รู้สึกว่าช่วงนี้น้ำหนักผมจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผมท้องได้ห้าเดือนแล้ว แต่รู้สึกเหมือนคนใกล้คลอด จะเดินไปไหนทีก็อุ้ยอ้ายและต้องมีคนคอยพยุง
“ค่อยๆ นะคะ” พี่งามค่อยๆ พยุงผมให้นั่งลงบนโซฟา
“ขอบคุณมากนะครับ แต่พี่งามไม่ต้องดูแลผมขนาดนี้ก็ได้นะครับ”
ผมบอกกับพี่งามซึ่งเป็นคนที่พี่หินจ้างให้มาช่วยงานบ้านและคอยดูแลผม
พี่งามเป็นหนึ่งในคนงานของที่นี่จึงสามารถมาอยู่ดูแลผมได้ตลอดเวลา พี่งามเป็นคนน่ารัก ตัดผมสั้นหน้าม้า… แถมยังเป็นคนตลกจนผมหัวเราะได้ทั้งวัน เพราะแบบนี้ละมั้ง พี่หินถึงให้พี่งามมาดูแลผม
“โธ่ น้องครามขา… งานอื่นไม่สำคัญเท่าดูแลน้องครามหรอกค่ะ… คุณเอกโหดจะตาย”
“หืม…” ผมเลิกคิ้ว
“พี่หินน่ะเหรอครับโหด ขี้แยมากกว่า…” แต่จะว่าไป เขาก็โหดจริงๆ นั่นแหละ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ
“พี่งามจินตนาการไม่ออกเลยค่ะ! ตอนนี้คนที่ฟาร์มม้าตั้งฉายาว่าคุณโหด.. อุบ” พี่งามรีบปิดปากตัวเอง
ผมหัวเราะ
“ยังไงครับ ที่ว่าโหดน่ะ”
“เรื่องบุคลิกก็ส่วนหนึ่งนะคะ ก็คุณเอกตอนนี้หนวดขึ้น… เหมือนโจรเลยค่ะ ดูไม่ออกเลยว่าเคยเป็นตำรวจ” ผมขำหนักมาก เพราะผมก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าเขาจะเป็นตำรวจ
“อย่าไปฟ้องคุณเอกนะคะ”
“ไม่ฟ้องหรอกครับ พี่งามเล่าต่อเถอะ สนุกดี”
“มีครั้งหนึ่งค่ะ ตอนที่คนงานจะทะเลาะกันน่ะค่ะ คุณเอกโมโหมากจนทำลายอุปกรณ์ต่างๆ พัง เหมือนคนคลั่งเลยค่ะ คนงานนี่กลัวจนเลิกทะเลาะกันไปเองเลยค่ะ ตอนนี้คนงานไม่กล้าทำอะไรที่ผิดกฎเลยค่ะ”
ผมเอนหลังพิงกับพนักพิง
“แล้วข้อดีมีบ้างไหมครับ”
“…ก็มีค่ะ ถึงจะโหด แต่ทุกคนก็บอกว่าคุณเอกรักคนงานเหมือนญาติพี่น้องเลยค่ะ”
ผมพยักหน้ารับรู้
“แต่… พี่งามก็กลัวคุณเอกอยู่ดีนะคะ ทั้งยังจินตนาการตอนที่คุณเอกมุ้งมิ้งกับน้องครามไม่ออกเลยค่ะ… พี่งามคิดแล้วยังรู้สึกแปลกๆ เลยค่ะ”
ooooOoooo
“ให้แม่บ้านทำอาหารให้ก็ได้นี่”
ฟอดดด พอพี่หินที่เพิ่งกลับจากคอกม้าเห็นผมกำลังทำอาหารในครัวก็เข้ามาสวมกอดจากด้านหลังแล้วหอมแก้ม
“นานๆ ทีก็อยากทำเองบ้างน่ะครับ” ผมตักแกงส้มใส่ช้อนแล้วหันไปป้อนให้เขาชิม
“อร่อย!” พอช้อนแตะปากก็บอกว่าอร่อยทันที
“อร่อยเร็วเกินไปไหมครับ ยังปรุงไม่เสร็จเลย”
“ฟ้าทำอร่อยอยู่แล้ว แค่น้ำเปล่าก็หวานอร่อยสำหรับพี่แล้วนะ”
ฟอดดด
ผมยิ้มแล้วเหลือบไปมองพี่งามซึ่งกำลังแอบมองอยู่ตรงประตู เธอใช้มือปิดปากตัวเองอย่างตะลึง นี่แหละครับพี่งาม ตัวตนที่แท้จริงของจอมโหดที่เหล่าคนงานพากันเกรงกลัว เวลาอยู่กับผมก็กลายเป็นแบบนี้แหละ…
“ทั้งสองคนอยู่นี่เอง แม่หาตั้งนาน มาดูดอกไม้ในสวนที่แม่ปลูกหน่อยเร็ว บานสวยเชียว”
“ผมละจากอาหารไปไม่ได้น่ะครับ ถ้าทำเสร็จจะไปดูนะครับ พี่หิน พี่ไปกับแม่ก่อนเถอะ”
“พี่อยากกอดฟ้านี่”
“เฮ้อ ไม่มีใครสนใจเราเลยน้า” แม่ดาวแกล้งพูดน้อยใจจนพี่หินรีบละจากผมแล้วเดินไปกับแม่ทันที ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนที่พี่งามจะค่อยๆ เดินออกมา
“มะ..ไม่น่าเชื่อ พี่งามตกใจมากเลยค่ะ เข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมน้องครามถึงรักคุณเอก… พี่งามก็อยากให้มีคนมาอ้อนมาเอาใจแบบนี้เหมือนกัน”
“แต่กว่าที่เราจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ผ่านอุปสรรคมากมายเลยนะครับพี่งาม… จนบางครั้งผมยังคิดว่าเราผ่านจุดนั้นด้วยกันมาได้ยังไง”
“ครามจ๊ะ อยู่ไหม” เสียงตะโกนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมกับพี่งามมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนที่ผมจะให้พี่งามดูแกงส้มในหม้อแทน แล้วตัวเองก็เดินไปที่หน้าบ้าน
“เจ๊ลี!”
“ต๊ายยย อย่าเดินจ้ะ เดี๋ยวเจ๊เดินไปหาเอง ท้องยิ่งโตๆ อยู่ เกิดล้มขึ้นมาจะลำบาก” เจ๊ลีเดินเข้ามาหาผม แล้วเราสองคนก็นั่งลงที่โซฟา
“เจ๊ลีมาตั้งแต่เมื่อไรครับ”
“เมื่อกี้นี้เอง… อยากมาเยี่ยมน้องชายที่ไม่ค่อยจะรับโทรศัพท์น่ะ โทรมาตั้งหลายรอบก็ ไม่รับ หมั่นไส้ เลยขึ้นเหนือมาซะเลย”
“ฮะๆ แล้วจุกมาด้วยไหมครับ”
“มาจ้ะ… เล่นกับหนูดีอยู่ ว่าแต่... เจ๊ดีใจมากเลยนะที่ครามมีความสุขแบบนี้ เจ๊ก็พอติดตามข่าวจากใหญ่ เลยพอรู้เรื่องบ้าง… ว่าแต่ท้องได้กี่เดือนแล้วล่ะ”
“ห้าเดือนครับ”
“ต๊ายยย เจ๊ล่ะอยากเห็นหน้าหลานไวๆ จัง… อ้อจริงสิ พ่อรูปหล่อไปไหนเนี่ย”
“อยู่ที่สวนดอกไม้กับแม่เขาน่ะครับ”
“พอดีจะเอาคำพูดจากยายเอิบมาฝาก ยายเอิบฝากเจ๊มาบอกว่าคิดถึงครามกับพ่อรูปหล่อมากๆ ที่จริงก็จะเอาขนมครกมาฝากครามกับพ่อรูปหล่อด้วยนะ แต่เจ๊คิดว่าคงจะบูดก่อนมาถึงแน่ๆ”
ผมยิ้มคิดถึงยายเอิบ ไม่เจอกันนานแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็รักยายเหมือนกับคนในครอบครัวคนหนึ่ง ตอนผมไปทำงาน ยายก็มักจะเอาอาหารกับขนมมาให้พี่หิน หรือตอนผมกลับจากทำงานที่ร้านเจ๊ลี ยายก็นั่งรอผมอยู่หน้าบ้านเสมอ
“ว่างๆ ก็ไปเยี่ยมยายแกบ้างนะ… อ้อ เจ๊มีของฝากเยอะเลยนะ” เจ๊ลีพูดพลางหยิบของฝากออกจากถุง
“ของบำรุงครรภ์จ้ะ แล้วก็ชุดหนูน้อยน่ารักๆ ซื้อมาหลายชุดเลย”
“ขอบคุณมากนะครับ”
“พี่… เอ่อ…” พี่เพชรเดินเข้ามาในบ้านแล้วเอ่ยพูดกับเจ๊ลี
“อ้าว ว่าไงจ๊ะ น้องสะใภ้… พี่บอกให้เรียกว่าพี่สามีไง”
พี่เพชรหน้าแดง “เอ่อ… คุณใหญ่เขาให้มาตามพะ..พี่สามีไปคุยเรื่องที่ดินน่ะครับ”
“จ้ะๆ บอกให้รอแป๊บนะ ขอคุยกับครามก่อน หรือไปบอกกับใหญ่ก่อนก็ได้ว่าพี่ยกให้หมดเลย แต่ขอส้มเป็นเครื่องบรรณาการทุกปีนะ โฮะๆๆ” เจ๊ลีหัวเราะ
ผมกับพี่เพชรมองหน้ากันแล้วยิ้มแหะๆ หลังจากคุยกับเจ๊ลีได้สักพัก เจ๊ลีก็ออกไปหาพ่อเลี้ยง
ผมยิ้มแล้วค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าเด็กที่เจ๊ลีซื้อมาให้ มือข้างหนึ่งจับที่ท้องของตัวเอง…
“แม่รอหนูอยู่นะ”
ooooOoooo
“ฟ้า!” ผมเรียกชื่อฟ้าและกุมมือฟ้าแน่น เพราะตอนนี้ฟ้ากำลังถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อผ่าคลอด ทั้งที่ฟ้าเพิ่งท้องได้แค่เจ็ดเดือน แต่กลับมีอาการเจ็บท้องอย่างรุนแรง หลังจากฟ้าถูกพาเข้าห้องผ่าตัด ทุกคนก็ทำได้แค่รออย่างกระวนกระวาย
“อย่าเครียดเลย ครามกับลูกต้องไม่เป็นอะไร” พ่อเลี้ยงตบบ่าผมให้กำลังใจ
ผมพยักหน้า แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้เพราะฟ้าคลอดก่อนกำหนด หมอนัดผ่าคลอดในอีกสองเดือน แต่นี่มันเร็วเกินไป ผมรู้ว่าทุกคนต่างก็กังวลแต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง นั่นสิ ผมก็ต้องเข็มแข็ง ทั้งฟ้าทั้งลูกของผมจะต้องไม่เป็นอะไร
แม่เดินมากุมมือผมแล้วบีบเบาๆ แต่มือแม่ก็สั่นเช่นกัน พวกเราพาฟ้ามาที่โรงพยาบาลตั้งแต่ตอนกลางวัน จนตอนนี้เย็นแล้ว ฟ้ายังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลย…
“กลับเถอะ เพชร นายสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอนนี่” เสียงพ่อเลี้ยงเอ่ยบอกกับเพชรที่ยังคงนั่งซึม
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะอยู่รอคราม”
“แต่ท่าทางนายอาการไม่ดีเลยนะ… งั้นให้หมอตรวจเลยดีกว่า”
“มะ..ไม่เป็นอะไรสักหน่อย”
“เพชรนายกลับบ้านไปก่อนเถอะ” ผมเอ่ยบอก
“แต่ผมเป็นห่วงคราม” เพชรขมวดคิ้ว แต่ท่าทางอิดโรยของเขาก็ทำให้พ่อเลี้ยงตัดสินใจอุ้มคนดื้อขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด
“คุณใหญ่!”
“เลิกดื้อได้แล้วนะเพชร ถ้ายังไม่กลับบ้านฉันจะทำโทษจริงๆ ด้วย”
“แต่…” เพชรหน้าสลดลงก่อนจะพยักหน้ารับเมื่อเจอสายตาดุๆ ของพ่อเลี้ยง
“เฮ้อ… เอก ผมฝากครามด้วยนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฟ้าเป็นเมียฉันนี่… จริงสิ แม่กลับไปพร้อมกับพ่อเลี้ยงเถอะครับ”
“แต่แม่…”
“ไปพักเถอะครับแม่ ผมเฝ้าฟ้าเอง”
“เอางั้นเหรอ”
“ครับ”
“ฉันไปก่อนนะ เอาคนดื้อเข้านอนก่อน มีอะไรโทรมาบอกด้วย อย่าคิดมากล่ะ” พ่อเลี้ยงเอ่ยขณะที่เพชรทำท่าทางไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยอมโดยดี
“อืม ขอบใจมาก”
หลังจากทั้งสามคนกลับบ้านไป ผมก็ยังนั่งรอฟ้าด้วยความเป็นห่วง… มันเหมือนกับครั้งนั้นที่ผมอยู่หน้าห้องฉุกเฉินและทำได้แค่รอฟ้าอยู่แบบนี้…
สักพักประตูก็เปิดออก ผมรีบลุกไปหาคุณหมอทันที
“มะ..หมอครับ…”
หมอถอดผ้าปิดปากออกแล้วยิ้ม “หมอผ่าคลอดสำเร็จแล้วนะครับ แม่และเด็กปลอดภัยครับ”
ผมยิ้มกว้างทั้งน้ำตาอย่างตื้นตัน…
“เป็นเด็กผู้ชายนะครับ แต่ต้องเข้าตู้อบและอยู่ที่โรงพยาบาลสักระยะหนึ่งเพื่อดูอาการ เพราะคลอดก่อนกำหนด”
“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ… ขอบคุณจริงๆ”
หมอยิ้มแล้วเดินจากไป
ผมทรุดนั่งลงอย่างโล่งใจ… นึกขึ้นได้จึงรีบโทรไปหาคนที่บ้านทันที
สักพักพยาบาลก็พาฟ้าย้ายไปยังห้องพิเศษที่ผมทำเรื่องจองไว้ ผมยืนมองลูกชายของผมผ่านกระจกใส ลูกชายตัวน้อยของผมอยู่ในตู้อบ ผมมองดูแล้วยิ้ม ตัวเล็กนิดเดียวเอง แถมยังแดงไปทั้งตัวเลย ผมอยากยื่นนิ้วไปให้เขาจับจริงๆ อยากเข้าไปกอด แต่ก็ทำได้เพียงยืนมอง…
“ลูกของพ่อ…”
แล้วผมก็ตระหนัก ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูกของเราเลย
ooooOoooo
เมื่อผมลืมตาตื่น สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของพี่หิน คุณแม่ พี่เพชร และพ่อเลี้ยงที่ยืนล้อมเตียงผมไว้
“ฟ้า!”
“พะ..พี่หิน” ผมนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บที่ท้อง
“อย่าเพิ่งขยับสิ ลูกเพิ่งผ่าคลอดมานะ” แม่เอ่ยบอก
“ผ่าคลอด? ลูก! ลูกล่ะครับ”
“ปลอดภัยดี… ลูกของเราปลอดภัยดี”
“ลูกของเรา…” จู่ๆ น้ำตาแห่งความยินดีมันก็ไหลออกมา ผมอยากเห็นหน้าลูกใจจะขาดแล้ว แต่ร่างกายของผมยังเจ็บจนลุกไม่ไหว
“ดูนี่สิ” พี่หินยื่นโทรศัพท์ให้ผมดู ผมมองรูปของเด็กน้อยที่มีผิวแดงเรื่อ ตัวเล็กนิดเดียวอยู่ในตู้อบ
“ลูกของเรา… ฮึก..ก…”
“ใช่ ลูกของเรานะฟ้า”
ผมมองลูกแล้วยิ้ม เจอกันสักทีนะ แม่รอหนูมานานจริงๆ
ooooOoooo
สองปีต่อมา
“พี่หิน เห็นลูกหรือเปล่า” ผมเอ่ยขณะถือเสื้อผ้าเด็กผู้ชาย เพราะเจ้าตัวดีที่พอทาแป้งให้เสร็จก็วิ่งหนีผมลงมาข้างล่างทันทีขณะที่ผมกำลังเลือกเสื้อผ้าให้
“พี่เพิ่งกลับจากฟาร์มน่ะ หนีไปเล่นอีกแล้วเหรอ”
“ครับ ดื้อจริงๆ เลย”
“เดี๋ยวพี่ไปตามเอง คงจะไปเล่นกับหนูดีที่บ้านพ่อเลี้ยง”
พี่หินกำลังจะเดินไปตาม แต่เจ้าตัวเล็กเดินกลับมาพร้อมกับแม่ดาวพอดี
“น้ำเหนือ! หนีแม่อีกแล้วนะ”
“ป๋มอยากเล่นกับพี่หนูดีนี่หน่า” น้ำเหนือเดินมาหาผมแต่โดยดีทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าสักชิ้น
“พี่หนูดีไม่อยู่บ้าน จำไม่ได้เหรอฮึ” ผมอุ้มลูกขึ้นมา
“ไปแต่งตัวกันได้แล้ว วันนี้เราจะไปกรุงเทพ ไปบ้านลุงเพชรกัน จำได้ไหม” น้ำเหนือพยักหน้าบอกว่าจำได้
ผมอุ้มลูกขึ้นไปบนห้องเพื่อแต่งตัว ส่วนพี่หินก็เดินตามมาเพื่อเตรียมตัวเช่นกัน
ตอนนี้พี่เพชร พ่อเลี้ยงและหนูดีได้ล่วงหน้าไปกรุงเทพก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะพี่หินยังจัดการธุระที่ฟาร์มไม่เสร็จ พวกเราจึงต้องตามไปวันนี้แทน
“ป้อ ป๋มหล่อไหม” น้ำเหนือเท้าเอวหมุนให้พี่หินดู
“หล่อสิ ลูกพ่อหล่อที่ซู้ดดดด” พูดแล้วพี่หินก็ดึงเจ้าตัวเล็กเข้ามาหอมแล้วอุ้มขึ้น
“เสร็จหรือยังฟ้า”
“เสร็จแล้วครับ” ผมหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่พอสมควร พี่หินเอื้อมมือมาจะถือให้
“เดี๋ยวผมอุ้มน้ำเหนือเองครับ”
“ไม่ต้องหรอกพี่อุ้มเอง ฟ้าตัวนิดเดียว อุ้มหมูอู๊ดๆ ไม่ไหวหรอก”
“ป้ออ่า ป๋มไม่ได้อ้วนสักหน่อย”
“เหรอฮึ นี่พ่อนึกว่าอุ้มหมูอยู่นะเนี่ย”
“เชอะ งอนแล้วล่ะ” น้ำเหนือทำแก้มพองลมแต่ก็ถูกพี่หินหอมฟอดจนลมหมด
“เอิ้กๆๆ ปะ..ป้อหนวดติ้มป๋มแล้วนะ”
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวจะถึงที่นั่นเย็นเกินไป”
พวกเราเดินไปหน้าบ้านแล้วเตรียมของจำเป็นใส่รถ
“ขับรถดีๆ นะเอก” แม่ดาวเอ่ยบอก
“ครับ… พวกผมจะไปห้าวัน แม่อยู่ได้นะครับ” พี่หินเอ่ยถาม
“อยู่ได้สิจ๊ะ งามก็อยู่ด้วย บ้านพ่อเลี้ยงก็ยังมีนวลอยู่ด้วยอีก แม่ไม่เหงาหรอก”
“ป๋มไปแล้วนะคุณย่า หวัดดีฮับ”
“จ้า รีบๆ กลับมาหาย่านะ”
“ฮับป๋ม”
ก่อนไป แม่ดาวก็อวยพรว่าให้เดินทางถึงโดยสวัสดิภาพ…
พวกเราเดินทางไปกรุงเทพเพื่อไปบ้านของพี่เพชรและบ้านเกิดของผม ผมจากที่นั่นมานานมากแล้ว ตั้งแต่หนีมาก็ยังไม่เคยกลับไปอีกเลย ผมมองโกศที่บรรจุอัฐิของแม่ซึ่งตั้งอยู่หน้ารถ ผมเอามาด้วยเพราะอยากพาแม่กลับบ้านพร้อมกัน… พวกลุงๆ ป้าๆ คงดีใจกันน่าดูเลย
พวกเราไปถึงที่นั่นตอนเย็นๆ พอเห็นประตูรั้ว หัวใจผมก็เต้นโครมครามแล้ว นานมากจริงๆ ที่ไม่ได้มา พอขับไปถึงหน้าบ้านก็เห็นพี่เพชรและพ่อเลี้ยงยืนรออยู่ พวกป้าดา ป้าพร ลุงสงวน ลุงโชค พี่อาจ และอีกหลายคนก็ยืนอยู่เช่นกัน
“คราม!”
“ป้าดา ลุงสงวน ลุงโชค ทุกคน!” ทันทีที่ลงจากรถผมก็รีบเข้าไปกอดทุกคน คิดถึงทุกคนมากๆ เพราะทุกคนเปรียบเสมือนญาติของผมที่คอยเลี้ยงดูผมตั้งแต่ยังเด็ก
ทุกคนรีบเข้ามากอดผมแล้วร้องไห้
“ฮึก..ก… ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอครามอีกครั้ง”
“ผมก็ดีใจครับที่ได้เจอทุกคน” ผมยิ้มทั้งน้ำตา “ผมพาแม่มาด้วยครับ” พอทุกคนเห็นโกศที่เก็บอัฐิของแม่ก็พากันร้องไห้ พร่ำบอกขอโทษที่ช่วยแม่ไม่ได้
ผมเหลือบไปเห็นพี่ปรางซึ่งยืนมองอยู่ไกลๆ ท่าทางหวาดระแวงแปลกๆ
“อย่าไปสนใจปรางมันเลยคราม มันเป็นบ้าไปแล้ว มันไปเป็นพวกคุณท่านน่ะ แล้ว คุณท่านจะฆ่าปิดปากมันทิ้ง มันก็เลยหนีไปที่อื่น เพิ่งไปเจอมันเมื่อเดือนก่อนนี่เอง แต่มันก็เป็นบ้าไปแล้ว”
ผมพยักหน้ามองพี่ปรางอย่างสงสาร
“อ้าว แล้วผู้ชายตัวสูงๆ กับเด็กจ้ำม่ำน่ารักๆ คือใครล่ะ” ป้าดาเอ่ยถาม
“นั่นสิ ลูกใครผิวขาวเชียว… อุ๊ย แต่คนเป็นพ่อหล่อจังเลย เอ… แต่คุ้นๆ นะ” ป้าพรพูดต่อ
ผมยิ้มแล้วเดินไปบอกพี่หินที่อุ้มน้ำเหนือให้มาทักทายป้าๆ ลุงๆ
“เอ่อ… นี่พี่หินสามีผมเองครับ แล้วนี่ลูกชายผมครับ ชื่อน้ำเหนือ”
ทุกคนนิ่งค้าง “ยะ… อย่าบอกนะว่านี่คือคนที่อยู่ในกระท่อมคนนั้น!”
“ใช่ครับ”
ทุกคนฮือฮากันใหญ่
“แต่นี่ลูกชายของครามจริงๆ เหรอ” ทุกคนมองน้ำเหนืออย่างเอ็นดู
“อาจฟังดูแปลก แต่นี่คือลูกชายแท้ๆ ของผมครับ น้ำเหนือสวัสดีคุณยายคุณตาหรือยัง”
“หวัดดีฮับป๋ม”
เท่านั้นล่ะ ทุกคนก็รีบเอาใจน้ำเหนือกันใหญ่
“เข้าบ้านกันได้แล้วนะคราม” พี่เพชรเอ่ยเรียก ผมมองหน้าพี่หินอย่างรู้ใจกัน
“พวกเราอยากไปที่ที่หนึ่งก่อนน่ะครับ”
พี่เพชรพยักหน้ารับ คงรู้ว่าพวกผมจะไปที่ไหนกัน
…พวกเรามีที่ที่ต้องไปก่อน… พี่หินเป็นคนอุ้มน้ำเหนือไปยังสวนหลังบ้าน ส่วนผมก็เดินอยู่ข้างๆ สวนหลังบ้านไม่ได้รกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงเพราะพวกลุงๆ ป้าๆ ช่วยกันถางป่าจนโล่ง แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือกระท่อมหลังน้อยที่ทรุดโทรมและเงียบเหงา
จู่ๆ น้ำตาผมมันก็เอ่อคลอด้วยความคิดถึง… คิดถึงความทรงจำที่มีมากมาย
พี่หินจับมือผมแล้วบีบเบาๆ
“อะไรเหรอครับป้อ บ้านเหรอ” น้ำเหนือถามแล้วซบบ่าพี่หินต่อ
พี่หินยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “บ้านพ่อกับแม่ บ้านหลังแรกที่เราอยู่ด้วยกัน”
น้ำเหนือทำหน้างง เขายังไม่เข้าใจ
พี่หินหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือกุญแจดอกหนึ่ง
ผมนิ่วหน้ามอง “นี่มัน… คงไม่ใช่…!”
“ใช่ นี่คือกุญแจกระท่อม พี่เก็บไว้ตลอดเลย… ฟ้าจำเรื่องตู้เซฟได้ไหม ที่ต้องมีรหัสผ่านกับกุญแจถึงจะเปิดออก”
“…ผมจำได้ครับ” ผมนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยังรู้สึกผิดตลอด
“ถ้าพี่จะบอกว่ากุญแจกระท่อมกับกุญแจตู้เซฟคืออันเดียวกันล่ะ”
ผมเบิกตากว้าง
“วะ..ว่าไงนะครับ!”
“น่าตลกว่าไหม…”
ผมยังคงนิ่งค้างอย่างไม่อยากเชื่อ
“เมื่อสิบปีก่อนตอนที่พี่มาบ้านหลังนี้ ภูมิยื่นกระดาษใบหนึ่งให้กับพี่ ในนั้นเขียนบอกเรื่องราวความจริงทั้งหมดไว้ รวมถึงกุญแจและรหัสผ่าน ภูมิให้น้าฝนแม่ของฟ้าเป็นคนเก็บ พอถูกจับขัง ภูมิก็เลยให้น้าฝนใช้กุญแจดอกนี้เป็นกุญแจใช้ไขกระท่อมด้วย โดยร่วมมือกับช่างทำกุญแจนิดหน่อยน่ะ”
ผมได้แต่อึ้ง จุดใต้ตำตอจริงๆ
“พี่ภูมินี่เจ้าเล่ห์จริงๆ เลยนะครับ จะหนีไปก็ได้แท้ๆ แต่กลับยอมให้ถูกขังอย่างทุกข์ทรมาน” ผมเอ่ยถึงคนบนฟ้าที่ควรหนีไป แต่กลับยอมถูกขังทั้งเป็น
“เพราะถ้าหนีไปทั้งน้าฝนและฟ้าจะเดือดร้อน ภูมิยอมถูกขังตายดีกว่าเห็นคนที่รักต้องลำบาก”
ผมยิ้มเศร้ากับการเสียสละ ถ้าตอนนั้นมีคนช่วยเขา... ผมเข้าใจแม่ที่เป็นห่วงผมและไม่อยากอกตัญญู จึงไม่กล้าแจ้งตำรวจหรือบอกคนภายนอก แต่ว่ากว่าจะรู้ตัวพี่ภูมิก็จากไปแล้ว ทุกอย่างคงถูกโชคชะตากำหนดมาแบบนี้ ผมถึงได้มาเป็นคู่ของพี่หิน
“แล้วรหัสผ่านล่ะครับ”
พี่หินยิ้มแล้วพาน้ำเหนือซึ่งตอนนี้หลับฟุบกับบ่าไปแล้วเดินมาหยุดอยู่ที่แปลงผักที่เราเคยปลูกกันในอดีต ตอนนั้นพี่หินเฝ้ารอที่จะให้ผักโต แต่ก็ไม่ทัน พวกเราหนีกันไปก่อน
“วันเดือนปีเกิดฟ้าไงล่ะ นั่นแหละคือรหัสผ่าน”
“เอ๊ะ… วันเกิดผม?” จู่ๆ เสียงกระซิบของพี่ภูมิในอดีตก็แว่วมาตามสายลม พี่ภูมิเคยบอกผมว่า ‘...อย่าลืมนะน้องฟ้า’ ความทรงจำที่ขาดหาย ในที่สุดผมก็นึกออกแล้ว สิ่งที่พี่ภูมิบอกกับผมก็คือ วันเกิดของผมนั่นเอง
“อืม… จะว่าไงดีล่ะ จะว่าพวกยัยคุณนายนั่นโง่ดีไหมนะ ถึงคิดว่าตู้เซฟนั่นมีเงินทองจำนวนมาก หรือเพราะว่าภูมิเจ้าเล่ห์เกินไปถึงไปร่วมมือกับทนายก่อนจะเกิดเรื่อง”
“หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
“ในตู้เซฟน่ะมีแต่ของที่เกี่ยวกับฟ้านะ ทั้งรูปถ่าย ของใช้ต่างๆ ที่ฟ้าทิ้ง ภูมิมันก็พวกโรคจิตดีๆ นี่แหละ มันคงไปหลอกพวกยัยคุณนายไว้ว่าในนั้นมีของมีค่า”
ผมอึ้งค้างก่อนจะหัวเราะ ไม่ว่าจะคนที่อยู่หรือคนที่ตายก็ล้วนแต่บ้ากันทั้งนั้น
พี่หินจับมือผมแล้วบีบเบาๆ “ฟ้า… จำเรื่องที่พี่ขอแต่งงานได้ไหม”
“…จำได้สิครับ มีเฉพาะเรื่องนี้ที่ผมความจำดีเป็นพิเศษ นึกว่าพี่จะลืมไปแล้วซะอีก ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว” ผมพูดเป็นเชิงน้อยใจ
“ใครว่าพี่ลืม แต่พี่อยากให้งานแต่งงานมีลูกของเราอยู่ด้วยต่างหาก” พี่หินมองน้ำเหนือที่นอนหลับซบบ่า
“แต่งงานกับพี่นะ” เขาพูดแล้วทำท่าจะหยิบของในกระเป๋ากางเกงออกมา แต่ดูเหมือนจะหาไม่เจอ จึงก้มมองหาที่พื้นดิน
“หาอะไรเหรอครับ”
“คะ..คือ พี่ทำแหวนหาย… สงสัยหล่นในระ..” พี่หินเงยหน้ามองผม แต่ผมไม่รอช้ารีบคล้องคอเขามาจูบทันที แม้จูบของผมจะเป็นจูบแบบเด็กๆ แต่ผมก็อยากทำให้เขาตกใจบ้างโดยการแกล้งสอดลิ้นเข้าไปทักทายลิ้นของเขานิดๆ แล้วผละออก
พี่หินอึ้งตามที่คิดจริงๆ เขายืนทำตาปริบๆ
“จูบมัดจำก่อนก็แล้วกันครับ… หาแหวนเจอแล้วค่อยมาขอนะ”
พี่หินยังยืนอึ้งก่อนที่หน้าจะแดงขึ้นเรื่อยๆ
“ฟ้า! ทำพี่ของขึ้นเลยรู้ไหม”
หมับ
“ขึ้นห้องซะดีเลยๆ นะ” พี่หินจับมือผมเพื่อพากลับบ้านใหญ่ แต่จู่ๆ เราสองคนก็หยุดนิ่งแล้วหันกลับไปมองกระท่อม บ้านหลังแรกของพวกเราอีกครั้ง แล้วยิ้ม
เราสองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็รู้ว่าความรู้สึกของเราตอนนี้เป็นอย่างไร วันวานที่ผ่านพ้นไปอย่างสาหัสแปรเปลี่ยนเป็นความรักจนถึงทุกวันนี้…
วันใดที่เราทุกข์ เราจะนึกถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่ได้ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกันมา มันจะเป็นยาวิเศษที่คอยเยียวยาความทุกข์ของเราสองคนว่า วันวานที่ผ่านมานั้นเจ็บช้ำมากกว่าปัจจุบันมากแค่ไหน…
“พี่หิน”
“หืม…”
“ฟ้ารักพี่นะ”
“พี่ก็รักฟ้า”
เราสองคนยิ้มให้กันก่อนที่พี่หินจะค่อยๆ โน้มใบหน้าและก้มลงจูบผมอย่างแผ่วเบา
ooooooooooOoooooooooo
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบเเล้ว T^T ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามนะคะ
มีเป็นหนังสือเเล้วนะคะ สนใจสั่งซื้อที่เว็บ สำนักพิมพ์ WHY BOOKS Publishing >>>
http://www.whybooksth.com/product/11177/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2-**งานหนังสือมีฝากขายที่บูธเบเกอรี่นะคะ
**ตอนพิเศษในหนังสือ
ตอนพิเศษมีทั้งหมด 8 (อีกตอนเเถมนิดๆ)
1.ขาดความอบอุ่น (พ่อเลี้ยงxเพชร)
2.สมาชิกใหม่
3.พี่น้อง
4.หึง (พ่อเลี้ยงxเพชร)
5.พ่อบ้านปะทะแก๊งลูกหมูจอมดื้อ
6.เที่ยวทะเล
7.แฟนเก่า
8.ยามลูกเราโต
(เเถมนิดๆ) 9.ตอนพิเศษแถมท้าย-ด้ายแดงของภูมิ