ตอนที่แล้วคืองงมาก จำเรื่องตัวเองไม่ได้ ถถถ
คือถ้าจะเขียนของตัวเอง ห้ามอ่านของคนอื่น ถ้าอ่านของคนอื่น ของตัวรอยาวๆ ไปนะจ๊ะ
-17- ชาเย็นหวานน้อย อิอิ
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะยังคลุมเครือ… หรืออาจจะยิ่งกว่าคลุมเครือก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอนั่นคือการปฏิบัติต่อผมมันดีขึ้นเรื่อยๆ พี่แม็กยังปากร้ายตามนิสัยแต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ด่าอะไรรุนแรงแค่บ่นตามประสาเท่านั้น มือก็เบาลงไม่ทุบตีจนเขียวช้ำเหมือนเมื่อก่อน (แต่ก็ชอบพลั้งมือเล่นแรงกับผมอยู่ดี)
และโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง…
ตั้งแต่กลับบ้านวันนั้นเรามีอะไรกันทุกวัน พี่แม็กขนของมาอยู่กับผมจนเกือบจะถาวร คอยไปรับไปส่งถึงคณะไม่เคยขาดแม้บางวันจะเรียนไม่ตรงกัน แถมยังส่งสติกเกอร์ไร้ความหมายมาหาทุกช่วงพักด้วย เขาเปลี่ยนไปมากซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับผม แต่จะขอบคุณมากถ้าพี่ลดความหื่นลงบ้างสักนิด
เช้านี้ผมตื่นมาบนแผงอกกระเพื่อมขึ้นลงสม่ำเสมอ เสียงกรนเบาๆ ดังเหนือหัวขึ้นไปทำให้รู้ว่าเจ้าตัวยังคงหลับลึกหลังจากผ่านเซ็กส์มาราธอนจนใกล้รุ่งสาง (พอดีวันนี้เรียนบ่ายกันครับพี่เขาเลยใส่เต็ม) ผมยิ้มกับใบหน้าหล่อเหลาที่หลับตาพริ้มหัวคิ้วคลายไร้แววดุร้ายเช่นยามตื่น เพลินตามากเลยครับ ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จังเลย คนอื่นอาจว่าพี่หล่อนะ แต่สำหรับผมพี่แม็กน่ารักมากเลย แขนแกร่งโอบผมไว้เหมือนกอดหมอนข้างขนาดขายังเกี่ยวผมไว้ในท่านอนไขว่ห้างด้วย ท่ายากเก่งจริงๆ … ใช่ เก่ง
บทรักที่เร้าร้อนทว่าอ่อนหวานถูกมอบให้ทุกค่ำคืน ความอ่อนโยนแสดงให้เห็นว่าเขาทะนุถนอมและใส่ใจผมราวกับเป็นคนรักกัน ผมไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากหรอกว่าเรารักกัน เพราะคงมีแค่ผมคนเดียวที่คิดอย่างนั้น
ผมหลับตาลงอีกครั้ง ขี้เกียจตื่นจังเลยยย ผมว่านอกจากร่างสูงแล้วผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเช่นเดียว คือมัน… เหมือนผมเห็นโลกนี้เปลี่ยนไป จากสีเทาก็เริ่มมีมิติอื่นๆ แทรกเข้ามา อธิบายไม่ถูกแฮะ
“อืม...”
ผมคงหยุกหยิกมากเกินไปจนไปรบกวนคนนอนเข้า ผมนอนตัวแข็ง พี่แม็กตบหัวตัวเองกับหมอนพอได้ที่ก็นิ่งไป เขาเป็นสิงโตขี้เซาหรือไงกัน น่ารักชะมัด
“คิกๆ”
ผมหัวเราะเบาๆ กอดตอบเขาบ้างกำลังจะเคลิ้มหลับอีกรอบเพราะลมอุ่นๆ เป่ารดกระหม่อม พี่เขานอนถอนหายใจด้วย น่ารักอ่า แต่จู่ๆ มือปลาหมึกก็เลื้อยตามตัวผมไปเรื่อยจนไปหยุดที่ข้างเอว ผมซึ่งนอนคว่ำทับเขาอยู่มองตาม มือข้างนั้นก็หยิบพุงย้วยๆ ของผมมาหนึ่งชั้นเต็มๆ มือ
“อ๊า!” คนบ้า! มันจั๊กจี้นะ
“อือ...”
ผมดิ้นแรงไปจนทำคนด้านล่างตื่น คิ้วเข้มขมวดหยีตาสู้แสงอย่างงงๆ ผมดันตัวจะลุกแต่แขนเขายังกักตัวไว้เหมือนเดิม “พี่แม็กปล่อยหน่อย ผมจะลุก”
“ให้เรียกว่าไง” ประโยคแรกของวันก็ดุกันซะงั้น ที่บอกว่าพี่ใจดีขึ้นผมขอถอนคำพูด
“ปล่อย ‘โบ’ ก่อน ปวดฉี่”
มันเป็นคำสั่งของเขาครับ ให้ผมแทนตัวด้วยชื่อตอนพูดกับเขาตลอด ตอนแรกก็ไม่ชินมันดูหวานแหววเกินไปแต่ก็ได้เหตุผลกลับมาว่าการแทนตัวที่พิเศษกว่าคนอื่นคือการแสดงความเป็นเจ้าของ เขาพูดเต็มปากเลยว่าจะเป็นของผมคนเดียว ถึงจะไม่ใช่ในฐานะคนรักแต่แค่นี้ก็ทำให้หัวใจอันเหี่ยวแห้งกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งแล้วครับ
“โกหก” ถึงจะยอมเป็นของผมแต่เขาก็ไม่ได้เลิกขัดผมเสียทุกอย่างอยู่ดี โธ่
“โบปวดจริงๆ ฉี่จะราดแล้วปล่อยก่อน” แต่ผมโกหกจริงครับ แหะๆ
“งั้นก็เยี่ยวเลย”
“พี่จะบ้าเหรอ มันก็เปื้อนที่นอนสิ”
“กูไม่เดือดร้อน มึงซัก”
เบื่อเถียงด้วยแล้ว! ผมดิ้นๆๆ ตีแขนตีขาจะลุกจนร่างเปลือยเปล่าของเราเสียดสีกัน เขาจึงรัดแขนแน่นขึ้นคราวนี้ฉี่ผมจะเล็ดจริงๆ ล่ะ คนหรืองูเหลือมเนี่ย
งับ!
“โอ๊ย”
สู้ไม่ได้ก็งับเลยครับ ผมกัดไหล่แบบไม่ยั้งแรง เล่นแรงมาผมก็เล่นกลับไม่โกง กะให้เนื้อหลุดเลยแหละ หมั่นไส้ แต่คนอย่างพี่แม็กมีหรือจะยอม เขากัดหูผมทั้งที่ผมยังไม่ปล่อยเขา กลายเป็นเล่นมวยปล้ำภาคพิศดารกันไปซะงั้น
“อ๊า! พี่ เจ็บ! เชี่ยแม่ง เชี่ยๆ เจ็บครับ ยอมแล้ว”
โอย หูขาดหรือเปล่าเนี่ย ผมจับหูชุ่มน้ำลายอย่างแหยงๆ มองคนหน้าระรื่นอย่างเคืองๆ แต่ยอมให้ก่อนก็ได้ เพราะรอยยิ้มทั้งตาทั้งปากอย่างยากจะหาได้ของพี่หรอกนะ ฟันขาวจั๊วะ
เขาดึงผมไปจูบแรงๆ ตั้งแต่หน้าผาก จมูก ปาก แก้ม ตา วนมาปากอีกสองสามที่เหมือนหมั่นเขี้ยว รอบสุดท้ายนี่กัดปากผมจนยืดเลยครับ ไม่นานผมคงเฉามือตาย
หลังจากจูบรับอรุณที่ไม่เห็นละมุนแบบคนอื่นเลยสักนิดเขาก็ตีก้นผมดัง เพียะ! แล้วขยุ้มพุงผมทั้งสองมือ เนื้อส่วนเกินถูกดึงยืดเป็นห่วงยางน่าเกลียดแต่นุ่มหยุ่นมือ เขาชอบมายุ่งกับส่วนนี้ของผมมาก อยู่ใกล้ทีไรมือไม่เคยไปไหน ต้องจับต้องจิตลอด คือผมไม่ได้อ้วนนะแค่เนื้อมันไม่เฟิร์ม เมื่อก่อนก็ไม่อะไรกับหุ่นตัวเองนักหรอก แต่พี่ทำผมหมดความมั่นใจแล้วเนี่ย
“พี่แม็กหยุดเลย! ไม่เล่น”
“กูจะเล่น”
“เอ๊ะ!”
“หุบปากไอ้หมู”
“โอ๊ย ไอ้...” ผมจะด่าเขาว่าอะไรดีเนี่ย
“อะไรๆ มึงด่าเลย ด่ากูแรงๆ เลย ไม่งั้นกูไม่หยุด”
ได้! พี่ท้าผมใช้ไหม งี้ต้องจัดให้หน่อยเอาแบบสุดๆ เลย “...” ขอโทษครับผมนึกไม่ออก
“เงียบไม ด่ากูดิ๊”
“เอ่อ อ่า ไอ้ ไอ้...”
“เอาเหี้ยอ่ะ ไหนมึงด่ากูเหี้ยดิ๊” ขนาดด่ายังต้องให้เขาสอนเหรอ อนาถตัวเอง
“ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบ” คือทำไมคนเราต้องด่ากันด้วยสิ่งมีชีวิตอื่นด้วยล่ะครับ ผมไม่เข้าใจ
“งั้นจัดมา อะไรก็ได้ แรงที่สุดให้กูจุกน้ำตาไหลเลย”
ผมเคยได้ยินคำด่ามามากมาย แต่ให้พูดอย่างตั้งใจเองมันไม่ยอมหลุดออกมาจากปากอ่ะครับ ไม่เหมือนพี่แม็กที่พูดออกมาได้โดยสัน- น่ะเห็นไหม ผมพยายามแล้วนะ
“...”
“เร็วๆ”
“อ่ะ อ ไอ้ เอ่อ”
“เร็วๆ หมู”
“ไอ้!... นิสัย” ผมด่าเขาอย่างสุดความสามารถที่มี แถมอ้อมแอ้มคำหลังอีกต่างหาก
“...หะ?”
พี่แม็กทำหน้าแบบงงไปกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ “นี่ด่าแล้ว?”
ผมครางอือพยักหน้าให้อย่างรู้สึกผิด แอบขอโทษเขาในใจเพราะยังไงเขาก็อายุมากกว่า ผมไม่ควรว่าเขาแบบนั้น แต่พี่แม็กนอกจากจะไม่โมโหแล้วยังปล่อยก๊ากใส่เต็มหน้าผมอีก
“ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย เชี่ย ฮ่าๆๆ ขำชิบหาย ฮ่าๆๆ ปวดท้อง โอย กูปวดท้อง”
เขาปล่อยมือจากเอวผมไปกุมท้องตัวเอง หัวเราะจนตัวดำกลายเป็นแดงไปทั้งตัว เป็นปกติผมคงว่าน่ารักอยู่หรอกแต่ตอนนี้ ผมโกรธ!
“ฮ่าๆๆ แค่กๆๆ ฮ่าๆ”
“พี่พอได้ยัง” ยกแขนกอดอกหน้างอทับบนตัวเขา ไม่สนว่าท่าทางจะน่าเกลียดยังไง ขอแค่คนตรงหน้าเลิกหัวเราะเยาะผมเสียทีเถอะ
“ฮ่าๆๆ โอยยย ไม่ไหวแล้ว มึงอย่ามองกู! ฮ่าๆๆๆ กูขำ กูขำหน้ามึง”
ฮึ่ย! อยากขำขำไปเลย ไม่สนใจแล้ว! ผมลุกไปจัดการตัวเองก่อนจะเสียเวล่ำเวลาไปกับเรื่องไร้สาระไปมากกว่านี้ ถึงจะเรียนบ่ายแต่ก็ต้องหุงหาอาหาร เก็บกวาดห้อง รีดชุดคุณชายอีก อาบน้ำเสร็จก็็เจอหน้ายิ้มจ้องคอยอยู่บนเตียง ผมปาผ้าเช็ดตัวใส่หวังจะปิดหน้าทะเล้นนั่นแล้วไปเตรียมทำอาหารเช้าควบเที่ยงแทน
มีต่อ