ตอนที่ 6 สวัสดีวันจันทร์
ชมรมว่ายน้ำกลับจากไปเข้าค่ายพร้อมน้องปี1และปี2ที่ตัวดำขึ้นอีก2เสต็ป จากการคลุกคลีโดนเคี่ยวกรำทำให้น้องๆ รู้ว่าท่านประธานไม่ได้โหดแต่ชื่อและรองประธานไม่ได้มาเล่นๆ ตอนนี้แค่เห็นหน้าทั้งสองคนก็แทบอยากจะวิ่งหนีไปอีกทาง
วันนี้ประธานชมรมยอมปล่อยให้น้องๆ พักผ่อน มีเพียงปี3บางคนที่มาซ้อมเท่านั้น ดีนเก็บเอกสารเข้าตู้เอ่ยลาคนในชมรมแล้วคว้ากุญแจไปที่ลานจอดรถนักศึกษา
หกโมงเย็นนักศึกษาเริ่มบางตา ขายาวก้าวช้าลงเมื่อเดินผ่านตึกคณะเศรษฐศาสตร์ เขาอดไม่ได้ที่จะมองหาใครบางคน ไม่รู้ว่าวันนี้ไปชมรมหรือกลับบ้านไปแล้ว หลังกลับมาจากเข้าค่ายเขาตั้งใจจะหาทางติดต่อน้องแต่ดันติดขัดหาโอกาสไม่ได้สักที เจ้าทีมที่เป็นสื่อกลางเพียงคนเดียวก็ดันหวัดกินหยุดเรียนเสียอย่างงั้น
“ขอโทษนะภาม ช่วงนี้เขาเริ่มคัดตัวนักแสดงกันแล้ว เรากลับดึกทุกวันเลย” เสียงใสๆ ของหญิงสาวยังไม่ทำให้ชายหนุ่มชะงักเท่าชื่อที่โดนเรียกออกมา
“ไม่เป็นไร มะนาวรีบไปเหอะเรากลับเองได้”
ดีนเดินตามเสียงพูดคุย แล้วเขาก็พบเด็กน้อยปีหนึ่งสองคนที่โต๊ะม้าหินข้างตึกคณะ แถวนั้นไม่มีนักศึกษาอยู่เลยทำให้เขาได้ยินเสียงค่อนข้างชัดเจน
“รถดันมาเสียแถมทีมก็ป่วย แย่เลย” มะนาวจับมือเพื่อนแกว่งไปแกว่งมา “มะนาวขอโทษ”
“เฮ้ย ไม่ต้องขอโทษ ก็รถเราดันเสียเองไว้คราวหลังเราจะไปเชียร์มะนาวที่ชมรมบ้าง สู้ๆนะ” ภามบีบมือเพื่อนคืน มะนาวฉีกยิ้มให้แล้วโบกมือบ๊ายบายรีบไปชมรมให้ทันเวลา
“กลับบ้านเองสินะ ขี้เกียจจัง” ภามบ่นหงุงหงิงทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม คอนโดเขาถ้าขับรถใช้เวลาแค่ครึ่งชมก็ถึง แต่ถ้าเดินทางเองต้องต่อรถ3รอบและใช้เวลาเป็นชั่วโมง ช่วงรถเสียเขามักติดรถมะนาวไม่ก็ทีมไปส่งที่รถไฟฟ้าไม่ก็โดนพาไปส่งถึงที่
โดยเฉพาะนั่งพี่วินเข้าซอยเนี่ย โหย......
ถอนใจแล้วพาดตัวไปกับโต๊ะหน้าบูด
ดีนยิ้มมุมปากกับอาการงอแงของเด็กน้อย ภามเป็นคนที่เต็มไปด้วยการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทาง หน้าแดง ประหม่า ดีใจ สับสน ร้องไห้ น้องสามารถทำออกมาได้ทันที จนคนเห็นอดเอ็นดูไม่ได้
ปัง ตูมม!!!!!!!!เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมเสียงร้องตกใจของนักศึกษา ดีนรีบหันไปมองที่ต้นเสียงจากตึกคณะ สักพักก็ได้ยินเสียงตะโกนบอกต่อกันว่าหม้อแปลงระเบิด ชายหนุ่มถอนใจเฮือกเป็นครั้งแรกที่ได้ยินใกล้ขนาดนี้ ขนาดเขายังสะดุ้งสุดตัว
ใบหน้าคมคายหันกลับมาที่โต๊ะม้าหินอีกครั้ง แต่เขากลับไม่พบเด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิม
“ภาม?” ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้ว เขาสาวเท้าเข้าไปดู จะว่าน้องกลับไปแล้วก็ไม่น่าใช่เพราะกระเป๋ายังอยู่ที่เดิม และเมื่อเข้าไปใกล้เขาก็ใจหายวาบเปลี่ยนเป็นกระโจนเข้าใส่
“ภาม!!”
คนที่เขาตามหาขดตัวอยู่ข้างม้าหิน ใบหน้าซีดจนไร้สีเลือดร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ภามหายใจหอบหนักทั้งมือทั้งขาเกร็งแน่น ร่างสูงใหญ่เข้าประคองร่างคุดคู้ไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจกระชั้นติดขัดทรมานของน้องทำเอาเขาใจจะขาด
ภามคว้าเสื้ออีกฝ่ายขยำแน่น มองสีหน้าเป็นห่วงของคนที่ประคองตัวเองไว้ท่ามกลางน้ำตาที่พร่าเลือน
“พี่....ดีน” เสียงเรียกติดขัด
“ชู่ว์!...อย่าเพิ่งพูด” ดีนเอื้อมมือคว้าถุงกระดาษใส่ของที่อยู่บนโต๊ะ เขารีบเทของทิ้งแล้วครอบปากคนที่หอบจนตัวเกร็ง “ใจเย็นๆ พี่อยู่ตรงนี้” กระซิบข้างขมับชื้นเหงื่อบีบต้นแขนเล็กเพื่อย้ำคำพูดตัวเอง
พักใหญ่จนน้องเริ่มผ่อนคลายและและลมหายใจดีขึ้น ดีนก็ช่วยพยุงนั่งบนเก้าอี้ม้าหินส่วนตัวเองก็นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้า
“ไปโรงพยาบาล” จ้องมองดวงตาฉ่ำน้ำ
ภามส่ายหัว “ไม่เป็นไรแล้วครับ...พักสักหน่อยก็คงดีขึ้น”
“เมื่อกี้ไม่ใช่คำถาม..พี่พาไปเอง” เขาไม่ฟังคำปฏิเสธ ลุกขึ้นเก็บของน้องใส่กระเป๋าแล้วเอาเป้สะพายไหล่ตัวเองเสร็จสรรพ
“พะ พี่ดีน” ภามร้องเสียงหลง
“จะเดินเองหรือให้อุ้ม”
คนป่วยหายป่วยทันที “เดินเองครับ!”
และแล้วเฟรชชี่แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ก็ถูกประธานชมรมว่ายน้ำลักพาตัวไปโรงพยาบาลโดยไม่มีใครรู้เลย
“ไฮเปอร์เวนติเลชั่น อาการหอบจากภาวะเครียด” คุณหมอท่าทางใจดีอธิบาย “มักจะเกิดตอนเครียดจัด ไม่ก็ตกใจ ตอนนั้นมีเหตุการณ์อะไรหรือเปล่าครับ”
“หม้อแปลงระเบิดเสียงดังครับ” ดีนตอบคุณหมอ เขามัดมือชกเข้ามานั่งในห้องตรวจพร้อมผู้ป่วยที่ยังอ้ำๆอึ้งๆ
พอทั้งหมอและพี่ดีนหันมาจ้องเหมือนรอคำตอบ ภามก็พยักหน้า
“ครับ ผมกลัวเสียงดัง ถ้าดังแบบตั้งตัวจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าอยู่ๆดังขึ้นมาจะตกใจมาก”
“มีอาการแบบนี้บ่อยไหมครับ” คุณหมอจดรายละเอียดลงการ์ดกระดาษแข็งสีขาว ในขณะที่คนถูกถามกลับทำหน้าเฉยชาด้วยความเคยชิน
เขาถูกพ่อกับแม่พาไปรักษาทุกอย่างหมดแล้วแม้แต่หมอจิตเวช
“ไม่ครับ อย่างมากก็ตกใจธรรมดา นานๆจะถึงกับหอบ พวกเสียงที่ใกล้เคียงกับปืนหรือระเบิดนี่ไม่ได้เลย”
“สมัยเด็กๆ เคยมีเหตุการณ์อะไรที่เกี่ยวข้องกับปืนไหม”
เด็กหนุ่มส่ายหัว “ไม่เคยมีครับ แต่แม่เล่าว่าผมกลัวเสียงแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว”
“อาการพวกนี้รักษาได้ไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนเป็นหมอ
“อาการไฮเปอร์เวนฯป็นอาการทางจิตใจครับ ผมทำได้อย่างมากก็ให้ยาคลายกังวล แต่กรณีคุณภามไม่ได้มีความเครียด ถ้าเราหาสาเหตุไม่ได้ก็แก้ไขลำบาก” หมออธิบายด้วยสีหน้าลำบากใจ ดีนพยักหน้าพวกเขาสนทนากับหมออีกสักพักพร้อมรับคำแนะนำในการดูแลตัวเองก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ
ตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาล ประธานชมรมว่ายน้ำก็หน้านิ่วคิ้วขมวดโดยมีน้องนั่งตัวลีบอยู่ที่นั่งข้างคนขับ เขาเพิ่งรู้ว่าภามมีอาการแบบนี้และเขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย ถ้าเกิดอาการแบบนี้ในที่ที่ไม่มีใครล่ะ?
พวกเขาสองคนนั่งเงียบกันตลอดทางโดยมีภามแอบเหลือบมองคนขับเป็นระยะ เด็กหนุ่มกอดกระเป๋าเป้แน่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวหัวใจ พอหายหอบสติมาอาการตื่นเต้นก็เข้ามาแทนที่ โชคดีที่เขาจะหอบเฉพาะตอนได้ยินเสียงดัง แต่เวลาตื่นเต้นหรือเครียดเรื่องเรียนกลับไม่เป็นอะไร ซึ่งหมอก็บอกว่ามันเป็นภาวะทางอารมณ์อย่างหนึ่ง
ดีนกุมพวงมาลัยแน่นขึ้นพลางถอนใจสงบอารมณ์ตัวเอง กังวลไปก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะพยายามหาต้นตอสาเหตุ เขาเหลือบมองคนที่นั่งกอดกระเป๋านิ่งตัวแข็ง น้องดูเกร็งยามอยู่ใกล้ อาจเป็นเพราะไม่คุ้นเคย? หรือว่ากลัว?
...คิดแล้วก็เดาะลิ้น ไม่สบอารมณ์ นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยรถก่อนจะเริ่มพูดทำลายความเงียบ
“ดีน รัฐนนท์ วงศ์เนตร อยู่ปี3 คณะบริหาร มีน้องอีกสองคนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันชื่อดอนกับเดล”
“หะ หา????” ภามหันมามองตาโต ไม่เข้าใจว่าอยู่ๆพี่ดีนจะแนะนำตัวทำไม แต่พออีกฝ่ายยังนิ่งเหมือนรอคำตอบก็ชักเอะใจว่าพี่เขาต้องการอะไร
“ภาม..ภาม ไตรวินิจ อยู่ปี1 คณะเศรษฐศาสตร์ มีน้องชายชื่อภูมิอยู่เกรด10ครับ”
“พี่อยู่บ้านกับครอบครัว แต่พ่อแม่อยู่ต่างประเทศมากกว่า” ชายหนุ่มพูดราวกับเล่าอะไรสักอย่างให้ฟัง ดูเหมือนสิ่งที่เขาทำน่าจะได้ผลเพราะอาการเกร็งของน้องลดลง ใบหน้าเริ่มผ่อนคลาย รวมถึงเลิกกอดกระเป๋าจนแน่นอีกด้วย
“ผมอยู่คอนโดคนเดียว คุณพ่อเสียแล้วส่วนคุณแม่เปิดร้านอาหารไทยอยู่กับน้องที่อเมริกา”
“พี่เกิดวันที่ 21 เมษา”
“ผมเกิด 16 มิถุนา”
“พี่ชอบทะเล แม่น้ำ”
“ผมก็ชอบทะเลกับแม่น้ำ
“พี่เป็นประธานชมรมว่ายน้ำ”
“ผมน้องใหม่ชมรมขนมไทยครับ”ภามหัวเราะคิก
“...พี่ชอบกินอาหารไทย” เหลือบมองน้องที่เม้มปากน้อยๆ
“...ผมชอบทำอาหารไทย”เสียงตอบชักเบาหวิว ภามไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองตอบผิดคำถาม
รถเริ่มชะลอตัวลงก่อนจะหยุดนิ่งรอไฟแดง ใบหน้าคมคายหันมามองคนข้างกายอย่างเต็มตา
“โสด..”
“สะ......” ภามชะงักกึกแล้วค่อยๆเหลือบตามองอีกฝ่ายพอเห็นว่าโดนจ้องอยู่แก้มก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มอยากจะหลบตาแต่ก็โดนดวงตาสวยคู่นั้นดึงดูดเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน ริมฝีปากบางเม้มจนแดงก่ำ กว่าจะได้ตอบเลขบนไฟแดงก็เหลืออีกแค่สามวินาที
“โสด
...
...เหมือนกันครับ”
จบประโยคความเงียบก็กลืนกิน เหลือเพียงความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวมากขึ้นทุกที ชายหนุ่มออกรถเมื่อกลายเป็นไฟเขียว เขาค่อยๆขับไปตามทางที่น้องบอกไว้ราวกับจะยืดเวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้นอีกนิด
“คอนโดนี้ใช่ไหม” พอคนข้างๆ พยักหน้าเขาก็หมุนพวงมาลัยเข้าไปจอดหน้าทางเข้าตึก
คอนโดโลว์ไรส์8ชั้นอยู่ในซอยที่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไป ดีนขมวดคิ้วอีกครั้งตอนนี้รถของภามเสียอยู่น่าจะเดินทางลำบากไม่น้อย
ภามยิ้มแล้วยกมือไหว้ขอบคุณคนมาส่ง เหมือนความฝันที่เขาได้นั่งรถพี่ดีนแถมได้คุยกัน ถึงแม้จะไม่มากมายนักแต่ก็ถือว่ามีพัฒนา เด็กหนุ่มสะพายเป้หยิบของลงจากรถแต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าตึก คนขับก็เปิดหน้าต่างรั้งตัวเอาไว้
“เดี๋ยว”
มือใหญ่ยื่นโทรศัพท์มือถือให้พร้อมดวงตาสีสวยที่จ้องมองใบหน้างุนงง ภามมองสมาร์ทโฟนในมืออีกฝ่าย สมองกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อตีความหมาย สุดท้ายความคิดของเขาก็พันกันเละเทะแล้วระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เหตุผล คำถาม ถูกทำลายไม่เหลือ มีเพียงสัญชาติญาณบอกให้เขารับสมาร์ทโฟนพี่ดีนมาถือ จัดการสไลด์ปลดล็อคด้วยรหัสที่อีกฝ่ายบอก จากนั้นก็กดโทรออก...
เข้าเบอร์ตัวเอง
พอมือถือในกระเป๋าดังภามก็ตัดสายทิ้ง เขาคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของ ยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในตึก ปล่อยให้คนขับรถหน้าดุมองเบอร์ในมือถือด้วยรอยยิ้มจางๆ
คืนนั้นเด็กน้อยนอนกลิ้งอยู่บนเตียงจ้องมองเบอร์ของรุ่นพี่ในมือถือด้วยหัวใจเต้นกระหน่ำ เขากดบันทึกเบอร์แล้วใช้รูปแอบถ่ายตั้งเป็นภาพตอนสายเรียกเข้า ริมฝีปากบางยิ้มกว้างตลอดเวลาจนแก้มแทบแตก กลิ้งซ้ายกลิ้งขวาเอาหน้าซุกหมอนแล้วแหกปากลั่นออกมาเป็นเสียงอู้อี้
มีความสุขจะตายแล้ว
----
ท่ามกลางนักศึกษามากมาย ร่างสูงฝังตัวเงียบอยู่ที่มุมของลานใต้ตึกคณะ เขานั่งกับพื้นเอนหลังพิงกำแพงยืดขายาวด้วยท่าทางสบายๆไม่สนใจใคร
“สวัสดีพี่ชื่ออะไร”
เสียงสดใสไม่คุ้นหูเอ่ยทัก พอเงยหน้าขึ้นมองถึงเห็นดวงหน้าใสๆ ของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“ผมชื่ออิน”
“..กรณ์..”ตอบเสียงห้วน
เจ้าตัวเล็กส่งยิ้มกว้างให้ “ผมโคตรชอบพี่เลย จีบได้ไหม”
ชายหนุ่มหรี่ตามองและเริ่มขมวดคิ้วหงุดหงิด ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขามาก่อน ไอ้เด็กนี่ก็คงแค่อยากลอง มันไร้สาระจนเขาหันกลับไปสนใจหนังสือต่อปล่อยให้เด็กมันพล่ามไป
อินทำปากยื่นเมื่อโดนเมิน “ไม่ปฏิเสธผมถือว่าโอเคนะ”
พี่กรณ์ก็ยังนิ่งไม่ตอบอะไร อินทำท่าจะพูดอีกแต่ก็โดนเพื่อนพุ่งเข้าล็อคแขนสองข้างลากออกไปอีกทาง
“อย่าไปยุ่งกับพี่เขา นั่นน่ะลูกเจ้าพ่อ ทวงหนี้นอกระบบ”
อินไหวไหล่ “ก็ลูก..แต่ไม่ใช่ตัวเจ้าพ่อนี่” ทำไมจะไม่รู้ ข่าวพี่เขาดังจะตายไป
“ไปยุ่งด้วยก็เสี่ยงเปล่าๆ”เพื่อนอีกคนเตือนเสียงเข้ม “ถึงตายนะมึง”
“เวอร์น่า” อินส่ายหัวแล้วปรายตามองร่างสูงที่ยังคงไม่สนใจโลกรอบตัว “แค่จีบไม่ตายหรอก”
เขาแค่อยากทำให้คนขี้เหงามีความสุขบ้างเท่านั้นเอง
----
ภามสะดุ้งตื่นลืมตาโพลง เขายันตัวขึ้นมองนาฬิกาที่หัวเตียง เลขดิจิตอลขึ้นว่า 6:20 ซึ่งยังเช้าเกินไปสำหรับคนที่มีเรียน10โมง เด็กหนุ่มทิ้งร่างลงนอนอีกครั้งทบทวนความฝันเมื่อสักครู่
รู้สึกเหมือนตัวเองพุ่งไปจีบใครสักคน...
คิดแล้วก็ขำ เขาควานหามือถือแล้วหยิบขึ้นมาดู สัญญาณเตือนของไลน์ขึ้นเต็มไปหมดเพราะเมื่อวานเขาไม่ได้เช็คอะไรเลย เด็กหนุ่มกดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวกะว่าจะตอบแชทเพื่อนสักหน่อยแต่ต้องสะดุ้งโหยงกลิ้งตกเตียงเมื่อมีการเตือนเฟรนด์ใหม่โผล่ขึ้นมาจากออโต้แอดด้วยเบอร์โทรศัพท์
เพื่อนใหม่ใช้อวาตาร์เป็นรูปทะเล แต่ที่เขารู้เป็นใครเพราะเคยเห็นรูปนี้ที่เฟสของใครบางคน
พะ พะ พะ พี่ดีนนนนน??
ภามเกาะขอบเตียงมองมือถือด้วยอาการสับสน อยู่ๆก็ได้ไลน์พี่ดีนมาเขาควรจะทำยังไง
มีโอกาสต้องอ่อย อย่าปล่อยให้หลุด อยู่ๆประโยคของมะนาวก็เด้งขึ้นมาในหัว ....โอเค เพื่อนของเขาดีๆกันทั้งนั้น
อ่อยงั้นเหรอ เกิดมาไม่เคยอ่อยใครแล้วทำยังไงถึงเรียกว่าอ่อย มือใหม่ริจะหัดปลูกอ้อยเกาหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ภามปีนกลับขึ้นเตียงหยิบมือถือแล้วจิ้มเข้าห้องแชทของพี่ดีน
ทักทาย........ก็ไม่รู้จะพิมพ์อะไรพิมพ์แล้วก็ลบซ้ำไปซ้ำมา
ส่งรูป........ลองเปิดหน้าแกลลอรี่เลือกหารูปเด็ดๆ แต่ไม่มีอะไรสักอย่าง
สติ๊กเกอร์ล่ะ......เออๆ เอาอันนี้แล้วกัน
ว่าแล้วก็กดปุ่มเพื่อที่จะหาสติ๊กเกอร์ส่งทักทายแต่อารามตื่นเต้นจนมือลั่น เขาดันกดปุ่มผิดส่งรูปไปแทนเสียอย่างงั้น
รูป...
รูป...

ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยย!! ภามตาถลน นี่มันรูปที่แม่ส่งมา!!!
คนเผาไร่อ้อยตัวเองจนเหี้ยนร้องโหยหวนลั่นห้องนอน
เสียงเตือนข้อความเข้าทำให้เจ้าของมือถือแปลกใจ ตอนนี้เพิ่งหกโมงกว่าหรือว่าที่ชมรมจะมีอะไรด่วน? ดีนวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะกินข้าว บรรยากาศที่โต๊ะอาหารในบ้านยังคงเงียบเหมือนเคย เขาสไลด์หน้าจอ ขมวดคิ้วงงๆเมื่อเห็นแอคเคาท์ไม่คุ้นตา แต่เมื่อมองภาพแทนตัวเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งได้เบอร์มาเมื่อคืนเขาก็รีบเข้าห้องแชททันที พอเห็นสิ่งที่น้องส่งมาคนหน้านิ่งก็หลุดขำออกมาจนน้องสองคนถึงกับหันมามอง
เมาขี้ตาหรือเปล่า ภามเอ๊ย เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
คนที่กำลังสะอื้นชะงักเมื่อไลน์ส่งเสียงเตือนขึ้นมาอีก เขารีบเปิดดูแล้วก็เบ้ปาก
Dean: วันนี้วันพุธ...
มันไม่ใช่ฮะพี่ดีน........มันไม่ช่ายยยยย ภามรีบตอบกลับรัวๆ
Ph@m: พี่ผมขอโทษมือไปโดน
ถึงจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าแต่ดีนกลับนึกหน้าอีกฝ่ายออก ป่านนี้คงหน้าแดงน้ำตาคลอมือไม้สั่น
Ph@m: คือ เมื่อวานขอบคุณนะครับ *Sticker หมาโค้ง*
Dean: ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้วใช่ไหม ไปมหาลัยยังไง
Ph@m: ทีมมารับครับ
Dean: ..อืม บ้านพี่ไม่ค่อยไกลจากคอนโดเรา ถ้าทีมไม่สะดวกยังไงพี่ไปรับส่งได้ ยังไงก็ทางผ่าน
หืมมมมมม ภามทำตาโต รับส่งงั้นเหรอ!!!! เจอแบบนี้ชักไปต่อไม่ถูก
Ph@m: *สติ๊กเกอร์หมายิ้ม*
ตอบกลางๆ แบบนี้ไปก่อนแล้วกัน
Ph@m: พี่ดีน ผมอยากตอบแทน..พี่อยากกินอะไรไหมครับผมจะทำให้
ภามเริ่มปลูกอ้อยใหม่หลังจากโดนไฟเผาราบไปเมื่อสักครู่ แอบภูมิใจตัวเองที่ชักกล้าเขานั่งเฝ้าโทรศัพท์อยู่เป็น10นาที สักพักพี่ดีนก็ไลน์กลับมา
Dean: ทำของคาวได้ไหม
Ph@m: ได้ครับสั่งมาได้เลย
Dean: ข้าวไข่เจียว
ภามหน้าเหว๋อ............ห้ะ ข้าวไข่เจียว
Ph@m: เอายากกว่านั้นก็ได้นะครับ
Dean: ข้าวไข่เจียวนี่แหละ พี่อยากกินเป็นข้าวเช้า
พี่ดีนยังคงยืนยันจนภามถอนใจ สงสัยคงอยากกินจริงๆ
Ph@m: อ่า..ให้ผมฝากทีมเอาไปให้ที่ชมรมตอนเช้าไหมครับ
ภามหมายถึงทำใส่กล่องแล้วฝากทีมเอาไปให้วันที่มีซ้อมเช้า
ดีนไขกุญแจรถเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย เขาพิมพ์ไลน์ตอบน้องด้วยดวงตาแวววาว
Dean: ไม่เป็นไร รถยังซ่อมอยู่ใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่ไปเอาข้าวแล้วก็รับเราที่คอนโดเลยแล้วกัน
รับที่คอนโด
รับที่คอนโด
รับที่..
“ห๊า!!!” เด็กหนุ่มชักนั่งไม่ติด อยู่ๆพี่ดีนก็จะมารับเนี่ยนะ
Ph@m : เอ่อ ลำบากเปล่าๆครับ
Dean: พรุ่งนี้7:00 เช้า ถึงแล้วจะโทรไป แค่นี้ก่อนพี่จะขับรถแล้ว
หลังจากประโยคนี้ ไม่ว่าภามพยายามส่งอะไรไปมันก็ไม่ขึ้นว่า อ่านแล้ว อีก คนขี้ตื่นปล่อยโทรศัพท์ตกลงบนเตียงอ้าปากค้างด้วยความงุนงง
แค่ข้าวไข่เจียวพี่ลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ!?
-------
สวัสดีวันอังคารค่ะ ^^
ช่วงนี้คอมพ์ไม่รักดีเลย ปิดตัวเองบ่อยๆ เสียวนิยายหายมาก แถมเมื่อคืนตีสองนั่งแปลงานอยู่ อยู่ดีๆก็บังคับเม้าส์ไม่ได้แล้วหน้าจอมันก็เลื่อนครืดๆๆๆๆๆไม่หยุด ดูสยองขวัญ
แต่ตอนนั้นผู้เขียนคิดอยู่อย่างเดียว
งานช๊าน!!!!!
สรุปงานหายไปสามหน้า ทำต่อไปสิคะจนตีสาม T-T บ้าจริง
มะนาวจ้ะ

ทีมครับผม
