ทวงครั้งที่ 8
“ไอ้เรนไปซื้อข้าวกล่องมาดิ๊”
เจ้าของชื่อหันขวับ แถมชี้หน้าตัวเองเป็นเชิงถามย้ำว่า ‘ผมเนี่ยนะ?’
“เออ แกนั่นแหละ” ผุก! หัวหน้ายิงตะปูอย่างฉุนเฉียว “มือยังไม่หายเดี้ยงอย่าเลือกงานให้มันมาก”
แหม...แค่นี้ก็ต้องดุด้วย
กระโถนท้องพระโรงเดินไปรับแบงก์สีม่วงจากลุงบุญแต่โดยดี ช่วงนี้ทำอะไรก็ขัดหูขัดตาแกไปหมด เพราะลางานไปหลายอาทิตย์แน่ ๆ ไม่ได้การ! ต้องทวงตำแหน่งลูกรักคืนสักหน่อยแล้ว
ว่ากันตามตรงทุกวันนี้ก็ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนจนพี่ ๆ ในไซต์หมั่นไส้จะแย่ มีที่ไหนนึกจะทำงานก็มานึกจะลาก็หายหน้าตาเฉย เพราะลุงบุญเป็นเพื่อนพ่อเขาหรอกแกถึงได้เมตตาไม่เอาความ ลองเป็นคนอื่นคงจับโบกปูนไปแล้ว อา...จะว่าไปพ่อนี่ก็เพื่อนเยอะชะมัดเลย
“ยังไม่รีบไปอีก”
“คร้าบ~”
มัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยเลยโดนดุอีกจนได้ ชายหนุ่มรีบวิ่งดุ๊ก ๆ ไปกดลิฟต์ก่อนจะมีก๊อกสามตามมา นิ้วเกี่ยวเอาหน้ากากอนามัยลงกองไว้ใต้คางแล้วพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้อากาศร้อนแถมพัดลมตัวประจำดันมาเสียเลยต้องพึ่งลมธรรมชาติจากหน้าต่างเอา แน่นอนว่าไม่พอเยียวยาชีวิตสักนิด
นเรนทร์เดินดุ่ม ๆ ข้ามถนนไปอีกฟาก มุดเข้าทางลัดไปโผล่ที่ตลาดในอีกสิบนาทีต่อมา เขาสั่งข้าวกล่องที่ร้านประจำด้วยเมนูยอดนิยมอย่างกะเพราหมู นอกจากไม่ครีเอทแล้วยังบังคับให้ทุกคนกินเหมือนกันอีกต่างหาก
“ป้าจ๊ะ เดี๋ยวผมมาเอานะ”
ว่าแล้วก็เดินเตาะแตะไปตามทาง ว่าจะซื้อทิชชูไปใส่ห้องสักหน่อย ไหน ๆ ได้โอกาสแล้วอย่าเสียเวลาเลยแล้วกัน แอบโดดนิดหน่อยหัวหน้าไม่รู้ระ----
“อ๊ะ! คุณ...”
เพราะกำลังทำความผิดอยู่เจ้าจิ้งจอกจึงสะดุ้งโหยงโดดเหยงไปอีกฝั่ง มันเหลือกตามองผู้มาเยือน...
ชายวัยกลางคนท่าทางสุขุมคลี่ยิ้มบางมาให้ ดวงตาใต้กรอบแว่นทรงสุภาพดูจะยินดีกับการพบเจอครั้งนี้ไม่น้อย นเรนทร์เผลอเพ่งมองใบหน้านั้นด้วยคุ้นว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน….
“แฟนพี่แสงนี่นา”
โอ๊ะ! นึกออกแล้ว!
“น้องชายเฮียแสงใช่ไหมครับ!” ชายหนุ่มตอบคำถามด้วยคำถาม ลืมแก้ไขเรื่องสถานะของตัวเองไปเสียสนิท “คุณ..เอ่อ....”
“ฉานครับ” คุณหมอยิ้มละไม “เอ...ถ้าจำไม่ผิด...คุณเรนใช่ไหมครับ”
“เรียกเรนเฉย ๆ เถอะครับ” ให้คนอายุมากกว่าเยอะ ๆ มาเรียกคุณแล้วจั๊กจี้ชอบกล แถมยังออร่าผู้ดีซะขนาดนั้นเขารู้สึกไม่คู่ควรเป็น ‘คุณเรน’ เลย
“อ๋อครับ” คู่สนทนาลอบมองเรนอย่างสุภาพ ไม่ได้ละลาบละล้วงจนน่าเกลียดราวกับว่าแค่หาเรื่องคุยเท่านั้น “บังเอิญจังเลย มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ”
“ทำงานไซต์แถวนี้น่ะครับ”
“เอ๋ เรนเป็นวิศวกรเหรอครับ”
“อ่า....จะว่าไงดีล่ะ” ให้ตายเถอะคุณฉานจะมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว! สภาพไอ้เรนตอนนี้มันใกล้เคียงวิศวกรตรงไหน เสื้อชุ่มเหงื่อ เกลือขึ้นหลัง พังไปยันตีน ถ้าเฮียอยู่คงไล่ไปเดินสุดขอบโลก ดีที่น้องชายมีเมตตากว่านั้นมาก และแน่นอนว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เรนต้องโกหก “เป็นช่างน่ะครับ”
ดวงตาอีกฝ่ายเบิกขึ้นเล็กน้อย ฉานไม่ได้ดูแคลน แต่สารภาพว่าตกใจอยู่เหมือนกันที่แฟนพี่ชายทำอาชีพนี้ “อ๋อ...ครับ”
“คุณฉานมาหาเฮียแสงเหรอครับ”
“เปล่าหรอกครับ ผมมีธุระแถวนี้พอดี อ๊ะ! แย่จริงถ้ารู้ว่าจะเจอเรนน่าจะฝากของไปให้พี่แสงสักหน่อย”
“เอาไปให้เองไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“พี่แสงนาน ๆ จะกลับบ้านสักที ไม่ค่อยได้เจอหรอกครับ” คุณหมอยิ้มแห้ง ๆ “ถ้ายังไงฝากบอกด้วยนะครับว่าใกล้วันเกิดหลานแล้ว พ่อแม่ก็อยากเจอ ไว้นัดมากินข้าวกันนะครับ”
“ได้เลยครับ แล้วจะบอกให้” คนผิวแทนเริ่มหลุกหลิกเพราะกลัวจะไปซื้อของไม่ทัน เกิดเข้าไปสายโดนหัวหน้าแหกอกแน่นอน โชคดีที่ฉานเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ครับ สวัสดีครับ”
ไอ้หนุ่มผมทองมองเหลียวหลังไปจนสุดสายตา ครุ่นคิดไปตลอดทางว่าพ่อแม่เขาเลี้ยงดูมายังไงพี่กับน้องถึงได้ต่างกันราวฟ้ากับเหว น้องชายทั้งสุภาพ เรียบร้อย เป็นผู้ใหญ่ ส่วนคนพี่น่ะเลือดเย็นเป็นน้ำแข็ง ดุอย่างกับช้างตกมัน…
‘เข้ามาได้ก็ออกไปให้ได้แล้วกันไอ้เรน’
....แต่เฮียก็น่ารักในแบบของแกล่ะน้อ~
..........................................
...........................
...........
....
วี๊ด~
นเรนทร์ผิวปากหวือในมือแกว่งถุงกระดาษชำระแพคหกม้วนไปมา เลิกงานทีไรอารมณ์ดีทุกที วันนี้กระปรี้กระเปร่าได้ค่าจ้างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แถมหัวหน้ายังเลี้ยงข้าวเย็น ประหยัดไปได้อีกมื้อ
ป้าร้านน้ำเต้าหู้ส่งยิ้มหวานให้แม้จะไม่ได้ซื้อของแกก็ตาม คนแถวนี้คุ้นเคยกันทั้งนั้นหรือแม้แต่ตรอกซอกซอยตรงไหนมีอะไรให้หลับตาเดินเรนก็ทำได้สบาย
มันจะไปยากอะไรตรงไปจนสุดซอยบ้านหลังตรงหัวมุมนั้นเลี้ยงกล้วยไม้ เลี้ยวขวาแล้วข้ามไปเดินอีกฝั่งเพราะหมาบ้านนั้นดุมาก ใช่ ๆ ตรงไปอีกนิดทางซ้ายเป็นบ้านร้าง ลอกเข้าซอกระหว่างตึกจากนั้นก็จะเห็นทาวน์เฮ้าส์ห้าแถวสีเขียวแปร๋น เห็นไหมล่า~ ทุกอย่างเหมือน....
เฮ้ย....ดะ..เดี๋ยวสินี่มันไม่ ‘ปกติ’ นี่นา
ผลุบ! นเรนทร์พุ่งเข้าพุ่มไม้ด้านข้าง รวดเร็วปานหมาวิ่งตัดหน้ารถ ดวงตาเรียวมองลอดช่องว่างระหว่างใบไม้ ณ ที่พักพิงอันแสนสุข บัดนี้กลับมีบุรุษคุ้นตาสามคนถ้วนยืนแอคท่าอยู่ตรงบันได ไม่สนใจแคทเธอรีนบางแก้วสาวที่เห่าจนหมดแรงลงไปนอนแดกน้ำที่พื้นเลย เมื่อลองหรี่ตาเพ่งดู เรนก็พลันหน้าซีดเผือด
ฉิบหาย...นั่นมันไอ้กิจ
มันรู้ที่อยู่เขาได้ไง ไม่สิ! มันรู้ช้าขนาดนี้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว และคงไม่ได้มาชวนกินข้าวเย็นแน่ ๆ ยกนิ้วนับวันดูก็พบว่าเพิ่งจะสองอาทิตย์หลังใช้หนี้ไปส่วนหนึ่ง มันจะจงเกลียดจงชังอะไรเขานักหนาไม่กะให้มีเวลาหาเงินเลยหรือไง
เมื่อจุดประสงค์ของมันไม่ใช่เงิน แต่เป็นการตื้บ เจรจาไปก็คงเปล่าประโยชน์ ทางที่ดีรีบหนีไปหลบภัยที่อื่นดีกว่า
ว่าแต่ที่ไหนล่ะ....
………………………………………
…………………………….
………………
………
ฮ้าว~
แสงหาววอดจนตีนกาขึ้น เขานอนยาวเหยียดอยู่บนโซฟามือซ้ายกำกระป๋องเบียร์ บนโต๊ะกลางมีจานไส้กรอกเยอรมันร้อน ๆ สุขใดเล่าจะเท่านอนดูบอลทีมรักพร้อมเบียร์และกับแกล้ม
วันนี้แมนยูเตะสี่ทุ่มกำลังดีพอจะแหกตารอดูได้ แถมอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิมเพราะเพิ่งจะยิงตุนไว้ลูกหนึ่ง ฟอร์มก็ดีเกมรุกบุกทางปีกเยอะกว่าปกติ ขึงเอาไว้แบบนี้ไม่นานลูกที่สองคงตามมาเป็นแน่ ไม่สิ...สามเลยดีกว่า เกมต่างชั้นขนาดนี้...
ก๊อก ๆ
“หือ” หูฝาดเหรอวะ แสงขยับตาดำไปทางปลายเท้าอย่างเกียจคร้าน บานประตูไม้ตั้งแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีทางหรอกที่จะมีคนมาเคาะ ชั้นนี้มีเขาอาศัยแค่คนเดียว แถมรับแขกครั้งสุดท้ายก็ตอนไอ้ฉานพาหลานมาเยี่ยม ซึ่งไม่ใช่ดึกดื่นแบบนี้แน่นอน
ก๊อก ๆ
แสงเบิกตาโพลง รอบนี้ไม่ได้หูฝาดแล้ว! เสียงดังมาจากทางนั้นจริง ๆ เขาดีดตัวขึ้นมานั่งตั้งฉาก ดวงตาดั่งเหยี่ยวจดจ้องที่บานประตูไม่ละสายตาแม้แต่น้อยขณะที่สองเท้าเริ่มก้าวเข้าไปใกล้
ในค่ำคืนอันเงียบสงัด หนุ่มใหญ่คนหนึ่งอาศัยอยู่ ณ ชั้นบนสุดของคอนโดเพียงลำพัง ท่ามกลางฝุ่นผงและเศษซากของไม้ ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงบานประตู ทว่าเมื่อแนบดวงตาไปยังช่องตาแมวกลับพบเพียงทางเดินที่ว่างเปล่า
เขาขมวดคิ้วด้วยไม่คลายสงสัย ความลังเลบังเกิดขึ้นในใจ และน่าเศร้าที่ความอยากรู้เอาชนะทุกอย่าง ลูกบิดถูกขยับหมุนปลดล็อกกลอนอันเป็นเกราะกำบังสุดท้าย ในวินาทีที่ประตูถูกกระชากออกเสียงหนึ่งก็ลอยเข้ามาราวกับลมพัด
....เสียงของมัจจุราช
“เซอร์ไพรส~”
ปัง!
แสงกระโดดหลบเคียวมันได้ในวินาทีสุดท้าย ทว่ายังไม่วายมีเสียงเคาะปึงปังจากอีกฝั่ง
“เฮีย! เฮียคร้าบ~” เรนคร่ำครวญ “ออกมาคุยกันก่อน”
“ไม่”
“อย่างน้อยก็ฟังผมก่อนปิดประตูไม่ได้หรือไง” ปัง ๆ มันยังไม่ย่อท้อโจมตีต่อเนื่อง “คนอะไรไม่ให้โอกาสผู้อื่นเลย”
“รีบ ๆ ลงไปได้แล้ว พับผ่าสิ! มันน่าไล่ยามออกจริง ๆ”
“เฮีย....”
“แค่นี้แหละ ฉันจะไปดูบอลต่อ”
“ถ้าเฮียไม่เปิดผมจะเปิดคลิปของเราด้วยเสียงที่ดังที่สุดเดินลงบันไดแวะเวียนหน้าห้องทุกคน แล้วจากนั้นก็...”
ผัวะ! บานประตูถูกกระชาก ก่อนปรากฏใบหน้ายับยู่ของแสง
“ว่ามา”
“ไม่ชวนเข้าห้องก่อนเหรอครับ แฮะ ๆ”
ไอ้เด็กนี่ได้คืบจะเอาศอก แต่แสงรู้ดีว่าเดี๋ยวมันก็งัดเรื่องเดิมมาขู่อีกเลยตัดรำคาญ “เข้ามา”
นเรนทร์เผลอร้อง ‘เยส’ ในใจขณะก้าวตามเจ้าของห้อง หัวใจลิงโลดแต่ต้องแสร้งทำเป็นสำรวมนั่งบนโซฟาเก็บไม้เก็บมือเรียบร้อย โดยมีสายตาจากเฮียที่ส่งมาว่า ‘ใครบอกให้แกนั่ง’
นอกจากไม่ยี่หระแล้วสายตาวาววับยังสอดส่องไปทั่ว มันเป็นห้องชุดขนาดกลางกั้นโซนเป็นห้องอเนกประสงค์ใช้รับแขกและมีเคาน์เตอร์ครัว ด้านในสุดมีบานเลื่อนกระจกสีดำทึบ ถ้าให้เดาคงจะเป็นห้องนอน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นเหล็กผสมไม้ และเครื่องหนัง แม้แต่โซฟาที่เรนนั่งอยู่ก็เป็นหนังแท้คงจะแพงน่าดู โคมไฟตกแต่งดูเหมือนโรงงานอะไรสักอย่าง
“ห้องสวยดีนะครับ แฮะๆ”
“มีธุระอะไร” น้ำสักแก้วก็ไม่มีให้ แถมยังกระดกเบียร์โชว์อึกใหญ่ “แกคงไม่ได้มาเดินเล่นอีกนะ”
“เอ่อ...อ๊ะ! จริงสิ เมื่อกลางวันผมเจอน้องชายเฮียด้วย” ไอ้เด็กซ่งตบเข่าฉาด “เขาฝากมาบอกว่าหลาน ๆ กับพ่อแม่อยากเจอเฮีย ไว้นัดไปกินข้าว...”
“พูดเข้าเรื่อง” ครูฝ่ายปกครองดุ “คงไม่ได้มาเพื่อส่งข้อความแค่นั้นใช่ไหม”
“เอ่อ....”
เพราะทางนั้นอึกอักจนน่ารำคาญ แสงจึงยันตัวขึ้นเท้าแขนกักขังอีกฝ่ายไว้กับโซฟา ก่อนจะกระซิบเสียงเหี้ยม... “เรน....”
“ผะ...ผมขอนอนที่นี่สักคืนได้ไหมครับ!”
“ไม่!”
หมัดที่สวนกลับมาทำเอานเรนทร์ก้มหน้าคางชิดอก ทำตัวลีบเล็กให้น่าสงสารแม้ส่วนสูงจะไม่เอื้ออำนวย เจ้าลูกกวางตัวน้อยเหลือบตามองพ่อเสือสิงห์ที่กอดอกยืนค้ำหัวอยู่ เรนกะพริบตาปริบ ๆ เผื่อว่ามันจะแห้งพอให้น้ำตาไหล
“มะ...ไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่”
“ผะ...ผมไม่มีที่พึ่งอื่นแล้ว ฮึก...”
“แกจะสะอึกปลอมทำไมฮะ” อย่าริมาเล่นละครกับแสง เป็นควายครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว “มันเรื่องอะไรที่ฉันต้องช่วยแก”
“เฮียฟังก่อนนะ” เมื่อแอคติ้งไม่ได้ผลนเรนทร์จึงใช้เหตุผลเข้าสู้ “ตอนนี้เฮียเป็นคนเดียวที่จะช่วยผมได้ ไม่สิ...เพราะเฮียนั่นแหละผมถึงต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ แบบนี้”
“หา!?”
“ก็ผมจะปิดหนี้เฮียอู๋ได้อยู่แล้ว แต่โดนแต๊บเงินไปเลยไม่พอ ตอนนี้ลูกน้องมันมายืนรอยำผมที่หน้าบ้านแล้ว” เรนตบพนักโซฟาดังแปะ “เฮีย-ต้อง-รับ-ผิด-ชอบ!”
“จะบ้าเรอะ”
“ผมทำทุกวิถีทางแล้ว ไปบ้านหัวหน้าแกก็ดันตีกับเมียเอาตัวเองแทบไม่รอด เจ๊ซันก็ไม่อยู่บ้าน ดึกขนาดนี้ทั้งที่มีตัวเลือกมากมายแต่ผมตัดสินใจเลือกเฮียนะครับ เพราะผมรู้ว่าเฮียเป็นคนดีมีเมตตา”
“คิดว่าชมแล้วจะได้ผลเหรอ”
“จะคิดค่านอนก็ได้นะ” ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาก่อนจะพบว่าสมบัติชิ้นเดียวที่เขาติดมือมาด้วยอยู่บนพื้น “อ๊ะ! ผมให้ทิชชูทั้งแพ็กเลย”
อา...อยากจะบ้า...
ทั้งปวดหัวแต่อีกใจก็นึกขำในความบ้าของมัน จะว่าไงดีล่ะ...เป็นคนอื่นคงเครียดจนคลั่งแล้ว แต่ไอ้เด็กเรนกลับบากหน้ามาขอนอนกับโจทก์หน้าตาเฉย ช่างเป็นคนที่คาดเดาการกระทำไม่ได้เลยจริง ๆ ไม่รู้ว่าเพราะมันหน้าด้านหรือไม่คิดอะไรเลย
แสงกัดริมฝีปากไม่ให้เผลอหลุดยิ้มออกมา ปั้นใบหน้าบูดบึ้งประหนึ่งยักษ์พร้อมกับเสยเส้นผมสีดำที่ปรกใบหน้าขึ้น
“ไหนพูดซิ ‘ได้โปรดช่วยเด็กนรกที่ทำเรื่องชั่วช้าระยำตำบอนคนนี้ให้มีที่ซุกหัวนอนด้วยเถิดครับ’”
“ได้โปรดช่วยเด็กนรกที่ทำเรื่องชั่วช้าระยำตำบอนคนนี้ให้มีที่ซุกหัวนอนด้วยเถิดครับ”
คนแก่กว่าถอนหายใจ
“แกนี่มันไร้ศักดิ์ศรีชะมัด”
..............................................
..............................
................
.....
ไอ้ฉิบหายมันยิงเสมอตอนไหนวะ
แฟนผีแดงนั่งกุมขมับอยู่ที่หน้าจอ เบียร์ถูกกระดกจนเกลี้ยงไม่ต่างกับจานไส้กรอก เพราะมัวแต่วุ่นวายกับไอ้เด็กนรกนเรนทร์นั่นแหละ บอลก็ดิ่ง ชีวิตก็พัง เฮ้อ...
เด็กซ่งก็ว่าบ้าแล้วแสงนี่เรียกฟั่นเฟือนเลยจะดีกว่า คนสติดีที่ไหนเปิดห้องรับเด็กที่มีคดีติดตัวอย่างมัน ร้อนเงิน จนตรอก แถมมีคลิปลับอยู่ในมือถือ มองยังไงก็อันตรายชัด ๆ
แต่เรนไม่น่าทำแบบนั้น
ไม่รู้ผีห่าซาตานตนใดดลใจให้คิด และตอนนั้นเองแสงก็ได้ตระหนักถึงความจริงบางอย่าง...
อา...เขานี่เป็นคนดีจริง ๆ
มัวแต่ซาบซึ้งในความดีของตัวเองจนลืมเงี่ยหูฟังว่าฝักบัวในห้องน้ำถูกปิดไปตอนไหน ตามมาด้วยเสียงปึงปังอีกสองสามที ฉับพลันบานประตูก็ถูกกระชากออก
ผัวะ!
“เฮีย ผมลืมไปว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่อะ”
“นำไปแล้วครับ ไม่น่าเชื่อเลย! แมนยูเสียประตูในช่วงท้ายแบบนี้!”
“โธ่เว้ย!” แสงยกมือต่อยอากาศอย่างหัวเสีย แล้วหันมาตะคอก “เรนแก....”
ผ่าง! ไอ้เด็กซ่งยืนจังก้าอยู่หน้าห้องน้ำ จะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่แก้ผ้าล่อนจ้อนจ้องกลับมาที่แสงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ใส่เสื้อผ้าสิวะ!”
“ก็เพิ่งบอกเฮียเมื่อกี้ว่าไม่มีไง” มันยกนิ้วก้อยแคะหูพลางขยับก้าวเข้ามาในบริเวณห้อง “เฮียพอจะมีให้ยืม....”
“ยู้ด! แกไม่ต้องเดิน” แสงลนลานยกมือห้าม โธ่เว้ย! ยิ่งเดินไอ้นั่นยิ่งขยับ เอ๊ย! ไม่สิ โฟกัสตรงไหนวะเนี่ย “ยืนรอตรงนี้ ฉันจะไปเอาให้”
หนุ่มใหญ่พุ่งเข้าหาตู้เสื้อผ้าในทันที รื้อหาของอย่างก้าวร้าวได้เสื้อเน่า ๆ กับกางเกงขาสั้นมาอีกตัว เสียงด้านนอกก็ตะโกนตามาสมทบ “ผ้าเช็ดตัวด้วยนะเฮีย”
สั่งเป็นเจ้านายเลยนะมึง! แสงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนีบผ้าเช็ดตัวออกไปอีกผืน และเมื่อเดินกลับเข้าไปด้านนอกก็เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่ายืนทื่อตามคำสั่งไม่มีบิดพลิ้ว นเรนทร์ตัวสูงแต่ผอม ผิวสีแทนขึ้นเงาเพราะแสงไฟจนเห็นกล้ามเนื้อที่ได้จากการทำงาน ช่างตัดกับเส้นผมสีทองนั่นดีเหลือเกิน เป็นคนที่ฉูดฉาดชะมัด...
“เอาไป” ผัวะ! พูดจบก็โยนผ้าอัดเข้าหน้าไอ้เรนโดยพลัน คนไม่ได้ตั้งตัวแทบล้มทั้งยืน
“แอ่ก” มันสำลักผ้า “ให้ดี ๆ ก็ได้ครับเฮีย”
“ไม่มีชั้นในนะบอกไว้ก่อน แกกลับด้านตัวเก่าใส่ไปแล้วกัน”
“แฮะ ๆ” หัวเราะแห้งขนาดนี้มันต้องมีอะไรแน่นอน “ตัวเก่าผมซักไปแล้วอะ กะว่ายังไงก็ต้องใส่พรุ่งนี้”
“.......”
“ไม่ต้องใส่หรอก” ว่าแล้วไอ้ชีเปลือยก็ตลบผ้าเช็ดตัวถูไถไปบนเส้นผมเปียก ๆ “ปกติเวลานอนเขาก็ไม่ค่อยใส่กันเนอะ มันอึดอัด”
แสงกุมขมับ “อย่างน้อยก็ช่วยไปแต่งตัวในห้องน้ำได้ไหม”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมไม่ถือ” เรนโบกมือชิล ๆ เลื่อนผ้าลงมาเช็ดแขนขาและท่อนล่าง...
“แต่ฉันถือ!”
“อ๊ะ! เฮียหน้าแดงด้วย” เจ้าจิ้งจอกยิ้มเผล่ “คิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย ก็อย่างว่าล่ะนะเฮียเคยอดใจไม่ไหวมาแล้วครั้งหนึ่ง จะเป็นอีกก็----“
“ไอ้เรน...”
“คร้าบ~ ไปก็ไป” เพราะเกรงจะถูกเตะออกจากห้องชีเปลือยจึงรวบข้าวของเดินกลับเข้าห้องน้ำไปอย่างสันติ ทิ้งแสงที่เครียดจนผมร่วงไว้ลำพัง หนุ่มใหญ่ขยี้ใบหน้ากับฝ่ามือแรง ๆ พลางสบถกับตัวเอง
หน้าแดงจริงเหรอวะ!
ยังไม่ทันคลายสงสัยไอ้ตัวปัญหาก็โผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ รอบนี้สวมเสื้อผ้าอย่างอารยะชนเดินผิวปากอารมณ์ดีจนแสงตีนกระตุก เจ้าของห้องชี้มือไปที่ระเบียง
“เอาผ้าไปตากตรงนู้น”
เรนพยักหน้าหงึกหงักเดินออกไปแต่โดยดี เส้นผมสีทองหมาดน้ำเปียกลู่ลงข้างแก้มทำให้ดูเด็กลงหลายปี เขาแขวนผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าเปียกน้ำไว้บนราวแขวนก่อนจะมุดผ้าม่านกลับเข้ามา ครูฝ่ายปกครองหน้าบึ้งกอดอกรอประหนึ่งจะหาเรื่องลงโทษให้ได้
เด็กดีเลยหันรีหันขวางเห็นจานเปล่าบนโต๊ะจึงเดินหนิม ๆ เข้าไปหยิบ “ผมล้างจานให้นะครับ”
ไม่รู้ว่าปลงแล้วหรือขี้เกียจด่าแสงเลยไม่พูดอะไรกลับมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาแทน มองเวลาบนมุมขวาของจอแล้วอยากจะเป็นลม ต้องสวดมนต์เท่านั้นแหละถึงจะรอด อย่างน้อยเสมอก็ยังดี
“เฮียเชียร์แมนยูเหรอ” เด็กล้างจานยื่นหน้ามาถาม เคาน์เตอร์ครัวอยู่ถัดจากทีวีไปไม่กี่เมตรเท่านั้น “ผมก็แฟนผีนะ”
“ใครถาม”
“ก็อยากบอกอะ” หน้าด้านไม่มีใครเกินจริง ๆ “ตั้งแต่ป๋ารีไทร์แพ้บ่อยเกิ๊นผมเลยไม่กล้าบอกใคร พี่ที่ไซต์มันเชียร์หงส์กันทั้งนั้น”
“ไม่ได้แชมป์มากี่ปียังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีกเหรอ”
“ก็นั่นน่ะสิ” ทีนี้ล่ะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย มือกร้านเสียบจานลงตรงที่พักแล้วเช็ดไม้เช็ดมือกับเสื้อ “นี่จะแพ้อีกแล้วเหรอ”
“เพราะแกนั่นแหละอะไรถึงได้ซวยไปหมด” เห็นป้ายทดเวลาสองนาทีแสงจึงยกรีโมตมากดปิด “พอ ๆ ไม่ดูแม่งละ”
“โทษผมเฉยเลยนะ” แม้จะพึมพำ แต่แสงก็ยังได้ยินมันงอแงน้อยใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจ ไอ้เด็กซ่งกลับมาทิ้งตัวนั่งข้างเขาสบาย ๆ เหมือนอยู่บ้านตัวเอง แหกขาเห็นไปถึงไหนต่อไหนจนแสงทนไม่ได้ต้องออกปากดุ
“นั่งหุบ ๆ หน่อย”
“อ๊ะ! โทษทีครับ” มันขยับองศาให้แคบลง เอาแค่ให้แสงมองไม่เห็น “ไม่ใส่กางเกงในนี่มันโล่งจัง”
“พรุ่งนี้ก็รีบกลับเลยนะ”
“ได้งั้นก็ดีสิ” ถ้าไอ้กิจมันไม่ไปเฝ้าล่ะก็นะ.....
“หมายความว่าไง”
“เปล้า!” เด็กชั่วกลบเกลื่อนก่อนจะเขยิบเข้าไปกระแซะอีกฝ่ายจนขาชนกัน “เฮีย...”
“อะไร”
“จะนอนแล้วเหรอ” มันบุ้ยปาก “เห็นปิดทีวีแล้ว”
“อืม” ว่าแล้วก็โยนรีโมตลงโต๊ะแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ “รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวเอาหมอนให้”
ทว่านเรนทร์กับยิ้มแห้ง ๆ “เฮียคงจะไม่ให้ผม....นอนโซฟา...”
“นอนพื้นเลยไหมล่ะ”
“ไม่เอา” มาขออาศัยยังมีหน้ามาเรื่องมากอีกนะ “แต่มันเป็นโซฟาหนังนะ....”
“แล้ว?”
“มันชอบติดผิวอะ เฮียไม่เห็นเหรอที่นอนแล้วขึ้นเหงื่อเป็นคราบ” คนพูดเขย่าขาเป็นเชิงสะกิดให้คิดภาพตาม “แล้วโซฟาเฮียก็จะเหม็นเหงื่อผม ต่อให้กลับไปแล้วเฮียก็จะรู้สึกเหมือนมีผมนั่งข้าง ๆ ตลอดเวลา”
“แกจะพูดอะไรกันแน่”
ไอ้นี่มันต้องตกวิชาภาษาไทยแน่นอนถึงได้พูดจาวกไปวนมาอ้อมโลกสามครั้งแบบทวนเข็มนาฬิกา
เจ้าจิ้งจอกบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย อ้อมแอ้มเอ่ยคำขอที่มีแต่ควายเท่านั้นที่จะให้ได้….
“ขอไปนอนในห้องกับเฮียได้ไหม”
……………………………….
……………………..
………..
…….
“ปิดไฟละนะ” ควายเจ้าของห้องพ่นลมฟึดฟัดที่จมูก
“คร้าบ~”
แปะ!
ทำไมกูจะต้องมาบริการด้วยเนี่ย แสงก่นด่าตัวเองในใจขณะสับสวิตช์ลงส่งห้องเข้าสู่ความมืด ขายาว ๆ ก้าวกลับมาที่เตียงอย่างชำนาญ อันที่จริงแล้วห้องนอนของแสงค่อนข้างเล็กมาก ยัดเตียงหกฟุตหลังเดียวก็แทบไม่มีที่เดินแล้ว เพราะแบบนั้นเลยต้องตั้งตู้เสื้อผ้าไว้แถวห้องน้ำแทน
แค่สามก้าวแสงก็พลิกตัวปีนขึ้นเตียงได้สำเร็จ ในห้องไม่ได้มืดทึบอย่างที่คิดเพราะเปิดม่านให้แสงจันทร์สาดเข้ามาเต็ม ๆ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงหรือไม่ก็ค่อนข้างกลม เขาจึงมองเห็นใบหน้าโง่เง่าของไอ้หนูขี้เลนได้กระจ่างแจ้ง
มันจ้องมาที่เขาตาแป๋วเช่นกัน แสงเผลอขมวดคิ้วจนหน้ายับยู่ ไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิดที่อนุญาตให้คนร้ายมานอนร่วมเตียงด้วย ตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงยอม บางทีเขาอาจจะเป็นคนดีมากหรือไม่ก็ตัดรำคาญไปอย่างนั้น ใช่...ต้องใช่แน่ ๆ
คืนเดียวท่องไว้ไอ้แสงคืนเดียว...พรุ่งนี้มันก็ไม่อยู่แล้ว
“เฮีย...”
“.......”
“เฮียอยากจะมีเซ็กซ์กับผมก็ได้นะ”
พรูด! คนฟังสำลักน้ำลายเพราะกลืนผิดจังหวะ โก่งหลังไอจนตัวโยน “แค่ก ๆ ๆ พูดบ้าอะไรของแกเนี่ย!”
“อ้าว...ก็เห็นเฮียจ้องหน้าตั้งนานนึกว่าอยากทำ” ต้องเป็นเจ๊ซันแน่ ๆ ภาพลักษณ์แสงในสายตาไอ้เด็กซ่งจึงเป็นตาลุงหื่นกาม “เนี่ย ไม่ได้ใส่กางเกงในพอดีเลย”
“ไม่ต้องแหวกโว้ย!” แสงดึงมือที่กำลังแหวกขากางเกงออก “นี่แกซ่อนกล้องไว้ตรงไหนอีก”
“กล้องบ้าอะไรล่ะ ผมเพิ่งเข้ามาห้องเฮียครั้งแรกนะ” คนถูกใส่ไคล้หน้าบู่ “เรารึอุตส่าห์หวังดี”
“รู้ไหมเดือนก่อนฉันเครียดจนเสริชหาโรงพยาบาลตัดไอ้จ้อนทิ้งเพราะแกมาแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ”
“ไม่ตลกเว้ย”
“โอเค ไม่ขำก็ได้”
เพื่อเป็นการตัดรำคาญแสงจึงทิ้งตัวลงพลิกหันหน้าไปทางประตูแทน มือตลบผ้าห่มขึ้นคลุมหัวเป็นการจบบทสนทนา เขาซุกหน้าลงกับหมอนแสร้งเมินเสียงไหวของผ้าที่ด้านหลัง ทว่าเริ่มทนไม่ไหวเมื่อซากเด็กผีกลิ้งหลุน ๆ มาแปะตรงหลัง
พึ่บ! ผ้าห่มสีเทาถูกตลบขึ้นก่อนเจ้าของจะพลิกตัวกลับไปเผชิญหน้ากับศัตรู นเรนทร์หลับตาพริ้มอยู่ห่างจากแสงเพียงหนึ่งฝ่ามือ มันงึมงำเหมือนรู้ว่าถูกจ้อง “ตรงนู้นแอร์ลง หนาวอะ”
“มีกฎข้อหนึ่งที่แกต้องรู้ไว้” ปลายนิ้วชี้ลากเส้นเฉี่ยวปลายจมูกเรนไป “ห้ามข้ามเส้นนี้”
“หา!?”
ตุบ! เมื่อเส้นอากาศไม่เป็นรูปธรรมพอแสงจึงดึงหมอนข้างที่เด็กเอาขาคีบอยู่มาวางแหมะตรงกลางเตียงพอดี คนติดหมอนข้างถึงกับโอดครวญ
“กฎเยอะจัง บันไดก็ห้ามขึ้น เตียงก็ห้ามข้าม เฮียเป็นลูกขุนนางหรือเปล่าเนี่ย”
“ลูกตาสีตาสาก็ไม่มีคนสติดีที่ไหนยอมนอนกับแกซ้ำสองหรอก”
“อ๊ะ! จริงด้วย”
วินาทีนั้นความสงสัยในใจพุ่งมาถึงขีดสุด แสงจ้องใบหน้าเจ้าจิ้งจอกพลางพิจารณา ถ้ามองอย่างไม่อคติเรนก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แถมยังสามารถนอนกับผู้ชายได้หน้าตาเฉย ว่ากันตามตรงเลิกทำงานเป็นช่างแล้วนอนเฉย ๆ ไม่ดีกว่าหรือไง
“ถ้าแกไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีขนาดนั้นทำไมไม่ขายตัวให้ป้า ๆ เสียเลยล่ะ งานสบายแถมได้เงินด้วย”
“โอ๊ย! นอนจนพรุนน่ะสิกว่าจะเงินครบ” มันส่ายหัว “นอนกับเฮียทีเดียวดีกว่า ยืดหนี้ได้ยาวเป็นชาติ”
“ไอ้......”
“ความจริงก็ดีนะ ผมเพิ่งเคยลองข้างหลัง แต่เฮียทำเก่งดี”
“ถือเป็นคำชมใช่ไหม”
“แน่นอนครับ! ถึงจะเจ็บหลังไปหน่อยก็เถอะ คลิปออกมาดีเลยนะ เฮียออกท่าทางชัดเจนมาก” เรนยกนิ้วโป้ง “จะไม่ดูสักครั้งเหรอ”
“ขอผ่านล่ะ ฉันไม่อยากจำด้วยซ้ำ”
ทำไมต้องมาคุยเรื่องลามกอย่างหน้าไม่อายด้วย...แสงไม่เข้าใจ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้เป็นแบบนเรนทร์ทุกคนหรือเปล่า ไม่สิ...ยี่สิบสี่มันเรียกว่าผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงได้ปัญญาอ่อนแบบนี้
หนุ่มใหญ่พลิกตัวกลับไปอีกฝั่งด้วยไม่อยากมองหน้าเรนขณะหลับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่ชวนคุยอีก ให้ตายซิ! ไอ้เด็กซ่งมันร้ายขนาดไหนแค่วันเดียวก็บุกมาถึงเตียงนอนได้
แสงกลบเกลื่อนตะกอนในใจตนเองแล้วข่มตาหลับ วันนี้ออกไปหาลูกค้าร่างกายจึงเหนื่อยล้ากว่าปกติ ประกอบกับแอร์เย็นฉ่ำและเบียร์เมื่อครู่ช่วยดึงหนังตาให้ปิดสนิทได้อย่างไม่ยากเย็น
ชั่วขณะหนึ่งที่สติจะถูกพรากไป เสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งของเตียง...
“ไม่ใช่ไม่มีศักดิ์ศรีนะ แค่คิดว่าถ้ากับเฮียก็โอเค”
อืม หูคงแว่วอีกแล้วมั้ง...
TBC
กรี๊ดดดดดดดดดดด ขุ่นอาใจดีจังเลยยย มีความอปป้าพระเอกเย็นชามากมาย ในที่สุดเรามีพระเอกที่สมเป็นพระเอกกับเขาบ้างแล้วค่ะ TvT
ตอนนี้ออกแนวตบจูบเนอะ อาแสงตบไม่ยั้งเลย แต่เด็กก็สตรองลุกขึ้นมาคลุกวงในเหมือนกัน ศึกวันทรงชัยชัด ๆ
สำหรับหลายท่านที่สงสัยว่าสองคนนี้จะรักกันได้ยังไง ได้ข้อสรุปแล้วนะคะ แบบนี้แหละค่ะ 555555
เดี๋ยวจะค่อย ๆ หวานจนมดไต่แข้งไต่ขาเลยค่ะ รับรอง คิ______คิ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ รักคนอ่านมากมาย <3
เจอกันตอนหน้าจ้า