ตอนที่ 18
“พะ พอแล้วครับ อื้อ รักไม่มีแรงแล้ว”
เสียงเอ่ยอย่างแหบแห้งดังขึ้นด้วยเพราะตั้งแต่กลับมาคนตัวโตก็เอาแต่ตักตวงความหอมหวานจากร่างกายจนไม่แม้แต่จะยอมพักซักวินาที กานต์รักนอนอยู่ใต้ร่างหนาอย่างหมดแรงในขณะที่อีกคนนั้นยังคงคลอเคลียไม่ห่างกาย
“ไม่เห็นต้องออกแรง เดี๋ยวฉันทำเอง”
“ไม่เหนื่อยเลยเหรอครับ”
ขนาดแค่นอนอยู่เฉยๆกานต์รักยังรู้สึกเหมือนพลังงานในร่างหมดจนแทบไร้เรี่ยวแรง อีกคนเป็นคนกระทำออกแรงทุกอย่างแต่กลับดูกระปี้กระเปร่าไม่เหนื่อยซักนิด
“ไม่”
“แต่รักเหนื่อย พอก่อนนะครับ...นะ”
เป็นเวลาสี่ทุ่มเข้าไปแล้วแต่กลับยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ทั้งหิวและเหนื่อยไปพร้อมๆกันจนตาโตช้อนมองคนด้านบนอย่างออดอ้อน
“อ้อนขนาดนี้ฉันจะรังแกนายต่อก็คงจะดูใจร้ายเกินไปสินะ”
แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ริมฝีปากร้อนก็ยังคงแนบชิดแก้มเนียนและปากเล็กไม่ห่าง กานต์รักไม่ปฏิเสธว่าชอบสัมผัสนี้จึงไม่เอ่ยห้ามแถมยังขยับซุกกายเข้าหามากขึ้นกว่าเดิม
“รักหิว”
“หึ งั้นก็ไปอาบน้ำรอ เดี๋ยวฉันโทรสั่งอาหารให้”
จุ๊บ
“อ๊ะ” แพทริกกดจูบลงบนหน้าผากเนียนหนึ่งทีก่อนจะค่อยๆผละออกให้กานต์รักต้องหลุดเสียงเมื่ออีกฝ่ายถอดถอนร่างกายออกไปจนเกิดความรู้สึกวูบวาบ ท่อนแขนแข็งแรงช้อนอุ้มร่างกายเปลือยเปลาเข้าสู่อ้อมกอดก่อนจะก้าวเท้าไปทางห้องน้ำแล้ววางกานต์รักลงในอ่าง หันไปเปิดน้ำอุ่นให้เช่นเคย
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“หิวขนาดนั้นเลยหรือไง”
ข้อนิ้วแกร่งยกขึ้นมาเช็ดมุมปากที่เลอะเศษอาหารให้คนที่ตักทุกอย่างเข้าปากอย่างหิวโหย ยำหมูยอหมดไปเป็นอย่างแรกก่อนที่กานต์รักจะหันไปทานอย่างอื่นต่อราวกับอดอยาก แพทริกได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆกับท่าทางเหมือนเด็กของคนรักตัวเอง
“หิวมากครับ รักได้ทานแค่ข้าวเที่ยงเอง”
คงไม่ต้องให้พูดว่าเหตุใดจึงไม่ได้ทานข้าวเย็น เพราะทันทีที่ก้าวเท้าเข้าห้องมาก็โดนร่างสูงจู่โจมตั้งแต่หน้าประตู หากไม่ร้องขอแล้วก็ไม่รู้เลยว่าจะได้พักตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ร่างกายเล็กเหนื่อยอ่อนจนรับไม่ไหวแพทริกจึงจะยอมหยุด
“ควรจะกินข้าวก่อนมาหาฉันทุกครั้ง”
เพราะอาจจะไม่ได้กินอีกเลยเช่นวันนี้...
กานต์รักได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกับใบหน้าที่แดงซ่านอย่างเข้าใจความหมาย
ตลอดมื้ออาหารแพทริกไม่ได้ทานมากนักเพราะมัวแต่มองคนหิวอย่างเพลิดเพลิน แก้มเล็กป่องยื่นออกมายามมีอาหารอยู่ในนั้นยิ่งขลับให้กานต์รักดูน่ารักในสายตา
อืม เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองนั้นเป็นพวกหลงเมียขั้นรุนแรง “รักกำลังจะคิดเมนูใหม่ที่ร้าน เดี๋ยวจะเอามาให้คุณแพทลองทานนะครับ”
หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาของของหวาน กานต์รักกำลังตักเค้กช็อกโกแลตเข้าปากพร้อมกับเอ่ยพูดถึงเรื่องที่นึกขึ้นมาได้
“แค่นี้ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นเพราะขนมของนายแล้ว”
แพทริกกลายเป็นคนติดขนมอย่างเต็มตัว นั่นทำให้เขาเคยชินและต้องออกกกำลังกายมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเพื่อเผาผลาญมันออกให้หมด
“คุณแพทไม่เห็นอ้วนเลยครับ”
กานต์รักแทบไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ทุกส่วนในร่างกายหนายังคงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจากการสัมผัสกัน เป็นกานต์รักเสียอีกที่ยังรู้สึกมีไขมันมากกว่าด้วยเพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบออกกำลังกายนัก
“คงเพราะฉันออกกำลังกายกับนายบ่อย”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียบหากแต่สายตาคมกลับประกายวาววับจนคนฟังต้องเสก้มลงตักเค้กเข้าปาก ไม่คุยต่อไปมากกว่านั้นเพราะกลัวว่าจะเข้าตัวจนเขินอายหนักยิ่งกว่าเดิม
แพทริกทอดสายตามองใบหน้าหวานที่แดงเรื่ออย่างเอ็นดู ชินเสียแล้วกับความขี้อายนี้
“เข้านอนก่อนได้เลย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปส่งที่ร้านแต่เช้า”
อู้งานมาใช้เวลากับกานต์รักไปมากแล้วจึงถึงเวลาที่ต้องทำงานเสียที เอกสารมากมายกองใหญ่ที่แพทริกต้องดูคาดว่าคืนนี้คงไม่ได้นอนจึงเอ่ยปากบอกอีกคนไป
“คุณแพทงานเยอะมากเลยเหรอครับ”
เอ่ยถามเสียงอ่อย อดยอมรับไม่ได้ว่าอยากให้แพทริกนอนเคียงข้างกันหลังจากที่ห่างหายไปหลายวัน ยามไร้ร่างสูงแล้วเตียงนอนนั้นราวกับดูกว้างขึ้นจนแทบนอนไม่หลับ
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นคุณแพทไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวรักจะเข้าไปแปรงฟันแล้วก็นอนเลย” เค้กตรงหน้าหมดลงพอดี กานต์รักเอ่ยบอกพร้อมด้วยรอยยิ้มเข้าใจ
“กานต์รัก”
“ครับ?”
“ถ้าฉันเคลียร์งานเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกัน”
แพทริกเอ่ยออกมากลางคันจนคนฟังนิ่งงัน ไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเพราะคิดเสมอว่าอีกฝ่ายมีงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบ
“คุณแพทจะว่างเหรอครับ” เสียงเล็กเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นไว้ได้
“ก็พอจะมีเวลาซักสามสี่วัน”
“จริงเหรอครับ งั้น...ไปทะเลกันได้ไหมครับ” เพียงแค่พูดถึงดวงตาโตก็ทอประกายวาววับ
“ตามใจนาย แต่ว่าตอนนี้เข้าไปแปรงฟันนอนได้แล้ว ฉันจะไปทำงานก่อน”
ราวกับกำลังพูดกับเด็กที่พึ่งกินขนมเสร็จ แพทริกมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาอ่อนโยน
“ครับ”
รับคำอย่างร่าเริง กานต์รักขยับตัวลุกขึ้นหยิบจานไปวางไว้บนอ่างเพื่อรอล้าง ยามหันกลับมาหาคนที่ลุกยืนแล้วจึงแย้มยิ้มหวานให้คนมองได้วูบไหว ในจังหวะที่กำลังจะเดินผ่านร่างสูงไปในหัวก็คิดอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน
กานต์รักถอยกลับมาอีกครั้งก่อนจะรีบเขย่งตัวหอมแก้มสากเร็วๆ
“สู้ๆนะครับ” พูดจบก็วิ่งปราดเข้าห้องนอนด้วยความรวดเร็ว ความร้อนลามไล้จนใบหน้าแทบระเบิด
ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาความคิดนี้มาจากไหนในชั่ววินาทีถึงตัดสินใจทำอย่างนั้นไป กานต์รักได้แต่พิงตัวเข้ากับหลังประตูพร้อมกับทรุดตัวลงกุมหัวใจตัวเองเอาไว้แน่นขณะที่แพทริกได้แต่มองตามหลังเล็กที่หายลับไป
มากกว่าหอมแก้มก็เคยทำมาแล้วทว่าสัมผัสน่ารักจากกานต์รักกลับทำให้หัวใจพองโตราวกับเป็นเด็กหนุ่ม ใบหน้าคมส่ายสะบัดเล็กน้อยอย่างเอือมระอากับตัวเองก่อนจะรีบเดินออกจากห้องลงไปอีกชั้นเพื่อเคลียร์งานให้เสร็จ
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“คุณแพทครับ เราไปที่นี่กันดีไหมไม่ไกลกรุงเทพด้วย...เอ หรือว่าจะไปที่นี่ดี” คนตัวเล็กเอ่ยพึมพำถามแต่ความจริงแล้วดูเหมือนว่าจะคุยกับตัวเองเสียมากกว่า
ตั้งแต่วันที่แพทริกพูดถึงเรื่องเที่ยวกานต์รักก็นั่งหาข้อมูลเสมอเมื่อยามมีเวลาว่าง ร่างสูงพึ่งจะกลับมาจากสนามบินจากการไปส่งพ่อแม่ของกานต์รักก่อนจะขโมยคนตัวเล็กจากพี่ชายมา งานของเขาลดลงบ้างแล้วจึงว่างพอที่จะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
“เลือกที่ที่นายอยากไปก็พอ”
วงแขนโอบกระชับเอวเล็กเอาไว้ มือใหญ่ตบเบาๆเป็นจังหวะพลางจ้องมองหน้าจอไอแพดที่ถูกกดเข้าออกเพจท่องเที่ยวหลายหน้า
“รักอยากไปหลายที่เลย” ตอบอย่างยุ่งยากใจ ยิ่งอีกคนบอกว่าไปที่ไหนก็ได้กานต์รักยิ่งเลือกไม่ถูก
“งั้นก็ค่อยๆเลือก”
“อืม...งั้นเดี๋ยวรักค่อยเลือกต่อพรุ่งนี้ดีกว่าครับ”
คนในอ้อมแขนผละออกไปเพื่อวางไอแพดลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง ไม่นานนักก็กลับมานอนในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ใบหน้าเล็กวางคางลงบนอกแกร่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่อิงแอบกันอยู่
“พรุ่งนี้รักว่าจะไปซื้อของเตรียมตัวไปเที่ยว”
พูดพร้อมกับยิ้มกว้างจนแพทริกอดยกยิ้มตามไม่ได้เมื่อเห็นประกายแห่งความสุขจากดวงตาคู่สวยอย่างชัดเจน
“อืม งั้นเลิกงานเดี๋ยวฉันไปรับ”
“คุณแพทจะพารักไปเหรอครับ”
ที่บอกเพื่อแค่ให้อีกคนรับรู้ กานต์รักไม่ได้เอ่ยเพื่อให้จะพาไปเลยซักนิดเพราะรู้ว่าแพทริกนั้นยุ่งมากแค่ไหน
“แล้วคิดว่าฉันจะให้ไปคนเดียวหรือไง”
“รักไปคนเดียวได้ไม่เป็นไรเลยครับ”
“แต่ฉันให้นายไปคนเดียวไม่ได้”
แพทริกทั้งหวงและเป็นห่วง “...ถ้าคุณมีเวลา เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
ในเมื่อดูท่าแล้วยังไงคนตัวโตก็ไม่ยอมกานต์รักจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง ยิ่งแพทริกไปด้วยยิ่งดีใจแต่แค่กลัวว่าอีกฝ่ายจะงานยุ่งก็เท่านั้น
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยและไม่มีเรื่องอะไรจะคุยมากกว่านั้นจึงได้เวลาที่แพทริกรอคอย กานต์รักไม่ได้สนใจเรื่องเที่ยวอีกทำได้เพียงนอนหมดแรงเมื่อเอาโดนเปรียบไปสองรอบติด ร่างกายอ่อนระโหยกระทั่งหลับไปในอ้อมกอดของอีกคน
เย็นวันต่อมาทันทีที่เลิกงานรถยนต์คันหรูก็มารอรับ กานต์รักเอ่ยฝากร้านไว้กับผู้เป็นพี่แม้ว่าจะโดนแซวก่อนจะเดินขึ้นรถมาหาคนที่รออยู่
“ฉันขออ่านเอกสารก่อน ไม่นาน”
ยามรถเคลื่อนที่ออกร่างสูงก็หันมาพูด กานต์รักรับคำอย่างไม่ว่าอะไรและกำลังจะเขยิบตัวไปชิดกระจกอีกฝั่งเพื่อดูวิวข้างทางและเป็นการปล่อยให้แพทริกมีเวลากับงานของตัวเอง
ทว่าเพียงแค่ขยับไปเล็กน้อยเท่านั้นเอวเล็กก็ถูกรั้งเข้าหาด้วยท่อนแขนแข็งแรง
“ไม่ต้องขยับไปไหน”
เสียงทุ้มเอ่ยทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากเอกสารแม้แต่เสี้ยววินาที กานต์รักจึงจำต้องนั่งนิ่ง ทำตัวไม่รบกวนแต่สายตาก็ยังสอดส่องออกนอกรถอย่างสนใจ
เขาชอบมองวิวข้างทาง มองรถที่แล่นอยู่ข้างๆหรือฝั่งตรงข้าม ทุกอย่างนั้นดูเพลินตา
ร่างเล็กเริ่มเอียงซบเข้าหา มือหนายังคงวางอยู่บนหน้าท้องแบนราบ ตาโตมองนู้นนี่นั่นอย่างสนใจขณะที่ก็ขยับพิงอีกคนอย่างไม่รู้ตัว
แพทริกอ่านเอกสารจนเสร็จเรียบร้อยก่อนมืออีกข้างจะวางมันลงข้างตัว หลังจากนั้นสายตาคมจึงเบือนไปยังเสี้ยวหน้าหวานของคนในอ้อมแขน
“สนใจอะไรอยู่” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเหนือหัวดึงรั้งให้คนเด็กกว่าหันกลับมามองในที่สุด
“รักมองวิวข้างนอก คุณแพททำงานเสร็จแล้วหรือครับ”
ใบหน้าหวานพร้อมด้วยรอยยิ้มละมุนทำให้คนที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง กานต์รักราวกับเป็นแหล่งเติมพลังงานชั้นดีอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะหาได้จากใครที่ไหน
“อืม ฉันจองร้านอาหารเอาไว้ ซื้อของเสร็จแล้วไปทานข้าวกัน”
นานแล้วที่ไม่ได้มีเวลาออกมาข้างนอกอย่างนี้ ส่วนมากเขาและกานต์รักจะทานอาหารด้วยกันอยู่ห้องเสียมากกว่า ไม่ใช่ว่านั่นไม่ดี ที่ไหนมีคนตัวเล็กอยู่ก็น่าพึงพอใจทั้งนั้น แต่ไหนๆวันนี้ก็มีโอกาสแล้ว
“จริงเหรอครับ” เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น มองใบหน้าคมพร้อมด้วยสายตาเป็นประกาย
“ฉันจะโกหกทำไม”
“คุณแพทใจดีที่สุดเลย”
ท่าทางดีใจกับคำพูดที่ดูไม่เข้ากับคนฟังเลยซักนิดทำเอาแพทริกรู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอดไม่ได้ที่จะกดจูบลงไปบนแก้มนุ่มเร็วๆหนึ่งที
“คุณแพท!”
เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปยังบอร์ดี้การ์ดที่นั่งอยู่ด้านหน้า แซมและโจเซฟทำเป็นสนใจกับถนนและรถตรงหน้าเพื่อไม่ให้ร่างเล็กต้องอายอย่างรู้งาน แม้ไม่รู้ว่ากานต์รักโดนทำอะไรเพราะไม่มีสิทธิ์มองเรื่องของเจ้านายแต่ก็พอรู้ว่าไม่พ้นคงโดนแพทริกฉวยโอกาสเป็นแน่
“ทำไม หอมแก้มเมียตัวเองมันผิดตรงไหน”
ใบหน้าคมเอ่ยออกมาหน้าตายแต่คนฟังกลับหน้าแดงซ่าน กานต์รักมองคนพูดอย่างขัดเขินก่อนจะก้มหน้าลงเมื่อไม่อาจทนสบตา
ดวงตาสีเทาอมฟ้านั้นทำให้ใจแทบละลายไปหมด ยิ่งคำว่าเมียยิ่งทำให้หัวใจสั่นไหว
แพทริกมองคนรักอย่างเอ็นดู ต่อจากนั้นไม่มีอะไรให้ต้องขัดเขินมากไปกว่าเดิมแต่มือใหญ่และท่อนแขนแข็งแรงก็ยังคงไม่ได้ผละออก กลิ่นกายหอมอบอวลกรุ่นติดปลายจมูกให้ความใกล้ชิดเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล
รถคันหรูเคลื่อนเข้ามาสู่บริเวณห้างสรรพสินค้า กานต์รักจึงได้ขยับตัวผละออกนั่งตรง ขณะที่ร่างสูงนั้นก็ขยับตัวปลดเนกไทเพราะยังคงอยู่ในชุดทำงาน แต่แล้วมือบางก็ทำหน้าที่นั้นเสียก่อน
กานต์รักปลดเนกไทเส้นสวยให้คลายออกก่อนจะรั้งจากลำคอหนา ต่อมาจึงเลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตราคาแพงลงสองเม็ดเพื่อคลายความอึดอัดให้เจ้าของ แพทริกทำเพียงแค่นั่งมองการกระทำที่ทำให้รู้สึกอุ่นในอกนั้นเงียบๆ
อยากจะดึงคนตัวเล็กเข้ามาจูบหนักๆหากแต่รถกลับจอดสนิทพอดีเมื่อถึงที่หมาย
พอลงจากรถได้กานต์รักก็มุ่งไปยังโซนเสื้อผ้าก่อนเป็นอันดับแรก แต่แล้วเมื่อเห็นร้านที่ต้องเดินเข้าร่างสูงกลับหยุดชะงัก
“ไม่ให้ซื้อ” แพทริกพูดขึ้นทันทีทั้งที่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเข้าไปในร้านเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมล่ะครับ รักอยากได้กางเกงว่ายน้ำไปทะเล”
เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะไม่ได้ไปทะเลนานแล้วจึงอยากได้กางเกงว่ายน้ำซักสองสามตัว กานต์รักชอบทะเล ชอบเล่นน้ำเพราะฉะนั้นสิ่งนี้คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการซื้อของในวันนี้
หากแต่อีกคนกลับหน้าบึ้งฉับพลัน หยุดนิ่งไม่ยอมเดินเข้าไปข้างใน
“ไม่ให้ใส่” เสียงทุ้มเอ่ยเข้มขึ้น มองคนข้างตัวด้วยสายตาเรียบนิ่ง
ให้ตาย แค่คิดว่ากานต์รักจะใส่กางเกงว่ายน้ำแนบเนื้อตัวเล็กเดินลงทะเลให้ใครต่อใครได้เห็นใจมันก็แทบทนไม่ไหว เขาไม่มีทางยอมแน่!
“ทำไมล่ะครับ” คราวนี้คนตัวเล็กเอ่ยออกมาเสียงอ่อย ไม่รู้ว่าอีกคนนั้นไม่พอใจเรื่องอะไร
“นายคิดว่าฉันจะยอมให้เมียตัวเองใส่อะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นหรือยังไง”
ฉ่า
กานต์รักเข้าใจได้ในทันทีและความร้อนก็ลามแล่นทั่วทั้งใบหน้าและลำคอยามได้ยินเสียงเข้มเอ่ยออกมา ลืมนึกไปว่าแพทริกนั้นขี้หวงแค่ไหน
“ระ รักไม่ได้ใส่ให้คนอื่นดูซักหน่อยครับ รักจะใส่เสื้อด้วย ไม่ได้ใส่แต่กางเกงว่ายน้ำแบบที่คุณแพทคิด” กานต์รักเองก็ไม่ได้ใจกล้าและมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น
คำตอบที่ทำให้ร่างสูงนิ่งไปชั่วขณะอย่างชั่งน้ำหนักความคิด รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
“ห้ามซื้อเหนือเข่า...หรือจะซื้อแบบขายาวหรือคลุมทั้งแขนและขาเลยก็ดี”
ขากานต์รักขาวราวกับขาผู้หญิง นี่ก็จะให้คนอื่นเห็นไม่ได้
“แบบนั้นรักอึดอัดครับแต่สัญญาว่าไม่เหนือเข่าแน่นอน”
พนักงานเริ่มเมียงมองมาอย่างไม่แน่ใจว่าทั้งสองคนจะเข้าหรือไม่เข้าจนดวงตาโตนั้นหันมาสบอย่างออดอ้อน สุดท้ายแล้วแพทริกจึงยอมเดินเข้าไปให้ใบหน้าหวานระบายยิ้มบางอย่างโล่งอก
“ไม่เอาตัวนี้”
“เล็กไป”
“เอาเนื้อผ้าแบบอื่น”
“สีอื่น”
“ยาวกว่านี้”
หลากหลายคำพูดที่ออกจากปากของคนตัวสูงเล่นเอากว่ากานต์รักจะได้กางเกงว่ายน้ำแต่ละตัวนั้นต้องใช้เวลานานโข พนักงานมองมาอย่างหวาดหวั่นยามหยิบตัวที่ไม่สมควรหยิบมานำเสนอ กระทั่งต้องเป็นกานต์รักเองที่พูดคุยกับแพทริกได้เพียงคนเดียว
แต่พอเป็นกางเกงว่ายน้ำของแพทริกแล้วกานต์รักกลับไม่มีขัดอะไรปล่อยให้ร่างสูงเลือกได้ตามใจ กว่าจะออกจากร้านได้แพทริกก็เกือบพังร้านไปหลายรอบ
“คุณแพท ไม่หน้าบึ้งสิครับ”
ทันทีที่ออกจากร้านมากานต์รักก็รีบเข้าไปง้ออีกฝ่ายทันที ราวกับว่าแพทริกนั้นกำลังกรุ่นๆอยู่ในอกนั่นคือสิ่งที่สัมผัสได้ สายตาคมมองมาก่อนที่คนตัวโตจะถอนหายใจ
นี่ขนาดยังไม่ได้ไปทะเลแพทริกยังหัวร้อนขนาดนี้
“จับนายขังไว้ในห้องซะเลยดีไหม”
รู้ตัวว่าตัวเองนั้นหวงกานต์รักมากจนเกินไป แต่แพทริกคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร หากไม่ให้หวงคนรักแล้วจะให้หวงใครกัน ไม่รักก็คงไม่ต้องหวงขนาดนี้
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ทำให้อาการนั้นรุนแรงกว่าใครอื่น แพทริกไม่คิดเลยว่าเขาจะหวงใครซักคนได้มากมายขนาดนี้
“ไม่มีใครสนใจรักขนาดนั้นหรอกนะครับ”
แน่นอนว่ามันย่อมเป็นความรู้สึกที่ดีเมื่อถูกคนรักหวง หากแต่กานต์รักก็อยากให้อีกคนสบายใจได้ว่าเขาไม่ใช่คนเสน่ห์แรงจนจะมีคนเข้าหาตลอดเวลา
คนขี้หวงไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะคิดว่าคนพูดคงไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยซักอย่าง ทำเพียงกระชับมือเล็กแล้วเอ่ยถามว่าจะไปโซนไหนต่ออย่างเปลี่ยนเรื่อง
ภาพนักธุรกิจหนุ่มที่เดินกุมมือคนตัวเล็กพร้อมด้วยบอร์ดี้การ์ดสองคนที่เดิมตามห่างๆเรียกความสนใจจากคนทั้งห้างได้เป็นอย่างดี หากแต่คนไม่ใส่ใจยังคงเดินซื้อของด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน
“คุณแพทชอบไหมครับ”
มือบางหยิบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าลายน้ำทะเลขึ้นมาให้คนร่างสูงดูพร้อมกับหันมาถามด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้กานต์รักซื้อของสำหรับเตรียมไปทะเลจนครบแล้วเหลือเพียงแค่เดินช็อปปิ้งเผื่อมีของที่ถูกใจเท่านั้น
“เอาไปสองตัว ของฉันและนาย”
แพทริกเอ่ยตอบให้อีกคนพยักหน้ารับ กานต์รักซื้อของจนพอใจก่อนที่ทั้งสองจะไปยังร้านอาหารที่จองเอาไว้ต่อ
ร้านอาหารบรรยากาศโรแมนติกบนดาดฟ้าของโรงแรมสูงทำให้สามารถมองเห็นวิวทั่วกรุงเทพได้ทั้งหมด กานต์รักกวาดตามองรอบๆอย่างชื่นชอบ สายลมปะทะแรงเสียจนเส้นผมสวยปลิวไสว
“ชอบไหม?”
“ชอบมากเลยครับ” ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างลงตัวจนกานต์แทบไม่สนใจอาหารตรงหน้าเลยซักนิด
“คิดได้หรือยังว่าจะไปที่ไหน”
แพทริกถามขึ้นมาเมื่อของทุกอย่างถูกเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย เหลือเพียงแค่สถานที่เท่านั้นที่คนตัวเล็กยังเลือกไม่ได้เสียที
“เลือกได้แล้วครับ วันนี้พอว่างรักก็ดูทั้งวันเลย”
พูดออกมาติดตลก กานต์รักรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนมาก่อน พอว่างเป็นอันต้องเสิร์ชหาข้อมูลอยู่ตลอดจนสุดท้ายก็ตัดสินใจได้
“งั้นกลับไปค่อยคุยกัน ฉันจะได้ให้คนจัดการเรื่องที่พัก”
“ครับ” รอยยิ้มหวานแย้มยิ้มจนคนมองไม่อาจละสายตา ดวงตาคมมองความสดใสนั้นแล้วได้แต่ยกยิ้มมุมปาก
กานต์รักดูมีชีวิตชีวาขึ้น เป็นธรรมชาติและตัวของตัวเองได้มากขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงตามใจเขามากอยู่ดี ร่างเล็กไม่เคยขัดไม่ว่าจะสั่งห้ามหรือต้องการให้ทำอะไร นั่นคือสิ่งที่ทำให้แพทริกสบายใจ
ทั้งสองคนนั่งทานข้าวไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน ซึมซับบรรยากาศรอบข้างด้วยหัวใจเดียวกัน มีเสียงดนตรีหวานบรรเลงคลอเบาๆ พูดคุยกันในหลายเรื่องพร้อมด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขที่เกิดขึ้นตลอดมื้ออาหาร
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋