พิมพ์หน้านี้ - <<คดีรักนักดูดวง>>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 23-10-2016 13:48:22

หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-10-2016 13:48:22



ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)2160.0 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
 
 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
 
 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
 ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
 
 เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com/)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
 - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
 - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
 - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
 - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
 - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
  เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
 วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
 
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



                                                                      :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:

                                                                    โปรเจ็คพิเศษ แต่งร่วมกันนักเขียนอีก 3 ท่าน




สารบัญ


บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3497239#msg3497239)
บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3498344#msg3498344)
บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3499780#msg3499780)
บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3501901#msg3501901)
บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3504506#msg3504506)
บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3506704#msg3506704)
บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3507757#msg3507757)
บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3508850#msg3508850)
บทที่ 9.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3514441#msg3514441)
บทที่ 9.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3515575#msg3515575)
บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3519628#msg3519628)
บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3522644#msg3522644)
บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3525519#msg3525519)
บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3526606#msg3526606)
บทที่ 14
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3528810#msg3528810)บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3530948#msg3530948)
บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3532320#msg3532320)
บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3535007#msg3535007)
บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3536830#msg3536830)
บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3538716#msg3538716)
บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3540164#msg3540164)
บทที่ 21(จบแล้วจ้า) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56188.msg3540228#msg3540228)










                                                            :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-10-2016 13:55:45


                                                                คดีรักนักดูดวง

                                                                     บทที่ 1



เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว



               “มีเกณฑ์ทะเลาะเบาะแว้งกับคนใกล้ตัว ถ้าใจเย็นได้ผมก็อยากจะให้ใจเย็นนะครับ ค่อยพูดค่อยจากันดีกว่าอย่าให้มีเรื่อง

รุนแรง อะไรที่ปรับความเข้าใจกันได้ก็ควรทำนะครับ”


               เสียงนุ่มที่เอื้อนเอ่ยคือเสียงของพาลีที่กำลังกล่าวกับสตรีวัยสี่สิบซึ่งยังแต่งตัวสวยพริ้งนั่งอยู่ตรงข้าม  ใบหน้าของพาลีนั้นแม้

จะดูนิ่งสนิทหากแต่ดวงตาของเขาก็ฉายแววอ่อนโยนมีเมตตายามที่กำลังช่วยให้คนมีทุกข์คลายกังวล

               พาลีเป็นหมอดูมืออาชีพ หรือจะเรียกให้ดูดีหน่อยก็เป็นนักพยากรณ์ มันเป็นอาชีพที่เขาสืบต่อมาจากพ่อของพ่อของพ่ออีกที

สรุปก็คือตระกูลของเขาเป็นหมอดูทั้งตระกูลนั่นแหละ ตอนเด็กๆพาลีก็เคยสงสัยว่าทำไมบางคนถึงได้มีทัศนคติเลวร้ายต่ออาชีพนี้


                “หมอดูบางคนถือโอกาสหากินในเวลาที่คนเดือดร้อน คนเราเวลาทุกข์น่ะใครมาพูดอะไรให้ทำอะไรก็เชื่อหมดล่ะขอให้ปัดเป่า

ทุกข์ได้ ก็เลยทำให้หมอดูถูกมองว่าหลอกลวง”


               พ่อของพาลีเคยตอบเช่นนั้นเมื่อเขาตั้งคำถามในยามเด็ก


               “อ้าว แล้วทำไมพ่อยังเป็นหมอดูโดยที่ไม่มีใครต่อว่าล่ะ”


               พาลียังสงสัย พ่อของเขาหัวเราะชอบใจก่อนจะตอบคำถามของเขาอย่างไม่นึกรำคาญ


               “เพราะพ่อตั้งมั่นในความสุจริตใจและอยากจะช่วยให้ทุกข์ในใจของผู้อื่นคลายลงบ้างน่ะสิ จำไว้นะไอ้ลี คนเราน่ะเวลามีความ

สุขจะไม่ค่อยคิดถึงใครหรอก แต่ถ้าเวลาไหนที่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจหรือตัดสินใจกับทางเลือกของชีวิตไม่ได้ นั่นแหละเขาถึงจะมองหา

ที่พึ่งทางใจ แล้วหมอดูอย่างพ่อก็จะเป็นตัวเลือกแรกๆของพวกเขา”


               “แต่บางทีลีก็ไม่เห็นพ่อจะดูดวงอะไรเลยนี่นา แค่นั่งคุยกับลูกค้าแป๊บๆเขาก็ยิ้มได้”


               “บ๊ะ ไอ้นี่ ช่างสังเกตจริง เอ็งเคยได้ยินที่เขาบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจหรือเปล่า คนที่เขาทุกข์มามันก็แสดงออก

มาทางดวงตาและท่าทางของเขา แค่นั่งมองหน้าก็รู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง และเรื่องที่ทำให้ทุกข์ก็มีไม่กี่เรื่องหรอก เรื่องงาน เรื่องความรัก

เรื่องครอบครัว แค่เราพูดจากับเขาดีๆปลอบใจให้เขาเย็นลง บางคนก็ต้องการแค่คนคอยรับฟัง”


               “โห พ่อ งานของพ่อยิ่งใหญ่มาก คล้ายๆหมอรักษาคนที่เป็นโรคจิตเลย”


               พาลีทำตาโตเมื่อเขาเข้าใจแล้วว่าแก่นแท้ของหมอดูคืออะไร


               “แหม ไอ้ลี เอ็งก็ชมจนพ่อจะเหลิง พวกคุณหมอท่านรักษาคนด้วยวิทยาศาสตร์ รักษาไปถึงสารสื่อประสาทในสมองโน่นแน่ะ

แต่พ่อรักษาด้วยโหราศาสตร์และสถิติที่โบราณเขาศึกษามา ซึ่งมันอาจจะมีทั้งผิดและถูก แต่หมอดูก็เป็นแค่โคมไฟเล็กๆที่ช่วยส่องทาง

ตอนที่คนมองเห็นแค่ความมืดมิดเท่านั้นเอง”


               เพราะคำตอบของพ่อทำให้พาลีเริ่มสนใจที่จะศึกษาวิชาพยากรณ์อย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น จวบจนกระทั่งเขาเรียนจบ

มหาวิทยาลัยพาลีก็ไม่เดือดร้อนที่จะหางานทำอย่างเพื่อนคนอื่นเพราะเขามีงานรองรับอยู่แล้วก็คือหมอดูนั่นเอง


               หากคุณต้องการดูดวงกับหมอดูหน้าใหม่ไฟแรงที่โด่งดังเรื่องความแม่นยำ พาลี อินทรวัตร โทรมาสิครับที่ 1900

** *** ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง


               เสียงโฆษณาจากโทรทัศน์ของร้านค้าข้างๆดังแว่วมาให้ได้ยิน ช่วงนี้มีบริการใหม่สำหรับผู้ต้องการดูดวงผ่านโทรศัพท์เพื่อ

ความสะดวกกำลังอยู่ในยุคเฟื่องฟู พาลีเพียงแค่ไปอัดเสียงการดูดวงแบบคร่าวๆไว้เท่านี้ก็ทำเงินและสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นกอบเป็น

กำ เพียงแค่สองปีหลังจากเรียนจบปริญญาตรี พาลีก็มีรายได้เข้ามาจำนวนมากทั้งที่เขาก็คิดค่าดูดวงไม่ได้แพงกว่าหมอดูคนอื่น และยัง

ไม่ได้ขายวัตถุมงคลใดๆทั้งสิ้น


               “คุยกับน้องลีแล้วค่อยสบายใจขึ้นหน่อย”


               สตรีวัยสี่สิบนามว่าสมรถอนหายใจออกมา พาลีสังเกตว่าพักนี้ลูกค้าขาประจำคนนี้คงจะมีเรื่องเครียดหนักดูจากริ้วรอยที่เกิด

ตามใบหน้าและดวงตาช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้อย่างหนัก โดยปกติสมรไม่เคยปล่อยปละตนเองเช่นนี้


               “ช่วงนี้พี่มีเรื่องให้คิดเยอะมากจริงๆ”


               “มีอะไรก็โทรหาผมได้นะครับ ถ้าไม่สะดวกก็แชทมาก็ได้ จำได้ว่าผมเคยแอดเฟรนด์เฟสบุ๊คกับคุณสมรแล้ว”


               คำกล่าวอย่างหวังดีของชายหนุ่มทำให้สมรฝืนยิ้มออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนและดึงธนบัตรปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเงินและส่ง

ให้พาลี


               “โอ๊ะ คุณสมร เงินเยอะไปแล้วครับ”


               พาลีตกใจเมื่อเห็นเงินจำนวนนั้น สมรรีบส่ายหน้าพลางยัดเงินใส่มือพาลี


               “รับไปเถอะค่ะ ถือเสียว่าพี่สบายใจที่จะให้ น้องลีไม่เหมือนหมอดูคนอื่นที่คิดแต่จะเอาเปรียบพี่ เงินเท่านี้ยังน้อยกว่าที่พี่เสีย

เงินโหวตให้นักร้องด้วยซ้ำ”


               สมรคว้ากระเป๋าถือแบรนด์เนมมาคล้องแขน หล่อนยิ้มให้พาลีอีกครั้งแล้วจึงหันหลังไปที่ประตูทางออก พาลียืนมองแผ่นหลัง

ร่างอวบของสาวใหญ่ แต่ทันใดนั้นอะไรบางอย่างก็พุ่งวาบเข้ามาในสมองของเขาจนพาลีสะดุ้ง


               “คุณสมรครับ”


               สาวใหญ่ที่กำลังจะก้าวออกจากประตูชะงักงัน หล่อนหันกลับมามองพาลีด้วยความสงสัย แสงแดดภายนอกสะท้อนเข้าสู่

นัยน์ตาของพาลีจนพร่าไปหมด


               “น้องลีมีอะไรหรือคะ”


               “เอ่อ คือ ช่วงนี้ถ้าคุณสมรมีเวลาก็แวะไปทำบุญที่วัดด้วยนะครับ หรือจะไถ่ชีวิตโคกระบือก็ได้”


               พาลีสะกัดกั้นความรู้สึกกระวนกระวายใจโดยไม่มีสาเหตุเหล่านั้นให้พ้นไปแล้วจึงเอ่ยเตือนสมร เจ้าตัวยิ้มรับก่อนจะเดินออก

ไปจากห้องแถวที่พาลีเช่าไว้เพื่อทำเป็นออฟฟิศสำหรับดูดวง


               ความรู้สึกแปลกๆเช่นเมื่อครู่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก มันเหมือนจุดเล็กๆที่เกิดขึ้นก่อนจะสว่างวาบขึ้นมาและมันทำให้เขาเป็นกังวล

โดยจับจุดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และหลังจากนั้นไม่นานก็มักจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่รุนแรงตามมา ครั้งร้ายแรงที่สุดก็คงจะเป็นก่อน

หน้าที่แม่ของพาลีจะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา


               “เขาเรียกว่าลางสังหรณ์” พ่อของพาลีอธิบายให้ฟัง “มันเกิดขึ้นเป็นการเตือนให้เราระวังไม่ว่าเรื่องที่จะเกิดในอนาคตจะร้าย

หรือดีก็ตาม”


               ไอ้เจ้าลางสังหรณ์ไม่ได้มาเยือนพาลีนานแล้ว แต่อยู่ๆวันนี้พาลีกลับรู้สึกถึงมัน การมีลางสังหรณ์ก็ไม่ใช่เรื่องดีนักเพราะเดาไม่

ถูกเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันกลายเป็นความยุ่งยากกระวนกระวายจนไม่อาจสลัดออกจากหัวได้ เขาวิ่งกลับไปที่โต๊ะดูดวงและค้นหา

ประวัติของสมร เมื่อสักครู่พาลีดูดวงของสมรด้วยไพ่ยิบซี หากแต่ตอนนี้พาลีค้นวันเดือนปีเกิดของสมรที่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์แล้วคำ

นวนด้วยการโคจรของดวงดาวอย่างรวดเร็ว

               ดาวเจ้าเรือนของสมร โคจรอยู่ในภพมรณะ และในวันนี้ดาวอังคารกำลังทำมุมให้โทษอยู่กับลัคนาซึ่งยิ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของ

ดวงชะตาอยู่ในช่วง “ชะตาถึงฆาต”


               พาลีตกใจที่ไม่ได้ดูดวงชะตาเพิ่มให้กับสมร แต่เขาก็ปลอบใจตนเองว่าอาจจะคิดมากเกินไป ทั้งที่อีกใจพาลีก็ยังวิตกกับลาง

สังหรณ์ของเขา


                  นึกเป็นห่วงลูกค้าขาประจำ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่อาจจะห้ามในสิ่งที่เบื้องบนลิขิตมา พาลีมีหน้าที่แค่เตือนให้สมรรับมือมัน


ให้ดีที่สุดเท่านั้น




               พาลีลืมเรื่องลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเขาต้องให้ความสนใจกับลูกค้าที่นัดไว้คิวต่อไป การทำนายไม่ยุ่งยากมากนักเมื่อลูกค้า

มีเรื่องให้ตัดสินใจในธุรกิจ พาลีให้คำแนะนำแก่ลูกค้าจนใกล้จะจบการทำนายเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา


               “อ้าว คุณหมอลีมีธุระเสียแล้ว”


               อาเสี่ยนักธุรกิจลูกค้าของพาลีเอ่ยขึ้น เขาลุกขึ้นยืนและจ่ายเงินให้พาลี


               “ผมไม่กวนละครับ แค่นี้คุณหมอลีก็ช่วยแนะนำทางเลือกให้ผมมากเลย”


               “ขอบคุณครับเสี่ย”


               พาลีกล่าวตามหลังจนลูกค้าออกจากร้านเขาก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา


               “อ้าว เบอร์คุณสมรนี่ มีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า”


               กดรับด้วยความสงสัย และกรอกเสียงตามลงไป


               “พาลีพูดครับคุณสมร”


               คิ้วเข้มเหนือดวงตาเรียวย่นเข้าหากันเมื่อไร้เสียงตอบจากอีกฝั่ง กลับมีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ออกมาจากฝั่งของสมรและ

เสียงเครื่องยนต์เหมือนว่าสมรกำลังขับรถยนต์ไปด้วย


               “คุณสมรครับ นี่ผมเองพาลี มีอะไรหรือเปล่า”


               น่าสงสัยมากขึ้นเมื่อสมรยังไม่ตอบกลับมา หากแต่อยู่ๆพาลีก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงรถเบรคกะทันหัน


               “อย่า อย่านะ กลัวแล้ว”


               เกิดอะไรขึ้น!


               พาลียืนอึ้งและกำโทรศัพท์ไว้แน่น เสียงลนลานของสมรทำให้เขาตื่นเต้นจนฝ่ามือชื้นเหงื่อ


               “อย่าทำฉันเลย ฉะ ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใคร ยะ อย่า!”


               เปรี้ยง!!!

               พาลีสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงคำรามลั่นดังมาจากปลายทางของโทรศัพท์ เขาตกใจจนหน้าซีด


               “อีนังนี่มันใช้โทรศัพท์โทรออกด้วยนาย”


               ยังคงมีเสียงลอดออกมา หากแต่คราวนี้ไม่ใช่เสียงของสมรแน่นอนเพราะมันเป็นเสียงห้วนๆของผู้ชาย พาลีคิดอะไรไม่ออก

นอกจากยืนนิ่งฟังเสียงนั้นโดยไม่กล้าตอบโต้ มีแต่ความเงียบอึดใจก่อนจะมีเสียงทุ้มหากแต่น่าเกรงขามดังออกมาอย่างชัดเจนราวกับ

เขาคนนั้นกำลังพูดกับพาลี


               “นั่นใคร”


               พาลีเพิ่งได้สติ เขารีบปิดโทรศัพท์ทันทีพร้อมทั้งถอดฝาเครื่องเพื่อนำซิมการ์ดออก พาลีทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยอาการแข้ง

ขาสั่นเทา หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นในสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขานั่งซึมอยู่อีกพักใหญ่จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของ

ร้านค้าที่อยู่ติดกัน


               “พ่อหมอลี มาดูข่าวนี่เร็ว ข่าวด่วน”


               พาลีวิ่งออกจากห้องของเขาไปยังร้านค้าข้างๆ และภาพจากรายงานข่าวด่วนในโทรทัศน์ทำให้พาลีตกใจแทบสิ้นสติ


               “นี่มันลูกค้าพ่อหมอลีที่เพิ่งจะมาเมื่อตอนบ่ายนี่ โธ่เอ๋ย ไม่น่าเลย อายุสั้นจริงๆ”


               พาลีได้แต่จ้องมองภาพข่าวที่รายงานว่านางสมรภรรยาของนักธุรกิจดังชื่อพิชัยถูกยิงเสียชีวิตในซอยเปลี่ยว โดยตำรวจที่เป็น

เจ้าของคดีพุ่งเป้าไปในเรื่องชู้สาวและปัญหาครอบครัว สมองของพาลีตื้อไปหมดเมื่อคิดถึงลางสังหรณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก่อนที่สมรจะกลับ

ไปและเหตุร้ายก็เกิดขึ้นจริงๆ


               อะไรก็ไม่เท่ากับเสียงไซเรนรถตำรวจบาดแก้วหูวิ่งมาจอดอยู่หน้าห้องแถว คนที่ยืนอยู่แถวนั้นต่างก็หันมามองเป็นตาเดียวเมื่อ

มีตำรวจหลายคนก้าวลงมาจากรถแล้วพุ่งความสนใจมาที่พาลี


               “คุณใช่หมอดูที่ชื่อพาลีหรือเปล่าครับ”


               นายตำรวจคนหนึ่งเอ่ยกับเขา พาลีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น


               “ใช่ครับ ผมเองพาลี”


               “มีรายงานว่าคุณนายสมรที่เพิ่งจะถูกยิงเสียชีวิตมาหาคุณเป็นคนสุดท้าย เพราะฉะนั้นผมขอเชิญคุณไปให้ปากคำที่โรงพัก

ด้วยครับ”





               พาลีนั่งนิ่งอยู่ที่ฝ่ายสืบสวนของสถานีตำรวจพื้นที่เกิดเหตุ เขาให้ปากคำตามความเป็นจริงว่าสมรเป็นลูกค้ามาให้เขาดูดวงเป็น

ประจำและวันนี้ก็เช่นกัน


               “ด้วยจรรยาบรรณของอาชีพแล้วผมไม่ควรจะเล่าเรื่องส่วนตัวของลูกค้าให้คนอื่นรู้ ผมบอกได้เพียงว่าคุณสมรมีปากเสียงกับ

สามีรุนแรงกว่าทุกครั้ง แต่เขาทะเลาะเรื่องอะไรนั้นผมก็ไม่ทราบ”


               เมื่อข่มความตื่นเต้นได้แล้วพาลีก็กลับมาเป็นชายหนุ่มหน้านิ่งเช่นเคย เขาให้ข้อมูลด้วยใบหน้าเรียบเฉย นายตำรวจคนที่พา

พาลีมาที่นี่จึงก้าวออกไปนอกห้องพักใหญ่ ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง


               “คุณมีพยานบุคคลยืนยันชัดเจนว่าคุณอยู่ที่ร้านของคุณตลอดเวลา ดังนั้นเรื่องที่คุณเป็นคนลงมือก็ตัดทิ้ง”


               พาลีลอบถอนหายใจออกมา เขาสบตากับนายตำรวจที่มีป้ายชื่อติดหน้าอกว่า ร.ต.อ.สมบัติ แล้วเอ่ยปากถาม


               “งั้นผมก็กลับได้แล้วสิครับผู้กอง”


               “ยัง” คำตอบนั้นทำให้ใจของพาลีเหี่ยวลงอีก


               “ถึงแม้คุณจะไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย แต่ว่าคุณเป็นคนที่คุณสมรให้ความไว้วางใจมากที่สุดในช่วงนี้ คุณจึงถูกกันตัวไว้เป็นพยาน

ปากสำคัญ และคุณจะถูกส่งชื่อให้อยู่ในการคุ้มครองพยานด้วย”


               “คุ้มครองพยาน?”


               พาลีทวนคำด้วยความไม่เข้าใจ ผู้กองสมบัติจึงได้ไขข้อข้องใจให้เขา


               “ใช่ เราจะให้ตำรวจที่มีหน้าที่คุ้มครองพยานมาคอยดูแลคุณเพื่อความปลอดภัย เข้ามาได้แล้วเขต”


               ประตูห้องสืบสวนถูกผลักพร้อมกับมีร่างสูงในชุดเครื่องแบบตำรวจก้าวเข้ามายืนทำความเคารพผู้กองสมบัติ


               “ผมขอแนะนำให้รู้จักกัน นี่คือนายตำรวจที่จะทำหน้าที่ดูแลคุณ ผู้หมวดสุดเขต”


               พาลีเงยหน้าขึ้นมองทันควันและเขาก็ได้สบตากับดวงตาคมที่ก้มต่ำจ้องมองเขาที่ยังนั่งนิ่ง เมื่อนัยน์ตาสบกันพาลีก็อยากจะ

ถอนหายใจออกมาดังๆไม่ต่างอะไรกับร่างสูงที่ขมวดคิ้วจนแทบจะชนกันเมื่อเห็นหน้าพาลี


               โลกกลมแท้ๆ

               ใครจะคาดคิดว่าพาลีจะได้มาพบเจอกับคนๆนี้อีกครั้ง

               ร.ต.ท.สุดเขต สุทธิภาค อดีตเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมปีที่สี่ของพาลี






                                              TBC
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 23-10-2016 14:29:47
สนุกค่ะ น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-10-2016 14:40:25
น่าอ่านมากค่ะ ตอนแรกคิดว่าตัวเอกอาจจะเป็นลูกชายคุณสมร กลายเป็นตำรวจซะงั้น ฮา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 23-10-2016 15:10:27
มีอดีตร่วมกันซะด้วย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 23-10-2016 16:25:17
เคยอ่านเรื่องประมาณนี้ ชอบมากๆๆๆๆ มาต้อเร็วไนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 23-10-2016 18:01:28
น่าติดตามมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 23-10-2016 18:40:45
 :hao3: หมอดูกับคุณตำรวจ น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 23-10-2016 18:59:01
ได้กลิ่นความสนุกของนิยายเรื่องนี้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-10-2016 19:47:46
เปิดเรื่องน่าสนใจอีกแล้ว

ปล.อันนี้เป็นแฟนฟิคป่าวเอ่ย พาลีนามสกุลเดียวกับต้อลเลย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-10-2016 21:28:22
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 1 [23/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-10-2016 23:39:19
 :mc4:
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-10-2016 21:12:56


                                                                     คดีรักนักดูดวง

                                                                           บทที่ 2


               สุดเขตขมวดคิ้วขณะจ้องมองพยานปากเอกที่เขาต้องให้ความคุ้มครองตามคำสั่งที่ได้รับมาตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เมื่อเห็น

ใบหน้านั้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วเขาก็นึกอยากจะสบถอะไรบางอย่างออกไปต่อหน้าเจ้านาย แต่เขาฝืนเก็บมันไว้บนใบหน้าบึ้งตึง


               “ไอ้ผู้ใหญ่ลี!”


               นั่นเป็นเพียงวลีที่หลุดออกมาจากปากแต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สมบัติเอ่ยอย่างแปลกใจ


               “อ้าว นี่รู้จักกันมาก่อนเหรอ”


               สุดเขตนึกอยากจะเขกหัวตัวเองที่เผลอแสดงอาการจนผู้บังคับบัญชามองเห็น เขาจึงตอบรับกลับไปสั้นๆแต่ท่าทางสมบัติจะ

พอใจมาก


               “รู้จักกันมาก่อนก็ดีแล้ว เอ็งจะได้ทำงานง่ายขึ้นไงเขต เอาละ ตามสบายกันทั้งคู่นะ ผมต้องไปตามงานต่อ ตอนนี้คดีคุณสมร

กลายเป็นที่จับตามองเพราะข่าวทีวีเล่นหนักมากแต่กลับมีเบาะแสอยู่ไม่กี่อย่าง เจ้านายระดับสูงขึ้นไปเขาก็ถูกกดดันมาเยอะถึงได้มา

กำชับเราอีกที เพราะงั้นไอ้เขตต้องดูแลพยานให้ดีอย่าให้มีปัญหา เข้าใจไหม”


               “ครับผม!”


               ตบเท้าชิดทำความเคารพพร้อมขานรับคำสั่งขณะสมบัติก้าวออกไปจากห้องทิ้งให้สุดเขตอยู่เพียงลำพังกับพยานปากเอกที่นั่ง

นิ่งจนสุดเขตแอบแช่งให้ตะคริวกิน และเมื่อได้อยู่ด้วยกันสองคนสุดเขตก็แอบเบ้ปาก เขาเดินวนไปรอบพาลีพลางแอบพิจารณาอดีต

เพื่อนร่วมห้องตามนิสัยตำรวจเช่นเขา


               ส่วนสูง สูงกว่าเดิม น่าจะราวๆร้อยเจ็ดสิบถึงร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นติเมตรตามมาตรฐานชายไทย เนื้อตัวก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อใดๆ

เมื่อเทียบกับเขาที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สุดเขตจำได้ว่าพาลีไม่ชอบออกกำลังกายในวิชาพละ เขามักจะเห็นไอ้หมอนี่อยู่ท่ามกลาง

หนังสือการ์ตูนที่หอบใส่กระเป๋ามาโรงเรียนเสียมากกว่า


               หน้าตา เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความกวนตีน

               สุดเขตนึกถึงใบหน้าตอนที่คุณครูประจำชั้นให้ออกไปแนะนำตัวหน้าห้องทีละคนในวันเปิดเทอมใหม่ได้ พาลีคนนี้แหละที่ออก

ไปยืนแล้วทำหน้านิ่งปราศจากความตื่นเต้นที่จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ในชีวิตชั้นมัธยมปลายดังเช่นคนอื่นๆในห้อง


               “เราชื่อพาลี มาจากห้องสามโรงเรียนนี้แหละ”


               เสียงฮือฮาดังหึ่งไปทั่วห้องเมื่อรู้ว่าพาลีมาจากมัธยมต้นห้องสาม เพราะห้องนั้นถือได้ว่าเป็นห้องอันดับบ๊วยสุดของรุ่น และ

เป็นการยากที่เด็กห้องบ๊วยจะได้เข้ามาเรียนมัธยมปลายในห้องเรียนสายวิทย์คณิตเช่นตอนนี้

               ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สะทกสะท้านสักนิดที่กลายเป็นเป้าสายตา สุดเขตที่ไปจับจองโต๊ะตัวกลางฝั่งริมหน้าต่างตั้งแต่เช้าเท้า

แขนมองคนยืนหน้าชั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าและมองกลับตั้งแต่เท้าจรดหัว ก่อนจะหยุดมองหน้านิ่งๆที่เดาไม่ถูกว่าเจ้าของมันกำลังคิดอะไร

อยู่


               “ไง” สุดเขตเอ่ยทักขณะที่เขานั่งหมิ่นอยู่ตรงขอบโต๊ะแล้วก้มหน้ามองอีกฝ่ายที่อยู่ในระดับต่ำกว่าสายตา


               “ไม่เจอกว่าสิบกว่าปีได้ล่ะมั้ง ไหงมาเจอกันสภาพแบบนี้ล่ะวะ”


               พาลีเหลือบตามองขึ้นบนพลางจ้องตากลับกับบุคคลที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาข้องเกี่ยวกันอีก อันที่จริงเขารู้จักกับสุด

เขตเพียงแค่ปีเดียวเมื่อตอนม.สี่เพราะหลังจากนั้นสุดเขตสอบติดโรงเรียนเตรียมทหารและลาออกไป พาลีได้ข่าวจากเพื่อนในห้องที่เคย

อยู่กลุ่มเดียวกับสุดเขตในอีกหลายปีถัดมาว่าเมื่อจบโรงเรียนเตรียมทหารแล้วสุดเขตเลือกที่จะไปเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยสามพราน

นั่นเป็นข่าวสุดท้ายที่พาลีรับรู้จนกระทั่งได้มาพบกับสุดเขตอย่างไม่คาดฝันในวันนี้


               “ไม่ไง” พาลีโต้กลับ “คิดว่าในสถานการณ์แบบนี้กูอยากเจอใครงั้นสิ”


               “ก็ช่วยไม่ได้ กูได้ข่าวว่ามึงหากินกับอาชีพหมอดูอย่างที่บ้านมึงทำอยู่นี่หว่า ไอ้อาชีพนี้ถ้าไม่เสือกเรื่องชาวบ้านจริงทำไม่ได้

นะโว้ย”


               ปากหมา

               พาลีขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจกับคำพูดส่อเสียดเหยียดหยันคนอื่น แม้ว่าจะไม่พบเจอกันมาหลายปีแต่สุดเขตก็ยังคงพูด

อะไรโดยไม่เคยใช้สมองเหมือนในอดีตไม่มีผิด มันทำให้ความทรงจำของพาลีย้อนไปถึงสมัยที่เขาต้องแยกจากเพื่อนสนิทเมื่อเรียนจบ

มัธยมต้น ต่างคนก็ต่างมีทางเดินของตัวเอง โดยที่เขานั้นมีคะแนนเพียงพอที่จะเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมปลายของโรงเรียนเดิม แถมยังได้

เรียนสายวิทย์คณิตอีกต่างหาก กลายเป็นที่เชิดหน้าชูตาของเพื่อนๆในห้องที่ผลคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนขึ้นชื่อว่าเป็นห้องบ๊วยของชั้นปี


               “แม่ง ไอ้ผู้ใหญ่ลีมันเก่งชิบหาย”


               ไอ้ซีซั่นตบบ่าพาลีเสียงดังป๊าบเมื่อรู้ว่าหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทสอบเข้าสายวิทย์ได้


               “เออ เหี้ย ใครจะนึกว่าคนห้องเราสอบเข้าสายวิทย์ได้วะ มึงต้องทำให้ไอ้พวกเด็กเรียนห้องอื่นมันเอ๋อแดกในความสามารถ

ของมึงเลยนะโว้ย”


                ไอ้บอมให้กำลังใจตามติด มันแค้นที่คนอื่นมักจะมองว่าพวกมันมีแต่พวกเหลวไหล


              “เราว่าผู้ใหญ่ลีเก่งอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยแสดงออก แค่ทำตัวเหมือนเดิมแบบนี้ก็ไม่มีใครทำอะไรผู้ใหญ่ลีได้แล้วล่ะ”


               ปภพเพื่อนที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มให้กำลังใจด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม พวกเขาทั้งสี่เป็นกลุ่มที่สนิทกันที่สุดในห้องก่อนที่ทุก

คนจะแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองเมื่อเริ่มต้นภาคเรียนใหม่

               และในวันเปิดเทอมวันแรกของม.สี่นั่นเองที่ทำให้พาลีได้สบตากับสุดเขตซึ่งก็อยู่โรงเรียนเดียวกันมาแต่คนละห้อง สุดเขตนั้น

เรียนอยู่ในห้องที่มีผลการเรียนระดับต้นๆแถมยังเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเนื้อหอมจนใครๆก็ได้ยินชื่อ พาลีเองก็

ไม่พ้นเคยฟังชื่อเสียงจากแม่พวกสาวๆนักเรียนหญิงมาบ้างแต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก จนกระทั่งเขาหันไปสบตากับดวงตาคมคู่นั้นที่จ้อง

มองมาจากโต๊ะริมหน้าต่าง

                  โดยนิสัยของพาลีเรียกได้ว่าเป็นคนเงียบๆเฉยๆมาตั้งแต่เด็กแล้ว เขามักจะมีโลกส่วนตัวอยู่กับกองหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือ

เรียน พาลีชอบเก็บความรู้สึกไว้กับใบหน้ามึนๆจนไม่เคยมีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรยกเว้นเพื่อนสนิทในกลุ่มที่จะรู้ว่าอันที่จริงในสมองของเขามี

ข้อมูลอยู่มากมาย แถมยังคอยเป็นฝ่ายเสนาธิการวางแผนให้เวลาเพื่อนในห้องจะยกพวกไปตีกับนักเรียนห้องอื่นหรือโรงเรียนอื่นด้วยซ้ำ

               พาลียักไหล่ให้กับเสียงฮือฮาเมื่อรู้ที่มาของเขาก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองที่พาลีเลือกโต๊ะตัวที่อยู่ท้ายห้องอันเป็น

ตำแหน่งโปรด จากตำแหน่งนี้ทำให้พาลีสามารถมองเห็นเพื่อนๆในห้องได้ทั่วทุกมุม และทำให้พาลีมองเห็นแผ่นหลังของสุดเขตด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปพาลีก็รู้ว่าสุดเขตชอบเท้าแขนข้างหนึ่งไว้กับขอบหน้าต่างและมักจะหันไปมองทิวทัศน์ข้างนอกถ้าคุณครูสอนไม่ถูกใจ

               พาลีไม่ใช่คนดังของห้อง เขาไม่ใช่คนหน้าตาดีที่สุด ไม่ใช่คนเก่งที่สุด พาลีเป็นแค่เด็กหลังห้องที่ตั้งใจเรียนบ้างไม่ตั้งใจบ้าง

วิชาไหนที่พาลีไม่ชอบเขาก็แอบก้มหน้าไปอ่านการ์ตูนที่พกใส่กระเป๋ามาจากบ้าน เขาเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องวันพีชและบลีชตัวยงพอๆกับที่

ชอบอ่านโดราเอมอนและนินจาฮาโตริ โดยเฉพาะวิชาพละที่เขาทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่เหมือนสุดเขตที่ชอบเริงร่าท้าแสงแดดจน

ผิวกลายเป็นสีเข้มแต่มันกลับทำให้สุดเขตดูดีมากขึ้นไปอีกในสายตาสาวๆที่มายืนกรี๊ดอยู่ริมสนาม


               “ทำไมมึงไม่ไปเล่นบาส”


               สุดเขตเคยถามเขาอยู่วันหนึ่งเมื่อพาลีวิ่งชู้ตลูกบาสลงห่วงแค่พอให้ผ่านเกณฑ์ให้คะแนนของอาจารย์หลังจากนั้นก็หาที่

หลบมุมนั่งอ่านโคนันเล่มใหม่ พาลีเหลือบตาขึ้นจากหนังสือการ์ตูนแล้วมองสุดเขตด้วยความสงสัย


               “แล้วถ้ากูนั่งอ่านโคนันอยู่ตรงนี้โดยไม่ไปเล่นบาส ลูกบาสของมึงจะกลายเป็นลูกสี่เหลี่ยมหรือหรือไง”


               “เหี้ย” สุดเขตชักสีหน้าใส่เขา “กูแค่เห็นมึงแม่งชอบทำตัวเป็นโอตาคุ ระวังผลการเรียนของมึงให้ดีเหอะ อย่าให้มันตกต่ำจน

ทำให้ห้องตกมีนก็แล้วกัน”


               นั่นเป็นไม่กี่ครั้งที่พาลีและสุดเขตได้คุยกัน พาลีก็ทำตัวเช่นเดิมจนกระทั่งผลการสอบปลายภาคที่หนึ่งออก ปรากฏว่าเกรด

เฉลี่ยของพาลีแม้จะไม่ใช่ที่หนึ่งของห้อง แต่ตัวเลขหลังจุดทศนิยมมันกลับมากกว่าเกรดของสุดเขตไปอีกเล็กน้อย นั่นเองที่ทำให้สุด

เขตเสียหน้า เขาตรงเข้ามาหาและทุบโต๊ะของพาลีดังปังเพื่อเรียกให้พาลีเงยหน้าขึ้นมองสุดเขตที่ใช้สองมือเท้าโต๊ะของพาลีด้วยกิริยา

คุกคาม


               “ไอ้ผู้ใหญ่ลี”


               สุดเขตเรียกฉายาของพาลีตามที่เคยได้ยินเพื่อนจากห้องเก่าเรียก


               “กูเห็นมึงเอาแต่อ่านการ์ตูนไม่เคยเห็นจับหนังสือเรียน แล้วทำไมเกรดมึงออกมาเยอะกว่าของกู ถามจริงว่ามึงไปแอบอ่าน

หนังสือเรียนตอนไหนทำไมพวกกูไม่รู้วะ”


               พาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขามองคำถามของสุดเขตว่าไร้สาระมาก


               “เอาเวลาที่คอยไปเสือกเรื่องของคนอื่นว่าเขามีวิธีการอ่านหนังสือยังไงนั่นแหละมาอ่าน”


               พาลีพิงแผ่นหลังไปกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆแล้วคลี่ยิ้มที่มุมปาก หากแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนที่มีจุดเดือดต่ำ

อย่างสุดเขตเกิดอาการควันออกหู


               “มีความจำเป็นยังไงกูถึงต้องไปอ่านหนังสือให้คนอื่นเห็นด้วยวะ”


               “มึงแม่งกวนตีน!”


               สุดเขตด่าเขา แต่พาลีก็แค่นิ่งมองการกระทำนั้นอย่างใจเย็น


               “เทอมต่อไปกูต้องชนะมึงให้ได้ คอยดู”


               พาลีส่ายหน้าอย่างระอากับอาการพาลของสุดเขต แต่หลังจากนั้นสุดเขตก็ไม่ได้มายุ่งกับเขาอีก พาลีทำตัวเช่นเดิมเพราะเขา

ถือว่าการเรียนคือการแข่งกับตัวเองไม่ใช่ไปแข่งกับคนอื่น จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงปลายปีการศึกษา สุดเขตสามารถทำคะแนนนำพา

ลีไปได้แต่พาลีก็ไม่ได้อยู่ในห้องในวันสุดท้ายของภาคเรียนเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับแม่ของพาลี


               พาลีช่วยบิดาจัดงานศพที่มีผู้มาร่วมงานจำนวนมากทุกคืน อาจเป็นเพราะพ่อของเขาเป็นหมอดูชื่อดังรวมถึงเป็นมัคทายก

ของวัดแถวบ้านด้วย เมื่อคนทราบข่าวจึงมากันเยอะ รวมถึงเพื่อนสนิทและเพื่อนในชั้นเรียน พาลีเห็นสุดเขตอยู่แวบๆว่ามากับครอบครัว

ของสุดเขตแต่เขาก็ไม่มีเวลาไปทักทาย และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบหน้าสุดเขต พาลีเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าสุดเขตสอบเข้าไปเรียน

ที่โรงเรียนเตรียมทหารได้ พาลีเองก็ไม่นึกว่าการพบหน้ากันอีกครั้งจากวันนั้น เขาจะมาเจอกับสุดเขตในสถานการณ์เช่นนี้ที่พาลีต้องอยู่

ในการดูแลของสุดเขต

               พาลีข่มความไม่พอใจเอาไว้เมื่อได้ยินคำพูดที่แซะไปถึงครอบครัว เขาเลิกคิ้วพลางย้อนกลับคำพูดของสุดเขต


               “ยังดีนะที่กูเสือกเพราะอาชีพ อย่างบางคนนี่ไม่ใช่อาชีพแต่ชอบเสือก”


               สุดเขตเดือดปุด เขาทำท่าจะเอ่ยปากต่อว่าหากไม่มีเสียงเคาะประตูห้องมาขัดจังหวะเสียก่อน ประตูห้องถูกเปิดออกและมี

ตำรวจร่างท้วมหน้าตาอารมณ์ดีก้าวเข้ามาในห้อง


               “เอกสารที่คุณพยานต้องเซ็นมาแล้วครับหมวด”


               แฟ้มสีดำถูกวางต่อหน้าพาลี ชายหนุ่มมองผู้มาใหม่อย่างสงสัย


               “สวัสดีครับ ผมจ่าสมชายเป็นลูกน้องของหมวดสุดเขต อยู่ในทีมคุ้มกันพยานครับพ้ม”


               จ่าสมชายตะเบ๊ะแข็งขัน ทำให้พาลีคลายความตึงเครียดลงได้มากเขาจึงยิ้มบางๆส่งให้จ่าสมชายและทักทายอย่างมีมารยาท

จนสุดเขตนึกค่อนอยู่ในใจ


               ทีคนอื่นล่ะทำเป็นยิ้ม ทีกับเขาถ้าไม่เถียงกันให้ตายก็ไม่ใช่สุดเขตกับพาลีสินะ


               “เซ็นเอกสารให้เรียบร้อย” สุดเขตเอ่ยเสียงแข็ง “ต่อจากนี้มึงจะต้องอยู่ในการดูแลของทีมกูยี่สิบสี่ชั่วโมงจนกว่าจะหาเบาะ

แสนคดีฆ่าคุณนายสมรและจับผู้ต้องสงสัยได้”


               แม้ว่าจะไม่เต็มใจนักแต่พาลีก็จำเป็นต้องเซ็นเอกสารทางราชการตามที่สุดเขตสั่งจนเสร็จเรียบร้อยจึงวางปากกาลงและส่ง

เอกสารคืนให้จ่าสมชาย


               “เสร็จแล้วก็ไป”


               “ไปไหน”


               พาลีงงงัน สีหน้าของเขาทำให้สุดเขตจุ๊ปากอย่างหงุดหงิด


               “มึงพักที่ไหน กูก็ไปกับมึงที่นั่นแหละไอ้ผู้ใหญ่ลี”
               



มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-10-2016 21:17:15
ต่อกันตรงนี้...


             พาลีพาสุดเขตและลูกน้องอีกสองคนเดินทางกลับมายังตึกแถวที่เขาเช่าอยู่เพราะพาลีพักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของตัวตึกด้วย หลัง

จากที่พาลีเรียนมหาวิทยาลัยพ่อของพาลีขอมีภรรยาคนใหม่แทนที่แม่ของเขา พาลีเข้าใจผู้เป็นพ่อดีเขาจึงไม่ได้ห้ามปราม กับภรรยาคน

ใหม่ของพ่อก็เป็นมิตรกันได้ แต่เพราะมหาวิทยาลัยอยู่ไกลบ้านพาลีจึงเช่าหอพักอยู่ พอเรียนจบเขาก็ขอแยกตัวมาเช่าห้องแถวและอาศัย

อยู่เพียงคนเดียวที่นี่ พาลีกลับบ้านไปหาบิดาบ่อยครั้งจนไม่ใช่ว่าห่างเหินกัน เขายังรักและเคารพพ่ออยู่เสมอ

               สุดเขตปล่อยให้ลูกน้องตรวจตราอยู่ภายนอกตามหน้าที่ ส่วนเขาก้าวตามเข้ามาภายในห้องโถงของตึกแถวขนาดคูหาเดียว

พลางสำรวจด้วยสายตาอย่างรวดเร็ว เขานึกชมการจัดห้องของพาลีอยู่ในใจอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าพาลีเลือกทาสีด้วยสีอ่อนสบายตา

ทำให้ห้องดูกว้าง เฟอร์นิเจอร์มีโต๊ะเก้าอี้หันหาเข้าหากัน ห่างออกไปมีโซฟารับแขกชุดไม่ใหญ่มากนักตั้งอยู่ บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์

สำหรับทำงาน เมื่อสำรวจโดยรอบแล้วสุดเขตก็หันมาถามพาลีที่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำหลังโต๊ะดูดวง


                 “มึงอยู่คนเดียว?”


                ถามทำไมวะ


               “เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นสักตัวไหมล่ะ”


               สุดเขตย่นหัวคิ้วอย่างไม่ชอบใจนักเมื่อได้ยินคำตอบจากพาลี


               “มึงจะตอบกูโดยไม่ยอกย้อนได้ไหมไอ้ลี ถ้ากูถามมึงก็แค่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ แค่นี้ ทำเป็นหรือเปล่า”


               เสียงคาดคั้นของสุดเขตทำให้พาลีไม่พอใจอยู่มาก เขานั่งนิ่งเกร็งตัวจนสุดเขตมองออกจนสุดเขตต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจ


               “เออ กูขอโทษที่ตวาดใส่มึง นี่ไอ้ผู้ใหญ่ลี กูรู้ว่ามึงไม่ชอบหน้ากู กูเองก็ไม่ได้ถูกชะตากับมึงหรอก แต่ตอนนี้กูกับมึงจำเป็น

ต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกพักใหญ่ กูว่าเราควรจะสงบศึกกันไว้ก่อน”


               คำพูดเป็นงานเป็นการของสุดเขตทำให้พาลีจำเป็นต้องยอมรับ น้ำเสียงดุดันจากโทรศัพท์ที่ได้ยินหลังเสียงปืนนั้นทำให้พาลี

หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ตอนนี้คนที่จะคุ้มครองเขาได้ก็เห็นจะต้องพึ่งพาอดีตเพื่อนของเขาเท่านั้น


               “ไหนมึงลองเล่าเรื่องให้กูฟังทีสิ”


               สุดเขตก้าวมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับพาลี เข้านิ่งฟังเรื่องที่พาลีเล่าเกี่ยวกับคุณนายสมรภรรยาของเสี่ยพิชัยที่เป็นลูกค้า

ประจำของพาลี สมรมักจะมีปากเสียงกับเสี่ยพิชัยอยู่บ้าง หากแต่ช่วงนี้มันหนักข้อจนสมรเครียดจัด


               “คุณสมรมาดูดวงตอนสายๆแล้วก็กลับไป จนถึงตอนบ่ายที่มีสายเข้า กูเห็นเป็นเบอร์คุณสมรโทรมาก็เลยกดรับเพราะเขาก็โทร

นัดเวลากับกูประจำ แต่คราวนี้คุณสมรไม่ได้พูดกับกู”


               พาลีกลืนน้ำลายลงคอเมื่อนึกถึงเหตุอันน่าหวาดกลัว


               “มันเหมือนคุณสมรเขากดโทรหากูโดยไม่รู้ตัวมากกว่า แต่มันทำให้กูได้ยินเสียงว่ะ กูได้ยินเสียงร้องไห้ของคุณสมร เสียงรถ

เบรกและเสียงปืน ตอนนั้นกูช็อกจนไม่ทันวางสาย อยู่ๆก็มีเสียงผู้ชายใช้โทรศัพท์คุณสมรถามว่ากูคือใคร กูก็รีบปิดเครื่องและถอดซิมทิ้ง

ดีที่ว่าซิมเบอร์ที่กูใช้เป็นซิมเติมเงิน”


               “มึงลงทะเบียนซิมหรือเปล่า” สุดเขตถามเสียงเครียด พาลีส่ายหน้า


               “ยังไม่ได้ลงทะเบียนซิม ว่าจะไปลงทะเบียนแต่ยังไม่มีเวลาไป”


               “ถ้างั้นมันอาจจะยังตามหาตัวมึงไม่ได้ โทรศัพท์ของมึงก็รุ่นพระเจ้าเหาครองราชแบบนี้คงจะตามตัวมึงยากหน่อย เอาซิมมา

ให้กู”


               พาลีหยิบซิมการ์ดที่เขาโยนใส่ลิ้นชักไว้ออกมาให้สุดเขต


               “คุณนายสมรมาดูดวงกับมึงเรื่องอะไรบ่อยที่สุดวะ”


               พาลีกรอกตาไปมา ความเป็นหมอดูมืออาชีพทำให้เขาไม่อยากจะบอกเรื่องส่วนตัวของลูกค้ากับใคร แต่ครั้งนี้เป็นความจำเป็น

ที่เขาต้องบอกสุดเขต


               “เรื่องความรัก เขามาให้กูดูว่าความรักจะสมหวังไหม”


               “แล้วคุณนายสมรจะมาดูเรื่องความรักทำไมในเมื่อคุณนายแกมีผัวแล้วคือเสี่ยพิชัย”


               “มันก็ไม่ใช่เรื่องที่กูต้องถามคุณนายนี่ กูมีหน้าที่แค่ดูดวงและทำให้ลูกค้าสบายใจกลับไป”  พาลีตอบเสียงเข้ม


               “เท่าที่กูจับใจความได้คือมันเป็นความรักที่ต้องปิดบังเท่านั้น”


               สุดเขตนิ่งฟัง เขาใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมายกคิ้วสูงมองหน้าพาลี


               “มึงดูดวงแม่นจริงหรือเปล่าไอ้ลี ไหนลองดูดวงให้กูหน่อยว่าจะแม่นหรือเปล่า”


               พาลีหรี่ตามอง แต่สุดเขตก็ยังยิ้มท้าทายเขา


               “เอาดิ กูอยากรู้”


               เมื่อขัดไม่ได้พาลีจึงคลี่ผ้าสีแดงออกและส่งไพ่ยิปซีให้สุดเขต เขาบอกให้สุดเขตสับไพ่เท่าอายุและตัดไพ่ด้วยมือซ้ายก่อนที่

เขาจะให้สุดเขตเลือกมาสิบใบและดูดวงคร่าวๆ


               “มึงเลือกไพ่ในกองมาอีกสองใบ กูจะดูดวงช่วงเดือนนี้”


               สุดเขตหยิบไพ่มาสองใบตามที่พาลีบอก พาลีเปิดไพ่ออกมาแล้วเขาก็ต้องนิ่งงัน


               Three of Pentacles, Lover


               พาลีควรจะบอกสุดเขตหรือเปล่าว่าสุดเขตกำลังจะได้รับโชคลาภจากการงานและโชคนั้นคือคนรัก


                  TBC

                     :ruready :ruready

เปิดเรื่องน่าสนใจอีกแล้ว

ปล.อันนี้เป็นแฟนฟิคป่าวเอ่ย พาลีนามสกุลเดียวกับต้อลเลย
Cr.lizzii

ตอบ...
ไม่ใช่ฟิคจ้า ตอนนี้เลิกเขียนฟิคไปแล้วเพราะไม่มีเวลา ส่วนนามสกุล ก็คงเพราะบังเอิญ
จำชื่อนามสกุลต้อลไม่ได้ด้วย จำได้แต่ณัฐ ศักดาทร อิอิ




หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 24-10-2016 21:28:47
ติดตามติดขอบจออยู่นะค๊ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-10-2016 21:41:50
ฟังดูเหมือนจะใบ้ว่าเป็นตัวเองกลาย ๆ ฮา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-10-2016 21:44:25
ดูแม่นนะพาลีแต่กลัวคุณตำรวจสุดเขตจะไม่เชือเนี่ยแหละว่าโชคที่มาจากงานคือโชคความรัก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 24-10-2016 21:51:23
 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-10-2016 22:02:10
 :mew1:

แน่ะๆๆๆ มีการเปิดไพ่กันแล้ว
อยู่ที่คุณตำรวจแล้วแหละว่าจะเชื่อไหม
ส่วนพาลีอย่าลืมดูของตัวเองด้วยนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 24-10-2016 22:06:13
จองคิวดูดวง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: llmaumill ที่ 24-10-2016 22:21:17
เปิดเรื่องมาน่าสนใจมาก
ขอแอบติดตามด้วยคนนะคะ ♡
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 24-10-2016 22:52:24
ตีกันไปมารักกันจนได้แหละ :hao3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-10-2016 01:37:16
 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 25-10-2016 02:16:05
เอ้ยยยยเรื่องน่าติดตามมาก สนุกค่ะ
ตีกันไปมาจะลงเอยกันยังไงนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 25-10-2016 14:31:01
อัยย่ะ สนุกมาก
ติดตามค่ะ

 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 2 [24/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 26-10-2016 21:22:02
สนุกมากๆ
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-10-2016 21:56:38


                                                                    คดีรักนักดูดวง

                                                                         บทที่ 3


               “อ้าว ว่าไงล่ะ ตะคริวแดกปากรึไง”


               สุดเขตที่กำลังเท้าแขนไว้กับคางอันเป็นบุคลิกประจำตัวเอ่ยถามเมื่อเห็นพาลีอึกอัก อันที่จริงที่พาลีดูดวงของเขาในอดีตก็ตรง

จนเขานึกทึ่งและอยากจะรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคตอันใกล้ แต่ขณะที่ตั้งตารอฟังพาลีก็เกิดอ้ำอึ้งไปเสียอย่างนั้น


               “หรือว่ามันมีดวงตายโหงวะ เฮ้ย แต่กูเป็นตำรวจนะโว้ย กูทำใจได้ พ่อแม่กูเขาก็ทำใจรอไว้แล้ว ร้ายแรงขนาดไหนมึงก็บอกกู

มาเลย”


               ตัวเขาเองอาจจะแปลผลผิด


               พาลีตอบกับตัวเองในใจ งานของสุดเขตนั้นข้องเกี่ยวกับผู้คนจำนวนมากไม่ใช่แต่เขาคนเดียว เขาอาจจะร้อนตัวเกินเหตุซึ่งไม่

ควรเกิดกับพาลีที่เป็นคนใจเย็นและใคร่ครวญทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา


               “ไพ่มันบอกว่ามึงกำลังจะได้โชคลาภจากการทำงานและก็อาจจะได้พบคนที่ถูกใจ”


               เลือกที่จะตอบไพ่แต่ละใบโดยไม่นำความหมายมาเชื่อมโยงกันดังเช่นปกติที่ควรทำ สุดเขตทำหน้าเหมือนอยากจะเตะพาลี

เต็มที


               “สัส เสือกลีลาซะจนกูตกใจ เรื่องดีแท้ๆทั้งได้โชคได้แฟน กูนี่โสดมาเกือบจะสามเดือนแล้วนะมึงตั้งแต่เลิกกับแฟนคนล่าสุด

ถ้าแม่งแม่นจริงเผื่อกูจะได้มีเมียกับเขามั่ง”


               นายตำรวจหนุ่มลุกขึ้นบิดขี้เกียจ


               “ปวดเยี่ยวว่ะ ห้องน้ำอยู่ด้านหลังใช่ไหม”


               สุดเขตเดินไปเข้าห้องน้ำทิ้งให้พาลีได้มีโอกาศอยู่เพียงลำพัง พาลีรีบฉวยจังหวะนั้นคว้าสมุดดูดวงขึ้นมาคำนวณเวลาจรของ

ดวงดาวทันที


               ดวงกาลกิณีโคจรมากุมลัคน์ ทำให้อาจเกิดการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ

               รู้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องดู เหตุมันเกิดขึ้นชัดเจน

               พาลีเบิกตากว้าง

               ดาวเจ้าเรือนปัตนิอันหมายถึงคู่ครองกำลังโคจรมากุมลัคนา

               มันแปลได้ง่ายๆว่าเหมือนดาวคู่ครองวิ่งเข้ามาชน ถ้าไม่หมายถึงจะต้องเจอคนที่มีปัญหาเรื่องคนรักแล้วเข้ามาทำความรู้จักก็

แปลอีกอย่างได้ว่า อยู่เฉยๆก็มีคนเข้ามาหา

               หัวใจของพาลีเต้นตึกตัก อันที่จริงเขาอยากจะหยุดการดูดวงของตนเองไว้เพียงแค่นี้ หากแต่เพราะสันดานความอยากรู้ทำให้

เขาอดใจไม่ได้ที่จะดูต่อไป

               ลัคนาราศีของเขา ดาวเจ้าเรือนปัตนิคือดาวอังคาร

               นั่นก็คือ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้แข่งขันและปราบปราม เช่นตำรวจ ทหาร นักกีฬา...

               พอเลย!

               พาลีสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดและปิด เขายัดสมุดดูดวงกลับเข้าไปในลิ้นชักเมื่อสุดเขตเดินกลับมาที่โต๊ะ


               “เป็นเหี้ยอะไรถึงหน้าแดงขนาดนี้ ตัวร้อนหรือเปล่า”


               พาลีนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อสุดเขตใช้หลังมือมาอังที่หน้าผาก เขารีบปัดมือสากนั่นออกไปอย่างรวดเร็ว


               “ไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละ”


               สุดเขตย่นหัวคิ้วมองอย่างสงสัยแต่เขาก็ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรต่อไปเมื่อประตูด้านหน้าเปิดออกโดยจ่าสมชายที่เดินเข้ามา

พร้อมกระเป๋าเป้ที่บรรจุของจนตุงและกล่องโฟมอาหารอีกสองกล่องใหญ่


               “ได้มาแล้วครับหมวด เสื้อผ้าของหมวดกับอาหารเย็น”


               สุดเขตมีกระเป๋าอยู่ใบหนึ่งที่จัดของไว้ในยามฉุกเฉินพร้อมจะเดินทางได้ทันที เขาใช้ให้จ่าสมชายไปนำมาจากแฟลตตำรวจที่

เขาพักอาศัยอยู่ สุดเขตรับมันมาจากจ่าสมชายพร้อมกับพยักหน้า


               “ขอบคุณมากจ่า ไอ้หมอดูนี่มันเพื่อนเก่าผมเอง ไม่มีปัญหา ผมอยู่กับมันได้ จ่ากลับไปพักเถอะแล้วคืนนี้บอกให้จ่าชาติที่อยู่

เวรมาตรวจรอบๆแถวนี้ด้วยนะ”


               ระหว่างที่สุดเขตสั่งงานจ่าสมชายพาลีได้แต่นิ่งอึ้ง เขากะพริบตาปริบๆมองกระเป๋าเป้ในมือของสุดเขตแล้วเอ่ยถามทันทีเมื่อ

จ่าสมชายกล่าวคำลาและเดินออกไป


               “หมายความว่ามึงจะมาอยู่กับกูที่นี่?”


               “อ้าว ไอ้นี่ ก็ต้องงั้นสิ นี่กูทำหน้าที่คุ้มครองพยานอยู่นะลืมตัวหรือเปล่าว่ามืงน่ะเป็นพยานในคดีฆาตกรรม เอ้า ข้าว แดกซะ กู

หิวไส้กิ่วแล้ว”


               เมื่อได้ยินคำว่าหิวพาลีก็เพิ่งจะคิดถึงเรื่องเวลาว่าเลยเวลาพระอาทิตย์ตกดินไปนานแล้ว และไม่มีอะไรตกถึงท้องของเขา

ตั้งแต่เที่ยงวัน ความหิวจึงเข้ามาเยือนจนท้องร้อง พาลีลุกไปหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นมาเทใส่แก้วให้สุดเขตกับตัวเองก่อนจะรับกล่อง

อาหารจากสุดเขตมากินพร้อมกันอยู่ที่โต๊ะดูดวงของเขานั่นเอง

               ทั้งคู่กินข้าวในกล่องอย่างเงียบๆเพราะความหิว พาลีลอบมองหน้าสุดเขตที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด พาลี

จำต้องยอมรับแล้วว่าบัดนี้เขาเข้าไปข้องเกี่ยวในการตายของสมร เขาเป็นคนสุดท้ายที่สื่อสารแถมยังได้ยินเสียงคนที่อาจจะเป็นฆาตกร

หรือคนสั่งการด้วยซ้ำไป

               อย่างน้อยพาลีก็ยังมีสุดเขตมาอยู่เป็นเพื่อนในยามหน้าสิ่วหน้าขวานถึงแม้อีกฝ่ายจะทำตามหน้าที่ก็เถอะ พาลีรู้นิสัยของสุด

เขตดีว่ายามเอาจริงผู้ชายตรงหน้านั้นจริงจังแค่ไหน ข้อดีของสุดเขตก็มีมากอยู่ถ้าไม่นับเรื่องปากที่มักจะพูดอะไรด้วยความคนอง


               “หน้ากูมีจมูกสองอันกับอีกสามปากหรือไงถึงได้จ้องอยู่ได้”


               คำถามโดยกะทันหันจากสุดเขตที่ยังไม่ยอมเงยหน้าจากกล่องข้าวทำให้พาลีแอบสะดุ้งอยู่ในใจ เขารู้ได้อย่างไรว่าพาลีกำลัง

มองอยู่กันนะ


               “ทำไม รังเกียจนักเหรอที่ต้องมีกูมาอยู่ด้วย”


               สุดเขตวางกล่องโฟมที่ไม่มีเศษอาหารเหลืออยู่ลงกับโต๊ะก่อนจะเงยหน้ามาเลิกคิ้วให้พาลี


               “ถือเสียว่ากูมาอาศัยนอนอย่างเดียวสิวะ กูไม่ทะลุเข้าไปในโลกของมึงหรอกน่าไอ้คนโลกส่วนตัวสูง”


               คำพูดของสุดเขตเตือนสติพาลี เขาไม่ควรจะคิดมากไปกับเรื่องต่างๆที่ยังไม่เกิดขึ้น ดวงเป็นเรื่องทางสถิติที่อาจมีผิดมีถูก

และตอนนี้พาลีต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริง


               “เออ แค่มึงไม่กวนตีนกู อย่างอื่นก็แล้วแต่มึง”


               พาลีถอนหายใจ เขาลุกขึ้นยืนเก็บกล่องโฟมไปทิ้งก่อนจะก้าวเดินไปยังประตูทางเข้าเพื่อจะปิดประตูตามปกติ


               “เดี๋ยว!”


               เสียงของสุดเขตทำให้พาลีสะดุดกึก สุดเขตรีบตามมาที่ประตูเพื่อตรวจความปลอดภัยและเป็นคนปิดประตูอย่างรอบคอบ เขา

หันมากำชับพาลีด้วยเสียงจริงจัง


               “ต่อจากนี้มึงต้องระวังทุกฝีก้าว ทำอะไรต้องมีสติ จะเข้าจะออกก็ต้องดูว่ามีใครจะมาซุ่มทำอะไรหรือเปล่า อ้อ แล้วไอ้คิวดูดวง

ของมึงน่ะ ช่วงนี้ยกเลิกให้หมดเลยนะ กูกลัวพวกนักข่าวหรือคนร้ายจะสวมรอยมา”


               พาลีพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขาเดินนำสุดเขตไปยังชั้นบนที่พาลีใช้เป็นห้องพักโดยมีห้องน้ำเล็กๆอยู่ฝั่งตรงกันข้าม เมื่อสุด

เขตเดินตามเข้ามาเขาก็มองไปรอบห้องอย่างไม่นึกแปลกใจนักที่มันเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูนวางอยู่เกือบทุกด้านของห้องสี่เหลี่ยม

จตุรัสแม้กระทั่งบนเตียงขนาดห้าฟุตที่ตั้งอยู่ชิดผนังฝั่งหนึ่งและบนเก้าอี้โซฟาที่ตั้งอยู่ผนังฝั่งตรงกันข้ามก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน


               “แม่งโอตาคุไม่เลิกนะมึง ตั้งแต่เด็กจนโต”


               พาลีอดหัวเราะออกมาไม่ได้ การที่เขาหัวเราะไม่ใช่เรื่องง่ายนักแต่มันทำให้ใบหน้าของพาลีดูสดใสกว่าที่เป็นอยู่จนกลายเป็น

ที่สะดุดตาของสุดเขต

               ตลอดหนึ่งปีที่เรียนห้องเดียวกัน สุดเขตไม่เคยเห็นแม้แต่รอยยิ้มของพาลีเมื่อฝ่ายนั้นมักจะตีหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลา เพิ่งจะมีวัน

นี้หลังจากเวลาผ่านมาเกือบแปดปีเขาจึงได้เห็นรอยยิ้มนั้น สุดเขตคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ดูสว่างไสวมาก


               “ตอนเด็กไม่มีเงินซื้อได้แต่เช่าอ่าน พอโตมาทำงานมีเงินกูก็ซื้อสนองความอยากตัวเองไงล่ะ”


               สุดเขตพยักหน้าหงึกหงัก เขาหันรีหันขวางไปรอบห้องก่อนจะก้าวไปที่เตียงและทำท่าจะทิ้งตัวลงไป พาลีรีบห้ามเสียงดัง


               “เดี๋ยว มึงจะทำอะไร”


               “กูก็จะนอนไง”


               สุดเขตตอบพร้อมสีหน้าเหรอหรา


               “กูง่วงโว้ย ทำงานมาทั้งวันแล้วยังมาเจอคดีมึงอีก”


               พาลีชี้นิ้วไปที่โซฟาเก่าๆฝั่งตรงกันข้าม


               “มึงไปนอนโซฟาโน่น”


               “โหย ไอ้ลี”


               สุดเขตร้องลั่น


               “โซฟาของมึงน่ะ เก่าจนหนังยุบขนาดนั้น นอนแล้วปวดหลังตายห่า ทำไม กูนอนเตียงกับมึงไม่ได้หรือไง”


               “ไม่ได้!”


               พาลีรีบตอบ


               “กูนอนดิ้น มึงไปนอนตรงโน้นแหละดีแล้ว อ้อ ก่อนนอนช่วยไปอาบน้ำด้วย กลิ่นเหงื่อมึงเหม็นเหมือนน้ำในคลองแสนแสบ

เลยไอ้เขต”


               “เหี้ย มึงนั่นแหละเหี้ยไอ้ผู้ใหญ่ลี”


               สุดเขตแยกเขี้ยวใส่แต่ก็ยอมแบกเป้ไปโยนไว้บนโซฟา เขาล้วงหาผ้าเช็ดตัวในกระเป๋าก่อนจะเดินออกไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ

ด้านนอก แค่ชั่วอึดใจพาลีที่จัดของให้เข้าที่เข้าทางก็ได้ยินเสียงสุดเขตเดินผิวปากกลับมาในห้อง


               “มึงอาบน้ำหรือวิ่งผ่านน้ำกันแน่วะไอ้เขต...”


               เสียงหายไปในลำคอเมื่อพาลีเงยหน้าขึ้นมาเห็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นยืนอวดกายหน้าประตู สุดเขตมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเก่าพัน

ท่อนล่างหมิ่นเหม่ อวดท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อตามหลักอนาโตมีเนื้อตัวพราวไปด้วยหยดน้ำ เขาสะบัดผมที่เปียกชื้นไปมาอยู่

สองสามทีก่อนจะหยุดและเงยหน้ามาสบตากับพาลีที่เผลอจ้องจนเกือบจะลืมหายใจ

               พาลีรู้ว่าสุดเขตชอบเล่นกีฬา แต่ใครจะนึกว่าหุ่นของสุดเขตจะสมบูรณ์แบบจนน่าอิจฉาเช่นนี้ ในขณะที่พาลีไม่มีอะไรไปเทียบ

กับสุดเขตได้เลย


               “มองอะไรวะ อิจฉากูล่ะสิ กว่ากูจะปั้นให้มันได้ขนาดนี้กูเสียงหยาดเหงื่อไปเยอะโว้ย ไม่เหมือนมึงหรอก”


               สุดเขตเดินมาหาพาลี เขายิ้มล้อเลียนเหมือนสมัยยังเด็กพร้อมทั้งยกมือขึ้นบีบคางของพาลีแล้วโยกไปมา


               “กูบอกให้มึงออกกำลังกายเสียบ้าง หุ่นจะได้ไม่ขี้ก้างอย่างนี้”


               “เรื่องของกูอย่ามาเสือก”


               อยู่ๆพาลีก็เกิดหน้าร้อนผ่าวโดยไม่มีสาเหตุ เขาปัดมือของสุดเขตออกให้พ้นคางของเขาแล้วจ้ำอ้าวหนีไปห้องน้ำบ้าง ปล่อย

ให้สุดเขตมองตามหลังอย่างแปลกใจ


               “เป็นเหี้ยไรอีกวะ อยู่ๆก็หน้าแดง สงสัยแม่งเป็นโรคความดันสูง”


               สุดเขตส่ายหน้า เขาคว้าบอกเซอร์กับเสื้อกล้ามจากในกระเป๋ามาใส่แล้วโยนชุดตำรวจครึ่งท่อนที่ใส่มาทั้งวันลงในตะกร้าผ้า

ใช้แล้วของพาลีจากนั้นก็ทิ้งตัวลงไปกับโซฟาและคว้าหนังสือการ์ตูนมาอ่านก่อนจะคล้อยหลับไป จึงไม่ได้เห็นพาลีที่ย่องเข้ามาสอดส่าย

สายตามอง ครั้นเห็นสุดเขตนอนหลับกรนเบาๆพาลีจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

               พาลีย่องเข้ามาชะโงกหน้ามองสุดเขตครู่หนึ่งแล้วจึงรีบก้าวไปขึ้นเตียง อาการนอนไม่หลับมาเยือนจนหงุดหงิดตัวเองแม้ว่าจะ

อ่านการ์ตูนไปแล้วหลายเล่มทั้งที่ปกติหัวถึงหมอนเขาก็หลับทันทีแต่มันไม่ใช่วันนี้ พาลีคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากความตื่นเต้นและวิตก

กังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้

               นอนกระสับกระส่ายพักใหญ่พาลีก็ทนไม่ไหว เขาคว้าหมอนและผ้าห่มที่เก็บไว้ในตู้ออกมาก่อนจะเดินตรงไปยังโซฟาที่สุด

เขตนอนขดเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศ พาลียกศีรษะของสุดเขตขึ้นและสอดหมอนเข้าไปจากนั้นเขาก็คลี่ผ้าห่มคลุมไปบนลำ

ตัวของสุดเขต


               “เดี๋ยวก็เป็นหวัดตายหรอก”


               พึมพำเบาๆก่อนจะกลับไปยังเตียงและเอนกายลงนอน พาลีผงกหัวมองสุดเขตอีกครั้งจึงได้หลับตาลงจนกระทั่งลมหายใจ

สม่ำเสมอเมื่อเข้าสู่นิทรา

               


มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-10-2016 22:02:19


ต่อกันตรงนี้...



                ลืมตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเช้ามืดตามปกติ พาลีกะพริบตาปริบๆตั้งสติ เขาผุดลุกขึ้นนั่งและรีบมองไปที่โซฟาอย่างรวดเร็วแต่มี

เพียงกองผ้าห่มกับหมอนเท่านั้น ส่วนตัวคนหายไปแล้ว พาลีได้ยินเสียงสายน้ำดังมาจากห้องน้ำภายนอกจึงรู้ว่าตนเองตื่นทีหลังสุดเขต

               ไม่นานนักสุดเขตก็เดินกลับเข้ามาด้วยสภาพเช่นเดียวกับเมื่อคืน พาลีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับ

สภาวะเช่นนี้ไม่รู้อีกนานแค่ไหน


               “มึงแต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อยได้ไหมวะไอ้เขต รุ่มร่ามชิบหาย”


               ด่าออกไปอย่างเหลืออดเมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้ผ้าเช็ดตัวล้วงควักเช็ดท่อนล่างไปมาจนเผยอวัยวะบางส่วนให้เห็น

พลอมแพลม สุดเขตหันหน้ามามองด้วยสีหน้ายั่วเย้าพาลีและยิ่งจงใจโชว์จุดเด่นให้เห็น


                “ทำไมวะ ทำเห็นไม่เคยเห็นไปได้ มึงก็ผู้ชายเหมือนกูนะไอ้ลี หรือว่ามึงไม่มีจู๋เหมือนกูวะ ฮ่า ฮ่า”


               “ไอ้เหี้ยเขต!”


               พาลีหลับตาปี๋เมื่อสุดเขตแกล้งเขาด้วยการทำทีดึงผ้าเช็ดตัวออกจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อนก่อนจะเดินมาที่กระเป๋าและคว้าชุด

ลำลองมาเปลี่ยน ในขณะที่พาลีต้องหลับหูหลับตาเดินไปห้องน้ำจนเกือบจะชนประตูและเมื่อกลับเข้ามาก็รีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว


               “ไอ้ลี กูหิว”


               “หาแดกเอาเองสิ”


               พาลีย้อนหน้าง้ำและสุดเขตรีบยิ้มเอาใจ


               “เฮ้ย มึงเป็นเจ้าของบ้านนะ มึงก็ต้องดูแลเจ้าพนักงานสิวะ นี่กูปฏิบัติงานอยู่นะมึง”


               พาลีปฏิเสธไม่ออก เขากระแทกเท้าเดินลงไปชั้นล่างโดยมีสุดเขตเดินตามอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งพาลี เจ้าของสถานที่เดิน

นำไปที่โซนด้านหลังที่พาลีจัดไว้เป็นส่วนห้องครัว มีโต๊ะตัวเล็กกับเก้าอี้สองตัวสำหรับนั่งรับประทานอาหาร เขาทอดไข่เจียวโปะข้าวสวย

ร้อนๆที่เพิ่งจะสุกสองจานมาวางหน้าสุดเขตและตัวเอง


               “แดกซะ”


               “แม่งก็พูดดีๆกับเพื่อนฝูงหน่อยเหอะ คุณเขตครับ เชิญทานข้าวไข่เจียวที่ผมทำหน่อยครับ”


               “จะแดกไม่แดก”


               “แดก เอาไข่เจียวเหี่ยวๆของมึงมาเลย”


               สุดเขตยื้อแย่งจานคืนเมื่อพาลียึดมันไป เขาตักเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆจนพาลีแอบดีใจที่สุดเขตไม่ได้บ่นเรื่องไข่เจียวเกรียมๆของ

เขา

               เสียงโทรศัพท์มือถือของสุดเขตดังขึ้นเมื่อข้าวหมดจานพอดี สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นเมื่อรับสายและตั้งใจฟัง เป็นนานกว่าที่

จะกดปิดแล้วเงยหน้ามาสบตากับพาลีที่มองด้วยความอยากรู้


                “เสี่ยพิชัยผัวคุณนายสมรเขามาให้ปากคำ เล่าให้ฟังว่าพักหลังทั้งคู่มีปัญหากันเพราะยายคุณนายไม่ค่อยอยู่บ้านไม่ค่อยช่วย

งานที่ร้านของผัว คุณนายสมรออกจากบ้านทุกวันเพื่อจะไปเฝ้านักร้องที่มาจากรายการอะไรสักอย่างที่มันต้องใช้เงินโหวต ผัวแกก็เคืองที่

คุณนายทุ่มโหวตจนหมดเงินไปเยอะ ขนาดว่ารายการจบประกาศผลกันแล้วก็ยังตามไปเฝ้าที่งานอิเว้นท์ตลอด ไอ้นักร้องนั่นชื่อติณณ์ มึง

เคยได้ยินไหม”


               พาลีนิ่งคิด เขานึกถึงใบหน้าของนักร้องคนหนึ่งที่ออกโทรทัศน์บ่อยๆตอนที่เขาไปนั่งกินอาหารที่ร้านอาหารตามสั่งไม่ไกลนัก

เห็นว่าละครโทรทัศน์เรื่องแรกที่ติณณ์เล่นก็ประสบความสำเร็จโด่งดังเรตติ้งดี


               “เสี่ยพิชัยยังเล่าต่อว่าคุณนายสมรนี่บ้าเรื่องดวงด้วย ชอบไปดูดวงกับหมอดูชื่อดังหลายเจ้า ใครให้ทำอะไรก็ทำจนเสียเงิน

เสียทองไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว นี่ไอ้ลี กูถามจริงๆเถอะ”


               สุดเขตตั้งคำถามด้วยวิสัยของตำรวจ


               “เรื่องชู้สาวที่ฝ่ายสืบสวนเขาหาเบาะแสกันอยู่ มีไอ้ดาราคนนั้นเป็นสาเหตุหรือว่ามีหมอดูอย่างมึงเป็นสาเหตุกันแน่วะ”


               โครมมม

               แม้จะไม่แรงนักแต่สุดเขตก็ถึงกับหน้าหงายเมื่อกำปั้นไม่มีรูของพาลีพุ่งเข้ามาใส่โหนกแก้มโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว


                                                                            TBC

                                                                  :really2: :really2:                
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-10-2016 22:20:10
ยังดีที่เป็นหมัด 555555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-10-2016 22:22:23
ปากเสียจริง ๆ แต่ก็นะ สุดเขตถือคติถ้าอยากรู้ก็ต้องถามสินะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 26-10-2016 22:26:33
ฮาอะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-10-2016 22:37:06
เขาใช่เนื้อคู่กันแน่ใช่ไหมพูดดีกันไม่เคยได้ปากเสียใส่กันแทบจะตลอด :hao4: :hao4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-10-2016 23:19:20
 o13


ชอบๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 27-10-2016 06:08:34
มันจะไปรักกันยังไงหนอ
ว่าแต่ปากเสียแบบนี้ ต้องให้หมอ (ดู) รักษา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 27-10-2016 06:53:50
ใส่ร้ายกันดีนักโดนต่อยเลย555 :katai3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 27-10-2016 08:52:56
สุดเขตนี่เป็นคนที่พูดไม่คิดจริงๆอ่ะ  :z6:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 3 [26/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 27-10-2016 08:58:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-10-2016 21:20:52


                                                                         คดีรักนักดูดวง

                                                                               บทที่ 4


               สุดเขตสะบัดหน้าขับไล่ดาวเดือนที่ลอยอยู่วิ้งๆ เขายกมือกุมซีกหน้าที่ชาดิกจากกำปั้นของพาลีพร้อมกับสบถออกมา


              “ไอ้เหี้ยลี มึงต่อยกูทำไม”


                เมื่อสติกลับคืนมาแล้วสุดเขตเพิ่งจะได้เห็นใบหน้าของพาลี มันทำให้เขาหุบปากแทบไม่ทันเพราะพาลีมองเขาเหมือนจะ

กระโดดมากัดเขาเสียให้ได้


                “กูรู้ว่ามึงไม่มีหัวคิด” พาลีด่าเขา


               “แต่เรื่องแบบนี้มึงคิดก่อนจะพูดออกมาได้ไหม มึงจะด่ากูยังไงก็ได้แต่อย่าลามปามไปถึงอาชีพของกู กูไม่เคยใช้ความเป็น

หมอดูไปหลอกลวงใคร”


               สุดเขตอึ้งไปครู่หนึ่งเพราะข้อความนั้น แต่เขาก็ยังมีความเป็นตัวตนจนยากจะยอมรับว่าตัวเองผิด เขาจึงเถียงออกไปด้วย

ความไม่อยากเป็นผู้แพ้


               “แล้วจะไม่ให้กูคิดแบบนั้นได้ยังไง ใครๆเขาก็รู้ว่าหมอดูน่ะชอบหลอกเอาเงินทองของลูกค้า หากินกับความไม่สบายใจของ

คนอื่น”


               “อาชีพมึงไม่มีคนเลวงั้นสิ ไอ้ที่ออกข่าวไม่เว้นแต่ละวันนั่นใช่คนสีเดียวกับมึงไหม”


               พาลีพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มให้นิ่งที่สุดทั้งที่ในใจเขาโมโหสุดเขตอย่างที่ไม่เคยโมโหใครมาก่อน


               “ทุกอาชีพมันก็มีทั้งคนดีและคนเลวทั้งนั้นแหละ ถ้ากูเหมาว่าตำรวจเลวเหมือนกันหมดทุกคนมึงจะรู้สึกยังไง”


               สุดเขตเถียงไม่ออก เขาได้แต่สบตากับนัยน์ตาขุ่นเคืองของพาลีและในที่สุดสุดเขตก็ต้องยอมรับความจริง


               “เออ กูขอโทษ พอใจหรือยัง”


               แม้จะยังมีกระแสความกระด้างอยู่บ้างแต่สุดเขตก็กล่าวออกมาเพราะความรู้สึกผิดจริงๆ พาลีมองใบหน้าจ๋อยๆของสุดเขตแล้ว

ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ


               “มึงก็ชอบพูดไม่คิดไม่เคยเปลี่ยน เมื่อก่อนเป็นแบบไหนโตมาก็เหมือนเดิม นี่กูงงว่ามึงมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง

โดยที่ไม่โดนกระทืบตายเสียก่อน”


               “ด่าซะแม่งสำนึกเกือบไม่ทัน สบายใจรึยังล่ะด่ากูขนาดนี้แล้ว”


               สุดเขตบ่นพึมพำที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ เขานึกแปลกใจตนเองที่กลายเป็นฝ่ายยอมลงให้พาลีทั้งที่เขาไม่เคยยอมใครมาก่อน

จากนั้นสุดเขตก็คว้าจานข้าวที่กินจนเกลี้ยงของตนเองและจานของพาลีขึ้นมาถือไว้


               “เอาไปไหน” พาลีเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย


               “ล้างสิวะ แดกข้าวแล้วไม่ล้างจานรึไง”


               “กูล้างเอง”


               พาลีลุกขึ้นและพยายามจะแย่งจานในมือของสุดเขต แต่นายตำรวจหนุ่มกลับรีบก้าวไปทางอ่างล้างจาน


               “มึงทำให้แดกแล้วก็นั่งเฉยๆเหอะ เดี๋ยวกูล้างจานให้ ผลัดกันไง”


               สุดเขตยักคิ้วส่งให้พาลีแล้วหันกลับไปล้างจาน พาลีได้แต่มองแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยความรู้สึกประหลาดคล้ายๆมันคันยุบยิบ

อยู่ในหัวใจแต่ก็เกาไม่ถูกที่คัน


               อันที่จริงเพื่อนเก่าของเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายนักหรอก ขนาดยอมลดทิฐิมาเอ่ยปากขอโทษพาลีก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมสุดเขต

แต่พาลีเลือกที่จะชื่นชมอยู่แค่ในใจก็พอ เขาไม่อยากให้สุดเขตรู้ว่ากำแพงของเขาค่อยๆเตี้ยลงทีละน้อย

               





                  สุดเขตนำพาลีมาที่ฝ่ายสืบสวนในตอนสายของวันนั้นตามคำสั่งของร.ต.อ.สมบัติผู้บังคับบัญชาสายตรงของเขาโดยที่พาลี

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมต้องมาที่โรงพักอีก เมื่อมาถึงสุดเขตบอกกับพาลีว่าเขาต้องหลบไปที่อื่น


               “กูรับหน้าที่คุ้มครองพยานและสืบคดีด้วย ปกติไม่เปิดเผยใบหน้าและชื่อแซ่โว้ย”


               เมื่อสุดเขตหลบฉากไปแล้วพาลีจึงได้ก้าวเข้าไปในห้องรับรองด้านในที่เขาเคยมาเมื่อวานนี้ ไม่ทันจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้

ประตูห้องสืบสวนที่ปิดอยู่ก็เปิดออกพร้อมกับมีเสียงเล็ดลอดออกมา


               “จะให้บอกกี่ครั้งให้การกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม ว่าคุณนายสมรนั่นน่ะเป็นแฟนคลับของผม”


               เสียงนั้นคุ้นหูเหมือนว่าพาลีเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่พาลีก็พยายามจะไม่สอดรู้สอดเห็น ทว่าเสียงนั้นก็ยังดังมาให้ได้ยินต่อ

เนื่อง


               “แล้วไอ้เรื่องแฟนคลับเปย์นี่ ที่ไหนๆเขาก็มีกันทั่วโลกแหละ ไม่งั้นเขาจะเรียกแฟนคลับหรือครับผู้กอง”


               “แต่คุณนายสมรเขาจ่ายให้คุณเยอะเป็นพิเศษนะ”


               นั่นเสียงผู้กองสมบัติ พาลีจำได้


               “พวกแฟนคลับทัพหน้าเขาก็ทุ่มทุนแบบนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่ยอมจ่ายจะได้เข้ามาอยู่ใกล้ศิลปินอย่างผมเหรอ พอกันที คุณจะ

สืบสวนอะไรผมก็ตอบได้แค่นี้แหละ นี่ก็เสียเวลาเสียรายได้ต้องยกเลิกงานอีเวนท์เพื่อมาให้ตำรวจถามอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของผม แค่ผู้

หญิงบ้านักร้องถูกยิงตายคนเดียว”


               น้ำเสียงดูฉุนเฉียวก่อนที่จะได้ยินเสียงกระแทกส้นเท้าเดินออกมา เจ้าของเสียงเดินคอแข็งผ่านพาลีไปโดยไม่ได้หันมามอง

เขาที่นั่งอยู่ลึกจากทางเดิน แต่พาลีกลับมีโอกาสได้เห็นบุคคลผู้นั้น พาลีย่นคิ้วมองด้วยความสนใจ


               ผู้ชายคนนั้นคือติณณ์

               ติณณ์ คือศิลปินที่โด่งดังมาจากรายการเรียลลิตี้รายการหนึ่งในการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว เขาได้รับการโหวตเป็นอันดับสองหาก

แต่กลับโด่งดังกว่าอันดับหนึ่งเพราะรูปร่างหน้าตาดีกว่า ในขณะที่คนได้อันดับหนึ่งมีความสามารถที่เสียงร้องโดดเด่นส่วนติณณ์นั้นร้อง

เต้นได้พอประมาณ แต่เพราะรูปร่างสูงและชวนมองด้วยมัดกล้ามประกอบหน้าตาหล่อเหลาเขาจึงมีแฟนคลับจำนวนมาก

               หลังจากการแข่งขันและการโปรโมทสิ้นสุดลงติณณ์ก็มีงานอีเวนท์มากมาย เจ้าของค่ายที่ติณณ์สังกัดป้อนงานละครให้เขารับ

บทเป็นพระเอก ละครเรื่องดังกล่าวออนแอร์ได้ไม่กี่ตอนแต่มีเรตติ้งถล่มทลายเพราะความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง ส่งผลให้ชื่อเสียงของ

ติณณ์ยิ่งโด่งดังมากขึ้นตามลำดับจนกลายเป็นเบอร์หนึ่งของค่าย พาลีรู้เรื่องพวกนี้จากบรรดาแม่ค้าในตลาดเมื่อเขาไปซื้ออาหารสดและ

ของใช้ เมื่อเห็นติณณ์ที่โรงพักพาลีก็เกิดความสงสัยว่าทำไมเขาพบนักร้องชื่อดังในสถานที่แห่งนี้


               “อ้าวคุณพาลีมาแล้วนี่”


               ผู้กองสมบัติและเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินตามออกมาในอีกไม่นานนัก พาลียกมือไหว้ทักทายเพราะสมบัติอาวุโสกว่า สมบัติทรุด

ตัวลงนั่งใกล้กับพาลีด้วยสีหน้าเครียดจัด


               “เห็นไอ้หมอนั่นหรือเปล่า”   


               สมบัติบุ้ยใบ้ตามหลังติณณ์ที่กำลังเดินออกจากโรงพัก


               "รู้จักมันไหม ทำไมผมไม่เคยรู้จักพวกนักร้องประกวดอะไรพวกนี้นะ หรือว่าผมไม่ค่อยได้ดูทีวี อยากรู้ว่าดังขนาดไหนถึงได้ชู

คอเป็นกิ้งก่าขนาดนั้น”


              “เขาดังนะครับ”


               พาลีตอบตามที่รู้


               “ละครหลังข่าวที่กำลังเล่นอยู่มีแต่คนดูกันทั้งตลาด”


               “อ๋อ ไอ้ที่เป็นคุณหลวงเมียเยอะๆแล้วตบตีแย่งผู้ชายกันอะนะ เมียผมก็ดูนี่หว่า น้ำเน่าขนาดนี้ถึงว่าทำไมดัง”


               พาลีไม่ได้พูดอะไรอีก เขาปล่อยให้สมบัติเป็นฝ่ายครองบทสนทนาไว้


               “ไอ้หมอนี่แหละที่คุณนายสมรคลั่งไคล้นักหนาจนไม่เป็นอันทำงานทำการช่วยผัว ได้แต่ไปนั่งเฝ้าเวลานักร้องมีงาน เดี๋ยวนี้

เขาเรียกอะไรนะแฟนคลับเหรอ นี่ถ้าเป็นวงลิเกแถวบ้านนอกของผมก็คงไม่พ้นเรียกว่าแม่ยก”


               สมบัติหัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา


               “ตอนนี้ผมพุ่งเป้าไปที่เสี่ยพิชัยผัวคุณนายกับนักร้องที่ชื่อติณณ์นี่แหละ ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคุณนายสมร”


               “แค่เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้จะถึงกับฆ่ากันตายเชียวหรือครับ”


               พาลีไม่อยากจะเชื่อ เขานึกถึงเสียงเหี้ยมที่เอ่ยกับเขาจากโทรศัพท์ของสมร มันทำให้เขาหวาดหวั่นจนไม่อยากจะเชื่อว่าคน

บงการจะเป็นเสี่ยพิชัยหรือติณณ์


               “เราต้องสงสัยหว่านแหไปก่อน”


               สมบัติอธิบายให้พาลีคลายความข้องใจ


               “การสืบสวนที่ดีไม่ควรจะปักใจกับอะไรเป็นพิเศษในช่วงแรกจนกว่าจะได้ข้อมูลดีๆมาอยู่ในมือ ส่วนเรื่องที่คุณสงสัยน่ะมันเป็น

ไปได้ทั้งนั้น ไอ้เรื่องชู้สาวนี่แหละตัวดี ยิงกันตายมานักต่อนัก”


               “ผมขอถามครับผู้กอง”


               พาลียกมือขออนุญาตด้วยความสงสัย


               “เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมผมจะต้องมารู้ด้วยครับ มันไม่ใช่ความลับทางราชการหรือ”


               “ใช่แล้ว มันเป็นการสืบสวนทางลับ”


               สมบัติพยักหน้ายอมรับ


               “แต่คุณเป็นแค่ไม่กี่คนที่คุณนายสมรพูดคุยเรื่องส่วนตัวมากที่สุดเท่าที่เรารู้ในตอนนี้ ผมจำเป็นต้องใช้คุณให้เป็นประโยชน์กับ

รูปคดี”


               พาลีหรี่ตามองสมบัติ เขาเอ่ยถามหยั่งเชิงเพื่อความแน่ใจ


               “หมายความว่านอกจากผู้กองจะกันผมไว้เป็นพยานแล้ว ผู้กองจะใช้ผมเป็นเครื่องมือในการสืบหาข้อมูลอีกด้วย ผมเข้าใจถูก

ต้องหรือเปล่า”


               สมบัติหัวเราะร่วน เขาเอื้อมมือมาตบบ่าพาลีอย่างถูกอกถูกใจ


               “คุณนี่ฉลาดดี ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายอะไรให้มากก็เข้าใจได้ ผมชอบคุณว่ะคุณหมอดู”


               “แล้วถ้าผมไม่ยอมทำตามที่ผู้กองต้องการล่ะ?”


               พาลีลองป้อนคำถามอีกครั้ง แต่คราวนี้สมบัติหุบยิ้มและจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง


               “คุณเห็นสภาพคนตายไหมว่าน่าสงสารแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าคุณนายสมรจะทำเรื่องอะไรมาก็เถอะ คนผิดสมควรจะได้

รับการลงโทษตามกฎหมายใต้ความยุติธรรม คุณจะทนเห็นคนผิดลอยนวลได้ยังไง แล้วอีกอย่างนะคุณพาลี”


               สมบัติขู่เขากลายๆ


               “สุดเขตบอกผมว่าคุณเป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยกับคุณนายสมรและคนที่อาจจะเป็นฆาตกรด้วย คุณคิดหรือว่าคนร้ายมันจะปล่อย

ให้คนที่ได้ยินเสียงมันเอาไว้ให้ชี้ตัวมันถูก รู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้คุณอยู่ในที่แจ้งเพื่อให้คนที่หลบอยู่ในมุมมืดจ้องมองคุณอยู่”


               คำขู่ของสมบัติได้ผล พาลีหน้าซีดเผือดลงทันที


               “คุณเป็นหมอดูที่มีชื่อเสียงไม่น้อยนะพาลี ลมหายใจของคุณมีค่ามากเกินกว่าจะหมดลงเพราะถูกปิดปาก ถ้าคุณฉลาดอย่างที่

ผมคิด คุณก็ควรจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาตัวคนร้ายให้เร็วที่สุดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”




มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-10-2016 21:28:34


ต่อกันตรงนี้...



                ติณณ์ก้าวขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่หน้าโรงพักอย่างหงุดหงิด ทันที่ที่ประตูรถปิดลงและรถเริ่มเคลื่อนที่ออกจากโรงพักรอยยิ้มที่ฝืน

ไว้ก็หุบฉับตาม เขารับผ้าเย็นจากรสรินผู้จัดการสาวใหญ่มาเช็ดใบหน้าและลำคอเพื่อคลายอารมณ์กรุ่นโกรธ


               “ทำไมผมต้องมาที่โรงพักด้วยวะ”


               เขาสบถจนไม่เหลือคราบความเป็นซุปเปอร์สตาร์จนรสรินต้องส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจกับศิลปินที่หล่อนต้องดูแล


               “ใจเย็นสิติณณ์ จะโวยวายเสียงดังทำไม นั่งใกล้กันแค่นี้ หูพี่จะแตกอยู่แล้วนะ”


               “พี่รินไม่ต้องมาห้าม พี่ก็เหมือนกัน ทำไมไม่ห้ามนักข่าวไม่ให้มาสัมภาษณ์ผม กว่าจะแหวกวงนักข่าวมาถึงรถได้ผมแทบแย่”


               “อ้าวติณณ์ ไหงหาเรื่องกันแบบนี้ล่ะ”


               รสรินชักสีหน้าอย่างไม่พอใจบ้าง


               “ก็รู้อยู่ว่าคดีนี้กำลังดัง นักข่าวเขาก็จับจ้องอยู่แล้วที่จะหาเรื่องไปทำข่าว พี่จะไปห้ามพวกนั้นเหมือนนักข่าวบันเทิงได้ยังไง”


               เมื่อผู้จัดการเริ่มใช้เสียงแข็งติณณ์จึงได้ยอมเงียบลง เขากระแทกกายลงไปกับเบาะหลังอย่างฉุนเฉียว ใครจะนึกว่าแฟนคลับ

ทัพหน้าตัวแม่ที่ติดตามเขาไปแทบจะทุกงานจะถูกยิงตาย


               สมร สตรีวัยสี่สิบที่ใบหน้ายังสวยพริ้งจากการเข้าสถานเสริมความงามอย่างสม่ำเสมอ รูปร่างอวบอัดตามวัยแต่ก็ยังไม่หย่อน

คล้อย สมรมักจะแต่งกายด้วยเครื่องประดับหรูหราราคาแพงจนแทบเรียกได้ว่าตู้ทองเคลื่อนที่ และเครื่องประดับเหล่านั้นหลายชิ้นก็ตกมา

ถึงมือของติณณ์ด้วยความเสน่หาในช่วงหลังๆที่เขาเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น


               “พี่สมรให้ผมมามากแล้วนะครับ”


               เอ่ยค้านแต่ปาก มือกลับรับของกำนัลอย่างไม่อิดเอื้อน ใบหน้าของติณณ์เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาจะมีรอยยิ้มพิมพ์ใจแจกให้

ไม่ขาด เพราะเช่นนี้ทำให้ติณณ์มีแฟนคลับเป็นสาวแก่แม่ม่ายจำนวนมาก และแฟนคลับเหล่านี้เองที่ทุ่มเทเงินทองเพื่อให้คนอย่างติณณ์

ได้มีชื่อเสียง


               “รับไปเถอะติณณ์ พี่ให้เพราะอยากให้”


               “แต่ผมไม่มีอะไรตอบแทนพี่สมรเลย”


               ติณณ์ยังคงออดอ้อนจนสมรแทบจะระทวยอยู่ในอ้อมแขนในขณะที่ติณณ์ผลักร่างอวบให้หงายหลังไปบนเตียงกว้างในห้อง

ของโรงแรมระดับห้าดาวที่ก็เป็นเงินของสมรอีกนั่นแหละที่จ่ายออกไปเพื่อให้ได้อยู่ลับตาคนอื่นกับศิลปินที่หล่อนหลงใหล สมรหัวเราะ

คิกคักชอบใจเมื่อใบหน้าหล่อเหลาซุกลงไปกับเนินอกอวบอิ่มของหล่อน


               “ติณณ์ก็ตอบแทนพี่เป็นความสุขอย่างนี้ไงล่ะจ๊ะ”


               ติณณ์ยิ้มกริ่มก่อนจะตอบแทนสมรด้วยการปรนเปรอบทสวาทบนเตียงนอนให้สาวใหญ่ ติณณ์ไม่ถือในเรื่องนี้ เขาเป็นผู้ชายใน

วัยกลัดมันความต้องการในการระบายออกมันล้นเหลืออยู่แล้ว และถ้าหากการระบายออกนั้นจะทำให้ได้สิ่งตอบแทนมาด้วยมันก็เท่านั้น

ยิงนกสองตัวด้วยกระสุนนัดเดียว

               แต่ปัญหามันเริ่มเกิดเพราะเมื่อสมรได้รับโอกาสจากเขา ในช่วงหลังๆหล่อนก็เริ่มเรียกร้องมากขึ้นพร้อมทำท่าแสดงความเป็น

เจ้าของจนติณณ์เริ่มเบื่อหน่ายแม้ว่าสมรจะตอบสนองความต้องการของเขาได้มากอยู่


                “พี่อย่าเรื่องมากได้ไหม นี่มันเรื่องส่วนตัวของผมนะ”


               ติณณ์ขึ้นเสียงเมื่อสมรคร่ำครวญเพราะรู้ข่าวที่เขาไปคั่วอยู่กับนางเอกที่เล่นละครด้วยกัน


               “แต่พี่มีสิทธิ์นะ” สมรตรงเข้ามาทุบตีจนติณณ์นึกรำคาญ


               “พี่เสียเงินเสียทองให้เธอตั้งเยอะ อย่าลืมสิว่าถ้าไม่ได้เงินของพี่เธอจะมายืนอยู่ตรงนี้ไหม”


               ติณณ์โมโหมาก เขาผลักสมรให้ร่วงไปกองอยู่กับพื้นและระเบิดคำพูดออกมา


               “โอ๊ย อีนี่ เงินทองของมึงจะสักเท่าไหร่กันเชียว กูมาอยู่จุดนี้ได้เพราะความสามารถของกูและความเสียสละที่ต้องมาทนกับ

พวกผู้หญิงอย่างมึงนี่ต่างหาก อย่าคิดว่ามีมึงคนเดียวที่ให้กู คนอื่นที่เขาประเคนยิ่งกว่ามึงก็มีเยอะแยะ”


               สมรนิ่งงันอย่างไม่เชื่อหูเมื่อเห็นธาตุแท้ของเขา หล่อนกรีดร้องลั่นห้องในโรงแรมแห่งใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการซ้ำที่เดิมเพื่อ

ความปลอดภัยในชื่อเสียงของติณณ์ สมรลุกขึ้นจากพื้นและตรงเข้าทุบตีติณณ์ด้วยความเจ็บใจแต่แล้วหล่อนก็ต้องล้มพับไปกับพื้นอีก

ครั้งเมื่อถูกฝ่ามือของติณณ์ตบใส่ใบหน้าอย่างไม่ปรานีและจากไปอย่างอารมณ์เสีย


               นั่นเป็นครั้งสุดท้ายไม่นานมานี้ก่อนที่สมรจะถูกยิงตาย

               เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นเสียงริงโทนที่ติณณ์ตั้งไว้เป็นพิเศษปลุกในติณณ์ตื่นจากภวังค์ เขาเหลือบตามองรสรินที่กำลัง

ง่วนอยู่กับตารางงานของเขา ติณณ์ล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วกรอกเสียงไปเบาๆ


               “ครับพี่”


               “ไงล่ะ เตือนแล้วไม่เคยฟังว่าอย่าไปยุ่งกับพวกแฟนคลับ”


               เสียงเข้มดังมาจากอีกฝั่งจนติณณ์ถอนหายใจ


               “คนเรามันก็พลาดกันได้ครับ อย่าซ้ำเติมนักเลย”


               “แล้วคราวนี้จะเข้าใจเวลาพี่สอนหรือยัง ว่าการมีชื่อเสียงในวงการนี้มันไม่ง่าย ถ้ายังไม่อยากดับก็อย่าดื้อกับพี่ จำไว้พี่ปั้น

ติณณ์มาก็ทำลายติณณ์ได้เหมือนกัน”


             ติณณ์ชิงชังคำพูดในทำนองทวงบุญคุณเช่นนี้เหลือเกิน

               แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าของค่ายที่เขาสังกัดอยู่ และให้โอกาสกับเขาจนกระทั่งได้รองชนะเลิศการแข่งขันรายการเรียลลิตี้

และยังป้อนงานละครให้อีกทำให้ติณณ์ไม่อาจตัดรอนได้เหมือนสมร


               “โธ่พี่ ผมไม่เคยดื้อกับพี่เลยนะ พี่ให้ผมทำอะไรผมก็ทำ ว่าแต่คืนนี้จะให้ผมไปช่วยคลายเครียดไหมครับ”


               ส่งเสียงประจบเบาๆเพราะเกรงรสรินจะได้ยิน อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมา


               “ก็ได้ อยากพักผ่อนอยู่เหมือนกัน แต่อยู่นานไม่ได้นะเดี๋ยวอีแก่ที่บ้านจะสงสัย ไปรอที่คอนโดก็เหมือนเดิมนะติณณ์”


               เสียงโทรศัพท์ตัดไปแล้ว ติณณ์ได้แต่นึกหยันอยู่ในใจเมื่อฝั่งโน้นคือนักธุรกิจที่มีหน้ามีตาในสังคมแถมยังได้ชื่อว่ารัก

ครอบครัวมาก ใครจะนึกว่าคนระดับนั้นจะมีความสัมพันธ์กับศิลปินในสังกัดที่ไม่ใช่มีเพียงติณณ์แน่ๆ

               ทั้งหมดคือความลับของติณณ์ ที่เขาจะไม่มีวันให้หลุดออกไปสู่สังคมภายนอก เขาจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่ากว่าจะก้าวมาถึงความ

สำเร็จเช่นนี้ ติณณ์ผ่านอะไรมาบ้าง

               ความลับของติณณ์จะต้องเป็นความลับตลอดไป
               

                                        TBC

                            :z2: :z2:



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-10-2016 21:38:45
 o22
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-10-2016 21:42:07
เอิ่มมมมม
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-10-2016 21:46:34
เริ่มเข้าสู่ความดาร์กก็ตอนติณณ์ออกมานี่ล่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-10-2016 23:01:06
ทุกคนล้วนน่าสงสัยไปหมด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 30-10-2016 01:56:32
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ
ลงชื่อรอติดตามต่อไป  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 30-10-2016 11:53:49
ปมมาเยอะขึ้นนะครับ รออ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-10-2016 12:27:13
เออหว่ะ เฮ้ยยย สนุกดีอ่ะ ตลกสุดเขตคนอะไรมันจะห้าวกร๊าวใจได้ขนาดนี้ว่ะ (กวนตีน) 5555 ชอบอ่ะ ชอบพาลี ผู้ใหญ่ลีด้วย น่ารักกก นิ่งๆใจเย็นเป็นคนดี อร๊ายยแอบดูดวงตัวเอง 555 มีแอบเขินหน้าแดงกำแพงเตี้ยลงละ >//////<  ดูๆไปต่างขั้วแบบนี้มันก็สมกันดีนะ 5555555 //จู่ๆก็คิดไปถึงตอนสองคนนี้มีไรกัน แล้วแบบ ทำไมมันฟินงี้ว่ะ คิดไปไกลมาก 555555555 //ใครคือคนร้ายนะ ผู้จัดการติณณ์ป่าวว่ะ เดา 55555555 ใครที่ไม่อยากให้ความลับลั่วไหลหรือใครที่คิดว่าเป็นชู้ ใครๆ ใครที่มันสั่งฆ่า รอติดตามตอนต่อไปค่ะ สนุกกกกกกกกกกอ่ะ เออชอบๆ  :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 30-10-2016 12:28:01
โหเข้มข้นมากอ่ะ

อ่านละเครียดเลย
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-11-2016 00:57:59


                                                              คดีรักนักดูดวง

                                                                   บทที่ 5


               สุดเขตทักทายเพื่อนร่วมงานในโรงพักก่อนจะเดินไปยังมุมกาแฟเล็กๆ เขาชงกาแฟสำเร็จรูปแล้วยกขึ้นเป่าไล่ไอร้อนและจิบ

ช้าๆขณะเดียวกับที่ดวงตาจ้องมองไปยังผู้ชายวัยเกือบห้าสิบ เจ้าของหุ่นเจ้าเนื้อศีรษะเถิกไปเกือบจะครึ่งหนึ่งก้าวออกมาจากห้องเล็กๆ

โดยมีเพื่อนตำรวจที่ช่วยสืบสวนตามออกมาติด


               “ห่าเอ๊ย เมียถูกยิงตายก็แย่พออยู่แล้ว เสือกมาโดนกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าเมีย ซวยชิบหาย”


               เสียงดังเกินจะเรียกว่าบ่นดังขึ้นจากเขาคนนั้น เสี่ยพิชัย


               สุดเขตจำได้ตั้งแต่เห็นใบหน้าของเสี่ยพิชัยจากรูปที่ทีมสืบสวนแจงงานให้ทราบเมื่อเกิดเหตุคุณนายสมรถูกยิงตายใหม่ๆเมื่อ

ประเด็นพุ่งตรงไปยังสามีที่มีข่าวระหองระแหงกัน เขานึกถึงประวัติของเสี่ยพิชัยที่ได้ฟังมาว่าเป็นเจ้าของโชว์ รูมรถยนต์หรูนำเข้าที่มีไม่กี่

เจ้าในประเทศไทย

               ฐานะของเสี่ยพิชัยจึงเรียกได้ว่ามีอันจะกินเข้าขั้นเศรษฐี และเพราะมีธุรกิจด้านรถยนต์นำเข้าเสี่ยพิชัยจึงมีบุคลิกทันสมัย

นอกจากนี้เสี่ยพิชัยยังมีธุรกิจอื่นๆอีกมากเช่นตลาดสดที่ให้เช่าที่โดยมีคุณนายสมรภรรยาของเขาดูแลอยู่ เสี่ยพิชัยเองก็มีข่าวความเจ้าชู้

ตามประสาคนรวยโดยมีคุณนายสมรตามจับได้อยู่เนืองๆ ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววจะเลิกรากัน แต่มาระยะหลังไม่กี่เดือนที่

ผ่านมานี้ที่แม่ค้าในตลาดสดนินทากันสนุกปากว่าเสี่ยพิชัยกับคุณนายสมรมีเรื่องจนถึงขั้นลงมือลงไม้จนคุณนายสมรมีใบหน้าบอบช้ำมา

เก็บค่าเช่า

               ในตอนนี้เสี่ยพิชัยตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในคดีสังหารโหดคุณนายสมรภรรยาของเขา


               “ว่าไงบ้างวะ”


               สุดเขตเดินไปหาเพื่อนตำรวจที่รับหน้าที่สืบสวนเสี่ยพิชัยเพื่อถามความก้าวหน้า เพื่อนตำรวจของสุดเขตทำหน้านิ่วเมื่อตอบ

กลับมา


               “ก็ทะเลาะกับเมียจริงๆนั่นแหละ เสี่ยแกไปได้ข่าวว่าเมียมีกิ๊กแต่ก็ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา ช่วงนี้ทะเลาะกันหนักถึงขั้นตบตี

แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าเป็นคนลงมือสั่งฆ่าหรือเปล่า”


               “คงไม่ยอมรับง่ายๆหรอก”


               สุดเขตตอบเพื่อนก่อนจะแยกไปศึกษาข้อมูลที่ฝ่ายสืบสวนได้รับทั้งหมด เขากำลังวิเคราะห์ว่าเรื่องผัวเมียทะเลาะกันจะเป็น

เหตุจูงใจให้ถึงกับต้องกำจัดคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานเป็นสิบปีได้หรือไม่ หรือว่ามันจะมีอะไรที่มากไปกว่าเรื่องชู้สาวที่ทุกคนกำลัง

พุ่งประเด็นอยู่

               บางทีการสืบสวนแค่การให้ปากคำของผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตายอาจจะยังไม่เพียงพอ และในฐานะที่สุดเขตอยู่ในทีมสืบสวนด้วย

เขาอาจจะต้องหาวิธีเสาะหาข้อมูลทางอื่นเพิ่มเติม

               แต่ในเวลานี้สุดเขตยังนึกไม่ออกว่าเขาควรจะทำเช่นใดเพื่อให้ได้ความจริงทั้งหมด






               เสี่ยพิชัยฟาดฝ่ามือไปกับพวงมาลัยรถยนต์หรูของเขาอย่างฉุนเฉียว เขาไม่นึกว่าการสอบสวนจะยาวนานเช่นนี้ในเมื่อเขาเป็น

สามีของคนตายแท้ๆ แต่เพราะข่าวที่ว่าเขาระหองระแหงกับสมรกลับกลายเป็นชนวนให้ตำรวจสงสัยว่าเขาเป็นคนทำ

               เสี่ยพิชัยและสมรแต่งงานกันมายี่สิบกว่าปีมีบุตรด้วยกันถึงสามคนจนลูกคนโตเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ชีวิตครอบครัวในช่วง

หลังทั้งคู่อยู่ด้วยความจำเป็นของหน้าตาในสังคมโดยแท้ ธุรกิจที่เติบโตของเสี่ยพิชัยทำให้เขาต้องมีการติดต่อกับเอเย่นและลูกค้ามาก

หน้าหลายตา พิชัยจึงไม่ค่อยได้มีความสัมพันธ์อันดีกับภรรยาที่แยกห้องนอนกันหลายปีแล้ว

               สาเหตุที่ทำให้เสี่ยพิชัยและสมรมีปากเสียงกันคงเริ่มมาจากในสองถึงสามปีที่ผ่านมาสมรมักจะไปดูดวงตามสำนักโหรต่างๆที่

มีชื่อเสียงโด่งดัง เวลาที่หมอดูหลอกให้ทำอะไรเพื่อเสริมดวงสมรก็จะไม่รอช้าแม้ว่าจะเสียเงินเป็นจำนวนมาก


               “เงินของฉันคุณอย่ามายุ่ง”


               สมรเถียงเมื่อเสี่ยพิชัยต่อว่า สมรเองก็ไม่เคยยอมลงให้เขาเพราะหล่อนเองก็ถือตัวว่ามาจากครอบครัวมีฐานะไม่แพ้กัน ทำให้

ทุกครั้งที่มีปากเสียงก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเพราะไม่มีใครยอมใคร


               “ไอ้พวกนั้นมันหลอกเอาเงิน ยังจะไปโง่ให้มันหลอกอีก”


               เสี่ยพิชัยตวาดใส่หน้าภรรยาอย่างไม่ยอมแพ้ สมรรีบสวนทันควัน


               “ฉันทำเพื่อความสบายใจของฉัน อย่ามายุ่งได้ไหม ทีคุณไปนอนกับนังพริตตี้ขายรถฉันยังไม่ยุ่งเลยนะ คนเขารู้กันให้ทั่วคิดดู

ว่าฉันอายแค่ไหน”


               เพราะภรรยาเถียงกลับทำให้เสี่ยพิชัยยิ่งโมโห เขาถึงกับขึ้นมึงขึ้นกูในประโยคถัดไป


                “แล้วมันผิดตรงไหนกูเป็นผู้ชายโว้ย จะหาเศษหาเลยบ้างใครเขาจะมาว่าได้ แค่นี้อายเหรอ แต่เสือกเอาเรื่องครอบครัวไปเล่า

ให้ไอ้พวกหมอดูฟัง โอ๊ย กูอยากจะบ้า”


                 เสี่ยพิชัยทุ่มเถียงเช่นนี้กับสมรบ่อยๆจนประสาทจะกิน และพักหลังเขาก็ยิ่งโมโหเมื่อรู้ว่าสมรนำเงินทองละลายในสิ่งที่เรียก

ว่าแฟนคลับนักร้องแถมยังติดตามไปเกือบทุกงานจนไม่มีเวลาดูแลลูกและทำงาน ทำให้เสี่ยพิชัยยิ่งโกรธหนักมากขึ้นไปอีก

                 ความกรุ่นโกรธจนยากจะระบายทำให้เสี่ยพิชัยตัดสินใจขับรถไปที่สนามแข่งรถแห่งหนึ่ง เขาเป็นพวกนิยมความเร็วจึงได้มา

ทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์ เสี่ยพิชัยจอดรถที่ลานจอดรถด้านนอกก่อนจะเดินเข้าไปภายในอย่างคุ้นเคย เขามองไปยังรถแข่งคันหนึ่งที่กำลัง

ซ้อมขับรถด้วยความเร็วสูงอยู่เพียงคันเดียวในสนาม เสี่ยพิชัยรอจนกระทั่งรถคันนั้นแล่นเข้ามาจอดและคนขับรถก้าวลงมาเสี่ยพิชัยจึงเดิน

ตรงไปหา


                   “วันนี้มาหาถึงที่ แต่ทำหน้าแบบนี้เครียดเรื่องเมียตายหรือครับ”


                  “อย่าปากมากจะได้ไหม”


                   พิชัยเสียงแข็งตอบ แต่ครั้นมองเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังเม้มปากและขมวดคิ้วลงพิชัยจึงถอนหายใจออกมา


                   “ฉันอารมณ์เสียนิดหน่อย อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้จะดีกว่า เรื่องแข่งว่าไงซ้อมไปถึงไหนแล้ว”


                  ได้รับรอยยิ้มกลับคืนมา ร่างสูงในชุดแข่งรถลากแขนพิชัยให้เดินกลับมายังห้องพักนักกีฬา


                  “เวลาดีขึ้นเยอะ ผมไม่ให้เสียชื่อคุณที่เป็นสปอนเซอร์ให้ผมหรอกน่า”


                  เสี่ยพิชัยเพิ่งจะมีรอยยิ้มแรกของวันนี้ เขาหยุดเดินเมื่อถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ร้างผู้คนพร้อมกับยกมือดึงอีกฝ่ายเข้าหาตัว


                    “รู้ตัวก็ดีแล้ว จำไว้ให้ตลอดก็แล้วกันว่าฉันเสียเงินเสียทองไปเท่าไหร่กว่าจะทำให้นายกลายเป็นมืออาชีพแบบนี้ สำนึก

บุญคุญให้มากๆล่ะ”


                     เขาสบตาอย่างรู้กันกับนักแข่งรถก่อนจะหาความสุขที่อีกฝ่ายมอบให้ ถึงแม้ว่าเสี่ยพิชัยจะชอบความฉอเลาะของบรรดา

พริตตี้ทั้งหลาย แต่นี่เป็นอีกหนึ่งความสุขสมที่ไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้มาเนิ่นนานโดยเฉพาะภรรยา

                     บางช่วงเวลาเสี่ยพิชัยก็ออกจะโล่งใจที่สมรจากเขาไปโดยไม่ล่วงรู้ถึงความลับของเขา







                   สุดเขตกลับมาพบพาลีอีกครั้งเมื่อสมบัติติดต่อไป เขามองเห็นสีหน้าของพาลีมีความยุ่งยากใจซ่อนอยู่ขณะเดินกลับมาที่

รถยนต์ของพาลี


                  “เป็นเหี้ยอะไรทำหน้าเหมือนตูดเป็ด”


                   “พ่องตาย”


                   สุดเขตถึงกับหัวเราะร่าเมื่อเจอคำด่าจากพาลี เขารู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาเมื่อแหย่ให้พาลีโกรธได้


                   “เจอคำหว่านล้อมของผู้กองจนไปไม่เป็นล่ะสิมึง”


                   พาลีหันไปมองสุดเขตเหมือนอยากใช้เขาเป็นที่ระบายอารมณ์


                    “ตำรวจสืบสวนอย่างพวกมึงทำแบบนี้กับพยานทุกคนหรือเปล่าวะ”


                    “ก็เกือบนะ” สุดเขตยักไหล่ “ถ้าพยานคนนั้นท่าทางมีประโยชน์ต่อรูปคดี มึงควรภูมิใจสิว้าที่ได้ช่วยเหลือทางการ”


                   “กูยังไม่เห็นหนทางเลยว่ากูจะช่วยได้ตรงไหน”


                      พาลีส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เขาก็เป็นแค่หมอดูที่ดูดวงให้ลูกค้าไปวันๆ แค่มีเอี่ยวกับเรื่องนี้คือสมรเป็นลูกค้าของเขา

เท่านั้น พาลีนึกไม่ออกว่าตำรวจจะได้ข้อมูลจากไหนที่ต้องพึ่งพาเขา


                       ยังไม่ทันจะพูดอะไรกันมากไปกว่านั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของพาลีก็ดังขึ้น พาลีมองชื่อที่ปรากฏบนจอว่าเป็นคนรู้จักจึง

กดรับสาย


                    “สวัสดีครับพี่ทิพย์”


                     พาลีทักทายปลายสายที่เป็นเจ้าของระบบดูดวงทางโทรศัพท์ ชื่อน้ำทิพย์ที่พาลีทำงานให้อยู่ น้ำทิพย์รีบส่งเสียงมาอย่าง

ตื่นเต้น


                  “ลีจ๋า เจ้มีข่าวดี”


                พาลีย่นหัวคิ้ว ดูจากดวงตัวเองแล้วเขานึกไม่ออกว่าอะไรคือข่าวดีที่ทำให้น้ำทิพย์โทรมาหา


               “ข่าวอะไรครับพี่”


                  “คืองี้” น้ำทิพย์ขยายความ “เมื่อกี้นี้รายการทีวีรายการหนึ่งเขาติดต่อพี่มาว่าจะมีช่วงสัมภาษณ์ดารา เขาอยากได้หมอดูไป

ดูดวงให้แขกรับเชิญออกทีวีน่ะ พี่ก็เลยเสนอชื่อลีไปเพราะว่าลีดูดวงแม่นและทำเงินให้พี่มากที่สุด”


                 “แต่ผมไม่อยากออกทีวีนะครับพี่ทิพย์”


                 พาลีค้านเสียงหลงจนสุดเขตมองด้วยความสงสัย


                  “ลีจ๋า” น้ำทิพย์ใช้น้ำเสียงเช่นนี้ออดอ้อนเพื่อให้ได้ตามต้องการทุกครั้ง


                   “ถ้าลีออกรายการนี้นะ ลีก็จะดังมากขึ้นไปอีก แล้วคนที่โทรเข้ามาดูดวงก็ต้องเลือกลี คราวนี้ทั้งลีทั้งพี่ก็จะได้เงินเพิ่มอีก

เยอะเลย นะลีนะ ช่วยพี่หน่อยเถอะ”


                   อันที่จริงพาลีไม่อยากได้เงินมากไปกว่าเดิม แต่เขาขัดใจน้ำทิพย์ไม่ได้ต่างหาก เพราะอีกฝ่ายก็คงจะส่งเสียงอ้อนเขาไม่

ยอมเลิกจนกว่าจะได้ดังใจ


                “แขกรับเชิญเป็นใครฮะพี่ทิพย์”


                 “พระเอกใหม่ที่ชื่อติณณ์ไงล่ะ ลีรู้จักไหม ที่มาจากรายการประกวดร้องเพลงน่ะ”


                พาลีสะดุ้ง เขาหันไปมองหน้าสุดเขตพลางลดระดับมือให้โทรศัพท์ห่างจากปากเพื่อไม่ให้เสียงดังเข้าไป พาลีเล่าเรื่องอย่าง

รวบรัดที่สุดให้สุดเขตฟัง สุดเขตนิ่งอย่างใช้ความคิดและพยักหน้าให้พาลี


                “เอาจริงเหรอ”


                 พาลีถามย้ำ สุดเขตยืนยันด้วยการพยักหน้า พาลีจึงตอบตกลงสร้างความยินดีให้แก่น้ำทิพย์เป็นอย่างมาก แต่พาลีกลับยืน

หน้าเครียดเมื่อวางหูจากน้ำทิพย์จนสุดเขตต้องตบบ่าเบาๆ


                “มึงอย่ากลัวไปสิไอ้ผู้ใหญ่ลี”


                 สุดเขตเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


                 “กูจะอยู่ข้างๆมึง รับรองความปลอดภัยจากนายตำรวจระดับท็อปเท็นของรุ่น มึงไว้ใจกูน่า”


                    พาลีไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมถึงสบายใจขึ้นเมื่อได้ยินคำสัญญาจากปากของสุดเขต เขาถอนหายใจระบายความอึดอัด

ก่อนจะพยักหน้ารับ สุดเขตฉีกยิ้มให้เขา


               “มึงนี่หวาดระแวงไม่เลิก ไปกลับร้านมึงไปเตรียมตัวไอ้พระเอกนั่นได้แล้ว กูขับรถให้มึงเอง ไปนั่งฝั่งโน้นเลย”


               สุดเขตแย่งกุญแจรถมาจากพาลี เขาชี้ให้พาลีเดินอ้อมไปนั่งฝั่งข้างคนขับและตัวเขาเองก้าวไปที่นั่งคนขับ จากนั้นสุดเขตก็

บังคับให้รถยนต์ของพาลีมุ่งตรงไปบนท้องถนน

               การจราจรโล่งเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน สุดเขตจึงขับรถโดยใช้ความเร็วพอสมควร เขาขับรถเพลินจนกระทั่งมองเห็น

รถยนต์จากเลนซ้ายพุ่งปาดด้านหน้า สุดเขตรีบเหยียบเบรกอย่างรวดเร็วจนพาลีตกใจตามไปด้วย


               “เฮ้ย ชิบหายแล้ว!”


               สุดเขตสบถดังลั่นเมื่อรถของพาลีไม่ยอมหยุดและยังพุ่งด้วยความเร็วเดิม สุดเขตพยายามประคองพวงมาลัยรถให้นิ่งที่สุด

ก่อนที่มันจะพุ่งไปชนรถคันอื่นจนกระทั่งรถยนต์ของพาลีไปเบรกเข้ากับเกาะกลางถนน พาลีตกใจจนแทบสิ้นสติเมื่อเขาตัวลอยจากเบาะ

ดีที่คาดเข็มขัดนิรภัยมิเช่นนั้นเขาคงจะพุ่งออกนอกรถ

               และเมื่อรถยนต์นิ่งสนิทพร้อมกับความเสียหายที่ด้านหน้าของกระโปรงรถ สุดเขตและพาลีจึงได้หันขวับเข้าหากัน


               “เป็นอะไรไหม”


               สุดเขตรีบเอ่ยถาม เขาสำรวจพาลีด้วยความเป็นห่วง


               “ไม่เป็นอะไร ปลอดภัยดี”


               คำตอบของพาลีทำให้สุดเขตหมดกังวลไปเปราะหนึ่ง หากแต่ความกังวลเรื่องอื่นก็ยังมีมากจนสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความ

ตึงเครียด


               “ไอ้ลี กูคิดว่ารถของมึงถูกตัดสายเบรกว่ะ”


               พาลีอ้าปากค้าง ใบหน้าของเขาซีดจนเกือบเท่ากระดาษ


               “มึงว่าไงนะ”


               สุดเขตพูดย้ำให้พาลียิ่งตกใจ


               “กูคิดว่ามึงกำลังถูกปองร้ายว่ะไอ้ลี”
               


              TBC


                    :katai1: :katai1:



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 02-11-2016 06:25:50
โหแต่ละคนมีความลับซุกซ่อนทั้งน้าน

ลุ้นมากเลยค่า
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-11-2016 09:15:16
ดูเหมือนเสี่ยพิชัยจะไม่ใช่คนสั่งฆ่า (แต่ก็ยังวางใจไม่ได้) แล้วใครกันนะที่ทำ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-11-2016 09:40:33
ใครเป็นคนร้ายนะ มีแต่คนน่าสงสัย คู่ขานักแข่งของเสี่ยหรือแม้แต่นักร้องนักแสดงที่พาลีกำลังจะไปดูดวงออกรายการ :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-11-2016 14:16:42
เจ้สมรกับสามีนี่นอกใจกันทั้งคู่
แล้วดูเหมือนจะไปเจอคนไม่ดีทั้งคู่เหมือนกัน
แล้วคนทำเจ้สมรก็คงเล็งผู้ใหญ่ลีแล้วแน่ๆ
ดีไม่ดีเสี่ยอาจตายก่อนเจอคนฆ่าเจ้สมรก็ได้ ลุ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 02-11-2016 16:36:53
ชอบๆ อ่านไปก็ลุ้นไป o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 02-11-2016 16:53:20
อะไรจะซับซ้อนขนาดนีั
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 02-11-2016 21:55:40
เราว่าเจ้าของค่ายแหละ กำจัดคุณนายสมร
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-11-2016 22:06:32
 :hao4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-11-2016 00:11:51
 :L2: :pig4:

น่าสนใจมากๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-11-2016 00:46:59
90%คิดว่ามันต้องเป็นการจ้างวานฆ่า อิอิ!! ใครที่จ้างวานฆ่าคิดว่าพาลีจะรู้ความลับอะไรจากสายสมรหรือเปล่าเลยกะจะเก็บด้วย เพราะก่อนตายนางร้องว่า“อย่าทำฉันเลย ฉะ ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใคร ยะ อย่า!” นางไปรู้ความลับของใครมาหรือว่าอย่างไร เกี่ยวกับติณณ์นี้น่าสงสัยมากสุดเพราะมันมีความลับเยอะ จะให้ใครรู้ไม่ได้ สงสัยไม่ผู้จัดการก็แฟนคลับว่ะ แต่ก็นะ สงสัยทุกคนเลย 5555555 ยกเว้นเสี่ย ไม่น่าใช่ อืมมมมมมม//รอตามค่ะ ลุ้นดีจัง ชอบสุดเขตชวนพาลีทะเลาะ 5555555 สุดเขตบอกชอบพาลีเหวี่ยง เออนี้ก็เหมือนกัน ดูแง้วๆ น่ารัก 555555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 03-11-2016 10:28:14
ลุ้นมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 03-11-2016 13:29:40
ตอนนี้เดาอยู่2คน คู่ขาเสี่ยกะคู่ขาติณณ์
รออ่านรอลุ้นตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-11-2016 16:41:33
อู้หู!

สนุกมาก!
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-11-2016 00:33:33
 :katai1:
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-11-2016 13:00:49

                                                                     คดีรักนักดูดวง

                                                                         บทที่ 6


                 กว่าจะกลับมาถึงห้องแถวของพาลีก็เย็นจนเกือบค่ำ สุดเขตแจ้งเหตุกับสมบัติเจ้านายของเขาเรื่องอุบัติเหตุและจัดแจงเรื่อง

ประกันรถในขณะที่พาลียังยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถยนต์ของพาลีถูกนำไปอู่ที่สุดเขตไว้ใจเพื่อตรวจสอบสภาพรถว่ามีการตัดสาย

เบรกจริงหรือไม่ หลังจากนั้นสุดเขตจึงพาเขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทั้งที่พาลีบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรสุดเขตก็ยังไม่ยอม


               “ไม่ได้เป็นเหี้ยอะไร หน้าผากมึงกระแทกกับกระจกรถดังโครมขนาดนั้น ถ้าความโง่ของมึงรั่วออกมาเป็นมลพิษต่อสิ่ง

แวดล้อมจะทำยังไง”


                ในที่สุดพาลีก็ต้องยอมให้สุดเขตลากไปโรงพยาบาลและกลับมาพร้อมยาคลายกล้ามเนื้อ เขาคิดมากเรื่องที่สุดเขตบอกว่า

เขาถูกปองร้ายจนใบหน้ามีแต่ความเคร่งเครียด สุดเขตมองอย่างนึกเห็นใจ


               “ทำใจดีๆโว้ย อย่าเพิ่งตาย”


              “สัส ไปไกลๆเลยไอ้เขต”


               พาลีอยากจะประเคนฝ่าเท้าให้สุดเขตเสียเหลือเกินแต่เขาก็ยกเท้าไม่ไหว ความปวดเมื่อยร้าวระบมมาเยือนจนแทบจะขยับ

ตัวไม่ได้แม้จะไม่ได้มีบาดแผลสักแห่งนอกจากรอยเขียวช้ำที่หน้าผาก


             “เป็นไงบ้างวะ”


             สุดเขตถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างไม่รู้ตัว เห็นสภาพที่พาลีขยับตัวช้าๆพร้อมกับนิ่วหน้าก็พอจะเดาอาการได้ว่าตอนนี้พาลีคง

ขัดยอกไปหมดทั้งร่าง


             “ปวดไปหมดจนไมกล้าขยับ กูก็ไม่ได้มีแผลตรงไหนทำไมแม่งระบมแบบนี้วะ”


             “แรงกระแทกของรถตอนชนไงมึง ไม่มีแผลแต่ก็ทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ นี่ดีนะว่าเป็นกูขับ ถ้าเป็นมึงขับแบบเงอะงะแล้วสาย

เบรกถูกตัดจริง ป่านนี้ไปเฝ้ายมบาลแล้ว”


              พาลีไม่กล้าเถียง เขาเห็นด้วยกับสุดเขตในเรื่องนี้เพราะพาลีขับรถยนต์ไม่แข็ง สุดเขตรู้ได้จากตอนที่พาลีขับรถไปโรงพักใน

ช่วงเช้า


               “รีบไปกินยาแล้วนอนพักดีกว่าว่ะไอ้ลี แต่ว่ามึงจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนไหวไหมวะสภาพแบบนี้”


              พาลีกะพริบตาปริบๆขณะประเมินร่างกายตนเอง เขายันกายลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้อย่างยากลำบาก เสียงโอดโอยลอดออกมา

เบาๆจนสุดเขตนึกสงสาร


               “ทำท่าแบบนี้พรุ่งนี้ก็ขึ้นไปไม่ถึงหรอก มานี่ ขี่หลังกูไปดีกว่า”


              พาลีชะงักเมื่อสุดเขตก้าวมายืนอยู่ตรงหน้า เขารีบละล่ำละลักปฏิเสธ


              “เฮ้ย ไม่เป็นไร กูว่ากู่ค่อยๆเดินขึ้นไปเองก็ได้ เราไม่ใช่เด็กกันแล้ว”


              “มึงอย่าหยิ่งหน่อยเลย”


              สุดเขตส่ายหน้า


             “แค่กูช่วยเหลือมึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย ขึ้นมาขี่หลังกูเร็วๆเข้าไอ้ผู้ใหญ่ลี”


             พูดจบสุดเขตก็หันหลังให้พาลีและย่อตัวลง พาลีมองแผ่นหลังกว้างก่อนจะตัดสินใจโน้มตัวลงไปบนแผ่นหลังนั้นพร้อมกับใช้

แขนสองข้างโอบคล้องเกี่ยวกันรอบคอสุดเขต  รอจนสุดเขตลุกขึ้นยืนจึงค่อยใช้ขาเกี่ยวไปรอบเอวสุดเขตกันตก ส่วนสุดเขตก็ใช้มือยึด

ต้นขาของพาลีไว้และพาเดินขึ้นบันได

               พาลีปล่อยให้สุดเขตพาขึ้นชั้นบนของตัวตึกไปอย่างเงียบๆ เขาได้แต่ลอบมองท้ายทอยตลอดจนหลังหูของสุดเขตแล้วยิ้ม

โดยไม่ให้สุดเขตเห็น เหตุการณ์วันนี้ทำให้พาลีรู้ว่าในช่วงเวลาคับขันที่เขายังตกใจอยู่สุดเขตกลับควบคุมอารมณ์และช่วยแก้ไข

สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงความมีน้ำใจที่สุดเขตมีให้เขา

                 บางทีพาลีอาจจะต้องมองสุดเขตในอีกแง่ดีขึ้นโดยไม่ปล่อยให้อคติมาบังตา


               “เอ้า ถึงแล้ว เห็นตัวผอมๆเสือกหนักชิบหาย”

   
                สุดเขตวางพาลีลงใกล้เตียงนอน


               “ไปอาบน้ำแล้วแดกยาแก้ปวดซะจะได้นอน อ้าว แล้วทำไมหน้าแดงอีกแล้วล่ะ หรือว่าคราวนี้เป็นไข้”


              “กูไม่ได้เป็นไข้”


               พาลีก้มหน้าพูดเสียงเบาจนสุดเขตส่งเสียงดุ


             “อย่าดื้อสิวะ มานี่ซิ”


                สุดเขตดึงแขนพาลีที่ทำท่าจะหนีเขาให้เข้ามาใกล้ เขาหลังยกมืออังหน้าผากพาลีและพูดราวกับตนเองเป็นผู้ใหญ่กำลังดุ

เด็กดื้อ


              “ตัวมึงรุมๆเหมือนเป็นไข้จริงๆด้วย อย่าอาบน้ำเลยเดี๋ยวอาการหนัก”


             “ไม่อาบได้ไง ทั้งเหงื่อทั้งกลิ่นควันรถ เหม็นตายห่ากูนอนไม่ลงหรอก”


             พาลีพยายามค้านแต่กลับถูกฝ่ามือหนาของสุดเขตผลักให้เสียหลักไปบนเตียง


             “กูเช็ดตัวให้มึงเอง”


             สุดเขตตัดสินใจในขณะที่พาลีตาเหลือก


            “เหี้ย ไม่ได้โว้ย มึงจะเช็ดตัวให้กูเนี่ยนะ”


             “ทำไมจะไม่ได้ เกิดสะดิ้งขึ้นมาอีกล่ะมึง อยู่เฉยๆอย่าลีลา”


            สุดเขตเท้าเอวมองอย่างระอา


             “ไหน ผ้าขนหนูเช็ดตัวมึงมีหรือเปล่า บอกกูมาว่าเก็บอยู่ตรงไหน”


              พาลีมองสุดเขตตาคว่ำแต่สุดเขตมองกลับด้วยสายตาคาดคั้นเขาจึงยอมบอก สุดเขตเดินไปค้นในตู้เสื้อผ้าตามที่พาลีบอก

ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำด้านนอกและกลับเข้ามาพร้อมกะละมังใส่น้ำ


               “กูเช็ดเองก็ได้”


               พยายามแย่งผ้าขนหนูผืนเล็กที่สุดเขตบิดน้ำจนหมาดแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดเขตส่ายมือหนีจนพาลีต้องยอมแพ้


               “ถอดเสื้อกับกางเกงออกสิวะ ยิ่งช้าไข้ยิ่งสูงนะมึง”


               สุดเขตบังคับ เขาเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของพาลีออกอย่างรวดเร็วและคาดคั้นให้พาลีถอดมันออกรวมทั้งกางเกงจน

เหลือแต่กางเกงชั้นในสีขาวตัวเดียวที่ยังปกปิดสายตา สุดเขตใช้ผ้าขนหนูเช็ดใบหน้า ลำคอ แขนขาและลำตัวให้พาลีในขณะที่พาลีนั่ง

เงียบมองการกระทำของสุดเขตที่ทำให้กำแพงในหัวใจของเขาแทบจะพังทลายไปหมดสิ้น


               “เฮ้ย”


               พาลีสะดุ้งจากภวังค์ เขารีบหยุดมือของพาลีที่ทำท่าเหมือนจะยกขอบกางเกงในของเขาขึ้น


               “ทำเหี้ยอะไรไอ้เขต”


               “อ้าว ก็เช็ดจู๋มึงไง”


               สุดเขตเลิกคิ้วหน้าตาใสซื่อ


               “ไม่เช็ดมันหมักหมมเชื้อราแดกตายห่า”


               “เอาผ้ามานี่ ตรงนี้กูเช็ดของกูเอง”


               พาลีหน้าแดงก่ำโดยไม่ใช่เพราะไข้แน่ๆ เลือดลมพากันตีวนอยู่บนใบหน้าจนรู้สึกได้ชัดเจน เขาดึงผ้าขนหนูจากมือของสุด

เขตแล้วล้วงเข้าไปเช็ดเจ้าน้องชายลวกๆก่อนจะโยนผ้าใส่กะละมังน้ำ


               “สาแก่ใจมึงหรือยังไอ้เหี้ยเขต”


               สุดเขตหัวเราะเบาๆ เขานึกเอ็นดูใบหน้าง้ำที่มองเขาตาคว่ำ ดูออกว่าอีกฝ่ายคงขัดเขินที่ต้องมาโป๊ต่อหน้าเขา ทั้งที่สุดเขต

ชินเสียแล้วจากการที่ต้องอยู่กับเพื่อนผู้ชายสมัยเรียนตำรวจ


               “มึงจะเช็ดหน้าอีกรอบไหมวะเดี๋ยวกูบิดน้ำให้”


               “เช็ดพ่องง” พาลีด่า


               “มีมึงคนเดียวในโลกมั้งที่เอาผ้าที่เช็ดจู๋แล้วกลับมาเช็ดหน้า ไป มึงเอาน้ำไปทิ้งเดี๋ยวนี้”


               สุดเขตหัวเราะลั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เขายกกะละมังน้ำออกไปนอกห้อง พาลีรีบฉวยโอกาสนั้นรีบหาชุดนอนจากตู้เสื้อผ้ามาใส่

จากนั้นเขาก็รีบกลับมาคลุมโปงหนีหน้าสุดเขตอยู่บนเตียง


               ได้ยินเสียงสุดเขตเปิดประตูกลับเข้ามาแต่พาลีก็ยังนอนนิ่งอยู่ในโปงจนกระทั่งสุดเขตดึงผ้าห่มออก


               “อย่าเพิ่งนอน ลุกมาแดกยา”


               “กูไม่ชอบกินยา”


               “จะแดกดีๆหรือต้องให้กูลงมือดัดขามึงอีกสักท่อนหือไอ้ลี”


               นั่นแหละพาลีจึงได้ยอมลุกขึ้นมารับยากับแก้วน้ำที่สุดเขตส่งให้ เขากลืนยาลงคอเหมือนเด็กที่ถูกผู้ปกครองบังคับให้กินยา

ขม ดื่มน้ำหมดแก้วเขาก็กระแทกแก้วคืนใส่มือสุดเขต


               “กูแดกแล้ว มึงก็ไปไกลๆตีนกูเหอะ กูจะนอน”


               พูดจบพาลีก็หนีหน้าสุดเขตด้วยการล้มตัวลงนอนซุกกายในผ้าห่มอีกครั้ง เขาหลับตาหนีจึงไม่ทันได้เห็นความห่วงใยที่ฉาย

อยู่ในดวงตาคมของสุดเขตจนกระทั่งพาลีหลับไปด้วยฤทธิ์ยา




               หลับไปนานเท่าใดพาลีก็ไม่รู้ รู้แต่เขาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดของห้องเพราะเสียงตุ๊บเหมือนเสียงของหนักๆร่วงหล่น

พาลีปรับสายหน้าให้ชินกับความมืดแล้วจึงผงกหัวขึ้นมองไปรอบๆห้อง เขาเห็นสุดเขตกำลังนอนหน้านิ่วอยู่บนพื้นห้องข้างๆโซฟานั่นเอง

               แอบยิ้มอยู่ในความมืด พาลีลุกจากเตียงด้วยความสบายตัวมากขึ้น อาการปวดระบมบรรเทาไปบ้างแล้วเมื่อเขาลุกจากเตียง

ก้าวเดินไปหาสุดเขต


               “นอนยังไงให้ร่วงได้วะ”


               สุดเขตแยกเขี้ยวใส่พาลีที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่พลางดันกายขึ้นนั่ง


               “โซฟาแม่งเท่าแมวดิ้นตาย มึงลองมานอนดูบ้างไหมล่ะ”


               พาลีเห็นใจสุดเขตขึ้นมาครามครัน เขานึกถึงน้ำใจที่สุดเขตช่วยเขาเมื่อหัวค่ำจึงเอ่ยปากออกไปอย่างลืมตัว


               “ไปนอนบนเตียงกับกูก็ได้”


               “พูดแล้วห้ามคืนคำนะมึง”


               สุดเขตทำตาโต เขารีบคว้าหมอนและผ้าห่มไปที่เตียงของพาลีอย่างรวดเร็วราวกับกลัวพาลีจะเปลี่ยนใจ ส่วนพาลีนั้นเมื่อรู้สึก

ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็นึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองนักที่เป็นฝ่ายเปิดโอกาสไปสู่ความใกล้ชิดที่เขาเองเป็นคนตั้งกำแพงไว้ แต่ในเมื่อพูดไป

แล้วพาลีก็ไม่อยากเสียคำพูดจึงทำได้แค่เดินกลับไปล้มตัวลงนอนยังฝั่งที่เขานอนอยู่และยกเท้าเขี่ยสุดเขตเบาๆ


               “นอนคนละฝั่ง ห้ามล้ำแดน”


               “โอ๊ย ไอ้คนหวงถิ่น มึงไม่เยี่ยวรดแสดงความเป็นเจ้าของเสียเลยล่ะวะ นอนได้แล้วกูง่วง”


               สุดเขตหันมาต่อว่าไม่จริงจังก่อนจะหลับตาลง พาลีเม้มปากแน่นก่อนจะตะแคงกายหันหลังให้สุดเขตและหลับตาลงตาม




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-11-2016 13:07:55
ต่อกันตรงนี้...



                ติณณ์พ่นบุหรี่เป็นควันยาวขณะนั่งพิงหัวเตียง ร่างกายของเขามีเพียงผ้าเช็ดตัวพันปกปิดท่อนล่างไว้หลวมๆกลางเตียงกว้าง

ที่มีร่องรอยสมรภูมิรบเต็มไปหมด เขาใช้เท้าเขี่ยซากถุงยางอนามัยใช้แล้วสามชิ้นที่กระจายอยู่บนเตียงลงพื้นอย่างไม่ยี่หระรวมทั้งหลอด

เจลใสที่ถูกบีบจนหมดหลอดด้วย

               เขาหันไปตามเสียงเปิดปิดของประตูห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนของคอนโดมิเนียมชานเมือง ชายคนหนึ่งรูปร่างเตี้ยกว่าเขา

เล็กน้อย ใบหน้าบ่งบอกว่าอยู่ในวัยสี่สิบเศษแต่ดูแลตนเองดีเสมอจนไม่มีไขมันส่วนเกินบนร่างกาย ชายคนนี้ปรากฏอยู่ในเนื้อหาข่าวทั้ง

แวดวงบันเทิงและแวดวงธุรกิจ เขาเป็นเจ้าของค่ายบันเทิงที่ติณณ์สังกัดอยู่


               “สบายตัวไหมครับคุณกิจ”


               ติณณ์ยิ้มเอาใจเมื่อเจ้าของนามศุภกิจเดินมาถึงเตียงนอน แต่รอยยิ้มของติณณ์ก็ต้องหุบลงเมื่อศุภกิจคว้าบุหรี่จากปากของ

เขาขยี้ลงไปบนที่เขี่ยบุหรี่


               “บอกแล้วไงว่าอย่าสูบบุหรี่ใกล้ๆพี่”


               ศุภกิจเอ็ดเสียงเข้ม


               “ควันบุหรี่มันจะติดตัวพี่ไป ถ้ามีคนสงสัยจะลำบาก”


               “ครับพี่กิจ ผมขอโทษ”


               ติณณ์กัดฟันฝืนยิ้มและเอ่ยออกไป เขานึกเคืองที่อีกฝ่ายขัดขวางความสำราญแต่ก็ต้องอดทนเพราะศุภกิจยังมีประโยชน์กับ

เขา ติณณ์ดึงศุภกิจให้นั่งลงมาเคียงข้างและโอบกอดเอาใจ

               ติณณ์ลักลอบมีความสัมพันธ์กับศุภกิจมานานแล้ว ตั้งแต่เขายังเป็นผู้เข้าแข่งขันรายการเรียลลิตี้ที่ศุภกิจเป็นเจ้าของ มีอยู่ครั้ง

หนึ่งที่ทีมงานพาผู้เข้าแข่งขันไปพบกับเจ้าของค่าย และติณณ์ก็ได้สบตากับศุภกิจครั้งแรกในวันนั้น คนอย่างติณณ์มีหรือจะดูไม่ออกถึง

ความนัยของสายตาที่สบกัน

                ไม่นานหลังจากนั้นก็มีรถยนต์คันหนึ่งมารับติณณ์จากสถานที่ถ่ายทำรายการไปในยามดึก เขาถูกพาตัวมาที่คอนโดมิเนียม

แห่งนี้ซึ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นสถานที่ที่ศุภกิจมีไว้ใช้สำหรับ “คลายเครียด”

               ข้อเสนอถูกยื่นให้แต่ติณณ์ก็ไม่ปฏิเสธโอกาสตรงหน้า แม้ว่าเขาจะเป็นเสือผู้หญิงแต่เมื่อต้องกระทำกับผู้ชายด้วยกันก็ไม่ใช่

เรื่องยากสำหรับติณณ์ที่จะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ ศุภกิจทำตามสัญญาคือดันให้ติณณ์ก้าวขึ้นไปถึงรองแชมป์และผลักดันงานละครให้เล่น

เป็นพระเอกในเวลาต่อมาแลกเปลี่ยนกับการที่เขาต้องมาช่วยให้ศุภกิจ “คลายเครียด” บ้างตามที่ศุภกิจสั่ง


               “ที่ถูกเรียกตัวไปสอบสอนเป็นไงบ้าง”


               ศุภกิจไต่ถามอย่างอารมณ์ดีขึ้นเมื่อหนุ่มใต้สังกัดเอาอกเอาใจ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ติณณ์ก็สบถออกมา


               “ใครจะไปนึกว่ามันจะเกิดเรื่อง”


               ติณณ์พูดอย่างหงุดหงิด


               “ผมมีอะไรกับยายคุณนายนั่นเพราะเขาเปย์หนักก็เลยเอาใจหน่อย แต่กำลังจะหาทางเลิกเพราะเบื่อปากผู้หญิง เรื่องมันก็มา

เกิดขึ้นเสียก่อน”


               “ผู้หญิงน่ะน่าเบื่อ”


               ศุภกิจกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงดูแคลน


               “รักใครชอบใครก็ทุ่มเทให้เขาหมด โดยไม่สนใจว่าคนที่ตัวเองทุ่มให้จะสนใจหรือเปล่า”


               “แต่พี่กิจก็ใช้คุณสมบัตินี้หากินกับผู้หญิงอยู่นะครับ”


               ติณณ์เอ่ยสัพยอกอย่างรู้ทันพลางใช้มือของเขาลูบไล้ร่างกายอีกฝ่ายอย่างรู้ใจว่าชอบให้สัมผัสจุดไหน


               “ช่วยไม่ได้ ก็อยากโง่กันเอง แล้วยิ่งมาเจอคนอย่างนายด้วยแล้ว น่าสงสารผู้หญิงพวกนั้นชะมัด”


               สงสารตัวเองด้วยเถอะ


               ติณณ์รำพึงอยู่ในใจ เขามองศุภกิจด้วยความสมเพช


               ชีวิตของติณณ์จะไม่หยุดอยู่แค่ค่ายละครกระจอกๆแค่นี้แน่ ความฝันในวงการบันเทิงยังอีกยาวไกลและติณณ์พร้อมจะทำทุก

อย่างให้เขาได้ไปถึงฝั่งฝัน ตอนนี้เขาจะใช้ศุภกิจเป็นสะพานให้เขาเดินข้ามและเมื่อไหร่ที่ติณณ์ก้าวถึงอีกฝั่งเขาจะไม่หันกลับมามอง

สะพานอย่างศุภกิจอีกต่อไป

               แต่ตอนนี้ศุภกิจยังมีความจำเป็นอยู่ ติณณ์จำต้องรักษาความสัมพันธ์ของเขากับศุภกิจนี้ไว้จนกว่าจะถึงวันนั้น


                “เพราะแบบนี้แหละผมถึงได้เบื่อผู้หญิง”


               ติณณ์ยิ้มเก๋อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่ทำให้แฟนคลับพากันพร่ำเพ้อ เขาผลักให้ศุภกิจล้มลงไปบนเตียงกว้างและซุกหน้า

ลงกับซอกคอ


               “พอได้มารู้จักพี่กิจและคลายเครียดให้พี่แล้ว ผมชักไม่อยากกลับไปหาผู้หญิงซะแล้วสิ”


               “ปากหวานนะติณณ์ อยากได้อะไรอีกล่ะ”


               ติณณ์ลอบยิ้ม เขาใช้มือนวดเฟ้นไปตามร่างกายของศุภกิจจนอีกฝ่ายดิ้นพล่าน


               “พรุ่งนี้จะปิดกล้องละครแล้ว ผมขอบทพระเอกแนวตบจูบอีกสักเรื่องได้ไหมครับพี่กิจ เรื่องแนวนี้ชาวบ้านชอบ”


               “อือ น่าสนใจนะ เดี๋ยวจะหาเรื่องมาให้ ติณณ์ พี่อยากอีกแล้ว...แต่ถุงยางล่ะ พี่ไม่อยากให้มีร่องรอย...”


               “ไม่ต้องกลัวครับพี่ ผมมีอีกกล่อง และผมจะไม่ทำให้ใครจับได้เด็ดขาดว่าพี่เป็นเมียผม”


               ก็แค่นี้

               ง่ายเหมือนปอกกล้วย

               ติณณ์ก็แค่ใช้ร่างกายที่เป็นสมบัติชิ้นงามให้เป็นประโยชน์ ใครๆก็อยากไปถึงจุดหมายและเขาจะทำทุกทางอย่างเช่นตอนนี้ที่

ติณณ์กำลังทำอยู่ เมื่อเขาเริ่มต้นบทราคะบทใหม่กับศุภกิจอีกครั้ง



                   TBC

            :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-11-2016 13:28:18
ตอนพาลีกับสุดเขตอยู่ด้วยกันน่ารักดี
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-11-2016 13:43:19
ติณณ์ก็คงเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยแต่ไม่น่าจะใช่ฆาตกร :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-11-2016 13:54:07
เอิ่มตินนนน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 05-11-2016 16:18:28
คนแบบติณณ์นี่... โอ้โหแฮะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 05-11-2016 17:43:26
 ไอ้นักร้องนี่มันน่าโดนแม่ยกแก้แค้นด้วยการตัดเจี้ยวจริงๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-11-2016 17:43:43
ไอ้คุณกิจนี้แหล่ะ มี%เป็นคนว่าจ้างฆ่ามาก  เดา 555 //สุดเขตกับพาลีเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แต่เถียงกันอย่างกับเด็ก มีความน่าร๊ากกกกกกก ขำความปากจัดสุดเขต แหย่ได้แหย่ดี แหย่ให้เขาเหวี่ยง ทำตาคว่ำใส่ละชอบนักนะ 55555555 พาลีก็น่ารักอ่อนๆ มีแอบเขินเขาด้วยอะ วุ้ยๆ กำแพงจะพังตอนไหน ยิ่งได้ไปนอนด้วยกันนะ ทีนี้ละ อื้อออออออ กำแพงพังแน่ๆ 55555 ว่าแต่ใครจะกลิ้งไปกอดใคร คอยดูเถอะ 555555 //ชอบบบค่ะชอบๆ สงสัยแม่งทุกคน 55555 ตามติดต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-11-2016 17:56:37
พาลีเหมือนจะดื้อแต่ก็ยอมสุดเขตตลอด

ดูเหมือนเกือบทุกคนในเรื่องนี้จะลักลอบมีความสัมพันธ์ซ้ำซ้อนกันทั้งนั้นเลย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-11-2016 18:27:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 05-11-2016 19:28:04
กำลังมันเลย ใครนะที่เป็นผู้ร้าย :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 05-11-2016 19:31:09
โหห นิยายน้ำดี สนุกกกกเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: thanapontigy ที่ 05-11-2016 19:54:27
Dark นิดๆ สนุกดีค่ะ
:hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-11-2016 20:24:27
 :m20: สุดเขต อยากเช็ดมากกกกนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-11-2016 23:40:43
คือดี~
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-11-2016 21:08:23


                                                                       คดีรักนักดูดวง

                                                                           บทที่ 7


               ลืมตาตื่นมาในตอนเช้าตามปกติแต่ในเช้าวันนี้พาลีกลับมองเห็นใบหน้าของสุดเขตเป็นสิ่งแรกเขาถึงกับสะดุ้งโหยง จน

กระทั่งนึกขึ้นได้ว่าเขาเองนั่นแหละที่อนุญาตให้สุดเขตมานอนบนเตียงเดียวกันเมื่อยามดึก พาลีรีบเลื่อนสายตาลงมาจึงเห็นเพิ่มเติมอีก

ว่าลำตัวของเขาอยู่ห่างจากสุดเขตที่นอนตะแคงข้างหันหน้าชนกันกับเขาเพียงแค่ไม่ถึงสองคืบ

               มันไม่ได้ใกล้จนถึงกับอยู่ในอ้อมกอด แต่มันก็ไม่ไกลเกินกว่าจะทำให้หัวใจของพาลีเต้นรัวเหมือนตอนฝึกกระโดดหอสมัย

เรียนรด. ยกเว้นเพื่อนสนิทอย่างซีซั่นและบอมเมื่อตอนยังเด็กเขาก็ไม่เคยนอนร่วมเตียงเดียวกับใครอีก พาลีแปลกใจที่ความรู้สึกมันช่าง

แตกต่าง สุดเขตไม่เหมือนบรรดาเพื่อนสนิทของเขาแม้แต่นิดเดียว

               มองเห็นเปลือกตาของสุดเขตขยับยิกๆพาลีรีบยันกายขึ้นนั่งและขยับหนีให้ระยะห่างกว้างจากเดิมในขณะที่สุดเขตยกแขนบิด

ขี้เกียจก่อนจะลืมตาเต็มที่และหันมามองเขาพร้อมคำถาม


               “ฟื้นแล้วเหรอมึง”


               “กูยังไม่ตาย สัส”


               นั่นคือคำทักทายแรกของวันนี้ระหว่างพาลีและสุดเขต


               “ก็เห็นนอนเป็นตายจนกูเกือบจะโทรเรียกรถฉุกเฉิน”


               สุดเขตหยอกเย้าตั้งแต่เช้า เขาลุกขึ้นนั่งยืดเส้นยืดสายจากนั้นก็ลงมายืนข้างเตียงและเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการวิดพื้น

อย่างเช่นที่ทำเป็นประจำ พาลีมองอย่างนึกทึ่งเขาไม่แปลกใจเลยที่กล้ามเนื้อหน้าอกและต้นแขนของสุดเขตแน่นจนแทบปริขนาดนั้น


               “มองอะไร อย่ามัวแต่มอง มึงน่ะหัดออกกำลังกายบ้างเหอะ อย่ามัวแต่บ้าอ่านการ์ตูนหมกตัวอยู่ในห้อง หัดออกไปตากแดด

รับวิตามินอย่างคนอื่นเขาบ้าง ดูมึงสิทั้งผอมทั้งซีดเหมือนผีจีนแล้ว”


               “กูไม่ใช่ต้นไม้ กูไม่ต้องสังเคราะห์แสงด้วยแดด”


               พาลีไม่ชอบออกกำลังกาย เท่าที่เรียนรด.หรือนักศึกษาวิชาทหารเมื่อตอนมัธยมปลายพาลีก็ขยาดแล้ว ดีที่เขารับประทาน

อาหารไม่หนักมากนักรูปร่างจึงไม่ใช่คนเจ้าเนื้อ แต่ที่สุดเขตบอกว่าผอมแห้งนี่ก็ออกจะเกินไปหน่อย


               “นั่นแหละ แต่มึงก็ต้องฝึกออกกำลังกายไว้บ้างมันดีต่อสุขภาพ แล้วอย่าลืมว่าช่วงนี้มึงยังไม่ปลอดภัย ความคล่องตัวในการ

หลบหลีกก็จำเป็นนะมึง มานี่เลย”


               สุดเขตลุกจากท่าวิดพื้นและเอื้อมมือไปดึงแขนพาลีให้ลงมาจากเตียง


               “กูจะเป็นพี่เลี้ยงให้เอง ไหนมึงลองวิดพื้นให้กูดูหน่อย”


               พาลีจนต่อเหตุผลที่สุดเขตยกขึ้นมาอ้าง เขาคว่ำหน้าไปกับพื้นห้องและวิดพื้นอย่างคนไม่มีแรงได้แค่สองถึงสามครั้งกำลัง

แขนก็หมดต้องทิ้งตัวลงไปนอนหน้าคว่ำอยู่บนพื้นโดยมีสุดเขตยืนเท้าเองมองอย่างระอา


               “แค่ไม่กี่ทีก็หมดแรงแล้วไอ้ลีเอ๊ย ขนาดแขนมึงยังวางไม่ถูกตำแหน่งเลย ตอนม.ปลายมึงก็เรียนรด.ใม่ใช่หรือไง”


               “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบใช้แรง”


               พาลีอดหันไปเถียงไม่ได้


               “แล้วหลังจากสอบรด.ผ่านกูก็ไม่ได้ออกกำลังอีกเลย แล้วมึงจะให้กูใช้เป็นแต่แรงควายเหมือนมึงได้ยังไง”


               สุดเขตถอนหายใจ เขาย่อตัวลงไปคุกเข่าและใช้ท่อนแขนของเขาคร่อมไปบนแผ่นหลังและจับแขนของพาลีให้ตั้งตรงถูก

ตำแหน่ง


               “อะ คราวนี้มึงลองออกแรงวิดพื้นอีกรอบ ท่านี้เลยนะ”


               พาลีออกแรงโดยให้กำลังอยู่ที่หัวไหล่ แขนของเขาได้มุมกับลำตัวดีขึ้นจนใช้แรงน้อยกว่าเก่าทำให้เขาวิดพื้นได้มากขึ้นจน

ได้เกือบครบสิบพาลีก็หมดแรงทิ้งกายลงไปกับพื้น และเมื่อพลิกกายกลับมาพาลีเพิ่งเห็นว่าสุดเขตยังคงย่อตัวอยู่ใกล้จบสบตาในระยะ

ประชิดหัวใจของพาลีก็พลันเต้นแรงทันที


               “เอ่อ ออกแรงจนเหงื่อออก กูไปอาบน้ำดีกว่า”


               พาลีหลบสายตา เขาผลักอกของสุดเขตให้พ้นพอที่เขาจะรีบเบี่ยงกายแล้วลุกหนีก้าวพรวดเปิดประตูห้องออกไปยังห้องน้ำ

ด้านนอกอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้สุดเขตมองตามด้วยใบหน้าอ่อนโยนอย่างที่น้อยคนนักจะได้เห็น

               บอกตามตรงว่าคืนที่ผ่านมาเขานอนหลับไม่สนิทนัก อาจเป็นเพราะกังวลในอาการของพาลี สุดเขตได้แต่นอนหลับๆตื่นๆขึ้น

มาดูว่าพาลียังมีไข้อยู่หรือไม่ และครั้งหนึ่งที่เขาตื่นมาก็พบว่าพาลีมาซุกตัวคุดคู้อยู่ชิดแผงอกจนสุดเขตอดไม่ได้ที่จะโอบแขนไปรอบลำ

ตัวนั้นเพื่อเพิ่มความอบอุ่นโดยที่พาลีไม่รู้สึกตัว

               สุดเขตตั้งข้อสงสัยกับความรู้สึกตัวเอง เขาไม่ชอบหน้านิ่งๆของพาลีเพราะมันดูหยิ่งยะโส ทำให้สุดเขตไม่เคยคิดจะทำความ

รู้จักสนิทสนมพาลีมากไปกว่าเพื่อนร่วมห้องที่นั่งห่างๆกันคนหนึ่งเท่านั้น หากแต่เมื่อได้มาใกล้ชิดกันเพราะเหตุร้ายจึงทำให้สุดเขตรู้ว่า

เขาเข้าใจผิด พาลีไม่ได้หยิ่งเพียงแต่เป็นคนคิดถี่ถ้วนในทุกๆกรณีต่างหากพาลีจึงไม่ค่อยพูดจา และเหตุนี้ทำให้พาลีรู้สึกผิดไม่น้อย

                บางทีสุดเขตก็ควรจะมองพาลีในแง่มุมใหม่โดยไม่ใช้อคติมาบดบังตัวตนที่แท้จริงของพาลี






               วันนี้ในตู้เย็นมาวัตถุดิบมากพอที่พาลีจะทำกับข้าวง่ายๆให้สุดเขตและเขาได้กินกันมากกว่าไข่เจียวอย่างเช่นเมื่อวานนี้ ฝีมือ

ทำอาหารของพาลีนั้นดีพอจะทำให้สุดเขตแปลกใจ


               “เมื่อวานมึงแกล้งทำไข่ไหม้ใช่ไหมไอ้ลี”


               พอลิ้มชิมรสแล้วสุดเขตก็พอจะเดาได้ เขาจึงเงยหน้าถามอย่างคาดคั้นแต่พาลีก็ทำเพียงก้มหน้ากลั้นยิ้มขำเท่านั้น


               “แสบนักนะมึง”


               พาลีต้องฝึกทำอาหารเองตั้งแต่มารดาเสียชีวิตเพราะอยู่กับบิดาเพียงสองคนจนจบมัธยมปลาย ฝีมือด้านอาหารแม้จะไม่ได้

อร่อยเหมือนเชฟชั้นเลิศแต่ก็ทำได้ดีพอที่จะไม่น้อยหน้าใคร สุดเขตจึงกินอาหารมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยผิดจากเมื่อวาน


               “เออ ไอ้ลี เมื่อวานนี้มึงดูดวงให้กูบอกว่าจะเจอคู่ วันนี้มึงดูให้กูอีกรอบได้ไหม กูอยากรู้ว่าคู่ของกูเป็นยังไงบ้าง”


               พาลีสำลักอาหารจนคว้าแก้วน้ำมาดื่มตามแทบไม่ทัน เขาไอจนหน้าแดงก่ำ


               “มึงจะดูทำไมบ่อยๆ” พาลีพยายามแย้ง


               “ดูไปมันก็ไม่ได้บอกชัดเจนหรอกว่าเนื้อคู่มึงจะเป็นใครกันแน่”


               “เอ๊า ไอ้นี่ เวลาลูกค้ามึงเขาอยากดูมึงห้ามเขาแบบนี้หรือเปล่าวะ น่านะไอ้ลี กูอยากมีแฟนโว้ย กูเหงา”


               หายใจขัดขึ้นมาทันทีเมื่อปะทะกับสายตาอยากรู้อยากเห็น พาลีนึกไม่ออกว่าเขาจะหาข้ออ้างอะไรในการปฏิเสธ


               “บอกวันเดือนปีเกิดมึงมา”


               สุดเขตยิ้มแป้น เขารีบบอกออกไปทันที พาลีนั่งนิ่งคำนวณการตัวเลขไปครู่หนึ่งจึงได้เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามกด

ให้เรียบที่สุด


               “ดวงเนื้อคู่ของมึงเหมาะจะเป็นคนที่เกิดในดาวสี่หรือดาวพฤหัส เป็นคนสุขุมเยือกเย็นไม่ค่อยแสดงออก เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ

รักสงบ ยุติธรรมแต่ก็รักในศิลปะ ส่วนใหญ่จะมีอาชีพเป็นนักการเมือง ครูอาจารย์ หมอ ทนายความ และเอ่อ นักพยากรณ์”


               ปลายประโยคเสียงเบาหวิวจนแทบจะกลืนหายไปไหนลำคอ พาลีกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมกันกับที่สุดเขตกะพริบตาปริบๆ

เมื่อคุณสมบัติทั้งหมดที่พาลีเอ่ยมานั้นมันช่างเข้าเค้ากับตัวคนพูดเสียเหลือเกิน

               ส่วนพาลีนั้นพูดจบก็ได้แต่เม้มปากแน่น ด้วยความเป็นนักโหราพยากรณ์ทำให้เขาไม่อาจเอ่ยคำเท็จ และพื้นดวงของสุดเขต

เจ้าเรือนปัตนิก็กำลังมีดาวศุภเคราะห์กุมอยู่อันหมายถึงเกณฑ์คู่ครองอย่างไม่ต้องสงสัย


               “เหมือนมึงเลยเนอะ”


               สุดเขตพูดเสียงเบา เขาสบตากับดวงตาสับสนของพาลี


               “มึงก็อย่าไปยึดกับคำทำนายให้มาก” พาลีตอบกลับเสียงเบาพอๆกัน “ยังไงมันก็เป็นแค่สถิติ มันอาจจะมีผิดพลาดกันบ้าง”


               “แล้ว เอ่อ ไอ้ลี มึงเกิดวันอะไรวะ”


               พาลีสะดุ้งในใจ เขาได้แต่ใคร่ครวญคำตอบว่าจะตอบอะไรที่ไม่ให้เข้าตัว แต่ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็แผดดัง

ขัดจังหวะจนพาลีแทบจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารีบรับมันอย่างรวดเร็ว


               “ครับพี่ทิพย์”


               พาลีดีใจที่น้ำทิพย์โทรมาในเวลานี้ไม่ว่าธุระนั้นจะคืออะไรก็แล้วแต่ มันเปิดโอกาสให้เขาหลบจากสายตาคมคู่นั้นและทำที

เป็นสนใจกับน้ำทิพย์ทั้งที่ตอนนี้หัวใจของพาลีเต้นรัวไปหมด


               “ลีจ๋า โทษทีนะที่ต้องกวนแต่เช้า ลีจำเรื่องที่พี่จะให้ลีไปออกรายการวาไรตี้ได้ไหม”


               น้ำทิพย์รัวคำพูดมาราวกับกลัวว่าพาลีจะปฏิเสธ


               “รายการเขาแจ้งมาให้ไปพรุ่งนี้นะจ๊ะ”


               “พรุ่งนี้หรือครับ ทำไมเร็วจัง ไหนพี่ทิพย์บอกว่าอีกหลายวันไง”


               พาลีถามอย่างแปลกใจ


               “คิวเลื่อนกะทันหันน่ะ อีตาดาราที่ชื่อติณณ์น่ะสิ ตอนนี้มีข่าวเรื่องแฟนคลับตัวแม่ถูกยิงตายรายการก็เลยขอคิวด่วนเพื่อจะถาม

เรื่องนี้ด้วย”


               หัวคิ้วของพาลีย่นเข้าหากัน เขานึกถึงท่าทางเย่อหยิ่งที่เห็นบนโรงพักแล้วความหนักใจก็เข้ามาเยือน แต่เพราะรับปากกับน้ำ

ทิพย์แล้วพาลีจึงจำเป็นต้องรับคำ เขานิ่งฟังรายละเอียดเรื่องเวลาและสถานที่จากน้ำทิพย์อีกครู่หนึ่งจึงได้วางสาย สุดเขตที่ฟังบท

สนทนาข้างเดียวจากพาลีจึงได้รีบเอ่ยถาม


               “มีอะไรด่วนเหรอ”


               “ต้องไปถ่ายรายการกับนักร้องชื่อติณณ์พรุ่งนี้ รายการคงอยากเล่นข่าวที่อยู่ในกระแสล่ะมั้ง”


               สุดเขตพยักหน้ารับรู้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจังเมื่อเป็นเรื่องงาน


               “กูจะไปกับมึงเอง แต่จะไปสภาพปกติอาจจะไม่ดี เอางี้ เดี๋ยวกูแปลงโฉมเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่เสียหน่อยป้องกันเอาไว้ก่อน

ไอ้ลี ต่อไปนี้กูจะกลายเป็นคนขับรถลูกกระจ๊อกของมึงชื่อ ชื่ออะไรดีวะ ชื่อไข่ก็แล้วกัน มึงต้องเรียกกูว่าไข่ ห้ามหลุดเรียกชื่อจริงกูนะ”


               พาลีนิ่งฟังอย่างตั้งใจ แต่พอสุดเขตเอ่ยชื่อใหม่ของเขาให้พาลีฟัง พาลีก็หลุดหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่


               “คนเหี้ยอะไรชื่อไข่ ชื่อคนตายเพราะๆมีตั้งเยอะเสือกไม่เลือก”


               “เอาน่า ชื่อนี้แหละเท่ดีออก เหมาะกับคนขับรถหล่อๆอย่างกู”


               สุดเขตไม่รอช้า เขาโทรศัพท์สั่งการให้จ่าสุชาตินำแฟ้มข้อมูลของพาลีพร้อมทั้งอุปกรณ์ปลอมตัวของเขามาให้ที่ห้องแถว

ของพาลีและโทรศัพท์บอกให้คนขับรถที่บ้านนำรถมาให้ที่นี่เช่นกันเพราะรถของพาลีอยู่ในอู่ ในช่วงสายของวันจ่าสุชาติก็นำสิ่งที่สุดเขต

ต้องการมาให้ก่อน หลังจากนั้นไม่นานรถญี่ปุ่นรุ่นหรูคันโตสีดำเป็นมันปลาบก็มาจอดหน้าห้องแถวของพาลี เจ้าของห้องได้แต่อ้าปาก

ค้างเมื่อมองรถคันนั้น


               “พอดีพ่อกูเขารวย แต่กูน่ะเป็นตำรวจจนๆ ยืมพ่อมาใช้ก่อนว่ะให้สมศักดิ์ศรีหมอดูระดับประเทศอย่างมึงหน่อย”


               สุดเขตยักคิ้วแผลบ พาลีนึกขึ้นได้ว่าฐานะทางบ้านของสุดเขตมีอันจะกินถือว่าเข้าขั้นเศรษฐีในละแวกนั้น และเมื่อได้ข้อมูล

ของติณณ์มาแล้วสุดเขตก็ใช้เวลาศึกษาตลอดทั้งวัน เขาให้พาลีศึกษาข้อมูลของติณณ์ด้วย


               “ไม่ต้องเครียดมาก”


               สุดเขตเตือนก่อนจะบังคับให้พาลีเข้านอนแต่หัวค่ำ


               “ยิ่งเครียดก็ยิ่งมีพิรุธ มึงเป็นตัวของตัวเองก็พอ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของกูเอง”



มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-11-2016 21:12:42


ต่อกันตรงนี้...




                พาลีมาถึงสตูดิโอก่อนเวลานัดเล็กน้อย รถยนต์ที่เขานั่งมาเลี้ยวเข้าไปจอดในลานจอดรถอย่างนิ่มนวลด้วยฝีมือการขับของ

คนขับรถที่ชื่อว่าไข่ ซึ่งเมื่อพาลีเห็นนายไข่ครั้งแรกในตอนเช้านั้นเขาถึงกับทึ่งในการปลอมตัวของสุดเขต

               สุดเขตไล่พาลีให้ลงมารอที่ชั้นล่างในขณะที่เขาทำการแปลงโฉม ใช้เวลาไม่นานร่างสูงของสุดเขตก็ปรากฏที่บันไดจากชั้น

บน พาลีเบิกตากว้างเมื่อสุดเขตในวันนี้มีหนวดเครารกครึ้มผมเผ้ารุงรังกว่าเคย เขาสวมเสื้อลายสก็อตตัวเก่าและกางเกงยีนส์สีซีด มัน

ทำให้พาลีเกือบจำไม่ได้ว่านั่นคือสุดเขต


               “มองเหี้ยอะไร อ้อ มองอะไรครับคุณลี”


               นายไข่หันมาแยกเขี้ยวใส่พาลีที่เขาบังคับให้นั่งตอนหลังของรถ พาลีเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้าสุดเขต


               “เหมือนพวกทวงหนี้ว่ะ”


               “งั้นเอาเงินมาให้กูไอ้ลี ประเดี๋ยวทวงเสียจริงๆหรอก ไป ลงรถได้แล้ว”


               พาลีอมยิ้มขณะลงจากรถโดยมีสุดเขตก้าวตามลงมา


               “เดี๋ยว ไอ้ลี”


               สุดเขตคว้าแขนของพาลีไว้ เขามองอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย


               “ระวังตัวให้มาก เราไม่รู้ว่าไอ้ติณณ์อะไรนี่มันจะเกี่ยวข้องกับการตายของคุณนายสมรแค่ไหน อะไรที่รู้ว่าอันตรายห้ามเสี่ยง

เข้าใจไหม”


               หัวใจของพาลีไหวรัวเมื่อรับรู้ถึงความห่วงใยนั้นได้ รอยยิ้มอ่อนโยนจึงผุดขึ้นมาส่งคืนให้สุดเขต


               “รู้แล้ว กูไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหรอกน่า”


               ดวงตาทั้งสองคู่สบกันด้วยความเข้าใจราวกับกำแพงที่ต่างตั้งไว้ได้ถูกฝ่ายตรงข้ามทำลายลงไปจนมองเห็นกันและกัน จาก

นั้นพาลีก็เป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปในสตูดิโอโดยมีสุดเขตเดินตามไปห่างๆในฐานะคนติดตาม

               เดินเข้าไปในสตูดิโอที่แสนวุ่นวายด้วยผู้คน น้ำทิพย์รออยู่แล้วเธอแนะนำพาลีให้ฝ่ายประสานงานรู้จัก พาลีถูกพาไปที่ห้อง

แต่งตัวที่สุดเขตตามเข้าไปไม่ได้ เขาได้แต่มองตามพาลีด้วยความเป็นห่วง

               พาลีเพียงแค่ถูกไล้แป้งเบาๆและทาริมฝีปากด้วยลิปกลอส ผมของเขาได้รับการแต่งทรงตามสมัยนิยม ประกอบกับเสื้อเชิ้ตสี

อ่อนเมื่อสวมสูทพอดีตัวที่ทางรายการเตรียมไว้ให้เขากลับกลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีท่าทางสุขุมชวนมองจนกลายเป็นที่สะดุดตา

สำหรับคนที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาใหม่ในห้องแต่งตัวพร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าดทักทายจากบรรดาสาวประเภทสองที่เป็นช่างแต่งตัว พาลีหัน

ขวับไปตามเสียงและเขาก็ได้สบตาเป็นครั้งแรกกับติณณ์ แขกรับเชิญในวันนี้

                นักร้องนักแสดงสุดหล่อยิ้มทักทายคนในห้องแต่งตัวอย่างคุ้นเคย เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ถัดจากพาลีและปล่อยให้ช่างเสริม

สวยจัดการกับทรงผมของเขา ติณณ์พูดคุยอย่างอัธยาศัยดีผิดกับที่พาลีเคยเห็นที่โรงพักราวฟ้ากับเหว


               “มาช้าไปหน่อยขอโทษนะครับ”


               ติณณ์หันไปยกมือไหว้ทักทายเจ้าของรายการที่เดินเข้าห้องแต่งตัวมาหาเขา ทั้งคู่พูดคุยกันพักใหญ่ก่อนที่ติณณ์จะหันมา

มองพาลี


               “แล้วคุณคือนี้คือ?”


               “อ้าว พี่ก็ลืมแนะนำ” เจ้าของรายการสาวใหญ่เอ่ยขึ้น


               “คนนี้ชื่อน้องลี พาลีจ้ะ เป็นหมอดูชื่อดังที่สุดและหล่อที่สุดในยุคนี้ นี่พี่เองก็อยากให้น้องลีดูดวงให้นะ ถ่ายทำเสร็จก็ว่าจะ

รบกวนน้องลีหน่อย”


               ติณณ์ถือโอกาสพิจารณาพาลีอย่างสนใจ ใบหน้าของพาลีดูนิ่งขรึมและเยือกเย็น ดวงตาเรียวรับกับคิ้วดกดำที่โก่งรับพอดีกัน

จมูกโด่งปลายมนเข้ากับริมฝีปากหยักชวนให้ค้นหา สเน่ห์บางอย่างของพาลีทำให้ติณณ์มองจนพาลีอึดอัดแต่ก็ต้องฝืนยิ้มรับการทักทาย

จากติณณ์


               “สวัสดีครับคุณพาลี ผมติณณ์ฮะ วันนี้ดูดวงผมให้ละเอียดๆเลยนะครับ ช่วงนี้ดวงแย่เหลือเกิน”


               ติณณ์ยื่นมือมาตรงหน้า พาลีชะงักไปชั่วอึดใจก่อนจะยื่นมือออกไปจับกับมือนั้นเป็นการทักทาย


               กระแสบางอย่างผ่านวูบเข้ามาในหัวจนพาลีสะดุ้งเมื่อได้สัมผัสมือกับติณณ์ มันเป็นความรู้สึกคล้ายกับวันสุดท้ายที่ได้พบสมร

ไม่มีผิด ความรู้สึกนั้นที่เรียกว่าลางสังหรณ์นั่นเอง



                                                         TBC

     มีเรื่องสั้นมาฝากกันจ้า แนวใสๆไม่ใส่เสื้อผ้า ^^
     
          อภินืหารมนตรา จันทราสะกดใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56405.0)


            :hao3: :hao3:

หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 06-11-2016 21:30:11
มาแล้วๆๆ  หลังจากที่จะอ่านๆมาหลายวันในที่สุดก็ได้อ่านวันนี้

น้องชายลี(ญาติห่างๆญลี 555)  ช่างมีดวงที่น่ากลัวเกินเหตุมาก  คือ ลางสังหรแม่นเกิ๊น  และถ้ารอบนี้แม่นอีก  คงต้องให้ว่าที่(ผัว)เขตรดน้ำมนต์ซะแล้วววว 
ปล.เรื่องนี้อิรุงตุงนังมาก  ตั้งแต่ผัวคุณนายสมรยันติณ 
 :katai1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 06-11-2016 21:46:11
อย่าบอกนะว่านายตินจะโดนฆ่า :ling3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-11-2016 21:51:05
อ้าวถ้าพาลีจับมือติณณ์แล้วมีความรู้สึกคล้ายกับวันสุดท้ายที่ได้พบสมร

ไม่มีผิด อย่าบอกนะว่าติณณ์ก็อาจโดนฆ่าปิดปากด้วย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 06-11-2016 22:02:05
 o22
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-11-2016 22:12:37
สงสัยตินจะไม่รอด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-11-2016 22:21:49
 o13


มาต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 06-11-2016 22:30:56
อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับติณณ์
โดนพวกคู่ขายิงตายรึเปล่า  :hao3:

ว่าแต่ลีกับสุดเขตนี่เริ่มกิ๊กกั๊กกันแล้วรึเปล่าเนี่ย 55555 มีความน่ารักวรั๊ยยย  :hao6: :hao6:

 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-11-2016 22:32:46
เอาแล้วววววววยังไงละเนี้ย"เหมือนวันสุดท้าย+ลางสังหรณ์" ติณณ์มันจะ...???? เฮ้ยแล้วงี้ใครหว่ะ ใครๆ? จะเกิดไรขึ้น? สงสัยต่อไป //วู้ยยยยส์เนื้อคู่สุดเขต จะบอกว่าไม่เหมือนหรอก แต่มันใช่พาลีเลยล่ะ ไอ้คุณสมบัติที่กล่าวมาอ่ะ 55555 จบรายการนี้กลับไปอย่าลืมถามวันเกิดพาลีที่ค้างไว้นะ 555555555 อ้าวอะดิต่างคนเริ่มๆรู้มองกันใหม่ รู้สึกดีๆต่อกันมากขึ้น มีความเป็นห่วงเป็นใย กำแพงสั่นคลอน ใจมันสั่นหวิวๆอาร๊ายยยยยยยย ตรูเขิน >////< 555 ชอบอ่ะ ชอบ #พาลีสุดเขต รอตอนต่อไปเลยค่ะ มีความคืบหน้าคดียังไงรอตามค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-11-2016 22:34:22
 :L2: :L1: :pig4:

ลุ้นตัวโก่ง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-11-2016 08:26:08
คงไม่ใช่ว่าติณณ์จะตายเป็นรายต่อไปหรอกนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 07-11-2016 18:38:54
เริ่มแล้ว เริ่มหวานละนิดหนึ่ง   นี้ยังไม่มีชื่อว่าใครฆ่านะ เหมือนตัวละครยังออกมาไม่หมด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 07-11-2016 19:01:53
ติณจะโดนฆ่าเป็นรายต่อไปหรอคะ
ใครเป็นฆาตกรกันนะ
ติดตามค่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 07-11-2016 20:16:21
อ้าวววว

ติณห์พ้นข้อสงสัยเพราะกำลังจะตาย 55555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 7 [6/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yunchun ที่ 07-11-2016 21:26:30
สนุกๆๆๆๆ  ชอบนิยายแนวสืบสวนแบบนี้มากกกก
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-11-2016 01:13:12


                                                                            คดีรักนักดูดวง

                                                                                 บทที่ 8


               พาลีเตือนตัวเองให้ละทิ้งเจ้าลางสังหรณ์ตัวยุ่งไว้ก่อน มันอาจเป็นเพราะเขาตื่นเต้นและคิดมากเกินไปเรื่องติณณ์ พาลีฝืนยิ้ม

และกล่าวทักทายติณณ์ด้วยน้ำเสียงนุ่มๆของเขา


               “สวัสดีครับคุณติณณ์ ยินดีที่ได้รู้จัก”


               ยังไม่ทันได้คุยกันมากไปกว่านั้นติณณ์ก็ต้องหันไปให้ความสนใจกับทีมงานที่เข้ามาหาเพื่อส่งชุดคำถามให้เขา พาลีลอบ

ถอนหายใจที่ไม่ได้เป็นจุดสนใจของติณณ์อีก น่าแปลกที่เมื่อถึงเวลานี้เขากลับกระวนกระวายใจและคิดถึงใบหน้าของสุดเขตเป็นอันดับ

แรก พาลีได้แต่เตือนตัวเองให้ใจเย็นและควบคุมตนเองให้ได้


               “ต้องออกไปถ่ายรายการช่วงแรกแล้ว”


               เสียงของติณณ์ดังขึ้นใกล้ๆจนพาลีสะดุ้ง เขาหันไปฝืนยิ้มให้ติณณ์


               “เอ่อ ครับ”


               “พาร์ทของคุณพาลีคือพาร์ทที่สามของรายการสินะฮะ เดี๋ยวเจอกันครับ”


               น้ำเสียงนั่นดูสดใสร่วมกับใบหน้ายิ้มแย้มทำให้พาลีเดาไม่ออกเลยว่าคนอย่างติณณ์จะเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมได้อย่างไร

แต่พาลีก็ยังไม่ไว้วางใจเมื่อมองตามร่างสูงของติณณ์ที่กำลังเดินออกไปนอกห้องแต่งตัว พาลีทิ้งช่วงครู่หนึ่งจึงเดินตามออกไปด้านนอก

เขารีบเหลียวมองหาสุดเขตและพบว่าคนขับรถของเขายืนนิ่งอยู่ที่ฟากหนึ่งของสตูดิโอมึดสลัวสายตาของสุดเขตนั้นจับจ้องไปยังศิลปิน

ที่นั่งอยู่บนโซฟายาวบนเวทีท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องจนกลายเป็นจุดเด่น เบื้องหน้าของเวทีเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาแฟนคลับคับคั่ง

พร้อมป้ายไฟลานตา


               “เป็นไงบ้าง”


               สุดเขตรีบเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นพาลีเดินเข้ามาหา การที่ต้องอยู่ห่างจากพาลีแม้จะเพียงเวลาสั้นๆสร้างความกังวลให้สุดเขต

จนตัวเขาเองยังแปลกใจ


               “ไม่มีอะไรหรอก แค่ทักทาย”


               พาลีเองก็รีบตอบออกไป เขามองเห็นแววความห่วงใยจากดวงตาคมคู่นั้น มันทำให้แก้มของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหา

สาเหตุไม่ได้ พาลีเล่าข้อความที่ติณณ์พูดคุยกับเขาให้สุดเขตฟัง


               “แปลกนะ การแสดงออกผิดกับตอนที่เจอบนโรงพักลิบลับ”


               “เอ้า ก็เขาเป็นคนของประชาชน จะให้มาหน้าบึ้งหน้างอเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าตำรวจได้ไงวะ”


               ทั้งคู่เงียบเสียงลงเมื่อสัญญาณการถ่ายทำเริ่มต้น ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปที่กลางเวทีขณะที่พิธีกรป้อนคำถามทั่วๆไปและเรื่อง

ส่วนตัวโดยมีแฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดเป็นระยะตามที่ผู้กับเวทีส่งสัญญาณมือเมื่อการถ่ายทำช่วงแรกจบลง


               “ไอ้หมอนี่ มันดูกะล่อนดีนะ”


               สุดเขตเอ่ยขึ้นเบาๆพอให้พาลีได้ยินขณะเตรียมการถ่ายทำในช่วงที่สอง ติณณ์กำลังยืนพูดคุยกับแฟนคลับระหว่างพักเบรก

สุดเขตเห็นติณณ์สอดส่ายสายตามองหาอะไรบางอย่างก่อนที่สายตาของติณณ์จะมาหยุดอยู่ที่ผู้ชายข้างๆเขา

               พาลีแน่ๆที่ติณณ์มองและแถมท้ายด้วยรอยยิ้มระยะไกลส่งมาให้ด้วย สุดเขตหันขวับไปทางพาลีที่มีเพียงยิ้มฝืดเฝื่อนส่งคืน

เพียงแค่นั้นสุดเขตก็รู้สึกว่าอุณหภูมิของร่างกายพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที


               “แหม แค่ทักทายกันในห้องแต่งตัวแต่เหมือนสนิทกันมาตั้งแต่ชาติก่อนเลยนะ”


               ทำไมต้องพูดค่อนแคะสุดเขตก็ไม่เข้าใจตัวเอง แค่เห็นสายตาของติณณ์ยามมองพาลีแล้วสุดเขตนึกอยากจะตรงไปที่เวที

แล้วผลักใบหน้าของติณณ์ให้สายตาคู่นั้นพ้นไปจากชายหนุ่มที่ยืนข้างเขาในตอนนี้เสียเหลือเกิน ส่วนพาลีนั้นก็ได้แต่หันมามองสุดเขต

ด้วยความร้อนใจอย่างผิดวิสัยคนใจเย็นเช่นกัน


               “สนิทเหี้ยอะไร กูบอกแล้วว่าแค่ทักทายเชื่อกันบ้างสิ”


               ความจริงไม่ต้องอธิบายอะไรก็ได้แต่พาลีกลับรีบพูดออกไป เขาไม่อยากให้สุดเขตเข้าใจไปในทางผิดๆว่าติณณ์กับเขานั้น

พูดจาอะไรมากไปกว่าที่พาลีเล่าให้สุดเขตฟัง แต่ยังไม่ทันที่สุดเขตจะกล่าวอะไรต่อสัญญาณการถ่ายทำช่วงที่สองก็เริ่มต้นอีกครั้ง

ระหว่างการถ่ายทำทีมงานคนหนึ่งมาสะกิดพาลีให้ไปเตรียมตัวที่ข้างเวที เขาได้แต่ปรายตามองสุดเขตที่ยังมีทีท่ามึนตึงกับเขาก่อนจะ

เดินตามทีมงานไป

               ไม่นานนักการถ่ายทำช่วงที่สองก็จบลง ติณณ์รีบลุกจากเก้าอี้ตรงมาหาพาลี


                “รอนานไหมครับพาลี”


               ติณณ์ถือโอกาสเรียกพาลีอย่างสนิทสนม พาลีทำได้แค่เพียงพูดคุยตามมารยาทในขณะที่จิตใจยังกังวลถึงแต่สุดเขตแต่เขาก็

พยายามวางเรื่องทั้งหมดลงเพราะการทำงานของเขาเริ่มต้นขึ้นแล้ว ผู้กำกับเวทีเข้ามานัดแนะคิวการถ่ายทำกอ่นจะให้พาลีไปนั่งบน

โซฟาตัวเดียวกับติณณ์ หัวใจของพาลีเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้นที่จะต้องถ่ายทำรายการออกโทรทัศน์เป็นครั้งแรก

               พิธีกรสาวกล่าวเปิดเข้าสู่ช่วงที่สามพร้อมกับเกริ่นถึงสาเหตุที่ต้องเชิญหมอดูมาออกรายการเพราะช่วงนี้ติณณ์มีข่าวฉาวทั้ง

เรื่องความรักกับนางเอกค่ายเดียวกันและแฟนคลับถูกฆาตกรรม


               “พี่สมรเป็นแฟนคลับที่น่ารักมากครับ”


               ติณณ์กล่าวด้วยสีหน้าสลด


               “ไปทุกงานที่ผมออกอีเวนท์ ไม่นึกว่าจะมีคนใจร้ายทำกับผู้หญิงไม่มีทางสู้ได้ลงคอ ขอให้พี่สมรไปสู่สุขติ”


               “มีข่าวมากมายอย่างนี้คงต้องให้คุณพาลีหมอดูชื่อดังช่วยวิเคราะห์ดวงของคุณติณณ์แล้วล่ะค่ะ”


               พาลียิ้มรับ เขาดูดวงติณณ์ด้วยไพ่ยิปซี สำรับไพ่ถูกคลี่อยู่บนผ้ากำมะหยี่สีแดงอย่างชำนาญก่อนที่พาลีจะบอกให้ติณณ์เลือก

ไพ่มาทั้งหมดสิบใบ พาลีเรียงไพ่ตามตำแหน่งและกวาดตามองไพ่แต่ละใบที่หงายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
               


          ตำแหน่งเจ้าชะตา The nines of cups

               ความไม่สมบูรณ์ เจ้าชะตาแสวงหาอะไรบางอย่างมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย ใครเปิดได้ใบนี้จะมีรักซ้อนและมักจะมีความรักผิด

ประเภทหมายถึงรักในเพศเดียวกัน

               ตำแหน่งสถานการณ์ปัจจุบัน The moon

               ความขัดแย้ง การปิดบังอะไรบางอย่าง เล่ห์เหลี่ยม การหักหลังและความแปรปรวน มักจะมีความรักกับคนมีเจ้าของแล้ว

               ตำแหน่ง สิ่งที่มุ่งหวัง Wheel of fortune

               ความทะเยอทะยาน ความเจริญของความก้าวหน้า การเริ่มต้นไปสู่สิ่งใหม่ๆอย่างที่ใจปรารถนา

               ตำแหน่งอดีตที่ผ่านมา The threes of swards

               เต็มไปด้วยความหงุดหงิดวุ่นวายใจอันเนื่องมาจากการทรยศหักหลังหรือความสัมพันธ์ที่แตกหัก

               ตำแหน่งอิทธิพลในอดีตที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน The queens of pentacles

               สตรีที่มีฐานะร่ำรวย มั่นคงด้านวัตถุ

               ตำแหน่งอนาคต The Tower

               ความหุนหันพลันแล่น ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุและการสูญเสีย

               ตำแหน่งปัญหาและการแก้ไข The hanged man

               ความสูญเสียล้มละลาย การตกอยู่ในสภาวะลำบากหาหนทางแก้ไขไม่ได้ การรอคอยและอดทนคือการแก้ไขที่ดีที่สุด หรือ

อาจจะต้องเสียสละอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ผลที่ดีกลับคืนมา

               ตำแหน่งสถานการ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง The kings of wands

               ชายสูงวัยที่มีอำนาจหน้าที่ใหญ่โตหรือเป็นเจ้าของกิจการ

               ตำแหน่งความคิดที่ซ่อนเร้น The devils

               การเอารัดเอาเปรียบ ความลุ่มหลงในอบายมุขทั้งปวง หลงใหลในกามโลกีย์ ยึดติดกับวัตถุนิยม สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้

ได้ดังใจปรารถนาแม้จะรู้ว่าผิดก็ตาม

               ตำแหน่งบทสรุป The tens of swards

               การหลั่งน้ำตาและชีวิตที่ขาดความสุข ความโชคร้ายเศร้าโศกเสียใจ ต้องออกจากงานหรืออาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหรืออาจ

เกิดการสูญเสีย

               
                พาลีกลืนน้ำลายเมื่อเขาเปิดไพ่ใบสุดท้าย ภาพบนไพ่คือคนที่นอนคว่ำหน้าและมีดดาบคมกริบทั้งสิบปักลงไปบนร่างตั้งแต่

ศีรษะไล่เลียงเกือบตลอดตัว มันเป็นไพ่ที่พาลีคิดว่าเลวร้ายที่สุดในสำรับแต่ติณณ์กลับหยิบได้มันมา รวมถึงไพ่ใบอื่นก็ไม่มีใบไหนที่น่า

ชื่นชมทั้งสิ้น สมองของพาลีหมุนติ้วเมื่อคิดว่าเขาจะทำนายดวงของติณณ์ไปสู่สาธารณชนเช่นใดให้ดีที่สุด


               “คุณติณณ์เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมากๆครับ”


               พาลีเอ่ยด้วยเสียงนุ่มของเขา เสียงนั้นกังวานไปทั่วสตูดิโอกดให้ผู้ชมหยุดทุกอย่างเพื่อฟังการทำนายจากพาลี


               “อะไรที่คุณติณณ์ต้องการก็จะพยายามแสวงหามาจนได้ สิ่งที่มุ่งหวังของคุณติณณ์ก็คือหน้าที่การงานที่ดี อนาคตที่สดใส แต่

ก็ต้องระวังกับความใจร้อนเพราะจะทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นได้ง่าย คุณติณณ์จะต้องใจเย็นลงและอดทนมากๆ อาจจะ

ต้องยอมแลกบางอย่างเพื่อไปให้ถึงความสำเร็จอย่างที่ต้องการ”


               พาลีมองหน้าไพ่อีกรอบแล้วจึงเงยหน้ายิ้มให้พิธีกรและติณณ์ที่นิ่งฟังอย่างตั้งใจ


               “ส่วนเรื่องความรัก เพราะความเพอร์เฟ็คของคุณติณณ์ทำให้มีสาวๆเข้ามาติดพันหลายคน ขอให้ระวังสับรางให้ดีไม่ใช่รถไฟ

ชนกันและสืบดีๆว่าผู้หญิงมีแฟนแล้วหรือเปล่า ระวังคนมีเจ้าของแล้วนะครับมันจะยุ่ง สุดท้ายผมก็ขอแนะนำอย่างหนึ่ง”


               พาลีสบตาติณณ์อย่างจริงจัง


               “หาเวลาไปทำบุญสะเดาะเคราะห์หน่อยนะครับ ที่ไหนก็ได้ สิ่งร้ายๆที่จะเข้ามามันจะได้ไม่เข้ามาข้องแวะในชีวิตของคุณ

ติณณ์”


               พิธีกรสาวกล่าวสรุปให้เขา พาลีโล่งใจที่ติณณ์ไม่มีทีท่าจะตกใจหรือวิตกกังวล เสียงปรบมือดังลั่นสตูดิโอให้กับพาลีเมื่อ

พิธีกรกล่าวปิดช่วงที่สาม ทันทีที่เสียงผู้กำกับเวทีสั่งหยุดกล้องพาลีก็ถอนหายใจออกมา เขารีบลุกจากเก้าอี้ในขณะที่ติณณ์ยังวุ่นวายอยู่

กับคนจัดคิวและก้าวตรงมาหาสุดเขตอย่างรวดเร็ว


               “เสร็จแล้ว”


               พาลีเป่าปากอย่างโล่งอกที่การทำงานลุล่วงไปได้ด้วยดี น้ำทิพย์ที่ยืนชมการถ่ายทำอยู่ด้วยตรงดิ่งมาหาเขาและชื่นชมออก

หน้าออกตา


               “ลีจ๋า ขึ้นกล้องมากรู้ไหม หล่อระเบิด”


               น้ำทิพย์คล้องแขนพาลีไว้อย่างสนิทสนม


               “รู้จักกันมาเป็นปีเพิ่งจะเห็นลีของพี่หล่อสุดๆวันนี้เอง ขนาดแฟนคลับของติณณ์ยังมองตาเป็นมัน แถมยังทำนายดวงติณณ์

ออกมาดีมากเลย ลีของพี่จะต้องดังเปรี้ยงๆและรายได้ก็จะเข้ามาเต็มกระเป๋า”


               น้ำทิพย์ใส่เป็นฉากๆโดยไม่เปิดโอกาสในพาลีได้พูดแม้แต่คำเดียว พาลีเพียงยิ้มรับรอให้น้ำทิพย์หยุดพูดไปเอง


               “เอ๊ะ แล้วนี่ใคร”


               น้ำทิพย์เพิ่งจะสังเกตเห็นสุดเขตในสภาพซอมซ่อที่ยืนข้างๆพาลี หล่อนจึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยพบหน้ามา

ก่อน


               “คนขับรถของผมครับพี่ทิพย์ ชื่อ เอ่อ ชื่อนายไข่”


               “ไข่”


                น้ำทิพย์หัวเราะอย่างสุดกลั้น


               “ชื่อดารามีเยอะแยะ ทำไมไม่เลือกไปใช้สักชื่อ คนอะไรชื่อไข่ ตลกจัง แล้วนี่ทำไมน้องลีถึงต้องมีคนขับรถด้วยล่ะ หรือว่า

เตรียมตัวขึ้นแท่นเป็นหมอดูแถวหน้า”


               “ไม่ใช่หรอกครับพี่ทิพย์ รถผมเข้าอู่ก็เลยยืมรถญาติมาใช้ ผมขับรถรุ่นนี้ไม่คล่องก็เลยยืมตัวคนขับมาด้วย เอ่อ พี่ทิพย์ ผม

ขอตัวกลับก่อนนะครับ”


               พาลีเอ่ยตัดบทเพราะหางตาเหลือบเห็นว่าบนเวทีนั้นการถ่ายทำเสร็จสิ้นลงแล้วและรายการก็เริ่มให้แฟนคลับทยอยออกไป

ด้านนอกสตูดิโอ พาลีรีบยกมือแตะที่แขนของสุดเขต


               “ไข่ กลับกันเถอะ”


               ยกมือไหว้น้ำทิพย์ที่ยังยืนงงแล้วเดินนำสุดเขตออกไปทางด้านหลังสำหรับพนักงานและแขกรับเชิญจนกระทั่งเกือบจะถึง

รถยนต์ที่จอดไว้ทั้งพาลีและสุดเขตก็ต้องชะงัก


               “พาลีครับ”


               เสียงติณณ์ตะโกนเรียกและรีบก้าวมาหาพาลี เขาโปรยยิ้มโดยไม่สนใจสุดเขตที่ยืนหน้าบึ้งมองอยู่


               “ขอบคุณนะครับที่มาดูดวงให้ผมวันนี้ แม่นมากๆเลย”


               พาลีฝืนยิ้มออกไป เขารู้สึกผิดอยู่บ้างที่ไม่ได้พูดออกไปทั้งหมดอย่างที่ไพ่ทำนายไว้


               “ไม่เป็นไรครับ คุณติณณ์อย่าลืมหาเวลาไปทำบุญอย่างที่ผมบอกนะครับ”


               “พาลีก็ช่วยพาผมไปทำบุญสิครับ”


               “อะแฮ่ม”


               สุดเขตกระแอมเสียงดัง เขานึกหมั่นไส้ติณณ์เต็มกำลังจนต้องรีบดัดเสียงเหน่อขัดคอ


               “รีบกลับเถอะครับคุณพาลี ประเดี๋ยวรถติด”


               “เสือกอะไรวะ ขี้ข้าก็อยู่ส่วนขี้ข้าไปสิ”


               ติณณ์มองสุดเขตตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเหยียดหยามทำให้พาลีนึกเคืองการกระทำของติณณ์


               “ขอโทษนะครับ ผมดูดวงอย่างด้วยไม่ได้รับเดินสายทำบุญหรือสะเดาะเคราะห์ ขอตัวล่ะครับคุณติณณ์”


               พาลีหันหลังให้ติณณ์อย่างไม่นึกสนใจอีก สุดเขตเบ้ปากยักไหล่ใส่ติณณ์เป็นการเยาะเย้ยก่อนจะเดินตามพาลีไปที่รถยนต์

เขาเปิดประตูด้านหลังให้พาลีขึ้นไปนั่งจากนั้นก็ก้าวเข้าไปนั่งหน้าพวงมาลัยขับรถจากมา

               ติณณ์มองตามท้ายรถคันนั้นไปด้วยนัยน์ตาวาววาม ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพาลีถึงได้ถูกใจเขานักทั้งใบหน้ารูปร่างและกิริยา

ท่าทางมันทำให้ติณณ์อยากจะเอาชนะใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเสียเหลือเกิน ติณณ์อยากจะรู้ว่าด้วยความช่ำชองของเขาหากมีพาลีอยู่ใต้ร่าง

ฝ่ายนั้นจะทนทำตัวนิ่งเฉยอยู่ได้หรือไม่

               อีกเป้าหมายหนึ่งที่ติณณ์ต้องการพิชิตนั่นคือพาลี


มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-11-2016 01:19:30


ต่อกันตรงนี้....




                ไร้เสียงสนทนาใดๆภายในรถยนต์ที่สุดเขตเป็นคนขับตั้งแต่สตูดิโอจนกระทั่งจอดหน้าตึกแถวของพาลี สุดเขตไม่ทำแม้

กระทั่งมองกระจกหลังเพื่อสบตากับพาลีที่ลอบมองด้วยความไม่เข้าใจ

               พาลีไม่เข้าใจอาการของสุดเขต ปกติอีกฝ่ายจะต้องพูดจากวนอวัยวะแหย่ให้เขาโกรธถึงจะอารมณ์ดี แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้น

เนื่องจากสาเหตุใดพาลีไม่รู้ และเขาหยิ่งพอที่จะไม่ถาม

               ลงจากรถไปเปิดประตูตึกแถวและก้าวเข้าไปภายในโดยปล่อยให้สุดเขตเดินตามเข้ามา พาลีเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำ

ออกมาเทใส่แก้วดื่มโดยที่ยังปราศจากคำพูดจา สุดเขตที่เดินมาถึงยังคงหงุดหงิดงุ่นง่านและยิ่งเห็นพาลีที่ยังสงบนิ่งเขาก็ตบะแตก


               “โธ่โว้ย!”


               สุดเขตตะโกนลั่นห้องก่อนจะเท้าเอวมองพาลี หัวคิ้วของสุดเขตแทบจะชนกันขณะมองพาลีด้วยความขุ่นเคือง


               “เป็นเหี้ยอะไรอีกล่ะ”


               ในที่สุดพาลีก็ถาม เขาวางแก้วน้ำลงและมองสุดเขตเพื่อปรามอาการหงุดหงิดของสุดเขต


               “ไหนว่าไม่มีอะไร ทำไมไอ้เวรนั่นถึงต้องมาวอแวกับมึงด้วย”


               สุดเขตถามเสียงเขียว เขาเห็นสายตาที่ติณณ์มองพาลีแล้วโทสะจึงบังเกิด สุดเขตไม่ชอบให้ติณณ์มองพาลีด้วยสายตาแบบ

นั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม


               “บ้าหรือเปล่าไอ้เขต”


               พาลีขมวดคิ้ว


               “นั่นมันแค่พูดคุยเพราะร่วมงานกัน มึงจะมาพาลเป็นหมาบ้าทำเหี้ยอะไร”


               “ก็กู...”


               นั่นสิ ทำไมเขาต้องโมโหด้วย สุดเขตก็งงตัวเองเหมือนกัน


               “ลืมแล้วเหรอว่ามันเป็นหน้าที่กู”


               สุดเขตแก้ตัว


               “มึงเป็นพยานที่กูทำหน้าที่คุ้มครองอยู่ ส่วนไอ้ดารานั่นมันก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย การที่มึงจะทำตัวใกล้ชิดมันคิดว่ากูควร

ทำตัวยังไง”


               แค่นี้สินะ มันเป็นงาน


               พาลีจุกในลำคอโดยไม่มีสาเหตุ เขาเกือบลืมไปว่าที่สุดเขตมาอยู่ที่นี่เป็นเพราะงาน


               “ต่อไปกูจะระวังมากกว่านี้ก็แล้วกัน”


               พาลีลุกขึ้นยืน เขาหลบสายตาของสุดเขตก่อนจะเดินหนีขึ้นบันไดไปยังชั้นบน สุดเขตมองตามหลังไปอย่างสับสน เขายัง

งงงันว่าช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพาลีมันคืออะไรกันแน่



                                     TBC


                          ย้ำว่า นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักหวานแหวว 95%
                         
                       และสืบสวนแค่ 5%

                        :ruready :ruready




หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-11-2016 02:33:04
 :L2: :pig4: :L1:

เดี๋ยวๆขอคำนวน%ใหม่ มันใช่จริงๆหรอคุณนักเขียน
สนุกมาก ลุ้นๆ ใครนะอยู่ในที่มืด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-11-2016 02:57:32
ไอ้พระเอกหน้าม่อ อย่ามายุ่งกับพาลีนะ.
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 08-11-2016 03:43:10
อ๊อยยยยยยยย มีความน้อยอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พออออ แต่ก็ดีค่ะที่มาต่อเรื่อยๆ มันสนุกอ่ะ อิอิ!! //ไอ้ฟายติณณ์ มึงนี้หาเรื่องให้ตัวเองดีจังนะ ช่างไม่รู้อะไรเลย ดวงตัวเองแย่ขนาดไหน!! ไปทำบุญโน้นไป๊!!! //เอาแล้วๆ หึงแบบไม่รู้ตัว คนนี้ก็ไม่เข้าใจ ทะเลาะกันเข้าใจผิดไปอีก ไปอาบน้ำทำให้หัวเย็น สงบสติอารมณ์นะ ละก็ง้อแบบเนียนๆ ถ้ายังไม่กล้ามาก 555 ใจอยากทำอะไรก็ทำไปเห๊อะ อยากกอดอยากจูบไรงี้ เดี๋ยวๆ 5555555 //คร๊ายยยยยยยยยยยคือฆาตรกร สงสัยต่อไปค่ะ รออออ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 08-11-2016 07:34:02
แอบฟินที่สุดเขตหึงพาลี :katai3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-11-2016 08:34:50
หวานแหวว 95% และสืบสวนแค่ 5%
เราว่าตอนนี้สุดเขตทำให้พาลีหน่วงแล้ว 2%

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 08-11-2016 08:35:46
ต่อไปพาลีจะต้องโดนอีดาราหน้าหม้อนั้นหลีแน่ๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-11-2016 09:19:13
พาลีมีไหวพริบนะนี่ ไพ่ออกมาแย่ขนาดนั้นยังกลบเกลื่อนได้ (แบบไม่โกหก แค่พูดไม่หมด เฉียงไปบ้างอะไรบ้าง)
ถ้าพูดไปตามที่ไพ่บอกคงเรื่องใหญ่น่าดู
สุดเขตแย่มาก ทำไมต้องหึง(แบบไม่รู้ตัว) แล้วไปลงกับพาลีด้วย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 08-11-2016 12:42:18
รอ95%นั้น
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 08-11-2016 17:39:11
เอ่อ หวานแหววจริงหรอครับ แววตบจูบๆแล้วนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-11-2016 18:21:08
เรื่องนี้หวานแหววมาก 5555555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 08-11-2016 18:52:49
 :ling1: :ling1: แบบนี้มันค้างคาไปปปปป นะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 12-11-2016 22:53:45
รอๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-11-2016 01:08:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 13-11-2016 03:24:54
รอค่ะ น่าติดตามมาก เราไม่ไว้ใจผู้ต้องหาและคู่ขาสักคน ประวัติดาร์กมาก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 8 [8/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 15-11-2016 23:00:51
มารอครับ ชอบๆ

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-11-2016 00:25:53


                                                                   คดีรักนักดูดวง

                                                                      บทที่ 9.1


               นานเกือบชั่วโมงกว่าที่สุดเขตจะเย็นลง เขาใช้เวลาเหล่านั้นให้หมดไปด้วยการถอดหนวดเคราปลอมออกจากใบหน้าและนั่ง

ใคร่ครวญเรื่องที่เกิดขึ้น อารมณ์นั้นเย็นลงแล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้คำตอบว่าเหตุใดจิตใจของเขาจึงได้ว้าวุ่นเช่นนี้

               เขาจัดการปิดประตูห้องแถวและตรวจตราความปลอดภัยอย่างรอบคอบแล้วจึงค่อยๆเดินขึ้นไปชั้นบน แต่ละย่างก้าวที่เดินขึ้น

บันไดเต็มไปด้วยความสับสนและกังวลกับสีหน้าครั้งสุดท้ายของพาลีที่เขาเห็นก่อนจะเดินหนีสุดเขตมา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่สุดเขต

ลอบมองยามเผลอแสดงออกถึงความน้อยใจชวนให้ปลอบโยนจนสุดเขตงงงันว่าทำไมเขาต้องแคร์ความรู้สึกของพาลีมากขนาดนี้

               มือจับลูกบิดผลักให้ประตูเปิดเข้าไปภายในห้องช้าๆ มีเพียงความมืดสลัวและแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟหัวเตียงเท่านั้น

บุคคลที่ทำให้สุดเขตวุ่นวายใจนอนอ่านหนังสืออยู่ภายใต้แสงจากโคมไฟ ครั้นพอเห็นสุดเขตเดินเข้ามาพาลีก็วางหนังสือลงและพลิก

กายกลับหันหลังให้จนสุดเขตต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะเดินเข้าไปและนั่งลงที่ขอบเตียงพลางมองแผ่นหลังของพาลีก่อนจะตัดสินใจ

พูดออกมา


               “ผู้ใหญ่ลี กูขอโทษ”


               ขอโทษเนื่องจากความผิดอันใดสุดเขตก็ยังไม่รู้ เขารู้เพียงว่าอยากจะให้พาลีหันหน้ากลับมาด่าทอใส่เขาเช่นที่เคยเป็นมา

มากกว่าที่จะหมางเมินเช่นนี้ แต่แม้ว่าจะละทิฐิเอ่ยออกไปแล้วพาลีกลับยังนอนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ มันทำให้สุดเขตนึกน้อยใจขึ้นมา

บ้างเหมือนกัน


               “คำขอโทษจากกูมันไม่มีค่าพอสำหรับมึงเลยใช่ไหม”


               สุดเขตลืมตัวส่งเสียงดังอีกแล้ว แต่กระแสเสียงตัดพ้อนั้นทำให้หัวใจของพาลีพลันอ่อนยวบ


               “เออ กูแม่งผิดเองแหละที่เสือกเป็นห่วงไม่เข้าท่า กลัวมึงจะเป็นอันตรายถ้าอยู่ใกล้ไอ้ดาราหน้าหล่อนั่น ถ้าความเป็นห่วงของ

กูมันสร้างความรำคาญให้มึงกูก็จะไม่ยุ่งอีก พอใจหรือยัง”


               “พูดมากชิบหาย”


               เสียงนั้นดังมาจากพาลีที่ยังไม่ได้หันหน้ามาหา


               “แล้วก็คิดมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากสมองขี้เลื่อยของมึงเลยไอ้เขต กูไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย แค่เหม็นเหงื่อของมึง

เท่านั้นเอง เลิกพูดมากแล้วไปอาบน้ำดีกว่า กลิ่นอย่างกับหมาเน่า”


               ยิ้ม!

               เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองยิ้มให้กับแผ่นหลังของพาลีสุดเขตก็รีบกัดริมฝีปากทั้งที่หัวใจยังลิงโลดกับคำพูดของพาลี สุดเขตดีใจที่ช่อง

ว่างระหว่างเขากับพาลีเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมามันได้หายไปแล้ว


               “สัส หลอกด่ากูเหรอ ไปอาบน้ำก็ได้วะ”


               สุดเขตกระแทกเท้าเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวบนราวแขวนมุมห้องก่อนจะเปิดประตูออกไปยังห้องน้ำด้านนอก เมื่อได้ยินเสียง

สายน้ำดังลอดมาพาลีจึงได้ผงกหัวมองประตูแล้วยิ้มอยู่คนเดียว


               ความเป็นห่วงไม่เข้าท่าของสุดเขตนั้นได้ประทับอยู่ในใจของพาลีไปแล้วโดยที่สุดเขตไม่รู้ตัว กำแพงที่พาลีสร้างขึ้นมาไม่

เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวของอิฐหินปูนทรายแถมมันยังก่อตัวขึ้นใหม่เป็นสายใยที่ถักทอเชื่อมความรู้สึกของพาลีเข้ากับผู้ชายห่ามๆอย่างสุด

เขตและดึงให้มันใกล้เข้าหากันเรื่อยๆจนพาลียังตกใจ

               พาลีควรจะเรียกความรู้สึกเหล่านั้นว่าอะไรกันแน่

               ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำอีกครั้งพาลีก็สะดุ้งจากภวังค์ เขารีบปิดโคมไฟจนทั้งห้องตกอยู่ในความมืดก่อนจะตะแคงหัน

หลังในท่าเดิมและหลับตาลงผ่อนลมหายใจคล้ายกับหลับไปแล้วทั้งที่ความจริงเบื้องหลังเปลือกตาที่ปิดอยู่เขายังคงตื่นและรู้สึกได้ถึง

แรงยวบของเตียงเมื่อสุดเขตค่อยๆเอนกายลงนอนเคียงข้าง


               “ลี หลับแล้วเหรอ”


               พาลีอยากจะด่าหัวใจของตัวเองนักที่มันเต้นแรงจนกลัวว่าสุดเขตจะจับได้ เขาปล่อยให้ทั้งห้องมีแต่ความเงียบจนได้ยินเสียง

ลมหายใจของสุดเขตและรับรู้ว่าสุดเขตพลิกตัวเบาๆ


               “ลี หนาวว่ะ แอร์ตกใส่พอดีเลย”


               “อืม มึงก็เร่งแอร์สิวะ”


               พาลีปั้นเสียงงัวเงีย หากแต่ความจริงคือเขากำลังกะพริบตาปริบๆเมื่อมือเย็นๆของสุดเขตวางอยู่บนต้นแขนของเขาอย่าง

ล้าๆกลัวๆ


               “เดี๋ยวมึงก็ร้อนนอนไม่หลับน่ะสิ ลี มีผ้าห่มอีกผืนปะ”


               “....”


               “ไม่มีเหรอ ลี ขอกอดหน่อยนะ กูหนาวจริงๆ”


               “....”


               เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำแต่พาลีกลับร้อนวูบวาบไปหมดเมื่อมือเย็นๆนั้นละจากต้นแขนแล้วค่อยๆโอบมาที่เอวแทน พาลีกำลัง

ถูกรั้งเข้าหาสุดเขตจนกระทั่งแผ่นหลังของเขาสัมผัสกับความอบอุ่นของแผงอกคนที่อยู่ด้านหลัง วงแขนที่วางพาดมาไม่ได้หนักจน

อึดอัดแต่ก็ไม่ได้บางเบาจนห่างไกล มันพอดีจนพาลีสงบอยู่ในวงแขนนั้นในที่สุด

               สุดเขตยิ้มอยู่ในความมืดเมื่อลมหายใจของพาลีผ่อนลงและสม่ำเสมอแสดงให้รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าสู่นิทราแล้วจริงๆ เขานึกแปลก

ใจที่ไม่ได้รังเกียจความใกล้ชิดกับเพศเดียวกันเช่นนี้ หรือจะเป็นเพราะว่าคนในอ้อมกอดคือพาลีกันแน่ และช่องว่างระหว่างเขากับพาลี

กลับแคบลงจนแทบจะไม่รู้สึกถึงมันอีกต่อไป

               จมูกโด่งของเขาสัมผัสลงไปที่ท้ายทอยของพาลี สุดเขตสูดความหอมของแป้งเด็กที่พาลีทาหลังอาบน้ำเข้าไปเต็มปอดก่อน

ที่เขาจะผ่อนมันออกมาช้าๆและหลับตาลงตามเมื่อเขาไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นอีกแล้ว



              TBC

         มาสั้นๆก่อนนะคะ T_T


              :katai4: :katai4:



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-11-2016 00:36:16
 :L2: :L1: :pig4:

เริ่มจะหวานแล้ว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 16-11-2016 00:40:41
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
กรี็ดดดดดด สั้นเกินไปแล้ว ค้างคามาก แต่ก็หวานมากเหมือนกัน ชอบมมากคะ
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-11-2016 00:42:20
 :impress2:



ฮิ้วววววววว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-11-2016 00:45:49
แน่ะๆๆๆๆ เนียนพอกันทั้งคู่เลยนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 16-11-2016 01:05:38
 :hao6: :hao6: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 16-11-2016 01:19:15
สนุก น่าติดตามจริงๆ ครับ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 16-11-2016 05:39:24
แหมมมมมมม อะไรคือหนาว อะไรคือร้องหาผ้าห่ม แต่ไปนอนกอดเขา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-11-2016 07:01:09
กอดแล้ว :-[ :-[ :-[

 :pig4:  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: y_dao ที่ 16-11-2016 07:48:43
บอกเลยว่าเสพติดเรื่องนี้แล้ว ชอบพาลีมากกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 16-11-2016 10:12:49
แสรดดดดดดด!! โอ๊ยยยยกูเขินนนนน >///< 5555 ชอบกับความเนียนของสุดเขตและการแอบอ่อยของพาลี ดี เอาอีกๆ กำแพงพังๆ วุ้ยยยยส์ 5555 รู้ใจตัวเองเลิกสับสนความรู้เร็วๆนะสุดเขตจะได้รุกจีบๆพาลีกว่านี้ เขารอให้มาจีบอยู่ อ๊อยยยยยอยากเห็นเขาหวานกัน 5555 ชอบ #พาลีสุดเขต มาต่ออีกนะ รอๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-11-2016 12:01:36
แหม่ เนียนเลยยย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-11-2016 12:11:22
อะไร ยังไง

คนอ่านก็หวั่นไหวนะ เขต

หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 16-11-2016 14:12:54
นี่เริ่มหวงเริ่มหึงกันอย่างไม่รู้ตัวแล้วสินะ เขินจัง มีความหวานปนอยู่ด้วย รออ่านตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 16-11-2016 14:30:06
หะเฮ้ย

สุดเขตแกอย่ามาทำเนียนไม่รู้ตัวน้า

ชอบก็บอกชอบสิ แหมๆๆๆๆๆๆ

มันก๊าวใจกับฉากนี้มาก แค่นอนกอดกันก็ฟิน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 16-11-2016 18:05:27
โอ๊ยยยย  มีความเนียนขั้นสูงสุด  ตั้งแต่หึงเนียน จนถึงเนียนกอด 555 

มันดีต่อใจจริงๆ  กำลังคิดว่าเขตอาจจะชอบลีตั้งแต่เรียนแล้วรึเปล่า
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 16-11-2016 20:26:39
ฟิน จิกหมอน กัดนิ้ว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 16-11-2016 20:57:30
 :-[
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-11-2016 13:56:40


                                                              คดีรักนักดูดวง

                                                                 บทที่ 9.2
               


                 มันเป็นค่ำคืนที่พาลีนอนหลับเต็มอิ่มที่สุดตั้งแต่เกิดเรื่องเครียดๆขึ้นมา มันเหมือนกับว่าเขารู้สึกปลอดภัยและวางใจเมื่อได้

อยู่ในการดูแลของสุดเขตด้วยวงแขนอุ่นตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสางที่พาลีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาและรู้ว่าตนเองเป็นฝ่ายซุกหน้าอยู่กับแผงอก

ของสุดเขต เขาชะงักและเบิกตากว้างพลางขยับตัวออกแต่กลับถูกคนที่ยังหลับตากระชับอ้อมกอดเข้าหาตัวจนไม่อาจขัดขืนได้


               “ไอ้เขต ปล่อยกู”


               “ตื่นมาก็ทำเสียงแข็งใส่กูเลยนะมึง”


               สุดเขตหัวเราะเบาๆก่อนจะลืมตาขึ้นมา ดวงตาคมพร่างพราวราวกับไม่ใช่คนที่เพิ่งจะตื่นจากการนอนหลับ


               “อยากให้กูปล่อยก็ช่วยพูดกับกูดีๆหน่อย ให้คุ้มกับที่มึงนอนทับแขนกูทั้งคืน”


               พาลีตัวแข็งขึ้นมาทันที เขาผงกหัวสำรวจตัวเองจึงเพิ่งรู้ว่าศีรษะของเขาหนุนอยู่บนแขนข้างหนึ่งของสุดเขตจริงๆมันยิ่งสร้าง

ความขัดเขินจนแก้มร้อนผ่าว และสีหน้าของสุดเขตก็บอกถึงความจริงจังกับคำพูดของตัวเองจนพาลีต้องข่มความกระดากไว้สุดฤทธิ์


                “เขต เขตครับ ปล่อยนะครับ กูปวดเยี่ยว”


              สุดเขตหัวเราะก๊าก เขามองใบหน้าของพาลีอย่างนึกเอ็นดู พาลีคนหน้านิ่งที่เขาเคยรู้จักบัดนี้หน้าแดงก่ำเหมือนมะเขือเทศสด

ดวงตาเรียวสวยได้รูปลดระดับหนีจนมองอยู่แค่ปลายจมูกของสุดเขตเท่านั้น


             “มึงพูดจาดีๆก็เป็นนี่หว่า แล้วทำไมตอนมอสี่ถึงทำตัวกวนตีนนักวะ”


              พาลีช้อนตาขึ้นมอง เขาเบ้ปากราวกับกลับไปเป็นเด็กวัยรุ่นแขนขาเก้งก้างเมื่อหลายปีที่แล้ว


              “กูกวนตีนยังไงลองบอกมาซิ”


               สุดเขตกรอกตาไปมาทำท่าคิดถึงพฤติกรรมของพาลีในอดีต


              “มึงมันชอบทำตัวนิ่งๆหยิ่งๆ เพื่อนฝูงชวนคุยก็แม่งไม่พูด ทำท่าเหมือนทองจะร่วงออกจากปาก”


              “ก็พวกมึงคุยกันแต่เรื่องไร้สาระ กูแค่ขี้เกียจคุยด้วยก็แค่นั้น”


               พาลีแก้ตัว สุดเขตฟังแล้วถึงกับทำตาโต


              “โถ ไอ้สาระเคลื่อนที่ ไอ้เอนไซโคพีเดียเดินได้ เออ แล้วกูถามอย่างนึง ตอนไอ้สมเกียรติมันมาจิ๊กไอ้หนังสือการ์ตูนนารุโตะ

มึงไปอ่านแล้วไม่ยอมคืนทำไมมึงไม่แกล้งมันคืนวะ”


             “มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่เอาคืน”


             พาลีหัวเราะในลำคอ


               “กูแอบถุยน้ำลายใส่แก้วโอเลี้ยงของมันจนกูคอแห้ง ให้มันแดกจนหมด”


               สุดเขตมองพาลีอย่างนึกทึ่ง


               “แม่งเหี้ยชิบหาย แล้วไอ้สมเกียรติมันรู้ไหมว่าแดกน้ำลายมึงเข้าไป”


               “ก็คงรู้มั้ง เพราะหลังจากนั้นมันก็เอานารูโตะมาคืนกูนะถึงแม้ว่าสภาพมันจะยับเยินไปหน่อยก็เหอะ”


               “ใครบอกว่ามันเป็นคนคืนให้มึง”


               สุดเขตพรายยิ้มอย่างคนเหนือกว่า


               “กูต่างหากที่ไปต่อยกับมันหลังเลิกเรียนแล้วแย่งหนังสือมาวางบนโต๊ะมึงตอนเช้าอีกวัน มึงน่ะเป็นหนี้กูรู้หรือเปล่าไอ้ลี”


               พาลีกะพริบตาปริบๆ เขานึกไม่ถึงว่าสุดเขตจะลงทุนไปมีเรื่องกับสมเกียรตินักเลงประจำห้องเพื่อนำหนังสือการ์ตูนมาคืนให้

เขา


               “กูจำได้แล้ว วันนั้นตามึงเขียวช้ำไปหมด มึงทำอย่างนั้นทำไมวะ”


               “กูไม่ชอบคนขี้ขโมยโว้ย แล้วอีกอย่างนะ กูเห็นมึงทำหน้าเป็นหมาหงอยแล้วสงสารว่ะ”


               พาลีเพิ่งจะรู้ความจริงว่าเขาได้หนังสือการ์ตูนที่แสนจะหวงแหนคืนก็เพราะสุดเขตหาใช่เพราะสมเกียรติยอมคืนให้เขา มัน

ทำให้พาลียิ่งรู้สึกผิดที่มองสุดเขตในแง่ไม่ดีทั้งที่ความจริงสุดเขตเป็นคนมีน้ำใจและรักความถูกต้อง


               “เมื่อกี้มึงบอกว่าปวดเยี่ยวไม่ใช่เหรอ”


               “ฮะ อะไรนะ”


                พาลีงงที่สุดเขตเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน


               “มึงบอกกูให้กูปล่อยให้มึงไปเยี่ยวไง แต่ตอนนี้กูปวดกว่ากูแย่งมึงเข้าห้องน้ำดีกว่า”


               “ไอ้เหี้ยเขต”


               ตะโกนอย่างเจ็บใจเมื่อสุดเขตลุกขึ้นและกระโจนลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมกับเสียงหัวเราะปล่อยให้พาลีมองตามอย่าง

เจ็บใจที่โดนแกล้งถ่วงเวลา เขาส่ายหน้าด้วยความระอาที่สุดเขตเล่นอะไรเหมือนตอนยังเด็ก แต่การกระทำของสุดเขตช่างสร้างความมี

ชีวิตชีวาให้เขาเหมือนเป็นดวงอาทิตย์แสนสดใสที่กำลังขึ้นมาขับไล่ความมืดมิดของราตรีที่ผ่านพ้นไป

               เพียงแค่ไม่กี่วันที่ได้กลับมาพบหน้าเพื่อนเก่าก็ดูเหมือนว่าพาลีจะเสพติดการที่มีสุดเขตอยู่ใกล้ๆเสียแล้ว







               อาบน้ำแต่งตัวเป็นชุดลำลองสบายๆเพราะพาลียกเลิกคิวดูดวงไปหมดแล้วจึงไม่ต้องแต่งตัวให้ดูดีนัก ทั้งสุดเขตและพาลีก็ลง

มายังชั้นล่างของห้องแถว พาลีหยิบผักสดและเนื้อหมูมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารมื้อเช้า เขาล้างผักอยู่ในส่วนห้องครัวด้านหลังขณะ

ที่สุดเขตเปิดโทรทัศน์ดูข่าวในตอนเช้าอยู่ในส่วนด้านหน้า

               คดีฆาตกรรมคุณนายสมรยังไม่คืบหน้าทำให้ยิ่งเป็นที่จับตามองของสื่อมวลชนจนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของกรมตำรวจต้อง

ออกมาให้สัมภาษณ์ สุดเขตนิ่งฟังผู้บังคับบัญชาการตำรวจนครบาลแถลงว่ายังคงพุ่งเป้าไปที่เรื่องชู้สาวมากกว่าเรื่องขัดผลประโยชน์

ของหนี้นอกระบบที่คุณนายสมรเป็นเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้รายใหญ่ บุรุษสูงวัยในจอโทรทัศน์ยังย้ำอีกว่างานนี้ตำรวจจะต้องหาผู้บงการที่

ไม่ใช่แพะให้ได้


               “ใครวะ เขาให้สัมภาษณ์ว่าไง”


               พาลีมาไม่ทันการให้สัมภาษณ์ เขาโผล่หน้าออกมาตอนที่จบคำแถลงและภาพข่าวตัดไปที่คนอ่านข่าวพอดี พาลีเห็นเพียง

สีหน้าเคร่งเครียดของสุดเขตเท่านั้น


               “ยังไม่รู้ว่าใครทำ”


               สุดเขตสรุปสั้นๆก่อนจะเดินตามพาลีเข้าไปที่ห้องครัว เขาทรุดตัวลงนั่งเท้าคางบนโต๊ะอาหารตัวเล็กมองพาลีที่กำลังหั่นผัก

สำหรับประกอบอาหารเช้าอย่างเพลิดเพลิน


               การตายของสมรอาจจะมีประโยชน์ก็ตรงที่ทำให้สุดเขตได้เวียนมาพบกับพาลีอีกครั้งหลังจากไม่ได้พบหน้ากันนานหลายปี

และคราวนี้ทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนเรียนรู้นิสัยใจคอของอีกฝ่าย สุดเขตยอมรับกับตัวเองว่าการที่ได้ใกล้ชิดกับพาลีเช่นนี้ช่วยคลาย

เหงาให้ชีวิตของเขาได้เป็นอย่างดี

               สุดเขตเผลอคิดไปว่า คงจะดีไม่น้อยถ้าหากเขาจะได้อยู่กับพาลีเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ได้ถกเถียง ได้แกล้งให้พาลีโกรธ ได้ดูแลและ

มีพาลีในอ้อมกอดทุกครั้งที่เข้านอน

               สะดุดกับความคิดตัวเอง มันเป็นความคิดที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและเสมือนตอบคำถามตัวเองในใจว่าสุดเขตกำลังคิดอะไรกับ

พาลีกันแน่ สุดเขตมองผู้ชายตรงหน้าอย่างเต็มตาและภาพพาลีที่กำลังมีสมาธิกับงานตรงหน้าทำให้จิตใจของสุดเขตหวั่นไหว


                “ลี”


               สุดเขตตัดสินใจเรียก พาลีหันมามองแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปง่วนอยู่กับการหั่นซอยพริกขี้หนูบนเขียงไม้


               “เรียกทำไมวะ”


               “เราสองคนอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน กินด้วยกัน นอนด้วยกันเหมือนคนเป็นแฟนกันเลย มึงว่างั้นไหม”


               จังหวะการลงมีดไปกับเขียงเปลี่ยนไปทันที จากความสม่ำเสมอกลายเป็นระส่ำระสายจนเมื่อสุดเขตพูดจบพาลีก็ทิ้งมีดลงกับ

เขียงพร้อมอุทานเสียงดังลั่น


               “โอ๊ย!”


               “เป็นอะไรวะลี”


               สุดเขตผุดลุกขึ้นยืนทันที เขาถลาเข้าไปหาพาลีที่ก้าวไปยังอ่างน้ำและเปิดน้ำล้างหน้าตัวเองยกใหญ่


               “พริกกระเด็นเข้าตา”


               พาลีเฉลยให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อล้างเศษพริกออกจนเป็นที่พอใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังแสบเคืองจนต้องหยีตาไม่เลิก สุด

เขตรีบคว้ากระดาษทิชชูจากกล่องและจับคางเรียวของพาลีไว้พลางใช้กระดาษทิชชูซับน้ำบนใบหน้าของพาลีออกอย่างเบามือโดย

เฉพาะบริเวณรอบดวงตา


               “ทำอะไรระวังบ้างสิวะ ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย”


               มือที่ซับหยดน้ำบนใบหน้าชะงักค้างเมื่อได้ประสานสายตากันในระยะใกล้ ราวกับมีแรงดึงดูดระหว่างกันมิให้หันหน้าหนีไป

ทางใดได้ คำต่อว่าของสุดเขตถูกกลืนเข้าไปในลำคอเมื่อมองเห็นเงาของเขาสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาสีอัลมอนด์คู่นั้น อยู่ๆใจของสุดเขตก็

กระหวัดไปถึงคำทำนายของพาลี


               ดวงเนื้อคู่ของมึงเหมาะจะเป็นคนที่เกิดในดาวสี่หรือดาวพฤหัส เป็นคนสุขุมเยือกเย็นไม่ค่อยแสดงออก เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ รัก

สงบ ยุติธรรมแต่ก็รักในศิลปะ ส่วนใหญ่จะมีอาชีพเป็นนักการเมือง ครูอาจารย์ หมอ ทนายความ และ นักพยากรณ์


               หัวใจของสุดเขตเต้นแรงและคงไม่ต่างอะไรกับพาลีที่ตอนนี้หายใจถี่เร็วอย่างเห็นได้ชัด  ใบหน้ายิ่งใกล้กันจนมองเห็นแม้

กระทั่งแพขนตาหนาของพาลี ดวงตาเรียวเต็มไปด้วยความสับสนแต่ก็ดูเหมือนจะห้ามความรู้สึกของตนเองไม่ได้เช่นกัน


               “ลี กูขอถามมึงอีกครั้ง”


               เสียงของสุดเขตสั่นพร่าจนเขาเองยังตกใจ


               “มึงเกิดวันอะไรวะ”


               ริมฝีปากของพาลีสั่นระริกจนสันกรามกระทบกันอยู่ในมือของสุดเขตที่ยังยึดปลายคางนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย และคราวนี้เขาจะ

ไม่ยอมให้พาลีหลบเลี่ยงเหมือนคราวที่แล้ว


               “ตอบกูมาเดี๋ยวนี้”


               พาลีเม้มปาก แต่สายตาคาดคั้นของสุดเขตทำให้เขาไม่กล้าหลีกหนี สุดเขตมองราวกับจะดำดิ่งลึกลงไปใต้บึ้งหัวใจของพาลี

เพื่อควานหาคำตอบ มันสะกดให้พาลีเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ไม่เกินคำว่ากระซิบ


               “วันพฤหัส”


               มีแต่ความเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ดวงตาสองคู่ต่างจ้องมองอย่างค้นคว้า ในตอนนี้สมองของสุดเขตไม่มีความคิดที่เป็น

ตรรกะใดๆหลงเหลืออยู่อีกแล้ว มันมีแต่ความรู้สึกจากหัวใจของเขาและสุดเขตก็ไม่อาจหักห้ามมันได้

               แค่โน้มลงไปนิดเดียวปากของสุดเขตก็ประทับลงไปบนกลีบปากนุ่มของพาลีโดยที่พาลีไม่ทันตั้งตัว เขารู้สึกเหมือนมีไฟฟ้า

แล่นผ่านจากริมฝีปากใต้ไรหนวดจางๆมาสู่ร่างของเขาแล่นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า พาลียืนตัวแข็งทื่อปล่อยให้สุดเขตได้ช่วงชิงจูบแรกไป

ด้วยสัมผัสแนบแน่นจนกระทั่งสุดเขตถอนใบหน้าตนเองออกไปและจ้องมองพาลีราวกับจะรู้แล้วถึงคำตอบของหัวใจ


               “ลี...”


               พาลีสะดุ้งสุดตัวเมื่อสติเพิ่งกลับคืนร่าง เลือดของความขัดเขินฉีดอัดอยู่บนใบหน้าจนแดงก่ำลามไปถึงใบหู เขาสบตาวาววาม

คู่นั้นและคิดว่าเขาแพ้แล้ว

               พาลีผลักสุดเขตออกห่างก่อนจะวิ่งหนีไปเข้าห้องน้ำชั้นล่างและใช้มันกักขังตัวเองไว้เพื่อหนีจากสุดเขต หัวใจของเขาเต้น

แรงจนกลัวว่าจะหัวใจวายแต่พาลีก็หยุดความตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ


               “ลี เปิดประตูมาคุยกันก่อน”


               สุดเขตตามมาทุบประตูรัวๆแต่พาลีก็ไม่ยอมเปิด เขาพิงหลังไปกับบานประตูไว้เป็นที่พึ่งพลางมองตัวเองจากกระจกเหนืออ่าง

ล้างมือจึงได้เห็นใบหน้าแดงก่ำและดวงตาเป็นประกายสะท้อนออกมา พาลีจำเป็นต้องยอมรับว่าเขารู้สึกดีที่จูบแรกของเขาคือสุดเขต



                     TBC

                :-[ :-[


หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 17-11-2016 14:36:06
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

รู้สึกดีกับจูบด้วยยยย

มันก๊าวใจอย่างต่อเนื่อง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 17-11-2016 14:58:36
เขินนนนนน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-11-2016 15:06:55
 :m1: :m1: :m1: :m3: :m3: :m4: :m4: จูบแล้ววววววววว :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-11-2016 15:50:41
ไม่ไหวววววแล้วโว้ยยยยยยย โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย กูปวดแก้มมม ยิ้มแก้มปริแตก เขินนนนนนสัสๆ เชรดดดดด!!รอให้จูบมานานแล้ว นี้ขนาดไม่ดูดดื่มนะ ตรูยัง...... 5555555555 เอาแล้วๆ ต่างรู้ใจตัวเอง ทีนี้ละมึง ลองคบกันดู๊วววววว่าใช่เนื้อคู่ตามที่บอกไว้ไหม เดินหน้าจีบเลยสุดเขต ชูป้ายไฟ #สุดเขตพาลี 55555 ตายละหว่าจะออกมาเจอหน้ายังไงได้ละเนี้ยถ้าแก้มจะแดงปรั่งขนาดนั้น จะอยู่ในห้องน้ำนานไปก็ไม่ได้ 555555555 เขตห้ามแกล้งพาลีให้เขินไปกว่านี้นะ เดี๋ยวพาลีไม่ทำอาหารให้กินนะเออ 555555 จะคุยกันว่าไรบ้างนะ เอาดีๆทั้งสองคน ตรูตั้งหน้าตั้งตารอดูอยู่ จะอะไรยังไงต่อไป จูบอีกสักทีดีไหมมมมม เอาอี๊กกกกกกกกก 5555 ชอบๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 17-11-2016 17:38:24
โอยยยยยยย เขินนนนนนนนน :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 17-11-2016 19:04:00
นี่ถือว่าจบตอนค้างคามากกกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 17-11-2016 19:20:15
จูบบบกันแล้วววว เขินนนนนน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-11-2016 19:21:28
 :L2: :L1: :-[นี่คือความหวานในส่วนห้า%ก่อนจะไปพจญมารใช่ป่าว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-11-2016 20:03:06
นิยายสอบสวน นิยายสอบสวน นิยายสอบสวน

อะไรจะอ่านแล้วเขินขนาดเน้!

 :-[
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-11-2016 20:28:41
หวายๆๆๆๆๆ เค้าจุ๊บกันแล้ว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-11-2016 20:46:15
 :z13:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 17-11-2016 22:06:10
 :o8:สมกับที่รอคอย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-11-2016 22:16:47
 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.2 [17/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 18-11-2016 16:57:05
จูบกันแล้วววว
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-11-2016 00:35:08


                                                               คดีรักนักดูดวง

                                                                    บทที่ 10


               “ลี ไอ้ผู้ใหญ่ลี เปิดประตูเดี๋ยวนี้ มึงจะทำอย่างนี้ไม่ได้”


               สุดเขตทุบประตูตรงหน้ารัวๆอย่างไม่กลัวเจ็บมือ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่เป็นฝ่ายจู่โจมพาลีโดยไม่ทันได้หักห้ามใจ มันเป็น

เพราะเขาอยากจูบและเขาก็จูบตามใจตน ลืมคิดไปว่าพาลีอาจจะไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา


               “ออกมาจากห้องน้ำ มาคุยกันให้รู้เรื่อง”


               “กูไม่ออก กู...”


               ได้ยินเสียงพาลีตอบโต้มาจากห้องน้ำด้วยเสียงไม่ดังนัก สุดเขตรีบสำทับตามทันที


               “อย่าทำตัวป๊อดสิวะ แค่จูบแค่นี้ทำปอดแหก ไอ้ขี้ขลาดเอ๊ย”


               ท้าทายเพราะรู้ดีว่าพาลีไม่ชอบให้ใครเหยียดหยามศักดิ์ศรี และมันก็ได้ผลเมื่อประตูห้องน้ำเปิดผลัวะก่อนที่พาลีจะออกมายืน

อวดใบแดงแดงก่ำต่อหน้าสุดเขต ทั้งคู่สบตากันอย่างสับสนในความรู้สึก สุดเขตที่ปากเก่งอยู่ก่อนหน้านี้แต่พอพาลีมาเผชิญหน้าจริงเขา

กลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว


               สัสเขต พูดอะไรสักอย่างสิวะ มึงจะยืนบื้ออยู่ทำไม

               สุดเขตก่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่ง้างปากตัวเองไม่ออกคล้ายกับกำลังติดอ่าง


               “เอ่อ คือว่า...”


               ทีเสี่ยงตายจับผู้ร้ายยังไม่กลัวสักนิด เสือกมากลัวแค่เพื่อนเก่าไร้พิษสงอย่างพาลี ไอ้เขตเอ๊ย


               “กูออกมาแล้วและกำลังรอคนกล้าหาญอย่างมึงพูดอยู่”


               เสียงของพาลีสั่นไหวแต่เขาก็พยายามกดให้มันราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากแต่เขากดหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นโครม

ครามไม่ได้จริงๆ พาลีเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าที่สุดเขตกระทำลงไปนั้นเป็นเพราะเหตุใจ


               “ว่าไงล่ะสุดเขต”


               การที่พาลีเรียกชื่อของเขาเต็มยศนับเป็นการกดดันสุดเขตเป็นอย่างมาก สุดเขตรู้สึกเหมือนเขายืนอยู่ต่อหน้าครูห้องปกครอง

ที่กำลังเงื้อไม้เรียวรอฟาดก้นเขาอยู่หากสุดเขตไม่ยอมรับความผิดของตน


               “กูก็ไม่รู้ เหี้ยเอ๊ย”


                สุดเขตโพล่งออกมา


               “กูแค่รู้สึกดีกับมึง อยากอยู่ใกล้ๆ อยากนอนกอดมึงเหมือนเมื่อคืนแล้วก็อยากจูบมึง กูแค่ทำตามความรู้สึกตัวเองเท่านั้น แล้ว

มึงคิดว่ากูควรจะเรียกมันว่าอะไรวะ”


               สุดเขตสบตากับพาลี เขามองเห็นแวววูบไหวอยู่ในดวงตาคู่นั้น สมองส่วนตรรกะของสุดเขตเพิ่งจะเริ่มทำงาน เขาวิเคราะห์สิ่ง

ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะกัดฟันกรอด


               “ไอ้ลี!”


               สุดเขตกระชากแขนทั้งสองของพาลีแล้วผลักให้ร่างที่ผอมกว่าเซถอยหลังไปกระแทกกับผนังปูนด้านข้างประตูห้องน้ำนั่นเอง

แขนทั้งสองข้างของพาลีถูกตรึงไว้กับผนังปูนจนไม่อาจดิ้นรนได้ สุดเขตจ้องหน้าพาลีและตวาดเสียงเข้ม


               “มึงรู้อยู่แล้วแน่ๆใช่ไหม มึงเป็นหมอดู มึงรู้ดวงกูตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันวันนั้น มึงทำนายเรื่องเนื้อคู่ให้กูเพราะฉะนั้นมึงต้องรู้

อยู่แล้วเรื่องที่กูจะต้อง...”


               ลมหายใจของสุดเขตสะดุดเมื่อเขาพูดปิดประโยค


               “...ต้องชอบมึงแบบนี้”


               พาลีไม่อาจหนีได้ แขนทั้งสองข้างถูกพันธนาการไว้ด้วยมือแกร่ง ลำตัวของเขามีกายสูงหนาด้วยกล้ามเนื้อบดบังจนมองไม่

เห็นทางออกและเขายังถูกสุดเขตคาดคั้นด้วยสายตาราวกับเขาเป็นผู้ต้องหาที่สุดเขตกำลังซักฟอก


               “กู...ไม่...”


               “ตอบกูตรงๆ” สุดเขตส่งเสียงคุกคาม “และอย่าหลบตากูด้วยไอ้ลี”


               พาลีสั่นไปทั้งตัว ดวงตาของสุดเขตเวลานี้จริงจังและคมกล้าจนพาลีหวั่นไหว เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำ

เสียงเบาหวิวคล้ายกับไม่ใช่ตัวตนของพาลี


               “มันอาจจะผิดก็ได้ ทำนายดวงมันเป็นสถิติ กูอาจจะทายผิด”


               “ลี ตอบให้ตรงคำถาม!”


               “เออ ใช่ ดวงของมึงกับกูเป็นเนื้อคู่กัน พอใจหรือยัง”


               พาลีตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออด และทันใดนั้นบรรยากาศก็พลันเงียบงันเมื่อไร้ซึ่งเสียงสนทนาใดๆ


               ปกติสุดเขตไม่เคยเชื่อเรื่องดวง เขาไม่ชอบพวกหมอดูด้วยซ้ำ ที่สุดเขตให้พาลีดูดวงให้ก็แค่อยากรู้ว่าพาลีเป็นพวกต้มตุ๋นหรือ

เปล่า แต่มาบัดนี้เขาอาจจะต้องลองพิสูจน์เรื่องโหราศาสตร์ดูสักครั้ง สุดเขตอยากจะรู้ว่าพาลีทำนายเรื่องเนื้อคู่ได้ถูกต้องหรือไม่

               ใบหน้าของสุดเขตถูกพาลีดึงดูดเข้าหาอย่างไม่รู้ตัว เขาจมดิ่งไปกับความต้องการอย่างไม่อาจต้านทานได้ สุดเขตทาบริม

ฝีปากลงไปช้าๆอย่างจงใจและไม่ยอมปล่อยให้พาลีขยับหนี เขาออกแรงดันศีรษะของพาลีไว้กับผนังปูนบังคับให้พาลีอยู่ใต้อาณัติแม้ว่า

อีกฝ่ายจะสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำแต่สุดเขตก็ยังเดินหน้าต่อไป

                สุดเขตเม้มกลีบปากบนของพาลีไว้ เขาถือโอกาสกับริมฝีปากที่สั่นระริกด้วยการใช้ปลายลิ้นแทรกเข้าไปทีละนิดระหว่างสบ

ฟันที่เขาดันมันขึ้นให้เปิดทางออก พาลีกระดกลิ้นหนีอย่างตกใจขณะที่สุดเขตตวัดเบาๆหลอกล่อและช่วงชิงจังหวะเข้าพัวพันได้สำเร็จใน

ที่สุด


               “อึก!”


               พาลีถูกควบคุมไว้ได้แล้วด้วยประสบการณ์เชี่ยวชาญของสุดเขต เขาเคยดูละครหลังข่าวและเห็นนางเอกระทดระทวยยามถูก

พระเอกจูบเช่นนี้ พาลียังนึกค่อนว่ามันไร้สาระและประโลมโลกเกินความเป็นจริงแต่เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเขา พาลีก็นึกเจ็บใจที่

กลายเป็นว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขัดขืน แขนสองข้างที่พยายามดิ้นรนก็คล้ายเป็นอัมพาตจนสุดเขตสามารถวางท่อนแขนของพาลี

ลงมาบนบ่าของสุดเขตเองโดยที่ไม่ต้องยึดตรึงอีกต่อไป


               “ฮัก”


               จูบนั้นไม่ยอมปล่อยให้พาลีได้มีโอกาสพักหายใจ สุดเขตรุกจนพาลีต้องผวางับอากาศสุดเขตจึงยินยอมถอนปลายลิ้นออกมา

ช้าๆ ริมฝีปากผละออกอย่างเสียดายก่อนจะมองพาลีด้วยนัยน์ตากระจ่างในขณะที่พาลีถึงกับหอบจนแทบจะร่วงไปกองกับพื้นถ้าสุดเขต

ไม่ได้โอบกอดเขาไว้ พาลีปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วว่าเขาเตลิดไปกับจูบนี้แค่ไหน


               “กูไม่ใช่เกย์ กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”


               พาลีเอ่ยทำลายความเงียบพร้อมกับแววตาสับสน สุดเขตมองตอบและแถมให้ด้วยมุมปากที่คลี่ยิ้มออกมา สุดเขตยกปลายนิ้ว

ขึ้นเช็ดไปรอบริมฝีปากของพาลีที่ยังมีคราบน้ำลายหลงเหลืออยู่จนหมด


                “กูก็ไม่ใช่เกย์ กูเอาผู้หญิงตั้งแต่ไปเรียนเตรียมทหาร ผ่านผู้หญิงมาเป็นสิบๆคนและมั่นใจว่ากูไม่เคยเอาผู้ชาย”


                 สุดเขตตอบเสียงต่ำพลางจ้องมองริมฝีปากแดงเรื่อที่เขารู้ว่ามันนุ่มแค่ไหน ดูเหมือนสุดเขตจะติดใจเสียแล้ว


                “ไม่รู้สินะ กูแค่ชอบมึงว่ะลี และอยากจะจูบมึงอีกสักครั้งถ้ามึงไม่ด่ากูนะ”


                 ดวงตาคมคู่นั้นแพรวพราวเกินไป เกินกว่าใจของพาลีจะรับไหว และดวงตาของสุดเขตนั่นเองที่เสมือนโซ่มัดพาลีไว้ไม่ให้ดิ้น

หลุดทั้งที่คราวนี้สุดเขตไม่ได้บังคับเขาไว้ด้วยกำลังอีกแล้ว นอกจากพาลีจะไม่ด่ากลับเขายังเป็นฝ่ายเงยหน้ารับเมื่อสุดเขตปิดทับกลีบ

ปากของพาลีไว้ด้วยปากของสุดเขตอีกครั้ง

                  พาลีเปิดทางให้สุดเขตเข้าครอบครองโพรงปากหวานด้วยความเต็มใจอยู่ในส่วนลึก และเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะตวัดลิ้นตอบโต้

ความช่ำชองของสุดเขตจนได้ยินเสียงคำรามต่ำอย่างถูกใจ พาลีไขว่คว้าท้ายทอยของสุดเขตและยึดมันไว้เหนียวแน่นเช่นเดียวกับเอว

ของเขาที่ถูกมือของสุดเขตเหนี่ยวรั้งเข้าหาจนเนื้อตัวเบียดรัด พาลีและสุดเขตคงจะลืมทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้หากจะไม่ถูกปลุกด้วย

เสียงโทรศัพท์มือถือของสุดเขตที่แผดดังขึ้นมา


             “อื้อ!”


             พาลีผวาเฮือก เขาเค้นแรงผลักสุดเขตออกห่างก่อนจะหอบหายใจถี่ยิบ สุดเขตเองก็ต้องหลับตาลงเรียกสติอยู่นานกว่าจะล้วง

โทรศัพท์ออกมากรอกเสียงสั่นพร่าลงไป


              “ครับพี่สมบัติ”


                ร.ต.อ.สมบัติรุ่นพี่ที่โรงพักคือคนที่ขัดจังหวะการจูบอย่างหนักหน่วงของเขานั่นเอง สุดเขตมองตามพาลีที่เดินหนีไปยังหน้า

เตาแก็สและจัดการปรุงอาหารมื้อเช้าอย่างเสียดาย เขาสังเกตเห็นมือของพาลียังสั่นไม่หยุดตอนที่ผัดอาหารอยู่ในกระทะ


                 “ทำไมรับสายช้าจังวะ” สมบัติทักกลับมาคำแรก


               “กูถือสายรอจนเกือบตัดสายแล้ว”


           ร.ต.อ.สมบัติเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสุดเขต หากแต่ในยามปกติที่ไม่ใช่เป็นทางการนักเขาเป็นรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับสุด เขต

ในระดับหนึ่ง


               “เหตุสุดวิสัยว่ะครับพี่ มีอะไรฉุกเฉินหรือเปล่า”


               สุดเขตกลืนน้ำลายลงคอกับเหตุสุดวิสัยของเขา มองเห็นแผ่นหลังของพาลีแล้วนึกอยากจะเดินไปกระชากมากอดเสียให้

หนำใจ


               “ก็ไม่ถึงกับด่วนขนาดนั้น ผลชันสูตรศพคุณนายสมรออกมาแล้วนะ จะมาดูหน่อยไหมล่ะ”


               สุดเขตตาลุก เขาอยากจะรู้ความคืบหน้าของคดีว่าคืบหน้าขนาดไหนแล้ว”


               “ครับพี่ เดี๋ยวจะรีบไปครับ”


               รับปากแล้วจึงรีบวางหูก่อนจะก้าวดุ่มๆไปหาพาลีที่กำลังตักอาหารจากกระทะใส่จาน


               “ลี”


               “ไปตักข้าวใส่จานมาสิ จะแดกไหมข้าวเช้าน่ะ”


               พาลีที่รวบรวมสติได้แล้วเอ่ยถามเสียงเขียวจนสุดเขตยังไม่กล้าแหย่ตอนนี้ เขาตักข้าวใส่จานของตัวเองและของพาลีวางบน

โต๊ะรอพาลีมานั่งตรงข้ามกับเขา


               “ลี”


               “แดกข้าวไป อย่าพูดมาก”


               สุดเขตตักข้าวใส่ปากอย่างไม่รู้รสนักเพราะมัวแต่จ้องมองใบหน้าที่ก้มต่ำสนใจแต่ข้าวในจานตัวเอง


               “เมื่อกี้นี้เรายังเคลียร์กันไม่จบนะโว้ย”


               สุดเขตวางช้อนส้อมลงอย่างขัดใจที่พาลีไม่ยอมพูดกับเขาแต่พาลีก็ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่งมากที่สุด


               “ไม่ต้องเคลียร์อะไรทั้งนั้นแหละ กูจะลืมมันซะ”


               “ลืมว่ากูจูบมึงเนี่ยนะ” สุดเขตประท้วงเสียงดังอย่างขัดใจ


               “เออ”


               “ลืมว่ามึงก็จูบตอบกูเหมือนกันเนี่ยนะ”


               “กูก็แค่สติแตก”


               “อ้อ สติแตกจนปล่อยให้กูจูบมึงจนปากบวมเจ่อขนาดนี้เลยนะ”


               พาลีนิ่งงัน เขากัดริมฝีปากตนเองพลางยกมือขึ้นแตะอย่างเจ็บใจกับความจริงที่สุดเขตกล่าว


               “แล้วเรื่องที่กูชอบมึงล่ะ มึงจะว่ายังไง”               


               สุดเขตเลิกคิ้วถามยียวนเรียกเลือดมาเลี้ยงบนใบหน้าของพาลีอีกครั้งทั้งที่พาลีเพิ่งจะควบคุมมันให้เป็นปกติได้อย่างยากเย็น

เขาหันใบหน้าหนีเพราะไม่อยากสบตากับสุดเขตอีกแล้ว


               “ก็เรื่องของมึง”


               “อ้าว สวยเลย” สุดเขตหัวเราะชอบใจ


                 “มึงพูดเองนะว่าเรื่องของกู งั้นกูจะชอบมึงแบบนี้แหละ ดีไหมวะผู้ใหญ่ลี”


               สุดเขตแกล้งไต่นิ้วไปบนโต๊ะจนไปวางอยู่บนหลังมือของพาลีแล้วกุมไว้ พาลีเงยหน้ามองอย่างหมั่นไส้ เขาดึงมือออกจากการ

เกาะกุมอย่างรวดเร็ว


               “น้อยหน่อยเถอะมึง ชักลามปามแล้ว จะไปโรงพักไม่ใช่หรือไง รีบไปล้างจานแล้วก็ไปได้แล้ว”


               สุดเขตยิ้มเมื่อเห็นพาลีนั่งหน้าบึ้ง สุดเขตมั่นใจว่าพาลีเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่ เพียงแต่ความปากแข็งทำให้ไม่อาจ

ยอมรับได้ทันที แต่สุดเขตไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาจะทำให้พาลีเอ่ยปากยอมรับด้วยตัวเองว่าชอบเขาเช่นกัน




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-11-2016 00:41:00
ต่อกันตรงนี้...



                “ฝ่ายนิติเวชส่งผลมาให้แล้ว พบว่ามีกระสุนขนาดเก้ามิลลิเมตรฝังอยู่ในกะโหลกของคุณนายสมร”


               สมบัติส่งแฟ้มการชันสูตรให้สุดเขตรับไปอ่านโดยมีพาลีนั่งฟังอยู่ใกล้ๆ


               “นัดเดียวโดนจุดตาย วิถีกระสุนไม่ไกลมากคาดว่าจะยิงในระยะประชิดและกระจกรถยนต์ฝั่งคุณนายสมรนั่งขับก็แตกละเอียด

แสดงว่ามือปืนยิงจากฝั่งคนขับ จากภาพวงจรปิดมุมสูงจากกล้องบางตัวของแผนกจราจรจะเห็นว่าคุณนายสมรขับรถมาอย่างรวดเร็วแต่รถ

ก็ส่ายไปมาเหมือนคุมสติไม่อยู่ก่อนจะเลี้ยวหายไปในซอยที่เป็นที่เกิดเหตุ น่าเสียดายที่ไม่มีกล้องไหนจับภาพได้ว่ารถคันไหนตามไล่

คุณนายสมรมา”


               “มันจะเป็นไปได้ยังไงครับพี่”


                สุดเขตสบถอย่างขัดใจ


               “ในขณะที่กล้องเห็นรถคุณนายสมร แต่ทำไมถึงไม่รู้ว่าคันไหนขับตาม”


               “รถคันอื่นไม่มีพิรุธนี่หว่า ทุกคันขับตามปกติไม่มีใครเร่งความเร็วตามหลังรถของคุณนายสมรสักคัน”


               สมบัติอธิบายแต่ดูเหมือนสุดเขตก็ยังไม่แล้วใจ เขาทำท่าจะเอ่ยถามข้อมูลเพิ่มเติมแต่มีเสียงเอะอะโวยวายจากทางด้านนอก

ห้องของสมบัติมาเป็นสิ่งขัดขวาง


               “เกิดอะไรขึ้นวะ”


               สมบัติลุกจากเก้าอี้และเดินออกไป สุดเขตยกมือห้ามพาลีที่ทำท่าจะลุกตาม


               “ไม่ต้องไอ้ลี มึงนั่งรออยู่ในห้องนี่แหละห้ามออกไปไหน”


               พูดจบสุดเขตก็เดินตามสมบัติออกไปนอกห้องจนถึงด้านนอก เขามองเห็นต้นเรื่องเป็นผู้ชายสองคนกำลังส่งเสียงเถียงกัน

ยกใหญ่โดยมีสมบัติยืนฟังอยู่


               “ไอ้เหี้ยนี่มันต่อยผมครับสารวัตร” ผู้ชายคนแรกที่มีร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าชี้ไปที่ชายคนที่สองอย่างเดือดดาล


               “ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาและมีแท็กซี่มาเบียดผมก็เลยเสียหลักไปเฉี่ยวรถมันเข้า ผมไม่ได้หนีนะครับแค่บิดตามไอ้แท็กซี่คันนั้น

ไป แต่ก็ตามไม่ทันเลยวกรถกลับมาจะมารับผิดชอบไอ้รอยเฉี่ยวนี่แหละ แต่ไอ้เหี้ยนี่มันลากผมไปหาเรื่องต่อยหน้าผมแม่งตั้งหลายหมัด

แถมยังจะให้ผมไปกราบรถมันอีก”


               “ก็มึงเสือกไม่ระวัง ขี่มาใกล้รถกูจนเสียหลักมาชนท้าย มึงรู้ไหมว่ารถกูน่ะเป็นรถแข่งคันเป็นล้าน น้ำหน้าอย่างมึงจะมีปัญญา

ชดใช้หรือไง”


               ชายคนที่สองสวนกลับ เขาเท้าเอวมองด้วยสายตาดูหมิ่นจนชายคนแรกยิ่งโมโหหนัก


               “เหี้ย ด่ากูเหรอ สารวัตรครับเอาเลยครับจับมัน ผมจะแจ้งความข้อหาพยายามฆ่าและหมิ่นประมาทไม่ยอมความเด็ดขาด”


               สุดเขตยืนมองภาพอันวุ่นวายตรงหน้าอย่างชินตา ไม่นานนักผู้สื่อข่าวที่มาหาข่าวแถวโรงพักก็เริ่มทำงานจนชายที่ถูกแจ้ง

ความกราดมองด้วยโทสะ


               “พวกมึงถ่ายรูปกูทำไม ห้ามเอาไปลงที่ไหนนะ กูแม่งฟ้องบรรลัยแน่”


               “ผมว่าคุณหยุดโวยวายก่อนดีกว่า”


               สมบัติออกโรงห้าม


               “สรุปว่าผิดด้วยกันทั้งคู่ นี่ก็ขับรถโดยประมาท ส่วนคุณก็ข้อหาทำร้ายร่างกาย ถ้าไม่อยากนอนคุกก็หาคนมาทำเรื่องประกันตัว

กันเร็วๆ นี่มันวันศุกร์แล้ว ถ้าทำเรื่องไม่ทันจะนอนคุกกันถึงวันจันทร์แน่ๆ”


               คำเตือนของสมบัติทำให้ชายที่กำลังโวยวายยอมเงียบลงได้ เขาโทรศัพท์หาใครบางคนให้มาช่วยเขา ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็ถูก

แยกกันไปทำทะเบียนประวัติ ไม่นานนักก็มีรถหรูอีกคันพุ่งมาจอดหน้าโรงพักก่อนบุรุษที่อยู่ในรถคันนั้นจะก้าวลงมาและเดินตรงมายังโต๊ะ

นายตำรวจที่รับแจ้งความ สุดเขตขมวดคิ้วมองคนมาใหม่เมื่อเขาคนนั้นคุ้นหน้าเป็นพิเศษ


               “อ้าว เสี่ยพิชัย” สมบัติเอ่ยทักทันทีที่เห็นหน้า “มาทำไมครับ”


               เสี่ยพิชัยสามีคุณนายสมรฝืนยิ้มแต่ก็ยังไม่ทิ้งมาด


               “ผมมาวางวงเงินประกันตัว”


               สมบัติมองอย่างสงสัย


               “เสี่ยจะประกันตัวใคร”


               เสี่ยพิชัยชี้ไปยังชายหนุ่มหนึ่งในสองคนที่มีเรื่อง คืนคนที่เป็นเจ้าของรถยนต์คันที่ถูกเฉี่ยวท้ายนั่นเอง


               “คนนั้น เขาเป็นนักแข่งรถในสังกัดที่ผมเป็นสปอนเซอร์อยู่”


               เงินสดปึกใหญ่วางลงบนโต๊ะเพื่อเป็นเงินประกันตัว ใช้เวลาไม่นานขั้นตอนก็จบลง เสี่ยพิชัยทำหน้าบึ้งตึงเดินนำคนของเขา

กลับออกไปจากโรงพักอย่างรวดเร็ว เหตุทั้งหมดสร้างความฉงนฉงายให้สุดเขตน่าดู


               ทำไมเสี่ยพิชัยต้องมาประกันตัวเองทั้งที่เคยเอ่ยปากว่าไม่อยากจะมาเหยียบโรงพักอีก อันที่จริงเรื่องแค่นี้เสี่ยพิชัยให้ใครมา

แทนก็ได้ และท่าทีความสนิทสนมนั้นอีกเล่า สิ่งเหล่านี้สะกิดใจให้สุดเขตต้องเดินไปดูประวัติของผู้ชายคนนั้น


               นายกิจจา อายุยี่สิบแปดปี อาชีพนักแข่งรถ

               อะไรบางอย่างเตือนให้สุดเขตจับตามองคนทั้งคู่ที่เดินไปขึ้นรถยนต์ของเสี่ยพิชัยที่จอดอยู่หน้าโรงพักจนกระทั่งเสี่ยพิชัยขับ

รถออกไป



                                               TBC


                                          :ruready :ruready


หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 23-11-2016 01:22:49
กราบรถกู!!! 5555555555  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 23-11-2016 01:31:03
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

อ็าคคคคค ลงแดงงง ยังเดาไม่ออกเลยอะ

มาอัพดึกมาก ฮาาาาาา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-11-2016 01:36:02
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 23-11-2016 01:44:32
โฮ้ยยยยยย ฟิน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-11-2016 08:23:05
 :-[ :-[ :-[ :-[

ฆาตกรที่ฆ่าคุณนายจะเป็นใครหนอระหว่าง นักแสดง นักแข่ง หรือ สามี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: supernaturalgay ที่ 23-11-2016 08:41:53
เราเดานะว่าคนร้ายอาจจะเป็นนักแข่งรถ
คนนี้   เพราะคุณนายสมรอาจไปรู้ความลับเรื่องเป็นชู้กับสามีก็ได้  ถึงโดนเก็บ   
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-11-2016 09:55:35
โอ้โห้~~~ไรท์สามารถมากกกกก พีคคค!! #กราบรถกู โยงมันเข้ามาได้เป๊ะ ทันเหตุการณ์ไปอี๊ก 55555 ใช่เลยสุดเขตมันดูทะแม่งๆ เสี่ยกับไอ้หน้าอ่อนนั้น สะกดรอยตามเลย แล้วจะรู้ว่าอะไรยังไง หึหึ!! //แต่ก่อนอื่นนะ ขอยืมปืนได้ม่ะ?จะมายิงพี่สมบัติทิ้ง โทรไม่รู้จังหวะซะเล้ยย หึ้ยยยย!!! 555 อื้อหื้อออออออจูบแลกลิ้น >.,< ตอนก่อนเป็นจูบแรกแค่เบาๆช๊ะ ก็เขินแบบไส้บิดละ คิดอยู่ว่าแล้วถ้ามาเจอจูบแบบดูดดื่มงี้จะเขินขนาดไหน บอกเลย มีอารมณ์หื่น ขึ้นเลย 5555555 (ncจะร้อนแรงเท่าไหร่นะ อิมเมจสุดเขตมันดูหื่นเร่าร้อน และพาลีก็เซ็กซี่ไรงี้ อืมมมม!!! พอๆเลิกคิด 5555555) //สุดเขตชัดเจน พาลีปากแข็งไปงั้นละ จูบตอบซะขนาดนั้น เดินหน้ารุกเต็มที่เลยสุดเขต นี้มันเนื้อคู่กูชัดๆ 5555 ฉากสวีทกันแบบนี้บอกเลยว่าโคตรเขิน อิอิ >//////< //คนน่าสงสัยก็เริ่มเข้ามาให้สงสัยมากขึ้น จะเป็นใครกันตามต่อไป
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-11-2016 11:43:52
กราบรถกรู๊~!!!!
โอ๊ยมันฮา  :laugh:

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 23-11-2016 12:33:08
สุดเขตรุกเข้า เอาให้พาลียอมจำนนให้ได้555555

แล้วฉากncจะตามมาชิมิ

แอบคาดหวัง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-11-2016 17:01:28
ใครๆๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-11-2016 17:31:57
จูบปากกู!

เอ๊ย!

อ๊ะ! อ๊ะ! เด็กเสี่ยอีกคนแล่ว แล่ว แล่ว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 23-11-2016 17:54:11
5555+ กราบรถกู ก็มาจ้าาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 23-11-2016 17:54:29
เด็กเสี่ยหรือเปล่า
กราบรถกูก็มาด้วย 555

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-11-2016 23:51:30
เค้าลางดูมีความซับซ้อนนะเนี่ย ให้เดาจากตัวละครตอนนี้ก้อน่าจะนายรถแข่ง ล่ะน๊า..
เอ็นดูเขต มีความบอกชอบ มีความฉวยโอกาส 5555555555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-11-2016 00:29:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 24-11-2016 12:52:35
ความหวานมาเต็มแต่ถูกตัดด้วยคดีเลย แอบเสียดายแต่ก็เขินอยู่ดี :-[
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 24-11-2016 19:32:06
ขออภัยที่ใช้คำหยาบแต่ว่าเหี้ยมาก55555555555555555555 เร็วแรงยิ่งกว่าละครช่อง 7
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 25-11-2016 06:36:24
 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 25-11-2016 10:08:26
ชอบอ่ะเธอออออ โอ้ยยยย ชอบทั้งความน่าติดตามของคดี และควาทรักของทั้งคู่ นี่มันก๊าวใจเหลือเกินนนนน เขินนนนน เขตยอมรับง่ายดี ไม่มีดราม่า รุกเข้าไปค่ะลูก รอนะ ชอบมว๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 25-11-2016 16:01:19
น่าสนุกมากกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 25-11-2016 16:45:41
สนุกมากก ขอบคุณที่มาอัพค่าา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 10 [23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 25-11-2016 22:56:21
 o13
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-11-2016 19:58:38


                                                              คดีรักนักดูดวง

                                                                  บทที่ 11


               ยังไม่ทันที่สุดเขตจะกลับเข้าห้องไปหาพาลีเขาก็มองเห็นรถตำรวจคันใหม่เอี่ยมแล่นมาจอดที่หน้าทางเข้าโรงพัก บุคคลที่

ก้าวลงมาจากด้านหลังของรถและเดินมาด้านในทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนบนโรงพักลุกขึ้นยืนและทำความเคารพ บุคคลนั้นคือ

พล.ต.ท.ภาคภูมิ ผู้บังคับบัญชาตำรวจนครบาล ที่เคยเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเรื่องความคืบหน้าของคดีฆาตกรรมคุณนายสมร ชายสูง

วัยที่มีอำนาจระดับสูงอยู่ในกรมตำรวจกราดสายตามองทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


               “เอาล่ะทุกคนไม่ต้องมีพิธีรีตรอง ผมมาดูว่าคดีคุณนายสมรคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”


               เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ถูกเรียกตัวเข้าไปในห้องประชุมโดยเร่งด่วนรวมทั้งสุดเขตและสมบัติด้วยผู้บังคับบัญชา

ของสุดเขตกล่าวรายงานสรุปเท่าที่พวกเขาทำกันได้ และเมื่อเจ้านายของสุดเขตรายงานจบทุกคนในห้องประชุมก็ถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อ

ได้ยินเสียงตบโต๊ะดังปังอย่างไม่สบอารมณ์ของบุรุษที่นั่งหัวโต๊ะ


               “อะไรกัน ทำงานกันได้แค่นี้เองเหรอทั้งๆที่นี่คือคดีที่คนในสังคมกำลังจับตามอง แต่กลับยังไม่มีอะไรคืบหน้าพอที่ผมจะไป

ตอบพวกนักข่าวแทนพวกคุณได้เลย”


               พล.ต.ท.ภาคภูมิพูดอย่างฉุนเฉียว


               “เรื่องน่าสงสัยก็มีแค่ไม่กี่เรื่องแต่ยังจับผู้ต้องสงสัยมาไม่ได้สักคน ผมให้เวลาอีกอาทิตย์เดียวพวกคุณต้องแสดงให้สังคมได้รู้

ว่าตำรวจมีน้ำยาพอ ไม่อย่างนั้นผมจะส่งคนของผมมาทำงานนี้แทน ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็คงจะรู้นะว่าการประเมินผลงานในรอบนี้จะออก

มาแบบไหน”


               เงียบกริบกันหมดทั้งห้องประชุมเมื่อถูกตำหนิจากผู้ใหญ่ของกรมตำรวจ พล.ต.ท.ภาคภูมิลุกขึ้นยืนฉับพลันจนนายตำรวจที่นั่ง

อยู่ในห้องแทบจะลุกขึ้นทำความเคารพไม่ทัน ชายสูงวัยก้าวอาดๆไปทางประตูห้องประชุมแต่เขาชะงักเท้าเมื่อเดินผ่านสุดเขตพร้อมทั้ง

จ้องป้ายชื่อก่อนจะจ้องหน้าสุดเขตตาเขม็ง


               “ผู้หมวด”


               สุดเขตยืนตัวตรงดิ่งเมื่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงกล่าวกับเขา


               “คุณใช่คนคุ้มครองพยานที่เป็นหมอดูหรือเปล่า”


               “ครับผม!”


               ตอบเสียงดังฟังชัดจนแววตาของพล.ต.ท.ภาคภูมิคลายความเคร่งเครียดลงได้บ้าง


               “หน่วยก้านใช้ได้นี่ ดูแลพยานรายนี้ให้ดีนะอย่าให้ได้รับอันตรายเด็ดขาด เขาเป็นเบาะแสให้อย่างดีถ้ามีปัญหาอะไรติดต่อผม

ได้โดยตรง ผมจะรีบช่วยเหลือทุกอย่าง ฝากเบอร์ไว้ที่เลขาของผมก็ได้”


               สุดเขตรีบส่งเสียงขานรับคำสั่ง พล.ต.ท.ภาคภูมิจึงก้าวเดินออกไปนอกห้องประชุมโดยมีเสียงถอนหายใจของนายตำรวจที่ยัง

อยู่ในห้องดังตามๆกัน


               “พวกเราต้องเร่งมือ”


              เจ้านายของสุดเขตสั่งการสีหน้าเครียดจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ


               “ฝ่ายสืบสวนต้องรีบแล้วนะ ไม่งั้นโดนดองยกโรงพักแน่ เอ้า รีบไปทำงานกันได้แล้ว”


               กรูกันออกมาจากห้อง สุดเขตเดินมาพร้อมสมบัติและคุยกับรุ่นพี่อย่างเป็นกังวลและเสียดายที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายสืบสวนในงานนี้


               “อยากไปช่วยลงพื้นที่สืบมากถ้าไม่ติดว่าต้องคุ้มครองไอ้ลีนะพี่บัติ”


               “เอาน่า”


                สมบัติตบบ่ารุ่นน้องอย่างเข้าใจ


                “คุ้มครองพยานก็สำคัญไม่แพ้กัน เห็นหรือเปล่าว่าท่านเน้นเรื่องนี้แค่ไหน ช่วยๆกันไปโว้ยเขต งานมันไม่ได้ทำเสร็จแค่คนๆ

เดียวหรอก”


                 แยกย้ายกันไปทำงาน สุดเขตเดินไปยังห้องที่พาลีนั่งคอยอยู่ เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือสุดเขตพาลีก็วางหนังสือที่หยิบ

ติดมือมาด้วยลง


                “ทำไมไปนานจังวะ”


                พาลีถามด้วยความห่วงใยโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขานั่งรออยู่ในห้องเล็กเพียงลำพังด้วยความกังวลที่สุดเขตหายไปนาน


                “มีผู้ใหญ่มาตรวจงานว่ะ”


                 สุดเขตถอนหายใจ


                “แล้วแม่งคดีก็ไม่คืบ กูอยากจะไปช่วยเขาสืบมากถ้าไม่ติดว่าต้องมาคุ้มครองพยาน...ลี...ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”


                 ใบหน้าของพาลีคงจะฝืดเฝื่อนจนสังเกตได้จากคำพูดที่สุดเขตหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ พาลีเข้าใจดีว่าคนอย่างสุดเขตนั้น

น่าจะชอบงานอะไรที่ท้าทายความสามารถมากกว่าจะต้องมาอยู่นิ่งคอยเฝ้าเขา แต่ความรู้สึกบางอย่างมันบังเกิดขึ้นมาโดยที่พาลีไม่

เข้าใจ คล้ายกับว่าเขากำลังน้อยใจที่สุดเขตมองเห็นเขาเป็นตัวขัดขวางงานที่สุดเขตอยากทำ


                “กูไม่ได้เป็นอะไร มึงไม่ต้องมาใกล้กูไอ้เขต”


                พาลีเอ่ยห้ามพลางสะกัดกั้นความร้อนผ่าวที่พุ่งขึ้นจากจมูกไปสู่ดวงตา เขานึกเจ็บใจความอ่อนไหวที่เกิดขึ้นมาในตอนนี้


                 “อันที่จริงมึงไม่ต้องมาคุ้มครองอะไรกูก็ได้ ถ้ามึงอยากจะไปทำอะไรให้มันดีกว่าอยู่กับกูมึงก็ไป”


                 สุดเขตมองพาลีที่ก้มหน้าต่ำหลีกหนี เขาจับกระแสการประชดประชันและความน้อยใจจากพาลีได้จนอยากจะตบปากตัวเอง

ที่เผลอหลุดปากพูดสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของพาลี


                “ไอ้ลี มึงอย่าคิดมาก”


             ตรงเข้าไปดึงแขนพาลีให้ลุกขึ้นยืนแต่พาลีก็ยังไม่ยอมหันมามองหน้าเขา สุดเขตใช้มือวางแนบแก้มดันให้พาลีหันหน้ามาจนได้


              “กูไม่ได้หมายความว่ามึงไม่สำคัญ จริงๆแล้วที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของมึงต่างหาก ถ้ามีอันตรายเกิดกับมึงกูคงจะ

โทษตัวเองไปตลอดชีวิต”


                น้ำเสียงปลอบประโลมและบอกกล่าวความรู้สึกจากใจของสุดเขตทำให้พาลีคลายความหน่วงลงไปได้มาก มาถึงตอนนี้พาลี

กำลังกลัวว่าหัวใจของเขาจะต้านทานสุดเขตเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว พิสูจน์ได้ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่ระส่ำระส่ายเมื่อสุดเขตโน้ม

ใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้จนเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจของสุดเขต


                “ไอ้เขต!”


               สะดุ้งออกจากกันเกือบไม่ทันเมื่อสมบัติเปิดประตูเข้ามา ต่างก็ต้องเก็บความรู้สึกของตนไว้เมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาขัดจังหวะ


                “เป็นอะไรกัน ทำไมต้องทำหน้าแดงกันด้วย”


                สมบัติมองหน้าสุดเขตกับพาลีสลับกันอย่างสงสัย สุดเขตที่ได้สติก่อนต้องรีบหัวเราะแก้เก้อ


                 “อากาศร้อนจะตาย ห้องนี้แอร์มันไม่เย็นเลยพี่บัติเมื่อไหร่เขาจะมาล้างแอร์เสียทีก็ไม่รู้ แล้วนี่พี่มีอะไรหรือเปล่า”


                 โล่งอกเมื่อดึงความสนใจจากรุ่นพี่ได้ในขณะที่พาลีได้โอกาสขยับหนีออกห่างอย่างรวดเร็ว


                 “กูว่าจะคุยกับมึงเรื่องไอ้เสี่ยพิชัยกับไอ้เหี้ยที่โวยวายนั่นแต่ท่านภาคภูมิมาขัดจังหวะเสียก่อน มึงสังเกตอะไรแปลกๆไหมวะ”


                  สุดเขตรีบพยักหน้า เขามีความเห็นไม่ต่างจากสมบัติ


                  “ใช่พี่ ไอ้นักแข่งรถที่ชื่อกิจจาใช่ไหม ผมว่ามันก็มีอะไรผิดสังเกตอยู่มาก ทำไมเสี่ยพิชัยสนิทสนมกับมันมากจนต้องมาโรง

พักเองด้วย”


                “ทิ้งไม่ได้ว่ะประเด็นนี้ รวมทั้งไอ้นักร้องอะไรนั่นที่คุณนายสมรแกคลั่งไคล้ด้วย และเรื่องปืนอีก เราต้องสืบว่าใครใช้ปืนที่มี

ขนาดกระสุนเก้ามิลลิเมตรอีก แต่กูว่าคนยิงยังไงก็มืออาชีพเพราะนัดเดียวโดนจุดตาย คงไม่ใช่บันดาลโทสะแล้วฆ่าหรอก”


                สมบัติกล่าวยืดยาวโดยไม่ทันมองว่านายตำรวจรุ่นน้องไม่ได้สนใจนัก สายตาของสุดเขตลอบมองแต่พาลีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัว

เดิมและคว้าหนังสือเล่มเดิมมาอ่านต่างหาก


               “คุณพาลี วันนี้ต้องไปไหนหรือเปล่า”


                พาลีสะดุ้งที่สมบัติพูดด้วย เขาหันมาฝืนยิ้มและตอบด้วยเสียงที่ยังสั่นอยู่นิดๆ


               “ต้องไปอัดเสียงดูดวงทางโทรศัพท์น่ะครับ”


                สมบัติพยักหน้ารับรู้ เขาตบบ่ารุ่นน้องร่ำลา


              “กูไปละ ว่าจะไปสืบแถวเส้นทางที่กล้องวงจรปิดจับภาพรถคุณนายสมรเสียหน่อย มึงเองก็ดูคุณพาลีดีๆนะ”


                สุดเขตผ่อนลมหายใจเมื่อสมบัติก้าวออกไปจากห้อง เขาหันไปมองพาลีที่ก้มหน้างุดอยู่กับหนังสือ


               “ลี”


                 เรียกเบาๆแต่พาลีก็ยังไม่หันมา สุดเขตนึกขำจนต้องกลั้นหัวเราะอย่างยากเย็น


                 “ไอ้ผู้ใหญ่ลี มึงอ่านหนังสือกลับหัวได้ด้วยเหรอ”


                หนังสือตกผลัวะลงมาบนพื้น พาลีรีบลุกขึ้นมาคว้ามันด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนจนสุดเขตส่ายหน้า มองออกได้ไม่ยากว่าพาลีเองก็

มีใจให้กับเขาแต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมรับสักที


                 “เหี้ย”


                 ในที่สุดสุดเขตก็ต้องเงยหน้าหัวเราะลั่นกับสมญานามใหม่ของเขา สุดเขตยกมือขยี้ผมพาลีจนยุ่งไปหมด


                  “มึงนี่ก็น้า ชอบก็บอกตรงๆสิว่าชอบ จะมัวปากแข็งอยู่ทำไม รอกูอยู่นี่แหละ ไปติดหนวดปลอมเสร็จแล้วจะพามึงไปอัดเสียง

ที่มึงบอกตะกี้”


                 สุดเขตเดินผิวปากออกไปแล้วทิ้งให้พาลียืนหน้ามุ่ยจัดผมเข้าทรง เขากัดริมฝีปากตัวเองไว้เพราะความสับสน

อาการของเขาทั้งหมดเป็นเพราะพาลีชอบสุดเขตงั้นหรือ







                    พิชัยหงุดหงิดเต็มทีจนกระทั่งมาถึงบ้านหลังใหญ่ของเขา ตั้งแต่สมรถูกยิงตายก็เหมือนชีวิตจะเป็นอิสระขึ้น ลูกๆทั้งสาม

แทบไม่อยู่บ้าน คนโตไปเรียนเมืองนอก คนกลางเรียนมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ส่วนลูกคนเล็กก็มัวแต่เที่ยวเกกมะเหรกเกเรไปตาม

ประสาวัยรุ่น ทำให้ทั้งบ้านมีคนรับใช้มากกว่าเจ้านายด้วยซ้ำ และตอนนี้พิชัยก็พากิจจาเข้ามาในบ้านได้โดยสะดวกมากขึ้นเมื่อคฤหาสถ์

หรูแทบไม่มีใครอยู่นอกจากเขา


                “ทำอะไรลงไปทำไมไม่คิดวะ”


               พิชัยเริ่มต้นต่อว่ากิจจาคำแรกเมื่อทั้งคู่ก้าวเข้าไปสู่ห้องนอนกว้างขวางอันเป็นห้องส่วนตัวของพิชัยที่สมรแยกห้องนอนกันไป

นานแล้ว กิจจาเป่าปากพลางเหลียวมองความหรูหราเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง เขาเพิ่งเคยเหยียบเข้ามาในบ้านของพิชัยเป็นครั้งแรก

เห็นแล้วก็ยิ่งนึกอิจฉาความร่ำรวยของพิชัย


               “เสือกจะไปมีเรื่องกับเขาแล้วเดือดร้อนโทรมาหากู ก็รู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้แค่กระดิกตัวกูก็เป็นข่าวแล้ว”


               เสี่ยพิชัยนั้นหากอารมณ์ดีเขาจะปากหวานตามประสานักธุรกิจแต่หากอารมณ์เสียเมื่อไหร่ความหยาบคายจากสันดานที่ไม่ได้

ปรุงแต่งก็จะเผยออกมาให้เห็น กิจจาได้แต่ทำใจให้อดทนกับกริยานั้นเพราะเขายังต้องการทรัพย์สินเงินทองจากพิชัยที่จ่ายไม่อั้นถ้า

ถูกใจ


               “โธ่เฮีย”


                 กิจจาเอาใจด้วยการผลักให้พิชัยนั่งลงบนเตียงแสนนุ่มแล้วนวดไหล่ โดยปกติเขาจะเรียกพิชัยว่าเสี่ยเช่นคนอื่น แต่ถึงเวลาที่

เขาจะพะเน้าพะนอแล้วจากเสี่ยก็จะเปลี่ยนเป็นเฮียทันที


                  “รถคันนี้มันก็เงินของเฮียนะครับ ผมรักรถที่เฮียให้มาก็เลยโมโหจนขาดสติ แล้วผมก็นึกถึงใครไม่ออกนอกจากเฮียที่จะเป็น

ที่พึ่งให้ผมได้ อย่าโกรธผมเลยน่าเฮีย วันนี้ฉลองที่เฮียพาผมมาบ้านผมจะให้เฮียจัดการให้เฮียอย่างถึงใจเลย”


                  กิจจาทำตามที่พูด เขาผลักให้พิชัยหงายหลังลงไปบนเตียงราคาแพงที่เด้งรับน้ำหนักเจ้าเนื้อของเจ้าของ จากนั้นกิจจาก็

ถอดเข็มขัดพร้อมทั้งรูดซิปกางเกงของเสี่ยพิชัยออก เขาควักเจ้าโลกอันเล็กออกมาและปรนเปรอเสี่ยพิชัยด้วยปากของเขาเสียหนึ่งรอบ

เสื้อผ้าถูกถอดออกด้วยกันทั้งคู่ กิจจาขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนเอวของพิชัยก่อนจะใช้มือจับท่อนเนื้อที่แม้จะขยายขนาดแล้วก็ยังไม่ได้ดูใหญ่

โตนักของพิชัยเข้าไปในช่องทางของเขา กิจจาสร้างอารมณ์ตัวเองด้วยการลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเพื่อให้ดูเซ็กซี่ถูกใจพิชัย เขาโยกเอวขึ้น

ลงได้ไม่มากนักเพราะท่อนเนื้อนั่นไม่เป็นใจเท่าไหร่


                “เฮีย อยากจะใส่ผมไหมครับ”


                ปรือตาถามพลางส่งเสียงกระเส่าเร่งเร้าอีกฝ่าย เสี่ยพิชัยพยักหน้ารับกิจจาจึงดึงเอวออก เขานอนคว่ำลงไปกับเตียงและอ้าขา

ให้กว้างเพื่อให้พิชัยได้สอดเสียบเข้ามาในช่องทางของเขา กิจจาแสร้งร้องครวญครางและบิดกายไปมาอยู่บนเตียงกว้างจนในที่สุดพิชัย

ก็ปลดปล่อยออกมาและเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจกิจจาที่นอนกัดฟันอยู่บนเตียง


               “สัส ไอ้หมูตอนตะกละ”


                กิจจาสบถอย่างสะอิดสะเอียนเมื่อพลิกกายกลับมาด้วยความต้องการที่ยังคั่งค้างอยู่ เขาใช้มือโยกรั้งท่อนเนื้อของตัวเองไว้

ก่อนจะสาวรูดไปมาระหว่างที่พิชัยไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำจนกระทั่งน้ำคาวขาวขุ่นไหลเปรอะอยู่บนหน้าท้องกิจจาจึงได้ทิ้งหัวลง

ไปกับที่นอนแล้วหอบเบาๆ


                 “เอ้า นี่ผ้าเช็ดตัว ไปอาบน้ำซะ”


                  พิชัยที่เพิ่งเดินจากห้องน้ำส่งผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ให้เขา กิจจารีบปั้นสีหน้ายิ้มแย้มให้พิชัยทันที


                  “เฮียน่ะ เล่นรูดน้ำผมซะหมดตัวเลย เจ๋งจริงครับเฮียอวดคนอื่นได้เลยว่ายังเตะปี๊บดังอยู่”


            กิจจาลุกจากเตียงและรับผ้าเช็ดตัวมาจากพิชัย เขาเดินเข้าห้องน้ำด้วยความตื่นเต้น ห้องน้ำบ้านเสี่ยพิชัยยังกว้างกว่าอพาร์ต

เม้นท์เท่ารูหนูที่เขาซุกหัวนอนอยู่เสียอีก เครื่องสุขภัณฑ์ทั้งหลายสวยงามจนกิจจาอาบน้ำล้างตัวด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นก่อนที่เขาจะเดิน

ผิวปากออกมาเห็นพิชัยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มุมหนึ่งของห้องกว้าง เบื้องหน้าของพิชัยมีโต๊ะตัวเล็ก บนโต๊ะนั้นมีกล่องโลหะสีเงินแวววาวตั้งอยู่

กิจจาเดินไปโน้มกอดพิชัยจากด้านหลัง



มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-11-2016 20:07:47


ต่อกันตรงนี้...



             “กล่องอะไรครับเฮีย”


             พิชัยไม่ตอบแต่เขาเปิดกล่องขึ้นมา ภายในบุด้วยกำมะหยี่และมีปืนพกสีดำมะเมื่อมซ่อนกายอยู่ในนั้น กิจจามองตาลุกโพลง

เขาก้าวมานั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับพิชัย


            “เฮีย นอกจากรถแล้วเฮียยังเล่นปืนด้วยเหรอ”


            พิชัยหัวเราะอย่างถูกใจ เขายกปืนขึ้นมาและใช้ผ้าเช็ดอย่างทะนุถนอม


             “แชมป์ยิงปืนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยคงจะบอกได้กระมังว่าเฮียจริงจังไม่ใช่เล่นๆ”


              พูดพลางยกปืนขึ้นประทับเหนี่ยวไกอธิบายอย่างรู้จริง


              “ด้ามนี้ด้ามโปรดของเฮียเลยนะ Glock17 สัญชาติออสเตรียใช้กระสุน 9มิลลิเมตร เล็งง่าย น้ำหนักเบาเหมาะมือมาก”


              “เฮีย ไม่เอา อย่าเล่นเดี๋ยวผีผลัก”


               กิจจาดันมือของพิชัยที่เล็งปืนมาทางเขาให้เบนห่างอย่างหวาดเสียว พิชัยหัวเราะชอบใจและวางปืนกลับไปในกล่องของมัน


              “กลัวไปได้ ปืนไม่มีกระสุนสักหน่อย นี่ยังไม่ได้ไปซื้อกระสุนมาเพิ่มเลย”


              กิจจาถอนหายใจ เขายิ้มเอาใจและดึงแขนให้พิชัยลุกจากเก้าอี้เดินตามเขาไปยังเตียงกว้างอีกครั้ง


               “อย่ามัวแต่ชื่นชมปืนเลยเฮีย แข่งเมื่อวันก่อนผมได้รองแชมป์เฮียยังไม่ได้ให้รางวัลเลยนะ”


               พิชัยคว้าสมุดเช็คจากโต๊ะหัวเตียงมาเซ็นยิกๆก่อนจะยื่นส่งให้กิจจารับไป กิจจามองตัวเลขในแผ่นเช็คแล้วตาลุกวาบเมื่อมันมี

จำนวนมากพอจะทำให้เขาสบายไปอีกพักใหญ่ พิชัยใช้มือบีบคางเขาไว้และพูดใส่หน้า


              “เฮียให้เพราะกิจทำให้เฮียพอใจทั้งเรื่องแข่งรถและเรื่องบนเตียง จำไว้นะ ถ้าเฮียชอบอยากได้อะไรเฮียจะให้ทุกอย่าง แต่อย่า

ทำให้เฮียโกรธเพราะเฮียจะไม่เลี้ยงกิจแน่ๆ”


               ดวงตาของพิชัยดุดันจนกิจจาต้องฝืนยิ้ม เขาดึงให้พิชัยล้มทับมาบนตัวเขาอีกครั้ง


             “ผมรู้น่าเฮียว่าควรทำตัวยังไง มาครับเฮีย ให้ผมสนองพระเดชพระคุณเฮียให้หนำใจสมกับที่เฮียให้ผมดีกว่า”


              พิชัยมองคนใต้ร่างด้วยความพึงใจ เขาสนองตัณหาตัวเองด้วยร่างกายของกิจจาให้สมกับเงินที่เสียไปอีกครั้ง







                “รอบนี้เป็นของปีหน้าที่ต้องเตรียมไว้ เดี๋ยวเจ้จะส่งเงินของเดือนที่ผ่านมาให้ลีทางบัญชีเหมือนเดิมนะ”


                น้ำทิพย์เอ่ยกับเขาเมื่อการบันทึกเสียงพยากรณ์สำหรับปีหน้าเสร็จสิ้นลงในตอนค่ำ พาลียิ้มรับน้ำทิพย์เช่นเคย


                “ขอบคุณครับพี่ทิพย์”


               “แล้วนี่จะกลับยังไง มืดแล้ว” น้ำทิพย์ถามอย่างเป็นห่วง


               “นายไข่ขับรถมาให้ผมน่ะครับ”


               “นายไข่อีกแล้วเหรอ”


                 น้ำทิพย์ปรายตาไปยังชายแต่งตัวมอซอผมเผ้ารุงรังใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราอย่างไม่ถูกชะตา หล่อนป้องปากกระซิบ

พาลีเพราะกลัวเขาจะได้ยิน


                “จ้างคนอื่นไม่ดีกว่าหรือลี หมอนี่มันดูสกปรกเหมือนพวกจี้ชิงทรัพย์มากกว่า พี่กลัวลีจะเป็นอันตราย”


                พาลีแอบขำ เขาเหล่มองนายตำรวจที่กลายมาเป็นโจรในสายตาของน้ำทิพย์ ชะรอยเจ้าตัวจะรู้เพราะสุดเขตลุกขึ้นยืน

พรวดพราดและก้าวมาเขากับน้ำทิพย์จนสาวใหญ่ตกใจ


               “คุณพาลี กลับได้แล้วครับ มืดแล้วกระผมสายตาไม่ดี เดี๋ยวจะพาคุณพาลีไปผิดทาง”


               สิ้นเสียงเหน่อๆของสุดเขตน้ำทิพย์ก็มองอย่างไม่ไว้ใจจนต้องกระซิบพาลีอีกครั้ง


               “ลี ไว้ใจได้แน่เหรอ ไม่ใช่พาลีไปฆ่าทิ้งในพงหญ้านะ”


               “โธ่ พี่ทิพย์อย่าเป็นห่วงเลย นายไข่ไว้ใจได้ครับ ผมไปละครับ”


                ยกมือไหว้อำลาน้ำทิพย์ แต่ยังไม่ทันจะก้าวจากเสียงโทรศัพท์เครื่องใหม่ของพาลีก็ดังขึ้น พาลีรับโทรศัพท์พลางขมวดคิ้ว

เมื่อเห็นเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้


              “สวัสดีครับ พาลีพูด”


              “พาลีหรือครับ ผมเอง”


              เสียงที่ตอบกลับมาทำให้พาลีงงงัน เขาฝืนยิ้มและกรอกเสียงตอบกลับ


             “เอ่อ ถ้าจำเสียงไม่ผิด คุณติณณ์ใช่ไหมครับ ได้เบอร์ผมมาจากไหน”


             เสียงขานชื่อที่ดังจากปากของพาลีทำให้สุดเขตชะงัก เขามองพาลีด้วยสายตาดุจนพาลีเสียวสันหลัง


             “ผมได้เบอร์พาลีมาจากคุณน้ำทิพย์ครับ”


              คำตอบนั้นทำให้พาลีต้องหันไปมองน้ำทิพย์ที่ส่งยิ้มแหยมาให้เขา


               “โทรมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”


               พาลีตอบด้วยเสียงเป็นงานเป็นการ แต่ปลายสายกลับตอบมาอย่างร่าเริง


              “ก็พาลีบอกให้ผมไปทำบุญไม่ใช่หรือครับ พรุ่งนี้ผมว่างกองถ่ายงดกองกะทันหัน อยากจะชวนพาลีให้ไปทำบุญเป็นเพื่อนผม

หน่อยจะได้ไหมครับ ถือว่าช่วยคนที่กำลังดวงตกไงล่ะครับ”


              จุดประสงค์ของติณณ์ทำให้พาลีกระอักกระอ่วน เขามองสบตาสุดเขตที่จ้องเขาตาเขม็งพร้อมกับหาทางออกให้นุ่มนวลที่สุด

เท่าที่จะทำได้



                                           TBC


                                        o22 o22



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-11-2016 20:32:57
เอาล่ะซิ คุณตำรวจจะหึงไหมหนอ :hao3: :hao3:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 27-11-2016 20:35:37
นายตินตั้งจะจะทำคะแนนดิ

พาลีกับสุดเขตเขาไปกันถึงไหนล้าาาวนะยะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-11-2016 20:48:32
ดูท่าว่าพาลีจะเป็นคนทำให้ติณณ์ถึงจุดจบแบบคำทำนายหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 27-11-2016 21:00:58
 :hao4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-11-2016 21:39:20
เสียยิงปืนแม่นแถมมี 9 มม. อีก??
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 27-11-2016 22:38:39
เริ่มเหมือนผัวเมียกันมากขึ้นทุกที มีงอนกัน ประชดกัน นอนห้องเดียวกัน เป็นแฟนกันซักทีเถอะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-11-2016 22:51:18
เสี่ย + ปืน + แม่น + ไม่เลี้ยงคนคิดไม่ซื่อ

น่าสงสัยมากกกก

ลีเขินน่ารัก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-11-2016 23:00:37
 :hao5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-11-2016 23:02:55
คดีนี่ยังเดาทางอะไรไม่ออกเลยค่ะ
ส่วนผู้ใหญ่ลีก็เลิกปากแข็งสักทีนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 27-11-2016 23:08:47
มีคู่แข่งม่แบบนี้ ท่าทางจะต้องรีบปิดคดีให้ได้แล้วสิคุณตำรวจ
นี่ก็น่าสงสัยกันทุกคน คุณดารานั่นก็ดวงเข้าเค้า ส่วนเสี่ยก็มีปืนอีก ต่างหาก
คุณนายสมรช่วยไปเข้าฝันพาลีทีค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 28-11-2016 01:33:46
ติณณ์ชักจะเยอะละ เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน ดวงยิ่งไม่ดีๆอยู่ ถ้าจะถึงดวงตายก็เพราะความกะล่อนของตัวเองนี้ละ //ตอนแรกแอบตัดเสี่ยออกไปนะ พอรู้ว่ามีปืนแถมแม่นอีก กลับมาสงสัยต่อ 555 แต่ก่อนอื่นขอตัดไอ้เห่กิจจาออกก่อน ไม่น่าใช่แน่ๆ //สุดเขตตตตตพาลี~~~มีแอบน้อยใจเบาๆ ให้เขาง้อ ก็นะเข้าใจสุดเขตว่าอยากจบคดีเร็วๆ แต่ก็เข้าใจพาลี แหม่พูดซะตรูเป็นตัวถ่วง นอยล์แม่งเลย 5555 ดีที่สุดเขตมันง้อแบบนั้น แสรดดดดด เขินนนน >///< พี่สมบัติอีกแล้วววววววว เจ้าเก่าเจ้าเดิมไม่โทรมาขัดก็เปิดประตูมาเจอ เกลียดดดดดดดดพี่สมบัติ 55555555555 //เออนะพาลีชอบก็บอกว่าชอบเห๊อะ เน๊อะสุดเขต 555 //รอตอนต่อไปค่ะ ลุ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-11-2016 01:57:52
รวดเดียวจบ เป็นอะไรที่ต้องตามมม

เหมือนจะไม่ซับซ้อน แต่ก้อวางใจมิได้
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-11-2016 10:28:05
เสี่ยพิชัยมีปืน นักแม่นปืน อาจจะเป็นคนฆ่าก็ได้
แต่ทำไมพาลีจำเสียงคนร้ายในโทรศัพท์ไม่ได้หรอ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: อ้วนน้อย ที่ 28-11-2016 11:03:11
 :sad4:แงงชื่อแฟนเค้าอ่ะจิ้นไม่ออก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 28-11-2016 21:45:24
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 11 [27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-11-2016 19:13:27
ไม่มีอะไรมาก แค่สงสารไข่จังเลย
อย่าขับรถ พาผู้ใหญ่ลีหลงเข้าโรงแรมละ
 :hao6:
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-12-2016 11:15:36

                                                            คดีรักนักดูดวง

                                                                บทที่ 12


           “คือว่า...”


           “พาลีครับ ไม่สงสารคนที่กำลังดวงตกบ้างเหรอ ไหนพาลีบอกว่าผมต้องทำบุญไงล่ะ”


          ยังไม่ทันจะหาทางออกติณณ์ก็ส่งเสียงออดอ้อนแทรกมาทันที และเป็นเหตุผลที่ยากจะปฏิเสธเพราะพาลีบอกกับติณณ์เช่นนั้น

จริงๆ


           “นะครับพาลี”


           “ถ้าอย่างนั้นไปตอนเช้าได้ไหมครับ สักเจ็ดโมง”


           เสนอเวลาตั้งแต่เช้าตรู่เพราะคิดว่านักแสดงอย่างติณณ์ไม่น่าจะชอบการตื่นเช้า หากแต่พาลีคาดการผิดเพราะติณณ์รีบตอบกลับ

ด้วยน้ำเสียงร่างเริงสุดฤทธิ์


          “ได้เลยครับพาลี ให้ผมไปรับไหม พาลีอยู่ที่ไหนบอกผมได้เลยนะครับ”


          “อย่าดีกว่าครับ”  ห้ามเสียงหลงเพราะตอนนี้สุดเขตมองตาถลนแล้ว


         “ผมไปเองจะสะดวกกว่า พบกันที่วัด...นะครับ”


           พูดจบพาลีก็ชิงตัดสายทิ้งและหันไปมองน้ำทิพย์อย่างไม่ค่อยพอใจนัก


         “ผมจำไม่ได้ว่าเคยอนุญาตให้พี่ทิพย์บอกเบอร์ของผมกับคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”


         “โธ่ น้องลี พี่ขอโทษ” น้ำทิพย์ยิ้มจืดเจื่อน


          “พี่เห็นว่าเป็นติณณ์ไง เขาเป็นคนดังแถมยังหน้าตาดีแบบนี้คงไม่ได้คิดร้ายอะไรกับลี เขาโทรมาขอเบอร์ลีกับพี่บอกว่าจะให้ลีช่วย

พาไปทำบุญพี่ก็เลยให้ไป อย่าเคืองพี่แบบนี้สิจ๊ะ”


           พาลีถอนหายใจกับนิสัยการดูคนแต่ภายนอกของน้ำทิพย์ เพียงแค่คนๆนั้นหน้าตาดี มีชื่อเสียงและมีฐานะทางสังคมคนอย่างน้ำ

ทิพย์ก็พร้อมที่จะไว้เนื้อเชื่อใจไปเสียทั้งหมด


            “ช่างเถอะครับ แต่หวังว่าจะไม่มีคราวหน้าอีกนะครับ”


           พาลียกมือไหว้น้ำทิพย์ก่อนจะเดินกลับออกไป แต่สุดเขตยังไม่ยอมจบเขาหันขวับไปมองน้ำทิพย์ด้วยดวงตาดุจนสาวใหญ่สะดุ้ง


           “ว้าย อะไรยะไอ้มหาโจร”


            สุดเขตยกนิ้วขึ้นทำท่าปาดคอแล้วชี้ไปทางน้ำทิพย์เป็นการขู่สำทับคำพูดของพาลีก่อนจะหันหลังกลับเดินตามพาลีออกไปทิ้ง

ให้น้ำทิพย์ยืนอกสั่นขวัญแขวน


          “โอ๊ย คนขับรถน้องลีนี่มันเป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือเปล่านะ ไม่ได้การละต้องโทรบอกให้คุณติณณ์ระวังแทนน้องลีให้มากๆ”


          รำพึงจบน้ำทิพย์ก็รีบจัดแจงโทรหาคนที่ตนเองกล่าวถึงทันที







         พาลีนั่งนิ่งมาในรถยนต์ที่สุดเขตเป็นคนขับ ตลอดทางสุดเขตมีสีหน้าบึ้งตึงและไม่หันมามองพาลีแม้แต่ครั้งเดียว พาลีเม้มริมฝีปาก

พลางสะกัดกั้นความร้อนรนในจิตใจที่เกิดขึ้นในหัวใจ จนในที่สุดพาลีก็ทนไม่ไหวเมื่อสุดเขตขับรถใกล้จะถึงตึกแถวของเขา


          “ไอ้เขต” เอ่ยทำลายความเงียบแต่สุดเขตก็ยังมีทีท่าเหมือนเดิมจนเสียงพาลีเริ่มจะอ่อยลงเรื่อยๆ


          “เขต มึงเป็นอะไร ทำไมทำคอแข็งเหมือนเป็นโรคพิษสุนัขบ้าเลยวะ”


          ได้ผล สุดเขตหันมามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองท้องถนนด้วยท่าทางเช่นเดิม


          “ใช่สิ กูมันหมาบ้า ทำอะไรก็บ้าไปหมด จะไปเหมือนไอ้ดาราหน้าหล่อเสียงหวานได้ยังไง”


          เสียงแข็งๆของสุดเขตทำให้พาลีเป็นกังวล เขางงตัวเองเหมือนกันที่สมองคิดหาคำแก้ตัวจ้าละหวั่น


          “มึงจะเอาไปเทียบกับเขาทำไม ติณณ์ก็เป็นติณณ์ มึงก็คือมึง แล้วกูก็ไม่ได้เป็นคนติดต่อเขาไปนะ”


          “แต่มึงก็ไม่ปฏิเสธที่มันชวนไปทำบุญบังหน้าใช่ไหมล่ะ” สุดเขตตวัดสายตาใส่


           “ทั้งๆที่มึงก็ดูออกว่ามันไม่ได้คิดจะทำบุญอะไรนั่นหรอกนอกจากอยากเจอมึง”


           “แล้วมึงจะให้กูทำยังไง”  พาลีย้อนถาม “เขายกเหตุผลที่กูเป็นคนแนะนำให้เขาทำ มึงลองบอกสิว่าเป็นมึงจะปฏิเสธเขายังไง”


           “ก็บอกมันไปสิว่าพ่อป่วย น้าเสีย ป้ามึงเป็นไข้ทับระดู หมาบ้านมึงออกลูกแล้วเบ่งไม่ออก หรือมึงบอกไปเลยว่ากูไม่อยากให้มึง

ไปกับมัน”


            สุดเขตส่งเสียงดังลั่นรถเมื่อความอดทนของเขาสิ้นสุดลง


           “บอกมันไปเลยว่ากูห้ามมึงเพราะกูหึง กูหวงไม่อยากให้มึงไปเจอกับมัน”


             รถยนต์เลี้ยวขวับเข้าจอดริมถนนหน้าตึกแถวของพาลีแล้วเบรกดังเอี้ยด สุดเขตก้าวลงไปยืนหน้าห้องแถวอย่างหงุดหงิดใน

ขณะที่พาลีแอบยิ้มกับข้อความสุดท้ายก่อนจะลงจากรถตามมาด้วยหัวใจที่ระยิบระยับราวกับมีพลุไฟไปจุดอยู่ในนั้น

            หึง หวง

          นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ร่างสูงหน้าดุภายใต้หนวดเคราปลอมเฟิ้มอยู่บนใบหน้ายืนหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่หน้าประตูตึกแถวรอให้พาลีลง

ไปจากรถและเดินตามไป


            “เอ้า มึงจะลีลาอีกนานไหม รีบเปิดประตูสิวะ กูหนาวแล้วนะ”


           “เออ มึงก็ใจเย็นๆให้เหมือนอากาศหน่อยสิวะ”


           พาลีเปิดประตูห้องแถวแล้วเดินนำเข้าไป สุดเขตก้าวตามและหยุดรอให้พาลีปิดประตู เขามองสำรวจความเรียบร้อยจนมั่นใจเมื่อ

เห็นว่าปลอดภัยดีจึงได้สะบัดหน้าใส่พาลีก่อนจะชิงเดินนำขึ้นไปชั้นบนทิ้งให้พาลียืนขำ

          เวลาคนตัวใหญ่ๆงอนเหมือนเด็กนี่มันก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบหนึ่ง


            เดินตามขึ้นบันไดไปแล้วพาลีเห็นสุดเขตเดินไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วแล้วกลับเข้าห้องมาใส่ชุดนอนโดยที่ยังไม่ได้ถอดหนวด

เคราปลอมออก พาลีเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย


           “จะนอนทั้งหนวดแบบนี้เลยเหรอ”


           “ก็มึงจะไปหาไอ้พระเอกนั่นแต่เช้าไม่ใช่หรือไง กูขี้เกียจถอดแล้วติดใหม่ ไมอะ ทนความน่าเกลียดของกูไม่ได้เหรอ ทนไม่ได้ก็

ต้องทนโว้ย”

       
             พาลีส่ายหน้าเมื่อเจออาการเกเรของสุดเขตที่หนีหน้าเขาด้วยการหันไปสนใจกับการเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ เขาจึงเดินไป

อาบน้ำบ้างและเมื่อกลับเข้าห้องมาจึงได้เห็นว่าสุดเขตหอบหิ้วหมอนมานอนอยู่บนโซฟาที่อาศัยนอนในวันแรกๆ พาลีถึงกับใจแป้ว


           “เขต ทำไมไปนอนตรงโซฟาล่ะ ไม่นอนที่เตียงแล้วเหรอ”


           ถามเสียงอ่อนราวกับจะง้ออีกฝ่ายให้หายโกรธแต่สุดเขตก็ยังนอนนิ่งไม่ขยับ


           “กูนอนตรงนี้แหละ บนเตียงแอร์ตกใส่มันหนาว”


           “อืม ตามใจนะ”


             รับคำเสียงแผ่วพร้อมกับก้าวขึ้นเตียงพลางมองแผ่นหลังของสุดเขตที่ตะแคงหันหลังให้สายตาละห้อย พาลีเปิดโคมไฟเพื่อ

อ่านหนังสือด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงกรนเบาๆมาจากคนที่นอนบนโซฟาเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่พาลี

จึงปิดโคมไฟจนทั้งห้องมืดสนิทและรอจนสายตาคุ้นชินกับความมืด

                 พาลีค่อยๆลุกจากเตียงและย่องไปทางโซฟาในความมืดมิด เขาหอบผ้าห่มมาด้วยเพราะรู้ว่าสุดเขตไม่ชอบอากาศเย็นนัก

สุดเขตนอนหงายยกแขนทั้งสองวางพาดที่วางแขนเหนือหัว ดวงตาคมปิดสนิทเปิดปากกรนเบาๆ เมื่อพาลีไปถึงเขาก็ชะโงกหน้ามองด้วย

ความห่วงใยและคลี่ผ้าห่มลงไปบนลำตัวของสุดเขต

            หมับ!!

            สะดุ้งโหยงเมื่อข้อมือของตนเองถูกคว้าไว้ พาลีมองเห็นดวงตาคู่คมลืมตาอยู่ในความมืดและมองเขาด้วยสายตาลึกล้ำที่พาลีไม่

อยากจะแปลความหมาย ความเก้อกระดากกรูขึ้นมาสุมอยู่บนใบหน้าจนเห่อร้อนอยู่ในความมืด


            “ปล่อย กูจะกลับไปนอนแล้ว อ้าว เฮ้ย!”


           นอกจากไม่ปล่อยแล้วสุดเขตยังกระชากแขนให้พาลีล้มทับมาใส่ตัวของเขาและกอดกระชับไว้แน่นหนาจนพาลีได้แต่ดิ้น

ขลุกขลักอยู่บนร่างหนาด้วยมัดกล้ามบนโซฟาเล็กๆนี้


          “เขต ปล่อยกู”


         “ไม่ปล่อย มึงเดินมาหากูเองนะลี”


            สุดเขตขยับดึงผ้าห่มคลุมลงไปบนตัวของพาลี กลายเป็นว่าตอนนี้พาลีนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาสุดเขตภายใต้ผ้าห่มที่เขาเป็น

คนถือมาอยู่บนโซฟาเล็กแคบจนแค่ดิ้นก็แทบจะตกลงไปกับพื้นห้องแล้ว


           “มึงอย่าดิ้นสิวะ เดี๋ยวกูปล่อยร่วงลงไปให้หลังหักเลย”


            เสียงขู่เบาๆไม่ดังนักข่มขวัญอยู่ใกล้หูส่งผลให้พาลีต้องนอนนิ่งเป็นหุ่นปั้นอยู่ในอ้อมกอดของวงแขนแข็งแกร่งแถมสุดเขตยัง

พาดขามากอดก่ายราวกับเขาเป็นหมอนข้างแสนวิเศษ พาลีนอนกะพริบตาปริบๆอยู่ในความเงียบสงัดยามดึกจนได้ยินเสียงหัวใจของเขา

เต้นแข่งกับหัวใจของสุดเขต


            “ลี”


           เสียงเรียกชื่อนั้นมันทั้งนุ่มทั้งหวานจนพาลีใจสั่น รู้สึกถึงเคราปลอมสากๆบนคางของสุดเขตสัมผัสเบาๆอยู่เหนือหน้าผากของเขา


           “อะไรอีกเล่า”


             “พรุ่งนี้น่ะ ถ้าไอ้เวรติณณ์มันพูดอะไรมามึงก็อย่าไปสนใจมันนะ มึงรู้ใช่ไหมว่ากูไม่ชอบให้มึงไปยุ่งกับมัน”


             สุดเขตพูดเหมือนสั่งแต่ก็คล้ายอ้อนวอนขอร้องจนริมฝีปากของพาลีคลี่ยิ้มออกมาเองโดยไม่รู้ตัว เขาก้มหน้างุดซบศีรษะลงกับ

บ่ากว้างก่อนจะพึมพำตอบเสียงอู้อี้


            “เออ รู้แล้วล่ะน่า กูไม่ยุ่งกับเขาหรอก”


             “ลี”


             คนที่กอดเขาไว้แน่นยังไม่เลิกส่งเสียงออดอ้อน


            “เรียกทำไมอีก กูง่วงแล้วนะ”


           “ขอกู๊ดไนท์คิสหน่อยได้ไหม”


            “อะ อะไรนะ!”


             เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและทันใดนั้นสุดเขตก็ฉวยโอกาสที่เขาวางแผนไว้แล้วด้วยการประกบริมฝีปาก

ลงไปบนกลีบปากนุ่มของพาลีทันที อ้อมกอดแน่นหนาทำให้พาลีไม่อาจหลีกหนีได้เมื่อสุดเขตเพิ่มน้ำหนัก

ประทับลงไปและเม้มเรียวปากเข้าหาอย่างติดใจ


          “อื้อ”


            หนวดเคราปลอมรอบปากของสุดเขตถูไถอยู่บนใบหน้าจนพาลีจั๊กจี้ หากแต่มันกลับทำให้เขารู้สึกแปลกไปกับรสจูบยิ่งกว่าเดิม

จนเผลอไผลเปิดรับให้ลิ้นร้อนฉกเข้ามารวดเร็วยิ่งกว่างูพิษ พาลีสูดลมหายใจอย่างยากเย็นเมื่อสุดเขตตักตวงความหวานจากเขาไปจน

แทบไม่เหลือช่องว่างให้หายใจ

               กว่าที่สุดเขตจะค่อยๆผ่อนปรนและผละปลายลิ้นออกมาพาลีก็มึนงงจนตาลอย สุดเขตยังตามย้ำด้วยการขบเม้มกลีบปากของ

เขาอย่างติดใจอีกพักใหญ่กว่าจะยอมคืนอิสรภาพให้เขา พาลีสบตากับดวงตาดุที่บัดนี้กลับกลายเป็นหวานฉ่ำพร่างพราวอยู่ในความมืด

ก่อนที่สุดเขตจะเหนี่ยวให้เขาซุกหน้าเข้าหาอกกว้าง


                “นอนนะลี พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”


               เสียงนั้นเหมือนบทเพลงเห่กล่อม พาลีปล่อยให้ความอบอุ่นของอ้อมกอดทำให้เขาหลับไปบนโซฟาแคบๆพร้อมกับสุดเขต

ตลอดทั้งคืน




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-12-2016 11:26:15
ต่อกันตรงนี้...



           สุดเขตขับรถพาพาลีไปถึงวัดแต่เช้าตรู่ เมื่อจอดรถเรียบร้อยเขาจึงหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งมาด้วยก่อนจะยิ้มจางๆออกมา

พาลีคลายพิษสงลงไปได้มาก ชายหนุ่มยินยอมนอนนิ่งเป็นหมอนข้างให้เขากอดแม้ว่าทั้งคู่จะตื่นมาอย่างเมื่อยขบที่ต้องนอนบนพื้นที่

เล็กๆแต่มันกลับสร้างความอบอุ่นในหัวใจจนสุดเขตติดใจ ยิ่งนับวันที่ได้ใกล้ชิดเขาก็รู้สึกราวกับว่าพาลีกำลังเข้ามาเติมเต็มให้ชีวิตของ

เขาสมบูรณ์พร้อม


              “ผู้ใหญ่ลี” สุดเขตเรียกชื่อแล้วคว้ามือเรียวของพาลีมากุมไว้


               “จำที่กูบอกเมื่อคืนได้ไหม”


              “อย่าสนใจติณณ์ กูรู้แล้วน่า มึงจะย้ำอะไรนักหนา”


               มองเห็นเลือดฝาดฉีดขึ้นมาบนสีหน้าที่ทำเป็นเมินหนีมองไปนอกหน้าต่างรถ สุดเขตหัวเราะก่อนจะเปิดประตูเดินลงไปเพื่อจะ

เปิดประตูรถให้พาลีก้าวลงตามมา ยืนอยู่แค่อึดใจรถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดเคียงข้างพร้อมกับคนที่ทำให้รอยยิ้มของสุดเขตหุบฉับ

ลงทันที


           “สวัสดีตอนเช้าครับพาลี”


            ติณณ์รักษาเวลาได้ดี เขามาตรงตามเวลานัดพร้อมกับรอยยิ้มที่โปรยมาให้เพียงแค่พาลีเท่านั้น ไม่ได้เผื่อแผ่มาถึงนายไข่ที่ยืน

นิ่งอยู่เบื้องหลังของพาลี


             “ให้ผมไปรับก็ไม่ยอม พาลีจะได้ไม่ต้องให้ “คนอื่น” มาส่ง”


              ปรายตาดูหมิ่นไปยังชายที่แต่งตัวมอซอหนวดเคราไม่โกน คนขับรถของพาลีไม่น่าไว้วางใจตั้งแต่วันแรกที่ติณณ์พบที่สตูดิโอ

ถ่ายทำรายการเรียลลิตี้แล้ว และยิ่งตอนค่ำของเมื่อวานนี้น้ำทิพย์โทรศัพท์มาหาเขาเพื่อบอกเรื่องนายไข่ ติณณ์ก็ยิ่งนึกเกลียดขี้หน้าและ

สายตาโอหังที่นายไข่ส่งมาให้


              “ไข่เป็นคนที่ผมไว้ใจครับคุณติณณ์ เขาไม่ใช่คนอื่นสำหรับผม”


              ติณณ์หน้าม้านกับคำพูดของพาลี และเมื่อเห็นสายตาขำขันที่มองเขาเป็นตัวตลกจากชายที่ยืนอยู่เบื้องหลังพาลี ติณณ์ก็ยิ่ง

เจ็บใจ ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาภาพพจน์ต่อหน้าพาลีที่เขากำลังหมายปองติณณ์ก็คงจะไม่ปล่อยให้มันมายืนยักคิ้วเบ้ปากล้อเลียนเขาอยู่

อย่างนี้ ติณณ์ฝืนยิ้มส่งให้พาลี


               “งั้นหรือครับ ช่างเถอะ เราไปทำบุญกันดีกว่า ผมเตรียมชุดถวายสังฆทานมาแล้ว”


               ติณณ์ก้าวไปด้านหลังรถเพื่อหยิบชุดสังฆทานชุดใหญ่ออกมาสองชุด


              “มาครับ ผมช่วยถือ”


              พาลีคว้าชุดสังฆทานจากมือของติณณ์มาชุดหนึ่งเพื่อช่วยติณณ์ แต่สุดเขตก็คว้าไปต่อจากเขาอีกที ติณณ์มองหน้าสุดเขตและ

ยื่นชุดในมือของเขาให้สุดเขต


             “ถือชุดนี้ไปด้วย”


             ออกคำสั่งเพื่อให้สุดเขตทำ แต่ชายหนุ่มกลับมองอย่างเฉยเมยและไม่ยอมรับมาถือให้ติณณ์จนเจ้าตัวส่งสายตาเกลียดชังมา

ทางเขา สุดเขตแอบสะใจที่เห็นติณณ์เสียหน้าจนคิ้วแทบจะชนกัน


            “รีบไปกันเถอะครับ หลวงพ่อน่าจะกลับจากบิณฑบาตแล้ว”


            พาลีเอ่ยห้ามทัพเมื่อเห็นสุดเขตกับติณณ์ยืนห้ำหั่นกันด้วยสายตา เขานึกปวดศีรษะขึ้นมาครามครันจนไม่รู้ว่าวันนี้จะได้บุญหรือ

บาปกันแน่ จากนั้นพาลีจึงเดินนำไปทางกุฏิพระโดยมีติณณ์ที่หิ้วชุดสังฆทานของเขารีบก้าวขึ้นมาเดินเคียงคู่ ทิ้งให้สุดเขตเดินตามหลัง

เสร็จจากถวายสังฆทานแล้วพาลีเสนอให้ติณณ์มาปล่อยปลาที่บึงน้ำกว้างด้านข้างของวัดด้วย ตลอดเวลาที่มาทำบุญติณณ์นึกโมโหที่

เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังกับพาลีเลยสักครั้งเพราะสุดเขตแทบจะกางปีกปกป้องพาลีไว้และดูเหมือนพาลีจะไม่ได้เดือดร้อนกับการกระทำ

ของคนขับรถซอมซ่อเลยสักนิด


                 “อิ่มใจจังเลยครับพาลี” ติณณ์ฝืนความขัดเคืองฉีกยิ้มให้พาลี


                 “ดีจังที่พาลีมาทำบุญกับผม คราวหน้าถ้ามีเวลาอีกเรามาทำบุญกันอีกนะครับ”


                  พาลียิ้มจางๆตอบกลับพลางคิดในใจว่า เพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเขาก็เกือบจะทะเลาะกับสุดเขตแล้ว หากมีครั้งหน้าเขานึก

ไม่ออกว่าเรื่องจะจบลงที่ใด แต่ด้วยมารยาทพาลีก็ไม่ได้ปฏิเสธให้ติณณ์เสียหน้าไปมากกว่านี้


              “ทำบุญเรียบร้อยแล้ว เราไปหาอะไรกินดีไหมครับ ผมหาข้อมูลมาว่าเลยจากวัดนี้ไปไม่ไกลมีร้านอาหารอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง ผม

พาพาลีไปเองให้ไอ้ เอ๊ย นายไข่ขับรถตามไป”


             ยังไม่ทันที่พาลีจะตอบเขาก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆมีกลุ่มวัยรุ่นนับได้เกือบสิบคนกรูกันมายืนล้อมพวกเขาทั้งสามไว้ด้วยจุดประสงค์

ที่ไม่ดีนัก


            “พวกพี่ชายมาทำบุญกันแล้วก็แวะมาทำทานให้พวกผมบ้างสิคร้าบ”


             คนที่น่าจะเป็นหัวโจกแสยะยิ้มพร้อมกับมองอย่างมาดร้าย สุดเขตหน้าขรึมลงทันทีเขาก้าวขึ้นมาบังพาลีไว้อย่างระแวดระวัง


            “ถอยไป พวกเราจะกลับแล้ว”


              พวกมันไม่ยอมถอยซ้ำยังหัวเราะเยาะเย้ย ติณณ์ยืนหน้าซีดพลางเหลียวมองรอบตัวจนรู้ว่าฝั่งเขาเสียเปรียบด้านจำนวนคน


             “จะกลับมันก็ต้องมีค่าผ่านทาง” ไอ้หัวโจกข่มขู่ “โยนกระเป๋าพวกพี่มา ไม่งั้นก็คลานผ่านตีนพวกผมไปก็แล้วกัน”


               สุดเขตกวาดสายตามอง อะไรบางอย่างทำให้เขาสังหรณ์ใจว่าพวกนี้ไม่ใช่เด็กจิ๊กโก๋ธรรมดาที่แค่ข่มขู่และจี้ชิงทรัพย์คนผ่าน

ไปผ่านมาแน่ๆ และดูเหมือนว่าหัวหน้าของพวกมันจะรู้ว่าสุดเขตมองออก มันรีบสั่งการลูกน้องทันที


            “จัดการพวกมัน!”



                  TBC


              :a5: :a5:



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-12-2016 11:43:53
ใครส่งมาเล่นงานพาลีหรือเปล่า
จูบกันอีกแล้วววววววว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 02-12-2016 11:59:31
กรี๊ดดดดดดด ค้างมั่กๆ TT
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-12-2016 12:36:24
คนเขียนตัดฉับใจร้ายมากๆ
นี่ขนาดอยู่ในวัดนะทำได้ขนาดนี้
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-12-2016 13:24:12
 :m16: ตัวซวยมาด้วยก็งี้แระ กันออกไปไกลเลยนะพ่อเขต ดูแลนู๋ลีดีๆ ละ อิอิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-12-2016 14:03:36
มีเรื่องเข้ามาอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-12-2016 14:53:13
งานเข้า ในวัดก็ยังทำร้ายคนได้ลงเหรอ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-12-2016 15:03:09
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 02-12-2016 15:17:49
อ้าวววเฮ้ยยยย!!!อะไรมันจะมาลงมือเร็วปานนั้นเพิ่งทำบุญไปแม่บๆ ใครส่งมาว่ะ สุดเขตเอาอยู่ ลุยเล้ยย จับมันให้ได้นะ //เขินจุงนอนด้วยกันบนโซฟา >//< ชอบค่ะหวานไปสืบคดีไปแบบนี้ อิอิ!! รอตอนต่อไปค่ะ ใครว๊าาส่งมา!!!ตลกไอ้ติณณ์กับสุดเขตเบ้ปากใส่กันรัวๆ 555555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 02-12-2016 16:16:01
ลุ้นมาก
สนุกมาก
ฟิน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 02-12-2016 18:32:17
ส่งว่าลอบฆ่าใครนะพาลีหรือนายติน :katai1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-12-2016 20:22:03
ได้เวลาโปรดสัตว์
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-12-2016 20:57:01
เอิ่ม
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 02-12-2016 20:58:02
ก็ยังคงคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของค่ายแหละที่ฆ่าคุณนายสมร
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-12-2016 21:11:41
 :hao4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-12-2016 01:14:21
 :angry2:


แผนของใคร ?
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-12-2016 01:50:33
ห๊ะะะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 03-12-2016 03:00:30
โอ๊ยยยย  ไอ้ตีนสินะ  คงกะวางแผนว่าเหมือนดวงตกสุดขีดแล้วเครมผู้ใหญ่ลีให้พาไปทำบุญต่อ

หึ  แต่เสียใจนะนู๋ บอดี้การ์ดผู้ใหญ่ลีเค้าเก่ง (มั้ง)

งานนี้ไอ้ตีนต้องเสียแผนแน่นวลลลลล 

ปล.อ่านรวบยอดมาก 555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 03-12-2016 11:13:46
จูบบ่อยๆเดี๋ยวก็ใจอ่อนเองแหละค่ะสุดเขต
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 12 [02/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 03-12-2016 20:01:54
โดนเด็กขู่?
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-12-2016 00:10:33


                                                           คดีรักนักดูดวง

                                                               บทที่ 13


             “ลี ระวังนะ”


             หันไปเตือนคนด้านหลังด้วยความเป็นห่วงก่อนจะหันกลับไปกวาดสายตาใส่ผู้คุกคามพลางนับจำนวนอย่างรวดเร็ว พวกมันที่

เริ่มต้นขยับล้อมกรอบเข้ามามีเกือบสิบคนที่สุดเขตจะต้องรับมือ ส่วนติณณ์นั้นสุดเขตไม่หวังพึ่งพา เขาตั้งการ์ดขึ้นมาตั้งรับเมื่อพวกมันคน

แรกกระโจนเข้าใส่เขาด้วยหมัดลุ่นๆ

             สุดเขตฉากหลบแล้วสวนไปด้วยกำปั้นของเขา เท้าง้างขึ้นมาแล้วถีบยอดอกจนมันเสียหลักล้มลง สุดเขตใช้วิชาการต่อสู้ที่เขา

ถนัดทั้งมวยไทย เทควันโดและยิวยิตสูสลับกันทั้งหลบลีกและสวนกลับจนหมอบไปได้หลายคน


            “เหี้ย ปล่อยกู”


           ได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้นด้านหนี่ง สุดเขตหันขวับไปดูอย่างตกใจจึงเห็นไอ้ตัวหัวหน้าล็อกคอพาลีเอาไว้โดยมีติณณ์ทำท่าจดๆ

จ้องๆอยู่ตรงหน้า


           “ปล่อยพาลีสิวะ”


            ติณณ์ทำท่าตั้งการ์ดหากแต่ขาทั้งสองข้างสั่นระริก และเมื่อพวกมันคนหนึ่งโผเข้าใส่ติณณ์ก็หลับหูหลับตาชกลมไปหนึ่งครั้ง

ก่อนที่เบ้าตาของเขาจะถูกหมัดไม่มีรูชกเข้าใส่จนหน้าหงายลงไปนอนเห็นดาวระยิบระยับอยู่บนพื้นดิน สุดเขตเห็นดังนั้นเขาก็รีบจัดการ

เตะฟร้อนคิกใส่คนที่ยังวอแวกับเขาด้วยท่าของนักกีฬาเทควันโดสายดำ

             คนที่ยังเหลืออีกสามคนตรงเข้ามาขวางทางเขาพร้อมกับแสยะยิ้ม สุดเขตจ้องตาพวกมันทีละคนก่อนที่พวกมันทั้งสามจะตรง

เข้ามาตะลุมบอนกับเขา พวกมันทั้งสามฝีมือดีกว่าพวกที่นอนหมอบกระแตจากฝีมือของสุดเขตมาก สุดเขตถูกทั้งหมัดและเท้าเตะเข้าใส่

จนแทบจะหมดแรง แต่เมื่อเห็นพาลีที่ถูกรัดคอด้วยท่อนแขนของไอ้หัวโจกจนหน้าเขียวสุดเขตก็ต้องรีบฮึดขึ้นมา


          “ไอ้เลวเอ๊ย”


           เขากัดฟันเค้นพลังจากความห่วงใยที่ทำให้อะดรีนาลินหลั่งพล่านกระโจนแทงเข่าใส่มันคนหนึ่งเข้าที่ลิ้นปี่จนมันล้มลงไปนอน

กองกับพื้น และอีกสองคนก็เรียบร้อยตามมาจนกระทั่งถึงไอ้หัวโจกที่ใบหน้าเริ่มซีดเมื่อเห็นลูกน้องหลายคนล้มลงไปกองระเนระนาดด้วย

ฝีมือของสุดเขตเพียงคนเดียว


            “ถ้าไม่ปล่อยพาลี มึงตายแน่!”


            “ถ้ามึงเข้ามากูก็รัดคอมันตายเหมือนกัน”


             มันตวาดเสียงดังใส่หูพาลีที่แทบจะหมดสติ ลำคอของเขาถูกรัดจนแทบหมดลมหายใจ ดวงตาเลื่อนลอยของพาลีสบตากังวล

ของสุดเขต เขารวบรวมสติทั้งที่เหลือน้อยเต็มทีและเงื้อศอกตนเองก่อนจะแทงศอกไปด้านหลังกระทุ้งเข้าที่ลิ้นปี่ของคนที่รัดคอเขา

อย่างพอดิบพอดี


            “โอ๊ย!”


            มันอุทานออกมาจังหวะนั้นเองที่ลำแขนคลายล็อกจากคอ พาลีฉวยโอกาสนั้นดันแขนมันออกและพุ่งตัวออกห่างทันที สุดเขต

สบช่องที่จะถลาเข้าใส่ เขาตรงเข้าไปประเคนหมัดใส่ทั้งใบหน้าและลำตัวไม่ยั้งจนในที่สุดมันก็ลงไปนอนสลบเหมือดอยู่กับพื้นในขณะ

ที่สุดเขตเองก็แทบทรุด ลูกน้องของมันที่พอจะลุกขึ้นมาได้ต่างก็พากันหิ้วปีกเพื่อนๆของมันหนีไปจากสุดเขตด้วยความกลัวเกรงในฝืมือ

ต่อสู้ของสุดเขต


          “เขต!”


          พาลีวิ่งไปประคองสุดเขตไว้ก่อนจะล้มลง สุดเขตต้องฝืนยืนให้อยู่เพื่อไม่ให้พาลีเป็นห่วง เขาค่อยๆสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อ

บรรเทาอาการปวดตึงจากความบอบช้ำ ส่วนติณณ์นั้นเพิ่งจะลุกได้และพุ่งเข้ามาหาพาลีด้วยท่าทีตื่นตกใจ


         “เป็นยังไงบ้างครับพาลี”


         “อย่าเข้ามา” เสียงสุดเขตตวาดดังลั่นจนติณณ์สะดุ้งโหยง


         “ไอ้ตัวซวย อยู่ใกล้ใครคนนั้นก็ซวยหมด”


          “เดี๋ยวเหอะ ไอ้ขี้ข้า” คราวนี้เป็นติณณ์บ้างที่ส่งเสียงดัง


          “เป็นแค่คนขับรถบังอาจมาด่ากูเหรอ กูนี่โว้ยเป็นดารานะมึง”


           “พอเถอะครับคุณติณณ์”  พาลีขัดอย่างเหลืออด


            “ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เขต เอ๊ย ไข่เองก็กำลังเจ็บอยู่ ผมขอตัวก่อนแล้วกัน”


            “อ้าว เดี๋ยวกันสิครับพาลี”


             พาลีไม่รอช้าเขาประคองสุดเขตผ่านหน้าติณณ์ไปยังรถยนต์ของสุดเขตให้นั่งลงที่เบาะข้างคนขับโดยที่เขาเป็นคนขับรถเอง

พาลีบังคับรถจากไปโดยมีติณณ์มองตามหลังอย่างเจ็บใจ เขานึกโมโหเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นมาจนต้องรับอย่างหงุดหงิด


            “ฮัลโหล ฝีมือคุณใช่ไหมที่ส่งไอ้พวกนี้มา”


            “ฉันเคยบอกหลายหนแล้วว่าไม่ชอบให้นายไปยุ่งกับใคร”


           เสียงเหี้ยมดังตอบกลับมาจนติณณ์หนาวยะเยือก


             “กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องจัดการแต่นายก็ไม่เคยหลาบจำ และโดยเฉพาะครั้งนี้ถ้ายังทำอีกฉันนี่แหละที่จะทำลายนายเอง จำไว้นะ

ติณณ์ ฉันรักนายมากแต่ฉันก็ทำได้ถ้านายทำให้ฉันโกรธ อย่าให้ฉันหมดความอดทนลงล่ะ”


             สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดสายไปนานแล้วแต่ติณณ์ยังยืนกัดฟันกรอดอยู่ที่เดิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอดสูและคับแค้น

ใจเมื่อชีวิตคือเบี้ยล่างอย่างไม่อาจปฏิเสธได้







                พาลีขับรถพาสุดเขตไปที่โรงพยาบาลตำรวจ จากการตรวจร่างกายแล้วมีเพียงอาการบอบช้ำจากการต่อสู้เท่านั้น เขาจึงได้

พาสุดเขตกลับไปที่ตึกแถวของเขา ระหว่างทางแม้จะอ่อนเพลียเพราะฤทธิ์จากยาแก้ปวดแต่สุดเขตก็ยังไม่ลืมหน้าที่ เขาโทรหาสมบัติ

และเล่าเรื่องให้รุ่นพี่รับรู้


              “แปลกนะพี่ ดูเหมือนไอ้พวกเวรนั่นมันจ้องจะเล่นงานแต่ไอ้ลีกับผม ส่วนไอ้ติณณ์นั่นไม่โดนห่าอะไรเลยนอกจากโดนต่อยไป

แค่หมัดเดียว”


             สุดเขตสะกิดใจ เขามองเห็นแววตามาดร้ายจากอันธพาลกลุ่มนั้นได้ดี เหมือนกับว่าพวกมันไม่ได้มีจุดประสงค์มากรรโชกทรัพย์

โดยตรงแต่มาเพื่อทำร้ายพาลีและเขาเสียมากกว่า


            “ไอ้เวรนั่นก็ตัวซวยของแท้ ใครอยู่ใกล้ถ้าไม่เจ็บก็ตาย เวรเอ๊ย!”


             สุดเขตสบถออกมาก่อนจะนิ่วหน้าเพราะอาการบอบช้ำ เขานิ่งฟังสมบัติอีกพักหนึ่งจึงได้วางสายและพิงศีรษะไปกับเบาะนั่ง


           “เป็นไงบ้างวะ”


            เมื่อเห็นสุดเขตเงียบไปพาลีจึงได้ละสายตาจากถนนเบื้องหน้าแล้วหันมาถาม เขารีบทำเวลาขับรถไปยังตึกแถวเพราะอยากให้

สุดเขตได้พักโดยเร็วที่สุด สีหน้ากังวลของพาลีทำให้สุดเขตถอนหายใจ


          “ยังอยู่กวนมึงได้อีกนานว่ะ กระดูกกูแข็ง”
 

              “มึงคิดว่าพวกมันมาทำร้ายเราจริงเหรอ”


               คำว่า “เรา” ที่พาลีใช้โดยไม่รู้ตัวทำให้สุดเขตแอบยิ้ม เพราะมันทำให้สุดเขตรู้ว่าพาลีมองเห็นเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ

พาลีแล้ว


               “คิดว่างั้นนะ ฝีมือพวกมันเหนือชั้นกว่าพวกขี้ยาธรรมดาอยู่เยอะ แต่ว่าเพราะกูเก่งไงกูเลยช่วยมึงได้”


               “โอ๊ย ไอ้เขต หน้าสิ่วหน้าขวานก็เลิกเล่นมั่งเหอะ”


               “หรือไม่จริง”


               สุดเขตหันไปยักคิ้ว


               “ไอ้ดาราของมึงมันทำอะไรบ้างนอกจากยืนว้ากด้วยเสียงอย่างเดียว”


               พาลีส่ายหน้าอย่างระอากับคำโอ้อวดของสุดเขตถึงแม้เขาจะยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้พาลีได้เห็น

ความสามารถของสุดเขตที่ไม่ต่างจากเมื่อสมัยวัยเด็กที่สุดเขตเก่งทั้งเรื่องกีฬาและการเรียนจนกลายเป็นหนุ่ม

ป๊อบของโรงเรียน


                เมื่อเลี้ยวรถมาจอดสนิทที่หน้าตึกแถวแล้วสุดเขตจึงได้ลงมายืนตัวงออยู่บนฟุตปาธ พาลีรีบล็อกรถและตามมายืนขนาบข้าง

อย่างรวดเร็ว


               “ไหวไหมวะ”


               สุดเขตพยักหน้ารับทั้งคู่จึงได้เดินเข้าไปในตัวตึก และเมื่อจะขึ้นบันไดสุดเขตก็ถึงกับยืนหน้าซีดจนพาลีต้องคว้าแขนของสุด

เขตให้พาดมาบนบ่าของเขา


               “มานี่ กูพาขึ้นไปเอง”


               พาลีประคองสุดเขตขึ้นบันไดอย่างไม่อิดออดจนถึงห้องนอนเขาจึงได้ให้สุดเขตนั่งบนเตียงของเขา


               “หมอบอกให้มึงนอนพัก”


                พาลีกล่าวขึ้นพร้อมทั้งมองอย่างเป็นห่วง


               “หน้ามึงแม่งช้ำหมดแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะ”


               “ลี” สุดเขตเรียกเสียงอ่อย


               “ถอดเสื้อให้กูหน่อยสิ กูล้าจนยกแขนไม่ไหวแล้ว”


               พาลีโน้มตัวลงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตซอมซ่อของสุดเขตออกรวมถึงเสื้อกล้ามสีขาวของสุดเขตจนเหลือแต่ลำตัวที่มี

มัดกล้ามแน่นหนาอย่างไม่อิดออด สุดเขตมองเขาตาละห้อย


               “ลี เช็ดตัวเอาคราบเหงื่อคราบดินออกให้กูมั่งสิ กูอาบน้ำไม่ไหว”


               พาลีชักเอะใจ เขาเหลือบตาจึงมองเห็นความแพรวพราวซ่อนอยู่เบื้องหลังนัยน์ตาคมคู่นั้นจนต้องยืนเท้าเอวมองสุดเขต


               “มากไปละมั้งไอ้เขต หมอเขาเอ๊กซเรย์ดูแล้วกระดูกมึงไม่ได้หัก และมึงก็ไม่ได้เป็นง่อยด้วย”


               “โห ไอ้เหี้ยลี” สุดเขตทำหน้าง้ำ


               “กล้ามเนื้อกูฉีกนะโว้ย ตรงนี้ก็เขียว ตรงนี้ก็ช้ำ เพราะกูช่วยมึงนะ มึงจะแล้งน้ำใจไม่ตอบแทนอะไรกูเลยเหรอ แค่เช็ดตัวแค่นี้ก็

ทำให้กูไม่ได้”


               “เออ เออ แค่เช็ดตัวใช่ไหม หุบปากแล้วนั่งเฉยๆ”


               พาลีกระแทกเสียงใส่ก่อนจะเดินออกไปห้องน้ำเพื่อไปยกกะละมังใส่น้ำและผ้าขนหนู ระหว่างนั้นสุดเขตก็ยิ้มอยู่คนเดียวอย่าง

สมใจ และเมื่อพาลีเปิดประตูกลับเข้ามาสุดเขตก็รีบหุบยิ้มพร้อมกับทำตาละห้อยเหมือนเดิม


               “ยื่นแขนมาสิวะ”


               พาลีสั่งเสียงดุสุดเขตจึงรีบยื่นแขนออกไปให้พาลีเช็ดคราบสกปรกออกให้  จนกระทั่งสะอาดเอี่ยมพาลีจึงได้เลื่อนมาเช็ดที่ลำ

ตัวของสุดเขต


               “ไอ้ผู้ใหญ่ลี มึงเช็ดเบาแบบนี้เศษขี้ดินร้องว้าวเลยนะ”


               พาลีเหลือบตามองอย่างหมั่นไส้ เขากระแทกมือลงไปบนแผงอกล่ำทันที


               “โอ๊ย!”


               สุดเขตสะดุ้งโหยงเมื่อมือของพาลีกระแทกเข้ากับรอยช้ำบนหน้าอกของเขา สีหน้าแสดงความเจ็บปวดอย่างแท้จริงของสุด

เขตทำให้พาลีตกใจ


               “เฮ้ย กูขอโทษ”


               ละล่ำละลักพูดพลางตั้งใจเช็ดตัวให้สุดเขต  คนบาดเจ็บอมยิ้มพลางก้มหน้ามองอีกฝ่ายด้วยหัวใจเริงร่า


               “ถอดกางเกงให้กูด้วยสิลี กูปวดหลัง ปวดสะโพก ปวดขาด้วย นะลีนะ”


               ส่งเสียงออดอ้อนออเซาะจนใบหน้าของพาลีชักเปลี่ยนสี แต่เพราะเห็นรอยช้ำกระจายอยู่รอบลำตัวของสุดเขตพาลีจึงยอม

ถอดกางเกงยีนส์ตัวเก่ามอซอที่มีรอยเปื่อนฝุ่นออกให้สุดเขต


               “พ่อมึงเข้าฝันบอกให้มึงใส่ขาเดฟไปรึไง”


                พาลีชักหงุดหงิดเมื่อกางเกงพอดีกับท่อนขานั้นมันช่างถอดยากเย็นจนเขาแทบจะแนบหน้าไปกับแผงอกของสุดเขตอยู่แล้ว

สุดเขตเองก็ขยับช่วยอย่างทุลักทุเลเพราะอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อทำให้เขาระบมไปทั้งตัว


            “พ่อกูยังไม่ตาย สัสลี”


            พาลีเป่าปากเมื่อเขาถอดกางเกงสุดเขตจนเหลือแต่บอกเซอร์ได้สำเร็จ เขาเดินไปรินน้ำใส่แก้วและหยิบยาคลายกล้ามเนื้อมาส่ง

ให้สุดเขต


            “แดกยาแล้วนอนซะ”


            “มึงป้อนกูหน่อยสิ ป้อนด้วยปากน่ะ กูเห็นในหนังแม่งชอบทำ ไอ้ที่อมน้ำไว้ในปากแล้วจูบกู”


            “พ่องตายเหอะไอ้เขต ชักมากไปแล้ว จะแดกหรือไม่แดก”


             พาลีหน้าแดงก่ำ เขายัดเม็ดยาเข้าไปในปากของสุดเขตจนเกือบติดคอ


            “เอ้าน้ำ แดกเข้าไป”


              สุดเขตกลั้นหัวเราะอย่างยากเย็นที่ได้แหย่ให้พาลีหัวเสีย เขารับแก้วน้ำจากมือของพาลีมาดื่มจนหมดก่อนจะเอนกายลงนอน

บนเตียงพลางนิ่วหน้า เขาขยับตัวอีกไม่กี่ครั้งก็หลับไปเพราะฤทธิ์ของยาโดยมีพาลีมองอย่างห่วงใย

              ทรุดนั่งบนขอบเตียงพลางพิจารณาสีหน้าของสุดเขตที่แม้จะหลับไปแล้วแต่ก็ยังมีร่องรอยของความอิดโรยปรากฏอยู่ พาลีรู้ดี

ว่าที่สุดเขตแหย่เขานั้นเป็นเพราะอยากให้เขาสบายใจหายจากความวิตก พาลีเอื้อมมือไปแตะรอยช้ำบนใบหน้าของสุดเขตแผ่วเบาก่อน

จะเลื่อนมันไปตามรอยฟกช้ำบนลำตัวราวกับจะช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดจากสุดเขตมาได้บ้าง

                สุดเขตพิสูจน์แล้วว่าในยามคับขันเขาสามารถปกป้องพาลีได้และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างกันเพื่อช่วยแก้ปัญหา หัวใจของพาลี

อบอวลไปด้วยไออุ่นจนเขาไม่อยากที่จะปฏิเสธความรู้สึกตนเองอีกต่อไป เขายอมรับแล้วว่ากับสุดเขตนั้นมันเกินกว่าคำว่าเพื่อนเก่า

                พาลีทอดสายตามองใบหน้าที่หลับสนิทลมหายใจมีระยะห่างสม่ำเสมอ ใบหน้าของสุดเขตใกล้เข้ามาเรื่อยๆเมื่อพาลีโน้มตัว

ลงไปช้าๆจนกระทั่งพาลีแนบกลีบปากตนเองลงไปบนริมฝีปากแห้งผากของสุดเขต



        มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-12-2016 00:18:51


ต่อกันตรงนี้...



                เสี่ยพิชัยอัดควันบุหรี่เข้าปอด เขามองแผ่นกระดาษที่อยู่ในมือด้วยความตึงเครียดพลางนึกถึงความระหองระแหงที่มีกับ

ภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วในช่วงสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน


              “สมร ลื้อเป็นเมียที่ไม่ได้เรื่อง เลิกไปหาไอ้หมอดูนั่นสักทีได้ไหม งมงายไม่เข้าท่า”


              “เฮียอย่ามายุ่ง ฉันไม่ได้งมงาย หมอลีเขาไม่ใช่หมอดูอย่างคนอื่นๆที่ผ่านมา”


               สมรเถียงกลับทันควัน


              “ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันได้คุยกับหมอลี ไม่อย่างนั้นฉันคงทนไม่ไหวกับไอ้เรื่องร้อนๆในบ้านนี่”


              “นี่เอาเรื่องในบ้านไปพูดกับคนอื่นด้วยรึไง”


             พิชัยตาลุกวาบ เขาตรงเข้าไปกระชากแขนสมรด้วยความโมโห


           “ปากไม่มีหูรูด แล้วบอกมันไปด้วยหรือเปล่าล่ะว่าลื้อน่ะทำตัวเลวจนไปมีชู้”


           “เฮียพูดแบบนี้หมายความว่าไง ฉันไปทำเลวตอนไหน”


             สมรเอ่ยอย่างตกใจ ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดลงไปอีก พิชัยมองอย่างเดือดจัด


            “อย่าคิดนะว่ากูจะโง่จนดูไม่ออก มึงน่ะไปนอนกกอยู่กับไอ้ดารานั่นที่มึงปรนเปรอเงินให้มันใช่ไหมอีสมร”


            จิกเรียกด้วยโทสะจนสมรตาลุกวาบก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม


               “ถ้าใช่แล้วจะทำไม ก็สมกันแล้วนี่ฉันก็หาความสุขของฉันเพราะเฮียให้ฉันไม่ได้ อย่าให้ฉันต้องโพนทะนาออกไปนะว่านอก

จากเฮียจะนกกระจอกไม่ทันกินน้ำแล้ว เฮียยังไปเอากับตัวผู้เหมือนเฮียด้วย”


             “มึงหมายความว่าไง”


              พิชัยตะคอกเสียงดังด้วยความตกใจบ้าง สมรยิ้มเยาะและกระแทกเท้าเดินไปที่กระเป๋าถือ หล่อนล้วงมือเข้าไปหยิบแผ่น

กระดาษออกมาขยุ้มในมือแล้วปาใส่สามีของหล่อน


            “ดูซะเฮีย แล้วบอกฉันมาทีว่ามันคืออะไร”


            พิชัยคว้ากระดาษที่สมรขว้างใส่มาเปิดออกดู มันคือแผ่นกระดาษอัดรูป เมื่อเห็นรูปในกระดาษพิชัยก็เบิกตากว้างเมื่อมันคือรูป

ของเขากับกิจจาที่กำลังซุกไซ้กันอยู่ในมุมลับตาคนที่สนามแข่งรถ มือที่กำกระดาษแผ่นนั้นสั่นไปหมด


            “อีสมร!”


           คนถูกจิกเรียกเชิดหน้าอย่างเป็นต่อ


            “ฉันได้กับดารามันก็สมกับที่เฮียทำไว้กับฉัน แต่อย่างน้อยฉันก็ยังไม่ผิดเพศเหมือนเฮีย รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่นว่าเสี่ยพิชัยเป็น

เกย์และยิ่งถ้าป๊ากับม้าเฮียรู้จะช้ำใจแค่ไหน ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ก็ช่วยหุบปากด้วย ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวแล้วเอาเรื่องเฮียไปโพนทะนา

อย่างที่เฮียด่า”


                นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เสี่ยพิชัยทะเลาะกับภรรยา จนกระทั่งสมรไม่มีวันได้โพนทะนาความลับของเขาอีกแล้ว พิชัยจุดไฟแช็ค

ให้เปลวไฟลามเลียรูปนั้น เขาทิ้งมันลงไปที่เขี่ยบุหรี่และจ้องมองเมื่อมันเผาไหม้จนหมด พลันหูของเขาสะดุดกับเสียงจากจอโทรทัศน์ที่

เปิดไว้อย่างไม่สนใจนัก


               “ขอเชิญพบกันหมอดูชื่อดังที่สุดในยุคนี้ที่จะมาทำนายโชคชะตาให้คุณติณณ์ หมอดูพาลีค่ะ”


               เสี่ยพิชัยหันขวับไปมองรายการเรียลลิตี้ที่กำลังออกอากาศ เขาจ้องมองผู้ชายสองคนที่กล้องสลับกันจับภาพใบหน้า ดวงตา

เล็กหยีพลันลุกวาบ


               หนึ่งคือดาราที่ภรรยาของเขาติดพัน

               หนึ่งคือหมอดูที่ภรรยาของเขามักจะเล่าเรื่องในครอบครัวให้ฟังเพื่อปรึกษาปัญหาชีวิต

                เสี่ยพิชัยกำลังชั่งใจว่าเขาควรจะทำเช่นไรกับผู้ชายในจอโทรทัศน์ทั้งสองคนนี้ดี



                   TBC

        :mew5: :mew5:



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 04-12-2016 00:31:18
 :katai1:  โอ๊ยยยย อิรุงตุงนังมากอ่ะบอกเลย  ตอนแรกก็คิดนะว่า อิเสี่ยเนี่ยแหละ มีเปอสูงสุด  แต่พอมาเจอเมียไอ้ตีนแล้ว เอิ่มมมม  พอกันเลย

แต่ถ้าชั่งจากน้ำหนักของเหตุผลแล้ว อิเสี่ยน้ำหนักมากกว่าเมียไอ้ตีนเยอะ  เพราะไหนจะเรื่องเสียหน้า เสียชื่อ เรื่องพ่อแม่    เทียบกับอีกฝั่งแล้วคือแค่หึงหวง  แต่ที่น้ำหนักเบากว่าเพราะ เมียไอ้ตีนไม่ได้ทำครั้งแรก  แสดงว่าทำมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครตาย    ตอนนี้เทฝั่งอิเสี่ยเหมือนเดิม

ปล.  ตอนที่แล้วลืมบอกว่าเกลียด นังน้ำทิพย์   คือ ปากยิ่งกว่าบ่อเกลอะอีก ดกทงมาก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 04-12-2016 01:55:52
มีคนเลวเยอะจนไม่กล้าเดาเลยค่ะว่าใครเป็นฆาตกร  :hao3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-12-2016 06:52:56
นายไข่เจ๋งมาก!
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-12-2016 08:15:03
ใครเป็นฆาตกรหนอ :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-12-2016 08:42:21
ชู้ลับของแต่ละฝ่ายเริ่มแสดงตัว(แบบไม่ชี้ตัว)แล้วสินะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-12-2016 09:23:32
อิเสี่ยนี่ไม่สำนึกนะเนี่ย~~~~
อย่ามาทำอะไรพาลีนะเว้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-12-2016 10:01:53
ไข่จ๊ะ จะอ้อนลีไปถึงไหน
แต่ก็ได้ผลนะ ลีมีแอบจุ๊บด้วย
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-12-2016 13:36:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 04-12-2016 14:10:51
กลัวแทนพาลีเลยอ่ะมีแต่คนจ้องทำร้ายแบบนี้ :hao5:

อีตินไม่ได้เรื่องเลยกลัวแข้งขาสั่นหมดมาดๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-12-2016 14:24:40
จะเกิดเรื่องอีกมั้ยเนี่ยย  คนจ้องทำร้ายเยอะไปหมด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: CIndY59 ที่ 04-12-2016 18:27:17
นี่ถ้ากิจจาอยากได้สุดเขตอีกคน โป๊ะแชะเลย....อีลุตุงนัง พันเป็นฝอยขัดหม้อเลยจ้าาา

เขียนสนุกมากเลยค่ะ ความสัมพันธ์ของตัวละครอ่านแล้วก็ละมุน
ทั้งที่อยู่กันไม่นาน แต่ก็รู้สึกได้ว่า รักกันจริง

พาลีน่ารักมากกก ซึนสุดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-12-2016 18:44:24
ใครเนี่ย หรือจะเป็นเจ้าของบริษัทติณณ์
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 04-12-2016 20:11:21
ตอนนี้พุ่งเป้าไปที่เสี่ยพิชัยกับเจ้าของค่ายเพลง โดยเฉพาะเสี่ย เพราะมีปืนและแม่นปืน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 04-12-2016 20:28:22
 :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-12-2016 22:10:34
เสี่ยพิชัย 70 : เจ้าของค่าย 30 //จ้างคนไปฆ่า "ครับนาย" "ฉันจะไม่ทำอีก ปล่อยฉันไปนะ" //แหม่~~~~~สุดเขตได้ทีออเซาะใหญ่เลย 55555 อาร๊ายยยยยยยฟินพาลีดูแลสุดเขต พาลีวางใจพี่สุดเขตคนนี้เอาอยู่ 555 รอลุ้นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-12-2016 22:56:58
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 05-12-2016 00:21:21
ฝีมือเสี่ยพิชัย? มีมูลเหตุๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-12-2016 07:32:37
ผู้ร้ายเยอะเกิน เชื่อล่ะว่าแนวรักหวานแหวว อิอิ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 05-12-2016 17:21:08
พาลีเป็นที่ต้อการของทุกๆคน
อหหห.
อยากรู้ว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าคุณนาย
แล้วอิที่อิรุงตุงนังอยู่ตอนนี้ สุดเขตต้องดูแลพาลีดีดีแล้วล่ะ
ฮอลลล กลัวมีอันตราย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 05-12-2016 21:35:26
ผู้แต่น่าทำผลสำรวจว่าใครคือผู้ต้องสงสัยนะ 5555
เราว่าเจ้าของค่าย คือเป็นผู้มีอิทธิพลแล้วคือทำได้ทุกอย่างเพื่อความพอใจของตัวเองและผลประโยชน์
แต่เสี่ย เพราะต่างก็มีความลับ น่าจะต่างคนต่างอยู่ไป ไม่น่าถึงกับฆ่าเองหรอก เพราะถ้าทำจะสืบง่ายมากเพราะมีประวัตินักแม่นปืน จะกรายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งทันที
เดาล้วนๆเลย
ยังไงก็รอลุ้นอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-12-2016 01:33:32
โอ่ะ โหดแท้
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 13 [04/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-12-2016 17:59:13
ตอนแรกก็เดาว่าเสี่ยพิชัยนั่นแหล่ะคนร้าย อ่านไปเรื่อยๆ ตัวละครต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นเลยไม่แน่ใจแล้ว
ว่าระหว่างคู่ขาติณณ์กับเสี่ยใครกันแน่ที่จะเป็นคนร้าย หรือไม่ก็ไม่ใช่ซักคนแต่เป็นคนอื่น
ส่วนใหญ่แนวสืบสวนที่เคยอ่านมาคนที่น่าสงสัยมากที่สุดมักไม่ใช่อ่ะ เลยไม่กล้าที่จะเดาซักเท่าไหร่เลย
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-12-2016 00:06:18


                                                                      คดีรักนักดูดวง

                                                                        บทที่ 14


                เพล้ง!!!


              เสียงแก้วกระทบผนังห้องแตกละเอียดดังเลยหูของติณณ์ไปเพียงไม่กี่เมตร ดีที่เขาเอียงใบหน้าหลบได้ทันมิเช่นนั้นเป้าหมาย

ของแก้วใบนั้นคงจะเป็นดั้งจมูกของเขาแทนปูนแข็งๆนั่น


             “ขยันสร้างเรื่องเสียจริง”


            ศุภกิจตวาดลั่นด้วยโทสะ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธขึ้งขณะมองศิลปินในสังกัดอย่างติณณ์


            “ฉันต้องคอยแก้ปัญญาของนายไม่รู้กี่ครั้ง แล้วนี่อะไร ถึงกับไปมีเรื่องชกต่อยกันในวัดจนมีคนเขาถ่ายรูปมาได้แบบนั้น”

             
           เพราะวัดเป็นที่สาธารณะจึงมีคนถ่ายรูปติณณ์ขณะมีเรื่องกับพวกจิ๊กโก๋พวกนั้นไว้ได้ หนังสือพิมพ์กรอบเช้าลงรูปของติณณ์ใน

กรอบเล็กๆด้านล่าง แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ติณณ์เสียชื่อเสียง


            “ผมขอโทษครับพี่กิจ”


             ติณณ์ตีหน้าเศร้าแต่คราวนี้กลับเรียกความเห็นใจจากศุภกิจไม่ได้ เจ้าของค่ายทิ้งตัวลงนั่งไปกับเก้าอี้หนังพร้อมทั้งมองเขาตา

ขุ่น


            “ละครเรื่องต่อไปอย่าเพิ่งลงเลยติณณ์ ทิ้งช่วงไปก่อนก็แล้วกัน”


             “พี่กิจ!”


              ติณณ์ตาเหลือก เขาถลาไปที่เก้าอี้หนังตัวนั้นและยึดแขนของศุภกิจไว้


              “ทำไมล่ะพี่ ก็ละครเรื่องที่กำลังออกอากาศนี่ก็เรตติ้งดีไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้ทำไมพี่ต้องพักงานผมครับ”


              ศุภกิจสะบัดแขน เขามองติณณ์อย่างนึกรำคาญ


              “ใครบอกว่าเรื่องแค่นี้ ชื่อของนายน่ะฉาวเกินไปแล้วติณณ์ เอาเวลาว่างไปทบทวนพิจารณาตัวเองเสียใหม่ ถ้านายอยากอยู่ใน

วงการนี้ต่อไปควรจะทำยังไง”


             ดวงตาของติณณ์เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาส่งเสียงกร้าวใส่เจ้าของค่ายของเขา


            “ที่พักงานของผมไม่ใช่เพราะพี่กำลังหลงเด็กใหม่ ไอ้คนที่กำลังแข่งอยู่ในรายการตอนนี้หรอกหรือครับ”


             เพียะ!!

            ฝ่ามือของศุภกิจลอยมากระทบเข้ากับใบหน้าของติณณ์จนขึ้นรอยแดงเป็นรูปนิ้ว ศุภกิจชี้มือไปที่ประตูแล้วเอ่ยปากขับไล่


            “ไปได้แล้วติณณ์ เอาหน้าของนายออกไปพร้อมปากเสียๆแบบนี้ ฉันจะทำงานต่อ”


            ติณณ์เบิกตาวาวโรจน์ ได้ยินเสียงกัดฟันลอดจากปากดังกรอดๆ เขามองศุภกิจด้วยความมาดร้ายก่อนจะเดินดุ่มๆออกมาจาก

ห้องทำงานของศุภกิจ ติณณ์ไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในร้านกาแฟเล็กๆใกล้กับบริษัท แม้ว่าอารมณ์ร้อนจะพอจางลงไปบ้างแต่การครุ่นคิด

ถึงอนาคตของตนเองก็ยังทำให้ติณณ์ไม่อาจอยู่เฉยได้ ในที่สุดเขาก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดไปยังปลายทาง


           “สวัสดีครับเสี่ยเฮียง” เขาแต่งเสียงนอบน้อม


            “สบายดีครับ เรื่องข่าว อ๋อ ไม่เป็นไรครับช่างมันเถอะ ผมไม่ถือ นิดหน่อยก็จับไปเป็นข่าวได้หมด อะไรนะครับกำลังดัง ฮ่าๆ

ขอบคุณครับเสี่ยไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ วันนี้ผมจะโทรมาถามเสี่ยว่าหนังเรื่องใหม่ของเสี่ยที่เคยมาถามผมไว้เสี่ยจะยังสร้างอยู่หรือ

เปล่า สัญญากับพี่กิจหรือครับเหลืออีกสองเดือนผมก็เป็นอิสระแล้ว คงไม่ต่อสัญญาล่ะครับผมอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆดูบ้าง ไม่ได้

ทะเลาะกันครับเสี่ยได้ครับเสี่ย ผมจะรอนะครับ”


              วางสายพร้อมรอยยิ้มกระหยิ่ม เส้นทางในวงการบันเทิงของเขาจะต้องรุ่งโรจน์ไม่มีวันดับ ในเมื่อศุภกิจมองไม่เห็นคุณค่าของ

เขาติณณ์ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ให้เป็นเบี้ยล่างอีกต่อไป ติณณ์คิดพร้อมกันยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง


            “ซุปเปอร์นิวส์หรือครับ ผมติณณ์นะ เรื่องข่าวเมื่อเช้าช่างเถอะพี่ ขอกันกินมากกว่านี้ มันเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ผมอยากให้

พี่ไปหาข่าวนี้ดีกว่า เรื่องเจ้าของค่ายเพลงกำลังดันเด็กที่มาประกวดรายการเรียลลิตี้เป็นพิเศษจนต้องมีการตอบแทนกันอย่างลึกซึ้ง จริง

สิครับพี่ ไอ้ผมก็คันปากแต่จะพูดมากกว่านี้ก็ไม่ได้ ผมว่าพี่ส่งนักข่าวไปคุ้ยเรื่องนี้จะได้ข่าวสนุกกว่าข่าวของผมเยอะเลย อ้อ อย่าไปบอก

นะครับว่าข้อมูลมาจากผมเดี๋ยวจะซวยกันหมด ครับพี่ ขอบคุณครับ”


               อารมณ์ดีขึ้นจนยิ้มออกมาได้บ้าง ตินไม่ใช่พวกชอบออกแรงให้ตนเองต้องเหนื่อย เขามั่นใจในความฉลาดหลักแหลมและเอา

ตัวรอดได้เป็นเลิศของตัวเอง และติณณ์จะไม่ปล่อยให้ใครมาขวางทางของเขาเด็ดขาด








               สุดเขตหลับเป็นตายตั้งแต่เมื่อช่วงหัวค่ำ ฤทธิ์ยาคลายกล้ามเนื้อประกอบกับร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้วทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก

จนเหลือความบอบช้ำอีกไม่มากนัก รวมถึงร่องรอยบนร่างกายที่ยังเหลือรอยฟกช้ำจางๆทิ้งไว้ให้เห็น เมื่อลืมตาตื่นในตอนเช้าสุดเขตก็รีบ

ยันกายขึ้นนั่งเมื่อมองไม่เห็นพาลีอยู่ในห้องนอน สุดเขตรีบลุกไปล้างหน้าล้างตาและรีบลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในห้องครัวสุดเขตจึงรีบเดินไปทันที เขามองเห็นพาลีกำลังง่วนอยู่หน้าเตาไฟฟ้า


              “อ้าว ตื่นแล้วเหรอวะ”


              “เออ ตื่นมาแล้วไม่เห็นมึง ใจหายหมดสัสเอ๊ย”


               สุดเขตพึมพำอย่างโล่งอก มันกลายเป็นความผูกพันปนไปกับความห่วงใยไปแล้วที่ต้องได้เห็นหน้าของพาลียามตื่นนอน พาลี

ได้ยินที่สุดเขตพึมพำเขาก็หันไปยิ้มกับหม้อบนเตาไฟก่อนจะปิดไฟและยกหม้อลงมา


             “กูต้มข้าวต้มให้มึง กินเลยไหม”


             สุดเขตพยักหน้ารับพาลีจึงตักข้าวต้มใส่ถ้วยมาวางตรงหน้าสุดเขตและของตัวเองบนโต๊ะอาหาร ทั้งคู่นั่งกินกันท่ามกลางความ

เงียบ มีเพียงสายตาที่ต่างเงยหน้าขึ้นมาสบกันเป็นระยะๆ สุดเขตที่กินหมดก่อนวางช้อนลงก่อนจะนั่งมองพาลีที่ยังตักข้าวใส่ปากอย่างไม่

เร่งร้อนนัก


              “ไอ้ลี” สุดเขตเรียกด้วยน้ำเสียงทอดยาวกว่าเคย


               “เรื่องที่กูชอบมึงน่ะ มึงจะว่าไง”


               ช้อนที่กำลังจะเข้าปากชะงักไปแวบหนึ่ง พาลีเขี้ยวข้าวช้าๆราวกับจะถ่วงเวลาทั้งที่ข้าวต้มของเขาแทบจะไม่ต้องเคี้ยว ผิว

แก้มเริ่มเปลี่ยนสีพาให้สุดเขตมองอย่างเพลิดเพลิน


            “มึงไม่ตะขิดตะขวงใจบ้างเหรอที่มาชอบผู้ชายด้วยกัน”


            พาลีถามเสียงเบา เขาเองก็ต้องถามใจตนเองเหมือนกัน สุดเขตยักไหล่ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ


             “ตอนแรกน่ะก็คิดนะแต่ตอนนี้ไม่คิดแล้ว ขอแค่ผู้ชายที่กูชอบคือมึงน่ะ ก็อยู่ที่มึงแล้วตอบกูมาตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมสักทีสิวะ

ผู้ใหญ่ลี”


             หน้าร้อนซู่เมื่อได้ยิน พาลีนิ่งคิดถึงราตรีที่ผ่านมา ที่เขามีแต่ความห่วงใยในตัวของสุดเขต เขาเฝ้ามองและคอยเช็ดตัวให้สุด

เขตเมื่อเนื้อตัวรุมจากไข้จนแทบไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนคงพิสูจน์ได้แล้วกระมังว่าพาลีรู้สึกอย่างไรกับสุดเขต


             “อืม”


             ก้มหน้าอ้อมแอ้มตอบจนสุดเขตแอบยิ้ม เขาลุกขึ้นลากเก้าอี้ของตนเองเพื่อจะไปนั่งเคียงข้างกับพาลี


            “อืมของมึงนี่แปลว่าอะไรวะลี อืมกูรูแล้ว อืมจีบกูได้ หรือว่าอืมกูเป็นแฟนมึง”


             “ไอ้เวรเขต มึงก็ชอบแหย่กูจริงๆเลย”


              พาลีเงยหน้าแดงก่ำขึ้นมาต่อว่า สุดเขตได้ทีหัวเราะเสียงดังลั่น เขาโอบเอวพาลีแล้วยกร่างนั้นขึ้นมานั่งบนตักของเขาพลางส่ง

สายตาพราวระยับใส่จนพาลีใจสั่น


            “ถ้ารู้ว่าตอนโตมาต้องมาชอบมึงอย่างนี้ กูจีบมึงไปตั้งแต่เด็กแล้วว่ะลี ไม่น่าเสียเวลามัวแต่มองหน้ากันไปมาเลย”


              พาลีสบตาสุดเขต เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมสุดเขตถึงป๊อปนักในหมู่สาวๆ เพราะดวงตาคมคู่นั้นมีฤทธิ์สะกดทุกคนที่ได้สบตารวม

ถึงพาลีในตอนนี้ด้วยที่มิอาจห้ามปรามได้เลยเมื่อสุดเขตโน้มคอของพาลีให้ก้มต่ำลงมาเพื่อที่สุดเขตจะได้จูบเขาอย่างที่ต้องการ

พาลีเปิดทางรับเป็นครั้งแรกอย่างเต็มใจ ลิ้นร้อนพุ่งตรงเข้าหาแล้วตวัดลิ้นของพาลีให้อยู่ใต้การควบคุม จูบนั้นทั้งหวานฉ่ำแต่ก็หนักหน่วง

จนพาลีต้องยกมือมาประคองใบหน้าคมของสุดเขตไว้อย่างหวงแหน กลีบปากนุ่มลื่นของเขาถูกสุดเขตขบเม้มไม่รู้ต่อกี่ครั้งจนพาลีหอบ

หนัก


              “อื้อ เขตพอก่อน”


             ห้ามปรามได้ยากเต็มที่แต่พาลีก็ต้องทำ เขายังไม่อยากให้ตนเองเตลิดไปมากกว่านี้ บางทีนี่อาจเป็นแค่ความผูกพันระยะสั้นๆ

ในช่วงเวลาวิกฤติของสถานการณ์


             “เขตครับ หยุดก่อนนะ”


              สุดเขตถอนปลายลิ้นอย่างเสียดาย เขาเม้มปากตนเองสะกัดกั้นอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมากอย่างยากลำบาก สุดเขตไม่เคยนึกว่าเขา

จะมีความต้องการกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน ทั้งที่สมัยเรียนตำรวจเขาเห็นเพื่อนๆแก้ผ้าแก้ผ่อนกันเกือบทั้งชั้นปีแต่สุดเขตก็ไม่ได้คิดอะไร

นอกจากวิ่งไล่เตะก้นเพื่อนเพราะความห่าม แต่กับพาลีเพียงแค่ได้ใกล้ชิดทั้งที่ทุกอย่างยังอยู่ครบถ้วนแต่สุดเขตกลับมีความต้องการผุด

ขึ้นมาอย่างห้ามไม่ไหว

              สุดเขตหลับตาลงไปเพื่อควบคุมมัน เขาสูดลมหายใจเข้าและผ่อนมันออกช้าๆจนกระทั่งดีขึ้นก่อนจะลืมตาขึ้นมาและยิ้มให้พาลี

ที่มองเขาอย่างขอลุแก่โทษ


              “ขอเวลากูอีกสักพักนะเขต”


               พาลีเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ความวาบหวามเกิดขึ้นจนเขาเกือบจะหลุดจากการควบคุมหัวใจ พาลีไม่เคยมีความรักและเขาไม่รู้ถึง

พิษสงของมันว่าความรักนั้นรุนแรงได้ขนาดนี้


            “เป็นแฟนกันไหมลี”


               สุดเขตถามอย่างจริงจัง ดวงตาของเขาก็ไม่ได้ล้อเล่น ปลายนิ้วสากลากไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าของพาลีอย่างอ่อนโยน


               “ลองคบกันดู กูคิดว่าความรู้สึกของมึงคงไม่ต่างจากกูหรอก”


                พาลีเม้มปากเมื่อปลายนิ้วของสุดเขตผ่านมาที่มุมปากช้าๆ เขาก้มหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงเงยหน้ามาส่งยิ้มกระจ่างให้สุดเขต


              “กูขอผ่อนผันจนถึงคดีจบ เมื่อไหร่ที่ตำรวจปิดคดีคุณสมรได้ กูจะให้คำตอบมึง กูสัญญา”


              สุดเขตถอนหายใจ เขาดึงมือของพาลีที่ยกขึ้นชูสามนิ้วแบบลูกเสือมากดจูบหนักๆลงไป


               “เออ แม่ง เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวเป็นพ่อแก่คิดมากเสียทีวะ กูไปล้างจานดีกว่า”


             ยกสุดเขตลงไปนั่งที่เดิมแล้วสุดเขตจึงเป็นฝ่ายจัดการล้างถ้วยชามและอุปกรณ์ทำอาหาร พาลีนั่งอมยิ้มมองคนตัวโตล้างจาน

จนเสร็จเขาจึงเดินนำไปทางด้านหน้าของห้องแถว เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานและหยิบไพ่ขึ้นมา


             “ดูฤกษ์แต่งงานไว้เลยไหม”สุดเขตที่เดินตามหลังเอ่ยแซวจนพาลีหันไปมองตาขวาง


            “มึงหยุดรุกบ้างได้ไหมวะ ได้ทีละเอาใหญ่”


               “ดูดวงเรื่องความรักให้กูหน่อยสิลี” สุดเขตออดอ้อนใส่ก่อนจะเดินมานั่งตรงกันข้ามกับพาลี


             “ดูทำไม”


              “ดูว่าคนที่กูจีบแม่งจะเล่นตัวไปถึงไหน น่านะ ถือว่าซ้อมมือไง”


              พาลีขัดไม่ได้ เขาหยิบไพ่ป๊อกมาสำรับหนึ่งส่งให้สุดเขตรับไป


             “สับไพ่เท่าอายุมึง อายุหกสิบก็สับไปหกสิบครั้ง”


                “โหไอ้ลี กูยังไม่ปู่ขนาดนั้นโว้ย มึงนั่นแหละปู่”


              สุดเขตรับไพ่มาสับไพ่แล้วจึงวางลง พาลีบอกให้เขาตัดไพ่และเลือกออกมาจากกองสามใบ พาลีรับไพ่จากสุดเขตแล้วเปิดไพ่

ออกมา เมื่อเห็นไพ่ใบหน้าของพาลีก็กลายเป็นสีมะเขือเทศสุก


              “เอ้า พ่อหมอเสือกนั่งหน้าแดงอีก ทายสักทีสิวะกูก็ลุ้นอยู่เนี่ย”


              สุดเขตโวยเสียงดัง ไพ่ที่เขาเปิดมีเอซโพธิ์ดำ สองโพธิ์แดงและ แจ็คข้าวหลามตัด พาลีกระแอมสองสามครั้งจึงได้เริ่มทำนาย

ดวงความรักให้สุดเขต


               “เอซโพธิ์ดำคือมึงต้องใช้ความคิดใช้สติในการแก้ไขปัญหาและตัดสินใจอย่างรอบคอบ แล้วก็หมายถึงความเด็ดเดี่ยวกล้า

หาญ ส่วนไพ่สองโพธิ์แดงคือความชอบพอหรือคู่ครอง เอ่อ แจ็คข้าวหลามตัดคือผู้ชายผิวสองสีออกไปทางขาวอายุไม่เกินสามสิบปี เป็น

คนมองการณ์ไกลละเอียดรอบคอบ”


             “เหมือนมึงเป๊ะ”


             สุดเขตก้มหน้าหัวเราะชอบใจในขณะที่พาลีนั่งเม้มปากสะกัดกั้นความขัดเขิน


           “เฮ้อ ลีเอ๊ย ยอมรับมาเหอะว้า ไม่ว่ามึงจะทายดวงให้กูด้วยไพ่ยิบซีหรือไพ่ป๊อก คำทำนายก็เหมือนเดิมคือมึงเป็นเนื้อคู่ของกู”


             สุดเขตชะโงกหน้าข้ามโต๊ะส่งสายตาหวานใส่


             “มึงหนีกูไม่รอดหรอกไอ้ผู้ใหญ่ลีขี้เก๊ก”


            “ไอ้เหี้ยเอ๊ย”


             พาลีผลักหน้าสุดเขตออกห่างอย่างหมั่นไส้  ช่วงเวลาของความรู้สึกดีๆทำให้พาลีอิ่มเอมในหัวใจ หากแต่ความรู้สึกนั้นพลันจาง

หายไปเมื่อพาลีมองเห็นรถยนต์หรูคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าห้องแถวของเขา หัวคิ้วที่ย่นเข้าหากันของพาลีทำให้สุดเขตรีบหันไปมองตาม

ทันทีที่เห็นสุดเขตก็รีบผุดลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณไปยืนอยู่ด้านหลังของพาลีทันที



มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-12-2016 00:18:34
ต่อกันตรงนี้...



             ประตูกระจกด้านหน้าถูกผลักเข้ามาและอาคันตุกะที่ไม่ได้เชิญก็ก้าวเข้ามาด้านใน สุดเขตตาลุกวาบเมื่อเห็นว่าบุคคลนั้นคือเสี่ยพิชัย ร่างเจ้าเนื้อเดินตรงเข้ามาและ

ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับพาลีที่สุดเขตเพิ่งจะลุกขึ้นมา


         “คุณคือหมอดูที่ชื่อพาลีสินะ”


          เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนักจนพาลีนั่งตัวแข็ง


           “หมอดูที่เมียของผมมาหาและประเคนเงินให้ใช่ไหม”


            พาลีข่มความรู้สึกหวาดหวั่นลงและตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


            “ผมชื่อพาลีเป็นหมอดูที่คุณสมรมาหา แต่ขอปฏิเสธประโยคหลัง ผมรับเงินตามเรทที่ผมตั้งไว้เท่านั้น”


             เสี่ยพิชัยเบ้ปากอย่างไม่เชื่อถือ พาลีรีบเอ่ยเข้าเรื่องโดยเร็วที่สุด


             “คุณคือเสี่ยพิชัยสามีของคุณสมรใช่ไหมครับ มาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า”


             “ผมมาเพราะอยากรู้ว่า สมรมาหาคุณทุกครั้งเขามาเล่าอะไรหรือมาปรึกษาคุณเรื่องอะไร”


              “พาลีคงตอบไม่ได้หรอกครับ”


              กลายเป็นสุดเขตที่เป็นคนปฏิเสธแทน เขาก้าวมายืนเยื้องหน้าพาลีอย่างปกป้อง


              “เรื่องทุกอย่างที่พาลีรู้จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการสืบสวนสาเหตุการฆาตกรรมของคุณนายสมรภรรยาของคุณ ผมคงให้

พาลีตอบคุณไม่ได้”


             เสี่ยพิชัยหรี่ตามองชายหนุ่มรูปร่างสูงตรงหน้า แม้ว่าจะอยู่ในชุดลำลองสบายๆหากแต่ราศีบางอย่างจับต้องให้พิชัยรู้ว่าต้อง

ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป


              “นี่ตำรวจเหรอ คุณเป็นตำรวจงั้นสิ แค่ผมมาถามหาปัญหาชีวิตที่เมียของผมเครียดมากก็เท่านั้น อย่าขวางผมเลยดีกว่า”


              “ผมคงตอบไม่ได้หรอกครับ”พาลีโต้กลับ


               “ผมต้องรักษาเรื่องทุกอย่างของลูกค้าไว้ มันเป็นจรรณยาบรรณของอาชีพ”


             “แต่มันเป็นเรื่องครอบครัวของผมเหมือนกัน”


             เสี่ยพิชัยตบโต๊ะดังปัง


            “ผมเป็นผัวก็ต้องรู้สิวะ ว่าเมียเอาเรื่องอะไรในบ้านมาเล่าให้คนนอกฟังบ้าง”


            “หยุดนะเสี่ยพิชัย!”


              สุดเขตกล่าวขัดด้วยน้ำเสียงเครียดอย่างไม่เคยใช้กับใครมาก่อน


              “พาลีถูกกันตัวไว้เป็นพยานแล้ว ผมจะปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยอย่างคุณมาข่มขู่พยานไม่ได้ ออกไปได้แล้ว อย่าให้ผมหมดความ

อดทนจนต้องโทรเรียกตำรวจมาทั้งโรงพักเลย”


              เสี่ยพิชัยกัดฟันกรอดมองสุดเขตอย่างอาฆาต การที่ต้องมาพบเจอว่าพาลีอยู่ในการดูแลของตำรวจออกจะเหนือความคาด

หมายของเขา มันทำให้เสี่ยพิชัยคิดได้ว่าพาลีอาจจะมีข้อมูลอะไรที่ต้องปกปิดและสำคัญพอจนได้รับการคุ้มครองพยาน มันทำให้เสี่ย

พิชัยปวดแสบปวดร้อนไปกับบาดแผลที่ซ่อนอยู่

             เสี่ยพิชัยไม่ได้ตอบโต้อะไรอีก เขาลุกขึ้นยืนและเดินหันหลังกลับไป สุดเขตตาลุกวาบเมื่อชายเสื้อคลุมของเสี่ยพิชัยเลิกขึ้น

เขามองเห็นด้ามจับของปืนพกที่อยู่ตรงบั้นเอวของเสี่ยพิชัย

             Glock 17

           ปืนราคาแพงในหมู่นักเล่นปืน ด้ามหนึ่งราคาเป็นแสนเหน็บอยู่ที่เอวของเสี่ยพิชัย แต่สุดเขตรู้ดีว่ามันเป็นปืนที่ใช้กระสุนขนาดเก้า

มิลลิเมตร และทันทีที่เสี่ยพิชัยออกไปจนพ้นห้องแถวสุดเขตก็รีบโทรศัพท์ไปหาสมบัติ


            “ไอ้เสี่ยพิชัยบุกมาหาไอ้ลี มันมาเค้นความจริงว่าคุณนายสมรเคยเล่าเรื่องอะไรในครอบครัวให้ไอ้ลีฟังบ้าง มันทำท่าเหมือนไอ้

เรื่องพวกนั้นมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และที่สำคัญนะพี่บัติ มันมีปืนพกมาด้วยว่ะ”


            “ไอ้เหี้ยเสี่ยแม่งความลับเยอะ” สมบัติตอบกลับมาเสียงเครียด


              “กูได้ข้อมูลมาใหม่เหมือนกันว่ะไอ้เขต มึงจะมาดูที่โรงพักไหมล่ะ”


              “ข้อมูลอะไรล่ะพี่บัติ” สุดเขตถามอย่างใจร้อน และคำตอบจากสมบัติทำให้สุดเขตต้องพาพาลีไปที่โรงพักทันที


                “ก็ข้อมูลที่ว่าไอ้เสี่ยมันเอากะไอ้หนุ่มคนขับรถที่โดนจับวันนั้นไงล่ะ ไอ้คนที่เราสงสัยความสัมพันธ์ของมันกับไอ้เสี่ยพิชัย

สรุปคือมันกิ๊กกันไงไอ้เขต”



               TBC


                  :z2: :z2:




                      ถึงเวลาที่เราจะเปิดโปงทีละคนแล้ววว



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-12-2016 01:11:51
เอาแล้ววว ลุ้นนว้อยยยยย ไอ้เสี่ยนี้ก็มาคุกคามซะจริง ทำตัวให้เขาน่าสงสัย!! //อาร๊ายยยยสุดเขตพาลี เปิดอกยอมรับใจกันขอเป็นแฟน เชรดดโคตรเขินนน ยิ้มแก้มปริค้างจนน้ำลายหก 555 สวีทมากหยอกเหย้าแกล้งให้เขิน เนื้ออคู่จะเปิดกี่ไพ่กี่รอบก็เนื้อคู่ วู้ววววว~~~~ 555 :o8: ตอนจูบกันนี้แบบ แสรด >.,< //รอๆตอนต่อไปค่ะ กำลังลุ้น
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-12-2016 01:14:00
 :L2: :pig4:

ลุ้นตัวโก่ง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-12-2016 01:15:52
 :katai2-1:



สู้ๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-12-2016 01:26:49
เรื่องกำลังแดง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-12-2016 01:29:20
มาเร้ยยยย เรียงมาทีละคน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-12-2016 02:07:08
จัดมาค่ะ เรียงตามคิวมาเลยย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-12-2016 07:17:54
ถึงฝ่ายผู้รักษากฏหมายของบ้านเมืองจะยังทำอะไรไม่ได้ แต่กรรมกำลังทำงานตามวงจรของมันสินะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-12-2016 07:48:48
เข้มข้นมาทุกขณะ และเขตก็รุกพาลีมากขึ้น
เป็นกำลังใจให้น้าา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 07-12-2016 08:49:21
 :katai4: ลุ้นสุดๆ จะเป็นใครน้อ กิจจาเด็กเสี่ยพิชัย หรือศุภกิจป๋าดันติณเอะหรือติณดันมะชะแระ แฮะ แฮะ :ruready
แหมะพี่เขตก็หวาน หยอดได้หยอดดี น้องลีก็อายม้วนเลย  :impress2: น่ารักอะคู่นี้ แต่สงสัยว่าเมื่อไรอิกวนตินนี้จะตายสักที  o18
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-12-2016 09:10:08
เสี่ยทำตัวน่าสงสัยแต่ก็โจ่งแจ้งเกินไปที่จะเจาะจงว่าเสี่ยเป็นคนลงมือฆ่าเมียตัวเอง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 07-12-2016 09:51:15
อีเสี่ยนี่พกปืนกะมายิงพาลีหรา

สันดารเลวมากนะมิง

ขึ้นมาก ส่วนไอ้ติณก้องูเห่าจริงๆๆ

หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 07-12-2016 10:19:43
เราว่าผัวคุณนายอาจจะไม่ได้ทำ แต่มีการสาดโคลนให้ผัวคุณนายเป็นคนรับไปแทน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-12-2016 10:26:15
ตฤณนี่ดาวดับแน่ๆ แต่เสี่ยก็ไม่น่าจะเป็นคนทำคุณสมร
แล้วใครกัน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2016 10:34:01
เริ่มเปิดเผยแล้ว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 07-12-2016 11:04:44
 :katai1:   โอ๊ยยย  ทำไมเกลียดไอ้ตีนขนาดนี้นะ  แบบอยากมันตายๆไปเลยจริงๆนะ 

คนอย่างมันเนี่ยไม่น่าเจริญในทุกๆด้านจริงๆ  เกลียดคนแบบมันที่สุด

ส่วนอิเสี่ยก็นะ  ขยันทำให้เป็นที่ต้องสงสัยจริงๆ  แต่เราว่านะอิเสี่ยเนี่ยเหมื่อนตัวหลอกมากกว่า

ส่วนนู๋ลีเนี่ย อร๊ายยย  เขาเป็นแฟนกันแล้วคร่าท่านผู้ช๊มมมม   มีดูดปากแลกลิ้น  อร๊ายยย  :m25:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 07-12-2016 13:28:07
หวายๆ แดงแล้วเสี่ย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-12-2016 19:21:39
หึหึหึ ถึงคราวของเสี่ยเป็นรายแรก!!
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-12-2016 20:28:26
 o13
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-12-2016 22:25:35


                                                             คดีรักนักดูดวง

                                                                 บทที่ 15
               

               “กูส่งสายสืบให้ไปแถวๆสนามแข่งรถ”


               สมบัติบอกกับสุดเขตเมื่อไปถึงโรงพัก ส่วนพาลีถูกกันไว้ที่ห้องพักห้องเดิมเพราะสุดเขตไม่ต้องการให้พาลีรับรู้เรื่องโดยไม่

จำเป็น เขามองภาพในจอคอมพิวเตอร์ที่สมบัติเปิดให้ดู


                “ก่อนหน้านี้โชว์รูมรถหรูของไอ้เสี่ยมันเป็นสปอนเซอร์ให้รถแข่งหลายคันอยู่ แต่ตอนนี้เลิกไปหมดแล้วเหลือแต่รถของไอ้หมอ

นี่ที่ชื่อกิจจา ดูเหมือนว่าจะจ่ายเงินให้มานานเกือบหกเดือนได้แล้ว และท่าทางมันจะสนิทกันน่าดูจนในที่สุดสายข่าวเราก็แอบเข้าไปจน

ได้หลักฐาน”


               สมบัติเปิดรูปเด็ดที่เขาได้มา มันเป็นภาพที่กิจจาเปลือยท่อนล่างหันหน้าเข้าหาผนังและมีเสี่ยพิชัยยืนซ้อนอยู่เบื้องหลังด้วย

ท่าทีที่ใครๆก็ต้องดูออกว่ากำลังทำอะไรกันอยู่


               “มันมีเซ็กส์กันกระทั่งในห้องอาบน้ำของสนามแข่งรถ กูก็เลยให้สายสืบหาข่าวต่อ ปรากฏว่าไปเจอรูปเสี่ยกับไอ้กิจจาจาก

กล้องวงจรปิดของโรงแรมม่านรูดก่อนหน้าที่คุณนายสมรจะถูกฆ่าตายไม่นานนี่เอง”


               “เสี่ยพิชัยมีชื่อเสียงเรื่องเปย์เงินให้พวกพริตตี้อยู่แล้ว แต่เรื่องที่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยนี่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ปิดข่าวได้

เงียบมาก”


               สุดเขตนิ่งคิดกล่าวตอบรุ่นพี่พลางคิดตามจนสมองหมุนติ้ว


               “แล้วเมียอย่างคุณนายสมรรู้บ้างไหมว่าผัวเล่นชู้กับนักแข่งรถ”


               “นั่นสิ” สมบัติเออออตาม “ได้ข่าวว่าทางบ้านเสี่ยเป็นคนจีนหัวโบราณมากๆ ถ้ารู้เรื่องนี้นะบ้านแตกแน่ เงินกงสีก็จะไม่ได้เอา

ด้วย”


               ปัญหามรดกของครอบครัวงั้นหรือ


               สุดเขตคิดไม่ตกว่าระหว่างเรื่องที่เสี่ยพิชัยรู้ว่าคุณนายสมรอาจจะมีความสัมพันธ์กับดารา กับเรื่องที่คุณนายสมรรู้ว่าสามีตนเอง

มีความสัมพันธ์กับผู้ชาย อันไหนจะทำให้เสี่ยพิชัยเครียดมากกว่ากัน

               บางครั้งการรักษาความลับของตนเองไว้ย่อมสำคัญกว่าความลับของคนใกล้ชิด เพราะหากคนใกล้ชิดไม่อยู่ให้เปิดปากแล้ว

ความลับทั้งหมดย่อมไม่มีทางเปิดเผย


                “คิดว่าคุณนายสมรจะรู้เรื่องนี้ไหมพี่บัติ อย่างที่ไอ้ลีมันเคยให้ปากคำว่าคุณนายสมรมาปรึกษาว่ามีปากเสียงกับสามีหลายครั้ง

คิดว่าทั้งคู่จะทะเลาะกันเรื่องอะไร ถ้าเรื่องผู้หญิงของเสี่ย เสี่ยเองก็มีมานานตั้งแต่ยังหนุ่มๆด้วยซ้ำ ถ้าทะเลาะกันเพราะเรื่องคุณนายสมร

บ้าดูดวงผมก็ได้ข่าวว่าคุณนายดูดวงกับหมอดูและโดนหลอกเสียเงินมาเยอะกว่าตอนมาดูกับไอ้ลี หรือถ้าจะทะเลาะกันเพราะคุณนายสมร

เป็นกิ๊กกับดาราก็ไหนว่าทั้งเสี่ยทั้งคุณนายแยกห้องนอนกันมานานแล้วไงล่ะ”


               “ถ้าหากคุณนายสมรรู้ว่าเสี่ยมีอะไรกับผู้ชาย” สมบัติเบิกตากว้าง “อันนี้อันตรายว่ะ เผื่อวันร้ายคืนร้ายแม่แล่นไปฟ้องพ่อผัวแม่

ผัวนี่จบเห่เลยนะ”


               “นั่นน่ะสิ อ้อ แล้วก็อีกอย่างนะ ผมเห็นเสี่ยพกปืนยี่ห้อกล็อก”


               “กล็อกงั้นหรือ ยี่ห้อดังนี่หว่า รุ่นแพงๆราคาหลายแสน เฮ้ย มันใช้กระสุนเก้ามิลลิเมตรพารา เหมือนกระสุนที่ยิงคุณนายสมร

เลย”


               สมบัติเบิกตากว้างขณะสบตากับสุดเขต เมื่อข้อมูลหลายอย่างทำให้พวกเขายิ่งพุ่งเป้าไปที่เสี่ยพิชัย







               พาลีวางหนังสือการ์ตูนในมือลงเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตน หัวคิ้วของเขาย่นเข้าหากันเมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ

แม้จะไม่ใช่เบอร์ที่บันทึกไว้แต่พาลีก็คุ้นตาว่าเป็นของใคร


               “สวัสดีครับคุณติณณ์”


               “พาลี” ได้ยินเสียงตื่นเต้นของติณณ์ดังออกมา 


              “คุณเป็นยังไงบ้าง ผมเป็นห่วงคุณจะแย่แล้ว”


               พาลีลอบถอนลมหายใจ สภาพของเขาไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วงสักนิด สุดเขตมากกว่าที่น่าเป็นห่วง


               “ผมไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณครับ”


               “ดีที่สุดเลยครับ ผมขอโทษนะที่ความซวยของผมมันทำให้พาลีต้องติดร่างแหไปด้วย”


               ติณณ์ใช้น้ำเสียงเหมือนตอนที่เขาแสดงละครตอนออดอ้อนนางเอกก็ไม่ปาน แต่พาลีไม่ได้เคลิ้มตามซ้ำยังรู้สึกอึดอัดอีกต่าง

หาก


               “พาลีครับ ผมรู้ว่าอาจจะกวนใจคุณนะ แต่ผมคิดถึงคุณจริงๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พาลีจะด่าผมว่าทุเรศก็ได้นะ แต่ทำยังไงผมก็

ลบภาพของพาลีออกไปไม่ได้”


               “เอ่อ คุณติณณ์ คือว่า...”


               พาลีกลืนน้ำลาย เสียดายที่ห้องนี้ไม่มีกระจกเพราะตอนนี้เขาอยากจะส่องดูหน้าตัวเองนักว่าทำไมถึงมีผู้ชายถึงสองคนมา

เกี่ยวพันกับเขาในระยะนี้


               “ผมว่าคุณติณณ์อาจจะมองหาที่พึ่งทางใจเพราะคุณติณณ์สับสนและมีเรื่องกังวลกระมังครับ”


               จำเป็นต้องหาทางเลี่ยง พาลีไม่ต้องการให้ติณณ์มาข้องแวะกับเขา ในเมื่อตอนนี้พาลีรู้ตัวแล้วว่าหัวใจของเขาไม่ได้ว่างเปล่า

เช่นแต่ก่อน


               “ผมไม่เคยสับสน” ติณณ์ตอบด้วยเสียงจริงจังกว่าเคย


             “ผมรู้ความต้องการของตัวเองมาตลอดชีวิตว่าต้องการอะไร พาลีครับ ขอแค่โอกาสให้ผม เราลองไปเดทไปกินข้าวฟังเพลงกัน

สักครั้งก็ได้ ขอให้ผมได้ใกล้ชิดพาลีบ้าง”


             “คงจะไม่ได้ครับคุณติณณ์” พาลีตัดสินใจพูดตรงๆ


             “ผมไม่สะดวกที่จะไปกับคุณ ขอโทษนะครับผมมีเอ่อ... มีแฟนแล้ว และคิดว่าแฟนของผมคงจะไม่พอใจแน่ๆหากเห็นผมไปกับ

คนอื่น ขอโทษจริงๆ”


               คำปฏิเสธของพาลีก่อนตัดสายทิ้งทำให้ติณณ์ถึงกับกัดฟันกรอด เสียทั้งหน้าและความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธทั้งที่เขามั่นใจในรูป

ร่างหน้าตาและชื่อเสียงของเขาว่าทุกอย่างดีพร้อมแต่พาลีก็ยังไม่ยอมรับ ทั้งที่พาลีคือคนแรกที่ติณณ์คิดหมายปองและลบเลือนออกไป

จากความคิดไม่ได้ ติณณ์เฝ้าครุ่นคิดว่าคนรักของพาลีเป็นใคร

                ภาพคนขับรถของพาลีแวบขึ้นมาในหัวสมอง ใบหน้าคมเข้มทะลุหนวดเคราที่ติณณ์ดูออกว่าเป็นของปลอม เขาเล่นละครมา

หลายเรื่องทำไมจะไม่รู้ แถมยังฝีมือการต่อสู้นั้นอีกเล่า ทุกอย่างบอกให้รู้ว่านายไข่ต้องไม่ใช่เป็นแค่คนขับรถธรรมดาแน่นอน ไหนจะยัง

สายตาเป็นห่วงเป็นใยที่ทั้งคู่ส่งถึงกันนั่นอีกต่างหาก และถ้าหูไม่ฝาดเขาได้ยินพาลีเรียกหมอนั่นว่าเขตหรืออะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ชื่อไข่

ทุกอย่างทำให้ติณณ์ฉุกคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่และใช่คนรักของพาลีหรือเปล่า

              ติณณ์ต้องการพาลี

              ต้องการเป็นเจ้าของ ต้องการอยู่ใกล้ มันเป็นความต้องการที่เกิดกับบุคคลเป็นครั้งแรกยกเว้นแก้วแหวนเงินทองและชื่อเสียงที่

ติณณ์ขวนขวายหามาทุกสิ่ง และเมื่อมีสิ่งเหล่านั้นครบก็มีแต่ผู้คนเข้ามาหาติณณ์ทั้งนั้น ยกเว้นพาลีที่เขาต้องเป็นฝ่ายเสนอและอ้อนวอน

ขอ แต่ถึงขนาดนี้พาลีก็ยังปฏิเสธ  แต่เชื่อเถอะว่าติณณ์มีความอดทนพอ โดยเฉพาะกับอะไรก็ตามที่เขาอยากได้ ติณณ์สามารถทำได้ทุก

วิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองและรวมถึงพาลีเช่นกัน








               “ผู้ใหญ่ลี ทำอะไรอยู่”


                ประตูที่ถูกผลักเข้ามาตามด้วยเสียงทำให้พาลีต้องรีบวางโทรศัพท์ลงและหันไปหาสุดเขต


               “อ่านวันพีชรอมึงนั่นแหละ”


              พาลีฝืนยิ้มออกไป เขาไม่อยากให้สุดเขตรู้เรื่องที่ติณณ์โทรมาจีบเขา พาลีไม่อยากปวดหัวมากไปกว่านี้


               “เออ คุยกับพี่บัติเพิ่งเสร็จไปหาอะไรกินกันไหม ข้าวต้มมึงหมดจากท้องกูไปนานแล้ว”


              “ไปสิ”


                ท้องร้องอุทธรณ์อยู่เหมือนกัน พาลีลุกขึ้นยืนเก็บการ์ตูนใส่กระเป๋าสะพายแล้วเดินตามสุดเขตออกไปยังลานจอดรถ พาลียิ้ม

ให้กับตำรวจบนโรงพักที่เขาเริ่มจะคุ้นหน้าเกือบทุกคน สุดเขตเอ่ยถามเมื่อทั้งคู่นั่งกันในรถเรียบร้อยแล้ว


              “แดกอะไรดีวะลี”


             “พูดให้มันมีวัฒนธรรมหน่อยไอ้เขต เดี๋ยวกูส่งไปเรียนมารยาทกับเด็กประถมดีไหม”


              “คร้าบ” สุดเขตหัวเราะชอบใจ


              “จะรับประทานอะไรดีขอรับคุณชาย กระผมจะได้ขับรถพาคุณชายไปขอรับ แหม กระดากปากจริงวุ้ย”


             พาลีนิ่งคิดก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกออก


              “ไปกินร้านส้มตำป้าต้อยหลังโรงเรียนไหม ไม่ได้กลับไปกินนานแล้ว”


             สุดเขตพยักหน้ารับจากนั้นจึงขับรถไปทางโรงเรียนมัธยมของทั้งคู่และเลี้ยวไปทางร้านส้มตำชื่อดังที่นักเรียนมากันบ่อยๆ เมื่อ

จอดรถพาลีเดินนำไปก่อน เขายกมือไหว้หญิงชราที่ยังแข็งแรงอยู่อย่างนอบน้อม


            “สวัสดีครับป้าต้อย”


            “โอ๊ย พ่อหนูลี” ป้าต้อยอุทานเสียงดังลั่นร้านเพราะคุ้นเคยกับพาลีเป็นอย่างดี


             “ไม่เห็นหน้ากันนานเลยนะ เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วเมื่อวานป้าเพิ่งเห็นไปออกทีวีดูดวงให้ดารา อย่างนี้ค่าครูก็ต้องแพงใหญ่แล้วสิ”


            “โธ่ป้า ไม่แพงหรอกครับ” พาลียิ้มรับ


              “ไม่แพงก็ต้องเพิ่มให้แพงสิ จะได้รวยๆ ป้าไปดูไม่ไหวหรอกมันไกล อาศัยไปดูดวงกับพ่อของพ่อหนูลีนี่แหละ มาๆเข้ามานั่ง

ก่อน อ้าว นี่มันพ่อนักฟุตบอลนี่ ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะเมื่อก่อนเห็นเขม่นกันจะตาย”


               ป้าต้อยมองอย่างงงๆเมื่อเห็นสุดเขตเดินตามหลังพาลีมาติดๆ สุดเขตยิ้มกว้างเมื่อตอบคำถามเสียงใส


               “คนเป็นแฟนกันก็ต้องมาด้วยกันสิป้าต้อย”


               “ไอ้เขต เดี๋ยวเหอะมึง”


               พาลีหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทันที เขาสะบัดหน้าเดินหนีไปนั่งที่โต๊ะว่างก่อนที่สุดเขตจะเดินตามเข้าไปนั่งพร้อมรอยยิ้ม


               “กินอะไรดีวะ”


               “ไอ้ปากเน่า ชาติหน้าขอให้ปากเท่ารูเข็ม”


               พาลีด่าหน้าง้ำ สุดเขตยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อได้ยินคำแช่ง


               “แช่งให้ชาติหน้าปากกูเท่ารูเข็ม แล้วใครจะจูบมึงจนเคลิ้มได้วะไอ้ลี กูน่ะเนื้อคู่มึงนะโว้ยต้องเจอกันไปทุกชาติ”


               “สัส พูดมากเหมือนผีเจาะปากมาพูด สั่งส้มตำกับลาบมาเร็วๆกูหิว”


               คราวนี้สุดเขตหัวเราะลั่น เขาส่ายหน้าพลางคว้ากระดาษมาจดรายการอาหารไปให้ป้าต้อย ทั้งคู่จัดการกับอาหารบนโต๊ะที่สุด

เขตสั่งมาเต็มโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อยจนสุดเขตเรอออกมาเมื่อกินเกลี้ยงทุกจาน


               “เอิ้กก”


               “ไอ้เขต อายเป็นไหมวะ” พาลีถามอย่างระอาก่อนจะเรียนให้ป้าต้อยมาเก็บเงิน


               “ป้าเชื่อพ่อนักฟุตบอลแล้วล่ะว่าเป็นแฟนกัน” ป้าต้อยพูดพลางยิ้มแป้น “หวานกันขนาดนี้ถ้าป้อนกันได้คงทำแล้วใช่ไหมพ่อ

นักฟุตบอล”


               “ป้าต้อยครับ!”


               พาลีประท้วงด้วยใบหน้าแดงก่ำที่ถูกแซว สุดเขตหัวเราะชอบใจขณะที่จ่ายเงินให้เจ้าของร้าน


               “เอาไปเลยครับป้าไม่ต้องทอน ผมทิปให้ที่ป้าพูดถูกใจ แล้วผมจะแวะมากินบ่อยๆนะครับ”


               สุดเขตลุกขึ้นดึงแขนพาลีให้ลุกตาม พาลีเอ่ยอำลาป้าต้อยก่อนจะเดินตามสุดเขตไปที่รถยนต์


               “ไปไหนกันต่อดีวะลี”


               “ซื้อของสดหน่อย ของจะหมดตู้เย็นแล้ว”


               สุดเขตขับรถยนต์มุ่งไปทางตึกแถวของพาลี เขาคุยกับพาลีด้วยเรื่องสัพเพเหระก่อนที่จะชะงักสายตาเมื่อจ้องมองกระจกมอง

หลังและเห็นรถยนต์คันหนึ่งแล่นตามมาอย่างผิดสังเกต และถนนที่เขาขับมาเป็นซอยเลี่ยงจากถนนใหญ่ ในช่วงบ่ายที่ผู้คนยังทำงานกัน

อยู่รถจึงสัญจรไม่มากนัก สุดเขตหุบยิ้มทันทีและขับรถอย่างระมัดระวังพลางเหลือบตามองเป็นระยะ เมื่อมั่นใจแล้วว่าถูกติดตามเขาจึงรีบ

คว้าโทรศัพท์ทันที


               “พี่บัติ เรื่องด่วน ถูกตามว่ะพี่ แถว...เปิดจีพีเอสแล้ว แค่นี้ก่อนนะ”


               รีบวางสายเพื่อใช้สมาธิในการขับรถ พาลีได้ยินจึงตกใจไม่น้อย


               “เกิดอะไรขึ้นเขต”


               “เห็นรถสีดำไหม มันตามเรามาสักพักแล้ว” สุดเขตชี้ให้พาลีมองจากกระจกมองหลัง “เกาะดีๆนะลี ไม่ปลอดภัยว่ะ”


               พูดจบสุดเขตตัดสินใจเหยียบคันเร่งโดยที่พาลีได้แต่นั่งเกร็งด้วยความตื่นเต้น รถสีดำคันหลังยิ่งเร่งเครื่องตามจนใกล้เข้ามา

เรื่อยๆ สุดเขตขับรถด้วยความเคร่งเครียดเพราะเขากลัวพาลีจะได้รับอันตราย



             มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-12-2016 22:32:08


ต่อกันตรงนี้...





                เปรี้ยง!


               เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง สุดเขตสบถเสียงดังลั่นรถเมื่อรถที่ขับอยู่ถูกยิงที่ยางจนส่ายไปมา เขาจำเป็นต้องบังคับให้รถชะลอตัว

ลงเพื่อไม่ใหชนข้างทางจนในที่สุดก็ต้องจอดนิ่ง


               “ไอ้ลี หมอบลงไปห้ามลงมานะ”


               บอกพาลีอย่างเป็นห่วง สุดเขตคว้าปืนที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะออกมาอย่างรวดเร็ว เขาผลักศีรษะพาลีให้ทรุดลงไปกับที่ว่างหน้า

เบาะ จากนั้นเขาก็กะจังหวะและเปิดประตูออกไปอย่างแรงจนชนชายฉกรรจ์ที่วิ่งมาล้มลงไป


               สุดเขตก้าวลงไปบนถนน เขาต่อยหน้าคนที่พุ่งเข้ามาหาเขาและตามด้วยหน้าแข้ง ทว่าอีกฝ่ายก็มีฝีมือไม่แพ้กัน ส่วนอีกคน

ที่สุดเขตใช้ประตูรถชนก็ลุกขึ้นมาได้ในไม่ช้าและรีบถือโอกาสที่สุดเขตยังต่อสู้กับเพื่อนวิ่งอ้อมรถมาทางฝั่งของพาลี


               “ลงมา!”


               ประตูรถถูกกระชากให้เปิดออก พาลีที่รอจังหวะอยู่แล้วใช้กุญแจล็อกเกียร์รถที่คว้าได้กระแทกไปที่หน้า มันผงะหน้าหงายไป

พร้อมกับเลือดสีแดงฉานที่ไหลโกรกลงมา พาลีรีบส่งหมัดของเขาตามติดซ้ำไปยังรอยแผลจนมันร้องโอดโอย


               “มึง!”


               มันแข็งแกร่งกว่าที่คิด พาลีหนาวยะเยือกเมื่อมันมองอย่างโกรธแค้น ด้ามปืนในมือถูกมันใช้ฟาดลงมาที่ขมับของพาลีดังผลัวะ

พาลีถึงกับนิ่วหน้าเมื่อความเจ็บปวดมาเยือนและทันใดนั้นปลายกระบอกปืนก็จ่ออยู่ที่หัวของพาลีจนเขาต้องยืนตัวแข็ง


               “ลี!”


               สุดเขตตะโกนอย่างตกใจที่เห็นเลือดจากขมับของพาลี เพราะมัวแต่พะวงกับพาลีทำให้สุดเขตเสียหลักถูกเตะเจาะยางจน

ทรุดไปอยู่กับพื้น คู่ต่อสู้ของสุดเขตกระทืบไปที่มือของเขาเพื่อไม่ให้เขาคว้าปืนที่ตกอยู่กับพื้นได้


               “หยุด ไม่งั้นกูยิงมันแน่”


               ชายที่ควบคุมตัวพาลีไว้ตะโกนห้ามไม่ให้สุดเขตลุกขึ้นมาต่อสู้อีก สุดเขตกัดฟันแน่นและมองอย่างโมโหที่พาลีกลายเป็นตัว

ประกันของมัน


               “ได้ตัวมาแล้ว เอาไงดีครับนาย”


                เสียงหนึ่งในสองโทรศัพท์หาใครบางคน พาลีเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน


               “เอาตัวไอ้หน้าอ่อนไป แล้วอีกคนล่ะครับ ได้ครับนาย”


               พาลีสะดุ้งเมื่อแขนถูกกระชากให้เดินตามไปที่รถกระบะสีดำ เขาหันมาสบตาสุดเขตด้วยความตกใจก่อนที่ทุกคนจะได้ยินเสียง

ไซเรนดังก้อง


               “หยุด นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”


               รถสายตรวจพุ่งมาปิดถนนในซอยแคบ ปืนหลายกระบอกพุ่งตรงมายังผู้ร้ายทั้งสอง สุดเขตฉวยจังหวะที่มันเผลอกระชากขา

มันจนเสียหลัก เขาคว้าปืนใกล้มือจ่อหัวมันได้หนึ่งคน ส่วนอีกคนเมื่อเห็นจวนตัวจึงได้คิดจะใช้พาลีเป็นตัวประกัน พาลีกระทืบเท้าลงไป

บนเท้าของมันและกระชากแขนหนี เขากลิ้งตัวหลบลงพื้นอย่างที่เคยเรียนมาสมัยนักศึกษาวิชาทหาร พาลีสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปืนหลาย

นัดและชายที่พาลีเพิ่งจะสะบัดหลุดล้มลงไปหมดลมหายใจอยู่ในตำแหน่งที่พาลีเพิ่งจากมา








               “เฮีย วันนี้ไปอารมณ์เสียมาจากไหน เล่นผมซะแรงเชียวนะ”


                กิจจาเอ่ยถามหลังจากที่เขาเพิ่งจะเสร็จกิจกามกับเสี่ยพิชัย เขานอนเปลือยซบอยู่กับร่างเจ้าเนื้อของเจ้าของบ้าน เนื้อตัวของ

กิจจามีแต่รอยแดงเต็มไปหมดเมื่อวันนี้เขาถูกใช้เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ เสี่ยพิชัยพ่นควันบุหรี่อย่างหงุดหงิด เขาไม่ได้ตอบคำถาม

อะไรจนได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจดังอยู่ที่รั้วหน้าคฤหาสถ์ของเขา


                “ชิบหาย เกิดอะไรขึ้นอีกวะ”


                  เสี่ยพิชัยและกิจจารีบใส่เสื้อผ้าและลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว คนรับใช้ของพิชัยยืนหน้าซีดเมื่อตำรวจหลายนายบุกเข้ามา

โดยไม่ฟังคำห้ามปราม


                 “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ยกโขยงกันมาทำไม”


                พิชัยตวาดหน้าเขียวจัดด้วยความโกรธ  ร.ต.อ.สมบัติชูกระดาษต่อหน้าเสี่ยพิชัยทันที


                “นี่คือหมายจับและหมายค้น เสี่ยพิชัย คุณถูกจับเป็นผู้ต้องหาในคดีจ้างวานฆ่าคุณนายสมรภรรยาของคุณแล้ว คุณมีสิทธิ์

ติดต่อทนายได้ แต่ตอนนี้ผมขอเชิญไปโรงพักด้วยครับ”



                          TBC

                :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-12-2016 22:36:23
เสี่ยจริงเหรอ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 09-12-2016 23:09:02
เสี่ยตัวจริงหรือตัวหลอก แต่ก็ให้เป็นผู้ร้ายตัวจริงซะ จบคดีนี้จะได้มีคดีใหม่มาสืบ? เหตุจูงใจอะไรของการฆ่าว่ะ?? รอผลสอบสวน! ง่ะพาลีเจ็บตัวเลย สุดเขตห่วงแย่ ทำแผลนะ หวานๆกันไปอีก อิอิ! รอตอนต่อไปค่ะ ชิบหายติณณ์มันไม่ยอมง่ายๆนะนี่ เยอะไป มึงได้หมดอนาคตคราวนี้ละ ขอเตือน คึ!! ^^
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-12-2016 23:14:01
ใครที่อยากให้พาลีตายหรือหายไป จะว่าเสี่ยก็น่าจะเข้าเค้า เพราะยังนึกไม่ออกว่าคนอื่น ๆ จะมีเหตุผลอะไร 
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-12-2016 23:35:51
 :laugh:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 09-12-2016 23:37:17
โคตรจะลุ้นน นึกว่าจะยาวซะละ ชอบๆได้ใจความ รอต่อไป
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 10-12-2016 00:02:13
ทำไมเราคิดว่าเป็นคุณผู้บริหารนะ ที่หวงตินแรงๆ อะ

แถมเหตุผลของทั้งเสี่ยทั้งผู้บริหารก็มีกันทั้งคู่เลย

ของผู้บริหารก็เรื่องติน คุณนายเลยถูกฆ่า ครั้งนี้ก็ตินติดลี ลีเลยโดนหมายหัว

หรือจะเป็นเสี่ย ที่คุณนายรู้เรื่องเกย์ เลยสั่งเก็บ แล้วคราวนี้ ระแวง?ลีว่าจะรู้เช่นกัน เลยสั่งคนมา

แต่ดูแล้วคราวนี้ ก็น่าจะแค่ขู่ ยังไม่สั่งเก็บละมั้ง อาจจะพาตัวไปสักที่..
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-12-2016 00:12:57
คิดว่าน่าจะไม่ใช่เสี่ย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-12-2016 01:08:42
ต้องตามโคนันไหม
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 10-12-2016 01:54:32
ทำไมเรารู้สึกว่ามันต้องมีเบื้องหลังมากกว่านี้ เสี่ยเป็นตัวหลอกหรือเปล่า แต่เราว่าเสี่ยก็อาจจะมีส่วนข้องเกี่ยวทางใดทางหนึ่ง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-12-2016 06:04:32
ทำไมเรารู้สึกว่าคนร้ายมันไม่ใช่เสี่ยว่ะ แต่ไอ้ที่สั่งให้มาจับพาลีไปเนี่ยน่าจะใช่เสี่ยอยู่แต่สั่งฆ่าเมียนี่ไม่น่าใช่นะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-12-2016 06:54:39
เสี่ยนี่น่าจะตัวหลอกนะ เพราะดูง่ายเกินไปหน่อย
คนร้ายดูลึกลับกว่านี้ แต่เสี่ยมันเลวไงให้มันโดนเปิดโปงซะบ้าง 555555555
ตอนหวานๆที่มาปนขม ><
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 10-12-2016 08:00:13
เสี่ยจริงป่าวนะหรือว่าจะมีผลิก

แหมนายตินมีรักแรกกับพาลีซะงั้น
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 10-12-2016 08:11:20
ตื่นเต้นอะ ลุ้นๆ  :ling1: แต่อิตินเมื่อไรจะตาย เหอะๆ ๆ  :ruready
อย่างเสี่ยนี้แรงจูงใจเยอะกว่าเพื่อน บางทีเขาอาจคิดว่ากิจจาเป็นคนทำเลยไปหาพาลี
ถามว่าเมียตัวไปพูดเรื่องกิ๊กกะกิจจาหรือป่าวไรงี้ เดานะ คิดเยอะไปป่ะแว้ อิอิ
อยากรู้ๆ แล้วใครเป็นฆาตกรกันแน่ รอตอนต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-12-2016 08:55:23
ไม่น่าจะใช่เสี่ยนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-12-2016 10:36:25
แหม พ่อนักฟุตบอล ประกาศเลยนะว่าเป็นแฟน
 :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-12-2016 11:20:01
ยังยืนยันคำตอบเดิม เราว่าเสื่ยไม่ได้เป็นคนทำ แต่ใครทำยังคิดอยู่  :katai1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-12-2016 12:03:25
พาลีคือนายเอกที่เริ่ดมาก เท่ห์สุด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 10-12-2016 15:20:39
ีเดาไม่ออกเลยว่าใครเป็นคนร้าย
เครียดและกดดันมาก แงงงงง
อยากรู้อ่ะ
พาลีน่ารักมาก แหมะ พี่นี่อยากเร่งให้คดีจบไวไว
คึคึ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-12-2016 15:52:24
ในความคิดเราไม่น่าจะใช่เสี่ยนะ
เพราะถ้าเป็นเสี่ยจริงคือมันง่ายมากไปหน่อยเรื่องสืบคดีฆ่าคุณนายจะจบโดยทันที
เสี่ยอาจมีแรงจูงใจเยอะในการฆ่าเมียตัวเอง แต่ก็รู้กันอยู่ว่าเมื่อคุณนายตายเสี่ยคือผู้ต้องสงสัยคนแรก
แล้วแบบนี้เสี่ยยังจะกล้าทำเหรอ เจ้านายติณน์ก็น่าสงสัย เพราะขนาดเรื่องพาลีที่ติณน์แค่ให้พาลีพาไปทำบุญ
เจ้านายติณน์ยังส่งคนมาเตือนแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ติณน์ยังไม่ได้มีอาการว่าจะมาวอแวพาลีสักเท่าไหร่เลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-12-2016 21:40:11


                                                                       คดีรักนักดูดวง

                                                                           บทที่ 16


               ในช่วงบ่ายที่ผ่านมาเมื่อการจับกุมตัวคนร้ายเสร็จสิ้นลงพาลีก็ถึงกับเข่าอ่อนหน้าซีดที่เห็นการวิสามัญฆาตกรรมเกิดขึ้นต่อหน้า

ต่อตา สุดเขตพุ่งเข้ามาประคองและรีบพาพาลีไปโรงพยาบาลทันที เขาแทบจะไม่สนใจรอยฟกช้ำที่เพิ่มขึ้นบนร่างกายตัวเองเท่ากับ

สนใจรอยแผลแตกตรงขมับของพาลี

               แผลของพาลีถูกเย็บไปสามเข็ม สุดเขตจำเป็นต้องพาพาลีไปที่โรงพักเพื่อให้ปากคำทั้งที่พาลีเกือบจะทรงตัวไม่ไหวเพราะ

ฤทธิ์ของยาแก้ปวด คนร้ายหนึ่งในสองที่เหลือรอดให้การซัดทอดไปถึงเสี่ยพิชัยว่าจ้างวานให้เขาไปจับตัวพาลีมา ทำให้เจ้านายของสุด

เขตตัดสินใจบุกไปจับกุมตัวเสี่ยพิชัยจากที่บ้าน สุดเขตยังนึกถึงวินาทีที่เสี่ยพิชัยถูกควบคุมตัวมาโรงพักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นักข่าวที่รู้

เรื่องกรูกันมาถ่ายรูปเสี่ยพิชัยในวงล้อมของตำรวจ ข้อมือของพิชัยถูกใส่กุญแจมือและมีผ้าบางๆคลุมไว้


               “พวกมึงเอาหลักฐานอะไรมาหาว่ากูฆ่าเมียตัวเองวะ”


               ทันทีที่พ้นสายตานักข่าวมาอยู่ในห้องสอบสวนเสี่ยพิชัยก็โวยวายเสียงดัง และสมบัติก็ได้รับคำสั่งจากผู้กำกับสถานีให้เป็นคน

แจกแจงข้อหาให้เสี่ยพิชัยรับทราบ


               “กระสุนปืนที่ยิงผู้ตายเป็นขนาดเดียวกับที่เราค้นเจออาวุธปืนในบ้านเสี่ย และลูกจ้างในบ้านของเสี่ยให้การว่าได้ยินเจ้านาย

ทะเลาะกันเป็นประจำ ก่อนที่คุณนายสมรจะถูกยิงก็มีการลงมือทำร้ายร้างกาย และเราสืบทราบมาจากเพื่อนสนิทของคุณนายสมรว่า

คุณนายมักจะมาปรับทุกข์เรื่องของเสี่ยเป็นประจำล่าสุดคุณนายสมรเล่าให้ฟังว่าเธอสงสัยพฤติกรรมรักร่วมเพศของเสี่ยจนกระทั่งจ้าง

นักสืบไปสืบและรู้ว่าคุณมีความสัมพันธ์กับนายกิจจาจริงๆ  คุณนายสมรจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นข้อต่อรองหากคุณทะเลาะและลงมือกับเธออีก

ครั้ง”


               “มึงเอาหลักฐานมาจากที่ไหนว่ากูเอากับผู้ชาย ใส่ความกูชัดๆ”


              เสี่ยพิชัยตาลุกด้วยโทสะ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมรับสารภาพเด็ดชาด สมบัติดึงรูปภาพปึกหนึ่งมาจากแฟ้มและวางไว้ตรงหน้า

ของเสี่ยพิชัย เมื่อเห็นว่าเป็นรูปของตนที่พัวพันอยู่กับกิจจา เสี่ยพิชัยก็เริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆ


              “เรานำนายกิจจาไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายเมื่อสักครู่นี้ ได้รับรายงานว่าพบคราบอสุจิที่ทวารหนัก รวมถึงร่องรอยบน

ร่างกายด้วยแบบสดๆร้อนๆนี่เอง และนายกิจจาก็ยอมรับแล้วว่าเขามีความสัมพันธ์กับคุณมาเกือบหกเดือนแล้ว”


             “กูไม่ได้ทำ” เสี่ยพิชัยตะโกนลั่น


             “เออ กูยอมรับว่าทะเลาะกับเมียแต่กูไม่ได้ฆ่า ไอ้นักเลงเหี้ยสองคนนั้นกูส่งไปจริงแต่แค่จะเอาตัวไอ้หมอดูนั่นมาถามว่าอีสมร

มันพูดอะไรถึงกูบ้างไหม แต่กูไม่ได้ฆ่าเมียโว้ย”


             นั่นคือประโยคสุดท้ายของเสี่ยพิชัยก่อนสุดเขตจะแยกออกมาเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของเขาด้วยเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้


            “สุดเขตพูดครับ”


             “ผู้หมวดเหรอ ผมเองนะ ภาคภูมิ”


            “ครับท่าน!”


              สุดเขตรีบกล่าวรับแข็งขันเมื่อจำได้ว่านั่นคือเสียงของพล.ต.ท.ภาคภูมิ ผู้บังคับบัญชาการตำรวจนครบาลที่โด่งดังอยู่ในเบื้อง

บนของกรมตำรวจ นึกแปลกใจไม่น้อยที่คนระดับสูงอย่างนั้นจะต่อสายตรงมาหาเขาเช่นนี้


             “ผมขอเบอร์ของคุณมาจากที่โรงพักเพราะจะโทรมาชมเสียหน่อย คุณเป็นตำรวจหนุ่มที่ทำงานได้ดีจริงๆ ผมรู้เรื่องจากเจ้านาย

ของคุณแล้วว่าคุณช่วยคุ้มครองพยานเอาไว้ได้หลายครั้ง เก่งมาก”


             คำชื่นชมจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทำให้สุดเขตภูมิใจไม่น้อย แต่เขาก็ถ่อมตัวเมื่อเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม


            “ขอบพระคุณท่านมากครับที่ชื่นชม ผมจะตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถครับ”


            “ผมดีใจนะที่กรมตำรวจของเรามีตำรวจรุ่นใหม่ดีๆอย่างคุณ ผมหวังว่ามันจะทำให้ภาพพจน์ของตำรวจในสายตาประชาชนดูดีขึ้น

มาบ้าง ยังไงก็ขอบใจที่ทำงานจนจับผู้ร้ายตัวจริงได้”


              “ครับผม”


             พล.ต.ท.ภาคภูมิวางสายไปแล้ว หัวใจของสุดเขตฮึกเหิมด้วยกำลังใจเมื่อมีคนมองเห็นความสามารถและความตั้งใจทำงานของ

เขา สุดเขตบันทึกเบอร์ของภาคภูมิไว้ก่อนจะหันไปมองเสี่ยพิชัยที่เดินฮึดฮัดเข้าห้องขังไปเพราะถูกคัดค้านการประกันตัว เมื่อเรื่องทุก

อย่างจบลงแล้วใจของสุดเขตก็กระหวัดถึงพาลีทันที เขารีบเดินไปหาพาลีที่นั่งคอพับฟุบอยู่กับโต๊ะในห้องที่เก็บตัวพาลีไว้


            “ลี กลับบ้านกันเถอะ มึงเหนื่อยมาเยอะแล้ว”


            พาลีสะดุ้งตื่นเมื่อมือของสุดเขตแตะลงบนบ่า เหตการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำให้เขาตระหนกไม่เลิกรา แต่ดวงตาคมที่ทอดมองมา

อย่างอ่อนโยนช่วยปลอบให้พาลีคลายความกลัวลงได้


            “เกิดอะไรขึ้นวะเขต”


           “เสี่ยพิชัยถูกจับมึงปลอดภัยแล้วลี ลุกเถอะกลับไปพักดีกว่า สภาพมึงมอมเป็นลูกหมาเลยตอนนี้”


            รอยยิ้มของสุดเขตปลอบประโลมความหวาดกลัวให้พาลีได้เป็นอย่างดี เขาลุกขึ้นยืนและปล่อยให้สุดเขตประสานมือเข้ากับมือ

ของเขาและจับจูงพาเดินหลบบรรดาผู้สื่อข่าวออกไปทางด้านหลังของโรงพัก พาลีเดินตามหลังสุดเขตด้วยความมั่นใจในตัวผู้ชายตรง

หน้าอย่างไม่มีข้อแม้อีกแล้ว เขายินยอมให้สุดเขตเป็นผู้นำด้วยความเต็มใจ







                 สุดเขตพยายามขับรถที่เขาเปลี่ยนยางรถแล้วให้นุ่มนวลที่สุด เขาเหลียวมองคนที่ซบไหล่และพริ้มตาหลับเพราะฤทธิ์ของยา

แก้ปวด ผ้าก๊อซที่ปิดแผลตรงขมับทำให้เขานึกเจ็บใจตนเองที่ป้องกันไม่ให้พาลีไม่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้ จนกระทั่งถึงหน้าตึกแถวเขาก็

เบนรถเข้าจอด


               “ลี ถึงแล้ว”


                สุดเขตเขย่าต้นแขนพาลีเพื่อปลุกให้ตื่น พาลีปรือตาขึ้นมาอย่างง่วงงุน


               “เขต”


              “ถึงแล้วครับลี ลงรถนะ จะได้ไปนอนสบายๆบนเตียง”


             ประคองพาลีลงจากรถสุดเขตเป็นคนเปิดประตูห้องแถว เขาพาพาลีไปนั่งพักที่เก้าอี้รับแขกก่อนจะปิดประตูตรวจตราความ

ปลอดภัยให้รอบคอบยิ่งกว่าเดิม เมื่อหันกลับมาอีกครั้งเขาก็เห็นพาลีผล็อยหลับไปกับที่พักแขนของเก้าอี้นั่นเอง สุดเขตอยากให้พาลีพัก

ให้เต็มที่ เขาจึงเดินเข้าไปหาและช้อนร่างของพาลีขึ้นมาอย่างไม่ยากเย็นนัก

              อุ้มพาลีมาถึงห้องนอน สุดเขตวางร่างของพาลีลงอย่างทะนุถนอม เขาถอดเสื้อผ้าที่มีแต่คราบเลือดและเศษดินของพาลีออก

และรีบเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พาลีได้นอนอย่างสบายตัว จากนั้นสุดเขตจึงค่อยสนใจตัวเอง เขาไปอาบน้ำด้วยอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวยิ่ง

กว่าเดิมเพราะผ่านการออกแรงติดๆกัน รอยฟกช้ำเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัวแต่มันยังไกลหัวใจสำหรับเขา และเมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว

สุดเขตจึงได้มาเอนกายนอนเคียงข้างเฝ้ามองแต่ใบหน้าของพาลี

                 สุดเขตไม่เคยเป็นห่วงใครเท่านี้มาก่อน วินาทีที่เห็นด้ามปืนตบเข้าที่ศีรษะของพาลีหัวใจของสุดเขตก็หายวาบ และยิ่งเมื่อ

พาลีถูกลากไปยังรถกระบะคันนั้นสุดเขตก็ยิ่งแค้น เขาเอื้อมปลายนิ้วไปแตะที่ผ้าก๊อซแผ่วเบา พาลีขยับหน้าหนีหัวคิ้วกระตุกสุดเขตจึงได้

รีบถอนมือออกมา


                “ลี กูขอโทษที่ดูแลมึงไม่ดีพอ ปล่อยให้มึงต้องเจ็บ”


                สีหน้าของสุดเขตสลดลงขณะกล่าวกับพาลีที่ยังหลับสนิท เขาโอบกอดพาลีไว้และจูบที่หัวไหล่ของพาลีแทนคำขอโทษ

พาลีเจ็บสุดเขตยิ่งเจ็บกว่า


               “ต่อไปกูจะดูแลมึงให้ดีกว่านี้ กูสัญญาด้วยชีวิตกูเลย ลี กูรักมึงนะ”


                 กระซิบบอกใกล้ๆหูทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายหลับใหล สุดเขตตระกองกอดพาลีไว้ตลอดทั้งคืน







                  เหลืออีกไม่กี่คิวละครที่ติณณ์แสดงเป็นพระเอกก็จะปิดกล้อง ละครเรื่องนี้ถ่ายทำไปด้วยและออกอากาศไล่หลังตามมา ใน

วันนี้กองถ่ายจะออกไปถ่ายทำนอกสถานที่ติณณ์จึงมาที่บริษัทแต่เช้ามืดเพื่อขึ้นรถกองถ่ายไปสถานที่ถ่ายทำ


              “ไอ้ติณณ์ ไอ้งูเห่า”


               เสียงตะคอกหยุดติณณ์ไว้ที่ลานจอดรถ ศุภกิจนั่นเองที่เป็นคนส่งเสียงดังนั้น เจ้าของค่ายละครดังที่ติณณ์สังกัดกระชากคอ

เสื้อของติณณ์และกระแทกแผ่นหลังของเขาเข้ากับเสาต้นใหญ่ของลานจอดรถที่ยังร้างผู้คนในเวลาเช่นนี้ ดวงตาของศุภกิจวาวโรจน์ด้วย

โทสะ


               “มึงมันเลว มึงคาบข่าวไปบอกนักข่าวใช่ไหม”


               ติณณ์หัวเราะลั่นอยู่ในใจเมื่อเห็นศุภกิจโกรธจนควันออกหู หากแต่ภายนอกเขาทำหน้าบึ้งและดึงมือศุภกิจออกจากคอเสื้อ

ของเขาด้วยท่าทีไม่พอใจ


               “พี่กิจพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ ข่าวอะไรของพี่”


               ศุภกิจเบิกตาโพลง เขาคว้านิตยสารกอสซิปวงการบันเทิงที่เขียนข่าวของเขาโดยใช้ชื่อย่อหากแต่ใครๆก็เดาได้ว่ามีความ

สัมพันธ์กับเด็กหนุ่มที่กำลังประกวดอยู่ในรายการเรียลลิตี้ชื่อดังที่เขาเป็นเจ้าของที่ศุภกิจเหน็บใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังขึ้นมาฟาดใส่

หน้าของติณณ์ด้วยความแค้น


               “มึงเป็นคนให้ข่าวใช่ไหม ไอ้เนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง กูให้โอกาสมึงทำงานเชิดหน้าชูตาในวงการนี้แต่มึงกลับแว้งกัดกู ไอ้เลว

ระยำ”


               ติณณ์เปิดหน้าหนังสือมากวาดสายตาอ่าน นักข่าวสำนักพิมพ์นี้ทำงานกันไวดีแท้ สำนวนการเขียนข่าวก็แซบขึ้นชื่อจนทำให้

ศุภกิจลุกเป็นไฟสมใจของเขา ติณณ์เลิกคิ้วพลางจุดรอยยิ้มใส่ศุภกิจอย่างไม่เกรงใจอีกต่อไปเพราะเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเขาเพิ่งได้รับ

ข้อความจากเสี่ยเฮียงยืนยันว่าเขาจะได้เล่นเป็นพระเอกในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่และพร้อมเซ็นสัญญาหากเขาหมดสัญญากับศุภกิจในอีก

สองเดือนข้างหน้าแล้ว


               “ก่อนจะด่าผมพี่กิจลองสำรวจตัวเองก่อนเถอะว่ากินมูมมามเกินไปหรือเปล่า”


               “ไอ้ติณณ์!”


               “เด็กหนุ่มๆมันเคี้ยวกรุบกรอบก็เลยสวาปามจนลืมเด็กเก่าที่เลี้ยงไว้หลายปีอย่างผมไปเลยสินะ เคี้ยวดังมากจนหลุดไปถึงหูนัก

ข่าวเองแล้วมาโทษผม”


               “มึง ไอ้เลวเอ๊ย”


               ศุภกิจเงื้อหมัดจะต่อยหน้าเขา แต่หมัดนั้นช้าจนติณณ์ยกมือรับหมัดนั้นไว้ได้และผลักมันออกห่างอย่างไม่แยแส เขายิ้ม

ท้าทายศุภกิจที่มองเขาอย่างเคียดแค้น


               “เขาว่ากินเด็กมันเป็นยาอายุวัฒนะ ยินดีด้วยนะครับที่พี่กิจได้รับสิทธิ์นั้น ว่าแต่ไอ้เด็กคนนั้นมันอายุถึงสิบแปดหรือยังน้า พ่อ

แม่เด็กมันรู้เรื่องไหม อ้อ แล้วเมียกับลูกพี่ล่ะตื่นมาอ่านเจอข่าวนี้กันหรือยังครับ ผมขอให้พี่โชคดีก็แล้วกันนะ”


               ติณณ์เดินผิวปากจากศุภกิจมา เขาไม่สนใจศุภกิจอีกแล้วในเมื่อมีที่ไปที่ดีกว่า ติณณ์ขึ้นรถตู้ของกองถ่ายไปยังสถานที่ถ่ายทำ

อย่างสบายใจ เขาแต่งหน้าแต่งตัวในชุดที่ใช้ในละครและรับบทมาจากผู้กำกับคิว ติณณ์ก้มหน้าอ่านอยู่สักพักใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มแย้ม

ก็พลันหุบลงทันที


               “เดี๋ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เสียงโวยวายของติณณ์ทำให้คนทั้งกองเงียบกริบและหันมามองเขาเป็นตาเดียว


               “ทำไมบทมันผิดไปแบบนี้ล่ะ อยู่ๆทำไมบทพระเอกของผมถึงตายเอาดื้อๆแล้วเปลี่ยนให้พระรองมาคู่กับนางเอกแทนวะ ผม

ไม่เข้าใจ”


               “ติณณ์ ใจเย็นๆนะ”


               ผู้กำกับการแสดงเดินมาหาและเป็นตัวแทนชี้แจงกับเขา


               “ทีมบทประชุมกันแล้วคิดว่าจบแบบนี้จะทำให้คนดูประทับใจมากกว่า แล้วก็เหลืออีกแค่คิวนี้คิวเดียวก็ปิดกล้องกันเลย

ขอโทษทีที่ไม่ได้บอกติณณ์ก่อน”


               ติณณ์กัดฟันกรอด เขากำมือแน่นหักห้ามความโกรธเอาไว้อย่างยากเย็น ติณณ์ตะคอกเสียงต่ำใส่ผู้กำกับที่ยืนทำหน้าไม่ถูกต่อ

หน้าเขา


               “คงไม่ใช่เพราะมีคำสั่งด่วนจากเบื้องบนหรอกนะพี่ ทีมบทถึงได้ทำงานกันได้ไวขนาดนี้”


               ผู้กำกับการแสดงถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด


               “อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะติณณ์ แต่พี่ช่วยนายไม่ได้จริงๆว่ะ เอาเป็นว่าช่วยแสดงให้จบเรื่องดีกว่านะ ขอสปิริตหน่อยก็แล้ว

กัน”


               ผู้กำกับเดินจากไปแล้วปล่อยให้ติณณ์ยืนฮึดฮัดอยู่เพียงลำพัง ความโกรธจนควันออกหูทำให้ติณณ์ดึงโทรศัพท์ออกมาแล้ว

โทรหาปลายทางที่คุ้นเคย


               “ผมมีเรื่องให้คุณช่วย” ติณณ์กรอกเสียงเยียบเย็นกว่าเคย


                “มีคนกลั่นแกล้งผม ใช่ เรื่องงาน ซึ่งผมยอมไม่ได้ ไม่ต้องมากหรอก ขอแค่ให้มันได้รู้ว่าเล่นผิดคนก็พอ ผมรู้ว่าคุณช่วยได้

ขอบคุณครับ”


               ดวงตาของติณณ์ลุกวาบเมื่อรู้ว่าคนที่ทำให้เขาเจ็บใจจะได้รับบทเรียนในไม่ช้า



มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-12-2016 21:48:27
อ่านต่อตรงนี้...




               สุดเขตสะดุ้งตื่นมาตั้งแต่เช้ามืด สิ่งแรกที่ทำคือจ้องมองพาลีที่ยังหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอด สีหน้าของพาลีมีสีเลือดมากขึ้น

หลังจากที่ดูซีดเซียวจากเมื่อวานนี้ สุดเขตถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาก้มหน้าลงจูบที่หน้าผากของพาลีเบาๆก่อนจะลุกขึ้นมาช้าๆด้วย

เกรงจะรบกวนพาลี เขาลุกจากเตียงมาเปิดโทรทัศน์ในห้องนอนและลดเสียงลงแค่พอให้ได้ยินเมื่อสุดเขตยืนอยู่ใกล้จอมองภาพข่าวคดี

ฆาตกรรมคุณนายสมรจากรายการข่าวยามเช้า

               ภาพจากข่าวคือเสี่ยพิชัยที่ถูกจับกุมใส่กุญแจมือเดินก้มหน้าหนีกล้องเข้าไปในโรงพัก ต่อมาคือการสัมภาษณ์พล.ต.โท ภาค

ภูมิหัวเรือใหญ่ที่ดูแลคดีนี้อยู่


               “ถึงแม้นายพิชัยจะยังไม่สารภาพแต่เราเชื่อว่าหลักฐานที่มีจะทำให้เขาจำนนได้ ก็ต้องชื่นชมทีมสอบสวนที่ทำงานจนคดี

สะเทือนขวัญลุล่วง ผมว่าวิญญาณของคุณสมรคงตายตาหลับ”


               เสียงขยับตัวทำให้สุดเขตปิดโทรทัศน์ เขาก้าวกลับไปยังเตียงและประคองพาลีให้ลุกขึ้นนั่ง


               “เป็นไงบ้างวะลี”


               “ยังไม่ตายโว้ย ดีขึ้นแล้ว เจ็บแผลไม่เยอะเท่าเมื่อวานแล้วว่ะ”


               พาลีลุกขึ้นนั่ง เขาหันไปมองสุดเขตและยิ้มหวานส่งให้ รอยยิ้มนั้นทำให้สุดเขตอดใจไม่ไหวจนต้องยื่นหน้าเข้าไปหาแต่กลับ

ถูกพาลียกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้


               “อย่าไอ้เขต กูยังอมขี้ฟันอยู่เลย”


               “กูก็ยังอมขี้ฟันเหมือนมึงนั่นแหละไอ้ลี” สุดเขตดึงมือพาลีออกจากปาก


               “ลองมาแลกขี้ฟันกันหน่อยน่าว่าจะอร่อยหรือเปล่า”


               “ไอ้เขตอย่า อื้อ”


               พาลีต้านทานไม่อยู่เมื่อในที่สุดเขาก็ถูกจูบจนได้ ริมฝีปากของเขาถูกสุดเขตครอบครองรวมไปถึงลิ้นนุ่มที่สุดเขตพัวพันไม่

ยอมปล่อย สุดเขตทำให้เขาเคลิ้มจนสมองว่างโล่งกว่าจะยอมปล่อยให้เป็นอิสระ พาลีหน้าแดงก่ำตอนที่ยกมือผลักหน้าสุดเขตออกห่าง


               “เหี้ย ผลักกูทำไม มึงไม่ชอบมอนิ่งคิสของกูเหรอลี”


               “สัส เหม็นขี้ฟันจนจะอ้วก ถอยไป กูจะไปหาอะไรกิน”


               “กูทำให้มึงกินเองนะลี กูอยากให้มึงพักเยอะๆมึงอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันรออยู่ในห้องนี่แหละ เดี๋ยวกูลงไปต้มข้าวต้มให้มึง

แล้วจะยกมาเสิร์ฟถึงในห้องเลย ดีไหมขอรับคุณชาย อ้อ แล้วอย่าให้แผลเปียกน้ำนะลี”


               ทิ้งท้ายอย่างห่วงใยจนพาลีต้องอมยิ้ม สุดเขตวิ่งออกจากห้องไปอาบน้ำเสียงดังโครมครามก่อนจะลงไปทำอาหารเช้า พาลี

บิดตัวเบาๆอย่างเมื่อยขบก่อนจะลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงกลับมาหยิบหนังสือการ์ตูนที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ อ่านได้สักพัก

เขาจึงเปิดโทรทัศน์หาช่องที่มีข่าวคดีคุณนายสมรเพราะความอยากรู้

               เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงของสุดเขตดังขึ้น พาลีลังเลใจว่าจะรับให้ดีหรือไม่ เขาคว้ามันขึ้นมาอ่านชื่อที่แสดงอยู่บน

หน้าจอ


               ผู้การภาคภูมิ


               ยศใหญ่โตบนจอโทรศัพท์ทำให้พาลีตัดสินใจรับแทนสุดเขตเพราะเกรงจะเป็นเรื่องด่วน  เขารีบกรอกเสียงลงไปทันทีเมื่อกด

รับ


               “สวัสดีครับ สุดเขตไม่ได้อยู่ที่...”


               “นั่นใคร”


               “...”


               พาลีชะงัก ความหนาวแล่นวาบตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า หัวใจของเขาคล้ายจะหยุดเต้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น


               “ผมถามว่านั่นใคร”


               “...”


                อีกครั้งที่เสียงน้ำย้ำเตือน พาลีรีบปิดโทรศัพท์และโยนทิ้งเมื่อได้ยินคำพูดจากน้ำเสียงที่เคยฟังในวันที่ได้รับโทรศัพท์จาก

คุณนายสมรในวันที่สิ้นลมหายใจ ตัวของเขาแข็งทื่อเมื่อหันกลับไปที่จอโทรทัศน์เมื่อข่าวช่องหนึ่งกำลังรายงานข่าวคดีฆาตกรรมคุณนาย

สมร

               ภาพชายวัยใกล้สูงอายุในชุดตำรวจมีดาวและมงกุฎติดบ่ากำลังให้สัมภาษณ์ พาลีกลั้นใจเปิดเสียงให้ยิ่งดังขึ้น ภาพกราฟฟิค

นหน้าจอบอกให้รู้ชัดถึงชื่อเสียงและยศอันใหญ่โต มันทำให้เนื้อตัวของพาลียิ่งสั่นระริก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นเมื่อ

จ้องจอโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ


              “ข้าวต้มหอมฉุยฝีมือเชฟสุดเขตตะหลิวเหล็กมาแล้ว อ้าวไอ้ลีเป็นอะไร!”
         

                          TBC

                #ปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้ว
                #ขอเอาชื่อคุณปู่เป็นเดิมพัน


                          :ling3: :ling3:



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 11-12-2016 22:24:56
อยากร้องเพลงผลิกล็อคเลยตอนนี้ ไปไกลจากที่คาดมากกกกกกกกก ถ้าใช่คุณตำรวจจริงนี่จะกัดลิ้นตัวเองตายเลยให้ดูสิ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 11-12-2016 22:27:38
เดี๋ยวๆ ไปเกี่ยวกับพี่ตำหนวดได้ยังไง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-12-2016 22:34:08
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
เป็นภาคภูมิเหรอที่เป็นคนร้ายอย่าบอกนะว่ากับติณน์มีซัมติ้งกันนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-12-2016 22:40:26
คดีพลิก ว่าแต่ติณรู้จักกับภาคภูมิได้ไง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-12-2016 22:55:53
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 11-12-2016 22:56:23
 :katai1:   ยุ่งๆจนต้องอ่านรวบสองตอน อยากจะบอกว่าตอนที่แล้วนี่ลืมไปเลยเมื่ออ่านย่อหน้าสุดท้ายจบ 

เอามือทาบอกแล้วร้องว่าคุณพร๊ะะะ แบบสุดเสียงเลยทีเดียว  พี่ตีนของเรามีเมียตำรวจ(ใกล้สูงวัย)
เดี๋ยวๆ  โฟกัสผิดจุด   คือมันพลิกล็อคมาก  เหมือนโดนบอกว่าจะได้ผัวแล้วมันคือแค่ความฝัน 

อร๊ายยย  เอาอิคู่นี้มา #ผู้การกับไอ้ตีน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 11-12-2016 23:04:16
เหยดดดดดดดดด
ผู้การ!!!!
เกิดไรขึ้นนน
ทำไมเป็นคนนี้ง่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-12-2016 23:13:52
งะ คืออารายยย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 11-12-2016 23:27:27
คุณตำรวจเป็นคนร้ายยยย 
นี่แอบสงสัยไอ้คุณดารามาตลอดเลยนะ แล้วยิ่งไอ้ที่ไม่ยอมเสียเปรียบนี่ยิ่งปักใจ
แล้วไหงกลับตาลปัตรขนาดนี้ล่ะ
อะไรเนี้ยยย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 11-12-2016 23:38:20
คืออะไรรรรรร  :ling1: :ling1: :ling1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 11-12-2016 23:46:32
อย่างนี้นี่เอง o8 o8
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 12-12-2016 00:11:35
คดีพลิก
ทำไมกลายเป็นงี้ไปได้ อย่าบอกนะว่าคุณตำรวจเป็นกิ๊กกับพ่อนักร้องคนนั้น :a5:  :mew5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 12-12-2016 00:14:50
โอเอ็มจี มันไปเกี่ยวกับภาคภูมิได้ยังไงงง หนูงงมากกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-12-2016 00:24:46
อ้าวตึงไปอีก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-12-2016 00:28:37
 :a5:
อะไร ยังไง มาต่อด่วนเลยนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-12-2016 01:24:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 12-12-2016 04:05:05
ว่าแล้ว ทะแม่งๆกับคนนี้มาตลอดว่าจะมาทำดีอะไรกับสุดเขตนัก!
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเล็ก ที่ 12-12-2016 11:10:46
ช็อคคคคคค นักแต่งงงหลอกเรามาตั้งแต่ต้นเรื่องใช่ไหมมมมมมม?  :serius2: :serius2:
ก็ว่าอยู่ว่าคนที่คุยกับติณห์เป็นใครยังแอบสงสัยเลยว่าจะมีอีกคดีให้ทำใช่ไหม!
กลายเป็นว่าคดีเดียวคดีเดิม พลิกล็อคไปอีกกก
  :a5: :a5: :a5:
ป.ล.นี่รอฉากหนูพาลีกับผู้หมวดดสุดเขตกุ๊กกิ๊กกิ่งก่องแก้วอยู่น้าาาา  :hao6: :hao7: :hao7: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 12-12-2016 11:37:02
 o22 ปมค่อยๆ คลายแล้ว อิตินนิเลวโคตรๆ ตัวละครแต่ละคนบทบาทเริ่มชัดเจนแล้ว
ลุ้นสุดๆ  :katai1: แต่คู่เอกของเราก็ยังคงหวานๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 12-12-2016 11:59:46
เชรดดดด!!คดีพลิก คนนี้ชัวร์ๆ ฟันธง!!!คำพูดเดียวกันเลย "นั่นใคร" ไปกับลูกน้องแต่เป็นคนลงมือเอง ถ้าจริงนี่ สุดเขตสุดจะเสียใจเจ็บปวดเหมือนโดนหักหลังเลยนะนี้ ความไว้ใจความภูมิใจในตัวเขา แล้วไหนจะยุให้เรารีบหาแพะแล้วยังมาชมกันอีก คิดอะไรกับสุดเขตป่าวว่ะ ตรูชักจะคิดไปไกลละแม่ม 555555 ใครว่ะเป็นคนจ้างวาน เฮ้ยยยมีอำนาจขนาดนั้น สิ่งแลกเปลี่ยนกันมันต้องคุ้มค่ามากใช่ป่ะ ลุ้นอ่ะลุ้น พาลีรู้อะไรบอกสุดเขตไปนะ จะได้ไม่บาปจับแพะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 12-12-2016 12:36:01
อ้าวเฮ้ย!!!!

อ่านถึงตรงนี้แล้ว ร้องเห€ดดังๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 12-12-2016 12:48:43
เอ๊ะ ยังๆงนะยังไง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-12-2016 13:16:21
อัยย๊ะ ไม่ใช่ศุภกิจแต่เป็นผู้การภาคภูมิหรือนี่ หรือผู้การก็เป็นกิ๊กกับติณณ์อีกคน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 12-12-2016 15:29:26
เป็นห่วงพาลีมากเลย

กลัวจะบาดเจ็บหนักกว่าเดิม

คนร้ายออกใหญ่โตมาก

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

นายตินนี่คบแต่ละคนยิ่งใหญ่ทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: naritz ที่ 12-12-2016 16:27:25
ว่าแล้วว่าคนนั่นแปลกๆตั้งแต่ตอนก่อนหน้านู้นนน ใกล้ตัวแค่นี่เอง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 12-12-2016 18:29:52
นั่นนนนนน ลาสบอสโผล่มาแล้ว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 12-12-2016 18:48:28
ลุ้นไปอีกกกกกก
นี่กลัวอย่างเดียว ตำรวจนี่จะมาทำร้ายคุณลีมั้ย กลัวมาก ฮื่อ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 12-12-2016 19:13:03
 :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 12-12-2016 19:55:49
พลิกล็อคคคค พีคก่อนสอบ คะแนนสอบเราก็พีคตาม
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-12-2016 20:14:46
กรี๊ดดดดดด เปนทั่นนายพลหรอเนี่ย
อย่างนี้ก้อลำบากแล้ว ><
แต่ก้อคิดอยู่ว่าอินายพลนี่เร่งงานจังเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-12-2016 00:07:10
อ้าว

เสี่ยพิชัยจะเป็นแพะหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-12-2016 01:04:39
พลิก. 1-10. ตลบ ยัง. ยัง เป็นนิยายแนวหวานแหววชิมิ
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-12-2016 00:19:05

                                                            คดีรักนักดูดวง

                                                                  บทที่ 17


               สภาพของพาลีที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นมือกุมรีโมทโทรทัศน์ไว้แน่นนั้นทำให้สุดเขตตกใจ เขารีบวางถาดบรรจุถ้วยข้าวต้มลงบน

โต๊ะวางของแล้วเดินไปหาพาลีทันที


               “ลี”


               พาลีสะดุ้งสุดตัว ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นหันขวับไปสบตากับสุดเขต


               “เขต กูมีเรื่องจะบอก”


               เขายึดต้นแขนของสุดเขตไว้แน่นพลางละล่ำละลักพูด


               “เสี่ยพิชัยไม่ใช่คนร้าย เขาไม่ได้ฆ่าคุณสมร ตำรวจกำลังจับแพะ”


               “เหี้ยลี หยุดก่อน ตั้งสติแล้วค่อยๆพูดมึงหมายความว่าไง”


               สุดเขตกล่าวเตือนสติให้พาลีคลายความตื่นเต้น เขาดึงแขนพาลีให้มานั่งลงบนเตียงแล้วเอ่ยถามอย่างจริงจัง


               “อะไรทำให้มึงคิดว่าเสี่ยพิชัยไม่ใช่คนร้าย”


               พาลีข่มความหวาดหวั่นแล้วเล่าให้สุดเขตฟัง น้ำเสียงของเขาสั่นพร่าไปหมด


               “วันนั้นที่คุณสมรถูกยิง ดูเหมือนว่าจะไปโดนปุ่มโทรออกเบอร์ล่าสุดซึ่งก็อาจเป็นเบอร์ของกูโดยบังเอิญ ทำให้กูได้ยินเสียงที่

เกิดขึ้น คนที่ฆ่าคุณสมรมันรู้ มันหยิบโทรศัพท์มาถามว่ากูเป็นใคร กูก็รีบวางหูและทิ้งซิมการ์ดอย่างที่เคยเล่าให้มึงฟังมาแล้ว กูจำเสียง

นั้นได้แม่น และวันนี้กูได้ยินเสียงนั้นจากโทรศัพท์ของมึงเมื่อสักครู่นี้เอง”


               “อะไรนะลี มึงกำลังจะบอกกูว่าฆาตกรที่แท้จริงโทรเข้ามือถือกูงั้นเหรอ”


               “กูจำได้ไม่มีวันลืม”


              พาลีย้ำหนักบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น


               “มันวนเวียนอยู่ในหัวกูมาตลอด ถ้ามึงอยากรู้ว่าใครก็ลองดูเบอร์โทรเข้าเบอร์ล่าสุดสิเขต”


               สุดเขตมองพาลีอย่างแคลงใจ เขาก้าวไปคว้าโทรศัพท์ที่พาลีทำร่วงไว้บนพื้นมาเปิดหาเบอร์โทรเข้าล่าสุดตามที่พาลีบอก

และเบอร์ดังกล่าวทำให้สุดเขตชะงักงัน


               ผู้การภาคภูมิ


               เป็นไปไม่ได้ พาลีอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป


               “ลี มึงรู้หรือเปล่าว่ามึงกำลังจะบอกอะไรกับกู”


              มือของสุดเขตเย็นเยียบดวงตาขี้เล่นหายไปโดยสิ้นเชิง เขาก้าวกลับมานั่งเคียงข้างพาลีและกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด

ความสับสนยังมีมากมายจนไม่อาจจะเชื่อสิ่งใดได้แม้แต่อย่างเดียว สมองของเขาพยายามเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความเป็นไป

ได้ทั้งหมด พลันเขาก็ยกโทรศัพท์ไปหาผู้กองสมบัติทันที


               “ว่าไงไอ้เสือ” รออยู่ไม่นานสมบัติก็รับสาย


               “เสี่ยพิชัยสารภาพหรือยังพี่บัติ”


                สุดเขตรีบถามด้วยความใคร่รู้ สมบัติตอบกลับด้วยเสียงละเหี่ยใจ


               “ยังว่ะ สอบทั้งคืนแม่งก็ไม่ยอมรับ บอกแต่ว่าไม่ได้ฆ่าเมีย กูนี่ง่วงนอนจะตายห่าอยู่แล้ว”


               “เออ พี่บัติ ถามอะไรอย่างสิ เมื่อวานท่านภาคภูมิโทรมาหาผม ท่านได้เบอร์ผมจากใครน่ะพี่”


               “เอ เบอร์มึงเหรอ” สุดเขตแทบกลั้นใจเมื่อสมบัติเงียบไปครู่หนึ่ง


                 “ท่านเขาขอเบอร์มึงไว้นานแล้วนี่ ตั้งแต่มาตรวจงานครั้งแรกคราวก่อนน่ะ ท่านก็ให้เลขาขอเบอร์มึงจากหน่วยนี่แหละ ทำไม

ท่านโทรมาชมเหรอ แหม ดีใจด้วยโว้ยปีนี้คงได้ขั้นแล้วว่ะเขต”


               สุดเขตไม่สนใจเสียงตื่นเต้นของสมบัติอีกสมองของเขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ตามที่พาลีบอก เขารู้ว่าพาลีไม่ได้โกหกแต่

สุดเขตต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่พาลีคิดไปเอง


                “ทุกครั้งที่เกิดเรื่องกับกู ไม่ว่าจะเป็นรถเบรกแตกและมีรถขับมาเบียดหรือถูกทำร้ายที่วัด ก็ดูเหมือนคนลงมือจะรู้ว่าเราอยู่

ที่ไหนตลอด เหมือนมีการติดตามส่องเรา เขาจะรู้ได้ไงวะเขต”


                  จีพีเอสไงล่ะ ได้เบอร์โทรศัพท์ไปแล้วการค้นหาตำแหน่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก


                สุดเขตตอบคำถามพาลีอยู่ในใจ และเป็นเพราะนิสัยไม่ชอบความคลุมเครือทำให้สุดเขตตัดสินใจเด็ดขาด


                 “กูจะต้องรู้ให้ได้ ว่าสิ่งที่มึงคิดเป็นจริงหรือเปล่าไอ้ลี”






                   ข้อสงสัยข้อหนึ่งที่สุดเขตคิดมานานแล้วก็ยังแก้ความสงสัยนั้นไม่ได้ นั่นก็คือกล้องจราจรที่จับภาพรถยนต์ของคุณนายสมร

ไว้ได้ หากแต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างขัดใจเหลือเกินเมื่อไม่มีกล้องตัวไหนสามารถจับภาพรถที่ไล่ตามหลังรถของคุณนายสมรได้เลย

มันช่างประหลาดดีแท้


               สุดเขตแต่งชุดตำรวจเต็มยศทั้งที่วันนี้เป็นวันที่เขาได้พักหลังจากปิดคดีฆาตกรรมคุณนายสมรลง เขาขับรถมาที่ศูนย์ควบคุม

การจราจรและสั่งให้พาลีรออยู่ในรถ สุดเขตเดินเข้าไปและโปรยยิ้มนำหน้าไว้ก่อน


                “ผมมาจากท้องที่...ครับ จะมาขอดูภาพในกล้องวันที่... พอดีมีคดีอุบัติเหตุที่เจ้าทุกข์จะเอาเรื่องคนขับแต่หาหลักฐานไม่ได้”

ชี้แจงด้วยน้ำเสียงมั่นคงไม่มีหลุกหลิก สุดเขตก้าวไปภายในของหน่วยงานและนั่งต่อหน้าจอคอมพิวเตอร์และคลังไฟล์ภาพจำนวนมาก

เขาทำทีเปิดหาภาพจากพื้นที่ที่เขาแจ้งไปอยู่พักหนึ่งจนมั่นใจว่าไม่มีใครสนใจแน่ๆแล้วสุดเขตจึงรีบเปลี่ยนเป้าหมายค้นหาพื้นที่และวัน

เวลาที่เขาต้องการ


               โป๊ะเชะ!


                 สุดเขตแทบจะลุกขึ้นโห่ร้องเมื่อภาพเคลื่อนไหวมาปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาจ้องจนตาไม่กะพริบเมื่อเห็นรถยนต์ของคุณนาย

สมรแล่นผ่านกล้องอย่างคุ้นตาหากแต่อีกไม่กี่วินาทีถัดไปสุดเขตก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อภาพที่เห็นนั้นมันไม่เหมือนที่ใช้เป็นหลักฐานใน

คดี

               รถยนต์ยี่ห้อจากทางฝั่งยุโรปคันหนึ่งแล่นผ่านกล้องติดตามรถคุณนายสมรมาด้วยความเร็วสูง รถคันนั้นปาดซ้ายขวารถคันอื่น

จนดูมีพิรุธ สุดเขตเม้มปากด้วยความหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าหลักฐานถูกตัดต่อจริงๆตามที่เขาตั้งข้อสันนิษฐานไว้ เขารีบจดจำและหยุดภาพเพื่อ

ขยายให้เห็นเลขทะเบียนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จนกระทั่งพอใจแล้วสุดเขตจึงเดินกลับออกมาพลางเอ่ยขอบคุณเจ้าหน้าที่ก่อนจะไป

หาพาลีที่รถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


               “มีการปลอมแปลงหลักฐาน”


                พาลีมองสุดเขตอย่างแปลกตา เขาไม่เคยเห็นสุดเขตในท่าทีจริงจังเช่นนี้ สุดเขตที่เขารู้จักเป็นคนร่าเริงจนออกจะบ้าบอด้วย

ซ้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชายหนุ่มที่นั่งข้างกันเคร่งขรึมเป็นคนละคน


             “มึงซีเรียสมากนะ ใจเย็นก่อนเขต”


               ทำได้เพียงเป็นกำลังใจให้อีกฝ่ายเย็นลง พาลีเอื้อมมือวางลงบนบ่ากว้างและบีบกระชับไว้ สุดเขตหันมามองด้วยรอยยิ้มแทน

คำขอบคุณแต่ถึงกระนั้นดวงตาของสุดเขตก็ยังมีแต่เรื่องที่ต้องขบคิดให้แตก


               “เออ กูแม่งคิดมากว่ะ เขาเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีผลงานดีมากนะโว้ยลี กูยังใช้เขาเป็นต้นแบบในการทำงาน แล้วมึงคิดดูสิ

ถ้าเขาทำเลวจริงๆกูควรจะทำยังไงดีวะ”


              สุดเขตถอนหายใจ เขาเงยหน้าฝืนยิ้มและดึงมือของพาลีมากุมไว้แน่น


              “แต่กูว่ากูโชคดีนะที่ในเวลาอย่างนี้ยังมีมึงอยู่ใกล้ๆ ไม่อย่างนั้นกูคงยิ่งเคว้งหนัก ขอบใจนะลี”


                สุดเขตหันกลับไปสนใจกับการจราจรเบื้องหน้าขณะขับรถ พาลีก้มหน้ามองมือตัวเองที่ยังตกอยู่ภายใต้การเกาะกุมไม่ยอม

ปล่อย เขาลอบมองเสี้ยวหน้าคมนั้นพลางหัวใจเต้นตึกตัก สุดเขตในยามจริงจังเช่นนี้ยิ่งมีเสน่ห์จนชวนให้พาลีตกลงไปในหลุมยากที่จะ

ไถ่ถอน

               เป็นเพราะไม่อยากรบกวนสุดเขตที่กำลังมีเรื่องวุ่นวายใจพาลีจึงเปิดวิทยุในรถเป็นเพื่อน แก้เหงา พาลีเปิดหาคลื่นไปมาจน

สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่ช่องรายงานข่าวจราจรช่องหนึ่งเพราะรายงานข่าวด่วนที่แจ้งเข้ามาสะดุดหูของเขา พาลีรีบเร่งเสียงให้ดังขึ้นทันที


                 “มีรายงานข่าวด่วนแจ้งเข้ามาว่าขณะนี้มีอุบัติเหตุรถยนต์ยางแตกเสียหลักพุ่งเข้าชนเกาะกลางถนนเสียหายทั้งคัน พบผู้บาด

เจ็บสาหัสหนึ่งรายคือนายศุภกิจเจ้าของค่ายบันเทิงชื่อดัง ขณะที่ได้รับการช่วยเหลือส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว”


                 “ศุภกิจ ใช่ศุภกิจที่เป็นเจ้าของค่ายที่ติณณ์สังกัดไหม”


                    พาลีเอะใจ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงแต่ระยะหลังที่เขาเริ่มไปดูดวงสดผ่านทางช่องเคเบิลทำให้พาลีได้รู้จักกับคน

ที่ทำงานเบื้องหลังจนพอจะได้รู้ข่าวซุบซิบของวงการมายามาบ้าง


                “ไม่รู้สิ กูไม่เคยดูรายการพวกนี้เลย ถ้าใช่แล้วทำไมเหรอ”


                สุดเขตหันมาถามเมื่อเห็นพาลีย่นคิ้วเข้าหากัน


                 “มันแปลกดีไง ใครๆที่ข้องเกี่ยวกับติณณ์น่ะมักจะโดนอะไรร้ายๆไปเสียทั้งหมด คุณนายสมรก็ถูกยิงตาย เจ้าของค่ายก็เจอ

อุบัติเหตุ กูเพิ่งอ่านข่าวเมื่อวานว่าเขากำลังถูกแฉเรื่องที่มีความสัมพันธ์กับเด็กในสังกัด”


               “ก็ขนาดมึงยังเจอจิ๊กโก๋มารุมเลย จำไม่ได้หรือไงที่ไปทำบุญที่วัดนะ อ๊ะ!”


                ความคิดหนึ่งแล่นวูบเข้ามาจนสุดเขตต้องหักพวงมาลัยรถเข้าจอดข้างทาง เขาหันขวับไปสบตากับพาลีที่พลันเบิกกว้างเมื่อ

เข้าใจนัยยะที่สุดเขตอุทานออกมา


               “จะใช่เหรอวะ เราจะคิดเชื่อมโยงเรื่องกันมากไปมั้ง” พาลียิ้มฝืดแต่สุดเขตก็ยังคิดหนัก


               “ใดๆในโลกล้วนเป็นไงได้ทั้งนั้นว่ะลี ตอนนี้กูไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น กูจะไม่เว้นไว้สักทางที่จะหาคำตอบว่าใครคือคนร้ายที่แท้

จริง”


               สุดเขตตอบอย่างมุ่งมั่น เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดใครเป็นผู้บงการ







               ติณณ์จ้องมองภาพข่าวจากจอโทรทัศน์พลางยิ้มอย่างสะใจ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับศุภกิจนั้นรุนแรงพอจะทำให้ความขัดเคือง

ของเขาบรรเทาลงได้บ้าง ใครจะรู้ว่าอุบัติเหตุนั้นมันเกิดจากความจงใจนอกจากเขา

               เสียงเคาะประตูเป็นสัญญาณเรียกติณณ์ให้ตื่นจากภวังค์ เขาเดินไปเปิดประตูของโรงแรมห้าดาวแห่งนี้ออกเพื่อให้ใครคนหนึ่ง

ก้าวเข้ามาภายใน ติณณ์โผล่หน้าออกไปดูเบื้องนอกก่อนจะปิดประตูตามหลัง ท่าทีระแวดระวังของติณณ์ทำให้ผู้มาใหม่ยิ้มเหยียด


               “คิดว่าจะพลาดให้มีใครตามมาอีกหรือไง ติณณ์”


             น้ำเสียงเชิงเสียดสีนั้นดังขึ้นจากชายที่เข้าใกล้คำว่าสูงอายุ แต่วัยห้าสิบเศษกับการดูแลตนเองเป็นอย่างดีทำให้เขาคนนั้นกลับ

ดูน่าเกรงขามรวมถึงอำนาจที่มีในมือนั่นด้วย ติณณ์รู้ดีมิเช่นนั้นเขาคงไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติมาหลายปีตั้งแต่เขายังเป็นหนุ่มวัยรุ่นโกโรโกโส

จนถึงตอนนี้ที่เขากลายเป็นดาราดัง ติณณ์ก็ยังไม่กล้ากบฎ ติณณ์ยังอยากจะมีลมหายใจอยู่


                “ผมพลาดแค่ครั้งเดียว เมื่อไหร่คุณจะให้อภัย”


                เขาดึงร่างนั้นมานั่งที่เตียงกว้างและนุ่มคุ้มกับราคาที่ฝ่ายนั้นยอมจ่ายเพื่อให้ความสุขกับตนเอง มือของติณณ์ปลดกระดุม

ยูนิฟอร์มสีกากีออกช้าๆ


                    “ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะครับ” ติณณ์ผินหน้าไปทางจอโทรทัศน์ที่ยังรายงานข่าวอุบัติเหตุของศุภกิจ


                    “เขากลั่นแกล้งผม คิดจะดองงานผมเพราะผมได้ที่ที่ดีกว่า”


                  “มั่นใจว่าเรื่องงานเพียงอย่างเดียวใช่ไหมติณณ์ เพราะถ้านายมีเรื่องอย่างว่ากับเขา ฉันคงไม่ทำแค่เจ็บ”


                  “โธ่คุณ จริงสิครับ ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไง” ติณณ์แสร้งยิ้มหลอก “ผมจะกล้ามีคนอื่นได้ยังไง”


                  “แล้วกับนังนั่นล่ะ”


                   ถามเสียงเย็นเยียบจนติณณ์ขนลุก เขาผลักเบาๆให้อีกฝ่ายเอนกายไปบนเตียงกว้างด้วยร่างเปลือยเปล่าก่อนจะขยับขึ้น

คร่อมไว้อย่างคุ้นเคย


                  “มันก็แค่ผู้หญิงโง่ๆที่ผมใช้ระบายอารมณ์ยามไม่เจอคุณเท่านั้นแหละครับ แต่กับผู้ชายด้วยกันผมก็มีคุณแค่คนเดียวมาตั้ง

นานแล้ว ผมจะกล้าหนีคุณไปไหนได้ล่ะในเมื่อบุญคุณที่คุณช่วยให้ผมไม่ถูกฆ่าตัดตอนและติดคุกมันมากมายเหลือเกิน ท่านผู้การ”




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-12-2016 00:32:57


ต่อกันตรงนี้...





                 พล.ต.ท.ภาคภูมิจ้องมองติณณ์อย่างเต็มตา ใบหน้าหล่อเหลายามกำลังช่วยปลดเปลื้องความต้องการให้นั้นดูดีกว่าสมัยที่

เขาขุดชายหนุ่มมาชุบเลี้ยงมากนัก ภาคภูมิยังจำได้ว่าติณณ์สมัยอายุเพิ่งจะทำบัตรประชาชนใหม่ๆและออกมาจากโรงเรียน

ศึกษาสงเคราะห์เด็กกำพร้าทางภาคเหนือตอนบนนั้นสะดุดตาแค่ไหนแม้ว่าจะอยู่ในสภาพซอมซ่อเหลือเกินขณะที่เขาได้รับตำแหน่ง

พล.ต.ต.ใหม่ๆและขึ้นไปคุมตำแหน่งดูแลภาคเหนือเมื่อหลายปีที่ผ่านมา

                ยังจำได้ว่าวันนั้นมีการจับกุมการส่งยาเสพติดล็อตใหญ่จากชายแดน แม้ว่าจะจับตัวการใหญ่ไม่ได้แต่ก็จับกุมผู้ร่วมขบวนการ

ได้จำนวนมาก รวมถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างผอมสูงผิวขาวตามพื้นเพของผู้คนภูมิภาคนี้ที่กำลังก้มหน้างุดข้อมือมีกุญแจมือพันธนาการไว้

นั่งเรียงอยู่กับผู้ต้องหาคนอื่นๆในขณะที่ภาคภูมิต้องไปเป็นประธานการแถลงข่าว ใบหน้าคมคายนั้นทำให้ภาคภูมิมองอย่างสนใจจนใน

ที่สุดเขาก็เรียกเด็กคนนั้นให้เข้าไปหาเขาในห้องเพียงลำพังเมื่อบรรดาผู้สื่อข่าวยกทัพกลับไปแล้ว เด็กหนุ่มยืนตัวสั่นงันงกอยู่ต่อหน้าเขา

เมื่อมองเห็นสายตาของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่


                 “ขนยามากี่ครั้งแล้ว”


                  เด็กหนุ่มที่แต่เดิมไม่ได้ชื่อติณณ์ หากแต่ชื่ออะไรที่ภาคภูมิลืมไปแล้วสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับตอบด้วยเสียงเบาหวิว


                 “สองครั้งเองครับท่าน ครั้งนี้ครั้งที่สาม”


               “แล้วทำไมมาขนยา รู้หรือเปล่าถ้าถูกจับได้จะเป็นยังไง”


               ภาคภูมิใช้น้ำเสียงข่มขวัญจนเด็กหนุ่มยิ่งหวาดกลัว


               “ถูกจับติดคุกน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เพราะเราน่ะยังเด็กก็ติดแค่สถานพินิจ แต่ไอ้ที่น่ากลัวกว่าคุกน่ะ ลูกปืนที่เขาจะเอาไว้ปิดปาก

ไม่ให้สาวไปถึงตัวการใหญ่ต่างหาก”


              เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกดวงตาฉายแววตระหนกอย่างปิดไม่มิด น้ำเสียงที่ตอบกลับมาลนลานฟังแทบไม่รู้เรื่อง


             “ท่านครับ ผมกลัวแล้ว ผมเพิ่งหนีออกมาจากโรงเรียนเด็กกำพร้า ผมไม่มีอะไรกินจนต้องทำงานนี้ ท่านครับผมยังไม่อยากตาย”


              ภาคภูมิลอบยิ้ม หากแต่เบื้องหน้ายังปั้นหน้าเคร่งขรึมข่มขวัญเด็กหนุ่มให้ยิ่งหวาดกลัว


              “เอางี้นะ ฉันเห็นว่านายยังเด็ก ตายไปก็น่าเสียดาย ฉันจะกันตัวนายเป็นพยานและป้องกันไม่ให้นายถูกฆ่าตัดตอน ดีไหม”


               ใบหน้าขาวซีดเผยยิ้มอย่างยินดีเมื่อมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับหุบลงเมื่อได้ยินประโยคถัดไป


              “แต่ว่ามันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย”


              “อะไรครับท่าน ท่านจะให้ผมทำอะไรบอกมาเลย ผมจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ”


                ภาคภูมิมองเด็กหนุ่มด้วยนัยน์ตาที่ยากจะคาดเดา เขากวักมือเรียกร่างผอมให้เข้ามาใกล้ก่อนจะผลักเด็กหนุ่มให้ก้มลงไปนั่ง

คุกเข่าอยู่ใต้โต๊ะทำงานที่เขานั่งอยู่ มือหนึ่งรูดซิปกางเกงลง เด็กหนุ่มมองอย่างงงงันในจุดประสงค์ของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่


                “อ้าปาก” ภาคภูมิสั่ง “ฉันบอกให้อ้าปากไงล่ะ ไม่ได้ยินหรือไง”


                เด็กหนุ่มอ้าปากขึ้นตามคำสั่งด้วยความกลัวเกรงและเมื่อนั้นเขาก็ยิ่งตกใจสุดขีดเมื่อภาคภูมิดันท่อนลำเข้ามาในปากของเขา

ทันที


                 “อึก!”


                 “อย่าอยู่เฉย เลียมันสิวะ แค่นี้เองแลกกับอิสรภาพ หรือมึงอยากจะถูกเป่าหัว”


                 เพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว ความหวาดกลัวทำให้เด็กหนุ่มยอมทำทุกอย่าง มือที่ยังมีกุญแจมือกักกั้นจาก

อิสระทั้งปวงยกขึ้นมาประคองก่อนที่เขาจะทำให้นายตำรวจตรงหน้าอิ่มเอมไปกับความสุขสม


                ภาคภูมิพาเด็กหนุ่มไปในที่ปลอดภัย เขาเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามและมอบชื่อใหม่ให้ว่าติณณ์ เขาเก็บเด็กคนนี้ไว้เพื่อระบาย

ความสุขทางเพศที่เขาไม่เคยบอกใครว่ามีรสนิยมแบบไหน ภาคภูมิขุนติณณ์จนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นและในที่สุดเขาก็ให้ติณณ์

มอบความสุขให้เขาอย่างเต็มตัวโดยไม่มีใครรู้แม้กระทั่งภรรยาและลูกๆของเขา ภาคภูมิตอบแทนติณณ์ด้วยการศึกษาแม้จะเป็นเพียง

โรงเรียนวัดที่ส่งเรียน แต่เพราะความทะเยอทะยานของติณณ์ทำให้เขาตั้งใจเรียนเพื่อหวังจะถีบตัวเองให้สูงขึ้น ติณณ์โยนอดีตอันขมขื่น

ทิ้งไป มีเพียงอย่างเดียวที่เขาไม่กล้าทิ้งก็คือชายสูงอายุมากไปด้วยบารมี

                แม้ว่าจะผ่านมาแล้วเกือบสิบปีแต่ติณณ์ก็ยังเป็นคนเดียวที่ภาคภูมิใช้เป็นเครื่องระบายความต้องการ เขาไม่ไว้ใจใครอีก

อำนาจหน้าที่ของภาคภูมิใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆจนได้ย้ายกลับมาที่เมืองหลวงภาคภูมิก็หอบหิ้วติณณ์มาด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งติณณ์เอ่ยกับ

เขาในวันที่ชายหนุ่มเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว


               “ผมจะไปสมัครประกวดรายการนี้”


                ติณณ์ชี้ให้ดูโฆษณาทางโทรทัศน์ ภาคภูมิรู้มาบ้างว่าเด็กที่เขาเลี้ยงดูมีความสามารถด้านร้องเพลง เขาเอ่ยปากอนุญาต

เพราะประมาทว่าติณณ์ไม่น่าจะเข้ารอบลึกแต่ภาคภูมิคิดผิดเมื่อติณณ์ได้ตำแหน่งและผันตัวเองเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

ตั้งแต่นั้นมาภาคภูมิก็ต้องคอยจับจ้องพฤติกรรมของติณณ์ แต่ด้วยหน้าที่การงานที่มากขึ้นทำให้บางครั้งเขาก็เผลอไผลจนติณณ์มีเรื่อง

ชู้สาวบ่อยครั้ง จนหลังๆมาเขาก็เริ่มให้ติณณ์มีอิสระในชีวิตยกเว้นอยู่ครั้งเดียวที่ภาคภูมิจะปล่อยไม่ได้

                 จำได้ว่าวันนั้นการประชุมที่ต้องไปถูกยกเลิก ทำให้ภาคภูมิพอมีเวลาว่างช่วงสั้นๆเขาจึงโทรหาติณณ์ที่ไม่ได้พบกันนานแล้ว

ติณณ์อึกอักเมื่อรับสายแต่ก็ยอมบอกว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งและให้ภาคภูมิตามไป เขาไปโดยคิดว่าชายหนุ่มอาจจะอยู่แถว

นั้นอยู่แล้วจึงไม่ได้คิดมาก เขาใช้เวลาช่วงสั้นๆให้คุ้มค่าด้วยการให้ติณณ์ปรนเปรอเต็มที่ หากแต่คาดไม่ถึงว่าขณะที่เขากำลังปล่อยให้

ติณณ์จัดการอยู่บนเตียงนั้นประตูห้องของโรงแรมกลับมีผู้ใช้คีย์การ์ดเปิดเข้ามา

              ทุกคนชะงักงัน ผู้เข้ามาใหม่เป็นสตรีวัยสี่สิบเศษที่ยังมีรูปร่างหน้าตาสะสวย หญิงคนนั้นมองมายังเขาที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง

โดยมีติณณ์คุกเข่าอยู่ด้านบนด้วยสายตาตกตะลึงก่อนที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจที่เห็นติณณ์มีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน

ภาคภูมิมารู้ภายหลังว่าความจริงแล้วติณณ์นัดกับผู้หญิงที่ชื่อสมรไว้ก่อนแล้ว สมรมาเปิดห้องรอแต่เช้า แต่เพราะติณณ์บอกว่าจะมาช้า

ทำให้หล่อนออกไปหาหมอดูก่อน ติณณ์เลิกงานเร็วจึงมาก่อนเวลาและภาคภูมิโทรหาพอดี ติณณ์คิดว่าจะสับรางทันจึงให้ภาคภูมิมาหาที่

นี่ก่อนที่สมรจะกลับเข้ามา เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าสมรจะมาทันเห็นภาพที่เขามีความสัมพันธ์กับภาคภูมิ


                ติณณ์ถอนท่อนลำออกจากกายของภาคภูมิทันที สมรที่เพิ่งจะมีสติอ้าปากค้างและชี้มาทางภาคภูมิเพราะจำได้ว่าเคยเห็นเขา

ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์บ่อยๆ ด้วยวิสัยของแม่ค้าที่ต้องหูไวตาไวเรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง เมื่อเห็นสายตามาดร้ายของภาคภูมิจึงทำ

หล่อนฉวยโอกาสที่ภาคภูมิคว้าเสื้อผ้ามาใส่วิ่งหนีออกไปและขับรถยนต์หนี ภาคภูมิตามลงมาถึงลานจอดรถและสั่งให้คนขับรถของเขา

ขับตามทันที

               คนขับรถของภาคภูมิก็ไม่ธรรมดา เขาชุบเลี้ยงมือปืนเก่าไว้เป็นบอดี้การ์ดกลายๆ ภาคภูมิสั่งให้คนขับรถขับตามไปจนได้

โอกาสเหมาะในถนนที่ปลอดผู้คนและจัดการปิดปากสมร เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ความลับที่เขามี


                “นายน่ะชอบก่อเรื่อง ฮึก แรงอีกนิด อา ตรงนั้นแหละ รู้บ้างไหมว่าฉันต้องเคลียร์คดีนังผู้หญิงคนนั้นกว่าจะเรียบร้อยมัน

เหนื่อยแค่ไหน”


                 “ผมรู้ครับว่าคุณเหนื่อยเพื่อให้ความลับของเรายังคงอยู่ อ้าขาอีกนิดสิครับ เดี๋ยวผมจะส่งคุณให้ถึงสวรรค์จะได้คุ้มค่าเหนื่อย

ที่ลงทุนไป”


                  ภาคภูมิหลับตาลง เขาปล่อยอารมณ์ไปกับความสุขที่ไม่เคยมีใครรู้ ชื่อเสียงหน้าตาเกียรติยศของเขาเป็นสิ่งสำคัญ ภาคภูมิ

จะสูญเสียมันไปไม่ได้

                        ความลับของเขาและติณณ์จะต้องเป็นความลับตลอดไป

               

                         TBC


                    :z6: :z6:



หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 15-12-2016 00:39:36
ผิดคาดมากๆ ไม่นึกว่าจะเป็นคนนี้
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-12-2016 00:40:21
เอิ่ม!! ทำไมรู้สึกว่าตำรวจแบบนี้มันมีจิงๆละนี่ แหะๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 15-12-2016 00:51:52
อ่านแล้วสะท้อนใจว่ามันคือส่วนหนึ่งของนิยายที่มาจากเรื่องจริง   ไม่ใช่แค่ในวงการนี้  แต่ทุกๆวงการมีคนแบบนี้  พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อตัวเองโดยไม่สนผิดชอบชั่วดี 

ปล.อร๊ายยย  ตอนแรกก็คิดว่าน้องตีนจะเป็นเมียท่านผู้การ ที่ไหนด๊ายยยย   :m25:   

ปล.2  โป้งงงง  ทำไมให้มาแค่นี้คร๊ะ  เอามาอีกกกก  ฉากแบบนี้ต้องเอามาอีกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: naritz ที่ 15-12-2016 01:04:58
มาดึกจังเลยย ติณณ์นี่...กับทุกคนเลยนะ 55555 เชียร์ให้สุดเขตเปิดโปงภาคภูมิเร็วๆ รอฉากหวานๆนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 15-12-2016 01:08:57
อืม.. - - ติณณ์ จริงๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-12-2016 01:48:53
พีคไปอีก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 15-12-2016 03:06:04
หึหึ!! วู้ววว~~ผู้ร้ายตัวจริง อ่าาาาา เรื่องราวมันเป็นแบบนี้นี่เอง ปล่อยให้เดากลับไปกลับมาว่าใครกันแน่อยู่ตั้งนาน 5555555 เห๊อะ!! ความลับไม่มีในโลก ใช่แล้วสุดเขตข้อสังเกตุรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ต้องเก็บเป็นข้อมูลเพิ่มเป็นหลักฐานประกอบการสันนิษฐานได้ ปรบมือกับความมุ่งมั่นตามล่าหาความจริง ประกาศให้โลกรู้ว่าพวกมันชั่วมาก ตกม้าตายเพราะกามตัณหาจริงๆ ไม่ว่าใครสังคมไหน ถุยยย!! สู้ๆนะ #พาลีสุดเขต ลีทำดีมาก รู้เห็นอะไรก็บอก ช่วยได้เยอะเลย ไฟว์กันต่อไปกระชากหน้ากากออกมา หึ!!
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-12-2016 03:29:42
เกินความคาดหมายจริง ๆ
ยังไงก็ตามนะเขต นายต้องสืบอย่างเงียบที่สุด ไม่งั้นมีหวังถูกปิดปากกันทั้งคู่ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-12-2016 06:31:22
นายตินนี่ก้อน่าสงสารนะเห้อ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-12-2016 06:49:18
 :a5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-12-2016 06:58:29
นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ตกใจมากกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-12-2016 07:45:55
 :katai1:
คนร้ายอยู่รอบตัวนี่เอง สงสารเสี่ยพิชัย
ว่าแต่ ผู้การขอเบอร์สุดเขตไว้นานแล้ว
สงสัย คงเข้าตาอีกคนเป็นแน่
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 15-12-2016 09:01:47
 o13 ปมคลายแล้ว ใครบอกว่าเป็นความลับยะตาผู้การผู้ที่เข้ามาอ่านเขารู้กันหมดแระ อะนอกประเด็นละ :hao3:
ว่าละว่าอิเสี่ยไม่ได้ฆ่า ตอนแรกนึกว่าเป็นกิจจา หรือไม่ก็ศุกกิจ แต่พออิตินสั่งเก็บศุภกิจแล้วก็ยิ่งสงสัยว่า
คนที่ทำจริงต้องมีอีกคนแต่ไม่รู้ว่าใคร มาเจอตอนนี้ชัดแจ้งเลย โหยล้ำลึกมาก มาเหนือ มาแรงแซงทางโค้งเลย
รอวันอิตินตายอีกคน เพราะคิดว่าตินคงไม่หยุดเรื่องพาลีแน่ๆ สุดเขตรับศึกหนักแน่ สู้ๆ นะจ๊ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-12-2016 09:05:31
เราว่าแล้ว ว่าต้องไม่ใช่เสี่ยเปนคนทำ!!
คิดไว้ว่าสาเหตุน่าจะมาจากติณ เพราะนางดูจะมีคนเลี้ยงเยอะเหลือเกินนนนนนน
แต่ไม่คิดว่าตัวละครลับจะเปนทางนายตำรวจ เบื้องหลังอลังการ 5555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-12-2016 09:33:50
 :hao3:



น่ากลัวๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 15-12-2016 09:50:32
อู้ววววววว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-12-2016 11:32:48
เราเดาว่าผู้การเป็นฝ่ายรุกพออ่านแล้วรู้ว่าเป็นฝ่ายรับนี่ Oh My God เลย :a5: :a5: :a5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 15-12-2016 14:30:01
ผู้การรรรรรร
นังเกย์เฒ่า!!!!
ฮึ่มมม ทำไมร้าย ทำไมเป็นคนแบบนี้!!!
กรี๊ดดดด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-12-2016 15:19:50
อ่านตอนที่แล้วก็พอคาดได้ว่าจะเป็นผู้การ แต่ไม่คิดว่าคุณสมรจะเห็นแบบเต็มๆ ขนาดนี้ก็แค่นั้น
เป็นเราก็คงเก็บคุณสมรเหมือนกัน เพราะถ้าปล่อยไว้คงได้มีการแบล็กเมล์เกิดขึ้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 15-12-2016 18:06:48
ตอนแรกเราคิดว่าผู้กองน่าจะรุกนะ ปรากฏว่าเป็นรับ โอ้!!! จอร์จ
 o22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 15-12-2016 20:24:48
สนุกกก อ่านทันแล้ว พลาดเรื่องนี้ได้ไง
พระนายเค้ารู้ใจตัวเองไวทันใจดีจัง หวานกันไม่ได้เกรงใจคดีเล้ย
ตีนไม่กลัวติดเอดส์ตายเลยนะ ได้ไปทั่วเลย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-12-2016 20:35:53
เห้อออออออออออ. อิเสี่ยเป็นตัวหลอก แต่คนที่คาดไม่ถึงกลับเป็นคนทำซะงั้น
แถมยังเป็นคู่ขาติณอีก ติณนี่จุดจบจะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 15-12-2016 21:40:57
 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 15-12-2016 21:58:02
อื้อหือ ก็ว่าคุณภาคภูมินี่แหม่งๆ แต่ที่ไม่คิดเล๊ยยยยว่าฮีจะรับ

OMG มว๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-12-2016 22:02:29
อ่านแรกๆก็คิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นพวกหลักๆที่นักเขียนปูมานี่แหละ แต่พอผู้การภาคภูมิโผล่มาตอนแรกก็ยังไม่เอะใจหรอกเรามาเอะใจตอนที่แกทักสุดเขตเรื่องพิทักษ์พยานนี่แหละเราว่ามันแปลกๆ เลยเริ่มตงิดๆว่าใช่รึเปล่า แล้วถ้ามามีซัมติงกับติณณ์ด้วยนี่เราว่าน่าสงสัยสุดๆเลยแหละเพราะสมรเป็นแฟนคลับติณณ์ หลงติณณ์ซะขนาดนั้นอาจจะแอบจ้างนักสืบตามดูแล้วไปรู้อะไรมาก็ได้
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-12-2016 01:51:00
ตรงๆ ชอบพาลีดำเนินเรื่อง. และตัวละครอื่นๆ ยกเว้น ผู้รักษากฏหมาย พลิกๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 16-12-2016 09:55:48
ร้ายจริงน่อ เก็บมิดปิดจนไม่มีใครรู้
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 17 [15/12/59] #ความลับจะต้องเป็นความลับตลอดไป#
เริ่มหัวข้อโดย: Meen0064 ที่ 17-12-2016 15:25:55
สนุกมากเลยค่ะ ชอบๆ ไม่คิดว่าผู้การจะเป็นรับ :katai1:

รอตอนต่อไปนะคะ มาต่อไวๆนะ :katai4:
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-12-2016 16:49:05


                                                                     คดีรักนักดูดวง

                                                                         บทที่ 18



               “เราจะปรักปรำไม่ได้ ทุกเรื่องต้องมีหลักฐานชี้ชัด”


               สุดเขตสรุปพร้อมสมองที่กำลังหมุนติ้ว


               “ถ้าจะหาว่าไอ้ดาราหน้าหล่อนั่นมีความเกี่ยวพันกับผู้การภาคภูมิก็จะเป็นการใส่ร้ายมันเกินไป”


               พาลีชอบสุดเขตก็ตรงนี้ ถึงแม้จะไม่ชอบหน้าติณณ์แต่สุดเขตก็ซื่อสัตย์และยุติธรรมพอที่จะไม่นำอคติมาตัดสินคนอื่น เขา

ชื่นชมนิสัยที่หาได้ยากจากคนทั่วไป


               “แล้วจะทำยังไงมึงถึงจะรู้ความจริงวะเขต”


               “จีพีเอสไงล่ะ”


               สุดเขตยิ้มออกมาได้เมื่อความคิดกำลังแล่น


               “ในเมื่อติดตามเราด้วยจีพีเอสได้ เราก็ย้อนกลับด้วยวิธีเดียวกันในเมื่อกูก็มีเบอร์ท่านอยู่ในเครื่องแล้ว”


               สุดเขตไม่รอช้าเขาเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดปุ่มนั้นปุ่มนี้อยู่สักพัก ไม่นานนักเขาก็ยิ้มออกมาได้


               “เจอแล้วโว้ย ดีนะวันนี้เปลี่ยนเอารถรุ่นลุงเรียกพี่มาใช้คงไม่มีใครผิดสังเกต”


               รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ถูกบังคับให้เคลื่อนที่ออกไปจากริมถนนทันที สุดเขตขับรถพาพาลีไปยังโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง

ก่อนจะจอดรถไว้ท่ามกลางรถมากมายจนไม่เป็นที่ผิดสังเกต


               “แล้วจะต้องทำอะไรต่อวะเขต” พาลีเอ่ยถามอย่างสงสัย


               “รอไงล่ะไอ้ลี แล้วมึงจะรู้ว่างานตำรวจน่ะมันไม่ง่ายหรอก”


               สุดเขตนั่งเงียบๆอยู่ในรถอย่างอดทน  สายตาคมจับจ้องไปยังทางเข้าออกของโรงแรมอย่างใช้สมาธิ พาลีเห็นความจริงจัง

ของสุดเขตแล้วจึงไม่กล้ารบกวน เขาได้แต่หยิบหนังสือการ์ตูนที่นำมาด้วยอ่านฆ่าเวลาไปพลางๆจนผ่านไปร่วมชั่วโมงสุเขตจึงเริ่มขยับ

ตัว พาลีจึงหันไปมองตามสายตาของสุดเขต หัวใจของพาลีเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นพล.ต.ท.ภาคภูมิเดินออกมาจากด้านหน้า

ของโรงแรม


               “นั่นมัน!”


               “จุ๊จุ๊ ก้มต่ำลงลี”


               สุดเขตเตือนกระซิบเตือน พาลีก้มหัวลงทันทีเหลือเพียงระดับสายตาที่มองเห็นเบื้องหน้าไกลออกไป ภาคภูมิเดินมายังรถ

ยุโรปคันหรูที่มีชายหน้าโหดยืนรอและเปิดประตูด้านหลังออกทันทีเมื่อภาคภูมิไปถึง สุดเขตรีบใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพไว้เป็นระยะ

               ภาคภูมิขึ้นไปนั่งอยู่ด้านหลังของรถแล้วหากแต่ชายหน้าโหดที่ขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับก็ยังไม่ยอมเคลื่อนรถไป สุดเขตเฝ้ารอ

อย่างสงบไม่เหมือนพาลีที่มีแต่ความกระวนกระวาย เขาพยายามข่มมันไว้เพราะไม่อยากให้สุดเขตเสียแผน รออยู่เกือบสิบห้านาทาพาลีก็

ต้องเบิกตากว้างเมื่อเขามองเห็นติณณ์ที่พรางหน้าตาด้วยหมวกแก็ปและแว่นตาสีดำเดินออกมา

                ติณณ์เดินล้วงสบายๆออกมาจากโรงแรม และเมื่อเขาเดินผ่านรถยนต์คันที่ภาคภูมินั่งอยู่ ดาราหนุ่มก็โน้มตัวลงไปแล้วมุดหน้า

เข้าไปในหน้าต่างรถที่ภาคภูมิยังเปิดอยู่ พาลีแทบไม่อยากเชื่อสายตากับความสนิทสนมที่ทั้งคู่มีให้กัน เพียงไม่กี่วินาทีติณณ์ก็ยืดกาย

กลับมาพร้อมกับที่รถยนต์ของภาคภูมิแล่นจากไป เขาจึงเห็นติณณ์เดินไปยังรถยนต์อีกคันของเขาที่จอดอยู่อีกด้านหนึ่งและขับออกไป

จากโรงแรม เมื่อทุกอย่างจบลงสุดเขตจึงได้ขยับกลับมาท่าเดิมพร้อมกับความเคร่งขรึมบนใบหน้า


               “ปริศนาไขกระจ่างแล้วสินะ แม้จะยังไม่ทุกข้อเหมือนคินดะอิจิก็เหอะ”


               พาลียิ้มเฝื่อน เขายังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปสดๆร้อนๆไม่หาย


               “ใครจะนึกวะว่าคนอย่างผู้การภาคภูมิจะเป็น เอ้อ...นั่นแหละ” สุดเขตกรอกสายตาไปมา


               “ถ้าให้กูเดานะ ไอ้เหี้ยติณณ์นั่นคงจะมีความสัมพันธ์กับทั้งผู้การและคุณนายสมรทั้งคู่ คุณนายสมรคงจะบังเอิญมารู้ความลับ

ของชู้รักเข้าก็เลยถูกเก็บ ผู้การคงไม่ปล่อยให้ยายคุณนายปากสว่างไปบอกใครๆว่าตำรวจที่มีสิทธิ์จะขึ้นแท่นใหญ่ที่สุดในกรมตำรวจมี

พฤติกรรมยังไงบ้าง ส่วนมึงน่ะ นอกจากจะโดนสั่งเก็บเพราะได้ยินเสียงของเขาแล้วก็อาจจะโดนเพราะยายคุณนายชอบเม้ากับมึง”


               “แล้วมึงจะทำไงต่อวะเขต”


               สุดเขตนิ่งคิด หากเขาคิดจะเปิดโปงเรื่องทั้งหมดสุดเขตรู้ดีว่าเขากำลังเจอกับอุปสรรคขนาดใหญ่ อาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อ

ชีวิต แต่ถ้าหากวางเฉยสุดเขตก็อับอายต่ออุดมการณ์ของเขาที่เข้ามารับราชการตำรวจ เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังออกมาก่อนเขาจะ

หันไปสบตากับพาลี


               “ถ้ากูสู้ต่อกูอาจจะถูกเป่าจนตายโหงได้ ชีวิตกูน่ะไม่กลัวหรอก กูบอกให้พ่อแม่เขาทำใจไว้นานแล้วตั้งแต่กูตัดสินใจเป็น

ตำรวจ แต่ตอนนี้กูห่วงแต่มึงว่ะลี กูกลัวมึงจะโดนลูกหลงไปด้วย”


               สายตาห่วงใยที่ทอดมองมาทำให้ขอบตาของพาลีร้อนผ่าว เขารับความรู้สึกเหล่านั้นมาจากสุดเขตจนต้องเป็นฝ่ายวางมือไป

บนหลังมือของสุดเขตแล้วกระชับแน่น


               “อย่าห่วงกู กูรู้ว่ามึงรักความถูกต้อง อยากทำอะไรก็ทำไปเพื่อความจริง อย่าให้คนชั่วได้เชิดหน้าอยู่ในสังคมโดยไม่มีใครรู้

เบื้องหลัง”


               สบตาด้วยความเข้าใจในกันและกัน สุดเขตดีใจที่พาลีไม่ได้ห้ามเขา หากแต่สุดเขตก็ยังกลุ้มใจเพราะยังหาทางแฉความเลว

ของคนทั้งคู่ไม่ได้


               “แล้วกูจะใช้แผนอะไรดีวะถึงจะทำให้ผู้การภาคภูมิจนตรอกและยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้บงการ”


               เงียบลงเพราะต่างก็ใช้ความคิดจนกระทั่งพาลีเอ่ยอย่างตรึกตรองถี่ถ้วนแล้ว


               “กูว่านะ ถ้าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะความหึงหวงก็มีส่วน ถ้ากูจะลองไปไหนมาไหนกับติณณ์...”


               “ไม่ได้” สุดเขตขัดทันที “กูไม่อยากให้มึงมาเกี่ยวข้องและเป็นเป้าหมายของผู้การ กูเป็นห่วงมึงนะลี”


               “เพราะกูรู้ไงว่ามึงเป็นห่วง มึงจะไม่ปล่อยให้กูเป็นอะไรหรอกกูไว้ใจมึง วิธีนี้เถอะเขต มันไม่มีวิธีอื่นแล้ว”


               สุดเขตหน้ามุ่ย เขาวางมือไปที่ต้นแขนของพาลีแล้วบีบเบาๆ


               “มึงจะหลงคารมไอ้หน้าหล่อนั่นหรือเปล่า มันทั้งหล่อทั้งปากหวาน กูกลัวว่ามึงจะเคลิ้มลมปากมัน”


               พาลีกลั้นยิ้ม เขาส่ายหน้าให้ความขี้หึงของสุดเขต


               “กูจะไปหลงคารมติณณ์ได้ยังไง มึงก็รู้ว่ากูไม่มีใจให้คนอื่นอีกแล้ว”


               พูดจบก็แทบจะกัดปากตัวเองเมื่อประโยคที่หลุดออกมาราวกับจะสารภาพความรู้สึกให้สุดเขตได้รู้ พาลีผินหน้าหนีเมื่อดวงตา

คมคู่นั้นจับจ้องด้วยประกายพร่างพราวทันที


               “บอกว่ารักกูคำเดียวก็จบแล้ว มึงนี่พูดจาเยิ่นเย้อว่ะ”


               “เดี๋ยวเหอะไอ้เหี้ยเขต”


               พาลีผลักอกเขาออกห่างแล้วหันหน้าหนีมองด้านนอกของหน้าต่าง สุดเขตยิ้มกริ่มมองพวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูอย่าง

ติดใจ เขาสตาร์ทรถทันที


               “กลับบ้านดีกว่า อยากกอดมึงจะแย่แล้วว่ะลี”






               สุดเขตผิวปากทำนองเพลงฮิตอย่างอารมณ์ดีขณะเดินกลับเข้ามาในห้องนอนหลังจากที่เขาอาบน้ำจากห้องน้ำด้านนอกมา

แล้ว ร่างกายของเขามีเพียงผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้หมิ่นเหม่ส่วนท่อนบนยังมีหยดน้ำเกาะพราว พาลีเหลือบตามองลำตัวที่มีมัดกล้าม

เนื้อเป็นลอนสวยอย่างหมั่นไส้


               “เมื่อไหร่มึงจะกลับแฟลตตำรวจมึงไปเสียทีวะ”


               “กูไม่กลับ กลับทำไม แฟลตแม่งแคบจะตายห่า อยู่กับมึงแบบนี้สบายดีออก กูจะสิงอยู่กับมึงแบบนี้แหละ”


               สุดเขตเอนกายลงบนเตียงข้างๆกับพาลีที่นั่งอยู่ขอบเตียง สุดเขตเอื้อมมือไปลูบคางพาลีอย่างหยอกเย้า


               “กูก็อยากอยู่ใกล้แฟนมั้งสิว้า ใจคอมึงจะไล่กูลงเชียวเหรอ กูไปแล้วมึงไม่มีที่ซุกหน้าเวลากอดนะโว้ยลี”


               “เหี้ย พูดไม่ละอายปาก ใครแฟนมึง”


               พาลีผลักสุดเขตออกห่าง เขารีบลุกขึ้นยืนและคว้าผ้าเช็ดตัวออกไปห้องน้ำบ้าง สุดเขตหัวเราะก่อนจะตะโกนตามหลังมา


               “ส่องกระจกให้ห้องน้ำด้วยนะไอ้ผู้ใหญ่ลี มึงจะได้รู้ว่าเหี้ยตัวไหนเป็นแฟนกู”


               พาลีเดินดุ่มเข้าห้องน้ำ เขามองกระจกจึงได้เห็นว่าใบหน้าของตัวเองแดงจัดขนาดไหน การได้อยู่ใกล้สุดเขตทำให้พาลีไม่

เป็นตัวของตัวเอง สุดเขตมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขาอย่างคาดไม่ถึง


               “เหี้ยเอ๊ย เออ มึงนั่นแหละ”


               ทะเลาะกับตัวเองในกระจกเสร็จแล้วพาลีจึงหันไปอาบน้ำให้ความรู้สึกร้อนรุ่มบรรเทาลงบ้าง เมื่อชำระล้างร่างกายสะอาดเอี่ยม

พาลีก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดและพันท่อนล่างไว้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อนึกได้ว่าหากเดินเข้าไปในห้องสภาพนี้จะต้องเผชิญกับสายตา

ของสุดเขตเป็นแน่ใบหน้าที่เพิ่งจะหายแดงก็กลับมามีสีเลือดเป็นริ้วอีกครั้ง


               “ไม่น่ารีบร้อนเลยกู คราวหน้าต้องเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำ”


               พาลีไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องมาอับอายกับสายตาของผู้ชายด้วยกัน ก็คงจะมีแต่สุดเขตที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น พาลีเดินย่อง

และเปิดประตูห้องนอนแผ่วเบา เขาโผล่หน้ามองก็เห็นว่าสุดเขตนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วพาลีจึงถอนหายใจโล่งอกก่อนจะรีบลดเสียง

ฝีเท้าก้าวไปในห้องคว้าชุดนอนแขนขายาวมาใส่อย่างรวดเร็ว เขาก้าวไปที่เตียงแล้วค่อยๆเอนกายลงนอนอย่างกลัวอีกฝ่ายที่นอนอยู่ก่อน

จะตื่นขึ้นมา พาลีตะแคงข้างหันหลังให้สุดเขตหัวใจของเขายังเต้นแรงแม้ว่าเปลือกตาจะปิดลงมา

               หมับ!!

               สะดุ้งสุดตัวเมื่ออะไรบางอย่างหนักๆวางผลัวะลงมาบนตัวของเขาและเหนี่ยวให้พาลีเลื่อนเข้าชิดจนได้กลิ่นกายจางๆจาก

เบื้องหลังรวมถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดมาตรงท้ายทอยของเขา พาลีนอนตัวแข็งทื่อทันที


               “ใส่ชุดนอนซะมิดชิดเลยนะมึงไอ้ผู้ไหญ่ลี”


               “มึง เอ่อ ไม่ได้หลับเหรอ”


               ถามโง่ๆออกไปพร้อมกับกลืนน้ำลาย ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆอยู่ตรงหลังใบหูจนขนลุกไปหมด


               “หัวค่ำแบบนี้ใครจะหลับลงวะลี” เสียงน้ำมีเลศนัยชวนไปพาลีใจสั่น “มันยังเร็วเกินไปที่จะหลับ เรามานอนคุยกันไหมผู้ใหญ่

ลี”


               “ปะ เปิดทีวีสิ ดูละครไหม”


               “ไม่ล่ะ กูอยากคุยกับมึง”


               สุดเขตดึงต้นแขนพาลี ออกแรงไม่มากนักพาลีก็พลิกกายตะแคงข้างหันหน้าเผชิญกับเขา ดวงตาคมมีแต่ความฉ่ำหวานยาม

มองมา พาลีมองเห็นใบหน้านั้นเลื่อนเข้าใกล้เรื่อยๆ


               “ไหนว่าจะคุยกันไงล่ะ อื้อ”


               ปากถูกปิดจนพูดไม่ได้อีก จูบคราวนี้หวานกว่าที่เคยเหมือนคนจูบจงใจ มือร้อนวางทาบลงไปที่ท้ายทอยบังคับให้พาลีเงย

หน้ารับขณะที่ลิ้นหยุ่นสัมผัสซึ่งกัน จมูกโด่งแตะไล้และดอมดมไออุ่นของลมหายใจซึ่งกันขณะที่อีกมือหนึ่งของสุดเขตเริ่มไต่เลื้อยอยู่

ตรงบั้นเอว พาลีคิดจะขยับถอยห่างแต่สุดเขตก็รู้ทันเขาใช้ต้นขาที่มีแต่กล้ามเนื้อพาดทับลงไปบนท่อนขาของพาลีและหยุดเขาไว้จนดิ้น

ไม่หลุด


               “พาลี ยอมกูได้ไหม”


               เสียงนั้นกระเส่าชวนให้สะดุ้ง ลมหายใจของพาลีติดขัดจนแทบจะลืมวิธีหายใจเมื่อสุดเขตผละลิ้นร้อนออกจากปากแต่กลับ

ลากมันมาหยุดอยู่ที่ซอกคอของเขาและฝังหน้าลงไป


               “เขต มัน มันเร็วไป กูขอเวลาถึงคดีจบไง”


               พยายามห้ามอย่างยากเย็นทั้งสุดเขตและใจตัวเองที่หวั่นไหวไปด้วย สุดเขตไม่เห็นด้วย เขาแสดงออกมาด้วยการเลื่อนมือลง

ต่ำจนจงใจแตะไล้เบาๆที่ส่วนอ่อนไหวของพาลีจนเจ้าของสะดุ้งสุดตัว


               “คดีมันก็จบแล้วไง เสี่ยพิชัยถูกจับแล้ว”


               “มึงก็รู้ว่ามันยังไม่จบ คนร้ายยังไม่ถูกจับ”


               “ตาลุงแก่ขี้งก” สุดเขตต่อว่าพลางขบเม้มที่เนินไหล่เป็นการลงโทษ


               “มึงก็ผลัดวันกูไปเรื่อยทั้งที่สักวันมึงก็รู้ว่าจะต้องมีวันนี้ ทำไมต้องรอในเมื่อเราใจตรงกัน”


               “เขต กูกลัว กูไม่เคย มึงทำกับผู้ชายเป็นเหรอ”


               “ไม่รู้สิวะ ไม่เคยกับผู้ชายเหมือนกัน รู้แต่ตอนนี้อยากกอดมึง อยากมีความสุขกับมึง ได้ไหมลี”


               ทอดเสียงอ่อนหวานจนหัวใจของพาลีจวนเจียนจะขาดรอนๆ หากแต่ความรู้สึกที่กำลังเตลิดก็พลันถูกกระชากขาดดังผึงด้วย

เสียงโทรศัพท์ที่ขัดขวาง พาลีสะดุ้งเฮือกยกมือป่ายเปะปะคว้าต้นเสียงที่อยู่หัวเตียงมารับอย่างยากเย็น




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-12-2016 16:53:19
ต่อกันตรงนี้...




                “ฮะ ฮัลโหล”


               “พาลีหรือครับ ติณณ์นะ”


               ไม่เคยนึกเกลียดใครเท่าตอนนี้มาก่อน พาลีกัดริมฝีปากและส่งสายตาเตือนสุดเขตให้หยุดลงก่อนที่เขาจะยันกายลุกนั่งตั้งสติ

ตอบกลับไป


               “เอ่อ ครับคุณติณณ์ ได้ข่าวเรื่องคุณศุภกิจเจ้าของค่ายของคุณบาดเจ็บสาหัส”


               “ช่างเขาเถอะครับ ก็สมแล้วกับการกระทำของเขา”


               น้ำเสียงของติณณ์คล้ายจะเยาะหยัน หากเขาเอ่ยคำว่าสมน้ำหน้าได้ความหมายก็คงคล้ายกัน


               “อย่าพูดถึงเขาเลย พูดเรื่องของเราดีกว่า ละครที่ผมถ่ายทำปิดกล้องแล้ว ตอนนี้ผมว่างเพราะจะรอไปฟิตติ้งหนังเรื่องหนึ่งอยู่

พรุ่งนี้ผมมารับพาลีไปเดทกันนะ นะครับพาลี ให้โอกาสผมบ้าง”


               พาลีอึกอักขณะที่สุดเขตจ้องตาเขม็ง เมื่อนึกถึงคำพูดที่เขาเอ่ยปากบอกว่าจะช่วยให้สุดเขตเปิดโปงเรื่องของภาคภูมิทำให้

พาลีตัดสินใจได้


               “ก็ได้ครับ แค่ทานข้าวใช่ไหม”


               “ถ้าพาลีอยากไปแค่ทานข้าวก็ได้ครับ ผมจะพาพาลีไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารฝรั่งเศส แต่งตัวหล่อๆรอนะครับ”


               พาลีถอนหายใจโล่งอกที่ติณณ์วางสายไปแล้ว หากแต่เขาก็ต้องหนักใจในเรื่องใหม่เมื่อเห็นสุดเขตนอนตะแคงข้างหันหลังให้

เขา พาลีวางมือแตะที่หัวไหล่พร้อมกับส่งเสียงง้อ


               “เขต ทำไมนอนหันหลังให้กูล่ะ”


               แม้จะยอมง้อแต่สุดเขตก็ยังไม่หันมา แถมยังสะบัดแขนหนีมือของพาลีอีกต่างหาก


               “ช่างกูเหอะ ไม่ต้องสนใจกูก็ได้ ปฏิเสธกูยังไงก็ได้กูมันลูกไก่ในกำมือมึงนี่ไอ้ลี เอาใจไอ้ดารานั่นไว้เหอะ มันบอกให้ทำเหี้ย

อะไรก็ตามใจมัน”


               ขี้หึง ขี้งอน ขี้น้อยใจ ไอ้ขี้หมาเอ๊ย ตัวใหญ่ซะเปล่า

               พาลียิ้มอยู่กับแผ่นหลังกว้าง เขาล้มลงนอนตะแคงเข้าหาแผ่นหลังนั้นพลางยกมือกอดไว้แน่น มือเรียวขยับต่ำลงเรื่อยๆโดย

พาลีที่อิงแอบใบหน้าลงไปกับแผ่นหลังนั้น


               ฝ่ามืออบอุ่นวางแนบไปกับบอกเซอร์ที่สุดเขตใส่นอน พาลีรั้งมันขึ้นและสอดมือเข้าไปในช่องระหว่างขา สุดเขตลืมตาโพลง

เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นเมื่อพาลีแนบมือไปกับเจ้าน้องชายที่กำลังผงาดของเขา


               “ลี มึงจะทำอะไร”


               ถามเสียงสั่นกับการกระทำของพาลี สุดเขตกลืนน้ำลายเมื่อพาลีพรมนิ้วลงไปกับความคับตึงภายในและโยกรั้งมันเบาๆ


               “อยู่เฉยๆเหอะนะ เสียงดังจริงๆ”


               ดุอยู่ด้านหลังแต่มือยังไม่หยุดกระทำ แม้จะไม่ชำนาญนักแต่พาลีก็ตั้งใจมอบให้สุดเขตแทนการง้อ สุดเขตหลับตาลงไปเมื่อ

รู้สึกถึงความบีบคั้นของร่างกายที่เก็บกดไว้หลายวัน นิ้วของพาลีที่บรรจงลงมากำลังทำให้สุดเขตได้ปลดปล่อยมัน


               “ลี อีกนิด อีกนิดเดียว อ๊ะ!”


               พาลีหน้าแดงก่ำเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นเหนอะหนะที่รดอยู่ในอุ้งมือของเขา สุดเขตหอบตัวโยนจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นถี่ยิบ

และทันใดนั้นสุดเขตก็พลิกกายกลับมาหาเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของสุดเขตพราวพร่างหน้าผากมีเหงื่อชื้นซึมออกมา


               “ร้ายนักนะมึงไอ้ผู้ใหญ่ลี”


               “ไม่ทำแบบนี้มึงจะหายงอนกูเหรอ ไอ้คนขี้งอน”


               สุดเขตหัวเราะชอบใจ เขาเชยคางขึ้นมาและจูบพาลีอีกครั้งในค่ำคืนนี้ จูบนั้นยาวนั้นราวกับสุดเขตจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาขัด

ขวางอีก พร้อมกันกับที่เขาวางฝ่ามือสากที่ขอบกางเกงนอนของพาลีและไต่นิ้วลงไปช้าๆ


               แค่จูบพาลีก็เตลิดแล้ว ไม่นับว่าจุดกึ่งกลางกายถูกสุดเขตจับไว้เป็นตัวประกัน พาลีผวาเข้ากอดก่ายสุดเขตไว้แน่นหนาเมื่อตัว

ประกันกำลังถูกรีดเค้นความจริงจากฝีมือตำรวจอย่างสุดเขต


               “ลีครับ อย่าฝืน ปล่อยตัวตามสบาย”


               สุดเขตเตือนเสียงสั่นพร่า เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวานและจงใจตวัดดูดดุนลิ้นชื้นของพาลีไว้ พาลีสำลักลมหายใจแต่

สุดเขตก็ไม่ยอมให้พัก เขาตักตวงความหวานฉ่ำของเรียวปากอย่างหิวโหยในขณะที่มือก็ยังนวดเฟ้นสิ่งที่อยู่ในมือของเขาไว้อย่างช่ำชอง


               “เขต เขต กู อื้อ...”


               พาลีปวดร้าวไปหมดทั้งช่องท้อง ราวกับมีอะไรหนักๆมาถ่วงเขาไว้และมีมือร้อนกำลังช่วยดึงดันมันออกมา พาลีเผลอไผลขยับ

กายอย่างไม่รู้ตัวและมันทำให้สุดเขตพึมพำอย่างถูกใจ


               “ดีมาก ลี อย่ากลั้นมันไว้ ปล่อยมันออกมาเลย”


               สุดเขตเร่งปลายนิ้ว เขาบีบเค้นขยี้ที่ปลายมนที่ขยับเข้าหาอุ้งมือ พลางปรนเปรอด้วยจูบสะกดวิญญาณของเขา ร่างกายของ

พาลีร้อนระอุและดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมกอด สุดเขตได้ยินเสียงครางแผ่วที่ลอดออกมาจากลำคอของพาลี


               “อื้อ อึก เขตครับ ไม่ไหวแล้ว”


               พาลีกลั้นลมหายใจ ความอึดอัดทั้งมวลหายไปในพริบตาเมื่อท้องน้อยปลดปล่อยออกมาจนล้นปรี่และสุดเขตก็ยังไม่ยอมหยุด

เขายิ่งเค้นมันออกมาจนหยดสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้พาลีซบหน้าอยู่กับบ่าอย่างหมดแรง


               “ความจริงต้องขอบใจไอ้ดารานั่นนะ ที่ทำให้มึงยอมง้อกู”


               สุดเขตหยอกเย้าจนพาลีอยากจะมุดเตียงหนี


               “มึงมันเหี้ย”


               “ตะกี้ใครคราง”


               “สัส”


               สุดเขตยิ้มอย่างสุขสม เขากอดพาลีไว้และจูบที่ขมับเบาๆ


               “นอนได้แล้ว แม่ง ท่าทางจะไม่เคยเอาออกถึงได้เยอะขนาดนี้ สบายตัวเลยสิมึงไอ้ผู้ใหญ่ลี”


               พาลีถอนหายใจระบายความสุข เขาซุกหน้าเข้าหาอ้อมกอดและหลับตาลง ก่อนจะเข้าสู่นิทราพาลีได้ยินเสียงสุดเขตกระซิบ

เบาๆที่ข้างหู


               “คราวนี้กูจะปล่อยมึงไปก่อน คราวหน้ากูไม่ไว้หน้ามึงแน่ไอ้ผู้ใหญ่ลี”



                        TBC

                  :-[ :-[


หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 17-12-2016 17:06:17
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

อั๊ยยะ ncเบาๆๆๆ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดรอมานาน

อีตินนี่ก็ชอบหาเรื่องมาให้พาลี

กลัวพาลีเจ็บตัวอีกง่า :hao5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Meen0064 ที่ 17-12-2016 17:11:09
 :haun1: :haun1: :give2:

สุดเขตเจ้าเล่ห์จริงๆสินะ รออ่าน 'ครางหน้า' ของสุดเขตล้าวววว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 17-12-2016 17:15:52
ใจเย็นๆ นะจ๊ะ งานนี้จะมี หื่นโหด เฮ้ย!!! หึงโหดไหม
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 17-12-2016 17:16:35
ถูมือรอตอนต่อไป ฮิฮิฮิ :hao6: :hao7: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-12-2016 17:18:47
 :impress2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 17-12-2016 17:30:42
 อูยยย อยากให้ถึงคราวหน้าที่เขตจะไม่ปล่อยลีจริงๆค่ะ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 17-12-2016 17:38:59
 :-[   หว๊ายย  ลีเอ๊ยยย เกือบไปแล้วลูก  คราวหลังหนีบไว้ให้แน่นเลยนะลูก  อย่าไปหลงกลอิตาเขต  ชอบแกล้งดีนัก  :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-12-2016 17:39:49
ดูท่าตินณ์จะมีดวงบุรุษพิฆาตนะ (ก็ดูท่าเจ้าตัวไม่ได้คลั่งผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่ดันอยากได้พาลี บุรุษพิฆาตก็น่าจะใช้ได้ ฮา)
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-12-2016 17:48:33
ระวังตัวกันด้วยนะจ๊ะ สู้ๆ จบคดีจะได้ต่อเรื่องอื่นๆ ให้จบ อันนี้ไม่ได้หื่นนะบอกเลย  :haun4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-12-2016 19:05:43
รอดูผู้ใหญ่ลีโดนสุดเขตจัดการ 5555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-12-2016 19:35:34
คราวหน้าจะไม่ปล่อยไว้แน่ หูยยย คราวหน้าจ๊ะ อยู่ไหน รีบมาเร็วๆ น้าาา
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 17-12-2016 20:00:06
เพิ่งมาเล่นเล้าแล้วเจอเรื่องนี้ คือมันดีมากกกกกกก ชอบสุดเขตมาก เจ้าเล่ห์+กวนตีน55555
คราวหน้าผู้ใหญ่ลีไม่รอดแน่ :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-12-2016 20:21:32
สุดเขตนี่ขี้งอน ขี้น้อยใจจนแทบลืมไปแล้วว่าตอนแรกกวนขนาดไหน หวังว่าระหว่างรอเปิดโปงนี่จะไม่มีใครเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 17-12-2016 21:14:07
คุณตำหนวดจับกุมผู้ใหญ่ลีตัวร้ายได้แล้วสินะ
ทั้งจับทั้งกุม ร้ายกาจจจจจ  :haun4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-12-2016 21:31:41
 :z1: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 17-12-2016 22:27:30
ง้อเก่งเชียว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 17-12-2016 22:35:42
โอยยยยยย
ต้องเอาให้อยู่คาหนังคาเขา ฮืออ
เอาใจช่วยพาลี ให้รอดปลอดภัย
ศึกครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-12-2016 23:09:41
แจณฃ๊ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-12-2016 23:45:39
เชื่อแล้วล่ะ แนวหวานแหวว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-12-2016 00:43:35
 :laugh:


คือหัตถาครองภิภพ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 18-12-2016 09:42:03
 :pighaun:ใครสอนให้ผู้ใหญ่ลีง้อแบบนี้~~~~

โดนคุณตำหนวดจัดการเลยเห็นไหมมมม แอ้กกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 18-12-2016 19:01:36
ชอบอ่ะ ลุ้นมากๆเลย

ฟินกระจาย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 18-12-2016 19:43:32
อีกนิดก็จะได้กันแล้วววววววว กรี๊ดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเล็ก ที่ 18-12-2016 23:41:19
โอ๊ะโอๆ ตอนแรกก็มาเครียดๆ ขมวดปมไปอีก
แต่หลังๆมีหวานมดไต่
พาลีเกือบเสร็จโรงเรียนสุดเขตแล้วไง
ลุ้นตรงนี้กว่า5555  :z1: :z1: :z1:
พาลีอย่าพลาดท่าตินณ์นะ เค้าหึงแทนหุหุ  :katai1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 18 [17/12/59] #Fan Service ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 19-12-2016 14:37:54

ตามรอยคุณ Alternative เข้ามาติด ๆ
รออ่านนะคะ ^^

หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-12-2016 20:08:20


                                                             คดีรักนักดูดวง

                                                                 บทที่ 19


               ติณณ์มารับพาลีที่ตึกแถวตรงตามเวลานัด และคราวนี้พาลีตัดสินใจว่าสุดเขตไม่ควรปรากฏตัวเคียงข้างเขาทั้งที่สุดเขตอยาก

จะไปด้วยเพราะความเป็นห่วง แต่พาลีก็ให้เหตุผลที่สุดเขตไม่อาจปฏิเสธได้


               “ถ้ามึงไปด้วยในฐานะนายไข่ ติณณ์ก็คงต้องสงสัยมึงอีก คราวที่มีเรื่องในวัดกูยังกลัวความลับแตกจะตายห่า”


               “แต่กูกลัวมันจะทำเหี้ยๆใส่มึงนี่หว่า”


               สุดเขตหน้างอที่ถูกขัดใจจนพาลีต้องรีบโน้มน้าวต่อเป็นการด่วน


               “กูไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะเขต แล้วมึงก็จะตามกูไปห่างๆไม่ใช่เหรอ กูเชื่อว่ายังไงมึงก็ไม่ยอมปล่อยให้กูเป็นอะไรใช่ไหม”


               กว่าสุดเขตจะยอมรับได้พาลีก็ใช้เวลากล่อมอยู่นานโข และในที่สุดพาลีก็ขึ้นรถไปพร้อมติณณ์โดยมีสุดเขตที่แต่งตัวเป็นนาย

ไข่ขับรถยนต์ตามไปห่างๆ สุดเขตนึกเป็นห่วงพาลีแต่เขาก็ต้องระงับมันไว้เพราะไม่มีทางอื่นที่จะเข้าใกล้ติณณ์และภาคภูมิได้อีก


               “ขอบคุณนะครับที่พาลียอมมากับผม”


               พาลีคลี่ยิ้มบางๆตอบกลับขณะนั่งอยู่ในรถยนต์ของติณณ์ สายตาติณณ์ที่มองมามันทำให้พาลีหนาวๆร้อนๆชอบกล เขาได้แต่

นิ่งเงียบมาตลอดทางที่ติณณ์ขับรถมายังร้านอาหารฝรั่งเศสใจกลางเมืองหลวง ติณณ์เดินนำพาลีเข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคย บริกรต้อนรับ

และพาทั้งคู่มายังโต๊ะที่ติณณ์ได้จองไว้ซึ่งค่อนข้างอยู่ในมุมที่เป็นส่วนตัวจนพาลีเริ่มเป็นกังวล ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่รู้เลยว่าสุดเขต

ซ่อนตัวอยู่ตรงไหน


               “สั่งอะไรดีครับ”


               ติณณ์หันมาถามเมื่อบริกรส่งเมนูมาให้ พาลีส่งเมนูคืนให้บริกรพร้อมกับกล่าวเสียงนุ่ม


               “ผมไม่เคยลองทานอาหารฝรั่งเศสเลย ดูไปก็ไม่รู้เรื่อง คุณติณณ์สั่งให้ดีกว่าครับ”


               ติณณ์มองใบหน้าของพาลีอย่างหลงใหล เขาไม่เคยถูกชะตาใครเท่าพาลีมาก่อนไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายทั้งที่เขาห้อมล้อม

ไปด้วยหนุ่มสาวหน้าตาดีมากมาย แต่คนที่ทำให้ติณณ์รุ่มร้อนและอยากเป็นเจ้าของคือผู้ชายหน้าอ่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้าโดยที่ติณณ์ก็ไม่รู้ว่า

ทำไม ลักษณะท่าทางของพาลีมันจับใจของเขาจนไม่อาจสลัดหลุด ติณณ์หันไปสั่งอาหารให้ตนเองและพาลีอย่างคล่องแคล่วก่อนจะหัน

กลับมามองพาลีราวกับจะกลืนกินเขาโดยไม่สนว่าพาลีนั้นอึดอัดใจแค่ไหน


               “ผมดีใจมากที่พาลีมาวันนี้” ติณณ์เอ่ยออกมาโดยที่สายตาไม่ยอมละจากใบหน้าของพาลีเลยสักนิด


               “รู้ไหมครับ ตั้งแต่ได้รู้จักกับพาลีครั้งแรกตอนที่ไปถ่ายรายการคราวนั้น ผมก็ไม่เคยลืมพาลีได้เลย”


               “ขอบคุณครับ แต่ว่า...”


               “แต่ว่าพาลีมีแฟนแล้ว ผมจำได้ว่าพาลีบอกผมอย่างนั้น แล้ววันนี้แฟนพาลีไปไหนเสียล่ะครับทำไมถึงปล่อยให้แฟนที่น่ารัก

อย่างพาลีออกมากับคนอื่นอย่างนี้”


               สะดุดหูเมื่อติณณ์พูดด้วยสำเนียงเยาะหยันอย่างชัดเจน


               “เขาไปทำงานน่ะครับ”


               “แล้วพาลีไม่กลัวแฟนหึงเหรอครับที่ออกมาดินเนอร์กับผม”


               “ไม่หรอกครับ ผมกับแฟนเราคบกันเพราะความเข้าใจและซื่อสัตย์ เขารู้ว่าผมจะไม่มีทางนอกใจไปหาคนอื่น”


               ติณณ์หน้าตึงขึ้นมาทันที ดีที่บริกรยกอาหารมาเสิร์ฟเขาจึงได้ใช้โอกาสนั้นปรับอารมณ์ตัวเองและยิ้มออกมาได้พร้อมกับ

ชักชวนให้พาลีสนใจอาหาร


               “ชิมไวน์ของฝรั่งเศสสิครับ กลิ่นและรสไม่แรงมาก”


               พาลียิ้มรับ เขาให้ความสนใจกับอาหารจานหลักที่อยู่ตรงหน้า ติณณ์ไม่ได้ชวนคุยขณะที่เขาจัดการกับอาหารจนกระทั่งเห็นว่า

อาหารในจานพร่องไปหมดแล้วและไวน์ที่ติณณ์สั่งมาให้ก็ทำให้การรับรู้ของพาลีเริ่มจะช้าลงจนเขาต้องเตือนตัวเองให้ระวังมากขึ้น


               “ทำไมพาลีถึงมาเป็นหมอดูล่ะครับ”


                ติณณ์เท้าคางพลางนั่งจ้องหน้าพาลีอีกครั้ง


               “ผมไม่เคยนึกว่าจะมีหมอดูหนุ่มๆและหน้าตาดีอย่างพาลีในประเทศไทยด้วย”


               “ตระกูลของผมเป็นหมอดู และผมเองก็สนุกกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่จำความได้”


               “เคยเจอลูกค้าแปลกๆไหมครับ”


               พาลีนิ่งงัน เขาเหลือบตามองติณณ์อย่างชั่งใจก่อนจะเอ่ยตอบออกไป


               “ที่แปลกน่ะไม่มีหรอกครับ จะมีก็แต่ลูกค้าที่ผมเสียใจที่เตือนเรื่องเคราะห์ร้ายของเขาแล้วไม่สำเร็จ อย่างภรรยานักธุรกิจคน

หนึ่งที่เพิ่งถูกยิงเสียชีวิตจนเป็นข่าวดังไม่นานมานี้ คุณติณณ์ก็น่าจะรู้จักเพราะเขาเป็นแฟนคลับของคุณ”


               สีหน้าของติณณ์เปลี่ยนไปแวบหนึ่ง แต่แค่แวบเดียวพาลีก็เห็นเขากลับมายิ้มแย้มเช่นเดิม พาลีนึกเจ็บใจที่ติณณ์ไม่มีพิรุธมาก

ไปกว่านี้เมื่อเขาลองแหย่ให้ติณณ์คายความลับ


               “งั้นหรือครับ มิน่าล่ะพาลีถึงเตือนผมเรื่องดวงที่กำลังตก ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”


               “ครับ ผมห่วงทุกคนที่ผมได้ดูดวงให้”


               ติณณ์ยังคงยิ้มออกแม้ว่าพาลีจะไม่หลงกลไปกับสเน่ห์ที่เขาโปรยให้ ชายหนุ่มลุกขึ้นและขอตัวเข้าห้องน้ำชั่วครู่ เมื่อกลับมา

เขาก็บอกกับพาลี


               “ห้องน้ำว่างอยู่ครับ คนเข้าน้อยแล้ว พาลีไปเข้าห้องน้ำเถอะเดี๋ยวขากลับไปส่งพาลีอาจจะนาน เพราะรถติด ผมไม่อยาก

รบกวนเวลาของพาลีมากไปกว่านี้”


               ไม่มีพิรุธให้เห็นสักอย่าง และฤทธิ์ของไวน์กำลังทำให้พาลีไม่สบายตัวอยากเข้าห้องน้ำเช่นกัน เขาเข้าห้องน้ำไม่นานนักและ

เมื่อออกมาก็เห็นเพียงแก้วน้ำเปล่าใสแจ๋ววางอยู่บนโต๊ะขณะที่จานเปล่าถูกลำเลียงเก็บไปหมดแล้ว


               “ดื่มน้ำเปล่าล้างความขมในปากก่อนนะครับพาลี”


               ติณณ์ดันแก้วน้ำทรงสูงมาให้เขา พาลีพิจารณาแล้วมองไม่เห็นตะกอนหรือสีใดๆภายในแก้วน้ำเย็นจัดจนไอเกาะอยู่ที่ผิวแก้ว

พาลีจึงวางใจยกขึ้นดื่มจนเกือบหมด ติณณ์ชวนเขาคุยเรื่องสัพเพเหระอีกเพียงพักเดียวพาลีก็เริ่มจะเวียนหัว


               “ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะพาลี รีบกลับดีกว่าครับผมไปส่ง”


               พาลีพยักหน้ารับ เขาเองก็อยากจะกลับและมุดศีรษะหนักๆลงไปกับหมอนเสียที แต่เมื่อลุกขึ้นยืนพาลีก็หน้ามืดจนติณณ์ต้อง

รีบเข้ามาประคองไว้ เขาเอะใจกับอาการที่เกิดขึ้นกะทันหันและสังหรณ์ใจทันทีว่าเสียท่าให้กับผู้ชายเหลี่ยมจัดอย่างติณณ์เข้าเสียแล้ว

พาลีพยายามผลักไสติณณ์แต่ก็ไม่เป็นผล


               “ไม่เป็นไร ผม...”


               “พาลีอย่าดื้อสิครับ ยืนยังไม่อยู่เลย ให้ผมพากลับไปที่รถดีกว่า”


               ติณณ์ไม่ฟังเสียง เขากึ่งลากกึ่งประคองพาลีเดินออกไปด้านนอกของร้านอาหาร เขายิ้มกริ่มเมื่อเห็นอาการของพาลีที่เริ่มจะ

ตาลอยแทบไม่ได้สติ เป็นไปตามแผน ติณณ์รู้ว่าพาลีไม่ใช่คนโง่แถมยังละเอียดถี่ถ้วน ติณณ์จึงเลือกตัวยาสูตรใหม่ที่สามารถละลายใน

น้ำเปล่าได้โดยไม่มีสีกลิ่นและรส ในที่สุดเขาก็กำลังจะได้ครอบครองพาลีในอีกไม่นานนี้เมื่อเขากำลังลากพาลีมาถึงประตูรถของเขา


               ติณณ์รีบเปิดประตูรถและเตรียมจะดันร่างของพาลีเข้าไปด้านใน แต่ทันใดนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวติณณ์ก็ถูกอะไรบางอย่าง

กระแทกเข้าที่ชายโครงจนเสียหลัก ร่างของพาลีหลุดจากมือของเขาและถูกกระชากออกไปทันที เมื่อติณณ์หันไปมองต้นเหตุเขาก็หน้า

ซีดเมื่อเห็นว่าเป็นนายไข่ที่ชิงตัวพาลีไป นายไข่มองเขาด้วยสายตาวาวโรจน์ราวกับจะฆ่าติณณ์ได้ในพริบตา


               “ไอ้ไข่ มึงอย่าเสือกเรื่องคนอื่นเป็นขี้ข้าก็อยู่ส่วนขี้ข้า ส่งพาลีมาให้กูเดี๋ยวนี้”


               สุดเขตโมโหจนหน้าเขียว หากไม่มีร่างของพาลีที่ยืนตาลอยอยู่ในวงแขนเขาคงพุ่งเข้าไปกระทืบติณณ์ให้สลบคาเท้า แต่

เพราะเป็นห่วงพาลีมากกว่าเรื่องอื่นทำให้เขาไม่อาจทิ้งพาลีไปทำอย่างที่ต้องการได้


               “คนอย่างมึงนี่มันชั่วช้าสารเลวชิบหาย”


               สุดเขตเค้นเสียงออกมาด้วยความโกรธ ดวงตาคมมองติณณ์จนเจ้าตัวเสียวสันหลัง


               “ทำตัวเหี้ยๆโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนเพราะมึง กูอยากจะรู้นักว่าอสุจิที่ทำให้มึงเกิดมามันตั้งใจให้มึงเกิดเป็นมนุษย์

หรือเปล่าถึงได้เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน จำไว้ว่าความยุติธรรมยังมีอยู่บนโลก กูจะไม่ปล่อยให้มึงไปทำชั่วให้หนักโลกอีกแน่ๆ”


               ติณณ์กัดฟันกรอดมองดูสุดเขตประคองพาลีจากไป สมองของเขาแทบระเบิดด้วยความแค้นจากวาจาของสุดเขตที่กรีดลึกลง

บนหัวใจของเขาจนเลือดซิบ ความเป็นเด็กกำพร้าขาดคนเหลียวแลเป็นปมด้อยที่ทำให้ติณณ์ทะเยอทะยานและต้องการเป็นที่รักจนมา

เป็นศิลปินเพียงเพื่อให้ทุกคนได้มองเห็นคุณค่าของเขา รวมถึงความขัดสนในวัยเยาว์ทำให้ติณณ์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขา

ต้องการรวมถึงพาลีด้วย


               และตอนนี้สุดเขตเป็นตัวอันตรายสำหรับเขา!


               ภาคภูมิลงมือปิดปากคุณนายสมรเพราะเกรงว่าหญิงคนนั้นจะคายความลับเรื่องความสัมพันธ์อันน่าอับอาย ติณณ์มั่นใจใน

อิทธิพลของภาคภูมิจนไม่ได้สนใจในคดีนี้จนกระทั่งได้ยินพาลีเอ่ยถึงเมื่อตอนนั่งที่โต๊ะอาหารเขาจึงฉุกใจคิด ที่แท้พาลีก็เป็นหมอดูที่

คุณนายสมรเคยพูดถึงบ่อยๆแต่ติณณ์ไม่ได้ใส่ใจ ภาคภูมิเคยเล่าให้เขาฟังว่าหมอดูคนนั้นถูกกันไว้เป็นพยานและมีนายตำรวจคอยคุ้มกัน

ภาคภูมิเองก็คิดจะปิดปากหมอดูคนนั้นด้วยการตัดสายเบรกรถยนต์หรือส่งคนไปอุ้มมาจัดการหากแค่นายตำรวจที่ดูแลอยู่ก็แก้ไข

สถานการณ์ได้อย่างน่าเจ็บใจ ดีที่ว่าสามารถป้ายความผิดไปให้เสี่ยพิชัยสามีของคุณนายสมรได้แล้วภาคภูมิจึงพอจะเบาใจลงได้บ้าง


               แต่ตอนนี้ติณณ์สงสัยว่านายไข่คนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา เขาเดาว่านายไข่ต้องเป็นตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้

พาลี และดูเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องราวของติณณ์กับภาคภูมิมากกว่าที่คิดไว้ ไวเท่าความคิดติณณ์รีบเข้าไปในรถยนต์และหยิบโทรศัพท์มือ

ถืออีกเครื่องหนึ่งที่ซ่อนไว้ในลิ้นชัก มันมีเบอร์โทรของคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่บันทึกไว้


               “คุณ มีเรื่องด่วน ต้องคุยเดี๋ยวนี้”


                ติณณ์ถือสายรอภาคภูมิอย่างหงุดหงิดกว่าปลายทางจะกลับมาพูดกับเขาอีกครั้ง


               “มีอะไรด่วนขนาดนั้นติณณ์”


               ภาคภูมิเองก็หงุดหงิดไม่แพ้กันเพราะเขาอยู่ในงานเลี้ยงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและจำเป็นต้องปลีกตัวมาคุยกับติณณ์


                “คุณเคยเล่าให้ผมฟังว่าคดียายสมรมีหมอดูคนหนึ่งเป็นพยานปากสำคัญและมีคนคุ้มครองใช่ไหม ที่ทำให้คุณปวดหัวเพราะ

ไม่แน่ใจว่ายายคุณนายนั่นจะเล่าเรื่องอะไรให้หมอดูฟังหรือเปล่า”


                “ใช่ ไอ้ผู้หมวดที่ดูแลพยานมันเก่งเกินกว่าที่ฉันคาดไว้ ก็ไอ้หมอดูคนที่นายไปทำบุญด้วยที่วัดวันนั้นไงล่ะ”


                “นั่นแหละ ที่ผมจะบอกคุณ”


                 ติณณ์รีบพุ่งเป้าทันทีแต่เขาก็ยังไม่วายปกป้องพาลีไว้เพราะความปรารถนาในตัวชายหนุ่ม


                “ผมได้ลองคุยกับหมอดูแล้วเขาไม่รู้เรื่องอะไรหรอก แต่ไอ้คนติดตามผมเดาว่าวันต้องเป็นตำรวจคนนั้น มันพูดเหมือนกับว่า

มันรู้เรื่องของเรา ผมว่าคนที่คุณต้องรีบจัดการคือไอ้ตำรวจเวรนั่นต่างหากล่ะ ถ้ามันสืบจริงๆพวกเราซวยแน่”

ภาคภูมิชะงักทันทีเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของติณณ์ ความเครียดยิ่งเข้ามารบกวนจนปวดขมับ


             “โอเค มันจะไม่มีทางได้สืบมากไปกว่านี้หรอก ฉันจะจัดการมันเอง”


              สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปแล้วแต่ติณณ์ยังนั่งเจ็บใจอยู่ในรถ เขาจะรอวันที่นายไข่ถูกกำจัดและวันนั้นเขาจะต้องได้พาลีมา

ครอบครองให้ได้



             มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-12-2016 20:14:58


อ่านต่อตรงนี้...




                    สุดเขตมองพาลีที่นั่งตาลอยอยู่ข้างๆอย่างเป็นห่วง เขาเหยียบคันเร่งจนจมมิดและปาดซ้ายปาดขวามาตลอดทางแต่ก็ยัง

ไม่ได้ดั่งใจ กว่าจะมาถึงหน้าตึกแถวของพาลีเจ้าตัวก็เริ่มสั่นจนสุดเขตตกใจ


                   “พาลี เป็นอะไร!”


                  ติณณ์มอมยาพาลีแน่ๆแต่สุดเขตไม่รู้ว่ายาที่ติณณ์ให้พาลีกินเข้าไปนั้นคือยาอะไร ตอนนี้เขาได้แต่ตกใจที่พาลีใบหน้าแดง

ก่ำเหงื่อแตกเต็มตัว สุดเขตรีบลากพาลีเข้าไปภายในตึกแถวเขารีบปิดประตูอย่างรวดเร็วก่อนจะแบกพาลีไว้บนบ่าพลางพาขึ้นไปชั้นบน

เขาวางพาลีลงที่กลางห้องขณะนั้นพาลีก็เริ่มทุรนทุราย


                 “ร้อน เขต กูร้อน”


                  พาลีถอดเสื้อผ้าตนเองแต่ก็ไม่ทันใจจนต้องกระชากเสื้อเชิ้ตออกจนขาดวิ่น สุดเขตตะลึงในอาการของพาลี เขาต้องรีบตั้ง

สติเมื่อรู้แล้วว่าติณณ์ใช้ยาอะไรกับพาลี


                  ยาปลุกเซ็กส์!


                   พาลีล้มลงไปนอนดิ้นพล่านอยู่กับพื้น ดวงตาเรียวที่สุดเขตชอบมองบัดนี้เต็มไปด้วยความต้องการ กลีบปากสั่นระริกนั้นถูก

เจ้าตัวกัดจนห้อเลือดเมื่อพาลีกำลังต่อสู้กับอาการจากฤทธิ์ของยา เนื้อตัวของพาลีสั่นสะท้านจนสุดเขตสงสารเหลือเกิน


                “ไอ้ลี”


                “อย่า อย่าเพิ่งเข้าใกล้กู เขต”


                 พาลีพยายามห้ามสุดเขตที่ทำท่าจะเข้ามาหาเขา ความต้องการถาโถมโดยที่พาลีไม่รู้ว่าเขาควรจะจัดการกับมันเช่นไรจึงจะ

หายจากความทรมาน แต่ในที่สุดพาลีก็ยอมแพ้ เขาเอ่ยปากออกมาอย่างจนแต้มต่อทางออก


                “เขต ช่วยกูด้วย มึงทำอะไรก็ได้ให้กูหายที กูไม่ไหวแล้ว”


               สุดเขตโกรธแค้นติณณ์นักเมื่อเห็นอาการของพาลี เขานึกไม่ออกเลยว่าหากเขาไปช่วยพาลีไว้ไม่ทันการคนที่เขารักจะต้อง

พบเจอกับเหตุการณ์อะไรบ้าง หากตอบจากใจจริงแล้วสุดเขตเองก็อยากจะมีความสัมพันธ์กับพาลีฉันท์คนรัก ถ้าเขาจะฉวยโอกาสกับ

ร่างกายที่เต็มไปด้วยความต้องการนี้ก็ได้ แต่มันจะมาจากความเต็มใจของพาลีหรือก็เปล่า เขาต้องการให้พาลีตอบสนองเขาจากหัวใจ

มากกว่า สุดเขตทนไม่ได้ถ้าเขาจะกลายเป็นคนฉวยโอกาสในสายตาของพาลี

                 สุดเขตกระชากแขนพาลีให้ลุกจากพื้น เขาลากพาลีไปยังห้องน้ำและเปิดน้ำจากฝักบัวราดรดลงไปบนร่างกายร้อนผ่าวตั้งแต่

ศีรษะจรดปลายเท้าเพื่อให้ความเย็นของสายน้ำช่วยดับความร้อนรุ่มให้พาลี


                “ไอ้ลี ตั้งสติหน่อยอย่ายอมแพ้มันสิวะ”


                 สุดเขตใช้มือบีบกรามของพาลีให้อ้าปากเพื่อให้พาลีกลืนกินน้ำจากฝักบัวเข้าไปให้ได้มากที่สุด พาลีเจ็บใจตัวเองที่โง่งม

หลงกลติณณ์จนน้ำตาไหลปะปนไปกับสายน้ำ เมื่อร่างกายพบความเย็นอาการร้อนรุ่มก็เริ่มคลายลง พาลีพิงหลังไปกับผนังห้องน้ำและ

ทรุดนั่งไปกับพื้น เขาปล่อยให้สุดเขตใช้น้ำช่วยบรรเทาอาการจากฤทธิ์ของยาจนกระทั่งความต้องการค่อยๆหมดไป ในที่สุดเขาก็หยุด

ดิ้นรนและร้องไห้ออกมา


                “ลี อย่าร้องไห้”


                ฝักบัวถูกปล่อยทิ้งอย่างไม่สนใจใยดีเมื่อเห็นว่าพาลีหายจากฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กส์แล้ว สุดเขตจึงทรุดตัวลงและโอบกอด

พาลีไว้ทันที เขาลูบศีรษะของพาลีอย่างเห็นใจ


               “มึงไม่เป็นอะไรแล้ว”


                “เขต กูมันโง่ ทั้งที่กูระวังแล้วกูขอโทษ แถมกูยังพูดอะไรโง่ๆออกไปให้มันสงสัยด้วย กูขอโทษนะเขต”


                “อย่าขอโทษกู เพราะว่ามึงไม่ผิด คนผิดคือไอ้เหี้ยติณณ์ต่างหาก มันเลวเกินไปจนคนอย่างมึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของมัน”


                 สุดเขตอุ้มพาลีออกจากห้องน้ำกลับมาที่ห้องนอน เขาใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำบนเนื้อตัวของพาลีอย่างทะนุถนอมและหาเสื้อผ้า

มาให้พาลีใส่จนเรียบร้อยจึงค่อยจัดการกับตัวเองที่เปียกโชกไม่แพ้กัน ตลอดเวลาพาลีซาบซึ้งกับการกระทำของสุดเขตจนขอบตาร้อน

ผ่าว


                 “เป็นอะไรอีกล่ะมึง วันนี้ขี้แยชิบหาย”


                   สุดเขตยิ้มปลอบโยน เขารู้ดีว่าวันนี้พาลีอ่อนแอกว่าทุกวันเพราะเกือบพบเจอกับเรื่องเลวร้ายหากเขาไปช่วยไม่ทัน สุดเขต

โน้มกายของพาลีให้นอนลงไปบนเตียง


                 “นอนได้แล้ว เดี๋ยวก็ป่วยหรอกมึง”


                  “เขต”


                  พาลีดึงมือสุดเขตไว้ ดวงตาอันอ่อนระโหยจ้องมองสุดเขตอย่างวอนขอ


                  “อยู่ใกล้ๆกูหน่อย กูขอร้อง เฉพาะตอนนี้ก็ได้”


                 “เอ้า ไอ้เวรนี่”


                 สุดเขตส่ายหน้าพลางล้มตัวลงนอนเคียงข้างพาลี เขาดึงพาลีเข้าสู่อ้อมกอด


                 “กูอยู่ใกล้มึงได้ทุกเวลา แล้วก็ตลอดไปด้วยไม่ใช่เฉพาะตอนนี้”


                 หางตาของพาลีเปียกชื้น เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมที่แสนอ่อนโยนยามมองมาที่เขา บัดนี้พาลียอมรับแล้วว่าหัวใจ

ของเขามีสุดเขตอยู่เต็มทุกห้อง เขาไม่อาจอยู่เพียงเดียวดายโดยไม่มีสุดเขตเคียงข้าง


               “เขต จูบกูหน่อยได้ไหม”


               “ไอ้เหี้ยลี มึงเพิ่งจะรอดจากฤทธิ์ยาแล้วทำไมถึงมาอ่อยกูอย่างนี้วะ เดี๋ยวมึงจะไม่รอดซะจริงๆหรอก”


                สุดเขตเอ็ดเสียงเขียวแต่เมื่อเห็นดวงตาที่มองมาของพาลีเขาก็ถอนหายใจ คางเรียวของพาลีถูกสุดเขตดันให้ยกสูงก่อนที่

เขาจะก้มหน้าลงและประกบปากลงไปบนปากของพาลีอย่างนุ่มนวล


               เป็นครั้งแรกที่พาลีเป็นฝ่ายรุกไล่ เขาชิงหยอดปลายลิ้นเข้าหาสุดเขตที่ยังแปลกใจกับท่าทีของเขา สุดเขตปล่อยให้พาลีจูบ

อย่างเก้ๆกังๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะชิงเป็นฝ่ายรุกกลับคืน แต่จูบของสุดเขตไม่ได้แสดงออกถึงความต้องการที่มากไปกว่าปลอบโยนให้พาลี

สงบลงได้ภายใต้อ้อมกอดของสุดเขต


               “นอนได้แล้วพาลี วันนี้มึงเจอเรื่องร้ายๆมาพอแล้ว”


                สุดเขตกระซิบกล่อมอยู่ข้างหูเมื่อเห็นพาลีพริ้มตาลงพร้อมกับผ่อนลมหายใจจนกระทั่งสม่ำเสมอ เขาจูบที่หน้าผากของพาลี

แผ่วเบา


                “ฝันดีนะลี กูรักมึงนะ”
 
             

                                   TBC

                           ตอนหน้าจบแล้วนะฮับ

                           อุ๊ยตาย ว้ายกรี๊ดดดด มีตำหนวดมาเยี่ยม

                          :-[ :-[

หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-12-2016 20:29:11
เจอที่ใส่ชื่อผิดด้วยนะ
แต่คนที่ทำให้พาลี (ติณณ์)รุ่มร้อนและอยากเป็นเจ้าของ
“ทำไมสุดเขต (พาลี)ถึงมาเป็นหมอดูล่ะครับ”

จะจบแล้วเหรอนี่ คู่พระนายยังไม่ทันหวานจนมดขึ้นจอเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 19-12-2016 20:30:17
ไอ้ตีน ไอ้เลววววว อย่างอีนี่ต้องเป็นเอดส์ตาย
ผีแห้งกับโลงผุ เลวพอกันเลย  :pigangry2: :5779:

คุณตำหนวดสุดเขตเท่สุดๆไปเบยยย หล่อน่าลาก  :interest:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 19-12-2016 20:32:13
แม่งไอ้ตินแม่งเลวววววว

สุดเขตระวังตัวให้ดีน้า
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Take ที่ 19-12-2016 20:33:50
กรีีดดดดดดดด ทำไมน้องลีคอนโดนยาน่ารังแกแบบนี้~
 :hao6: :hao6:

ครวหน้าต้องไม่รอด ขอให้ไม่รอดๆ อ๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-12-2016 20:36:16
เจอที่ใส่ชื่อผิดด้วยนะ
แต่คนที่ทำให้พาลี (ติณณ์)รุ่มร้อนและอยากเป็นเจ้าของ
“ทำไมสุดเขต (พาลี)ถึงมาเป็นหมอดูล่ะครับ”

จะจบแล้วเหรอนี่ คู่พระนายยังไม่ทันหวานจนมดขึ้นจอเลยอ่ะ




แก้ไขแล้ว
ขอบคุณนะคะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 19-12-2016 20:53:03
สุดเขต สุภาพบุรุษมากกกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-12-2016 21:36:56
 :angry2: เลวมาก  :z6: เชื่อเถอะเดะอิตินก็ตายด้วยมืออิผู้การ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 19-12-2016 21:42:06
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-12-2016 21:42:45
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
เลวแพ็คคู่จริงๆทั้งผู้การทั้งติณน์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-12-2016 22:22:16
มีเรื่องอีกล้าวว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 19-12-2016 23:21:35
แงงงงงงง
ผู้การไหวตัวแล้วอ่ะ
ต้องดูแลกันดีดีนะ อยากบอกภัยให้รู้กัน แต่ฉันมันแค่คนอ่าน งื้อออ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 20-12-2016 00:07:41
โอ๋ๆๆ ลีไม่ร้องน้าา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 20-12-2016 00:12:00
ตอนหน้าจบ แสดงว่ามันจะต้องพีคมากแน่ๆ คุณภาคภูมิจะทำอะไร เด้งสุดเขตไปที่อื่นหรือเปล่า แล้วตินจะรอดจากลางร้ายไหม พาลีจะยอมสุดเขตแล้วสักทีใช่หรือไม่

รอ..
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-12-2016 00:27:10
ติณมันเกินเยียวยาแล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-12-2016 00:27:40
ตึงค่ะ ตอนหน้าจบ 555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 20-12-2016 02:00:25
เพิ่งมาอ่าน อ่านรวดเดียวจนบทล่าสุดเลย  อ่านบทแรกๆสะดุดชื่อพาลีเกี่ยวพันกับเรื่อง " เธอมีชู้ " รึป่าวคับ
  พาลีกับหมวดสนุกมากๆและรอลุ้นว่าจะจบแบบโศกนาฏกรรมความรักรึป่าวคับ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-12-2016 05:45:54
อืม ตอนหน้าจบ ตอนหน้าจบ ตอนหน้าจบ กูรักมึงนะ <ลี>
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-12-2016 06:37:04
จะจบแล้วเร็วจัง ตอนหน้าภาคภูมิจะออกโรงเองเลยหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-12-2016 07:49:52
อ่านไปลุ้นไป ลีก็เลิกปากแข็งได้แล้วน้า    :hao6:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 20-12-2016 08:25:50
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: naritz ที่ 20-12-2016 14:42:21
จะจบแล้วเหรอคะ ไวจังแหะๆ กำลังสนุกเลย เขตดีที่ซู้ดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-12-2016 22:11:28
ตอนหน้าจบแล้วเหรอ ฮือออ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-12-2016 00:56:53
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-12-2016 13:10:43
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 19 [19/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-12-2016 16:11:12
 :mew1:
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-12-2016 17:44:08

                                                                 คดีรักนักดูดวง

                                                                     บทที่ 20               


               เป็นเช้าที่พาลีตื่นขึ้นมาด้วยความไม่สบายตัวนัก กล้ามเนื้อของเขาขัดยอกไปแทบทั้งตัวขณะที่เขาค่อยๆขยับตัวออกจากวง

แขนของสุดเขตที่วางพาดอยู่ตรงเอวของเขา สุดเขตลืมตาตื่นตามขึ้นมาทันทีพร้อมทั้งมองพาลีอย่างสำรวจ


               “เป็นอะไรมากหรือเปล่าวะลี”


               “ไม่เป็นไรหรอก แค่ปวดเมื่อยนิดหน่อย”


               พาลีหน้าร้อนเมื่อเห็นสายตานั้นแต่บัดนี้พาลีพร้อมที่จะประสานสายตากับสุดเขตโดยไม่คิดหลบเลี่ยงอีกแล้ว


               “เรื่องเมื่อคืนขอบใจมึงมากนะที่ไม่ได้ทำอะไรกู ทั้งๆที่มึงจะทำก็ได้แต่มึงก็ไม่ได้ทำ”


               “กูเป็นสุภาพบุรุษพอโว้ย แหม ปลื้มล่ะสิมึง” สุดเขตยิ้มแป้นพลางยืดอกยอมรับคำชื่นชม


               “กูเทพพอที่จะทำให้มึงร้องครางได้โดยไม่ต้องพึ่งไอ้ยานรกนั่นของไอ้เหี้ยติณณ์หรอก”


               “ขี้คุยชิบหาย”


               พาลีเบะปากอย่างหมั่นไส้กับความหลงตัวเองของสุดเขต แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าสุดเขตทำให้เขาเตลิดไปแล้วหลายครั้ง พาลี

คิดไปไกลว่ากว่าที่สุดเขตจะเชี่ยวชาญขนาดนี้เขาต้องเคยผ่านใครต่อใครมาแล้วหลายคน แล้วกับเขาที่ไร้ประสบการณ์ถึงขั้นไม่เคย

แม้แต่จูบกับใคร สุดเขตจะเบื่อหรือเปล่า


               “เขต มึงจะคบกับกูได้เหรอ มึงจะทนกับคนน่าเบื่ออย่างกูได้ไหม คนที่วันๆทำอะไรซ้ำซากอยู่อย่างนี้”


               สุดเขตมองใบหน้าของพาลีที่แสดงถึงความหวั่นไหวและขาดความเชื่อมั่นออกมาอย่างเข้าใจ เขารู้ดีว่าพาลีเป็นคนคิดเยอะ

และมักจะคิดไปไกลด้วยเหตุผลร้อยแปด


               “มีอะไรที่กูจะต้องทน หือ ลี”


               สุดเขตกล่าวเสียงนุ่ม วางมือบนศีรษะของพาลีและโยกเบาๆ


               “กูเองเป็นคนที่ความอดทนต่ำ แต่การที่ได้อยู่ใกล้ๆมึงมันทำให้กูเย็นลงได้และโคตรมีความสุข มึงอย่ากังวลเลยน่า เราน่ะเป็น

เนื้อคู่กันนะ”


               สุดเขตกุมมือพาลีขึ้นมาและวางมือของเขาแนบไปกับมือของพาลี


               “มีด้ายแดงผูกเราติดกันไปทุกชาติมึงไม่เห็นเหรอ”


               “ด้ายแดงเหี้ยไรวะ ไร้สาระ”


               พาลีหัวเราะแก้เขิน สุดเขตเลิกคิ้วเหรอหราเมื่อเห็นท่าทางของพาลี


               “อ้าว ไอ้เหี้ยลี มึงเป็นหมอดูนะแล้วทำไมเสือกไม่เชื่อเรื่องเนื้อคู่ขึ้นมาซะงั้น ขี้เกียจคุยกับมึงละ ไปอาบน้ำดีกว่า”


               สุดเขตลงจากเตียงและตรงไปห้องน้ำ พาลีมองตามแผ่นหลังนั้นไปอย่างอารมณ์ดี การที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้วมีสุดเขตอยู่ใกล้ๆ

มันทำให้พาลีมีความสุขและมีชีวิตชีวากว่าแต่ก่อน


               เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะพาลีจากภวังค์  เขาลุกขึ้นตามหาเสียงก่อนจะพบว่ามันคือเสียงโทรศัพท์ของสุดเขต หัวใจของ

พาลีเต้นถี่ขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา


               ผู้การภาคภูมิ!


               ขนที่หลังคอลุกชันขึ้นเป็นแถบ คิ้วของพาลีย่นเข้าหากันก่อนที่เขาจะตัดสินใจรับโทรศัพท์นั่น


               “ฮัลโหล”


               พาลีได้ยินเสียงลมหายใจของภาคภูมิจากนั้นเขาจึงได้ยินเสียงที่พาลีไม่มีวันลืมเลือน


               “สวัสดีคุณหมอดู”


               หัวใจของพาลีกระตุกราวกับดูหนังผีสั่นประสาท มือที่กุมโทรศัพ์ชื้นไปด้วยเหงื่อจนเย็นเฉียบ


               “สุดเขตไม่อยู่ ผมจะวางสาย”


               เสียงหัวเราะดังแว่วมาจากปลายสาย พาลีเกลียดเสียงนั่นเพราะมันช่างคล้ายกับเสียงหัวเราะของผีห่าซาตานอันแสนเลวร้าย


               “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าผมจงใจโทรหาคุณ”


               “ผมไม่เดา ไม่มีเรื่องที่ต้องเดา ผมไม่มีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณ”


               พาลีพยายามบังคับเสียงให้สั่นน้อยที่สุด เขาจะให้ภาคภูมิรู้ไม่ได้ว่ากำลังหวาดหวั่นกับการคุกคามที่ภาคภูมิกำลังทำอยู่


               “ไม่อยากรู้เหรอว่าผมจะทำอะไรกับหมวดสุดเขตได้บ้าง”


               น้ำเสียงเย็นเยียบสะกดให้พาลีไม่อาจตัดสายทิ้งได้อย่างใจคิด แม้จะรู้ว่านี่คือการขู่ของภาคภูมิก็ตาม


               “ได้ยินจากเพื่อนร่วมงานของหมวดสุดเขตบอกว่าคุณกับเขาเป็นเพื่อนเก่ากันมา และดูจากความสนิทสนมที่มีให้กันแล้ว ผม

คิดว่าพวกคุณคงไม่ใช่เป็นเพียงเพื่อนเก่า”


               “คุณ...”


               “ผมอาจจะพักงาน อาจจะแค่ย้ายเขาไปอยู่พื้นที่อันตราย หรืออาจจะส่งเขาไปทำคดีเสี่ยงตาย หรือว่าผมอาจจะทำให้เขา

หมดอนาคตจากอาชีพนี้ไปเลย”


               “คุณต้องการอะไร” พาลีเอ่ยอย่างเหลืออด “พูดมาตรงๆเลยดีกว่า”


               “อยู่ห่างหมวดสุดเขต อย่าทำให้คดีมันพลิกไปจากที่เป็นอยู่ หากมีอะไรที่หลุดออกมาจากคุณ ผมรับรองว่าหมวดสุดเขตจะ

เป็นรายต่อไปที่ต้องถูกปิดปากจากเรื่องทั้งหมด”


               ทันทีที่เสียงเหี้ยมพูดจบลงสัญญาณก็ถูกตัด ทิ้งไว้แต่พาลีที่ยืนตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ภาคภูมิฉลาดที่จี้เขาถูกจุด ในเมื่อ

ตอนนี้สุดเขตคือจุดอ่อนของพาลี


               “หิวข้าวแล้วว่ะลี”


               สะดุ้งเฮือกเมื่อสุดเขตเดินกลับเข้ามาในห้อง พาลีหันไปฝืนยิ้มจนสุดเขตมองอย่างสงสัย


               “เป็นอะไรวะหน้าซีดจัง”


               “มะ ไม่เป็นไร กูไปอาบน้ำก่อนนะ”


               พาลีหลบหน้าสุดเขตจนอีกฝ่ายยิ่งแปลกใจ แต่สุดเขตก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมานอกจากมองตามหลังพาลีที่เดินหนีไปอาบ

น้ำ สุดเขตยักไหล่อย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้นจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น


               “ว่าไงพี่บัติ” สุดเขตส่งเสียงทักทายรุ่นพี่


               “มีข่าวจะแจ้งว่ะเขต เจ้านายมีคำสั่งให้ยกเลิกการคุ้มกันพยานแล้วเพราะเสี่ยพิชัยยอมรับสารภาพว่าฆ่าคุณนายสมรจริง และ

วันนี้จะมีการแถลงข่าวโดยท่านภาคภูมิที่โรงพัก เจ้านายบอกให้มึงมาด้วย”


               “เดี๋ยวนะพี่บัติ”


               สุดเขตอุทานอย่างเหลือเชื่อ


               “เสี่ยพิชัยเนี่ยนะยอมรับสารภาพ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขายืนกรานมาตลอดว่าไม่ได้ฆ่าคุณนายสมร”


               “ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆเช้านี้ก็ยอมรับสารภาพแบบง่ายๆซะงั้นว่ะ”


               “แล้วไอ้ลีล่ะพี่”


                ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะสุดเขตรู้ดีว่าเรื่องราวแท้จริงคืออะไร


               “คุณพาลีเหรอ เขาก็ปลอดภัยแล้วนี่ คนร้ายก็ถูกจับอยู่ในคุกมึงเลิกเป็นห่วงเพื่อนเก่ามึงได้แล้ว เออ แค่นี่แหละ แล้วรีบมาโรง

พักนะเขต งานมีให้มึงมาช่วยอีกเยอะเลยว่ะ”


               สุดเขตยังงงงันไม่เลิกกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งรู้ เขารีบคว้าชุดตำรวจมาใส่เต็มยศจนกระทั่งพาลีเดินกลับออกมาจากห้องน้ำด้วย

สีหน้าที่ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าก่อนหน้านี้เลย


               “ผู้ใหญ่ลี เสี่ยพิชัยยอมรับสารภาพว่าฆ่าเมียตัวเองว่ะ”


               พาลีเองก็ยังอึ้ง แต่เมื่อคิดถึงเสียงที่ยังก้องอยู่ในหัวแล้วพาลีเชื่อว่าเสี่ยพิชัยก็คงโดนไม่ต่างจากเขา


               “ผู้การภาคภูมิจะแถลงข่าววันนี้ที่โรงพัก มึงไปกับกูนะ”


               “กูไม่ไปดีกว่าเขต” พาลีตัดสินใจพูดออกไปหลังจากที่เขาคิดแล้วคิดอีก


               “กูไม่อยากยุ่งกับเรื่องพวกนี้แล้ว”


                “มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ยไอ้ลี”


               สุดเชตครางออกมา เขามองพาลีอย่างผิดหวัง


               “อยู่ๆมึงจะมาทำเมินเฉยใส่เรื่องเลวๆพวกนี้ไม่ได้ มึงไม่เห็นเหรอว่าคนทำผิดยังลอยนวลอยู่แบบนี้ ใจคอมึงจะไม่อยากให้คน

ผิดได้รับโทษเหรอวะ”


               “มึงก็เห็นว่าเขามีอิทธิพลขนาดไหน เขต กูยังมีงานที่ต้อง มีครอบครัว มีพ่อมีน้องๆ เข้าใจกูหน่อยสิ”


               “กูไม่เข้าใจ”


                สุดเขตกล่าวเสียงแข็ง ดวงตาคมที่เคยมองอย่างอ่อนโยนบัดนี้กับแข็งกร้าวจนพาลีสะเทือนใจ


                “ถ้าทุกคนพากันไม่สนใจกับคำว่าผิดชอบชั่วดี และพากันปล่อยให้คนชั่วเดินไปเดินมาได้แบบนี้ โลกมันจะบัญญัติคำว่า

ยุติธรรมขึ้นมาทำไม”


                 “เขต!”


                “กูผิดหวังในตัวมึงว่ะลี”


                นัยน์ตาคู่นั้นมองเขาราวกับจะต่อว่าจนพาลีเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ ใช่ว่าเขาอยากจะเมินเฉยกับเรื่องทั้งหมด แต่เป็นเพราะความ

ห่วงใยที่มีต่อชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า พาลีรู้ดีว่าหากเล่าเรื่องที่ภาคภูมิขู่เขาให้สุดเขตฟัง สุดเขตก็จะยิ่งโกรธและทำอะไรที่มุทะลุไปกว่าเดิม

ทำให้พาลีเลือกใช้วิธีนี้ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าสุดเขตต้องเข้าใจผิด แต่เขาไม่นึกว่ามันจะทำให้เขาเจ็บปวดเหลือเกิน

                สุดเขตหันหลังให้เขา พาลีหลับตาลงเพราะไม่อยากเห็นภาพนั้น ขอบตาของพาลีร้อนผ่าวจนหยดน้ำร่วงลงผ่านร่องแก้มเมื่อ

ได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง เสียงฝีเท้าของสุดเขตที่วิ่งลงบันไดจนลับหายจากไปทำให้พาลีหมดความอดทน เขารีบก้าวตามหลังสุดเขต

ไปยังชั้นล่างทันที


               “เขต เดี๋ยวก่อน ฟังกูก่อน”


                ไม่ทันแล้วเมื่อพาลีลงมายังด้านล่างของตึกแถว เขามองเห็นสุดเขตก้าวขึ้นไปนั่งบนรถยนต์และเหยียบคันเร่งจากไป พาลี

กลั้นสะอื้นกับความสัมพันธ์ที่แตกหักอย่างเลวร้าย เขาได้แต่มองท้ายรถของสุดเขตจนลับตาก่อนจะกลับเข้ามาภายในห้องอย่างหมดแรง

พาลีคงจะนั่งซึมอยู่อย่างนั้นถ้าหากว่าไม่มีแขกไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งบุกรุกเข้ามาให้ห้อง พาลีเบิกตากว้างกับท่าทีคุกคามของพวกมัน

เหล่านั้น




        มีต่ออีกนิด....


หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-12-2016 17:51:59


ต่อกันตรงนี้...




             สุดเขตหงุดหงิดอยู่ในรถยนต์ของเขา การแสดงออกของพาลีสร้างความประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงภายในเวลาไม่นาน

นัก มันทำให้สุดเขตทั้งผิดหวังและโกรธที่พาลีทำท่าเหมือนยอมแพ้ต่อความชั่วร้าย แต่เมื่อคิดดูแล้วสุดเขตไม่อยากจะเชื่อว่าพาลีจะเป็น

คนที่ยอมให้อำนาจมึดเข้าครอบงำ

                ความสงสัยแล่นเข้ามาในสมอง เมื่อต้องจอดรถติดไฟแดงสุดเขตจึงคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเปิดเมนูเบอร์โทรล่าสุด สุด

เขตเปิดย้อนกลับไปก่อนที่จะเป็นเบอร์ของสมบัติสุดเขตก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพาลีถึงเปลี่ยนไป

                 ความคิดสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงแตรจากรถคันหลังเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว สุดเขตรีบบังคับรถให้เคลื่อนที่ทันที

ความคิดของสุดเขตยังคำนวณถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นจนกระทั่งเขาต้องเหยียบเบรกจนจมมิดเมื่อมองเห็นเงาลางๆวิ่งตัดหน้าแต่

เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับไม่มีสิ่งใดที่ขวางอยู่หน้ารถนอกจากรถคันอื่นบนท้องถนนและเสียงแตรจากรถคันหลังที่เขาเบรกโดยไม่มีสาเหตุ

เงาผู้หญิงแน่ๆ และคุ้นตาด้วย สุดเขตเสียวสันหลังวาบเมื่อในมโนสำนึกบอกว่านั่นเป็นเงาของผู้หญิงที่อยู่ในความคิดของสุดเขตมาก

ที่สุดในช่วงนี้

              คุณนายสมร!

               อะไรบางอย่างทำให้สุดเขตหวาดวิตก หากเขาจะเรียกมันว่าลางสังหรณ์ก็คงไม่ผิด ความห่วงใยพุ่งวูบไปยังตึกแถวที่เพิ่งจะ

ขับรถจากมาด้วยความไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้สุดเขตไม่มีเวลาคิดอย่างอื่นนอกจากหาทางขับรถยูเทิร์นกลับไปยังตึกแถวของพาลีทันที

ถ้าหากเหาะได้สุดเขตก็คงจะเหาะไปแล้ว ดีที่ว่าเขายังขับรถมาไม่ไกลจากตึกแถวเท่าใดนัก สุดเขตแทบจะกระโจนลงจากรถยนต์และพุ่ง

เข้าไปด้านใน และภาพที่สุดเขตเห็นก็ทำให้เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธที่สุดในชีวิต






                   ติณณ์เดินผิวปากออกมาจากประตูทางเข้าของคอนโดมิเนียมที่เขาซื้อจากน้ำพักน้ำแรง มันเป็นหนึ่งในทรัพย์สมบัติที่เขา

ภูมิใจนักหนา ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้มีที่มาถูกต้องไปเสียทุกส่วนแต่ใครเล่าจะสน ก็ในเมื่อเขาได้ครอบครองมันแล้ว

เขานัดทีมงานของเสี่ยเฮียงไว้ สัญญาระหว่างเขากับค่ายหนังของเสี่ยเฮียงถูกร่างขึ้นมาโดยที่ติณณ์ไม่สนใจสัญญาที่เหลืออีกไม่นานกับ

ค่ายของศุภกิจที่เขาได้ข่าวว่าบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นอาจพิการตลอดชีวิต ติณณ์ได้แต่ยิ้มเยาะกับโชคชะตาที่เขาเป็นคนกำหนดให้เจ้านาย

เก่าที่เคยมีความสัมพันธ์กันมา รายงานเรียลลิตี้ของศุภกิจก็เกิดปัญหาเจ้าของสินค้าถอนโฆษณาจากข่าวฉาวโฉ่ที่เจ้าของรายการกินเด็ก

ที่เข้าประกวด

                 ก็ช่วยไม่ได้ ใครที่ทำให้ติณณ์โกรธก็มักจะมีจุดจบเลวร้ายเช่นนี้ ติณณ์มั่นใจในอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเขา ติณณ์รู้ดีว่า

ภาคภูมินั้นรักและหลงเขามากขนาดยอมทำทุกอย่างให้เขาได้ แปดปีที่ติณณ์และภาคภูมิมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่เขาอายุแค่สิบหกปีคือ

สิ่งพิสูจน์และนั่นทำให้ติณณ์ยังไม่กล้าตัดขาดความสัมพันธ์กับชายรุ่นพ่อ เพราะเขาเองก็เกรงว่าภาคภูมิจะใช้อำนาจนั้นกับเขาเช่นกัน


                ความคิดสะดุดลงเมื่ออยู่ๆก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์กล้ามล่ำกลุ่มสี่หรือห้าคนติณณ์ก็ไม่แน่นใจเข้ามาล้อมเขาด้วยท่าทีไม่ประสงค์ดี

นัก ติณณ์ถอยกรูดทันทีหากแต่แขนทั้งสองข้างกลับถูกจับยึดเอาไว้


               “เฮ้ย อะไรกันวะ”


               ร่างของติณณ์แทบจะลอยอยู่เหนือพื้นเมื่อถูกหิ้วปีกมายังด้านข้างของอาคารที่เป็นมุมลับตา ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็น

ด้านหลังของสตรีผู้หนึ่งยืนรออยู่ ติณณ์ถูกทิ้งลงไปกองอยู่กับพื้น เขาเริ่มหวั่นวิตกเมื่อสตรีผู้นั่นหันมาหาเขาและมองอย่างเคียดแค้น


               “พี่รัตนา!”


               สาวใหญ่ไฮโซภรรยาของศุภกิจกำลังก้มหน้ามองมายังติณณ์ท่ามกลางชายฉกรรจ์ที่ยืนล้อมเป็นวงปิดกั้นหนทางหนีทุกด้าน

ของติณณ์ พระเอกชื่อดังได้แต่ฝืนยิ้มเข้าสู้


              “เกิดอะไรขึ้นหรือครับพี่รัตน์ถึงได้มาหาผม เอ่อ อย่างนี้”


              รัตนามองผู้ชายหน้าตาดีอย่างเกลียดชัง หน้าตาดีหากแต่สันดานเลวร้ายจนยากที่รัตนาจะให้อภัยได้ หล่อนแค่นยิ้มหากแต่

ดวงตาราวกับไฟเผาไหม้ติณณ์


              “พี่รู้เรื่องข่าวของพี่กิจกับเจเจแล้ว”


               รัตนาหมายถึงเด็กหนุ่มที่เข้าประกวดรายการเรียลลิตี้ปีล่าสุดที่มีข่าวกับศุภกิจ


               “พี่ไปถามกับหนังสือที่เขียนข่าวเรื่องนี้” ซึ่งก็แน่นอนว่ารัตนาคงไม่ใช่แค่ถามธรรมดา “เขาบอกว่าติณณ์เป็นคนให้ข่าวนี้ ติณณ์

จะว่าไง”


                “โธ่ พี่รัตน์ ผมก็แค่บ่นๆไปตามประสาแหละครับ ใครจะนึกว่าเขาจะเอาไปเล่นเป็นข่าวล่ะ”


               ติณณ์ฝืนยิ้มแก้ตัวเสียงสั่น แต่ดูเหมือนรัตนาจะไม่เชื่อ


                 “งั้นหรือ พี่ไปถามเจเจแล้วนะ เขายอมรับว่ามีอะไรกับสามีพี่จริง เด็กสมัยนี้มันเลวเนอะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ดี

ติณณ์ว่างั้นไหม”


                 “เอ่อ ครับ”


                กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อรัตนาคาดคั้นหนักข้อขึ้นทุกที แถมไอ้พวกลูกสมุนก็กุ้มรุมติณณ์อยู่ทุกมุม


                 “แต่เจเจบอกว่า มีคนแนะนำให้ทำอย่างนั้น ซึ่งคนแนะนำก็คือรุ่นพี่อย่างติณณ์ เพราะทำแล้วประสบความสำเร็จ เรื่องนี้ติณณ์

มีอะไรจะบอกกับพี่ไหม”


                “พี่รัตน์ครับ คือผม...”


               ติณณ์ยิ่งหน้าซีดเมื่อหาทางแก้ตัวไม่ได้ รัตนาได้ชื่อว่าเป็นภรรยาขี้หึงที่ทุกคนในแวดวงรู้ดี


              “มายุ่งกับผัวของพี่ทำไมติณณ์”


              เส้นผมที่แต่งทรงเป็นอย่างดีถูกกระชากจนหนังหัวแทบหลุด รัตนาฟาดฝ่ามือตบลงไปบนใบหน้าของติณณ์จนแดงไปด้วยรอย

มือ เล็บยาวข่วนไปกับผิวขาวของติณณ์เห็นเลือดซิบเป็นทาง


             “อีกเรื่องนะติณณ์ รถยนต์ที่พี่กิจใช้มันเป็นของพี่ พี่ดูแลรักษาเป็นอย่างดีจนไม่มีทางที่เบรกจะแตกได้เด็ดขาด เพราะความ

สงสัยพี่ก็เลยไปหาญาติที่เป็นผบ.ตร.ของสำนักงานตำรวจให้เขาช่วยหาความจริง เขาก็เลยสืบมาได้ว่าติณณ์เป็นชู้กับลูกน้องของเขา ที่

เป็นคนสั่งให้มาตัดสายเบรก”


            “พี่รัตน์ ผมขอโทษ ผมกลัวแล้วอย่าทำอะไรผมเลย”


              ติณณ์โยนศักดิ์ศรีทิ้งทันที เข้าก้มลงกราบแทบเท้ารัตนาอย่างไม่อาย ความรักตัวกลัวตายทำให้ติณณ์ยอมทำทุกอย่าง แต่มา

ถึงตอนนี้ติณณ์รู้ตัวแล้วว่าเขาขอร้องผิดคนเมื่อรัตนาใช้เท้าถีบบ่าของติณณ์จนหงายหลัง


              “สารเลว ไอ้งูเห่าเลี้ยงไม่เชื่อง”


               รัตนาด่าติณณ์ สายตาของหล่อนกลายเป็นเพลิงจากโทสะจนแทบไม่เหลือมาดความไฮโซ


                “มึงยุ่งกับผัวกู หาเด็กมาให้ผัวกู แถมยังคิดจะฆ่าผัวกูอีก คนอย่างมึงน่ะอยู่ไปก็รกโลก แต่ยังหรอก ถ้าตายมันก็คงจะง่ายไป

มันต้องปล่อยให้มึงอยู่กับกรรมที่มึงต้องชดใช้ไปตลอดชีวิต”


                 ติณณ์ผวาจะหลบหนี แต่เขากลับถูกหิ้วปีกไว้ด้วยลูกน้องของรัตนาจนดิ้นไม่หลุด ติณณ์เบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อ

เห็นรัตนาล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือแบรนด์เนมและมีขวดแก้วสีชาติดมือขึ้นมา รัตนาเปิดฝามันออก ติณณ์ร้องเอะอะหวังจะให้คนอื่น

ได้ยินและมาช่วยแต่ก็เหมือนจะร้างผู้คน ศีรษะของเขาถูกตรึงไว้ไม่ให้ส่ายหน้าหนีในขณะที่รัตนาสาดน้ำในขวดแก้วนั้นใส่ใบหน้าของเขา

เต็มๆ

                    เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นทันทีเมื่อน้ำกรดจากขวดแก้วทำลายเนื้อเยื่อบนผิวหน้าของติณณ์ตั้งแต่ผิวหนังชั้นนอกลงไป

สู่ชั้นกล้ามเนื้อภายใน ร่างของเขาถูกปล่อยให้ดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้นและยิ่งติณณ์ใช้มือแตะต้องส่วนไหนผิวหนังส่วนนั้นก็หลุดลอกออก

มาทั้งหมด ใบหน้าที่ติณณ์แสนจะภูมิใจถูไถไปกับพื้นดินแห้งกระด้างจนแดงก่ำแทบมองไม่ออกว่านี่คือพระเอกละครชื่อดัง


                     รัตนาเหยียดยิ้มอย่างสาแก่ใจ หล่อนและลูกน้องเดินจากไปโดยไม่สนใจกับอดีตของดาราในสังกัดของสามีที่ดิ้นพล่าน

อยู่เบื้องหลังอีกต่อไป


             TBC


               ตอนแรกว่าจะแต่งตอนจบแค่บทเดียว แต่เนื่องจากมันจบไม่ลง

ก็เลยมีบทหน้าเป็นตอนจบที่แท้จริง

               นี่ถ้ามีเม้นท์เกิน 10 เม้นท์ เดี๋ยวลงตอนจบต่อวันนี้เลย
 
               อิอิ


                  :z1: :z1:

หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 21-12-2016 18:04:44
โห ตัวละครมาใหม่นี่โหดจัด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-12-2016 18:09:32
คือรัตนาโหดมากกกกก อ่านไปแล้วกลัวเลย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 21-12-2016 18:11:25
 :hao6:  สะใจมากกับจุดจบของไอ้ตีน 

ช่วงแรกอ่านไปลุ้นไปว่าเห้ยจะจบยังไงเนี่ย  มันจะออกมาแนวไหน 

แต่พอเจ๊รัตเปิดตัวมา  (อินโทรต้องเป็น  ผ่างงงง !!! )  เหมือนเจ๊แกเป็นตัวละครลับที่

ลงมาทีหมากทั้งกระดานโดนเทเกลี้ยงเลย  อยากจะบอกเจ๊รัตว่ากู๊ดจ๊อบบบบบบ 

รอดูจุดจบของภาคภูมิอีกคน 

ปล.ขอให้นู๋ลีปลอดภัย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 21-12-2016 18:12:11
รัตนามาเหนือเมฆมาก จะเป็นยังต่อไป เกิดอะไรขึ้นกับพาลี :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-12-2016 18:15:42
นึกว่าจะจับติณณ์ส่งตำรวจเสียอีก ที่ไหนได้คุณเมียหลวงราดน้ำกรดเสียอย่างนั้น
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 21-12-2016 18:18:18
สะใจกะนายติณณ์
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 21-12-2016 18:27:04
โห เจ๊รัตแกออกมาตอนเดียวอย่างโหด หึหึ
เขตรีบๆ ไปหาพาลีให้ทันเน้อ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-12-2016 18:38:30
 :L2: :L1: :pig4:

สงสารก็สงสาร แต่่ก็ทำเขาไว้เยอะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 21-12-2016 18:55:10
เอาอีกๆ เหนือฟ้ายังมีฟ้าเว้ย เหนือกนรกมีนรกกว่าว่ะ
แล้วคุณตำรวยไปช่วยหมอดูทันไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-12-2016 18:57:09
เจ๊....อย่างโหด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-12-2016 19:03:27
เขาว่าผู้หญิงหึงร้ายมากๆ นะ น่ากลัว
นี่แหละสาเหตุที่เรามีเแฟนเป็นผู้ชาย
หุหุหุ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 21-12-2016 19:14:49
หูววว จะจบแล้ว สนุกมากเลยค่ะ รอตอนจบค้าา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-12-2016 19:22:31
ทรมานน้อยไป ต้องมากกว่านี้ คนเลว
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-12-2016 19:22:31


                                                                   คดีรักนักดูดวง

                                                                       บทที่ 21


               แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือส่องแสงวูบวาบแข่งกันจนแสบตา ไมโครโฟนจำนวนเกินสิบตั้งอยู่ด้านหน้า

ของโต๊ะยาวที่มีพล.ต.ท.ภาคภูมินั่งเป็นประธาน ด้านข้างคือเสี่ยพิชัยที่นั่งกัดฟันหน้าบึ้ง เบื้องหลังคือนายตำรวจของโรงพักแห่งนี้ยืนเรียง

แถวหน้ากระดานกันอยู่ ผู้สื่อข่าวจำนวนมากยืนออกันอยู่และแข่งกันส่งคำถามจนภาคภูมิต้องยกมือห้าม


               “เอาล่ะ ไม่ต้องแย่งกันถาม เดี๋ยวผมจะเป็นตัวแทนเล่าเรื่องให้ฟังเอง”


               ภาคภูมิกล่าวด้วยมาดสุขุมดังเช่นทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าสื่อ


               “นายพิชัยลอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย เรื่องนี้เป็นความลับที่เปิดเผยให้ใครฟังไม่ได้ แต่เมียซึ่งก็คือนางสมรสงสัยก็เลยจ้าง

นักสืบ พอรู้ความจริงก็ทะเลาะกันนางสมรขู่ว่าจะเปิดโปงเรื่องทั้งหมดทำให้นายพิชัยบันดาลโทสะวางแผนฆ่าภรรยาตัวเอง อย่างนั้นใช่

ไหม”


               หันไปหาเสี่ยพิชัยเพื่อจะให้เขาสารภาพต่อหน้าสื่อ แต่ทุกคนในห้องโถงกว้างก็พลันชะงักเพราะกลับมีอีกเสียงหนึ่งดังแทรก

เข้ามา


               “ที่คุณสมรตาย ไม่ใช่เพราะไปเห็นความลับที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีความสัมพันธ์กับดาราหนุ่มหรอกหรือครับ”


               เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที ทุกคนในห้องหันไปมองผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่เป็นตาเดียว สมบัติถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นรุ่นน้องใน

สภาพใบหน้าฟกช้ำ


               “ไอ้เขต!”


              “พูดอะไรของคุณน่ะผู้หมวด”


               ภาคภูมิยังรักษาท่าทางไว้ได้ แต่ดวงตาที่จ้องมองกำลังข่มขวัญสุดเขต แต่ชายหนุ่มไม่นึกกลัว เขาเดินก้าวช้าๆผ่านช่องว่างที่

นักข่าวเปิดทางให้เขา


               “ก็ตามนั้นครับ ความลับของเสี่ยพิชัยคงไม่ลับไปกว่าความลับที่คนใหญ่คนโตในวงการสีกากีลอบมีความสัมพันธ์กับดารา

หนุ่มตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นผู้เยาว์อยู่ด้วยซ้ำ คิดว่าความลับนี้ถ้าเปิดเผยไปจะสั่นสะเทือนไปกี่วงการครับท่าน


               “สุดเขต!”


               เจ้านายของสุดเขตวิ่งเข้ามาหาเขา และรีบเอ่ยเตือนทันที


               “รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”


               สุดเขตยิ้มเยาะ เขาก้าวดุ่มๆไปยังเครื่องฉายจอโปรเจคเตอร์และวางโทรศัพท์ตนเองลงไปให้รูปจากจอมือถือฉายผ่านฉากสี

ขาวผืนใหญ่ เสียงฮือฮาดังขึ้นกว่าเก่าพร้อมกับเสียงลั่นชัตเตอร์ดังกราว ภาคภูมิมองสุดเขตด้วยความอาฆาต


               “ลองจับผิดภาพเหล่านี้สิครับทุกท่าน ไม่สงสัยกันบ้างหรือว่าทำไมกล้องของจราจรถึงจับได้แต่รถของคุณนายสมรแต่ไม่มีรูป

รถคันที่ขับตามมาอย่างมีนัยยะเลย ทำไมน่ะหรือครับ เพราะมันถูกตัดต่อยังไงล่ะ แล้วใครจะทำได้ถ้าไม่ใช่คนที่มีอำนาจอยู่ในมือ อยาก

เห็นกันไหมครับว่ารูปที่แท้จริงเป็นอย่างไร”


               ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นรูปที่สุดเขตเปิดให้ดู ทุกคนหันขวับไปมองภาคภูมิที่นั่งหน้าซีดเป็นตาเดียว


               “อยากรู้ไหมครับว่ารถใคร ไปสืบเอาได้ไม่ยากป้ายทะเบียนเด่นชัดขนาดนี้ แล้วรถทั้งสองคันมีจุดเริ่มต้นจากไหนทราบกัน

ไหมครับ นี่ มาจากโรงแรมห้าดาวแห่งนี้นี่เอง”


               สุดเขตตามรอยได้จนถึงโรงแรมที่คุณนายสมรนัดกับติณณ์ไว้ สุดเขตใช้ความพยายามพักใหญ่ในขั้นตอนการสืบสวนกว่าจะ

ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม มันเป็นภาพที่เห็นภาคภูมิกับติณณ์ยืนอยู่ด้วยกัน


               “ส่วนมือปืนก็ไม่อยากจะเชื่อ คนขับรถที่ท่านอุตส่าห์ชุบเลี้ยงไว้ว่าจะเป็นมือปืนที่ติดอันดับต้นๆของวงการ หมายจับก็มีชัดอยู่

ในสำนักงานตำรวจแต่ก็จับไม่ได้ ก็เล่นมาซ่อนตัวอยู่บ้านผู้หลักผู้ใหญ่ใต้ปลายจมูก”


               สุดเขตเดินไปเผชิญหน้ากับภาคภูมิ เขามองภาคภูมิอย่างผิดหวัง


               “ผมยังจำได้ในวันที่คุณไปปาฐกถาสมัยผมเรียนอยู่ คุณสอนให้พวกเรายึดมั่นในความถูกต้อง สอนให้พวกเรายึดถือความ

ยุติธรรมเป็นที่ตั้ง แต่คุณกลับทำให้ผมผิดหวัง ถ้าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่ทำตัวให้อยู่บนความถูกต้องดีงามแล้ว เราจะช่วยปกป้องดูแล

ประชาชนได้อย่างไร ผู้การภาคภูมิครับ ผมขอจับคุณในข้อหาบงการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันมีผลทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต”


               โดยไม่มีใครคาดคิด พล.ต.ท.ภาคภูมิตบโต๊ะดังปังก่อนจะผุดลุกขึ้นใช้ปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวขึ้นมาง้างไกและหันปลายกระบอก

ปืนไปเบื้องหน้า


               “ถอยออกไป กูบอกให้ถอยออกไปทุกคน ไม่ได้ยินหรือไง”


               “ผู้การครับ อย่าทำอย่างนี้เลย มอบตัวเสียเถอะ”


               เจ้านายของสุดเขตเกลี้ยกล่อมแต่ไม่มีทางที่ภาคภูมิจะยอมง่ายๆ เขาเดินผ่านนักข่าวที่ต่างก็หลบจากรัศมีของปืนกัน

จ้าละหวั่นไปทางด้านหน้าของโรงพักโดยมีนายตำรวจท้องที่ตั้งลำปืนและติดตามไปโดยทิ้งระยะไม่ห่างนัก สายตาของภาคภูมิสอดส่าย

หาทางหนีทีไล่ก่อนที่ภาคภูมิจะพบเป้าหมาย


               เขาวิ่งไปยังรถยนต์คันหนึ่งที่มีคนที่นั่งอยู่ด้านในอยู่แล้ว ภาคภูมิกระชากประตูออกและก้าวเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ คนที่นั่ง

ด้านข้างถึงกับเบิกตากว้างทันที


               “ผู้การ!”


               “ไอ้หมอดู ดวงแข็งนักนะมึง”


               พาลีในสภาพอ่อนระโหยตัวแข็งเมื่อปืนนั้นจ่ออยู่ตรงขมับของเขาพอดีเมื่อสุดเขตและนายตำรวจคืนอื่นวิ่งมาล้อมรถไว้


               “ลี ผู้การมอบตัวเถอะครับ อย่าทำผิดมากไปกว่านี้เลย”


               สุดเขตพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ได้รับกลับมาคือเสียงหัวเราะเยาะหยัน


               “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน มึงคิดจะเล่นงานกูเหรอ ฝันไปเถอะมึง ไอ้หมอดูมึงมาขับรถ”


               ใช้ด้ามปืนกระแทกที่ศีรษะของพาลีและขยับให้พาลีเปลี่ยนมานั่งตำแหน่งคนขับโดยที่ปลายปืนยังจ่อที่ขมับของพาลีตลอด

เวลา สุดเขตได้แต่มองด้วยความเป็นห่วงและเจ็บใจ เขาพยายามเล็งปืนไปที่ภาคภูมิแต่มันก็เป็นมุมอับ


               “ขับรถไปสิวะ”


               ภาคภูมิสั่งให้พาลีขับรถพาหนี สุดเขตสบถออกมาก่อนที่เขาจะวิ่งไปที่รถตำรวจที่สมบัติพุ่งตัวไปขับมาจอดรอ เสียงไซเรนดัง

กึกก้องเมื่อขบวนรถตำรวจแล่นตามรถของสุดเขตที่ภาคภูมิชิงไป








               พาลีนั่งเกร็งขับรถโดยมีภาคภูมิใช้ปืนจ่อขมับของเขา รถวิ่งอย่างไร้จุดหมายไปตามท้องถนนที่ตำรวจเริ่มเคลียร์พื้นที่เพื่อ

ป้องกันประชาชนถูกลูกหลง


               “คุณจะให้ผมขับไปถึงที่ไหน”


               “มึงมีหน้าที่ขับก็ขับไป อย่าเสือกถาม”


               หันมาตะคอกด้วยใบหน้าถมึงทึง ภาคภูมิกำลังคิดหาหนทางหลบหนีออกไปให้พ้นเมืองหลวง แต่ดูเหมือนจะยากเต็มที พาลี

หันมามองภาคภูมิแวบหนึ่งด้วยความสมเพช


               “จะหนีไปถึงเมื่อไหร่กันครับ” พาลีเอ่ยถาม “หนีคดี หนีกรรมที่ทำไว้ คุณจะหนีได้นานแค่ไหน”


               สภาพจนตรอกของภาคภูมิทำให้พาลีลดความโกรธและเกลียดชังลงไปได้บ้าง เขายังนึกถึงเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาว่าเขา

ตกใจแค่ไหนที่มีนักเลงกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในตึกแถวของเขา และรุมทำร้ายพาลีจนหมดทางสู้ พวกมันเหล่านั้นมองเขาอย่างกักขฬะขณะ

ที่พาลีนอนนิ่งอยู่บนพื้น


               “หน้าตาแม่งโคตรยั่วเลย กูขอสักทีก่อนที่มันจะตายได้ไหมวะ


               ไอ้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาพลางมองเขาอย่างหื่นกระหาย


               “แต่นายสั่งให้ฆ่ามัน”


               “ก่อนฆ่าก็ขอสนุกหน่อยไม่ได้หรือไงวะ มึงก็อย่าโวยวายให้มาก เอาแม่งให้ครบทุกคนนี่แหละ”


               พาลีน้ำตาไหลด้วยความหวาดกลัว เขาถูกพวกมันรุมจับขึงพืดกางแขนกางขา เขาคงจะตายเสียก่อนหากสุดเขตไม่เลี้ยวรถ

กลับมาและมาช่วยไว้ได้ทัน สุดเขตจัดการพวกมันราวกับหมาบ้าก่อนจะชิงตัวพาลีหนีออกมาที่รถยนต์และขับตรงไปที่โรงพัก


               “กูจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำกับมึงได้เสวยสุขบนความชั่วของมัน”


               สุดเขตกัดฟันพูดเมื่อมองสภาพอิดโรยของเขา พาลีไม่มีแรงค้าน เขาเจ็บทั้งกายและใจเกินกว่าจะห้ามปรามได้จนกระทั่งสุด

เขตขับรถมาจอดที่หน้าโรงพัก เขายกมือลูบหน้าพาลีด้วยความสงสาร


               “รอกูอยู่ที่นี่ เมื่อกูเข้าไปจบเรื่องทุกอย่างแล้ว กูจะกลับมาหามึง”


               สุดเขตตรงลิ่วเข้าไปในโรงพัก พาลีไม่รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นจนเมื่ออยู่ๆประตูรถก็ถูกกระชากและภาคภูมิก้าวเข้ามาใช้เขา

เป็นตัวประกัน


               “คนอย่างกู ไม่ยอมให้ใครมาทำลายได้ เกียรติยศศักดิ์ศรีของกูกว่าจะสร้างมาได้กูจะไม่ยอมให้ใครมาหยุดมัน”


               ราวกับภาคภูมิสติหลุดเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียแล้ว พาลีเองก็ต้องรวบรวมสมาธิจนความคิดบางอย่างสว่างวาบขึ้นมา


               พาลีขับรถมุ่งหน้าไปทางสะพานพระรามแปดที่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก เขาได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจดังแว่วเข้าหู บนถนน

ไม่มีรถราคันอื่นอีกเพราะมีการเคลียร์พื้นที่จราจรไว้แล้ว พาลีจึงขับรถขึ้นตรงไปยังสะพานแขวนทันที


               “มึงพากูมาบนสะพานทำไมวะ ไอ้โง่”


               ด้ามปืนตบซ้ำมาที่แผลเดิมที่ยังไม่หายดีนัก พาลีกัดฟันรับความเจ็บปวด รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ไหลลงมาตามขมับ พาลีลอบ

มองกระจกมองหลัง เขาเห็นรถตำรวจที่สมบัติกับสุดเขตขับตามมา และอีกฝั่งของสะพานก็มีรถตำรวจจอดปิดทางอยู่ พาลีตัดสินใจครั้ง

สุดท้าย เขากระแทกเท้าใส่คันเร่งก่อนจะเปิดประตูและพุ่งตัวออกมาเบื้องนอกปล่อยให้รถยนต์ที่เหลือแต่ภาคภูมิลอยละลิ่วไปปะทะกับ

ลวดสลิงบนสะพานแขวน รถยนต์ร่วงลงมากระแทกกับถนนเกิดประกายไฟขึ้นมาทันที

               สมบัติรีบจอดรถ สุดเขตรีบวิ่งออกมาหาพาลีที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น เขาประคองพาลีขึ้นมาในอ้อมกอดทันที


               “ไอ้ลี เป็นอะไรหรือเปล่า ไอ้ลี ตอบกูสิวะ”


               เปลือกตากะพริบช้าๆก่อนจะเปิดได้อย่างเต็มที่ พาลียิ้มให้สุดเขตอย่างอ่อนระโหย


               “กูยังไม่ตาย อย่าลืมว่าคะแนนวิชายืดหยุ่นกูเต็มนะเขต”


               “ไอ้เหี้ยลีเอ๊ย”


               สุดเขตหัวเราะทั้งน้ำตา เขากอดพาลีไว้แน่นเมื่อรู้ว่าพาลีปลอดภัย สุดเขตวางพาลีลงกับพื้นและวิ่งไปทางรถยนต์ของเขาที่มี

ไฟโหมขึ้นมา เขาเห็นภาคภูมิกระเสือกกระสนออกมาจากรถ สุดเขตยกปืนขึ้นและเล็งไปทางภาคภูมิทันที


               “มอบตัวเถอะครับ อย่าให้ความชั่วเข้าครอบครองจิตใจไปมากกว่านี้เลย”


               ภาคภูมิมองสุดเขตอย่างเคียดแค้น บัดนี้เขากลายเป็นเป้าของปืนจากตำรวจทุกกระบอกที่ล้อมไว้ทุกทาง เกียรติยศศักดิ์ศรี

และความลับของเขาถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงจากฝีมือของนายตำรวจหนุ่มรุ่นลูกอย่างสุดเขต


               ไม่มีทางหนีอีกแล้ว ภาคภูมิไม่อาจสู้หน้าใครได้อีก มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่เขาจะหนีไปพ้นจากความอัปยศทั้งปวง


               เปรี้ยง!!!


               พาลีสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปืนดังก้อง เขายันกายขึ้นมองจึงได้เห็นร่างอันไร้วิญญาณของภาคภูมิร่วงลงไปกองกับพื้น ภาคภูมิ

ไม่ยอมให้ใครจับเขา เขาเลือกที่จะทำอัตวินิบาตกรรมปลิดชีวิตตนเองเพื่อจบเรื่องทุกอย่างลง







               สะพานพระรามแปดถูกปิดการจราจรไว้ชั่วคราวเพื่อให้ตำรวจเก็บหลักฐานทั้งหมด พาลีที่ได้รับการปฐมพยาบาลจากรถ

พยาบาลเดินเคียงคู่ไปกับสุดเขตเลาะไปกับสะพานแขวนกลางแม่น้ำเจ้าพระยา สภาพของเขามอมแมมเปรอะเปื้อนทั้งคราบดินและคราบ

เลือดไม่ต่างจากสุดเขตที่มีแต่รอยฟกช้ำ สุดเขตรั้งแขนของพาลีไว้เมื่อห่างไกลจากสายตาเพื่อนตำรวจพอควรแล้ว


               “มึงเก่งเกินหน้าตำรวจอย่างกูแล้วนะ รู้ตัวหรือเปล่าไอ้ผู้ใหญ่ลี”


               พาลียิ้มขำ เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กล้าทำอะไรบ้าบิ่นขนาดนั้น หรือว่าเพราะเป็นแฟนตำรวจเลยต้องเก่งกว่าตำรวจก็ไม่รู้


               “สงสัยกูอ่านนิยายบู๊เยอะไปมั้ง”


               สุดเขตถอนหายใจ เขาจูงมือให้พาลีหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา แสงอาทิตย์อัสดงปรากฏอยู่เบื้องหน้าสะท้อนอยู่บน

สายน้ำจนระยิบระยับงามจับตา


               “ลี กูน่ะแม่งโคตรงี่เง่า ใจร้อน ขี้โมโห ปากก็หมาเป็นที่หนึ่ง มึงจะทนกูได้ไหม”


               พาลีถอนสายตาจากสายน้ำหันมาสบตากับสุดเขต แสงพราวจากดวงตาคู่นั้นส่องประกายไม่แพ้สายน้ำเลยสักนิดเดียว


              “มีอะไรที่กูต้องทนวะเขต กูมองเห็นแต่ความกล้าหาญและความจริงใจของมึงเท่านั้น”


                สุดเขตยิ้มอย่างถูกใจ เขากระชับมือที่กุมมือพาลีไว้แน่นแต่พาลีก็ไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย


               “คดีจบแล้วแน่ๆ มึงจะยอมเป็นแฟนกูแต่โดยดีหรือยังไอ้ผู้ใหญ่ลี ถ้ามึงโยกโย้กูจะปล้ำมึงเป็นเมียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวแล้วค่อย

ง้อมึงทีหลัง”


                “ทำไมต้องปล้ำ กูยอมมึงตั้งนานแล้วแต่มึงมันโง่เองไอ้เขต”


              “ไอ้เหี้ยลี มึงมันเลว”


               สุดเขตดึงแขนให้พาลีหันมาเผชิญหน้ากับเขา มือที่มีแต่บาดแผลยกขึ้นประคองกรอบหน้านั้น สุดเขตเอ่ยกับพาลีด้วยน้ำเสียง

ที่นุ่มยิ่งกว่าครั้งไหนๆ


             “พาลีครับ เป็นแฟนเขตนะ”


              พาลีคลี่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าอย่างไม่อิดออด หัวใจของเขาเบิกบานไปด้วยความรักที่งอกงามอยู่ในหัวใจ


              “ปิดคดีร้ายๆไปแล้ว เหลือแต่คดีรักของเรานะครับพ่อหมอดูคนเก่ง”


                สุดเขตโน้มตัวไปหา เขามอบรางวัลให้พาลีเป็นจูบแสนหวาน พาลีเงยหน้ารับอย่างเต็มใจท่ามกลางแสงสีนวลของดวง

อาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าและเปิดโอกาสให้เหล่าแสงไฟใหญ่น้อยจากตึกตระการตาได้อวดความงามในยามราตรี




                                         The end


Belove’s Talk


เย้ๆ ในที่สุดก็จบไปอีกหนึ่งเรื่อง

กราบขอบพระคุณที่อ่านกันมาจนถึงบทนี้

คดีรักนักดูดวง ถือว่าประสบความสำเร็จมากสำหรับบีเลิฟ

เพราะมีนักอ่านหน้าใหม่มากมายที่เข้ามาอ่านผลงานของบีเลิฟ

แถมยังมีคนใจดีแนะนำในกระทู้แนะนำอีก

ขอบคุณมากนะคะ
 :กอด1: :กอด1:



อย่างที่เคยบอกแล้วว่า นิยายเรื่องนี้แต่งพร้อมกับนักเขียนอีกสองคนค่ะ

รู้สึกว่านักเขียนจะนำมาลงในเล้าเป็ดแล้ว

ลองหาดูนะคะ


คดีรักนักดูดวงจึงลงได้เพียงเนื้อหาหลักในส่วนของบีเลิฟ

นอกจากนั้นก็ต้องรอตอนรวมเล่มค่ะ

สำหรับฉากหวานแหววของสุดเขตและพาลีนั้นมีแน่ๆ

แต่ขอเป็นตอนพิเศษก็แล้วกันนะคะ

รับรองว่าจะหวานจนคนอ่านเป็นเบาหวานเลย



สุดท้าย ขอบพระคุณที่รักกัน

โปรดติดตามผลงานเรื่องต่อไปเร็วๆนี้ค่ะ


Belove


                                                         :L1: :L1: :L1: :L1:









หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 21-12-2016 19:27:34
ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 21-12-2016 19:28:29
จบแล้วหรอ
ยังไม่หวานกันเลย

มาช่วยลีให้ทันนะหมวด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-12-2016 19:32:25
เรารู้สึกเหมือนมันรวดรัดตัดตอนยังไงไม่รู้ เหมือนรีบบีบให้จบ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 21-12-2016 19:36:28
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

คือดีย์อ่ะ จบได้น่ารักมั่กๆๆๆๆๆๆๆ

ขอคบกันด้วย 

รอรวมเล่มนะคะ :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 21-12-2016 19:36:57
จบแล้ว  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-12-2016 19:37:11
กลับมาหวานกันก่อน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 21-12-2016 19:39:01
สนุกกกก ^^
ปกติก็ชอบแนววี้ดวิ้ว ของบีเลิฟนะ
เรื่องนี้ไม่มีเลย แต่ก็สนุก
เขียนมาอีกนะนิยายสนุกๆอ่ะ รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-12-2016 19:45:42
“คดีจบแล้วแน่ๆ มึงจะยอมเป็นแฟนกูแต่โดยดีหรือยังไอ้ผู้ใหญ่ลี ถ้ามึงโยกโย้กูจะปล้ำมึงเป็นเมียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวแล้วค่อย
ง้อมึงทีหลัง”

“ทำไมต้องปล้ำ กูยอมมึงตั้งนานแล้วแต่มึงมันโง่เองไอ้เขต”

ชอบบทนี้มากกกก ขอบอก
จบแล้วเหรอ ขอบคุณนะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-12-2016 19:55:30
ลุ้นระทึก สืบสวน หวานๆ มันส์ๆ

เรื่องนี้มีครบ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-12-2016 20:05:59
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-12-2016 20:18:10
พาลีทั้งโดนทำร้ายตอนอยู่ห้องแถวโดนผู้การตบยังกล้าโดนลงจากรถอีก ยิ่งกว่าตำรวจอีกมั้งน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 21-12-2016 20:20:56
ขอบคุณค้าบบบ สนุก ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-12-2016 20:30:57
สุดเขตเท่มากกกกก ได้เลื่อนยศแน่ๆล่ะ
ขอบคุณมากๆ สนุกจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: Sha-em ที่ 21-12-2016 21:41:13
ชอบอ่ะ สนุกมากกก ชอบตัวละครอย่างพาลี
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 21-12-2016 22:19:03
อ๋อยยย ลีอย่างเท่ ฮ่าๆๆ    :laugh:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 21-12-2016 22:35:15
จบแล้ว ประทับใจมากแต่งดี เนื้อหาดี ภาษาที่ใช้บรรยายก็ดี ทำให้ประทับใจจนอยากให้ยาวกว่านี้
    ขอบคุณผู้เขียนนะคับ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-12-2016 22:40:48
จบแล้ววว ขอบคุณนะคะ
นิยายของคุณบีเลิฟไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-12-2016 22:48:46
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 21-12-2016 23:18:29
 :L2: :L2: :L2:

เริ่มอ่านก็น่าสนุกแล้ววววว
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 21-12-2016 23:20:53
เพิ่งได้อ่านเมื่อเช้านี้ ตอนกลางคืนจบเลยยยย จะบอกว่าประทับใจเรื่องนี้มากค่ะ การเขียนก็ดี ดล่าเรื่องกระชับ มีชุดที่ทำให้เราสงสัยว่าใครเป็นคนบงการกันแน่ ชอบๆๆ จะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆอีกแน่ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 21-12-2016 23:24:10
ว้าว จบแล้ว
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ชอบมากเลย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 22-12-2016 01:45:08
สนุกมากกกก   อ่านจบตอนกลางคืน  ขนลุกคุณนายสมรเลยค่ะ   :ling3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-12-2016 02:02:33
พาลีเก่งเกินหน้าเกินตาสุดเขตไปละ5555

จบเรื่องแล้วต้องคิดถึงพาลีแน่ๆเลย :bye2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 21 [21/12/59] #จบแล้วจ้า ย้ายห้องได้เลย#
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 22-12-2016 12:18:33
จบแล้ว ชอบอ้ะ! เนื้อเรื่องไม่สั้นไม่ยาว กำลังดี เราเดาไม่ออกเลยว่าใครฆ่า พอเฉลยปั๊ป พลิกล็อกมาก
รอตอนพิเศษหวานๆนะคะ ขอบคุณคนเขียนค่ะ สนุกจริงๆ
 :pig4: :L1: :กอด1: o13 :-[
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 22-12-2016 21:32:17
น่ารักที่สุดดดดดด เก่งมากเจ้าเขตเจ้าลี
ขอบคุณผู้แต่งด้วยนะคะที่อย่างน้อยก็เอามาลงจนจบตอนหลักแบบไม่ค้างคา
ถ้ามีเป็นหนังสือออกมาจริงๆ ไม่รีรอที่จะซื้อแน่นอนค่ะ :)
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 22-12-2016 23:36:31
สุดท้ายทุกคน ก้ต้องยอมให้กับสิ่งที่เที่ยงธรรมที่สุด

กฏหมาย?! 555555 ขำให้โลกแตก

กรรม คือสิ่งที่แน่นอน ใ่ช่มั้ยคะ คุณพี่สมร  :katai3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: naritz ที่ 22-12-2016 23:38:40
ดีจังงงง ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้ง อยากให้มีตอนพิเศษจัง >< ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้ให้ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 23-12-2016 00:26:29
 :L2 :L2:
ต่อภาค2เลยได้ไหมมมมม

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 23-12-2016 02:57:47
คือแซ่บมากกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-12-2016 11:21:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-12-2016 12:48:57
สนุกดี
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 23-12-2016 13:06:35
หูยยย เข้มข้นมากๆ
ขอบคุณนะคะ เราชอบนิยายแนวนี้มากๆเลย
และที่สำคัญการวางพล็อตเรื่องน่าติดตามสุดๆ
สุดเขตนี่โชคดีจังอ่ะ มีคนดูดวงให้ส่วนตัวด้วย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 23-12-2016 18:17:16
สนุกค่า เขียนได้ดีมากเลย ปมแต่ละปมทำให้เดายากจริงๆว่าใครเป็นคนร้าย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 24-12-2016 07:07:57
สนุกมากเลยค่ะ เขียนเก่งมากเลย ชอบภาษา ชอบชื่อตัวละคร โอ้ยดีๆ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: แกมแก่มแก้มแก๊มแก๋ม ที่ 24-12-2016 13:00:41
ตามมาจากกระทู้แนะนำค่ะ อ่านแล้วติดมาก เนื้อหาชวนติดตามฆาตกรพลิกไปมาจนคนอ่านสับสนเลยค่ะ

คนแต่งแต่งดีมาก จะรอติดตามผลงานอื่นๆด้วยนะคะ ขอบคุณที่นำผลงานมาแบ่งปันให้อ่านค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 24-12-2016 21:01:33
 :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 24-12-2016 22:40:48
 o13 สนุกค่ะ รอตอนพิเศษนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 24-12-2016 23:29:18
สนุกมากกกกกกกกก ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-12-2016 23:51:50
ลีเก่งมาก ๆ
เขตเอ๊ย! อย่าทำตัวเหลวไหลนะ เจอลีอัดน่วมแน่ ๆ

ขอบคุณนะ เรื่องนี้อ่านสนุกมาก ภาษาสละสลวย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-12-2016 00:30:58
สงสารติณณ์นะ ถึงมันจะเลวก็เถอะ ขอให้มันตายดีกว่ารอดมาแล้วต้องอยู่แบบตายทั้งเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 25-12-2016 01:49:03
ติดตามค่าาาาา จะมีเป็นหนังสือใช่ไหมคะ จะรอนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-12-2016 02:27:58
ขอบคุณสำหรับเนื้อเรื่องดีๆ ที่อิงจากวงการผู้รักษากฎหมาย อาจแค่ส่วนน้อย รออ่านเรื่องใหม่คร้าบ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-12-2016 10:54:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 25-12-2016 13:17:29
สนุกมากค่ะ
ขอบคุณนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 25-12-2016 14:50:12
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสุดท้ายคนที่สั่งการทั้งหมดเป็นภาคภูมิ

แต่เรื่องน่าติดตามดี ทุกคนดูเป็นผู้ต้องสงสัยเกือบทั้งหมดเลย

เป็นกำลังใจให้นะครับ และจะติดตามเรื่องต่อๆไปนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 25-12-2016 16:59:54
ขอตอนพิเศษได้ไหมค่าาาา  :ling1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 25-12-2016 21:35:30
นิยายสนุกมากค่ะ มีความพีคในพีค ติณมีความผัวเด็ก สงสารชีวิตนางนะ เป็นคนที่น่าสงสารแหละ อ่านจบหลายวันแล้วแต่ลืมเมนท์ให้ เสียดาย ฟีลมันจางๆไปแล้ว 5555555 พาลีน่ารักมากกก เอ็นดูตอนดูดวงเนื้อคู่ให้สุดเขตแล้วเห็นว่ามันเข้าตัวเองแล้วต้องทำเป็นไม่รู้อะไร น่ารักก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-12-2016 01:14:15
เป็นเรื่องที่ดีมากกกกกค่ะ
คือพาลีน่ารักมากกก มากแบบมากๆๆๆอะ
โดยเฉพาะตอนดูดวงให้สุดเขตอะ
ไม่ว่าจะเปลี่ยนวิธียังไง จะดูกี่รอบ ก้ออกมาเป็นตัวเอง
คือขำ55555 ขำที่ยิ่งนางดูนางก้ยิ่งเขิน แต่ก้ต้องดู
สุดเขตคือหลงพาลีมากนะ รักมาก หึงมาก รู้ใจตัวเองเร็วมาก
คู่นี่คือที่สุดอะ หวานกันรักกันไม่เกรงใจความดาร์กของคดีเลย
คดีดาร์กๆเครียดๆเข้มๆ มาเจอคู่นี้สวีทกันนี่หมองไปเลย
ถ้าไม่มีซีนสวีทเรื่องนี้จะกลายเป็นสืบสวนสอบสวนที่ดาร์กมากค่ะ
ติณณ์นี่จะเรียกว่าน่าสงสารก้ส่วนนึงอะ
แต่นี่ก้มองว่านางก้เลวเองด้วย ไม่ใช่แค่โดนสภาพแวดล้อมบังคับ
จิตใจนางไม่ดีอะ ไม่ดีมาตั้งแต่ต้น มาเจอคนแบบภาคภูมิยิ่งแย่ลงไปอีก

ขอบเรื่องนี้มากก ชอบความหวานไม่แคร์สื่อของทั้งคู่
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-12-2016 14:16:51

ใสมาก.............

ลุ้นมาก.............

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 26-12-2016 22:08:01
 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 27-12-2016 01:25:01
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: parkii ที่ 27-12-2016 09:01:50
จบแล้ว ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ  o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 27-12-2016 14:56:11
อยากได้สุดเขต55555 :katai5:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Roman ที่ 27-12-2016 16:14:15
สนุกมากเลยค่ะ ชอบสุดเขตกับพาลีมากกกกกกกก ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-12-2016 11:04:18
สนุกมากๆ นี่นั่งคิดคดีตามอย่างหนัก

แล้วไม่กล่าวถึงคนอื่นที่เหลือแบบบทสรุปสุดท้ายตามแบบฉบับหนังไทยหรอ? 5555555

ตอนพิเศษมีให้อ่านมั้ย หรือเฉพาะเล่ม
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: ^^KENTA^^ ที่ 28-12-2016 13:27:54
โห สนุกมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 28-12-2016 21:06:50
โอ้ยยย พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง 5555
สนุกมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 28-12-2016 23:37:17
สนุกดีค่ะ อ่านเพลินๆ  :pig4:

แอบคิดว่าเขตกับลีตกหลุมรักกันเร็วไปนิดนึง แล้วก็ตอนจบน้ำเน่าไปหน่อย 555 ถ้าแก้ไขตรงนี้ เรื่องจะลื่นไหลขึ้นจ้า  o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: ichnuan ที่ 29-12-2016 09:02:43
เพิ่งได้มาตามอ่าน
สนุกค่าาา สองคนนี้เค้าสปาร์คง๊ายง่าย  กุ๊กกิ๊กกันไป 

หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 29-12-2016 12:59:46
อ่านจบแล้วค่ะ สนุกมากๆๆ  :mew1:
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-12-2016 16:03:34
ขอยคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-12-2016 20:52:21
 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 30-12-2016 00:14:35
สนุกมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 31-12-2016 21:56:37
สนุกมาก
พาลีน่ารักมาก
ขอบคุณคนเขียน
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 02-01-2017 16:33:47
อ่านจบแล้วว ไม่รู้จะบอกว่าไงดี  เราอ่านรวดเดียวไม่วางเลย 5555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 02-01-2017 19:23:36
รวดเดียวจบเลย  สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆถึงมากที่สุดครับ    สุดยอด   ลุ้นนกันจนเยี่ยวเล็ด 5555 น่ารักม่กๆๆ  ไม่หวานจนเลี้ยน  พร้อมมีวลีเด็ด "กราบรถกู" ก้อมา สุโค้ยยย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Tinton ที่ 03-01-2017 14:03:25
แต่งได้เก่งครับ เรื่องราวแปลกใหม่และน่าติดตาม น่าอ่านดี รอตอนพิเศษนะครับ หวังว่าจะได้อ่าน เป็นกำลังใจให้แต่งเรื่องอื่น ๆ ต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 03-01-2017 22:54:45
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ พี่เขตนางน่าฮักมากก แต่ปากนางอาจจะเอาเรื่องไปนิดจนสงสัยเหมือนลีว่านางอยู่รอดมาได้ไงโดยไม่โดนรุมกระทืบตาย พี่เขตสามารถทำการสืบสวนที่น่ากลัวให้กลายเป็นการาบสวนที่หวานจนน้ำตาลขึ้นได้ไงตอบบ
เรื่องนี้พลิกล็อคหลายล็อคมาก แอบสงสารติณณ์เบาๆถ้าเขาไม่ทะเยอทะยานมากจนกลายเป็นผลร้ายกับตัวเองคงดี ภาคภูมิกับติณณ์นี่เหมือนการเลี้ยงต้อยเลยนะคะ  :impress2: สุดท้ายนี้ชอบพี่เขตมากก ถึงเขาจะปากคอเราะร้ายแต่หนูก็รักพี่เขาา
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 04-01-2017 08:52:21
อยากได้ตอนพิเศษจังค่ะ คิดถึงๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 04-01-2017 23:57:47
สนุกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Arrun ที่ 05-01-2017 13:53:59
สนุกมากก อ่านรวดเดียวจบเลย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 07-01-2017 00:16:51
เรื่องน่ารักมาก
รออ่านตอนพิเศษน้า
จะมีรึป่าวนิ
อีก2เรื่องที่แต่งกับท่านอื่น
ชื่อว่าอะไรบ้างคะ
มีใครรู้ป่าวเอ่ย
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Evangeline ที่ 07-01-2017 09:27:13
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Melodyinpiano ที่ 07-01-2017 14:38:38
ว่าแล้วพ.ต.ท.ภาคภูมิมีส่วนเอี่ยว ดีไม่ดีเป็นคนร้ายซะเอง ตอนแรกแกคงชะล่าใจแบบมีแพะคืออีเสี่ยแทนตัวเองแล้ว :angry2: o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Melodyinpiano ที่ 07-01-2017 14:48:23
ว่าแล้วเชียว ถ้าไอพ.ต.ท.ไม่เป็นพ่อหรือญาติไอติณณ์ ก็คงต้องเป็นผัวไม่ก็เมียแน่ๆ


 o22 :a5: :m31:  สงสารเจ๊สมรนอนกะนังไบ :sad11:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Melodyinpiano ที่ 07-01-2017 14:56:30
 :jul1: :pighaun: :haun4: :m25: :o8: :-[ :impress2: :pighaun: :hao7:   มีncเบาๆ ช่วยกันทำ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Melodyinpiano ที่ 07-01-2017 15:13:07
รู้สึกว่าจบเร็วไป เหมือนรวบให้มันจบแบบดื้อๆ คือเหมือนจะแฮปปี้เอนดิ้งแต่ก็เหมือนค้างๆแบบยังไม่จบ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 07-01-2017 16:20:23
เรื่องน่ารักมาก
รออ่านตอนพิเศษน้า
จะมีรึป่าวนิ
อีก2เรื่องที่แต่งกับท่านอื่น
ชื่อว่าอะไรบ้างคะ
มีใครรู้ป่าวเอ่ย

อีกเรื่องคือเธอมีชู้ ของgugagst ค่ะ เราปะอ่านเรื่องนี้อยู่
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-01-2017 22:39:49
สนุกมากค่ะ เนื้อหากระชับ ฉับไว อ่านเพลินมาก สงสัยตลอดว่าฆาตกรคือใคร
ช่างซับซ้อนยิ่งนัก ทั้งหมดเกิดจากอีติณณ์นี่แหละ เหนือฟ้ามีฟ้า คุณนายมีญาติเป็น ผบ ตร ชนะใสๆ
คดีรักก็ว่ากันต่อไป ดีงามทั้งพระเอกนายเอก สุดเขตพอรู้ว่ารักแบบดูแลดีมาก หื่นมากด้วย ฮาๆ ดี
พาลีน่ารักมากอ่ะ แต่ทำไมตอนท้ายขโมยซีนเท่ห์กว่าพระเอกไปได้ 5555 น้องลีน่ารักกก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 08-01-2017 19:46:03
เหลือแค่คดีรักแล้วสินะผู้หมวด แหมะ~~~ เหมือนนั่งดูละครบู๊แอคชั่น สืบสวนสอบสวน ทางทีวีเลยอ่ะ ฮ่าาาา o13  o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 11-01-2017 16:58:46
จบแล้ว น่ารักมาก
น่ารักกุ๊กกิ๊ก ชอบอ่ะ
ลีน่ารัก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 12-01-2017 13:40:32
 :hao5: หมดแล้วหรอ  :impress2: เขาอยากให้มี
อีกอ่ะ แบบตอนพิเศษดูดวงหวานๆกับสองเราไรงี้อ่ะ   :-[ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะสนุกมากๆ  o13 ทำเรื่องมาแบบว่าเข้าใจง่ายดีไม่ซับซ้อนเกินไป  :L2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: pprtoy ที่ 13-02-2017 21:08:25
ฮืออออ ชอบมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ประทับใจมากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>>
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 13-02-2017 21:35:19
อุ๊ย อยากอ่านต่อหลังจากเขตพาลีกลับบ้านแล้วเข้าห้อง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> อวดปกจ้า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 08-05-2017 23:54:04
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> อวดปกจ้า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 10-05-2017 11:21:29
 o13
หัวข้อ: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 14-06-2017 21:33:01



จากที่เคยทราบข่าวเรื่องการตีพิมพ์ก่อนหน้านี้

ตอนนี คดีรักนักดูดวง ผ่านการพิจารณากับ สำนักพิมพ์พบรัก

รออีกไม่นานจ้า
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 15-06-2017 20:09:01
สุดเขตต์ พาลี สนุกมากเรืีองนี้
อ่านรวดเดียวจบ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: monkeytwin ที่ 16-06-2017 22:36:03
 :mew1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 17-06-2017 19:02:08
อ่านไปก็ลุ้นไป เดาไม่ถูกเลย พาลีเก่งมาก ๆ รออ่านตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 18-11-2017 13:14:27
สนุดมากๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 20-11-2017 15:46:14
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 20-11-2017 16:05:33
 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 20-11-2017 16:28:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: frayfay ที่ 20-11-2017 22:05:38
ก่อนอื่นต้องขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายสนุก ๆ ค่ะ
แต่เราเป็นพวกไม่อ่านนิยายที่กำลังออนแอร์เลยเสียดายที่ต้องมาตอบในตอนที่จบเรื่องแล้ว ขออนุญาตเขียนยาวสักหน่อยนะคะ
เรารู้สึกว่าพาลีชอบเขตเร็วไป คำว่ากำแพงนั้นบ่อยทีเดียว เป็นเพื่อนที่ไม่สนิทแถมพาลียังเป็นคนนิ่ง ๆ แต่พูดเหี้ยห่าได้ขัดอารมณ์กุ๊กกิ๊กเหลือเกิน (รวมทั้งสุดเขตด้วยล่ะ) กำลังหวานกันก็ไอ้เหี้ยลี ไอ้เหี้ยเขต เอ่อ... อีกอย่างเพราะอารมณ์ในเรื่องมันไม่ได้เฮฮาแนวเพื่อนมหาลัยที่จะพูดกันแบบสนี้ทสนิทด้วยแหละเลยรู้สึกว่าจีบกันก็หยุดเรียกไอ้เหี้ยสักทีสิวะ
สงสัยในหลาย ๆ จุด ตอนเสี่ยบุกไปบ้านนี่ไม่ปิดล็อกประตูเลยรึ ทั้ง ๆ ที่ทุกทีออกจะรอบคอบ
แล้วเสี่ยทำไมต้องไปด้วยตัวเองให้น่าสงสัย ก็ดูเห็นแก่ตัวและไม่ได้รักชู้ขนาดนั้น
พวกตัวร้ายขับรถตามแต่ไม่วางแผน ต้องโทรถามนายว่าจับได้ให้ทำไง...
เรื่องสาเหตุ ติณณ์ก็โง่นะแทนที่จะไปเปิดห้องใหม่ดันใช้ห้องเดียว แต่ก็ดี (รึเปล่า) มีการสังเวยเหยื่อเพื่อเปิดโปงคนชั่ว
ผู้การน่าจะมีมือถือหลายเครื่องไหม ไม่ปกปิดตัวเลย
ผู้การแถลงข่าวใช้คำว่าเมียนี่ขัดตานิดนึงค่ะ หรือใช้ได้ปกติ
ตอนแรกก็สงสัยทำไมผู้การต้องลงมือเอง แต่ก็อ๋อเพราะมันกะทันหัน คุณนายมาเห็นเลยต้องรีบตามเก็บสินะ
แล้วทำไม้ทำไมตอนทุ้ายสุดเขตไม่ล็อกรถ แง่ง มีประเด็นจนได้
เรื่องนี้อ่านด้วยความลุ้น สงสัยแทบทุกคน แม้ตอนแรกที่ผู้การโผล่มาจะไม่อะไร แต่มาเอะใจตอนโทรหาสุดเขตนี่แหละ แต่อีกใจก็คิดอาจไม่ใช่คนร้ายก็ได้ แต่ที่มีบทนี้เพราะจะเกี่ยวกับที่พาลีทำนายไว้ตอนต้นว่าจะได้ดีเพราะคนรัก เลยถูกผู้การชมใหญ่เลย แต่ก็-.-
สุดท้าย รู้สึกจริง ๆ ว่าตอนท้ายดูรวบรัด จบเร็วไปนิด แต่ในรวมเล่มจะสมบูรณ์กว่านี้ใช่ไหมคะ

พอเป็นนิยายแนวสืบสวน คนอ่านก็กลายเป็นคนช่างสังเกตไปเลย 555 อย่าถือสาเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-11-2017 15:56:22
สนุกมากกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แต่ตัดจบสั้นไป คิดว่ามีตอนพิเศษ กุ๊กกิ๊ก กันบ้าง
ไรท์ ใจร้ายยยยย

ที่จริงตอนอ่าน ก็เอะใจที่นายตำรวจใหญ๋
มาติดตามการทำงานของสุดเขตแล้ว

ปมซับซ้อนดี  ชอบบบบบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ขอบคุณไรท์นะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 21-11-2017 18:33:23
 o22 สนุกมากกกกก ขอบคุณน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: annch ที่ 22-11-2017 17:36:14
สนุกมากครับ :mew1: :3123: :laugh:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ปากกาหมึกซึม ที่ 06-12-2017 20:50:31
สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งธิดา ที่ 21-12-2017 14:34:10
สนุกมากคุณนักเขียนเก่งมากอ่านไปลุ้นไปชอบบบบบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-01-2018 21:21:28
ปกใหม่มาแล้วจ้าาา ใกล้จะได้อุดหนุนกันล่ะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 14-03-2018 01:27:04
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกน่าติดตามมากค่ะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านนะคะ
รออ่านตอนพิเศษอยู่นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 25-04-2018 23:09:11
กลับมาอ่านอีกรอบ...ยังไงมันก็กร๊าวใจ :hao7:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 26-04-2018 23:12:54
สนุกค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย ชอบเรื่องออกแนวสืบสวน อ่านแล้วลุ้นดีค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก ๆ แบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 27-04-2018 21:24:39
ขอบคุณมากๆ สนุกมาก
ชอบทั้งนายเอกและพระเอกเลย เคมีเข้ากันสุด
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 4 [29/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 19:57:26
 :a5: กำลังจะว่าติณณ์คงมีเสี่ยเลี้ยงหรือเปล่า แล้วเสี่ยคนนั้นก็มา

หรือคนที่สั่งยิงจะเป็นสามีคุณสมรที่อาจเลี้ยงติณณ์ลับหลัง....
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 5 [2/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 20:14:21
นี่ไม่คิดว่าจะเป็นเสี่ย แต่ก็ตัดออกไม่ได้ แต่ที่มีมาเพิ่มคือ

เจ้าของค่ายของติณณ์และอีกคนนี่คือนักแข่งของเสี่ยสามีเจ๊นี่แหละ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 6 [5/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 20:25:08
เราว่ากิจน่าจะเป็นฆาตกรไหมนะ ปักธงไว้คนนี้แหละ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 9.1 [16/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 20:52:26
หรือพาลีอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนที่เข้าใกล้โดนฆ่าก็ได้

มันแปลกๆ แต่ตอนนี้ใจก็ยังเพ่งเล็งไปยังกิจเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 14 [07/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 21:28:10
ทำไมเหมือนติณณ์คุยกับใครสักคนที่ไม่ใช่กิจ  o22 

แล้วอิตาเสี่ยพิชัยนี่อีก จะว่าไม่ใช่ฆาตกรก็ยังไม่ได้เพราะเข้าข่าย

ยิงปืนแม่นแถมยังมีปืนที่ตรงกับอาวุธนั่นไว้ในครอบครองอีก
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 15 [09/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 21:38:24
เหมือนจะเป็นเสี่ยจริงๆ อะ หรือที่เดาไว้จะผิดหมด :ling3:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 16 [11/12/59] #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น#
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 21:46:52
เรื่องมันยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพตำรวจ! ฉันว่าแล้วว  :ling3:

แต่ยังไม่ปักใจไง คงรู้กันหมดแล้วล่ะทีนี้ว่าคนที่ติณณ์คุยด้วยคือ

ใคร และคนร้ายคือใคร แต่ยังงงว่ามารู้จักกันได้ยังไง

ป.ล. ที่สงสัยเพราะมันแปลกๆ อยู่ดีๆ สายตรงมาหาเขตเลย

ไหนจะตอนที่เจอดันแล้วชมสุดเขต คือมันมีรังสีอะไรซ่อนอยู่อะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> บทที่ 20 [21/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 22:11:50
 :a5:  :ling3: อ่านไปนี่ขนลุกไป แต่พีคตรงคุณนายเขารู้จักคน

ใหญ่โตกว่าอิตาคุณภาคภูมินี่แหละ หวังว่าตรงนี้คงช่วยอะไร

ในเรื่องนี้ได้บ้างนะ ฮือ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-12-2018 22:18:16
บู๊ระำมาก ขอบคุณนะคะ ลุ้นจนตัวโก่ง
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 06-07-2019 18:35:16
ขอบคุณมากๆค่ะ พระนายก็ยังคงตีกันคงเส้นคงวา 5555555
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: tong_x_zhi ที่ 09-07-2019 23:43:33
มาลงชื่ออ่าน  สนุกดี และน่าติดตามดีครับ   ตอนแรกคิดว่าเป็นศุภกิจที่จ้างวานฆ่าซะอีก ดันเป็นติณ ซะงั้น  เป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 10-07-2019 19:28:42
พาลีกู๊ดจ๊อบบบบบ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-08-2019 05:44:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 26-09-2019 07:04:35
สนุกมากเรื่องนี้ อ่านเพลินเลย สิบ สิบ สิบ ไปเลยจ้าาาา

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 11-10-2019 00:12:03
เนื้อเรื่องดี ดำเนินเรื่องดี ชอบมากกก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 14-10-2019 19:25:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 28-03-2021 19:05:14
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 30-03-2021 17:36:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 31-03-2021 23:16:31
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Kenny ที่ 02-04-2021 16:46:33
ตามอ่านมารวดเดียวจบเลยครับ สนุกมากๆ น่าติดตามมากๆ รอลุ้นฉากเผด็จศึกของเขตกับลี แต่ผิดหวังไปนิด อิอิ ถ้ามีคงจะฟินมากๆเลยนะครับ ถึงไม่มีก็ชอบครับเพราะมีการผูกเรื่องดีน่าสนใจน่าติดตาม ผู้เขียนหาความรู้เรื่องการอ่านไพ่มาดีด้วย เก็บรายละเอียดดีมากเลยครับ สามารถทำให้คนอ่านเดาไปต่างๆนานาได้ว่า ใครฆ่าอารยา เอ้ย เจ้สมร
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: nonocong ที่ 30-04-2021 21:28:12
สนุกมาก :call:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 05-05-2021 02:07:10
อ่านไปยิ้มไป น่ารัก  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 05-05-2021 10:09:44
  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: Vergintomza ที่ 20-08-2021 20:20:56
รักพาลี รักสุดเขต
หัวข้อ: Re: <<คดีรักนักดูดวง>> ตีพิมพ์กับสนพ.พบรัก #อวดปกใหม่จ้า#
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 27-11-2021 02:15:41
 :pig4: