คดีรักนักดูดวง
บทที่ 19
ติณณ์มารับพาลีที่ตึกแถวตรงตามเวลานัด และคราวนี้พาลีตัดสินใจว่าสุดเขตไม่ควรปรากฏตัวเคียงข้างเขาทั้งที่สุดเขตอยาก
จะไปด้วยเพราะความเป็นห่วง แต่พาลีก็ให้เหตุผลที่สุดเขตไม่อาจปฏิเสธได้
“ถ้ามึงไปด้วยในฐานะนายไข่ ติณณ์ก็คงต้องสงสัยมึงอีก คราวที่มีเรื่องในวัดกูยังกลัวความลับแตกจะตายห่า”
“แต่กูกลัวมันจะทำเหี้ยๆใส่มึงนี่หว่า”
สุดเขตหน้างอที่ถูกขัดใจจนพาลีต้องรีบโน้มน้าวต่อเป็นการด่วน
“กูไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะเขต แล้วมึงก็จะตามกูไปห่างๆไม่ใช่เหรอ กูเชื่อว่ายังไงมึงก็ไม่ยอมปล่อยให้กูเป็นอะไรใช่ไหม”
กว่าสุดเขตจะยอมรับได้พาลีก็ใช้เวลากล่อมอยู่นานโข และในที่สุดพาลีก็ขึ้นรถไปพร้อมติณณ์โดยมีสุดเขตที่แต่งตัวเป็นนาย
ไข่ขับรถยนต์ตามไปห่างๆ สุดเขตนึกเป็นห่วงพาลีแต่เขาก็ต้องระงับมันไว้เพราะไม่มีทางอื่นที่จะเข้าใกล้ติณณ์และภาคภูมิได้อีก
“ขอบคุณนะครับที่พาลียอมมากับผม”
พาลีคลี่ยิ้มบางๆตอบกลับขณะนั่งอยู่ในรถยนต์ของติณณ์ สายตาติณณ์ที่มองมามันทำให้พาลีหนาวๆร้อนๆชอบกล เขาได้แต่
นิ่งเงียบมาตลอดทางที่ติณณ์ขับรถมายังร้านอาหารฝรั่งเศสใจกลางเมืองหลวง ติณณ์เดินนำพาลีเข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคย บริกรต้อนรับ
และพาทั้งคู่มายังโต๊ะที่ติณณ์ได้จองไว้ซึ่งค่อนข้างอยู่ในมุมที่เป็นส่วนตัวจนพาลีเริ่มเป็นกังวล ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่รู้เลยว่าสุดเขต
ซ่อนตัวอยู่ตรงไหน
“สั่งอะไรดีครับ”
ติณณ์หันมาถามเมื่อบริกรส่งเมนูมาให้ พาลีส่งเมนูคืนให้บริกรพร้อมกับกล่าวเสียงนุ่ม
“ผมไม่เคยลองทานอาหารฝรั่งเศสเลย ดูไปก็ไม่รู้เรื่อง คุณติณณ์สั่งให้ดีกว่าครับ”
ติณณ์มองใบหน้าของพาลีอย่างหลงใหล เขาไม่เคยถูกชะตาใครเท่าพาลีมาก่อนไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายทั้งที่เขาห้อมล้อม
ไปด้วยหนุ่มสาวหน้าตาดีมากมาย แต่คนที่ทำให้ติณณ์รุ่มร้อนและอยากเป็นเจ้าของคือผู้ชายหน้าอ่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้าโดยที่ติณณ์ก็ไม่รู้ว่า
ทำไม ลักษณะท่าทางของพาลีมันจับใจของเขาจนไม่อาจสลัดหลุด ติณณ์หันไปสั่งอาหารให้ตนเองและพาลีอย่างคล่องแคล่วก่อนจะหัน
กลับมามองพาลีราวกับจะกลืนกินเขาโดยไม่สนว่าพาลีนั้นอึดอัดใจแค่ไหน
“ผมดีใจมากที่พาลีมาวันนี้” ติณณ์เอ่ยออกมาโดยที่สายตาไม่ยอมละจากใบหน้าของพาลีเลยสักนิด
“รู้ไหมครับ ตั้งแต่ได้รู้จักกับพาลีครั้งแรกตอนที่ไปถ่ายรายการคราวนั้น ผมก็ไม่เคยลืมพาลีได้เลย”
“ขอบคุณครับ แต่ว่า...”
“แต่ว่าพาลีมีแฟนแล้ว ผมจำได้ว่าพาลีบอกผมอย่างนั้น แล้ววันนี้แฟนพาลีไปไหนเสียล่ะครับทำไมถึงปล่อยให้แฟนที่น่ารัก
อย่างพาลีออกมากับคนอื่นอย่างนี้”
สะดุดหูเมื่อติณณ์พูดด้วยสำเนียงเยาะหยันอย่างชัดเจน
“เขาไปทำงานน่ะครับ”
“แล้วพาลีไม่กลัวแฟนหึงเหรอครับที่ออกมาดินเนอร์กับผม”
“ไม่หรอกครับ ผมกับแฟนเราคบกันเพราะความเข้าใจและซื่อสัตย์ เขารู้ว่าผมจะไม่มีทางนอกใจไปหาคนอื่น”
ติณณ์หน้าตึงขึ้นมาทันที ดีที่บริกรยกอาหารมาเสิร์ฟเขาจึงได้ใช้โอกาสนั้นปรับอารมณ์ตัวเองและยิ้มออกมาได้พร้อมกับ
ชักชวนให้พาลีสนใจอาหาร
“ชิมไวน์ของฝรั่งเศสสิครับ กลิ่นและรสไม่แรงมาก”
พาลียิ้มรับ เขาให้ความสนใจกับอาหารจานหลักที่อยู่ตรงหน้า ติณณ์ไม่ได้ชวนคุยขณะที่เขาจัดการกับอาหารจนกระทั่งเห็นว่า
อาหารในจานพร่องไปหมดแล้วและไวน์ที่ติณณ์สั่งมาให้ก็ทำให้การรับรู้ของพาลีเริ่มจะช้าลงจนเขาต้องเตือนตัวเองให้ระวังมากขึ้น
“ทำไมพาลีถึงมาเป็นหมอดูล่ะครับ”
ติณณ์เท้าคางพลางนั่งจ้องหน้าพาลีอีกครั้ง
“ผมไม่เคยนึกว่าจะมีหมอดูหนุ่มๆและหน้าตาดีอย่างพาลีในประเทศไทยด้วย”
“ตระกูลของผมเป็นหมอดู และผมเองก็สนุกกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่จำความได้”
“เคยเจอลูกค้าแปลกๆไหมครับ”
พาลีนิ่งงัน เขาเหลือบตามองติณณ์อย่างชั่งใจก่อนจะเอ่ยตอบออกไป
“ที่แปลกน่ะไม่มีหรอกครับ จะมีก็แต่ลูกค้าที่ผมเสียใจที่เตือนเรื่องเคราะห์ร้ายของเขาแล้วไม่สำเร็จ อย่างภรรยานักธุรกิจคน
หนึ่งที่เพิ่งถูกยิงเสียชีวิตจนเป็นข่าวดังไม่นานมานี้ คุณติณณ์ก็น่าจะรู้จักเพราะเขาเป็นแฟนคลับของคุณ”
สีหน้าของติณณ์เปลี่ยนไปแวบหนึ่ง แต่แค่แวบเดียวพาลีก็เห็นเขากลับมายิ้มแย้มเช่นเดิม พาลีนึกเจ็บใจที่ติณณ์ไม่มีพิรุธมาก
ไปกว่านี้เมื่อเขาลองแหย่ให้ติณณ์คายความลับ
“งั้นหรือครับ มิน่าล่ะพาลีถึงเตือนผมเรื่องดวงที่กำลังตก ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”
“ครับ ผมห่วงทุกคนที่ผมได้ดูดวงให้”
ติณณ์ยังคงยิ้มออกแม้ว่าพาลีจะไม่หลงกลไปกับสเน่ห์ที่เขาโปรยให้ ชายหนุ่มลุกขึ้นและขอตัวเข้าห้องน้ำชั่วครู่ เมื่อกลับมา
เขาก็บอกกับพาลี
“ห้องน้ำว่างอยู่ครับ คนเข้าน้อยแล้ว พาลีไปเข้าห้องน้ำเถอะเดี๋ยวขากลับไปส่งพาลีอาจจะนาน เพราะรถติด ผมไม่อยาก
รบกวนเวลาของพาลีมากไปกว่านี้”
ไม่มีพิรุธให้เห็นสักอย่าง และฤทธิ์ของไวน์กำลังทำให้พาลีไม่สบายตัวอยากเข้าห้องน้ำเช่นกัน เขาเข้าห้องน้ำไม่นานนักและ
เมื่อออกมาก็เห็นเพียงแก้วน้ำเปล่าใสแจ๋ววางอยู่บนโต๊ะขณะที่จานเปล่าถูกลำเลียงเก็บไปหมดแล้ว
“ดื่มน้ำเปล่าล้างความขมในปากก่อนนะครับพาลี”
ติณณ์ดันแก้วน้ำทรงสูงมาให้เขา พาลีพิจารณาแล้วมองไม่เห็นตะกอนหรือสีใดๆภายในแก้วน้ำเย็นจัดจนไอเกาะอยู่ที่ผิวแก้ว
พาลีจึงวางใจยกขึ้นดื่มจนเกือบหมด ติณณ์ชวนเขาคุยเรื่องสัพเพเหระอีกเพียงพักเดียวพาลีก็เริ่มจะเวียนหัว
“ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะพาลี รีบกลับดีกว่าครับผมไปส่ง”
พาลีพยักหน้ารับ เขาเองก็อยากจะกลับและมุดศีรษะหนักๆลงไปกับหมอนเสียที แต่เมื่อลุกขึ้นยืนพาลีก็หน้ามืดจนติณณ์ต้อง
รีบเข้ามาประคองไว้ เขาเอะใจกับอาการที่เกิดขึ้นกะทันหันและสังหรณ์ใจทันทีว่าเสียท่าให้กับผู้ชายเหลี่ยมจัดอย่างติณณ์เข้าเสียแล้ว
พาลีพยายามผลักไสติณณ์แต่ก็ไม่เป็นผล
“ไม่เป็นไร ผม...”
“พาลีอย่าดื้อสิครับ ยืนยังไม่อยู่เลย ให้ผมพากลับไปที่รถดีกว่า”
ติณณ์ไม่ฟังเสียง เขากึ่งลากกึ่งประคองพาลีเดินออกไปด้านนอกของร้านอาหาร เขายิ้มกริ่มเมื่อเห็นอาการของพาลีที่เริ่มจะ
ตาลอยแทบไม่ได้สติ เป็นไปตามแผน ติณณ์รู้ว่าพาลีไม่ใช่คนโง่แถมยังละเอียดถี่ถ้วน ติณณ์จึงเลือกตัวยาสูตรใหม่ที่สามารถละลายใน
น้ำเปล่าได้โดยไม่มีสีกลิ่นและรส ในที่สุดเขาก็กำลังจะได้ครอบครองพาลีในอีกไม่นานนี้เมื่อเขากำลังลากพาลีมาถึงประตูรถของเขา
ติณณ์รีบเปิดประตูรถและเตรียมจะดันร่างของพาลีเข้าไปด้านใน แต่ทันใดนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวติณณ์ก็ถูกอะไรบางอย่าง
กระแทกเข้าที่ชายโครงจนเสียหลัก ร่างของพาลีหลุดจากมือของเขาและถูกกระชากออกไปทันที เมื่อติณณ์หันไปมองต้นเหตุเขาก็หน้า
ซีดเมื่อเห็นว่าเป็นนายไข่ที่ชิงตัวพาลีไป นายไข่มองเขาด้วยสายตาวาวโรจน์ราวกับจะฆ่าติณณ์ได้ในพริบตา
“ไอ้ไข่ มึงอย่าเสือกเรื่องคนอื่นเป็นขี้ข้าก็อยู่ส่วนขี้ข้า ส่งพาลีมาให้กูเดี๋ยวนี้”
สุดเขตโมโหจนหน้าเขียว หากไม่มีร่างของพาลีที่ยืนตาลอยอยู่ในวงแขนเขาคงพุ่งเข้าไปกระทืบติณณ์ให้สลบคาเท้า แต่
เพราะเป็นห่วงพาลีมากกว่าเรื่องอื่นทำให้เขาไม่อาจทิ้งพาลีไปทำอย่างที่ต้องการได้
“คนอย่างมึงนี่มันชั่วช้าสารเลวชิบหาย”
สุดเขตเค้นเสียงออกมาด้วยความโกรธ ดวงตาคมมองติณณ์จนเจ้าตัวเสียวสันหลัง
“ทำตัวเหี้ยๆโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนเพราะมึง กูอยากจะรู้นักว่าอสุจิที่ทำให้มึงเกิดมามันตั้งใจให้มึงเกิดเป็นมนุษย์
หรือเปล่าถึงได้เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน จำไว้ว่าความยุติธรรมยังมีอยู่บนโลก กูจะไม่ปล่อยให้มึงไปทำชั่วให้หนักโลกอีกแน่ๆ”
ติณณ์กัดฟันกรอดมองดูสุดเขตประคองพาลีจากไป สมองของเขาแทบระเบิดด้วยความแค้นจากวาจาของสุดเขตที่กรีดลึกลง
บนหัวใจของเขาจนเลือดซิบ ความเป็นเด็กกำพร้าขาดคนเหลียวแลเป็นปมด้อยที่ทำให้ติณณ์ทะเยอทะยานและต้องการเป็นที่รักจนมา
เป็นศิลปินเพียงเพื่อให้ทุกคนได้มองเห็นคุณค่าของเขา รวมถึงความขัดสนในวัยเยาว์ทำให้ติณณ์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขา
ต้องการรวมถึงพาลีด้วย
และตอนนี้สุดเขตเป็นตัวอันตรายสำหรับเขา!
ภาคภูมิลงมือปิดปากคุณนายสมรเพราะเกรงว่าหญิงคนนั้นจะคายความลับเรื่องความสัมพันธ์อันน่าอับอาย ติณณ์มั่นใจใน
อิทธิพลของภาคภูมิจนไม่ได้สนใจในคดีนี้จนกระทั่งได้ยินพาลีเอ่ยถึงเมื่อตอนนั่งที่โต๊ะอาหารเขาจึงฉุกใจคิด ที่แท้พาลีก็เป็นหมอดูที่
คุณนายสมรเคยพูดถึงบ่อยๆแต่ติณณ์ไม่ได้ใส่ใจ ภาคภูมิเคยเล่าให้เขาฟังว่าหมอดูคนนั้นถูกกันไว้เป็นพยานและมีนายตำรวจคอยคุ้มกัน
ภาคภูมิเองก็คิดจะปิดปากหมอดูคนนั้นด้วยการตัดสายเบรกรถยนต์หรือส่งคนไปอุ้มมาจัดการหากแค่นายตำรวจที่ดูแลอยู่ก็แก้ไข
สถานการณ์ได้อย่างน่าเจ็บใจ ดีที่ว่าสามารถป้ายความผิดไปให้เสี่ยพิชัยสามีของคุณนายสมรได้แล้วภาคภูมิจึงพอจะเบาใจลงได้บ้าง
แต่ตอนนี้ติณณ์สงสัยว่านายไข่คนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา เขาเดาว่านายไข่ต้องเป็นตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้
พาลี และดูเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องราวของติณณ์กับภาคภูมิมากกว่าที่คิดไว้ ไวเท่าความคิดติณณ์รีบเข้าไปในรถยนต์และหยิบโทรศัพท์มือ
ถืออีกเครื่องหนึ่งที่ซ่อนไว้ในลิ้นชัก มันมีเบอร์โทรของคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่บันทึกไว้
“คุณ มีเรื่องด่วน ต้องคุยเดี๋ยวนี้”
ติณณ์ถือสายรอภาคภูมิอย่างหงุดหงิดกว่าปลายทางจะกลับมาพูดกับเขาอีกครั้ง
“มีอะไรด่วนขนาดนั้นติณณ์”
ภาคภูมิเองก็หงุดหงิดไม่แพ้กันเพราะเขาอยู่ในงานเลี้ยงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและจำเป็นต้องปลีกตัวมาคุยกับติณณ์
“คุณเคยเล่าให้ผมฟังว่าคดียายสมรมีหมอดูคนหนึ่งเป็นพยานปากสำคัญและมีคนคุ้มครองใช่ไหม ที่ทำให้คุณปวดหัวเพราะ
ไม่แน่ใจว่ายายคุณนายนั่นจะเล่าเรื่องอะไรให้หมอดูฟังหรือเปล่า”
“ใช่ ไอ้ผู้หมวดที่ดูแลพยานมันเก่งเกินกว่าที่ฉันคาดไว้ ก็ไอ้หมอดูคนที่นายไปทำบุญด้วยที่วัดวันนั้นไงล่ะ”
“นั่นแหละ ที่ผมจะบอกคุณ”
ติณณ์รีบพุ่งเป้าทันทีแต่เขาก็ยังไม่วายปกป้องพาลีไว้เพราะความปรารถนาในตัวชายหนุ่ม
“ผมได้ลองคุยกับหมอดูแล้วเขาไม่รู้เรื่องอะไรหรอก แต่ไอ้คนติดตามผมเดาว่าวันต้องเป็นตำรวจคนนั้น มันพูดเหมือนกับว่า
มันรู้เรื่องของเรา ผมว่าคนที่คุณต้องรีบจัดการคือไอ้ตำรวจเวรนั่นต่างหากล่ะ ถ้ามันสืบจริงๆพวกเราซวยแน่”
ภาคภูมิชะงักทันทีเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของติณณ์ ความเครียดยิ่งเข้ามารบกวนจนปวดขมับ
“โอเค มันจะไม่มีทางได้สืบมากไปกว่านี้หรอก ฉันจะจัดการมันเอง”
สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปแล้วแต่ติณณ์ยังนั่งเจ็บใจอยู่ในรถ เขาจะรอวันที่นายไข่ถูกกำจัดและวันนั้นเขาจะต้องได้พาลีมา
ครอบครองให้ได้
มีต่ออีกนิด...