@คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59  (อ่าน 104339 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เราชอบพล็อตเรื่องนี้นะ

แต่การดำเนินเรื่องการบรรยายยังสอบตกนะเราว่า มันดูเป็นความจงใจของนักเขียนมากเกินไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของตัวละคร ยังขาดชั้นเชิงในการเล่าเรื่องน่ะ ยังมีหลายจุดที่ไม่เป็นธรรมชาติ ขัดกับความจริง ความเป็นไปได้ของคนเรา(เรื่องท้องได้อันนี้เหนือธรรมชาติอันนี้รู้ ไม่นับรวมอยู่แล้ว)

ยิ่งสองตอนล่าสุดเหมือนจะดรอปสุดเรื่องการเล่าเรื่อง และความไม่เป็นธรรมชาติของตัวละคร ทั้งๆ ที่มันควรพีคเพราะเป็นจุดไคลแมค ที่จะทำให้คนอ่านสนุกและลุ้นกว่านี้ได้อีกเยอะ ดูเหมือนคนเขียนจะรีบ จับนู่นมาชนนี่ อยากให้มันจบ ๆ ไป อันนี้เรารู้สึกอย่างนี้จริง ๆ

เช่น ฉากท้าย ๆ ตอนล่าสุดที่ครามสติแตก แพทย์ไม่ควรรีบตัดสินแบบนั้น ("หมอคิดว่าคนไข้อาจจะมีอาการทางจิตครับ") เลยหรือเปล่า น่าจะต้องให้จิตแพทย์เข้ามาคุยแบบจริง ๆ จัง ๆ ก่อนหรือเปล่า คือหมอจะโพล่งออกมาว่าคนไข้ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไปแล้วตัดสินว่ามีอาการทางจิตเลยเราว่ามันไม่ใช่ คุณหมอทราบได้ยังไง อย่างน้อย ๆ น่าจะมีฉากที่หินได้คุยกับแพทย์ หรือ หมอควรใจเย็น แล้วค่อยสรุปผลอีกทีหลังจากคุยกับจิตแพทย์ดีกว่าไหม ไม่ต้องรีบขนาดนั้น แล้วมันจะอรรถรสกว่านี้ได้ แล้วก็ฉากก่อนหน้านี้ที่ท้องของครามโดนกระทบกระเทือน ครามไม่น่าจะไหวตั้งแต่โดนต่อยท้องแล้วหรือเปล่า เพราะผู้ชายต่อยนี่ไม่ใช่แรงน้อย ๆ แน่ๆ อะ พวกจุดเล็ก ๆ ที่เราว่ามันสำคัญแบบนี้ อย่ามองข้ามเลยนะคะ


ถ้าแต่งเรื่องนี้จบแล้ว อยากให้ลองรีไรท์ดูนะคะ พล็อตดีแล้วค่ะ แต่มันทำให้สนุกได้กว่านี้ ดราม่า เข้มข้น ลุ้นตัวโก่งได้กว่านี้อีก และใส่ใจในรายละเอียดและความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ธรรมชาติของตัวละคร

เอาใจช่วยอยู่นะคะ สู้ ๆ ค่ะ

ปล.ยังคงรออ่านอยู่เหมือนเดิมนะคะ


ขอบคุณที่เเนะนำนะคะ เเต่เราคงไม่รีไรท์เเล้วค่ะเพราะทำเล่มออกมาเเล้ว :hao5:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
สงสารฟ้าครามมากเลย

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
แต่เรากลับรู้สึกชอบนะ เราว่าคุณเขียนเรื่องได้กระชับดี บางจุดอาจจะถ้าปรับแก้อาจจะทำให้เรื่องดูสมจริงมากขึ้นอย่างที่คุณJessieB แต่ที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้แย่นะ เพราะเล่าในมุมมองของบุรุษที่หนึ่งมาตลอด มันก็เป็นธรรมชาติของการเล่าเรื่องแบบนี้ 
ส่วนเรื่องต่อยท้อง ล้มลุกคุกคลานตกท้องร่องเนี่ย เราก็ว่าสมเหตุสมผลอยู่ สำหรับผู้หญิงเองถ้าแม่แข็งแรง โดนกระแทกอย่างหนักจริงๆ ช่วงท้องอ่อนก็ไม่เป็นไร แล้วตามที่อ่านครามก็ไม่ได้ขี้โรค ตอนที่อ่านเรายังคิดอยู่เลยว่าคนเขียน อาจจะเขียนให้เด็กรอด
สุดท้าย ชอบอ่านเรื่องนี้นะ น้ำเน่าดีแท้

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ง่าาาาาา ฟ้าาาาาา ><

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารความรักกับหน้าที่ไม่ชอบเลยมันลำบากใจฮืออออออออสงสารฟ้ามากกว่าใครเลย หินนะหินเหมืิอนคนโง่

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่22]
«ตอบ #275 เมื่อ22-10-2016 20:05:00 »

                ฟ้ามีอาการทางจิตงั้นเหรอ…! ผมกุมหัวตัวเองเมื่อได้ฟังคำพูดของหมอ
                “มะ..หมอ… แล้วฟ้าจะหายไหมครับ”
                “อาการทางจิตมีสิทธิ์หายครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนใกล้ชิดด้วย… แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะดูแล ก็มีโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยจิตเวชโดยตรง…”
                “ไม่ครับ ผมจะดูแลฟ้าเอง” ผมรีบพูดทันที
                หมอพยักหน้ารับแล้วยิ้ม “ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะครับ”
                พ่อเลี้ยงเดินมาตบบ่าผม “ใจเย็นๆ เดี๋ยวครามก็หาย”
 
ooooOoooo
 
                “ออกไป! ออกไป!” ฟ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็อาละวาดทันทีเมื่อเห็นหน้าผม แต่เพราะทั้งแขนและขาถูกมัดไว้กับเตียงจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตะโกนไล่ ผมยืนมองฟ้าที่เป็นแบบนี้หัวใจผมมันก็เจ็บมากๆ ผมมองร่างบางที่พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แววตาดุดันจ้องมองมาทางผมและตะโกนไล่ให้ออกไป
                “ฟ้า… พี่เองนะ”
                “ไป! ไปให้พ้น อ๊ากกกกกกก”
                “เสียงเอะอะโวยวายอะ..” แม่ผมที่เดินเข้ามาถึงกับหยุดชะงักเมื่อมองฟ้าที่ดิ้นสุดแรงบนเตียงคนไข้ แม่มองหน้าผมและมองหน้าฟ้าสลับไปมา
                “เขาน่ะเหรอ… ที่จะให้แม่ดูแล”
                “ครับแม่… น้องฟ้า”
                แม่มองฟ้าแล้วส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าสมเพช แต่เป็นเพราะแม่กำลังสงสาร แววตาของแม่ยามมองฟ้ามีแต่ความปรารถนาดี… แม่เดินไปหาฟ้าที่ยังเอาแต่ดิ้นและพยายามจะกัดเชือก
                “อ๊ากกกกกกก ปล่อยยยยย”
                “หนูฟ้าครามจ๊ะ”
                ฟ้าหอบแฮ่ก มองแม่ผมที่เดินไปใกล้…
                “สวัสดีจ้ะ หนูฟ้าครามใช่ไหม”
                “ออกไป! ไปให้พ้น!“
                แม่ผมยังยิ้มและกุมมือฟ้าเอาไว้แน่น แม้ฟ้าจะพยายามสะบัดออก
                “ปล่อย อย่าจับ!”
                “ไม่ต้องกลัวนะหนูฟ้าคราม อย่ากลัวแม่เลยนะ”
                ฟ้าหยุดชะงัก
                “มะ..แม่…”
                “ใช่จ้ะ แม่… เรียกว่าแม่ดาวนะ”
                “แม่… แม่…” จู่ๆ ฟ้าก็ร้องไห้ แม่ผมรีบกอดปลอบ และฟ้าก็ยอมให้กอดแต่โดยดี
                “แม่ ฮึก..ก... แม่… แม่อย่าจากหนูไปนะ ฮือๆๆ”
                “จ้ะ แม่อยู่นี่แล้วนะ”
                ผมถอนหายใจแล้วพยายามจะเดินเข้าไปใกล้ แต่พอฟ้าเห็นผมก็รีบผละกอดจากแม่ทันที
                “ออกไป! อย่าเข้ามา!” ฟ้ามองผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ราวกับว่าผมเป็นยิ่งกว่าคนแปลกหน้า
                “เอก ลูกไปทำงานเถอะ แม่ดูแลน้องได้…”
                “คะ..ครับ” ผมค่อยๆ เดินออกไปจากห้อง หันกลับไปมองฟ้าอีกครั้งที่ยังคงร้องไห้แล้วกอดแม่ผมแน่น ผมถอนหายใจอีกครั้งแล้วเดินออกไป เมื่อไรฟ้าจะหาย…
 
ooooOoooo
 
                “แม่… แม่…”
                “จ๊ะ”
                ฟ้าครามยิ้มแล้วเรียกซ้ำๆ “แม่…”
                “ทำไมจ๊ะ” แม่ดาวเอ่ยรับแล้วป้อนแอปเปิ้ลให้คนตัวเล็กกิน
                “อร่อยไหมจ๊ะ” ฟ้าครามพยักหน้า แต่ก็ต้องเบะปากอีกครั้ง
                “แกะ..แกะให้หน่อย อึดอัด เจ็บ… ฮึก..ก…” ฟ้ามองผ้าที่มัดตรึงแขนและขาเอาไว้ แม่ดาวมองแล้วก็เศร้าจับใจ อยากเอาออกให้แต่คงจะขัดคุณหมอไม่ได้
                “ถ้าฟ้าครามเป็นเด็กดีแม่จะแก้มัดให้นะ”
                “หนูเป็นเด็กดีแล้ว…”
                แม่ดาวยิ้ม “เด็กดีอย่างแรกคือ อย่าดิ้นนะจ๊ะ ไหนดูสิ ดิ้นแบบนี้เป็นแผลหมดเลย”
                ฟ้ามองข้อมือตัวเอง มองหน้าแม่ดาวแล้วเอ่ยพูดน้ำตาคลอ
                “แม่… เป็นแม่ของหนู”
                “ใช่จ้ะ และฟ้าครามก็เป็นลูกของแม่นะ”
                “ลูก… ลูก…” ฟ้าครามเอ่ยประโยคนี้อย่างเลื่อนลอยแล้วเหม่อมองเพดานสีขาว
                “ลูก…” เขายังคงพร่ำเพ้อมองเพดานแล้วเอ่ยคำเดิมซ้ำไปมา
                “ลูกของผม… อ๊ากกกกก เอาคืนมา!!” ฟ้าครามตะโกนคลั่งแล้วพยายามทุบท้องตัวเอง
                “ฟ้าคราม!”
                “เอาลูกคืนมา!”
                “ฟ้าคราม! ใจเย็นๆ! มองหน้าแม่…”
                “ฮึก..ก..ก… แม่!” ฟ้าครามกอดแม่ดาวแน่นร้องไห้ปานขาดใจ
                “โอ๋… อย่าร้องนะลูก” แม่ดาวกอดปลอบแล้วร้องไห้ตาม เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะรู้สึกสงสารและอยากปกป้องเด็กคนนี้มากขนาดนี้ เพราะเอก ลูกชายที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวบอกว่าจะรับฟ้าครามมาดูแล เพราะฟ้าครามไม่มีใครอีกแล้ว ขอให้ตนรับมาเป็นลูกด้วยอีกคน ตอนแรกก็ตะขิดตะขวงใจ เพราะจู่ๆ จะให้รับใครมาเป็นลูกก็ดูจะเกินตัว แถมพอรู้ว่าอีกฝ่ายมีอาการทางจิตก็ยิ่งไม่อยากรับมาเป็นภาระ แค่ลำพังครอบครัวของตนก็ใช่ว่าจะมีฐานะ แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นอาการของฟ้าครามในวันนั้น สิ่งแรกที่เธอเห็นคือความทรมานที่กำลังกัดกินหัวใจของเขาอยู่ นั่นทำให้เธอรู้สึกอยากปกป้องเขาขึ้นมา แม้จะเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเอ็นดูและรักเหมือนลูกอีกคน เธออยากให้ฟ้าครามหายเป็นปกติ
 
ooooOoooo
 
                “ฟ้าหลับแล้วเหรอครับแม่”
                “อืม…”
                “ผมขอโทษนะครับที่ทำให้แม่ลำบาก”
                “ไม่หรอก แม่เองก็เอ็นดูครามนะ เฮ้อ… น้องจะออกโรงพยาบาลวันไหนเหรอ”
                “พรุ่งนี้ครับ”
                “จ้ะ แม่จะได้เตรียมห้องไว้ให้เนอะ… จริงสิ แล้วตั้งแต่จบคดี ได้ไปหาหนูกานบ้างหรือยัง”
                เอกหลบสายตาแล้วเอ่ย “ยังไม่ได้ไปครับ”
                “อ้าว คนเป็นแฟนกัน ทำภารกิจเสร็จแล้วก็น่าจะบอกกันนะจ๊ะ หนูกานเขารอลูกมาตลอดเลย ถ้ารู้คงดีใจไม่น้อย”
                “เอ่อ… ครับ…”
ooooOoooo
 
                หนึ่งเดือนต่อมา
                “ฟ้าครามมากินข้าวได้แล้วลูก” ฟ้าครามที่กำลังเล่นตุ๊กตาตัวน้อยรีบวิ่งไปหาแม่ดาวแล้ว กอดจากด้านหลัง
                “หอมจัง… ให้ลูกกินด้วยนะ” เขาพูดแล้วชี้ไปยังตุ๊กตาตัวน้อยที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่ง
                “ได้สิจ๊ะ แต่ฟ้าครามต้องกินให้หมดนะ”
                “ครับ”
                แม่ดาวยิ้ม นั่งมองลูกคนใหม่อย่างเอ็นดู
                เอกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าพร้อมสังเกตคนตัวเล็กที่กำลังคุยกับแม่ของตนอย่างสนิทสนม ยิ้มตามเมื่อเห็นฟ้ายิ้ม แต่ก็แค่เวลานี้เท่านั้นที่ฟ้าจะหัวเราะ เพราะจู่ๆ ฟ้าก็จะสติแตกจนทำร้ายตัวเอง ต้องให้ทานยาเพื่อระงับอาการทางจิตอยู่เสมอ จนตอนนี้ฟ้ามีแต่บาดแผลอยู่ทั่วตัว ของอันตรายในบ้านก็ต้องเก็บให้พ้นสายตา ทุกอย่างเท่าที่ทำได้
                “เรียกพี่เอกเขามากินข้าวด้วยดีไหม”
                ฟ้าหันไปมองเอกแล้วสั่นหัว คนตัวโตที่นั่งรออย่างมีความหวังได้แต่คอตก เพราะจนถึงตอนนี้ เอกยังไม่สามารถเข้าใกล้หรือสัมผัสตัวฟ้าได้เลยนอกจากตอนที่หลับ
                เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังอยู่หน้าบ้าน ไม่นานก็ปรากฏร่างของหญิงสาวนามว่า ‘กานดา’
                “สวัสดีค่ะ คุณแม่”
                “สวัสดีจ้ะ หนูกาน”
                กานดายิ้มรับ แต่หญิงสาวก็รู้สึกน้อยใจเมื่อมองไปยังคนรัก เพราะเอกปิดคดีแล้วแต่กลับไม่ยอมไปหา ไม่แม้แต่จะบอก ผ่านมาได้เดือนกว่าแล้วก็เพิ่งได้เจอกันวันนี้ ในฐานะแฟนแล้ว ช่างน่าน้อยใจนัก
                “ทำไมไม่ติดต่อกานบ้างเลยคะ” หญิงสาวเอ่ยและนั่งลงตรงข้ามเอกบนโซฟาเล็กๆ
                “ผมยุ่งน่ะ”
                “ยุ่งอะไรคะ แค่โทรบอกก็ไม่มีเวลาเหรอคะ… ต้องเป็นกานคนเดียวเลยที่โทรหา นี่ก็เดือนนึงแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน กานอยากลองใจคุณ แต่คุณก็ไม่เคยโทรหา ไม่เคยบอกว่าปิดคดีได้แล้ว”
                เอกมองไปทางฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาอยากบอกกับกานดาว่าตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว กานดารู้สึกเสียใจอย่างมากเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เงียบ พลันมองเห็นอีกคนที่กำลังนั่งกินข้าว
                “ใครเหรอคะแม่”
                แม่ดาวยิ้ม “ฟ้าครามจ้ะ ลูกของแม่อีกคน”
                “คะ?”
                “คือพอดีมีหลายเรื่องน่ะจ้ะ เอกก็เลยรับฟ้าครามมาอยู่ด้วย แต่น้องอาจไม่เหมือนคนทั่วไปนะจ๊ะ แต่น้องน่ารัก” กานดามองฟ้าครามที่กินข้าวอย่างเละเทะ แถมยังป้อนข้าวตุ๊กตาด้วย
                “เป็นบ้าเหรอคะ”
                “…ก็ประมาณนั้นจ้ะ…” แม่ดาวรู้สึกหน้าชานิดๆ เมื่อได้ยินคำว่า ‘บ้า’ จากกานดา ถึงฟ้าครามจะมีอาการแบบนั้นจริง แต่สำหรับเธอ… เธอไม่เคยคิดแบบนั้นเลย
                “ผู้หญิงเหรอคะ”
                “ผู้ชายจ้ะ” แม่ดาวเอ่ย
                กานดาแสดงสีหน้าโล่งใจอย่างชัดเจน
                เธอหันไปมองเอกอีกครั้ง “มาคุยกับกานด้านนอกหน่อยได้ไหมคะ”
                เอกพยักหน้าแล้วเดินตามออกไป
                “จำเมื่อหนึ่งปีก่อนได้ไหมคะ ที่เอกบอกกานไว้…”
                เอกมองหญิงสาวแล้วพยักหน้าอย่างรู้สึกผิด “จำได้… ว่าถ้าผมปิดคดีได้เราจะแต่งงานกัน”
                กานดายิ้ม แล้วคลายยิ้มลงเกือบจะทันที “คุณยังจำได้… แต่ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้คะ… หรือเพราะที่ผ่านมาเราห่างกันเกินไป…”
                “ผมขอโทษ…”
                กานดารู้สึกใจหายเมื่อได้ยินคำขอโทษ
                “ขะ..ขอโทษกานทำไมคะ”
                “กาน… ผมขอโทษ…จริงๆ …”
                น้ำตาของหญิงสาวทำให้เอกต้องเข้าไปกอด “ผมขอโทษ”
                “ฮึก..ก… คุณใจร้าย… ทำไมคุณทำแบบนี้ คุณทำแบบนี้กับกานได้ยังไง… คุณมีคนใหม่เหรอคะ…”
                “…ผมขอโทษ”
                กานดาหลับตาลงเมื่อได้ฟังคำสารภาพ เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอเชื่อมั่นและเชื่อใจมาตลอด จะนอกใจเธออย่างนี้… ก่อนคบกัน เธอก็พอรู้อยู่บ้างว่าเอกยังลืมใครบางคนไม่ได้ แต่เมื่อเป็นแฟนกันแล้ว ยังไงเธอก็คือคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟน เอกย่อมต้องให้เกียรติ แต่ไม่ใช่เลย เขานอกใจเธอ…
                “…คุณใจร้ายกับกาน…”
                กานดาผละออก “ใครกันคะที่ทำให้คุณนอกใจกานได้”
                เอกยืนนิ่ง
                “ใช่คนที่คุณรักเขามาตลอดหรือเปล่าคะ”
                เอกมองหน้ากานดาอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณรู้”
                “ใช่ค่ะ กานรู้… ว่าคุณมีใครในใจ… คนเดียวกันกับเขาคนนั้นหรือเปล่าคะ”
                เอกพยักหน้า “ใช่… ผมรักเขาคนนั้นมาตลอด …ผมขอโทษ…”
                กานดาร้องไห้สะอื้นก่อนจะเดินออกไปจากบ้านโดยที่เอกไม่ได้รั้งเธอไว้ เอกได้แต่ยืนหลับตา รู้สึกผิดและเสียใจที่ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งต้องเสียใจมากขนาดนี้
                แม่ดาวเดินออกมานอกบ้าน เธอเฝ้ามองทั้งสองคนอยู่ตลอด เมื่อเห็นกานดาร้องไห้เดินออกไป เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
                “ทะเลาะกันเหรอเอก หนูกานร้องไห้ทำไม”
                เอกหันมามองแม่แล้วเอ่ยบอก “แม่ครับ… ผมเลิกกับกานแล้ว”
                “อะไรนะ… เกิดอะไรขึ้น! ทำไมไม่คุยกันดีๆ ล่ะลูก ไปง้อหนูกานเถอะ”
                เอกส่ายหน้า “แม่ครับ… ผมนอกใจกาน”
                แม่ดาวหยุดนิ่ง
                “ลูกพูดอะไรน่ะ”
                “ผมนอกใจกานครับ ผมมีคนที่ผมรักมาตลอดอยู่แล้ว… และตอนนี้หัวใจผมต้องการแค่เขาเท่านั้น ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ตาม…”
 
ooooOoooo
 
                สิบปีก่อน
                “จบแล้วมึงจะเอาไงต่อวะ” เอกเอ่ยถามเพื่อนขณะที่ทั้งสองนั่งคุยกันใต้ร่มไม้ในโรงเรียนมัธยมปลาย
                ภูมิมองท้องฟ้าแล้วคิด “…พรากผู้เยาว์มั้ง”
                “เฮ้ย! เอาจริงๆ ดิ”
                “ก็จริงๆ อ่ะดิ”
                “มึงหมายถึงใครวะ…”
                ภูมิยิ้ม “น้องฟ้า…”
                “น้องฟ้า? ใครวะ กูไม่เห็นเคยได้ยิน อายุเท่าไรเนี่ย”
                “แปดขวบ”
                “ฮะ! แปดขวบ! ไอ้ภูมิ มึงจะบ้าหรือไง เด็กรู้จักความรักหรือยังเหอะ มึงนี่ร้ายจริงๆ”
                “ร้ายกว่านี้อีก”
                “อะไรวะ”
                “เด็กผู้ชายด้วยนะ”
                “เฮ้ย!”
                และนั่นเป็นครั้งแรกที่เอกได้ไปบ้านของภูมิ เพราะฐานะที่แตกต่างกันมากเกินไป เอกจึงปฏิเสธคำชวนไปบ้านของภูมิมาโดยตลอด แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ ‘น้องฟ้า’ เย็นวันนั้น เอกจึงตอบรับคำชวนของภูมิแต่โดยดี
                “กลับมาแล้วเหรอลูก อ้าวมีเพื่อนด้วยเหรอ นั่งกันก่อนสิจ๊ะ” พิมล แม่ของภูมิเอ่ยเมื่อเห็นเอก เธอเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่สวยและใจดี ผิดจากที่เอกคิดไว้มากๆ ว่าคนรวยจะดูหยิ่งและมีสายตาดูถูกเขา ไม่แปลกเลยที่ภูมิจะมีนิสัยไม่ตั้งแง่และไม่รังเกียจตนซึ่งจนกว่า เพราะได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี
                “สวัสดีครับ”
                “จ้า ตามสบายนะ จะทานอะไรบอกนะ เดี๋ยววันนี้แม่จะเข้าครัวเอง” พิมลเอ่ยบอกและปล่อยให้ทั้งสองคนได้มีเวลาเป็นส่วนตัว
                เอกมองไปรอบๆ บ้านที่ทั้งหรูหราและใหญ่โต จนเขารู้สึกว่าบ้านไม้หลังเล็กๆ ของเขานั้นเทียบไม่ติดแม้แต่น้อย
                “กินไรไหม”
                “ไม่ว่ะ ว่าแต่… ไหนวะน้องฟ้าของมึง”
                “กูไม่แน่ใจว่าน้องเขากลับจากโรงเรียนประถมหรือยัง” คำว่าโรงเรียนประถมทำให้เอกรู้สึกตงิดใจ เด็กประถมเนี่ยนะ ที่เพื่อนเขารักมากถึงขนาดอยากพรากผู้เยาว์!
                “น้องฟ้า!” พูดไม่ทันขาดคำ ภูมิก็ลุกไปหาฟ้าที่เดินมากับฝนพอดี
                “สวัสดีครับคุณภูมิ” เสียงเด็กน้อยทำให้เอกหันไปมอง
                เด็กผู้ชาย? นั่นคือคำแรกที่เขาคิด เพราะเด็กน้อยคนนี้มองยังไงก็เหมือนเด็กผู้หญิง แต่จากชุดนักเรียนคงต้องยอมรับ
                “น้องฟ้ามานั่งกับพี่ก่อนนะ พอดีเพื่อนพี่อยากรู้จัก”
                ฟ้ามองไปยังคนที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วหันมาบอกภูมิ “ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”
                “ได้สิ” ภูมิยิ้มลูบหัวเด็กน้อยแล้วเดินกลับไปหาเพื่อน ส่วนฟ้าก็เดินตามแม่ไป
                เอกมองฟ้าที่เดินไปอย่างไม่ละสายตา รู้สึกแปลกๆ เหมือนรูปลักษณ์ติดตา
                “เฮ้ย มองน้องฟ้าจนคอจะเคล็ดแล้ว”
                เอกรีบหันกลับมา
                “เป็นไงน่ารักไหม”
                “ก็น่ารักดี แบบเด็กๆ ”
                “อย่ามาแย่งกูละกัน”
                “…ใครจะไปแย่งมึง เด็กตัวแค่นั้น”
                กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ของภูมิดังขึ้น
                “เดี๋ยวกูไปคุยโทรศัพท์แป๊บ”
                เอกพยักหน้า เขามองโซฟาที่ตัวเองนั่ง พลางนึกสงสัยว่าราคาของมันจะเท่ากับค่าแรงงานพิเศษของเขากี่เดือนกัน เวลาผ่านไปสักพัก ภูมิก็ยังไม่วางสายโทรศัพท์ สงสัยคงเป็นธุระเรื่องรายงานที่อาจารย์ขอไปเป็นตัวอย่างสำหรับรุ่นน้อง เพราะภูมิเรียนเก่งมาก จะเรียกว่า  เพอร์เฟกต์ไปหมดทุกอย่างเลยก็ว่าได้
                “เอ่อ… คุณภูมิล่ะครับ” น้ำเสียงใสทำให้เอกที่เผลอนั่งหลับรีบลืมตามามองเด็กน้อยตรงหน้า
                “เอ่อ… มันคุยโทรศัพท์น่ะ นั่งก่อนไหม…”
                “ผมนั่งไม่ได้น่ะครับ…”
                “ทำไมล่ะ”
                “คนใช้ไม่มีสิทธิ์หรอกครับ”
                “คนใช้??” เด็กตัวแค่นี้เป็นคนใช้งั้นเหรอ ยุคไหนแล้วยังมีแบบนี้อีก แต่คงเพราะมีคนรวยและคนจน จึงทำให้มีระบบเก่าๆ แบบนี้อยู่ เอกได้แต่นิ่วหน้าไม่ค่อยพอใจ
                “ฟ้า… พี่ชื่อเอกนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
                ฟ้ามองมือที่ยื่นมาจะจับ แต่ฟ้าเลือกที่จะไหว้แทนจนเอกรู้สึกเสียดายนิดๆ
                “อ้าว น้องฟ้ามาแล้วเหรอ”
                “ครับ… คุณภูมิ”
                “คุณอะไรกัน เรียกพี่ภูมิเดี๋ยวนี้เลยนา” ภูมิพูดแล้วอุ้มฟ้าครามนั่งตัก ก่อนจะกดจมูกหอมแก้มนิ่ม
                เอกมองฟ้าที่ตอนแรกหน้านิ่ง แต่พอคุยกับภูมิได้ไม่นานก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มของเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาและสวยงามจนเขาละสายตาไปไม่ได้เลย เอกเผลอยิ้มและสบตากับเด็กน้อยที่มองมาพอดี ฟ้าครามมองเอกก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง และนั่นก็ทำให้หัวใจของเอกรู้สึกพองโต
                ความรู้สึกรักเด็กมันเป็นแบบนี้นี่เอง ไร้เดียงสา จนอยากครอบครอง…
                หลังจากนั้นสักพักเอกก็กลับบ้าน แต่ก่อนที่จะกลับไป เอกก็ตัดสินใจที่จะพูดบางอย่าง
                “ภูมิ…”
                “อะไรวะ”
                “…ถ้ากูจะบอกว่ากูเริ่มสนใจเด็กของมึง มึงจะว่าอะไรไหมวะ”
                ภูมินิ่งงัน… จนเอกรู้สึกอยากตบปากตัวเอง “…กูขอโทษว่ะ อย่าใส่ใจคำพูดกูเลย คิดซะว่ากูไม่เคยพูดนะ” เอกจะเดินออกไปแต่ภูมิพูดขึ้นก่อน
                “จะขอโทษเรื่องอะไรวะ… กำลังตกใจที่มึงหลงเสน่ห์น้องฟ้าแบบสายฟ้าแลบต่างหาก… แต่เพราะเป็นมึงนะ กูถึงไม่โกรธ”
                ภูมิยิ้มแล้วกอดคอเพื่อน “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับกู ดูแลน้องฟ้าแทนกูด้วยนะ…”
                “มึงจะไปไหนล่ะ ถึงต้องให้กูดูแลน่ะ”
                “ก็เผื่อไว้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอนว่ะ…” ภูมิมองไปบนท้องฟ้า “บางทีในอนาคต ข้างกายของน้องฟ้าอาจเป็นมึง ไม่ใช่กู และทั้งน้องฟ้าทั้งมึงก็ค่อยๆ ลืมกูไป……”
 

 

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่23]
«ตอบ #276 เมื่อ22-10-2016 20:09:48 »

              ถึงเอกจะบอกว่าสนใจในตัวฟ้าคราม แต่เขาก็คิดว่าจะให้ไปบ้านเพื่อนที่ฐานะแตกต่างกันมากขนาดนี้บ่อยๆ คงไม่ได้ แม้ว่าภูมิจะยินดีต้อนรับเขาเสมอก็ตาม แล้วเขายังมีงานพิเศษหลายอย่างที่ต้องทำ กว่าจะได้เจอฟ้าครามอีกครั้งก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งเดือน จึงไม่น่าแปลกที่ฟ้าครามจะลืมเขา
                เอกยื่นขนมที่แม่ของตนทำขายให้ฟ้าคราม เจ้าตัวมองขนมที่ห่อด้วยใบตองหลายห่อในถุงแล้วมองหน้าเอกอีกครั้ง
                “พี่ให้ รับไปสิ”
                “ขอบคุณครับ”
                ภูมิยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนเอาจริงและรู้สึกวางใจ …เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว… เพราะอย่างน้อย        ถึงเขาไม่อยู่ข้างกาย แต่ฟ้าครามก็จะมีคนคอยดูแล
                เขาคิดแล้วละสายตาไปมองผู้เป็นน้ากับสามีที่กำลังจะออกไปข้างนอก ทั้งสองคนเหลือบมองมาทางพวกเขาแล้วยิ้มแบบมีเลศนัยอย่างน่าสงสัย
                “เป็นอะไรเหรอครับพี่ภูมิ” ฟ้าเดินมาหาภูมิแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
                “ไม่มีอะไรสักหน่อยยยยย“
                ฟอดดดดด
                เขากดหอมแก้มเหมือนทุกวัน ฟ้ายิ้มเมื่อถูกหอมและยิ้มอีกครั้งเมื่อถูกภูมิอุ้มขึ้นนั่งตัก
                เอกมองทั้งสองคนนิ่ง ตนคงไม่สามารถที่จะแยกสองคนนี้ได้แล้วจริงๆ เขามองขนมที่เอามาให้ แต่เจ้าตัวเล็กกลับเอาขนมไปป้อนให้ภูมิ… แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับยิ้มเมื่อมองภาพตรงหน้า…
                หลังจากนั้นประมาณสองเดือนเอกก็ไม่ได้ไปบ้านภูมิเลยเพราะต้องเรียนต่อตำรวจ แม้จะติดต่อกันบ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานกลับต้องรู้ข่าวเศร้า
                “มะ..ไม่จริง…” เอกเอ่ยเสียงสั่นเบิกตากว้างเมื่ออ่านหนังสือพิมพ์ที่มีพาดหัวข่าวเกี่ยวกับนักธุรกิจและภรรยาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในหนังสือพิมพ์ปรากฏภาพรถยนต์พลิกคว่ำไฟลุกท่วม เอกรีบรุดไปยังบ้านของภูมิทันที เมื่อไปถึงก็พบกับกองทัพนักข่าวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบริเวณบ้าน เขาพยายามโทรหาภูมิแต่ก็ติดต่อไม่ได้ เขาทำได้เพียงใช้เวลาว่างในวันหยุดเดินไปมาหน้ารั้วบ้านของภูมิจนกระทั่ง…
                “มาหาใครเหรอจ๊ะ” เอกมองหญิงสาววัยกลางคน จำได้ว่าเธอคือแม่ของฟ้า
                “เอ่อ สวัสดีครับ”
                “สวัสดีจ้ะ มาหาใครเหรอจ๊ะ”
                “มาหาภูมิครับ… ผมเป็นเพื่อนภูมิ…”
                ฝนปิดปากตัวเองร้องไห้แล้วรีบพาเอกเข้าไปในบ้านทันที เธอบอกเอกว่าภูมิอยู่กับฟ้าครามที่ศาลากลางสระน้ำ และฝากฝังให้เขาช่วยดูแลภูมิด้วย เพราะตอนนี้ภูมิไม่เหลือใครแล้ว
                เอกพยักหน้ารับแล้วเดินไปตามที่ฝนบอก
                “น้องฟ้า อาจจะไวเกินไปที่พี่พูดแบบนี้ แต่เพราะพี่อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว พี่ชอ..”
                “ภูมิ! มึงอยู่นี่เอง ตามหาตั้งนาน” เอกเอ่ยประโยคนั้นออกไป เขาแอบรู้สึกผิดเพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังจะบอกอะไรกับเด็กน้อย ร่างสูงหยุดนิ่งแต่ภูมิกลับวิ่งมาหาเขา
                “เอก! มึงมาได้ไง…!”
                “มาหามึงไง… โทรหาก็ไม่ติด กูเป็นห่วงมึงนะ เสียใจด้วย กูขอโทษที่ไม่ได้ไปงานศพ”
                ภูมิยิ้มเศร้าแล้วส่ายหน้า ก่อนจะพูดบางอย่างกับเอก
                “เอก…” ภูมิรีบยัดกระดาษใส่มือ “กูรอมึงตั้งนาน… กูรอจะให้มึงตั้งนานแล้ว ในที่สุดมึงก็มาสักที”
                “อะไรวะ…”
                “ออกไปข้างนอกค่อยอ่านนะมึง อย่าให้ใครรู้ ไม่งั้นมึงจะเป็นอันตราย”
                “อันตรายอะไร”
                “จากพวกชั่วไง…” ภูมิน้ำตาคลอ เอกหยุดชะงักเพราะไม่เคยเห็นภูมิร้องไห้ ตอนงานศพพ่อกับแม่ของภูมิ เขาไม่ได้ไปเพราะติดเรียน แต่ตอนนี้ พอได้เห็นน้ำตาของเพื่อน เอกก็รู้สึกเจ็บไปด้วย
                “ภูมิ…”
                “เอก มึงดูแลน้องฟ้าแทนกูด้วยนะ… อย่ายกน้องฟ้าให้ใครนะมึง”
                เอกมองไปยังฟ้าที่ยืนมองพวกเขาอยู่ตลอดจากศาลากลางสระน้ำ
                นั่นคือคำสั่งและคำขอสุดท้ายของเพื่อนรัก เพราะอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาภูมิก็เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตมาจากญาติผู้ใหญ่ของภูมิที่เหลืออยู่เพียงน้าสาวและอาเขยว่าภูมิฆ่าตัวตาย เอกได้แต่คลั่งจนแทบจะทำลายข้าวของทุกอย่าง เขาร้องไห้เมื่อเพื่อนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เอกนั่งมองรูปเพื่อนที่ยิ้มให้แล้วได้แต่นั่งร้องไห้อยู่หน้าพิธีศพ ยิ่งได้รู้ความจริงทุกอย่างผ่านกระดาษที่ภูมิยัดใส่มือของเขาในวันนั้น เขาก็ยิ่งเกลียดตัวเอง ถ้าเขาเปิดอ่านเร็วกว่านี้เขาคงช่วยภูมิไว้ได้ทัน เพราะข้อความในกระดาษเขียนถึงเรื่องราวความชั่วของน้าสาวและอาเขย รวมถึงกุญแจกับรหัสผ่าน แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมภูมิถึงฆ่าตัวตาย… เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมภูมิไม่แก้แค้น แต่กลับเลือกที่จะจากไปแบบนี้…
                เมื่อเคารพศพเสร็จ เขาหันไปมองฟ้าที่ตาบวมแดงแล้วลุกไปหา
                “ฟ้า…”
                “ฮึก..ก..ก… พี่ภูมิ…”
                ฝนที่นั่งกอดฟ้าอยู่จ้องมองเอก เธอเม้มปากแน่นแล้วเอ่ย
                “คุณเป็นเพื่อนคุณภูมิใช่ไหม”
                “ใช่ครับ”
                “งั้น… ขอเบอร์ติดต่อได้ไหมจ๊ะ”
                เอกให้เบอร์โทรศัพท์กับฝนไป สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ฟ้าก่อนจะตัดสินใจหอมแก้มนุ่มเหมือนกับที่เพื่อนรักของเขามักจะทำประจำ เขาคิดว่าถ้าภูมิอยู่ที่นี่ ภูมิต้องหอมแก้มปลอบใจฟ้าครามแน่ๆ เด็กน้อยเงยหน้ามองเอกแล้วยกมือขึ้นจับแก้มตัวเอง
                “พี่ไปนะ…”
                และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกับฟ้าในฐานะเด็กน้อย จนกระทั่งเขาได้เจอฟ้าอีกครั้งตอนที่กำลังรอขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนในเครื่องแบบของเด็กมัธยมต้น
                “โอ๊ย!” เพราะรีบวิ่งเพื่อให้ทันรถเมล์จึงทำให้ฟ้าสะดุดล้ม และรถเมล์ก็ไม่ได้หยุดรอ “อึก..” ฟ้าค่อยๆ พยุงตัวเองแล้วมองถุงข้าวที่หล่นแตกด้วยความเสียดาย
                “ฟ้า! เป็นอะไรมากหรือเปล่า!” เอกที่แอบมองอยู่นานรีบวิ่งเข้าไปหาทันที
                “จะ..เจ็บ”
                “ไหน…” เอกมองหัวเข่าที่ถลอก
                “เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอนะ”
                “เอ่อ… ขอบคุณครับ แต่ผมต้องไปโรงเรียน”
                “เดี๋ยวพี่พาไปเอง แต่ต้องทำแผลที่คลินิกก่อน”
                ฟ้ามองเอกแล้วพยายามอยู่ห่างๆ “…แต่แม่ผมไม่ให้ไปกับคนแปลกหน้าน่ะครับ”
                เอกหยุดชะงัก คนแปลกหน้า? ฟ้าจำเขาไม่ได้เลยสินะ นึกแล้วน่าน้อยใจ ทำไมกัน              อย่างน้อยก็น่าจะคุ้นกันบ้าง ทั้งที่เขายังจำได้ไม่ลืม แต่นั่นสินะ เพราะฟ้ามีแต่ภูมิ…
                “พี่อยากช่วย…” ฟ้าถอยห่างอีกเมื่อเอกจะเข้าใกล้
                “มะ..ไม่เป็นไรครับ ผะ..ผมจะรอรถอีกเที่ยวหนึ่ง ส่วนแผลนี่ ผมจะไปทำที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน”
                “…อืม…” เอกได้แต่ผิดหวังแต่ก็เขียนเบอร์โทรของตนใส่กระดาษยื่นให้เด็กน้อย
                “ฟ้า ถ้ามีอะไรโทรหาพี่เบอร์นี้นะ” ฟ้ายื่นมือรับกระดาษ เอกยิ้มนิดๆ และยืนรอเป็นเพื่อนฟ้า แม้อีกฝ่ายจะยืนห่างอย่างกลัวๆ เขายืนรอเป็นเพื่อนจนกระทั่งรถเมล์อีกเที่ยวมาถึง เอกยืนมองร่างเล็กเดินขึ้นรถไปแล้วยิ้มเศร้า จำไม่ได้เลยสินะ ทั้งยังกลัวอีก… เมื่อไรจะอยู่ในสายตาบ้างนะ…
                เขาได้แต่คิด …อยากอยู่ในสายตาฟ้าบ้าง… จนกระทั่งเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น
                กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในคืนหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ เอกมองเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็กดรับ
                “สวัสดีครับ”
                “ฮึก..ฮือๆๆ คุณเอก ช่วยด้วย! คุณภูมิตายแล้ว!” เสียงร้องไห้ที่ปลายสายทำให้เอกนิ่วหน้า
                “อะไรนะครับ… ไม่ทราบว่าใครครับ”
                “คุณภูมิ! คุณภูมิตายแล้ว! มาที่บ้านหน่อยค่ะ มาที่บ้าน ฮือๆๆ”
                เอกฟังเสียงปลายสายที่ร้องไห้แทบขาดใจ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร หรือชาวบ้านที่ไหนกำลังต้องการให้เขาช่วยเหลือ
                “นั่นใครครับ เกิดเหตุอะไรขึ้นครับ!”
                “น้าฝนเอง จำได้ไหม… ที่อยู่บ้านของคุณภูมิ ฮึก..ก…”
                เอกนิ่วหน้า เขาพอจะจำได้แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม แม้จะไม่เข้าใจในประโยคที่   น้าฝนบอก แต่เขาก็ยอมไปตามคำขอแต่โดยดี เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า
                ภูมิตายแล้ว? หมายความว่ายังไง ภูมิตายนานแล้วนี่ ตั้งแต่เก้าปีก่อนแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาได้แต่คิดเรื่องนี้ในหัว เมื่อขับรถยนต์ไปถึงหน้าประตูรั้วตอนกลางดึกก็เห็น   หญิงสาว             วัยกลางคนรีบเดินมาเปิดประตูให้
                “คุณขับรถยนต์ไปซ่อนก่อนนะ”
                เอกทำตามที่บอก เขาขับไปตรงริมถนนไกลจากหน้าบ้านพอสมควรแล้วรีบวิ่งกลับไปท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ ฝนพาเอกไปหลังบ้านบริเวณที่เป็นป่าและพบกับกระท่อมหลังหนึ่ง
                “ฮือๆๆ คุณภูมิ”
                ฝนร้องไห้แข่งกับสายฝนที่โหมกระหน่ำ เมื่อส่องไฟฉายเข้าไปในกระท่อมก็เจอร่างหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่ ใบหน้ามีหนวดเคราจนจำเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้ เสื้อผ้าที่สวมนั้นโทรมเกินกว่าจะเรียกว่าเสื้อผ้าจนเอกคิดว่านั่นคือผ้าขี้ริ้ว ร่างนี้นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นไม้ มีบาดแผลบนศีรษะและรอยช้ำตามร่างกาย เอกจึงรีบเข้าไปจับชีพจร… แต่เขาก็ต้องส่ายหน้าเพราะไม่ทันแล้ว ก่อนจะเพ่งมองใบหน้าของร่างที่นอนนิ่งแล้วเบิกตากว้าง
                “ภูมิ…!”
                “ฮึก..ก…” ฝนสะอื้นตัวโยน
                “กะ..เกิดอะไรขึ้นครับน้าฝน ผมไม่เข้าใจ ทำไมภูมิถึง…”
 
 
                ฝนเล่าทุกอย่างให้เอกฟังว่าจริงๆ แล้วภูมิยังไม่ตาย แต่ถูกจับขังมาตลอดเก้าปีอย่างทุกข์ทรมาน เธอเป็นคนดูแลภูมิมาตลอด แต่คืนนี้รู้สึกใจคอไม่ดีจึงมาที่นี่ และระหว่างทางก็ได้ยินเสียงของคนกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันสนุกปากเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายของภูมิ เธอจึงรีบวิ่งมาที่กระท่อมและพบว่าภูมิตายแล้ว
                เอกทรุดนั่งอย่างหมดแรงข้างๆ ร่างของเพื่อน ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้! ภูมิจะต้องไม่ตาย ตลอดเก้าปีที่ผ่านมา… ถ้าเขารู้!
                “น้าขอโทษ… ฮือๆๆ ที่ไม่บอกเพราะน้ากลัว..คุณท่าน แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว…               คุณภูมิ… ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษ..ฮือๆๆ” ฝนทรุดแล้วกอดร่างภูมิที่ไร้ลมหายใจแน่น
                เอกมองร่างของเพื่อนที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจแล้วได้แต่ร้องไห้ออกมา เขาจับมือของเพื่อนมาสัมผัสที่หน้าตัวเอง ตอนที่รู้ว่าภูมิตายเมื่อเก้าปีก่อน เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นศพเพื่อน จนตอนนี้ได้เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้เขาก็ปวดใจ
                “กูจะแก้แค้นให้มึง! จะหาหลักฐานมามัดตัวพวกมัน!”
                ครั้นจะจับกุมโดยไม่มีหลักฐานก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของภูมิ เพราะไม่มีใครได้เห็นศพของภูมิที่ฆ่าตัวตายเมื่อเก้าปีก่อน พวกนั้นอาจจะอ้างว่าศพของภูมิอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถระบุได้จึงไม่แน่ใจว่าเป็นภูมิหรือเปล่า หรือบางทีอาจอ้างว่าภูมิถูกหนึ่งในคนใช้หรือคู่แข่งด้านธุรกิจลักพาตัวไปเพื่อใส่ร้ายตน ซึ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่ข้อแก้ตัวต่างๆ ที่ทำให้หลุดพ้นจากความผิดได้ เอกจึงเห็นว่ายังมีหลักฐานไม่มากพอ แม้จะมีพยานบุคคลที่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งกักขังภูมิ แต่คงไม่มีใครยอมให้ข้อมูลนอกจากฝน ซึ่งฝนเองก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการตายของภูมิในคืนฝนโหมกระหน่ำนี้ ด้วยเหตุนี้เอง เอกจึงรับทำคดีของภูมิเพื่อหาหลักฐานมามัดตัวคนผิดให้ดิ้นไม่หลุด เขาจึงปลอมตัวมาเป็นภูมิและแกล้งเป็นบ้า! โดยมีฝนคอยให้ความร่วมมือ และความจริงแล้วเอกไม่ได้ถูกกักขังอยู่ในกระท่อม แต่เขาเข้าออกกระท่อมไปข้างนอกเสมอ
                ซึ่งการที่เอกเข้าๆ ออกๆ บ้านหลังนั้นก็ทำให้เขาพอรู้อะไรหลายๆ อย่าง และที่สำคัญคือการที่เขาได้เจอกับฟ้าอีกครั้ง ฟ้าโตแล้ว ไม่มีความเป็นเด็กน้อยหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ตอนนี้ฟ้าเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม เขาอยากยืนมองให้นานกว่านี้ อยากเข้าไปทัก แต่พอรู้ว่าฟ้ามักถูกเพชรลวนลามเขาก็ยิ่งโมโห ฟ้าจะเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากของเขาและของภูมิ! นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาข่มขืนฟ้า เพราะความรู้สึกของเขาที่อยากสัมผัสและหึงหวงฟ้านั้นอยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง แต่เขาก็เผลอทำร้ายฟ้าไปเพราะคิดว่าฟ้าสมยอมเพชร  และนั่นก็ทำให้ฟ้าเจ็บปวด บางทีเขาอาจเป็นบ้าจริงๆ ไปแล้วก็ได้
                ด้านฝนเอง พอรู้ว่าเอกข่มเหงฟ้าก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงฝากฝังฟ้าไว้กับเขา ฝนไม่ถือโทษโกรธกับเรื่องที่เกิดขึ้น และยังบอกกับฟ้าอีกว่าให้ดูแลหินแทนตนด้วย                 โดยบอกเป็นนัยว่าให้อยู่ดูแลกันตลอดไป
                ตอนที่จะหนีออกจากบ้านเพราะถูกขู่ฆ่านั้นเป็นสิ่งที่เอกไม่เคยคาดเดาเลย แต่ก็ยอมไปเพราะคิดว่าถ้าได้อยู่กับฟ้าก็พอใจแล้ว จนเกือบละเลยที่จะต้องทำคดี เพราะความจริงแล้ว เอกควรจะอยู่ในร่างคนบ้าและรอให้พวกนั้นเข้ามาฆ่าตามแผน เพื่อสร้างหลักฐานมัดตัวและเข้าจับกุม           แต่เอกกลับเลือกที่จะหนีไปกับฟ้า หนีไปด้วยกันเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงเชียงใหม่ ซึ่งเอกก็ได้ให้ลูกน้องตามไปด้วย โดยให้ปลอมตัวมาสมัครเป็นคนงานและติดต่อกันแบบลับๆ
                แม้จะมีอุปสรรคมากมายแต่ก็มีฟ้าที่อยู่เคียงข้างกัน ทำให้เอกมีความสุขและรู้สึกรักมากยิ่งขึ้น ตอนที่เผลอทำให้ฟ้าบาดเจ็บนั้น เอกเองก็เจ็บปวดแทบขาดใจ เขาจึงยอมเข้าไปในกรงขังเพื่อลงโทษความเลวของตัวเอง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพ่อเลี้ยงรู้ว่าเขาแกล้งบ้า ถึงแม้ว่าพ่อเลี้ยงจะเดาเรื่องราวทั้งหมดคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงบ้างก็ตาม
                แม้จะตกใจแต่เอกก็ยังสงบสติอารมณ์ไว้ได้ เขาเชื่อว่าพ่อเลี้ยงน่าจะเป็นคนดีอยู่บ้าง ถึงแม้จะรู้ความจริงก็คงไม่บอกใคร แม้เขาจะไม่ค่อยชอบหน้าพ่อเลี้ยงก็ตาม จนกระทั่งเรื่องราวของเขาและฟ้าครามถึงคราวแตกหัก เพราะฟ้าเริ่มเคลือบแคลงสงสัยในความลับของเขา ทั้งคู่จึงตกลงที่จะแยกทางกัน แม้จะรักฟ้ามาก แต่คงจะให้ฟ้าเสี่ยงอันตรายไปมากกว่านี้ไม่ได้ เอกจึงเลือกที่จะกลับไปกรุงเทพเพื่อทำคดีต่อ และให้ลูกน้องส่วนหนึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่เชียงใหม่ไปก่อน เพื่อดูให้แน่ใจว่าฟ้าจะปลอดภัย
                แต่เมื่อเอกกลับไปกรุงเทพ ผู้บัญชาการกลับมีคำสั่งให้เขาพักคดีนี้ไว้ก่อน เอกจึงได้แต่รอคอยและเฝ้าคิดถึงฟ้า ทุกๆ วันผ่านไปอย่างเจ็บปวด แม้จะมีกานดาอยู่แล้ว แต่เขาก็เห็นเธอเป็นแค่ตัวแทนของฟ้าเท่านั้น วันคืนผ่านไปอย่างเลื่อนลอยจนกระทั่งเขาเจอทัดที่ตลาดผลไม้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทัก แต่ไม่รู้จะอธิบายให้แม่และกานดาเข้าใจยังไง จึงเลือกที่จะเมินเฉยใส่ทัด ทั้งๆ ที่อยากจะฝากข้อความไปบอกฟ้าว่าคิดถึงมากขนาดไหน แล้ววันหนึ่ง ลูกน้องของเขาที่จับตาดูผู้ต้องสงสัยอยู่ก็รายงานมาว่าพวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว และเส้นทางที่พวกมันมุ่งหน้าไปนั้นก็ทำให้แน่ใจได้ในทันทีว่าเป้าหมายคือ …ฟ้าคราม… เอกจึงรีบเดินทางกลับไปยังเชียงใหม่ทันที และเมื่อได้เจอกับฟ้าครามอีกครั้ง ความไม่เชื่อใจของเขาเองก็ได้ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมหันต์ เพราะเขาต้องสูญเสียทั้งลูก และพลาดพลั้งทำให้ฟ้าครามก็ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้…
 
ooooOoooo
 
                เอกนึกถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนี้เขารักใครไม่ได้อีกแล้ว เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เจอฟ้า ก็ราวกับมีโซ่ตรวนมาพันธนาการจิตใจเขาไว้…
                “เขาเป็นใครเหรอ ใครกันที่ทำให้ลูกถึงขนาดยอมทำร้ายหนูกานแบบนี้ แม่ผิดหวัง… ฮึก..ก…”
                “มะ..แม่ครับ” เอกเอื้อมมือจะกอดผู้เป็นแม่ แต่แม่ดาวถอยห่าง
                “ลูกสะใภ้แม่มีแค่หนูกานเท่านั้น เอกต้องไปง้อหนูกานแล้วลืมคนๆ นั้นไปซะ!”
                “แม่ครับ…”
                เพล้งงง เสียงจานแตกในครัวทำให้เอกกับแม่ดาวชะงักและรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เห็นฟ้ากำลังนั่งมองจานที่แตกและหยิบเศษแหลมคมขึ้นมากำเล่น และนั่นทำให้มือถูกบาดจนเลือดไหลหยดลงพื้น
                “ฟ้า!” เอกจะเข้าไปแย่งแต่ฟ้ากลับตกใจเมื่อเห็นเอกและแม่ดาวจะพุ่งเข้าหา ทำให้เขากรีดร้องและถอยห่าง
                “ฟ้าครามจ๊ะ มาหาแม่เถอะ…” แม่ดาวตัวสั่นเมื่อเห็นเลือดที่หยดลงพื้น เธอพยายามจะเดินเข้าหา แต่ฟ้ากลับถอยห่างไม่ยอมฟัง ตอนนี้อาการฟ้าเริ่มกำเริบอีกแล้ว อาการชอบทำร้ายตัวเอง
                “ฟ้า! วางมันลงซะ!”
                ฟ้ามองมือตัวเองที่กำเศษจานแน่นจนเลือดไหลแล้วยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ ยกมือที่มีเศษจานแหลมมาที่คอตัวเอง
                “กรี๊ดดดดด” แม่ดาวกรีดร้องแทบเป็นลมเมื่อเห็นฟ้ากำลังจะแทงคอตัวเอง
                “อย่านะฟ้า!!” เอกรีบพุ่งไปหา
                “ปล่อยยยยย อ๊ากกกกก“
                หากเอกพุ่งเข้าไปยั้งไว้ไม่ทัน ฟ้าคงตายไปแล้ว…
                “แฮ่กๆๆ” เอกหายใจหอบอย่างโล่งอก… เขากลัวที่จะสูญเสีย แต่ฟ้าก็ยังไม่เลิกดิ้น ทั้งยังข่วนและกัดเอกตลอดเวลา
                “อ๊ากกกกก ปล่อย! เอามา! อยากตายๆๆ!” ฟ้าพยายามจะหาเศษจานที่มีคมเพื่อทำร้ายตัวเองอีกครั้ง
                เอกรวบร่างของฟ้ามากอด
                “อย่าทำร้ายตัวเอง… อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม… พี่จะใจสลายแล้วนะ…”
                “ปล่อยยย!”
                “ฟ้าเป็นยังไงบ้างลูก” แม่ดาวรีบมาดูมือฟ้าที่กำแน่นและเต็มไปด้วยเลือด
                “โธ่ ลูก…”
                “ไปให้พ้น!”
                เพียะ!
                จังหวะที่แม่ดาวจะใส่ยาให้ ฟ้าก็อาละวาดและตบไปที่หน้าแม่ดาวอย่างจัง
                “แม่!” เอกรีบคลายกอดจากฟ้าและหันไปหาแม่ดาวทันที
                “แม่เป็นยังไงบ้าง!”
                แม่ดาวจับแก้มตัวเอง มองฟ้าครามที่พยายามจะเอาหัวโขกกำแพงเพื่อทำร้ายตัวเองอีกครั้ง เอกจึงรีบไปเข้ายื้อตัว
                “ปล่อยยยยย”
                “ฟ้า! พอสักที!”
                เพียะ! ฟ้ายังคงทำร้ายเอกอย่างต่อเนื่อง ทั้งดิ้น ทั้งตบ ทั้งกัด
                “ฟังพี่นะฟ้า เลิกบ้าสักที! เลิกเป็นแบบนี้ได้แล้ว!” เอกตวาดเสียงดังลั่น
                ฟ้าหยุดนิ่งค้าง… สายตาหันไปมองแม่ดาวที่ร้องไห้… มองเอกที่หายใจหอบด้วยสายตาคาดโทษ แล้วทอดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างเลื่อนลอยก่อนจะกุมหัวตัวเอง
                “อ๊ากกกกกกกกก” ฟ้าตะโกนลั่นอีกครั้งก่อนจะหมดสติไป
                “ฟ้า!”
                “หนูฟ้าคราม!”
                ทั้งสองคนรีบพาฟ้าไปโรงพยาบาลทันที หมอบอกว่าฟ้าเครียดจึงทำให้สลบไป และยังแนะนำให้พาฟ้าไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชโดยตรง เพราะฟ้าจะอาละวาดจนสลบแบบนี้เรื่อยๆ ยิ่งถ้าหากเครียดมากขึ้นอาจส่งผลที่ไม่ดีตามมา เอกเองก็คิดแบบนั้น เขาตัดสินใจว่าต้องพาฟ้าไปรักษาอย่างจริงๆ จังๆ สักที
 
ooooOoooo
 
                เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ฟ้าถูกส่งมารักษาตัว ร่างสูงใหญ่ได้แต่ยืนมองร่างบางอยู่อีกฝั่งของกระจกใส ทั้งวันที่ฟ้านั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอย่างเลื่อนลอย หรือวันที่ฟ้าอาละวาดจนหมอและพยาบาลแทบจะเอาไม่อยู่ เอกก็ได้แต่หลับตาลงแน่นอย่างเจ็บปวดกับภาพตรงหน้า เขาสาบานว่าจากนี้ไป ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม เพื่อให้ฟ้ามีความสุข…
                ถึงแม้ฟ้าจะยังไม่หายกลับเป็นปกติ แต่ก็ไม่มีอาการคลั่งมาได้สักพักแล้ว และดูเหมือนความหวาดกลัวในใจของฟ้าที่เคยมีต่อเขา ก็ค่อยๆ จางหายไปด้วย
                “พี่หิน… ว้าววว” ฟ้าร้องทักเมื่อเห็นเอกเดินเข้าไปหาพร้อมกับตุ๊กตาหมีสีชมพูในมือ       ร่างบางตบมือดีใจ
                พยาบาลยิ้มแล้วเดินออกไปจากห้อง
                “ฟ้าชอบเหรอ”
                “ชอบมากๆ เลย… ลูกของหนูก็ชอบล่ะ” เอกมองตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวโปรดของฟ้าแล้วยิ้มเศร้า… ลูกงั้นเหรอ… ลูกของเขาด้วยสินะ…
                “ฟ้า กลับบ้านกันหรือยัง แม่ดาวบ่นถึงฟ้าทุกวันเลย อยากให้กลับไปอยู่ด้วยกัน…”
                ฟ้ากอดตุ๊กตาหมีแล้วยิ้ม “กลับสิ… อยากไปอยู่กับพี่หินแล้วนะ”
                เอกยิ้มแล้วหอมแก้มฟ้า “…กลับบ้านกันนะ”
                สองวันต่อมาเอกจึงทำเรื่องพาคนไข้ออกจากโรงพยาบาล เพื่อพาฟ้ากลับบ้านและเตรียมย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น เพราะเขาเองก็ลาออกจากการเป็นตำรวจแล้ว… และแม่ดาวก็ยินดีที่จะย้ายบ้านเช่นกัน
                “จะไปไหนกันเหรอ” ฟ้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์อย่างกระตือรือร้น
                “ไปเชียงใหม่… ไปหาพี่เพชรและพ่อเลี้ยงจำได้ไหม…” เอกยิ้มถาม แต่ฟ้าก็มัวแต่มองข้างทางและไม่ได้ตอบเขา
                “จะดีเหรอลูก ไปอาศัยเขา… แม่เกรงใจ”
                “ไม่ได้อาศัยหรอกครับแม่ เราไปซื้อที่และจะปลูกบ้านใกล้ๆ กับบ้านพ่อเลี้ยง และผมจะทำงานกับเขา… คนงานที่นั่นใจดีมากครับ แม่ไปอยู่ แม่ต้องรักคนที่นั่นแน่นอน… แม้ผมจะถูกซ้อมมาเยอะก็ตาม” ประโยคสุดท้าย เอกพูดเสียงเบาพลางหัวเราะกับตัวเอง
                แม่ดาวยิ้มแล้วหันไปมองฟ้าที่ยังคงให้ความสนใจกับวิวข้างทาง
                “แม่ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าครามจะเป็นคนที่ลูกรัก”
                เอกขับรถไปเรื่อยๆ แล้วเอ่ยตอบ “ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกแม่เลย”
                “อืม… แม่เข้าใจเอกนะว่ารักแรกน่ะลืมยาก… แต่หนูกานเขาไม่ผิดอะไรเลย…”
                “ผมผิดและเลวมากๆ ที่ทำกับกานเขาแบบนั้น… แต่ผมรักฟ้าจริงๆ ครับ”
                “อืม… แต่ก็ดีนะ แบบนี้แม่เลยได้ลูกชายเพิ่มอีกคน แถมได้รอหลานมาเพิ่มด้วย… ทุกอย่างที่เข้ามาหาแม่ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
                เอกพยายามยิ้มแต่ก็ทำได้เพียงฝืน นั่นสินะ ฟ้าท้องได้… ท้องลูกของเขาและก็… เสียลูกไปแล้ว… ลูกที่เขาไม่เคยแม้แต่ได้สัมผัสผ่านท้องของคนรัก…
                ขับมาได้เกือบสิบชั่วโมงก็ถึงที่หมายในตอนค่ำ เขายิ้มเมื่อเจอคนสองคนยืนต้อนรับอยู่หน้าบ้าน
                “สวัสดีครับแม่” พ่อเลี้ยงและเพชรไหว้แม่ดาว
                “สวัสดีจ้ะ”
                “สบายดี…” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอก
                “ยังไม่ได้ถามเลย ฮะๆๆ” เอกหัวเราะแล้วเดินไปเปิดประตูให้กับฟ้า
                ฟ้าค่อยๆ ก้าวลงมาแล้วมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น มองดาวบนฟ้าที่สวยเต็มท้องฟ้า ซึ่งที่กรุงเทพไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนขนาดนี้ ฟ้ายิ้มอย่างดีใจ… เอกก็ยิ้มตาม
                “คราม!” เพชรจะเข้าไปกอดฟ้าแต่เจ้าตัวกลับตกใจและรีบแอบด้านหลังเอก
               
เพชรหยุดชะงัก มองหน้าของเอกและได้รับคำตอบโดยการส่ายหน้า เพชรจึงถอยห่างและมองฟ้าอย่างเป็นห่วง
                “เข้ามาพักในบ้านเถอะ ส่วนของ เดี๋ยวให้คนงานช่วยขน” พ่อเลี้ยงเอ่ยบอก
                แม่ดาวจูงมือฟ้าที่กลัวๆ กล้าๆ เดินเข้าไปในบ้าน
                ฟ้ามองทุกอย่างในบ้านแล้วก็หยุดนิ่ง รู้สึกคุ้นเคย…
                “จำได้ไหมฟ้า” เอกถาม
                ฟ้าส่ายหน้า
                “พี่คราม!” เสียงใสเอ่ยขึ้น หนูดีวิ่งมาอย่างดีใจที่เห็นฟ้า แต่คนถูกเรียกกลับสะดุ้งเฮือกและรีบแอบด้านหลังแม่ดาว
                “พี่คราม… เป็นอะไรเหรอคะ”
                ฟ้ายังคงแอบด้านหลังแม่ดาวแล้วกอดแน่น
                “โอ๊ะ พี่ครามมีตุ๊กตาด้วย” หนูดีพูดเมื่อเห็นตุ๊กตาในอ้อมกอดของฟ้า
                ฟ้าค่อยๆ คลายกอดแม่ดาวแล้วมองตุ๊กตาในอ้อมกอดตัวเอง
                “นี่ลูกของหนูเอง”
                “ว้าววว ลูกของพี่ครามเหรอคะ หนูดีก็มีลูกเยอะเหมือนกัน ไปเล่นในห้องหนูดีไหมคะ”
                ฟ้ายิ้มอย่างดีใจ “ไปๆ”
                หนูดีรีบจูงมือฟ้าขึ้นไปยังชั้นสอง
                เหลือคนสี่คนที่ยังยืนนิ่งแล้วมองหน้ากันและกัน…
                “ครามจะหายไหม” เพชรเอ่ยถาม
                “ไม่รู้… แต่ไม่เป็นไร… ฟ้าเป็นแบบไหนฉันก็รัก…”
 
 

 

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่24 ]
«ตอบ #277 เมื่อ22-10-2016 20:10:32 »

              แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง ผ้าม่านปลิวไหวไปตามสายลมเย็นสดชื่น… เอกยืนมองทุ่งหญ้ากว้างตรงระเบียงแล้วหันกลับมามองร่างบางที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินกลับเข้ามาก้มตัวลงจูบแก้มฟ้าที่หลับสนิท
                เมื่อคืนเขานอนกอดฟ้าทั้งคืน… เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ได้นอนกอดกัน…
                “อะ..อืม” คนที่หลับย่นหน้าและส่งเสียงในลำคอก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆ ลืม
                “ฟ้า…”
                “พี่หิน… ฮ้าวววว” ฟ้าพูดแล้วหาวเหมือนเด็ก เอกยิ้มและค่อยๆ อุ้มคนตัวเล็กเข้าอ้อมแขนแล้วพาไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สะอาด ถามว่ามีอารมณ์ไหมเมื่อเห็นฟ้าเปลือย …แน่นอนอยู่แล้ว และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องปลดปล่อยอารมณ์ก่อนจะพาฟ้าไปอาบน้ำทุกครั้ง
                ฟ้ายืนนิ่งให้เอกใส่เสื้อผ้าให้แต่ทาแป้งด้วยตัวเอง จนตอนนี้หน้าสวยๆ ก็มีแต่แป้งขาวอยู่เต็ม
                “หมดกระป๋องแล้วมั้ง” เอกยิ้ม เมื่อก่อนฟ้าเคยหัวเราะกับใบหน้าของเขาที่ขาววอก แต่ตอนนี้กลับเป็นเขาที่ต้องมาหัวเราะหน้าของฟ้าที่เต็มไปด้วยแป้ง
                ฟ้ารีบไปอุ้มตุ๊กตาแล้วกอดแน่น
                “ไปเล่นกับหนูดีก่อนนะ”
                “เดี๋ยวก่อน… กินข้าวก่อนนะคนเก่ง”
                “แต่ว่า…”
                เอกจูงมือฟ้าพาเดินลงไปชั้นล่างก็เห็นทุกคนรออยู่พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารแล้ว
                “คราม! มานั่งข้างพี่เร็ว” เพชรเอ่ยเรียก แต่ฟ้าก็ยังกลัวคนแปลกหน้าและจับมือเอกแน่น เพชรคลายยิ้มแต่ก็ยังไม่ย่อท้อ พยายามเอาใจฟ้าโดยการตักอาหารให้
                “อร่อยไหม” เอกเอ่ยถามขณะแกะกุ้งให้
                “หนูชอบ” ฟ้ายิ้ม
                ทุกคนยิ้มตาม… อาหารเช้ามื้อนี้จึงผ่านไปด้วยดี
                “จริงสิ เรื่องซื้อที่ดิน พ่อเลี้ยงยังไม่บอกราคาเลย” เอกถามพ่อเลี้ยงที่กำลังตักกับข้าวให้เพชร
                “ไม่ต้องหรอก… ให้ฟรี”
                “เฮ้ย ได้ไง ที่ดินไม่ใช่ของที่ยกให้กันได้ง่ายๆ นะ”
                “นั่นสิจ๊ะ พ่อเลี้ยงขายเท่าไรก็บอกมาเถอะนะ” แม่ดาวเอ่ยบอก
                พ่อเลี้ยงยิ้มแล้วส่ายหัว
                “ไม่ต้องหรอกครับ ผมให้… ที่ดินผมเยอะจนอยู่ไม่ไหวแล้วครับ เพิ่งซื้อที่ดินตรงป่าข้างๆ นี้ไปเอง… สำหรับผม มิตรภาพสำคัญกว่าของภายนอกนะครับ”
                แม่ดาวยิ้มอย่างซึ้งใจ ส่วนเอกก็ยังไม่เลิกกังวลใจ
                “อย่าคิดมากเลยครับ คุณใหญ่เป็นคนขี้เหงา แค่ทั้งสามคนมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเขาก็ดีใจแล้วครับ” เพชรเอ่ยติดตลก พ่อเลี้ยงมองคนข้างๆ แล้วขยี้หัวอย่างเอ็นดู
                “…เพชร แล้วเรื่องครอบครัวล่ะ…” เอกเอ่ยถาม
                เพชรหน้าสลด
                “พ่อกับพี่ติดคุกน่ะ ส่วนผม อัยการไม่สั่งฟ้อง… แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี… ส่วนมรดกและบ้าน ผมจะยกให้การกุศล เพราะยังไงก็ไม่ใช่ของผมอยู่แล้ว”
                “ฉันว่านายเก็บไว้เถอะ เพราะนายเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลือของภูมิ”
                “แต่มันไม่ใช่มรดกของผมนะ… ภูมิคง…”
                “มันดีใจแน่ๆ”
                เพชรขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
                “ก็เพชรเป็นน้องชายมันไง”
                เพชรหยุดชะงัก น้ำตาเอ่อคลอ… น้องชาย… คำที่เขาไม่เคยอยากได้จากภูมิเลย เพราะเขามีแต่ความเกลียดชัง แต่พอได้ยินแบบนี้…
                “ฮึก..ก…” พ่อเลี้ยงกอดเพชรแล้วปลอบใจ
                “เก็บมรดกไว้เถอะนะ… ภูมิเองก็คงหวังแบบนั้น… เผื่อพ่อเลี้ยงทิ้ง จะได้กลับไปอยู่บ้านไง”
                เพชรมองพ่อเลี้ยง
                “เฮ้ย! ใครจะทิ้งลง น่ารักขนาดนี้” พ่อเลี้ยงดึงแก้มเพชรเล่น
                เพชรเช็ดน้ำตาแล้วพูดขึ้น
                 “จริงสิ ผมเอารูปของภูมิและโกศที่เก็บอัฐิของคุณลุง คุณป้า และของแม่ครามมาด้วยนะ”
                เอกยิ้มเศร้า …รูปของภูมิงั้นเหรอ จู่ๆ ความคิดถึงเพื่อนก็แล่นเข้ามา เขากุมมือฟ้าไว้ …ภูมิคงจะคิดถึงฟ้ามากๆ
                “ใครเหรอครับ” ฟ้าเอ่ยถามเมื่อมองรูปภาพของชายหนุ่มที่ยืนยิ้มอยู่ในกรอบรูป
                เอกหยิบกรอบรูปมาให้ฟ้าดูใกล้ๆ
                “เขาเป็นคนที่รักฟ้ามากๆ เลย”
                “รักหนูเหรอ… รักเท่าพี่หินไหม”
                “อืม…”
                “งั้นหนูก็รักพี่คนนี้นะ” ฟ้ายกกรอบรูปขึ้นจูบ ริมฝีปากแตะลงบนใบหน้าของภูมิพอดี
                “หนูรักพี่นะ”
                เอกได้แต่ยิ้มเศร้า…
                 ‘ไม่ต้องเป็นห่วงนะภูมิ กูจะดูแลฟ้าเท่าชีวิต มึงหลับให้สบายเถอะนะ… กูรักมึงนะเพื่อน… ทั้งกูและฟ้าจะไม่มีวันลืมมึงเลย…’
                ‘อยากหลับให้สบายนะ แต่กูอยากช่วยมึงก่อน’
                เสียงใครบางคนพูดตอบเขา เอกหันซ้ายหันขวาอย่างตกใจ แม้จะเป็นเวลานานแล้วที่เพื่อนรักจากไป แต่เขาก็จำเสียงที่แว่วมาได้ดี
                เอกยิ้มมองรูปเพื่อนรัก “ช่วยกูหน่อยแล้วกัน”
 
ooooOoooo
 
                เอกพาฟ้าไปเที่ยวชมบรรยากาศข้างนอก เพราะวันนี้อากาศดีเหมาะแก่การขับรถเที่ยว เมื่อทั้งสองไปถึงคอกม้า ทุกคนที่นั่นก็ดีใจกันยกใหญ่ แม้ทุกคนจะรู้ว่าฟ้าไม่ใช้ฟ้าคนเดิมแล้ว แต่ทุกคนกลับเอ็นดูมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
                “เอาอะไรอีกไหม พี่จะไปซื้อมาให้เลย” ทัดเอ่ยแล้วทำท่าจะไปซื้อของมาให้
                “ใช่จ้ะ ครามอยากกินอะไร เย็นนี้ป้าจะทำให้เองนะจ๊ะ ”ป้าณีเตรียมจดรายการอาหารที่ฟ้าชอบ
                ฟ้านั่งเคี้ยวผลไม้ตุ้ยๆ เหมือนเด็กในขณะที่หลายคนรุมล้อมเอาใจ เอกเองก็รู้สึกเหมือนเขากำลังพรากผู้เยาว์ไม่มีผิด ในอดีต เขาเองก็เคยมีความคิดแบบนี้เช่นกัน เพราะเขาแอบชอบฟ้ามาตั้งแต่ฟ้าอายุแค่แปดขวบ หลังจากที่เป็นขวัญใจแม่ยกพ่อยกอยู่พักใหญ่ เอกก็พาฟ้ามาที่กระท่อม บ้านหลังที่สองของพวกเขา ซึ่งตอนนี้กลายเป็นบ้านหลังน้อยๆ ที่น่าอยู่ไปแล้ว เอกจับมือฟ้าแน่น เขาจินตนาการไม่ออกว่าช่วงที่เขาหายไปนั้น ฟ้าต้องอยู่ที่นี่คนเดียวด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ…
                เอกเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ทุกอย่างเปลี่ยนไป ไม่มีอีกแล้วกระท่อมเก่าๆ เตียงแข็งๆ           ที่เคยนอนด้วยกัน…
                ฟ้ามองไปรอบๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลรินออกมา
                “ฟ้า! ร้องไห้ทำไม”
                “ฮึก..ก… นะ..หนูไม่รู้” ฟ้ากอดคนตัวใหญ่แล้วซบร้องไห้
                “ฮือๆๆ อย่าทิ้งหนูนะ”
                เอกหลับตาลงอย่างปวดใจพลางกอดปลอบ “พี่ไม่ทิ้งฟ้าอีกแล้ว จะอยู่กับฟ้าตลอดไปเลย”
                “ฮึก..ก…”
                เขาจับมือเล็กแล้วพาไปนั่งบนเตียงนุ่ม
                “ฟ้า… จำพี่ไม่ได้เลยเหรอ… จำได้ไหม…”
                ฟ้ามองคนพูดแล้วพยักหน้า
                “พี่หิน หนูจำได้”
                เอกถอนหายใจแล้วค่อยๆ ชะโงกหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากนุ่ม ก่อนจะผละออกอย่างช้าๆ
                “ฟ้า… แต่งงานกับพี่ไหม”
                ฟ้ามองตาแป๋วแล้วเอียงคอ “แต่งงานคือไรเหรอ”
                “คือสิ่งที่จะผูกมัดเราสองคนให้อยู่ด้วยกันตลอดไป… แต่งงานกับพี่นะ”
                “อื้อ หนูจะแต่ง… อยากอยู่กับพี่หินตลอดไปเลยล่ะ!”
                เอกยิ้มรับแล้วกอดคนตัวเล็กพร้อมกับจูบลงที่หน้าผาก “สัญญากับพี่แล้วนะ…”
 
ooooOoooo
 
                “เข้านอนได้แล้วนะฟ้า”
                “ยังไม่ง่วงเลย ว้าววว พี่หินดูสิ ดาวสวยจัง… ชื่อเหมือนแม่ดาวเลยเนอะ”  ฟ้าเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วยิ้ม พลันสายตาหันไปเห็นโกศบรรจุอัฐิที่ตั้งอยู่หลังตู้แล้วทำหน้าเศร้า
                “พี่เพชรบอกว่านั่นคือแม่ของหนูล่ะ… หนูไม่เข้าใจเลย”
                “ฟังพี่นะ แม่ดาวคือแม่ของฟ้า… และแม่ฝนก็คือแม่ของฟ้าเหมือนกัน แต่จะอยู่ตรงนี้ตลอดไป” มือหนาใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของคนตัวเล็ก
                “แม่ฝน…”
                “ใช่… แม่ฝนจะอยู่ในใจตลอดไป…” ฟ้าหันไปมองโกศใส่อัฐิแล้วยิ้ม
                “จะอยู่ในใจตลอดไป…”
                เอกยิ้มแล้วรีบหาผ้ามาบังโกศบรรจุอัฐิ ก่อนจะรวบร่างคนตัวเล็กขึ้นมาในอ้อมแขนแล้ววางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา
                ไม่อยากให้แม่ของฟ้าเห็นเพราะกลัวจะรับไม่ได้ จึงต้องหาผ้ามาบังและขอขมาก่อน
                ‘ผมขอลูกชายคุณน้านะครับ’
                ‘เรียกแม่ดีกว่านะ… ไม่แอบดูหรอก ตามสบายจ้ะ’
                เอกสะดุ้งแล้วหันมองรอบตัว ก่อนจะถอนหายใจ… ท่าทางเขาจะมีเซนส์ดีเหลือเกินนะ…
                ฟ้ามองเอกตาแป๋ว
                “จะทำอะไรเหรอครับ”
                “ฟ้าอยากมีลูกไหม”
                “ลูก! อื้อ! อยากมีลูกเยอะๆ เลย”
                “ถ้าอย่างนั้น… ก็มาทำลูกกันเถอะนะ” เขาพูดแล้วก้มลงจูบริมฝีปากบาง ก่อนจะใช้ลิ้นควานหาความหวานจนทั่ว มือหนาก็ค่อยๆ ปลดกระดุมชุดนอนของคนด้านล่างออก
                “แฮ่กๆๆ พะ..พี่หิน”
                เอกมองหน้าฟ้าที่ตอนนี้แดงเรื่อแล้วรู้สึกใจเต้นแรง เหมือนกับกำลังมีอะไรกับเด็กน้อย เขาละจากริมฝีปากแล้วเลื่อนลงมาขบเม้มยอดอกทั้งสองสลับไปมา
                “อ๊ะ..อื้อ พะ…พี่หิน หนูเจ็บนะ” ฟ้ากัดปากตัวเองเมื่อมีความรู้สึกแปลกๆ
                “อย่ากัดสิ ช้ำหมดแล้ว”
                “ก็... หนูรู้สึกแปลกๆ...”
                เอกอมยิ้มแล้วจูบริมฝีปากบางอีกครั้ง
                “อยากให้พี่จับตรงไหนบอกพี่ซิ”
                “หนูอยากให้จับตรงนี้” ฟ้าเลื่อนมือหนาของเอกไปหยุดอยู่ที่ช่องทางสีชมพูของตนเอง เอกยิ้มอย่างพอใจแล้วเลื่อนก้มลงเลียส่วนอ่อนไหวของคนใต้ล่าง
                “อื้อ! พะ..พี่หิน”
                ฟ้าขยุ้มผมของเอกแล้วแอ่นรับอย่างลืมตัว ทั้งยังอ้าขากว้างเมื่อลิ้นของเอกวนไปที่ช่องทางนุ่มอย่างชำนาญ
                “มะ..ไม่ อ๊า…!” เสียงกรีดร้องพร้อมกับน้ำรักที่ถูกปล่อยออกมาจนล้นเต็มปาก เอกกลืนลงไปเกือบหมดแล้วเช็ดมุมปากตัวเองอย่างหื่นกระหาย มือหนาค่อยๆ ใช้นิ้วสอดเข้าอย่างช้าๆ
                “โอ๊ย! ฮึก..ก… จะ..เจ็บ”
                เอกหยุดมือแล้วละนิ้วออกจากช่องทางทันที
                “ฟ้า… เจ็บมากไหม”
                “นะ… หนูเจ็บ”
                “งั้นพี่หยุดแค่นี้ดีกว่านะ”
                “ไม่เอา… หนูอยากมีลูก ฮึก..ก…”
                “แต่ฟ้าเจ็บนะ”
                “ทนได้… นะๆๆ ให้หนูมีลูก”
 
 
                เอกหน้าแดงเรื่อ …ช่างขี้อ้อนจริงๆ เขาใช้มือหนาหยอกล้อยอดอกแล้วเคลื่อนผ่านหน้าท้องแบนราบจนฟ้าเกร็งหน้าท้องตัวเอง จนมาถึงแก่นกลางลำตัวของฟ้าที่เป็นสีชมพู แม้จะไม่ตั้งชูยามมีอารมณ์ร่วม แต่เอกก็แกล้งหยอกจับรูดขึ้นลงแล้วขบเม้มด้วยปากอย่างชำนาญ ฟ้าสะดุ้งเฮือก เอกยกยิ้มแล้วเลื่อนมือกลับมาที่ช่องทางข้างหลังอีกครั้ง
                “อื้อ!”
                เขาใช้นิ้วสอดเข้าออกหลายครั้งจนแน่ใจว่าช่องทางสามารถรับท่อนแกร่งของตนได้แล้ว จึงรีบปลดกางเกงตัวเองออก ตอนนี้เขาต้องการปลดปล่อยอย่างมาก เพราะมันทั้งใหญ่ทั้งแข็งขึงและผงาดตั้ง เส้นเลือดปูดบนลำบ่งบอกถึงความต้องการปลดปล่อยของเขาได้เป็นอย่างดี
                เอกจับท่อนของตนเองจ่อรูที่เล็กกว่ามาก… แต่จะให้หยุดตอนนี้คงไม่ได้แล้ว
                “โอ๊ยยยยยยย! จะ..เจ็บ!” ฟ้ากรีดร้องลั่นพยายามดิ้นแล้วผลักเอกให้ออกไปเมื่อความใหญ่โตเข้ามาในช่องที่แคบกว่ามาก… ร่างเล็กรู้สึกตึงเหมือนมันจะฉีกขาด
                “ฟ้า! อึก! อดทนหน่อยนะ ตอนนี้จะให้พี่ถอนออกคงไม่ทันแล้วนะ”
                “ฮึก..ก… จะ..เจ็บ” ฟ้าหลับตาแล้วส่ายหน้าไปมา ใบหน้าชุ่มเหงื่อจนเอกต้องเกลี่ยผมที่บังใบหน้าบางส่วนออกให้ ฟ้ายังคงบอกว่าเจ็บอยู่ตลอดเวลาแล้วทำหน้านิ่วอย่างทรมาน
                เอกกัดฟันกรอด เขาเองก็เจ็บเพราะถูกรัดจากช่องทางนุ่มอันแสนคับแคบนั้น เขาค่อยๆ ขยับแก่นกายออกแต่ก็รู้สึกเหมือนถูกดูดเอาไว้ ฟ้ากรีดร้องลั่นทั้งยังเกร็งตัว เลยยิ่งทำให้ช่องทางบีบรัดแน่นกว่าเดิมจนเอกขยับเข้าออกไม่ได้
                “อึก!” เอกรู้สึกเสียวจนอยากปลดปล่อยเต็มช่องทางรักที่แสนยั่วยวนนี้แล้ว หากแต่ต้องกัดฟันเพราะไม่อยากให้จบเร็วเกินไป
                “ทำพี่เสียวจังนะ น้องฟ้า” เขาก้มลมจูบปากของร่างที่เกร็งและยังคงดิ้น ก่อนจะจับแขนทั้งสองของฟ้าตรึงไว้เหนือหัวแล้วขยับเข้าออกอย่างช้าๆ
                นานแล้วที่ไม่ได้มีอะไรกัน… ความโหยหาทำให้เอกมีอารมณ์มากกว่าปกติ
                ฟ้าหลับตานิ่วหน้า เมื่อแขนไม่ได้ถูกเอกตรึงแล้วจึงเปลี่ยนมาคล้องคออีกฝ่ายแทน ทั้งยังใช้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวแน่น
                “อื้อ… ระ..แรง แฮ่กๆ..ๆ…”
                เอกยกยิ้มและกระแทกแบบเน้นๆ จนคนข้างใต้สั่นไหวไปตามแรงกระแทก จากเน้นกระแทกช้าๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นกระแทกเร็วรัว
                “อ๊ะ..อ๊ะ…” ฟ้าร้องครางแล้วแอ่นตัวรับแรงกระแทก ขาเกี่ยวแน่นกว่าเดิม มือยังคงคล้องคออีกฝ่ายให้แนบชิดหน้าอก โยกสะโพกไปตามจังหวะอย่างลืมตัว
 
 
                เอกตอบสนองความต้องการอย่างเต็มที่ เขากระแทกกลับอย่างเต็มแรงจนเขาเองยังคิดว่าแรงเกินไปด้วยซ้ำ กลัวว่าคนข้างใต้จะรับไม่ไหว แต่ก็หยุดกระแทกไม่ได้ ทั้งยังก้มลงกัดหน้าอก     ลำคอ และลำตัวจนเกิดรอยแดงช้ำ
                ความปรารถนาของทั้งสองยังคงได้รับการตอบสนองอย่างเร่าร้อนและต่อเนื่อง เตียงขนาดใหญ่ดังเอี๊ยดอ๊าดไปตามจังหวะการขย่ม เวลาผ่านไปถึงค่อนคืน เสียงครางจึงค่อยๆ หายไปพร้อมกับหยาดน้ำรักที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของฟ้าเป็นครั้งที่สาม
                เอกมองร่างบางข้างใต้ที่หลับสนิทหลังจากปลดปล่อยมามากกว่าตนหลายครั้ง… จะเรียกว่าหลับหรือสลบดีล่ะ เขาจูบหน้าผาก บอกฝันดี และนอนกอดคนตัวเล็กแล้วผล็อยหลับไป
 
ooooOoooo
                ‘น้องฟ้า… น้องฟ้า…’
                เสียงใครเรียกผมกัน…
                ‘น้องฟ้า…’
                ผมค่อยๆ ลืมตาตื่น เห็นผู้ชายคนหนึ่งในชุดสีขาวยืนยิ้มให้… เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี
                ‘คุณเป็นใครเหรอครับ’
                ‘ให้ตายสิ ลืมพี่จริงๆ เหรอเนี่ย น้อยใจชะมัด’ เขาพูดแล้วทำหน้างอนนิดๆ แต่ไม่จริงจัง ก่อนจะเดินมาใกล้ผมแล้วกอด
                ‘น้องฟ้า… พี่คิดถึงมากเลยรู้ไหม… ได้กอดน้องฟ้าแบบนี้พี่คงไปสบายได้แล้วจริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย…’ ผมยืนนิ่งก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลายกอดแล้วจับมือผมไว้
                ‘จำพี่ภูมิไม่ได้เลยเหรอฮึ’
                ‘พี่ภูมิ…’ ผมเบิกตากว้าง น้ำตามันไหลออกมาเอง คนนี้น่ะเหรอ พี่ภูมิ ผมได้เห็นหน้าพี่เขาแล้ว… ใบหน้าที่ผมลืมไป…
                ‘ฮึก..ก… ผมขอโทษที่จำพี่ไม่ได้ ผม.. ฮึก..ก…’
                พี่ภูมิเช็ดน้ำตาให้กับผม
                ‘ขอโทษทำไม… เลิกร้องไห้นะครับ น้องฟ้า…’ พี่ภูมิพูดแล้วจูบริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา
                ‘ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก… พี่ไม่โกรธน้องฟ้าเลยนะ… วันนี้พี่จะมาบอกลา… แต่ก่อนที่จะไป พี่อยากให้น้องฟ้ากับเอกมีความสุขก่อน…’
                ‘เอก…’ ผมเอ่ยทบทวนแล้วนิ่วหน้า… นึกไม่ออก
                ‘เอกมันรักน้องฟ้ามากนะ… ที่มันทำบ้าๆ กับน้องฟ้าไปเพราะมันหวงน้องฟ้ามาก และมันก็หวงน้องฟ้าแทนพี่ด้วย มันถึงแสดงออกไปแบบนั้น… ให้อภัยมันเถอะนะ’
                ผมค่อยๆ นึกเรื่องราวของคนชื่อเอกแล้วเม้มปากแน่น
                ‘ฮึก..ก… เขาหนีผมไป เขามีความลับมากมายที่ไม่บอกผม ฮึก..ก… เขาบอกว่าผมแสดงละคร ไม่เรียกรถพยาบาลให้ผม ลูกเราถึงตาย ฮึก..ก…’
                ‘ไม่เอาครับ ไม่ร้องนะ… พี่อยากไปต่อยหน้ามันสักทีจริงๆ พี่โมโหแล้วเนี่ย’ พี่ภูมิยิ้มแล้วเช็ดน้ำตาให้ผม ‘แต่พี่อยากให้เอกและน้องฟ้ามีความสุขจริงๆ นะ อยากให้ลืมเรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น แล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ดีกว่าโกรธกันจนอาจไม่เหลือเวลาที่จะรักกัน ซึ่งมันจะสายเกินไป’
                ‘ผม…’
                พี่ภูมิสัมผัสที่อกข้างซ้ายของผม
                ‘คำตอบทุกอย่างอยู่ตรงนี้ น้องฟ้ารู้ตัวเองดีที่สุด…’
                ผมยืนนิ่ง หลับตาลงอย่างปวดใจ
                ‘ทำตามหัวใจตัวเองนั่นแหละ คือคำตอบของทุกอย่างแล้ว’
                ‘ครับ…’ ผมยิ้ม
                ‘ครามจ๊ะ’ เสียงนั้นทำให้ผมหันไปมอง
                ‘แม่!’ ผมรีบเข้าไปกอดแล้วร้องไห้
                ‘ฮึก..ก… แม่จริงๆ ด้วย ผมคิดถึงแม่’
                ‘แม่ก็คิดถึงครามนะ คิดถึงมากเลยนะลูก’
                ‘ฮึก..ก… แม่มาอยู่กับผมแล้วใช่ไหม…’
                แม่ยิ้มแล้วส่ายหน้า ‘แม่ต้องไปแล้วจ้ะ’
                ‘มะ..แม่จะไปไหน…’
                ‘ไปในที่ที่ควรไปเนอะ’ แม่ยิ้มแล้วหันไปมองพี่ภูมิ
                ผมส่ายหน้าแล้วกอดทั้งสองคนไม่ยอมให้ไป
                ‘อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวสิ ฮึก..ก… พาผมไปด้วย’
                ‘ถ้าพาไป เอกคงร้องไห้น่าดู’ พี่ภูมิยิ้มขำ
                ‘อย่าร้องไห้เลยนะคราม ลูกไม่ได้อยู่คนเดียวนะ… ถึงจะไม่มีแม่ไม่มีภูมิ… แต่ลูกก็ยังมีคนสำคัญอยู่มากมาย… และคนสำคัญเหล่านั้นก็รักลูกมากนะ’
                ‘ฮึก..ก… แต่แม่กับพี่ภูมิก็สำคัญกับผมนะ’
                แม่ลูบหัวของผม…
                ‘แม่เข้าใจจ้ะ แต่ลูกก็ไม่ควรยึดติดมากเกินไปจนทำให้คนสำคัญที่ยังมีชีวิตอยู่ของลูกต้องกังวลนะ รวมถึงคนที่รักลูกด้วย จริงสิ…’ แม่พูดแล้วแบมือออก ปรากฏแสงบางอย่างสีขาวสว่างสดใส
                ‘อะไรเหรอครับแม่’
                แม่ไม่พูดแล้วยื่นมาที่ท้องของผม แล้วแสงนั้นก็หายเข้ามาในท้องของผม
                ‘แม่…’
                ‘สิ่งที่ลูกได้ทำหายไป… แม่ดูแลเขาไว้ให้ และตอนนี้ เขาก็พร้อมจะกลับมาอยู่กับลูกอีกครั้ง’
                แม่พูดแล้วร่างกายก็ค่อยๆ จางลงเช่นเดียวกับพี่ภูมิ
                ‘แม่! พี่ภูมิ!’
                ‘พี่ต้องไปแล้วนะ น้องฟ้า… รักกับเอกให้นานๆ นะ… อ้อ ตื่นขึ้นแล้วกลายเป็นน้องฟ้าคนเดิมนะ ฝากบอกเอกด้วยว่าดีใจที่เป็นเพื่อนกับมัน รักมันมากนะ เพื่อนรัก… แล้วก็…’  พี่ภูมิเดินมาหาผม
                ‘พี่ไม่เคยบอกน้องฟ้าเลยใช่ไหม’ พี่ภูมิเดินมากระซิบที่ข้างหู
                ‘พี่รักน้องฟ้านะ รักมาตลอดเลย อยากบอกรักให้เร็วกว่านี้… อย่าลืมพี่นะ…’                                               พี่ภูมิยิ้มตาหยีแล้วร่างก็ค่อยๆ สลายไป
                ผมได้แต่ยืนอึ้ง อยากจะคว้ามากอดแต่ก็สายไปแล้ว พี่ภูมิไปแล้ว… “พี่ภูมิ ฮึก..ก…”
                “ครามดูแลตัวเองให้ดีๆ นะลูก… แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก ถ้าชาติหน้ามีจริง เรามาเป็นแม่ลูกกันอีกนะ แม่รักลูก…” แม่กอดผมและค่อยๆ สลายไป ผมกอดแม่แน่นมากๆ เผื่อว่าแม่จะไม่หายไป แต่ผมก็ทำได้แค่ทรุดนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อเหลือแค่ผมคนเดียว
                แต่ความรู้สึกอุ่นตรงช่วงท้องทำให้ผมก้มมอง แสงสีขาวเรืองรองที่แสนอบอุ่นเหมือนพยายามจะปลอบโยนผมจากข้างใน ผมค่อยๆ ลูบท้องอย่างแผ่วเบาแล้วหลับตาลง
                …พรึ่บ!
                ผมลืมตาตื่นจากความฝัน เช็ดน้ำตาตัวเองแล้วค่อยๆ ลุกนั่งอย่างยากลำบาก มองไปข้างๆ ก็เจอหินนอนกอดผมอยู่ ผมค่อยๆ ยกแขนแกร่งที่พาดอยู่บนตัวผมออก
                ผมนิ่วหน้าเมื่อความเจ็บช่วงล่างทำให้เดินแทบไม่ได้ ความร้อนและความเหนียวเหนอะจากช่วงล่างปลุกผมให้ต้องลุกไปอาบน้ำ
                ผมมองตัวเองในกระจกที่ร่างกายมีแต่รอยแดงช้ำเป็นจ้ำๆ ตอนนี้ผมกำลังสับสนกับตัวเอง ผมจำเรื่องราวในช่วงหลายเดือนที่ผมเป็นบ้าได้เกือบทั้งหมด และจำได้ว่าผมเป็นบ้าเพราะอะไร ผมอยากหนีไปให้ไกล ไม่อยากอยู่กับเขาอีกแล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องตอนก่อนที่ผมจะกลายเป็นบ้า แต่เขาก็ยังรักผมแม้ผมจะเป็นบ้าก็ตาม ผมจึงเลือกที่จะอยู่กับเขาต่อ แม่กับพี่ภูมิก็คงหวังแบบนั้นจึงมาหาผม
                หลังจากอาบน้ำและใส่เสื้อผ้าอย่างยากลำบาก ผมก็เดินมาหาหินที่ยังนอนหลับอยู่
                “ขี้เซาจังนะครับ”
                “อะ..อืม” เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
                “ฟ้าตื่นแล้วเหรอ” เขาคว้าตัวผมเข้าอ้อมกอดแล้วหอมแก้ม
                “สายมากแล้วนะครับ” ผมมองนาฬิกาบนผนังที่ตอนนี้บอกเวลาเก้าโมงเช้า
                “อืม… เมื่อคืนพี่เหนื่อย”
                “ผมก็เหนื่อยนะ เจ็บด้วย”
                หินเบิกตากว้างเหมือนนึกอะไรได้แล้วหันมาจ้องหน้าผม
                ผมยิ้มให้
                “ฟ้า…”
                “ครับ?”
                “นี่กี่นิ้ว” หินรีบลุกนั่งแล้วชูสองนิ้ว
                “ครับ?”
                “พี่ชูกี่นิ้ว”
                “ก็สองนิ้วสิครับ”
                หินเบิกตากว้างกว่าเดิม
                “งั้น… พี่ชื่ออะไร” หินถามอย่างตื่นเต้น
                “หิน…”
                เขาคลายยิ้มลง
                “เอก”
                เขาเบิกตากว้างอีกครั้งก่อนจะกอดผมแน่น
                “ฟ้าหายแล้ว… ฟ้าหายแล้ว!”
                “คงงั้นมั้งครับ”
                ฟุบ “ฮึก..ก..ก… พี่ดีใจ” หินซุกตัวร้องไห้กับท้องของผม
                “อย่าขี้แยสิครับ”
                “กะ..ก็พี่ดีใจ… พี่ดีใจที่ฟ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม… พี่ขอโทษ… พี่ขอโทษ… พี่รักฟ้านะ…”
                “ผมก็รัก… ขอเรียกหินได้ไหมครับ”
                “ได้สิ… แต่เรียกพี่หินได้ไหม แล้วพี่จะให้ทั้งตัวและหัวใจเลย” ผมยิ้ม
                พี่หินค่อยๆ ผลักผมลงบนเตียงอย่างช้าๆ แล้วทาบทับลงมาอีกครั้ง…
 
 
 
 

 

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่25]
«ตอบ #278 เมื่อ22-10-2016 20:11:19 »

                “ฟ้า”
                “ครับ” ผมเอ่ยรับขณะกำลังจะเปิดประตูออกไปนอกห้อง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายแล้ว แต่เราสองคนยังไม่ได้ออกไปไหนเลย ไม่รู้คนอื่นๆ จะคิดยังไง เพราะพี่หินไม่ยอมปล่อยให้ผมลุกออกจากเตียงเลย
                “นอนต่อก็ได้นี่ ไม่ปวดตัวบ้างเหรอฮึ” พี่หินใส่เสื้อแล้วรั้งผมไม่ให้เปิดประตูออก
                “เพราะพี่ไม่ใช่หรือไง ที่ทำให้ผมปวดน่ะ”
                พี่หินยิ้มกริ่มแล้วเดินจับมือผมออกไปนอกห้องด้วยกัน แต่พอเปิดประตูออกไปก็เจอ         พี่เพชรกำลังทำท่าจะเคาะประตูพอดี
                “เอ่อ… พี่มาปลุกน่ะ เห็นว่าจะบ่ายแล้ว” พี่เพชรเหล่ตาไปทางพี่หินเหมือนรู้ทันบางอย่าง
                “…หิวข้าวไหม…” พี่เพชรเอื้อมมือจะมาจับมือผม แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะคงคิดว่าผมยังกลัวเขาอยู่ ผมจึงเป็นฝ่ายเอื้อมไปจับมือพี่เพชรแทน
                พี่เพชรมองผมอึ้งๆ
                “คราม…”
                “ครับ…”
                “คะ..คราม… หะ..หาย..” พี่เพชรหันไปมองพี่หินเหมือนขอคำตอบ เมื่อพี่หินพยักหน้า     พี่เพชรก็สวมกอดผมทันที
                “หะ..หายแล้วสินะคราม… ฮึก..ก… พะ..พี่ดีใจ…”
                “อย่าร้องไห้สิครับพี่เพชร”
                พี่เพชรคลายกอดผมแล้วเช็ดน้ำตา ก่อนจะขมวดคิ้ว “หืม…?”
                “อะไรเหรอครับ”
                “นี่เอก คุณทำครามมากเกินไปแล้วนะ ดูรอยที่หลังคอสิ”
                ผมรีบปิดคอตัวเองทันที แล้วหันไปคาดโทษพี่หินที่ยิ้มแหะๆ
                “ช่างคนหื่นเหอะ ไปกินข้าวได้แล้ว… ทุกคนรู้ต้องดีใจแน่ๆ เลย”
                “ครับ…”
               
                พี่เพชรจูงมือผมเดินออกไป พี่หินก็กำลังเดินตามออกมาจากห้อง แต่ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่โทรศัพท์ของพี่หินพอดี เขามองโทรศัพท์แล้วหันมามองหน้าผม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ใครโทรมานะ…
 
ooooOoooo
 
                “จริงเหรอ!” แม่ดาวเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าผมหายเป็นปกติ รีบละมือจากขนมที่กำลังทำแล้ว กอดผม
                “โธ่ลูก… หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะ” แม่ดาวพูดแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะหอมเเก้มผมฟอดใหญ่
                “ครับแม่…”
                “จริงสิ แล้วไปทำอีท่าไหนล่ะถึงหายเป็นปกติฮึ” แม่ดาวเอ่ยถาม
                ผมหลบสายตา จะว่าไปผมหายได้ยังไงนะ… หรือเพราะว่า… หน้าผมแดงเรื่อเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างที่ผมคิดหรอกน่า
                “เอ่อ… ไม่รู้เหมือนกันครับ”
                “เดี๋ยวให้ครามกินข้าวก่อนนะครับแม่ บ่ายแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย” พี่เพชรเอ่ยขัดก่อน ไม่อย่างนั้นหน้าผมคงแดงไปถึงหูแล้วล่ะ หรือไม่ตอนนี้ก็คงแดงไปหมดแล้ว
                แม่ดาวพยักหน้า แล้วพี่หินก็เดินเข้ามาพอดี
                “เจ้าลูกตัวดี ทำไมไม่ให้น้องมากินข้าวฮึ”
                “ก็ฟ้าเพิ่งตื่นนี่ครับ”
                “ไม่ใช่เพราะลูกหรอกเหรอ น้องถึงตื่นสายแบบนี้”
                ยิ่งพูดหน้าผมก็ยิ่งร้อน… ร้อนจนต้องเดินหนีออกมา
                “อย่างอนพี่เลยนะ” พี่หินเอ่ยแล้วตักกับข้าวใส่จานผม เราสองคนนั่งทานอาหารกันที่โต๊ะอาหารบริเวณนอกบ้าน เพราะตรงนี้บรรยากาศปลอดโปร่ง สายลมเย็นพัดเอื่อย สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มที่แม้จะเป็นเวลาบ่ายแล้วก็ตาม
                “…เมื่อคืนผมฝันถึงแม่และพี่ภูมิด้วย”
                พี่หินหยุดชะงัก
                “แม่และพี่ภูมิมาบอกลาผม… และขอให้ผมคืนดีกับพี่”
                พี่หินวางช้อนลง “ถ้าพวกเขาไม่ขอให้ฟ้าคืนดีกับพี่ ฟ้าก็จะไม่คืนดีกับพี่งั้นเหรอ” เขามองไปทางอื่นแล้วพ่นลมหายใจ
 
                “ผมก็เจ็บเป็นนะครับ ที่พี่หลอกผม… ก็ใช่ที่ผมก็หลอกพี่ แต่สิ่งที่ผมได้รับมันมากเกินไป… พี่ทำร้ายร่างกายและจิตใจของผม”
                พี่หินหันมามองผมด้วยสายตาอ่อนลง “พี่ขอโทษ แต่พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อคดี… และที่พี่ข่มเหงฟ้าเพราะพี่ไม่อยากให้ฟ้าไปเป็นของใคร แล้วพี่ก็… หวงฟ้าแทนภูมิด้วย…”
                ผมเท้าคางแล้วยิ้ม “พี่กับพี่ภูมินี่พูดเหมือนกันเลยนะ… ก่อนไป พี่ภูมิก็บอกผมว่าพี่หวงผมแทนพี่ภูมิเขาด้วย”
                พี่หินสบตาผม “…ก่อนไปมันพูดอะไรถึงพี่ไหม”
                “ครับ… บอกว่าดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับพี่และก็รักพี่มากนะ เพื่อนรัก…”
                พี่หินยิ้มแล้วมองไปบนฟ้า เขาเม้มปากแน่น… ผมรู้ว่าเขากำลังพยายามสะกดอารมณ์ตัวเอง
                “หะ..ให้ตายสิ มันนี่ยังชอบพูดอะไรเน่าๆ เหมือนเดิมเลย…”
                ผมเอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ
                “อันที่จริง แม่และพี่ภูมิก็มีส่วนนะ ที่ทำให้ผมคืนดีกับพี่… แต่หัวใจผมมากกว่าที่อยากคืนดีด้วยจริงๆ”
                พี่หินยิ้มกว้างแล้วกุมมือผมตอบ… มือเราประสานกัน
                “อยากคืนดีกันมากกว่านี้ไหม… งั้นขึ้นห้องกันเถอะ”
                ผมละมือแล้วเอื้อมไปบีบจมูกคนหื่น
                “โอ๊ย! พี่เจ็บนะ”
                “เจ็บน้อยกว่าผมตั้งเยอะ”
                พี่หินจับจมูกตัวเองที่ถูกบีบ
                ผมกอดอกแล้วพูดอย่างจริงจัง
                “พี่หิน… ต่อไปนี้พี่ห้ามมีความลับกับผมเด็ดขาด ถ้าพี่มีความลับกับผมอีก ผมจะไม่ให้อภัยแล้วนะ”
                “จ้า… ไม่มีความลับแล้วครับผม… ฟ้าอยากรู้อะไรพี่จะตอบทันที เงินซุกจะไม่มีเลยจ้ะ”
                “ถ้าอย่างนั้น เมื่อกี้นี้ใครโทรมาเหรอครับ”
                พี่หินหยุดชะงัก… ท่าทางจะบอกผมไม่ได้ล่ะสิ
                “ไม่บอกก็ได้ครับ” ผมทำท่าจะลุกไปที่อื่นแต่พี่หินก็จับมือผมไว้ก่อน ผมจึงนั่งลงตามเดิม
                “กานเขาโทรมาน่ะ”
                “กาน?” ผมจำหน้าไม่ได้แต่ยังพอจำชื่อได้ รู้สึกว่าเขาเคยไปบ้านพี่หินตอนที่ผมจิตไม่ปกติ และท่าทางจะไม่ใช่แค่คนรู้จัก
                “กานเคยเป็นแฟนพี่น่ะ… พี่บอกเลิกกานไป”
                “เพราะผมเหรอ”
                “ก็ประมาณนั้น”
                ผมนั่งนิ่งหลับตาลงอย่างปวดใจ… ผมทำให้เขาเลิกกันงั้นเหรอ…
                “ฟ้าคิดว่าตัวเองทำให้พี่เลิกกับกานงั้นเหรอ” พี่หินเอ่ยขึ้นแล้วบีบจมูกผมคืน
                “แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะครับ”
                “มันก็ส่วนหนึ่งนะ พี่บอกกานไปว่าพี่นอกใจกาน แต่จริงๆ แล้ว… มันเป็นทางหนึ่งที่พี่จะได้ปล่อยเขาไปจริงๆ สักที กานเขามีคนที่พ่อแม่ดูตัวไว้ให้แล้วน่ะ คนนั้นเขามีฐานะดีกว่าพี่มาก และกานเองก็ดูมีใจให้เขา แต่ที่กานไม่ตอบรับเขาคนนั้นสักทีก็เพราะมีพี่อยู่… อาจมองว่าพี่แก้ตัวนะ แต่มันก็เหมือนแก้ตัวจริงๆ นั่นแหละ”
                ผมพยักหน้ารับรู้ บ่งบอกว่าผมเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
                “เมื่อกี้เขาก็โทรมาเพื่อบอกว่าจะหมั้นกับคนนั้นแล้ว”
                “แล้วพี่… ยังรักเขาอยู่หรือเปล่าครับ”
                พี่หินขมวดคิ้ว “ป่านนี้จะมาถามว่าพี่รักใครอีกนะ ตอนนี้ทั้งตัวและหัวใจให้ฟ้าคนเดียวเลยนะครับผม”
                “หน้าไม่อาย!”
 
ooooOoooo
 
                ผมยืนมองที่ดินที่ติดกับบ้านพ่อเลี้ยง ตรงที่พี่หินวางแผนจะสร้างบ้านของเรา ตอนนี้พี่หินกำลังไปหาพ่อเลี้ยงที่ฟาร์มม้าและคงโดนบ่นเพราะวันนี้ตื่นสายมากๆ พ่อเลี้ยงจะให้พี่หินดูแล           ฟาร์มม้าทั้งหมด ส่วนพ่อเลี้ยงเองจะดูแลไร่ส้มอย่างเดียว
                “พี่ครามคะ”
                ผมหันไปมองหนูดีที่เดินมาพอดี
                “ว่าไงครับ เรียนเสร็จแล้วเหรอฮึ”
                “ค่ะ” หนูดีพูดแล้วยิ้มกริ่ม
                “อารมณ์ดีอะไรครับ”
                “เมื่อคืนหนูดีฝันว่าพี่ครามจะมีน้องด้วยค่ะ”
                “หืม…” ผมจับท้องตัวเอง
                ลูกงั้นเหรอ… เขาจะกลับมาอยู่กับผมอีกไหมนะ… จะเกลียดแม่คนนี้ไหมที่ไม่สามารถดูแลลูกไว้ได้…
 
                “คราม หนูดี เข้าบ้านได้แล้วลูก แดดเปรี้ยงขนาดนี้ออกมานอกบ้านกันทำไม เดี๋ยวไม่สบายหรอก” แม่ดาวตะโกนเรียกแล้วรีบเดินมาหาพวกผม
                ผมจูงมือหนูดีเข้าไปในบ้านด้วยกันแต่อีกมือยังกุมท้องตัวเองไว้ หวังว่าลูกจะกลับมาหาผมอีกครั้ง
 
ooooOoooo
 
                สามเดือนต่อมา
                “ฟ้า! ทำใจดีๆ ไว้นะ” พี่หินยื่นยาดมให้ผมที่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมขณะตากผ้า
                “พะ..พี่จะพาไปโรงพยาบาล”
                “ไม่ต้องไปหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”
                “แต่ว่า..”
                “ผมแค่หน้ามืด คงเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้าน่ะครับ”
                “แล้วทำไมไม่กินฮึ” พี่หินรีบวิ่งไปในครัวแล้วยกสำรับอาหารมาให้ผมทันที ก่อนจะวิ่งไปหลังบ้านเพื่อตากผ้าแทนผม
                ผมนิ่วหน้าเมื่อมองอาหารตรงหน้า กลิ่นอาหารทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี
                “เป็นอะไรลูก แม่ได้ยินเสียงเอกดังออกไปถึงบ้านพ่อเลี้ยงเลย” แม่ดาวเดินมาหาผมแล้วถามหาพี่หิน
                “ผมแค่หน้ามืดน่ะครับ แล้วพี่หินเขาก็โวยวายไปเอง”
                “หน้ามืดเหรอลูก ไหนเป็นไข้หรือเปล่า” แม่ดาวใช้มือสัมผัสหน้าผากของผม
                “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”
                “ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ” แต่พอกลิ่นอาหารตรงหน้าโชยขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็รีบเอามือปิดจมูกทันที
                “เป็นอะไรลูก”
                “ผมเหม็นน่ะครับ อุ..อุบ” พูดยังไม่ทันจบผมก็รีบวิ่งไปห้องน้ำ
                “คราม!” แม่รีบวิ่งตามมาหาผมที่กำลังโก่งคออ้วก
                “อุ… อ่อกกก”
                “ไปหาหมอเถอะนะลูก แม่ว่าอาการไม่ดีแล้วล่ะ”
                “มะ..ไม่เป็น… อ่อกกกก”
                แม่ดาวลูบหลังของผม
 
                ผมนิ่วหน้าและอ้วกมากขึ้นจนแม่ดาวทนไม่ไหวรีบวิ่งไปตามพี่หิน ผมรู้สึกคลื่นไส้และมวนท้อง หน้าเริ่มมืดจนต้องทรุดนั่งลง
                “ฟ้า!”
                “พี่หิน…”
                พี่หินรีบอุ้มผมไปขึ้นรถทันที เขาอุ้มผมวางที่เบาะหลังรถโดยมีแม่ดาวคอยประคองตลอดเวลา จากนั้นรถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
                “อย่าเป็นอะไรนะฟ้า อย่าจากพี่ไปนะ”
                “นี่พี่หิน พี่จะแช่งผมทำไมเนี่ย” ผมกุมหัวตัวเองโดยมีแม่ยื่นยาดมให้ตลอดเวลา
                “ก็ฟ้าป่วย” น้ำเสียงเขาสั่นอย่างมาก ความกระวนกระวายของเขาทำให้เขาขับรถปาดหน้าคันอื่นไปมา ผมได้ยินเสียงบีบแตรจากรถคันอื่นเป็นระยะๆ
                เขาจะสร้างศัตรูหรือไง… เขาเป็นถึงอดีตตำรวจนะ ทีเรื่องอื่นล่ะทำถูกต้อง แต่พอเป็นเรื่องผมทีไร เป๋ทุกที!
                “ขับช้าๆ ก็ได้ เดี๋ยวก็ไม่ถึงโรงพยาบาลหรอกกกก” ผมเอื้อมมือไปบิดหูขวาของพี่หิน
                “โอ๊ยยย”
                “จะ..เจ็บ”
                “ขับช้าๆ สิพี่หิน”
                “จ้ะๆ”
                พอไปถึงโรงพยาบาล ผมก็ถูกพาเข้าห้องตรวจ นั่งรอได้ไม่นาน คุณหมอคนเดิมที่เคยรักษาอาการของผมยิ้มแป้นมาหาพวกเราสามคนพร้อมกับผลตรวจ
                “ยินดีด้วยนะครับ คุณท้องได้สามเดือนแล้วนะครับ”
                เท่านั้นละ ทุกอย่างมันหยุดนิ่ง ผมเอามือลูบท้องตัวเองโดยอัตโนมัติ… ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองแม่ดาวและพี่หินที่เบิกตากว้างอึ้งค้าง แม่ดาวน้ำตาปริ่ม แต่พี่หินกลับ…
                “ฮือๆๆ ลูกพ่อ!” เขาทรุดตัวลงมากอดเอวผมแล้วปล่อยโฮ
                “พี่หิน! อายคุณหมอนะ”
                “ฮือๆๆ”
                เฮ้อ เรื่องผมทีไรเป๋ทุกทีจริงๆ เลยนะ คุณพ่อจอมขี้แย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ลูบหัวของเขาแล้วยิ้ม… แม่ดาวและคุณหมอต่างก็ยิ้มตาม
                พอกลับไปบ้านก็เห็นพี่เพชรกำลังรออยู่ด้วยความเป็นห่วง คงเพราะรู้จากคนงานเรื่องที่ผมไปโรงพยาบาล
                “คราม! เป็นยังไงบ้าง เจ็บป่วยตรงไหนเหรอ” พี่เพชรเอ่ยอย่างตระหนก ยิ่งเห็นพี่หินตาแดงก็ยิ่งตกใจมากขึ้น
                “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เพชร คือ…”
                “ฟ้าท้องแล้วโว้ย!!” พี่หินโพล่งออกมาก่อนที่ผมจะเอ่ยบอก เสียงตะโกนดังจนหนูดีที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ต้องเดินออกมาดู
                “พี่ครามท้องแล้วเหรอคะ! หนูดีจะได้มีน้องแล้ว!”
 
ooooOoooo
 
                “ลุกออกไปจากตัวผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมพูดเสียงแข็งเมื่อพี่หินกำลังคร่อมร่างผมอยู่ เขาคิดยังไงกันนะ ผมท้องอยู่แท้ๆ แต่พอเข้าห้องทีไรก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงยอม       แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว โชคดีที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่แท้งลูกไปอีกครั้ง เพราะความหื่นของเขาที่โหมกระหน่ำผมทุกคืนตลอดสามเดือน!
                “ทำภายนอกกันก็ได้นี่… วันนี้พี่ไม่สอดใส่หรอกนะ” พี่หินยิ้มแล้วก้มลงจูบซอกคอผม แต่ผมเบือนหน้าหนีและผลักให้เขาลุกออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งด้วย
                “จนกว่าผมจะคลอด ผมจะไม่มีอะไรกับพี่แม้จะแค่ภายนอกก็เถอะ”
                “ฟ้า… อ่า…” พี่หินรวบผมเข้าไปในอ้อมกอดแล้วให้ผมนั่งพิงอกแกร่ง
                “พี่จะทนได้นานแค่ไหนนะ เมียพี่น่ารักน่ากดแบบนี้ พี่คงอกแตกตายพอดี”
                “เลิกหื่นได้แล้วนะครับ เรากำลังจะมีลูกกันแล้วนะ ทำอะไรนึกถึงลูกบ้างสิ”
                พี่หินหยุดนิ่งแล้วกอดผมแน่นขึ้น
                “นั่นสินะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้ว…”
                พี่หินเอื้อมมือมาลูบท้องผมเบาๆ แล้วหอมแก้มผม
                “พี่ดีใจที่สุดเลยรู้ไหม ดีใจจริงๆ”
                “ผมก็ดีใจครับ…” ผมจับมือพี่หินที่กำลังลูบท้องผมแล้วประสานมือกัน เอนหลังพิงกับอกแกร่งแล้วหลับตาลง ครอบครัวของเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่
 
                  ‘ยินดีต้อนรับนะครับ ลูกรัก’
 

 

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ]
«ตอบ #279 เมื่อ22-10-2016 20:17:46 »

               รู้สึกว่าช่วงนี้น้ำหนักผมจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผมท้องได้ห้าเดือนแล้ว แต่รู้สึกเหมือนคนใกล้คลอด จะเดินไปไหนทีก็อุ้ยอ้ายและต้องมีคนคอยพยุง
                “ค่อยๆ นะคะ”  พี่งามค่อยๆ พยุงผมให้นั่งลงบนโซฟา
                “ขอบคุณมากนะครับ แต่พี่งามไม่ต้องดูแลผมขนาดนี้ก็ได้นะครับ”
                ผมบอกกับพี่งามซึ่งเป็นคนที่พี่หินจ้างให้มาช่วยงานบ้านและคอยดูแลผม
                พี่งามเป็นหนึ่งในคนงานของที่นี่จึงสามารถมาอยู่ดูแลผมได้ตลอดเวลา พี่งามเป็นคนน่ารัก ตัดผมสั้นหน้าม้า… แถมยังเป็นคนตลกจนผมหัวเราะได้ทั้งวัน เพราะแบบนี้ละมั้ง พี่หินถึงให้พี่งามมาดูแลผม
                “โธ่ น้องครามขา… งานอื่นไม่สำคัญเท่าดูแลน้องครามหรอกค่ะ… คุณเอกโหดจะตาย”
                “หืม…” ผมเลิกคิ้ว
                “พี่หินน่ะเหรอครับโหด ขี้แยมากกว่า…” แต่จะว่าไป เขาก็โหดจริงๆ นั่นแหละ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ
                “พี่งามจินตนาการไม่ออกเลยค่ะ! ตอนนี้คนที่ฟาร์มม้าตั้งฉายาว่าคุณโหด.. อุบ” พี่งามรีบปิดปากตัวเอง
                ผมหัวเราะ
                “ยังไงครับ ที่ว่าโหดน่ะ”
                “เรื่องบุคลิกก็ส่วนหนึ่งนะคะ ก็คุณเอกตอนนี้หนวดขึ้น… เหมือนโจรเลยค่ะ ดูไม่ออกเลยว่าเคยเป็นตำรวจ” ผมขำหนักมาก เพราะผมก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าเขาจะเป็นตำรวจ
                “อย่าไปฟ้องคุณเอกนะคะ”
                “ไม่ฟ้องหรอกครับ พี่งามเล่าต่อเถอะ สนุกดี”
                “มีครั้งหนึ่งค่ะ ตอนที่คนงานจะทะเลาะกันน่ะค่ะ คุณเอกโมโหมากจนทำลายอุปกรณ์ต่างๆ พัง เหมือนคนคลั่งเลยค่ะ คนงานนี่กลัวจนเลิกทะเลาะกันไปเองเลยค่ะ ตอนนี้คนงานไม่กล้าทำอะไรที่ผิดกฎเลยค่ะ”
                ผมเอนหลังพิงกับพนักพิง
                “แล้วข้อดีมีบ้างไหมครับ”
                “…ก็มีค่ะ ถึงจะโหด แต่ทุกคนก็บอกว่าคุณเอกรักคนงานเหมือนญาติพี่น้องเลยค่ะ”
                ผมพยักหน้ารับรู้
                “แต่… พี่งามก็กลัวคุณเอกอยู่ดีนะคะ ทั้งยังจินตนาการตอนที่คุณเอกมุ้งมิ้งกับน้องครามไม่ออกเลยค่ะ… พี่งามคิดแล้วยังรู้สึกแปลกๆ เลยค่ะ”
 
ooooOoooo
 
                “ให้แม่บ้านทำอาหารให้ก็ได้นี่”
                ฟอดดด พอพี่หินที่เพิ่งกลับจากคอกม้าเห็นผมกำลังทำอาหารในครัวก็เข้ามาสวมกอดจากด้านหลังแล้วหอมแก้ม
                “นานๆ ทีก็อยากทำเองบ้างน่ะครับ” ผมตักแกงส้มใส่ช้อนแล้วหันไปป้อนให้เขาชิม
                “อร่อย!” พอช้อนแตะปากก็บอกว่าอร่อยทันที
                “อร่อยเร็วเกินไปไหมครับ ยังปรุงไม่เสร็จเลย”
                “ฟ้าทำอร่อยอยู่แล้ว แค่น้ำเปล่าก็หวานอร่อยสำหรับพี่แล้วนะ”
                ฟอดดด
                ผมยิ้มแล้วเหลือบไปมองพี่งามซึ่งกำลังแอบมองอยู่ตรงประตู เธอใช้มือปิดปากตัวเองอย่างตะลึง นี่แหละครับพี่งาม ตัวตนที่แท้จริงของจอมโหดที่เหล่าคนงานพากันเกรงกลัว เวลาอยู่กับผมก็กลายเป็นแบบนี้แหละ…
                “ทั้งสองคนอยู่นี่เอง แม่หาตั้งนาน มาดูดอกไม้ในสวนที่แม่ปลูกหน่อยเร็ว บานสวยเชียว”
                “ผมละจากอาหารไปไม่ได้น่ะครับ ถ้าทำเสร็จจะไปดูนะครับ พี่หิน พี่ไปกับแม่ก่อนเถอะ”
                “พี่อยากกอดฟ้านี่”
                “เฮ้อ ไม่มีใครสนใจเราเลยน้า” แม่ดาวแกล้งพูดน้อยใจจนพี่หินรีบละจากผมแล้วเดินไปกับแม่ทันที ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนที่พี่งามจะค่อยๆ เดินออกมา
                “มะ..ไม่น่าเชื่อ พี่งามตกใจมากเลยค่ะ เข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมน้องครามถึงรักคุณเอก…           พี่งามก็อยากให้มีคนมาอ้อนมาเอาใจแบบนี้เหมือนกัน”
                “แต่กว่าที่เราจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ผ่านอุปสรรคมากมายเลยนะครับพี่งาม… จนบางครั้งผมยังคิดว่าเราผ่านจุดนั้นด้วยกันมาได้ยังไง”
                “ครามจ๊ะ อยู่ไหม” เสียงตะโกนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมกับพี่งามมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนที่ผมจะให้พี่งามดูแกงส้มในหม้อแทน แล้วตัวเองก็เดินไปที่หน้าบ้าน
                “เจ๊ลี!”
                “ต๊ายยย อย่าเดินจ้ะ เดี๋ยวเจ๊เดินไปหาเอง ท้องยิ่งโตๆ อยู่ เกิดล้มขึ้นมาจะลำบาก” เจ๊ลีเดินเข้ามาหาผม แล้วเราสองคนก็นั่งลงที่โซฟา
                “เจ๊ลีมาตั้งแต่เมื่อไรครับ”
                “เมื่อกี้นี้เอง… อยากมาเยี่ยมน้องชายที่ไม่ค่อยจะรับโทรศัพท์น่ะ โทรมาตั้งหลายรอบก็   ไม่รับ หมั่นไส้ เลยขึ้นเหนือมาซะเลย”
                “ฮะๆ แล้วจุกมาด้วยไหมครับ”
                “มาจ้ะ… เล่นกับหนูดีอยู่ ว่าแต่... เจ๊ดีใจมากเลยนะที่ครามมีความสุขแบบนี้ เจ๊ก็พอติดตามข่าวจากใหญ่ เลยพอรู้เรื่องบ้าง… ว่าแต่ท้องได้กี่เดือนแล้วล่ะ”
                “ห้าเดือนครับ”
                “ต๊ายยย เจ๊ล่ะอยากเห็นหน้าหลานไวๆ จัง… อ้อจริงสิ พ่อรูปหล่อไปไหนเนี่ย”
                “อยู่ที่สวนดอกไม้กับแม่เขาน่ะครับ”
                “พอดีจะเอาคำพูดจากยายเอิบมาฝาก ยายเอิบฝากเจ๊มาบอกว่าคิดถึงครามกับพ่อรูปหล่อมากๆ ที่จริงก็จะเอาขนมครกมาฝากครามกับพ่อรูปหล่อด้วยนะ แต่เจ๊คิดว่าคงจะบูดก่อนมาถึงแน่ๆ”
                ผมยิ้มคิดถึงยายเอิบ ไม่เจอกันนานแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็รักยายเหมือนกับคนในครอบครัวคนหนึ่ง ตอนผมไปทำงาน ยายก็มักจะเอาอาหารกับขนมมาให้พี่หิน หรือตอนผมกลับจากทำงานที่ร้านเจ๊ลี ยายก็นั่งรอผมอยู่หน้าบ้านเสมอ
                “ว่างๆ ก็ไปเยี่ยมยายแกบ้างนะ… อ้อ เจ๊มีของฝากเยอะเลยนะ” เจ๊ลีพูดพลางหยิบของฝากออกจากถุง
                “ของบำรุงครรภ์จ้ะ แล้วก็ชุดหนูน้อยน่ารักๆ ซื้อมาหลายชุดเลย”
                “ขอบคุณมากนะครับ”
                “พี่… เอ่อ…” พี่เพชรเดินเข้ามาในบ้านแล้วเอ่ยพูดกับเจ๊ลี
                “อ้าว ว่าไงจ๊ะ น้องสะใภ้… พี่บอกให้เรียกว่าพี่สามีไง”
                พี่เพชรหน้าแดง “เอ่อ… คุณใหญ่เขาให้มาตามพะ..พี่สามีไปคุยเรื่องที่ดินน่ะครับ”
                “จ้ะๆ บอกให้รอแป๊บนะ ขอคุยกับครามก่อน หรือไปบอกกับใหญ่ก่อนก็ได้ว่าพี่ยกให้หมดเลย แต่ขอส้มเป็นเครื่องบรรณาการทุกปีนะ โฮะๆๆ” เจ๊ลีหัวเราะ
                ผมกับพี่เพชรมองหน้ากันแล้วยิ้มแหะๆ หลังจากคุยกับเจ๊ลีได้สักพัก เจ๊ลีก็ออกไปหาพ่อเลี้ยง
                ผมยิ้มแล้วค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าเด็กที่เจ๊ลีซื้อมาให้ มือข้างหนึ่งจับที่ท้องของตัวเอง…
                “แม่รอหนูอยู่นะ”
 
ooooOoooo
 
                “ฟ้า!” ผมเรียกชื่อฟ้าและกุมมือฟ้าแน่น เพราะตอนนี้ฟ้ากำลังถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อผ่าคลอด ทั้งที่ฟ้าเพิ่งท้องได้แค่เจ็ดเดือน แต่กลับมีอาการเจ็บท้องอย่างรุนแรง หลังจากฟ้าถูกพาเข้าห้องผ่าตัด ทุกคนก็ทำได้แค่รออย่างกระวนกระวาย
                “อย่าเครียดเลย ครามกับลูกต้องไม่เป็นอะไร” พ่อเลี้ยงตบบ่าผมให้กำลังใจ
                ผมพยักหน้า แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้เพราะฟ้าคลอดก่อนกำหนด หมอนัดผ่าคลอดในอีกสองเดือน แต่นี่มันเร็วเกินไป ผมรู้ว่าทุกคนต่างก็กังวลแต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง นั่นสิ ผมก็ต้องเข็มแข็ง ทั้งฟ้าทั้งลูกของผมจะต้องไม่เป็นอะไร
                แม่เดินมากุมมือผมแล้วบีบเบาๆ แต่มือแม่ก็สั่นเช่นกัน พวกเราพาฟ้ามาที่โรงพยาบาลตั้งแต่ตอนกลางวัน จนตอนนี้เย็นแล้ว ฟ้ายังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลย…
 
                “กลับเถอะ เพชร นายสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอนนี่” เสียงพ่อเลี้ยงเอ่ยบอกกับเพชรที่ยังคงนั่งซึม
                “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะอยู่รอคราม”
                “แต่ท่าทางนายอาการไม่ดีเลยนะ… งั้นให้หมอตรวจเลยดีกว่า”
                “มะ..ไม่เป็นอะไรสักหน่อย”
                “เพชรนายกลับบ้านไปก่อนเถอะ” ผมเอ่ยบอก
                “แต่ผมเป็นห่วงคราม” เพชรขมวดคิ้ว แต่ท่าทางอิดโรยของเขาก็ทำให้พ่อเลี้ยงตัดสินใจอุ้มคนดื้อขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด
                “คุณใหญ่!”
                “เลิกดื้อได้แล้วนะเพชร ถ้ายังไม่กลับบ้านฉันจะทำโทษจริงๆ ด้วย”
                “แต่…” เพชรหน้าสลดลงก่อนจะพยักหน้ารับเมื่อเจอสายตาดุๆ ของพ่อเลี้ยง
                “เฮ้อ… เอก ผมฝากครามด้วยนะ”
                “แน่นอนอยู่แล้ว ฟ้าเป็นเมียฉันนี่… จริงสิ แม่กลับไปพร้อมกับพ่อเลี้ยงเถอะครับ”
                “แต่แม่…”
                “ไปพักเถอะครับแม่ ผมเฝ้าฟ้าเอง”
                “เอางั้นเหรอ”
                “ครับ”
                “ฉันไปก่อนนะ เอาคนดื้อเข้านอนก่อน มีอะไรโทรมาบอกด้วย อย่าคิดมากล่ะ” พ่อเลี้ยงเอ่ยขณะที่เพชรทำท่าทางไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยอมโดยดี
                “อืม ขอบใจมาก”
                หลังจากทั้งสามคนกลับบ้านไป ผมก็ยังนั่งรอฟ้าด้วยความเป็นห่วง… มันเหมือนกับครั้งนั้นที่ผมอยู่หน้าห้องฉุกเฉินและทำได้แค่รอฟ้าอยู่แบบนี้…
                สักพักประตูก็เปิดออก ผมรีบลุกไปหาคุณหมอทันที
                “มะ..หมอครับ…”
                หมอถอดผ้าปิดปากออกแล้วยิ้ม “หมอผ่าคลอดสำเร็จแล้วนะครับ แม่และเด็กปลอดภัยครับ”
                ผมยิ้มกว้างทั้งน้ำตาอย่างตื้นตัน…
                “เป็นเด็กผู้ชายนะครับ แต่ต้องเข้าตู้อบและอยู่ที่โรงพยาบาลสักระยะหนึ่งเพื่อดูอาการ เพราะคลอดก่อนกำหนด”
                “ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ… ขอบคุณจริงๆ”
                หมอยิ้มแล้วเดินจากไป
                ผมทรุดนั่งลงอย่างโล่งใจ… นึกขึ้นได้จึงรีบโทรไปหาคนที่บ้านทันที
                สักพักพยาบาลก็พาฟ้าย้ายไปยังห้องพิเศษที่ผมทำเรื่องจองไว้ ผมยืนมองลูกชายของผมผ่านกระจกใส ลูกชายตัวน้อยของผมอยู่ในตู้อบ ผมมองดูแล้วยิ้ม ตัวเล็กนิดเดียวเอง แถมยังแดงไปทั้งตัวเลย ผมอยากยื่นนิ้วไปให้เขาจับจริงๆ อยากเข้าไปกอด แต่ก็ทำได้เพียงยืนมอง…
                “ลูกของพ่อ…”
                แล้วผมก็ตระหนัก ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูกของเราเลย
 
ooooOoooo
 
                เมื่อผมลืมตาตื่น สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของพี่หิน คุณแม่ พี่เพชร และพ่อเลี้ยงที่ยืนล้อมเตียงผมไว้
                “ฟ้า!”
                “พะ..พี่หิน” ผมนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บที่ท้อง
                “อย่าเพิ่งขยับสิ ลูกเพิ่งผ่าคลอดมานะ” แม่เอ่ยบอก
                “ผ่าคลอด? ลูก! ลูกล่ะครับ”
                “ปลอดภัยดี… ลูกของเราปลอดภัยดี”
                “ลูกของเรา…” จู่ๆ น้ำตาแห่งความยินดีมันก็ไหลออกมา ผมอยากเห็นหน้าลูกใจจะขาดแล้ว แต่ร่างกายของผมยังเจ็บจนลุกไม่ไหว
                “ดูนี่สิ” พี่หินยื่นโทรศัพท์ให้ผมดู ผมมองรูปของเด็กน้อยที่มีผิวแดงเรื่อ ตัวเล็กนิดเดียวอยู่ในตู้อบ
                “ลูกของเรา… ฮึก..ก…”
                “ใช่ ลูกของเรานะฟ้า”
                ผมมองลูกแล้วยิ้ม เจอกันสักทีนะ แม่รอหนูมานานจริงๆ
 
ooooOoooo
 
                สองปีต่อมา
                “พี่หิน เห็นลูกหรือเปล่า” ผมเอ่ยขณะถือเสื้อผ้าเด็กผู้ชาย เพราะเจ้าตัวดีที่พอทาแป้งให้เสร็จก็วิ่งหนีผมลงมาข้างล่างทันทีขณะที่ผมกำลังเลือกเสื้อผ้าให้
                “พี่เพิ่งกลับจากฟาร์มน่ะ หนีไปเล่นอีกแล้วเหรอ”
                “ครับ ดื้อจริงๆ เลย”
                “เดี๋ยวพี่ไปตามเอง คงจะไปเล่นกับหนูดีที่บ้านพ่อเลี้ยง”
                พี่หินกำลังจะเดินไปตาม แต่เจ้าตัวเล็กเดินกลับมาพร้อมกับแม่ดาวพอดี
                “น้ำเหนือ! หนีแม่อีกแล้วนะ”
                “ป๋มอยากเล่นกับพี่หนูดีนี่หน่า” น้ำเหนือเดินมาหาผมแต่โดยดีทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าสักชิ้น
                “พี่หนูดีไม่อยู่บ้าน จำไม่ได้เหรอฮึ” ผมอุ้มลูกขึ้นมา
                “ไปแต่งตัวกันได้แล้ว วันนี้เราจะไปกรุงเทพ ไปบ้านลุงเพชรกัน จำได้ไหม” น้ำเหนือพยักหน้าบอกว่าจำได้
                ผมอุ้มลูกขึ้นไปบนห้องเพื่อแต่งตัว ส่วนพี่หินก็เดินตามมาเพื่อเตรียมตัวเช่นกัน
                ตอนนี้พี่เพชร พ่อเลี้ยงและหนูดีได้ล่วงหน้าไปกรุงเทพก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะพี่หินยังจัดการธุระที่ฟาร์มไม่เสร็จ พวกเราจึงต้องตามไปวันนี้แทน
                “ป้อ ป๋มหล่อไหม” น้ำเหนือเท้าเอวหมุนให้พี่หินดู
                “หล่อสิ ลูกพ่อหล่อที่ซู้ดดดด” พูดแล้วพี่หินก็ดึงเจ้าตัวเล็กเข้ามาหอมแล้วอุ้มขึ้น
                “เสร็จหรือยังฟ้า”
                “เสร็จแล้วครับ” ผมหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่พอสมควร พี่หินเอื้อมมือมาจะถือให้
                “เดี๋ยวผมอุ้มน้ำเหนือเองครับ”
                “ไม่ต้องหรอกพี่อุ้มเอง ฟ้าตัวนิดเดียว อุ้มหมูอู๊ดๆ ไม่ไหวหรอก”
                “ป้ออ่า ป๋มไม่ได้อ้วนสักหน่อย”
                “เหรอฮึ นี่พ่อนึกว่าอุ้มหมูอยู่นะเนี่ย”
                “เชอะ งอนแล้วล่ะ” น้ำเหนือทำแก้มพองลมแต่ก็ถูกพี่หินหอมฟอดจนลมหมด
                “เอิ้กๆๆ ปะ..ป้อหนวดติ้มป๋มแล้วนะ”
                “ไปเถอะครับ เดี๋ยวจะถึงที่นั่นเย็นเกินไป”
                พวกเราเดินไปหน้าบ้านแล้วเตรียมของจำเป็นใส่รถ
                “ขับรถดีๆ นะเอก” แม่ดาวเอ่ยบอก
                “ครับ… พวกผมจะไปห้าวัน แม่อยู่ได้นะครับ” พี่หินเอ่ยถาม
                “อยู่ได้สิจ๊ะ งามก็อยู่ด้วย บ้านพ่อเลี้ยงก็ยังมีนวลอยู่ด้วยอีก แม่ไม่เหงาหรอก”
                “ป๋มไปแล้วนะคุณย่า หวัดดีฮับ”
                “จ้า รีบๆ กลับมาหาย่านะ”
                “ฮับป๋ม”
                ก่อนไป แม่ดาวก็อวยพรว่าให้เดินทางถึงโดยสวัสดิภาพ…
 
                พวกเราเดินทางไปกรุงเทพเพื่อไปบ้านของพี่เพชรและบ้านเกิดของผม ผมจากที่นั่นมานานมากแล้ว ตั้งแต่หนีมาก็ยังไม่เคยกลับไปอีกเลย ผมมองโกศที่บรรจุอัฐิของแม่ซึ่งตั้งอยู่หน้ารถ    ผมเอามาด้วยเพราะอยากพาแม่กลับบ้านพร้อมกัน… พวกลุงๆ ป้าๆ คงดีใจกันน่าดูเลย
                พวกเราไปถึงที่นั่นตอนเย็นๆ พอเห็นประตูรั้ว หัวใจผมก็เต้นโครมครามแล้ว นานมากจริงๆ ที่ไม่ได้มา พอขับไปถึงหน้าบ้านก็เห็นพี่เพชรและพ่อเลี้ยงยืนรออยู่ พวกป้าดา ป้าพร ลุงสงวน ลุงโชค พี่อาจ และอีกหลายคนก็ยืนอยู่เช่นกัน
                “คราม!”
                “ป้าดา ลุงสงวน ลุงโชค ทุกคน!” ทันทีที่ลงจากรถผมก็รีบเข้าไปกอดทุกคน คิดถึงทุกคนมากๆ เพราะทุกคนเปรียบเสมือนญาติของผมที่คอยเลี้ยงดูผมตั้งแต่ยังเด็ก
                ทุกคนรีบเข้ามากอดผมแล้วร้องไห้
                “ฮึก..ก… ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอครามอีกครั้ง”
                “ผมก็ดีใจครับที่ได้เจอทุกคน” ผมยิ้มทั้งน้ำตา “ผมพาแม่มาด้วยครับ” พอทุกคนเห็นโกศที่เก็บอัฐิของแม่ก็พากันร้องไห้ พร่ำบอกขอโทษที่ช่วยแม่ไม่ได้
                ผมเหลือบไปเห็นพี่ปรางซึ่งยืนมองอยู่ไกลๆ ท่าทางหวาดระแวงแปลกๆ
                “อย่าไปสนใจปรางมันเลยคราม มันเป็นบ้าไปแล้ว มันไปเป็นพวกคุณท่านน่ะ แล้ว             คุณท่านจะฆ่าปิดปากมันทิ้ง มันก็เลยหนีไปที่อื่น เพิ่งไปเจอมันเมื่อเดือนก่อนนี่เอง แต่มันก็เป็นบ้าไปแล้ว”
                ผมพยักหน้ามองพี่ปรางอย่างสงสาร
                “อ้าว แล้วผู้ชายตัวสูงๆ กับเด็กจ้ำม่ำน่ารักๆ คือใครล่ะ” ป้าดาเอ่ยถาม
                “นั่นสิ ลูกใครผิวขาวเชียว… อุ๊ย แต่คนเป็นพ่อหล่อจังเลย เอ… แต่คุ้นๆ นะ” ป้าพรพูดต่อ
                ผมยิ้มแล้วเดินไปบอกพี่หินที่อุ้มน้ำเหนือให้มาทักทายป้าๆ ลุงๆ
                “เอ่อ… นี่พี่หินสามีผมเองครับ แล้วนี่ลูกชายผมครับ ชื่อน้ำเหนือ”
                ทุกคนนิ่งค้าง “ยะ… อย่าบอกนะว่านี่คือคนที่อยู่ในกระท่อมคนนั้น!”
                “ใช่ครับ”
                ทุกคนฮือฮากันใหญ่
                “แต่นี่ลูกชายของครามจริงๆ เหรอ” ทุกคนมองน้ำเหนืออย่างเอ็นดู
                “อาจฟังดูแปลก แต่นี่คือลูกชายแท้ๆ ของผมครับ น้ำเหนือสวัสดีคุณยายคุณตาหรือยัง”
                “หวัดดีฮับป๋ม”
                เท่านั้นล่ะ ทุกคนก็รีบเอาใจน้ำเหนือกันใหญ่
                “เข้าบ้านกันได้แล้วนะคราม” พี่เพชรเอ่ยเรียก ผมมองหน้าพี่หินอย่างรู้ใจกัน
                “พวกเราอยากไปที่ที่หนึ่งก่อนน่ะครับ”
                พี่เพชรพยักหน้ารับ คงรู้ว่าพวกผมจะไปที่ไหนกัน
                …พวกเรามีที่ที่ต้องไปก่อน… พี่หินเป็นคนอุ้มน้ำเหนือไปยังสวนหลังบ้าน ส่วนผมก็เดินอยู่ข้างๆ สวนหลังบ้านไม่ได้รกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงเพราะพวกลุงๆ ป้าๆ ช่วยกันถางป่าจนโล่ง แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือกระท่อมหลังน้อยที่ทรุดโทรมและเงียบเหงา
                จู่ๆ น้ำตาผมมันก็เอ่อคลอด้วยความคิดถึง… คิดถึงความทรงจำที่มีมากมาย
                พี่หินจับมือผมแล้วบีบเบาๆ
                “อะไรเหรอครับป้อ บ้านเหรอ” น้ำเหนือถามแล้วซบบ่าพี่หินต่อ
                พี่หินยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “บ้านพ่อกับแม่ บ้านหลังแรกที่เราอยู่ด้วยกัน”
                น้ำเหนือทำหน้างง เขายังไม่เข้าใจ
                พี่หินหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือกุญแจดอกหนึ่ง
                ผมนิ่วหน้ามอง “นี่มัน… คงไม่ใช่…!”
                “ใช่ นี่คือกุญแจกระท่อม พี่เก็บไว้ตลอดเลย… ฟ้าจำเรื่องตู้เซฟได้ไหม ที่ต้องมีรหัสผ่านกับกุญแจถึงจะเปิดออก”
                “…ผมจำได้ครับ” ผมนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยังรู้สึกผิดตลอด
                “ถ้าพี่จะบอกว่ากุญแจกระท่อมกับกุญแจตู้เซฟคืออันเดียวกันล่ะ”
                ผมเบิกตากว้าง
                “วะ..ว่าไงนะครับ!”
                “น่าตลกว่าไหม…”
                ผมยังคงนิ่งค้างอย่างไม่อยากเชื่อ
                “เมื่อสิบปีก่อนตอนที่พี่มาบ้านหลังนี้ ภูมิยื่นกระดาษใบหนึ่งให้กับพี่ ในนั้นเขียนบอกเรื่องราวความจริงทั้งหมดไว้ รวมถึงกุญแจและรหัสผ่าน ภูมิให้น้าฝนแม่ของฟ้าเป็นคนเก็บ พอถูกจับขัง ภูมิก็เลยให้น้าฝนใช้กุญแจดอกนี้เป็นกุญแจใช้ไขกระท่อมด้วย โดยร่วมมือกับช่างทำกุญแจนิดหน่อยน่ะ”
                ผมได้แต่อึ้ง จุดใต้ตำตอจริงๆ
                “พี่ภูมินี่เจ้าเล่ห์จริงๆ เลยนะครับ จะหนีไปก็ได้แท้ๆ แต่กลับยอมให้ถูกขังอย่างทุกข์ทรมาน”  ผมเอ่ยถึงคนบนฟ้าที่ควรหนีไป แต่กลับยอมถูกขังทั้งเป็น
                “เพราะถ้าหนีไปทั้งน้าฝนและฟ้าจะเดือดร้อน ภูมิยอมถูกขังตายดีกว่าเห็นคนที่รักต้องลำบาก”
                ผมยิ้มเศร้ากับการเสียสละ ถ้าตอนนั้นมีคนช่วยเขา... ผมเข้าใจแม่ที่เป็นห่วงผมและไม่อยากอกตัญญู จึงไม่กล้าแจ้งตำรวจหรือบอกคนภายนอก แต่ว่ากว่าจะรู้ตัวพี่ภูมิก็จากไปแล้ว ทุกอย่างคงถูกโชคชะตากำหนดมาแบบนี้ ผมถึงได้มาเป็นคู่ของพี่หิน
                “แล้วรหัสผ่านล่ะครับ”
                พี่หินยิ้มแล้วพาน้ำเหนือซึ่งตอนนี้หลับฟุบกับบ่าไปแล้วเดินมาหยุดอยู่ที่แปลงผักที่เราเคยปลูกกันในอดีต ตอนนั้นพี่หินเฝ้ารอที่จะให้ผักโต แต่ก็ไม่ทัน พวกเราหนีกันไปก่อน
                “วันเดือนปีเกิดฟ้าไงล่ะ นั่นแหละคือรหัสผ่าน”
                “เอ๊ะ… วันเกิดผม?” จู่ๆ เสียงกระซิบของพี่ภูมิในอดีตก็แว่วมาตามสายลม พี่ภูมิเคยบอกผมว่า ‘...อย่าลืมนะน้องฟ้า’ ความทรงจำที่ขาดหาย ในที่สุดผมก็นึกออกแล้ว สิ่งที่พี่ภูมิบอกกับผมก็คือ วันเกิดของผมนั่นเอง
                “อืม… จะว่าไงดีล่ะ จะว่าพวกยัยคุณนายนั่นโง่ดีไหมนะ ถึงคิดว่าตู้เซฟนั่นมีเงินทองจำนวนมาก หรือเพราะว่าภูมิเจ้าเล่ห์เกินไปถึงไปร่วมมือกับทนายก่อนจะเกิดเรื่อง”
                “หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
                “ในตู้เซฟน่ะมีแต่ของที่เกี่ยวกับฟ้านะ ทั้งรูปถ่าย ของใช้ต่างๆ ที่ฟ้าทิ้ง ภูมิมันก็พวกโรคจิตดีๆ นี่แหละ มันคงไปหลอกพวกยัยคุณนายไว้ว่าในนั้นมีของมีค่า”
                ผมอึ้งค้างก่อนจะหัวเราะ ไม่ว่าจะคนที่อยู่หรือคนที่ตายก็ล้วนแต่บ้ากันทั้งนั้น
                พี่หินจับมือผมแล้วบีบเบาๆ “ฟ้า… จำเรื่องที่พี่ขอแต่งงานได้ไหม”
                “…จำได้สิครับ มีเฉพาะเรื่องนี้ที่ผมความจำดีเป็นพิเศษ นึกว่าพี่จะลืมไปแล้วซะอีก ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว” ผมพูดเป็นเชิงน้อยใจ
                “ใครว่าพี่ลืม แต่พี่อยากให้งานแต่งงานมีลูกของเราอยู่ด้วยต่างหาก” พี่หินมองน้ำเหนือที่นอนหลับซบบ่า
                “แต่งงานกับพี่นะ” เขาพูดแล้วทำท่าจะหยิบของในกระเป๋ากางเกงออกมา แต่ดูเหมือนจะหาไม่เจอ จึงก้มมองหาที่พื้นดิน
                “หาอะไรเหรอครับ”
                “คะ..คือ พี่ทำแหวนหาย… สงสัยหล่นในระ..” พี่หินเงยหน้ามองผม แต่ผมไม่รอช้ารีบคล้องคอเขามาจูบทันที แม้จูบของผมจะเป็นจูบแบบเด็กๆ แต่ผมก็อยากทำให้เขาตกใจบ้างโดยการแกล้งสอดลิ้นเข้าไปทักทายลิ้นของเขานิดๆ แล้วผละออก
                พี่หินอึ้งตามที่คิดจริงๆ เขายืนทำตาปริบๆ
                “จูบมัดจำก่อนก็แล้วกันครับ… หาแหวนเจอแล้วค่อยมาขอนะ”
                พี่หินยังยืนอึ้งก่อนที่หน้าจะแดงขึ้นเรื่อยๆ
                “ฟ้า! ทำพี่ของขึ้นเลยรู้ไหม”
                หมับ
                “ขึ้นห้องซะดีเลยๆ นะ” พี่หินจับมือผมเพื่อพากลับบ้านใหญ่ แต่จู่ๆ เราสองคนก็หยุดนิ่งแล้วหันกลับไปมองกระท่อม บ้านหลังแรกของพวกเราอีกครั้ง แล้วยิ้ม
                เราสองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็รู้ว่าความรู้สึกของเราตอนนี้เป็นอย่างไร วันวานที่ผ่านพ้นไปอย่างสาหัสแปรเปลี่ยนเป็นความรักจนถึงทุกวันนี้…
                วันใดที่เราทุกข์ เราจะนึกถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่ได้ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกันมา มันจะเป็นยาวิเศษที่คอยเยียวยาความทุกข์ของเราสองคนว่า วันวานที่ผ่านมานั้นเจ็บช้ำมากกว่าปัจจุบันมากแค่ไหน…
                “พี่หิน”
                “หืม…”
                “ฟ้ารักพี่นะ”
                “พี่ก็รักฟ้า”
                เราสองคนยิ้มให้กันก่อนที่พี่หินจะค่อยๆ โน้มใบหน้าและก้มลงจูบผมอย่างแผ่วเบา
 
 
ooooooooooOoooooooooo
 
 
 

 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบเเล้ว T^T ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามนะคะ 

มีเป็นหนังสือเเล้วนะคะ สนใจสั่งซื้อที่เว็บ สำนักพิมพ์ WHY BOOKS  Publishing >>>http://www.whybooksth.com/product/11177/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2-

**งานหนังสือมีฝากขายที่บูธเบเกอรี่นะคะ








**ตอนพิเศษในหนังสือ

ตอนพิเศษมีทั้งหมด 8 (อีกตอนเเถมนิดๆ)
 

1.ขาดความอบอุ่น (พ่อเลี้ยงxเพชร)
2.สมาชิกใหม่
3.พี่น้อง
4.หึง (พ่อเลี้ยงxเพชร)
5.พ่อบ้านปะทะแก๊งลูกหมูจอมดื้อ
6.เที่ยวทะเล
7.แฟนเก่า
8.ยามลูกเราโต
(เเถมนิดๆ) 9.ตอนพิเศษแถมท้าย-ด้ายแดงของภูมิ
 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2016 20:23:51 โดย Tastsu »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ]
« ตอบ #279 เมื่อ: 22-10-2016 20:17:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จบแล้วววว ในที่สุดทุกคนก็มีความสุขสักที
ขอบคุณไรท์มากเลยนะคะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
อ่านจนตาแฉะเลยทีเดียว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว~ ดีใจที่จบแบบแฮปปี้ ^^

ออฟไลน์ AngPao1932

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ่านจนจบ ถึงจบแฮปปี้ แต่ก็เค้องหินอยู่ดีนะไหนว่ารักทำเกินไปหรือป่าว  :fire:

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กว่าจะแฮปปี้ นึกว่าจะบ้าทั้งเรื่องซะแล้วว

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เราคิดว่า ตอนจบหินจะได้สมบัติ ภูมิซะอีก กับได้สมบัติพ่อเลี้ยงซะงั้น เห็นถือกุญแจกับรหัสตู้เซฟ  :katai5:

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Aunttk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากอ่านตอนพิเศษที่มีเด็กๆเพิ่มจังเลยย  คิดแล้วน่ารักน่าดู อร้ายย  :impress2:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ในที่สุดก็สมหวัง^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ

เป็นไปได้อยากอ่านตอนพิเศษเหมือนกัน

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สนุกมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ ^^

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ในที่สุดฟ้าก็มีความสุข

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ nuch-p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :mew1: :mew1: :mew1:

ชอบมากเลยยยยยย

นักเขียนเก่งมากกกกค่า

 o13 o13 o13 o13 o13 :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ Dark_Evil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากเลยค่ะ ยิ้ม ลุ้น น้ำตาก็มา ยังมีวางจำหน่ายมั้ยคะกับหนังสือ

ออฟไลน์ monkeytwin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากกกกกก ลุ้นทุกตอน

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
สนุกมากเลยค่ะ ยิ้ม ลุ้น น้ำตาก็มา ยังมีวางจำหน่ายมั้ยคะกับหนังสือ

ยังมีค่า :mew1:

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
สนุกมากเลย เรื่องชวนให้ติดตามมีปมแบบเดาไม่ออก ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ สนุกๆให้อ่านค่ะ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ Mitnai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากค่ะ สลับซับซ้อนมากๆ555555
ตอนพิเศษน่าอ่านทุกตอนเลยฮือออ เดี๋ยวจะแวะไปอุดหนุนนะคะ
ขอบคุณค่ะ ♥

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด