลยสนิทมากสุดครับ”
   “อยู่กันคนละคณะแบบนี้ก็ต้องปรับตัว หาเพื่อนใหม่น่ะสิ    มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ”  พี่สิงห์เสริมขึ้นมายิ้มๆ   จากนั้นพวกพี่ๆก็แอดเฟส แอดไลน์ แอดอินสตาแกรม  แอดโซเชียลทุกอย่างที่เขามี 
   แต่ขอโทษทีเถอะ...ชาตินึงเขาจะเปิดเสียที     ส่วนใหญ่ใช้โทรคุยมากกว่า...อยากได้ยินเสียงจากคู่สนทนา   ยิ่งเสียงใสๆหวานๆแบบพี่น้ำหวานเนี่ย  คงจะทำให้ฝันดีไม่หยอก
   “พี่เขามีแฟนแล้ว”
   “ห้ะ  อะไรนะครับ”  ปีหนึ่งถึงกับสะดุ้งจากภวังค์  หันไปมองพี่รหัสตัวเองที่ทอดสายมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว   
   “หมายถึงคนนั้นน่ะ”  สิงห์พยักเพยิดไปทางร่างเล็กบางของป้ารหัสคนสวยที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ  “มีแฟนแล้ว ปีเดียวกันชื่อพี่ต่อ” 
   หัวใจห่อเหี่ยวเหมือนถูกปล่อยลมออกนิดหนึ่ง  แต่ก็ช่างเถอะ  เขาชินเสียแล้ว  กับการแห้วตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มจีบเนี่ย  เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มสนใจสาวล่ะ
   ยังไม่ทันได้เข้าไปคุย  ก็ต้องมีสิ่งขัดขวางนู่นนี่นั่นมากั้นตลอด  บางครั้งก็เป็น...ใบหน้าของเขาเอง
   “แต่พี่โสดนะ”  พี่สิงห์ยกมือขึ้นตบอกเสื้อตัวเอง  ตอนนี้เองที่ลักษณ์เริ่มรู้สึกว่าพี่รหัสตัวเองคงเริ่มเมาแล้วล่ะ    ใบหน้าคมๆนั้นแดงก่ำทีเดียว
   “หล่อๆแบบพี่ทำไมไม่มีแฟนล่ะครับ”
   “ยังไม่เจอคนที่ใช่....ลักษณ์ล่ะทำไมยังไม่มีแฟนอีก”
   “ยังไม่เจอเนื้อคู่มั้งครับ”  หรือจะให้ตอบตามจริงว่าถูกเพื่อนสุดหล่อคาบไปแดกหมดก็ว่าได้มั้ง...
   “ไหนแบมือมาซิ  พี่จะดูลายมือให้ เผื่อเนื้อคู่ลักษณ์จะอยู่แถวนี้”
   เด็กปีหนึ่งส่งมือไปให้อย่างไม่เกี่ยงงอน   ฝ่ามือสากร้อนรวบมือของเขาไปบีบแน่นแล้วคลายออก  ปลายนิ้วเขี่ยไปตามฝ่ามือจนรู้สึกจั๊กจี้
   “อืม  อยู่แถวนี้แหละ    เป็นคนใกล้ๆตัวที่อาจจะไม่ทันสังเกตมาก่อน”   ดวงตาคมกริบหลังกรอบแว่นสีเงินคู่นั้นเป็นประกายประหลาดแบบที่ทำให้ลักษณ์เผลอหลบตาโดยไม่รู้ตัว  ชักมือออก
   “เอ่อ  ขอโทษนะคะ  มีใครชื่อลักษณ์มั้ยคะ”  เสียงใสๆดังขึ้นข้างตัว  เขาหันไปมอง เห็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักส่งยิ้มมาให้ 
   หัวใจถึงกับเต้นผิดจังหวะไปวูบ...ลักษณ์เกือบยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกข้างซ้ายที่กำลังมีก้อนเน้อเต้นอย่างบ้าคลั่ง
   “ผะ..ผมเองครับ  ลักษณ์”
   เด็กสาวส่งโทรศัพท์มือถือให้เขารับเอาไว้  ทำท่าให้ยกแนบหู    ลักษณ์กรอกเสียงตามสายงงๆ
   “ฮัลโหล”
   “ปิดมือถือทำไมวะ   หรือว่าลืมชาร์ตแบตอีก”  เสียงคุณเพื่อนที่เคารพดังก้องเข้าหูจนต้องยกมือถือออก
   “ปิดเสียงเฉยๆ  มีอะไรวะ” 
   “จะกลับยัง”  เสียงห้วนๆนั้นถามมาอีก  แต่เขาชินเสียแล้วกับถ้อยคำสั้นๆไม่มีหางเสียงนั้น
   “อีกสักพัก  ทำไมอ่ะ”
   “แต่กูจะกลับแล้ว   มึงก็กลับพร้อมกูเนี่ยแหละ”  เสียงเข้มๆตอบกลับมาอีก   ลักษณ์ตกใจเหลียวมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก  ไม่ยักพบต้นเสียง
   “มึงอยู่ในร้านเหรอ”
   “เออ  มัวแต่สวีทจนไม่ทันมองกูเลยนะ   นั่งอยู่ตรงประตูเนี่ย”  มือยาวๆโบกเร็วๆเรียกสายตาของเขาให้หันกลับไปมอง   เห็นไอ้เพื่อนตัวดีทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับอยากฆ่าใครมาให้
   “อ่อ  โทษที  มึงกลับไปก่อนก็ได้  พี่กูยังกินไม่เสร็จเลย เกรงใจ”  เขาลดเสียงลง  เหลือบมองไปทางพี่ๆที่ยังนั่งดื่มกันต่ออย่างสนุกสนาน
   “งั้นรออยู่หน้าร้าน  เร็วๆล่ะ”  ปลายสายตวัดเสียงมาแล้วกดตัดสายไป  ลักษณ์มองโทรศัพท์ตัวเองอย่างงงๆ  ...เป็นบ้าอะไรของมันวะ...
   คืนโทรศัพท์ให้สาวน้อยที่ยืนยิ้มหวานอยู่นานแล้วนั้น
   “ขอบคุณมากนะ  เธอชื่ออะไรเหรอ”
   “เราชื่อแอน  เธอชื่อลักษณ์ใช่มั้ย”
   “ใช่  เธอเป็นเพื่อนไอ้ไวน์เหรอ”   ดูจากอายุใบหน้าแล้วคงเพิ่งพ้นมัธยมมาไม่กี่วันเหมือนเขานี่ล่ะ
   “อืม  ยินดีที่ได้รู้จักนะลักษณ์” 
   อึก....โดนรอยยิ้มของเธอไปอีกดอก  ประทับใจจนอยากจะเดินตามไปส่งที่โต๊ะ  แต่ก็กลัวว่าจะประเจิดประเจ้อเกินไป 
   ไม่เป็นไร  ไว้ค่อยขอเบอร์จากไอ้ไวน์เอาก็ได้  หวังว่าจะไม่กั๊กหรอกนะ....แต่เพื่อนเขาไม่เคยกั๊กเรื่องสาวอยู่แล้ว  มีแต่สาวๆนี่แหละที่ชอบไปเทหัวใจให้มัน   แล้วเทเราทิ้ง
   แล้วก็โดนเพื่อนนายลักษณ์เทอีกที  หึๆ  สม...ไอ้ไวน์มันเจ้าชู้เงียบจะตาย  เปลี่ยนแฟนมาไม่รู้กี่คนแล้วมั้ง  เรื่องแบบนี้มันไม่ค่อยเล่าให้ฟังหรอก 
   กว่าจะดื่มกันเสร็จสิ้นพิธีการ เคลื่อนขบวนออกจากร้านได้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว   ลักษณ์ลืมไปสนิทว่าเพื่อนบอกจะกลับด้วยจนกระทั่งเจอร่างสูงเพรียวยืนกอดอกพิงกำแพงหน้าร้าน
   ยุงเยอะฉิบหาย  มันไม่โดนกัดมั่งหรือไงวะ  หรือหนังเหนียวจนยุงกัดไม่เข้า...เหอะ  ลักษณ์ยกมือไหว้พี่ๆ  บอกลา เพื่อขอแยกกลับกับเพื่อน   ทุกคนไม่ว่าอะไร  ส่วนพี่สิงห์ตบท้ายว่าวันหลังจะชวนมาเลี้ยงอีกที
   เดินเนิบๆตรงมาหาเพื่อนสนิทที่ยืนเก๊กหล่อหน้าร้านอยู่นานนั้น  ส่งยิ้มประเลาะไปให้ก่อนนิดหนึ่ง  อย่างน้อยก็ทำให้คิ้วขมวดๆนั้นคลายลงนิดหนึ่ง
   “ทำไมไม่กลับไปก่อนล่ะ”
   “กลับไม่ถูก”  อ้อ  เกือบลืมไปว่าเพื่อนเขาเป็นพวกหลงทิศทาง...น่าแปลกไหมล่ะ  อาการหลงทิศ จำทางกลับบ้านไม่ได้ที่มักพบบ่อยในบรรดาผู้หญิงนั้น  กลับพบได้ในผู้ชายร่างสูงท่าทางฉลาดแบบนี้ได้
   “ก็บอกที่หมายกับแท็กซี่สิวะ  ไอ้ฟาย”  จัดไปหนึ่งดอก  นานๆทีจะมีโอกาสได้ด่าต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้   พูดเสร็จก็เดินนำเพื่อนมาถึงริมถนน ยกมือขึ้นโบกแท็กซี่
   บอกที่หมายกับโชเฟอร์เสร็จ  ก็ค่อยเอนหลังพิงพนักอย่างสบาย 
   “มีมือถือไว้ทำไม เปิดจีพีเอสสิครับ  ไม่งั้นอีกหน่อยไม่มีกู มึงจะกลับบ้านยังไง  ไม่ต้องนั่งร้องไห้หาแม่เลยเหรอ”
   “เน็ตหมด” 
   “อ้อ  แล้วก็ไม่บอก”  เงียบกันไปอีกพัก   ลักษณ์ก็ทำลายความเงียบขึ้นมาอีก “เออ  แล้ววันนี้มึงมากินที่ร้านนี้ได้ไงวะ”
   “อ๋อ  มากับเพื่อนใหม่” 
   “ตามสาวมาล่ะสิ”  ชิงดักคออย่างรู้ทัน  คนฟังหัวเราะหึๆ  ไม่ตอบ
   “เพื่อนที่ชื่อแอนโคตรน่ารักเลยอ่ะ  มีเบอร์มั้ย  เฟส ไลน์หรืออะไรก็ได้”
   “ไม่มี”  เยี่ยมเลย...ตอบสั้นๆได้ใจความมากครับ 
   “งั้นมึงช่วยอะไรกูหน่อยได้ป่ะ”
   ...

 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2017 01:59:33 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เง้ออ เราชอบแนวนี้ อัพอีกนะคะ รออ่าน  :mew1:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีนะคะ แอบสงสารในชะตากรรมความนกของลักษณ์เล็กๆ
เทียบกันแล้วไวน์คือเทพทรูชัดๆเลย ถถภถถ มาต่ออีกไวๆเลยนะคะ รอค่าา

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
#แอบลักษณ์  ตอนที่ 1
A friend in need is a friend indeed.






   “อ้าว  แอน  จำเราได้ป่ะ   เราลักษณ์ไง”   

   เด็กหนุ่มหุ่นผอมแห้งหน้าจืดสนิทในสายตาของเธอโบกมือพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างเห็นฟันครบสามสิบสองซี่มาให้   แอนขมวดคิ้วนิดหนึ่ง  นิดเดียวเพราะกลัวหน้าผากย่น  ครุ่นคิดว่าเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหน

   อืม...ดูเหมือนจะเคยเจอกันมาแล้ว   ที่ไหนนะ?  ตอนขึ้นรถไฟฟ้า...เวลาที่เดินเข้าห้าง   ไม่ก็ที่ฟิตเนส  เอ๊ะ หรือร้านอาหาร  แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก  แหม...ก็ใบหน้าแบบนี้มันพบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนนี่   เครื่องหน้าเรียบๆไม่มีส่วนไหนสะดุดตา  ผิวขาวเหลือง  ผมตัดสั้นธรรมดา

   ส่วนที่ดีที่สุดบนใบหน้านั้นคงเป็นดวงตาเรียวยาวมันวับที่ตอนนี้กำลังเริ่มฉายแสงแห่งความผิดหวัง...

   “เอ่อ  จำได้ๆ  เราเคยเจอกันวันก่อนใช่มั้ย”  วันไหนก็ไม่รู้ล่ะ  แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกเก้อไปมากกว่านี้

   “ใช่ๆ ที่ร้าน....ไง  เราเป็นเพื่อนไวน์  ที่เธอถือโทรศัพท์มาให้เรา”  ลักษณ์สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย  รีบขยายความต่อ

   อ๋อ...เด็กสาวครางในใจเมื่อนึกออก   ที่แท้ก็เพื่อนของชายหนุ่มที่เธอกำลังหมายปองอยู่นี่เอง   วันนั้นเธอถึงเต็มใจลุกจากโต๊ะ เดินเอาโทรศัพท์มาส่งให้ด้วยความเต็มใจเพราะอยากทำแต้มไว้  พอนึกออกแล้ว  สายตาก็เริ่มสอดส่ายมองหาเป้าหมายร่างสูงสมาร์ทที่น่าจะอยู่แถวๆนี้

   “เราจำได้  เพื่อนไวน์  แล้วนี่ลักษณ์กำลังจะไปไหนเหรอ  กินข้าวหรือเปล่า”   เธอและเขาเดินเรื่อยๆออกมาจากอาคารเรียนรวมที่เพิ่งจบคาบเคมีไปเมื่อครู่   นักศึกษามากมายทยอยเดินไปทางโรงอาหารใหญ่เพื่อรับประทานอาหาร

   ลักษณ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆระบายความตื่นเต้นที่สาวเจ้าถามถึงเรื่องกินข้าวขึ้นมา   ตามที่เขาต้องการ

   “อื้ม  เราว่าจะไปกินที่ร้าน....” บอกชื่อร้านอาหารใกล้ๆมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง “สนใจไปด้วยกันมั้ยล่ะ  โรงอาหารคนเยอะออก”   

   โอ๊ย...ลุ้นชิบหาย   เห็นเด็กสาวทำท่าละล้าละลังคล้ายมองหาใครอยู่   คงกำลังมองหาเพื่อนกระมัง อาจจะเขินที่มีหนุ่มเภสัชมาชวนกินข้าว   

   “มีใครไปบ้างเหรอ”

   “เอ่อ  ก็มีเรากับแอนไง...ง่า  จะชวนเพื่อนคนอื่นไปด้วยก็ได้นะ”  รีบเสริมเผื่อเด็กสาวจะอยากหาเพื่อนไปด้วย   เอาน่า...มื้อแรก  ให้โอกาสเธอหน่อยสิ  ไปกันสองคนก็ดูจะไม่เป็นกุลสตรีเอาเสียเลย

   “งั้นเดี๋ยวเราชวนเพื่อนไปด้วยอีกสองคนนะ  ลักษณ์ก็ชวนไวน์ไปด้วยกันสิ  เอ๊ะ  เมื่อกี้เหมือนเห็นไวน์แวบๆ” 

   “อ๋อ  มันไม่ไปน่ะ  เห็นบอกอยากกินโรงอาหาร”  พูดกันเพื่อนเอาไว้เสร็จสรรพ   ทว่าคนฟังกลับมีท่าทางลังเลขึ้นมาทันทีจนคนชวนสังเกตเห็น

   ...ใจแป้วไปไม่น้อย   

   “หรอ  หรือว่าเราจะกินโรงอาหารดีล่ะ  จริงๆคนก็ไม่เยอะมากหรอก  อีกอย่างเดี๋ยวเรามีเรียนบ่ายต่อด้วย  ไม่อยากออกไปข้างนอก  ขี้เกียจกลับมาอีก”  สาวจบประโยคด้วยเสียงอ่อยๆ

   “กลับมาทันแน่นอนน่า”

   “ไปยังไงล่ะ  ลักษณ์มีรถเหรอ”

   “มะ..ไม่มีอ่ะ  ไปแท็กซี่”

   นักศึกษาแพทย์สาวทำหน้ายู่  แต่ก็ยังดูน่ารักในสายตาคนมองอยู่ดี  แม้ว่าลักษณ์จะใจเสียไปแล้วครึ่งหนึ่งก็ตาม 
 
   สุดท้ายก็ได้แต่เดินตามหลังเธอต้อยๆกลับมายังโรงอาหารใหญ่  ที่ๆมีเพื่อนสนิทของเขานั่งกินข้าวอยู่ก่อนแล้วกับเพื่อนๆร่วมคณะฯกลุ่มใหญ่   แอนแยกเข้าไปหาเพื่อนของเธออย่างรวดเร็ว   ทิ้งให้เขายืนงงทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่ง

   มองไปเห็นเด็กสาวคนนั้นกำลังโน้มตัวเข้าไปคุยกับเพื่อนสนิทรูปหล่อที่กำลังตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆนั้นแล้วก็อดรู้สึกเจ็บจี้ดๆขึ้นมาไม่ได้

   มองเงาตัวเองในตู้กระจกผ่านกุนเชียง หัวหอม มะเขือเทศ  หมูกรอบ ฯลฯในตู้นั้นแล้วก็อยากตีอกชกตัวอีกสักรอบ  น้อยใจในวาสนาหน้าตาจนน้ำตาแทบไหล    แม้แต่กลิ่นหอมๆของไข่เยี่ยวม้าผัดกระเพราจานโปรดก็ยังไม่สามารถช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้นมาได้

   “จะยืนดราม่าอีกนานมั้ยมึงอ่ะ   รีบๆถือจานข้าวไปนั่งกับกูเร็วๆเข้า”  มือใหญ่ๆของใครบางคนตบปั้กมาที่ไหล่จนแทบหัวคะมำถ้าอีกฝ่ายไม่หิ้วคอเสื้อเอาไว้   ข้าวหน้าไข่เยี่ยวม้าผัดกระเพรายื่นพรวดมาเกือบทิ่มใส่หน้าจนลักษณ์ผงะ  เงยหน้าขึ้นก็เจอเพื่อนสนิทยืนทำหน้าเมื่อยอยู่ข้างๆ

   “ปล่อยกู  กูเดินเองได้   มึงจ่ายค่าข้าวเลย  ทำกูอดไปกินข้าวกับแอน”  สะบัดตัวออกจากมือข้างนั้น  แล้วก็คว้าจานข้าวที่ไม่รู้ตัวเองสั่งไปตอนไหนมาถือเอาไว้

   “แล้วถ้ากูทำให้มึงได้นั่งกินข้าวกับแอนได้ล่ะ  มึงจะให้อะไร”  ไวน์ถามกลับทันควัน

   ลักษณ์เหลือบมองไปทางโต๊ะอาหารที่มีนักศึกษาแพทย์นั่งเรียงอยู่เกือบเต็มโต๊ะรวมถึงเด็กสาวที่เขาชอบด้วยนั้นแล้วก็ยิ้มออก  หันมาตบไหล่หนาๆของเพื่อนคืนแทนคำขอบคุณ

   “เดี๋ยวกูเลี้ยงเก๊กฮวยแก้วนึง   เอาแก้วจัมโบ้เลย”

   พูดจบก็ยกจานข้าว  เดินลิ่วๆจนเกือบสะดุดเก้าอี้ ตรงเข้าไปหาที่นั่งว่างๆตรงข้ามเด็กสาวทันที  ทิ้งให้เพื่อนต้องมองตามพลางส่ายศีรษะด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

   “อ้าวลักษณ์  นั่งด้วยกันสิ   แล้วไวน์ล่ะเห็นบอกไปซื้อน้ำ  หายไปเลย”  เธอกวาดสายตามองหาอีกแล้ว...เด็กหนุ่มอยากจะถอนหายใจยาวๆไปถึงภูเก็ตเสียเลย   

   เฮ้อ...

   “เดี๋ยวก็กลับมา  แอนทานอะไรน่ะ น่ากินจัง”  อ่าฮะ  เอ่ยชมอาหารของอีกฝ่ายตามสเต็ป  ก่อนจะค่อยๆเปิดเข้าสู่หัวข้ออาหารที่ชอบ

   ตามร้านที่อยากไปกิน

   ต่อด้วยงานอดิเรกที่อีกคนชอบทำ  อย่างเช่น...ดูหนัง?

   จบด้วยเสาร์นี้ว่างมั้ย....

   มันน่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ   ถ้าไม่ติดที่ไอ้เพื่อนสนิทหน้าตายของเขามันดันถือแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองอ๋อยราวกับฉี่เข้มข้นเต็มสองมือมาขัดจังหวะเข้าเสียก่อน   แก้วใบใหญ่วางบนโต๊ะเสียงดังกึก 

   “ไหน ตังค์”  ยังไม่พอ  มันยังมีหน้ามาแบมือต่อหน้าเขาเพื่อขอเงินอีก  จริงอยู่ที่เขาบอกจะเลี้ยงเก๊กฮวยแก้วจัมโบ้  แต่ตอนนี้มันใช่เวลามั้ยล่ะ  ไอ้ฟาย

   “ไว้ก่อน”  ทำปากขมุบขมิบ  ขยิบตายิกๆเป็นสัญญาณให้ช่วยหลบหน้าไปก่อนได้มั้ย  ตายไปสักพักเถอะได้โปรด  กูไหว้ล่ะ  ดูสิสาวกำลังจะเคลิ้มกับกูแล้วเชียว

   ดูเหมือนเพื่อนแสนฉลาดของเขาจะเกิดสมองทึบขึ้นมาดื้อๆ  ไอ้ศตวรรษคนดีนั่งเบิ่งตากว้างมองมาที่เขาอย่างงงๆ  ราวกับฟังภาษาไทยไม่ออกซะงั้น

   “เดี๋ยวกูจ่ายให้  มึงไปไหนก็ไป”  กระซิบมุมปากอีกรอบ     อีกฝ่ายก็ยังนั่งอยู่ข้างเขาที่เดิม  ตีหน้ามึนเหมือนคนเมากัญชา    ทว่าในดวงตาคมเข้มคู่นั้นกลับแพรวพราวราวกับคนกำลังกลั้นหัวเราะเอาไว้เต็มที่   

   ไอ้บ้านี่แกล้งมึนแน่ๆ...

   อยากจะกระโดดเตะก้านคอสักที  แต่ก็เกรงว่าสาวน้อยจะตกใจในความฮาร์ดคอร์กอไก่   ได้แต่ส่งยิ้มอาฆาตไปให้เพื่อนเวรที่แสนดี

   “ตอนนี้มีหนังเรื่อง.....”  ไอ้ไวน์พูดชื่อภาพยนตร์แนวสยองขวัญสั่นประสาทขึ้นมาเรื่องนึงที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้  “น่าดูมากเลย  ว่าจะไปดูวันเสาร์นี้  แอนว่างมั้ย  ไปดูด้วยกันป่ะ” 

   “อุ้ย  เราว่าจะไปดูพอดีเลย  ไวน์จะไปดูวันเสาร์หรอ  รอบกี่โมงล่ะ  เราไปด้วย”

   โห...โคตรไม่ยุติธรรมเลย  แม่งนั่งยังไม่ทันถึงสองนาที  พูดสองประโยค  สาวก็พร้อมจะไปด้วย  ทีกรูนั่งพล่ามยาวจนปากเปียกปากแฉะ  ไม่เห็นเธอจะชายตาแล

   “อืม  เดี๋ยวนัดอีกที  ขอเบอร์เธอหน่อย”  ไวน์ล้วงมือถือขึ้นมา แล้วก็อุทาน  “อ้าวแบตหมด  งั้นลักษณ์  มึงเซฟเบอร์แอนไว้ให้หน่อยสิ   จะได้โทรไปนัดเวลาได้”

   แอนดูงงๆ  แต่ก็ยอมบอกเบอร์โทรศัพท์พร้อมแอดไลน์มาที่เครื่องของลักษณ์เรียบร้อย   เด็กหนุ่มนั่งอึ้ง มองมือใหญ่ๆของเพื่อนสนิทคว้ามือถือของเขาไปกดปลดล็อคอย่างชำนาญ

   เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เพื่อนของเขาจะรู้รหัสส่วนตัวที่ตั้งเอาไว้ล็อคโทรศัพท์  ล็อคเฟส  ล็อคอีเมล์  ล็อคทุกอย่างบนโลกใบนี้   ก็เพราะมันเป็นคนสมัครให้ไงล่ะ  ส่วนลักษณ์เองก็รู้รหัสของไวน์เช่นเดียวกัน แต่ไม่ค่อยได้ไปยุ่มย่ามกับโทรศัพท์ของเพื่อนเท่าไหร่

   ไอ้ไวน์มันขี้หวงของ..

   “โอเค  ไว้เจอกันนะ  บ้ายบายครับ”   ได้ยินเพื่อนของเขาพูด   ลักษณ์ยกมือขึ้นโบกตามหลังร่างเล็กบางของสาวน้อยที่ลุกขึ้นเดินไปกับเพื่อนๆของเธอ   

   เหลือแค่พวกเขาสองคนนั่งหัวโด่กันอยู่ที่เดิม

   “เอ้า  เป็นไงล่ะมึง ได้มาแล้ว ทั้งเบอร์ทั้งไลน์  กราบกูซะ”   ไวน์ส่งโทรศัพท์คืนมาให้เพื่อนที่ยังนั่งเอ๋ออยู่  ลักษณ์รีบรับมาเปิดดู  แล้วยิ้มกว้าง

   “สุดยอดเลยแม่ง  ทำได้ไงวะ  แล้วดูเรื่องดูหนัง?”

   “เออมึงก็ไปกับแอนสองคนล่ะกัน  บอกว่ากูไม่สบายอะไรก็ได้”  ศตวรรษคว้าน้ำเก๊กฮวยมาดูดอึกใหญ่   พลางส่งอีกแก้วให้คนข้างๆที่รับมาดื่มที่เดียวเกือบหมดแก้ว

   “แค่กๆ”  สำลักครับ  ร้อนถึงอีกฝ่ายต้องเอื้อมมือมาตบหลังจนลูกกระเดือกแทบหลุดตามออกมาด้วย    “แค่กๆ  โอ๊ย  แผนมึงเด็ดทุกอย่างเลยนะ  ยกเว้นอย่างเดียวคือมึงลืมไปหรือเปล่าว่ากูกลัวผี   เสือกให้ไปดูหนังผี  แบบนี้ก็จะดูไหวมั้ยล่ะ   เกิดกรี้ดแตกกลางโรงขึ้นมาอายสาวตายห่า”  ที่พูดไปนั้น ประสบการณ์ตรงล้วนๆ  โชคดีที่เป็นหนังที่เช่ามาดูกันเองที่บ้านไอ้ไวน์ เลยไม่อายใครเท่าไหร่   นอกจากมันกับเพื่อนอีกสองสามคน

   เรื่องอื่นลักษณ์รับได้ ลักษณ์สู้ตาย  แต่กับเรื่องเหนือธรรมชาติเนี่ย  ลักษณ์ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆนะ

   “เฮ้ยไม่หรอกน่า  ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกเรื่องนี้  อีกอย่างนะ เวลาไปดูหนังในโรงกับสาวมันต้องดูหนังผีเว้ย  สาวๆเค้าจะกลัว แล้วเค้าก็จะหาที่หลบที่ซบ  เราก็แค่นั่งหล่อๆเป็นหลักให้สาวหลบผี  จับมือปลอบใจหน่อย  รับรองฟิน  เชื่อกู”

   คนฟังพยักหน้า คิดตาม  ..เออ  ก็เข้าท่าแฮะ  แค่เขารักษาภาพลักษณ์เอาไว้ตลอดเรื่องก็พอแล้ว  ทีนี้ก็จะดูแมนสุดๆ เป็นที่พึ่งของเธอได้ไรงี้

   “อืมก็ดีนะ  พูดแบบนี้แปลว่าเคยใช้ได้ผลมาแล้วอ่ะดิ”  เหล่ตามองเพื่อนที่หลบตาเขา  หันไปดูดน้ำเก๊กฮวยอึกใหญ่

   “ก็เคยบ้าง  ช่างเหอะน่า... ตกลงตามนี้นะ  นี่กูช่วยมึงตามที่ขอแล้ว  ถึงตากูทวงสัญญาบ้าง”  ไวน์แบมือมาตรงหน้าเขา  “ไหนค่าน้ำ  นี่อุตส่าห์เดินไปซื้อเองเลยนะ  ยังไม่บ่นสักคำ”

   ลักษณ์จุ๊ปาก  ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง  ควานหาเหรียญสิบบาทขึ้นมาจ่ายให้เพื่อนที่ทวงตังค์เหยงๆ 

   “มีแค่นี้อ่ะ”  ไวน์ก้มลงมองเหรียญในมือของเพื่อนแล้วเบ้ปาก   ยกมือขึ้นตบไปที่ศีรษะทุยๆที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสั้นๆนั้นไปที    จากนั้นก็คว้าเอาแก้วน้ำในมือของลักษณ์ขึ้นมาดูดต่อจนหมดแก้วหน้าตาเฉย

   “โอ๊ย! .....เห้ย กูเพิ่งกินไปนิดเดียวเอง  ไอ้เวร  หมดแก้วเลย  ฮึ่ย”      

   ฝ่ายนั้นจะบ่นอะไรมาบ้าง ศตวรรษก็ไม่ได้ยินเหมือนกัน เพราะเขาชิงลุกเดินหนีมาไกลแล้ว   ...ปล่อยให้นั่งบ่นไปนั่นแหละ  รำคาญ...

   คนบ้าอะไรจะจีบสาวก็เงอะๆงะๆไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลย  เมื่อไหร่ชาตินี้จะมีแฟน....ชายหนุ่มก้มลงดูดหลอดในแก้วของเพื่อนสนิทที่ถือติดมือมาด้วยอีกครั้งจนเกลี้ยง  ก่อนจะทิ้งขยะไปรวมถึงแก้วของตนเองด้วย

   รสชาติหอมหวานๆของเก๊กฮวยยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น...เป็นสาเหตุที่เขาชอบเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นพิเศษ   รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก   ขณะที่เขาเดินเอื่อยๆกลับไปยังอาคารเพื่อเรียนวิชาต่อไป



   00000000000000000000000000000000000000000000


   วันเสาร์มาถึงช้าเหลือเกินในความรู้สึกของลักษณ์   แต่ในที่สุดมันก็มาถึง    เขาตื่นแต่เช้าตรู่โดยไม่ต้องให้ใครโทรมาปลุกเหมือนอย่างเคย    รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็มาหมุนตัวอยู่หน้ากระจก  คิดไม่ตกว่าจะใส่ชุดไหนดีระหว่างเชิ้ตสีชมพูกับสีขาว

   เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนเขาสะดุ้ง พุ่งตัวเข้าไปกดรับ...เปล่า  ไม่ใช่สายจากแอนเด็กแพทย์ที่เขาเฝ้ารอสายมาทั้งอาทิตย์หรอก  ขนาดเมื่อวานไลน์ไปนัดเวลาตอนสิบโมง  เธอยังตอบกลับมาแค่คำเดียวว่าค่ะอยู่เลย    ความคิดที่จะโทรไปชวนคุยก็เลยหดหายตามใจที่ฝ่อลงไปด้วย

   “ฮัลโหล”

   “เสียงสดใสเชียว  ตื่นแล้วเหรอมึงเพิ่งเจ็ดโมงเอง”   ปลายสายพูดอย่างรู้ทัน   

   “เออวันนี้วันดี กูต้องรีบตื่น  มึงอยู่ไหนแล้ว  มาที่บ้านกูป่ะ”  ลักษณ์รีบชวนเพื่อนที่อยู่บ้านไม่ใกล้ไม่ไกลให้มาหา   อีกฝ่ายอิดออดเล็กน้อยตามสไตล์   แต่ไม่เกินสิบห้านาที  เสียงออดหน้าประตูบ้านก็ดังกังวานไปทั่ว

   “ลักษณ์ไปดูซิ ใครมาน่ะ”  เสียงป้าของเขาตะโกนมาจากห้องข้างๆ   เด็กหนุ่มรีบสวมเสื้อยืดลวกๆ เปิดประตูห้องส่วนตัวลงบันไดมายังชั้นล่างที่ทำเป็นร้านอาหาร แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ   เดินตรงไปที่ประตูรั้ว เห็นร่างสูงโปรงของเพื่อนสนิทที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนกันชะเง้อมองอยู่  ในมือถือถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้เอาไว้

   “กินไรยัง  กูซื้อมาฝาก” 

   ลักษณ์เปิดประตู รับถุงอาหารจากเพื่อนมาถือเอาไว้    เดินเข้าไปในครัวโดยมีอีกฝ่ายเดินตามหลังมาด้วยอย่างคุ้นเคย

   “ถุงที่มีเม็ดแมงลักของมึง”  ไวน์บอกเรียบๆ  ลักษณ์พยักหน้าอย่างพอใจ...มีไอ้ไวน์เป็นเพื่อนก็ดีหน่อยตรงที่มันช่างจำ พวกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแบบใครชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไร  มันจำได้หมด  ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ลักษณ์คิดว่าถ้ามันมีแฟน  แฟนคงหลงตายทีเดียว

   “มึงทาอะไรที่หน้าป่ะเนี่ย”  จู่ๆไวน์ก็พูดขึ้นมา ขณะที่นั่งตรงข้ามกันซดน้ำเต้าหู้แกล้มปาท่องโก๋อยู่ในห้องครัวเงียบๆ  นิ้วมือยาวๆเอื้อมมาป้ายที่แก้มของเจ้าของบ้านแรงๆจนลักษณ์ต้องเอียงหน้าหลบ

   “โอ๊ะ เจ็บ   กูเปล่านะ..เปล่า”  รีบปฏิเสธเป็นพัลวันแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อเอาเสียเลย  ไวน์ยกปลายนิ้วที่สัมผัสแก้มเขาขึ้นมาดู  รอยสีเนื้อจางๆติดอยู่บนนั้นคล้ายๆกับ...

   “เครื่องสำอาง?”  เสียงศตวรรษทั้งแปลกใจปนอึ้ง

   “อะ..เออ  คือ  ครีมกันแดดอ่ะ  มันผสมรองพื้นนิดนึง   คือกู...กูไปอ่านมาเค้าบอกว่าผู้ชายถ้าอยากให้หน้าเนียนๆมีมิติเนี่ย  ก็ทาไอ้เนี่ยลงไป  หน้าก็จะดูเข้มขึ้นแบบ...มึงเข้าใจป่ะ  กูหน้าจืดอ่ะ  ขนาดกูมองหน้าตัวเองในกระจกยังรู้สึกว่าหน้ากูซีดเหมือนปลาตายเลย”

   “กูยังไม่ทันว่าอะไรเลย”  ไอ้ไวน์พูดเสียงเรียบแล้ววางแก้วที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ

   “กูไปล้างออกก็ได้”  ลักษณ์รีบพูด  รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มคุกรุ่นชอบกล   สีหน้าของเพื่อนสนิทดูเรียบเฉยไร้อารมณ์  ทว่าเขารู้จักกับมันมานานมากพอจะดูออกว่าไวน์กำลังไม่พอใจ...อย่างมากด้วย

   “เรื่องของมึง”  ได้ยินเสียงนั้นพึมพำตามหลัง  ขณะที่เขาเดินกลับขึ้นมายังชั้นบน    เข้าไปห้องน้ำพิจารณาดูใบหน้าในกระจกแล้วก็ออกจะรู้สึกว่ามันตลกๆอยู่เหมือนกัน   ลงมือล้างหน้าจนเกลี้ยงเหมือนเดิม พอกลับออกมาจากห้องน้ำก็เจอร่างของเพื่อนสนิทนอนเล่นอยู่กลางเตียง

   “ตัวเปื้อน  ลุกจากเตียงกูเลย”   เอาเท้าเขี่ยๆขายาวๆที่พ้นกางเกงบอลออกมา   อีกฝ่ายเพียงแต่ชักขาหลบ  ยกมือที่ถือหนังสือการ์ตูนขึ้นอ่านต่อไม่สนใจ

   ...อย่างงี้ทุกที  มาห้องกูทีไรก็ขึ้นมานอน   ทีกูไปบ้านมึงบ้าง  ไม่ยอมให้เข้าห้องนอน ชิๆ...ลักษณ์ได้แต่เข่นเคี้ยวเขี้ยวฟัน  เดินไปถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออกแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับสีขาวมาทาบกับตัวอีกครั้ง

   เลือกไม่ถูกเลยแฮะ...หันไปทางเพื่อนซี้ที่นอนแผ่อ่านหนังสือการ์ตูนเล่นอยู่

   “มึงว่าใส่ตัวไหนดี”  ไวน์ผงกหัวจากท่านอนขึ้นมาดู  คิ้วเลิกขึ้นนิดๆ 

   “ไม่ต้องใส่เลย ดีสุด” 

   “มึงแม่ง....ไม่ได้มีประโยชน์เลย”   หันกลับมาดูกระจกอีกรอบ  จริงๆเขาชอบสีชมพู แต่ก็กลัวมันจะดูตุ้ดไปหน่อย   สีขาวก็เรียบร้อยดี  แต่เหมือนกำลังจะไปสมัครงานมากกว่าจะไปดูหนัง

   เลือกยากจังแฮะ

   “สีชมพูเถอะ…สีขาวมึงใส่แล้วเหมือนกระดาษรีไซเคิลเลย”   

   ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ...ถุย   กระดาษรีไซเคิลเลยเหรอ   ว่ากูจืดเหมือนกระดาษเปล่าไม่พอ ยังเป็นกระดาษใช้แล้วที่ผ่านการย่อยสลายมาอีกเหรอ   ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ

   ลักษณ์ค่อนขอดอยู่ในใจ  หยิบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพูขึ้นมาใส่ติดกระดุมจนเรียบร้อย   ถอดกางเกงออกเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์ตัวเก่ง    เสร็จแล้วก็ถึงเวลาทำผม  เขาหยิบเจลตกแต่งทรงผมขึ้นมาพร้อมหวี  เอียงคออยู่นานกว่าจะปาดมันลงไปบนเส้นผมสั้นๆตรงๆของเขาจนมันตั้งชันได้องศา

   โอ้โห...หล่อไม่ใช่เล่นเลยนี่หว่า....ไม่มีใครชมหรอกครับ  นาทีนี้ต้องชมตัวเองเท่านั้น   เรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองสักนิด 
   “มึงว่าหล่อยัง”  หันไปถามเพื่อนตัวดีก็พบว่ามันนอนหลับไปแล้ว   เขาเตะเข้าไปที่หน้าแข้งของมันไปแรงจนสะดุ้งตื่น   ไวน์ลุกขึ้นมามองหน้าเขางงๆ

   “ผมทรงไรวะ  ทรงกระดานลื่นเหรอ  ตลกชิบหาย” 

   ...เชี่ย  ความมั่นใจกู  หดเหลือศูนย์เท่าเดิม...ไอ้ไวน์หัวเราะแล้วกระโดดลุกจากเตียงเดินเข้ามาหาเขา  หยิบหวีจากหน้ากระจกมาด้วย  มือหนึ่งก็ยึดคางเขาไว้แน่นแล้วก็ปาดหวีในมือซ้ายขวาสองสามที 

   โห...เงาในกระจกสะท้อนผู้ชายอีกคนที่มีทรงผมปัดเป๋อย่างเท่  แบบที่เขาอยากได้และพยายามจะทำเมื่อกี้นั่นแหละ   ทำไมมันทำได้ง่ายจังวะ

   “เอ้า  หล่อแล้วครับคุณลักษณ์   ไปได้แล้ว  จะสิบโมงแล้วเนี่ย” 

   เด็กเภสัชตกใจรีบหันไปมองนาฬิกา  นี่เขาแต่งตัวนานขนาดนั้นเลยเหรอ....โดนหลอกครับ  เพิ่งจะเก้าโมง  หันไปด่าเพื่อนพอหอมปากหอมคอแล้วก็รีบเผ่นออกมาจากห้อง  มีไอ้ไวน์ตามหลังมาด้วย   สวนกับพี่ชายตัวเองที่เดินขึ้นบันไดมาจากชั้นล่าง   พี่รามที่ตัว(ดำจน)เขียวสมชื่อนั้นพยักหน้าหงึกหงักรับไหว้เพื่อน 

   “วันนี้กูติดธุระ   มึงรีบกลับบ้านมาช่วยป้าด้วย” 

   ประโยคทักทายของพี่ชายที่มีให้กับน้องที่อายุอ่อนกว่ากันสิบสองปี  รามเป็นวิศวกร  เพิ่งลงเงินกับเพื่อนตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ป้าพร่ำบ่นทุกวันว่าใกล้จะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่  ก็ดูสภาพเศรษฐกิจตอนนี้สิ   ป้าถึงดีใจมากที่เขาสอบติดเภสัชได้  ...ดีใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก

   ที่บ้านมีเขา  พี่ราม กับป้าแท้ๆที่เปิดบ้านชั้นล่างเป็นร้านขาวข้าวราดแกงมานมนาม  ตั้งแต่พ่อแม่ของลักษณ์กับรามเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อลักษณ์อายุได้เพียง 3 ขวบ  จากนั้นพวกเขาสามคนก็โตมาในบ้านหลังนี้

   ลักษณ์กับไวน์เดินออกมาหน้าบ้าน   แยกย้ายกันเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ปากซอย...ยังไม่ถึงไหนเลยเหงื่อก็แตกพลั่กให้กับอากาศแสนเย็นฉ่ำของเมืองไทยในฤดูหนาว   

   ความหล่อที่เซ็ตมาอย่างดี มีอันต้องละลายหายไปกลายเป็นความเมือกแทน   รู้งี้น่าจะขึ้นแท็กซี่ไป  ไม่น่าขี้เหนียวขึ้นรถเมล์เลยให้ตายสิ

   กว่าจะมาจอดหน้าห้างสรรพสินค้าที่นัดหมายเอาไว้ก็เกือบถึงเวลานัดพอดี    เขาเดินเรื่อยๆเข้าไปภายใน  ความเย็นฉ่ำที่แท้จริงของห้างช่วยให้หายเหนอะหนะบ้าง

   ขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นบนสุดของห้าง  พร้อมกับท่องสคริปต์ที่เตรียมมาอย่างดีกับไอ้ไวน์เมื่อคืน

   ‘อ๋อ  ไวน์ต้องไปธุระกับที่บ้านครับ  ค่อนข้างกะทันหัน  ไวน์ฝากขอโทษแอนมาด้วย   ..เราดูเป็นเพื่อนแอนก่อนล่ะกันถ้าแอนอยากดู’ 

   จากนั้นก็งัดเสน่ห์น้ำมันพรายออกมาป้ายข้อศอกสาวเจ้าตอนเผลอ...เดี๋ยวๆ  ไม่ใช่ล่ะ   จากนั้นก็หาวิธีหว่านล้อมให้สาวหลงกลยอมดูหนังด้วยกันแทน   ล้วงเอาตั๋วสองใบที่ซื้อเตรียมอาไว้แล้วหัวเราะ...หึๆ แฮปปี้เอนดิ้ง

   ครับ  ในความคิดของเขามัน ‘ควร’ จะเป็นอย่างนั้น

   “อ้าว  ไวน์มาไม่ได้เหรอ  งั้นไว้วันหลังแล้วกัน   เสียดายจัง    ไม่เป็นไรนะลักษณ์  ขอบคุณมากนะจ้ะที่มาบอก   ไว้เจอกันใหม่  ง่า...  พอดีเรามีนัดกับเพื่อนเหมือนกัน”  แอนที่วันนี้แต่งตัวสะสวยสมวัยพูดพลางพลิกข้อมือดูนาฬิกา  เธอทักทายเขาเพียงสองคำเท่านั้น

   โลกความจริงช่างโหดร้าย   เมื่อเพื่อนสาวของเธอที่ชื่อว่าพลอยโผล่ขึ้นมาทันควันราวกับเล่นกล   แล้วเธอก็ไม่ปล่อยให้เขาได้อ้าปากพูดประโยคหว่านล้อมนับสิบที่เตรียมมาเลยสักนิด

   “เห้ยเธอ  เดี๋ยวสิ...”   

   เหมือนภาพสโลว์โมชั่นเลยพับผ่า   เธอกับเพื่อนจูงมือกันหันหลังให้เขาทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน   เป็นอากาศหรืออะไรสักอย่างที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น

   ป้ายแสตนดี้ของพระเอกหนังยังเด่นและน่าสนใจกว่าเขาตัวเป็นๆหลายเท่า  หรือบางทีเขาควรจะไปหลบหลังป้ายเลยดีมั้ย

   ขอบตาร้อนผ่าว   พอกันทีกับการหลอกตัวเอง...บางทีชาตินี้เขาอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อใคร  และก็ไม่มีใครเกิดมาเพื่อเขาเลยก็ได้    ...เขาคนนี้อาจจะเกิดมาเพื่อ  แก่ เจ็บ  แล้วก็ตายไปเองแบบห่อเหี่ยว   อกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่รู้จะให้หมอที่ไหนช่วยรักษาดามใจให้แล้ว

   กลับบ้านดีกว่า...

   “เลิกขี้แยได้แล้ว  เดี๋ยวสาวเห็นแล้วเสียคะแนนนะโว้ย”    สัมผัสหนักๆพาดมาบนไหล่ของเขาจนแทบทรุด  ลักษณ์หันขวับไปมองอย่างตกใจ   พอเห็นว่าเป็นใครก็สะบัดตัวออก

   “ไอ้ไวน์  ขี้แยพ่อมึงสิ  กูแค่แสบตา”  ยกมือขึ้นป้ายตาอย่างโกรธๆ   กวาดตามองสำรวจเพื่อนที่อยู่ในชุดธีมสีชมพูเหมือนกันกับเขาราวกับนัดกันมางั้นแหละ  “ไอ้หอก  มาได้ยังไง  เดาะแต่งสีชมพูเหมือนกูอีก  ลอกนี่หว่า”

   จุ๊ปากจิ๊กจั๊กหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่ว่าจะแต่งตัวง่ายแค่ไหน ก็ยังออกมาดูดีเสมอ  ไม่เหมือนเขาที่บรรจงแทบตาย  สุดท้ายสาวเมิน

    “กูเปล่าลอก  กูอยากใส่เฉยๆ  แล้วไหนอ่ะแอน  กลับไปแล้วล่ะสิ”  ไวน์ดักคออย่างกะมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า    ลักษณ์เม้มปาก  หันหน้าหนีไปทางอื่น 

   นักศึกษาแพทย์เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาแล้วกดจิ้มปลดล็อค   ลักษณ์เอื้อมจะคว้าคืนกลับมา

   “ทำอะไร”  ไวน์ยกมือขึ้นสูง   ส่วนสูงที่ต่างกัน 13 เซนติเมตรถ้วนก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเชิงกลที่น่าหงุดหงิด

   “โทรหาแอนไง  ขอให้เธอกลับมา”

   “ไม่ต้อง”  ลักษณ์พูดเสียงห้วน  คว้าโทรศัพท์คืนกลับมาได้สำเร็จ    สบตาเพื่อนของเขาที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ  ก็พูดต่อด้วยเสียงอ่อนลง  “ถ้าเขากลับมา ก็เพราะเขาอยากดูหนังกับมึง  ไม่ใช่กับกู...กูไม่อยากดูแล้ว” 

   เสียใจครับบ่องตง  ใจงี้แฟบเหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลมออกมา   อยากโกรธเพื่อนเหมือนกันที่เสือกเกิดมาหล่อกว่ากู   แต่ก็โกรธไม่ลงเพราะรู้ดีว่าหาใช่ความผิดของเพื่อนไม่

   ต้องโทษตัวเองนี่แหละที่มัน...ได้แค่นี้เอง

   “แล้วตั๋วที่ซื้อมาล่ะ  เสียดายตังค์”  เกือบลืม...ลักษณ์ก้มลงมองตั๋วหนังสองใบที่ขยำจนยับไปแล้วนั้น  ใจหนึ่งก็เสียดาย...นี่มันเงินค่าขนมของเขาสามวันเลยนะ  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่มีกะจิตกะใจจะดูแล้ว

   “กูให้  มึงเอาไปเหอะ  เรื่องนี้มึงอยากดูไม่ใช่เหรอ”  ยื่นส่งให้เพื่อนไปซะ  จะได้จบๆไป   ขยับจะเดินหนีทว่ามือแข็งแรงกลับคว้าต้นแขนของเขาเอาไว้

   “กูไม่กล้าดูคนเดียวหรอก  กลัวตายชัก   ดูเป็นเพื่อนหน่อยสิวะ  เข้าไปหลับก็ได้”  ไวน์พูดเสียงอ่อย  หันไปดูหน้าแล้วก็เผลอยิ้มออกมานิดๆ 

   จริงด้วย  ลืมไปเลยว่านอกจากเขาแล้ว  มันเองก็กลัวผีไม่น้อยไปกว่ากัน....กลัวก็กลัวแต่ก็ดันชอบดูหนังผีอีก   เบื่อจริงๆ

   “เดี๋ยวกูเลี้ยงป๊อบคอร์นก็ได้เอ้า”  เสี่ยไวน์เสนอแบบใจป้ำเต็มที่   ลักษณ์อยากจะถอนหายใจออกมายาวๆ  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้เห็นแก่ป๊อบคอร์นสองถังใหญ่  เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในโรงภาพยนตร์ได้

   ปลอบใจตัวเองว่า ..ไม่เป็นไรเว้ย   รอบหน้าเอาใหม่   จะคว้าสาวที่สวยกว่า น่ารักกว่าแอนสักร้อยเท่ามาเป็นแฟนเลย 

   คอยดูดิ


   ..............................................................
   
   
ขอบคุณเพื่อนๆที่กดเข้ามาอ่านและคอมเม้นต์ให้นะคะ  เรื่องนี้อาจจะดำเนินเรื่องช้าๆหน่อยนะ 555
หลายคนคงพอเดาเรื่องได้เเล้ว  ฮ่าๆ  แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ อิอิ
  ขอฝากนิยายเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ   เเนะนำติชมมาเลยนะ
ใครเล่นทวิต ใช้เเทค #แอบลักษณ์ นะคะ ขอบคุณมากค่ะ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2016 00:55:56 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 2
Actions speak louder than words.





   “เห้ย!  ไอ้บ้าตกใจหมด”

   เสียงอุทานตามด้วยเสียงบ่นด่าพึมพำดังอยู่ข้างตัวเขาตลอดเวลาที่ภาพยนตร์กำลังฉายอยู่   เพื่อนของเขาชักขาขึ้นมานั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวถูกผีดึงขา   ส่วนมือทั้งสองข้างก็ยึดแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่น

   ไวน์อยากจะหัวเราะกับท่าทางยกมือขึ้นปิดหน้า แอบมองผ่านง่ามนิ้ว  สลับกับการเอียงคอหลบผี(ในเรื่อง)ของลักษณ์เป็นระยะนั้น   แต่ก็เกรงว่าจะรบกวนคนอื่นๆที่กำลังตั้งใจดูหนังอยู่   

   ส่วนเขาน่ะหรือ...สมาธิแตกซ่านตั้งแต่ไอ้ลักษณ์หันมาซุกหน้ากับซอกไหล่ของเขาตอนกลางเรื่องแล้วล่ะ   ไม่อยากเชื่อเลยว่า ‘แผน’ มาดูหนังผีนี้จะสำเร็จลงอย่างสวยงามเกินคาด

   ฟินไม่ใช่เล่นทีเดียว  แม้ว่าบางครั้งมันจะเผลอจิกเล็บลงบนท่อนแขนของเขาให้รู้สึกแสบๆคันๆบางก็ตาม

   ชายหนุ่มยกมือขึ้นตบบนหลังมือของเพื่อนสนิทที่กำรอบข้อมือของเขาแน่นแล้วก็เปลี่ยนเป็นกุมมือข้างนั้นเอาไว้เสียเลย  แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ดึงออกเพราะมัวแต่ขี้ขึ้นสมองอยู่  มันอาจจะไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ   ว่าที่วางแขนที่ควรจะมีกั้นระหว่างเขากับมันนั้นหายไปไหน

   และระยะห่างระหว่างเราสองคนก็ถูกเขาทำลายด้วยการเขยิบเข้าไปนั่งจนชิด 
 
   ไม่ต้องกลัวว่าไก่จะตื่น...เพราะมันโง่เกินกว่าที่จะคิดได้มานานแล้ว   โง่มาตั้งแต่แรกและคงจะโง่แบบนี้ตลอดไป   ตราบใดที่เขายังไม่คิดจะบอก   มันก็คงจะไม่เอะใจ...ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน

   ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนั้นก็จบลงท่ามกลางความรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้งของเขา   โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกันแบบนี้โดยที่มันไม่ขัดขืนใช่ว่าจะมีได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่

   เดินเคียงข้างกันออกมาจากโรง  สายตาหลายคู่เมียงมองมาทางเขากับไอ้อัปลักษณ์เป็นระยะ...หึ  เขาก็เรียกประชดไปอย่างนั้นเอง   ถ้ามันอัปลักษณ์จริง  เขาคงไม่ต้องมาตามติดทุกฝีก้าวขนาดนี้หรอก
 
   คงมีแต่เจ้าตัวเองกับคนที่ตาไม่ถึงเท่านั้นแหละ  ถึงมองไม่เห็นความ ‘น่าดู’ ในความเรียบง่ายเป็นธรรมชาตินั้น...เสน่ห์แบบเด็กๆที่เขาถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ  และก็รู้สึกชอบมากขึ้นทุกทีตามเวลาที่ผ่านไป   กลัวเหลือเกินว่าจะมีใครจาดี  มองเห็นมันเข้าเหมือนกัน

   “น่ากลัวฉิบหาย  กูเกร็งจนฉี่จะแตก  ไม่น่าเข้าไปดูเป็นเพื่อนมึงเล้ย   คิดผิดจริงๆ”  ลักษณ์ยังคงบ่นต่อไม่จบ  มือก็ล้วงเอาป๊อปคอร์นที่ยังหลงเหลือในถังขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวไปด้วย

   “น่ากลัวแต่ก็สนุกไม่ใช่เหรอ  ลุ้นดีออก”  เขาตอบกลับ  ทั้งๆที่ไม่ได้ดูเลยแม้แต่ฉากเดียว  มัวแต่ดูอย่างอื่นอยู่

   “เออก็จริง   จะเย็นแล้ว  กลับไปกินข้าวเย็นที่ร้านป้ากูกันเถอะ”   ประโยคที่เหมือนจะเป็นคำชวนนั้น  ไวน์รู้ดีว่ามันแฝงนัยยะอะไรไว้

   จะอะไรซะอีกล่ะ   นอกจากจะลากเอาเขาไปช่วยกันเสิร์ฟด้วย  เพราะวันนี้พี่ชายมันไม่อยู่  ซึ่งเขาก็เดินตามหลังอีกฝ่ายไปด้วยความรู้สึกที่เรียกว่า...ยิ่งกว่าเต็มใจ

   กลับมาช่วยป้าของลักษณ์จัดโต๊ะ  เตรียมเปิดร้านที่ขายตั้งแต่เวลาเลิกงานจนถึงเกือบสี่ทุ่มทุกวัน   วันนี้มีลูกค้าแวะเข้าร้านเยอะกว่าปกติเป็นพิเศษเพราะฝนตกรถติด   คนก็เลยแวะหาอะไรกินก่อนเข้าบ้าน

   “ทั้งหมด 169 บาทครับ  รับมา 200 นะครับ”   เขารับเงินมา เดินเข้าไปหาหลานเจ้าของร้านที่กำลังหัวหมุนอยู่อีกด้านหนึ่ง

   “ทอน  31 บาท”   ยื่นเงินส่งให้อีกฝ่ายรับไปนับ   แล้วลักษณ์ก็ล้วงกระเป๋าจิงโจ้ที่คล้องเอวอยู่หยิบเงินทอนขึ้นมาส่งให้อย่างคล่องแคล่ว

   ไวน์เดินกลับไปกลับมาทั่วร้าน  หลายครั้งที่มีสาวใจกล้าบางคนแกล้งแซวบ้าง  ขอเบอร์บ้าง   เขาก็บอกปฏิเสธไปขำๆ  ไม่ได้คิดอะไรมาก  พอจะรู้อยู่เหมือนกันว่ามีตากลมๆของใครคนหนึ่งคอยจับสังเกตอยู่เงียบๆ

   อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าบางทีลักษณ์อาจจะหึงเขา....ช่างเหอะ  เขาคงจะเสียสติไปแล้ว  ความจริงก็คือ  เพื่อนสนิทของเขามันไม่พอใจเขาตะหาก   ที่บังเอิญว่าเขาหน้าตาหล่อ(ในสายตาสาว)มากกว่ามันไปบ้าง  จนทำให้สาวๆที่มันหมายปองมีอันต้องเปลี่ยนใจเทมาหาเขาแทนบ่อยๆ

   ไวน์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน   มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้   ต้องโทษตัวมันเองที่ดูเหมือนจะไม่มีเสน่ห์ต่อเพศหญิงเอาเสียเลย   

   ตรงข้ามกับเพศชาย  ที่ดูจะ ‘ฮอต’ ไม่ใช่เล่น

   “พี่สิงห์  มาได้ยังไงครับเนี่ย”  ร่างสูง หน้าตาคมเข้มที่เดินเข้ามาภายในร้านข้าวแกงตามสั่งของป้าเรียกสายตาของทุกคนในร้านได้ดี  พี่รหัสของลักษณ์นั่นเอง   คนที่เขารู้สึกขัดหูขัดตาตั้งแต่วันนั้นที่ร้านอาหาร...พวกถือโอกาสหลอกจับมือเพื่อนผู้แสนซื่อบื้อของเขา

   “พี่แวะมาทำธุระแถวนี้พอดี  นึกได้ว่าลักษณ์บอกอยู่แถวนี้เลยถามคนเขาเอา  หาไม่ยากนี่  แค่ถามว่าร้านข้าวแกงป้าดาไปทางไหนเขาก็ชี้บอกทางมาเลย”  นักศึกษาคณะเภสัชฯปีสองพูดยิ้มๆ แล้วเดินไปเลือกอาหารที่ตู้ข้าวแกงหน้าร้าน   ยกมือขึ้นทำความเคารพ ‘ป้าดา’ คุณป้าของลักษณ์ด้วยท่าทางนอบน้อมแบบเด็กที่เข้าผู้ใหญ่เป็น

   สายตาของป้าดามีแววเอ็นดูขึ้นมาทันที   ไวน์เป็นคนยกจานอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ   สิงห์กำลังคุยอะไรกับน้องรหัสตัวเองอยู่อย่างสนุกสนาน   เขาวางจานข้าวลงบนโต๊ะแรงกว่าปกติ

   กึก!

   “อ้าว   นี่เดือนแพทย์ปีนี้ไม่ใช่เหรอ”   สิงหาเงยหน้าขึ้นมองเขา   ดวงตาคมๆใต้กรอบแว่นคู่นั้นมีแววระมัดระวังอย่างประหลาด   อธิบายไม่ถูก  รู้แน่ๆอย่างเดียวคือ  ความไม่ถูกชะตาซึ่งน่าจะมีที่มาจากใครบางคนที่นั่งเอ๋ออยู่ข้างๆเนี่ยแหละ

   “สวัสดีครับ  พี่เป็นพี่รหัสของลักษณ์เหรอ” 

   “อืม....เป็นเพื่อนกับลักษณ์เหรอ”

   “ใช่พี่  ไอ้นี่เป็นเพื่อนสนิทผมตั้งแต่ม.2  จนเอนท์เนี่ยแหละ  แม่งทิ้งผมไปเรียนหมอซะงั้น  ติวก็ติวด้วยกันแท้ๆ”  ประโยคนั้นเขาไม่ได้พูดหรอก   เจ้าของบ้านชิงพูดไปหมดแล้ว  พลางทำเสียงจิ๊กจั๊กในคอ   ดูน่าขันในสายตาของเขา ...เหลือบมองไปทางรุ่นพี่คณะเภสัชฯ ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังจับจ้องสายตาไปทางลักษณ์ด้วยแววตาเอ็นดู...เกินไปไหมวะ?

   มีพี่รหัสคนไหนมองน้องรหัสตัวเองตาเยิ้มแบบนี้ด้วยหรือไง

   “แล้วนี่พี่แวะเอาของมาให้ลักษณ์เหรอ”  ไวน์ถาม  ถือโอกาสเนียนนั่งตรงข้ามเสียเลย  ทำให้ไอ้ลักษณ์ต้องลุกไปเก็บโต๊ะข้างๆที่กินเสร็จแล้วแทน   

   “เปล่า  พี่อยากมาบ้านลักษณ์”  อีกฝ่ายตอบตรงๆ

   เรามองกันอย่างรู้ทัน   ผู้ชายเหมือนกันทำไมจะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายคาดหวังอะไรอยู่ในใจ   แต่เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำสำเร็จง่ายๆหรอก   อุตส่าห์เฝ้าอยู่ตั้งนานหลายปี  เรื่องอะไรจะปล่อยให้ใครมาชุบมือเปิบเล่า

   “อ๋อ  ว่างๆพี่ก็แวะมาสิ  ผมก็มาทุกวันตั้งแต่ม.ต้นแล้ว”  ชิงพูดข่มไว้ก่อน  ไม่รู้แหละ   มาก่อนได้ก่อนดิวะ

   “สนิทกันดีจังเลยเนอะ   มีเพื่อนแบบนี้นี่ดีจริงๆ”  สิงห์เน้นสถานะของเขาอย่างจงใจ  ลักษณ์เดินกลับมาทันประโยคสุดท้ายพอดี  พยักหน้ายิ้มรับ

   “ใช่  เพื่อนแบบมันเนี่ยหายากยิ่งกว่าควายป่าแอฟริกาอีก” 
   ...เอ้าด่าอีก  แต่นาทีนี้ยอมครับ  จะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น  ขอแค่มันแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างเราสองคนให้มากๆเข้าไว้เป็นพอ   

   คิดแล้วก็ยกมือขึ้นโอบไหล่ของลักษณ์แล้วดึงเข้าหาตัว

   “ถ้ากูควายป่า  แล้วมึงเป็นตัวอะไรดีล่ะที่รัก”  แกล้งกระซิบที่ข้างหูของเพื่อน  มันตาเหลือกผลักหน้าเขาออกอย่างแรงพลางยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองทำท่าขนลุกขนพอง

   “ไอ้บ้านี่ขนลุกหมด  อึ๋ย  ที่รักพ่องดิ  มึงเป็นควายป่า กูก็เป็นคนสิวะ” 

   “แน่ใจเหรอ  คนอะไรโง่กว่าควายป่าอีก” 

   โง่ขนาดเชื่อไอ้พี่รหัสท่าทางกรุ้มกริ่มนี่ได้ลงว่ามันแค่บังเอิญแวะผ่านมาเฉยๆ  ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยจริงๆ   ปัดโธ่  เห็นหน้ามันก็รู้แล้ว  ยิ่งกว่าหม้อแกงหน้าร้านอีก

   “เออ  ใช่สิ  ใครมันจะไปฉลาด ดีเลิศประเสริฐศรีเหมือนมึงล่ะ”  ลักษณ์สะบัดเสียงแล้วยกจานกลับไปข้างหลังร้านเฉย   ทิ้งให้เขากับพี่สิงห์มองตามหลังไป   แว่วเสียงหัวเราะหึๆจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม  รุ่นพี่ปีสองมองหน้าเขาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจที่ดูอย่างไรก็คือการเยาะเย้ยชัดๆ

   “หึ  โชคดีนะ  ฝากบอกลักษณ์ด้วยว่าผมกลับก่อน  ไว้จะแวะมาใหม่”   สิงห์ลุกขึ้น   เดินไปลาป้าดาที่ยืนประจำการอยู่ที่หน้าร้าน   

   ไวน์ชะเง้อมองหลังบ้านแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่   ไม่มีวี่แววว่าลักษณ์จะกลับออกมาอีก   ดูเหมือนว่าคราวนี้เพื่อนของเขาจะโกรธเข้าจริงๆ

   “เก็บตังค์ด้วยครับ”  เสียงตะโกนเรียกจากโต๊ะข้างหลังทำให้ไวน์ต้องละความคิดที่จะเดินเข้าไปตามไว้ก่อน   เขาผละไปช่วยเก็บเงิน เก็บจานจนป้าดาเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติภายในร้าน

   “ลักษณ์ไปไหนน่ะลูก”  เธอหันมาถามเขา   

   “เดี๋ยวผมไปตามให้ครับ  คงเข้าห้องน้ำ” 

   เป็นช่วงที่ลูกค้าเริ่มซาพอดี   เขาจึงเดินเข้าไปด้านหลังร้านซึ่งต่อเป็นห้องครัว  ติดกับบันไดขึ้นไปบนชั้นสอง   ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชั้นบนโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

   เขารู้ดีว่าตอนนี้ไอ้หมอนั่นไปหลบอยู่ที่ไหน...

   เสียงแปรงขัดห้องน้ำถูกับพื้นกระเบื้องอย่างแรงดังลั่นออกมานอกห้อง  ไวน์หยุดยืนอยู่ด้านหน้าห้องน้ำขนาดเล็กที่อยู่ข้างๆห้องส่วนตัวของเพื่อนสนิทนั่นเอง   แว่วเสียงสูดน้ำมูกปนมากับเสียงเคาะแปรงแรงๆด้วย

   ...ขัดห้องน้ำ  เหอะ...ไม่เบื่อบ้างหรือไงนะ   เป็นอย่างนี้มากี่ครั้งแล้วล่ะ...ทุกครั้งที่ลักษณ์โกรธ  น้อยใจ  เสียใจ คิดมาก  หรืออะไรก็ตาม   สิ่งหนึ่งที่จะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ลงได้ก็คือ  การขัดห้องน้ำ

   ไม่รู้เหมือนกันว่ามันช่วยตรงไหน  แต่พอหลังจากเจ้าตัวเปียกปอนออกมาจากห้องน้ำทีไร  อารมณ์ขึ้นๆลงๆในตอนแรกนั้นก็จะสงบราบคาบลงทุกที   

   ไวน์ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้น   หลังพิงประตูห้องน้ำเอาไว้  ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหอบหายใจลอดผ่านประตูออกมาพร้อมกับเสียงราดน้ำโครมใหญ่

   “เสร็จหรือยัง  เกลี้ยงแล้วน่า”  เขาแกล้งพูดดังๆ    เสียงขัดห้องน้ำที่ดำเนินมาอย่างดุเดือดนั้นหยุดชะงักลงนิดหนึ่ง  แล้วก็ดังขึ้นอีก

   “จะขัดจนมือเปื่อยเลยหรือไง   คนเขาปวดฉี่ ออกมาเร็วๆ” 

   “ไปฉี่ข้างล่าง”  เสียงอีกฝ่ายตอบกลับมาห้วนๆ 

   “ทิ้งป้าดาอยู่คนเดียวหรอ  ออกมาช่วยกันสิ”

   “เดี๋ยวออกไป  ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านไปก่อนเลย”  เสียงนั้นตอบกลับมาอีก  ตามด้วยเสียงเปิดน้ำดังซู่   คนฟังถอนหายใจยาว   นึกถึงเหตุการณ์สมัยก่อนขึ้นมาได้ 

   วันที่เขาได้เจอกับคนๆนึงครั้งแรก


   0000000000000000000000000000000000


   ‘เห้ยๆ หลบๆ  หลบไปโว้ย!’  ไวน์ตะโกนสุดเสียง  มือก็โบกไล่พวกเด็กม.1 ที่ยืนเกะกะอยู่เต็มลานหน้าโรงเรียน   เขากำลังวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อหนีไอ้สามสี่คนที่ไล่กวดตามเขามาอยู่ข้างหลังติดๆ

   ‘มึงไม่ต้องหนีเลยไอ้ไวน์  กลับมานี่’  ไอ้คนตัวใหญ่สุดตะโกนมาข้างหลัง  พร้อมกับกระชากเสื้อของเขาแรงๆ   ไวน์หมุนตัวแล้วเตะเข้าที่หน้าแข้งของมันเข้าจังๆ 

   จากนั้นก็วิ่งต่อ   

   วนเลี้ยวอ้อมซอกตึกอย่างชำนาญ   ทว่าลืมไปสนิทว่าทางข้างหน้าเป็นทางตัน   ขายาวๆหมุนกลับเลี้ยวขึ้นไปบนตัวอาคาร   เขาก้าวขึ้นบันไดที่ละสองสามขั้นไปยังชั้นห้าบนสุด  หูยังแว่วเสียงฝีเท้าของคนที่ไล่ตามหลังมาไม่หยุด

   ...บ้าชิบ  กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว  จะเอาถึงตายเลยหรือไงวะ...

   ห้องเรียนทุกห้องถูกล็อคเอาไว้หมด  เขาได้แต่วิ่งไปจนสุดระเบียงเพื่อจะพบว่าไอ้พวกนั้นขึ้นบันไดมาดักรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

   ‘จะไปไหน ไอ้ไวน์  มึงไม่รู้หรือไงว่าน้องหวานเป็นแฟนกูมาตั้งนานแล้ว’

   ‘กูไม่รู้  หวานไม่ได้บอก’  ถึงบอกก็ไม่สนหรอกครับ   นาทีนั้นใครสวยก็คว้าอยู่แล้ว

   ‘งั้นมึงก็รู้ไว้ซะนะ’  ไอ้คนตัวใหญ่สุดคว้าคอเสื้อของเขากระชากขึ้นมาจนตัวเกือบลอย  เพื่อนของมันอีกสองคนเดินมายึดตัวของเขาเอาไว้  ‘หวานเป็นแฟนกู  มึงต้องชดใช้ที่แอบพาหวานไปดูหนัง’

   สิ้นคำนั้น  หมัดลุ่นๆก็พุ่งกระแทกใบหน้าของเขาอย่างจัง  รู้สึกเจ็บแปลบพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ไหลปนกันไม่รู้จากปากหรือจมูก   มันทำท่าจะง้างต่อยเขาอีกครั้ง  ทว่ากลับมีเสียงตะโกนดังขึ้นทางด้านหลัง  ทำให้ทุกคนต้องเหลียวไปมอง

   ‘ทางนี้ครับคุณครู  มีคนต่อยกันอยู่ฮะ’  พวกนั้นชะงักกึก  ไอ้คนที่ยึดตัวเขาอยู่นั้นก็คลายมือลงเมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังวิ่งขึ้นบันไดมา  ไวน์อาศัยจังหวะนั้นวิ่งสวนเข้าไปทางต้นเสียงที่ยังไม่เห็นตัว  กะว่าไอ้พวกนั้นคงไม่กล้าวิ่งตามมาทันทีแน่

   กวดสุดฝีเท้ามาถึงสุดระเบียง  เขาเลี้ยวลงบันได  กำลังจะอ้าปากฟ้องครูก็พบว่ามีเพียงเด็กผู้ชายตัวผอมๆแห้งๆคนหนึ่งยืนแอบอยู่ริมกำแพงคนเดียว   หมอนั่นยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเชิงห้าม

   “อยู่ตรงนั้นครับครู”  เด็กคนนั้นตะโกนเสียงดังแล้วฉุดมือเขาพาวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วจนหัวแทบคะมำ   ไวน์วิ่งตามหลังร่างแบบบางที่วิ่งเร็วนำหน้าเขาไปเกือบช่วงตัวนั้นลงมาจากอาคารเรียน   ตัดสนามหญ้าอ้อมไปทางโรงอาหารข้างหลัง   

   ไม่มีใครวิ่งตามพวกเขามาอีก   ไอ้พวกนั้นคงมัวแต่ตกใจอยู่กระมัง

   มาหยุดยืนเท้าแขน หอบจนตัวโยนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่  ริมสระบัวหลังโรงเรียน   ไวน์ยกมือขึ้นปากเลือดกำเดาที่ยังไหลไม่หยุดนั้นลวกๆ  อีกฝ่ายหันมาเห็นเข้า  ดวงตาโตๆคู่นั้นที่เป็นส่วนที่เด่นที่สุดบนใบหน้าเบิกกว้างขึ้นอีกเกือบเท่าไข่ห่าน

   “ละ..เลือดออกเพียบเลย  ตายแล้ว  ตายแน่ๆ” มือเล็กๆนั่นออกแรงลากเขาเดินตัดริมสระบัวกลับเข้าไปในโรงอาหาร  ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำเก่าๆที่แทบไม่มีคนใช้แล้ว

   “ยังไม่ตายโว้ย!”  เขาตะคอกกลับอย่างหงุดหงิดแต่ก็ยอมเดินตามแรงลากโดยดี   กวาดตาสำรวจไปรอบๆห้องน้ำร้างว่าปลอดภัยแล้วจึงก้มหน้าลงวักน้ำในอ่างล้างหน้าขึ้นมาล้างคราบเลือดที่ติดอยู่เต็ม   เขาเงยหน้าขึ้นเจอ ‘พลเมืองดี’ ที่ยืนจ้องเขาอยู่เงียบๆ   ชุดนักเรียนใหม่เอี่ยมสีขาวแกมฟ้าบวกกับท่าทางเด๋อๆแปลกๆทำให้เขาเดาได้ไม่ยากว่าคนตรงหน้าคงจะเด็กกว่าเขาแน่นอน

   “ม.1 ใช่มั้ย  ชื่ออะไร”  ไวน์ถาม

   “ทำไมต้องบอก”

   “ไม่บอกก็ตามใจ” เด็กม.2ยักไหล่  ไม่อยากบอกก็ไม่อยากรู้   เขาหันหลังให้  ทำท่าจะเดินหนี

   “เห้ย เดี๋ยวสิ  อุตส่าห์ช่วย  จะไม่ขอบคุณหน่อยเหรอ”  เสียงซื่อๆแบบเด็กๆที่เสียงยังไม่แตก  ฟังดูกวนประสาทชอบกลในความคิดของเขา

   “แล้วทำไมถึงช่วยล่ะ” 

   “ก็นึกว่าเอาบุญ”  ไอ้หน้าจืดตอบกลับมา  ทำเอาคิ้วเขากระตุก  สับมะเหงกโป้กลงไปบนศีรษะทุยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมเกรียนติดหนังหัว

   “นี่แหนะ เอาบุญ”   เด็กนั่นมองถลึงตาใส่เขาแล้วกำหมัดสวนเข้าใส่หน้าท้องของเขาทีนึงก่อนจะวิ่งหนีทว่าไม่พ้น  เขามือไวคว้าข้อมือเอาไว้ได้เสียก่อน

   ...ไม่เจ็บปวดอะไรนักหรอก  แค่หมัดง่อยๆนั่น  แต่เขาก็ไม่อยากปล่อยให้เด็กนี่ต่อยแล้วหนี

   “จะไปไหน”  กำรอบข้อมือผอมๆนั่นแน่น  หมอนั่นพยายามบิดข้อมืออย่างแรงแต่ก็ไม่หลุด   ไวน์เพิ่งสังเกตเห็นว่าดวงตาของเด็กม.1มีรอยบวมช้ำคล้ายคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาไม่นานและตอนนี้ดวงตาคู่นั้นก็เริ่มมีน้ำตาคลอขึ้นมาปริ่มๆขอบตา

   “จะร้องไห้เหรอ  เป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย”  คนฟังเม้มปาก ยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งทันที

   “ไม่ได้ร้อง  แค่แสบตาโว้ย”

   “เชื่อมากเลย  ตาบวมฉึ่งขนาดนี้”  เขาพูดแกมหัวเราะ  ยอมปล่อยข้อมือนั้น  มองอีกฝ่ายหันไปมองเงาตัวเองในกระจกอย่างตกใจ

   “โห  จริงด้วยแฮะ”  มันยกมือขึ้นแตะๆที่รอบดวงตา  แล้วก้มลงวักน้ำล้างหน้าหลายรอบ

   “ใครแกล้งมา หรือโดนสาวหักอก”  เขาค่อนข้างจะมั่นใจกับเหตุผลแรกมากทีเดียว  ดูจากท่าทางของเซ่อๆของเด็กคนนี้แล้ว  มันก็น่าแกล้งให้ร้องไห้อยู่ไม่น้อย

   “อกหักพ่อง  ยังไม่ทันจีบเลย”  เด็กม.1หลุดปากออกมาด้วยความซื่อ  แล้วก็ทำหน้าเหรอหราเมื่อคนแก่กว่าหัวเราะออกมาเสียงดัง  พลางยกมือขึ้นโยกศีรษะกลมๆไปมา

“โถ หน้าอย่างมึงเมื่อไหร่ก็อกหัก  ขี้แยก็เท่านั้น มันต้องทำตัวแมนๆหน่อยสิวะ  สาวถึงจะสน”  พูดแล้วยืดอกขึ้นนิดนึง   ดูพี่ไวน์คนนี้เป็นตัวอย่างนะครับ

“แมนๆแบบไหน  แบบที่โดนรุมตึ้บเมื่อกี้เหรอ   ไม่เอาหรอก”  พูดจบมันก็เบ้ปากใส่เขาแล้วก็วิ่งออกไปจากห้องน้ำโกโรโกโสนั้น  สรุปจนถึงบัดนี้ ไวน์ก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไมเด็กม.1ถึงได้โผล่มาช่วยเขาไว้ได้   

   หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาก็ได้เห็นหน้าไอ้เด็กนั่นอยู่บ้าง  รู้มาว่ามันชื่อ ลักษณ์  เรียนอยู่ห้อง ม.1/6 ห้องคิง  พวกเขาไม่เคยคุยกันอีกเลย  แม้แต่เดินผ่านกัน  เจ้าเด็กม.1ก็ทำเป็นมองไม่เห็นเขา

   จนกระทั่งกลางปี  เขาดันบังเอิญสอบได้ทุนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ 6 เดือน  ก็เลยดรอปเรียนแล้วเดินทางไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ครึ่งปี  ก่อนจะกลับมาเรียนซ้ำชั้น ม.2ใหม่และได้อยู่ห้องเดียวกันกับเด็กคนนั้น

   เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนอันยาวนานนี้...



   000000000000000000000000000000000000000000000


   เสียงขัดห้องน้ำเงียบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไวน์ก็ไม่ทันสังเกต  เขารู้ตัวอีกทีเมื่อประตูที่พิงอยู่ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของตัวเองที่หงายหลังตามแรงเปิดของประตูไปชนิดที่ท้ายทอยกระแทกพื้นเข้าเต็มๆ
   
   “เห้ย  เจ็บมั้ย”  ได้ยินเสียงอุทานแว่วๆ  มือของคนในห้องน้ำจับต้นแขนของเขาเอาไว้แล้ว  อีกมือก็ประคองต้นคอก่อนจะพยุงให้เขาลุกขึ้นมานั่งพิงประตูเหมือนเดิม  เสื้อด้านหลังเปียกชุ่มพอๆกับเนื้อตัวของอีกคนที่เปียกม่อล่อกม่อแลก

   “ยังไหวๆ”  ไวน์พึมพำ  ยกมือขึ้นนวดท้ายทอยตัวเองจนรู้สึกดีขึ้น  ก่อนจะหรี่ตามองคนที่นั่งยองๆอยู่ตรงหน้า ลักษณ์ลุกขึ้นทันที  ทำท่าจะเดินหนี

   เขายึดข้อเท้าผอมๆเอาไว้

   “คุยกันก่อน”  เงยหน้าขึ้นพูดเสียงเรียบ แบบที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะไม่มีทางปฏิเสธ   

   “ไม่มีอะไรต้องคุย” 

   “งั้นก็อยู่แบบนี้แหละ”  ลักษณ์คงรู้ดีว่าลงเขา ‘จับ’  แล้ว  ไม่มีทางแกะมือแข็งๆนี้ออกแน่นอน  ไม่ต้องนึกว่าจะยกขาอีกข้างขึ้นมาเตะด้วย   เพราะอีกฝ่ายรู้เท่าๆกับเขาว่าอาจจะโดนล็อคลงไปนอนกองที่พื้นด้วยท่ายิวยิตสูได้   

   “มีอะไรอีก”  ลักษณ์ยอมถอยหลังกลับมานั่งยองๆข้างเขาเหมือนเดิม  ใบหน้าซีดๆนั้นมีเหงื่อซึมทั้งไรผมและปลายจมูก  ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่น

   “โกรธอะไร”  เขาถาม  “น้อยใจที่โดนด่าว่าโง่เหรอ  กูพูดเล่นเฉยๆเองนะ”  เขาพุ่งเข้าเป้า   อีกฝ่ายหันขวับมามองแล้วเบือนหลบสายตาของเขา

   “ปัญญาอ่อน  ใครมันจะไปคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น”

   “ก็มึงไง”

   “กูเปล่า”  ลักษณ์ปฏิเสธ  แต่ไม่สามารถหลอกคนที่รู้จักกันมานานเกือบ 7 ปีได้   ไวน์หรี่ตาลงยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้   อีกฝ่ายพูดเสียงเขียว  “บอกว่าเปล่าก็เปล่าดิวะ”

   “โอเค  ก็ได้  ไม่คิดก็ไม่คิด....”  เขาถอยออกมา   “แล้วทำยังไงถึงจะคิด”  ไวน์พูดเสียงเบาคล้ายพูดกับตัวเอง   คนตรงหน้าขมวดคิ้วฉับ

   “คิดอะไร  คิดว่าทำไมตัวเองโง่น่ะเหรอ”  ลักษณ์ก้มหน้าลง “กูรู้ตัวเองมานานแล้ว  ไม่ต้องย้ำ”  พูดเสียงเบาอยู่ในลำคอ  มือกำแน่นอยู่บนตัก   ดวงตาคู่นั้นหลุบต่ำเห็นขนตาหนาเป็นแพ  ปิดบังแววตาของตนเอง 

   ให้ตายเถอะ...ภาพที่เห็นทำให้เขาใจเต้นแรงแปลกๆอีกแล้ว   เผลอขยับเข้าไปจนเกือบชิด  กระซิบข้างหูเพื่อนสนิท

   “แล้วรู้ตัวหรือเปล่าว่า...น่ารัก”

   “ห้ะ?”  คนฟังเงยหน้าขึ้นทันที   ดวงตาเบิกกว้างมองหน้าเขาอย่างตกใจ    คนพูดยิ้มใส่ตาคู่นั้น   แล้วพูดแกมหัวเราะ

   “โทษที กูพูดตกไปหน่อย  จะบอกว่ารู้ตัวหรือเปล่าว่ามี ‘เพื่อน’ น่ารัก”   

   “น่ารักตรงไหนวะ  กูไม่คุยกับมึงแล้ว  พูดอะไรไม่รู้เรื่อง  ประสาท!”  ลักษณ์พูดแล้วรีบลุกขึ้นยืน    ขณะที่คนพูดหัวเราะเสียงดัง   

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะคนทั้งคู่  ไวน์ล้วงกระเป๋ากางเกงลงไปหยิบขึ้นมาดู  หน้าจอขึ้นชื่อของเด็กสาวคนหนึ่งที่ทำให้สายตาของเพื่อนที่เมียงมองอย่างสนใจนั้น ‘จ๋อย’ ลงไปถนัด

   ชายหนุ่มจุ๊ปาก  กดรับ

   “สวัสดีครับแอน ....ครับ  ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ไม่ว่างกะทันหัน   อืม...อ้าว  ตกลงไม่ได้ดูหนังเหรอครับ    อาทิตย์หน้าผมไม่ว่างแล้วสิ  ขอโทษด้วยนะครับ   อ้อ...จะคุยกับลักษณ์มั้ย  ผมอยู่กับเค้า...ครับ  งั้นสวัสดีครับ”  ไวน์กดวางสายแล้วหันมามองหน้าใครอีกคนที่ยืนเม้มปากอยู่ข้างๆ

   “พวกตาไม่ถึง  ไม่ต้องไปสนใจหรอกน่า   สาวๆน่ารักๆในคณะกูมีอีกเพียบ  เดี๋ยวพาทัวร์” 

   คำตอบที่ได้รับมีเพียงเสียงถอนหายใจแผ่วเบาตอบกลับมา   เบาบางทว่ากลับทำให้เขาร้อนใจขึ้นมาฉับพลัน
   
   “เอางี้  เดี๋ยวแนะนำดาวคณะฯ ให้รู้จักเลย  คนนี้เด็ดจริงๆนะ  น่ารักกว่าแอนร้อยเท่า”  เขานึกถึงเพื่อนอีกคน  เธอตัวเล็กๆขาวๆ สเป็คของไอ้ลักษณ์แน่นอน

   ไวน์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเอง ‘ควร’ รู้สึกอย่างไรกันแน่   ในการปฏิบัติตัวเป็นเพื่อนที่ดีนี้   วูบหนึ่งที่เขาดีใจที่แอนไม่ชอบเพื่อนของเขา  อีกวูบหนึ่งก็อดสงสารหน้าจ๋อยๆไม่ได้  เห็นมันต้องกินแห้วผสมน้ำใบบัวบกเมนูเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่น   ใจหนึ่งอยากช่วยให้เพื่อนสมหวังเสียที

   ...แต่อีกใจ  ก็ไม่นึกอยากให้ใครเข้าใกล้ลักษณ์ไปมากกว่านี้....มากกว่าเขา

   “ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น   มันอยู่ที่หนังหน้ากูเนี่ย”   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นแล้วพูดเสียงดัง   “ไม่มีใครชอบกูหรอก  ขนาดกูยังไม่ชอบตัวเองเลย”   เสียงคนพูดพร่าสั่นด้วยแรงอารมณ์   

   “หนังหน้ามึงมันทำไมไม่ทราบ”  ไวน์ยกมือขึ้นแตะที่แก้มซ้าย  แล้วเปลี่ยนเป็นจับปลายคางของเพื่อนเอาไว้แน่น “กูว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใบหน้าของมึง  แต่อยู่ที่ความคิดของมึงมากกว่า” 

   “ปล่อยกู  ...มึงไม่เข้าใจหรอก  คนที่เกิดมาหล่ออย่างมึงอ่ะ”

   ...หล่อแล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนที่กูชอบ เค้าไม่ได้ชอบความหล่อของกูเลย   ปัญหากูหนักกว่ามึงอีก  ลักษณ์    เขาตะโกนในใจ  ทว่าพูดออกไปไม่ได้ 

   ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ที่เขาเฝ้าอุตส่าห์ทะนุถนอมมาอย่างดีคงพังครืนลงไม่เป็นท่า

   ลักษณ์ปัดมือเขาออก  แล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน   สักพักก็กลับออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่แห้งสนิท  อีกฝ่ายเดินผ่านเขาไปราวกับเห็นเขาเป็นอากาศไม่ก็มนุษย์ล่องหน

   ไวน์ถอนหายใจยาว   เดินเข้าไปในห้องนอนของเพื่อนเพื่อเปลี่ยนเสื้อที่เปียกโชกบ้าง   สายตามองไปที่ปลายเตียงเห็นเสื้อยืดตัวหนึ่งวางพับเอาไว้   ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นของเจ้าของห้อง   คงมีใครบางคนวางเตรียมเอาไว้ให้เขา...ทั้งๆที่โกรธกันอยู่

   ชายหนุ่มถอดเสื้อตัวเดิมออก แล้วหยิบเสื้อปลายเตียงขึ้นมาสวมใส่   เขามองลายการ์ตูนรูปวัวที่อยู่กลางอกนั้นแล้วถอนหายใจอีกครั้ง

   ....ไอ้วัวเอ๊ย   ทำแบบนี้ทำไมวะ

   แล้วเมื่อไหร่เขาจะตัดใจได้เสียที....

   ............................................................................
   

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มาต่ออีกนะคะ เชียร์ไวน์สุดใจเลยยยย  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 3
Everything comes to him who waits.





   “พร้อมกันอีกรอบนะคะน้อง  พี่ขอเสียงดังๆหน่อยนะ” 

   พี่ปีสองตะโกนใส่โทรโข่งให้เหล่าเด็กปีหนึ่งเฟรชชี่ร้องเพลงเชียร์หลายสิบเพลงใหม่อีกรอบ  หลังจากที่นั่งแหกปากตะเบ็งเสียงกันมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว  ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของรุ่นพี่เสียที

   ลักษณ์รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ไม่เลือกลงกีฬาอะไรสักอย่างไปซะ  จะได้ไม่ต้องมานั่งร้องเพลงจนเสียงแหบเสียงแห้งขนาดนี้   

   เฟรชชี่เกมส์ได้เริ่มขึ้นแล้ว   และหน้าที่ของเด็กปีหนึ่งคณะเภสัชฯที่ไม่ได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์  ไม่ได้มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา  ไม่มีหน้าตาดึงดูดหรือป๊อบปูล่าพอจะไปเดินถือป้ายอย่างเขา  ก็เหลือหน้าที่เดียวคือต้องขึ้นแสตนด์เชียร์

   ซ้อมร้องเพลง ปรบมือ ก้มหัว ยกแขนเป็นจังหวะให้พร้อมเพรียงกันทุกเย็นนั้นเป็นความน่าเบื่อที่สุดในความคิดของลักษณ์  ทว่าเขาก็ไม่รู้จะหาทางปลีกตัวออกมาได้อย่างไร

   “กรี้ด!  คนนั้นแหละแก  เสื้อน้ำเงินสูงๆอ่ะ  ใช่เลย”  เสียงหวีดเบาๆดังมาจากข้างหลังของเขา  ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นสาวๆร่วมชั้นปีที่มาขึ้นแสตนด์เชียร์ด้วยอีกจุดประสงค์หนึ่งคือ ส่องนักกีฬา

   “คนไหนๆ    เสื้อสีน้ำเงินตั้งหลายคน   ใช่ที่ใส่แว่นน่ะเหรอ”

   “ไม่ใช่ย่ะ  คนที่สูงๆนั่นน่ะ   ที่ก้มลงไป  อุ้ย เงยหน้าขึ้นมาแล้ว”

   ลักษณ์กวาดสายตามองตามเสียงกระซิบกระซาบ   เห็นร่างสูงใหญ่ในเสื้อสีน้ำเงินกำลังเงยหน้าขึ้นมองมาทางแสตนด์พอดี    พอเห็นใบหน้านั้นถนัด  ลักษณ์ก็อยากจะเบ้ปาก

   นึกว่าใคร...อ่ะโธ่

   “หล่อว่ะ   ชื่อไวน์ใช่มั้ย”

   “ใช่แล้วแก   หล่อมั้ยล่ะ  นี่ชั้นมีเฟสเค้าด้วยนะ   หล่อมาตั้งแต่มัธยมแล้ว   เนี่ยเค้าได้เป็นเดือนคณะฯด้วย   เดี๋ยวจะมีแข่งดาวเดือนมหาลัย  ชั้นว่าเค้าก็คงได้อีก”
   
   สาวๆยังคงซุบซิบต่อกันมาอีกหลายคำ  พร้อมกับเสียงกรี้ดเป็นระยะ   เมื่อคนที่ถูกพูดถึงลงไปวิ่งซ้อมในสนามบาส   และโยนรับส่งลูกบาสกับเพื่อนร่วมทีมอย่างคล่องแคล่ว

   “มีแฟนแล้วชัวร์  คนไหนอ่ะ  คณะเดียวกันป่ะ” 

   “ใช่ๆ  เห็นว่าชื่อ...”

   ถึงไม่อยากฟังเท่าไหร่  แต่เสียงพูดคุยก็ยังลอยดังเข้ามาในหูเองอยู่ดี  ลักษณ์เสก้มลงดูดน้ำในขวดอึกใหญ่แก้คอแห้ง    เพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆเขาและเพิ่งรู้จักกันได้สี่วันหันมาถาม

   “เสร็จเชียร์มึงไปไหนต่อ  ไปกินข้าวเย็นด้วยกันเปล่า  มีกู  เต้   เบียร์”    คนพูดชื่อ แซม   แต่ใบหน้าตี๋ตาชั้นเดียวบอกเชื้อจีนเต็มที่ไม่มีฝรั่งปนนั้นชวนเขาพลางยิ้มกว้าง   เพื่อนๆอีกสองคนที่นั่งถัดกันไปหันมาผงกหัวหงึกหงักเป็นเชิงเชิญชวน

   เต้เป็นคนใต้  ผิวคล้ำหน้าคม  หล่อทีเดียวเสียแต่ตัวเล็กไปหน่อย   ส่วนเบียร์นั้นอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี   ชื่อเล่นเต็มๆคือถังเบียร์เพราะหุ่นเหมือนถังไม้โอ๊ค    ท่าทางซื่อๆขี้เล่นใช้ได้ 

   ลักษณ์เหลือบมองนักกีฬาในสนามอีกรอบ   เขาอยากหันไปถามเพื่อนผู้หญิงข้างหลังเหมือนกันว่าแฟนเดือนแพทย์ที่พวกเธอซุบซิบอยู่เมื่อกี้นั้นคือใครหรือ   

   จะใช่ แอน  สาวน้อยที่เขาเคยปลื้มแล้วถูกเมินอย่างไม่ไยดีนั้นหรือเปล่า

   นับตั้งแต่วันนั้นที่บ้านของเขา    ลักษณ์ก็ไม่ได้คุยกับไวน์อีกเลย   บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจะต้องโกรธเพื่อนขนาดนั้น  มันเหมือนน้อยใจในโชควาสนาของตนมากกว่า   จริงๆแล้วก็ไม่เกี่ยวกับเพื่อนเสน่ห์แรงของเขาเลยสักนิด

   แต่ไวน์ก็หายไปเลย  ไม่แวะมาหาเขาที่คณะฯเหมือนเคย  เวลาเรียนถ้ามีคาบเรียนรวมกัน  ไวน์ก็แยกไปนั่งกับเพื่อนใหม่ร่วมคณะฯ

   ทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน   ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายพาลหาเรื่องอีกฝ่าย เพราะน้อยใจที่หญิงสนใจเพื่อนมากกว่า   ทว่าเขาก็ไม่อยากเป็นฝ่ายง้อ

   ไม่พูดก็ไม่พูด  ไม่อยากเจอหน้ากันก็ช่าง...ไม่เห็นต้องสนใจเลย

   “กูไปด้วยๆ  ร้านไหน”   เขาหันไปตอบเพื่อน   

   กว่ารุ่นพี่จะปล่อยให้ลงจากแสตนด์ก็ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง   พวกนักกีฬายังซ้อมกันไม่เสร็จ   ดูเหมือนแพทย์จะกำลังแข่งกับเภสัชเพื่อวอร์มอัพก่อนแข่งจริงอาทิตย์หน้า    เพื่อนส่วนใหญ่อยู่เชียร์กันต่อ  เสียงเชียร์เริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ   จากหางตาลักษณ์เห็นไวน์กระโดดขึ้นชู้ตทำแต้มหลายต่อหลายครั้ง

   และครั้งสุดท้ายมีเสียงร้องอุทานอย่างตกใจจากคนรอบสนาม   เด็กหนุ่มหันไปดูก็เห็นร่างสูงโปร่งของเพื่อนลงไปนอนตะแคงอยู่ที่พื้น

        “ตายแล้ว  ไวน์เป็นอะไรน่ะ  โดนชนหรอ” 

        ลักษณ์ขยับตัวแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับเรื่องนี้เลย   เพื่อนร่วมทีมของฝ่ายนั้นวิ่งเข้ามารายล้อมอีกฝ่ายจนแทบมองไม่เห็นตัว   ตามด้วยเจ้าหน้าที่แพทย์สนามที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับกล่องยา   

         เขายืนมองอยู่นิ่งๆข้ามสนามด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก   จนเพื่อนต้องสะกิดเรียกแรงๆ

         “ไอ้ลักษณ์  ไปกันเถอะ  กูหิวแล้ว” 

          เด็กหนุ่มเหลียวไปมองในสนามบาสอีกครั้งแล้วเดินตามกลุ่มเพื่อนออกมาจากโรงยิม

   “ร้อนชิบเลย  เจ็บคอด้วย  ทำไมเราต้องมานั่งซ้อมอะไรแบบนี้ด้วยวะ”  เต้พูด  ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจเสียงจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น 

   “นั่นดิ  อาทิตย์หน้าโดดกันดีกว่า   มานั่งเสียเวลาทำไม”  เบียร์พยักหน้าเห็นด้วย    พวกเขาเดินตามกันออกมาเกือบถึงถนนใหญ่หน้ามหาวิทยาลัย   เสียงเชียร์ยังดังมาถึงให้ได้ยินแว่วๆ   ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม  เดินอีกหน่อยก็ถึงร้านอาหารบรรยากาศดี ราคาย่อมเยาที่พวกเพื่อนพาเขามากินหลายครั้งแล้ว

   “เอาอะไร   ลักษณ์   ไอ้ลักษณ์” 

   เขาสะดุ้ง  หันหน้ากลับมาจากหน้าต่าง    มัวแต่มองถนนคิดอะไรเพลินจนลืมตัว   ลักษณ์รับเมนูจากเพื่อนมาพลิกดูแล้วสั่งไปส่งๆ   

   “เป็นอะไรของมึง  นั่งเหม่อมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”  แซมถามขึ้น  ทุกคนหันมามองหน้าเขาเป็นตาเดียว   

   “เปล่า  กูแค่กังวล...เรื่องควิซพรุ่งนี้”

   “เออว่ะ  ยังไม่ได้อ่านเลยเนี่ย  คืนนี้ก็มีนัดตีดอทซะด้วย”

   จากนั้นหัวข้อสนทนาบนโต๊ะก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องเกมส์แทนตามประสาเด็กผู้ชาย    พวกเขาพูดคุยกันอย่างถูกคอมากทีเดียว   เบียร์กับแซมมาจากโรงเรียนเดียวกันโดยที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน   ส่วนเต้มาจากโรงเรียนชื่อดังทางใต้

   “แล้วมึงมาจากโรงเรียนอะไรลักษณ์    มีเพื่อนมาด้วยมั้ย”

   เพื่อนงั้นเหรอ....เอาอีกแล้ว  พอพูดถึงเพื่อน   เขาก็อดนึกถึงใบหน้าคมเข้ม ท่าทางกวนประสาทของเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีไม่ได้    หลายครั้งที่เราทะเลาะกัน   ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากเขาเนี่ยแหละเป็นต้นเหตุ   ทว่าสุดท้ายคนที่ยอมก็จะเป็นอีกฝ่ายทุกที

   จนเขาลืมไปแล้วว่าเคยง้อไวน์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่...อาจจะสองปีก่อนตอนที่เผลอทำแฟลชไดรฟ์ของมันตกน้ำล่ะมั้ง   เอ๊ะ...หรือว่าจะตอนที่แอบกินเค้กในตู้เย็นของมันจนหมดก้อน   ทั้งๆที่รู้ว่ามันเตรียมจะเอาไปให้สาวในวันรุ่งขึ้น

   “มาจากโรงเรียน....”  เขาเอ่ยเชื่อโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านชานเมือง   “เพื่อนก็มีมาบ้าง แต่อยู่คนละคณะ”

   ...ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้างวะ  ลงไปนอนจูบพื้นแบบนั้นอาจจะเจ็บหนักละมั้ง  ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องลงแข่ง   เบื่อ....รำคาญเสียงกรีดร้องของบรรดาแฟนคลับของมันเต็มทน

   “ไปเว้ย  เจอกันพรุ่งนี้เช้า  กลับไปอ่านหนังสือมาด้วยนะมึง  กูฝากความหวังไว้ที่มึงแล้วไอ้ลักษณ์”  เพื่อนๆตบไหล่ของจนแทบทรุด  ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจบมื้อเย็นที่เขาแทบไม่รู้รสชาติของอาหาร

   มัวแต่คิดอะไรไปเรื่อย...ไร้สาระชะมัด

   ขึ้นรถเมล์ไปลงหน้าปากซอย  เดินเข้าไปอีกหน่อยก็ถึงหน้าร้านอาหารของป้าดาที่กำลังมีลูกค้าเต็มร้าน   ความจริงเขาก็ควรจะกลับมากินข้าวเย็นที่ร้านนั่นแหละ   แต่จะทำไงได้...เขากินมาตลอดชีวิตจนเบื่อแล้ว   

   พี่ราม  พี่ชายของเขากำลังก้มหน้าคิดเงิน  มือก็หยิบจับผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะอย่างรวดเร็ว    เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นน้องชายเดินเข้ามาในร้านพอดี ก็ไล่ให้ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาช่วยกันเสิร์ฟ

   ลักษณ์ถอนหายใจยาว...ชีวิตของเขาก็เหมือนทุกวัน    เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาคล้องคอ แล้วไปช่วยป้าดาตักอาหารที่หน้าร้าน    สลับกับมาช่วยเก็บโต๊ะ ทอนเงิน

   “วันนี้ไอ้ไวน์ไม่มาเหรอ”  พอคนเยอะเข้า  พี่รามก็เริ่มถามหาเพื่อนสนิทของเขาที่เคยตัวติดกัน  และมักมาช่วยที่ร้านบ่อยๆ    ลักษณ์ส่ายหน้า

   “มันไม่ว่าง”  คงนอนเดี้ยงอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วมั้ง

   “เหรอ  เป็นอะไรหรือเปล่า   ไม่โผล่หน้ามาเป็นอาทิตย์แล้ว”

   “ไม่รู้มัน”

   “ทะเลาะกันอีกล่ะสิ”

   “เปล่า”  เขาตอบสั้นๆแล้วเดินหนี

   ไม่รู้เป็นบ้าอะไร  หงุดหงิดชะมัด  มองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องขัดหูขัดตา   สุดท้ายลักษณ์ก็หนีไปนั่งล้างจานอยู่หลังร้านจนกระทั่งถึงเวลาปิดร้าน  แอบแยกตัวขึ้นมาจากสมาคมแม่บ้านที่ประกอบด้วยป้าของเขานั่งดูทีวีอยู่กับพี่ชายไปพลาง เม้าท์เรื่องสัพเพเหระไปพลาง  ไล่ตั้งแต่เรื่องหมาข้างบ้านตายไปจนถึงเรื่องข่าวดาราหญิงเปิดตัวว่าเป็นทอม

   ใครมันจะเป็นทอมเป็นดี้ เป็นเก้งกวางบ่างชะนีอะไรก็เรื่องของเค้ามั้ยล่ะ  ทำไมคนจะต้องไปให้ความสำคัญขนาดนั้นด้วยวะ...

   หลบขึ้นมาอาบน้ำ   เปลี่ยนชุดนอนค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้นมาบ้าง   ทว่าความรู้สึกหนักๆในใจยังไม่หายไปไหน  คล้ายกับว่ามันจะทวีขึ้นตามเข็มนาฬิกาที่ผ่านไปนั้น

   หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น   เปิดโปรแกรมสนทนาไลน์ที่มีกรุ้ปอยู่เกือบล้าน  ก็เวอร์ไปหน่อย...เอาเป็นว่ามีมากจนจำไม่ได้ว่าตัวเองโดนลากเข้าไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร 

   Sammylunla ส่งคำเชิญชวนคุณเข้าร่วมกลุ่ม  หล่อ(เภ)สัชชชชชชช

   ลักษณ์อ่านข้อความนั้นซ้ำอีกรอบ    เกือบจะกดปฏิเสธไปแล้ว   แต่ก็เปลี่ยนใจกดเข้ากลุ่มที่มีสมาชิกเพียง 4 คนเท่านั้น
 
   Sammylunla:  อหหน้ำตาจะไหล  กว่าไอ้ลักษณ์จะกดเข้ากลุ่ม  ยังดีนะไม่รอให้เรียนจบแล้ว

   เต้ตอบแล้วนะ:  ยินดีต้อนรับเพื่อนลักษณ์ครับ

   Beersing:  ลักตีดอทกันนนนน

   GoodLuck:  ไม่อ่ะ  วันนี้บาย  ง่วง

   เต้ตอบแล้วนะ:  เมิงไม่อ่านควิซกันเหรอค้าบ

   Beersing:  ก็ฝากมึงอ่านไง

   Sammylunla:  ไอ้เบียร์อยู่ไหน  ขาดมึงคนเดียวเนี่ย  จะเริ่มแล้ว

   เต้ตอบแล้วนะ:  ฝากพ่อง
   
   หลังจากนั้นแชทกลุ่มก็เงียบไป  ลักษณ์เดาว่าพวกมันคงกำลังเล่นเกมกันอยู่อย่างเมามัน   ส่วนเขานั้นไม่รู้สึกง่วงตามที่ตอบเพื่อนไปเลยสักนิด   

   หยิบชีทเลคเชอร์ขึ้นมาเปิดอ่านไปได้สองสามหน้าก็ต้องวางลงอย่างหงุดหงิด   ลุกขึ้นเดินวนกลับไปกลับมาในห้องครบสามรอบพอดีก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น

   มือเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดดูทันควัน...แจ้งเตือนข้อความจากกรุ้ปเภสัชเรื่องจ่ายเงินค่ารุ่นอะไรก็ไม่รู้พรุ่งนี้   เขาถอนหายใจยาว  กดปิดการแจ้งเตือนกรุ้ปนั้นไปเสีย

   บอกตัวเองว่าไม่ได้รออะไรหรือใครอยู่เลยจริงๆ...จริงๆนะ

   โอเค

   ก็ได้...

   รออยู่

   รอมาสี่วันแล้วด้วย

   ทำไมเงียบหายไปขนาดนี้วะเห้ย   นี่ยังเห็นกูเป็นเพื่อนมึงอยู่อีกมั้ยเนี่ย  ไอ้ไวน์!!

   เขากดเข้าไปในแชทของคนที่ใช่ชื่อว่า WineiloveU   ชื่อที่เขาเคยค่อนขอดอีกฝ่ายว่าเสี่ยวสุดๆ  ทว่าเพื่อนผู้หญิงกลับมองว่ามันดูโรแมนติกเสียนี่กระไร

   WineiloveU: นอนเหอะ

   
   นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราคุยกันเมื่อหลายวันก่อนตอนที่นั่งวางแผนจะไปดูหนังกับแอน   หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย   ไม่ว่าจะทางไลน์  ทางโทรศัพท์  หรือว่าเผชิญหน้า

   ไม่อยากยอมรับเลยว่าเขาเป็นห่วงมันชะมัด  ลงมานอนแอ้งแม้งกับพื้นขนาดนั้น   กระดูกกระเดี้ยวหักบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้   เงียบหายไปแบบนี้อีก   

   ถ้าทักไปถามก่อน  จะเสียฟอร์มเปล่าวะ...  หรือพรุ่งนี้ค่อยเนียนๆเข้าไปถามทีเดียวเลย   ไหนๆก็มีควิซที่รวมคณะแพทย์ด้วยอยู่แล้ว   อุตส่าห์เงียบ  ไม่คุยด้วยมาตั้งนาน  ป่านนี้มันคงสำนึกผิดแล้วมั้ง

   เอาไงดีนะ

   WineiloveU: นอนยัง 

   “เห้ย!”...จู่ๆข้อความจากฝ่ายนั้นก็ปรากฏขึ้นในหน้าต่างแชทเหมือนเล่นกล  แล้วเขาก็กดออกไม่ทันเลยอ่านไปแล้วเต็มๆ   แบบนี้อีกฝ่ายก็รู้หมดสิว่าเขาเปิดหน้าจอสนทนาค้างเอาไว้อยู่

   บ้าชะมัด...

   WineiloveU:  อ่านไม่ตอบเหรอ?

   WineiLoveU:  ขอโทษเรื่องวันก่อน   ไม่ได้ตั้งใจจะหมายความอย่างนั้นนะ

   WineiLoveU:  เงียบ? 

   WineiLoveU:  ทำยังไงถึงจะหายโกรธ

   คนอ่านถอนหายใจยาวเป็นรอบที่ร้อยของวัน   เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าตัวเองจะสั้นลงไปอีกหลายปี   อ่านข้อความบนหน้าจอซ้ำอีกครั้ง  แล้วก็กดพิมพ์ตอบกลับไป
   
GoodLuck: ที่ล้มเป็นไงมั่ง

   WineiLoveU:  เห็นด้วยหรอ

GoodLuck: เห็นดิ  นอนพะงาบอยู่นิ55

   WineiLoveU:  นึกว่าไม่เห็น

   WineiLoveU:  เห็นเดินออกไป

   WineiLoveU:  แล้วทำไมไม่เข้ามาช่วย

   
GoodLuck:  ก็คนช่วยออกเยอะแยะแล้วนี่
GoodLuck:  ให้เข้าไปทำอะไรล่ะ

   WineiLoveU:  มาเป่าเพี้ยงๆเหมือนตอนนั้นก็ได้

   WineiLoveU:  5555555555555555
   

   คนอ่านหน้าร้อนวาบ  เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายขุดขึ้นมาล้อเลียนนั้น   เกือบทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น  ไอ้ไวน์เป็นต้องยกเรื่องคราวนั้นมาล้อทุกที

   โธ่เว้ย  แค่ความผิดพลาดครั้งเดียว   จะล้อยันลูกกูบวชเลยมั้ยล่ะ


   0000000000000000000000000

   ลักษณ์นั่งวาดรูปอยู่ใต้ต้นไม้ริมสระบัวหลังโรงเรียน   มุมโปรดที่เขามักแอบมานั่งเล่นฝึกฝีมือวาดภาพอยู่คนเดียวยามที่ต้องการอยู่อย่างสงบปราศคนกวนใจ

   ลมเย็นๆพัดผ่านหอบเอากลิ่นหอมอ่อนๆของดอกบัวมาด้วย   เด็กชายวางดินสอในมือลงแล้วลุกไปนั่งริมขอบสระบัวแทน  เพิ่งสังเกตเห็นว่าในบึงมีปลาตัวเล็กๆว่ายอยู่เป็นกลุ่มใหญ่  บางตัวมีสันสวยงามทีเดียวคงจะเป็นตัวผู้กระมัง

   จ๋อม!

   เสียงอะไรบางอย่างกระทบน้ำกลางบึง ตามด้วยน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง

   จ๋อม! 

   คราวนี้มันตกลงในน้ำใกล้กับที่เขานั่งอยู่มาก  จนน้ำในสระกระเซ็นขึ้นมาโดนขาของเขา 
 
   ลักษณ์ลุกขึ้นยืน  เงยหน้ามองหาต้นเหตุที่ทำลายความสงบยามเย็นเช่นนี้  จากสายตาเขาเดาว่าน่าจะเป็นก้อนหินหรือไม่ก็ลูกไม้เล็กๆที่ถูกพวกมือบอนเขวี้ยงลงไปในสระเล่น

   จ๋อม!

   อ่าฮะ...เขาเงยหน้าขึ้นไปบนต้นไม้ถัดไปเพียงสองต้น ก็เจอต้นเหตุนั่งห้อยขามองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว  รอยยิ้มกวนๆที่มุมปากของคนๆนั้นทำให้เขาไม่ชอบยิ่งกว่าเดิม

   ศตวรรษ...รุ่นพี่ชั้นม.2ที่ไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกามา 6 เดือน  แล้วก็กลับมาเรียนซ้ำชั้น อยู่ห้องเดียวกันกับเขา  เราเคยพบกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว   ตอนที่เขาเข้าไปช่วยอีกฝ่ายเอาไว้จากการถูกรุมกระทืบ  และฝ่ายนั้นก็ตอบแทนเขาด้วยการเขกหัวกับคำพูดไร้สาระ  ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณสักคำ

   เหอะ...อย่างกับว่าอยากช่วยนักนี่   แค่เขาบังเอิญอยู่ในห้องน้ำตรงนั้นพอดี  และวิญญาณพลเมืองดีเข้าสิงก็เท่านั้น

   “ทำอะไรอยู่น่ะ วาดรูปเหรอ”  เสียงห้าวๆนั้นถามลงมาจากต้นไม้ 

   เขาทำเป็นไม่ได้ยิน  หันหลังเดินกลับไปที่กระเป๋าตัวเองที่วางทิ้งเอาไว้แล้วลงมือเก็บของ

   “เห้  จะไปแล้วเหรอ  ถามไม่ตอบ” 

   หินก้อนหนึ่งปลิวมาตกใกล้ๆตัวเขา   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ  หันขวับไปมองคนปาที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

   “ไม่มีมารยาท  ปามาได้ยังไง”

   “อ้าว  พูดได้นี่  นึกว่าเป็นใบ้เสียอีก”  อีกฝ่ายตอบกลับมา   

   ลักษณ์เริ่มรู้สึกเดือดปุดๆ   ตลอดเวลาสองอาทิตย์ที่เปิดเทอมมา  เขากับอีกฝ่ายไม่เคยพูดกันเลยสักคำเดียว   แม้ว่าไวน์จะเข้ากับเพื่อนรุ่นน้องในห้องได้อย่างดีภายในอาทิตย์เดียวด้วยท่าทางเป็นมิตรกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา   ทว่าสำหรับลักษณ์แล้ว   สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีผลทำให้เขาอยากคบอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเลยสักนิด

   “.....”  ลักษณ์ไม่ตอบกลับ  เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนๆนี้   เก็บกระเป๋าเสร็จก็ลุกขึ้นยืน   

   ตุบ

   “โอ๊ย!”   ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาจากกลางหลัง  ลักษณ์หันกลับไปมองมือปาหินด้วยความโมโห   เขาก้มลงหยิบก้อนหินขนาดเขื่องที่อยู่ปลายเท้าขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ   

   สบดวงตาคมเข้มที่มองมาที่เขาอย่างท้าทายนั้นแวบหนึ่ง  แล้วก็ง้างแขนปาหินก้อนนั้นออกไปสุดแรง  กะให้เข้าที่ลำตัวของอีกฝ่ายพอดี 

   “โอ๊ะ!”  ยิ่งกว่าแม่น  เมื่อก้อนหินก้อนนั้นกระทบเข้ากลางหน้าผากของอีกฝ่ายเข้าเต็มๆ  ไวน์ร้องลั่นยกมือกุมหน้าผาก  ก่อนจะตกลงมาจากต้นไม้ที่นั่งอยู่อย่างหมิ่นเหม่นั้นเสียงดังพลั่กใหญ่

   ลักษณ์ตกใจ   เขาวิ่งเข้าไปดูคนที่นอนกองอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นอย่างรวดเร็ว  ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างๆ  เอื้อมมือไปจับท่อนแขนแข็งแรงนั้นเขย่า

   “เป็นอะไรหรือเปล่า  เจ็บตรงไหน” 

   คนตัวใหญ่พลิกตัวนอนหงายหนุนหน้าขาของเขาเอาไว้  มือที่กุมอยู่ที่หน้าผากมีเลือดไหลออกมาตามง่ามนิ้ว  เจ้าตัวสูดปากเบาๆ

   “เจ็บตรงนี้  แตกเลยอ่ะ”  ไวน์ลดมือลงมา  เผยให้เห็นแผลประมาณเหรียญบาทที่กลางหน้าผาก  เลือดไหลซึมๆและบวมปูด  “ปาแม่นมาก”

   “ขอโทษนะ  เราไม่ได้ตั้งใจ”  ลักษณ์พูดอย่างร้อนรน  ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระดาษทิชชูที่มีไว้เช็ดมือตอนเขียนภาพขึ้นมาแตะซับเลือดที่ใบหน้าอีกฝ่ายให้   “โอ๊ยเลือดไหลเต็มเลย  อย่าร้องไห้นะ  เป่าหายเพี้ยงๆเลย”  เขาเผลอพูดออกไปด้วยความตกใจ  เพราะตอนเด็กๆเวลาเขาหกล้มร้องไห้  ก็มีพี่รามกับป้าดานี่แหละที่คอยปลอบโยนโดยการเป่าลมลงไปที่บาดแผล

   แล้วความเจ็บปวดก็ลดลงไปนิดนึง...จริงๆนะ

   “เป่าอะไรของมึง  น้ำลายกระเด็นเต็มหน้าเลยเนี่ย” 

   ลักษณ์เพิ่งนึกขึ้นได้  ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนในครอบครัวของเขา  และมันก็ดูปัญญาอ่อนไม่น้อยที่จะมานั่งเป่ามนต์เสกคาถาเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

   ใบหน้าร้อนซู่  ยิ่งสบดวงตาคมเข้มที่มองมาที่เขาอย่างงุนงงปนขบขันนั้นด้วยแล้ว   ลักษณ์ก็อยากเดินหนีไปเสียเลย   ติดที่อีกฝ่ายยึดข้อมือของเขาเอาไว้มั่น

   “เอ่อ...ไปห้องพยาบาลกันเถอะ”  รีบชิงเปลี่ยนเรื่องซะ  แล้วหันไปทางอื่น   

   “ไม่ต้องหรอกน่า  เดี๋ยวก็หยุด  แผลนิดเดียวเองมั้ง”  ไวน์ลุกขึ้นนั่ง  เขยิบเข้ามาใกล้จนเกือบชิด 

   “เห้ย จะทำอะไร”  ลักษณ์ตกใจ ขยับจะถอยห่าง  ทว่าอีกฝ่ายยกมือขึ้นจับท้ายทอยของเขาเอาไว้  ยึดให้อยู่นิ่งๆ  พลางชะโงกหน้าเข้ามาใกล้

   “ขอดูแผลหน่อยเดียว”  เสียงห้าวๆนั้นพึมพำ   

   “ดูยังไง  ถอยไปนะ”  ลักษณ์ไม่เข้าใจ

   “ดูเงาสะท้อนในตาไง”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  จ้องดวงตาคู่นั้นมาที่ตาของเขานิ่ง  ลมหายใจปะทะใบหน้าเบาๆทำเอาลักษณ์ขนลุกซู่  รีบเอามือดันใบหน้าของอีกฝ่ายออก

   “ไปส่องกระจกโน่น”

   “โอ๊ย!  เบาๆหน่อยสิ  ทำเขาเจ็บแล้วยังไม่พออีก”

   “ก็ใครเริ่มก่อนล่ะ”  ลักษณ์พูดเสียงเขียว

   “โอเค  ก็ได้  เราเริ่มก่อนเอง”  ไวน์ยอมรับอย่างง่ายดายผิดไปความคาดหมาย   พอได้ยินอย่างนั้นความโกรธของคนฟังก็ลดลงแปรผกผันกับความรู้สึกผิด   ลักษณ์พยุงเพื่อนร่วมชั้นให้ลุกขึ้นยืน

   “ไปห้องพยาบาลกัน”  ลักษณ์พูดซ้ำรอบที่สอง

   “อูย”  พอก้าวขาออกเดิน  ร่างของไวน์ก็เซมาทางเขา  ดูท่าข้อเท้าของอีกฝ่ายจะเจ็บตอนตกลงมาจากต้นไม้   ตอนนี้มันเริ่มบวมช้ำทะลุถุงเท้าสีขาวจนเห็นได้ชัด   ไวน์สูดปากยกแขนขึ้นโอบรอบไหล่ของเขาเอาไว้เพื่อพยุงตัว   เท่ากับว่าลักษณ์ต้องรับน้ำหนักตัวของอีกฝ่ายที่เทมาทางเขาเต็มๆ

   “ตัวโคตรหนัก”  บ่นปนหอบ ขณะที่พาอีกฝ่ายเดินอย่างทุลักทุเลมาเกือบถึงอาคารด้านหน้าโรงเรียนที่เป็นที่ตั้งของห้องพยาบาล 

   เย็นขนาดนี้แล้ว  ไม่รู้ว่าจะยังมีใครอยู่มั้ย

   “ทำกูตกต้นไม้  อย่าบ่น”  เสียงเข้มๆพูด  แล้วแกล้งทิ้งน้ำหนักมาทางเขามากขึ้น  ลักษณ์ร้องลั่นเซไปอีกทางทว่าไม่ล้มเพราะติดวงแขนที่ล็อคอยู่รอบตัว 

    ถึงห้องพยาบาล  โชคดีที่ยังมีครูอยู่ ตอนแรกคุณครูเข้าใจว่าพวกเขามีเรื่องชกต่อยหรือเปล่า  แต่ไวน์ยืนยันว่าเขาตกต้นไม้ลงมาเอง  และลักษณ์แค่บังเอิญผ่านมาช่วยเอาไว้พอดี  เรื่องก็เลยจบลงไป 

   ลักษณ์ช่วยครูทำแผลที่หน้าผากของเพื่อนร่วมห้องให้  ส่วนข้อเท้าก็พันผ้ายืดเอาไว้  ครูบอกว่าไม่น่าหัก แค่แพลงเท่านั้น   
   “จะเป็นแผลเป็นมั้ยเนี่ย  ถ้ากูหมดหล่อมึงต้องรับผิดชอบเลยนะ”   คนพูดยกกระจกขึ้นมาส่องแผลที่ใบหน้าเป็นรอบที่สามตามประสาคนห่วงหล่อ  ลักษณ์แอบเบ้ปาก

   “จะให้กูรับผิดชอบสิ่งที่ไม่มีตั้งแต่ต้นได้ยังไง”  คนฟังหรี่ตาลง

   “หมายถึงกูไม่หล่อ?” 

   ลักษณ์ยักไหล่

   “ถ้าแบบกูเรียกไม่หล่อ แล้วแบบมึงเรียกอะไรล่ะครับ”  ไวน์สวนกลับทันควัน   ไม่รู้เลยว่าได้ไปกระตุกต่อมบางอย่างในใจของคนฟังเข้า   ลักษณ์ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป   ทำให้อีกฝ่ายรีบยกมือขึ้นมาไหว้เขา

   “ขอโทษ  กูหมายถึงว่า...แบบมึงก็เรียก..ง่า...น่ารักไง”

   “เสร็จแล้ว  กลับก่อนนะ” 

   “เห้ย เดี๋ยวสิ  ...โอ๊ะ ช้าๆหน่อย”  ลักษณ์หันกลับไปมองก็เห็นเพื่อนตัวใหญ่กระโดดกระต่ายขาเดียวตามหลังเขามา  ใบหน้าคมๆนั้นมีรอยยิ้มกวนประสาทปรากฏอยู่   เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น  อีกฝ่ายก็ยังโดดตามมาไม่ลดละ

   สุดท้ายก็เป็นลักษณ์เองที่ยอมแพ้  ชะลอฝีเท้าลงแล้วช่วยอีกฝ่ายโขยกเขยกข้ามถนนไปด้วยกัน   ลักษณ์เดินลัดเลาะเข้าซอยไปทะลุถนนอีกด้านหนึ่ง   ข้ามถนนนี้ไปก็ถึงบ้านของป้าที่เขาอาศัยอยู่ด้วยตั้งแต่จำความได้

   “จะถึงบ้านกูแล้ว  แยกย้ายกันตรงนี้แหละ”

   “บ้านมึงไปทางไหน”  ไวน์ถามกลับ

   “ข้ามถนนนี้ไปก็ถึง” 

   “ทางเดียวกัน  กูไปด้วย”  ลักษณ์จุ๊ปาก  แต่ก็ยอมช่วยพยุงอีกฝ่ายเดินข้ามถนนไปอีกด้าน  เรื่อยมาจนถึงหน้าร้านขายข้าวแกงของป้าดาที่เริ่มเปิดร้าน  มีลูกค้าประปราย

   “ว้าว  ที่บ้านเป็นร้านอาหารเหรอ”  ไวน์ดูตื่นตาตื่นใจ  พอรู้ว่าผู้หญิงที่ตักอาหารอยู่นั้นเป็นป้าของเขาก็พุ่งตัวเข้าไปสวัสดีทันที 

   ป้าดารับไหว้งงๆในตอนแรก  ฟังไวน์แนะนำตัวเสร็จสรรพว่าเป็นเพื่อนหลาน  ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเอ็นดูถึงกับหาข้าวหาน้ำมาให้นั่งกินตามสบาย   แล้วไล่หลานชายแท้ๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาช่วยกันทำมาหากิน  พอลักษณ์ลงมาจากห้องนอนก็เจอเพื่อนร่วมชั้นนั่งคุยกับพี่ราม  พี่ชายของเขาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย  คงเพราะอีกฝ่ายชอบกีฬาบาสเก็ตบอลเหมือนกัน
   
   ลักษณ์แอบเบ้ปากอีกรอบ  หมั่นไส้เพื่อนร่วมห้องที่ดูจะตีซี้กับคนในครอบครัวของเขาได้อย่างง่ายดาย  แถมทำท่าจะลุกมาช่วยเขาเสิร์ฟอาหารด้วย  ถ้าไม่ติดว่าป้าดาร้องห้ามเสียงหลง  กลัวหลานรักคนใหม่จะเจ็บข้อเท้า

   “ไวน์นั่งเถอะ  ไม่ต้องลูก  ลักษณ์มันไหวอยู่แล้ว  มันทำมาตั้งแต่เด็ก  ...น่าแน่ะเจ้าลักษณ์  เอาน้ำไปให้เพื่อนกินหน่อยไป  ทำเขาเจ็บตัวขนาดนี้ เค้าไม่เอาเรื่องก็ดีแล้ว  ควรจะขอบใจเขามากๆรู้มั้ย”  ประโยคหลังหันมาพูดกับหลานชายที่ทำหน้าหงิกอยู่นั้น

   ลักษณ์เดินไปหยิบแก้วบรรจุน้ำเก็กฮวยสีเหลืองใสมาวางให้ที่โต๊ะ

   “เอ่อ...มีน้ำอื่นอีกมั้ย  โค้กก็ได้”

   “ไม่มี  กินฟรีอย่าเรื่องมากได้ป่ะ”  กระแทกเสียงตอบกลับไป  เขาเลือกน้ำเก็กฮวยเพราะมันมักจะเหลือประจำตอนปิดร้าน  และเขาก็กินจนเบื่อไม่รู้จะเบื่ออย่างไรแล้วด้วย

   “ก็ได้”  ไวน์พูด  แล้วยกแก้วนั้นขึ้นดูดหลอด  พลางทำหน้าพิพักพิพ่วนชอบกล  ลักษณ์พอจะดูออกว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบรสหวานๆเย็นๆของเครื่องดื่มชนิดนี้เท่าไหร่

   “น้ำเก็กฮวยป้าต้มเองเลยนะ  อร่อยมั้ยลูก”  ป้าดาเดินผ่าน แวะถาม  ไวน์กลับพยักหน้ารับ

   ลักษณ์ก็เลยยกมาเสิร์ฟให้อีกสองแก้วใหญ่   บอกอร่อยแปลว่าชอบ  งั้นก็จัดไปอีกแล้วกัน..

   กว่าไวน์จะยอมกลับบ้านก็เกือบถึงเวลาปิดร้าน    มัวแต่โอเอ้นั่งคุยนู่นคุยนี่กับพี่ชายของเขาอยู่นาน  พี่รามขับมอเตอร์ไซค์ให้ไวน์ซ้อนท้าย  ไปส่งที่บ้านที่ไวน์บอกว่าอยู่ถัดไปอีกสามซอย   มันจำเลขที่บ้านได้แต่ดันจำทางกลับบ้านไม่ได้...ประสาทไหมล่ะ

   หลังจากวันนั้น  ไวน์ก็กลายเป็นแขก(ไม่ได้รับเชิญ) ประจำบ้านของเขาไปโดยปริยาย  และเจ้าตัวก็ย้ายโต๊ะเรียนมานั่งติดกับเขาที่หน้าชั้นเรียนแทนที่เดิมที่ประจำอยู่หลังห้อง

   ลักษณ์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากับมันไปสนิทกันตอนไหน   ความสนใจก็ไปกันคนละเรื่อง  แต่รู้ตัวอีกที...เขาก็พบว่ามีไอ้ไวน์อยู่ในชีวิตก็ไม่เลวเหมือนกัน


   00000000000000000000000000000000000000


   
   ต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
         
(ต่อจากด้านบนนะคะ)



             000000000000000000000000000000


            GoodLuck: ปัญญาอ่อน


   ไวน์อ่านประโยคสั้นๆนั้นซ้ำอีกรอบแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ   เขาพลิกตัวนอนหงาย  หน้าจอโทรศัพท์ที่ตั้งใบหน้าของคู่สนทนาเป็นวอลเปเปอร์แชทไว้นั้นสว่างในความมืดของห้องนอนที่เขาปิดไฟเตรียมตัวเข้านอนนานแล้ว ทว่านอนไม่หลับ

   คิดถึงใครบางคนจนต้องยอมแพ้...ไลน์ไปหาก่อน   ก็เหมือนทุกครั้งเวลาทะเลาะกัน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แค่ไหน  สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวก็คือเขาทุกที 

   ขืนรอให้ลักษณ์ง้อ  เขาคงต้องกลับไปเกิดใหม่ก่อนสักสองชาติ

   แปลกตรงที่คราวนี้ลักษณ์กดอ่านเร็วเป็นพิเศษ  ราวกับว่ากำลังเปิดหน้าจอแชทของเราค้างอยู่เหมือนกัน...ไม่แน่นะ  บางทีฝ่ายนั้นอาจจะคิดถึงเขาอยู่เหมือนกันก็เป็นได้...

   พอเหอะไวน์  กลับสู่โลกแห่งความจริงเถอะ

   
WineiloveU: เกือบได้นอนรพ.แล้ว

   GoodLuck:  ทำไมอ่ะ  เป็นหนักหรอ

   ไวน์อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามีความเป็นห่วงเป็นใยปนมากับประโยคนั้นอยู่มากทีเดียว   เขายิ้มกว้างตอนที่พิมพ์ตอบกลับไป

WineiloveU:  ขาแพลงธรรมดา

   GoodLuck:  แล้วทำไมต้องนอนโรงบาล

WineiloveU:  เป็นโรคไต

   GoodLuck:  ???

WineiloveU:  ไตหาหัวจาม

   GoodLuck:  พ่อง มุขโคดเก่า
 
WineiloveU:  555555
WineiloveU:  แล้วเมื่อไหร่จะคืนอ่ะ

   GoodLuck:  อะไรอีก

WineiloveU:  เอาไปเก็บไว้แล้วทำลืมเหรอ

   GoodLuck:  ??

WineiloveU:  หัวใจกูอ่ะ

   GoodLuck:  ประสาทททททท

   GoodLuck:  เก็บไว้เล่นกับเมียไป

   GoodLuck:  กูนอนแล้ว

WineiloveU:  ล้อเล่น555
WineiloveU:  นอนๆ
WineiloveU:  เจอกันพรุ่งนี้

   GoodLuck:  เออ

   ไวน์แทบจะนึกสีหน้าของอีกฝ่ายออก   คงหงุดหงิดพิลึกที่โดนเขากวนประสาทเข้าให้  แต่จะทำไงได้...ในเมื่อเขาไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้เลย

   มันยากขึ้นทุกที

   พลิกดูข้อเท้าตัวเองที่มีผ้ายืดพันเอาไว้แน่นหนา  ข้อเท้าที่เคยบาดเจ็บมาก่อนกลายเป็นจุดอ่อนของเขา  พอล้มก็มักจะเจ็บที่เดิมตลอด   

   จะโทษใครล่ะ  นอกจากไอ้มนุษย์หน้ามึนคนนั้นที่ทำท่าจะเดินออกไปจากโรงยิมพร้อมกับเพื่อนผู้ชายหลายคนที่เขาไม่คุ้นหน้า    ไม่รู้ด้วยว่าไปแอบสนิทกันตอนไหน ...ใครเป็นใคร  ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้  เกิดมาทำให้คนของเขาเสียผู้เสียคนขึ้นมาทำไง   ยิ่งหัวอ่อนซื่อบื้อไม่ค่อยทันคนอยู่ด้วย

   เพราะมัวแต่หันไปมอง  เลยไม่ทันระวัง  ถูกทีมคู่แข่งกระแทกเข้ามาจากด้านข้าง  ล้มลงลุกไม่ขึ้น   แถมยังต้องมาเจ็บใจที่เห็นมันเดินหนีออกไปจากสนามดื้อๆอีก

   ไม่คิดจะเข้ามาดูดำดูดีกันเลยหรือไงนะ

   อย่างน้อย  เข้ามาเป่าปู้ดๆสักนิดก็ยังดี

   เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่าไอ้ลมปากผสมน้ำลายนั่นมันช่วยทำให้เขาหายเจ็บได้เป็นปลิดทิ้ง  ชนิดยาหมอที่ไหนก็ไม่วิเศษเท่าอีกแล้ว

   ช่างเถอะ...

   พรุ่งนี้เขาต้องเข้าไป ‘สแกน’ เพื่อนใหม่ของลักษณ์เสียหน่อย   ถ้าใครดูท่าไม่ได้เรื่อง  สายตาเกาะแกะวอแวกับคนของเขาล่ะก็   

   อย่าหาว่าไวน์คนนี้ใจร้ายนะ
   .........................................................................................


มาอัพต่อนะค่า ขอบคุณนะคะที่กดเข้ามาอ่าน55555  เรื่องนี้เป็นเรื่องเเรกที่ลองลงในเล้าเป็ด
เรื่องเราดำเนินช้าหน่อยนะ 
#แอบลักษณ์
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2016 23:03:08 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ขอสอบถามหน่อยค่ะ ว่าเราจะใส่รูปหัวใจหรือรูปอื่นๆลงไปในชื่อเรื่องได้ยังไงหรอคะ  เราอยากใส่บ้าง สวยดีอ่ะ5555
แล้วนิยายที่ลงในนี้มันกดก้อปปี้ได้เหรอคะ มีวิธีป้องกันไม่ให้กดก้อปปี้ได้มั้ยคะ
ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ปวดใจไปกับไวน์เลยทีเดียว แต่ว่านะ ถ้าอยากได้ลักษณ์ต้องกล้าเสี่ยงนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ชอบๆๆๆ  แต่ว่า เจ้าของเรื่องคงไม่หายไปอีกนะ

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
หูยยยน่ารักก เราชอบมากๆ เลย ดีใจที่เข้ามาอ่าน

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เรื่องน่ารัก อ่านสนุก ชอบค่ะ
 :L2:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ไวน์นี่เป็นยิ่งกว่าพ่ออีก~ :hao7:

ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ไวน์ดีขนาดนี้ ลักษณ์เอ๋ย ลืมตามาเห็นหน่อยจ้า

ออฟไลน์ gongiotherin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกดีค่ะ ชอบแนวแอบรักเหมือนกัน หรือไม่ก็แนว สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ติดตามอยู่นะค่ะ  o13

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk

ตอนที่ 4
He who has never tasted bitterness does not know what is sweet.






   “อ้าว  ทำไมมานั่งอยู่นี่”  ลักษณ์ถามอย่างแปลกใจทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้องเลคเชอร์แล้วพบว่าเพื่อนสนิทสมัยมัธยมได้มานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนใหม่ของเขาเรียบร้อยแล้ว

   สายตาตวัดมองไปที่ข้อเท้าของไวน์ที่มีผ้าพันอยู่นั้นโดยไม่ตั้งใจ  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่หันกลับมาจากการสนทนากับเบียร์และเต้อย่างเมามัน

   “ทำไมอ่ะ  นั่งไม่ได้เหรอ”  ไวน์ถามกลับ  มีที่นั่งเหลืออยู่อีกที่หนึ่งข้างๆไวน์ เป็นตัวริมสุดทางเดิน   ถัดจากไวน์ไปก็เป็นเพื่อนใหม่ของเขานั่งเรียงกันหน้าสลอน

   ...นี่มันไม่แปลกๆไปหน่อยเหรอเห้ย?

   “แล้วมึงไม่ไปนั่งกับเพื่อนแพทย์อ่ะ”

   “ไม่เอา  กูเจ็บข้อเท้า ขี้เกียจเดินขึ้นบันได”  นักศึกษาแพทย์ตอบกลับมา   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นไปมองที่นั่งประจำของเหล่าเด็กแพทย์ที่อยู่ถัดขึ้นไปแล้วก็เริ่มจะเข้าใจ   เลยไม่พูดอะไรต่อ  วางกระเป๋าแล้วหยิบอุปกรณ์การเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะ

   หูก็เงี่ยฟังบทสนทนาของเหล่าสหายที่นั่งถัดไป  ไวน์เข้ากับเพื่อนใหม่ของเขาได้ราวกับรู้จักกันมานาน 

   “....วันนั้นกูใช้สกิล#%&(^$^%..โคตรเจ๋ง   พวกไอ้โจแพ้ราบทุกตา ....” 

   ...อ้อ  นึกว่าคุยอะไร  ที่แท้ก็เรื่องเกมส์นี่เอง   มิน่าล่ะถึงเข้ากันได้ดีนัก   เขาคิดอย่างไม่สนใจนัก   เอื้อมมือลงไปค้นกระเป๋าหาหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านเล่นระหว่างรออาจารย์เข้ามาในห้อง

   “เที่ยงนี้ไปกินข้าวที่ไหน  กูไปด้วยสิ”  จู่ๆไวน์ก็หันมาถาม   ทำเอาลักษณ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเพลินๆถึงกับสะดุ้ง   เงยหน้าขึ้นเจออาจารย์กำลังเดินเข้ามาภายในห้องเรียนพอดี   รีบเก็บหนังสือการ์ตูนลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบแว่นสายตาขึ้นมาใส่

   “ว่าไง  กินไหน”  เขารู้สึกคันยิกๆเวลาที่ไวน์มันชะโงกเข้ามากระซิบข้างหู   แถมท่อนแขนแข็งแรงก็เบียดอยู่ข้างตัวเขามากกว่าปกติจนต้องขยับตัวออกห่าง   พลางเลื่อนหนังสือเรียนออกตามออกมาจนเกือบหล่นจากโต๊ะเลคเชอร์

   “เอ่อ...ไม่รู้ดิ  แล้วแต่พวกไอ้เบียร์”  ลักษณ์พึมพำตอบกลับมา 

   นักศึกษาแพทย์หนุ่มเห็นเพื่อนขยับก็รู้สึกตัว  เอนตัวกลับมานั่งตัวตรงแน่ว  บังคับสายตาให้หันกลับมาจ้องไปที่โปรเจอเตอร์ที่เริ่มปรากฎลายมือของอาจารย์แทนที่จะมองเสี้ยวหน้าขาวๆของใครบางคน

   แว่นตาที่อยู่บนดั้งจมูกเล็กๆนั้นทำให้ดวงตาของลักษณ์โตขึ้นกว่าปกติ   ริมฝีปากบางเม้มนิดๆเวลาที่ก้มลงจดตามที่อาจารย์เขียน  เป็นสิ่งที่เขาชอบเผลอแอบมองมาตลอดหลายปี

   “วันนี้เบียร์กับแซมไม่ว่าง  เต้ก็มีประชุมชมรมดนตรีอะไรสักอย่าง  เหลือแต่มึงนั่นแหละ  จะไปกินไหน”   เขาถามต่อ   ชิงพูดดักเอาไว้ก่อนทุกทางตามที่แอบมาตีซี้ถามพวกเพื่อนใหม่ของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วตั้งแต่เช้า 

   กลุ่มเพื่อนของลักษณ์เท่าที่เขาลองพูดคุยสังเกตดูแล้วก็โอเค  พอจะคบได้   คงไม่พาลักษณ์ลงเหว อย่างมากก็คงนั่งตีดอทกันจนรุ่งสางเท่านั้น   

   สายตาของทุกคนที่มองเพื่อนสนิทของเขาก็ดูเป็นมิตรและจริงใจ  ทว่าไม่มีร่องรอยของความเจ้าชู้กรุ้มกริ่มอะไร  นับว่าลักษณ์ก็เลือกคบเพื่อนที่ดีใช้ได้   มีแค่อย่างเดียวที่ยังติดๆอยู่ในใจของเขาก็คือสายตาคมๆของคนที่ชื่อเต้เท่านั้น

   บางครั้งก็มองมาที่เขาแปลกๆชอบกล  อธิบายไม่ถูก

   “กินโรงอาหารล่ะกัน”  ลักษณ์ตอบ   

   “บ่ายว่างไม่ใช่เหรอ  ไปหาอะไรอร่อยๆกินก็ได้  ไม่เบื่อเหรอโรงอาหาร”  ไวน์พูด   มือก็จดตามอาจารย์ไปเรื่อยๆโดยไม่เสียสมาธิ

   “ก็ขามึงเจ็บไม่ใช่เหรอ  จะไปไกลๆได้ไง”  อีกฝ่ายตอบกลับมา   มือของไวน์ชะงักไปนิดหนึ่งแล้วก็เขียนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   อาจารย์เรียกเพื่อนคนหนึ่งขึ้นไปทำโจทย์ให้ทุกคนดูที่หน้าห้อง

   ลักษณ์เงยหน้ามองหน้าจอโปรเจคเตอร์อย่างสนใจ

   “เป็นห่วงเหรอ”       

   จู่ๆไวน์ก็พูดขึ้นมา   นักศึกษาเภสัชหันไปมองคนพูดอย่างงงๆ

   “หืม?  อ่อ  ไม่หรอก  ไอ้ทิวมันเก่ง   ทำได้อยู่แล้ว”  เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับก้มลงลองทำโจทย์ข้อนั้นบ้าง   คนฟังถอนหายใจยาว  อยากจะเอาปากกาเคาะศีรษะคนข้างๆสักทีสองที

   ....หมดกัน   ไอ้เราก็อุตส่าห์ดีใจ  นึกว่าใครบางคนแถวนี้จะมีแก่ใจเป็นห่วงเป็นใยอาการบาดเจ็บของเขา   อยากได้ยินคำว่า ‘เป็นห่วง’ จากปากสักครั้งให้ชื่นใจ   ที่ไหนได้...ดันเข้าใจว่าเขาถามถึงไอ้เพื่อนที่ถูกเรียกไปทำโจทย์โชว์หน้าห้องซะงั้น
   หรือต้องซื้อน้ำมันตับปลามาให้กินดีวะ? 

   “นี่ไง  ถูกป่ะ”  ยังอีก...มันยังไม่รู้ตัว   ลักษณ์ยื่นสมุดจดที่มีลายมือของมันแก้โจทย์ที่อาจารย์เขียนเอาไว้บนกระดานมาให้เขาดู   ไวน์รับมาอย่างเซ็งๆ

   กวาดสายตาไปตามตัวอักษรเล็กจิ๋วแทบจะต้องใช้แว่นขยายส่องนั้นเร็วๆ  แล้วก็ส่งกลับคืนเจ้าของ

   “คำตอบผิด แต่วิธีคิดถูก” 

   “อ้าวเหรอ  ผิดตรงไหนวะ”  ลักษณ์รับสมุดกลับไปแก้   ไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อบางคนกำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาเช่นไร

   ใบหน้าเล็กๆที่ใครมองแวบแรกก็จะไม่รู้สึกสะดุดตาใดๆนั้นมีร่องรอยครุ่นคิด  คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น   ผิวละเอียดบางจนเห็นเส้นเลือดฝาดที่พวงแก้มอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม   ปลายขนตายาวงอนเป็นแพนั้นกระพริบถี่

         ...เป็นใบหน้าที่ต้องพิศดู  ถึงจะเห็นความน่ารักน่าทะนุถนอมที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ความเรียบนั้น   ...คงดีไม่น้อยถ้าดวงตาสีน้ำตาลใสคู่นั้นจะมองมาที่เขาแต่เพียงผู้เดียว...

        “เฮ้...เหม่ออะไร  หลับในซะงั้น”  ไวน์ตื่นจากภวังค์  พบว่าตัวเองกำลังนั่งเท้าคางมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งอยู่   “อาจารย์เรียกมึงขึ้นไปช่วยเพื่อนคนนั้นทำโจทย์”  ลักษณ์บอกต่อมาอีก   

   คนฟังตกใจ  เพิ่งพบว่าทุกคนในห้องต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียว 

        “คนไหนศตวรรษ  ขึ้นมาช่วยเพื่อนเธอหน่อยซิ”  อาจารย์พูดด้วยเสียงเนิบๆ  ไวน์รีบลุกขึ้นยืน  เดินช้าๆออกไปหน้าห้อง   
อาจารย์ส่งปากกาเมจิกให้พลางผายมือไปที่โต๊ะหน้าจอโปรเจคเตอร์ที่มีเพื่อนของเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว  ดวงหน้านั้นหันมายิ้มให้เขาอย่างดีใจ

   ลักษณ์มองดูใบหน้ารูปหัวใจและรอยยิ้มหวานที่ทำให้ลักษณ์ถึงกับมองค้างของนักศึกษาแพทย์สาวที่ถูกเรียกออกไปทำโจทย์ในตอนแรก  ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า...คนอะไรน่ารักเป็นบ้า

   “ดาวแพทย์น่ารักชิบหายเลยว่ะ   คนนี้ไงที่วันนั้นกูจะชี้ให้มึงดูอ่ะไอ้เต้”  ได้ยินเสียงแซมกระซิบกระซาบกับเพื่อนเต้ที่นั่งอยู่ข้างกัน   

   “ชื่อเพลินตาด้วย  เพลินตาสมชื่อจริงๆ”  เต้รับ 

   หญิงสาวยิ้มรับอย่างยินดีเมื่อไวน์เดินไปใกล้  ทั้งคู่พูดอะไรกันสักอย่างด้วยเสียงที่คนนั่งข้างล่างไม่ได้ยิน   ก่อนที่ไวน์จะหัวเราะออกมาเบาๆ   

   “เค้าให้ขึ้นไปทำโจทย์นะคร้าบ  ไม่ได้ให้ขึ้นไปจีบกัน”

   “เบาๆหน่อยสิค้าเพื่อนไวน์  สงสารคนโสดบ้าง”

   เสียงเพื่อนคณะแพทย์หลายคนยังร้องแซวมาเป็นระยะ  เรียกรอยยิ้มจากทุกคนรวมถึงคนที่นั่งทำโจทย์กันหน้าห้องอีกด้วย   เพลินตาแก้มแดงจัด  ขณะที่ไวน์ก็ยิ้มกว้างทีเดียว  แถมยักคิ้วอีกตะหากตอนที่มองลงมายังเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่แถวที่สาม

   “แฟนไอ้ไวน์เหรอวะ  เพื่อนลักษณ์”  แซมเอียงตัวเข้ามาถามเขา   ลักษณ์อึกอัก

   “ไม่รู้  ไม่เห็นมันเล่าเลย” 

   “อิจมากบอกเลย   คนอะไรวะแม่งหล่อแล้วยังจะแฟนสวยอีก” 

   ลักษณ์ไม่ตอบ  เขาไม่รู้ว่าจะต้องตอบว่าอะไรดี   สายตาจับจ้องไปที่คนทั้งคู่ที่พยายามแก้โจทย์มหาโหดที่อาจารย์ตั้งขึ้นมาเพื่อนเด็กแพทย์โดยเฉพาะ 

   ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายแอบไปกุ๊กกิ๊กกับสาวคนนี้ตอนไหน...แต่ก็ไม่แปลกอะไรนี่   ปกติไอ้ไวน์ก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องรักของมันกับบรรดาสาวๆให้เขาฟังอยู่แล้ว   ตรงข้ามกับเขา  ที่ไม่เคยมีความลับอะไรกับเพื่อนสนิทคนนี้เลย

   ก็ไวน์เป็นกูรูเรื่องรักของเขาตั้งแต่สมัยเรียนม.ต้นแล้วนี่นะ

   00000000000000000000000000000000000000000

   “ทำอะไรอยู่”  เสียงทักดังขึ้นด้านหลัง  ทำเอาลักษณ์สะดุ้ง  รีบยัดของในมือเข้าไปใต้โต๊ะทันควัน   “แอบอ่านการ์ตูนโป๊อ่ะดิ  ไหนเอามาดูมั่ง”  ไวน์ขยับจะเข้ามาค้นใต้โต๊ะของเขา

   ลักษณ์รีบลุกขึ้นยืนบังเอาไว้เต็มตัว

   ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้เด็ดขาด..

   “ถอยไปน่า   ไม่มีอะไรสักหน่อย” 

   อีกฝ่ายหรี่ตามอง  ไม่เชื่อเลยสักนิด  แต่ก็ยอมถอย  หันไปยกกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายไหล่

   “งั้นก็ไปกันเถอะ  เย็นแล้วเดี๋ยวถึงบ้านมืด”  ไวน์พูด   

   “กลับไปก่อนเลย   เอ่อ...พอดีมีอะไรต้องทำนิดหน่อย”  เขาอึกอัก   ไวน์ขมวดคิ้วมองหน้าเขา

   “ทำอะไรล่ะ  ให้ช่วยมั้ย จะได้เสร็จเร็วๆ” 

   เกือบสองเดือนแล้วที่ไวน์ย้ายมานั่งเรียนติดกับเขา  เราพูดคุยกันมากขึ้นก็จริง  ทว่าเขาก็ยังไม่เคยเล่าความลับนี้ให้ฟัง   

   ยังไม่อยากเล่าให้ฟังด้วย...

   “มะ..ไม่เป็นไร  เราทำเอง  มึงกลับเถอะ”  เขาพูด  ได้แต่หวังในใจให้อีกฝ่ายรีบๆกลับบ้านไปเสียที  เขาจะได้จัดการภารกิจที่เตรียมใจอยู่นานนี้ให้ลุล่วง

   ไวน์ยืนจ้องมาที่ลิ้นชักใต้โต๊ะของเขาเขม็ง  นานจนลักษณ์นึกว่าอีกฝ่ายจะพุ่งเข้ามาค้นใต้โต๊ะของเขาแล้ว  ทว่าสุดท้ายไวน์ก็ยักไหล่  แล้วก็บอกเรียบๆ

   “งั้นกลับก่อนนะ   มึงก็รีบๆกลับล่ะ  อย่าโอ้เอ้”  กำชับเสียงเข้มราวกับเป็นผู้ปกครองเขางั้นแหละ  จากนั้นร่างสูงเพรียวแบบนักกีฬานั้นก็เดินออกไปจากห้องเรียน  เหลือเขาอยู่คนเดียว

   เอาล่ะ...ในที่สุดโอกาสก็มาถึง

   ลักษณ์หยิบขนมผิงออกมาจากใต้โต๊ะพร้อมกับการ์ดสีสวยที่ตั้งใจเลือกมาอย่างดี   บนนั้นมีลายมือของเขาเขียนบอกความรู้สึกของตัวเองเอาไว้หลายบรรทัด  มันถูกบีบด้วยตัวอักษรเล็กจิ๋ว  ด้านหลังมีรูปวาดใบหน้าของเด็กสาวที่เขา ‘ปิ๊ง’ ตั้งแต่แรกเห็น
   
        ‘เป็นแฟนกันนะ..ผิง’  เขาอ่านประโยคสุดท้ายด้วยรอยยิ้มกว้าง  รู้สึกใจเต้นแรงยามที่จินตนาการถึงสีหน้าของคนรับ   ขนมผิงคงจะเขินน่าดูถ้าวันรุ่งขึ้นเจอขนมห่อนี้พร้อมกับการ์ดบอกความรู้สึกของเขาเข้า

   ‘ตกลงจ้ะ’ 

   คำตอบของผิงคงทำให้เขาตัวลอย  เหมือนบินได้เลยล่ะมั้ง   ลักษณ์ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน  ขนมผิงเป็นรักแรกของเขาตั้งแต่ป.4  แอบชอบมาตั้งนาน  พอสอบเข้าโรงเรียนใหม่พรหมลิขิตก็บันดาลให้ได้อยู่ห้องเดียวกับเธออีก

   เมื่อวานเธอจับฉลากได้ตีปิงปองคู่กับเขาในวิชาพละ   ทำให้ลักษณ์หน้าบานไปทั้งวันแม้จะถูกเธอตบลูกปิงปองกระแทกเข้าที่ริมฝีปากบนจนเจ่อเหมือนนกแก้วก็ตาม 

   ลักษณ์ก็ไม่หวั่น...นี่คือเนื้อคู่ของเขาชัดๆ  มันชัดยิ่งว่า full HD เสียอีก

   และพรุ่งนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์...มันถึงเวลาแล้วล่ะที่เขาจะต้องเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองเสียที  ก่อนที่ผิงจะถูกใครคาบไป   โดยเฉพาะไอ้ชิด  เห็นมันชอบแซวผิงอยู่ด้วย

   ลักษณ์สอดห่อขนมเอาไว้ใต้โต๊ะของผิง  ดูแล้วดูอีกจนมั่นใจว่าเรียบร้อยแล้ว  ก็ค่อยหยิบกระเป๋าเดินกลับออกมาจากห้องเรียนบ้าง   

   ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบมองการกระทำของเขาอยู่ด้านนอกประตูตั้งแต่แรก  และแอบกลับเข้าไปภายในห้องเรียนเพื่อค้นโต๊ะเรียนของเด็กผู้หญิงคนนั้นจนเจอ ‘ของขวัญวันวาเลนไทน์’  ของลักษณ์เข้า

   ไวน์บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับข้อความในการ์ดใบนั้น...แต่ที่แน่ๆคือ  มันไม่ใช่ความถูกใจ หรือความรู้สึกในด้านบวกเลยสักนิด

   เขาเดินตามหลังร่างเล็กๆที่สะพายกระเป๋าเป้เดินก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างหน้ามาเงียบๆ  ท่าทางลักษณ์กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ เลยไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีคนเดินตามมาตั้งแต่ที่โรงเรียนจนถึงหน้าบ้าน

   นี่ถ้าเขาเป็นโจรวิ่งราวก็คงจะทำงานสำเร็จโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย...

   ยืนมองอีกฝ่ายยกจานอาหารไปเสิร์ฟตามโต๊ะได้ครู่ใหญ่  ไวน์ก็เดินกลับบ้าน  เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องมาส่งอีกฝ่ายด้วย   พอๆกับที่ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องเป็นห่วงที่เห็นเพื่อนกลับดึก

   เหมือนกับที่ไม่เข้าใจว่า..ทำไมตัวเองจะต้องอยากให้สาวชื่อผิงบอกปฏิเสธเพื่อนของเขาไป    ทำไมเขาถึงอยากให้เพื่อนอกหัก

   ทำไมเขาถึง...อิจฉาเด็กผู้หญิงคนนั้น

   
   วันรุ่งขึ้นไวน์ไปถึงโรงเรียนเช้ากว่าปกติ  เขาเดินเข้าไปในห้องเรียนที่มีเพื่อนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่คึกคักกว่าทุกวัน   มีเพื่อนสาวๆบางคนเดินมาแปะสติกเกอร์รูปหัวใจที่เสื้อนักเรียนของเขา  ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธ

   สายตามองสำรวจไปที่โต๊ะของเพื่อนที่ชื่อผิง...เธอยังมาไม่ถึงโรงเรียน   ส่วนเจ้าตัวต้นเหตุนั้นกำลังนั่งหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมอยู่ที่โต๊ะประจำหน้าห้อง  เขาแกล้งทิ้งกระเป๋าลงบนไหล่นั้นแรงๆ

   “โอ๊ะ!”  ลักษณ์อุทาน  เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของกระเป๋าหนักๆที่ทิ้งลงมานั้น   ยกมือขึ้นดันกระเป๋าออกพลางคลำไหล่ตัวเองป้อย  “เล่นอะไร  เจ็บนะเว้ย”

   “ซ้อมไว้  เดี๋ยวมึงจะเจ็บกว่านี้อีก”  ไวน์ตอบกลับมาพร้อมหน้าตากวนประสาทตามสไตล์   

   ลักษณ์ไม่สนใจอีก  เขาหันไปจ้องหน้าห้องเขม็ง  สูดหายใจเข้าออกแรงๆเพื่อนระบายความตื่นเต้น

   “เป็นอะไรของมึง  ทำหน้าเหมือนคนปวดท้อง”  ไอ้ไวน์ยังเซ้าซี้ไม่เลิก   ขณะที่เป้าหมายของเขาเดินผ่านหน้าห้อง ม.2/5มาแล้ว  เธอหยุดทักทายกับเพื่อนเล็กน้อย   ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง   

   ลักษณ์ใจเต้นแรง  เขาหันไปมองที่หน้ากระดานตามเดิม   ทำเป็นไม่สนใจเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจจากเธอผู้นั้น

   “อุ้ย  ขนมใครน่ะ”  ผิงพูดขึ้นเสียงดัง  แล้วหยิบห่อขนมขึ้นมาดู  เธอเห็นการ์ดใบนั้นแล้วสินะ  “ถึงผิง... เราชอบเธอมานานแล้วตั้งแต่ป.4  เธอน่ารัก  เป็นกันเอง   มีน้ำใจ  แล้วก็ฉลาดมากๆเลย   เราไม่รู้จะบอกเธอยังไงดี  ถึงความรู้สึกที่เรามีต่อเธอ  เราทำได้แค่แอบมองเธออยู่ตรงนี้ในที่ของเราเท่านั้น  หวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะหันมามองเห็นเราบ้าง   เราหวังมากเกินไปหรือเปล่าผิง  เราชอบตอนที่เธอออกไปพูดหน้าห้อง  ชอบตอนที่เธอหัวเราะกับเพื่อนๆ  เธอมีเสน่ห์มาก  เรารู้ว่าตัวเองคงไม่คู่ควรกับเธอเท่าไหร่   เหมือนกระต่ายที่หมายจันทร์  เหมือนหมาเห่าเครื่องบิน  แต่เราก็ชอบเธอมากจริงๆนะผิง   เป็นแฟนกันนะ...ผิง”

   เสียงใสๆอ่านประโยคนั้นจนถึงบรรทัดสุดท้าย  เพื่อนในห้องต่างเงียบกริบก่อนจะตามด้วยเสียงโห่แซวดังขึ้นรอบห้อง  ผิงยิ้มกว้าง  โบกการ์ดในมือไปมา

   “ใครเป็นเจ้าของการ์ดน่ะ  ไม่ได้ลงชื่อเอาไว้ด้วยแล้วจะรู้ได้ยังไง” 

   ลักษณ์มือเย็นเฉียบ  เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะอ่านออกเสียงราวกับท่องอาขยานให้เพื่อนทั้งห้องฟังขนาดนี้   เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  เริ่มบีบมือไปมาด้วยความกระวนกระวาย   

   ...เอาไงดีวะ  บอกไปเลยมั้ยว่าเป็นเราเอง...ตอนวางแผนลืมนึกไปเลยว่าผิงอาจจะไม่ได้อ่านเองเงียบๆคนเดียว  อาจจะมีเพื่อนอยู่เต็มห้อง   อาจจะไม่รู้สึกเขินอะไรเลย  ไม่เหมือนกับที่เขากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้

   “ใครว้า  เขียนได้เลี่ยนมาก  กระต่ายหมายจันทร์งี้  หมาเห่าเครื่องบินงี้ ฮ่าๆ  เอ้า ใครวะ  กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิครับ”  เพื่อนผู้ชายในห้องเริ่มพูดขึ้นมาอีก 

   “ชอบตั้งแต่ป.4 เลยนะเว้ย  ก็ต้องเป็นเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับแกสิผิง  มีใครบ้างล่ะคิดๆ”   
 
   “มันอาจจะไม่ได้อยู่ห้องนี่ไง   คนมาจากโรงเรียนเดียวกับผิงเยอะแยะ  ถ้ามันไม่พูดเองก็ไม่มีใครเดาถูกหรอก”  เพื่อนสาวอีกคนพูด 

   ตลอดทั้งวันนั้น  เพื่อนๆในห้องต่างพูดกันถึงบุคคลปริศนาที่แอบเอาขนมแทนใจไปไว้ใต้โต๊ะของผิง  พวกเขาเดาไปต่างๆนานา  แต่ที่ทำให้ลักษณ์ใจเสียยิ่งกว่าเดิมก็คือ...ไม่มีชื่อของเขาอยู่ในนั้นเลย  ไม่มีแม้แต่การพูดถึง

   “เป็นอะไรของมึง  นั่งเหม่อทั้งวันเลยเนี่ย  แมลงวันจะเข้าไปไข่ในปากอยู่แล้ว”  ฝ่ามือหนักๆตบที่ศีรษะของเขาก่อนจะโยกเล่นแรงๆเหมือนทุกครั้งที่ไวน์ชอบทำ

   ลักษณ์เอียงหัวหลบ  แล้วถอนหายใจยาว

   “เปล่า  ไม่มีไร”  บอกปัดไปเหมือนเคย   อีกฝ่ายทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา  บนบันไดขั้นบนสุดหน้าห้องน้ำร้างหลังโรงเรียนใกล้สระบัวที่เขาชอบปลีกตัวมานั่งเล่นบ่อยๆ

   “ก็บอกเขาไปสิ”  จู่ๆไวน์ก็พูดขึ้นมาเรียบๆ 

   “ห้ะ?”  ลักษณ์หันไปมองอย่างงงๆ  พอสบตาคมๆที่มีแววรู้ทันคู่นั้นแล้ว  เขาก็เมินหลบไปทางอื่น   “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” 

   “ถ้าไม่บอกออกไป แล้วเขาจะรู้มั้ยว่าเรารู้สึกยังไง”  เสียงห้าวๆนั้นพูดต่อมาอีก  “ไม่แน่เขาอาจจะรู้สึกอย่างเดียวกันกับมึงก็ได้นะ” 

   ลักษณ์ถอนหายใจยาว...ไม่มีอะไรต้องปิดอีกแล้วสินะ

   “มึงรู้ได้ไงว่าเป็นกู”

   “พอดี...กูบังเอิญ...เอ่อ...จำลายมือของมึงได้น่ะ”    ไวน์ตอบกลับ   ลักษณ์พยักหน้ารับ...จริงด้วยสิ  ถ้าปล่อยไปแบบนี้  ไม่นานก็จะมีคนสังเกตเห็นลายมือของเขา  แล้วความก็จะแตกอยู่ดี

   สู้ลุยให้ถึงที่สุดเลยดีกว่า...

   “ลองดูสักตั้ง  ไหนๆก็ไหนๆแล้วก็เอาให้เต็มที่สิวะ  อย่างน้อยถ้าเขาปฏิเสธมา  มึงจะได้ไม่เสียใจว่ายังทำได้ไม่สุดกำลังเลย”

   “กู..ไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธ”  ลักษณ์ตอบกลับไป   “เข้าใจป่ะ  กูแอบชอบเขามาตั้งนาน  กูไม่น่า...ไม่น่าทำแบบนี้เลยว่ะ   แล้วทีนี้กูจะมองหน้าเขายังไง”

   “มองหน้าไม่ได้ก็มองส่วนอื่นสิวะ...ล้อเล่น   มึงอย่าเพิ่งไปคิดถึงขั้นนั้นเลย  เอางี้  เดี๋ยวเย็นนี้กูจะบอกผิงว่ากูมีเรื่องจะพูดด้วยเกี่ยวกับกีฬาสี  ผิงเป็นหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการต้องอยู่คุยอยู่แล้ว  ทีนี้มึงก็จัดการซะ  โอเคมั้ย”

   “ก็ได้”

   ไวน์ไม่ปล่อยให้เขาคิดซ้ำ   พอเลิกเรียนก็รีบเดินไปหาผิงทันที   พูดคุยนัดแนะกันดิบดีว่าจะไปที่หลังโรงเรียน  ลักษณ์ขาสั่นแทบก้าวไม่ออกตอนที่เดินตรงเข้าไปหาเด็กสาวตัวเล็กบางที่ยืนมองดอกบัวในสระอยู่อย่างสนอกสนใจ

   “ง่า...ผิง” 

   “อ้าว...ลักษณ์  ยังไม่กลับเหรอ”  เธอส่งยิ้มให้เขานิดๆ  ลักษณ์สูดลงหายใจเข้าปอด  หางตาเหลือบเห็นเงาของร่างสูงๆหลบอยู่ตรงหลังต้นไม้ไม่ใกล้ไม่ไกล  ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดหนึ่ง

   “อืม..รอใครอยู่เหรอ”

   “รอพี่ไวน์น่ะ  เห็นบอกจะนัดคุยเรื่องโค้วต้านักกีฬาบาส   ไม่เห็นมาสักที”  ผิงเรียกไวน์ว่าพี่เหมือนคนอื่นๆในห้อง   ตามศักดิ์จริงๆที่เป็นรุ่นพี่ของพวกเขาครึ่งปี  เธอหันไปมองรอบๆ  บรรยากาศเงียบสงัดเกินกว่าจะเรียกว่าโรแมนติกในสายตาของลักษณ์...มันเงียบเกินไป   น่าจะเรียกว่าวังเวงมากกว่า

   “อ๋อ...อืม....เอ่อ...เดี๋ยวเรา...คือว่า”  ลักษณ์พยายามรวบรวมคำพูดให้เป็นประโยค  แต่มันยากเหลือเกินในสถานการณ์แบบนี้   ยิ่งมีดวงตากลมโตของผิงจ้องมองมาที่เขาด้วยแล้ว  ลิ้นมันก็พันกันพูดแทบไม่เป็นภาษาคน

   “มีอะไรหรือเปล่า...ลักษณ์”

   “โอ๊ย!”

   ก้อนหินก้อนหนึ่งกระทบหลังของเขาอย่างแรงจนปวดแปลบ  ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามาจากใคร  คงเป็นมือปาหินเจ้าเก่าที่แอบอยู่หลังต้นไม้นั่นแหละ

   ลักษณ์สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง  ความมั่นใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

   “ผิง...เรามีเรื่องจะบอกเธอน่ะ”  ผิงสบตาเขานิ่ง  เธอไม่พูดอะไร  คล้ายรอให้เขาพูดต่อ  “คือเรา....เรา....”

   เอาวะ  เป็นไงเป็นกัน..

   “เราเป็นเจ้าของการ์ดใบนั้นเองแหละ  ขนมนั่นด้วย”   กลั้นใจพูดออกไปเร็วปรื๋อ   อยากหลับตาปี๋จะได้ไม่ต้องเห็นสีหน้าของคนฟัง

   ทว่าเขาก็เห็นมันเข้าจนได้

   แววตาของคนตรงหน้าบอกความประหลาดใจก่อนจะกลายเป็นตกใจ  และ...ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด...มันมีแววผิดหวังซ่อนอยู่ในนั้น

   หัวใจที่เต้นแรงในตอนแรกกลับเต้นช้าลง

   “เป็นลักษณ์เองเหรอ...เราก็นึกว่า...”  เธอพึมพำคล้ายพูดกับตัวเอง

   “อืม..เราเอง  เธอนึกว่าใคร” 

   “เปล่าๆ  ไม่มีอะไร  อ๋อ  เธอเลยเขียนว่าตั้งแต่ป.4 สินะ  เราก็ว่าแล้วว่าคงเป็นเพื่อนเก่า  แต่ก็อดหวังไม่ได้  แย่จังนะ”

   “หมายความว่ายังไง”  ลักษณ์งง  ผิงหวังอะไร  คิดว่าใครงั้นเหรอ

   “ช่างมันเถอะ...เอ่อ  ลักษณ์  เราขอบคุณมากนะที่รู้สึกดีกับเราขนาดนี้...คือ   ลักษณ์เป็นคนแรกเลยนะเนี่ยที่เขียนการ์ดแบบนี้ให้เรา  เราดีใจนะ”

   “แล้วผิงชอบเรามั้ย”  ถึงจุดนี้ ลักษณ์คงต้องดับเครื่องชนแล้ว

   เด็กสาวมีท่าทางอึดอัดขึ้นมาทันที  เธอขมวดคิ้วราวกับเค้นหาคำพูดมาตอบเขา   ไม่มีความเขินอาย  ไม่มีความดีใจในสีหน้านั้น

   “ขอโทษนะลักษณ์  แต่เราเห็นลักษณ์เป็นเพื่อนน่ะ  ไม่ใช่ไม่ชอบนะ  เราชอบแต่ชอบแบบเพื่อน  เราเป็นเพื่อนกันก็ดีแล้วนี่”

   “..........”  ลักษณ์พูดไม่ออก

   เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรต่ออีกบ้าง  รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองยืนอยู่คนเดียวริมสระบัวหลังโรงเรียน   รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งหัวใจ  ในศีรษะมึนงงเหมือนถูกทุบด้วยค้อน

   ทั้งๆที่ทำใจเอาไว้แล้ว...ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว

   แต่มันก็ยังเจ็บปวด  ยังอดเสียใจไม่ได้ 

   ทำไมผิงใจร้ายจังวะ...

   ขอบตาร้อนผ่าว  ลักษณ์คุกเข่าลงริมสระน้ำ   เขามองเงาของใบหน้าตัวเองในสระ  มันบิดเบี้ยวน่าขันเมื่อถูกปลาตัวเล็กๆว่ายสะบัดหางไปมาจนผิวน้ำกระเพื่อมไหว

   เด็กหนุ่มชะโงกลงไปใกล้กว่าเดิม  เอื้อมมือลงไปแตะผิวน้ำเย็นเฉียบนั้น 

   “เห้ย!”  สัมผัสด้านหลังคอเสื้อพร้อมกับแรงดึงรั้งอย่างรุนแรงทำให้ลักษณ์ผละหงายหลัง  ใครบางคนลากเขาออกมาห่างจากขอบสระและพูดด้วยเสียงร้อนรน

   “แค่นี้มึงต้องฆ่าตัวตายเลยเหรอวะ  บ้าหรือเปล่า  ผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ  ตั้งสติหน่อยสิโว้ย”  เป็นไอ้ไวน์เพื่อนสนิทของเขานั่นเอง   มันแหกปากพูดปากคอสั่น ยกมือขึ้นตีที่แก้มของเขาแรงๆ

   ลักษณ์ปัดมือออก

   “มึงนั่นแหละตั้งสติหน่อย  กูไม่ได้ทำอะไรเลย” 

   “ก็มึงจะพุ่งลงสระเมื่อกี้อ่ะ  กูเห็น”  ไวน์เถียง

   “เปล่า  จะเล่นกับปลาเฉยๆ”  เขาตอบกลับ  อีกฝ่ายอึ้งไปนานก่อนจะถอนหายใจยาว  ลุกขึ้นยืนแล้วฉุดแขนเขาให้ยืนตามขึ้นมาด้วย

   “แล้วไป  ก็นึกว่าจะประชดรัก  ไม่ต้องเสียใจไปหรอกน่า  ถ้ามึงยังชอบคนนี้อยู่  เดี๋ยวกูช่วยเอง”  เสียงห้าวๆนั้นพูดอยู่เหนือศีรษะ 

   “ไม่ต้องหรอก   ขอบใจมาก”  ลักษณ์ปลดมือแข็งๆที่จับที่ต้นแขนของเขาออก  แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า

   ไวน์มองตาม  เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงอยากอยู่คนเดียวสักพัก  ใจหนึ่งก็อยากนั่งอยู่เป็นเพื่อนด้วย  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยาก

   ความรู้สึกของเขามันตีกันยุ่งไปหมด  บางครั้งก็เอาใจช่วย อยากให้เพื่อนสมหวัง  เขาชอบเวลาที่ลักษณ์ยิ้มกว้าง   รอยยิ้มแบบเด็กๆเห็นฟันครบยี่สิบสองซี่ที่ทำให้เขาอยากยิ้มตามไปด้วย   ยิ้มแบบที่ทำให้เขารู้สึกว่าโลกสดใสขึ้นมาทันตาเห็น      ไม่อยากเห็นเพื่อนทำหน้าจ๋อย ทำหูลู่หางตกเหมือนหมาหงอยเวลาผิดหวังแบบนี้

   ทว่าตอนที่ลักษณ์ยืนคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้น  เขากลับรู้สึกขึ้นมาวูบหนึ่งว่า  ไม่...เขาไม่อยากให้ผิงรับรักลักษณ์เลย   วูบหนึ่งที่เขารู้สึกดีใจที่ผิงตอบกลับไปแบบนี้   

   เขาเป็นเพื่อนที่เลวใช่มั้ย

   ไวน์ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ  เขาหยิบการบ้านขึ้นมากางอ่าน   ขณะที่ลักษณ์ถอยไปนั่งพิงต้นไม้  หลับตานิ่งๆเหมือนคนหลับ

   “มึงเคยอกหักมั้ย”  คนหลับถามขึ้นเสียงเบา   ไวน์เหลือบตาขึ้นมองแล้วส่ายหน้า

   “ไม่เคย”

   “ไม่เคยมีแฟนเหรอ  ไม่อยากเชื่อ..”

   “เคยดิ  หลายคนแล้ว”

   “แปลว่ามึงหักอกเค้าล่ะสิ”

   “เปล่า  เค้าบอกเลิกกูทั้งนั้นแหละ  กูไม่เคยบอกเลิกใครก่อนเลย”    ไวน์ยิ้มนิดๆ ตอบกลับไป  ไม่ขยายความว่าที่สาวๆเหล่านั้นทนความไม่ใส่ใจของเขาไม่ไหว  ก็เลยเป็นฝ่ายบอกเลิกเองทั้งหมด

   “หรอ...แล้วไม่เจ็บเรอะ”

   “ก็ไม่นะ  โหวงๆนิดหน่อย  เดี๋ยวก็หาย  จะไปเอาอะไรมากมายกับความรัก   กูไม่เคยกลัวอกหักเลย   เพราะกูคิดว่าตัวเองคงไม่มีทางรักใครได้มากขนาดจะรู้สึกแบบนั้นได้...และคิดว่าชาตินี้ก็คงไม่มีหรอกมั้ง”

   คนฟังเงียบไปนาน 

   “ทำไมมึงถึงชอบผิงล่ะ”  ไวน์ถามต่อ  “เพราะน่ารัก  เป็นกันเอง มีน้ำใจ  แล้วก็ฉลาดเหรอ  นี่คือสเป็คของมึงเหรอลักษณ์  เหมือนคำขวัญงานวันเด็กเลย”  เสียงหัวเราะห้าวๆดังขึ้น  พูดทวนข้อความในจดหมายรักนั้นได้อย่างแม่นยำราวกับท่องจำมา    เก็บคำถามที่อยากรู้จริงๆเอาไว้ภายในใจอย่างมิดเม้น .... แบบไหนที่มึงเห็นว่าน่ารักหรอ  แบบไหนถึงเรียกว่าเป็นกันเอง   ยังไงถึงเรียกว่ามีน้ำใจ  แล้วฉลาดเนี่ย วัดที่ตรงไหน  แค่เรียนห้องคิงพอหรือเปล่า...

   คำถามที่เขาสงสัย  ตั้งแต่ตอนที่ได้อ่านการ์ดใบนั้น


ต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ต่อนะคะ




      ลักษณ์เล่าเรื่องสมัยป.4 ตอนที่ได้พบเด็กหญิงครั้งแรกให้เขาฟัง  ความประทับใจตอนที่เธอช่วยเขาหารองเท้าที่เพื่อนเอาไปซ่อน   ความมีน้ำใจของเธอที่อยู่ช่วยเขาทำความสะอาดห้องเรียนจนเสร็จแม้ว่าจะไม่ใช่เวรของเธอ   เธอสอบได้ที่หนึ่งตอนป.5 แล้วก็ช่วยติววิชาเลขให้เขาด้วย  ฯลฯอีกมากมายที่ล้วนเป็นเป็นมิตรภาพแบบเด็กๆในสายตาของคนฟัง กระนั้นก็น่าประทับใจไม่น้อย

   ตอนประถมลักษณ์คงเป็นเด็กตัวเล็กๆแกนๆ  ไม่ค่อยมีเพื่อนคบ และก็ชอบโดนแกล้งแน่ๆ...ไวน์นั่งเท้าแขนฟังเพื่อนเล่าอยู่นานโดยไม่ขัดจังหวะ   จนกระทั่งฟ้ามืดสลัวและคนพูดหยุดพูดไปเอง   

   “จบแล้วเหรอ”  เขาหันไปถาม 

   “พอแล้ว เหนื่อย” 

   คนฟังหัวเราะ

        “ดีขึ้นยัง”

   “อืม”
   “งั้นกลับบ้านนะ”

   “ก็ได้” 

   พวกเขาเดินกลับบ้านด้วยกัน  ลักษณ์รู้สึกโล่งขึ้นมากหลังจากที่ได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่อัดแน่นอยู่ในใจมาหลายปีให้ใครสักคนฟัง  แม้จะยังผิดหวังอยู่บ้างแต่มันก็เบาบางลงมากแล้ว   

   คงเป็นเพราะมีคนข้างๆอยู่เป็นเพื่อนกระมัง

   “ขอบคุณมากนะ”   เขาพูดขึ้น  ก่อนที่เราจะแยกกันที่หน้าร้านข้าวแกงป้าสีดา   ไวน์ทำหน้างงๆ แล้วก็ยิ้มกว้าง

   “ไหนของตอบแทน”   

   ลักษณ์เลิกคิ้ว 

   “อยากได้อะไรล่ะ” 

   “อยากได้....”  สายตาคมๆคู่นั้นมีแววพราวระยับแบบที่ลักษณ์รู้ว่าคงจะทำให้เพื่อนผู้หญิงในห้องใจสั่นกันเป็นแถว   ไวน์ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็กๆทั้งสองข้างที่ทำให้ใบหน้านั้นดูกวนประสาทขึ้นมาสิบระดับในความคิดของเขาอีก 
   
        ...ยิ้มเจ้าเล่ห์มาก  ให้ตายสิ  ไอ้หมอนี่มันไว้ใจได้ไหมเนี่ย...

   “...อืม...ไม่ขออะไรเยอะ  เอาเป็นว่า  ถ้าคิดจะจีบสาวอีกเมื่อไหร่…บอกกูด้วยก็พอ”   

   “ทำไมต้องบอก”

   “ไม่บอกก็ได้”  ไวน์ตวัดเสียงขึ้นจมูก  “กูก็แค่เป็นห่วง  อยากช่วยมึงก็เท่านั้นเอง   ถ้ามึงอึดอัดก็โอเค  ไม่ต้องเล่าให้กูฟังหรอก  แต่อกหักมาอีกเมื่อไหร่กูไม่ช่วยนะ”

   ...ลักษณ์ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะช่วยอะไรเขาได้มากมายหรอก  ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องอกหักอีกซ้ำๆจนต้องพึ่งอีกฝ่ายด้วย  เขาในตอนนั้นก็แค่ไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของเพื่อนที่มีให้ก็แค่นั้นเอง

   “เออ รู้แล้วน่า” 

   0000000000000000000000000000000000



   “วันนี้ขอบคุณไวน์มากเลยนะที่ยอมขึ้นไปช่วยเรา  ไม่งั้นเราแย่แน่เลย”  น้ำเสียงหวานดังขึ้นใกล้ตัวทำให้ลักษณ์ต้องเงยหน้าจากการเก็บของลงกระเป๋าชั่วคราว 

   หญิงสาวที่เขาประทับใจในรอยยิ้มนั้นกำลังโปรยยิ้มมาให้เพื่อนตัวสูงที่ยืนรอเขาเก็บของอยู่นั้น  ไวน์ยิ้มตอบหวานพอกันแล้วพูดเสียงนุ่ม

   “เรื่องเล็กน่าเพลิน  ..อ้อ  ลักษณ์ ...นี่เพลินตา  คนที่สวยที่สุดในคณะฯกูเอง”   ไวน์ผายมือไปทางเพื่อนผู้หญิงที่ยืนข้างตัว

   ลักษณ์ส่งยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้า  เธอยิ้มตอบกลับมาเขินๆ   พูดด้วยเสียงใสกังวานหวานน่ารักสมตัว 
 
   “ยินดีที่ได้รู้จักนะลักษณ์  เรียกเราเพลินเฉยๆก็ได้”

   “ก็ได้...เพลินเฉยๆ”    สาวน้อยหัวเราะคิก 

   คิ้วเข้มของคนที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวขมวดแวบหนึ่ง  ก่อนจะคลายออกกลายเป็นรอยยิ้มสบายๆเหมือนทุกครั้ง  เมื่อเพลินหันมาถามเขา

   “จะไปกินข้าวกันหรือเปล่าคะ  เพลินไปด้วยคนได้มั้ย  เพื่อนๆทิ้งเพลินไปหมดแล้วเนี่ย”  ใบหน้าหวานเหลียวมองรอบตัว   ตอนนี้เหลือพวกเขาสามคนกับเพื่อนกลุ่มทันตะที่กำลังทยอยออกจากห้องเลคเชอร์เท่านั้น     

   ไวน์กำลังจะอ้าปากบอกปฏิเสธ  ...เรื่องอะไรจะพาก้างขวางคอไปด้วยล่ะ  ในเมื่อเขาตั้งใจจะไปกินข้าวกับเพื่อนลักษณ์สองต่อสองเสียหน่อย

   “ยินดีเลยครับ ไปด้วยกันหลายคนสนุกดี”  คนข้างตัวกลับพูดแซงขึ้นมาซะก่อน   หญิงสาวส่งยิ้มมาให้อีก  แน่นอนว่าไอ้ลักษณ์มองตาไม่กระพริบ

   ...อย่าบอกนะว่าหลงเสน่ห์รอยยิ้มหวานๆ อีกแล้ว  ตัวเล็กๆบางๆอีกตะหาก  สเป็คมันเต็มๆ ...บ้าชิบ

   “ไปยังไงดีล่ะ  กูไม่มีรถนะ”  ไวน์พูดขึ้นมาลอยๆ  หวังว่าลูกคุณหนูแบบเพลินคงจะไม่สนุกกับการขึ้นรถเมล์แน่ๆ   ต่อให้อยากไปเพราะใคร หรืออะไรก็ตามทีเถอะ  เธอคงไม่ลงทุนขนาดนั้นหรอก

   “มึงจะไปไหน  ก็กินโรงอาหารไง  ขาเดี้ยงแล้วยังไม่เจียมบอดี้อีก”  ประโยคท้ายลักษณ์ลดเสียงลงพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

   หัวใจคนฟังพองโตขึ้นมากะทันหัน...อย่างน้อยลักษณ์ก็ยังมีแก่ใจห่วงสภาพข้อเท้าของเขาอยู่บ้าง 

   “ยิ้มอะไรของมึง  เห็นแล้วขนลุก”  ลักษณ์กระซิบมาอีก   ส่งแขนมาให้เขาจับแทนไม้ค้ำยันเพื่อพยุงตัวเดินออกจากห้องเลคเชอร์ช้าๆ   มีเพลินเดินนำหน้า   เธอทำท่าจะเข้ามาช่วยไวน์ตอนแรกแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

   “ก็คนมันมีความสุข  ยิ้มไม่ได้หรือไง”

   “เออ  สรุปคนนี้ตัวจริง?”  ลักษณ์พยักพเยิดไปทางด้านหลังร่างเล็กบางของสาวน้อยที่เดินนำหน้า  “ไม่เห็นเคยเล่าให้กูฟังบ้างเลย  ไปจีบตอนไหน”   

   “ไม่ได้จีบ”  ไวน์กระซิบตอบกลับมา

   “อ้าว  งั้นกู...”ลักษณ์ยังพูดไม่ทันจบ  อีกฝ่ายก็รีบขัดขึ้นมาเสียก่อน

“มึงจีบไม่ได้”  ไวน์พูดเรียบๆ  คนฟังอ้าปากค้าง   ถามกลับ 

       “ทำไมล่ะ” 

       ไวน์มองหน้าเขาแล้วตอบสั้นๆ

        “กูหวง”


        …………………………………………………………………………
   
   
   มาต่อนะคะ  ขอบคุณมากเลยที่เม้นท์เข้ามา  ดีใจที่มีคนชอบนะคะ
รู้สึกมีกำลังใจเขียนต่อ55555
ขอบคุณมากๆค่ะ


ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
มีผู้ช่วยดีเกินไปแบบนี้ ลักษณ์เลยแห้วตลอดหรือเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ ploysure

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไวน์ป้อดได้อีกไม่ไหวแล้ววววว
คงต้องหาผู้หญิงๆน่ารักสักคนที่จะมาหลงเสน่ห์น้องลักษณ์ซะละ ไวน์จะได้รู้ตัวสักทีว่าควรจะทำอะไรเพื่อไม่ให้ลักษณ์ไป :ling2:
ไวน์นี่ก็ขยันพูดให้เพื่อนเข้าใจแบบเนี้ย บอกหวงๆนี่ลักษณ์ก็ต้องเข้าใจว่าหวงเพลิน เรื่องก็จบ ลักษณ์ก็คงโอเคเพื่อนชอบ ตายๆชาตินี้ไม่ต้องทำอะไรแล้วเชิญอยู่ในสถานะเพื่อนตลอดไปเลยค่ะลูกกก
เอาจริงๆนี่นึกไม่ออกเลยว่าจะรักกันได้ไง ลักษณ์นี่คิดกับไวน์เป็นเพื่อนเลย ไวน์นี่ก็ไม่ชัดเจนซักทีอะ
มาอัพต่อเร็วๆนะคะรออ่านอยู่นะ ค้างงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลักษณ์เอ๊ย......เลิกจีบสาวเถอะ
สาวๆ เขาไม่ชอบผู้ชายน่ารักหรอก
ไวน์ ก็รีบบอกๆไปเถอะเรื่องชอบลักษณ์
ลักษณ์ จะได้รู้สักที ว่าไม่ต้องอิจฉาความหล่อของไวน์
ยังไงๆไอ้เพื่อนหล่อมันไม่แย่งจีบสาวหรอก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 5 
Time and tide wait for no man.






   “หวง?”  ลักษณ์ทวนคำพูดของอีกฝ่าย  จากนั้นความโกรธก็แล่นวูบขึ้นมาเป็นริ้ว  “มึงไม่คิดจะจีบ แต่ว่าหวงก้างเนี่ยนะ  ทำไมวะ” 

   เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าเพื่อนสนิทจะนิสัยแบบนี้  แต่ก่อนไอ้ไวน์ไม่เคยหวงสาวๆรอบตัวมันเสียหน่อย  เกิดอะไรขึ้นล่ะ  หรือว่าเพลินตาคนนี้จะถูกใจไวน์มาก

   “เปล่า   กูไม่ได้หวงเพลิน  เพลินกับกูไม่ได้เป็นอะไรกัน   กูจะมีสิทธิ์ไปหวงเขาได้ยังไง”  ไวน์ตอบกลับมา   

   คำตอบของอีกฝ่ายทำให้คนถึงกลับมองหน้า  งงจับต้นชนปลายไม่ถูก   

   “ไม่ได้หวงเพลิน?  แล้วมึงหวงใคร  หวงกูหรือไง?”  ลักษณ์เริ่มรู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างเขากับเพื่อนสนิทมันแปลกๆชอบกล 

   “ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ”  ไวน์พูดกลั้วหัวเราะ   

   “ประสาท  ทำไมต้องหวงกู  อึ๋ย  พูดแล้วขนลุก”   ลักษณ์ยกท่อนแขนขึ้นมาให้ดูเส้นขนที่ลุกชันทั่วทั้งแขนตามที่พูด 
 
   คนตัวสูงเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ....คงยังไม่ถึงเวลาสินะ 

   “ก็มึงเป็นเพื่อนกูอ่ะ  เพื่อนหวงเพื่อนไม่ได้หรือไง?”   ไวน์ตอบกลับไปแล้วยักคิ้วให้  “เอ้ามึงจะกินอะไร  กะเพราหมูกรอบใช่มั้ย   เดี๋ยวกูไปซื้อให้” 

   ลักษณ์ดูงงๆกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเพื่อน   แต่ก็คิดในใจว่ามันคงรู้สึกผิดที่หวงก้างกับเพื่อนสนิท เลยหาทางพูดไถลไปเรื่อย   กลายเป็นหวงเพื่อนอย่างเขาแทน   ช่างมันเหอะ....เขามองหน้าเพลินตาอย่างเสียดายเล็กน้อย    แค่ถ้าเพื่อนอย่างไวน์ชอบ   เขาก็จะไม่ยุ่ง 

“นั่งอยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูซื้อมาให้   เพลินทานอะไรดีครับ”   เขากดไหล่ของไวน์ให้นั่งลงบนเก้าอี้   แล้วเดินไปซื้อข้าวให้เอง   ไม่ลืมอาสาซื้อให้เพลินด้วย   

ปล่อยให้ทั้งสองคนนั่งคุยกันที่โต๊ะ   ลักษณ์เดินมาสั่งอาหารที่หน้าร้านตามสั่ง   เขาเลือกกะเพราหมูกรอบให้ตัวเอง  สั่งเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วโปะไข่ดาวไม่สุกให้ไอ้ไวน์   และข้าวผัดทะเลให้เพลิน

เหลียวไปมองดูท่าทางระหว่างสองคนนั้นเงียบๆ  ไวน์ดูสุภาพและระมัดระวังตัวเป็นพิเศษราวกับอยู่ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่   ไม่มีท่าทางแพรวพราวอย่างเวลาอยู่ต่อหน้าสาวๆคนอื่นอย่างที่เคยเห็น   สีหน้าของไวน์ดูติดจะเคร่งเครียดหน่อยๆด้วยซ้ำเวลาคุยกัน
...หรือว่าไวน์จะชอบเพลินจริงๆวะ  ก็เลยกลัวๆกล้าๆ  รอดูอาการของสาวเจ้าก่อน  ไม่ลุยเต็มที่เหมือนทุกที   

อาหารทั้งสามอย่างได้แล้ว    ลักษณ์ตักน้ำตาลครึ่งช้อน น้ำปลา น้าส้ม เติมพริกอีกสองช้อนใส่จานของไวน์   เขารู้ดีว่าเพื่อนชอบกินรสไหน  เพราะปรุงให้มันกินมาเกือบ 7 ปีแล้ว   เพลินลุกมาช่วยเขาถือจานอาหารกลับไปที่โต๊ะ 

“เพิ่งเคยเห็นคนกินผัดซีอิ๊วใส่ไข่ดาว   มันเข้ากันเหรอไวน์”  เพลินทักเมื่อเห็นจานอาหารของไวน์  ชายหนุ่มหัวเราะ   เขยิบที่ให้ลักษณ์นั่งข้างตัว 

“เข้าสิ  ไม่เชื่อลองกินดู  อร่อยดี”  เขาเจาะไข่แดงออกแล้วคลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยว   ตักเข้าปาก  “วันนี้เปรี้ยวกว่าปกตินะ”  หันไปบอกเพื่อนที่ตักหมูกรอบเข้าปาก

“อ้าวเหรอ  สงสัยหนักมือไปหน่อย  โทษๆ”  ลักษณ์ตอบกลับมา  ยื่นช้อนออกไปตักอาหารในจานของไวน์ขึ้นมาชิม 

“อืม  เปรี้ยวจริงด้วยแฮะ” 

“แต่ก็อร่อยดีนะกูว่า   วันหลังเอาเท่านี้แหละ”   คนฟังพยักหน้า   

“แปลกดีเนอะ  ไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายปรุงอาหารให้กันเลย  น่ารักดีจัง”  เด็กสาวที่นั่งมองอยู่นานพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย   ผู้ชายสองคนมองหน้ากันก่อนจะเบือนหลบไปคนละทาง

“เหรอ...ก็เห็นเยอะแยะนะ   เรื่องธรรมดาที่เพื่อนจะปรุงให้”  ไวน์ตอบ  มีความเครียดบางอย่างแฝงอยู่ในน้ำเสียงจนคนใกล้ชิดอย่างลักษณ์สามารถจับอารมณ์ในน้ำเสียงนั้นได้ทันที   เขาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทงงๆ

...เป็นไรวะ  เรื่องแค่นี้เอง   ถึงเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนผู้ชายคนอื่นเขาปรุงให้กันหรือเปล่าก็เถอะ  แต่มันก็ไม่แปลกที่เพื่อนจะทำให้เพื่อนมั้ยล่ะ... แล้วไอ้ไวน์จะทำหน้าหงิกแบบนั้นทำไมเนี่ย  เดี๋ยวสาวก็กลัวหมดหรอก

แต่เพลินกลับยิ้มนิดๆ  ดวงตาของเธอมีแววขบขัน

“อืม  ต้องเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆเชียวล่ะ  ลักษณ์กับไวน์เนี่ยคบกันมากี่ปีนะ”

“เกือบ 7 ปีแล้วมั้ง”  ลักษณ์ตอบ 

“โห นานมากๆ  ตั้งแต่ชั้นอะไรน่ะ”

“ม.2”  ลักษณ์เป็นฝ่ายตอบอีก  ดูเหมือนไวน์จะกลายเป็นใบ้ไปชั่วคราวโดยไม่รู้สาเหตุ

“ลักษณ์ประทับใจไวน์ที่ตรงไหนเหรอ   หมายถึง..ทำไมคบเป็นเพื่อนกันได้น่ะ”  เพลินขยายความ   ทำเป็นไม่สนใจสายตาปรามจากคนที่นั่งตรงข้ามที่จ้องมายังเธอเขม็ง

ทั้งที่ความจริงแล้ว ก็เงี่ยหูรอฟังคำตอบอยู่เหมือนกันล่ะน่า....เธอรู้

ก็เมื่อกี้นี้ตอนที่ลักษณ์ลุกไปซื้อข้าว   แล้วเธอแกล้งถามออกไปตรงๆตามที่สังเกตเห็นท่าทางของคนทั้งคู่ในช่วงเวลาไม่นานนั้น  ปฏิกิริยาของคนฟังอย่างไวน์ก็บอกความจริงแก่เธอจนหมด

“ไวน์กับลักษณ์เนี่ยน่ารักดีเนอะ   เป็นแฟนกันนานยัง” 


คนฟังสะดุ้งสุดตัว  ละสายตาจากร่างผอมบางของเพื่อนสนิทที่เดินไปซื้อข้าวหันขวับกลับมามองหน้าเธออย่างตกใจ   ใบหน้าคมเข้มนั้นเริ่มแดงจัดลามไปถึงใบหูตอนที่ไวน์บอกปัดละล่ำละลัก

“ไม่ใช่....ไม่ใช่แฟน   เป็นเพื่อนกัน”

“อ้าวเหรอ  ก็ดีสิ  เราชอบลักษณ์น่ะ  น่ารักดี  เธอช่วยหน่อยได้มั้ย”   คิ้วเข้มของคนฟังขมวดฉับทันที

“ไม่ได้หรอก  ลักษณ์มันมีแฟนแล้ว”


“จริงหรอ  ใครน่ะ  แต่ไม่เป็นไรหรอก  มีเจ้าของแล้วก็ยิ่งสนุก  เราชอบ”  เพลินตอบยิ้มๆ เธอมองออกว่าอีกฝ่ายชักจะร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว

“ขอร้อง  อย่ายุ่งกับมันเลยนะเพลิน” สุดท้ายไวน์ก็พูดเสียงอ่อย   เธอหัวเราะ

“ทำไมล่ะ  ไวน์ชอบลักษณ์หรอ”   เธอส่งหมัดฮุกเข้าไป 

อีกฝ่ายไม่ตอบ  ทว่าท่าทีนิ่งอั้นคล้ายอับจนคำพูดนั้นก็เป็นคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว

ถึงเธอจะเสียใจนิดหน่อย เพราะแอบเล็งไวน์เอาไว้  แต่ก็ช่วยไม่ได้  ดูจากสายตาของไวน์ที่มองตามหลังเพื่อนสนิทไม่ห่าง  แถมแววตาคู่นั้นถ้าใครสังเกตสักนิด  ก็คงจะเห็นแววบางอย่างบอกชัดว่าไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทมองกันแน่ๆ

เธอคงไม่อาจหาญเข้าไปสู้กับลักษณ์หรอกนะ....ไม่สิ  ความจริงแล้วลักษณ์อาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่า?  ท่าทางของลักษณ์  ทั้งสายตา คำพูด ที่มีต่อไวน์ไม่ได้มีท่าทีอะไรเกินเพื่อนเลย  หรือว่า....

...ไม่อยากเชื่อเลยว่า  คนที่หล่อที่สุดในคณะฯ  เรียนเก่ง กีฬาดี  คุณสมบัติพร้อมอย่างไวน์จะมีตายน้ำตื้นเอากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็น เพื่อนสนิท

“ให้เราช่วยเอามั้ย”  เพลินเสนอ   ชักรู้สึกสนุกขึ้นมาหน่อยๆ

“ไม่ต้อง”  ไวน์ตอบกลับมาห้วนๆ  และขยับจะลุกไปช่วยเพื่อนยกจานอาหาร  ติดตรงที่ข้อเท้าเจ็บเลยลุกได้ช้ากว่าเธอที่รีบเดินตรงเข้าไปช่วยลักษณ์แทน

   เพลินคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้ม  รอฟังคำตอบจากเด็กเภสัชหน้าตาธรรมดาที่เธอไม่เข้าใจว่า  เหตุใดผู้ชายแบบไวน์ถึงไปหลงรักคนๆนี้ได้

   ลักษณ์เหลือบมองเพื่อน แล้วก็หัวเราะ   

   “ประทับใจเหรอ...ไม่มีแฮะ    แต่ไวน์เป็นคนมีน้ำใจมากนะ  ดูแลเพื่อน  ช่วยเหลือคนแก่คนชรา  ไม่เคยเตะหมา  ไม่ด่าพ่อแม่ใคร  ลุกให้สตรีมีครรภ์นั่งบนรถเมล์ด้วย”  ลักษณ์ตอบ ...เอาจริงก็นึกไม่ค่อยออกเท่าไหร่  แต่ไหนๆสาวเจ้าเล่นถามมาอย่างนี้  เขาก็ต้องขุดเอาความดีของเพื่อนขึ้นมาประจาน  เอ๊ย  ขึ้นมาสรรเสริญเสียหน่อย  เผื่อสาวจะสนใจ

   แว่วเสียงถอนหายใจจากคนนั่งข้างๆ 

   “โธ่  ฮ่าๆ   แล้วไวน์ล่ะ  ประทับใจลักษณ์ตรงไหน  ถึงได้....”  เพลินลากเสียง   ไวน์ดูเกร็งขึ้นมาทันที  ใบหน้าหล่อเข้มนั้นดูบึ้งตึงจนลักษณ์ต้องเอาศอกกระทุ้งที่สีข้าง

   มันเอียงหน้ามามอง

   “ยิ้มหน่อยสิวะ  ทำหน้าบูดแบบนี้  สาวจะชอบเหรอ”  ลักษณ์กระซิบเบาๆ   

   คิ้วของคนฟังคลายลง    พร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม    ไวน์มองหน้าลักษณ์แล้วเอื้อมมือไปเก็บจานเปล่าของเพื่อนๆมาซ้อนกับจานของตัวเอง 

   “ประทับใจในความโง่ของมันไง   ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาบ้างเลย”    ไวน์ตอบแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน  เดินช้าๆไปเก็บจานยังที่วางชั้น   

   ลักษณ์อ้าปากค้าง  ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเพื่อนสนิทจะประทับใจในความฉลาดน้อยของเขา...ถุย  ไอ้ไวน์  มันใช่เหรอวะ
 
   “แม่ง ตอบอะไรของมันวะเนี่ย  อุตส่าห์โฆษณาให้มันดีๆแล้วเชียว”  ลักษณ์อุบอิบ  ตวัดสายตามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินไปเก็บจานอยู่นั้นอย่างหงุดหงิด

   เพลินตาหัวเราะเบาๆ  ท่าทางเธออารมณ์ดียิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

   “น่ารักจังเลยนะ” 

   ได้ยินดังนั้น  ลักษณ์ก็รีบถามต่อทันที

   “น่ารักแล้วรักมั้ยล่ะ”  หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก  ปกปิดรอยยิ้มกว้างของเธอที่ลักษณ์ชอบมันไม่น้อย   ทว่าก็ต้องยอมถอยเพราะเพื่อนคงชอบมากกว่า

   ไม่อย่างนั้นคงไม่แสดงท่าทางประหลาดๆออกมาตลอดเวลาที่กินข้าวหรอก....เกร็งขนาดนั้น   ไวน์คงจะชอบผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ 

   ถ้าไวน์จะมีแฟน(คนที่เท่าไหร่ของมันก็ไม่รู้)  ...ถ้าเป็นเพลินตา  เขาก็พอจะยอมรับได้อยู่หรอกนะ

   “อุ๊ย  พูดอะไรอย่างนั้น”  เธอหัวเราะออกมาอีก

   ทั้งคู่เดินตรงเข้าไปหาไวน์ที่ยืนเกาะชั้นวางจาน หันมามองอยู่ก่อนแล้วนั้น   ไวน์ยกมือขึ้นเกาะไหล่ของลักษณ์แทน    มีเพลินเดินขนาบอยู่อีกด้าน 

   “แล้วเพลินจะไปไหนต่อครับ”  ไวน์หันไปถามหญิงสาว   เธอเอียงศีรษะน้อยๆดูน่ารักเป็นธรรมชาติในสายตาของลักษณ์
   
   “ยังไม่รู้เลยค่ะ  บ่ายนี้ยังไม่มีแพลนอะไรเลย”   

   คนฟังพยักหน้าแล้วก็เงียบไปซะงั้น  ร้อนถึงเพื่อนแสนดีอย่างลักษณ์ต้องถามต่อ

   “ถ้างั้น  ไปห้องสมุดด้วยกันไหมล่ะ”   เอาศอกกระทุ้งที่สีข้างของไอ้ไวน์อีกรอบจนร่างสูงเซไปเล็กน้อย    ไวน์ก้มลงมองหน้าเขาอย่างงงๆ  “มึงชวนเขาไปด้วยสิ ห้องสมุดบรรยากาศดีนะเว้ย”   ลักษณ์กระซิบมาอีก

   “กูไม่อยากชวนเค้าอ่ะ” 

   “เอ้า  ป้อดอีกไอ้นี่”   เด็กเภสัชพูดพลางจุ๊ปาก   

   ไวน์เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง  ลักษณ์คงคิดว่าเขาชอบเพลินตากระมัง  เลยหาทางช่วยด้วยความหวังดี เหมือนที่เขาเคยช่วยมันไว้หลายครั้ง 

   เห็นท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่ายยามที่หันไปพูดชวนเพลินให้ไปนั่งห้องสมุดด้วยกันแล้วนั้น   ไวน์ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ...จะชวนทำไม   ไม่ได้อยากให้ชวน  ที่ไม่อยากชวนเพราะไม่ได้อยากให้ไปด้วย   ไม่ได้ป้อด  มึงเข้าใจบ้างมั้ยเนี่ย...

   แน่นอนว่าลักษณ์ไม่มีทางล่วงรู้ความคิดของเขาหรอก  เพราะเขาทำได้แค่ตะโกนอยู่ในใจเท่านั้น    จะให้พูดออกไปตรงๆว่า   หยุดครับเพื่อนลักษณ์  กูอยากไปห้องสมุดกับมึงแค่สองคน... เขาก็ไม่กล้า

   ใช่   กับลักษณ์แล้ว  เขาเหมือนคนขี้ขลาดที่จะขยับตัวทำอะไรที ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก    ต้องคอยระวังตัวไม่ให้ ‘เผลอ’ แสดงความรู้สึกออกไปมากเกินไป   

   เขาไม่กล้า...ไม่กล้าจริงๆที่จะทำลายความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างเราสองคน   ไวน์คิดว่าตัวเองคงรับไม่ได้แน่ๆ  ถ้าวันหนึ่งลักษณ์จะหมางเมินเขาไปด้วยเหตุผลที่เขาเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป

   แล้วเขาก็ต้องสูญเสีย...ทั้งมิตรภาพและความรัก  โดยไม่มีทางหวนกลับมาได้อีก

   “ไม่รู้ว่าไวน์จะอยากให้เพลินไปด้วยหรือเปล่า”  หญิงสาวตอบยิ้มๆ  เบือนหน้ามาทางเขา  ดวงตากลมหวานนั้นมีรอยขี้เล่น

   “แล้วแต่เพลินเลย”  เขาตอบ   พยายามลดความหงุดหงิดในน้ำเสียงให้เหลือน้อยที่สุด

   ชายหนุ่มโอบไหล่ของเพื่อนสนิทเข้ามาชิดตัวมากกว่าเดิม    ลักษณ์ไม่ได้เบี่ยงหลบเพราะคิด(เอาเอง)ว่าขาของเขาเจ็บจนต้องพึ่งการพยุงช่วยของตน    ทั้งที่จริงแล้วขาของเขาก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายนักหรอก

   แต่เรื่องอะไรจะบอกล่ะ

   เสียงหอบน้อยๆของเพื่อนทำให้ไวน์ต้องเอียงตัวกลับมา  ไม่ทิ้งน้ำหนักไปทางลักษณ์มากเกินไป  ซีกหน้านั้นอยู่ถัดจากเขาไปเพียงนิดเดียว   ศีรษะทุยแนบอยู่ที่ซอกไหล่ของเขา

   ใกล้จนแทบจะสัมผัสได้  ทว่าเขาก็ต้องห้ามใจเอาไว้ ...เหมือนทุกครั้ง

   “นั่งโต๊ะนี้แล้วกัน”  เพลินเป็นคนเลือกโต๊ะริมสุดในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย   บ่ายนี้คนน้อยกว่าปกติเพราะยังไม่ใกล้ฤดูกาลสอบ    ลักษณ์วางกระเป๋าของเพื่อนสนิทเอาไว้ข้างตัว    ทอดสายตามองตามหลังร่างเล็กบางของดาวแพทย์ที่เดินลับหายเข้าไปในชั้นหนังสือ

   เหลือเขากับไวน์ที่ก้มหน้าก้มตาหยิบสมุดเลคเชอร์ขึ้นมาเปิดอ่าน

   “ไวน์  ทำไมมึงนิ่งจังวะ  ทุกทีไม่เป็นงี้นี่”  ลักษณ์ลดเสียงลง  เพราะที่นี่เป็นห้องสมุด  “หรือว่าเขิน...ให้กูย้ายไปนั่งที่อื่นดีมั้ย  มึงจะได้นั่งกับเพลินสองคน”

   คนหน้าเข้มยังคงกวาดสายตาไปตามหน้าเลคเชอร์  ราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด

   “ไอ้ไวน์  อะไรของมึงเนี่ย   เป็นอะไร”

   “มึงนั่นแหละเป็นอะไร  อยู่เฉยๆไม่ได้หรือไง”  สุดท้ายไวน์ก็เงยหน้าขึ้นตอบด้วยเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน   

   “ก็กูอยากช่วยอ่ะ  กูดูออกนะว่ามึงชอบเพลินน่ะ”

   “มึงดูยังไง”  ไวน์ถามกลับเสียงเรียบ

   “ก็...กูรู้สึกว่ามึงมองเค้าไม่เหมือนเวลามองเพื่อนผู้หญิงคนอื่นอ่ะ   ท่าทางมึงก็ดูเกร็งๆแปลกๆด้วย  แถมมึงก็ไม่ยอมให้กูจีบเขาอีก    อะไรวะไวน์  ชอบก็บอกว่าชอบดิ”   ลักษณ์สวนกลับตามความคิดของตนเอง   

   คนฟังเงียบไปนาน 

   “ถ้ากูชอบเขาจริงๆ  แล้วมึงจะทำยังไง  จะช่วยกูงั้นเหรอ?”  ไวน์ถามเสียงแผ่ว   

   “ก็เออสิ”  ลักษณ์พยักหน้า   ยกมือขึ้นตบที่หน้าอกของตัวเอง  “เชื่อมือกูได้....แหม่  นานๆทีกูจะได้มีโอกาสได้ช่วยเพื่อนอย่างมึงบ้าง  ทุกทีมึงไม่เคยเล่าให้กูฟังเลยนี่หว่า”   

   โอ้โหไม่นึกเลยว่าวันนี้จะมาถึง...วันที่เพื่อนไวน์เกิดความไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาจนไม่กล้าเดินหน้าจีบสาว   ต้องพึ่งมือของไอ้ลักษณ์คนนี้   

   ถึงเขาจะไม่เคยประสบความสำเร็จในเรื่องความรักเลยก็ตาม   แต่เขาก็อยากช่วยเพื่อนเต็มที่นะ  ไอ้ไวน์จะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที    ทีนี้แหละ  สาวที่เขาเล็งๆไว้ก็จะเลิกสนใจมัน  เพราะมันมีแฟนแล้ว  ฮ่าๆ  พวกเธอจะได้มองเห็นความหล่อเหลาของไอ้ลักษณ์คนนี้บ้าง

   เขาเรียกยิงทีเดียวได้นกสองตัว

   ไอ้ไวน์ไม่ตอบ  ทั้งตกลงหรือปฏิเสธ   มันพึมพำว่าจะไปเข้าห้องน้ำ  จากนั้นก็ลุกเดินหายไปซะงั้น   ทิ้งให้ลักษณ์นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว   

   คิดถึงไวน์ขึ้นมา  เขารู้ว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นคนขี้เหงา   พ่อแม่ของไวน์ทำฟาร์มโคนมอยู่ต่างจังหวัด  ทิ้งให้ลูกชายครอบครองบ้านเดี่ยวหลังใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯคนเดียว    ส่วนพี่สาวก็เรียนอยู่เมืองนอก  นานๆจะกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง

   ไวน์ก็เลยเหมือนอยู่ตัวคนเดียว   ตอนแรกลักษณ์ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงชอบมาขลุกอยู่ที่ร้านป้าดานัก   หลายครั้งแอบรำคาญด้วยซ้ำ

   แต่พอได้ไปบ้านของไวน์   ได้รับรู้ถึงความแห้งแล้งของสถานที่นั้น  เขาก็เข้าใจ   ไวน์ไม่มีทางมีความสุขกับการอยู่ในบ้านหลังนั้นกับป้าที่เป็นแม่บ้านได้หรอก   

   คงดีเหมือนกันถ้าไวน์จะมีใครสักคนเป็นเพื่อน ...อย่างเช่น  เพลิน? 

   ลักษณ์ไม่รู้เลยว่าคนสองคนที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้นกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่หน้าห้องน้ำ   สนทนากันอย่างเคร่งเครียดในความรู้สึกของฝ่ายชาย และสนุกปนสงสารน้อยๆในความรู้สึกของฝ่ายหญิง

   “ทำไมไม่บอกไปตามตรงล่ะไวน์”   เพลินพูด  เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนตรงหน้าที่ดูมั่นอกมั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้น  เหตุใดถึงได้เก็บงำความรู้สึกของตนเองที่มีต่อคนใกล้ชิดเอาไว้

   “เพลินไม่รู้อะไรหรอก”  ไวน์บอกปัด  ทำท่าจะเดินหนี 

   “ทำไมจะไม่รู้   เราก็เคยแอบรักเพื่อนสนิทตัวเองเหมือนกันนะไวน์”  ประโยคนั้นทำให้ไวน์ชะงัก  “เรารู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน   อยากพูด  อยากแสดงออก  แต่ก็กลัวจะเสียเค้าไป....เราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว”

   ชายหนุ่มหยุดยืนที่เดิม  เขาสบตากลมโตของเพื่อนร่วมคณะที่คล้ายมีน้ำตาคลออยู่นิดๆ   เพลินทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังมองย้อนกลับไปยังอดีตของตนเองที่เกิดขึ้นนานแล้ว

   “อีกคนไม่เคยมองเห็นเราเป็นอื่นนอกจากเพื่อน   ทั้งๆที่เราเห็นเค้าเป็นมากกว่านั้น   เราให้ใจเค้าไปทั้งหมด  แต่เขาก็ไม่เคยรู้เลยสักนิด”   เพลินถอนหายใจยาว  “ตอนแรกเราก็อยากเก็บมันไว้เป็นความลับไปจนตายเหมือนกัน  แต่มันอึดอัด  มันทรมานนะ   อยากบอกให้เค้ารู้ตัว   แต่ก็ไม่อยากผิดหวัง”

   “แล้วสุดท้าย  เธอบอกเค้าไปมั้ย”  ไวน์ทำลายความเงียบขึ้นเบาๆ  หลังจากเห็นหญิงสาวเงียบไปนาน

   “บอก...เราบอกตอนวันปัจฉิมนิเทศ   ตอนที่รู้ว่าเรากับเค้าเอนท์ติดกันคนละที่   เค้าจะไปเรียนต่อเมืองนอก  เราก็เลยบอกเพราะคิดว่าตัวเองคงไม่ต้องเจอหน้ากันอีกแล้ว” 

   “แล้วเค้าว่ายังไง”  ไวน์ถามด้วยเสียงกระซิบ   

   “เค้าก็...ร้องไห้”  เพลินตอบ  “แล้วก็บอกเราว่า  เค้าก็คิดเหมือนกันกับเรา แต่ไม่เคยกล้าบอกเราเหมือนกัน”   เสียงของเพลินสั่นน้อยๆตอนที่เล่า “เขาบอกว่าทำไมเราไม่บอกเขาก่อน  อย่างน้อยก็แสดงออกให้รู้บ้างสักนิดก็ยังดี   เค้าจะได้กล้าที่จะบอกเราบ้าง   แต่นี่เค้านึกว่าเราเห็นเค้าเป็นแค่เพื่อน   เค้าก็เลยเลือกสอบชิงทุนไปอเมริกา”

   “แค่อเมริกาเอง  เพลินบินไปหาก็ได้นี่   ไม่ก็ให้เค้าบินกลับมาเยี่ยม”

   “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกไวน์   ตอนแรกเราก็นึกว่ามันจะเป็นอย่างนั้น   แต่เค้าบอกเราว่าความรู้สึกของเค้ามันเปลี่ยนไปแล้ว   เค้าตัดใจจากเราไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจสอบชิงทุน    มันสายไป   เราบอกเค้าช้าไปไวน์”

   ไวน์พูดไม่ออก   รู้สึกสงสารเพื่อนเต็มที  เขายกมือขึ้นแตะไหล่เธอเป็นเชิงปลอบ   เพลินก้มหน้าลงแวบหนึ่งแล้วก็เงยหน้าขึ้นยิ้ม

   “เรายังไม่ตายหรอก  ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นก็ได้”  เพลินพูด  “แต่เราไม่อยากเห็นไวน์พลาดโอกาสแบบเราไปนะ   ครั้งแรกตอนที่เราเห็นไวน์มองลักษณ์  เรารู้สึกเหมือนเห็นตัวเองเลย”

   “เรื่องของเรามันไม่เหมือนกัน   ลักษณ์ไม่เคยมองเราเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อนสนิทเลย”   ไวน์ยอมพูดออกมาตรงๆ หลังจากได้ยินเรื่องเล่าของเพื่อนแล้ว   

   “ก็เหมือนเรากับเค้านั้นแหละ  เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่”

   คนฟังส่ายหน้าช้าๆ 

   “ไม่ใช่  เรารู้  เพราะลักษณ์ไม่ใช่คนที่เก็บความรู้สึกอะไรได้   มีอะไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าหมด   เราก็เลยรู้ว่าเขาไม่เคยคิดกับเราเกินเพื่อน  อีกอย่าง...เราเป็นผู้ชายด้วย   มันเลยยาก”

   “แล้วเราบอกเหรอว่าเพื่อนเราเป็นผู้ชาย”   เพลินสวนกลับมา  ทำเอาคนฟังงง  หันไปมองหน้าอย่างแปลกใจ  “เรื่องเพศมันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกไวน์    มันอยู่ที่ใจตะหาก”

   ไวน์หัวเราะออกมาเบาๆ 

   “แล้วจะให้เราทำยังไง   เดินเข้าไปบอกมันงั้นเหรอว่าเราชอบมันมานานแล้วน่ะ”  เขาพูดแกมหัวเราะ   นึกภาพหน้าไอ้ลักษณ์ออกเลยว่ามันคงจะทั้งงงทั้งเหวอ   อาจจะด่าเขากลับมาด้วยซ้ำ  ข้อหาที่ไปพูดอะไรไร้สาระ  ล้อเล่นไม่รู้เวลาล่ำเวลา
“ไม่ใช่อย่างนั้น   เราต้องลองดูท่าทีของลักษณ์ก่อน  ว่าหวั่นไหวกับไวน์บ้างมั้ย   ยิ่งลักษณ์เป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่งแบบนี้  ก็ยิ่งง่ายใหญ่”

“เราว่ามันจะเสียเวลาเปล่า”    เขาลองมาหลายปีแล้ว  ทั้งหยอดทั้งเอาใจสารพัด  แต่ไม่เห็นอีกฝ่ายจะมีท่าทางอะไรออกมาเลยสักนิด    มีแต่เฉยๆ ไม่ก็ด่ากลับมา  “ลักษณ์ไม่เคยเขินหรืออะไรเลย”

“ก็เพราะลักษณ์ไม่เคยมองไวน์ในแง่ของคนรักเลยไงล่ะ   เราต้องเปลี่ยนแนวคิดของลักษณ์เสียก่อน   ให้ลักษณ์มองเห็นไวน์ในแบบที่เป็นผู้ชายคนนึง  ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทเหมือนทุกที”

ไวน์คิดตามที่เพื่อนบอก   เขาเริ่มจะเข้าใจที่เพลินต้องการจะสื่อแล้ว....ปกติลักษณ์เห็นเขาเป็นเพื่อน  ก็เลยไม่รู้สึกอะไรกับความใกล้ชิด หรือการดูแลกัน  เพราะมันเข้าใจว่าก็เป็นแค่การแสดงออกของเพื่อน

ต่อให้เขาเดินเข้าไปบอกรักมันตอนนี้   มันก็อาจจะแค่ด่ากลับมาว่าประสาท  แล้วก็เข้าใจว่าเป็นความรักแบบเพื่อนอยู่นั่นเอง 
เขาต้องทำอะไรสักอย่าง   ที่จะเปลี่ยนความคิดของอีกฝ่ายที่มีต่อเขา...อะไรล่ะ

“ไวน์ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกัน  ว่าจะลองเสี่ยงมั้ย   ถ้าไม่...ระหว่างลักษณ์กับนายก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกันตลอดไป”  เพลินพูดเนิบๆ  เธอหลิ่วตามองเขาอย่างมีความหมาย     “แต่ถ้านายลองดูสักตั้ง   ไม่แน่ว่า  ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะคุ้มค่าเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ก็ได้นะ”

เพลินเดินจากไปแล้ว   แต่เขายังยืนอยู่ที่เดิม  ครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอกลับไปกลับมาหัว

ลองเสี่ยงดูงั้นเหรอ....เพลินก็พูดง่ายราวกับชวนเขาไปเล่นพนัน   ความจริงแล้วมันก็ไม่ต่าง  เพียงแค่เดิมพันครั้งนี้มันสูงเหลือเกินสำหรับความรู้สึกของเขา

ถ้าลักษณ์ไม่เล่นด้วยล่ะ   ถ้ามันไม่ ‘รู้สึก’ เหมือนกันกับเขา   แน่นอนว่าความสัมพันธ์ที่สร้างมาแทบตายก็คงพังทลายหายไปเหมือนปราสาททรายโดนคลื่นเซาะถล่ม   

แต่หากว่าอีกฝ่ายมีใจให้เขาบ้างเหมือนกันล่ะ...ไวน์รู้ดีว่าโอกาสมันเป็นไปได้เพียง 0.00001% เลยมั้งที่ลักษณ์จะชอบเขาเหมือนกัน   

มันคุ้มหรือเปล่าที่จะเสี่ยง

ความรู้สึกแบบคนรักที่เขาเฝ้ารอมาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา    ความหวังริบหรี่ที่เคยคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมองมาเห็นเขาบ้าง   
ความมั่นใจในตัวเองที่มีอยู่ล้นเหลือนั้นใช้ไม่ได้เลยเมื่ออีกฝ่ายเป็นลักษณ์   ไม่ใช่หญิงสาวทั่วๆไปที่ดันมาหลงเสน่ห์รูปร่างหน้าตาของเขา

เขาจะทำอย่างไรดี     ถ้าเขาตัดสินใจผิด 

ก็เท่ากับว่าเขาจะสูญเสียอีกฝ่ายไปตลอดกาล

   ......................................................................................

มาอัพต่อค่ะ  ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ อิอิ :mew1:
ขอบคุณที่เม้นเป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ
เรื่องนี้เนิบๆเรียบๆนะคะ  ช้าๆด้วย555  จริงๆยังเพิ่งเริ่มจะเข้าเรื่องเอง5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2016 17:36:01 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ploysure

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไวน์คนป้อด ถ้าเพลินไม่พูดแนะนำนางคงเป็นเพื่อนลักษณ์ไปตลอดชีวิต ไม่กล้าซะที5555
สู้ๆนะ รอดูว่าไวน์จะรุกลักษณ์ยังไง หึหึหึ :hao6:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ดราม่าขนาดดดดดดดดด!!!!! อ่านแล้วปวดใจเลยนะเนี่ย  :hao5:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ตอนที่ 6
Fortune knocks at least once at every man’s gate.





   “เย็นนี้มึงว่างหรือเปล่า  หรือต้องซ้อมเชียร์อีก”   ไวน์ถามเขาก่อนที่เราจะแยกกันไปเรียนในตอนเช้าวันถัดมา    เมื่อวานไวน์ทำตัวแปลกๆตลอดบ่ายจนกระทั่งกลับบ้าน  มันก็ไม่ได้อยู่ช่วยที่ร้านเสิร์ฟอาหารเหมือนทุกที  แถมยังพูดน้อยลงราวกับเป็นคนละคน

   พอเขาถามว่า จะเอาอย่างไรกับเพลินกันแน่   ไวน์ก็ตอบว่าจะจัดการเอง   ไม่ต้องยุ่ง  ก่อนกลับยังสะบัดเสียงใส่เขาราวกับเป็นตัวต้นเหตุของอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันงั้นแหละ

   นี่เขาทำผิดอะไรวะเนี่ยเห้ย....

   ตัดมาที่ตอนเช้า  คุณศตวรรษก็ลากข้อเท้าของมันมารับเขาถึงหน้าบ้าน  แปลกกว่านั้นคือมันหอบหิ้วข้าวเหนียวหมูปิ้ง น้ำเต้าหู้มาให้กินเป็นอาหารเช้า   แถมยังเลี้ยงค่าแท็กซี่คนเดียวอีกตะหาก

   “มีซ้อมเชียร์  พอเสร็จเชียร์ พี่รหัสกูบอกจะพาไปเปิดหูเปิดตาต่อ”  ลักษณ์ตอบกลับไป  คนฟังขมวดคิ้ว

   ....เอาอีกแล้ว  ไอ้ไวน์มันอารมณ์แปรปรวนอีกแล้ว  เป็นบ้าอะไรของมัน

   “พี่รหัสไหน  พี่สิงห์เหรอ  แล้วไปกับใครบ้าง” 

   “เออพี่สิงห์นั่นแหละ  กับเพื่อนๆพี่เค้ามั้ง   เดี๋ยวกูว่าจะลองชวนพวกเบียร์ไปด้วย”  เขาว่า   เอื้อมมือไปหยิบหนังสือของตัวเองจากมืออีกฝ่ายมาถือเอาไว้   

   “ดีแล้ว  ชวนเพื่อนไปด้วย  หลายๆคนจะได้สนุก   ว่าแต่ไปเปิดหูเปิดตาที่ว่าเนี่ย  ที่ไหน” 

   “ไม่รู้ว่ะ  ไม่ได้บอกชื่อ  แต่พี่เขาบอกว่าเด็ด”  ลักษณ์เดาว่าคงเป็นสถานที่เที่ยวกลางคืนสักแห่ง 

   “มึงรอกูก่อนได้มั้ยล่ะ  เย็นนี้กูมีสัมภาษณ์ดาวเดือน  เสร็จแล้วจะไปด้วย”

   “ทำไมต้องรอ  มึงอยากไปก็ตามไปเจอกันที่ร้านก็ได้”   เขาตอบกลับไปง่ายๆ    เท้าเดินมาถึงหน้าห้องเรียนของตัวเองแล้ว  ส่วนของไวน์ต้องขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่ง

   ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนเต็มที  ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมผละไปง่ายๆ 

   “งั้นเดี๋ยวกูจะโทรไปถามร้านนะ  ต้องรับโทรศัพท์กูนะ   ไม่ก็ไลน์บอกชื่อร้านมาก็ได้” 

   ลักษณ์มองหน้าเขานิ่งๆอยู่พักหนึ่ง  แล้วก็ร้องอ๋อ  ทำเอาใจเข้าเต้นไม่เป็นส่ำ  กลัวว่าจะเผลอแสดงออกอะไรมากไป

   ....แม้ว่าเขาจะกลับไปนั่งคิดนอนคิดดูแล้วตลอดทั้งคืน  จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะลุยเต็มที่แล้วก็ตาม  กระนั้นก็ยังไม่วายกลัวอยู่ในใจ   เพราะความเคยชินที่จะมีลักษณ์อยู่เคียงข้าง   ถ้าวันหนึ่งไม่มีอีกต่อไป   เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำใจได้ยังไง

   แต่บางที  มันอาจจะดีกว่ารออยู่ข้างๆแบบนี้  ทำได้แค่หน้าที่เพื่อนที่ดีและซื่อสัตย์เท่านั้น  ...หน้าที่ที่เขาเริ่มเบื่อเต็มที

   แต่ต้องทำอย่างไรบ้างก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน  รู้แต่ว่าถ้าขืนบุ่มบ่ามผลีผลาม  อาจทำให้ไก่ตื่นได้...ในเมื่อเขาอดทนรอมาตั้ง 7 ปี  จะรออีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร

   ติดตรงที่ก้างชิ้นใหญ่ที่ชักจะเริ่มรุกคืบเข้ามาใกล้อย่างไอ้พี่รหัสของลักษณ์เนี่ยแหละ

   “มึงจะชวนเพลินไปเที่ยวด้วยใช่มั้ยล่ะ   อยากให้กูช่วยก็บอกตรงๆก็ได้  ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์ม”  ลักษณ์พูดต่อมา หลังจากร้องอ๋อ  คนฟังลอบถอนหายใจ  เออออไปตามน้ำ 

   “เออ  นั่นแหละๆ  มึงต้องเปิดมือถือไว้ตลอดนะ    กูไลน์ไปก็ต้องตอบด้วย   อ้อ  แล้วก็ห้ามเมาก่อนที่กูจะไปถึงล่ะ”   ไวน์สำทับ  แล้วก็ขยายความ  “เกิดมึงเมาไปก่อนแล้วจะช่วยกูยังไง”   

   ลักษณ์พยักหน้าเห็นด้วย   เชื่อสนิทใจ

   “โอเค  ได้เลยเพื่อน” 

   ไวน์มองตามร่างผอมบางที่เดินอุ้มหนังสือเลี้ยวเข้าไปในห้องเลคเชอร์นั้นแล้วถอนหายใจยาว   เป็นห่วงชะมัด...ไม่อยากปล่อยให้ไปกับพี่รหัสท่าทางไม่น่าไว้ใจคนนั้นเลย   ให้ตายสิ

   ทำไมมันต้องมานัดสัมภ่งสัมภาษณ์อะไรกันวันนี้ด้วยวะ

   เวลาผ่านไปช้าเหลือเกินในความรู้สึกของไวน์   ชายหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาหลายครั้งขณะที่กำลังสัมภาษณ์อยู่จนเพลิน  ดาวคณะฯต้องสะกิด

   “รีบไปไหนหรือไวน์”  เธอถาม  “ท่าทางเธอกังวลจัง   ปล่อยเป็นธรรมชาติหน่อยสิ” 

   “เรามีธุระน่ะ”  ไวน์บอกปัด   เขายังไม่ได้เล่าให้เธอฟังถึงการตัดสินใจของตัวเอง   และคิดว่ายังไม่จำเป็นจะต้องเล่าด้วย

   “หรอ...กี่โมงล่ะ”

   “ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”  เขากระซิบตอบ

   “คำถามสุดท้ายแล้วค่ะ   ทั้งคู่โสดหรือเปล่าคะ”  รุ่นพี่ที่นั่งสัมภาษณ์เขาอยู่เกือบสองชั่วโมงยิงคำถามสุดท้าย   เพลินหันไปหัวเราะเบาๆแก้เขิน 

   “เพลินโสดค่ะ”

   “แล้วน้องไวน์ละคะ”

   “ไวน์ก็โสด แต่มีคนที่ชอบแล้วค่ะ”  ดาวคณะฯแย่งตอบ     ชายหนุ่มหันขวับไปมองอย่างฉุนๆ   ขณะที่คนสัมภาษณ์ตาโต  รีบถามต่อทันที

   “ใครเหรอคะน้องไวน์  คณะเดียวกันหรือเปล่า...เอ  หรือว่าจะเป็นน้องเพลิน  ตามที่เขาลือกันให้แซ่ดคะ”   

   “เปล่าครับ  ไม่ใช่ครับ”

   “ไม่ใช่เพลิน หรือไม่ใช่คณะเดียวกัน  หรือไม่มีคนที่ชอบกันแน่คะ  ขยายความหน่อย  เชื่อว่ามีคนอยากรู้เหมือนพี่เยอะเลย”

   ....ไวน์อยากตอบออกไปใจจะขาดว่า ไม่ใช่...เรื่องของพี่ครับ   แต่ก็เกรงว่าจะดูก้าวร้าวผิดจากลุคไปหน่อย  เลยกล้ำกลืนความหงุดหงิดเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มอวดเขี้ยวสองข้างนั้น

   “ไม่ใช่เพลิน และไม่ได้อยู่คณะเดียวกันครับ” 

   “แปลว่ามีคนที่ชอบแล้วจริงๆสินะคะ  ถึงว่าไม่เห็นไวน์เดินกับสาวที่ไหนเท่าไหร่   แล้วว่าแต่ผู้โชคดีคนนั้นคือใครเหรอคะ”
 
   “เขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยครับ”  ไวน์ตอบเรียบๆ

   “อ้าว   ทำไมล่ะคะ  เราไม่ได้บอกเขาเหรอ”

   “ไม่ได้บอกครับ   แต่ว่าจะบอกเร็วๆนี้   ถ้ามีโอกาส”

   “โอ๊ยตายแล้ว  พี่อยากรู้จังเลยว่าใคร   น้องแพนดาวถาปัดหรือเปล่าคะ  หรือว่าน้องไปป์หลีดมอ    พี่เคยเห็นเราไปกินข้าวกับน้องเขาแวบๆนะ” 

   “พี่เดาไม่ถูกหรอกครับ”  ไวน์พูดแกมหัวเราะ   

   “ทำไมล่ะ  หรือว่าอยู่คนละมอ  เอ๊  ใคร   น้องเพลินพอทราบมั้ยคะ”

   “เพลินรู้แต่ว่าเค้าเป็นคนใกล้ตัวของไวน์มากๆเลยค่ะ”  คำตอบของเพลินทำให้ชายหนุ่มจุ๊ปาก  แล้วรีบชิงเปลี่ยนเรื่องทันควัน   ไม่อยากให้เธอพูดอะไรมากไปกว่านี้

   พวกผู้หญิงนี่เก็บความลับไม่อยู่เอาเสียเลยนะ..

   กว่าจะเสร็จงานก็สองทุ่มกว่า  ไวน์ดูนาฬิกาอีกรอบแล้วรีบลาทุกคนวิ่งลงจากอาคาร   ป่านนี้แสตนด์เภสัชคงเลิกแล้ว   และเจ้าเพื่อนของเขาก็คงไปอยู่ที่ร้านที่ว่านั่นเรียบร้อย

   ไวน์ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อน  ฟังเสียงรอสายอยู่นานจนมีเสียงให้ฝากข้อความเขาก็กดตัดสาย   

   ...บอกให้รับโทรศัพท์  ทำไมไม่รับนะ   ไลน์ก็ว่างเปล่า   อีกฝ่ายไม่ได้ส่งชื่อร้านมาให้เขาตามที่ตกลงกันเอาไว้เลย...เขากดโทรออกอีกสามรอบ  ก็เหมือนเดิม   ไม่มีใครรับสาย

   เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาหน่อยๆ  เขารู้ดีว่าลักษณ์ไม่ใช่คนคอแข็งนักหรอก   และยิ่งเวลาเมาก็ชอบหลับลึกแบบไม่รู้สึกตัวอีกด้วย   ใครจะทำอะไรก็ไม่รู้ตัวทั้งนั้น

   เขากดโทรออกเป็นรอบที่เจ็ดก็ยังไม่มีใครรับสาย...ใจร้อนเป็นไฟ  เขาเปิดรายชื่อไล่หาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนกลุ่มใหม่ของไวน์ที่เคยขอเอาไว้เมื่อวันก่อน

   เจอเบอร์ของแซม   เขาโทรออกทันที  รอสายอยู่ครู่เดียว อีกฝ่ายก็กดรับ

   “สวัสดีครับ”

   “เราไวน์นะ  เพื่อนของลักษณ์ จำได้มั้ย”

   “จำได้ๆ มีอะไรหรือเปล่า”   เสียงของมันตอบกลับมา พร้อมกับเสียงรัวเมาส์  และกดแป้นคีย์บอร์ด

   “ลักษณ์อยู่กับนายหรือเปล่า”

   “เปล่า  วันนี้มันไปกินกับพี่รหัส....เห้ย  ตามเลยๆ  อย่าช้าดิวะไอ้เต้  โหย”  เสียงโวยวายลอดเข้ามาในโทรศัพท์อีกหลายคำ  เดาไม่ยากว่าฝ่ายนั้นกำลังทำอะไรอยู่

   “ร้านไหน  พอรู้หรือเปล่า”

   “เห็นมันบอกว่าร้าน.....นะ  ถ้าจำไม่ผิด   เห้ยกูวางสายก่อนนะ กำลังยุ่งๆ”  แซมบอกแล้วกดตัดสายทิ้ง 

   ไวน์พูดทวนชื่อร้านในใจ   รู้สึกมันจะเป็นร้านอาหารกึ่งผับที่เคยได้ยินเพื่อนร่วมคณะฯพูดถึงเหมือนกัน     ไวน์โทรหาเพื่อนอีกคนถามเส้นทางไป  แล้วก็โบกแท็กซี่ทันที

   ถ้าลักษณ์มาเห็นคงแปลกใจน่าดู เพราะเขาเคยบอกมันไปว่าเขาเป็นพวกหลงทิศทาง   จำทางอะไรไม่ค่อยได้หรอก  เลยต้องรอกลับบ้านพร้อมมันทุกที....หึ

   ไอ้หมอนั่นก็เชื่อได้เชื่อดี   ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อคนง่ายขนาดนั้น    บอกอะไร  หลอกอะไรก็เชื่อหมด  ไม่เคยสงสัย  ไม่เคยเอะใจ   

   จะเรียกว่าซื่อบื้อก็คงได้มั้ง

   ไม่รู้ป่านนี้เมาพับไปแล้วหรือยัง

   รถแท็กซี่มาจอดที่ด้านหน้าร้านอาหาร  ไวน์สังเกตว่ามีรถจอดแน่นทีเดียว   ข้างในคงจะคนเยอะไม่ใช่เล่น   เขาปลดไทด์ออกแล้วพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้น   เดินเนิบๆเข้าไปภายในร้านอาหารที่จัดร้านได้อย่างมีศิลป์ทีเดียว

   ถ้าไม่ติดว่าร้อนใจอยู่ล่ะก็   เขาก็คงมีอารมณ์ชื่นชมการตกแต่งของร้านได้มากกว่านี้

   พนักงานสาวสวยเดินมาถามเขาว่ามากี่คน   จองไว้หรือเปล่า   ไวน์ตอบไปว่านัดเพื่อนเอาไว้แล้วเดินหลบหลีกโต๊ะและผู้คนแหวกเข้ามาด้านใน   มือก็กดโทรออกเข้าเครื่องของเพื่อนสนิทไปด้วย  สายตากวาดหาร่างผอมๆที่คงนั่งหงิกอยู่ตรงไหนสักแห่งในร้าน    แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่ยักเจอ

   “ตรงนี้ว่างนะคะ”  เสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นข้างตัว  พร้อมกับฝ่ามืออ่อนนุ่มจับที่แขนของเขา  ไวน์ดึงแขนออก  ปฏิเสธไปอย่างสงบ   

   เขาต้องหลีกเลี่ยงสายตาของหญิงสาวและชายหนุ่มหลายคนที่มองมาที่เขาด้วยแววตาสื่อความนัย    บางคนก็ถึงกับสั่งเครื่องดื่มมาให้เขา

   ไวน์ไม่สนใจ   หัวใจของเขาร้อนราวกับไฟผลาญด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทตัวเองที่จนป่านนี้ยังหาไม่พบ   เขาเดินเข้าไปหาในห้องน้ำ  เคาะเรียกทุกห้องก็แล้ว   เดินวนรอบร้านอีกสองรอบ  มั่นใจว่าดูทุกโต๊ะก็ยังไม่พบเงาของลักษณ์  รวมถึงเงาของรุ่นพี่ของมันด้วย

   โทรศัพท์ก็ไม่รับ   ไลน์ก็ไม่ตอบ

   นี่มึงหายหัวไปไหนวะเนี่ย...

   ไวน์ออกมาสงบสติอารมณ์ที่นอกร้าน   นาฬิกาบอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว   เขาหงุดหงิดจนแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ตัวเองทิ้ง  ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ใช้ติดต่อเพื่อนรักได้ในตอนนี้

   หรือว่ามันจะกลับบ้านไปแล้ว...

   ลักษณ์กดโทรไปที่บ้านของลักษณ์   พี่รามเป็นคนรับสาย  บอกว่าลักษณ์ยังไม่กลับบ้านเลย   ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน    นั่นยิ่งทำให้ไวน์รู้สึกแย่กว่าเดิม

   ทำไงดี

   เขาเปิดเฟสบุ๊คที่นานทีปีหนจะโผล่เข้าไปสักทีขึ้นมาอย่างจนตรอก   พิมพ์ข้อความลงไปแล้วแทคชื่อเพื่อนสนิท  ห้านาทีต่อมาก็มีคนตอบ

   
   ‘ตามหา @GoodLuck  Udommatin  มีใครพบเห็นช่วยแจ้งด้วยคับ’ 
   ถูกใจ 52 คน   ความคิดเห็น  2 รายการ

   Noppy notNoop
   เห็นอยู่ที่ #%$&^#$% ตอนสามทุ่ม
   3 นาทีก่อน   ถูกใจ 1 ตอบกลับ

   สิงหา  เดชธำรงธรรม
   อยู่กับผมเองครับ   ไม่ต้องห่วง^^
   2 นาทีก่อน  ถูกใจ 2 ตอบกลับ
   

   ไวน์อ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง   แล้วกดโทรไปหาเพื่อนร่วมคณะทันที

   “ฮัลโหล  กูเองนพ   มึงเจอไอ้ลักษณ์ที่....เหรอ”  เขาทวนชื่อผับแห่งหนึ่ง  ไม่ไกลไปจากที่นี่นัก   พลางกึ่งเดินกึ่งวิ่งข้ามถนนไปยังอีกฝั่งแล้วเดินต่อ 

   “อืม  เห็นมากับพวกพี่สิงห์พี่เนิร์ด”  เขารู้ชื่อเสียงของชายโฉดกลุ่มนี้ดี  โดยเฉพาะคนที่ชื่อเนิร์ด  ที่ไม่ได้เนิร์ดสมชื่อ  หากแต่ทั้งอุดมด้วยเหล้าสุรานารี   เคยหวิดมีเรื่องกับเขาเพราะผู้หญิงมาแล้ว   ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจกว่าเดิมเสียอีก

   ไม่ยักรู้ว่าไอ้พี่สิงห์เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับเนิร์ดด้วย

   แล้วนี่ไอ้ซื่อบื้อมันจะรู้เรื่องอะไรกับเขามั้ยวะเนี่ย

   “ไวน์มึงไปรับเพื่อนก็ดีนะ   ตอนกูกลับออกมาเห็นกำลังเริ่มเมาได้ที่  อย่าปล่อยให้อยู่กับพวกนั้นเลย”  เพื่อนเตือนเขามาอีก เพราะรู้ชื่อเสียงของกลุ่มนี้ดี

   “อืม ขอบใจมากนะ”  เขาวางสายไป    เร่งฝีเท้าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านที่เพื่อนบอก   มันไม่ไกลไปจากร้านเดิมเท่าไหร่   ทว่าบรรยากาศรวมถึงคนในร้านแห่งนี้ดูหยาบกว่าร้านแรกอย่างเห็นได้ชัด

   เขาเดินเข้าไปในร้าน  กวาดสายตามองหาครู่เดียวก็เจอพวกพี่รหัสของลักษณ์ที่นั่งกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่    ไวน์มองไปที่เพื่อนสนิทตัวเองเป็นคนแรก   เห็นลักษณ์นั่งโงนเงนอยู่บนโซฟาตัวยาว  มีพี่รหัสของมันนั่งประชิดอยู่ด้วย 

   สิงห์เงยหน้าขึ้นมองเขา  แล้วทัก

   “อ้าว  มาเร็วจัง   มาดื่มด้วยกันสิคุณเดือนแพทย์”  เพื่อนทั้งโต๊ะที่ปนกันหลายคณะฯ  บางคนเขาก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนนั้น  ต่างเงยหน้าขึ้นมองมาที่เขาเป็นตาเดียว 

   ไวน์ไม่สนใจคนอื่น  คนเดียวที่เขาสนใจคือ  เพื่อนที่นั่งคอพับจะหลับไม่หลับแหล่ตรงกลางวงตะหาก   แก้วเครื่องดื่มตรงหน้าพร่องไปไม่น้อย  แต่เดาได้จากสภาพว่านี่คงไม่ใช่แก้วแรก

   “ผมมารับเพื่อนกลับ”  ไวน์พูดเรียบๆ

   “เดี๋ยวผมไปส่งเองก็ได้  แหม  เป็นห่วงเป็นใยกันดีจริงๆเลยนะ”  สิงห์วางแก้วลงกับโต๊ะอย่างแรง   “คุณกลับไปเถอะคุณเดือนแพทย์   บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง   ผมดูแลน้องรหัสตัวเองอย่างดี....จริงไหม  ลักษณ์”  เขาหันไปก้มลงถามคนที่นั่งข้างๆ  ริมฝีปากเกือบชิดขมับของรุ่นน้อง

   คนมองโกรธจนแทบระเบิด  เขาอยากตรงเข้าไปกระชากเพื่อนออกมาแล้วต่อยหน้าหล่อๆของปีสองเภสัชสักทีสองที     ทว่าเขาก็สู้อดทนอดกลั้นเอาไว้

   “เพื่อนผมเมาแล้ว  อยู่ต่อก็ไม่สนุกหรอก   ขอเพื่อนผมคืนด้วยครับ  ผมจะพากลับเอง”  ไวน์พูดอีกครั้งอย่างสุภาพ   คนภายในร้านเริ่มหันมามองอย่างสนอกสนใจ

   “อ้อ  ไวน์  มาแล้วเหรอ  ไหนเพลิน  เอิ้ก”  คนที่เป็นต้นเหตุของความตึงเครียดนี้กลับเงยหน้าขึ้นทักเขา  แล้วสะอึกอีกที  จากนั้นก็เงียบไปอีก 

   ไวน์อยากจะเขกหัวอีกฝ่ายแรงๆ  เผื่อจะได้สติรู้ตัวขึ้นมาบ้าง  จะได้รู้ว่าที่ที่ตัวเองอยู่ตอนนี้มันน่ากลัวแค่ไหน   ไม่ใช่เอะอะก็คิดแต่ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย  ไม่อันตรายเท่าผู้หญิงหรอก

   ลองแหกตาดูเพื่อนรุ่นพี่ของมึงตอนนี้บ้างสิลักษณ์    เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าคืนนี้ลักษณ์จะไม่ได้กลับบ้าน  และเดาออกด้วยว่าสถานที่สุดท้ายที่พี่รหัสของมันจะพาไปคือที่ไหน

   “ให้มันพากลับไปเถอะสิงห์  อย่ามีเรื่องเลย  ที่นี่คนเยอะ”  เนิร์ด  รุ่นพี่คณะฯวิศวะปีสามพูดขึ้นมาหลังจากที่พวกเขายืนจ้องหน้ากันอยู่นาน   พี่รหัสของลักษณ์มีท่าทางไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย   แต่คงเกรงใจอีกฝ่ายก็เลยยอมให้ไวน์พยุงน้องรหัสตัวเองลุกขึ้นยืนจากโซฟา

   “ดูแลดีๆล่ะ”  สิงห์พูดตามหลังมาด้วยสำเนียงแกมเยาะ “ระวังอย่าให้คลาดสายตานะ”

   ไวน์เหลียวกลับไปมอง  แล้วพูดเรียบๆ

   “ผมดูแลคนของผมดีอยู่แล้วครับ   ไม่ต้องห่วง  ขอบคุณที่ทำหน้าที่พี่รหัสที่ดีนะครับ”

   จากนั้นเขาก็พยุงกึ่งลากร่างผอมบางของเพื่อนสนิทที่คอพับ  หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้นออกมาจากร้าน     กระชับอ้อมแขนไปรอบเอวของเพื่อนพาขึ้นแท็กซี่ไปส่งที่บ้านของลักษณ์

   อีกฝ่ายนอนหลับมาตลอดทาง    ไวน์จับศีรษะของเพื่อนวางลงกับตักของตัวเอง    ใช้ปลายนิ้วช่วยปัดเส้นผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงนั้นให้เข้าที่

   อายุเราก็ห่างกันไม่ถึงปีเสียหน่อย  ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายเด็กกว่ามากนักก็ไม่รู้   

   ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย...เมื่อไหร่จะดูแลตัวเองได้สักทีนะ

   กว่าจะมาถึงบ้านของลักษณ์ก็เกือบเที่ยงคืน  โชคดีที่พี่รามยังไม่นอน เลยลงมาเปิดประตูบ้านให้  พี่แกโวยวายใหญ่ที่เห็นน้องชายเมาไม่ได้สติขนาดนี้   ไวน์เลยต้องรีบเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง

   “แล้วไป   นึกว่ามึงเป็นคนพาน้องกูไปเมา  เสียเเรงที่ไว้ใจ”

   “เปล่าครับพี่   ผมไม่พาลักษณ์ไปที่แบบนั้นอยู่แล้ว  ผมรับปากกับพี่ไว้แล้วนี่”  เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเข้ามาในบ้านนี้ในฐานะเพื่อนของน้องชายคนตรงหน้า   แม้จะพยายามทำตัวปกติแค่ไหน  ก็ไม่วายถูกพี่ชายของลักษณ์จับได้  ถึงความคิดไม่ซื่อของตัวเองที่มีต่อน้องชายเขา 

   พี่รามรู้ได้ยังไง  ไวน์ก็ไม่รู้เหมือนกัน  รู้แต่ว่าวันหนึ่งตอน ม.5  เขาช่วยพี่รามล้างจานอยู่หลังบ้าน  ส่วนลักษณ์ออกไปซื้อของข้างนอกนั้น  จู่ๆพี่รามก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า

   “กูมีน้องอยู่คนเดียว   ถึงมันจะเซ่อๆไปหน่อย แต่กูก็รักมาก   และก็ไม่ยอมให้ใครมาทำให้น้องกูเสียใจด้วย”

   “เอ่อ...” ไวน์ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร   เขาในตอนนั้นไม่แน่ใจว่าพี่รามรู้หรือว่าพูดขึ้นมาลอยๆกันแน่ๆ   

   “ถ้าใครคิดจะเข้ามาดูแลน้องกูล่ะก็   ก็ต้องพิสูจน์ให้กูเห็นว่าจะไม่พาน้องกูไปเสียผู้เสียคน”  พี่รามพูดต่อ  พลางเปิดน้ำก๊อกลงมือล้างฟองออก แล้วส่งจานต่อมาให้เขารับไปเช็ด  “จะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้  เฮ้อ”

   ไวน์เช็ดจานจนแห้งสนิท  แล้วก็ยกไปเก็บในตู้เรียบร้อย   พี่รามส่งน้ำดื่มมาให้เขารีบเอาไว้    ไวน์ดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น

   “ผมจะทำให้พี่ดูเองครับ”

   หลังจากนั้นทั้งเขาก็พยายาม ‘ทำ’ ให้อีกฝ่ายเห็น  แม้พี่รามจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เวลาที่เขามาบ้าน    ราวกับไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้องชาย  ทว่าเขาก็รู้ดีว่าพี่รามคอยจับตามองอยู่ห่างๆเสมอ

   ไม่รู้ว่าป้าดารู้เหมือนพี่รามรู้หรือเปล่า  แต่ป้าดาก็เอ็นดูเขาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง  ไม่ได้มีท่าทางแปลกไปจากแรกพบ

   คนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลยก็คือ  เจ้าเพื่อนสนิทของเขานั่นแหละ

   พี่รามปล่อยให้เขาพยุงเพื่อนขึ้นไปบนห้องนอน    ค่อยๆวางร่างของลักษณ์ลงไปบนเตียง   อีกฝ่ายมีท่าทางกระสับกระส่ายกว่าตอนที่อยู่ในรถ    ยกมือขึ้นปัดป่ายวุ่นไปหมด

   “ลักษณ์  ไอ้ลักษณ์ตื่นหน่อยสิ”  ลองตบที่ใบหน้าเล็กๆนั้นเบาๆ  ลักษณ์ส่งเสียงอืออา  แล้วยกมือขึ้นปัดลงมาที่ใบหน้าของเขาโดยแรง   โชคดีที่เอียงคอหลบทัน

   “เกือบไป  ...โอ๊ะ  เห้ย”  อีกฝ่ายโก่งคออาเจียนออกมากะทันหัน   คายอาหารเก่าออกมาเต็มเสื้อของไวน์    ชายหนุ่มถอนหายใจยาว  เขาถอดเสื้อนักศึกษาของตัวเองออก  แล้วเอื้อมมือไปหยิบทิชชูมาเช็ดที่ริมฝีปากและใบหน้าของอีกฝ่ายที่เปื้อนอาเจียนเป็นคราบ

   “เละไปหมดแล้วเนี่ยไอ้ลักษณ์”  ปากบ่น  แต่มือก็เช็ดให้โดยไม่รังเกียจรังงอนอะไร   จะทำไงได้...ปล่อยให้มันนอนจมกองอ้วกก็คงน่าสมเพชเกินไป

   เขาถอดเสื้อผ้าของลักษณ์ออก   เขาเหลือบมองร่างเปล่าเปลือยของเพื่อนแค่แวบเดียว   ก่อนที่จะรีบใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้  สวมเสื้อ ใส่กางเกงหลวมๆเสร็จก็หันมาจัดการตัวเองต่อ   

   ไวน์โกยเสื้อของตัวเองกับอีกฝ่ายที่เปื้อนอ้วกขึ้นมาถือเอาไว้   เดินไปซักในห้องน้ำจนสะอาดเอี่ยมอ่อง   ก็ออกไปตากทิ้งไว้ที่ระเบียง   จากนั้นก็กลับมาค้นผ้าเช็ดตัวและเสื้อของตัวเองที่เคยเอามาทิ้งเอาไว้ที่บ้านลักษณ์จากตู้เสื้อผ้า  เดินเข้าไปอาบน้ำ   

   วันนี้เขาขอค้างที่นี่เลยก็แล้วกัน...ถือเป็นค่าพามาส่ง  อ้อ  แถมซักเสื้อให้ด้วย

   กลับออกมาในชุดนอน  รู้สึกสดชื่นขึ้นมากแล้ว   นักศึกษาแพทย์หนุ่มเดินกลับไปที่เตียงนอนที่มีร่างของเจ้าของห้องนอนหลับสนิทอยู่  เขยิบขึ้นไปนั่งบนเตียงจนเตียงยวบลงนิดหนึ่ง

   พิศดูใบหน้านั้นยามหลับ   ยิ่งดูอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิม   ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเองเอาเสียเลย   ทั้งๆที่ออกจะน่า..เอ็นดู

   ...ปลายนิ้วปัดผ่านเปลือกตาที่หลับสนิทไล้ลงมาที่พวงแก้ม  ผิวของลักษณ์นวลละเอียดนุ่มมือ  ริมฝีปากสีแดงสดคู่นั้นเผยอขึ้นน้อยๆ   นึกถึงคำพูดของเพลินเมื่อวันก่อนขึ้นมาอีกครั้ง

   ‘ไวน์ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกัน  ว่าจะลองเสี่ยงมั้ย   ถ้าไม่...ระหว่างลักษณ์กับนายก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกันตลอดไป’

   เพื่อนกันตลอดไปงั้นเรอะ...

   จริงๆตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ  ไอ้ลักษณ์ไว้ใจเขายิ่งกว่าพ่อบังเกิดเกล้าเสียอีก   ถ้าเขาไม่ทำอะไรให้มันเอะใจ   ไม่ ‘เปิดเผย’ ความรู้สึกที่มีออกไป    เขาก็จะได้อยู่ข้างๆลักษณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ  ได้พูดคุย ได้หัวเราะ ได้ดูแลตามประสาเพื่อนที่ดีพึงทำ   แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว  เขาไม่ควรจะโลภมากเกินไป

   ถ้าเขาเลือกอีกทางหนึ่งล่ะ... พูดตามตรงเขายังไม่เห็นโอกาสสำเร็จเลยด้วยซ้ำ  มันน้อยเสียยิ่งกว่าโอกาสที่จะเห็นเมืองไทยมีหิมะตกเสียอีก   แถมเขาก็จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มเห็นฟันสามสิบสองซี่ของมันใกล้ๆ  ไม่ได้หัวเราะขำสกิลจีบสาวง่อยๆแต่โคตรน่ารักของมัน  ไม่ได้ใกล้ชิด   ไม่ได้...

   เราสองคนคงจะกลายเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน

   ไวน์ถอนหายใจยาว   ถึงตอนนั้นเขาคงจะยอมรับไม่ไหวหรอกนะ... กลับมาคิดดูอีกทีแล้ว   เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้   ก็คงไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้หรอก

   ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนตะแคงเคียงข้างเพื่อน   แอบใช้นิ้วกรีดแผงขนตายาวงอนของอีกฝ่ายเล่น   เปลือกตาบางขยับยุกยิกทว่าไม่ได้ลืมตาขึ้นมา   เจ้าตัวพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา
   
   ไวน์ใจเต้นแรง   ถึงเขาจะเคยแอบมองเพื่อนตอนหลับมาหลายครั้ง  แอบสัมผัสผิวแก้มของอีกฝ่ายบ้างบางคราว  แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะหลับไม่รู้สึกตัวเหมือนครั้งนี้

   ใกล้เพียงแค่เอื้อม  ผิวแก้มเนียนใสอยู่ถัดจากปลายจมูกของเขาไปชั่วลัดนิ้วมือ   ไวน์รู้ว่ามันไม่ถูกต้องเท่าไหร่...แต่จะเป็นไรไป  ในเมื่อลักษณ์ไม่รู้สึกตัว   

   ร่างกายฟังคำสั่งจากหัวใจมากกว่าสมอง   ไวน์กดปลายจมูกลงบนผิวแก้มนวลเนียนนั้น   

   ไม่พอ...

   ไม่ถูกต้อง

   ลักษณ์ไม่รู้สึกตัว

   ถ้ามันรู้เข้าต้องโกรธมากแน่ๆ 

   จิตสำนึกของเขาร้องเตือนดังลั่น  หากแต่ชายหนุ่มไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้อีกแล้ว   เขาเบี่ยงหน้านิดเดียวเท่านั้น   ความรู้สึกผิดมลายหายไปเมื่อริมฝีปากของตนสัมผัสลงบนกลีบปากบางของเพื่อนจนแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว

   ลักษณ์...

   กูแอบรักมึงมานานแล้วนะ   

   กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง  มึงถึงจะรักกูตอบ

   กูไม่ใช่สาวน้อยตัวเล็กสเป็คของมึงเลยลักษณ์   เป็นได้แค่ไอ้ไวน์ เพื่อนที่มึงชอบด่าว่ากวนประสาททุกวัน 
 
   กูไม่รู้จริงๆว่ากูจะต้องเปลี่ยนยังไงมึงถึงจะมองเห็น   

   รู้อย่างเดียวว่ากูกลัวเสียมึงไป   

   ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรืออะไรก็ตาม  กูยอมหมดนะลักษณ์

   ขอแค่ได้อยู่ข้างๆมึงต่อไปก็พอ..

.   ...
   
มาอัพต่อนะคะ  ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้
ตอนก่อนหน้านี้คืออการเกริ่น5555 ยาวมาก
เราจะเข้าเรื่องเเล้วล่ะ 
เรื่องนี้เป็นเเนวโรเเมนติกดราม่านะคะ
เม้นท์เป็นกำลังใจกันมาได้ไม่จำกัดบรรทัดนะ ฟรีด้วย55
เเล้วเจอกันครัช
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2016 16:10:46 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อ่านแล้วชอบมากค่ะ เอาใจช่วยไวน์

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk

ตอนที่ 7
Truth is stranger than fiction.





   ไวน์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงปิดประตูห้องน้ำของใครบางคน   เขาลืมตาขึ้นมองไปรอบด้านอย่างงงๆ  ห้องนอนเล็กๆตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์สีฟ้าอ่อนผิดจากรสนิยมของเขา

   อ้อ...เมื่อคืนเขาค้างบ้านเพื่อนนี่นะ

   เสียงขัดห้องน้ำดังขึ้นอย่างดุดันตั้งแต่เช้าตรู่   ไวน์เดินลงจากเตียงไปเคาะประตูหน้าห้องน้ำสองสามที

   “ลักษณ์  ทำอะไรน่ะ  ขัดห้องน้ำเหรอ” 

   ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน   นอกจากเสียงแปรงขัดพื้นที่แรงขึ้นเท่านั้น

   “ลักษณ์  เป็นอะไรหรือเปล่า  ปวดหัวเหรอ”  ปกติเพื่อนของเขาจะลุกมาขัดห้องน้ำเนี่ยต้องมีเหตุอะไรสักอย่าง   ถ้าไม่โกรธใครก็ต้องน้อยใจ  ไม่ก็คิดมาก  ไม่รู้เหมือนกันว่าในห้องน้ำมันมีดีอะไร  ไม่เข้าใจว่าพอได้ออกแรงขัดส้วมจนสะอาดเอี่ยมอ่องแล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นตรงไหน

   ก๊อก  ก๊อก   ก๊อก   

   ไวน์เคาะประตูแรงขึ้น  เสียงขัดห้องน้ำด้านในหยุดไปครู่  พร้อมกับมีเสียงตอบกลับมา

   “ไม่มีอะไร” 

   ...แปลว่า ‘มีอะไร’ แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์   เขารู้จักกับมันมา 7 ปี ทำไมจะไม่รู้   ปัญหาก็คือ   เกิดจากอะไรต่างหาก

   “กูปวดขี้  ขอเข้าไปหน่อย”  ไวน์แกล้งพูด   

   “ไปเข้าข้างล่าง”  เสียงเพื่อนสนิทตอบกลับมาฟังดูอู้อี้ชอบกล

   “ข้างล่างพี่รามเข้าอยู่”   ขอโทษพี่รามมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

   “งั้นก็อั้นไว้”  ลักษณ์ตอบกลับมาห้วนๆ  จนไวน์แปลกใจ   

   ถอยกลับมานั่งปลายเตียง  นึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน....เกิดอะไรขึ้นวะ   เมื่อคืนลักษณ์มันเมามากจนหลับไปไม่รู้สึกตัว   แล้วเราก็ดันเผลอ...สัมผัสอบอุ่นอ่อนนุ่มที่ริมฝีปากยังติดตรึงอยู่ในใจ   มันกลายเป็นตราบาปที่เขาคงเก็บเอาไว้กับตัวไปจนตาย  ไม่คิดเล่าให้ใครฟัง ...หรือว่าลักษณ์จะรู้สึกตัว?

   เป็นไปไม่ได้หรอก   เพราะหลังจากนั้นมันก็หลับสนิทเหมือนเดิม  ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยสักนิด

   งั้นเป็นเพราะอะไรล่ะ...แฮงค์?  ปวดหัวก็เลยหาเรื่องออกแรงจะได้สมองโล่งอะไรทำนองนี้  หรือว่าหงุดหงิดไอ้พี่รหัสชีกอที่เอาแต่คอยหางทางเคลมน้องรหัสตัวเอง...อันหลังคงไม่ใช่  ป่านนี้มันคงยังรู้ไม่เท่าทันพี่รหัสตัวเองเลยมั้ง

   “งั้นกูกลับบ้านก่อนนะ   วันนี้มีเรียนเคมีบ่าย  อย่าลืมล่ะ”  ไวน์เดินไปเคาะประตูห้องน้ำอีกรอบเมื่อเห็นท่าว่าอีกฝ่ายคงจะไม่เปิดออกมาคุยกันดีๆแน่แล้ว

   ปล่อยไปก่อนแล้วกัน...เดี๋ยวอารมณ์ดีก็เล่าให้ฟังเองแหละ

   เสียงประตูห้องด้านนอกเปิดและปิดลง  ตามด้วยความเงียบ   มีเพียงเสียงหอบหายใจของลักษณ์เท่านั้น  กับเหงื่อที่หยดติ๋งๆจากการออกแรงหนักหน่วง

   ไอ้ไวน์กลับไปแล้วสินะ...

   มือเรียวกำรอบไม้ขัดส้วมแล้วลงมือขัดอีกครั้ง   แรงขึ้น..แรงขึ้นอีกตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น   

   แม่งเอ๊ย!!

   ลักษณ์โยนไม้ขัดส้วมทิ้ง แล้วนั่งยองๆลงกับพื้นยกมือขึ้นกุมศีรษะที่ปวดตุบๆเพราะอาการแฮงค์บวกกับเรื่องที่ทำให้เขาทนนอนต่อไม่ไหว  ต้องลุกขึ้นมาระบายความอัดอั้นตันใจ

   ทำไมไอ้ไวน์ทำแบบนี้วะ!

   ลักษณ์เม้มริมฝีปากแน่น   เผื่อว่ามันจะช่วยลบรอยบางอย่างที่ถูกประทับเอาไว้เมื่อคืนโดยคนที่เขาไว้ใจที่สุด...เหมือนตกอยู่ในความฝันกึ่งจริง  ตอนที่เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลัง ‘จูบ’ กับเพื่อนสนิท    ไม่สิ...พูดให้ถูกก็คือ  กำลังถูกเพื่อนสนิทจูบตะหาก

   ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก   แขนขาอ่อนเปลี้ยขยับไม่ไหว  ได้แต่ปล่อยให้ไอ้ไวน์จูบอยู่แบบนั้นราวกับเป็นเจ้าหญิงนิทรา
   โอ๊ย....อยากจะบ้า   

   เพื่อนเขาต้องเมาแน่ๆ  เมื่อคืนมันคงดื่มหนัก  ว่าแต่มันตามเขามาตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเขาเมานำหน้ามันไปก่อนนานแล้ว   ทั้งที่พยายามปฏิเสธพี่รหัสตัวเองแล้วเชียวว่าไม่อยากดื่มมาก

   สุดท้ายก็เมาพับไม่รู้เรื่อง  มาตื่นอีกทีก็ตอนที่มันจูบเนี่ยแหละ...แล้วจะไปคิดย้ำทำไมเนี่ย

   มันคงเมา...ต้องเมาสิ   ถ้ามันไม่เมา  ใครที่ไหนจะจูบเพื่อนตัวเองวะ  แถมยังเป็นเพศเดียวกันอีก... บ้าเอ๊ย  เมื่อคืนเขาน่าจะลุกขึ้นมาถามให้รู้เรื่องกันไปเลย

   แต่อะไรบางอย่างที่เขาก็อธิบายไม่ถูกนั้นทำให้เขาได้แต่นอนหลับตาปี๋   แทบไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ   ทนนอนอยู่ข้างๆเพื่อนจนเผลอหลับไปเอง  รู้ตัวตื่นอีกทีก็รีบเผ่นเข้าห้องน้ำเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับมันตอนนี้

   คงกระอักกระอ่วนพิกล...

   ลักษณ์อาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ    เพื่อนสนิทกลับบ้านไปแล้วทว่ายังมีคาบเรียนตอนบ่ายซึ่งเรียนรวมกันหลายคณะฯ  ยังไงก็หนีไม่พ้น  ต้องเผชิญหน้ากับมันแน่นอน

   ลงมาชั้นล่างก็เจอข้าวไข่เจียวกับแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองเรืองรองราวกับฉี่พร้อมกับพาราสองเม็ดวางอยู่แล้วในห้องครัว   ไม่ต้องเดาให้ยากว่าใครเตรียมเอาไว้ให้   มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

   เขารีบจัดการอาหารมื้อเช้าบวกเที่ยงนั้นแล้วโยนเม็ดยาเข้าปากกลืนน้ำเก็กฮวยตามหลัง   รู้สึกเหมือนจะปวดหัวหนักกว่าเดิมเสียอีก  ลากสังขารสะโหล่สะเหลมามหาวิทยาลัย   พยายามเก็บความวิตกกังวลเอาไว้ภายใต้ท่าทางปกติ
 
   อยู่นั่นไง...ร่างสูงโปร่งของเพื่อนซี้กำลังยืนคุยกับเพื่อนๆอยู่ใต้อาคารเรียน   ลักษณ์เปลี่ยนเส้นทางเดินโดยอัตโนมัติ   สองขาพาเดินเลี้ยวอ้อมโรงอาหารมายังอีกด้านหนึ่งของอาคารเรียนแทน   

   เขายังไม่พร้อมเจอหน้ามันตอนนี้... ไม่ว่ามันจะเมาหรือไม่ก็ตาม  เขาก็ไม่อยากเห็นหน้า  โดยเฉพาะไอ้ริมฝีปากสวยๆสีแดงสดนั่นด้วย 

   อึ๋ย...แค่คิดถึงสัมผัสนุ่มๆหยุ่นๆนั่นแล้วเส้นขนก็พลอยลุกชันไปทั้งตัว

   “ไงไอ้ลักษณ์  เมื่อคืนสนุกมั้ย   เห็นไวน์โทรมาถามร้านกับพวกกูด้วย  มันได้ไปแจมหรือเปล่า”   แซมกับกลุ่มหล่อ(เภ)สัชชชชชชช เดินเข้ามาทักทายเขา

   “อืม  สนุกดี”  สนุกจนกลุ้มใจหัวจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย   เขาตอบแค่คำถามแรก  คำถามที่สองไม่อยากพูดถึง
   “ทำไมหน้าซีดจัง  แฮงค์ล่ะสิ”  เต้ทักขึ้นบ้าง  ยกมือขึ้นแตะแก้มของเขา   ไวน์เบนหน้าหนี   สายตาก็เหลือบมองไปรอบด้านอย่างระแวงระไว

   “ปวดหัวนิดหน่อย”  เขาตอบกลับไป   

   “กูมียา  เอาป่ะ”  เบียร์ค้นกระเป๋ากุกกัก  แต่ลักษณ์ยกมือห้ามไว้  บอกเพื่อนว่ากินมาแล้ว   เขานั่งฟังเพื่อนคุยกันอยู่พักหนึ่งแล้วขอแยกออกมาแวะเข้าห้องน้ำก่อนเข้าชั้นเรียน

   เดินออกจากห้องน้ำอย่างใจลอย   ลักษณ์ไม่ทันสังเกตเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่ยืนดักรออยู่หน้าห้องน้ำนานแล้ว
   “ลักษณ์”   ไวน์เรียกเสียงดัง   คนถูกเรียกสะดุ้ง   หันขวับมามองพอเห็นหน้าเขาถนัด  คนตัวเล็กกว่าก็เร่งฝีเท้าเดินหนี  “เฮ้  รีบไปไหนน่ะ”  นักศึกษาแพทย์หนุ่มเดินตาม   

   “ไปเรียน”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  ไม่ยอมลดฝีเท้าลง 

   ไวน์ก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็ตามมาทัน   เขาจับต้นแขนของเพื่อนเอาไว้แน่น  บังคับให้หยุดเดินโดยปริยาย

   “เป็นอะไรไป  โกรธอะไรทำไมต้องเดินหนีกันด้วย”  เขาเห็นตั้งแต่เพื่อนเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยแล้ว   กำลังจะเข้าไปทัก  เจ้าตัวยุ่งก็เดินเลี้ยวเข้าซอกตึกไปซะงั้น

   “เปล่า  ไม่ได้หนี”  ลักษณ์ตอบอุบอิบ   ไม่ยอมสบตาเขา   แขนก็พยายามบิดออกให้พ้นการเกาะกุม   ทว่าไวน์ไม่ยอมปล่อย

   “งั้นเป็นอะไร  พูดกันตรงๆสิ”  ไวน์ก้มหน้าลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน  “ไหนเคยบอกว่าจะไม่มีความลับกันไง”

   ...ก็ใช่  แต่จะให้ถามออกไปหรือไงเล่าว่า..จูบกูทำไม..แค่คิด  ลักษณ์ก็รู้สึกขนลุกอีกแล้ว  มันไม่ใช่ความขยะแขยงหรอก   แต่มัน...ไม่รู้สิ  บอกไม่ถูก   เหมือนไม่ทันตั้งตัว   ไม่นึกมาก่อนมากกว่า   อยากถามเหมือนกันแต่ปากมันพูดไม่ออก

   “จะเรียนแล้ว”  ลักษณ์หันไปพูดกับหัวไหล่ของเพื่อนแทน   แล้วปลดมือของไวน์ออกจากแขนของตัวเอง   เด็กเภสัชหันหลังเดินดุ่มๆไปทางห้องเรียนโดยไม่หันมามองอีก

   ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่   ลักษณ์เป็นอะไรไป   ไวน์คิดอย่างร้อนรน  เขาสาวเท้าเดินตามเข้าไปในห้องเลคเชอร์ พบว่าที่ประจำข้างๆลักษณ์ถูกเต้..เพื่อนใหม่จับจองไปแทนแล้วเรียบร้อย  ไม่มีที่ว่างเหลือให้เขาอีก 

   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นสบตาเขาเข้าพอดีก่อนจะเบือนหลบไปอย่างสงบ  ไม่กวักมือเรียก   ไม่ยิ้มหรือยักคิ้วให้เหมือนทุกที   
   ไวน์ลอบถอนหายใจ  เขาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน  นั่งรวมกับเพื่อนๆคณะแพทย์ที่เว้นที่เอาไว้ให้เขา   เพลินนั่งแถวถัดไปชะโงกหน้าเข้ามากระซิบถามเสียงเบา

   “ทะเลาะอะไรกันเหรอ”  คนฟังเลิกคิ้ว  เธอพยักพเยิดไปทางกลุ่มเภสัชที่นั่งอยู่ด้านล่าง  ไวน์มองตามก็เห็นด้านหลังศีรษะทุยตั้งตรงของคนที่กำลังจ้องเป๋งไปที่หน้าจอโปรเจคเตอร์

   “เปล่า”  เขาตอบไปสั้นๆ  แล้วก้มลงหยิบของจากกระเป๋าอย่างหงุดหงิด 

   เขาเรียนไม่รู้เรื่องทั้งคาบ  เพราะมัวแต่ครุ่นคิดหาเหตุผลมาอธิบายพฤติกรรมของเพื่อนที่แปลกออกไปจากปกติ   ลักษณ์เป็นคนดูง่าย...คิดอย่างไรก็แสดงออกมาตรงๆเหมือนเด็กๆ   ไม่ซับซ้อนนักหรอก   

   ไม่อยากยอมรับเลยว่าลึกสุดใจแล้วเขากำลังกลัวบางอย่าง....ที่เขาอาจจะพลาดไปแล้วเพราะยั้งใจตัวเองไม่อยู่   อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า...คงไม่หรอกมั้ง   ทุกทีเวลาเมาไอ้ลักษณ์ก็หลับเป็นตายรวดยันเช้า  ตอนฉลองเอนท์ติดเขาถึงขั้นนอนกอดมันเกือบทั้งคืน  มันยังไม่รู้สึกตัวเลย

   อะไรๆคงจะไม่แจ็กพอตเอาเมื่อคืนหรอกมั้ง   ไวน์คิดอย่างกระวนกระวาย   

   “นี่นักศึกษา...นักศึกษา...เธอนั่นแหละลุกขึ้นยืนเลย    ถ้าจะกดปากกาเล่นแบบนี้ก็ออกไปกดข้างนอก  มันรบกวนคนสอนและเพื่อนๆเธอด้วย”

   จู่ๆอาจารย์ก็หยุดสอน  แล้วพูดขึ้นมาเสียงดังจนไวน์สะดุ้งตื่นจากภวังค์  เขามองตามเสียงไปเจอร่างผอมบางที่ลุกขึ้นยืนกลางห้องเลคเชอร์...ลักษณ์ตัวสั่นนิดๆยกมือไหว้ขอโทษอาจารย์

   “ขอโทษครับ”  อาจารย์พยักหน้าแล้วให้นั่งลง    ไวน์เห็นเพียงด้านหลังต้นคอที่มีเส้นผมสั้นๆปกคลุมอยู่เท่านั้น   ลักษณ์กำลังก้มหน้าอยู่  ในมือถือปากกาด้ามเดิมเอาไว้แต่ไม่ได้กดเล่นแล้ว

   หึ...นิสัยนี้ก็ยังแก้ไม่หายสินะ

   000000000000000000000000000000000

   กริ๊ก  กริ๊ก   กริ๊ก   กริ๊ก   กริ๊ก..

   เสียงกดปากกาดังเป็นจังหวะรัวเร็วฟังแล้วน่าปวดหัวที่สุดในความรู้สึกของเขา   ไวน์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทที่นัดมาติวสอบปลายภาค จบม.3ด้วยกันอย่างหงุดหงิด

   “จะกดอะไรนักหนา  รำคาญ”  เขาพูดออกไปตรงๆ  แต่เหมือนนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายกดปลายปากกาเร็วขึ้นอีกคล้ายกวนประสาทกันเล่น

   “สนุกดี  แก้เครียด”  ลักษณ์ตอบกลับมา

   “แต่คนฟังเครียดนะ” 

   “ก็ไม่ต้องฟังดิ” 

   “อ้าวไอ้นี่   ตอบแบบนี้ต่อยกันเลยดีกว่า”  เขายกมือขึ้นสับมะเหงกลงไปที่หัวของเพื่อนโป้กหนึ่ง   ลักษณ์ทำคอย่นแล้วตวัดสายตามองเขาอย่างโกรธๆ

   มือก็เลิกกดปากกาเล่นโดยปริยาย

   “เบื่อพวกชอบใช้กำลัง”  ริมฝีปากบางพึมพำ   แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ   สักพักไวน์ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่ด้านล่างของโต๊ะ

   เด็กหนุ่มก้มหัวมุดลงไปดูใต้โต๊ะ  ก็เจอตัวต้นเหตุเป็นข้อเท้าผอมๆของเพื่อนกำลังสั่นเคาะกับขาโต๊ะเป็นจังหวะ  ไวน์รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที  เขายืดตัวกลับมานั่งที่เดิมแล้วพูดด้วยเสียงจริงจัง

   “มึงหยุดสั่นโต๊ะได้มั้ย  กูอ่านไม่ได้” 

   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตางงๆ

   “ใครสั่น  กูสั่นเรอะ” 

   “ยังมีหน้ามาถามอีก”  ไวน์พูดเสียงเข้ม  โต๊ะหยุดสั่นไปครู่เดียวก็กลับมาสั่นใหม่เป็นจังหวะเหมือนเดิม   

   ไวน์ก้มลงไปใต้โต๊ะอีกครั้งแล้วเอื้อมมือไปจับขาของเพื่อนไว้แน่นเพื่อให้หยุดสั่น   ลักษณ์ชักขาออกแล้วเบ้ปาก

   “อะไรของมึงนักหนาเนี่ย  ก็กูทำไปไม่รู้ตัวอ่ะ  มันบังคับไม่ได้เข้าใจมั้ย”

   “มึงเป็นสันนิบาตหรือไง  ทำไมต้องสั่นตลอดเวลา” 

   “กูไม่รู้  มันไปเอง  เวลากูเครียดก็เป็นงี้ทุกที”  ลักษณ์เถียงตอบกลับมา   

ไวน์ถอนหายใจยาว   เขารู้ว่าเพื่อนเครียดเรื่องสอบปลายภาค   ตัวเขาเองก็เครียด  เพราะต้องทำเกรดให้ดีๆจะได้มีสิทธิเรียนม.4 สายวิทย์ต่อที่โรงเรียนเดิมได้  โชคร้ายที่ตอนม.1-2 ดันเล่นมากไปหน่อย  เกรดบางวิชาเช่น ไทยสังคมสุขะพระพุทธศาสนาเลยลงเหว   ยังดีที่เกรดวิชาหลักยังดีเลยไม่ทำให้เกรดรวมเน่ามากนัก

   ที่เขาต้องพยายามขนาดนี้ก็เพราะใคร...ไม่ใช่ไอ้คนที่อยากเรียนสายวิทย์ แถมเกรดรวมยังสวยงามชนิดได้ห้องคิงชัวร์หรือไง... แล้วมันยังจะเครียดอะไรอีก  คนที่ควรจะเครียดมากกว่าควรจะเป็นเขามั้ยล่ะ

   กริ๊ก  กริ๊ก  กริ๊ก  กริ๊ก...

   เอาอีกแล้ว  พอไม่ให้สั่นขา  มันก็กดปากกาแทน   ไวน์อยากจะบ้าตาย...เขาเอื้อมมือไปยึดปากกาออกจากมือของเพื่อนสนิท  แล้วจับมือข้างนั้นเอาไว้

   ลักษณ์เงยหน้าขึ้นมองแล้วขมวดคิ้ว 

   “ปล่อย  ไม่ต้องจับหรอกน่า  ไม่กดแล้วก็ได้”

   “ไม่เอา  เดี๋ยวก็กดอีก”  เขาตอบ  กุมมือนิ่มๆข้างนั้นเอาไว้หลวมๆ 

   ลักษณ์ขัดขืนเล็กน้อย  ครั้นพอเห็นว่าเขาไม่ปล่อยเข้าจริงๆก็เลิกบิดมือออก  ยอมให้เขาจับมือค้างเอาไว้อย่างนั้น    อีกมือหนึ่งก็พลิกหน้าหนังสือไปด้วย   

   ไวน์ลอบยิ้มในใจ   ทว่าหลังจากนั้นเขาก็อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องอีกเลย


   000000000000000000000000000000000000000000

   เย็นมากแล้ว  ไวน์เดินกลับออกมาจากสนามบาสอย่างเหนื่อยอ่อน...วันพรุ่งนี้จะเป็นวันแข่งจริงแล้ว  นัดแรกแพทย์เจอกับทันตะ  พวกเขาก็เลยต้องฝึกซ้อมกันอย่างเต็มที่

   พลิกดูนาฬิกาข้อมือแล้วมองไปทางแสตนด์เภสัชที่เหลือเพียงรุ่นพี่ปีสองกำลังช่วยกันเก็บของอยู่   น้องๆปีหนึ่งถูกปล่อยให้ไปพักแล้วหลังจากซ้อมเชียร์กันอยู่นาน

   เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมสนทนาไลน์ที่เขาส่งไปหาอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อบ่าย   

   WineiloveU: เย็นนี้รอหน่อยได้มั้ย
WineiloveU: ซ้อมบาสเสร็จจะกลับบ้านด้วย
 WineiloveU: มีเรื่องอยากคุย

ลักษณ์ยังไม่ได้กดอ่านด้วยซ้ำ...ชายหนุ่มถอนหายใจยาว   เขาพาตัวเองมาที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย  นั่งรอรถเมล์อยู่พักใหญ่   ฝนก็เริ่มตกลงมาปรอยๆโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า   

เหม่อมองสายฝนเพลินด้วยความรู้สึกหดหู่พิกล  ก็มีเงาของคนๆหนึ่งเดินผ่านเข้ามาในป้ายรถเมล์แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา
ไวน์เหลือบไปมอง  เห็นคนที่เขากำลังครุ่นคิดถึงอยู่ทุกขณะจิตกำลังนั่งทำหน้าเฉย  หูฟังเพลงในโทรศัพท์มือถือโยกตามเบาๆอย่างไม่สนใจ  คล้ายกับว่าเจ้าตัวนั่งอยู่เพียงคนเดียว

ใจเต้นแรงขึ้นมาฉับพลัน  ...ไวน์ขยับจะทัก  แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหันมาทางเขาเอาเสียเลย   ลักษณ์ทำเหมือนเขาเป็นอากาศไร้ตัวตน   

รถเมล์มาพอดี  อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน  วิ่งตากสายฝนเบียดขึ้นไปบนรถเมล์ที่แน่นเหมือนปลากระป๋อง   ไวน์ก้าวตามไปติดๆ  เดินตามหลังอีกฝ่ายเบียดคนเข้าไปด้านใน   กลิ่นอับชื้นและกลิ่นตัวของผู้โดยสารที่อัดกันแน่นทำให้ไวน์รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย 
หยุดยืนข้างกัน  เขารีบควักเงินออกมาจ่ายค่ารถเมล์แทนอีกฝ่าย  ลักษณ์เหลือบมองหน้าเขาแวบหนึ่งแล้วก็เบือนหน้าหนี 

...ก็ได้  เล่นสงครามเย็นงั้นเหรอ   ไวน์คิดในใจ   ...ไม่ทักกันได้  ทำเป็นไม่รู้จักกันหรือ?  เขาหงุดหงิดกับพฤติกรรมเหมือนเด็กๆของเพื่อนตัวเอง   ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นโหนจับราวด้านบนไว้มั่นเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับฟาส7ตรงข้ามกับสภาพของรถที่ควรไว้ปลูกสะระแหน่กินได้แล้ว

รถเหวี่ยงไปมาตามทางเลี้ยวโค้ง  ลักษณ์ยึดที่จับบริเวณพนักพิงของคนนั่งไว้แน่น กระนั้นลำตัวก็ยังถูกแรงเหวี่ยงให้เอียงไปเบียดชิดกับเนื้อตัวของเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆอยู่ดี   ท่อนแขนแข็งแรงที่ยกขึ้นโหนราวอยู่เหนือศีรษะของเขาทำให้เขาเหมือนถูกอีกฝ่ายโอบกอดอยู่กลายๆ 

วูบหนึ่งที่รถเบรกกะทันหันให้เอาเขาเซไปซบกับแผ่นอกของเพื่อนเข้าเต็มๆ   ลักษณ์รีบดันตัวออกห่าง  พยายามเว้นช่องว่างระหว่างตนเองกับเพื่อนเอาไว้แม้สัก 2 เซนติเมตรเขาก็พอใจ

รู้สึกคิดผิดที่อยู่รอกลับบ้านพร้อมอีกฝ่ายอย่างนี้   เพราะความสงสัยปนกับความไม่สบายใจแท้ๆเชียว  และเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ความอึดอัดใจนี้อยู่ข้ามวันได้อีก

ถามให้มันเคลียร์   รู้เรื่องกันไปเลย  จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มครุ่นคิดให้วุ่นวาย

แค่ไอ้ไวน์ตอบมาคำเดียวว่า...มันเมามาก   เท่านั้น..เขาก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่มีข้อโต้แย้ง   เชื่อสนิทใจและไม่หาเหตุผลอื่นให้เหนื่อยแล้วด้วย

กลิ่นหอมอ่อนๆที่เขารู้ว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ไอ้ไวน์ใช้ประจำโชยจางๆปนกับกลิ่นเหงื่อลอยมาเข้าจมูกเป็นระยะ   โดยเฉพาะเวลาที่ร่างสูงๆนั้นเอนเข้ามาชิด   

เขายังไม่กล้ามองหน้าเพื่อนสนิทเต็มๆตาอยู่ดี   มันรู้สึกแปลกๆชอบกล...ตลอดทั้งวันมานี้ลักษณ์เฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงเหตุผลที่เพื่อนจูบตนเอง 

วูบหนึ่งที่เขาเกิดความคิดบ้าระห่ำขึ้นมาว่า บางทีไอ้ไวน์มันอาจจะเป็น...เกย์   แล้วดันจูบเขาเพราะความเสน่หา  โอย...แค่คิดเขาก็ต้องรีบลบความคิดนี้ทิ้งไป  โยนลงทะเลไปเลย

ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า   เพ้อเจ้อใหญ่แล้วไอ้ลักษณ์

คงเหลือเหตุผลอยู่แค่อย่างเดียวนั่นแหละ   เดี๋ยวพอลงจากรถเมล์แล้วเขาก็จะหาทางเกริ่นถามเรื่องนี้ดูสักที 

รถจอดที่ป้ายหน้าปากซอย  เขาเดินลงมามีไวน์เดินตามหลังมาเงียบๆเข้าไปภายในซอยที่ยังคึกคักด้วยแม่ค้าแม่ขายแผงลอย  ร้านอาหารหาบเร่ตลอดสองฝั่งทางด้วยเป็นย่านที่มีคนอาศัยอยู่มาก และมีคนเดินกันขวักไขว่

ลักษณ์หยุดที่แผงขายลูกชิ้นปิ้ง  เขาแวะซื้อลูกชิ้นของโปรดมาสามไม้  รู้สึกได้ว่าคนร่างสูงเดินตามมาไม่ห่างแม้ว่าจะไม่ได้หันไปมองก็ตาม   ชายหนุ่มกัดลูกชิ้นเคี้ยวกลืนจนหมดสองไม้แล้วก็ส่งถุงลูกชิ้นที่ยังเหลืออีกไม้หนึ่งไปด้านหลัง

“ไม้นี้ติดเอ็น   ไม่ชอบ”  พูดลอยๆเหมือนพูดกับตัวเอง   

ไวน์เอื้อมมือไปรับถุงลูกชิ้นนั้นมาถือเอาไว้   ไม่ได้พูดอะไร...เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายซื้อเผื่อเขา  ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรืออะไรหรอก   ไวน์ยกไม้ขึ้นกัดเข้าปาก   ลูกชิ้นเอ็นเป็นของชอบของเขาเช่นเดียวกับลูกชิ้นหมูธรรมดาไม่เอาเอ็นที่อีกคนชอบ

   มองแผ่นหลังบอบบางที่เดินนำอยู่ข้างหน้าแล้วถอนหายใจอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่ทราบ  นี่ถ้าการถอนหายใจทำให้อายุสั้นลงจริง  เขาคงจะตายเร็วขึ้นไปหลายปี

   เดินผ่านตึกรามบ้านช่องที่เขากับลักษณ์เดินผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันรอบ  ก็มันตั้งหลายปีแล้วนี่นะที่เรารู้จักกันมา  หลายครั้งที่เราสองคนก็เดินห่างๆคนละฝั่งถนนเพราะว่าโกรธกันอยู่   หลายหนที่เดินกอดคอกันเพราะลักษณ์ต้องพยุงเขาที่บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา  ไม่ก็ชกต่อย   และหลายทีที่เราแค่เดินข้างกันเฉยๆ  ไม่ได้พูดไม่ได้ถาม  แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร   เพราะต่างคนต่างก็มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ

   เหมือนเช่นครั้งนี้...

   “เมื่อวานมึงตามไปที่ร้านตอนไหน”  จู่ๆคนที่เดินนำหน้าเขาก็ลดฝีเท้าลงจนกลายเป็นเคียงข้าง   ลักษณ์ถามเขาขึ้นมาเป็นประโยคแรก

   “ตอนที่มึงเมาพับไปแล้ว”  เขาตอบ  ทิ้งถุงลูกชิ้นเปล่าๆลงถังขยะข้างทาง

   “แล้วมึงดื่มต่อมั้ย   หรือว่ากลับเลย”  คนฟังขมวดคิ้ว...อีกฝ่ายต้องการอะไรงั้นหรือ?

   “กลับสิ  จะอยู่หาพระแสงอะไรล่ะ  มึงไม่รู้หรือไงลักษณ์ว่ากลุ่มพี่เนิร์ดขึ้นชื่อแค่ไหน”  พอพูดแล้วก็หยุดไม่อยู่  เขารอโอกาสจะ ‘เทศน์’ อยู่แล้วจึงพูดต่อ  ไม่ทันดูหน้าคนฟังที่ก้มลงต่ำ “ถ้าพี่สิงห์พี่รหัสมึงอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยล่ะก็  กูขอเตือนว่าอยู่ห่างๆหน่อยดีกว่า   มึงตามเขาไม่ทันหรอก   อย่าไปยุ่งเลย....เมื่อคืนถ้ากูไม่ไปพามึงออกมาเผลอๆไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ”

   “พี่สิงห์บอกให้กูค้างที่คอนโดได้”  ลักษณ์ตอบเสียงเบา

   “มึงรู้จักพี่สิงห์อะไรนั่นมากี่วันไม่ทราบ ถึงไปไว้ใจเขาแบบนั้นน่ะ  รู้หรือเปล่าว่าเมื่อวานกูเป็นห่วงมึงแทบตาย  บอกให้ไลน์มาบอกก็ไม่ไลน์  โทรไปก็ไม่รับ  กูต้องโพสต์เฟสบุ๊คตามหาเอาเอง   นี่ถ้าโดนจับไปขายคงออกชายแดนไปแล้วมั้ง”  ไวน์พูดต่ออย่างหงุดหงิด  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงมองไม่ออก

   “สรุปมึงไม่ได้เมา”  อีกฝ่ายถามกลับมา  ไวน์ขมวดคิ้วแล้วตอบห้วนๆ

   “ก็เออสิ  ถ้าเมาจะพามึงกลับบ้านได้มั้ยล่ะ” 

   ลักษณ์เงียบไปนาน  จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าร้านของป้าดาที่กำลังมีลูกค้าเต็มร้าน   พี่รามมองออกมาเห็นพวกเขาเข้าก็กวักมือเรียกให้เข้าไปด้านใน

   ไวน์ยึดแขนของเพื่อนเอาไว้ แล้วก้มลงถามด้วยเสียงอ่อนลง

   “ตกลงวันนี้มึงโกรธกูเรื่องอะไร  ลักษณ์”  ว่าจะถามตั้งแต่แรกแล้ว  แต่อีกฝ่ายดันเปิดประเด็นเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาเสียก่อน   ไอ้เขาก็โกรธพี่รหัสมันจนหน้ามืดไปหน่อยเลยลืมเรื่องสำคัญไปเลย

   ดวงตากลมโตคู่นั้นเหลือบขึ้นมองเขาด้วยแววประหลาด  ไวน์ขมวดคิ้ว...มันคล้ายกับมีความตกใจปนกับผิดหวัง และอะไรหลายๆอย่างอัดแน่นอยู่ในนั้น   ลักษณ์มองเขาครู่เดียวก็เบือนหลบ 

   “ไม่มีอะไร...ช่างมันเถอะ”  ริมฝีปากคู่นั้นพึมพำ   ไวน์มองอย่างไม่เข้าใจ  ขาขยับจะก้าวตามเข้าไปในร้านเหมือนทุกทีทว่าอีกฝ่ายกลับพูดด้วยเสียงเด็ดขาดกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน

   “วันนี้มึงกลับไปก่อนเถอะนะ...ขอร้อง”

   ………………………………………………………………


มีใครอ่านถึงตอนนี้เเล้วบ้างคะ :katai5:
   

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด